Chapter 11
เพราะการมาเที่ยวของกองละครในครั้งนี้เป็นการเที่ยวแบบจริงจัง กิจกรรมกลุ่มจึงมีไม่มาก ทริปจะเน้นให้พักผ่อนหย่อนใจมากกว่า กำหนดการในวันแรกจึงมีเพียงพาทุกคนไปสักการะหลวงพ่อทวดองค์ใหญ่ที่วัดห้วยมงคลเท่านั้น ช่วงเย็นก็พาไปปล่อยตลาดนัดที่เดียวจบ แต่ละคนข้าวของเต็มไม้เต็มมือ และถ้ามองดีๆทั้งหมดนั่นคือกับแกล้มล้วนๆ
เรื่องแอลกอฮอล์พวกอาจารย์คงรู้ว่าถึงจะห้ามไป เด็กๆก็ต้องแหกกฎกันอยู่ดี ทริปนี้เลยปล่อยให้เมาเต็มที่ แต่มีข้อแม้เพียงอย่างเดียวคือห้ามออกไปเที่ยวผับเด็ดขาด แน่นอนว่ามันไม่เป็นปัญหาของคนจะเมา พวกเขาตุนสเบียงอาหารเครื่องดื่มกลับไปตั้งวงกันอยู่รีสอร์ทก็ได้
“กินกันเต็มที่นะลูก ถ้าไม่พอก็บอกแม่ได้” แม่ของโอ๊ตเป็นอีกหนึ่งในผู้สนับสนุนหลักของปาร์ตี้รอบกองไฟที่ชายหาด พวกเขาจึงได้ทั้งเตาย่าง และกองไฟที่ให้ความอบอุ่นในยามค่ำคืน
“ขอบคุณครับ/ค่ะ”
“เอาล่ะทุกคน อย่าก่อเรื่อง อย่าทำหาดสกปรก รักษาความสะอาดกันด้วย เล้ง เธอจะคุมเด็กไหวไหม” อาจารย์ป้าเป็นอีกคนที่ถึงแม้จะอนุญาตแต่ก็ยังแอบห่วงอยู่ไม่น้อย เพราะดูจากปริมาณแอลกอฮอล์ที่เตรียมกันมาแล้ว คิดว่าวันนี้คงได้มีคนเมาจนร่วงแน่ๆ
“เดี๋ยวพวกหนูช่วยกันดูด้วยค่ะอาจารย์” น้ำฝนยิ้มหวานเอาใจ ใช้ตำแหน่งนางเอกละครรับประกันขนาดนี้ อาจารย์ป้าก็พอเบาใจ จากนั้นพวกอาจารย์ก็แยกออกไปเมากันเองที่ห้องคาราโอเกะที่คุณแม่ของโอ๊ตเตรียมไว้รับรอง
ปาร์ตี้รอบกองไฟในคืนนี้ไม่ได้มีการบังคับ แต่ถ้าใครอยากจะมาสนุกก็มาได้ ใครอยากไปพักผ่อนก็แยกไปได้ แต่เท่าที่เล้งนับจำนวนน้องๆ ก็ดูเหมือนว่าจะมาครบทุกคน ดินแจกจ่ายหน้าที่ให้สต๊าฟแต่ละคนมีหน้าที่ดูแลรูมเมทของตัวเอง แต่ถ้าห้องไหนที่สต๊าฟตั้งใจจะเมาก็ยกหน้าที่นั้นให้รูมเมททำแทน
“อยากจะบอกเธอว่ารัก แต่มันคงจะเร็วไป
เธอคงไม่เข้าใจ ในสิ่งที่ฉันมีตอนนี้
ที่เป็นทุกข์ ก็เพราะคงเฝ้าแต่คิดถึงเธอ
ตั้งแต่วันที่ได้เจอ เธอคือเหตุผลที่ฉันต้องเป็นอย่างนี้”
มือกีต้าร์หลักของงานคือพี่ช้างศิลปกรรมที่ลงทุนหอบกีต้าร์โปร่งลูกรักมาจากกรุงเทพฯ ส่วนนักร้องนำในตอนนี้ก็คือเจ้าชายน้ำแข็งที่หยิบเอาขวดโซดาเปล่ามาทำเป็นไมค์ ร้องไปก็มองคนตัวเล็กที่กำลังย่างบาร์บีคิวไปด้วย
“เซฟก็ร้องเพลงได้นี่นา”
“มันก็พอร้องได้ ไม่งั้นจะเสนอให้มันรับบทเลอฟูเหรอ” เผ่าเดินมายืนข้างๆรุ่นพี่ตัวเล็ก วางจานเปล่าลงข้างๆจานที่เล้งกำลังย่าง ยกมือไหว้ แล้วกระพริบตาปริบๆ
“เออ เดี๋ยวกูย่างให้ จะเอากี่ไม้”
“แล้วแต่ว่าที่น้องสะใภ้จะกรุณาครับ”
“เดี๋ยวเถอะมึง เดี๋ยวไม่ได้แดก” เล้งง้างที่คีบหมูพร้อมฟาด แต่เผ่าก็ชิ่งหนีด้วยความเร็วแสงมานั่งรวมกับวงเหล้าที่กำลังกรึ่มๆได้ที่
“พี่เล้งงงงง ยิ้มหน่อยยยย” ปลื้มที่ดูเหมือนเริ่มนั่งไม่ตรง อยู่ดีๆก็ตะโกนขึ้นทำให้เล้งงงไปสักพักแล้วก็ยิ้มให้ตามที่อีกคนคะยั้นคะยอ
“พี่เค้าหันมาแล้วจีบต่อเลยไอ้น้อง! หูกางดนตรีมา!” ปลื้มหันไปชี้มือกีต้าร์หูกางที่เล่นตามคำสั่งแล้วมีท่าทางจะล้มจนสิงโตต้องรีบลุกขึ้นประคองรูมเมทตัวน้อยทันที
“แค่รอยยิ้มของเธอ ความอ่อนหวานของเธอ มันมีมากเกินทนไหว
ฉันไม่อาจต้านทาน ความรู้สึกข้างใน ที่ฉันนั้นมีมากเกินจะเก็บไว้
พร้อมกัน!
อยากจะบอกเธอว่ารัก แต่มันคงจะเร็วไป
เธอคงไม่เข้าใจ ในสิ่งที่ฉันมีตอนนี้
ที่เป็นทุกข์ ก็เพราะคงเฝ้าแต่คิดถึงเธอ
ตั้งแต่วันที่ได้เจอ เธอคือเหตุผลที่ฉันต้องเป็นอย่างนี้”
เล้งถอนหายใจพลางส่ายหน้าเบาๆกับมินิคอนเสิร์ตของคนขี้เมากลุ่มใหญ่ ไม่ว่าจะเมามากเมาน้อยเขาก็ถือว่าเมาหมด กลุ่มสาวๆก็ใช่ว่าจะน้อยหน้านะ น้ำฝนนางเอกของเรื่องนี่แหละตัวดี ทำเป็นรับปากแข็งขัน แต่อาจารย์ป้าไม่รู้หรอกว่าจริงๆแล้ว มันนั่นแหละที่เป็นตัวตั้งตัวดีรวมเงินสาวๆซื้อเบียร์กับสปายมาเป็นลัง
“พี่เล้งไปหาน้องมันหน่อยสิคะ มองตามจนหงอยแล้ว เดี๋ยวทางนี้ขวัญย่างต่อเอง” ขวัญหยิบหมูที่สุกใส่จานแล้วยัดเยียดให้รุ่นพี่คนสวยกลับไปรวมกลุ่มจนได้
ทันทีที่เล้งเดินกลับมาเซฟก็รีบจัดแจงที่นั่งข้างๆตัวเอง แต่แล้วเขาก็ได้เป็นพญานกตัวใหญ่เมื่อเล้งเลือกที่จะนั่งลงข้างๆเผ่าและดิน พวกเขาทั้งหมดเลยได้เห็นภาพของเจ้าชายน้ำแข็งที่น่าจะเมาไปแล้วๆคลานเข่าเข้ามากระแซะๆ แทรกตัวเข้าไปนั่งตรงกลางระหว่างพี่ชายของเขาและรุ่นพี่ตัวเล็ก
“พี่เล้งง่าาาาาา” เล้งถึงกับตัวแข็งทื่อเมื่อรู้สึกได้ถึงลมหายใจปนกลิ่นแอลกอฮอล์ที่ข้างแก้มของตัวเอง แขนยาวๆทั้งสองข้างสอดเข้ามากอดรอบเอวไว้แน่น คนตัวสูงคลอเคลียใบหน้าที่ไหล่เล็กคล้ายแมวที่กำลังออดอ้อนเจ้าของ
“เผ่า..งัดน้องมันออกจากกูที จั๊กจี้” คำพูดของเล้งทำให้คนเมารู้สึกไม่พอใจ เซฟกอดรัดแน่นขึ้นสักพักก็อุ้มรุ่นพี่คนสวยขึ้นมานั่งตักเอาดื้อๆ เรียกเสียงกรี๊ดของสาวๆและเสียงโห่แซวของเพื่อนๆได้เป็นอย่างดี ส่วนคนถูกอุ้มก็หน้าแดงหูแดงทำตัวไม่ถูก ถ้าดิ้นก็ยิ่งถูกกอด เล้งเลยทำได้แค่อยู่นิ่งๆให้คนขี้เมากอดฟัดเหวี่ยงเขาอยู่อย่างนั้น
“พี่เล้ง..”
“อะไร”
“พี่เล้ง..”
“ว่าไง”
“ง่วงอ่ะ” เซฟขยับแยกขาออกทำให้คนตัวเล็กตกลงไปอยู่ในหว่างขาพอดิบพอดี ก่อนคนตัวสูงจะวางปลายคางของเขาบนไหล่ลาด แนบศีรษะไปกับกลุ่มผมนุ่มของคนในอ้อมกอด บางครั้งจมูกโด่งเป็นสันนั่นก็แอบหอมทั้งแก้มทั้งคอไปหลายฟอด ถือว่าเป็นการลวนลามอย่างเต็มรูปแบบอย่างที่เล้งไม่คาดคิด ใบหน้าเล็กหันไปหาพี่ชายของคนเมาแล้วพูดแบบไม่ออกเสียงว่า “ช่วยกูด้วย” แต่ดูเหมือนว่าเผ่าจะทำได้แค่ยักไหล่เท่านั้น
“เมื่อกี้มันยังร้องเพลงอยู่เลย สิง..เพื่อนมึงเมาดิบหรือเมาจริงๆ” ปลื้มเลื้อยพิงรุ่นน้องผิวเข้มเมื่อรู้สึกว่าตัวเองนั่งไม่ตรงแล้ว เขาเป็นประเภทที่เมาแล้วยังคุยรู้เรื่อง ยกเว้นถ้าเมาสุดๆ จะจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง
“น่าจะเมาจริงนะพี่ สงสัยตั้งแต่มันร้องเพลงแล้ว ปกติมันทำซะที่ไหนล่ะ พี่ปลื้มนั่งตรงๆ” สิงโตพยายามจับให้อีกคนนั่งนิ่งๆ แต่ปลื้มก็ยังเป็นสายเลื้อยทิ้งตัวพิงสิงโตบ้างดินบ้างแล้วแต่ว่าตัวเขาจะเอนไปทางไหน
“ปลื้ม มึงเมาแล้วนะ อย่ายกเอายกเอาสิวะ” ดินถอนหายใจเบาๆ เมื่อเห็นสภาพเพื่อนรัก ไม่มีใครมอมมันได้หรอกไอ้ปลื้ม นอกจากมันจะมอมตัวเองอย่างที่เห็น
“มึงทิ้งกูอ่ะดิน มึงทิ้งกู ฮือออ มึงทิ้งกูไปนอนกับคนอื่น” ปลื้มทำเป็นร้องไห้แล้วหันไปซบใบหน้าที่หัวไหล่ของรุ่นน้องที่เพิ่งจับเขานั่งตรงๆเมื่อกี้
“สิงโต พี่ฝากมันหน่อยนะ” ดินยิ้มแหยก่อนลุกไปเติมเครื่องดื่มในแก้วของตัวเอง ดวงตากลมสังเกตเห็นพระเอกของเรื่องถูกสาวน้อยนักแสดงจากอีกคณะเรียกให้เดินตามออกไปที่มุมอาคาร
ผู้กำกับใหญ่สองจิตสองใจว่าจะตามหรือไม่ตามไปดี แต่ขาทั้งสองข้างของเขามันกลับพาเจ้าตัวเดินตามออกมาจนได้ ร่างเล็กๆพยายามซ่อนตัวอยู่ใต้เงาความมืด และนิ่งเงียบรอฟังสิ่งที่คนทั้งคู่จะคุยกัน เหมือนโรคจิตนิดๆ แต่ดินก็ไม่รู้ตัวว่าเขาทำแบบนี้ไปทำไม
“ไข่มุกมีอะไรรึเปล่า”
“เราชอบโอ๊ต”
“ตรงดี”
“งั้นลองคบกันไหมล่ะ”
ดินขมวดคิ้ว แล้วค่อยๆขยับออกจากที่ที่ซ่อนตัวอยู่ เพราะเขารู้สึกแปลกใจกับความรู้สึกของตัวเองที่เกิดขึ้นหลังจากที่ได้ยินบทสนทนาสั้นๆนั่น เขาไม่อยากฟังต่อ ไม่อยากรู้ว่าทั้งสองคนตอบตกลงหรือปฏิเสธกันยังไง เขาก็แค่...
“ไม่อยากได้ยิน...”
ดินยกแขนทั้งสองข้างขึ้นกอดอกเมื่อรู้สึกถึงลมหนาวที่พัดผ่านตัวเขา เขาย่ำปลายเท้าลงที่ผืนทราย และเดินช้าๆออกห่างจากรีสอร์ทไปเรื่อยๆโดนไม่มีจุดหมาย เพียงเพราะต้องการความสงบเพื่อจะได้หาคำตอบให้ตัวเองว่าทำไมเขาถึงรู้สึกแบบนั้น
“พี่ดินจะเดินไปอีกไกลไหมเนี่ย” เสียงทุ้มที่ด้านหลังทำให้ดินหันขวับ ดวงตากลมโตเบิกโพลงขึ้นเมื่อเห็นว่าเป็นโอ๊ตที่ยืนอยู่ตรงนั้น
“ตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็ตั้งแต่พี่ออกมาจากมุมเสานั่นแหละ” ดินจิ๊ปากทันทีที่ได้ยิน เขารู้สึกเสียหน้าไม่น้อยที่รุ่นน้องจับได้ว่าเขาแอบฟังอยู่ตรงนั้นและเลือกหลบสายตาอีกฝ่ายโดยการหันหน้าออกไปหาทะเลแทน
“ปฏิเสธไปแล้วนะ”
“ไม่ได้ถาม” ดินขบริมฝีปากตัวเองเบาๆ เพราะความรู้สึกแปลกๆที่เขาสัมผัสได้มันกลับมาอีกแล้ว มันเหมือนกับว่าเขาดีใจที่ได้ยินอย่างนั้น
“ก็นึกว่าอยากรู้”
“มันเป็นเรื่องส่วนตัว”
“ครับ มันเป็นเรื่องส่วนตัวของผม แต่พอเห็นพี่ดินเมื่อกี้ เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าอยากให้เรื่องนี้มันเป็น -เรื่องของเรา-” สิ้นคำนั้น ดินรู้สึกชาวาบไปทั้งตัว เขาไม่ใช่เกย์ไม่ใช่ตุ๊ด ตลอดชีวิตที่ผ่านมาเคยชอบแต่ผู้หญิง แต่ครั้งนี้ ทำไมเขากลับหวั่นไหวกับคำพูดของคนตรงหน้า หรือว่าเขาเชียร์พี่เล้งกับเซฟมากไปจนรู้สึกอินไปเอง..บ้าบอ
“พี่ดินอย่าเพิ่งเดินหนีนะ ฟังน้องคนนี้หน่อย” โอ๊ตเอื้อมมือไปจับปลายเสื้อของรุ่นพี่ตัวเล็กเอาไว้ ดินก็ยังคงเป็นดินที่ยังยืนนิ่ง ในท้ายที่สุดเขาก็พยักหน้ารับเพื่อให้อีกคนพูดต่อ
“อืม ว่ามาสิ”
“ผมยอมรับว่าตอนที่เลิกกับทิชา ตอนนั้นความรู้สึกมันเป๋เหมือนกันนะ ผมเป็นคนคิดมาก ผมคิดอยู่ตลอดว่าผมทำผิดไหมที่พูดออกไปแบบนั้นต่อหน้าคนตั้งมาก รู้สึกไม่ดีว่ะพี่ แล้วเธอเป็นผู้หญิง เธอจะรู้สึกแย่กว่าผมแค่ไหน ..แต่วันนั้นพี่ก็โทรมาคุย ไลน์มาหา คุยเป็นเพื่อนผมตลอดทั้งคืน ทั้งๆที่พี่ไม่ต้องทำก็ได้ พี่ดินรู้ตัวไหมว่าถ้าพี่เข้าไปในชีวิตของคนคนหนึ่งในเวลาที่เขาต้องการใครสักคน พี่จะกลายเป็นที่หนึ่งของเขาทันที”
“ตอนซ้อม..สายตาโคตรแย่เลย ทำไมกูจะไม่เห็น”
“จากนั้นพี่ดินก็คุยตลอด”
“กูกลัวละครกูไม่มีพระเอก” ข้ออ้างชัดๆ ทำไมโอ๊ตจะไม่รู้ เพราะหลังจากวันนั้น พวกเขาก็ไม่ได้คุยแค่เรื่องนี้ ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในทุกวัน พวกเขาก็แชร์กันหมดทุกอย่างจนเขารู้สึกได้ว่ามันพิเศษ
“ตอบหน่อยสิครับ พี่รู้สึกยังไงตอนที่รู้ว่าผมปฏิเสธเธอไปแล้ว”
“จะต้องรู้สึกอะไรวะ ไม่เห็นเกี่ยวกัน”
“ขอคำตอบให้โอ๊ตเถอะครับพี่ดิน” สรรพนามที่พวกเขาเคยเผลอใช้ แต่ต่างฝ่ายก็ต่างไม่ทักท้วง มีแต่ปล่อยเลยตามเลยจนกลายเป็นความรู้สึกพิเศษอีกอย่างที่ต่างคนก็ต่างรับรู้ได้ว่าความรู้สึกข้างในมันไม่เหมือนกับที่คนอื่นๆเรียก
“…พี่ดิน...ดีใจ” ดินรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอกเมื่อได้พูดมันออกไปในที่สุด ดวงตาหลุบต่ำมองพื้นหลบสายตาของรุ่นน้องที่มองตรงมาที่เขาอย่างมีความหมาย
“แย่ล่ะพี่ดิน” อยู่ดีๆโอ๊ตก็ทรุดตัวนั่งยองๆพร้อมกับยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองไว้ ดินแปลกใจไม่น้อยกับท่าทางแบบนั้น เขาย่อตัวลงตามและพยายามดึงให้อีกคนยืนขึ้นแต่โอ๊ตก็เลือกที่จะกดใบหน้าลงเพื่อซ่อนให้มิดที่สุด
“โอ๊ต เป็นอะไร”
“ใจเต้นแรงกว่าที่โดนสารภาพรักเมื่อกี้อีก พี่ดิน...โอ๊ตต้องจัดการความรู้สึกนี้ยังไงดี แย่แน่ๆ” คำสารภาพของคนตรงหน้าทำให้ผู้กำกับตัวเล็กเผยรอยยิ้มกว้าง เพราะนั่นทำให้เขารู้ว่าไม่ใช่เขาคนเดียวที่ใจเต้นแรง
“ลุกขึ้น”
“ไม่เอา อายว่ะพี่”
“ลุก..พี่ดินอยากเห็นหน้า” โอ๊ตดีดตัวเองขึ้นทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น และใบหน้าที่ติดจะเขินอายของผู้กำกับตัวเล็กก็ทำให้เขาหน้าร้อนขึ้นมาอีกรอบ
“พี่ดินก็เขินเหรอ”
“ไม่เขินก็ก้อนหินแล้วไอ้บ้า...ไม่เคยรู้สึกกับผู้ชายแบบนี้เลยว่ะ”
“ผมก็เหมือนกัน” โอ๊ตกล้าๆกลัวๆแต่สุดท้ายเขาก็ลองแตะปลายนิ้วของคนตัวเล็ก และนั่นก็ทำให้เขาได้มือเล็กๆของอีกคนมากุมไว้
“กลับเหอะพี่ดินได้คำตอบแล้ว”
“ครับ?”
“พี่ดินรู้สึกว่าตัวเองแปลกๆตอนที่ได้ยินไข่มุกสารภาพรัก แล้วตอนนี้พี่ดินก็ได้คำตอบแล้วว่าพี่ดินเองก็ชอบโอ๊ตเหมือนกัน”
“พี่ดิน!” โอ๊ตรู้สึกเหมือนหาเสียงตัวเองไม่เจอเมื่อได้ยินคำนั้น มือข้างที่ว่างถูกยกขึ้นมาปิดหน้าเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างก็ถูกคนตัวเล็กยกขึ้นไปวางที่ตำแหน่งหัวใจของเจ้าตัว จังหวะที่ทั้งหนักและเร็วที่ฝ่ามือทำให้โอ๊ตรู้ว่าไม่ใช่เขาแค่ฝ่ายเดียวเท่านั้นที่ใจเต้นแรง หัวใจของพี่ดินก็เต้นแรงจนแทบจะเป็นจังหวะเดียวกันอยู่แล้ว
“แล้วพี่ดินก็รู้อีกอย่างว่าโอ๊ตเองก็ชอบพี่ดินเหมือนกัน ใช่มะ” โอ๊ตยอมรับในวินาทีนั้นเลยว่าเขาแพ้พี่ดินราบคาบ
“ครับ”
“ดีมาก เป็นเด็กดีของพี่ดินนะ”
“ครับ”
พวกเขาสองคนเดินจับมือกันมาได้สักพักก็ต้องปล่อยออกเมื่อเห็นว่าอยู่ในระยะที่มองมาจากวงเหล้าได้ ดินเดินกลับไปนั่งลงที่เดิมข้างๆปลื้มที่ดูเหมือนว่าจะเมาหนักแล้ว เพื่อนรักของเขาเริ่มลุกขึ้นเต้นกับจังหวะเพลงสนุกๆ ตอนนี้มือกีต้าร์เปลี่ยนเป็นโอมเรียบร้อยเพราะเจ้าของกีต้าร์ดูท่าว่าจะเริ่มเมาเหมือนกัน
“พี่เล้งไม่พาน้องมันไปนอนดีๆล่ะ” ภาพของเซฟที่กอดแผ่นหลังของเล้งแล้วหลับตาพริ้มทำให้ดินอดเขินแทนไม่ได้ แต่แค่ทักเท่านั้น คนที่เขาคิดว่าเมาหลับไปก็ลืมตาขึ้นจ้องเขาเขม็ง
“ไม่ได้หลับพี่ แค่พักสายตา พี่เล้งนุ่มมมม พี่เล้งหอมมมม”
“เซฟพี่เล้งจั๊กจี้ อ๊ะ!” เสียงพี่เล้งยิ่งทำให้บรรยากาศมันอีโรติกเพิ่มขึ้นไปอีก ไอ้คนลวนลามก็ยิ่งดูได้ใจ
“เผ่ามึงพาสองคนนี้กลับห้องเถอะ” ดินเขย่าตัวเพื่อนตัวสูงเบาๆ แต่แค่สะกิดแรกร่างสูงใหญ่ก็ไหลไปพิงทั้งเล้งและเซฟ ...หลับ...
“พี่เล้ง จากที่ประเมินคือห้องพี่น่าจะเหลือพี่ที่สติดีสุดนะ เอากลับไปให้ได้ล่ะ”
“ไอ้เผ่า! ตื่นนนน กูแบกมึงไม่ไหวนะเว้ยยยยย เซฟ! จัดการ” ดินได้แต่ไว้อาลัยให้สมาชิกห้อง 209 ที่คนหนึ่งก็หลับ คนหนึ่งก็เมาจนเดินไม่ตรง ส่วนคนที่มีสติดีกว่าเพื่อนก็ตัวเล็กชนิดที่ว่าไม่สามารถแบกทั้งสองคนได้ จนต้องออกแรงทั้งลากทั้งจูงกลับไปในที่สุด
“จากวันเน้ จามีราววว ราววและนายยยย โจดจามว้ายยย ต่าหลอดปายยย ไม่ทิ้งงงงกานนนน”
“ปลื้ม พอแล้ว มานี่กูจะพาไปนอนเอง สถาพไม่น่ารอดทั้งสามคน โอ๊ต โอม ช่วยพี่หน่อย” ดินตัดสินใจเก็บทั้งสามคนกลับห้อง เพราะประเมินแล้วว่าเมาทั้งหมดแบบนี้ขืนปล่อยให้อยู่ต่อได้นอนกันที่นี่ทั้งสามคนแน่ๆ
แม้จะดูทุลักทุเลหน่อยแต่พวกเขาก็สามารถพาทั้งสามคนกลับมาที่ห้อง 210 จนได้ และเนื่องจากห้องโซนนี้เป็นเตียงเดี่ยว ทำให้เขาต้องจำใจปล่อยทั้งสามคนให้นอนกองรวมกันบนเตียง ดินจัดแจงห่มผ้าให้และแอบถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก เมื่อเห็นว่าปลื้มพลิกตัวเข้าไปกอดผู้กำกับศิลป์คู่ปรับ
“แกล้งเพื่อนนะพี่ดิน”
“เก็บไว้แบล็คเมล์ฮ่าๆๆ ไปเถอะ”
แต่ใครจะรู้ว่าคืนนั้นในห้อง 210 มันไม่ได้จบอยู่แค่การนอนห่มผ้าบนเตียง
“เวรแล้วกู”
เป็นอีกเช้าวันหนึ่งที่ปลื้มรู้สึกว่ามันต่างจากทุกที หัวใจที่เต้นแรงและรัวมันทำใ้ห้ปลื้มต้องค่อยๆผ่อนลมหายใจเพื่อปรับให้มันอยู่ในจังหวะปกติ เขามองใบหน้าที่หันเข้ามาหาสลับกับหันไปเหล่มองเจ้าของลมหายใจที่ระต้นคออยู่ตอนนี้
ร่างกายที่แนบชิดและอะไรบางอย่างที่มันสัมผัสอยู่ที่ก้นทำให้รู้ว่าตอนนี้พวกเขาทั้งสามคนเปลือยเปล่า ความรู้สึกเจ็บที่ช่องทางที่ไม่ควรจะมีอะไรเข้าไปทำให้ปลื้มรู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือเรื่องจริง เขาค่อยๆแกะแขนของสิงโตออก และพยายามขยับตัวลุกขึ้นจนทำให้อีกคนตื่น
“จะไปไหนปิติ” อีกคนที่ว่าไม่ใช่สิงโตแต่กลับเป็นช้าง ส่วนรุ่นน้องผิวเข้มนั้นพลิกตัวไปนอนหงายแล้วหลับต่อทันที ปลื้มชั่งใจอยู่ชั่วขณะก่อนตัดสินใจหันมามองคนตัวโตที่ยกแขนข้างหนึ่งขึ้นหนุน
“ไปห้องน้ำ”
“เดินไหวเหรอ” ปลื้มตาขวางมองคนตัวโตด้วยสายตาที่ยากจะอธิบาย เพราะร่องรอยบนตัวของอีกคนมันตอบแทนทุกอย่างแล้ว ตำแหน่งของรอยกัดและรอยข่วนที่ดูก็รู้ว่าเจ้าตัวไม่น่าจะทำเองได้
“กูไม่ได้ขาหัก”
“ปิติ”
“ไม่เอานะ ปล่อย!!” มือใหญ่อีกข้างรั้งคนตัวเล็กให้นอนลงอีกครั้งก่อนที่เขาจะขยับขึ้นคร่อมจนปลื้มร้องเสียงหลง และเสียงนั่นก็ปลุกสิงโตให้ตื่นขึ้นมาอีกคน
“ตื่นก็ดีไอ้น้อง ขยับตัวสิเจ็บก้นไหม” สิงโตยังช็อคกับภาพตรงหน้าอยู่ เขาค่อยๆก้มลงมองตัวเอง สภาพเหมือนเพิ่งออกมาจากท้องแม่กันทั้งสามคนแบบนี้คงไม่ต้องสงสัยแล้วเมื่อคืนมันเกิดอะไร
“เร็ว! มึงเจ็บก้นไหม”
“มะ...ไม่ครับ” คำตอบนั้นเพียงพอสำหรับช้าง เขาหันมามองคนที่อยู่ใต้ร่าง ใบหน้าของปลื้มแดงก่ำและในดวงตานั้นก็เหมือนจะมีน้ำใสค่อยๆก่อตัวขึ้น
“แต่...ผมแสบๆไหล่”
“มึงโดนกัดเหมือนกูนี่ไง” ช้างเอี้ยวตัวให้ดูร่องรอยที่คล้ายกันบนตัว ตอนนี้เขาเริ่มมั่นใจแล้วว่าคนที่ทำหน้าที่เป็นผู้หญิงให้เขาเมื่อคืนคือใคร คิดว่าฝันไปเสียอีก ใครจะรู้ว่ามันจะเป็นเรื่องจริง
“ขอโทษนะปิติ” ช้างว่าพลางพลิกตัวปลื้มให้นอนคว่ำและยกสะโพกขึ้นเพื่อเชคให้มั่นใจ แน่นอนว่าปลื้มไม่มีทางอยู่เฉยแน่ๆ แต่เขาก็ถูกสิงโตรวบกอดไว้เพื่อเปิดโอกาสให้อีกคนพิสูจน์อะไรได้สะดวกขึ้น
“หยุดนะ! ปล่อยกู! ไอ้สิงโตปล่อย! ไอ้ช้างอย่า!! อื้อออ!” ของเหลวสีขาวขุ่นที่ไหลออกมาตามนิ้วยาวๆทำให้ทั้งสิงโตและช้างต่างหันมองหน้ากัน
“พี่ปลื้ม..”
“ปล่อยกู ไม่ต้องมายุ่งกับกูทั้งคู่ แม่งก็แค่เมาน้ำแตกก็แยกทางสิวะ”
ปลื้มระเบิดอารมณ์ออกมา เขาดิ้นหลุดจากคนทั้งคู่แล้วรีบคว้าเอาหมอนใบโตมาปกปิดร่างกายเอาไว้ ไม่อยากยอมรับว่าสภาพร่างกายตอนนี้มันบอบช้ำมาก แต่เขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ใครคนไหนหรืออาจจะเป็นทั้งสองคนที่เล่นสนุกกับร่างกายเขาเหมือนว่าเขาเป็นผู้หญิง แค่คิดก็อยากจะหายตัวไปจากตรงนี้แล้ว
“แน่ใจเหรอปิติว่าอยากให้ทำแบบนั้น”
“พี่ปลื้มครับ...ผม”
“พอ...กูจะถือว่าพลาด ก็แค่เซ็กส์ ...กูขอแค่อย่าบอกใคร อย่าให้มีปัญหากับละคร ...แค่นั้น พวกมึงทำให้กูได้ไหม”
//TBC//
นี่เค้าไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นงี้นะ พวกตัวแหละยุให้ 3p ดีนัก
เราขอโทษนะนุ้งปิติ ลำบากหน่อยนะ