Special (ครบ200%)
รบกวนอ่านตั้งแต่ตรงนี้ไปเพราะมีการแก้เนื้อหาค่ะ
“เดี๋ยวนะ เรื่องที่มึงมาหาหมอนี่พี่หินไม่รู้?” เสียงของเพื่อนสนิทดังขึ้นเมื่อแฟนเอ่ยปากบอกว่าการมาโรงพยาบาลครั้งนี้อีกคนยังไม่รู้
วันต่อมาหลังจากเลิกงานและนัดหมอได้ คนที่รับรู้ถึงอาการผิดปกติของตัวเองดีก็รีบมาตรวจโดยไม่ได้บอกหิน
“อืม”
“ทำไมวะ” เสียงนัทถามขึ้นด้วยความแปลกใจไม่แพ้กัน
“แฟนมึงมาหาจิตแพทย์นี่มันไม่แปลกเหรอ!”
ริมฝีปากบางถูกขบกัดด้วยฟันซี่ขาวเนื่องจากความหนักอึ้งในอก ขณะดวงตาจับจ้องมองป้ายหน้าห้องของหมอซึ่งระบุสายทางการแพทย์อย่างชัดเจนว่าเป็นจิตแพทย์
อาการอารมณ์สวิงขึ้นลงรุนแรง ร่างกายอ่อนเพลีย...จะเป็นอะไรไปได้นอกจากไบโพลาร์
เขาไม่อยากให้หินรู้ว่าแฟนตัวเองกำลังมีอาการป่วยทางจิต
“มึง สมัยนี้คนเราสามารถมาพบจิตแพทย์ได้เป็นเรื่องปกติ มันไม่ได้หมายความว่ามึงเป็นบ้า บางทีอาจเพราะเรามีเรื่องเครียดแล้วไม่รู้จะจัดการยังไง หมอเฉพาะด้านเขาจะช่วยมึงได้ดีกว่า”
บีอธิบายให้เพื่อนฟังโดยไม่ได้รู้สึกแปลกหรือผิดปกติกับการพาเพื่อนมาพบจิตแพทย์เลยแม้แต่น้อย
น่าแปลกตรงไหน เขายังเคยมา
“กูก็ยังไม่อยากให้มันรู้อยู่ดี...”
“เอ่า อะๆ ไม่อยากให้รู้ก็ไม่รู้ เอาไว้ไปพบหมอแล้วเขาว่าไงมึงก็ค่อยบอกแล้วกัน พี่หินคงเป็นห่วง”
“อืม”
แฟนรับคำเสียงแผ่ว ความรู้สึกว้าวุ่นไหลวนไปทั่วร่าง สมองจินตนาการถึงคำที่หมอจะบอกว่าตัวเองป่วยทางจิตหรือไม่ กระทั่งเสียงเรียกชื่อจากพยาบาลดังขึ้นทุกความคิดจึงถูกหยุดเอาไว้เพียงเท่านั้น ลมหายใจหนักอึ้งถูกสูดเข้าปอดลึก
“พวกกูจะรออยู่ตรงนี้”
“ทำใจให้สบาย”
แฟนยิ้มรับกำลังใจจากเพื่อนทั้งสองที่ไม่เคยทิ้งให้เผชิญปัญหาเพียงลำพังก่อนจะเดินตามพยาบาลเข้าห้องไปด้วยหัวใจที่เต้นถี่..
30 นาทีผ่านไป
ประตูที่ถูกเลื่อนออกเรียกให้คนที่เฝ้ารออยู่ด้านนอกกุลีกุจอลุกขึ้นไปหา ร่างเล็กของแฟนที่ค่อยๆเดินออกมาด้วยสีหน้าไม่อาจอธิบายได้ทำให้บีและนัทเริ่มใจเสีย ทั้งสองเหลือบมองหน้ากันพลางมองเลยไปยัง พยาบาลที่มีสีหน้ายิ้มๆ
สรุปมันเป็นยังไง อาการของแฟนดีหรือแย่แค่ไหนกัน
“หมอว่าไงบ้าง” มือเล็กถูกเพื่อนดึงไปจับไว้คนละข้าง
ดวงตาของแฟนเหม่อลอย ดูเหมือนคนไม่มีสติอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเลื่อนสายตามามองหน้านัทและบี ในหัวมีเพียงคำพูดของหมอที่ดังไปมาซ้ำๆ
‘คุณธารัญได้คุมกำเนิดอยู่ไหมคะ’ ดวงตาดวงโตเบิกกว้าง สมองประมวลผลรัวเร็วนึกคิดถึงการฉีดยาคุมครั้งล่าสุด
ไปฉีดมาเดือนไหนนะ เมื่อสามเดือนก่อน...
ไม่สิ ไม่...คิดว่าตัวเองไปฉีดมาแล้วแต่ความจริงคือยังไม่ได้ไป
เลยมาจนจะครบรอบสามเดือนอีกรอบ
คำตอบของแฟนจึงทำได้เพียงส่ายหน้า การไม่ได้ฉีดหนึ่งรอบก็เท่ากับไม่ป้องกันแล้ว
‘งั้นหมอขออนุญาตถามว่าตอนมีเพศสัมพันธ์กับคนรักได้ป้องกันทุกครั้งหรือเปล่าคะ?’
‘...’ ขณะนั้นสมองของแฟนว่างเปล่า มากกว่าเรื่องที่กังวลว่าตัวเองจะป่วยเป็นไบโพลาร์คือคำถามแปลกๆที่บ่งบอกถึงอะไรบางอย่าง ยามที่สมองค่อยๆเรียบเรียงคำถามของหมอให้แน่ชัด
สุดท้ายใบหน้าสวยก็ส่ายไปมาอย่างเชื่องช้าเป็นการตอบคำถามอีกครั้ง และคำตอบนั้นทำให้คุณหมอวัยกลางคนระบายยิ้ม
‘จากการทำแบบสอบถามและอาการที่พูดมาทั้งหมดนี้ไม่ใช่อาการป่วยทางจิตหรือเป็นไบโพลาร์หรอกค่ะ...แต่น่าจะเป็นภาวะการตั้งครรภ์มากกว่า’
‘...’ คำว่าตั้งครรภ์เหมือนค้อนปอนด์ที่ทุบลงมากลางหัว เหมือนนั่งอยู่แล้วฟ้าถล่มลงตรงหน้า เหมือนสติถูกพรากออกไปไม่ให้รับรู้อะไรอีกทั้งนั้น
มือบางเย็นเฉียบจนถึงปลายเท้า คล้ายคนถูกแช่อยู่ในทะเลน้ำแข็งอย่างไรอย่างนั้น
‘ยังไงเพื่อความมั่นใจหมอจะส่งไปตรวจที่แผนกสูติฯอีกทีนะคะ’
จากนั้นแฟนก็ไม่รับรู้ว่าหมอพูดหรือบอกอะไรอีก แม้แต่กระทั่งตอนนี้ที่เดินออกมาหยุดอยู่หน้าเพื่อนทั้งสองสติยังแทบไม่มีความรับรู้
“แฟน หมอว่ายังไง” บีถามย้ำอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง เห็นท่าทีของเพื่อนแล้วในใจเกิดความร้อนรนจนอยากฟังคำวินิจฉัยให้เร็วที่สุด
“หมะ หมอ...”
“...”
“...”
“หมอบอก แผนกสูติฯ”
“ห๊ะ?” บีและนัทร้องออกมาพร้อมกันเนื่องจากจับใจความไม่ได้
“อาจจะ จะ...ท้อง”
แฟนพูดได้เพียงเท่านั้นก่อนจะเกิดความเงียบปกคลุมไปทั่ว จากนั้นราวหนึ่งนาทีต่อมาเสียงกรี๊ดยาวก็ดังขึ้นจนพยาบาลต้องเข้ามาตักเตือน ทว่าวินาทีนี้ไม่มีใครมีสติพอจะระงับอาการตื่นเต้นของตัวเอง
ไม่รู้ทำไม...ถึงจะยังไม่ตรวจแต่หน้าท้องก็อุ่นวาบขึ้นมาจนความตื้นตันเต็มตื้น
ลูกเหรอ ลูกของเขากับพี่หิน
--
แฟนใช้เวลาตั้งสติกับเรื่องที่ได้รับรู้อยู่หลายชั่วโมงกว่าจะกลับคอนโด บานประตูที่กั้นตัวเองและอีกคนเอาไว้ดูเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นราวกับไม่เคยเห็นประตูมาก่อนในชีวิต
หากเปิดมันเข้าไปแล้ว หินจะได้รู้เรื่องสำคัญเช่นกัน...แล้วจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้น
เหตุการณ์ที่ไม่อาจคาดเดาทำให้รู้สึกว้าวุ่นใจ เหมือนปมเชือกพันกันยุ่งเหยิงเป็นก้อนซึ่งหาหัวและท้ายไม่เจอ แต่ทั้งหมดกลับสงบลงได้เมื่อมือบางวางแนบลงบนหน้าท้องของตัวเอง
แค่รู้ว่ามีอยู่ก็อุ่นใจ...ความมหัศจรรย์นี้
ลมหายใจถูกสูดเข้าลึก นิ้วเรียววางแนบลงบนเครื่องสแกนก่อนจะนาบคีย์การ์ดแล้วเปิดประตูเข้าไป
“รถติดเหรอ ทำไมกลับช้า”
คำทักทายจากคนที่เดินตรงมาหาทำให้แฟนเม้มริมฝีปาก พยักหน้ารับคำอย่างเชื่องช้าด้วยไม่รู้จะหาข้ออ้างอื่นใด ขณะในหัวคิดถึงแต่เรื่องสำคัญที่ตัวเองต้องบอก
ปฏิกิริยาจากหินจะเป็นยังไง...
น่าตื่นเต้นพอๆกับตอนฟังผลตรวจจากหมอเลย
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
คิ้วเข้มย่นเข้าหากันเมื่อท่าทางของแฟนดูเลื่อนลอยเหมือนมีเรื่องอะไรในหัว หินก้าวไปหยุดอยู่ตรงหน้า ท่อนแขนใหญ่รั้งเอวเล็กให้ร่างบางขยับเข้ามาแนบชิด
“ปะ เปล่า”
หน้าท้องที่แนบกันอยู่ส่งผลให้เกิดความอุ่นวาบแล่นไปทั่วร่าง เพียงเท่านี้ก็รู้สึกเหมือนปลายจมูกร้อนผ่าวจนต้องพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเอง
หมอบอกว่าความแปรปรวนของอารมณ์และความรู้สึกมาจากเจ้าตัวน้อยในท้อง จึงไม่ใช่เรื่องน่าตกใจอีกต่อไป
“แน่ใจ?”
“อืม มึงอาบน้ำแล้วเหรอ” แฟนเปลี่ยนเรื่องเมื่อได้กลิ่นแป้งที่หินใช้ประจำลอยออกมาจางๆ
“อาบแล้ว มึงจะอาบเลยรึเปล่า”
คนถูกถามพยักหน้ารับ ยืดเวลาให้นานขึ้นเพื่อทำใจและเรียบเรียงคำพูดทั้งหมด ขณะที่หินก็คลายอ้อมแขนออก ปล่อยคนร่างเล็กไปอาบน้ำให้สบายตัว
1 ชั่วโมงผ่านไป
“ทำไมนาน”
หินเอ่ยขึ้นยามละสายตาจากโทรทัศน์มามองคนที่ทรุดตัวนั่งลง อีกคนอาบน้ำนานจนต้องคอยแวะเวียนเข้าไปถามเป็นระยะ
ช่วงนี้แฟนไม่ค่อยปกติจึงต้องระวังไปหมดทุกสิ่งอย่าง
“กู...ขัดตัว”
หินเลิกคิ้ว เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ทว่าสิ่งที่ทำให้สงสัยมากกว่าคือสีหน้าแปลกๆของเจ้าตัว
“เป็นอะไร มึงทำหน้าแปลกๆตั้งแต่กลับมาแล้ว”
ปลายลิ้นเล็กตวัดเลียริมฝีปากที่แห้งผาก ในใจเต้นตุบราวกับมีใครมาตีกลองอยู่ในนั้น แม้จะใช้เวลาทำใจมาเกือบชั่วโมงแต่ยามกำลังจะพูดออกไปกลับสั่นไหวด้วยความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้จนทำได้เพียงนิ่งเงียบ
กระดาษในมือที่ซ่อนเอาไว้ข้างหลังถูกกำแน่นจนยับย่น
“แฟน?” หินเอ่ยเรียกพลางขมวดคิ้ว มือหนาวางแนบลงบนหน้าผากเนียนเพื่อเช็กความผิดปกติ “ตัวก็ไม่ร้อนหนิ”
“กูสบายดี”
แฟนตอบเสียงสั่น ดวงตาที่จับจ้องอยู่บนใบหน้าคร้ามคมซึ่งเจือไปด้วยความเป็นห่วงสั่นระริก มือไม้เย็นเฉียบ
ตรงหน้านี้คือพ่อของเจ้าตัวน้อยในท้อง
“กูว่ามึงไม่สบาย ไปโรง’บาลดีกว่า”
“กูไปมาแล้ว”
มือเล็กเอื้อมไปรั้งแขนของคนที่กำลังจะลุกขึ้นยืนให้นั่งลงเช่นเดิมพร้อมทั้งรีบเอ่ยบอกก่อนหินจะเดินเข้าห้องไปเปลี่ยนชุด
“ไปมาแล้ว?”
เสียงทุ้มเจือความฉงน ขยับนั่งลงที่เดิมขณะใบหน้าทอความเป็นห่วงและมีคำถาม
“อือ”
“มึงรู้สึกไม่ดีตรงไหน เป็นอะไร ทำไมไม่บอกกู”
น้ำเสียงนั้นเข้มขึ้น มากกว่าความไม่พอใจเรื่องที่ไม่บอกกันคือความเป็นห่วงอันมากล้น
แฟนยอมไปหาหมอ นั่นหมายความว่ารู้สึกไม่ดีจนต้องไป
“กูแค่ไปตรวจเฉยๆ ไม่ได้เป็นอะไร”
“ตอนกูบอก มึงยืนกรานนักหนาว่าไม่อยากไปทำไมคราวนี้ถึงยอมไป แล้วหมอว่ายังไงบ้าง”
หินถามย้ำ การพยายามบ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบคำถามเรื่องอาการยิ่งทำให้คนเป็นห่วงคิดไปไกล
“คือ...”
“บอกกูมาว่ามึงเป็นอะไร”
ยังไม่ทันพูดจนจบหินก็ถามขึ้นอีกครั้งจนคนที่ไม่รู้จะอธิบายยังไงหมดความอดทน กระดาษผลตรวจในมือถูกยัดใส่มือหนาเร็วๆ
“อ่านสิว่ากูเป็นอะไร”
แผ่นอกบางสะท้อนไหวขึ้นลงเมื่อผลตรวจอยู่ในมือหิน รอบตัวปกคลุมด้วยความเงียบจนได้ยินเสียงหัวใจและเสียงกลืนน้ำลายของตัวเอง ความตื่นเต้น สั่นไหว วูบโหวงถาโถมเข้าหา พลันมือเล็กจึงเอื้อมมาวางลงบนหน้าท้องของตัวเองโดยอัตโนมัติ
หินมองท่าทางนั้นความแปลกใจ หากแต่ตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าอาการของแฟน
กระดาษในมือถูกคลี่ออกพลางเหลือบสายตาขึ้นมองแฟนเป็นระยะ กระทั่งกระดาษถูกเปิดออกในสภาพสมบูรณ์ ดวงตาคมจึงถูกดึงกลับให้จับจ้องอ่านทุกตัวอักษรในนั้นอย่างละเอียด
แฟนนั่งมองอีกคนด้วยความลุ้นระทึกไม่ต่าง ฟันซี่คมกัดปากจนความเจ็บแปรเปลี่ยนเป็นความชา แล้ว ณ วินาทีหนึ่งหินก็นิ่งงันไป
นิ่งเหมือนคนถูกแช่แข็ง
“หะ หิน”
นานเกินไปจนแฟนต้องลองเอ่ยเรียก แต่อีกคนเหมือนไม่รับรู้ ร่างสูงยังคงค้างอยู่ในท่าเดิม ยามมือเล็กกำลังจะเอื้อมไปสัมผัสตัวหินก็ค่อยๆลุกขึ้นยืน
ท้าวแกร่งก้าวออกไปจากโซฟาช้าๆ ใบหน้าคมก้มลงมองเพียงกระดาษในมือ
“มึงจะไปไหน” แฟนเอ่ยถามเสียงฉงน มึนงงกับท่าทางนั้นจนจับต้นชนปลายไม่ถูก
หินไม่ดีใจเหรอ เพราะไม่ได้คาดคิดถึงการมีลูกใช่ไหม
ฮวบ
“พี่หิน!”
เสียงร้องด้วยความตกใจดังขึ้นเมื่อคนที่ตั้งท่าจะเดินออกไปทรุดฮวบลงตรงหน้า แฟนรีบเดินเข้าไปหา คุกเข่านั่งลง แล้วถามอีกคนด้วยเสียงร้อนรน
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
พยายามก้มลงมองใบหน้าคมเพื่อดูว่าหินเป็นอะไรแต่เจ้าตัวกลับเบี่ยงตัวหนีพร้อมทั้งยกมือขึ้นมาปิดหน้า
“หิน...” ดวงตาคู่สวยแดงเรื่อ ท่าทางนั้นคล้ายกับรังเกียจกัน
หินไม่ตั้งใจจะมีลูก...
“กะ กู”
เสียงที่เล็ดลอดผ่านฝ่ามือดังอู้อี้แต่ยังพอจับใจความได้ แฟนกลืนก้อนเหนียวๆลงคอพลางยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาตัวเองขณะพยายามตั้งใจฟัง
“...”
“ขอเวลาหน่อย”
ได้ยินเพียงเสียงแต่ไม่เห็นหน้า กระดาษในมือใหญ่อีกข้างถูกกำจนยับ ร่างบางเม้มเริมฝีปากกลั้นน้ำตา แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไหลรินรดแก้มอย่างเงียบงัน
คนหนึ่งเบี่ยงตัวไปด้านข้างยกมือขึ้นปิดหน้า ส่วนอีกคนหนึ่งนั่งทับขาอยู่ตรงหน้ารอเวลา
แฟนเกือบจะร้องไห้พรั่งพรูถ้าหากไม่สังเกตเห็นหยดน้ำตรงปลายคางแกร่ง
มันไหลลงมาจากส่วนที่มือของหินปิดเอาไว้ ค่อยๆไหลลงอย่างเชื่องช้า กระทั่งหยดลงบนผิวเสื้อ กายใหญ่สั่นระริก
หินร้องไห้ ?!
“หิน”
เสียงเอ่ยเรียกสั่นไหวไม่แพ้จิตใจ แฟนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร ไม่รู้ว่าคนรักเป็นอะไร แต่อ้อมแขนกลับขยับเข้าไปรั้งคนตัวโตกว่าเข้ามากอด การกระทำเป็นไปโดยอัตโนมัติ
ตอนนี้คนที่เป็นผู้นำทิ้งตัวอยู่ในอ้อมกอดราวกับต้องการที่พึ่งพิง ไม่เหลือเค้าหินที่แสนเข้มแข็งเลยแม้แต่น้อย
ทั้งสองต่างมีน้ำตา แต่หินกลับดูรุนแรงมากกว่า
นานหลายนาที หลายนาทีมากทีเดียวกว่าว่าที่คุณพ่อจะสงบลง เมื่ออีกคนผละออกแล้วยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่เปรอะเลอะบนหน้า แฟนจึงได้เห็นว่าดวงตาคมคู่แดงก่ำและสั่นไหว
“เป็น ความจริง ใช่ไหม” ประโยคติดขัดดังขึ้นถาม แฟนจึงพยักหน้ารับ
“กูขอโทษ...เป็นความผิดของกูเองที่ลืมไปฉีดยาคุมรอบที่แล้ว” เสียงเอ่ยนั้นอ่อนอ่อยและรู้สึกผิด
“มะ ไม่ต้องขอโทษ”
หินเลื่อนสายตาลงมองตรงหน้าท้อง จับจ้องอยู่อย่างนั้นโดยไม่พูดไม่จา ก่อนจะยื่นมือซึ่งเปียกชื้นสั่นไหวมาสัมผัสด้วยปลายนิ้ว
สัมผัสนั้นแผ่วเบา แตะลงเพียงเล็กน้อยราวกับกลัวคนข้างในจะเจ็บ
“ลูก...”
แม้จะยังไม่เข้าใจในความรู้สึกของหิน ทว่าท่าทางซึ่งบ่งบอกว่าไม่ได้รู้สึกแย่กับเรื่องนี้ก็ส่งผลให้คนกังวลในความผิดของตัวเองใจชื้น
“อืม อยู่ในนี้ สองเดือนแล้ว”
เอ่ยพูดพร้อมรอยยิ้มบาง หากแต่วินาทีต่อมากลับต้องตกใจอีกครั้งเนื่องจากน้ำตาที่หยดลงจากหางตาของอีกคน
“หิน เป็นอะไร”
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาน้อยครั้งจนแทบนับได้ที่จะได้เห็นหินหลั่งน้ำตา และครั้งนี้มันรุนแรงกว่าครั้งไหนในตลอดระยะเวลาเจ็ดปีที่ผ่านมา
“กู...ดีใจ”
มือสั่นๆขยับเลื่อนลูบไล้ไปมาหากแต่สัมผัสนั้นบางเบาจนแทบไม่รู้สึก คำตอบที่ทำให้คนฟังอิ่มเอมจนล้นอก ความกังวลก่อนหน้าปลิวหายเหลือเพียงความยินดี
ที่หินร้องไห้ขนาดนี้เพราะดีใจงั้นเหรอ
“มึงอยากมีลูกเหรอ”
ด้วยคุยกันว่ายังไม่พร้อมจึงคุมกำเนิดตลอดมา กระทั่งเลอะเลือนคิดไปเองว่าไปฉีดยามาแล้วจึงมีสิ่งที่ตามมาโดยไม่รู้เลยว่าหินพร้อมหรืออยากมีลูกมากน้อยแค่ไหน
“เด็ก...ตัวเล็กๆ...ลูก...น่ารัก” หินตอบคล้ายคนเพ้อละเมอ ดวงตาคมเป็นประกายพรั่งพราว
ไม่เคยรู้เลยว่าอีกฝ่ายจะอยากมีลูกขนาดนี้
“อยู่ในนี้แล้ว”
มือเล็กกุมมือใหญ่ให้วางแนบลงมาเต็มๆพลางเอ่ยพูดด้วยรอยยิ้ม เสียงสูดลมหายใจเข้าลึกดังตามมา ขณะบริเวณที่ถูกสัมผัสอุ่นวาบ
หินพูดไม่ออก มีหลายสิ่งอย่างมากมายอยากพูด อยากถาม แต่ทั้งหมดนั้นกลับไม่อาจเปล่งออกมาเป็นคำได้เมื่อสิ่งที่แสนมหัศจรรย์อยู่ภายใต้ฝ่ามือของตัวเอง
อยู่ในนี้แล้วเหรอ?
เป็นยังไงบ้างนะ อุ่นดีไหม สบายตัวหรือเปล่า...
มีคำพูดมากมายที่สื่อสารกับคนในนั้นผ่านทางฝ่ามือ เกิดรอยยิ้มบางอยู่บนใบหน้าเสมอแม้ดวงตาจะแดงก่ำ
ไม่อยากเอามือออกจากตรงนี้เลย
--
“สรุปตอนลุกจากโซฟามึงจะเดินไปไหน” แฟนถามขึ้นเมื่อสถานการณ์ตรงหน้ากลับมาเป็นปกติ
บนเตียงนอนกว้างซึ่งมีว่าที่คุณแม่นั่งพิงหลังอยู่กับหัวเตียงและว่าที่คุณพ่อขี้เห่อซึ่งนอนคว่ำพลางจ้องมองหน้าท้องที่ยังแบนราบไม่วางตาเต็มไปด้วยบทสนทนา
หินซักถามเกี่ยวกับเรื่องไปโรงพยาบาลจนขี้เกียจตอบจึงเลี่ยงไปถามเรื่องอื่น
“...” ทว่าคนถูกถามทำเพียงแค่เหลือบสายตาขึ้นมองก่อนจะกลับไปมองหน้าท้องของแฟนเช่นเดิมแล้วนิ่งเงียบ
“ว่าไง” คนอยากรู้ถามย้ำ คิ้วเริ่มขมวดเข้าหากัน
“ไปเอายาดม”
“ห๊ะ?” เกือบจะถามซ้ำรอบที่สามคำตอบนั้นก็ดังขึ้นให้แฟนอุทานรับด้วยความแปลกใจ
“กูรู้สึกเหมือนหายใจไม่ทั่วท้อง ตาก็ลายไปหมด เลยว่าจะลุกไปเอายาดม...แต่ขาดันอ่อนเสียก่อน”
คำอธิบายดังแผ่วและแผ่วลงเรื่อยๆจนเกือบฟังไม่รู้เรื่องในท้ายประโยค ทว่าคำที่พอจับใจความได้ก็ทำให้แฟนระบายยิ้ม หากไม่กลั้นเอาไว้เสียงหัวเราะคงดังเล็ดรอดให้อีกฝ่ายเขินอายยิ่งกว่าเดิม
หินกำลังเขิน ข้างแก้มสากเหมือนจะเข้มขึ้นอย่างน่าเอ็นดู
ผู้ชายวัยสามสิบเศษๆจะเป็นลมเพราะผลตรวจครรภ์ของเมีย...
อย่างนั้นเวลาคลอดจะหนักแค่ไหนกันล่ะ
“แล้วตอนนี้ยังจะเอาอยู่ไหม”
“ดีขึ้นแล้ว”
“ตกใจหรือเปล่าที่กูท้อง ตรงนี้กูผิดพลาดเองจริงๆ” แฟนยังคงรู้สึกผิด
“ลูกไม่ใช่ความผิดพลาด...กูอยากมีเขามาตลอด”
ความจริงแล้วหินแอบหวังว่ายาคุมพวกนั้นจะเกิดความผิดพลาดกับแฟนบ้าง พยายามแม้กระทั่งขยันกับเรื่องบนเตียงอย่างสม่ำเสมอเพราะอ่านมาว่าโอกาสหลุดจะมีมากขึ้น หรือแม้แต่การไปหาหมอทุกๆสามเดือนก็หวังว่าแฟนจะลืมบ้างสักครั้ง
แล้วมันก็เกิดขึ้นอย่างที่หวัง ไม่มีความตกใจหรือแปลกใจเลยแม้แต่น้อย มีเพียงความยินดีอย่างเหลือล้น
สำเร็จแล้ว
“มึงอยากมีแล้วทำไมถึงไม่บอก” ดวงตาคมเลื่อนขึ้นมาสบอีกครั้งเมื่อได้ยิน
อาการทั้งหมดของหินบ่งบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวดีใจมากขนาดไหน
“กูรู้ว่ามึงจะเหนื่อยแค่ไหน มึงเหนื่อยกว่ากูหลายเท่าแน่นอนเลยอยากให้มึงใช้ชีวิตของตัวเองให้เต็มที่”
ถึงจะบอกอย่างนั้นแต่ก็แอบหวังและแอบพยายามเพื่อให้ความพลาดพลั้งนั้นลดความรู้สึกผิดของตัวเอง
ถ้ามีลูก นั่นหมายความว่าอิสระและชีวิตส่วนตัวของแฟนจะหมดลง และเป็นเขาเองที่เห็นแก่ตัวเพียงเพราะอยากมีเจ้าตัวน้อยน่ารักๆมาเลี้ยง
สำหรับคนเป็นแม่แล้วมันยากกว่าคนเป็นพ่อหลายเท่า ฉะนั้นจึงไม่อาจคิดถึงเพียงความต้องการของตัวเอง
“คำว่าไม่พร้อมของกูไม่ได้หมายความว่าไม่พร้อมจะสละชีวิตส่วนตัวของตัวเอง แค่หมายถึงความไม่มั่นใจกับการจะเลี้ยงเด็กคนนึงให้เติบโตขึ้นมาอย่างดีที่สุด...แต่สุดท้ายแล้วกูก็รู้ดีว่าการมีมึงเป็นพ่อของลูกจะทำให้ทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี”
หินหลับตาลงซึมซับกับทุกคำพูดของแฟนหลังจากที่อีกฝ่ายพูดจบ ความรู้สึกเต็มตื้นในอกไม่แพ้ตอนรู้ว่ามีลูกเมื่อใครบางคนเชื่อมั่นในตัวเราถึงเพียงนี้
“มาช่วยกันนะ ให้เขาเกิดมาเป็นคนที่ดีเหมือนมึง”
ใบหน้าสวยโน้มลงมากระซิบพูด ก่อนริมฝีปากบางจะทาบทับลงบนหน้าผากของคนรักแผ่วเบาหากแต่แนบแน่น ยามผละออกห่างหินก็ลืมตาขึ้นมองสบกัน ดวงตาคมแดงก่ำด้วยความตื้นตัน
เขาไม่ได้เป็นคนดีเลิศเลอ แต่จะพยายามให้ดีที่สุดเพื่อใครบางคนที่กำลังจะเกิดมา
ลูก...
“ให้เขาน่ารักเหมือนมึงด้วย...ไม่สิ ให้เขาน่ารักเหมือนแฟน ลูกอยู่ในนี้แล้ว เขาได้ยินเพราะฉะนั้นเราจะต้องไม่พูดแทนกันเหมือนที่เคยชิน”
คนฟังเลิกคิ้วขึ้น หลุดยิ้มออกมาอีกครั้งกับความเห่อของว่าที่คุณพ่อ
ลูกยังเป็นวุ้นอยู่เลยจะมาได้ยินได้ยังไง
“แต่ก่อนไหนบอกว่าชินกับแบบนี้ พอพูดเพราะๆก็บอกจั๊กจี้”
“ก็มีลูกแล้ว ต้องเป็นแบบอย่างที่ดี”
“รู้งี้มีลูกตั้งแต่ปีแรกที่คบกันแล้ว จะได้พูดเพราะๆบ้าง”
“ไม่ดีหรอก ตอนนั้นเรามีหลายอย่างที่ต้องทำ จริงๆตอนนี้ก็เหมาะสมดีแล้ว หน้าที่การงานทุกอย่างมั่นคงอยู่ตัว มีเขาได้แบบสบายใจ” คนจริงจังอธิบายเป็นฉากๆทั้งที่แฟนเพียงแค่พูดเล่น
คนฟังจึงได้แต่มองคนตรงหน้าด้วยความอ่อนใจ
ขี้เห่อจริงๆ
“แต่พี่หินแพลนไว้ว่าจะมีลูกตอนสามสิบห้านี่ ผิดแผนไปแบบนี้โอเคหรือเปล่า”
แฟนเปลี่ยนสรรพนามในการเรียกแทนอีกฝ่ายโดยไม่เคอะเขิน ขณะที่คนถูกเรียกสะดุดลมหายใจไปเล็กน้อย
ข้ออ้างที่บอกว่าไม่ชิน ความจริงแล้วเป็นเพราะแพ้ให้กับคำนี้ต่างหาก
ไอ้คำว่าพี่หินกับการที่แฟนแทนตัวเองว่าน้องหรือชื่อตัวเอง บอกเลยว่ากี่ปีก็ไม่ชินกับใจ
แต่ต่อไปคงต้องทำใจให้ชินแล้ว
“ยิ่งกว่าโอเค จะผิดกว่านี้อีกหลายปีก็โอเค”
มุมปากได้รูปยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม ถึงจะบอกว่าช่วงเวลานี้เหมาะสมดีแล้วแต่ต่อให้พลั้งมีลูกตั้งแต่วันแรกที่คบกันก็ยังยินดี
เมื่อเขาเกิดมา มันคือเรื่องที่ดีที่สุดเสมอ
“หึ พอไม่ได้ฉีดยาคุมแล้วครั้งเดียวก็มาเลย ความเก่งในเรื่องแบบนี้นี่ได้พ่อมาเต็มๆจริงๆ”
แฟนส่ายหัวน้อยๆขณะที่คนมีความพยายามขยับกายขึ้นมานั่งเคียงข้าง
“แน่นอน ลูกพี่ก็เลยเก่งเหมือนพี่”
คนฟังเม้มริมฝีปากเข้าหากันด้วยความวูบไหว ทว่าไม่ใช่จากเพราะคำพูดภูมิใจในตัวเองนั้นแต่เป็นเพราะสรรพนามที่แทนตัว
ก็ไม่ชินทั้งสองฝ่าย...แพ้ให้กันและกัน
“แพลนเรื่องบ้านคงต้องขยับเข้ามาเร็วขึ้น ถ้าไม่ทันคลอดก็อยู่บ้านพ่อกับแม่ต่อไปก่อน พี่ไม่อยากให้อยู่คอนโดแล้ว ขึ้นลิฟต์ลงลิฟต์สูงๆมันลำบากแล้วก็อันตราย ไม่ดีต่อทั้งแฟนและลูกด้วย” หิ
นพูดต่ออย่างยาวเหยียดเมื่อแฟนนิ่งเงียบแล้วในหัวพลันคิดถึงเรื่องที่อยากพูดขึ้นมาได้
“...”
“อยู่บ้านแบบถาวรก็ดีเหมือนกัน จะได้มีคนช่วยดูแล เสียเวลาในการเดินทางมาทำงานมากขึ้นนิดหน่อยคงไม่เป็นไร...อืม เรายังไม่ได้บอกใครเรื่องมีเจ้าตัวน้อยเลย เอาไว้ไปพรุ่งนี้ไปหาหมอกันอีกรอบแล้วค่อยบอกก็แล้วกัน ทุกคนคงดีใจน่าดู” พูดมาถึงส่วนท้ายหินก็ยิ้มกว้างจนเต็มหน้า
“...”
“อาทิตย์หน้าก็กลับไปอยู่บ้านกันเลย เดี๋ยวของที่จำเป็นค่อยทยอยขนไป”
“...”
“เอาตามนั้น วันนี้ก็นอนได้แล้ว ต่อไปต้องพักผ่อนให้มาก เรื่องอาหารพี่จะคอยดูให้เอง”
ที่ไม่พูดเพราะไม่มีโอกาสได้อ้าปากเลยแม้แต่น้อย
แฟนทำปากพะงาบๆแต่อีกคนไม่มีทีท่าว่าจะสนใจ หินพูดเองเออเองเรียบร้อยเสร็จสรรพ จากนั้นก็ขยับผ้าห่มมาคลุมให้ถึงเอวพร้อมทั้งส่งสายตาให้ขยับตัวลงนอนจนคนที่ได้แต่ฟังส่งเสียงร้องฮึดฮัดในลำคอ
“อื้อ! พูดอะไรยาวเหยียด ไม่คิดจะถามกันเลยเหรอ”
ใครว่าหินไม่ค่อยพูด ตอนนี้พูดไม่หยุดเลยเชียวล่ะ พูดเยอะและยาวที่สุดตั้งแต่ที่รู้จักกันมาเลยด้วย อีกทั้งคำเรียกแทนตัวเองยังพูดเสียคล่องปาก
“ที่พี่พูดไปแฟนไม่โอเคเหรอ มีอะไรไม่ดีตรงไหน”
“ก็ไม่มีอะไรที่ไม่ดี แค่คิดว่าจะไม่ถามกันหน่อยเหรอ”
“งั้นถาม...แฟนโอเคกับแพลนคร่าวๆนี้หรือเปล่าครับ” หินหยิบยกไม้ตายขึ้นมาใช้ให้แฟนไม่อาจมีคำคัดค้านหรือคำปฏิเสธใดได้
“...”
“ว่าไง” ว่าที่คุณพ่อกระตุ้นเอาคำตอบด้วยรอยยิ้ม
“อะ โอเค”
สุดท้ายแฟนก็พ่ายแพ้ยอมรับคำโดยง่ายตามความตั้งใจของคนเจ้าแผนการ
“ดีมาก งั้นตอนนี้ก็นอนได้แล้ว ลูกจะได้พักผ่อนด้วย...เสียดายที่ไม่ได้เล่นดนตรีให้ลูกฟังก่อนนอนเพราะรู้กระชั้นชิดไปหน่อย”
ประโยคท้ายหินพึมพำกับตัวเอง ขณะที่แฟนไม่สนใจอะไรนอกจากเลื่อนตัวลงนอนตามคำบอกของคนขี้เห่ออย่างขี้เกียจจะคัดค้านคำใด
จุ๊บ จุ๊บ
“ฝันดีทั้งคนแม่และคนลูก”
หินตามมาจูบหน้าผากและหน้าท้องที่ยังแบนราบเร็วๆก่อนจะบอกฝันดีพลางขยับผ้าห่มขึ้นมาให้ถึงอก จากนั้นจึงหันไปปิดโคมไฟให้ทั้งห้องตกอยู่ในความมืดแล้วกลับมานอนเคียงข้าง
“ฝันดีคนพ่อด้วย”
“จะเป็นคืนที่ฝันดีที่สุดเลย”
END.
ครบแล้วน้า ตั้งใจจะเขียนแค่เท่านี้จริงๆค่ะ
เพราะกลัวว่าคืนนี้จะไม่มีเวลาเลยมาลงให้ตอนนี้นะคะะะ
สำหรับตอนอีก100% มีเรื่องอยากทำความเข้าใจมากมายเลย><
-โซแอลมีการแก้ตอนน้องแฟนไปหาหมอ มีการพูดถึงการคุมกำเนิดเพื่อให้ทุกอย่างสอดคล้องกับเนื้อหามากขึ้น
-แก้เวลาที่ผ่านไปในเรื่อง จากสิบปีเป็นเจ็ดปีผ่านไป เพราะถ้าตอนนั้นพ่อหินจะแก่เกินมีลูกแล้วค่ะ55555
สองข้อนี้โซแอลต้องขอภัยสำหรับการแก้ไขตรงนี้ด้วยนะคะ แต่เพราะอยากให้ทุกอย่างมันดูโอเคสมเหตุสมผลมากขึ้นค่ะ
เพราะเป็นตอนพิเศษที่ท้องได้ ย้ำว่าเป็นแค่ตอนพิเศษเท่านั้นเพราะฉะนั้นอะไรก็เกิดขึ้นได้เนอะ เรื่องท้องและเรื่องการคุมกำเนิดในผู้ชาย ขอให้ทุกคนจินตนาการว่าเป็นเรื่องปกติในโลกของตอนพิเศษนี้นะคะะะ
โซแอลหวังว่าตอนพิเศษนี้จะทำให้หลายคนที่ชอบมีความสุขไปด้วย ส่วนเรื่องที่ว่าจะมาต่อไหม เขียนยาวได้หรือเปล่า...อันนี้คงต้องขอดูก่อนนะคะ ถ้าเขียนก็อาจจะทำเป็นเล่มเล็กขายแยกไปเลย ใครชอบก็อ่าน ใครไม่ชอบก็ไม่อ่านได้ค่ะ(ถ้าทำจริงก็จะมาลงเว็ปให้อ่านอีกพอสมควรเลยค่ะ คงจะได้เจอเจ้าเหมียวด้วย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขอโฟกัสที่ตอนปกติก่อนนะคะ)
สุดท้ายก็ฝากส่งกดกำลังใจ คอมเมนต์ และส่งฟีดแบคได้ที่ #พี่หินคนห่าม น้าาาาา
ขอบคุณมากค่ะ : )