ตอนที่ ๖๖
“น้ำหยด” เสียงนุ่มทุ้มกรอกลงไปในโทรศัพท์มือถือ ที่มีระบบหมุดเลขหมายโดยการสั่งการด้วยเสียง แล้วฟังเสียงจากหูฟังบลูทูธ ก็ได้ยินแต่เสียงสัญญาณการเชื่อมต่อ แล้วตามมาด้วยเสียงของผู้หญิงคนเดิมอีกครั้ง
“นี่แป็นเสียงจากเครื่องรับฝากข้อความอัตโนมัติ กรุณาฝากข้อความไว้ หลังได้ยินเสียงสัญญาณ”
มือที่จับโทรศัพท์อยู่กดลงไปที่ปุ่มวางสาย ใบหน้าคมเข้มขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด
“อ้าว! เป็นอะไรไปล่ะ หน้านิ่วคิ้วขมวดเชียว นายต้น” อรัญถามขึ้นเมื่อหันไปเห็นใบหน้าของลูกชาย ที่นั่งอยู่บนโซฟาข้างโซฟายาวที่เขานั่งดูโทรทัศน์อยู่
“น้ำน่ะสิพ่อ ไม่ยอมรับโทรศัพท์” น้ำเสียงของต้นไม้แสดงออกว่าห่วงใยมากกว่าหงุดหงิด “ถึงบ้านรึยังไม่รู้”
“อะไรเหรอลูก” ผกาเดินออกมาจากในครัว พร้อมถาดที่วางแก้วน้ำส้มคั้น ๓ ใบ นั่งลงข้างๆอรัญที่โซฟายาว แล้วยกแก้วน้ำส้มจากถาดมาวางลงบนโต๊ะ ตรงหน้าคนทั้งสาม
“น้ำไม่รับโทรศัพท์น่ะแม่ ไม่รู้ถึงบ้านรึยัง”
“ทำอะไรอยู่มั๊งลูก”
ผกามองหน้าลูกชายด้วยความเอ็นดู ปนขบขัน ใบหน้ารูปไข่ดูสมบูรณ์มากขึ้น แววตาเริ่มมีประกายสดใส ผมซอยสั้นเป็นทรงรับกับใบหน้า ถึงร่างกายจะไม่ล่ำสันเหมือนแต่ก่อน แต่อีกไม่นานก็คงฟื้นตัวได้เหมือนเดิม
“ไม่แน่นะลูก น้ำเค้าอาจจะนอนหลับก็เลยไม่ได้รับโทรศัพท์” อรัญพูดกลั้วหัวเราะ “ปล่อยให้น้องเค้ามีเวลาส่วนตัวมั่งเถอะลูก พ่อเห็นน้องเค้ามาขลุกอยู่กับเราตลอดเวลา แทบจะไม่ได้ไปไหนเลย”
“แต่ผมเป็นห่วงนี่ครับพ่อ ไปตั้งไกลแล้วไปเจอใครบ้างก็ไม่รู้”
“โธ่ ... น้องเค้าก็ไปเจอเพื่อนๆเค้ามั่งสิ อยู่กับเรามาตั้งหลายเดือน ให้น้องเค้าได้สังสรรค์กับเพื่อนเค้าบ้างเถอะ” ผกาพูดพลางหันไปหัวเราะเบาๆกับอรัญ
“ยังไงผมก็เป็นห่วงอยู่ดี” ต้นไม้ทำท่าเหมือนไม่ยอมแพ้
“เอาน่า เชื่อพ่อกับแม่หน่อยนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้น้องเค้าก็มาแล้วนี่นา กินน้ำส้มที่แม่เค้าคั้นมาให้ซะก่อนเถอะลูก เดี๋ยวจะหายเย็น” อรัญพูดพลางเลื่อนแก้วน้ำส้มคั้นไปให้ลูกชาย แล้วยกแก้วน้ำส้มคั้นของตัวเองขึ้นดื่ม
นาฬิกาบนผนังบอกเวลาประมาณสามทุ่มครึ่ง น้ำหยดนั่งอยู่บนเก้าอี้นวม ยกขาพาดไว้กับที่วางขาเข้าชุดกับเก้าอี้นวมที่นั่งอยู่ ถึงเสียงโทรศัพท์จะดังขึ้นแล้วหยุดไปหลายรอบ ก็ไม่ทำให้คิดจะลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมารับสาย ความเจ็บปวดจากสัมผัสที่ได้รับจากหมู ยังคงรู้สึกได้อยู่ในหลายจุดของร่างกาย โดยเฉพาะต้นแขนที่เป็นรอยช้ำเป็นวงๆ และรอยแดงเป็นจ้ำๆ รวมทั้งร่องรอยที่ปรากฏคล้ายแนวฟันบริเวณลำคอและแผ่นอก แต่ที่ยังคงเจ็บปวดมากกว่านั้นคือความรู้สึกภายในใจ ความรู้สึกที่น้ำหยดเคยหวั่นกลัว ในช่วงเวลาที่มีความสัมพันธ์กับหมูในระยะแรก กลับเป็นจริงขึ้นมา น้ำหยดไม่คิดเลยว่าหมูจะทำแบบนี้ได้
หมูบอกว่าสิ่งที่หมูทำลงไปนั้น เป็นเพราะ ... รัก
แต่ความรู้สึกที่ฝังใจเพราะการกระทำคล้ายๆกันนี้ น้ำหยดเคยถูกกระทำเพราะความเกลียด มันจึงเป็นความหวาดกลัวที่ฝังอยู่ในใจมานับตั้งแต่วันนั้น
........................................................
...........................
“คุณน้ำมาแล้วเหรอคะ ดีเลยค่ะ คุณต้นไม่ยอมทานข้าวเช้า บอกว่าจะรอคุณ” สาวใช้ปรี่เข้าไปหาทันทีที่น้ำหยดก้าวเท้าเข้ามาภายในตัวบ้าน
“อ้าว นี่มันจะเก้าโมงแล้วนี่ แล้วพี่ต้นอยู่ที่ไหนเหรอครับพี่พุด”
“นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ระเบียงแน่ะค่ะ เดี๋ยวพี่รีบไปตั้งโต๊ะให้คุณต้นเลย คุณน้ำจะทานด้วยรึเปล่าคะ”
“ได้ครับพี่ แต่ของผมไม่ต้องมากนะครับ แล้วผมว่าพี่ยกไปที่ระเบียงเลยก็ดีนะครับ พี่ต้นจะได้ไม่ต้องเดินมาก” พุดได้ฟังแล้วก็ต้องอมยิ้ม คุณต้นของเธอแข็งแรงพอจะเดินไปมาภายในตัวบ้านได้แล้ว แต่ดูน้ำหยดก็ยังห่วงใย เหมือนเมื่อตอนที่คุณต้นของเธอยังไม่ค่อยแข็งแรงอยู่ดี
น้ำหยดรีบเดินไปยังประตูที่จะเปิดไปยังระเบียง ที่ยื่นออกไปในบึงใหญ่ด้านข้างของตัวบ้าน มองเห็นต้นไม้นั่งอยู่บนเก้าอี้ของชุดโต๊ะไม้ หันหลังมาทางประตู จึงเปิดบานประตูเลื่อน แล้วเดินอ้อมไปนั่งตรงข้ามกับต้นไม้
“พี่พุดบอกว่าพี่ต้นไม่ยอมทานข้าวเช้า” น้ำหยดพูดยิ้มๆ
“พี่รอน้ำ”
“วันหลังพี่อย่าทำอย่างนี้เลยนะครับ นี่ถ้าน้ำไม่มา พี่ไม่หิวแย่เหรอครับ” น้ำหยดพูดด้วยความเป็นห่วง
“แต่พี่รู้ว่าน้ำต้องมา พี่ถึงรอไง” ต้นไม้พูดยิ้มๆ “แล้วเมื่อวานน้ำถึงบ้านกี่โมง รู้มั๊ยว่าพี่โทรฯหาตั้งหลายครั้ง ทำไมไม่รับสายล่ะครับ”
“น้ำ...” น้ำหยดก้มหน้านิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะพูดออกมาเบาๆ “น้ำคิดอะไรเพลินไปน่ะครับ พอรู้ตัวก็ดึกมากแล้ว วันนี้น้ำเลยตื่นสายไปหน่อย”
ต้นไม้ได้ฟังก็ต้องขมวดคิ้ว นึกสงสัยว่าการกลับไปที่มหาวิทยาลัยครั้งนี้ของน้ำหยด ไปพบเจอเรื่องอะไรมา ขนาดต้องเก็บมาคิด จนไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ที่เขาโทรฯหา แล้วยังอาการไม่ยอมสบตาเขาในตอนนี้ ทำให้ต้นไม่รู้ว่ามีสิ่งผิดปรกติเกิดขึ้นกับน้ำหยดแน่ๆ พอคิดได้แบบนั้น ก็ลุกจากเก้าอี้เดินไปที่เก้าอี้ยาวตัวเดียวกับน้ำหยด แล้วนั่งลงข้างๆ เอื้อมมือไปจับมือน้ำหยดขึ้นมาบีบเบาๆ
“พี่ไม่รู้หรอกนะว่าน้ำไปเจออะไรมาบ้างเมื่อวานนี้ แต่พี่อยากให้รู้ว่าทั้งพี่ แล้วก็พ่อกับแม่ของพี่ เป็นห่วงน้ำหยดมากนะครับ”
น้ำหยดยังคงก้มหน้านิ่ง แล้วต้นไม้ก็เห็นหยดน้ำร่วงจากดวงตาของน้ำหยด หยดลงไปบนโต๊ะ
“น้ำ...เป็นอะไรครับ” ต้นไม้เรียกด้วยความตกใจ เอื้อมมือไปเชยคางน้ำหยดขึ้นมา
ดวงตาของน้ำหยดเศร้าสลด หยาดน้ำตาไหลริน ริมฝีปากเม้มแน่น ต้นไม้ค่อยๆดึงตัวน้ำหยดเข้ามากอดไว้เบาๆ ริมฝีปากจูบลงไปบนเปลือกตา ค่อยๆเช็ดหยาดน้ำตาที่เค็มปร่านั้นด้วยริมฝีปาก ภาพนั้น ทำให้พุดที่กำลังเดินมาพร้อมกับถาดที่มีถ้วยบรรจุโจ๊กร้อนๆ ๒ ถ้วย ต้องหยุดยืนมองด้วยความฉงน
“คุณน้ำหยดเป็นอะไร หรือว่าคุณต้นรังแกอะไรคุณน้ำ” พุดพึมพำ พลางจ้องมองดูคนทั้งสองด้วยความห่วงใย