ตอนที่24
เวลาผ่านไปสองสัปดาห์ในที่สุดพวกเราก็สอบเสร็จ ผม อัท แก๊ป อร แจนและครามมารวมตัวกันที่ลานจอดรถอีกครั้ง แม้สองสาวจะไม่อยากต้อนรับครามเข้ากลุ่มเท่าไหร่แต่เจ้าตัวก็ยัดตัวเองเข้าวงมาด้วยอย่างไม่สะทกสะท้านใดๆ แถมยังเดินควงแขนผมเล่นไม่แคร์สายตาจิกๆของแจนอรสักแอะ
สตรองเว่อร์
อะไรทำให้เด็กอักษรคนนี้แข็งแกร่งถึงขนาดนี้กันนะ
พวกเรานั่งแท็กซี่ไปครับ ผม อัทและครามไปคันที่หนึ่ง อันที่จริงอัทมันควรไปนางคันเดียวกับผู้หญิงของมันแต่มันบอกว่าเป็นห่วงผมเลยขอนั่งคันนี้ด้วย
กลัวผมกับครามจะโดนลุงคนขับลากเข้าพงหญ้าไปข่มขืนรึไง เห็นแบบนี้แต่ผมก็สู้คนนะเออ
“วันนี้พี่กาจน์ไม่มารับเหรอ”คนที่ไม่ได้อยู่ในไลน์กลุ่ม ‘ปาร์ตี้หลังสอบเสร็จ’ อย่างครามเอ่ยถามขึ้นระหว่างทาง
“ติดพรีเซนส์ความคืบหน้าโปรเจ็คจบน่ะ”ปี5คณะสถาปัตถ์ไม่ค่อยมีวิชาเลคเชอร์เลยไม่เห็นพี่เขาเครียดกับการอ่านหนังสือสอบ แต่งานภาคปฏิบัติอื้อซ่า ผมเห็นพี่เขานั่งปั่นงานแล้วสงสารอ่ะ อยากเข้าไปช่วยก็โดนไล่ออกมา พี่เขาบอกให้ผมอ่านหนังสือของผมให้จบ
“กลับกี่โมงเหรอ”ครามถามต่อ
“น่าจะ เอ...ค่ำๆแหละ เลิก 6โมงรวมเวลารถติดอีก”
คนถามพยักหน้าหงึกหงักก่อนประเด็นจะถูกเปลี่ยนโดยอัท มันขอคำปรึกษาจากครามว่าจะขออรเป็นแฟนยังไงให้น่าจดจำดีซึ่งผมคิดว่ามันควรถามอะไรแบบนี้จากพี่กาจน์ครับ เรื่องโรแมนติกล่ะถนัดนัก
“ก็ให้ดอกไม้หรือไม่ก็ อ๊ะ เค้กไง วันนี้เราจะทำเค้กกันไม่ใช่เหรอ ให้นิทานเขียนบนหน้าเค้กสิว่าเป็นแฟนกับผมนะไรเงี้ย”ข้อเสนอของเด็กอักษรไม่เลวเลย สมแล้วที่เป็นคณะสายศิลป์ เรื่องโรแมนติกเหนือกว่าเด็กสายคำนวณอย่างพวกผมจริงๆ
แต่ไอ้อัทไม่เห็นด้วย มันคงเขินเลยขอนั่งคิดวิธีที่เรียบง่ายกว่านั้น
ไม่นานหลังจากนั้นพวกเราก็มาถึงห้อง ผมนำเพื่อนๆเข้ามาในห้องสำหรับดูหนังซึ่งคราวที่แล้วเจ้าพวกนี้เรียกร้องอยากเข้ามานอนเล่นแต่ไม่มีโอกาสเพราะต้องอ่านหนังสือสอบ ไอ้เจ้าห้องดูหนังอะไรเนี่ยผมก็ไม่ค่อยได้ใช้เหมือนกันเพราะมันเป็นห้องที่มีโซฟาเบดขนาดใหญ่ตั้งอยู่หน้าทีวีจอยักษ์แขวนผนัง นอกนั้นก็มีเฟอร์นิเจอร์ประดับเล็กๆน้อยๆ ถ้าไม่อยากดูหนังแบบลำโพงกระหึ่มจริงๆผมคงไม่คิดเข้ามา
“อรอยากดูเรื่องอะไรครับ”
“แอนนาเบล”
“เห้ย!!”
“ล้อเล่น เอาหนังค่ายมาเวลล์ที่เพิ่งออกแผ่นมาดีมะ เนี่ย มีแผ่นแท้ด้วย”อัทแอบถอนหายใจโล่งอก มันมีความลับที่ไม่เคยบอกใครนั่นก็คือมันเป็นคนกลัวผีครับ จะหมดแมนที่ไหนก็ได้แต่ต้องไม่ใช่ต่อหน้าอร
“ดูจบแฟนมึงก็น่าจะใกล้กลับ พวกเราค่อยออกไปซื้อของสดกันตอนนั้นเน๊อะ”แก๊ปกล่าว ผมชินคำว่าแฟนที่พวกมันใช้แทนพี่กาจน์แล้วเลยไม่รู้สึกเคอะเขินอะไรเหมือนช่วงแรกๆ
แก๊ปจิ๊ปากขัดใจที่ผมไม่ออกอาการอะไรแถมยังนั่งกินขนมมองจออย่างตั้งใจ ต่างคนต่างจับจองมุมของตัวเอง ไอ้อัทกันอรไปนั่งมุมนึงแก๊ปจึงได้โอกาสคลานไปนั่งข้างๆแจน ส่วนเกินอย่างผมกับครามเลยนั่งจกขนมกันเงียบๆ พยามอย่างงิ่งที่จะไม่แอบเหลือบมองสองคู่ชู้ชื่นนั่งกุมมือกันหนุงหนิง
หวานโคตรรรร
อย่าจีบกันในที่สาธารณะแบบนี้สิเฟ้ย!!
ไอ้ครามมันคงคิดแบบเดียวกันมันเลยหันมาสบาหัวเราะคิกคัก
“เอามั่งป่าว”
“ไม่”ผมตอบฉับ คนถูกปฏิเสธกลับหัวเราะชอบใจ
ผมชักคิดว่าเด็กอักษรคนนี้เป็นพวกมาโซคิสต์ซะแล้วสิ ยิ่งโดนเมินยิ่งชอบใจ
เวลาสองชั่งโมงครึ่งผ่านไปหนังก็จบ นั่งบิดขี้เกียจคลายเมื่อนกันสักหน่อยก่อนไอ้อัทจะเป็นตัวตั้งตัวตี
“พวกเราไปซื้อของสดกันมะ”เราตั้งใจจะทำปาร์ตี้สุกี้กันครับ
มีช็อปปิ้งมอล์อยู่ไม่ไกลจากคอนโดนี้เท่าไหร่ ขับรถแค่สิบนาทีก็ถึงพวกเราเลยตกลงกันว่าจะออกไปซื้อตอนที่พี่กาจน์ใกล้กลับมา”ก็ดีนะ ซื้อมาเตรียมหั่นเตรียมล้างพี่กาจน์ก็คงมาถึงพอดี”ผมคำนวณเวลาคร่าวๆ
“งั้นมึงอยู่เฝ้าห้องนะ ไม่ต้องขนไปหมดหรอกแท็กซี่จุไม่พอ ลิสต์มาว่าจะเอาอะไรมั่ง”เนื่องจากผมเป็นเจ้าของห้อง ถ้าจะทิ้งใครสักคนไว้ก็ใครคนนั้นก็คือผมนั่นเอง ผมเดินออกมาหยิบกระดาษกับปากกานึกรายการผักและเนื้อที่ต้องการ
“เลือกกันเป็นใช่ป่ะ”ผมถามขณะยืนลิสต์รายการของสดให้อัทผู้ไม่เคยเข้าครัว แต่อรกับแจนที่ไปด้วยพนักหน้ายืนยันผมจึงค่อยวางใจ
“เราขออยู่กับนิทานได้ป่ะ”ก่อนที่ทุกคนจะเดินออกไปเด็กต่างคณะเพียงคนเดียวก็เอ่ยขึ้นเสียงใส”ก็...5คนแท็กซี่มันจุไม่พอนี่นา...”จะว่าไปมันก็พูดถูกนะครับ แถมจะแยกสองคู่นั้นออกจากกันก็ไม่ได้อีก ส่วนเกินอย่างครามอยู่เฝ้าห้องเป็นเพื่อนผมอีกคนก็ถูกแล้ว
ทั้ง4คนพยักหน้ารับรู้ก่อนเดินออกไปอย่างไม่สนใจนัก
“เย็นชากันจังน้า...”เสียงหวานเอ่ยตัดพ้อแต่สีหน้ากลับยิ้มแย้ม”ก็มีแค่นิทานนี่แหละที่ใจดีกับเรา”
ไม่ต้องเดินมาเกาะแขนเลยครับคนสวย ผมหัวเราะแห้งๆขณะเดินไปนั่งตรงโซฟาโดยหิ้วลูกลิงไปด้วย
“ครามเป็นคนจังหวัดไหนเหรอ”ผมเอ่ยถามเพราะบรรยากาศมันชักเงียบเกินไป
“ชลบุรี แม่เรามีรีสอร์ทด้วยนะ เอาไว้ปิดเทอมไปเที่ยวกันป่าว”
“ฮ่ะๆ ได้สิแต่ปิดเทอมหน้านะ ปิดเทอมนี้ต้องไปเที่ยวกับที่บ้านน่ะ ขืนเบี้ยวนัดมีหวังโดนพี่แกล้งแน่ๆ”
“นิทานมีพี่ด้วยเหรอ”ครามถามอย่างกระตือรือร้น
“มีสิ พี่ชายสามคนแหนะ เราเป็นคนลูกคนเล็ก โดนแกล้งประจำเลย”
“พี่นิทานชื่ออะไรบ้าง”
“นัท โน้ต แล้วก็นาย”
“อะโห เป็นลูกหลงใช่ป่ะเนี่ยทำไมชื่อไม่เห็นเหมือนพี่เลย”
“เหมือนสิ น.หนูนำหน้าเหมือนกันไง”สองคนแล้วนะที่ทักผมแบบนี้ ไม่เคยเอะใจอะไรเทือกนี้มาก่อนเลยแต่พอถูกทักย้ำผมก็เกิดความคิดอยากกลับไปถามแม่เหมือนกันว่าทำไมถึงตั้งชื่อผมแบบนี้
“ฮ่าๆๆ ก็เรากับพี่ชายชื่อออกจะเข้ากันนี่นา”ครามเอ่ยกลั้วหัวเราะ แต่คราวนี้นัยน์ตาคู่โตไม่ยิ้มไปด้วย
“...”
“เอ่อ...”คนตัวเล็กอยู่ดีๆก็เงียบไปผมเลยทำตัวไม่ถูก
“พี่เราชื่อฟ้า เห้อ... ขอโทษที พูดถึงพี่ทีไรก็จะร้องไห้”
“ทำไมล่...อ๊ะ”อย่าบอกนะว่า ผมงับปากกลืนคำถามทั้งหมดลงไปเมื่อคนตัวเล็กเอนตัวมาพิงไหล่อย่างอ่อนแรง
“นิทานฉลาดจัง แค่พูดชื่อก็เก็ท ฮ่ะๆ...”นี่คือเสียงหัวเราะที่แห้งที่สุดของอีกฝ่ายตั้งแต่รู้จักกันมา”ขอโทษนะ ที่เข้ามาทักตอนนั้นเพราะรู้ว่านิทานสนิทกับพี่กาจน์”
“...”
“ที่ตามตื๊อนิทานไม่เลิกเพราะอยากรู้ว่าแฟนใหม่ของผู้ชายคนนั้นเป็นคนยังไง ทั้งๆที่เขายึดติดกับพี่ฟ้ามาตั้งหลายปี คนแบบไหนที่เข้ามาทำให้เขาเปลี่ยนไป...”ผมอยากจะแก้ตัวว่าตัวเองไม่ได้แย่งพี่กาจน์มาจากพี่ฟ้าเพราะทั้งสองคนไม่เคยคบกันแต่ก็พูดไม่ออก
ถ้าครามรู้ว่าพี่ชายตัวเองโดนฆ่าเพราะเข้าใจผิดเจ้าตัวจะช็อคขนาดไหน
ผมเริ่มเข้าใจความรู้สึกของพี่กาจน์แล้ว
“นิทานเป็นคนใจเย็น ถึงเราจะทำตัวไม่ดีก็ไม่เคยโกรธ ไม่เหมือนเพื่อนของนิทาน”
“...”
“พอได้รู้จักกันก็รู้เลยว่าคนนิสัยแบบนี้อยู่ด้วยแล้วสบายใจ ไม่แปลกที่ผู้ชายคนนั้นจะลืมความเสียใจและเริ่มต้นใหม่กับนิทาน ถึงพี่ฟ้าจะน่าสงสาร...แต่ว่า เราก็อยากลืมเหมือนกัน อยากเลิกจมอยู่กับความเสียใจ”เสียงหวานเริ่มสั่นเครือ ผมมองไม่เห็นหน้าคนพูดเพราะอีกฝ่ายอิงไหล่ผมอยู่แต่ผมก็รู้สึกถึงน้ำตาของเขา
“...”
“นิทานช่วยเราด้วยได้มั้ย”
แกรก
เพราะคิดว่าพวกอัทกลับมาแล้วพวกเราเลยผละออกจากกันด้วยความตกใจ แต่เมื่อมองไปยังทางเข้ากลับไร้วี่แววของใคร”เมื่อกี้ได้ยินอะไรมั้ย”ผมถามคนข้างๆ
ครามพยักหน้าหงึกหงัก”ยะ อย่าบอกนะว่าพี่กาจน์ซื้อห้องที่มีผีในราคาถูกๆมาอ่ะ”
ไปกันใหญ่แล้ว!! ผมรีบมองครามด้วยสายตาดุๆทันที ใครใช้ให้พูดจาแบบนี้ในสถานการณ์แบบนี้กัน
แม้ว่าผมจะมาอยู่ที่นี่ได้สักพักแต่ผมก็ยังไม่ชิน ตัวห้องมันกว้างมาก พื้นที่ที่พวกเราใช้สอยจริงๆมีแค่ไม่กี่ส่วน ไหนจะห้องชั้น22ที่ปิดตายไว้
อา...พูดถึงห้องชั้น 22
ผมกับครามค่อยๆหันหลังกลับไปมองทางบันไดเชื่อมชั้นด้วยความรู้สึกหวาดหวั่น
และพวกเราก็พบกับ...ผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่งกำลังเดินลงมาจากบันได
แต่ละย่างก้าวของเธอเนิบช้า แต่นัยน์ตานั้นวาวโรจน์และจ้องเขม็งมายังผม...
ในมือของหล่อนมีมีด
ใจของผมตกลงไปกองอยู่ที่ตาตุ่ม เด้งตัวลุกขึ้นยืนโดยอัตโนมัติ ไม่ว่าเธอจะเป็นคนหรือผี เธอไม่ได้มาดีแน่
“วิ่ง!!”ผมรั้งแขนของครามที่ช็อคจนสติขาวโพลนไปหมดให้ลุกขึ้นยืน ขาบางไม่มีเรี่ยวแรงแต่ผมต้องหิ้วปีกเขาพุ่งไปที่ประตูห้องให้เร็วที่สุด ทว่าผมก็ช้าไป เพราะเสียเวลาไปกับการตกใจอยู่หลายวินาทีทำให้เธอกระโจนลงมาจากบันไดและยืนขวางทางออกจากห้องนั่งเล่นซึ่งนั่นเป็นทางออกเดียวไปสู่ประตูหน้า
“คุณเป็นใครครับ!!?”ผมตะโกนถามเพื่อประวิงเวลา ไม่คิดว่าเธอจะตอบกลับมาว่า สวัสดีค่ะ ดิฉันชื่อสมร ยินดีที่ได้รู้จักนะคะหรอก ขืนตอบมาจริงก็บ้าแล้วครับ
“นิทาน นิทาน ผู้หญิงคนนี้เป็นใครอ่ะ เข้ามาได้ยังไง ต้องการอะไร”ครามถามเสียงสั่น
“จะไปรู้มั้ยเล่า!!”เราสองคนถูกบีบให้ก้าวถอยหลังไปเรื่อยจนหลังจะติดกับประตูห้องนอนอยู่รอมร่อ อ๊ะประตูห้องนอน
ผมรู้ว่าการพาตัวเองเข้าไปในห้องปิดตายอย่างห้องนอนไม่ใช่ทางหนีที่ฉลาดนักแต่เมื่อเข้ามาด้านในผมก็จัดแจงล็อคประตู ส่งโทรศัพท์ไปให้ครามที่ยืนหน้าซีดตัวสั่นอยู่ข้างๆกัน
“โทรหาพวกอัทเร็ว”พวกมันออกไปซุปเปอร์แค่นี้ไม่กี่นาทีก็กลับมาถึงแล้ว ผมโยนมือถือให้ครามก่อนมองซ้ายมองขวาหาเก้าอี้มาขวางหน้าประตูเอาไว้
ขณะที่ยกเก้าอี้โต๊ะเครื่องแป้งสองหูก็ได้ยินเสียงดังตึง! ตึง! จากประตูห้อง
“ออกไป ออกไป ออกไป!! บอกให้ออกไปจากเขาซะ หายไป หายไป หายไป หายไป หายไป ตาย ตาย ตาย ตาย ตาย”น่ากลัวมาก แค่ฟังเสียงก็จะร้องแล้วอ่ะ ประตูห้องนอนถูกกระแทกอย่างแรก ลูกบิดก็สั่นกร่อกแกร่ก ผมเดาว่าผู้หญิงปริศนาคนนั้นน่าจะพยามงัดลูกบิดประตูให้หลุดเพราะมันน่าจะอ่อนแอกว่าตัวประตู
“โว๊ยยย ไม่ได้จะฝากซื้อน้ำจิ้มสุกกี้ จะตายห่าอยู่แล้วโว้ยยยย มีชะนี้ผีบ้าที่ไหนก็ไม่รู้ถือมีดบุกเข้ามาในห้อง!!!! ฮือออ เชี่ยยย น่ากลัว กลับมากันเร๊ววววววววๆ”ครามตะโกนใส่โทรศัพท์เสียงดัง ผมใจชื้นเพราะคิดว่าพวกอัทรับรู้เรื่องและกำลังจะมาผมจึงมุ่งมั่นยกเครื่องใช้ที่พอจะยกได้มาวางขวางประตูเอาไว้เพื่อถ่วงเวลาหากเธอพังเข้ามาได้จริงๆ
“พี่กาจน์!!! กลับมาด่วน แฟนพี่จะตายห่าอีกคนแล้ว มีผู้หญิงบ้าที่ไหนก็ไม่รู้ถือมีดบุกเข้ามาในห้อง!!!! กลับมาเคลียร์ด่วนๆ เห้ย ผู้หญิงข้างนอกนั่นน่ะ พี่กาจน์ถือสายอยู่ มีอะไรจะฝากบอกมั้ย!!!!!”ครามตะโกนสู้เสียงพังประตู
เจ้าหล่อนชะงักไปครู่ใหญ่จนผมเกือบดีใจเพราะคิดว่าเธอกลัวพี่กาจน์จึงหยุดมือ
“แกฟ้องเขาเหรอ แกฟ้องเขา แก!! ชั้นไม่ยกเขาให้แกเด็ดขาด ตาย!! ตาย!! ตายไปซะให้หมด ทุกคนที่มาแย่งเขาไปจากชั้นมันต้องตาย!! ฉันจะผลักแกให้ตกลงไปชั้นล่างเหมือนคราวนั้น แกตายแน่ ตาย ตาย ตาย!!”
“!!?”
“เอ๋...”
“อะ อะไรนะ”ผมหันไปสบตากับครามเพราะสงสัยว่าเมื่อกี้ตัวเองได้ยินอะไรผิดไปรึป่าว
“เอิญเหรอ ผู้หญิงคนนั้นคือเอิญเหรอ” เสียงจากโทรศัพท์ที่ครามเปิดสปีคโฟนทิ้งไว้ลนลานถาม ผมได้ยินเสียงเครื่องยต์รถแว่วๆด้วยเดาว่าพี่กาจน์คงเหยียบคันเร่งมิด
“ไม่ใช่ พี่กาจน์ใจเย็นๆนะ ตอนนี้ผมอยู่ในห้อง ยังปลอดภัยดี อย่าขับอันตราย ที่สำคัญเธอไม่ใช่เอิญแน่ๆครับ เธอดูแก่กว่าผมแถมยังหน้าไม่เหมือนกันอีก”ผมระล่ำระลักตอบ
“แต่เมื่อกี้ เธอบอกว่าผลักลงมา...มันหมายความว่ายังไงเหรอ?”
“นั่นน่ะสิผมก็อยากรู้อยู่เนี่ย พี่ช่วยกลับมาถามเขาเองนะ แค่นี้ ขอตัวไปหาอาวุธป้องกันตัวก่อน บาย”ครามดูโกรธจัด ผมคิดว่าถ้าเขาหาอาวุธเจอเขาจะไม่ใช้มันป้องกันตัวแต่จะใช้มันสู้กับคนร้าย...
----------------------------
ที่สงสัยกันว่าน้องครามมาดีหรือมาร้ายเฉลยแล้วนะ!
น้องแค่มาขอเศษความรักความเมตตาจากนิทาน
หายค้างคาใจกันแล้วใช่ม้าาา 5555+