Memorable "เธอ ที่ รัก" อัพเดท ตอนพิเศษ (12/04/18)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Memorable "เธอ ที่ รัก" อัพเดท ตอนพิเศษ (12/04/18)  (อ่าน 34015 ครั้ง)

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
จะจบแบบไหนน่ะ รอๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
จะออกทางไหนน่ะ

ออฟไลน์ KarmaNavy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
คุณคือรอยน้ำตาบนแก้มผม




ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาวิ่งมานานแค่ไหนแล้ว แต่ก็ไกลมากพอที่เขาจะสามารถร้องไห้ออกมาได้อย่างเต็มเสียง เทียนทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ก้มมองทรายที่ชื้นเพราะน้ำตาของเขาแล้วหลับตาลง ไม่รู้จะเรียกโชคดีได้ไหมที่ก่อนออกมาเขาคว้าโทรศัพท์ตัวเองติดมือมาด้วย จากที่คิดว่าจะไม่รบกวน สุดท้ายเขาก็เลือกโทรออกไปเบอร์เดิม...

(ว่าไง ยังไม่นอนเหรอวะ)

“ตาม มาหากูหน่อย”

(...อยู่ไหน?) ปลายสายเงียบไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงเจือสะอื้นของเขาที่ไหลไปตามสาย เขาไม่มีแรงตอบกลับไปด้วยซ้ำว่าหนีออกมาจากบ้านพักแล้ว ได้แต่ร้องไห้ฟังเสียงของตามไปเรื่อยๆ เท่านั้นเอง

(เทียน ใจเย็นๆ ตอบกูก่อนว่าตอนนี้มึงอยู่ที่ไหน กูจะได้ไปรับไง นะ?)

“กู...วิ่งหนีเขาออกมา ไม่ได้อยู่บ้านพักแล้ว”

(วิ่งออกไปที่ไหน ตรงหาดเหรอ)

“อืม กูไม่รู้ว่าไกลจากบ้านพักมากไหมอ่ะ แต่จากตรงนี้ก็มองไม่เห็นแล้ว”

(โอเค หาที่สว่างๆ ร้านค้าอะไรก็ได้ นั่งรอกูเข้าใจไหม แบตโทรศัพท์เหลือเท่าไหร่...) ตามยังพูดอยู่เรื่อยๆ ถ้อยคำถามไถ่ง่ายๆ ที่อีกฝ่ายมักจะถามเขาอยู่เป็นประจำ วันนี้มันกลับเรียกน้ำตาของเขาอย่างบอกไม่ถูก เป็นครั้งแรกที่เขารับรู้ถึงความเป็นห่วงจากคำพูดและสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ตามทำให้เขาเสมอ เป็นครั้งแรก...ที่เขาเชื่อว่าคำว่าชอบที่ตามเคยบอกนั้น คือเรื่องจริง

“ตาม”

(ว่าไง?)

“มันจะเห็นแก่ตัวมากไหม ถ้ากูขอให้มึงช่วยอะไรกูอย่างหนึ่ง”

(กูเคยปฏิเสธมึงเหรอ)

เทียนหลุดยิ้มนิดหน่อยกับน้ำเสียงติดจะเอือมระอาที่อีกฝ่ายตอบกลับมา แต่เขารู้ตามก็แค่ทำไปอย่างนั้นเอง “ไม่รู้ดิ ครั้งนี้มึงอาจจะปฏิเสธก็ได้”

(ลองว่ามาก่อน เดี๋ยวจะตอบอีกที ให้ช่วยอะไร)

“ช่วยให้กูลืมที่สิงห์ที”

(...)

“กูไม่อยากรักเขาแล้วตาม”














เทียนหายไปจากบ้านนานเกินไปแล้วและเขาคงทำเหมือนว่าไม่รู้สึกอะไรไม่ได้กับสิ่งที่ตัวเองพูดออกไป

สิงห์กดโทรศัพท์หาคนที่หายไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็ไม่ได้รับการตอบกลับจากปลายสายเลยแม้แต่ครั้งเดียว มีบางครั้งที่ปลายสายไม่ว่าง เดาได้ไม่ยากเลยว่าตอนนี้เทียนกำลังโทรหาใคร

ถ้าไม่ใช่เพื่อนคนนั้น

เพราะแบบนั้น

(...ครับ?)

“เทียนอยู่กับเธอหรือเปล่า?”

ปลายสายเงียบไปครู่ใหญ่ แต่ในความเงียบคล้ายเขาจะได้ยินเสียงถอนหายใจเบาบาง ทั้งที่มันเบาถึงขนาดนั้น แต่กลับบาดหัวใจของเขาไม่ต่างอะไรกับถ้อยคำร้ายกาจเลย

(เทียนอยู่กับผม)

“ฉันอยากคุยกับเทียน...”

(ขอปฏิเสธครับ)

สิงห์ยังคงวิ่งวนเวียนอยู่ตามถนนริมหาด เพราะหากตามตะวันตอบกลับมาเช่นนั้น แสดงว่าอีกคนต้องขับรถมารับเทียนที่นี่อย่างแน่นอน ซึ่งจากบ้านพักของเขามีเพียงไม่กี่ที่ที่จะสามารถจอดรับคนได้โดยไม่โดนใบสั่งเสียก่อน ไม่นานเขาก็เหมือนจะพบกับรถของตามตะวัน คันเดียวกับที่มาจอดอยู่หน้าบ้านของเขา

ราวกับแสงสว่างที่เจิดจ้ากลางความมืด สิงห์หลุดยิ้มออกมา ลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อพบกับร่างของคนที่ตามหายืนอยู่ข้างๆ คนที่เขากำลังคุยด้วย เทียนยืนอยู่ตรงหน้าเขานี่เอง กำลังหันหลังให้เขา ดังนั้นเทียนจึงไม่เห็นว่าเขากำลังเข้าใกล้อีกคนมากเรื่อยๆ

(ผมว่าคุณกลับไปดีกว่า เพื่อนผมในตอนนี้ไม่อยากคุยกับคุณหรอกครับ)

“รออยู่ตรงนั้นแหละ...”

(ผมบอกคุณแล้วนะครับว่า...)

(ตาม!!! วางสายเถอะ พากูกลับบ้าน กูไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว)

เสียงของเทียนที่เล็ดรอดเข้ามาในสายทำให้ขาของเขาชะงักอยู่กับที่ ทั้งที่ไม่ไกลจากจุดที่ทั้งสองคนอื่นอยู่ ทว่าเขากลับไม่มีแรงมากพอที่จะพาตัวเองไปยืนอยู่ตรงนั้นด้วยเลย

ขาทั้งสองเหมือนถูกแช่แข็งเอาไว้ ขยับไปไหนไม่ได้เพราะน้ำเสียงเจือกระแสเจ็บปวดนั่นของเทียน

เขา...ถูกเกลียดแล้วใช่ไหม

ภาพที่เห็นตรงหน้าคือเทียนี่กำลังแย่งโทรศัพท์ของตามตะวัน เหมือนต้องการที่จะวางสาย เพราะเขายังได้ยินเสียงพูดคุยของทั้งสองคนสลับไปมา ในที่สุดเทียนก็หยุดที่จะยื้อแย่ง เอาแต่ปิดหน้าตัวเองแล้วร้องไห้โดยมีตามตะวันคอยกอดปลอบ เสียงที่เฝ้าปลอบนั่น คล้ายจะซ้อนทับคำพูดร้ายกาจที่เขาเพิ่งพูดออกมาไม่มีผิด

ในขณะที่คนหนึ่งพยายามที่จะรักษา เขาก็ดันพยายามที่จะทำลายมันทิ้งให้ได้

เขาทำอะไรลงไป

(อย่าร้องไห้ ตาแดงหมดแล้วเทียน)

(กู...อึก อยากกลับบ้าน กลับเถอะนะ อย่าคุยกับเขา พอแล้ว ไม่ได้อยากได้ยินแล้ว)

(ครับๆ กลับแล้ว ไม่ร้องนะ ...ผมวางสายนะครับ)

สิ้นประโยคโทรศัพท์ก็ตัดไป พร้อมกับที่เทียนถูกพาเข้าไปนั่งในรถยนต์ ในตอนนั้นเองที่สายตาของพวกเขาบังเอิญสบกัน เทียนดูตกใจที่เห็นเขายืนอยู่ แต่เพียงพริบตาเด็กคนนั้นก็เบือนหน้าหนี เหมือนไม่อยากเห็นเขาอีกต่อไป สิงห์เม้มปากแน่น กลั้นเสียงที่อยากร้องตะโกนรั้งให้คนที่อยู่บนรถย้อนกลับมา

ไม่รู้มาก่อนว่าพอถึงวันที่เด็กคนนั้นเลือกที่จะไม่กลับมาจะเป็นแบบนี้

“เทียน...”

‘แล้วทำไมไม่ไปล่ะ?’

ทั้งที่พูดไปแบบนั้น

“พี่ขอโทษ”

แต่เขาไม่เคยอยากให้อีกคนไปเลยจริงๆ













“กูรู้ว่ามึงเห็นว่าเขายืนอยู่”

“...กูเห็น แล้วทำไม”

ตามเหลือบมองคนข้างกายที่พยายามปาดน้ำตาเหมือนเด็กๆ ก่อนฉวยโอกาสตอนที่ติดไฟแดงรั้งมือที่ขยี้ดวงตาจนแดงช้ำนั่น แล้วค่อยๆ บรรจงเช็ดน้ำตาของอีกคนด้วยตัวเอง สภาพของเทียนในตอนนี้เรียกได้แต่เสียงถอนหายใจจากตาม เขาเห็นเทียนร้องไห้มานับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่เคยมีครั้งไหนเลยที่แย่เท่านี้

เมื่อเช็ดน้ำตาเสร็จ เขาก็ไม่ได้ละมือไปไหน แต่เลื่อนกอบกุมมือข้างหนึ่งของเทียนเอาไว้ บีบมันเบาๆ ไม่ปล่อยแม้ว่าไฟจราจรจะเปลี่ยนสีไปแล้วก็ตาม เทียนมองมือของพวกเขาที่จับกันอยู่สลับกับใบหน้าของคนที่ถ่อมารับเขาถึงต่างจังหวัดโดยไม่มีแม้แต่คำบ่น เอาแต่คอยปลอบและเป็นห่วง อดถามในใจไม่ได้ว่าทำไมเป็นคนนี้ไม่ได้

ทำไม...เขาถึงไม่ชอบคนที่แสนดีเช่นนี้

ทำไมต้องรักคนใจร้าย

ทำไมถึงต้องเลือกทางที่ทำร้ายหัวใจตัวเองแบบนี้กัน

“กำลังคิดมากอีกล่ะสิ”

“ไม่ใช่สักหน่อย” ไม่อยากจะคิดแบบนี้หรอก แต่ตามมันอ่านใจเขาได้ใช่ไหม ทำไมอะไรก็เดาง่ายไปหมด

ตามอมยิ้มกับน้ำเสียงที่ดีขึ้นกว่าเมื่อครู่ของเทียน ก่อนจะพูดต่อ “เอาแต่เงียบแล้วก็มองหน้ากูอย่างนี้ ถ้ากำลังคิดว่ากูหน้าตาดีก็คงจะแปลก”

“หลงตัวเอง”

“อย่าคิดมากไปเลย มึงไม่ผิด ไม่ได้ทำพลาดอะไรเลยเทียน”

“...”

“ไม่ว่าจะเรื่องที่เลือกให้ตัวเองเจ็บจนมาถึงตรงนี้หรือเรื่องที่มึงชอบกูแบบที่กูชอบมึงไม่ได้ มึงไม่ได้ทำอะไรผิดไปสักอย่าง”

“เหรอ แต่ทำไมกูรู้สึกว่ากูพลาดล่ะ”

“สิ่งที่เดียวที่พลาด ก็คงลืมคิดไปมั้ง...ว่ามันจะเจ็บแค่ไหน”

“...”

“ก็มึงพูดเองไม่ว่าทางไหนก็เจ็บนี่นา”

“...”

เทียนไม่ได้ตอบอะไรกลับไป แม้จะฟังแต่ก็ทำเหมือนฟังไปอย่างนั้น เขาไม่อยากจะรับรู้อะไรมาทับถมความรู้สึกหน่วงๆ ในอกตอนนี้เพิ่ม เลยเอาแต่บีบมือของตามที่กุมเอาไว้แน่นขึ้นทุกที ซึมซับเอาความอบอุ่นที่เขาหาไม่ได้จากมือของพี่สิงห์จากมือของตามให้มากที่สุดเท่านั้นเอง

“แล้วก็ไม่ยอมฟัง อย่างนี้อ่ะเหรอจะตัดใจจากเขา แค่นี้ยังทนฟังไม่ได้เลย”

“มันเกี่ยวกับเรื่องที่จะตัดใจตรงไหน”

“เทียน คนที่เขาตัดใจได้จริงๆ ไม่ได้หมายถึงแค่พูดหรอกนะ แต่ต้องทำด้วย”

“...”

“คนที่ตัดใจได้ ไม่ใช่คนที่ลืมได้ก่อน แต่เป็นคนที่ไม่รู้สึกอะไรได้ก่อนต่างหาก”

“...”

“ซึ่งดูจากอาการของมึงตอนนี้ กูว่าคงยาก”

“...แล้วมึงเคยลองจะตัดใจจากกูไหมตาม”

“...”

“...”

“คิดยังไงถึงได้ถาม”

เทียนเมินหน้าหนีออกไปนอกหน้าต่าง “ก็แค่อยากรู้ ว่าเคยเหนื่อยกับกูจนถึงขนาดที่อยากจะตัดใจบ้างไหม”

“...”

“รักคนที่เขาไม่รักตัวเองมันเจ็บแค่ไหน กูก็พอจะรู้”

“ไม่ มึงไม่รู้เทียน”

“...”

“กูชอบมึงและรู้ว่ามึงไม่มีวันชอบเหมือนที่มึงชอบพี่สิงห์ก็จริง แต่ที่ต่างคือกูไม่ได้ต้องการอะไรจากมึงเลย”

“...”

“ไม่ต้องหันมามอง ไม่ต้องรู้ว่ากูทำอะไรเพื่อมึง ไม่ต้องเป็นอะไรกันเลยก็ได้ สิ่งเดียวที่กูอยากเห็นคือมึงที่มีความสุขไปวันๆ ยิ้มหัวเราะ เท่านั้นเอง”

“...”

“กูไม่เคยอยากจะให้มึงมารู้สึกตอบ ไม่ได้อยากจะจับมือมึงในฐานะที่ไม่ใช่เพื่อน ไม่ได้อยากจะกอดมึงแบบที่คนรักเขาทำกัน”

“...”

“กูมีความสุขดีที่ได้ดูแลมึงแบบนี้ไปเรื่อยๆ ต่อให้วันหนึ่งมึกเลิกรักพี่เขาได้จริงๆ แล้วไปชอบคนใหม่ที่ไม่ใช่กู กูก็ไม่เสียใจที่วันนี้เลือกที่จะดูแลมึงอย่างนี้”

“ไม่เจ็บเลยหรือไง”

“ก็เคยเจ็บ แต่ถ้าเทียบกับที่ต้องเห็นมึงเจ็บแล้ว อย่างหลังมันทำให้กูเสียใจมากกว่า”

“...”

“เพราะแบบนั้น...” ตามเลื่อนมือมาวางบนแก้มของเขา ลูบมันเบาๆ อย่างทะนุถนอม ทั้งที่ไม่ได้หันมามอง แต่เทียนกลับเหมือนเขากำลังถูกสายตาที่มีแต่ความรักและความหวังดีของตามโอบล้อมรอบกาย ขับไล่ความเย็นเยือกในใจให้จางหาย ละลายทุกความเจ็บปวด เหลือเพียงแค่ความอุ่นใจจางๆ ในนั้น

เหมือนแสงแรกหลังฝนตก เหมือนอ้อมกอดของบ้าน...ที่รอให้เขากลับไป

ตามมักจะยืนรอเขาอยู่ตรงนั้นเสมอ

“กูไม่เคยเหนื่อยและอยากตัดใจจากมึงเลยเทียน”

“บางทีก็รู้สึกว่ามึงโชคร้านที่มาชอบกูอ่ะ”

“ไม่โชคร้ายหรอก” ตามหัวเราะ

“...”

“การได้ชอบมึงเป็นความโชคดีของกูต่างหากล่ะ”

















หายไปนานมากกกก ขอโทษค่าาา ส่งท้ายปีไปแบบงงๆ แงงง
มั่วแต่ไปรีไรต์ส่งสำนักพิมพ์อยู่เลยไม่มีเวลามานั่งปั่นๆๆๆ ชนกับไฟนอลอีก โอโห รู้เกรดเรยยย 555
ขอโทษที่ต้องให้รอค่ะ :)NAVY

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
อยากให้เทียนทิ้งของเก่าแล้วเริ่มจองใหม่ แต่อีกใจก็ไม่อยากให้ทิ้งของเก่า ฮ่าๆๆๆๆๆๆ รอคนเขียนจัดให้ดีกว่า อิอิ

ออฟไลน์ nariejk

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
รอเธอทุกวันนน :mew2:

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ dashdash

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 13
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
มารอตอนต่อไปครับ

ออฟไลน์ KarmaNavy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
คุณคือคลื่นที่พัดทำลายหัวใจที่วาดบนพื้นทรายของผมเสมอ











“เป็นอะไรอีก มึงมาหมกตัวอยู่บ้านกูทุกวันจนคิงมันห่วงแล้วนะ”

“...” สิงห์ไม่พูดอะไรเลย แม้จะได้ยินชื่อคนที่อยู่ในใจมาตลอดคนนั้น ยังคงยกแก้วที่บรรจุน้ำเมาเข้าปากครั้งแล้วครั้งเล่า ทิ้งให้เพื่อนสนิทมองตามการกระทำที่ไม่มีแม้แต่คำอธิบายให้กับตัวเขานั่นด้วยความเป็นห่วง

จู่ๆ สิงห์ก็แวะมาหาเขากลางดึกคืนหนึ่ง ท่าทางของเพื่อนสนิทปกติหมดทุกอย่าง ยกเว้นก็แต่ เมื่อทิ้งตัวนั่งในบ้านเขาได้ไม่ทันครบนาที คำแรกที่มันพูดขึ้นมาคือ บ้านมึงมีเหล้าไหม?

พอเขาตอบว่ามีแล้วยกมาให้ มันก็ดื่มอยู่อย่างนั้นจนเช้า ออกไปทำงาน เย็นกลับมาก็มาดื่มต่อ วนเวียนอย่างนี้มาร่วมสัปดาห์ หนึ่งสัปดาห์ที่เขาทำได้แค่คอยจิบเหล้าอยู่ข้างเพื่อนโดยที่ไม่อาจรู้ได้เลยว่าอะไรที่ทำให้เพื่อนของเขาเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้

“กูเดาได้หรือเปล่าว่าเรื่องอะไร”

“...”

“น้องเทียนเหรอ”

“...ไม่ใช่”

“อ้าว ถ้าไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับน้องเขา แล้วจะมีเรื่องอะไรอีกวะ เรื่องที่ทำงานมึงก็ไม่ใช่”

“อาจจะเป็นเรื่องของคิงก็ได้”

“อ่ะ อันนี้เรียกวอนตีน” สิงห์ยกยิ้มมุมปากเหมือนขำ แต่เพจรู้ว่ามันไม่ได้ขำอะไรด้วยเลย มันก็แค่ยิ้มไม่ให้เขารู้ว่ามันไม่โอเคและไม่โอเคมากๆ อย่างที่เขาเดาว่าเป็นเพราะอะไร ทว่าจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ ก็คงไม่ได้

“บอกกูมาก็ได้ มึงจะมีเพื่อนไว้เป็นหัวหลักหัวตอเฉยๆ เหรอวะ ใช้งานกูบ้างก็ได้”

“กลัวจะได้แต่คำตอบไร้สาระ”

“ไอ้เชี่ยนี่ ยังไม่ได้ทดลองใช้ก็ดูถูกประสิทธิภาพ”

“...เพจ”

“อะไร”

“กูไม่ได้ชอบน้อง”

“เออ กูรู้”

“แต่ทำไมตอนที่เห็นน้องมันร้องไห้กับคนอื่นที่ไม่ใช่กู ทำไมกูรู้สึกแย่แบบนี้วะ”

“...”

“โดยเฉพาะคนที่ทำให้น้องร้องไห้คือตัวกูเองด้วย ทำไมมันเจ็บแบบนี้วะ”

“...สิงห์”

“กูเคยบอกน้องไปแล้วนะเว้ย ว่ามาชอบกูก็มีแต่เสียใจ น้องแม่งต้องร้องไห้แน่ๆ ที่มาชอบกู แต่ทำไมพอน้องเขาเสียใจจริงๆ ร้องไห้แบบนั้น กูถึงได้อยากต่อยตัวเองแบบนี้วะ”

“...”

“กูไม่ชอบความรู้สึกตัวเองตอนนี้เลยว่ะ”

“มึง...ชอบน้องเขาหรือเปล่า”

“...”

“สิงห์”

“...เปล่า”

“มึงตอบช้า” เพจวางแก้วเหล้าในมือลงกับโต๊ะ แน่นอนมันคว้าแก้วในมือของเขาไปด้วย เพราะมันก็คงรู้ดีว่าแก้วเหล้าที่อยู่ในมือของเราทั้งคู่ไม่ได้ช่วยอะไรให้เขาผ่านช่วงเวลาที่น่าสับสนนี่ไปได้เลย นอกจากจะทำให้เขาปวดหัวตอนเช้าไปเท่านั้น “ปกติมึงตอบไวมาก มากเสียจนกูก็อดสงสัยไม่ได้ว่ามันเป็นความเคยชินของมึงไหมที่ต้องตอบว่าไม่รัก”

“...”

“แต่ครั้งนี้มึงกลับลังเลที่จะตอบ นั่นเพราะมันไม่เหมือนเดิมแล้วหรือเปล่า”

“กูไม่รู้”

“...”

สิงห์หลับตาลง ทั้งที่กำลังคิดใคร่ครวญกับความรู้สึกตัวเอง แต่ไม่รู้ทำไม มันกลับเหมือนเขากำลังคิดถึงใครบางคนมากกว่า ใคร...คนที่เขาไม่เคยคิดว่าแค่หลับตา ภาพใบหน้าที่มีแค่รอยยิ้มนั้นจะโผล่ขึ้นมาเป็นคนแรกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

แต่มันก็เป็นไปแล้ว โดยเฉพาะช่วงนี้ที่เราต่างไม่พบเจอกันเลยตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา

เหมือนเรื่องที่พวกเขาสองคนคบกันมันเป็นแค่ข้อตกลงเพียงสั้นๆ

เหมือนเป็นแค่ฝันที่รอวันตื่นและตอนนี้เขาก็ตื่นมาพบกับความจริงแล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้

เขาดูแลเด็กคนนั้นได้ไม่ดีพอจะได้รับความรักเลยจริงๆ

“แล้วถ้าเผลอไปชอบแล้วจริงๆ มันจะมีทางเอาน้องกลับมาไหมวะ”

“มึงพูดอย่างกับน้องมันจะหนีไปไหน”

“...”

“หนีจริงเหรอวะ” สีหน้าไม่สู้ดีของสิงห์ทำให้เพจนึกอยากจะตบปากตัวเองขึ้นมาที่ปากไวไม่เข้าท่า แต่เขาไม่รู้นี่หว่า คนไม่รู้ก็ต้องไม่ผิดดิ แต่พอนึกถึงเทียน...เด็กที่ชอบวิ่งตามเพื่อนเขาต้อยๆ คนนั้นกำลังจะวิ่งตามคนอื่น เขาก็อดใจหายแทนเพื่อนตัวเองไม่ได้

“กูเคยบอกมึงแล้ว”

“...”

“ไม่ได้จะด่าหรือซ้ำเติมอะไรนะ แต่ถ้าน้องเขาเลือกหนีมึงไปจริงๆ นั่นหมายถึงมันสายไปแล้วป่ะวะ”

“แต่กับคิงมึงก็ยังพาน้องกลับมาได้”

“อย่าบอกนะว่ามึงมองน้องเหมือนคิง”

“...”

เพจหลุดถอนหายใจเสียงดัง “สิงห์ กูยอมรับนะเว้ยว่าน้องมันมีอะไรหลายอย่างที่เหมือนคิง...ทั้งเรื่องดื้อ เรื่องที่เอาแต่อดทนนู่นนี่ เอาแต่คิดว่าไม่เป็นไร สารพัด แต่มีอย่างเดียวที่ไม่เหมือนเลยคือ น้องมันไม่ใช่คิง”

“...”

“มึงตอบกูได้ไหม ว่าที่มึงนึกถึงเขาตอนที่เขาจะไป ไม่ใช่เพราะว่าเสียดายน้องที่เหมือนคิงจริงๆ”

“...”

“แต่ถ้ามึงเสียดายเพราะน้องเหมือนคิงจริงๆ กูว่ามึงปล่อยน้องไปดีกว่า”

“...”

“กูชักจะสงสารน้องขึ้นมาจริงๆ แล้วที่มาชอบมึง”














“กินข้าว”

“อืม”

“เทียน”

“อื้ม! เดี๋ยวกิน”

ตามถอนหายใจและเดินหายไปจากด้านหลังของเขา เทียนคิดว่าอีกคนจะเข้าใจว่าเขากำลังจดจ่ออยู่กับงานตรงหน้าและไม่มารบกวน แต่เปล่าเลย เสียงฝีเท้ากลับมาอีกครั้งพร้อมกับเสียงลากเก้าอี้มาอยู่ข้างกาย กลิ่นข้าวผัดหอมๆ จ่ออยู่ตรงหน้าที่เขาทำได้แค่มอง

“ตาม เดี๋ยวกูไปกินเอง”

“อ้าปาก”

“ตาม”

“มึงบอกกูแบบนี้เลยเมื่อวาน แต่มึงก็ไม่กิน จะให้กูทำยังไงในเมื่อกูบังคับมึงไม่ได้ ก็ต้องตื้อแบบนี้ป่ะ มึงถึงจะไม่ดื้อ”

“...”

“อ้าปาก” เสียงของตามไม่ได้ดุเลย ซ้ำร้ายมันกลับเต็มไปด้วยความห่วงใยที่สามารถง้างปากคนดื้อได้อย่างง่ายดาย เทียนอ้าปากรับข้าวอุ่นๆ ฝีมือเพื่อนรักเข้าปากคำแล้วคำเล่า สลับกับก้มหน้าก้มตาเขียนงานที่ดองมาทั้งสัปดาห์เพื่อมาทำเอาตอนวันหยุดไปเรื่อยๆ จนเมื่อเขาจรดปากกาลงที่บรรทัดสุดท้าย ข้าวในชามก็หมดลงพอดี

“จะอ้วก” เทียนบ่นเรื่อยเปื่อยแล้วเอนศีรษะพิงหน้าอกตามเบาๆ ซึ่งเจ้าของก็ลูบหัวเบาๆ ไม่ได้ผลักออกแต่อย่างใด

“ข้าวนิดเดียวเถอะ”

“เยอะ”

“อะไรเยอะ”

เทียนเงยหน้าย่นจมูกใส่คนที่เอาแต่ยิ้มไม่รู้ร้อนรู้หนาวอย่างตาม “มึงอ่ะ เยอะ อย่างกับพ่อ”

“ถ้ามีลูกดื้อๆ แบบมึง กูคงหนักใจตายเข้าสักวัน”

“เว่อร์”

“ไม่ได้เว่อร์...เทียน” ท้ายเสียงที่เรียกเข้มขึ้นจนคนที่เล่นพิงอกยอมลุกขึ้นนั่งตัวตรง ตามไม่มีรอยยิ้มแล้ว แต่ยังคงอ่อนโยนเสมอในสายตาของเขา มือของตามที่วางบนเส้นผมย้ายลงมาที่มือของเขาที่เต็มไปด้วยน้ำหมึก อีกฝ่ายหยิบทิชชู่เปียกมาเช็ดคราบเหล่านั้ช้าๆ ทะนุถนอมราวกับมือของเขาเป็นแก้วล้ำค่าที่แสนเปราะบาง

“อะไร”

“มึงโอเคแล้วหรือยัง”

“โอเคอะไร”

“ชอบเฉไฉนะเราอ่ะ”

“ไม่ได้เฉไฉ แต่สงสัยจริงๆ ว่ามึงหมายถึงเรื่องอะไรไง”

“เรื่องพี่สิงห์”

“...”

“มึงโอเคแล้วหรือยัง”

“...โอเค”

“แล้วทำไมต้องร้องไห้ แอบกูด้วยแน่ะ”

“รู้ได้ไง กูว่ากูแอบดีแล้วนะ”

ตามยกมือข้างที่ว่างไล้ตามใต้ดวงตาที่ช้ำบวม ดวงตาที่มองมาทำให้เทียนไม่อาจละห่างออกไปได้ มันเต็มไปด้วยความเป็นห่วง เจ็บปวดและจนปัญญา จนเขาได้แค่จับมือข้างนั้นของตามแนบแก้มแทนคำขอโทษ

“ตามึงบวมแบบนี้ตั้งแต่วันที่หนีมาค้างบ้านกู แล้วจะไม่ให้กูรู้ได้ยังไง”

“ก็ทำเป็นไม่รู้ต่อไป”

“เทียน เรื่องของมึงสำคัญกับกูตลอดแหละ กูจะทำเป็นไม่สนใจได้ยังไง”

“...”

“ยังรักก็บอกมาว่ายังรัก ถ้าอยากกลับไปหาเขาก็พูด เดี๋ยวกูช่วย”

“บางทีฟังมึงพูดแบบนี้กูก็อดสงสัยไม่ได้ว่ามึงรักกูจริงป่ะเนี่ย”

“จริงดิวะ” ตามหัวเราะเบาๆ กับท่าทางไม่เชื่อของเทียนที่มองมา “ทำไม? ไม่พอใจที่กูยัดเยียดมึงกลับไปหาพี่เขาขนาดนั้นเลย”
“เออ แม่ง เหมือนไม่รักกันเลยอ่ะ”

“แล้วมึงรักกูไหม? ก็ไม่ แล้วกูจะดันทุรังไม่เข้าท่าไปทำไม”

“...”

“ใจมึงอยู่ตรงไหนก็ไปเถอะ ไปไม่ไหวกูก็จะช่วยจนกว่ามึงจะไปได้ นั่นคือสิ่งที่คนรักมึงอย่างกูพอจะทำได้”

“...”

“ขอแค่อย่าโกหกใจตัวเอง ซื้อตรงบ้างเทียน มัวแต่ปากแข็งไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลยนะ”

“แต่ถ้ากลับไป กูก็มีแต่ต้องเสียใจแบบเดิม อย่างนี้มันคุ้มแล้วเหรอวะ”

“นั่นมันก็ขึ้นอยู่กับมึง”

“...”

“ไม่มีหรอกนะในความสัมพันธ์ไหนที่จะดำเนินไปโดยที่ไม่มีใครเสียใจเลย ทุกความสัมพันธ์ ทุกความรักมันต้องมีสักครั้งหรืออาจจะหลายครั้งที่ต้องเสียใจ สิ่งที่มึงต้องทำนอกจากทำใจยอมรับความเสียใจเหล่านั้นและผ่านไปให้ได้ คือมึงต้องตามหาคนที่ทำให้มึงรู้สึกว่า ต่อให้ต้องเสียใจมากกว่านี้ มึงก็ยังอยากจะอยู่กับเขา”

“...”

“เข้าใจไหม”

“...ตาม”

“ครับ?”

เทียนหลุบตามองต่ำนิ่งไปครู่ใหญ่ แต่ตามก็ไม่ได้เร่งรัดอะไร เขาเพียงแค่นั่งนิ่งให้มือตัวสัมผัสความอบอุ่นบนผิวแก้มของเทียนไปเรื่อยๆ ราวกับช่วงเวลาเงียบงันรอบกายพวกเขาสองคน คือความสุขชิ้นใหญ่ที่นานๆ ทีเขาจะได้รับและเขาก็อยากจะซึมซับความรู้สึกเช่นนี้ไปนานๆ

สุดท้ายเทียนก็ยอมเงยหน้าสบตากับเขา แต่ไม่รู้ทำไมครั้งนี้เขากลับรู้สึกว่าแววตาที่มองมามันต่างออกไป

ไม่รู้เหมือนกันว่าต่างตรงไหน แต่มันไม่เหมือนเดิม

 “งั้นคนที่ถึงจะทำให้มึงเสียใจ แต่มึงก็ยังอยากอยู่กับเขาคือกูใช่หรือเปล่า”

“...”

“...”

“ใช่ ต่อให้ต้อเสียใจมากกว่านี้ กูก็ยังอยากอยู่กับมึงอยู่ดี”

แทนที่มันจะเศร้า แต่เทียนกลับยิ้มออกมา เขาเองก็เช่นกัน เราต่างคนต่างยิ้มทั้งที่มันไม่มีอะไรน่าตลก ชั่วพริบตาที่เขากำลังหลงอยู่กับเจ้าของรอยยิ้มอ่อนหวานตรงหน้า พริบตานั้นเขาก็มองไม่เห็นอะไรอีก เมื่อเทียนขยับใบหน้าเข้ามาใกล้จนริมฝีปากของพวกเขาสองคนสัมผัสกัน

มันไม่ได้งดงามเช่นในนิยายพรรณา ไม่ได้ร้อนแรงเหมือนในหนังมากมาย มันก็แค่การแตะริมฝีปากของคนสองคนที่ไม่มีแม้แต่คำตอบว่าทำไมต้องทำแบบนี้

เขารู้เพียงแค่วินาทีที่เทียนจูบตอบกลับมา หัวใจของเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลง

แม้จะเพียงศูนย์จุดหนึ่งเปอร์เซ็นของความเปลี่ยนแปลง

เขาก็ยังรับรู้ได้ว่า เรื่องราวหลังจากจูบนี้จบลงไม่มีวันเหมือนเดิม

“...ทำไมจูบเก่ง”

“เอ้า กูก็ผู้ชายไหม”

“กูก็ผู้ชายอ่ะ”

“งั้น...ก็พรสวรรค์”

“หลงตัวเอง”

“ถ้าไม่เชื่อจะลองอีกไหมล่ะ”

เทียนหัวเราะร่า แต่ก็ไม่ปฏิเสธเมื่อเขาก้มใบหน้าลงมาอีกครั้ง อีกครั้งและอีกครั้งราวกับมันไม่มีวันจบลง

แล้ววินาทีนั้นตามก็ไม่อาจกลับไปเป็นคนเดิมที่จะรักได้โดยไม่คาดหวังได้อีก

หัวใจเขาเต้นรัวแรง ร้องดังกว่าทุกครั้งว่าต้องเป็นแค่คนนี้เท่านั้น ไม่อาจปล่อยให้คนอื่นได้อีก

จงเห็นแก่ตัวและครอบครอง อย่าปล่อยให้คนอื่นได้คว้ามือคู่นี้ไปจากตัวเองอีกเด็ดขาด...














ตามจะไม่ปล่อยแล้วนะ สุดท้ายจะจบที่คู่ไหนน้อออ
หายไปนานอีกแล้ว ขอโทษค่ะ แงงง เปิดเทอมมามีแต่ตัวหนักๆ อยากตัยมั่กๆ โล้ยยยย
หวังว่าทุกคนจะยังรอนะคะ แงง TT
รักเสมอ เพิ่มเติมคือคิดถึงจังเลยยย :):NAVY
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-01-2018 15:05:49 โดย KarmaNavy »

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
เอาล่ะซิๆๆๆ ตามไม่ยอมแล้วน่ะเออ พี่สิงห์ยังไงๆๆมองเทียนแบบไหน ลุ้นต่อ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ nariejk

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เอาแล้ววว เชียร์พี่สิงห์ แต่ก็ชอบตาม ฮือออ

ออฟไลน์ KarmaNavy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1



คุณคือเส้นชัยที่ผมไม่เคยวิ่งถึง









“...ต่อให้สุดท้ายพี่ไม่มีวันรัก เทียนคงตัดใจไม่ลงอยู่ดี”

คำพูดนั้นที่เด็กคนนั้นเคยพูดให้ฟัง เขายังเชื่อมันได้หรือเปล่านะ?

สิงห์ยืนถอนหายใจอยู่หน้าบ้านของเทียน รู้สึกประหม่าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทั้งที่บ้านหลังนี้เขามาบ่อยกว่าใครด้วยซ้ำ

บ้านที่เขารู้ทั้งหมดของตัวบ้านและทุกอย่างของเจ้าของ ทว่าแท้จริงแล้วเขาเพิ่งมารู้ว่าเขาไม่เคยรู้อะไรเลยต่างหาก

นิ้วที่ยกเตรียมจะกดออดถูกลดลงมาอยู่ข้างตัวหลายต่อหลายครั้ง ราวกับความกล้าที่เคยมีมาตลอดมันหดหายไปพร้อมกับระยะเวลาที่พวกเขาสองคนไม่ได้พบกัน ตอนนี้ก็เกือบสองอาทิตย์แล้ว แปลกดีที่เขาร้อนใจมากกว่าจะรู้สึกเฉยๆ เช่นแต่ก่อน อาจเพราะระหว่างพวกเขามันไม่เหมือนเดิม

หรืออาจเพราะเทียนที่เหมือนเดิม แต่เป็นตัวเขาเองที่แปลกไป จึงไม่อาจทำตัวเหมือนเดิมได้อีก

สุดท้ายเขาก็สลัดความลังเลทั้งหมดแล้วกดออดหน้าบ้านเทียนไปในที่สุด แต่ยืนรออยู่นานก็ไม่มีใครออกมา ทั้งบ้านเงียบจนเขาแปลกใจ เพราะปกติวันหยุดเช่นนี้เทียนไม่ค่อยออกไปไหน จะชอบหมกตัวอยู่ที่บ้านนอนเล่นทั้งวันเสมอ

หรือจะเกิดอะไรขึ้น?

เพราะคิดแบบนั้น ในหัวเลยปรากฏเรื่องราวน่ากลัวออกมาเป็นร้อยเป็นพันฉาก จนเขานิ่งนอนใจไม่ไหว ได้แต่ยกโทรศัพท์ต่อสายถึงคนที่เขาคิดว่าน่าจะอยู่ในบ้าน สายแล้วสายเล่าที่จบลงที่ไม่มีคนรับ นานเกินกว่าเขาจะรอ

“พี่สิงห์? ทำอะไรน่ะ”

สุดท้ายสิงห์ก็วางของที่เขาเตรียมเอามาให้อีกคนบนพื้น ถกแขนเสื้อเตรียมจะปีนรั้วบ้านเทียนเข้าไป ถ้าไม่ได้ยินเสียงของเจ้าของบ้านเข้าเสียก่อน

แต่ที่น่าแปลกใจคือเสียงนั้นไม่ได้ดังมาจากในบ้าน แต่ดังขึ้นจากด้านหลังของเขา

สิงห์หันกลับไปมองพร้อมรอยยิ้มที่เผยขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงที่คิดถึงมาตลอดหลายวันมานี้ แต่แล้วรอยยิ้มก็ค่อยๆ จางลงเมื่อเห็นว่าคนที่เฝ้ารอลงมาจากรถของเด็กคนนั้น ตามตะวันก้าวลงมาจากรถหยุดยืนไม่ห่างจากเพื่อนรักของตัวเองมากนัก ทว่าแม้จะเป็นเด็กคนเดิมที่เคยมาพูดคุยกับเขากลางดึกเรื่องของเทียน แต่แววตาที่ตามมองมากลับทำให้สิงห์รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง

เหมือนจะเป็นระฆังร้องเตือนถึงการกระทำที่สายไปของตัวเอง

“ไปไหนมา”

“ไม่ได้ไปไหน”

“แล้วทำไม...”

“ไปอยู่บ้านตามมา เพิ่งกลับ”

เสียงพูดเรียบๆ เหมือนไม่ได้ใส่ใจจะตอบอะไรของเทียนทำให้สิงห์สะอึก ใบหน้าของน้องไร้รอยยิ้ม รวมไปถึงท่าทางที่ดูก็รู้ว่ามันเต็มไปด้วยความห่ามเหิน ไม่เหมือนวินาทีที่เทียนถอยหลังเขยิบเข้าใกล้ตามเหมือนไม่รู้ตัว แสดงออกถึงความไว้วางใจและรู้สึกสบายใจที่ได้ยืนเคียงข้างใครอีกคน

ใครอีกคนที่เคยเป็นเขามาก่อน

“อ่า...เหรอ”

“อืม พี่สิงห์มีอะไรกับเทียนหรือเปล่า”

เขาก้มลงคว้าถุงที่ถือมายื่นไปให้ โชคดีที่เทียนรับไว้ ไม่ได้ปฏิเสธอย่างที่นึกกลัว “แม่ฝากมาให้น่ะ”

“ฝากขอบคุณคุณน้าด้วยนะครับ”

“...”

“...”

“ทำไม...เรียกว่าน้าล่ะ”

เทียนยิ้มบางๆ แต่กลับเป็นรอยยิ้มที่สิงห์ไม่ชอบเอาเสียเลย “ยังไงสุดท้ายแล้วก็ไม่ใช่คุณแม่จริงๆ ของผมนี่ครับ จะตู่เรียกแบบนั้นไปตลอดคงไม่ดี”

“เราก็รู้ว่าแม่พี่ไม่เคยคิดแบบนั้น”

“แบบนั้นผมก็ต้องยิ่งเกรงใจไม่ใช่เหรอ”

“เทียน”

“...”

“เรา...เป็นครอบครัวเดียวกันไม่ใช่เหรอ”

มือของเทียนกำเข้าหากันแน่นจนสั่นไปหมด ซึ่งมันตกอยู่ในสายตาของตามมาตั้งแต่ เขาฉวยโอกาสตอนที่เทียนยังไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ค่อยๆ จับมือที่กำเข้าหากันแน่นให้คลายออก ใจกลางฝ่ามือขาวมีรอยเล็บจิกจนเขาอดลูบเบาๆ หวังให้มันหายเจ็บไม่ได้ เทียนมองตามการกระทำของเพื่อน ไม่ได้ปฏิเสธเมื่อตามกุมมือข้างนั้นของเขาเอาไว้ ซ้ำร้ายการกระทำเช่นนั้นกลับเรียกรอยยิ้มได้จากเทียน เมื่อมันทำให้เขารู้สึกว่าเขาสามารถควบคุมความรู้สึกได้ต่อหน้าผู้ชายคนนี้...ที่เขาหลบหน้ามาจนวันนี้

“เทียนขอบคุณพี่สิงห์กับคุณน้าทั้งสองมากเลยที่คอยดูแลเทียนที่ผ่านมา แต่เทียนว่าพอดีกว่า”

“...”

“เทียนไม่ควรรบกวนอีกต่อไปแล้ว”

“เพราะอะไร”

“...”

“แค่เพราะพี่ชอบเราไม่ได้งั้นเหรอ”

“ไม่ใช่...”

“งั้นเพราะอะไร? ทำไมถึงเป็นแบบเดิมไม่ได้”

“เทียนจะไปแล้ว”

“...”

“เทียนจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศพี่สิงห์”

“...”

“เวลาเล่นพ่อแม่ลูกมันควรจบลงได้แล้ว เรื่องของเราก็เหมือนกัน”

เทียนเลื่อนไปที่นิ้วนางข้างซ้ายที่สวมแหวนลงหนึ่งมาตลอด แม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่มันก็ทำให้เขาได้เรียนรู้และพบเจอเรื่องราวมากมาย พบเจอการเปลี่ยนแปลงมาเกินพอแล้ว

“เทียนว่า เราเลิกกันดีกว่า”

“...”

“เลิกเป็นแฟนหลอกๆ ที่มันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลยนี่ดีกว่าเนอะ”

แล้วแหวนวงนั้นก็ถูกยื่นมาตรงหน้าสิงห์ เมื่อเห็นว่าสิงห์เอาแต่ยืนเงียบ เทียนจึงคว้ามือของสิงห์มาวางแหวนวงนั้นแล้วถอยกลับไปยืนที่เดิม...ที่ยืนข้างกายของตาม มองหน้าเฉยเมยที่แสนคุ้นเคยของสิงห์ ใบหน้าที่เขาเฝ้ามองมานานหลายปี แต่ความรู้สึกในวันนี้ต่างออกไปจากเดิมเสียแล้ว

จริงอยู่ที่ยังรัก แต่มันก็ไม่ได้มากมายถึงขนาดที่ต้องร้องไห้จนปวดใจ

ยังคงรู้สึกดีๆ ด้วยเสมอ เช่นเดียวกับที่อยากให้อีกคนมีความสุข แต่มันคงไม่มากเท่าอยากให้ตัวเองยิ้มได้เหมือนตอนนี้แล้ว

“ขอโทษนะ ที่เทียนทำให้พี่ลำบากใจตลอดมา ขอบคุณนะพี่สิงห์ที่ยอมทำตามใจเทียน”

“...”

“อย่างน้อยเทียนก็ได้เคยเป็นแฟนพี่แล้ว ถึงจะแค่สั้นๆ แต่เทียนมีความสุขมากนะ”

“...”

“บ๊ายบาย พี่สิงห์”

กล่าวจบเทียนก็เดินผ่านหน้าสิงห์เข้าไปในตัวบ้าน ทิ้งให้ตามยืนมองใบหน้าไม่แสดงความรู้สึกอะไรของสิงห์เพียงลำพัง เขามองคนที่ตอนนี้ก็ยังไม่อาจจะเดาได้ถึงสิ่งที่คิดตรงหน้า ก่อนจะยกมือไหว้แล้วเดินตามเทียนเข้าไปในบ้าน เพียงเสี้ยววินาทีที่คนทั้งสองหายไป ก็คล้ายกับความรู้สึกที่สิงห์เพียรพยายามที่จะซ่อนมันมาตลอดได้ถูกปลดออกมา

ความจริงที่เขามาเขาไม่ได้จะมาแค่เอาของมาให้

ความจริงแล้ว...เขาจะมาขอโทษ

ขอโทษคำพูด การกระทำ ทุกสิ่งอย่างที่ได้ทำให้เด็กคนนั้นเสียใจ

แล้วอยากจะถาม...ว่าจะเริ่มต้นกันใหม่ได้ไหม?

พวกเขาสองคนจะสามารถเริ่มต้นใหม่กันอีกครั้งได้หรือเปล่า?

แล้วถ้าเทียนตอบตกลง เขาก็จะบอกถึงสิ่งที่เขาใช้เวลาทั้งสัปดาห์ในการทบทวนหัวใจตัวเอง บอกเด็กคนนั้นถึงสิ่งที่เด็กคนนั้นเคยร้องขอ

“พี่ก็ชอบเราเหมือนกัน...”

เราก็ยังชอบพี่อยู่...ใช่ไหม?

แต่เหมือนมันคงจะสายไปใช่หรือเปล่า

แล้วเขาก็ได้แค่ยิ้มออกมา หัวเราะเบาๆ ที่เหมือนกับการเยาะหยันตัวเองที่ชอบเป็นแบบนี้ มาพยายามเอาในวันที่มันสายไป แม้มันจะช้าแค่หนึ่งวินาที แต่มันก็ยังสายไปอยู่ดีที่จะแก้ไขเรื่องทั้งหมด

สุดท้ายก็เป็นอย่างที่ไอ้เพจพูดจนได้

ในวันที่เด็กคนนั้นหันกลับไปรักตัวเอง...รักคนที่รักตัวเด็กคนนั้น เหลือเพียงแค่เขาที่พยายามก้าวกลับมา ทำเรื่องที่ไร้ประโยชน์อย่างการต่อแก้วที่ร้าว วิ่งตามทั้งที่มันช้าเกินไปแล้ว ก่อนจะหยุดยืนแล้วนึกเสียใจว่าทำไมตัวเองถึงไม่รู้ตัวให้เร็วกว่านี้

ทำไมถึงปล่อยวันเวลากัดกร่อนทุกอย่างจนพังทลายหมดแล้วค่อยนึกเสียใจกัน

สิงห์ถอนหายใจแล้วเดินออกจากหน้าบ้านของเทียน กลับไปยังบ้านของตัวเอง แต่ละก้าวเชื่องช้าเหมือนมีอะไรมาถ่วงเอาไว้ มันค่อยๆ ช้าลงเรื่อยๆ เหมือนจังหวะการเต้นของหัวใจที่แผ่วลง

แผ่วลง...แผ่วลง

และถูกกลบด้วยเสียงสะอื้นที่เขาไม่คิดว่าจะต้องได้พบเจอกันอีก

สายไปอีกแล้ว เขาทำลายโอกาสตัวเองไปกับมืออีกแล้ว

เด็กคนนั้นไม่หยุดรอเขาเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว









มาสั้นๆ ไปหน่อยนะคะ ฮู้วววว
จะจบไปแบบนี้ไหม ต้องรอลุ้นต่อเนอะ แฮะ
ฝากติดตามเช่นเคย เจอกันตอนหน้าค่ะ :):NAVY

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
พี่สิงห์ชอบเทียนแล้วน่ะ จะตากกันจริงๆๆหรอ

ออฟไลน์ nariejk

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 5
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
จะสมน้ำหน้าหรือสงสารดี สู้ๆเด้อพี่สิงห์ ฮืออ :hao5:

ออฟไลน์ nkl31

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 34
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ถึงพี่สิงห์จะไม่ดีิแต่เราเชียร์พี่สุดใจเลยนะคะ
หน่วงมาก หน่วงกว่าเนื้อเรื่องก็ตรงที่ไม่รู้ว่าจะจบไงนี่แหลถ

ออฟไลน์ KarmaNavy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
คุณคือเป้าหมายที่กลายเป็นความว่างเปล่าไปแล้ว














“จะไปจริงๆ เหรอ”

“จริงดิ ในเมื่อจดหมายตอบรับส่งมาแล้ว โอกาสดีๆ แบบนี้ใช่ว่าจะมีบ่อยไม่ใช่หรือไง”

“เทียน”

“กูหมายความอย่างที่พูดจริงๆ นะ”

“...ตามใจมึงแล้วกัน”

เทียนยิ้มกว้าง “มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว”

ตามถอนหายใจใส่คนที่ยังเอาแต่ยิ้มเหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา แม้ว่าตามจะเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงหลายๆ อย่างจากตัวของเทียน แต่ใช่ว่ามันจะเปลี่ยนไปซะหมด อย่างน้อยๆ พริบตาหนึ่งที่คงไม่มีใครสังเกตเห็นแม้แต่เจ้าตัวเอง แววตาของเทียนก็ยังสะท้อนความรักใคร่ที่มีต่อใครคนนั้นไม่เปลี่ยนไปเลย ต่อให้การกระทำจะตรงข้ามก็ตาม

ตามเลื่อนริมฝีปากจรดเบาๆ ที่หน้าผากของเทียนแล้วผละออกมาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ยังมีเวลานะ”

“อะไร”

“ตอบปฏิเสธไง”

“...”

“มึงไม่ได้อยากไปสักหน่อย มึงโกหกไม่เก่งหรอกเทียน”

“...”

“ไม่ต้องเอากูไปอ้างด้วย หน้าตามึงฟ้องว่าเรื่องทั้งหมดที่มึงพูดมันโกหก โกหกพี่เขา โกหกทั้งกูแล้วก็ทั้งตัวมึงเองด้วย”

“...”

“มึงยังรักเขามากๆ อยู่”

“...แล้วยังไง”

“ไม่ยังไง แต่จะเอายังไงก็รีบบอกกูรู้ไหม จะได้จัดการให้เรียบร้อย เพราะหลังจากนี้กูอาจจะไม่ได้คอยอยู่ช่วยมึงอีกนานเลย” ตามว่าแล้วลุกขึ้นหมายจะลงไปยังครัว ทำอะไรกินง่ายๆ ให้กับพวกเขาสองคน เทียนมองตามแผ่นหลังกว้างของตามไปจนสุดสายตา นั่งเหม่อลอยอยู่ในห้องของตัวเองพักใหญ่ ก่อนจะเดินลงไปยังชั้นล่าง หยุดยืนมองคนที่หันหลังให้ตัวเอง ทำอาหารอยู่เพียงลำพังคนนั้น

ตามก็ยังเป็นตาม คนที่มั่นคงและเหมือนจะไม่มีสิ่งใดที่จะทำให้อีกคนร้อนใจได้เลย

เขาเดินเข้าไปหาอีกคนที่หันหลังอยู่ ค่อยๆ สวมกอดแนบแก้มของตัวเองเข้าที่แผ่นหลังกว้าง ฟังเสียงหัวใจที่เต้นดังนั้น ราวกับมันคือเสียงดนตรีที่กล่อมให้หัวใจที่เต็มไปด้วยความสับสนได้พบกับคำตอบ

“ตาม”

“ว่า?”

“กูไม่ได้โกหกนะ”

“เรื่องอะไร?”

“ที่บอกจะไปเรียนต่อกับมึงอ่ะ ไม่ได้โกหกจริงๆ นะ”

“...เทียน”

“มึงจะว่ากูเห็นแก่ตัว จะว่ากูประชด จะอะไรก็แล้วแต่มึงจะคิด แต่ว่านะตาม...มันไม่ใช่เรื่องโกหกเลยสักนิดในความจริงเรื่องที่ผ่านมา ข้างกูมีมึงมาตลอดและกูคงไม่รู้จะทำยังไงต่อถ้าต่อจากนี้มันไม่มีมึงอีกแล้ว”

“มันเป็นแค่ความเคยชินไง เพราะกูไม่เคยไปไหน มึงเลยชินที่จะมีกู”

“ถ้าเป็นแค่นั้นก็ดีน่ะสิ” มือของเทียนที่ประสานอยู่หน้าท้องของตาม ถูกมืออุ่นของคนที่อาหารวางทาบทับ เช่นที่ผ่านที่อีกคนไม่เคยปล่อยให้เขาเผชิญเรื่องราวไม่ว่าจะร้ายหรือดีเพียงลำพัง

มือของเขา...จะมีมือของตามคอยประคองและจับเอาไว้เสมอ

“ถ้ามันเป็นแค่ความเคยชินจริงๆ ทำไมพอกูลองคิดว่าวันข้างหน้าจะไม่มีมึง วันข้างหน้าจะมีใครสักคนที่มึงดูแลเหมือนที่ทำให้กู วันหน้า...มึงจะรักเขาเหมือนที่รักกูแล้ว มันทรมานแบบนี้ล่ะ”

“...”

“ไม่โกหกหรอกนะ ใช่ กูยังรักพี่สิงห์จริงๆ นั่นแหละ แต่ทำไมไม่รู้ความสำคัญในใจของเขายังไม่เท่ามึงเลย”

“ก็บอกแล้วว่ามึงแค่ชิน...”

“ต่อให้ชินกับการมีใครอยู่ด้วยมากแค่ไหน แต่กูไม่มีทางทำแบบที่ทำกับมึง”

“...”

“กับพี่สิงห์...กูก็ยังไม่เคยเป็นแบบนี้” เทียนหลุบตาลงแล้วปล่อยแขนออกจากร่างอีกคน ไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมอง เพราะกลัวว่าอีกคนจะมองตนเองอยู่ จนทำให้พูดอะไรไม่ออก “กูไม่รู้จะหวังอะไรได้จากเขา สิ่งเดียวที่ได้ตลอดมาคือความผิดหวัง เพราะงั้นการที่ได้รักเขาไปวันๆ มันเลยกลายเป็นสิ่งเดียวที่กูหวังได้จากพี่เขา แต่กับมึงมันไม่ใช่”

“...”

“เวลาอยู่กับมึงกูไม่ต้องพยายาม ไม่ต้องฝืนทำอะไรที่ไม่อยากทำ ได้ยิ้ม ไอ้หัวเราะ ร้องไห้ ทำทุกอย่างตามใจ ได้เป็นตัวของตัวเองอย่างที่สุดอย่างที่กูเป็นมาตลอด ไม่ต้องกังวลว่าวันพรุ่งนี้มึงจะกลับไปเย็นชาเหมือนเดิมไหมหรือจะพูดอะไรให้กูเสียใจหรือเปล่า เพราะมึงไม่ทำและไม่เคยทำให้กูเสียใจเลย”

“...”

“มันคงเห็นแก่ตัวมากๆ ที่กูพูดคำนี้...แต่ตาม กูรักตัวเองเวลาที่ได้อยู่กับมึงที่สุดเลยนะ”


“...”


“ขอโทษนะตาม ทั้งที่มึงทำอะไรหลายอย่างให้กับกู แต่การมีกูอยู่ในชีวิตมึงกลับไม่ได้ทำให้มึงมีความสุขอะไรเลย นอกจากเป็นเหมือนภาระทำให้เหนื่อยอยู่ทุกวัน กระทั่งมึงจะไปแล้วกูยังมีตื้อไม่เลิกแบบนี้ ขอโทษนะ” ไม่รู้เหมือนกันว่าน้ำตามันมาตอนไหน แต่เทียนก็ไม่ได้คิดจะห้ามมัน เขาปล่อยให้น้ำตาไหลอาบแก้ม สูดน้ำมูกเหมือนเด็ก ในสมองไม่มีคำพูดอะไรอีก มันกลับเหลือแต่ภาพความทรงจำมากมายตั้งแต่พวกเขาสองคนรู้จักกันจนวันนี้ ทุกการกระทำ ทุกสายตาที่มอง ทุกอย่าง...ที่ตามเคยทำให้มันย้อนกลับมาและเหมือนจะตอกย้ำว่า ความพยายามของตามที่ให้เขาคนก่อนหน้านี้ มันไร้ค่าแค่ไหน เมื่อเขาไม่คิดจะมองเห็นมัน
ตามหยุดการกระทำทุกอย่างแล้วหันกลับไป มองคนที่อยู่ในหัวใจและข้างกายของเขามาตลอด คนที่เขาไม่อาจนึกภาพวันที่ไม่มีอีกคนข้างกายได้แม้สักวัน มองอีกคนยืนสะอื้นเหมือนเด็กๆ ร้องไห้แบบที่เขาเห็นมาจนชิน แต่ครั้งนี้มันกลับไม่ได้ทำให้เขาเจ็บปวดใจเท่าที่ผ่านมา อาจเพราะว่าต้นเหตุของรอยน้ำตาพวกนั้นไม่หมายถึงใครอีกคนที่ยังอยู่ในใจของเทียน แต่มันหมายถึงเขา...เขาคนนี้ที่ยืนอยู่หน้าเทียนตอนนี้แล้ว


เขาควรจะเสียใจที่ทำให้อีกคนร้องไห้ แต่ด้วยเหตุผลบ้าบออะไรสักอย่าง มุมปากของเขากลับยกยิ้มขึ้นมาเสียได้ ซึ่งมันเป็นช่วงเวลาเดียวกันที่เทียนเงยหน้าขึ้นมาเห็นพอดี คนขี้แยทุบลงที่กลางอกของเขาสุดแรง บ่นด้วยเสียงปนสะอื้น


“นิสัยไม่ดี คนเขาร้องไห้ยังจะมาหัวเราะ”


“ก็มีความสุขอ่ะ ทำไม”


“คนบ้าอะไรมีความสุขตอนคนอื่นร้องไห้”


“ก็ครั้งนี้มึงไม่ได้ร้องไห้เพราะคนอื่น แต่ร้องไห้เพราะกูครั้งแรกนี่นา”


“...”


“หยุดร้องได้แล้ว จะไปด้วยกันก็ไป งอแง”


“ไม่ได้งอแงเว้ย!” แม้ปากจะว่าแบบนั้น แต่เมื่อตามรับเขาเข้าไปกอดแน่นๆ น้ำตาที่พยายามห้ามจนเกือบสำเร็จก็ไหลออกมาอีกจนได้ แต่ครั้งนี้มันไหลออกมาเพราะความโล่งใจ เมื่อพบว่าเจ้าของอ้อมกอดที่กำลังโอบประคองเขานั้น ไม่ได้รังเกียจและยังยินดีที่จะเช็ดน้ำตาให้เขาเช่นเดิม


“ขอโทษนะ ขอโทษ”


“ขอโทษอะไร” ตามจรดริมฝีปากลงที่กลุ่มผมนุ่ม ลูบไปมาให้คนในอ้อมแขนคลายสะอื้น


“ขอโทษที่ทำเป็นไม่เห็นหัวใจมึงที่ผ่านมา”


“...”


“ขอโทษนะตาม”


“...”


“...”


“ไม่ต้องขอโทษแล้ว ก็ตอนนี้มึงเห็นแล้วนี่”


“อือ แล้วก็จะไม่ปล่อบให้ไปไหนแล้วด้วย” เทียนสะบัดไปมาที่เสื้อของตาม เช็ดน้ำตาน้ำมูกจนเปรอะเปื้อนแล้วเงยหน้าที่แดงเรื่อเพราะร้องไห้ขึ้นสบตาคนที่กอดตนเอง “ต่อให้ต่อจากนี้มึงรำคาญจนอยากจะสะบัดกูทิ้ง กูก็ไม่ไป!”


“เทียน”


“อะไร ไม่เชื่อเหรอว่ากูทำได้จริงๆ”


“กูจะไม่ปล่อยมึงไปแล้วจริงๆ นะ”


“...”


“ต่อให้มึงยังมีพี่เขาอยู่ในใจ แต่กูจะทำให้มึงหันมามองกูให้ได้สักวัน ไม่ยอมให้กลับไปแล้วจริงๆ นะ”


“...อือ ไม่ไปแล้ว” มือที่โอบรอบเอวสอบกำชายเสื้อตามแน่น ซุกใบหน้ากับอกที่แสนอบอุ่นนั่น ราวกับได้พบกับท่พึ่งพิงสุดท้าย...ที่คิดว่าหลังจากนี้คงไม่มีวันจากไหนอีกแล้ว “จะอยู่กับมึง”


“พูดแล้วนะ”


“เออ”


“พูดเพราะๆ หน่อยดิ”


เทียนเงยหน้าย่นจมูกใส่ ซึ่งแสนจะน่ารักในสายตาของตาม “ไม่เอา”


“ทำไม”


“เขิน”


“ยังจะมาเขิน มีอะไรให้เขินอีกวะ”


“ไม่รู้ ก็เขินมึงอ่ะ!”


“เขินอะไร ยังปากดีอยู่เลย”


“ตาม!”


“ครับ”


“เดี๋ยวจะโดน...”


“โดนอะไร” ว่าแล้วก็ก้มหน้าลงไปจุ๊บปากที่เอาแต่พูดไม่หยุดตั้งแต่เมื่อกี้ จนคนถูกกระทำเบิกตาโต “โดนแบบนี้เหรอ เอาดิ มาเลยรออยู่” ว่าแล้วตามก็แกล้งหลับตาทำปากจู๋ยื่นไปหาคนที่ยังตกใจไม่เลิก จนเทียนดันหน้าอีกคนออกแทบไม่ทัน


“ไม่เอา! อี๋ น่าเกลียดอะตาม”


“อะไร เมื่อวานยังไม่เห็น...โอ๊ย!!”


“หยุดพูดเลยนะ”


“พูดความจริงทำมาเขินแล้วโหดกลบเกลื่อน”


“ตาม!!”


“แต่น่ารัก :)


“...”


“แล้วก็รักมากๆ เลยครับ”












ตามมมมมม เป็นครั้งแรกที่ปรับโหมดตามมาน่ารักเช่นนี้ พี่สิงห์น้อยใจตายเลย 5555
ขอโทษที่หายไปนานค่ะ เรื่องเรียนหนักเกิ๊นนน55555
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา Rule of Secret Love เรื่องของพี่เพจน้องคิงก็วางแผงแล้วนะคะ อย่าลืมไปจับจ้องกันนะ :)

รักคิดถึงทุกคนนน

ขอโทษล่วงหน้านะคะ ถ้าเรื่องนี้ไม่ได้จบแบบที่ทุกคนหวัง :NAVY




ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ anythinginitt

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 184
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
เชียร์ตามค่ะ
รู้สึกชอบที่เทียนพยายามจนถึงที่สุดที่จะไขว่คว้าความรัก แต่พอมันทำให้เจ็บมากกลับมารักตัวเอง
เพราะในความเป็นจริง เราก็ไม่รุว่าคนที่เรารักเค้าจะหันมารักเรามั้ย ถ้าพยายามแล้วยังเสียใจ เห็นด้วยว่าควรพอ

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
โมเมนนี้ตามเทียนน่ารักอ่ะ ยังไงๆๆๆเอายังไง พี่สิงห์จะแห้วหรอ รออย่างเดียว ลุ้นๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ KarmaNavy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1



แต่คุณ...ก็ยังเป็นความเจ็บปวดที่ผมเต็มใจจะรับเสมอ








อีกสามวัน...

เทียนลืมตาขึ้นมองเพดานห้อง ก่อนจะมองไปซ้ายมือตัวเอง มองกระเป๋าใบโตและกล่องทั้งหลายที่วางเรียงกันในห้องที่แทบเรียกได้ว่าว่างเปล่าตรงหน้า ทั้งหมดนั้นสำหรับเขาที่เตรียมตัวไปเรียนต่อต่างประเทศ

ไป...โดยที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้กลับมาอีกครั้ง

เมื่อคืนเขาได้ไปบ้านของพี่สิงห์ ไปล่ำลาและขอบคุณพ่อแม่ของพี่สิงห์สำหรับการดูแล ความรักที่มอบให้และทุกๆ อย่าง ซึ่งพวกท่านแม้จะเสียดายและไม่อยากให้เขาไป กระนั้นก็เคารพการตัดสินใจของเขามากพอที่จะไม่คัดค้าน พวกท่านทั้งสองอวยพรให้เขาประสบความสำเร็จและพบแต่ความสุข



แต่ไร้เงาพี่สิงห์ในคืนนั้น


ราวกับว่าเรื่องราวที่ผ่านมามันเป็นแค่ความฝันตื่นหนึ่งของเขา


ราวกับว่า...การที่เราได้เคยจับมือกันในฐานะอื่นที่ไม่ใช่พี่น้องมันเป็นแค่เรื่องเพ้อฝันของเขาเท่านั้น


วันนี้เขาไม่คิดจะไปไหนนอกเสียจากนอนเล่นไปเรื่อยในห้องตัวเอง ตามเองก็ไม่อยู่ด้วยเพราะต้องไปเยี่ยมญาติและบอกเรื่องที่จะไปเรียนต่อให้คนในครอบครัวทราบ ตามประสาคนในครอบครัวใหญ่และมีคนต้องบอกเยอะแยะ ตอนแรกตามก็ชวนเขาไปเช่นกัน แต่เขากระอักกระอ่วนเกินไปที่จะไปเป็นแขกของครอบครัวอีกคน จึงบอกปัดไป อ้างว่าอยากจะนอนเล่นที่บ้าน ตามจึงยอมตามใจและไม่ตื้ออีก


เทียนถอนหายใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงได้ไม่รู้สึกว่ามันคือการพักผ่อนอย่างที่พูดไป เขาหลับไม่ลง ได้แต่นอนเบิกตามองเพดาน มองท้องฟ้านอกหน้าต่างไปเรื่อย เหมือนว่าในสมองและหัวใจมีเรื่องให้คิดมากเกินไป สุดท้ายก็ข่มตาหลับไม่ได้


หรือบางที

“เทียน”


เขาคงจะรอใครคนนั้นอยู่


เสียงเรียกจากหน้าบ้าน เรียกให้เขาผุดลุกนั่งบนเตียงได้ตั้งแต่การเรียกครั้งแรก แม้จะเป็นเพียงเสียงตะโกนไม่ดังมาก แต่ด้วยเขาฟังและจดจำเสียงนี้มาเสมอ เขาจึงรู้ว่าคนที่ยืนอยู่อีกฝากฝั่งของรั้วบ้านคือ...พี่สิงห์


เทียนเดินไปหยุดที่หน้าต่าง มองคนตัวสูงยิ้มและโบกมือเรียกให้ลงไปข้างล่าง พี่สิงห์ก็ยังเป็นพี่สิงห์ แม้จะอยู่ในชุดธรรมดาแค่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ แต่อีกคนก็ยังเปล่งประกาย...และงดงามเสมอในสายตาของเขา


“พี่สิงห์มีอะไรหรือเปล่า”


“อยู่บ้านคนเดียวเหรอ เด็กคนนั้นไม่อยู่ด้วยหรือไง”


เทียนส่ายหน้า “ตามกลับบ้าน...ไม่อยู่หรอก”


“งั้นเราก็ว่างใช่ไหม?”


“...”


“ไปเที่ยวกันไหม”


“...? ไปเที่ยว”


“ใช่ เราสองคน” พี่สิงห์ชี้ตัวเองสลับกับเขา ก่อนจะยิ้มกว้างอีกครั้ง “ส่งท้ายก่อนเราไปเรียนต่อไง เราไม่ได้เจอกันเลยนะ อาทิตย์ที่ผ่านมาน่ะ”


“อ่า...”


“หรือเราไม่สะดวกใจ ไม่เป็นไรนะ ถ้าไม่อยากไป”


“ไม่ใช่แบบนั้นพี่”


“...”


“ไปก็ได้ แต่ขอผมไปเปลี่ยนเสื้อก่อน”


“ไม่ต้องหรอก ชุดนี้ดีแล้ว ไปกัน”


“...”


“พี่มีอะไรที่อยากทำเยอะแยะเลยล่ะ”
















“หนังเรื่องที่เราอยากดูวันนั้นยังไม่ออกจากโรงเลย ดูกันไหม”


“ก็ได้ครับ”


“งั้นรอพี่ตรงนี้แปบนึงนะ พี่ไปซื้อตั๋วก่อน” เทียนพยักหน้าหงึกหงัก ขณะคนเป็นพี่ยิ้มแล้วยีหัวเขาหนึ่งที ก่อนเดินไปยังตู้กดตั๋วที่มีพนักงานยืนรอให้ความช่วยเหลืออยู่ ทิ้งให้เขายืนมองแผ่นหลังอีกคนและจับบริเวณที่ถูกสัมผัสครั้งแรกในรอบอาทิตย์ที่ผ่านมาที่ไม่ได้พบกันเลยเพียงลำพัง


เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมถึงได้ออกมากับพี่สิงห์เช่นนี้และไม่รู้เลยว่าทั้งหมดนี่พี่สิงห์ต้องการจะทำอะไร อยากจะขอโทษ อยากจะไถ่โทษที่วันนั้นไม่ได้มาหรืออะไรกันแน่ แต่กระนั้นเขากลับไม่กล้าแม้แต่จะปฏิเสธแต่อย่างใด


ทันทีที่เห็นใบหน้า น้ำเสียงและรอยยิ้ม เขาก็ได้แต่เดินตามอีกคนเหมือนที่เคยทำมาตลอด


“ได้แล้ว อีกชั่วโมงนึง เทียนหิวไหม ถ้าหิวพี่จะได้พาไปหาอะไรกินก่อนเข้าโรง”


“ไม่ครับ พี่ล่ะ?”


“พี่ก็ไม่หิว งั้นเราไปเล่นเกมกัน ฆ่าเวลา”


“ได้ครับ”


ตอนนั้นเองที่มือของเขาถูกมือของพี่สิงห์จับและรั้งให้ไปเดินอยู่ข้างกาย มันเป็นเพียงวินาทีสั้นๆ เหมือนแค่พริบตาเดียวเท่านั้น แต่ในสายตาของเขาราวกับรอบกายหยุดเคลื่อนไหว


“ขอจับมือหน่อยนะ”


“...”


“แค่วันนี้ก็ยังดี”


“...ครับ”


เขาควรจะปฏิเสธแล้วดึงมือออกมา เดินกับพี่สิงห์ มีระยะห่างระหว่างกันเป็นปกติแบบที่ทำมาตลอด


แต่สิ่งที่เขาทำกลับเป็นการกระชับมือที่กุมกันให้แน่นขึ้น แน่นจนสัมผัสได้ถึงความร้อนที่กลางฝ่ามือของพี่สิงห์ ความอบอุ่น...ที่เขาเฝ้าฝันว่าสักวันหนึ่งเจ้าของมือนี้จะเต็มใจกุมมือของเขาเช่นที่ทำในวันนี้


เคยฝัน จนตอนนี้หลงลืมความฝันนั้นไปแล้ว ทว่าวันนี้ฝันนั้นกลับเป็นจริง


มันทั้งดีใจ ทั้งตื่นเต้น ความรู้สึกปนกันจนมั่วไปหมด แต่ที่เหนือกว่าความรู้สึกอื่นใดคืออยากจะร้องไห้ชะมัด


เทียนพยายามเบนสายตาไปมองอย่างอื่น พยายามไม่มองไปยังพี่สิงห์ที่เดินอยู่ข้าง กลั้นน้ำตาที่เหมือนจะไหลอยู่ตลอดเวลาให้ย้อนกลับไป มันก็แค่การเที่ยวเล่นเหมือนที่เคยผ่านมา มันไม่มีตรงไหนที่น่าเศร้าจนเขาต้องร้องไห้เลย แต่ทำไมมันเจ็บปวดอย่างนี้


เขาควรจะดีใจและยิ้มออกมา ไม่ใช่หน่วงที่ใจจนอยากจะร้องไห้เช่นนี้


“อย่าร้องไห้นะ”


“...”


“วันสุดท้ายแล้ว ช่วยยิ้มให้พี่จนถึงที่สุดที”


“...”


พี่สิงห์หันมายิ้มให้เขาที่มองอยู่แล้วเลื่อนมือมาลูบที่ผิวแก้ม การสัมผัสแผ่วจางเหมือนปีกแมลงปอแตะผิวน้ำ แต่กลับส่งผลมหาศาลต่อตัวเขาเช่นนั้น เรียกให้ความอ่อนแอกลั่นออกมาเป็นหยดน้ำ


“ครั้งสุดท้าย...เหรอครับ”


“ก็เราจะไม่อยู่แล้ว พี่แค่อยากทำอะไรที่ยังไม่เคยทำกับเรา อะไรที่เคยผิดสัญญา ทั้งหมดนั่น...พี่อยากทำมันกับเราก่อนที่เราจะไปน่ะ”


“...”


“ได้หรือเปล่า”


“...ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ”


“งั้นหยุดร้องไห้นะ แล้วไปเล่นเกมกัน”


“อืม”


พี่สิงห์


“เทียน...จะไม่ร้องแล้ว”


ตั้งแต่วันที่เดินจากพี่มา ไม่มีวันไหนที่เทียนไม่ร้องไห้เลยจริงๆ...













“พี่สิงห์ขี้โกง!”


“ขี้โกงตรงไหน พี่ก็เล่นปกติ”


เทียนทุบเข้าที่ไหล่ของคนข้างกายที่เอาแต่หัวเราะไม่หยุด เมื่อคะแนนปรากฏบนหน้าจอ แสดงให้เห็นว่าเขาแพ้ “ไม่โกงอะไร ตอนเทียนเต้นอยู่ พี่ก็เอาแต่แกล้งจี้เอวเทียนอ่ะ! แล้วงี้เทียนจะเต้นตรงได้ไง”


“เอ้า ไม่มีสมาธิเองแล้วมาโทษคนอื่นว่ะ พาลนี่หว่า”


“ไม่ได้พาล”


สิงห์หัวเราะร่วน จิ้มเข้าที่แก้มพองลมของเทียน “พาลแล้ว แก้มป่องเลย”


“โกรธ” แต่แทนที่จะรู้สึกอย่างที่พูด เทียนกลับรู้สึกเขินมากกว่า จนไม่อาจจะยืนอยู่เพื่อมองรอยยิ้มและฟังเสียงหัวเราะของสิงห์ต่อได้ เขาจึงเลือกเดินหนีหมายจะตรงไปโรงหนัง เพราะอีกไม่กี่นาทีหนังก็จะเริ่มแล้ว หลังจากที่พวกเขามาฆ่าเวลากันอยู่ในโซนเกมเซนเตอร์ร่วมชั่วโมง แต่สิงห์กลับรั้งข้อมือของเขาเอาไว้เสียก่อน


“เดี๋ยวยังเหลือเหรียญอีกตั้งเยอะนะ”


“ก็เอาไปแลกคืนสิ มาบอกเทียนทำไม”


“คีบตุ๊กตากัน”


“...”


“เทียนเคยอยากได้เจ้าตัวนี้นิ” ว่าแล้วก็ชี้ไปยังตู้เกมคีบตุ๊กตาที่อยู่ถัดไป ในนั้นมีตุ๊กตาจากซานริโอมากมาย รวมไปถึงชินนาม่อนโรล มาสคอตตัวโปรดของเขาด้วย เทียนไม่ได้ปฏิเสธ เขาเดินไปอยู่ข้างตู้ ยืนมองพี่ชายคนสนิทลงมือคีบตุ๊กตาอยู่ข้างๆ คอยหัวเราะตอนที่ทำพลาด แสดงออกถึงความเสียดายเมื่ออีกคนเกือบคีบได้และยิ้มตะโกนเสียงดัง เมื่อในที่สุด ตุ๊กตาที่เขาชอบก็ถูกคีบได้เสียที


“เย้!! ได้แล้ว”


“เสียเกือบร้อย ได้ตัวเท่าเนี้ย” เจ้าตุ๊กตาตัวปัญหาที่มีขนาดแค่ฝ่ามือของตัวเอง ทำให้สิงห์อดขมวดคิ้วไม่ได้ แต่เมื่อมองใบหน้าของคนที่เขาเพิ่งยื่นตุ๊กตาไปให้ มองรอยยิ้มและอาการทะนุถนอมของเทียน ในใจก็คิดว่า มันคุ้มแล้ว


ที่จริงเขาแค่อยากเห็นเด็กคนนี้ยิ้มเท่านั้นแหละ


“ป่ะ ใกล้เวลาแล้ว เข้าโรงหนังกัน”


“อื้อ”


“เก็บไว้ดีๆ นะ”


“รู้แล้ว เทียนรักษาของน่า”


“ไม่ หมายถึง...ตอนไปนู่น เอาไปด้วยนะ”


“...”


สิงห์ลูบหัวน้อง “จะได้ไม่ลืมพี่”


“...ใครจะลืม”


“...”


“งั้นเทียนคีบให้พี่อีกตัวไหม เทียนจะได้พูดมั่งว่าอย่าลืมเทียนนะ”


“ไม่ลืมหรอก”


“อ้าว ลอกคำตอบกันนี่”


“ต๊อง” เขาเขกหัวอีกคนเบาๆ แล้วพูดต่อ “จะลืมได้ไง เทียนมีแค่คนเดียวสำหรับพี่นี่”


“...”


“แต่กับเทียนที่กำลังจะไปเจอโลกกว้างที่ไม่ได้มีแค่พี่อีกแล้ว พี่ไม่มีความมั่นใจอะไรเลยว่าเราจะไม่ลืม”


“...”


“ไม่ได้ดูถูกน้ำใจอะไรของเรานะ มันแค่ความไม่มั่นใจของพี่เท่านั้นแหละ”


“...”


“เพราะพี่ยังอยู่ที่นี่ ยังอยู่บ้านหลังเดิมที่เราเคยนอน เคยมานั่งกินข้าวด้วยกัน อยู่บนถนนสายเดิมที่เคยเดินไปส่งเราที่บ้าน เพราะงั้นพี่ไม่มีวันลืมเราได้แน่นอน”


“...”


“ทุกครั้งที่นอนบนเตียง พี่ก็จะคิดถึงเราที่เคยนอนเล่นคอยกวนพี่เวลาพี่ทำงาน เวลากินข้าวก็จะนึกถึงเสียงเราตอนที่พูดเจื้อยแจ้วเรื่องนู่นนี่ให้พ่อกับแม่พี่ฟัง เวลาเดินกลับบ้าน ก็จะนึกถึงตอนที่เราเดินข้างกัน เล่าเรื่องที่ได้เจอวันนี้ให้กันและกันฟัง”


“...”


“แบบนี้จะให้ลืมได้ยังไงล่ะ”


“เทียนไม่ลืมเหมือนกันน่า” ฟังจบเขากลับไม่มีคำพูดอะไรจะพูดต่อ ได้แต่เดินเร็วขึ้น เร็วขึ้นตรงไปยังโรงหนังโดยไม่คิดจะรอคนด้านหลัง ทิ้งให้สิงห์มองตามแผ่นหลังของเด็กที่เขาพร่ำบอกเสมอว่าในหัวใจนี้มอบได้แค่น้องคนสนิท ให้แค่นั้นมาตลอด


จนวันนี้ที่รู้ว่าคิดผิดและกำลังจะเสียไป เขาก็ทำได้แค่มอง


เพราะสุดท้ายแล้วคนที่จะตัดสินใจกลายเป็นเทียนไปแล้ว ไม่ใช่เขาอีกต่อไป















หนังฉายบอกเล่าเรื่องราว เหมือนกับชีวิตของคนเราที่มีเริ่มต้นและจุดจบ แต่มันต่างตรงที่ในชีวิตจริงนั้น ต่อให้มีบทสรุปของเรื่องราวแล้ว เราก็ยังสามารถเริ่มต้นเรื่องราวเรื่องใหม่ได้อีกเรื่อยๆ ราวกับไม่มีที่สิ้นสุด


เทียนจ้องมองจอฉายหนังยักษตรงหน้าที่ค่อยๆ ดับลง พร้อมกับคนมากมายเดินออกจากโรงหนังในเวลาย่ำค่ำ นาฬิกาที่ข้อมือบอกเขาว่าตอนนี้หกโมงกว่าแล้วและเมื่อหนังจบ พวกเขาสองคนก็ควรจะกลับกันเสียที


แต่ระหว่างพวกเขาทั้งคู่กลับไม่มีใครยอมลุดขึ้นมาก่อน ต่างคนต่างเอาแต่มองหน้าจอสีดำสนิทเหมือนครั้งหนังยังฉายบนนั้น เหมือนเอาแต่ระลึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาแล้วแต่ย้อนกลับไปไม่ได้ ได้แต่จินตนาการเรื่อยไปไม่รู้จบ


สุดท้ายก็เป็นเขาเองที่ลุกขึ้นและคงเดินออกไปแล้ว ถ้าไม่ได้มือของพี่สิงห์มาจับเอาไว้


“ดูเหมือนวันนี้พี่รั้งเราไว้เยอะมากเลยเนอะ”


“...”


“หนังจบแล้ว”


“อือ จบแล้ว”


“แต่พี่อยากให้มันฉายไปเรื่อยๆ ให้พี่นั่งดูแบบนี้ไปตลอดชีวิตยังได้เลย” แม้จะพูดกลั้วเสียงหัวเราะ แต่เทียนไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นเลย เสียงหัวเราะครั้งนี้ของพี่สิงห์มันเศร้าเกินนกว่าจะมองว่ามันคือเสียงหัวเราะแห่งความสุขของคนที่ได้ดูหนังที่ชอบ


“...จะเป็นไปได้ยังไง หนังมันก็ต้องจบสิ ไม่จบมันคงไม่ใช่หนัง”


“นั่นสินะ”


“ถ้ามันไม่มีจุดจบ มันก็คงไม่สวยงามนักหรอก”


“...”


“...”


“เหมือนเรื่องของเราใช่ไหม”


“...”


“ถ้ามันไม่มีจุดจบ ถ้าเราไม่ยอมไป พี่คงไม่รู้ใช่ไหมว่าเราสำคัญกับพี่มากแค่ไหน”


จนตอนนี้พี่สิงห์ก็ยังไม่มองหน้าเขา เอาแต่มองไปข้างหน้า ทิ้งให้เขามองใบหน้าด้านข้างของอีกคนผ่านความมืดสลัวภายในโรงหนัง เขาไม่มคำพูดใดจะพูด ได้แต่ปล่อยให้ความเงียบครอบคลุมพวกเขาทั้งคู่ จนพนักงานเดินเข้ามาเตือนนั่นแหละ เขาถึงได้พึมพำตอบรับแล้วรีบเดินออกมา


“พี่สิงห์ ไปเถอะ”


“ไปก่อนเลย เดี๋ยวพี่ตามไป”


“...พี่สิงห์”


“พี่ไม่เป็นไรครับ ไปเถอะ” พิ่สิงห์หันมายิ้มให้เขา เหมือนจะให้เขาวางใจและเดินออกไปแต่โดยดี แล้วเทียนจะทำยังไงได้นอกจากทำตามสิ่งที่อีกคนพูด เขาเดินออกจากโรงหนังไป พริบตาที่เสียงประตูปิดลง คนที่วางท่าเหมือนไม่รู้สึกอะไรเมื่อครู่ก็ได้แต่ซุกใบหน้าตัวเองกับฝ่ามือ ปล่อยให้ไหล่ที่ยืดตรงลู่ลงและสั่นเทา ในความเงียบงันมีเสียงลมหายใจสั่นลอดออกมา พอให้รู้ว่ายังมีคนอยู่เหลืออยู่ในนี้


หากเปรียบโรงหนังนี้เป็นเหมือนสถานที่ฉายความทรงของพวกเขา เทียนก็คงเหมือนคนที่แยกได้ว่าสิ่งที่ฉายมันเป็นเพียงอดีตที่ย้อนกลับไม่ได้ ต่างจากเขาที่ไม่อาจดึงตัวเองออกจากหนังที่ดูได้


ได้แต่เฝ้าหลอกตัวเอง ภาวนาขอให้สิ่งที่เคยเกิดขึ้นย้อนกลับมาอีกครั้งเหมือนคนโง่


ต่อให้รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ เขาก็ยังอยากจะให้มันกลับมา


น่าเสียดาย


เวลาไม่เคยย้อนกลับให้กับทุกคน โดยเฉพาะคนที่ทิ้งโอกาสของตัวเองไปอย่างน่าเสียดายเช่นเขา

















เขาเคยนึกว่าการเดินมาจากคนที่รักมากๆ มันยาก จนไม่เคยเลยสักครั้งที่ทำมันสำเร็จ


กระทั่งวันนี้ เขาจึงได้รู้ว่าจริงๆ แล้วมันไม่ได้ยากเลย แต่เป็นเขาเองที่ไม่อยากเดินจากมามากกว่า


เพราะความจริงแล้วการจากมานั้นง่ายดาย เมื่อเทียบกับการคงอยู่เสมอ


เทียนยืนมองท้ายรถของพี่สิงห์ที่ขับห่างออกไปด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งดีใจที่ได้เจอ มีความสุข เศร้าและใจหาย แปลกดีในความรู้สึกพวกนั้นยังคงหลงเหลือความเจ็บปวดและความรักอยู่เช่นกัน แต่มันไม่ได้มากมายจนต้องหลั่งน้ำตา ไม่ได้ทำให้คิดถึงจนไม่อยากปล่อยมืออีกแล้ว


ก่อนจะจากกันพี่สิงห์ยิ้มให้เขาอีกครั้ง ลูบหัวเขาเหมือนที่ชอบทำอยู่ตลอดแล้วบอกขอบคุณที่วันนี้เขายอมออกมาเป็นเพื่อนจนเย็น ซึ่งเขาก็ไม่รู้จะพูดอะไรทำได้แต่ยิ้มให้ แม้จะสังเกตเห็นว่าดวงตาของพี่สิงห์บวมช้ำ เขาก็ไม่คิดจะถาม เพราะรู้...ว่าร่องรอยเหล่านั้นมันหมายความว่าอย่างไร


ทำไมจะไม่รู้ ในเมื่อช่วงเวลาที่ผ่านมาก่อนเราจะอยู่ด้วยกันเช่นนี้ เขาก็เคยมีอาการนั้นเช่นกัน


อดคิดไม่ได้ว่าทำไมมันถึงได้เป็นเช่นนี้ไปได้ ในวันที่เขาเลิกร้องไห้และเดินไปข้างหน้า พี่สิงห์กลับหยุดยืนตรงนั้นแล้วทำในสิ่งที่เขาเคยทำ เสียใจโดยที่เขาไม่อาจปลอบโยนได้แม้แต่คำเดียว


เขาหันหลังเดินหมายจะเข้าบ้านตัวเอง แต่กลับต้องชะงักไปเมื่อเห็นว่าบ้านที่ควรไร้แสงไฟ กลับปรากฏแสงสว่างเล็กๆ ในมุมหนึ่งในบ้าน


เหมือนกองไฟที่มอบความอบอุ่นให้กับเขา...ที่ไม่เคยมีใครรอคอยการกลับมาที่บ้านเลยแม้แต่ครั้งเดียว


เห็นแบบนั้นขาทั้งสองของเขาก็ราวกับมีชีวิตเป็นของตัวเอง มันวิ่งเข้าไปในบ้านอย่างเร่งรีบและตื่นเต้น ทั้งที่ตัวเขาเองรู้อยู่แล้วแท้ๆ ว่าคนในนั้นเป็นใคร เพราะมีเพียงไม่กี่คนที่เขายินยอมมอบกุญแจบ้านให้และมีไม่กี่คนที่จะรอเขากลับมา


เทียนทำใจยืนอยู่หน้าประตูครู่ใหญ่ ก่อนจะหมุนลูกบิดเปิดเข้าไปเบาๆ ฟังเสียงโทรทัศน์ที่ดังออกมาจากห้องนั่งเล่น สูดกลิ่นอาหารที่กรุ่นมาจากห้องครัว ภาพบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาเช่นนี้ที่เขาไม่ได้พบเจอมานานแสนนาน ทำเอาเขาไม่อาจหุบยิ้มได้ ยิ่งเมื่อเดินเข้ามาในบ้านแล้วพบกับแผ่นหลังของคนที่มอบความอบอุ่นทั้งหมดนี้ให้เขา รอยยิ้มก็ยิ่งขยายกว้าง


คนคนนั้นอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตและกางเกงขายาวสีดำ ผมถูกเซ็ตเป็นทรงเหมือนกับเพิ่งเดินออกจากงานเลี้ยงสักงานแล้วตรงมาบ้านของเขา ทว่าสิ่งที่ไม่เข้าพวกที่สุดเห็นจะเป็นผ้ากันเปื้อนลายการ์ตูนตลกๆ ที่เขาซื้อมาไว้สำหรับเข้าครัวที่น้อยครั้งเหลือเกินจะทำเอง มีแต่คนคนนี้ที่คอยหยิบมันมาใช้ จนเขาชอบล้อว่ามันคือผ้ากันเปื้อนประจำตัวพ่อบ้านของเขา


ของเขา...เพียงคนเดียว


“ตาม”


“อ้าว กลับมาแล้วเหรอ ไปไหนมา...!”


ไม่รอให้อีกคนพูดจบ เขาก็โผเข้าไปกอดที่หันกลับมาตัวเองแน่น กอดโดยไร้คำพูด แต่คนที่ยืนให้กอดก็ไม่ได้ทักท้วงอะไร ยอมโอบกอดตอบแน่นเหมือนจะส่งต่อความคิดถึงที่เราไม่ได้พบกับ แม้จะเป็นเวลาสั้นไม่กี่วัน ทว่าก็ยังคิดถึงมากอยู่ดี


เทียนยิ้มกับอกของตาม ขยับริมฝีปากพูดหนึ่งคำที่เขานึกอยากพูดมาตลอดชีวิต


คำพูดที่เหมือนร้องกล่าวว่าเขา...ได้พบกับที่พึ่งพิงสุดท้ายของชีวิตแล้ว


บ้านของเขา


“กลับมาแล้ว”


“ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะ เทียน”













100%


ครบร้อยเปอร์แล้วค่ะ! กี๊ดดดดดดดดดด ตอนหน้าจบแล้วนะคะ เอาจริงๆ มันเหมือนจบมานาแล้ว แต่เหมือนตอนหลังๆ คือการสลับกันระหว่างพี่สิงห์กับเทียนเลย แง้ว

ถ้าหากทุกคนยังจำได้ในตอนพิเศษตอนงานแต่งของทีม (ซึ่งเป็นเรื่องราวหลังจากเรื่องนี้) ทุกคนในกลุ่มก็ยังเข้าใจว่าพี่สิงห์ยังชอบคิงอยู่ เพราะพี่สิงห์จงใจให้มันเป็นแบบนั้น ทำให้คนที่รู้เรื่องว่าพี่สิงห์เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ มีเพียงพี่เพจคนเดียวค่ะ

แรกสุดเราอยากจะแต่งให้พี่สิงห์มีคู่บ้าง แต่ไปๆ มาๆ อยากจะลองแต่งแบบ เออ เป็นพระเอกนะ แต่แห้วว่ะ ขึ้นมาซะงั้น แงง
ไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายพี่สิงห์เลย แต่แบบ ชีวิตจริงคนเราจะมีโมเม้นต์สมหวังสักกี่เปอร์เซ็นกัน ในความเป็นไปได้บนโลกมันไม่มีทางเป็นไปอย่างหวังตลอด เพราะงั้นเลยกลายมาเป็นเช่นนี้ พี่สิงห์คนแห้วค่ะ 55


ไม่ได้แต่งให้รู้ชัดเจนมากมายว่าพี่สิงห์รักเทียน แต่อยากให้รู้เฉยๆ ว่าความคิดที่พี่เขามีต่อเทียนมันเปลี่ยนไปแล้ว ถ้าเทียบกันกับความรู้สึกที่เทียนมีให้พี่เขา ยังเทียบไม่ติดเลยค่ะ ทว่ามันก็เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ ต่อให้น้อยแค่ไหน พี่เขาก็ไม่ได้มองเทียนเป็นแค่น้องคนสนิทอีกแล้ว แต่มองเป็นฐานะอื่น...ที่สายไปสักหน่อย เพราะน้องเขาไม่อยู่รอแล้ว

น้องเทียนเป็นตัวละครที่เราปวดหัวที่สุด ตอนแรกแต่งง่าย เพราะความรู้สึกมันชัดเจนอยู่แล้วว่าเออ รักคนนี้ว่ะ แบบเจ็บก็ยอม แต่ตอนกลางเรื่องจนตอนท้ายความรู้สึกที่มีต่อพี่สิงห์ของน้องจะเปลี่ยน จากสมมติว่าชอบ 100 มันจะลดลง อาจจะเหลือ 70 นอกนั้นคือความผูกพัน ความกลัวและความรู้สึกปกป้องตัวเอง จากคนที่ผิดหวังมาตลอด ซึ่งเราเชื่อว่าทุกคนจะมีความรู้สึกแบบนี้อยู่
และนั่นแหละค่ะ ตรงนี้แหละที่มันทำให้เราปวดหัว มันสื่อยากมากเลยอ่ะ กับการที่เราต้องให้ตัวละครแสดงความรู้สึกออกมาแบบนั้นโดยที่คนอ่านไม่งงไปเสียก่อนว่าแบบ เออ มันเป็นไบโบล่าร์ป่ะวะ แป๊บนึงอารมณ์นึง อีกแป๊บอารมณ์นึง แต่งเองก็ปวดหัวเอง เรื่องนี้เลยเป็นเรื่องสั้นๆ ที่ใช้เวลาแต่งนานมาก มัวแต่งมน้องเทียนนี่แหละค่ะ

เพราะงั้นต้องขอโทษมากๆ เลยนะคะ หากอ่านมาถึงบรรทัดนี้ ที่ยังคงแสดงอารมณ์ความรู้สึกตัวละครไม่โอเคเท่าไหร่
ติชมได้ค่ะ จะไปปรับปรุงตัว แงง

ส่วนน้องตาม นี่ง่ายสุดเลยค่ะ 5555 ฉันรักแก ก็ดูแลแกไป ไม่มีอะไรซับซ้อน คนมันชินอยู่ตรงนั้นมานาน เลยไม่มีความสับสนอะไร เพราะฉะนั้นในตัวละครทั้งสามตัวถ้าเรียงความสับสนความรู้สึก น้องเทียนนี่ที่หนึ่งเลย ตามด้วยพี่สิงห์และตบท้ายด้วยตาม คนที่ไม่มีความซับซ้อนอะไรเลย รักก็รัก แค่นั้น

ความจริงตอนจบเรื่องนี้คิดเอาไว้เยอะมาก พี่สิงห์เกือบได้โอกาสแก้ตัวและ ถ้าไม่ติดว่าเราอยากให้มันจบแบบไม่สมหวังดู (แบบไม่สมหวังกับพระเอกนะ ไปสมหวังกับพระรอง แฮ่) แต่ความรักครั้งนี้ของพี่สิงห์จะต่างกับครั้งที่พี่เขาชอบคิงนิดหน่อย

ถ้าเทียบง่ายๆ ความรักตอนพี่แกชอบคิง คือความรักแบบเดียวกับที่ตามรักเทียน
ส่วนความรักตอนที่พี่แกชอบน้องเทียน คือความรักแบบเดียวกับที่เทียนเคยรู้สึกกับพี่เขา

ก็...จบแบบนี้แหละค่ะ!
อย่าปารองเท้าใส่เราเลยนะคะ! แงง

เจอกันตอนบทส่งท้ายนะคะ ^_^ บ๊ายบายค่ะ
NAVY
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-02-2018 23:31:57 โดย KarmaNavy »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Juraipron

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ไม่อยากให้จบแบบนี้เลยอ่ะพี่สิงน่าสงสารเกินไปไม่มีแม้แต่โอกาสแก้ตัวเลยทีคนอื่นยังมีโอกาสแก้ตัวเลยถึงในชีวิตจริงจะต้องทำแบบเทียนก็เถอะแต่นี่มันนิยายไงก็ขอจบแบบแฮปปี้บ้างอ่ะ

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

ออฟไลน์ tn

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 114
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
จริงๆเรื่องนี้เสียน้ำตาน้อยกว่าเรื่องคิง แต่หน่วงมากกว่าเยอะ ไม่เจอช่วงไหนที่เป็นความสุขของตัวละครหลักเลย พี่สิงนี่คือเจอเลย เทียนก็ดูเหมือนจะเริ่มสุข ตามก็ไม่แน่ใจสุขจริงหรือเปล่า

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
เทียนสิงห์คนล่ะเส้นทางจริงแล้วหรอเนี่ย

ออฟไลน์ NewYearzz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2545
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +346/-2
ไม่สงสารสิงห์เลย สงสารเทียนมากกว่า

มันนานไผ มันเจ็บปวดไป ชดใช้ยังไงก๋ไม่หมด

รักตาม  :L2:

ออฟไลน์ tegomass

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 35
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
อ่านไปร้องไห้ไป. แบบมาม่าชามใหญ่มากอะ

ลุ้นว่าเทียนจะทิ้งพี่สิงจิงๆรึป่าว  :ling1: :ling1:

ออฟไลน์ perzear

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
ToT  สงสารพี่สิงห์ เป็นพระเอกที่เดียวดาย
แต่ถ้าให้เทียนกับพี่สิงห์คบกัน เราก็มองไม่ออกว่าเทียนจะมีความสุขยังไง

ออฟไลน์ Chise

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 445
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
รู้สึกว่ามันสมจริงมาก จะมีกี่คนที่สมหวัง
เทียนได้เรียนรู้ที่จะรักตัวเอง และได้พบคนที่รักเทียนเหมือนกัน

ออฟไลน์ KarmaNavy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 96
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1




ลาก่อนนะ ความรักของผม












ครั้งที่แล้วเขาวิ่งตามแผ่นหลังใครคนหนึ่ง แต่มันเป็นการวิ่งที่เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจุดสิ้นสุดมันอยู่ตรงไหน


เพราะงั้นในท้ายที่สุด เมื่อเงาหลังทีเดียวดายของคนคนนั้นมีใครเคียงข้างและมอบความสุขแล้ว เขาจึงหยุดและคอยเฝ้ามองจากด้านหลัง


มาวันนี้เขาได้ออกวิ่งอีกครั้ง แต่ครั้งนั้นเขามองเห็นจุดจบชัดเจน...ชัดว่าครั้งใดๆ ที่ผ่านมา


แม้ว่าจุดจบนั้นจะเต็มไปด้วยรอยน้ำตา


แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้หรอกว่า ในน้ำตาเหล่านั้นมันซ่อนความทรงจำที่แสนสุขเอาไว้มากเพียงใด













บรรยากาศการลำลาในสนามบินยังทำให้เขารู้สึกเหงาและอยากร้องไห้ทุกเมื่อ ไม่ว่าเขาจะมาที่นี่เพื่อส่งใครสักคนหรือจะเป็นคนที่จากไปเองก็ตาม


เทียนผละออกจากอกของคนที่เลี้ยงดูตัวเองมาตลอดนับตั้งแต่ที่พ่อแม่แยกทางกัน กราบลงที่อกของทั้งคู่ กระซิบขอบคุณทั้งน้ำตาซ้ำแล้วซ้ำอีกที่ทั้งสองเอ็นดูเด็กเช่นเขามาเสมอ แม้กระทั่งตอนที่เขาก้าวออกจากบ้านไปโดยที่ไม่เคยบอกกล่าวก่อนให้พวกท่านเตรียมใจ พ่อกับแม่ของสิงห์ก็ยังอวยพรและบอกว่าเขากลับมาได้เสมอ


ที่นี่มีครอบครัวของเขารออยู่ ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ก็ตาม


“ดูแลตัวเองดีๆ นะลูก โทรมาหาแม่บ่อยๆ นะ”


“ครับ เทียนจะดูแลตัวเอง...แม่กับพ่อด้วยนะ”


“ไปได้แล้ว เพื่อนเรารอนานแล้วนั่นน่ะ”


เทียนย่นจมูก “รอสักนิดสักหน่อยตามมันไม่โกรธหรอกพ่อ อีกเดี๋ยวเทียนก็ไม่อยู่อ้อนแล้ว ไม่รั้งหน่อยเหรอ”


คนอ่อนวัยพุ่งเอาไว้กอดเอวประจบอ้อนเช่นที่มักทำเสมอ แม้ตอนนี้จะโตจนเข้ามหาลัยแล้ว เทียนก็ยังติดนิสัยนี้เป็นที่เอ็นดูแก่คนทั้งคู่ “รั้งแล้วเราจะอยู่ไหมล่ะ”


“ก็...ไม่”


“นั่นไง แล้วจะให้พ่อเรารั้งทำไม เราจะงอแงเสียเปล่า ไปเถอะ”


“งั้นเทียนไปล่ะนะ สวัสดีครับ”


“เทียน”


“ครับ?”


“ไม่รอพี่สิงห์หน่อยหรือลูก”


เทียนนิ่งไป แล้วยิ้มออกมา ดูออกถึงความลำบากใจในนั้น “ตั้งขนาดนี้แล้ว...พี่เขาคงไม่มาแล้วล่ะครับ”


“ได้ยังไง เจ้าสิงห์น่ะรอจะไปส่งเราอยู่นะ จะไม่มาได้ยังไง”


“...”


พี่สิงห์น่ะหรือจะรอส่งเขา เขาที่เลือกอีกคนไม่ยอมเลือกพี่เขาน่ะหรือ สมควรได้รับคำอวยพรจากอีกคนทั้งที่ทำร้ายจิตใจไปซะขนาดนั้น เทียนตั้งใจจะขอตัวเข้าเกตไปอยู่แล้วเชียว ถ้าไม่ติดว่าคนที่เพิ่งพูดถึงจะวิ่งมาหอบอยู่ด้านหลังพ่อกับแม่


สิงห์มองสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจของเทียนก่อนจะยิ้มออกมา เดินไปหยุดตรงหน้าเทียนที่คงจะคิดว่าเขาคงไม่มาส่ง ลังเลอยู่นิดหน่อยแต่สุดท้ายเขาก็กล้าที่จะวางมือลงบนศีรษะของเทียน ลูบเบาๆ เช่นที่ชอบทำเสมอเวลาที่เทียนเผลอทำอะไรที่น่าเอ็นดู


แต่ครั้งนี้มันกลับเพื่อบอกลา


“จะไปแบบนี้เลยหรือไง ใจร้ายว่ะ”


“ก็...เทียนนึกว่าพี่ไม่มาแล้ว”


“ทำไมจะไม่มา น้องพี่ทั้งคน”


เทียนเม้มปากแน่น ใจไม่ได้เจ็บอีกแล้วที่ถูกย้ำด้วยสถานะที่ปฏิเสธตลอดมา แต่มันกลับเจ็บขึ้นมาเมื่อเห็นว่าในแววตาของสิงห์อาบเคลือบน้ำตาบางเบา


มันทำให้เขานึกอยากจะร้องไห้ตามไปด้วยเลย


“ดูแลตัวเองเข้าใจไหม ต่อให้หมอนั่นจะคอยดูแลเราอยู่แล้ว แต่เราก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีที่สุด”


“อือ”


“กินข้าวทุกมื้อ ห้ามอด นอนดึกได้ แต่วันหยุดต้องนอนให้พอ อย่าเครียดจนเกินไป มีอะไรก็ปรึกษาตาม ถ้าเหนื่อยนักก็โทรกลับมาที่บ้าน รู้ใช่ไหมว่าพ่อแม่...แม้กระทั่งพี่ก็พร้อมจะฟังเราเสมอ”


“...”


สิงห์ปาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มเด็กตรงหน้า พยายามอย่างมากที่จะไม่โอบเทียนเข้ามากอด เสียงสะอื้นเล็กๆ ของคนที่พยายามจะกลั้นมันเอาไว้ช่างน่าเอ็นดูและน่าสงสารไปพร้อมๆ กัน


“ตอนไปใหม่ๆ เราคงจะลำบากเวลาปรับตัว แต่พี่รู้ว่าเทียนคนเก่งของพี่ทำได้อยู่แล้ว ไม่นานเราก็จะมีเพื่อน มีคนรักมากมายเหมือนที่นี่”


“...พี่สิงห์”


“พี่ไม่รู้จะพูดอะไร เพราะที่อยากพูดที่อยากทำ...ทั้งหมดนั้นเด็กคนนั้นคงทำให้พี่ได้และพี่คงไม่ต้องกังวลอะไร เพราะสำหรับตามเราสำคัญกับหมอนั่นมากที่สุดอยู่แล้ว เพราะงั้น...ต้องมีความสุขเข้าใจไหม”


เทียนร้องไห้ พยักหน้าทั้งน้ำตา ขณะมือทั้งสองข้างกุมมือทั้งสองของสิงห์กุมประคองแก้มทั้งสองของเขาเอาไว้ สุดท้ายสิงห์ได้แต่ทำตามใจตัวเอง โอบเอาเด็กที่ร้องไห้งอแงเข้ามากอด โยกตัวเบาๆ เหมือนเช่นที่ทำครั้งที่เทียนยังเด็กและร้องไห้...ตอนที่ไม่มีใครอีกแล้วจะกลับมา


“พี่สิงห์ เทียนเคยรักพี่จริงๆ นะ”


“พี่รู้”


“ตอนนี้ก็ยังรักอยู่”


“...”


“แต่เทียนเลือกพี่ไม่ได้แล้ว เทียนมองไม่ออกว่าเทียนจะมีความสุขได้ยังไงตอนที่อยู่กับพี่อีกแล้ว”


“...”


“เทียนขอโทษที่ทำตามที่พูดไม่ได้ ขอโทษที่ตอนนี้รอยยิ้มของเทียนมันเกิดเพราะคนอื่นแล้ว”


“...”


“ขอโทษที่ทำให้พี่ต้องร้องไห้วันนั้นนะครับ”


“ไม่เป็นไร พี่ต่างหากที่ต้องเป็นคนขอโทษ เพราะตอนแรกสุดคนที่ผิดก็คือพี่นี่นา หยุดร้องไห้ได้แล้ว ถึงเวลาขึ้นเครื่องแล้ว”


สิงห์ดันตัวน้องเช็ดน้ำตาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะไม่สามารถทำได้อีก กระซิบคำสั้นๆ แล้วดันให้เทียนไปหาใครอีกคนที่ยืนรอเทียนอยู่ตลอดเวลาคนนั้น ตามไหว้เขาก่อนจะรับคนตัวเล็กที่ยังสะอื้นไม่หยุดไปกอด


เขาไม่ได้พูดฝากฝังอะไรให้เสียเวลา ตามตะวันรู้หน้าที่ตัวเองและทำมาตลอดได้อย่างไม่บกพร่อง คนอย่างเขาไม่มีหน้าอะไรไปสั่งสอนหรอก


เว้นเสียแต่


“ฝากเทียนด้วยนะ”


“...”


“ดูแลเด็กคนนี้ที”


“ครับ”


เทียนเดินไปแล้ว เดินไปกับตามพร้อมจะหายไปจากสายตาของเขาทุกที สิงห์ได้ยินเสียงแว่วๆ จากพ่อแม่ว่าพวกท่านจะไปรอที่รถ ให้เขารีบตามไป เขาไม่แม้จะตอบรับเขาแต่มองแผ่นหลังเล็กที่ค่อยๆ หายไป หวังในใจลึกๆ ให้น้องหยุดและวิ่งกลับมาเลือกเขา แต่ก็นั่นแหละ มันเป็นได้แค่ความหวังลมๆ แล้งๆ เท่านั้นแหละ


ทว่าในวินาทีสุดท้ายก่อนที่เทียนจะเข้าเกต เด็กคนนั้นกลับหยุดจริงๆ และหันกลับมา


“พี่สิงห์!”


ในมือที่โบกไปมาถืออะไรบางอย่างที่ทำให้สิงห์ทั้งยิ้มและร้องไห้ในเวลาเดียวกัน


มันคือตุ๊กตาที่เขาเคยคีบให้เทียน ตุ๊กตาที่เขาฝากคำสัญญาที่ไม่รู้วันใดจะจางหาย ว่าอย่าลืมกันเลย


ได้โปรดขอจงจดจำเขา แม้จะในฐานะคนเคยรักหรือพี่ที่เคยรู้จักก็ยังดี


ได้โปรดจดจำช่วงเวลาอันงดงามของเราสองคน เหมือนที่เขาคงไม่ลืมไว้ที


“แล้วเจอกันใหม่นะพี่สิงห์!”


สิงห์พยักหน้าให้น้อง ก่อนที่เด็กคนนั้นจะวิ่งหายไป ไปหยุดอยู่ข้างกายตามแล้วพากันเดินหายไปจากสายตาของเขาในที่สุด แต่สิงห์ก็ยังยืนอยู่ที่เดิม มองจุดที่น้องบอกลา ก้มลงมองพื้นซ่อนน้ำตาอันน่าอายให้พ้นสายตาคน ลอบสะอื้นเหมือนคนขี้แพ้ที่อดทนแทบตาย แต่ก็ยังไม่อาจซ่อนความเสียใจทั้งหมดได้


เอาเถอะ อย่างน้อยก็ยังมีอะไรเหลืออยู่


แม้จะเป็นแค่สิ่งที่เหลืออยู่กับเขาเพียงคนเดียวก็ตาม


สิงห์หันหลังเดินหมายจะออกจากสนามบินเพื่อกลับบ้าน เดินผ่านการจากลา ความยินดีจากกลุ่มผู้คนรอบกาย ในหัวพลันนึกถึงคำพูดสุดท้ายที่ตนพูดทิ้งเอาไว้


คำพูดที่เหมือนกับของขวัญสุดท้ายที่เขาพอจะมอบให้กับเทียนคนเก่าคนนั้นได้


เทียนคนที่เคยรักเขา


“ไม่ต้องเสียใจหรอกนะที่วันนี้เราไม่ได้รักพี่แล้ว ไม่เป็นไร”


“...”


“พี่อยากให้เราจำเอาไว้แค่ว่า อย่างน้อยในตอนที่เรายังรัก เราสองคนใจตรงกันก็พอ”


“...”


“ถึงจะมาตรงเอาวันที่มันสาย แต่พี่ก็รักเทียนจริงๆ”



หลังจากนี้ เมื่อวันเวลาพ้นผ่าน วันที่เทียนโตขึ้นได้พบพานเรื่องราวมากมาย ครั้นอีกคนมองย้อนกลับมาถึงตัวเองในวัยเยาว์ จะยังจำได้ไหมว่าครั้งหนึ่งเคยร้องไห้ให้คนอย่างเขา


บางทีเด็กคนนั้นอาจจะจำได้ บางทีอาจจะหัวเราะตัวเองคนเก่าที่เคยผิดหวังคนนั้นแล้วยิ้มให้กับปัจจุบันที่สวยงาม


ส่วนตัวเขาก็คงจะเปลี่ยนไปเช่นกัน หากแต่คงไม่อาจลืมและคงลืมไม่ลง


คงยังใช้ชีวิตมีความทรงจำในวันเก่าๆ หล่อเลี้ยงจนกว่าวันหนึ่งเขาจะพบใครที่ทำให้เขาอยากมอบหัวใจให้อีก



แต่จะเมื่อไหร่นั้น ก็ไม่อาจรู้ได้ ก็มันเรื่องของอนาคตนี่นา



สิงห์เงยหน้ามองท้องฟ้าหลังจากเดินออกมาจากสนามบิน หลับตาภาวนาให้คนที่กำลังจะจากไป เดินทางโดยสวัสดิภาพเหมือนที่เขาอวยพร




ลาก่อนความรักของพี่


พี่หวังว่าเราจะเติบโตอย่างงดงามและมีความสุขเสมอ...












จบบริบูรณ์




เรื่องราวของพี่สิงห์ก็จบลงแบบนี้แหละค่ะ
ขอดูเวลาก่อนนะคะ อาจจะมีมาอีกนิดหน่อย แงง ตอนนี้เรียนหัวปั่นไปหมดเลย
ขอบคุณที่ติดตามเสมอมา สิ่งไหนที่ผิดพลาด ขออภัยมา ณ ที่นี้นะคะ

ออฟไลน์ twinmonkey0311

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-9

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด