ตอนพิเศษ
The darkest nights produce the brightest stars.
กาจน์ SIDE
ผมเจอนิทานครั้งแรกที่ร้านเสต็ก ครั้งแรกที่เห็นหน้าน้องผมตกใจมาก นิทานหน้าคล้ายเอิญ โดยเฉพาะตา ตาของนิทานสวยมากแต่มันมีเสน่ห์อะไรบางอย่างดึงดูดผมมากกว่าดวงตาของเอิญ เพราะสีตาเหรอ ตาของนิทานเป็นสีน้ำตาลแต่พอโดนแสงไฟในร้านมันก็อ่อนลงคล้ายสีน้ำผึ้ง หรือผมไม่ได้มองเด็กคนนี้เพราะตา แต่มองวิธีหั่นเสต็กของเขา? นิ้วของเด็กนี่เรียวสวยมาก มารยาทตอนหั่นเสต็กก็ดูเรียบร้อย ค่อยๆหันเป็นชิ้นเล็กๆ ผิดกับผมที่สวาปามคำโต
อา...ไม่รู้หรอกว่าผมติดใจอะไรเด็กคนนี้ แต่เขามีดวงตาเหมือนเอิญ เอิญที่ผมไม่กล้าสู้หน้า ตรงข้ามกับเด็กคนนี้ที่ผมสามารถมองได้เรื่อยๆ
ระหว่างกินเสต็กตรงข้ามกันผมก็ลอบมองเขาไปพลางคิดหาวิธีทำความรู้จักกัน
เจ้าตัวไม่รู้หรอกว่าผมแอบมอง คงตื่นเต้นที่ได้เจอพี่กิตต์คนดังล่ะสิ
เสียใจด้วยครับ นี่พี่กาจน์เอง แต่ผมไม่กล้าบอกเขา หลังจากนั้นผมก็ได้วิธีติดต่อนิทาน
ผมรู้ว่าเอิญกำลังจะพ้นโทษ และถ้าเอิญกลับมาครอบครัวของเราก็จะเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วน ผมต้องมองหน้าเอิญให้ติด โดยเริ่มจากการมองหน้านิทานก่อน
ถ้าเป็นเด็กคนนี้ผมสามารถมองได้ทั้งวัน
ตอนที่เจอกับกิตต์ในร้านขนมนิทานโกรธมาก ตอนผมไปง้อผมคิดว่าจะไม่ได้คุยกับนิทานอีกแล้ว แต่นิทานดันให้อภัยแถมยังถามกับผมว่า“งั้นพี่กาจน์อยากเป็นเพื่อนกับนิทานมั้ยครับ”ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอีก
ทั้งคำว่าเพื่อนทั้งน้ำเสียงที่ใช้พูดคำคำนั้นค่อยๆซึมซับลงในใจของผม
4ปีแล้วที่ผมออกจากกลุ่มพวกเจ ไม่ยอมกลับบ้านไปเจอแม่ ผมอยู่คนเดียวมาตลอดไม่ใช่เพราะไม่มีใครเข้าหาผม แต่ผมเป็นฝ่ายไล่พวกเขาออกไปจากโลกของผม โลกมืดๆที่มีแค่ตัวเองเดินหลงทางอยู่
ผมชวนนิทานไปดูผมเล่นบาส แต่เด็กคนนี้ไม่ได้ไปดูเฉยๆ น้องบังคับให้ผมไปกินสุกี้กับเพื่อน นั่นเป็นช่วงเวลาที่ดีจริงๆ หากอยู่คนเดียวผมคงไม่กล้าทำอะไรแบบนั้นโชคดีที่มีนิทานอยู่ด้วย
นิทานเป็นเด็กที่ใส่ใจคนรอบข้าง ใครอยู่ด้วยก็มีความสุข นั่นรวมถึงผม
ทั้งๆที่ไอ้กิตต์ฝากนิทานบังคับให้ผมกลับไปเจอหน้าแม่ แต่นิทานก็เข้าใจ น้องเสนอให้ผมทำขนมไปฝากแทนเพราะน้องรู้ว่าผมอยากแสดงออกว่าไม่ได้โกรธแม่แต่ผมยังไม่พร้อมคุยกับท่านตอนนี้ พวกเราทำเค้กด้วยกัน ตอนที่นิทานกำลังตีส่วนผสมผมก็แอบมองเขาตลอด ใบหน้าตอนตั้งอกตั้งใจทำอะไรสักอย่างของนิทาน ชอบจัง
ก่อนออกมาน้องฝากกุญแจห้องไว้ด้วย กะฆ่ากันให้ตายเลยใช่มั้ย ผมโคตรดีใจเลย
แต่พอเห็นจดหมายจากสถานพินิจผมก็เฟล แค่คิดถึงหน้าของเอิญก็ทำอะไรไม่ถูก ใจมันบีบแรงจนอึดอัด เอิญหน้าเหมือนนิทาน นั่นคือความจริงที่ทำให้ผมยิ่งกลัว
ผมกลัวว่าเจอหน้านิทานครั้งต่อไปผมจะคิดถึงเอิญ แล้วผมจะไม่มีความสุขอีกแล้วตอนมองหน้านิทาน
ผมไม่อยากกลัวนิทาน...
ด้วยความโง่นั้นเองทำให้ผมไม่กล้าไปหาน้องอีก ได้แต่นอนมองกุญแจหอที่น้องให้ กระทั่งนิทานเป็นฝ่ายมาหาผม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกือบทำผมสติแตก มีคนขังน้องไว้ในตึกอิฐ ผมกลัวจนแทบเป็นบ้า
ผมตัดสินใจบังคับนิทานมาอยู่ด้วย น้องก็ยอมเพื่อความสบายใจของผม แต่ผมดันนอนไม่หลับ เป็นห่วงคนที่นอนอยู่ห้องข้างๆจนเกิดบ้าลุกขึ้นมานั่งเฝ้าที่ห้องรับแขก ปกติผมก็นอนหลับบ้างไม่หลับบ้างแบบนี้แหละ ผมคิดว่าตัวผมจะเป็นยังไงก็ได้ขอแค่ไม่มีใครมาทำอะไรนิทานก็พอ แต่น้องดันยอมนอนกับผมแถมเล่านิทานก่อนนอนให้ฟังอีก
โคตรอายเลยเช้านั้น
อายุกี่ขวบแล้วก็ไม่รู้ หลับเพราะฟังนิทานก่อนนอนอ่ะ
หลังจากนั้นทุกคืนผมก็หลับสนิท ไม่รู้ว่าเพราะนิทานที่นิทานเล่าให้ฟังหรือเพราะตัวนิทานเองที่เล่านิทานให้ผมฟัง เออ งงป่ะ สรุปว่าเพราะนิทานผมเลยนอนหลับฝันดี ชีวิตช่วงนั้นผมแฮปปี้มาก ได้เจอน้องทุกวันแต่น้องดูเหม่อๆ มารู้ความจริงว่าน้องคิดมากเรื่องอะไรก็ตอนน้องไปร้องคาราโอเกะกับเพื่อนนี่แหละ
เลือกเพลงนี้เพราะคิดว่าผมยังรักพี่ฟ้าอยู่สินะ
ถึงจะเจ็บปวดตอนเล่าย้อนไปถึงวันนั้นแต่ก็ดีกว่าให้นิทานเข้าใจผิดแบบนี้ล่ะนะ ผมยอมยกความสบายใจของผมให้นิทาน น้องดูดีใจแต่ก็เป็นห่วงผมเลยร้องเพลงใหม่เป็นกำใจให้ผมด้วย น่ารักจนทนไม่ไหว งานนี้ต้องขอเป็นแฟนสถานเดียว
ดีใจว่ะ น้องยอมคบกับผมด้วย
อ้อ จริงสิ นึกถึงครามได้ เด็กนี่หน้าเหมือนพี่ชายมาก เจอกันครั้งแรกผมก็รู้เลยว่าลูกลิงที่เกาะแขนนิทานของผมอยู่คือเด็กที่ยืนร้องจ้าในงานศพของพี่ฟ้าเมื่อวันนั้น พวกเราแกล้งทำเป็นไม่รู้จักกัน เอาตรงๆคือไม่อยากทักกันสักเท่าไหร่ ทักก็ไม่รู้จะคุยอะไร ความทรงจำร่วมกันมีแต่เรื่องแย่ๆ ครามไม่ใช่เด็กไม่ดี มันแค่อยากรู้จักแฟนใหม่ของผมผมเลยปล่อยให้มันทำความรู้จักนิทานในขณะที่อยู่ในสายตาของผม
แต่ด้วยความประมาททำให้เกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นซ้ำสอง
นิทานกับครามเกือบตายเพราะผม ซึ่งผมไม่ใช่คนที่ช่วยทั้งคู่ไว้ ต้องกราบขอบคุณพี่ยามกับพวกอัท กราบขอโทษแม่ของไอ้ครามที่ทำให้ลูกชายเขาต้องมาเจออะไรบ้าๆแบบนี้ถึงสองคน และที่สำคัญอยากขอโทษนิทาน ทั้งๆที่คิดว่าเก็บน้องไว้ข้างตัวน้องจะปลอดภัยแต่ผมดันประมาท ผมคิดว่าอยู่ในคอนโดปลอดภัยไม่มีอะไรแถมน้องยังมีเพื่อนอยู่ด้วย
แต่นิทานไม่โกรธผมสักแอะ ตอนที่เกิดเดดแอร์ขึ้นระหว่างผมกับเอิญน้องยังช่วยให้พวกเราคืนดีกัน ผมดีใจที่เอิญไม่ใช่คนร้ายแต่ก็รู้สึกผิดที่ทำให้เอิญต้องเสียอิสรภาพไปตั้งหลายปี
แต่รูปสามพี่น้องที่นิทานบอกให้ถ่ายมันช่วยกะเทาะเปลือกในใจของพวกเรา ในภาพนั้นผม เอิญแล้วก็กิตต์ได้ยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกยินดีจากใจจริงๆ เอิญถึงกับร้องโฮหลังจากถ่ายภาพเสร็จ ไอ้กิตต์ดึงเอิญเข้าไปกอดแล้วก็ลากผมเข้าไปหา พวกเราสามพี่น้องกอดคอกัน แค่สั้นๆไม่กี่วิแต่งแม่งโคตรมีความหมายอ่ะ
ตอนที่ไปเยี่ยมพี่ฟ้ากันนิทานก็ช่วยพูดกับคุณแม่ของพี่ฟ้าให้ แถมแม่ของพี่ฟ้ายังเฉลยว่ารู้อยู่แล้วว่าผมแค่แกล้งเป็นแฟนกับพี่ฟ้า
วินาทีนั้นเหมือนอะไรหนักที่แบกมาทั้งหมดมันถูกปลดเปลื้องออกไป
โลกของผมที่พระอาทิตย์ตกดินจนกลายเป็นกลางคืนที่มืดสนิทมายาวนานค่อยสว่างๆขึ้น อาจจะฟังดูน้ำเน่าแต่แสงแรกที่ส่องเข้ามาก็คือนิทาน ทุกวันนี้ที่โลกของผมกลับมาสดใสมีทุ่งหญ้า ม้าโพนี่วิ่งเล่น สายรุ้งพาดผ่านได้ก็เพราะนิทานเหมือนกัน
ผมรักนิทานเพราะนิทานคือนิทาน
นิทานก็รักผมที่เป็นผมเหมือนกัน
โชคดีที่สุดในชีวิตของผมคือการที่พวกเราได้มาพบกัน
จบแล้วนะคะ
ใครคิดถึงพี่กาจน์กับนิทานให้แวะไปหาในเรื่องของสีครามได้ 555
#หนึ่งใจสีคราม
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65771.0