Special 1
จุ๊บ จุ๊บ จุ๊บ
เสียงสัมผัสดังขึ้นติดกันก่อนใบหน้าสวยจะผละออกมาซบอยู่ตรงไหล่ สองแขนกอดรอบลำคอแกร่งแน่น ขณะที่ท่อนแขนใหญ่โอบรอบเอวเล็กไม่ห่าง ความใกล้ชิดนี้ส่งผลให้กลิ่นกายของกันและกันกรุ่นอยู่ตรงปลายจมูก ยิ่งได้กลิ่นของหินแฟนยิ่งขยับซุกซบเข้าหา
“เหนื่อยหรือไง”
เสียงทุ้มถามขึ้นอย่างเป็นห่วงเมื่ออีกคนกลับจากทำงานแล้วเอาแต่เข้ามาคลอเคลียไม่ห่าง
แน่นอนว่าเขาชอบเป็นที่สุด ทว่าความผิดปกติเล็กๆนี้ก็นำพาความกังวลมาสู่ใจ
“อืม”
“ไปนอนพักก่อนไหม แล้วค่อยลุกมากินข้าว”
เอ่ยถามพร้อมทั้งไล้มือไปตามหลังเอวของคนในอ้อมแขน ออกแรงโยกตัวแฟนไปมาเบาๆราวกับกำลังกล่อมเด็ก
“ไม่เอา”
แฟนส่ายหัวตอบ ก่อนจะทาบทับริมฝีปากลงบนบริเวณผิวคอจนความร้อนแล่นวูบตามตำแหน่งที่ถูกสัมผัส ร่างกายของคนถูกจูบเกร็งรับโดยอัตโนมัติ ความนุ่มหยุ่นที่แตะแต้มไปทั่วสามารถเล่นงานกันได้มากกว่าที่คนทำคิด
แต่ถึงอย่างนั้นท่าทางเหนื่อยอ่อนก็ทำให้ไม่อาจเอาแต่ใจตัวเองได้
“นอนสักหน่อยเถอะ จะนอนเล่นก็ได้”
อีกคนไม่ตอบรับแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ แฟนยังคงคลอเคลียแนบชิดอยู่อย่างนั้น สุดท้ายแล้วท่อนแขนใหญ่จึงช้อนร่างเล็กขึ้นแล้วเดินตรงไปทางโซฟากว้างตามใจตัวเอง
คราแรกคนถูกอุ้มตกใจเล็กน้อยก่อนแขนที่กอดรอบคอจะกระชับแน่นขึ้น เอียงซบใบหน้าอยู่นิ่งๆ ยอมให้หินอุ้มไปโดยไม่ขัดขืน
เหนื่อยไปหมดจนไม่อยากทำอะไร
“ทำไมวันนี้ถึงเหนื่อย งานเยอะกว่าทุกวันหรือไง”
หินถามขึ้นเมื่อขยับท่าทางให้ได้ที่ โดยมีร่างเล็กนอนซ้อนอยู่ด้านบน ไม่ยอมนอนลงเคียงข้าง
“อืม มีประชุม กว่าจะหาข้อสรุปได้”
“งั้นวันนี้ก็รีบนอน พรุ่งนี้หยุด ไม่ต้องรีบตื่นไปไหน”
สัมผัสจากมือหนาไล้ไปตามกายบางเรื่อยๆ หวังให้สัมผัสอ่อนโยนนี้ทำให้อีกคนรู้สึกผ่อนคลายทั้งทางกายและใจ
เห็นแฟนเซื่องซึม ดูเนือยๆแล้วรู้สึกไม่สบายใจ
“หิน”
“หืม”
ใบหน้าสวยตั้งขึ้นเงยมองกัน ก่อนคนเรียกจะสื่อสารสิ่งที่ต้องการด้วยการยื่นปากออกมาน้อยๆให้คนมองหลุดยิ้ม จากนั้นจึงไม่รอช้าสนองสิ่งที่แฟนร้องขอ
จุ๊บ
สิ่งที่เดียวที่สร้างความพึงพอใจให้เมื่อยามแฟนเหนื่อยคือเจ้าตัวจะขี้อ้อนมากกว่าปกติ
จุ๊บ
พอผละออกคนขี้อ้อนก็ตามมาจูบอีกซ้ำๆ
“อยากกินสเต๊ก”
อยู่ดีๆแฟนก็เอ่ยขึ้น นิ้วมือเรียวเขี่ยไปมาบนอกหนั่นแน่นภายใต้เสื้อยืดตัวโปรด เขียนอะไรสักอย่างซึ่งจับใจความไม่ได้
“จะกินวันนี้?” คนถูกถามส่ายหน้า
“พรุ่งนี้”
“โอเค เดี๋ยวพาไปกินที่ร้าน” แฟนรับคำด้วยความพอใจก่อนจะเอียงหน้าซบลงมาเช่นเดิม
ต่อจากนั้นไม่มีบทสนทนาใดๆดังขึ้น มีเพียงสัมผัสที่สลับแตะแต้มกันไปมา กระทั่งคนที่บอกว่าจะไม่นอนนิ่งไปเนื่องจาดความเหนื่อยล้าฉุดรั้งให้ไม่อาจทนฝืนร่างกาย
หินนอนนิ่งเป็นเบาะรองนอนให้คนด้านบน แม้จะรู้ชาหนึบจนเหมือนคนเป็นอัมพาตไปครึ่งร่างแต่ก็ยอมอดทนอยู่อย่างนั้น
--
อาการเหนื่อยอ่อนที่คิดว่าจะดีขึ้นกลับไม่เป็นเช่นนั้น แฟนลืมตาตื่นด้วยความรู้สึกหนักอึ้งที่ไม่อาจอธิบายได้ ข้างกายซึ่งไร้ร่างของหินทำให้คนเพิ่งตื่นมีใบหน้ายุ่งเหยิงกว่าเดิม
แกรก
เสียงดังมาจากทางประตูห้องน้ำเรียกให้ดวงตาที่ยังคงปิด ลืมขึ้นมอง หินเลิกคิ้วยามเห็นอีกคนลุกขึ้นมานั่งจมปุกอยู่บนเตียง เสื้อนอนตัวใหญ่คอกว้างจนตกไหล่ข้างหนึ่ง เผยให้เห็นความขาวเนียนล่อตา
“ตื่นแล้วเหรอ” หินเอ่ยถามยามทรุดตัวนั่งลงบนเตียง
“อือ” แฟนทำเพียงครางรับ ก่อนจะทิ้งหัวลงบนตักของหินคล้ายจะออดอ้อนกันแต่เช้า “ง่วง”
การนอนมากมายเมื่อคืนดูเหมือนจะไม่มีผลกับร่างกาย ไม่แม้แต่จะเพิ่มพลังงานขึ้นเลยแม้แต่น้อย อาการซึ่งบอกไม่ถูกว่าจะไม่สบายหรือยังสบายดีพานให้รู้สึกหงุดหงิดใจ
“ง่วงก็นอน” คิ้วเข้มขมวดมุ่นกับท่าทางนั้นพลางยกมือขึ้นลูบไล้ผมนิ่มไปมาแผ่วเบา พยายามบอกตัวเองว่าเป็นเพราะการทำงานที่ทำให้แฟนเป็นอย่างนี้ ขณะที่ข้างในกำลังครุ่นคิดถึงอาการของคนตรงหน้า
จะไม่สบายหรือยังไง
“อือ”
มีเพียงเสียงในลำคอกับการขยับถูไถใบหน้าอยู่กับตัก กระทั่งแฟนน่าจะหลับไปอีกครั้งหินจึงค่อยๆประคองอีกคนให้นอนลงในท่าทางที่ดีกว่า
ฝ่ามือใหญ่วางทาบลงบนหน้าผากเนียน ถึงจะไม่ได้สัมผัสได้ถึงความร้อนใดๆแต่ในใจยังคงไม่คลายความกังวล
ถ้าไม่ดีขึ้นคงต้องพาไปหาหมอ
แฟนตื่นขึ้นมาอีกครั้งในเวลาเกือบเที่ยง ความอ่อนล้าลดลงแต่ไม่ได้หายไปทั้งหมด หลังจากอาบน้ำและทานข้าวเสร็จเรียบร้อยร่างเล็กก็เข้ามาคลอเคลียหินไม่ห่างเช่นเดิม
อยู่ดีๆก็อยากกอด อยากอยู่ใกล้อีกคนตลอดเวลา
“มึงดูซึมๆ รู้สึกไม่สบายหรือเปล่า”
อดถามออกมาไม่ได้เมื่อระหว่างนั่งย่อยอาหารแฟนก็ขยับเข้ามาแทรกตรงกลางหว่างขาแล้วเอนหัวพิงซบกับไหล่ท่าทางคล้ายคนอ่อนแรง
“เปล่า” ไม่ได้ไม่สบายแต่ก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเป็นอะไร
“แน่นะ”
“อือ”
คำตอบนั้นไม่ได้ทำให้คนเป็นห่วงวางใจ แต่กระนั้นหินก็ไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อ ทำเพียงแค่คอยสังเกตอาการของแฟนเป็นระยะ พยายามสัมผัสมือไปตามเนื้อตัวอีกฝ่ายบ่อยๆเพื่อเช็กอุณหภูมิของร่างกายว่ามีความเปลี่ยนแปลงหรือไม่
“พี่หิน” อยู่ดีๆคนที่เงียบไปก็เรียกขึ้น
“หืม”
“หิว”
“หืม??”
ความแปลกใจที่ไม่อาจปกปิดได้หลุดออกมาทางน้ำเสียง มือหนาวางลงบนไหล่เล็กแล้วออกแรงรั้งให้แฟนขยับห่าง ดวงตาคมจับจ้องคนตรงหน้า คิ้วเข้มขมวดเข้าหากัน
เพิ่งกินข้าวไปไม่ถึงชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ
“หิว” แฟนเอ่ยย้ำอีกครั้งด้วยใบหน้าที่เริ่มบูดบึ้ง
“หิวอะไร” หินถามเสียงหลง เดาใจไม่ถูกว่าคำว่าหิวนั้นหมายถึงข้าว ขนม หรือว่าสิ่งใด
แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็น่าแปลกใจทั้งนั้น
“ขนม”
“ขนมอะไร”
“เค้ก ไอติม ช็อกโกแลต...”
“แน่ใจนะว่ามึงไม่ได้เป็นอะไร” อาการแบบนี้ไม่ใช่สิ่งปกติ ไม่มีทางปกติอย่างแน่นอน
จริงอยู่ที่การกินขนมหลังทานข้าวไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ แต่แฟนไม่ใช่คนที่กินจุมากมายนัก เทียบกับสิ่งที่ร่ายมาทั้งหมดแล้วหินสรุปได้ทันทีเลยว่าอีกคนกำลังมีอาการแปลกๆ
และนั่นทำให้คนเป็นห่วงรู้สึกวูบโหวงในอก
“ไม่ได้เป็นอะไร แค่หิว” เจ้าตัวยังคงตอบคำถามอย่างไม่เข้าใจ
“จะกินทั้งหมดที่พูดมา?”
“เปล่า” คนฟังโล่งใจขึ้นมากับคำตอบที่ได้ยิน
“กินบิงซูด้วย” “ห๊ะ”
คนฟังอุทานจนร่างเล็กสะดุ้ง กลายเป็นแฟนที่กำลังขมวดคิ้วเพราะแปลกใจกับท่าทางตกใจนั้น
“ทำไม กูกินไม่ได้เหรอ”
ไม่ได้ก็จะกิน!
“ก็ได้ แต่แค่แปลกใจเฉยๆ”
“น่าแปลกตรงไหน”
ยังจะถาม
หินอยากพูดอย่างนั้นทว่าประกายความขุ่นเคืองในดวงตาคู่สวยบ่งบอกว่าควรเก็บคำพูดไว้เพียงในใจ ดังนั้นจึงทำได้เพียงส่ายหน้าตอบ
“ไม่แปลกก็ไม่แปลก สรุปคือจะออกไปกินขนมข้างนอก?”
“อือ”
เจ้าตัวพยักหน้ารับ ท่าทางอ่อนแรงหายไปกลายเป็นขยันขันแข็งกับการจะออกไปกินขนม พร้อมทั้งขยับถอยลงไปยืนข้างโซฟา
“ไปแต่งตัว”
ไม่เพียงแค่พูดแต่มือเล็กยังเอื้อมมาดึงให้ลุกตาม หินได้แต่หยัดกายขึ้นแล้วเดินเข้าห้องตามอีกคนไปอย่างงงๆ รู้ตัวอีกทีก็เมื่อตอนถึงห้างสรรพสินค้า ซ้ำยังนั่งอยู่ในร้านขนมที่ไม่เคยคิดจะเดินเข้าด้วยตัวเอง
“เมื่อไหร่จะมา”
คนพูดท่าทางหงุดหงิด มือเล็กเคาะลงกับโต๊ะอย่างเฝ้ารอคอยบิงซูที่สั่งไป จดจ้องกับเครื่องส่งสัญญาณตรงหน้าไม่วางตา
หินมองท่าทางของแฟนแล้วขมวดคิ้วจนแทบพันกัน
“หิวขนาดนั้นเลย?”
“อื้อ! หิว”
อีกคนตอบเสียงดังฟังชัด พอเครื่องกลมๆนั้นสั่นก็ลุกพรวดพราดเดินไปหน้าเคาน์เตอร์ด้วยความรวดเร็ว ทิ้งให้คนที่อยู่โต๊ะมองตามด้วยความแปลกใจเป็นรอบที่ร้อย
“มาแล้วๆ”
เหมือนเห็นร่างเด็กน้อยไม่กี่ขวบวิ่งถือขนมมาวางบนโต๊ะ ตาดวงโตเบิกขึ้นราวกับไม่เคยเห็น เพียงแค่บิงซูถูกวางลงแฟนก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง หยิบช้อนขึ้นมาตักเข้าปากด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“อร่อย”
“มึงสบายดีนะ?” หินถามย้ำอีกครั้ง
“สบายสิ ตอนนี้ยิ่งสบาย”
เอ่ยตอบพลางตักเกล็ดน้ำแข็งรสสตอเบอร์รีส่งให้ถึงปากแม้จะมีช้อนสองอัน หินเบือนหน้าหนีเป็นการปฏิเสธ ทว่าเมื่อเสียงครางในลำคอบ่งบอกว่าไม่พอใจดังขึ้นก็จำต้องหันกลับมาแล้วอ้าปากรับ
คนไม่ชอบกินของหวานทำหน้าปุเลี่ยน ขณะที่คนชอบหนักหนาตักเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ
หินได้แต่ส่ายหน้าอ่อนใจ ถึงจะยังคลางแคลงใจทว่าก็รู้สึกดีกว่าเมื่ออีกคนเอาแต่นอนด้วยท่าทางไม่มีแรง
อายุเกือบจะสามสิบอยู่แล้วแต่แฟนยังคงเหมือนเด็กเสมอเวลาอยู่กับเขา เบื้องหน้าเป็นผู้ใหญ่ขึ้น สุขุมขึ้น แต่ยามอยู่ด้วยกันสองต่อสองกลับเป็นเด็กขี้อ้อนไม่เคยเปลี่ยน
“เปื้อนแล้วนั่น”
คนที่มีความสุขกับการกินชะงักไปเมื่อหินเอื้อมมือมาใช้ปลายนิ้วเช็ดคราบเลอะตรงมุมปาก ด้วยอยู่ด้วยกันมานานเกินกว่าจะรู้สึกขัดเขิน คนได้รับการดูแลจึงทำเพียงแค่ยิ้มแล้วกินต่ออย่างไม่สนใจ
ตอนนี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าบิงซูข้างหน้าทั้งนั้น
[ 50% ]
หาตอนพิเศษมาคั่นสักเล็กน้อยเพราะอยากให้เวลากับในเรื่องและเวลาในชีวิตจริงตรงกันค่ะ><
อยากเขียนตอนน้องแฟนงอแงมากๆ ขี้อ้อนมากๆ ตอนนี้เลยผุดขึ้นมา ฮื่อ
ไม่รู้เลยว่ามันออกมาดีไหม หรือยังไง รู้แค่อยากเขียน
ถ้าเกิดพรุ่งนี้หรือวันอื่นมาอ่านแล้วไม่พอใจ พอเขียนจนจบตอนก็อาจจะลบออกค่ะ
ส่วนอาการน้องแฟนไม่ต้องเดาน้า น้องจะมีเบบี๋ให้พี่หินล่ะค่ะ อิอิ
มาลุ้นกันว่าทุกคนจะได้อ่านกันต่อไหม หรืออาจจะถูกหยุดไว้เพียงตอนเดียว 55555555
ส่งฟีดแบคกันได้ที่แท็ก #พี่หินคนห่าม เช่นเคยน้า
อย่าลืมคอมเมนต์ให้โซแอลคนละเล็กละน้อยเป็นกำลังใจด้วยเน่อ~
แฟนเพจ : https://www.facebook.com/writerexsoull/
Twitter : https://twitter.com/exsoull_ ฝากติดแท็ก #พี่หินคนห่าม ด้วยนะคะ