Chapter 12
เล้งยืนกอดอกนิ่งอยู่ริมระเบียงห้องของตัวเอง เขาแค่ตื่นขึ้นมาสูดอากาศบริสุทธิ์ ชื่นชมท้องฟ้าและทะเลสีคราม ไม่ได้ตั้งใจจะมาฟังอะไรทั้งนั้น แต่จะให้ทำอย่างไรได้ ในเมื่อเขาได้ยินบทสนทนาของห้องข้างๆเต็มสองรูหูเลย
“รูดซิปปากให้สนิทเลยมึงไอ้เล้ง” คนตัวเล็กพึมพำกับตัวเองก่อนจะต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อรู้สึกถึงวงแขนที่รวบเขาเข้าไปกอดได้ทั้งหมด จมูกโด่งกดลงที่หลังคอขาวทำให้เล้งดิ้นเพราะเขารู้สึกจั๊กกะจี้ แต่ก็รู้สึกพลาดที่ดิ้นแล้วหันหน้ามาเจอกับเจ้าของวงแขนนั้น
“จูบได้ไหมอ่ะ” หน้าตาที่ยังไม่ตื่นดีของรุ่นน้องตัวสูงมันช่างสวนทางกับคำพูดที่พร้อมจะลวนลามเขาเหลือเกิน
“ไม่ได้”เล้งยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง ส่วนมืออีกข้างก็ดันหน้าของอีกคนออกเบาๆ เซฟเพียงแต่ยิ้มและหัวเราะในคอนิดๆแต่นั่นกลับทำให้เล้งเขินมากขึ้น
“เมื่อคืนพี่เป็นคนสั่งให้จูบเองนะ”
“หยุดพูดนะ เงียบเลย” มือขาวทั้งสองข้างเลื่อนไปกุมริมฝีปากของของอีกคน เปิดโอกาสให้เซฟได้จูบมือเล็กรัวๆ ที่จริงถ้าคนตัวสูงออกแรงเพียงนิดเดียวเขาก็ได้สัมผัสริมฝีปากเล็กๆนั่นแล้ว แต่เพราะเขารู้ว่าพี่เล้งเขินมากแค่ไหน แกล้งแค่นี้พอให้หัวใจกระชุ่มกระชวยก็ได้
“ไปแปรงฟันก่อนก็ได้ เดี๋ยวจะมาขอจูบใหม่นะ” เขายิ้มล้อก่อนผละกลับเข้าไปในห้อง ขายาวๆเตะเท้าของเผ่าที่โผล่ออกมาจากผ้าห่มจนคนพี่สะดุ้งตื่นตกใจลุกมานั่งอยู่กลางเตียงพอมองไปรอบตัวไม่เห็นว่ามีใครเผ่าก็ล้มตัวนอนต่อ เล้งมองภาพนั้นแล้วก็ได้แต่ขำกับความเมาแล้วเอ๋อของเผ่า ถึงจะหล่อแค่ไหน เป็นพระเอกละครเด่นดังมาไม่รู้กี่เรื่อง แต่สกิลความเอ๋อของเผ่าก็ยังคงเสมอต้นเสมอปลาย
โครม
“โอ๊ยพี่ปลื้มมม”
“ปิติ!เจ็บ”
“ไม่มีสิทธิ์ต่อรอง! เงียบไปเลยทั้งคู่!”
เสียงจากห้องสุดท้ายของตึกดึงความสนใจของเล้งอีกครั้ง เขาขบริมฝีปากเบาๆและได้แต่ชำเลืองมองประตูระเบียงที่ปิดไม่สนิท เห็นแล้วก็อยากจะข้ามไปปิดประตูให้ เสียงจากในห้องจะได้ไม่ดังออกมาอีก แต่ระเบียงก็ห่างกันขนาดนี้ ขาของเขาคงก้าวไม่ถึง แต่เท่าที่ได้ยินเมื่อกี้ ปลื้มก็น่าจะควบคุมสถานการณ์อยู่นะ
“รู้สึกผิดยังไงไม่รู้แฮะ” เล้งหวนกลับไปคิดถึงตอนแบ่งห้องเมื่อวานแล้วได้แต่ยกมือไหว้ขอโทษเบาๆ
รุ่นพี่ตัวเล็กกลับเข้าไปในห้อง ทรุดตัวนั่งลงบนเตียงก่อนคว้าหมอนอีกใบมากอดไว้แน่น เมื่อหันมองหน้าเผ่าที่ยังหลับอยู่ก็ทำให้ภาพเหตุการณ์เมื่อวานกลับเด่นชัดขึ้นมาในความทรงจำอีกครั้ง
~~~
กว่าเขากับเซฟจะลากคนหลับกลับมานอนที่ห้องได้สำเร็จก็เล่นเอาเหงื่อท่วม เพราะเผ่าตัวใหญ่กว่าเขาชนิดที่เรียกได้ว่าเกือบสองเท่าตัว เล้งถอดรองเท้าถุงเท้าของคนหลับออกแล้วโยนผ้าห่มปิดตัวเอาไว้เป็นอันเสร็จพิธี
“นี่ถ้าไม่ใช่บัดดี้กูปล่อยให้หลับอยู่ข้างนอกแน่” คนตัวเล็กสุดโยนถุงเท้าไปกองไว้ข้างๆกระเป๋าของเจ้าตัว ส่วนคนน้องที่เมาแต่ยังพอเดินกลับมาได้ก็นั่งมองเขาตาเยิ้ม และมันเป็นสายตาที่เล้งหาคำมาอธิบายไม่ถูก
“พี่เล้ง..”
“อะไร”
“ปวดฉี่”
“ก็ไปเข้าห้องน้ำสิ” คำตอบของเขาคงไม่ค่อยโดนใจเจ้าชายน้ำแข็งสักเท่าไหร่ เลยทำให้อีกคนเบะปากไม่พอใจ มือใหญ่ยื่นมาข้างหน้าคล้ายรอให้เขาเดินเข้าไปหา เขาชั่งใจอยู่ชั่วขณะแล้วยื่นมือไปจับกุมมือนั่นไว้
“พี่เล้งพาไปห้องน้ำหน่อยนะครับ” อ้อน...ที่เห็นอยู่ตอนนี้คือคนเมาขี้อ้อน เล้งอมยิ้มนิดๆแล้วออกแรงดึงให้คนตัวสูงเดินตามไปห้องน้ำที่อยู่ไม่ไกล เขากะว่าจะดันตัวอีกคนเข้าห้องน้ำแล้วออกมาเตรียมเสื้อผ้าเพื่อจะอาบน้ำต่อ แต่พอเซฟก้าวขาเข้าไปในห้องน้ำ เขากลับรวบเอาคนตัวเล็กเข้าไปในห้องน้ำ กดล็อคประตูเองเสร็จสรรพ
“เซฟ!”
“เซฟคอแข็งกว่าพี่เผ่านะรู้ยัง” เสียงทุ้มที่ข้างใบหูทำให้เล้งหัวใจเต้นโครมคราม ใกล้มาก..มากกว่าทุกครั้ง มือเล็กกำแน่นเพราะกลัวว่าจะเป็นตัวเขาเองที่จะอดใจไม่ได้
“ไหนบอกปวดฉี่ไง เซฟ!” ความอุ่นของมือใหญ่ที่สอดผ่านเสื้อตัวบางเข้ามาสัมผัสผิวเนื้อที่ซ่อนอยู่ด้านในทำให้เล้งตกใจไม่น้อย แต่เขาก็ไม่ได้ขัดขืนซ้ำยังยกแขนทั้งสองข้างขึ้นโอบกอดแผ่นหลังกว้าง มือเล็กขยำเสื้อของอีกคนเพื่อระบายความรู้สึกที่มันค่อยๆก่อตัวขึ้น
“เซฟ...จูบ”
“ตามบัญชา”
รสจูบที่เพิ่งเคยสัมผัสเป็นครั้งแรกเปิดประสบการณ์ใหม่ให้คนตัวเล็กไม่น้อย ริมฝีปากที่บดคลึงกันไปมา ลิ้นร้อนของคนอื่นที่เคยสัมผัสเป็นครั้งแรกทำให้จังหวะการหายใจติดๆขัดๆ และนั่นทำให้เซฟรู้ในวินาทีนั้นเองว่านี่คือจูบแรกคนในอ้อมกอด
แรงบดขยี้ที่รุนแรงมากขึ้นเพียงพอให้เล้งได้รู้ว่าอีกคนกำลังย่ามใจที่ได้จูบแรกของเขาไปครอง มือเล็กผลักอกกว้างเบาๆเมื่อรู้สึกว่าเขาหายใจไม่ทันจริงๆ เซฟไม่ใจร้ายพอที่ฉกชิงความหวานจนอีกคนขาดอากาศหายใจ เขาละออกมาคลอเคลียกลีบปากนิ่ม ให้โอกาสเจ้าของดวงตาฉ่ำได้กอบโกยอากาศอีกสักหน่อยแล้วค่อยรุกจูบอีกครั้งจนร่างเล็กอ่อนระทวย
“พี่ปลุกมันตื่นเต็มที่เลย ทำยังไงดี”
“เซฟ..คะ..ครั้งแรก...ไม่..ไม่เอาในห้องน้ำ..นะ” เสียงที่สั่นเครือของคนในอ้อมกอดทำให้ชายหนุ่มยิ้มกว้าง เขาบดริมฝีปากลงไปเน้นๆก่อนกระซิบเบาๆที่ใบหู
“ดีใจจัง พี่เล้งอนุญาตแล้ว” เล้งแตะที่ข้างแก้มของคนตัวสูงก่อนโน้มใบหน้าของอีกคนลงมาอีกครั้ง และเสื้อผ้าของพวกเขาทั้งสองคนก็ค่อยๆถูกถอดทิ้งลงกับพื้นทีละชิ้น ทีละชิ้น
~~~
แกร๊ก
ประตูห้องน้ำที่เปิดออกพร้อมกับคนในความคิดที่โผล่ออกมายิ้มแก้มปริทำให้เล้งซุกใบหน้าลงหมอนแล้วตัดสินใจทิ้งตัวลงกับเตียง มือเล็กแย่งผ้าห่มจากคนที่นอนอยู่มาคลุมโปงเอาไว้ ส่วนเซฟมองภาพนั้นแล้วก็ได้แต่ขำ ก็พอจะรู้ว่าเขิน เขาเองก็ยังเขินๆกับเรื่องเมื่อคืน แต่ไม่คิดว่าพี่เล้งจะเขินได้น่ารักขนาดนี้
“พี่เล้งอาบน้ำกันไหม” เซฟเข้าไปนั่งลงข้างๆแล้วกอดก้อนผ้าห่มนั่นไว้แน่น คนในอ้อมกอดดิ้นขลุก ไม่นานหัวกลมๆก็โผล่ออกมาจากผ้าห่มเพราะรู้สึกหายใจไม่ออก
“..อย่าแกล้ง”
“ถ้าไม่อยากให้แกล้งก็ขอจูบหน่อยสิครับ” แกล้งคำนี้ของพวกเขาคือแกล้งทำให้เขิน เพราะอะไรนะเหรอ ก็เพราะว่าเมื่อคืนพวกเขาอาบน้ำด้วยกันยังไงล่ะ กิจกรรมไม่ได้มีแค่การอาบน้ำแน่ๆ เล่นจูบนัวเนียจนมันตื่นขนาดนั้นพวกเขาก็ต้องรีดพิษออกให้ลูกชายสบายตัวบ้าง
“จูบสิ”
“ชอบจังเลยคำสั่งนี้”
ชายหนุ่มโน้มใบหน้าเข้าหาจนริมฝีปากแนบชิด บดคลึงเบาๆคล้ายหยอกล้อทำให้เลือดในร่างกายของทั้งคู่สูบฉีด ใบหน้าเล็กแดงก่ำอย่างเขินอายจนน่าเอ็นดู คนอายุน้อยกว่าหัวเราะในลำคอเบาๆก่อนบดริมฝีปากซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างใจเย็น จนลืมไปว่ายังมีอีกชีวิตที่นอนอยู่ในห้องนั้นด้วย
“ถ้าไม่เห็นกับตา ไม่เชื่อแน่ๆว่าพี่เล้งเป็นคนสั่งให้จูบก่อน เด็ดโคตรรร” เสียงของเผ่าทำให้เล้งตกใจจนผลักเซฟตกเตียง คนตัวเล็กหันมาคาดโทษคนพี่ทางสายตาแต่ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไรต่อโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะหน้ากระจกก็ดังขึ้น เล้งรีบอาศัยจังหวะนั้นลุกหนีออกมา และชื่อที่อยู่หน้าจอก็ทำให้เขาดูตื่นเต้นไม่น้อย
“ว่าไงปลื้ม”
[พี่เล้ง ช่วยหน่อย]
“...ยังไง...อืม ได้ รอแป๊บ เซฟรออยู่นี่นะเดี๋ยวมา”
เล้งวางสายแล้วออกไปจากห้องด้วยความเร็วจนคนที่เหลืองง เซฟปีนขึ้นเตียง หรี่ตามองพี่ชายด้วยสายตาที่แสดงออกชัดเจนมากว่าไม่พอใจ
“ทีหลังก็ทำเป็นไม่เห็นบ้างก็ได้นะ”
“กูอิจ ปากพี่เล้งนิ่มไหม”
“มาก”
“แม่ง ขี้อวด”
.
.
.
วันที่สองของทริปคือการปล่อยให้ทุกคนพักผ่อนตามอัธยาศัย จะไปเที่ยวหรือจะนอนพักอย่างไรก็ได้ มีนัดรวมตัวกันแค่ช่วงเย็นเพื่อพาออกไปเพลินวานเท่านั้น วันนั้นทั้งวันจึงเห็นกลุ่มนักศึกษาหลายกลุ่มกระจัดกระจายทุกพื้นที่ของรีสอร์ท
เล้งกับปลื้มนั่งอยู่ที่เปลผ้าใบเป็นกรรมการให้พวกผู้ชายที่กำลังเล่นวอลเล่ย์บอลชายหาดในตอนนี้ รุ่นพี่ตัวเล็กแอบชำเลืองมองรุ่นน้องอีกคนบ่อยๆเพราะรายนั้นให้ความรู้สึกเหมือนเป็นราชาอย่างไรอย่างนั้น..เอ..หรือจะเขาควรจะเรียกว่าราชินีดีนะ
ก็ทั้งสิงโตและช้างสลับผลัดเปลี่ยนกันหานู้นนี่มาให้ตามบัญชาของปลื้มนะสิ บางครั้งก็สั่งน้ำมะพร้าวสด ต้องเป็นน้ำมะพร้าวจากในลูกด้วย พอดูดน้ำหมดก็อยากกินเนื้อด้านในต่อ ต้องขูดให้ด้วย ดินเองยังออกปากแซวและคำตอบที่ได้ก็คือ ช้างกับสิงโตได้กลายเป็นทาสรับใช้ของปลื้มจนกว่าปลื้มจะพอใจไปแล้ว
“พี่เล้ง พี่ว่าไอ้ดินมันแปลกๆมะ” เสียงของคนข้างตัวทำให้เล้งต้องหันไปมองอีกครั้ง ก่อนจะตกใจที่ครั้งนี้เห็นช้างนั่งอยู่ข้างๆปลื้ม แกะถั่วลิสงใส่มือของอีกคนโดยไม่บ่นสักคำ
“ไม่ใช่แค่ดิน มึงก็แปลกว่ะปลื้ม”
“ช่วงนี้ทำได้ต้องรีบทำ ฮ่าๆๆๆ”
“เออนะ..ดินมันก็..เหมือนจะยิ้มมากขึ้น” เล้งว่าไปตามที่เห็น เขามองผู้กำกับตัวเล็กที่หันไปหัวเราะให้พระเอกของเรื่อง เพราะโอ๊ตพุ่งไปรับลูกแล้วพลาดล้มกลิ้งไปด้วยกันทั้งบอลทั้งคน แต่สักพักสายตาของเขาก็เลื่อนไปหาคนตัวสูงอีกคนที่หัวเราะเพื่อนจนน้ำตาไหล
“ไม่ใช่แค่นั้น มันต้องมีอะไรที่เราไม่รู้ เฮ้ย!เปลี่ยนตัวๆ ช้างไปลงแทนสิงโตไป ให้น้องมันมาแกะต่อ” ช้างพยักหน้าเหมือนเด็กดีว่านอนสอนง่าย แปะมือกับสิงโตให้รายนั้นมานั่งแทนที่ตัวเอง
“สบายนะมึง”
“แหมมม ก็นะ” ปลื้มยักใหล่เบาๆแล้วพยักเพยิดไปที่คนตัวสูงอีกคนที่เดินตามสิงโตออก
“พี่เล้งงงง หิวน้ำ”
“อ่ะ” เชฟไม่พูดเปล่า เขาเท้าแขนลงที่เก้าอี้ผ้าใบแล้วก้มลงไปดูน้ำในมือที่คนตัวเล็กถือ
“หน้าแดงหมดแล้ว พักมะ”
“ไม่เอา กำลังสนุก เดี๋ยวเกมก็จบแล้ว”
“เสร็จนี่ไปกินไอติมกันนะ อยากกิน”
“ตามบัญชาครับผม” เซฟผละออกแล้ววิ่งกลับไปเล่นต่อ
“มีแฟนเด็กนี่ดีจังเลยน้า กร๊าวใจสุดๆ” เสียงล้อๆของปลื้มทำให้เล้งรู้สึกอายมาก เพราะเมื่อกี้ยอมรับเลยว่าเขาเผลออ้อนเด็กจริงๆ
“ยังไม่ได้เป็นแฟนสักหน่อย”
“ขนาดนี้แล้วนะพี่เล้ง” เป็นเสียงของสิงโตที่แทรกขึ้นมาพร้อมๆกับเจ้าตัวที่ยื่นถั่วลิสงในมือให้ปลื้ม
“เออน่า..ถ้าภายในพรุ่งนี้เพื่อนมึงยังไม่ขอกูเป็นแฟนนะ กูจะขอเอง” คำพูดของเล้งทำให้ปลื้มยิ้มกริ่ม
“ดีมาก อย่าลืม ถ้าเป็นแฟนกันแล้วเราต้องมีอำนาจเหนือกว่าด้วย”
“เหมือนนี่?”
“บ้าเหรออออ นี่ไม่ได้เป็นแฟน สถานะยังไม่ถึง เป็นได้แค่ทาส ฮ่าๆๆๆๆๆ” เล้งส่ายหน้าเบาๆ พลางเหลือบไปมองสิงโต รายนั้นก็ดูไม่หือไม่อือ ไม่โต้แย้งอะไร อย่างนั้นก็ควรปล่อยให้เป็นเรื่องของพวกเขาแล้วกัน ตอนนี้เล้งขอเอาเรื่องของตัวเองให้รอดก่อนดีกว่า
ค่ำวันนั้นหลังจากที่ปล่อยให้ทุกคนเที่ยวเพลินวานจนถึงเวลากลับ อาจารย์ป้าก็ขึ้นมาบนรถแย่งไมค์จากเปาแล้วสั่งให้นักแสดงทุกคนรันทรูให้ดูวันพรุ่งนี้ในช่วงกิจกรรมรอบกองไฟ แน่นอนว่าทุกคนตื่นเต้นและดูคึกคักกันพอสมควร เพราะนักแสดงที่หายไปกว่าครึ่งเรื่องทำให้สต๊าฟต้องลงมาเล่นเอง และความสนุกมันอยู่ตรงนี้
“กูจองซิลลี่เกิร์ลลลล” เสียงของเล้งที่ดังขึ้นคนแรกทำให้หลายคนบนรถเป่าปากแซว
“กูเป็นลูมิแอร์” ปลื้มแสดงอีกคนว่าเขาจองบทสำคัญนี้ จากนั้นทุกคนก็รีบยกมือกันแย่งบทบาทต่างๆ เล้ง โจ้ ขวัญ รวบบทสามสาวซิลลี่เกิร์ลและตัวเต้นที่ขาดทั้งหมด
กลายเป็นว่าในวันถัดมา พวกเขาทั้งหมดก็ได้นัดกันออกมาซ้อมการแสดง ก็รู้ว่าอาจารย์แกอยากดูสนุกๆเฉยๆ แต่พวกเขาก็อยากให้การแสดงมันราบรื่นและทุกคนก็สนุกไปกับกิจกรรมที่เพิ่มขึ้นนี้อย่างมากด้วย
จนถึงกิจกรรมรอบกองไฟ กลุ่มอาจารย์ป้าและคุณแม่ของโอ๊ตก็ได้มาร่วมชมการแสดงของเด็กๆด้วย แต่เนื่องจากว่าพวกเขายังซ้อมกันไม่จบ เรื่องราวที่แสดงในวันนี้จึงจบลงที่ฉากเต้นรำของพระเอกนางเอกในเพลง Beauty And The Beast เพียงแค่นั้น แต่ก็มากพอที่จะทำให้กลุ่มอาจารย์ก็ยิ้มแก้มปริแล้ว
“ปรบมือให้ตัวเอง ทุกคนเก่งมากๆ” สิ้นคำชมนักแสดงทุกคนในวันนั้นต่างก็ปรบมือเสียงดัง กระโดดโลดเต้นกันจนอาจารย์ป้าต้องยกมือห้ามปราม เพราะกลัวว่าเด็กๆจะทำเสียงดังรบกวนนักท่องเที่ยวคนอื่นๆมากเกินไป
“นี่ผู้ชมไม่ถึง10คนพวกเธอยังตื่นเต้นขนาดนี้ แต่ในวันจริงคนดูเต็มโรงละครเชียวนะ ครูอยากให้ทุกคนจำความรู้สึกและประสบการณ์ในวันนี้เอาไว้ แล้วในวันนั้นเราจะยิ้มแบบนี้อีกครั้งหลังจากที่การแสดงทั้งหมดจบลง ครูมั่นใจในตัวพวกเราทุกคน”
“เฮ้ยพี่เล้งร้องไห้!” ดินตกใจเมื่อหันมาเจอใบหน้าน่ารักๆของรุ่นพี่เต็มไปด้วยคราบน้ำตา
“อย่าแซวสิ ฮืออออ คนมันดีใจอ่ะ เข้าใจมะ” รุ่นพี่ตัวเล็กปล่อยโฮไม่สนใจใคร เพราะเขาเข้าใจความรู้สึกที่อาจารย์พูดได้ดี ในวันที่แสดงจริง เมื่อถึงตอนจบของเพลงFinale ความรู้สึกทั้งหมดมันจะเอ่อออกมาอย่างท่วมท้น เหมือนกับที่เล้งกำลังเป็นอยู่ตอนนี้
“พี่เล้ง มานี่มาโอ๋ๆ” เผ่าเดินเข้าไปกอดรุ่นพี่ตัวเล็กเพราะเขาเองก็สัมผัสได้ว่าพี่เล้งรู้สึกอย่างไร
“โหพี่เผ่า เนียนไปๆ” โอ๊ตถึงขั้นต้องออกปากแซวเพราะเพื่อนสนิทของเขามันเหวอไปแล้วที่เห็นพี่ชายตัวเองเดินไปกอดพี่เล้งต่อหน้าทุกคน
“กูเป็นพระเอกละครให้พี่เค้าปีที่แล้วโว๊ย อาการงี้เรียกว่า -ตื้นตัน- ฟิลลิ่งมาเต็มว่ะ โอ๋ๆๆ”
“ฮืออออออ”
“ครูเห็นเล้งมันร้องไห้ทุกปี”
“จารย์!อย่าแซว!” แม้กระทั่งอาจารย์ป้าเล้งก็ไม่หวั่นล่ะตอนนี้
ไม่นานกลุ่มอาจารย์ก็แยกตัวกลับไปพักผ่อน และพวกเขาทั้งหมดก็เฉลยบัดดี้กันต่อ หลายต่อหลายคนมีของขวัญเล็กๆน้อยๆให้บัดดี้ของตัวเอง ที่น่าสนใจก็คือสมาชิกห้อง 209 เผ่าเป็นบัดดี้ของเล้ง เล้งเป็นบัดดี้ของเซฟ และเซฟเองก็เป็นบัดดี้ของเผ่าด้วย
“กูอยากเผาฉลากทิ้งจะตายตอนจับได้ชื่อมัน เอ้า รีบๆขอพี่เขาเป็นแฟนนะมึง” เผ่าเบ้ปากใส่น้องตัวเอง แต่ก็โยนเสื้อให้เซฟสองตัว ซึ่งเป็นเสื้อคู่ที่เขาตั้งใจซื้อให้พี่เล้งได้ใส่คู่กันกับน้องชายเขาด้วย เสียงโห่แซวของทุกคนในกองดังขึ้นเมื่อเห็นว่าคนอาวุโสสูงสุดเขินจนก้มหน้างุดลงที่หัวใหล่ของผู้กำกับตัวน้อย
กว่ากิจกรรมจะจบลงเวลาก็ล่วงเลยไปเกือบ 4 ทุ่มแล้ว ดินนัดแนะเวลาขึ้นรถและสั่งแยกย้ายทันที เนื่องจากคืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่ทุกคนจะได้พักอยู่ที่นี่ แต่ละห้องแยกย้ายกันไปอาบน้ำแต่งตัว บางห้องก็เข้านอนพักผ่อน บางห้องก็นัดสังสรรค์จัดปาร์ตี้เล็กๆ อย่างเช่นห้อง 210 ก็กลายเป็นแหล่งกบดานอีกห้องของกลุ่มผู้ชาย แน่นอนว่าเผ่าเองก็ไม่พลาด
“พี่เล้ง...ไปเดินเล่นกันไหม”
“ไปสิ”
หาดทรายที่ไร้ผู้คนทำให้เขาทั้งคู่เกี่ยวมือกันเอาไว้ มือเล็กกำรอบนิ้วของตัวสูง อีกคนก็สัมผัสมือเล็กอย่างแผ่วเบา ไม่ต้องมีคำพูดอะไร เพียงรอยยิ้มบนใบหน้ายามที่สบตากันเท่านั้นแทนคำพูดทั้งหมด
เล้งได้แต่นับหนึ่งถึงร้อยอยู่ในใจ เฝ้ารอว่าคนที่ชวนออกมาเดินเล่นจะเริ่มพูดเมื่อไหร่ แต่จนแล้วจนรอด คนตัวสูงกว่าก็ยังไม่ยอมเอ่ยปากสักคำ ไม่รู้ว่าเรียบเรียงคำพูดหรือว่ายังตื่นเต้นอะไร จนในที่สุดพวกเขาทั้งสองคนก็พูดมันออกมาแทบจะพร้อมกัน
“คบกันนะ”
“เป็นแฟนกันไหม”
“ห๊ะ เมื่อกี้เซฟว่าไงนะ”
“พี่เล้งพูดไรนะเมื่อกี้”
เป็นอีกครั้งที่พวกเขาพูดออกมาพร้อมกัน ทำให้ต่างคนต่างหันมามองแล้วหัวเราะไปด้วยกันทั้งคู่ เซฟรวบเอวของคนพี่เขามากอดไว้แน่น ก่อนแนบริมฝีปากที่ข้างขมับอย่างแผ่วเบา
“มีแฟนเด็กต้องหมั่นตรวจเชคร่างกายนะครับ”
“ไอ้บ้า”
//TBC//
////////////
คุยนิดหน่อยค่ะ
อย่างแรกเลยคือพลอตของเรื่อง เป็นไปตามที่เราตั้งใจในตอนแรกทั้งหมดนะคะ คือที่เราวางไว้ ไม้ได้มีพระเอกนายเอกแค่คู่เดียว แต่มีถึงสามคู่ เลยต้องขอพื้นที่ให้คู่อื่นบ้าง ความสัมพันธ์ของตัวละคร ทั้งสามคู่จะแตกต่างกัน ส่วนคู่ของปิติที่มาแรงแซงทางโค้ง บทสรุปจะเป็นยังไง 3pจริงไหม? ค่อยๆให้ตัวละครเฉลยเองดีกว่าค่ะ
ขอบคุณสำหรับทุกคนที่แสดงความเห็นค่ะ เราไม่ได้เขียนฟิคหรือนิยายนานมาก ทิ้งร้างไปหลายปี กลับมาเขียนในครั้งนี้ก็มีติดๆขัดๆรู้ตัวเลย ฮ่ะๆ
ยินดีรับฟังทุกคำติชมค่ะ^^