[Special] Truth or Dare #เกมท้ารัก :SpecialVIII:Playing With Fire [11.12.2018]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Special] Truth or Dare #เกมท้ารัก :SpecialVIII:Playing With Fire [11.12.2018]  (อ่าน 176052 ครั้ง)

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
Re: Truth or Dare #เกมท้ารัก : บทที่ 4 [01.11.2017]
«ตอบ #30 เมื่อ01-11-2017 20:18:52 »

พี่เตเริ่มอ่อนโยนขึ้นนิดนึง แต่เราแกร่งขึ้นจากตอนที่แล้ว เพราะงั้นน้องพิชญ์อย่าไปสนใจอะไรค่ะ รุกเข้าไปแรงๆ ไม่รักก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้วววว  :hao5:  :katai2-1:

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
Re: Truth or Dare #เกมท้ารัก : บทที่ 4 [01.11.2017]
«ตอบ #31 เมื่อ01-11-2017 20:29:42 »

ติดตามนะคะ :katai4:

ออฟไลน์ AeRoMoZa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
Re: Truth or Dare #เกมท้ารัก : บทที่ 4 [01.11.2017]
«ตอบ #32 เมื่อ01-11-2017 20:51:44 »

มีความอันตรายอยู่ทุกฝีก้าว พิชญ์เหนื่อยบ้างมั้ย แต่ชอบความร้ายของนายเอกแบบนี้นะ ถึงแม้ว่าอันนี้จะออกแนวรู้ตัวและเหนื่อยเองก็ตาม

ออฟไลน์ Daryneisfine

  • Read to improve national statistics
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
Re: Truth or Dare #เกมท้ารัก : บทที่ 4 [01.11.2017]
«ตอบ #33 เมื่อ01-11-2017 22:26:20 »

ชอบภาษาทุกครั้งที่อ่านเลยยย ในความแซ่บมีความเศร้า
ถ้าเราเป็นน้องพิชญ์ เราคงรู้สึกเหมือนคนกำลังตาย
แต่ได้รับการต่อชีวิตเรื่อยๆ พอกำลังจะฟื้นตัวดี ก็โดนโยนลงหลุมไปอีก
 
พี่เตในอดีตดูเหมือน ให้น้องเป็นคนพิเศษในระดับนึงแล้ว
ทำไมพี่เปลี่ยนใจ ทำไมต้องเปลี่ยนไป
 
แล้วแลจะมีอะไรฝังใจกับน้อง
 
น้องทำอะไรให้ ทำไมต้องใจร้าย เป็นคนยังไงอะ
 
ชอบรอยสักของน้องมากเลย ชอบความจะบินไปดวงจันทร์
อีโรติกชะมัดเลยยยย
 

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
Re: Truth or Dare #เกมท้ารัก : บทที่ 4 [01.11.2017]
«ตอบ #34 เมื่อ03-11-2017 09:45:55 »

เหมือนอยู่ในบรรยากาศอึมครึม ชอบมากแบบนี้
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
5

ผมเคยจมน้ำ...

มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นนานมาแล้ว แต่ความทรมานในตอนนั้นกลับฝังใจ

เพราะว่ายน้ำไม่เป็นถึงได้เอาแต่ตะเกียกตะกาย ก่อนจะพบว่ายิ่งดิ้นรนกลับยิ่งจมลึกลงไป

สุดท้ายผมก็สู้มวลของเหลวที่อัดแน่นอยู่รอบกายไม่ไหว... มันแทรกเข้ามาในลมหายใจ ไหลลงปอด... โอบรัดจนร่างกายหนักอึ้ง... ฉุดรั้งให้ดำดิ่งลงไป
   
ในที่สุดผมยอมจำนน... ปลดปลงความคิดที่จะยื้อชีวิตไว้ เงยหน้าขึ้นพรั่งพรูทุกความรู้สึกพร้อมลมหายใจเฮือกสุดท้าย... เสพสมแสงสว่างที่สั่นไหวเหนือผิวน้ำ เก็บไว้เป็นความทรงจำก่อนตาย
   
นับเวลาถอยหลัง... ตั้งใจบอกลา กระทั่งคัดสรรคำทักทายใครสักคนที่จะมารับผมไปโลกหน้า...

แต่แล้ววินาทีที่ดวงตาพร่าเลือน ผมเห็นเงาหนึ่งพาดทับแสงลงมา ผิวน้ำแตกกระจาย...ก่อนไหลกลับเพื่อโอบอุ้มร่างนั้นไว้
   
มือหนึ่งเอื้อมคว้า...พาแหวกว่ายกลับขึ้นไป...

คำบอกลาถูกทิ้งไว้ให้ยมทูตที่ไม่อาจฉุดรั้งผมสู่ความตาย
   
   




“ไม่รู้ต้องเริ่มจากตรงไหน” หลังจากนั่งเพ่งกระดาษไขว่างเปล่าที่ถูกวางทับลงบนไซต์แปลนก็ได้แต่ตัดพ้ออย่างจนใจ
   
ทั้งที่คิดว่าไปต่อได้ พอเอาเข้าจริงกลับไม่รู้จะเริ่มจากอะไร หันไปมองคนที่ยังนั่งอยู่ข้างกายแล้วเริ่มโอดครวญถึงปัญหาที่ตัวเองหลงลืมไป

“ส่วนใหญ่เป็นคนที่ใช้งานพื้นที่จนชิน ถ้าเราจะเปลี่ยนแปลงอะไรต้องให้แน่ใจว่าจะไม่ทำลายความเคยชินนั้น”  ก่อนหน้านี้ผมคิดว่าการพัฒนาคือสร้างความเปลี่ยนแปลง แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่... ถ้ายูสเซอร์ไม่ต้องการแทนที่จะดีขึ้นมันจะกลายเป็นทำลาย

ถึงจะไม่ถูกสร้างจริงก็ใช่ว่าจะทำไปงั้นๆ ได้ ผมไม่อยากให้โปรเจ็กต์ของตัวเองเป็นสิ่งไร้ค่าที่ไม่มีใครใช้งาน
   
“แล้วเราจะทำให้เค้ารู้ได้ยังไงว่าทำแล้วมันจะดีขึ้น” ผมว่าพลางควงดินสอในมือวนไปมา มองสมุดที่โน้ตความรู้สึกที่ได้จากตอนปิดตา
   
“จะทำยังไงให้เขาไว้ใจ...”
   
“...” ทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้เอ่ยอะไร เพียงยกยิ้มบางพลางสบตาผมนิ่งเหมือนรอฟังว่าจะพูดอะไร เท่านั้นก็กระตุ้นให้ความคิดมากมายพรั่งพรูออกมา
   
“ขอบเขตน่าจะสำคัญ พอมองไม่เห็นแล้วพื้นที่กว้างๆ มันน่ากลัว” หันกลับไปจรดปลายดินสอลงกระดาษสเกตเส้นง่ายๆ ลงไป “ต้องทำให้รู้ว่ารอบตัวเค้ามีอะไร ขอบเขตอยู่ตรงไหน ให้เค้ารู้ว่ามันปลอดภัย” ขีดฆ่าบางอย่าง แล้วเติมลงไปใหม่ จนกระดาษไขว่างเปล่าเต็มไปด้วยรอยดินสอวุ่นวาย
   
คิดว่าไม่มีใครเข้าใจนอกจากตัวผมเอง
   
“แล้วเสียงกับกลิ่นล่ะ” ผมสะดุ้งเล็กๆ กับเสียงกระซิบที่ดังข้างหู แผ่นหลังชนกับแผ่นอกของร่างสูงที่มายืนซ้อนหลังไม่ให้สุ้มเสียง และยิ่งตกใจเมื่อเขาโน้มหน้าข้ามไหล่ แขนสองข้างคร่อมร่างผมไว้พลางชี้ไปยังตำแหน่งหนึ่งในแปลน
   
“ตรงนี้ต้นจำปา?” เขาว่า ไล้นิ้วไปตามลายมือไก่เขี่ยของผมแล้วเอียงหน้ามาถาม
   
เสียงทุ้มที่ดังอยู่ข้างหูชวนจั๊กจี้จนเผลออึกอัก
   
“อะ...อืม” ทั้งแปลกใจที่เขาสังเกตเห็นมันท่ามกลางรอยดินสอมากมาย แถมยังดูเหมือนจะเข้าใจทุกอย่างที่ผมเพิ่งสเกตลงไป
   
“โรงเรียนอนุบาล ร้านซักแห้ง ร้านดอกไม้” ชี้จุดอื่นที่ผมวงไว้ ตั้งใจจะให้ความสำคัญแต่ไม่รู้ต้องทำยังไง “พวกนี้เป็นแลนด์มาร์คของเค้าถูกมั้ย” เขาถาม และผมก็พยักหน้าตอบไป กลับมาเพิ่งพิจารณาส่วนต่างๆ อีกครั้ง
   
มันคือการสร้างแผนที่ขึ้นในใจโดยใช้ประสาทรับรู้อื่นแทนดวงตา
   
“ถ้าค่อยๆ เพิ่มส่วนประกอบใหม่ลงไปในแลนด์มาร์คเดิม แล้วใช้มันบอกระยะทาง...” ผมหลุดปากออกมา ก่อนเริ่มสเกตลงไปอีกครั้ง

เส้นที่ไม่ซับซ้อนถูกทำให้เป็นรูปเป็นร่างทีละน้อย แทรกมันลงไปบนเส้นทางการใช้ชีวิตของยูสเซอร์ที่ผมร่างไว้ เผลอกระตือรือร้นจนลืมว่าใบหน้าอีกคนยังคร่อมอยู่เหนือไหล่

“แบบนี้น่าจะใช้ได้...” เพราะแบบนั้นถึงได้ชะงักไป ตอนที่หันกลับมาแล้วพบว่าปลายจมูกตัวเองเฉียดผิวแก้มเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ

“หึ...” ผงะออกแต่กลับถูกทำลายด้วยปลายจมูกโด่งของคนที่หันกลับมาด้วยสีหน้าที่ทำเอาประหลาดใจ “เก่งนี่”

“...” ริมฝีปากที่เคยยกเพียงน้อยนิดคราวนี้กลับเผยรอยยิ้มกว้างกว่าครั้งไหนๆ อวดฟันซี่บนที่เรียงตัวสวยพร้อมทอประกายไม่แพ้ดวงตาสีรัตติกาล

“ท้าหรือจริง?” ผมถามออกไป จะว่าหลุดปากก็คงได้ แต่ผมเพียงอยากพิสูจน์บางอย่างให้แน่ใจ

เขาทำหน้าประหลาดใจ แต่สุดท้ายก็เอ่ยคำตอบที่ผมรู้อยู่แล้วว่าคืออะไร “ท้า”

“ถึงคราวที่พี่ต้องปิดตา” ผมคลี่ยิ้ม หยิบผ้าเช็ดหน้าผืนเดิมขึ้นมา ม้วนมันให้หนาพอแล้วทาบลงไปบนดวงตาที่หลับลงอย่างรู้งาน ผูกมันไว้รอบศีรษะ แน่นพอจะทำให้เขามืดบอดชั่วขณะ กรีดนิ้วตามขอบผ้าเพื่อให้แน่ใจว่ามันแนบสนิทกับใบหน้าเนียน ก่อนไล้ลงมาที่สันจมูกโด่ง... ริมฝีปากบางที่ยกยิ้มน้อยๆ เลื่อนไปที่ท้ายทอยแทรกตามกลุ่มผมพร้อมกับบังคับให้ก้มหน้า

“จะเอาคืนกูหรือไง” ...เมื่อหน้าผากแตะกันเขาเอ่ยถามและผมก็หลุดหัวเราะออกมา

ไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าแลกเปลี่ยนลมหายใจด้วยปลายจมูกที่กำลังหยอกเย้า... ปล่อยให้บทสนทนาเงียบลงพร้อมจ้องมองใบหน้าใต้ผ้าปิดตานิ่งนาน... ค้นหาสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจทั้งที่ได้คำตอบตั้งแต่วินาทีที่เห็นรอยยิ้มกว้างผุดพราย

คำถามที่ว่าถ้าไม่มีดวงตาคู่นี้เขาจะยังมีอิทธิพลต่อผมอยู่ไหม สมมติฐานว่าถ้าไม่ถูกความมืดพราวระยับราวท้องฟ้ารัตติกาลดึงดูดไว้ผมอาจเป็นอิสระได้โดยง่ายล้วนถูกทำลาย

เห็นได้ชัดว่ามีสิ่งอื่นมากมายที่ประกอบร่างสร้างตัวตนที่ผมหลงใหล

สายตา... รอยยิ้ม... สันจมูก หรือแม้แต่กลิ่นนิโคตินในลมหายใจ

ทุกอย่างล้วนล่อลวงให้เข้าหาจนไม่ทันระวังว่าความสมบูรณ์แบบของเขาอันตราย...

“เต”

กระทั่งถูกมันทำร้าย… ด้วยการบอกว่าใครต่อใครต่างต้องการมัน

“อยู่มั้ย?”

...และผมไม่ใช่ผู้ที่ได้สิทธิ์ในการครอบครอง

“เต... อ้าว อยู่นี่เอง”

จำใจแกะผ้าเช็ดหน้าออก ก่อนจะผละออกมาเพื่อมองผู้มาเยือน เกือบจะสงสัยว่าเธอมาทำไม ถ้าหากว่าเจ้าตัวไม่เดินเข้ามาควงแขนอีกคนที่ผมเพิ่งปลดผ้าปิดตาให้

“ขอโทษนะ ให้รอนานเลย”

อืม... ได้ยินมาว่าช่วงนี้เขาเข้าสตูปีสามบ่อย เพราะแบบนี้เองสินะ

“แล้วนี่พิชญ์ ยังไม่กลับเหรอ”

“ครับ พอดีงานยังไม่เสร็จ”

ที่ได้คุยกับพี่เจด ได้รู้ว่าผมกำลังโคม่า... รู้ว่าผมอยู่สตูแล้วเอาผ้าเช็ดหน้ามาคืนให้... เพราะแบบนี้ใช่ไหม

“อ้าว งั้นย้ายไปสตูปีสามมั้ย จะเที่ยงคืนแล้วอ่ะ เดี๋ยวไฟตัดแล้วย้ายยากนะ” น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใย และรอยยิ้มหวานประดับหน้าสวยทำให้ผมยิ้มตอบกลับไป

“ไม่เป็นไรครับ กะว่าจะกลับแล้วเหมือนกัน พี่ปาอ่ะจะกลับแล้วเหรอ” เดิมทีก็ตั้งใจจะกลับก่อนเที่ยงคืนเพราะนโยบายประหยัดไฟของคณะที่จะตัดไฟสตูหลังเที่ยงคืนทำให้ใช้พื้นที่ได้จำกัด แต่เพราะทำงานเพลินเลยไม่ทันรู้ตัวว่าลากยาวมาจนป่านนี้เหมือนกัน

“อืม แต่ว่าจะไปหาอะไรกินก่อน เตหิวใช่ป่ะ”

“อือ” ตอบแค่นั้นขณะที่ฝ่ามือหนายกขึ้นลูบเรือนผมยาวทั้งที่ดวงตาคู่นั้นยังจ้องผมไม่วางตา สายตาที่ทำให้ผมได้แต่เบือนหน้าหนี

“งั้นก็เจอกันนะครับ” แสร้งยิ้มกว้างบอกลาก่อนหมุนตัวกลับมามองกระดาษสเกตของตัวเองแล้วเริ่มเก็บอย่างช้าๆ

“นี่ดีนะที่สตูปีสามต่อไฟใช้เองแล้ว ไม่งั้นปาคงต้องสิงห้องเตต่อไม่เป็นอันทำงานพอดีอ่ะ” ได้ยินเสียงฝีเท้าพร้อมเสียงพึมพำที่ทำเอาผมหัวเราะออกมา... ดังพอแค่ให้ตัวเองได้ยินเพื่อบอกว่าความรู้สึกก่อนหน้าช่างน่าสมเพชจับใจ

รอยยิ้มเหรอ? นั่นสำคัญอะไร ในเมื่อแม้แต่จูบยังไร้ความหมาย

‘ปิดตา แล้วไว้ใจกู’

นั่นคือคำท้า... และผมน่าจะรู้แต่แรกว่าไม่ควรตอบรับไป
   
ควรเลือกรับบทลงโทษ แทนที่จะเอ่ยคำว่าไว้ใจ เพราะผมไว้ใจเขาไม่ได้ พอๆ กับไว้ใจสิ่งที่เรียกว่า ‘ความหวัง’ ไม่ได้...

ทุกครั้งที่หวังมากไป มันจะทำลายตัวเอง... แหลกสลาย

ช่างน่าขันที่ผมมืดบอดจนปล่อยให้เขาช่วยประคองลงบันได เพื่อพบว่าหลังบันไดขั้นสุดท้ายคือมหาสมุทร เวิ้งว้าง ไร้ก้น...
   
แอปเปิ้ลอาบยาพิษออกฤทธิ์เร็วเกินไป... ขาของผมชาดิก ลืมวิธีตะเกียกตะกาย ได้แต่ปล่อยให้ตัวเองจมดิ่ง มองผิวน้ำไกลห่าง...
   
ผมเคยจมน้ำ... และความทรมานยังคงฝังใจ

“พิชญ์”

ถ้าไม่มีใครบางคนมาช่วยไว้คราวนั้นผมคงตาย

“วันหลังไปทำงานห้องกูสิ”

คราวนี้ก็เหมือนกัน...

“มีโต๊ะดราฟให้ ใช้ไฟได้ตามใจ”

“...”

“ครั้งนี้ไม่ได้ท้า... กูชวน”
   
เรื่องตลกร้ายก็คือ... คนที่ช่วยชีวิตผมไว้ กลับเป็นคนเดียวกับผู้ชายที่เพิ่งผลักผมลงมา

   




‘คราวนี้กี่คน’
   
‘สอง’
   
‘รวมผมด้วยก็เป็นสามสินะ’ เผลอแค่นยิ้มเมื่อเข้าใจถึงสถานะตัวเอง
   
ไม่ใช่ที่หนึ่งหรือสอง... แต่เป็นสาม... หรืออาจไม่ใช่ตำแหน่งไหนๆ
   
ความพยายามช่างไร้ความหมาย
   
‘เค้าไม่โวยวายหน่อยเหรอที่พี่คบทีเดียวหลายคน’ ผมเลิกคิ้ว ในวินาทีแรกพี่เตนิ่งไปขมวดคิ้วคล้ายครุ่นคิดแต่สุดท้ายยักไหล่เหมือนไม่คิดอะไร
   
‘กูไม่ได้เป็นคนเริ่ม’
   
‘...’
   
‘ถ้ารับไม่ได้ก็ควรไป’

พูดง่าย...

แต่นั่นแหละพี่... ทุกสิ่งล้วนง่ายดาย... ไร้ค่า ไม่มีความหมาย

‘ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมยังทน’

ร้ายกาจขนาดนี้ทำไมถึงไม่ถูกเกลียดนะ...

คงเพราะในความร้ายกาจมีความน่าหลงใหล ในความเกลียดชังมีความรักที่ไม่อาจละทิ้งได้

‘ถามจริง พี่เคยรักใครมั้ย’

‘?’ หลุดหัวเราะเมื่อพี่หันกลับมาเลิกคิ้วเหมือนคำถามของผมมันยากเกินไป

‘เอาใหม่ก็ได้ พี่เคยคิดจะคบใครนานๆ มั้ย’

‘นานแค่ไหน’

ผมถอนใจ

‘แล้วเคยคบนานที่สุดเท่าไหร่’

‘ไม่เคยนับ’ ริมฝีปากบางคาบบุหรี่ไว้อีกครั้งพลางยักไหล่

‘คร่าวๆ ก็ได้ ใช้ความรู้สึกไง’

ไม่รู้ทำไมถึงอยากรู้นัก ทั้งที่ไม่ใช่สาระสำคัญอะไร ...คงเพราะอยากพิสูจน์ที่ใครต่อใครกล่าวหาว่าพี่ไร้หัวใจ นั่นจริงไหม

จำไม่ได้ว่าผมได้คำตอบเรื่องที่พี่มีหรือไม่มีหัวใจ

‘...’

แต่จำได้ดีว่าพี่มองหน้าผมนิ่งนานด้วยดวงตาสีรัตติกาลคู่นั้น นิ้วเรียวยกขึ้นมาคีบบุหรี่ออกจากปากแล้วดับมัน …มุมปากยกยิ้มแล้วตอบคำถาม
   
‘สี่เดือน’
   
จำได้ดี... ว่านั่นคือระยะเวลาที่เราคบกัน




----------------------------------------------
แงงง มันสั้นอีกแล้วอ่ะ ขอโทษค่ะ T T
ตอนหน้าจะยาวกว่านี้ค่ะ สัญญา...

เมื่อวันก่อนคุยกับเพื่อนว่าชีวิตตอนนี้เหมือนว่ายน้ำอยู่ในมหาสมุทรเลยนะ
เวิ้งว้างไปหมดทุกทาง เหนื่อยแค่ไหนถ้าไม่ขยับเท้าก็มีแต่จะจมลงไป
เราเลยเขียนตอนนี้ขึนมาด้วยความรู้สึกคล้ายๆ กัน ถ้าพิชญ์ยอมแพ้ตอนนี้ ก็คงต้องจมน้ำตาย
แต่ไม่รู้ว่าอะไรทรมานกว่ากันนะระหว่างยอมจมลงไปกับการถูกช่วยไว้แล้วก็ตกลงมาใหม่ซ้ำไปซ้ำมา  :hao5:

เชื่อว่าคำถามในหัวหลายคนตอนคือพี่เตกำลังคิดอะไร ต้องการอะไรกันแน่ใช่มั้ยคะ 5555
ถ้าเราบอกว่าพี่เตไม่ได้ต้องการอะไร และไม่ใช่คนซับซ้อนเลยแม้แต่น้อย จะเชื่อมั้ยคะ...

เอาเป็นว่ารอดูต่อไปดีกว่า ฝาก #เกมท้ารัก ด้วยนะคะ รู้ว่าอึดอัดแต่อย่าเพิ่งทิ้งกันนะ T^T
ขอบคุณทุกคนที่ยังอยู่ตรงนี้ค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-11-2017 21:16:19 โดย makok_num »

ออฟไลน์ แม่น้องเปา

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
รออยู่เสมอค่ะ  :mew6: เอาใจช่วยพิชญ์

ออฟไลน์ oki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 300
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
เขียนบรรยายความรู้สึกได้ดีมากๆเลยค่ะ อ่านแล้วเห็นภาพเลย :hao5:

ออฟไลน์ baibuabuaz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สงสารพิชญ์ ฮือออออออ

ออฟไลน์ wwll

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 20
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ชอบในความเรียล
หลายๆครั้งถ้าไม่ได้ตกอยู่ในสถานการณ์นั้นเอง คนอื่นมักหยิบยื่นทางเลือกให้ตัดใจ ให้เดินออกมา
ซึ่งคนฉลาด(ในสภาวะปกติ)ใครๆก็ต้องเลือกแบบนั้นอยู่แล้ว
แต่ก็หลายๆครั้ง มันไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น

ชอบในคำถามที่พิชญ์ตั้งกับตัวเอง
「ร้ายกาจขนาดนี้ทำไมถึงไม่ถูกเกลียดนะ...
คงเพราะในความร้ายกาจมีความน่าหลงใหล ในความเกลียดชังมีความรักที่ไม่อาจละทิ้งได้」

อีกฝ่ายไม่ได้พูดพูดคำหวาน สัญญาว่าจะมีแค่คนเดียว
ทุกคนที่เข้ามา มีคำว่ารักเป็นเดิมพัน กำมันในมือ เดินไปหากองไฟกองนั้นเอง
อาจจะมอดไหม้จนสลายไป หรือร้อนจนทนไม่ไหวต้องกระโจนออกมา
หรืออาจจะเป็นวัสดุทนไฟ ก็สุดแล้วแต่จะเลือก

รอติดตามตอนต่อไปนะคะ
ขอบคุณสำหรับนิยายค่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Truth or Dare #เกมท้ารัก : บทที่ 5 P.2 [05.11.2017]
« ตอบ #39 เมื่อ: 05-11-2017 10:34:04 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Kkookkai12

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
 :katai1:
บรรยายได้กระจ่างถึงความรู้สึกของพิชญ์มากเลยค่ะ จนรู้สึกแบบพิชญ์ไปด้วยเลย สงสารนางจัง

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
นี่วนกลับไปอ่านสองรอบเลย
คาดว่าเร็วๆนี้จะอ่านรอบสามถ้ายังไม่มาต่อ ถถถถ


หลงนักพี่เตแล้ว ยอมแล้วว
หน่วงมาก ชอบบบบบ o13

ออฟไลน์ AeRoMoZa

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 429
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-1
ตอนนี้ ช่วงแรกอ่านไป และใจสั่นกับความใกล้ชิด และความเซ็กซี่ แต่แล้วก็ใจสั่นแบบหวิวๆ ตอนที่มีบุคคลที่สามเพิ่มเข้ามาเลย ฮือ

ออฟไลน์ aiLime13

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1146/-11
    • twitter

นั่นสิ..
พี่เตนิสัยแย่แบบนี้ทำไมไม่โดนเกลียดนะ
เราเนี่ยแหละที่เกลียดพี่เตไม่ลง ฮือออออออออออ

สงสารน้องพิชญ์ แต่พี่เตก็มีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนเหลือเกิน
สนุกมากมั้ยเล่นกับใจน้องเนี่ยยยยยย ;w;;

อยากโกรธพี่เตจริงๆ เลย
แต่ทำไม่ได้ ความก๊าวใจมันกลบหมดเลย
สับสนไปหมดว่าควรรู้สึกยังไงดี ฮาาาาาาา

 :hao5:


ออฟไลน์ wanirahot

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
อึดอัดเหลือเกิน น้องต้องสตรองให้ได้นน๊า สู้พี่มัน ให้เสียดาย หลงหัวปักหัวปำเลย

ออฟไลน์ LadySaiKim

  • ▫▪□Dezine'Kim□▪▫
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1703
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-0
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
เหมือนหลายๆคนก็รู้ว่าพี่เตเหมือนกองไฟ รู้ว่าจะต้องโดนความร้อนแต่ก็ยังอยากที่จะเข้าไปใกล้  พี่เตมาอ่อยน้องทำไมมมมม  :ling1:

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
6

   
ก่อนอื่นคงต้องยอมรับตามตรงว่าผมตกใจ... ไม่ใช่เพราะรู้ว่าเขากำลังคบใคร

...แต่เพราะมันเป็นเครื่องยืนยันว่าเวลาไม่เคยทำให้เขาเปลี่ยนไป

เพราะเขาไม่ใช่คนเจ้าชู้ หว่านเสน่ห์ออกหน้าออกตาถึงไม่เคยระแคะระคาย ไม่มีสัญญาณว่าเขากำลังหมายตาใคร ผมถึงได้ใจว่าที่ผ่านมามีเพียงตัวเองที่อยู่ในสายตา

แต่ผมลืมไปซะสนิทว่าเตวิชญ์ไม่ใช่ผู้ล่า... เขาเป็นราชา

เพียงนั่งเฉยๆ ก็มีคนพร้อมจะส่งตัวเองมาเป็นเครื่องบรรณาการ
   
ดังนั้นถ้าให้เดา เรื่องราวคงเริ่มจากความลึกลับอันเย้ายวนใจของเขา... แสงจันทร์ยามราตรีที่ล่อแมลงเล็กจ้อยมาติดกับ...หยอกเย้า เล่นล้อกับความลุ่มหลงที่ถูกมอบให้ครั้งแล้วครั้งเล่า... คล้ายการตอบรับ

แต่แมลงโง่เขลาไม่มีทางบินถึงดวงจันทร์... สิ่งที่เขาทำเป็นเพียงแค่ใช้แสงนวลอาบไล้พวกมัน ทั้งที่ดวงจันทร์ไม่มีแสงเป็นของตัวเองด้วยซ้ำ สักวันความจริงจะปรากฏว่าสิ่งเหล่านั้นคือภาพมายา ดวงจันทร์ที่มันหลงรัก เป็นเพียงก้อนหิน เย็นชืด ...ไร้หัวใจ
   
ทีนี้... ลองเดากันไหมว่าตอนจบของเรื่องนี้จะเป็นยังไง
   
“ปาไม่เข้าใจ ปาทำอะไรผิด”
   
“...”
   
สุดท้าย ปีกแสนบอบบางจะค่อยๆ กร่อนสลาย

“เตเบื่อเหรอ ไม่รักปาแล้วเหรอ ทำแบบนี้ทำไม”
   
“...”

ความอ่อนล้าจะทำให้ร่างของพวกมันร่วงหล่นลงมา

“เต! อธิบายมาสิ ปาจะได้รู้ว่าตัวเองผิดอะไร”

“...” 

...ความเย็นชาที่ได้รับตอกย้ำว่าไม่อาจเอื้อมคว้าสิ่งใด
   
บอกแล้วไงว่าสำหรับเตวิชญ์ ความสัมพันธ์มีสูตรสำเร็จ ตายตัว

“เตวิชญ์...!” น้ำเสียงอ้อนวอนเปลี่ยนเป็นกราดเกรี้ยวเมื่อพยายามจะร้องขอคำอธิบายเท่าไหร่อีกฝ่ายกลับไม่ปริปากและคงจะไม่แสดงท่าทางยินดียินร้ายอะไร เจ้าของเสียงหวานถึงได้ระเบิดอารมณ์ออกมา
   
ผมไม่รู้ว่าคนอื่นจะจัดการเรื่องนี้ยังไง แต่สำหรับเขา...
   
“เธอไม่ผิดหรอก ขอโทษนะ” มันง่ายดาย
   
บางที อาจเป็นเรื่องดีที่เวลาไม่อาจทำลายความเย็นชาของเขาลงได้... การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยอาจทำให้การเริ่มต้นใหม่ยากเกินไป
   
ผมยังต้องใช้ความร้ายของเขาในการถ่วงเวลา... ฟูมฟักให้ปีกที่เคยผุพังกลับมาแข็งแรงพอจะบินขึ้นไป... แข็งแรงพอที่จะไม่ตกลงมาใหม่... ไม่เปราะแตกหรือบุบสลายเมื่อสัมผัสผิวเย็นชืดของดวงจันทร์
   
“เลว!” หลังจากนั้นผมได้ยินเสียงร้องไห้ฟูมฟาย เสียงฝีเท้าหนักๆ ที่ดังไกลออกไป และเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามา...
   
“ขอบุหรี่หน่อย”
   
ถูกจับได้ซะแล้ว
   
คงเพราะมวนนิโคตินในปากที่กำลังเผาไหม้ส่งกลิ่นควันลอยออกไปบ่งบอกตำแหน่งของคนที่ไม่ควรจะมาอยู่ในสถานการณ์
   
“ดราม่าชะมัด” ผมว่ายื่นซองบุหรี่พร้อมไฟแช็กให้ ตัดความหวังที่เขาจะมาต่อไฟจากปลายบุหรี่ตัวเองด้วยการสูดเข้าปอดเพียงครั้งแล้วดับมัน
   
“ทำไมไม่บอกไปว่าไม่รัก” เอนหลังพิงขอบระเบียง มองอีกฝ่ายจุดไฟ ละเลียดควันอ้อยอิ่งขณะมองไปข้างหน้านิ่งนาน คงเพราะคำถามแทงใจ
   
เหตุผลที่เขาไม่ยอมเอ่ยออกไป คนนอกอย่างผมสัมผัสมันได้ชัดเจน
   
“แบบนั้นมันคงทำร้ายจิตใจ” ปล่อยให้มวนนิโคตินถูกสายลมเผาไหม้ไปกว่าครึ่งเขาจึงตอบคำถาม
   
“หา?” ผมชะงัก ถึงกับเบิกตากว้าง ก่อนจะหัวเราะ... หัวเราะเสียงดังจนตัวเองตกใจ

คงเพราะความหมายของมันกรีดแทงกว่าคำถามแกมประชดของผมหลายเท่า
   
...นี่น่ะเหรอความอ่อนโยนที่พี่เลือกใช้ ผลักไสโดยไร้คำอธิบาย ยอมรับความผิดไว้ แล้วหายไป
   
“ผมว่าแบบนี้เจ็บกว่า” หลุดปากพูดสิ่งที่คิด ไม่คิดหลบหลีกยามนัยน์ตาสีรัตติกาลหันกลับมาสบตา มองประกายแสงระยับ และรอยยิ้มมุมปากขณะที่ฝ่ามือหนาวางลงมาบนศีรษะ
   
“งั้นก็เจ็บทั้งสองทาง” ลูบผ่านเรือนผมก่อนเลื่อนไปจับกระเป๋าผ้าใบโตบนบ่า “กูควรเลือกทางที่ตัวเองพอใจ” ใช้นิ้วเรียวเกี่ยวมันออกมา ดับบุหรี่แล้วเดินนำหน้าออกไป ทิ้งผมไว้กับประโยคสุดท้ายที่ผมทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจ

ทั้งที่ความหมายตรงตัว ไม่ซับซ้อนแต่กลับไม่อยากยอมรับมันง่ายดาย... ตั้งใจหาข้อถกเถียง แต่สุดท้ายก็จบลงด้วยถ้อยคำจำนน
   
มันก็จริง...

   




คำชวนของเขามันเหมือนการล่อลวง แต่ผมไม่คิดจะปฏิเสธมัน
   
แน่ล่ะ ในเมื่อมันไม่ใช่โอกาสที่หาได้ง่ายๆ แม้ว่าผมจะไม่ใช่คนแรกที่เขาหยิบยื่นโอกาสให้ก็ตาม
   
การรู้ว่าตัวเองต้องใช้สถานที่ซ้อนทับคนเก่าที่เขาเพิ่งทิ้งหมาดๆ ทำเอาผมหงุดหงิดไม่น้อย การถูกตอกหน้าว่าไม่ได้เป็นคนพิเศษทำให้ผมจำใจถอยหนึ่งก้าวเพื่อไม่ให้เจ็บตัว   

“น่าจะเอาเงินไปซื้อมอเตอร์ไซค์ใหม่” คิดออกมาดังๆ เมื่อเห็นว่าเจ้าของรถมอเตอร์ไซค์บุโรทั่งที่ผมเพิ่งนั่งซ้อนมามีที่ซุกหัวนอนโอ่อ่าขนาดไหน
   
เพนท์เฮ้าส์ชั้นบนสุดของคอนโดฯ ถูกตกแต่งด้วยโมเดิร์นลอฟต์สไตล์ ดิบด้วยสัจวัสดุแต่ทิ้งคราบความหรูหราไว้ด้วยการจัดวางองค์ประกอบแต่ละชิ้นอย่างประณีตเล่นล้อแสงไฟ เฟอร์นิเจอร์ราคาแพงเพียงไม่กี่ชิ้นราวส่วนหนึ่งของงานศิลปะที่เจ้าของห้องบรรจงคัดสรรมาประดับไว้ไม่ให้บรรยากาศแห้งแล้งจนเกินไป
   
แล้วสระว่ายน้ำนี่มันอะไร...
   
“ก็เอาเงินจ่ายค่าห้องหมดไง ถึงไม่มีซื้อมอเตอร์ไซค์ใหม่” เขาว่า ยักไหล่ไม่ยี่หระก่อนจะเอาของของผมไปวางไว้บนโต๊ะดราฟข้างโซฟารับแขกให้ เมื่อผมเอาแต่สำรวจห้องและกำลังชะโงกหน้ามองส่วนของสระว่ายน้ำที่อยู่ต่ำลงไปครึ่งชั้นอย่างให้ความสนใจ
   
ดูเหมือนข้างล่างนั่นจะเป็นส่วนที่เขาใช้ชีวิตมากกว่าตรงนี้ที่คงถูกใช้ต้อนรับใครก็ตามที่เขาอนุญาตให้เข้ามาสัมผัสพื้นที่ส่วนตัวเพียงผิวเผินขณะที่ซุกซ่อนเกือบทั้งหมดไว้
   
...แต่ขอโทษด้วยที่ผมมันเอาแต่ใจ
   
“งั้นน่าจะลองขายห้องไปซื้อมอเตอร์ไซค์” ทำเป็นยอกย้อนให้เขายิ้มขำกลบเกลื่อนที่ตัวเองกำลังถือวิสาสะก้าวลงบันได 

ทำเมินเจ้าของห้องที่ยกมือขึ้นกอดอกมองตาม สีหน้าคล้ายกำลังหยั่งเชิงว่าผมจะทำอะไร เดินลงมาสำรวจพื้นที่หวงห้ามโดยไม่คิดจะขออนุญาตใดๆ
   
ถัดจากสระว่ายน้ำที่พาดตัวยาวตามแนวหน้าต่างบานสูงที่เชื่อมกับระเบียงเป็นห้องนั่งเล่นที่กว้างขวางกว่า ฝั่งตะวันออกมีประตูสองบานที่ผมเดาได้ว่าเป็นห้องนอนกับห้องน้ำ มีครัวอยู่อีกฝั่ง ไฮไลท์คือพื้นยกระดับที่มีเครื่องดนตรีชุดหนึ่งวางไว้ติดหน้าต่างบานสูงที่เปิดม่านสีครึ้มไว้ครึ่งหนึ่ง

ที่บอกว่าเป็นไฮไลท์เพราะมันเดาได้ไม่ยากเลยจะเกิดภาพที่สวยแค่ไหน ยามที่เขานั่งอยู่ตรงนั้น จับเครื่องดนตรีสักชิ้นให้แสงที่ลอดผ่านผ้าม่านกระทบร่างสมบูรณ์แบบจนเกิดเงา

สมเป็นอาณาจักรราชา

“ไม่มีใครกล้าลงมาถ้ากูไม่อนุญาต” ประโยคบอกเล่าที่แฝงด้วยความตำหนิจางๆ ทำให้ผมหลุดขำ หันไปมองหน้าเขาแล้วยกยิ้มมุมปาก

“ถ้าพี่ไม่อนุญาตควรห้ามตั้งแต่เห็นผมลงบันได” แต่ไม่รับปากหรอกว่าเขาจะห้ามผมได้
   
บอกแล้วไงว่าผมมันเอาแต่ใจ...
   
คนตัวโตกว่าไม่ว่าอะไร เพียงสบตาผมคล้ายรอดูว่าผมจะหาลูกเล่นอะไรมายื้อไม่ให้ตัวเองถูกไล่กลับขึ้นไป
   
ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องยากนักหรอก
   
“ผมหิวอ่ะ” ว่าพลางเดินไปที่ครัว กวาดสายตาหาบางอย่างแล้วหยิบมันขึ้นมา

“ต้มมาม่ากินได้มั้ย” ปั้นหน้าซื่อทำเป็นเกรงใจทั้งที่รู้ดีว่าเขามองออกว่าผมจงใจ






มันไม่ใช่ภาพที่ผมคิดว่าชาตินี้จะได้เห็น...

ภาพที่ตอกย้ำซ้ำๆ ว่าเขาช่างเพอร์เฟ็กต์... กระทั่งเรื่องเล็กๆ

ภาพของผู้ชายตัวโตเดินไปเดินมาอยู่ในครัวที่ดูแคบไปถนัดตา เสื้อยืดคอกว้าง กับกางเกงยีนขาดๆ ทำให้ผมจินตนาการภาพเขาอยู่ในนิตยสารสตรีทแฟชั่นมากกว่ายืนอยู่หน้าเตา ง่วนกับการโยนส่วนผสมลงไปในเมนูสปาเกตตี้ไวท์ซอสด้วยท่าทางชำนิชำนาญ...

แต่ต้องยอมรับว่าช่างเป็นความขัดแย้งที่ลงตัว

“ไม่ยักรู้ว่าพี่ทำอาหารได้” กระโดดขึ้นไปนั่งบนเคาน์เตอร์พลางมองซอสในกระทะที่กำลังส่งกลิ่นหอมได้ที่อย่างประหลาดใจ เขาไม่ตอบอะไร แค่ยักไหล่แล้วโยนเส้นสปาเกตตี้สุกลงไป

ตอนที่เขาพูดว่ามีของดีกว่ามาม่า ผมไม่ได้คาดหวังว่ามันจะกลายเป็นอาหารจริงจัง อย่างมากก็เมนูสำเร็จรูปสักอย่างกระทั่งเขาทำให้รู้ว่าผมเผลอประเมินเขาต่ำเกินไป

“ชิมหน่อยสิ” ยื่นหน้าเข้าไปหาเมื่อเห็นว่าเขาหยิบเส้นสปาเกตตี้ที่คลุกเคล้ากับซอสจนได้ที่ขึ้นมา คุณพ่อครัวเลิกคิ้วมอง ก่อนยกยิ้มพร้อมขยับมายืนแทรกระหว่างขา เรียกให้ผมเงยหน้าขึ้น อ้าปากรอส้นสปาเกตตี้ที่เขาจะส่งเข้ามา

แล้วเส้นเหนียวนุ่มก็แตะลงมาที่ลิ้น ให้ผมรับรู้รสชาติกลมกล่อมของซอส... ตามด้วยสัมผัสของนิ้วร้อนๆ ที่เจ้าของบรรจงป้อนอย่างจงใจ

เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะหยุดแกล้งเพื่อปล่อยให้ผมได้พิจารณารสชาติ ขณะที่ตัวเองชิมมันจากปลายนิ้วที่ดึงกลับไป ผมเลิกคิ้วเมื่อเห็นปลายลิ้นของเขาแตะลงบนนิ้วโป้งที่คงจะเหลือเพียงรสชาติจางๆ ผสมน้ำลาย ก่อนกระโดดลงจากเคาน์เตอร์เพื่อซุกซ่อนใบหน้าที่กำลังเห่อร้อนของตัวเองไว้

“เดี๋ยวผมหยิบจานให้”

มื้อเย็นแสนเรียบง่ายไม่ได้ทำให้รู้สึกพิเศษน้อยลงเมื่อผมตระหนักได้ว่ามันเป็นการกินข้าวร่วมโต๊ะครั้งแรกของเรา ยิ่งเป็นในห้องเขา และอาหารฝีมือเขา...

สารภาพว่าผมเผลอให้ตัวเองลิงโลดขึ้นมาชั่วขณะ ก่อนจะเกิดคำถามว่าผมเป็นคนที่เท่าไหร่ที่ได้กินมัน เขาเคยทำเมนูเดียวกันนี้ให้ใครกินบ้าง... อย่างน้อยก็คงพี่ปา...

“ไม่ชอบเหรอ” กว่าจะรู้ว่าเผลอทำหน้าไม่พอใจ ก็ตอนที่เขาเอ่ยทักเมื่อเห็นผมเอาแต่ใช้ส้อมม้วนเส้นไปเรื่อยๆ ไม่ยอมกินมัน

“มึงจะต้มมาม่าก็ได้” พอผมไม่ตอบเขาเลยเสนอ สีหน้าที่คล้ายเป็นกังวลของเขาทำให้ผมประหลาดใจ

“ปกติกูทำกินเอง ไม่รู้หรอกว่าคนอื่นชอบรสชาติยังไง” ยิ่งประหลาดใจกับประโยคต่อมา

...ยังกับอ่านใจกันออกเลยนะ

“หึ” ผมหลุดหัวเราะ เสียงดังพอให้เขาเลิกคิ้วสงสัย แต่แทนที่จะตอบว่าหัวเราะทำไม ผมตักสปาเกตตี้คำโตเข้าปากแล้วเอ่ยในสิ่งที่ทำให้พ่อครัวยิ้มออกมา “ผมชอบมัน”






ทุกอย่างดูราบลื่นและเป็นธรรมชาติเกินไป จนน่ากลัวว่าในความเรียบง่าย เขาอาจซุกซ่อนมีดแหลมไว้

หลังจากกินข้าวเย็นเสร็จเขาก็เก็บจานไปล้าง ไล่ผมไปทำงาน เปิดเพลงเพื่อไม่ให้บรรยากาศในห้องเงียบเกินไป น่าแปลกที่เขาไม่ได้ไล่ผมกลับขึ้นไปยังส่วนรับแขก ซ้ำยังอนุญาตให้ผมใช้ห้องนั่งเล่นด้านล่างทำงานได้ ชิ้นส่วนของโมเดลที่กระจัดกระจายเต็มพื้นไม่ได้ทำให้เขาหงุดหงิดหรือต่อว่าอะไร เจ้าของห้องยังใช้ชีวิตราวกับว่าไม่มีผมนั่งอยู่ให้รกหูรกตา

อากาศธาตุ... อืม คำนี้คงบอกสถานะตอนนี้ของตัวเองได้

“สูบบุหรี่ได้มั้ย” และก่อนที่จะกลายเป็นอนุภาคเล็กจ้อยไร้ความหมาย ผมควรทำให้เขารู้ว่าตัวเองยังมีตัวตน

“เมื่อเย็นมึงเพิ่งสูบ” ได้ผล... คนที่วุ่นวายอยู่กับกีตาร์ในมือเงยหน้าขึ้นมามอง เตือนผมถึงปณิธานที่ตัวเองตั้งไว้

บุหรี่วันละมวน... ผมอนุญาตให้ตัวเองได้เท่านั้น แรงจูงใจในการหักดิบคือการมีเขามาทรมานร่วมกัน
 
“อา...” แกล้งส่งเสียงเหมือนนึกขึ้นได้ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจ

จะลืมได้ยังไงในเมื่อผมเองที่ลากเขาเข้ามาด้วยคำท้าทาย... และเขายอมตกลงเพื่อทำลายคำปรามาสของผมที่บอกว่าเขาจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีมัน

“อยากได้กาแฟจัง” ผมลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย ถือวิสาสะเดินไปที่ครัวมองเครื่องชงกาแฟที่ตั้งอยู่บนเคาน์เตอร์อย่างเก้ๆ กังๆ

“ไปนั่งรอไป” เจ้าของห้องเดินมายืนข้างๆ ดันให้ผมหลีกทาง เปิดตู้เหนือหัวแล้วหยิบผงกาแฟออกมาพร้อมแก้วสองใบ 


ผมปล่อยให้เขาวุ่นวายอยู่กับมันแล้วหันไปหยิบน้ำเปล่าออกมาจากตู้เย็น ดื่มมันจากขวดแล้วหันกลับมายืนมองแผ่นหลังกว้างที่กำลังรอเครื่องชงกาแฟทำงาน เสียงเครื่องจักรดังแทรกเสียงเพลงอยู่ไม่นาน เขาก็หันพร้อมเอสเพรสโซ่ร้อนๆ หอมกรุ่นในแก้วเซรามิคทรงสวย

มันช่าง... เป็นธรรมชาติเกินไป

ถ้าเขาตะขิดตะขวงใจกับการมีอยู่ของผมสักนิด ถ้าเราแสดงความประดักประเดิดใส่กันสักหน่อย ผมคงไม่คิดมากอย่างนี้

มันแย่ตรงที่ ผมชอบมัน... ชอบทั้งที่รู้ว่านี่มันอันตราย

“ผมอยากได้สระว่ายน้ำแบบนี้ในห้องบ้าง” ผมปัดความรู้สึกเหล่านั้นออกไป หยิบกาแฟมาจิบเพียงครั้ง แล้วผละออกมา เบี่ยงเบนความสนใจตัวเองด้วยสระไว้น้ำสีมรกตที่กำลังสะท้อนแสงจันทร์

หน้าต่างที่สูงจรดเพดานทำให้พระจันทร์ดวงโตดูใกล้จนคล้ายกับว่าผมจะแตะมันได้เพียงเอื้อมมือออกไป

ทั้งที่ในความจริงมันเป็นไปไม่ได้...

“ว่ายน้ำไม่เป็นแล้วจะมีสระว่ายน้ำไปทำไม” 

แต่แล้วคำตอบของเขาทำให้ผมชะงักฝีเท้าที่กำลังแตะลงไปบนผิวน้ำ หันกลับไปมองร่างสูงที่ยังอยู่ในครัวอย่างตกใจ เขาหันหลังอยู่คงไม่รู้ว่าผมกำลังมีสีหน้าแบบไหน

...คงไม่รู้ตัว ว่าคำพูดเพียงผ่านของตัวเองกลายเป็นคำเฉลยของปริศนาที่ผมยังหาคำตอบไม่ได้
   
ยังจำได้ไหมที่ผมบอกว่าคำพูดร้ายๆ ของเขามันกระตุ้นให้ระแคะระคาย... คนเราเลือกความทรงจำไม่ได้ และในเมื่อเขาไม่ได้ความจำเสื่อม เหตุผลก็เหลือข้อเดียว...
   
เขาโกหก
   
ตูม!
   
และตอนนี้ผมรู้แล้วว่าจะพิสูจน์มันยังไง
   
“พิชญ์!” เสียงตะโกนเรียกชื่อผมดังขึ้นหลังจากเสียงผิวน้ำแตกกระจาย ร่างของผมหนักอึ้งด้วยมวลของเหลวที่โอบอุ้มรอบกาย... ไม่คิดดิ้นรนตะเกียกตะกาย ปล่อยให้มันกระชากผมสู่ก้นสระ ฉุดรั้งให้จมดิ่งลงไป กินระยะเวลานานพอจะทำให้รู้ว่าน้ำมันลึกกว่าที่ผมคิดไว้
   
ไม่ต้องห่วง... ผมจะไม่เป็นไร
   
ตูม!
   
ยืนยันได้จากเสียงผิวน้ำที่แตกกระจายอีกครั้ง ร่างของใครอีกคนแหวกผืนน้ำดำดิ่งตามลงมาในเวลาอันรวดเร็ว ผมเงยหน้าขึ้นไป... เห็นเงาของเขาบดบังแสงไฟ
   
ภาพในอดีตย้อนเข้ามา... ภาพในวันที่ผมเกือบถูกพญามัจจุราชพรากวิญญาณไป ไม่เคยลืมว่าใครคือคนเอื้อมมือมาคว้าร่างผมไว้ ยื้อชีวิต... คืนลมหายใจ

ไม่เคยลืมว่า ‘เขา’ คือคนที่ฉุดรั้งผมขึ้นมาจากความตาย

แต่คราวนี้สถานการณ์มันแตกต่าง... และผมยังไม่จนตรอกถึงขนาดต้องใช้ชีวิตตัวเองพิสูจน์อะไร

ผมมองร่างที่แหวกว่ายลงมาแล้วเริ่มนับถอยหลัง

บอกแล้วไงว่าผมจำได้ดีว่าการจมน้ำมันทรมานแค่ไหน... สิ่งเดียวที่จะทำให้ผมหลุดพ้นจากความทรมานนั้นได้ คือการหัดว่ายน้ำให้เป็น

"...!" ไม่แปลกใจเลยที่เห็นผู้ช่วยชีวิตเบิกตากว้างมองผมที่เป็นฝ่ายถีบตัวเองขึ้นไปหาก่อนที่เขาจะว่ายมาถึงตัว ฟองอากาศพรั่งพรูเมื่อผมหยุดกลั้นหายใจ แทรกตัวระหว่างใบหน้าอีกคนที่ดูตกตะลึงเมื่อผมไม่มีท่าทีของคนใกล้ตาย...

วินาทีต่อมาเขาคงรู้ตัวว่าโดนหลอกเข้าเต็มเปา คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันขณะที่ผมลอบยิ้มพลางเอื้อมมือไปประคองใบหน้าเขา... สีหน้างุ่นง่านยิ่งทำให้ผมอดใจไม่ไหว ตัดสินใจทำตามความปรารถนาที่ตัวเองกักเก็บไว้ พรูลมหายใจเฮือกสุดท้าย
...แล้วประกบริมฝีปากลงไป

ลงโทษคนโกหกด้วยการขโมยอากาศหายใจ

"...!"

ในทีแรกเขาคล้ายจะตกใจ แต่ไม่มีทีท่าจะผลักออกหรือถอยหนี ซ้ำยังคล้อยตามเมื่อริมฝีปากที่แตะกันนำพาสู่รสจูบลึกล้ำ... ตักตวงช่วงชิงลมหายใจกันและกันอย่างไม่กลัวว่าจะสำลักตาย

และก่อนที่จะจมดิ่งลงไปอีกครั้ง มือข้างหนึึ่งของเขาก็เอื้อมมารั้งร่างผมไปกอดไว้... ค่อยๆ พาแหวกว่ายขึ้นไปทั้งที่ริมฝีปากยังคงสัมผัส...แนบสนิทอยู่อย่างนั้น กระทั่งผุดขึ้นมาปะทะกับอากาศบริสุทธิ์เหนือผิวน้ำ

เราผละออกจากกัน เสียงหอบหายใจของอีกฝ่ายดังชัดเมื่อหน้าผากยังคงแนบชิด... ใกล้พอให้ผมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาสีรัตติกาลเพื่อเฉลยว่าเขากำลังติดกับ

“ผมไม่เคยบอกใครว่าว่ายน้ำไม่เป็น”

“...”

“ทีนี้... เราจะเลิกเล่นเป็นคนแปลกหน้ากันได้หรือยัง"   

เกมนี้ผมชนะ...






‘มึงโง่หรือไง’ นั่นไม่ใช่คำถามที่ผมคิดว่าจะได้ยินหลังจากลืมตา 

‘ว่ายน้ำไม่เป็นจะกระโดดลงไปทำไม’ น้ำเสียงหยาบกระด้างที่ไม่เข้ากับซะเลยกับฝ่ามือหนาที่กำลังลูบหัวผมราวปลอบประโลม

‘หมาว่ายน้ำได้มึงไม่รู้หรือไง’

เรื่องมีอยู่ว่าผมเห็นลูกหมาตัวหนึ่งตกน้ำเลยหวังดีจะช่วยชีวิตมัน... ผมไม่ได้โง่กระโดดลงไป แต่การพลาดพลั้งพลัดตกลงไปก็ฟังดูโง่ไม่น้อยไปกว่ากัน 

ผมว่ายน้ำไม่เป็น เลยเกือบจมน้ำตาย... โชคดีที่พี่เตมาช่วยไว้ 

‘มันยังเล็ก อาจจะหมดแรงก่อนถึงฝั่งก็ได้’ ผมเถียง แต่พี่ส่ายหน้าท่าทางเหนื่อยหน่าย

‘ถ้ากูมาไม่ทันจะเป็นยังไง’ สีหน้างุ่นง่านทำให้ผมหัวเราะ ดึงมือที่ลูบหัวลงมาแนบแก้มตัวเองไว้

‘ดีจังที่พี่มาทัน’ ท่าทางไม่สะทกสะท้านทำให้พี่ยิ่งขมวดคิ้ว ก่อนจะถอนหายใจ

‘แล้วมันเป็นไงบ้าง’ ผมเอ่ยถาม ปล่อยให้นิ้วโป้งเกลี่ยแก้มไปมา

‘กูเอาไปปล่อยวัดแล้ว’ 

‘...’

‘กล้าดียังไงเกือบฆ่าแฟนกู’ หลุดหัวเราะออกมาอีกครั้งเพราะรู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง

ถึงจะไม่ใช่เจ้าของ แต่เขาก็เฝ้าเลี้ยงมันมานาน ทะนุถนอมเกินกว่าจะให้โทษหนักกับมัน
   
รู้ดีว่าสิ่งมีชีวิตเล็กๆ นั้นสำคัญแค่ไหน ผมเลยไม่ลังเลที่จะช่วยมันไว้
   
ถึงจะพลาดจนเกือบตายแต่ก็ไม่นึกเสียใจ
   
‘พิชญ์’
   
‘...’ ถึงไม่ต้องพูดผมก็เดาได้ว่าพี่กำลังจะบอกอะไร
   
‘ขอบใจ’ แต่การได้ยินจากปาก ก็น่าดีใจกว่าเป็นไหนๆ

‘ไม่เป็นไร’ ผมยิ้ม รู้สึกว่าใบหน้าร้อนจัดทั้งที่อากาศออกจะเย็น พี่คงสังเกตเห็นมัน ถึงได้หัวเราะเบาๆ สบตาผมด้วยสายตาอ่านยากก่อนจะย้ายขึ้นมานั่งข้างกันบนเตียง

‘ก่อนหน้านี้มึงดันฟื้นเร็วเลยไม่ทันได้ผายปอดให้’

‘...’ ผมได้แต่ชะงักงันตอนที่พี่โน้มตัวลงมาจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจ

‘หวังว่าจะยังไม่สายไป’   

‘...’ แทบหยุดหายใจตอนที่ริมฝีปากร้อนจัดทาบลงมา...

จูบแรกของเราคือการผายปอดที่อยู่นอกตำรา...

จำได้ว่าตกใจแค่ไหนตอนที่เรียวลิ้นชื้นแทรกเข้ามา ได้แต่ทักท้วงในใจว่าจูบแรกของพี่มันร้อนแรงเกินไป ความไม่ประสีประสาทำให้หัวใจเต้นโครมครามจนน่ากลัวว่ามันจะทำให้ผมตาย เผลอขยุ้มอกเสื้อคนที่คร่อมอยู่เหนือร่างตัวเองไว้แน่น จนได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอก่อนพี่จะถอนริมฝีปากออกปล่อยให้ผมได้ตั้งตัว

'พิชญ์' ดวงตาที่ผมหลงใหลจ้องมาในระยะที่ทำให้ผมไม่กล้าหายใจ ก่อนกดริมฝีปากลงมาอีกครั้ง... คราวนี้เพียงจูบแผ่วเบา พร้อมกระซิบถ้อยคำที่ฝังตรึงลงมาในใจ

‘ขอบคุณที่ปลอดภัย’













-------------------------------------------------------------
ทุกครั้งที่เขียนเรื่องนี้มักจะมีความกังวลแปลกๆ เกิดขึ้นมา
อยู่ๆ ก็ไม่มั่นใจว่ามันจะดีอะไรทำนองนั้นน่ะค่ะ 5555
ดังนั้นติดขัดหรือบกพร่องตรงไหนรบกวนบอกหน่อยนะคะ น้อมรับไปแก้ไขเสมอเลยค่ะ
ฝาก #เกมท้ารัก ด้วยน้า

ขอบคุณมากๆ ที่ยังอยู่ด้วยกัน  :L2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-11-2017 16:34:01 โดย makok_num »

ออฟไลน์ elephantisme

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 12
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ชอบบอะ เหมือนตกไปอยู่ใช่วงความรู้สึกลึกๆอะ

ออฟไลน์ baibuabuaz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
พิชญ์สู้เขาาาาา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Truth or Dare #เกมท้ารัก : บทที่ 6 P.2 [12.11.2017]
« ตอบ #49 เมื่อ: 12-11-2017 09:45:05 »





ออฟไลน์ prawan25

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
อือออออ!!! ทำไมพี่เตเป็นคนแบบนี้
คนที่ทำให้หลงรักได้ในทุกครั้งที่อ่านเลย หงุดหงิดใจ !!!! 55555.

เข้าใจหนูพิชญ์และทำไมไปไหนไม่รอด -.-
เพราะความโอนโยนที่มีมาให้ในทุกๆครั้งเนี่ยแหละค่ะ =___=

ชอบบรรยายมาก ชอบสำนวนในเรื่องด้วย
คือลึกซึ้งและละเมียดละไลมากเลยค่ะ คือดีต่อใจเรามากจริงๆ :impress2:

ออฟไลน์ sripaerrr

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
ชอบการดึงไปดึงกลับของอดีตและปัจจุบัน มันดูเป็นหนึ่งเดียว ลุ้นตลอดของการดำเนินเรื่อง เก่งจังค่ะ o13 o13

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
หลงรักเรื่องนี้มาก

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ปัญหาของเรื่องนี้อยู่ที่พี่เตคนเดียว อยู่ที่ว่าพี่เตจะทำให้เรือมันไปทางไหน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพี่เตหมด คนไม่อ่อนโยนนนนนน !!

ออฟไลน์ aiLime13

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 462
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1146/-11
    • twitter


เนี่ยๆ เรารู้แล้วว่าทำไมเราเกลียดพี่เตไม่ลง
เพราะพี่เตเป็นคนอ่อนโยนแบบนี้!!!  :hao5:

ตอนนี้พี่เตน่ารักมาก แสนดีมาก ฮือออออออ สมแล้วที่เราให้ใจเขามาตลอด 5555555
ไม่คิดว่าคนอย่างพี่เตจะทำอาหารเป็นด้วย แง อยากชิมสปาเก็ตตี้ฝีมือพี่เตจังเลยค่ะ
อยากไปนั่งปั่นงานแล้วโดดสระว่ายน้ำในห้องพี่เตด้วย ฮืออออออออออ

อิจฉาน้องพิชญ์ >___<

เอาจริง ชอบที่น้องพิชญฺ์เริ่มรู้ทันพี่เตบ้างอะ
ตอนพี่เตโดนหลอกว่าน้องว่ายน้ำไม่เป็นนี่แบบ ว้าย! โดนน้องหลอกบ้างแล้ว กิ๊วๆๆๆ
ลงโทษน้องเลย! ลงโทษน้องเลย! (นี่ชุ้นหวังอะไร กรี๊ดดดดดดดด)

พี่เตคนก๊าวก็ยังมีความซับซ้อนซ่อนเงื่อนต่อไป
แต่เรามองเห็นความรู้สึกที่แง้มออกมาทีละนิดบ้างแล้วนะ :'))


รอตอนหน้าาาาาาาาา


ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
มันเป็นเรื่องจริงนะคะ ที่ว่าไใสำคัญก็ไม่จำ เราก็เป็น แต่นานๆทีก็จะนึกขึ้นมาได้ แต่พี่เตดูไม่ได้เป็นแบบนั้นนี่นา.. ดูออกจะจำได้ดี

ออฟไลน์ makok_num

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 272
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +189/-1
7


“จำได้ตั้งแต่เมื่อไหร่” ผมเอ่ยถามหลังจากที่เราปีนขึ้นมาทิ้งตัวนอนราบที่ขอบสระ ขาทั้งสองข้างแช่อยู่ในน้ำเย็นเฉียบ เสื้อผ้าเปียกจนรู้สึกหนาวแต่กลับไม่มีใครใส่ใจ

“วันที่ไปห้องมึง” เขาไม่ได้ตอบในทันที แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีครุ่นคิด น้ำเสียงสงบนิ่งขณะที่สายตาทอดมองพระจันทร์ดวงโตนอกหน้าต่าง

จากตรงนี้มันสวยซะจนไม่อยากละสายตา แต่ผมกลับเลือกที่จะหันกลับมามองเสี้ยวหน้าได้รูปของคนข้างกายที่งดงามกว่า

นึกอิจฉาที่สภาพม่อล่อกม่อแลกไม่ได้ทำให้ความหล่อเหลาลดลง ซ้ำประกายของหยดน้ำที่เกาะพราวยามต้องแสงยิ่งทำให้ใบหน้านั้นเปล่งประกาย เสื้อยืดสีขาวที่เปียกแนบร่างขึ้นลอนของกล้ามเนื้อให้เห็นจางๆ ชวนให้จินตนาการถึงยามที่ผมลากนิ้วไปตามรอยตำหนิแสนงดงามบนร่างกายกำยำ 

อยากเห็นมันอีก... แต่ผมก็ยับยั้งความต้องการนั้นไว้ภายใต้น้ำเสียงติดตลกไม่จริงจัง

“ตอนจูบ?” พยายามเรียกร้องความสนใจจากดวงตาคู่สวย แต่เขาไม่ได้มองกลับมา เพียงหัวเราะ และจดจ้องแสงนวลอยู่อย่างนั้น

อย่างน้อยก็ไม่ได้ปฏิเสธล่ะนะ

“ผมคาดหวังคำตอบว่าตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน แต่จำรสจูบได้ก็ฟังดูโรแมนติกดี” แกล้งตามน้ำ กำลังจะหันไปมองยังจุดเดียวกันอีกครั้ง แต่คราวนี้เขากลับหันมาสบตา พลิกตัวนอนตะแคง มองหน้าผมนิ่งนานอย่างพิจารณา

“มึงเปลี่ยนไปมาก...” ผมลอบกลืนน้ำลาย เมื่อเจ้าของดวงตาสีรัตติกาลเคลื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ ยกมือข้างหนึ่งเกลี่ยผมที่ปรกหน้าสะเปะสะปะออกไป

“ผมยาว...”

นึกสมเพชตัวเอง แค่นั้นก็ทำให้เขาจำไม่ได้แล้วหรือไง?

เหมือนรู้ว่ากำลังคิดอะไร เรียวนิ้วเย็นเฉียบจึงเลื่อนมาลูบผิวแก้มผม พร้อมกับจ้องลึกเข้ามาในดวงตา

“แล้วก็แววตา...” คำตอบน่าประหลาดใจถูกเอ่ยออกมา

“...”

“เมื่อก่อนมึงอ่อนโยนกว่านี้”

น้ำเสียงจริงจังทำให้ผมถึงกับหลุดขำ แกล้งเลิกคิ้วข้องใจ “ฟังดูไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่ดี”

“ไม่หรอก” แต่เขากลับยิ้ม ปฏิเสธด้วยน้ำเสียงที่ทำให้คล้อยตามได้สนิทใจ “การอ่อนโยนเกินไปต่างหากที่ไม่ดี”

สายตาที่จ้องมาทำให้ผมไม่คิดถามว่าหมายความว่ายังไง ได้เพียงเบือนหน้าหนีกลับไปยังดวงจันทร์

“แล้วทำไมถึงไม่บอกว่าจำได้” นานนับนาทีกว่าจะกล้าหันกลับมาสบตาเขาใหม่ เอ่ยคำถามที่ยังค้างคาใจ

แต่อีกฝ่ายกลับยอกย้อนด้วยน้ำเสียงขบขัน “แล้วทำไมมึงถึงไม่บอกว่าจำกูได้”

“...”

“คนที่รู้ตัวก่อนคือมึงไม่ใช่หรือไง” ฝ่ามือหนาที่เพิ่งละออกไปทาบลงมาบนใบหน้าของผมอีกครั้ง... คราวนี้มันอุ่นกว่าเดิม...

นั่นสิ ทำไมกันนะ?

คงเป็นอย่างที่เขาบอก... ผมไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป

“อยากรู้ว่ามึงจะทำอะไร” เกือบจะถอดใจปล่อยประเด็นนี้ไป แต่คำตอบถูกเอ่ยออกมาง่ายดาย... และผมแน่ใจว่าเห็นความวูบไหวในดวงตาสีรัตติกาล

ความหวั่นไหวเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น กลับทำให้ผมคายคำตอบออกมาเช่นกัน

“ผมอยากเริ่มต้นใหม่” แน่นอน... มันไม่ใช่ความลับอะไร การบอกให้เขารู้ตัวไม่ใช่เรื่องที่ทำให้ผมกังวล

เช่นกัน คำถามว่าจำได้หรือไม่ได้ไม่ใช่สิ่งที่ผมคิดจะใส่ใจ

เพราะต่อให้เขาจะจำผมได้หรือเปล่าผมก็จะทำแบบเดิม... จะหาทางเริ่มต้นใหม่

ไม่แน่ใจเหตุผลนักหรอกว่าทำไม จะเรียกว่ายึดติดก็คงได้ล่ะมั้ง

“กูไม่เคยกลับไปคบคนเก่า” เดาไม่ยากนักหรอกว่าเขาจะเอ่ยอะไร คำพูดร้ายๆ ที่ใช้ผลักไส... แต่ขณะเดียวกันก็คล้ายกับท้าทาย

“คนเราต้องมีครั้งแรกทั้งนั้น”

เหมือนกับสายตาของเขาตอนนี้ที่ฉายแววไม่พอใจในคำตอบของผม ขณะเดียวกันก็เจือปนด้วยความกระหาย... ใคร่รู้ว่าผมจะหาวิธีอะไรมาเอาชนะกฎสัมพันธ์อันตายตัวของเขาได้

“พี่จะรักผม” อาจหาญปฏิญาณออกไป และคงใช้ดวงตามั่นใจจนน่าหมั่นไส้ เขาถึงได้หัวเราะเย้ยหยัน ดวงตาสีรัตติกาลจ้องลึกเข้ามานิ่งนานอีกครั้ง... คราวนี้มันอ่านยากเกินจะเข้าใจ

“...” ผมได้แต่นอนนิ่งมองใบหน้าพระเจ้าปั้นที่ค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้ สบตาจนกระทั่งสัมผัสได้ถึงไอร้อนจากลมหายใจ สันจมูกสัมผัสกัน ก่อนที่เขาจะจรดหน้าผากลงมาแตะหน้าผากผม แล้วหลับตา
   
ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าการกระทำนี้มีความหมายอะไร ...แต่มันทำให้หัวใจเต้นแรง

“พิชญ์”

“...” แต่เตวิชญ์ไม่เคยทำให้ผิดหวัง

“อย่าดันทุรัง” ผมน่าจะจำได้แล้วว่าอย่าระเริงกับความหวังที่เขาหยิบยื่นให้ เพราะเขาพร้อมทำลายมันในเสี้ยววินาที

เพราะแบบนี้มันถึงได้เจ็บกว่าการไม่ได้รับความหวังใดๆ

“พิสูจน์มั้ย”

แต่ถูกของเขา ผมดันทุรังเกินกว่าจะยอมแพ้ง่ายๆ

เขาไม่ได้ตอบอะไร ลุกขึ้นนั่งมองตามผมที่ลุกขึ้นเดินไปที่ขอบสระอีกครั้งแล้วหมุนตัวกลับมา

“ท้าหรือจริง” ใช้โควต้าเล่นเกมของวันนี้โดยไม่สนใจว่ามันยังเช้าเกินไปจนผมอาจพลาดโอกาสเล่นมันในเวลาที่ดีกว่า

...แต่จะมีโอกาสไหนดีกว่านี้ล่ะ

“ท้า”

โอกาสที่ผมจะได้ยืนยันว่าทางที่เดินมามันใช่

“ปล่อยผมไป”

ไม่จำเป็นต้องอธิบายถึงความหมายผมก็รู้ว่าเขาเข้าใจ เพียงสบตาเขา... ทิ้งความท้าทายไว้แล้วก้าวถอยหลัง

ตูม!

เสียงร่างกายกระทบผิวน้ำเย็นเยียบอีกครั้ง ปล่อยให้ผืนน้ำโอบรัดและฉุดรั้งลงไป... ไม่คิดกระเสือกกระสนแหวกว่าย

กระทั่งฝ่าเท้าสัมผัสได้ถึงพื้นกระเบื้องเย็นเฉียบไม่ต่างกัน ผมลืมตา เงยหน้ามองขึ้นไปเหนือผิวน้ำ จับจ้องยังเงาของร่างสูงที่กระทบแสงไฟทอดตัวลงมา... ผมไม่คิดว่าตัวเองจะทำ แต่ในใจเริ่มภาวนาให้เขากระโดดลงมาทั้งที่รู้ว่ามันไม่จำเป็น

เตวิชญ์รู้จักผมจนรู้ว่าผมจะไม่ปล่อยให้ตัวเองตาย เมื่อเผยไต๋ว่าว่ายน้ำได้ เขาคงรู้ว่าผมจะไม่โง่อยู่รอเขาจนกระทั่งหมดลมหายใจ...

แน่นอนว่าผมกำลังนับถอยหลัง... อีกไม่กี่วินาทีผมจะกลับขึ้นไป ทำตามคำพูดเขา... อย่าดันทุรัง

ตูม!

แต่ผมก็รู้จักเขาดีจนรู้ว่าเขาจะไม่ปล่อยให้มันเป็นแบบนั้น...

เชื่อสิว่าสิ่งที่ทำให้เขาไม่กระโดดลงมาไม่ใช่เพราะลังเลใจ...ผมเห็นคำตอบตั้งแต่ก่อนที่เท้าจะสัมผัสผมน้ำด้วยซ้ำ แต่เขาแค่ถ่วงเวลา หลอกล่อให้ผมหวั่นไหว... เหนื่อยอ่อนจนใกล้ยอมแพ้แล้วค่อยหยิบยื่นความหวังมาใหม่

เอื้อมมือมาฉุดรั้งผมขึ้นไป...

ต่างก็ตรงที่คราวนี้เขาดูจะไม่สนุกกับมัน ดวงตาที่สบกันใต้น้ำฉายแววงุ่นง่านคล้ายกับไม่พอใจการตัดสินใจของตัวเอง คิ้วเข้มขมวดมุ่นแสดงความตำหนิ ก่อนที่ฝ่ามือทั้งสองข้างจะเอื้อมมาประคองใบหน้าผมทั้งที่ยังดูหงุดหงิด

ผมแกล้งยิ้มยียวน รู้ดีว่าเขากำลังจะทำอะไรถึงได้หลับตาลง... ปล่อยให้ริมฝีปากนุ่มหยุ่นฝังประทับ ลงโทษความดื้อรั้นของผมด้วยการพรากลมหายใจ

ริมฝีปาดบดเบียดรุนแรงขณะที่อ้อมแขนแกร่งยึดร่างผมไว้ กระชากผ่านสายน้ำ นำพาเราขึ้นสู่ขอบสระอีกครั้ง ตอนนั้นเองที่ผมรู้ตัวว่าตัวเองกอดเขาไว้เช่นกัน

อ้อมกอดที่แน่นเกินจำเป็นเพื่อหวังจะเหนี่ยวรั้ง...

ทั้งที่เห็นผลชัดเจนว่าเขากำลังตกหลุมพราง การที่เขายอมกระโดดลงมาช่วยยืนยันว่าทางที่ผมเดินมานั้นใช่ แต่ผมกลับยังรู้สึกหวั่นไหว... ตระหนักดีว่าต่อให้ว่ายน้ำได้ แต่ความหนาวเหน็บและผืนน้ำที่คล้ายจะโอบรัดจนแทบหายใจไม่ออกไม่เคยทำให้ผมเย็นใจ

เพราะแบบนั้นชั่วขณะที่ผมรู้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายชนะ จึงเป็นชั่วขณะที่เดียวกับที่ผมได้ยินเสียงตัวเองภาวนา

อย่าจมลงไปอีก...

มันจะไม่มีคราวหน้า

   




‘ไม่เบื่อหรือไง’
   
ผมละสายตาจากสมุดสเกตที่ใช้ลักลอบบันทึกใบหน้าหล่อเหลาไว้ ก้มมองพี่ที่ใช้ตักผมหนุนต่างหมอนพลางเลิกคิ้วไม่เข้าใจ

‘หมายถึงอะไร’

คนที่นอนตะแคงเปลี่ยนกลับมานอนหงาย จ้องหน้าผมสีหน้าคล้ายข้องใจ ‘มึงไม่เคยขอให้กูพาไปไหน’

ผมนั่งไปพักหนึ่ง ก่อนจะหลุดหัวเราะ ปิดสมุดสเกตแล้วยกมันขึ้นมาบังแสงจ้าที่ลอดช่องระหว่างใบไม้ลงมากระทบใบหน้าหล่อเหลาให้

‘ผมไม่ได้อยากให้พี่พาไปไหน’ มันไม่ใช่คำโกหกซะทีเดียว ในเมื่อตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่ผมจะเรียกร้องอะไร

ต้องอยู่ในที่ของตัวเอง เปิดเผยตัวตนไม่ได้... กฎของการเป็นคนในความลับคือแบบนี้ไม่ใช่หรือไง
   
ตราบใดที่มันยังทำให้พี่สนใจ ผมจะออกจากตรงนี้ไม่ได้ การก้าวสู่แสงสว่างเร็วเกินไปผมจะถูกทำลาย... ถูกกลืนหายไปไม่ต่างจากใครต่อใครที่มุทะลุเข้ามาในความสัมพันธ์
   
‘พรุ่งนี้ไปกินข้าวกัน’ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าคำชวนนั้นช่างเย้ายวน
   
‘...’ ผมขมวดคิ้วลังเลใจ ไม่กล้าตอบในทันทีเพราะมันขัดกับสิ่งที่ตั้งใจไว้ แต่พี่เหมือนเตรียมคำตอบไว้ให้แล้วถึงได้ไม่สนใจจะรอ แบฝ่ามือออกขอสิ่งที่ฝากผมไว้เพราะชุดบาสที่พี่สวมใส่ไม่มีที่สำหรับเก็บมัน
   
ผมล้วงบุหรี่ยี่ห้อแพงออกจากกระเป๋า วางลงบนมือเขาพร้อมไฟแช็กตัวเก่า

‘พี่ไม่กลัวถูกจับได้หรือไง’ เอ่ยถามขณะที่เขาดึงบุหรี่มวนสุดท้ายมาคาบไว้ในปาก ดวงตาสีรัตติกาลจึงย้ายมาหยุดที่ดวงตาผมอย่างประหลาดใจ
   
‘มันผิดกฎ’ ผมยักไหล่ ไม่ได้เอ่ยอีกเหตุผลที่ว่าการทำความรู้จักกับนิโคตินเร็วเกินไปอาจทำให้พี่ตายก่อนวัย
   
เขายิ้มขำไม่ใส่ใจ ก่อนจุดไฟทั้งที่ยังวางศีรษะไว้บนตักผม
   
‘เด็กดี’ เห็นได้ชัดว่านั่นคือคำประชดประชัน
   
ถึงอย่างนั้นมันก็ทำให้ผมหน้าร้อนขึ้นมา... หวั่นไหวง่ายจริงนะ
   
‘แต่ไอ้นี่ก็ผิดกฎไม่ใช่หรือไง’ และหน้าร้อนยิ่งกว่าเมื่อเขาเอื้อมมือมาสัมผัสใบหูของผมเบาๆ

หูข้างซ้ายที่มีห่วงสีเงินสามวงประดับไว้ตามแนวใบหู เครื่องประดับผมใช้ต่อต้านกฎค่ำครึไปพร้อมๆ กับใช้มันประกันว่าความลับของเขาจะไม่ถูกแพร่งพราย
   
‘ชู่ว’ ผมแกล้งเบิกตากว้าง ส่งเสียงให้เงียบไว้ พี่หัวเราะเบาๆ ก่อนจะสูดควันเข้าปอดอีกครั้งท่าทางสบายใจ
   
ผมมองใบหน้าที่อยู่ต่ำกว่า คิดกับตัวเองว่าควรสเกตภาพนี้เก็บใส่สมุดไว้
   
แต่คิดอีกที ผมเลือกที่จะบันทึกมันด้วยสายตา
   
‘มีอย่างอื่นที่ดีกว่าบุหรี่นะ รู้มั้ย’ ...ไล่มองทุกองค์ประกอบบนใบหน้ากระทั่งหยุดที่ริมฝีปากบาง
   
‘อะไร’ คลี่ยิ้มเมื่อพี่เอ่ยถาม ก่อนจะถือวิสาสะคีบบุหรี่มวนโปรดออก โน้มตัวลงไปหา... แล้วจรดริมฝีปากลงไป
   
จุมพิตอ่อนหัดที่ไม่กล้าแม้แต่จะล่วงล้ำ ความประหม่าทำให้เพียงได้แต่กดทาบไว้อย่างนั้น ก่อนจะถอนจูบออกมาอย่างเก้กัง

‘อุกอาจจังนะ’ ทั้งที่ตั้งใจจะทำให้พี่ประหลาดใจ แต่ดวงตาคู่สวยกลับเต็มไปด้วยความขบขัน
   
‘คราวหน้าจะดีกว่านี้’ ไม่ใช่ข้อแก้ตัวที่ดี แต่คำพูดในหัวผมมีเท่านี้
   
‘เหรอ’ แต่ความมั่นใจของผมกลับหดหายไปทุกที เมื่อพี่เลิกคิ้วล้อเลียน แต่ก่อนที่ผมจะเฉไฉเปลี่ยนเรื่อง พี่กลับหัวเราะออกมา

‘งั้นเดี๋ยวสอนให้’ ดวงตาสีรัตติกาลเป็นประกายวาว ก่อนจะยกมือขึ้นกระดิกนิ้วเรียกผมสองสามที
   
‘หึ’ ผมมองการกระทำนั่นอย่างงุ่นง่านไม่พอใจ แต่สุดท้ายก็หัวเราะอย่างยอมจำนน โน้มตัวกลับลงไป จรดริมฝีปากลงบนริมฝีปากบางที่ยังคงคลี่ยิ้มร้าย... ปล่อยให้พี่เป็นฝ่ายรุกล้ำ พร้อมล่อลวงให้ผมรุกไล่...

จูบอ่อนหัดค่อยๆ เพิ่มดีกรีความร้อนจนแทบหลอมละลาย

เพียงชั่วเวลาที่บุหรี่เผาไหม้ถึงก้นกรอง... พี่สอนให้ผมรู้ว่าจูบที่แท้จริงเป็นยังไง

รสจูบที่ผมตั้งใจจะใช้มันตรึงพี่ไว้... กลายเป็นสารเสพติดไร้ควัน ที่พี่จะต้องการมันยิ่งกว่านิโคติน






ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้งในห้องชุดสุดหรูที่ว่างเปล่า...

สิ่งแรกที่เห็นหลังจากลืมตาคือโมเดลที่ผมทำเสร็จตอนใกล้เช้า แก้วกาแฟเปล่าสองใบ... ไร้เงาเจ้าของห้องที่นั่งอยู่ข้างกันกระทั่งผมหลับไป

สิ่งที่หลงเหลือไว้มีเพียงร่องรอยการมีอยู่ของเขา กลิ่นกายน่าหลงใหลจากเสื้อผ้าที่ผมยืมมา... ผ้าห่มหนาที่ไม่รู้เหมือนกันว่าถูกคลุมร่างไว้ตอนไหน ผมเรียกสติลุกขึ้นนั่งพร้อมกับในใจที่หวังว่าจะได้ยินเสียงฝีเท้าจากสักมุมของห้อง แต่ก็ไม่ ความจริงที่ว่าผมถูกทิ้งไว้ทำให้อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

แอบคิดว่าถ้ามีกระดาษโน้ตสักแผ่นเขียนข้อความตัดเยื่อใยคงสมบูรณ์แบบ... แต่นั่นไม่ใช่วิถีของเขานี่นะ
   
‘อย่าดันทุรัง’
   
คำพูดที่คล้ายคำสั่งของเขาเมื่อคืนหวนกลับมาให้ผมรู้ว่าการทิ้งผมไว้ทั้งที่รู้ว่าผมจำเป็นต้องซ้อนมอเตอร์ไซค์เขากลับคือความจงใจ
   
ผมเหยียดยิ้ม ก่อนจะลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจพลางเดินไปเปิดตู้เย็นหาอะไรสักอย่างใส่ท้องอย่างไม่คิดเกรงใจ ใช้เวลาหย่อนใจสักพักก่อนที่ผมจะสวมปีกขึ้นมาใหม่แล้วเริ่มบิน...
   
มันเริ่มแล้วล่ะนะ เกมที่ผมจะต้องพาตัวเองเข้าสู่ความเสี่ยงที่จะปีกหักอีกครั้ง
   
กติกาก็คือ ผมเป็นผู้เล่นที่ต้องไล่ตามความหวัง ส่วนเขา...ทำลายมัน






----------------------------------------------------
พิชญ์ซ่อมปีกและพร้อมจะบินแล้วนะคะ
พร้อมจะบินไปกับน้องหรือยัง?

อยากติหรือขัดใจตรงไหนทิ้งคอมเมนต์ไว้ได้เลยน้า
ฝาก #เกมท้ารัก ด้วยนะคะ

 :L2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-11-2017 16:36:27 โดย makok_num »

ออฟไลน์ prawan25

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 11
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ฮือออออ!!

ความอบอุ่นที่แสนเย็นชาของพี่เต แบบนี้มันคืออะไรกันน!!
เหมือนจะใจอ่อนให้แต่การที่ทิ้งน้องพิชญ์ ดูใจร้ายมากกก 55555.

และตอนนี้รู้สึกว่าคนที่น่ากลัวว่าพี่เตคือน้องพิชญ์และ
แต่หนูต้องสู้ๆนะน้องพิชญ์ ทำให้พี่เตมาเป็นของเราให้ได้ 55555.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-11-2017 01:00:30 โดย prawan25 »

ออฟไลน์ fullfinale

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-0
สู้เท่านั้นนน
 :hao5: :hao5: :hao5:

เอาให้พี่เรียกร้องหาเลย

ออฟไลน์ baibuabuaz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 198
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
สงสารพิชญ์ แงงงงงงงง

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด