Special 1 [100%]
ตลอดทั้งอาทิตย์แฟนกลายเป็นคนกินเยอะนอนเยอะ ทุกเช้าร่างเล็กมีอาการงอแงเหมือนเด็กไม่อยากตื่นไปโรงเรียน กลับมาถึงห้องหลังจากกินข้าวและขนมเรียบร้อยก็เข้านอน เห็นแบบนั้นหินจึงไม่กล้ากวนเรื่องบนเตียงให้อีกคนต้องเหนื่อยกว่าเดิม ทั้งยังคิดว่าคงต้องหาเวลาคุยเรื่องการไปหาหมออย่างจริงจัง
“วันเสาร์ก่อนกลับบ้านเราไปเช็กร่างกายกันหน่อยดีไหม”
หินเอ่ยขึ้นในเช้าวันพุธของสัปดาห์ถัดมา คนฟังซึ่งกำลังนั่งกินมื้อเช้าอย่างเอร็ดอร่อยชะงักมือ ใบหน้าสวยเงยขึ้นมอง ดวงตาฉายความหวาดระแวงอยู่ชั่ววินาที
“ไม่ไป กูสบายดี” แฟนตอบง่ายๆแล้วก้มลงกินอาหารของตัวเองต่อ
“กูไม่ได้ว่ามึงไม่สบาย แต่ไปเถอะ แค่ไปเช็กให้แน่ใจ”
“ก็บอกว่าไม่ได้เป็นอะไร ทำไมต้องไปเช็ก”
เพราะความแปรปรวนทางอารมณ์ทำให้คำพูดฟังดูห้วนกว่าเคย ทว่าหินพยายามไม่เก็บมาใส่ใจ ระยะเวลาที่ผ่านมามันมากพอกับการเรียนรู้ว่าไม่ควรถือโทษกันในเรื่องเล็กน้อย
“ข้างในคือสิ่งที่เรามองไม่เห็น ไปสักหน่อยนะ”
น้ำเสียงคนพูดอ่อนลงจนแฟนละความสนใจจากอาหารขึ้นมามองหน้ากันอีกครั้ง หัวใจคนมองอ่อนยวบยาบให้กับความเป็นห่วงที่ฉายชัดอยู่ในตาคู่นั้น หากแต่ภาพหมอในชุดกาวน์ โรงพยาบาล และกลิ่นของแอลกอฮอล์ก็ฉุดรั้งคำตอบตกลงให้เปลี่ยนเป็นปฏิเสธ
“กูไม่อยากไป”
“ไม่อยากก็ไปหน่อยเถอะ ตรวจนิดเดียว”
“ไม่ไป...”
“ทำไมถึงได้ดื้อนัก” หินหลุดพูดขณะขมวดคิ้วเข้าหากัน
ความจริงที่ว่าแฟนไม่ชอบโรงพยาบาลนักเขารู้ดี แต่ตลอดมาอีกคนก็ไม่เคยรั้นถึงขนาดที่ว่าร้องขอแล้วไม่ยอมไป
ประโยคที่ทำให้คนฟังวางช้อนลงกระแทกจานข้าวเสียงดัง สีหน้าและคำพูดของหินที่เหมือนรำคาญส่งผลให้ความน้อยใจและเสียใจแล่นวูบเข้ามาในอก ดวงตาและปลายจมูกร้อนผ่าวขึ้นมาโดยไม่อาจควบคุม
ไม่ทันจะได้คิดว่าอารมณ์ตัวเองผิดปกติ ปากก็ขยับโต้ตอบไปทันใด
“ทำไม ดื้อแล้วมึงไม่รักไม่อยากทนแล้วใช่ไหม เบื่อกูแล้วใช่ไหม”
เสียงพูดนั้นสั่นเครือ ใบหน้าสวยแดงก่ำจากการพยายามกลั้นความเสียใจ อีกทั้งยังไม่พอใจกับเรื่องที่หินโน้มน้าวให้ไปโรงพยาบาล หลายความรู้สึกตีวนจนไม่อาจระบายได้เป็นคำพูดแต่ออกมาในรูปของน้ำตา
คนที่เห็นท่าทางไม่คาดคิดนั้นตั้งตัวและตั้งสติไม่ทันอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะถามหาสาเหตุของความรุนแรงทางอารมณ์นี้ร่างกายก็ลุกพรวดไปหาแฟนแล้วรั้งร่างเล็กเข้าหาก่อนสิ่งอื่นใด
ปฏิกิริยานั้นเป็นไปโดยอัตโนมัติ น้ำตาของแฟนมีผลกับเขาอย่างมากมายเสมอ
“กูไม่ได้คิดแบบนั้น ไม่เคยเบื่อมึงเลย”
หินเอ่ยปลอบเสียงร้อนรน ทั้งงงงวย เป็นห่วง และสงสัย ทว่าตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการปลอบประโลมคนตรงหน้า
หากคุกเข่าลงอ้อนวอนแล้วแฟนหยุดร้องก็จะทำ
“ไม่จริง มึงบอกว่ากูดื้อ”
เสียงตอบดังอู้อี้เมื่อแฟนซุกใบหน้าเข้ากับหน้าท้องแกร่งของคนที่ยืนอยู่โดยไม่สนใจว่าเสื้ออีกคนจะยับหรือเลอะอย่างไร เสียงสูดลมหายใจสั่นสะอื้นเสียดแทงใจคนฟังดั่งมีดคมกริบ
ยอมแพ้แล้วจริงๆ ไม่ชอบการที่แฟนร้องไห้พอๆกับเรื่องป่วยไข้เลย
“แต่กูไม่เคยเบื่อกับความดื้อของมึง”
“มึงบังคับให้กูไปหาหมอ” แฟนยังคงพูดต่อ เรียบเรียงเรื่องราวที่ไม่พอใจออกมาเรื่อยๆ
“กูไม่ได้บังคับ แต่อยากให้ไปเพราะเป็นห่วงก็เท่านั้น”
“แต่กูไม่อยากไป”
“โอเคๆ ไม่ไปก็ไม่ไป กูจะไม่คุยเรื่องนี้แล้วโอเคไหม”
สุดท้ายก็เป็นหินที่ต้องยอมล่าถอย ค่อยคิดหาวิธีกล่อมใหม่เนื่องจากวินาทีนี้ต้องโฟกัสกับการทำให้แฟนสงบลง
“ไม่คุยแล้วนะ”
“อืม...แต่จะคุยเรื่องอื่น”
“เรื่องอะไร”
หินจับร่างเล็กให้ผละออกมาคุยกัน ดวงตาคู่สวยยังคงวาววับเคลือบด้วยหยดน้ำและแดงเรื่อ ประเด็นเรื่องท่าทางเหนื่อยอ่อนจบไป เรื่องใหม่ที่น่าเป็นห่วงกว่ากลับเข้ามาแทนที่
“เป็นอะไร ทำไมถึงได้นอยด์ง่ายแบบนี้”
เมื่อถูกทักคนอารมณ์ไม่ปกติจึงชะงักกึก ในหัวกระหวัดคิดทบทวนถึงอาการต่างๆของตัวเองอย่างเชื่องช้า
ไม่เพียงแต่เช้านี้ มีวันหนึ่งที่เปิดเพลงในรถแล้วรู้สึกอินจนเผลอร้องไห้ตาม ไหนจะตอนดูหนัง ตอนฟังข่าว...
ทำไมถึงได้อารมณ์แปรปรวนง่ายนัก...
หรือว่าจะเป็นไบโพลาร์
“ปะ เปล่า กูแค่เครียดเรื่องงาน”
“งานมึงเครียดเหรอช่วงนี้”
ดวงตาคมหรี่ลงเล็กน้อยเนื่องจากไม่รู้มาก่อนว่าสถานการณ์เรื่องงานของแฟนไม่เหมือนปกติ
“อืม” อีกคนรับคำเพียงสั้นๆ ในหัวยังคงครุ่นคิดถึงเรื่องอาการตัวเองไม่หยุด
“อย่าคิดมาก ค่อยๆคิดค่อยๆทำไป เป็นแบบนี้มึงอาจจะไม่สบายได้”
แม้จะเป็นเหตุผลที่ไม่อาจทำให้เชื่อได้ทั้งหมดแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีส่วน
“อืม กูจะพยายามไม่เครียด ขอโทษที่งอแงใส่มึง”
รับคำแล้วก็ออดอ้อนกันด้วยประโยคสุดท้าย พร้อมด้วยมือเล็กที่วางลงบนเอวสอบแล้วรั้งให้ขยับเข้าหา ดวงตากะพริบปริบนั้นพลันทำให้หินแทบลืมเลือนเรื่องราวทุกอย่าง
ไม่เคยเอาชนะท่าทางแบบนี้ได้เลยสิน่า
“กูไม่ได้โกรธอะไร”
คนฟังยิ้มกว้างออกมาจนคนมองตาพร่า ใจสั่นเหมือนกินกาแฟเข้าไปหลายสิบแก้ว
รอยยิ้มนี้ที่ตรึงใจมาเกือบสิบปี รอยยิ้มที่เปลี่ยนเสือแสนเอาแต่ใจเป็นแมวขี้อ้อน
“สัญญาว่าจะเป็นเด็กดี”
พัฒนาการของแฟนตลอดหลายปีมานี้คือรู้วิธีการพูดเอาตัวรอด เสียงพูดเบาลงกลายเป็นเสียงเล็กเสียงน้อยอย่างตั้งใจให้คนฟังพ่ายแพ้
และแน่นอนว่ามันได้ผล
“หึ งั้นเด็กดีก็รีบกินข้าวแล้วไปทำงานได้แล้ว สายกันทั้งคู่แล้ว”
ร่างสูงขยับถอยห่างจากคนที่นั่งอยู่จากนั้นจึงทาบทับริมฝีปากลงบนหน้าผากเนียนก่อนจะเดินกลับมานั่งยังฝั่งของตัวเอง ทิ้งให้คนถูกจูบนิ่งงันอยู่อย่างนั้นเป็นการเอาคืน
ใครว่าแฟนเล่นงานเขาเป็นอยู่ฝ่ายเดียว
หินลอบยิ้ม ขณะในใจยังคงคิดไม่ตกเรื่องอาการของแฟน ความกังวลไม่อาจหายไปจากหัวได้เลยสักวินาที
ขอร้องว่าอย่าป่วยเลย
--
“เดี๋ยวนะ เรื่องที่มึงมาหาหมอนี่พี่หินไม่รู้?”
เสียงของเพื่อนสนิทดังขึ้นเมื่อแฟนเอ่ยปากบอกว่าการมาโรงพยาบาลครั้งนี้อีกคนยังไม่รู้
วันต่อมาหลังจากเลิกงานและนัดหมอได้ คนที่รับรู้ถึงอาการผิดปกติของตัวเองดีก็รีบมาตรวจโดยไม่ได้บอกหิน
“อืม”
“ทำไมวะ” เสียงนัทถามขึ้นด้วยความแปลกใจไม่แพ้กัน
“แฟนมึงมาหาจิตแพทย์นี่มันไม่แปลกเหรอ!”
ริมฝีปากบางถูกขบกัดด้วยฟันซี่ขาวเนื่องจากความหนักอึ้งในอก ขณะดวงตาจับจ้องมองป้ายหน้าห้องของหมอซึ่งระบุสายทางการแพทย์อย่างชัดเจนว่าเป็นจิตแพทย์
อาการอารมณ์สวิงขึ้นลงรุนแรง ร่างกายอ่อนเพลีย...จะเป็นอะไรไปได้นอกจากไบโพลาร์
เขาไม่อยากให้หินรู้ว่าแฟนตัวเองกำลังมีอาการป่วยทางจิต
“มึง สมัยนี้คนเราสามารถมาพบจิตแพทย์ได้เป็นเรื่องปกติ มันไม่ได้หมายความว่ามึงเป็นบ้า บางทีอาจเพราะเรามีเรื่องเครียดแล้วไม่รู้จะจัดการยังไง หมอเฉพาะด้านเขาจะช่วยมึงได้ดีกว่า”
บีอธิบายให้เพื่อนฟังโดยไม่ได้รู้สึกแปลกหรือผิดปกติกับการพาเพื่อนมาพบจิตแพทย์เลยแม้แต่น้อย
น่าแปลกตรงไหน เขายังเคยมา
“กูก็ยังไม่อยากให้มันรู้อยู่ดี...”
“เอ่า อะๆ ไม่อยากให้รู้ก็ไม่รู้ เอาไว้ไปพบหมอแล้วเขาว่าไงมึงก็ค่อยบอกแล้วกัน พี่หินคงเป็นห่วง”
“อืม”
แฟนรับคำเสียงแผ่ว ความรู้สึกว้าวุ่นไหลวนไปทั่วร่าง สมองจินตนาการถึงคำที่หมอจะบอกว่าตัวเองป่วยทางจิตหรือไม่ กระทั่งเสียงเรียกชื่อจากพยาบาลดังขึ้นทุกความคิดจึงถูกหยุดเอาไว้เพียงเท่านั้น ลมหายใจหนักอึ้งถูกสูดเข้าปอดลึก
“พวกกูจะรออยู่ตรงนี้”
“ทำใจให้สบาย”
แฟนยิ้มรับกำลังใจจากเพื่อนทั้งสองที่ไม่เคยทิ้งให้เผชิญปัญหาเพียงลำพังก่อนจะเดินตามพยาบาลเข้าห้องไปด้วยหัวใจที่เต้นถี่..
30 นาทีผ่านไปประตูที่ถูกเลื่อนออกเรียกให้คนที่เฝ้ารออยู่ด้านนอกกุลีกุจอลุกขึ้นไปหา ร่างเล็กของแฟนที่ค่อยๆเดินออกมาด้วยสีหน้าไม่อาจอธิบายได้ทำให้บีและนัทเริ่มใจเสีย ทั้งสองเหลือบมองหน้ากันพลางมองเลยไปยังพยาบาลที่มีสีหน้ายิ้มๆ
สรุปมันเป็นยังไง อาการของแฟนดีหรือแย่แค่ไหนกัน
“หมอว่าไงบ้าง” มือเล็กถูกเพื่อนดึงไปจับไว้คนละข้าง
ดวงตาของแฟนเหม่อลอย ดูเหมือนคนไม่มีสติอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเลื่อนสายตามามองหน้านัทและบี ในหัวมีเพียงคำพูดของหมอที่ดังไปมาซ้ำๆ
‘หมอต้องขออนุญาตถามว่าคุณธารัญเคยมีเพศสัมพันธ์กับแฟนโดยไม่ป้องกันหรือเปล่าคะ?’
‘...’ ขณะนั้นสมองของแฟนว่างเปล่า มากกว่าเรื่องที่กังวลว่าตัวเองจะป่วยเป็นไบโพลาร์คือคำถามแปลกๆที่บ่งบอกถึงอะไรบางอย่าง ยามที่สมองค่อยๆเรียบเรียงคำถามของหมอให้แน่ชัด
ไม่ป้องกันงั้นเหรอ...
สุดท้ายใบหน้าสวยก็ทำได้เพียงกดลงรับเชื่องช้าให้คุณหมอวัยกลางคนระบายยิ้ม
‘จากการทำแบบสอบถามและอาการที่พูดมาทั้งหมดนี้ไม่ใช่อาการป่วยทางจิตหรือเป็นไบโพลาร์หรอกค่ะ...แต่น่าจะเป็นภาวะการตั้งครรภ์มากกว่า’
‘...’ คำว่าตั้งครรภ์เหมือนค้อนปอนด์ที่ทุบลงมากลางหัว เหมือนนั่งอยู่แล้วฟ้าถล่มลงตรงหน้า เหมือนสติถูกพรากออกไปไม่ให้รับรู้อะไรอีกทั้งนั้น
มือบางเย็นเฉียบจนถึงปลายเท้า คล้ายคนถูกแช่อยู่ในทะเลน้ำแข็งอย่างไรอย่างนั้น
‘ยังไงเพื่อความมั่นใจหมอจะส่งไปตรวจที่แผนกสูติฯอีกทีนะคะ’
จากนั้นแฟนก็ไม่รับรู้ว่าหมอพูดหรือบอกอะไรอีก แม้แต่กระทั่งตอนนี้ที่เดินออกมาหยุดอยู่หน้าเพื่อนทั้งสองสติยังแทบไม่มีความรับรู้
“แฟน หมอว่ายังไง”
บีถามย้ำอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง เห็นท่าทีของเพื่อนแล้วในใจเกิดความร้อนรนจนอยากฟังคำวินิจฉัยให้เร็วที่สุด
“หมะ หมอ...”
“...”
“...”
“หมอบอก แผนกสูติฯ”
“ห๊ะ?” บีและนัทร้องออกมาพร้อมกันเนื่องจากจับใจความไม่ได้
“อาจจะ จะ...ท้อง”
แฟนพูดได้เพียงเท่านั้นก่อนจะเกิดความเงียบปกคลุมไปทั่ว จากนั้นราวหนึ่งนาทีต่อมาเสียงกรี๊ดยาวก็ดังขึ้นจนพยาบาลต้องเข้ามาตักเตือน ทว่าวินาทีนี้ไม่มีใครมีสติพอจะระงับอาการตื่นเต้นของตัวเอง
ไม่รู้ทำไม...ถึงจะยังไม่ตรวจแต่หน้าท้องก็อุ่นวาบขึ้นมาจนความตื้นตันเต็มตื้น
ลูกเหรอ ลูกของเขากับพี่หิน[ 100 %]
TBC.
**โปรดอ่าน
โอเค เรามีเรื่องต้องทำความเข้าใจกันนะคะ^^
ข้อแรกเลยคือตอนนี้เป็นตอนพิเศษที่ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องหลักค่ะ ฉะนั้นจึงไม่ได้จั่วหัวว่า mpreg คนอ่านสามารถที่จะไม่อ่านตอนนี้ได้(ใครไม่ชอบ ข้ามได้เลย~)
สองคือตอนนี้จะมีประมาณ 150% เพราะงั้นจะมีส่วนที่สามตามมา
เน้นว่าเขียนเพราะอยากเขียนเท่านั้น ถ้าคนอ่านไม่ชอบหรือยังไงก็อาจจะลบออกไปค่ะ ส่วนจะเขียนต่อไปถึงเจ้าเหมียว(ลูกพี่หินน้องแฟน)ออกมาไหมอันนี้ก็ต้องดูอีกทีเนอะ
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์จริงๆนะคะ มันเป็นกำลังใจที่มีค่ามากเลย ยังไงโซแอลก็ฝากแท็ก #พี่หินคนห่าม ด้วยน้า
แฟนเพจ : https://www.facebook.com/writerexsoull/
Twitter : https://twitter.com/exsoull_ ฝากติดแท็ก #พี่หินคนห่าม ด้วยนะคะ