ไดอารี่พิเศษ : สมปองบุกลำปาง
[/b]
วันนี้เป็นวันที่จะได้ไปบ้านพี่สยามครั้งแรก
ตื่นเต้นสุดๆ ไปเลย
ไม่รู้ว่าครอบครัวของพี่สยามจะต้อนรับผมไหม หวั่นใจมากกลัวพวกเขาไม่ชอบ ไม่คิดแผนสำรองไว้ด้วยนะว่าถ้าเขาไม่ชอบผมขึ้นมาจริงๆ แล้วจะทำยังไงต่อ มันเป็นความกังวลใจที่สะสมมาหลายอาทิตย์แล้วด้วยนะ พี่สยามไม่รู้รื่องนี้เพราะว่าผมไม่ได้บอก แต่เอาจริงๆ ก็มีแสดงออกไปให้เห็นบ้างแหละ
เป็นสมปองนี่น่าสงสารจริงๆ
ไม่รู้ว่าการไปลำปางครั้งนี้จะเป็นยังไงแต่สิ่งที่ทำได้ก็น่าจะเป็นการทำตัวคิ้วท์ๆ เพื่อให้ครอบครัวฝั่งนั้นรักและเอ็นดูให้ได้ ผมคิดว่าตัวเองคงทำได้....ไหมวะ เอาเป็นว่าถ้าทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่ผมคิด ไว้ถึงตอนนั้นก็ค่อยคิดแล้วกัน ถ้าพ่อได้มีโอกาสอ่านไดอารี่เล่มนี้อีกครั้ง ผมก็อยากให้พ่อเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะ แต่ถึงเวลาที่พ่อได้อ่าน เหตุการณ์นี้มันคงผ่านไปแล้ว ไม่เป็นไร ผมจะคิดว่าพ่อให้กำลังใจผมอยู่เสมอแล้วกันนะครับ
ขอให้การเข้าบ้านพี่สยามครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดีเถอะนะ
เพี้ยงงงง
5/9/20XX : สมปอง
“พี่สยาม”
“หืม....”
“มึงว่าพ่อแม่มึงจะชอบกูไหม”
“ชอบแหละ”
“แล้วถ้าเขาไม่ชอบอะ”
“กูว่าน่าจะชอบนะ”
“แล้วถ้า....เขาไม่ชอบอะ”
“กูก็หาเมียใหม่”
ทำไมมึงเป็นคนแบบนี้วะ
ผมเบะปากใส่มันจนสุดก่อนจะหันหน้าหนีไปมองข้างทางแทน ใช่ซี้ อยู่ด้วยกันมาเกือบปีความรักมันก็เริ่มจืดจางแล้วนี่ วางแผนจะหาเมียใหม่อยู่ตลอดเวลาเลยสิท่า อย่าคิดว่ากูไม่รู้นะพี่สยาม เดี๋ยวผมจะโทรไปฟ้องพ่อว่ามันจะหาเมียใหม่ แล้วพ่อก็จะเอาปืนมาไล่ยิงมัน ถ้ามันตายตรงหน้าผมก็จะปล่อยให้มันตายไปเลยแถมยังจะแลบลิ้นใส่แบร่บ ๆ ๆ ๆ ๆ แบบนี้ด้วย
หึ้ยย...ย...มึงโดนแน่ไอ้หมีควาย
ตอนนี้เกือบบ่าย 2 แล้วครับ ผมกับพี่สยามกำลังเดินทางไปที่จังหวัดลำปางซึ่งเป็นบ้านเกิดของไอ้คนที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมนี่ ตอนนี้อยู่ในช่วงปิดเทอมใหญ่ หลายวันก่อนหน้านี้เราอยู่กันที่เชียงใหม่ เอาไดอารี่ไปให้พ่ออ่านมาและก็ได้รู้ว่าการที่พ่อให้เขียนไดอารี่นี่มันคือการแกล้งผมเล่น ไม่มีการจะให้ย้ายไปเรียนใดใดทั้งสิ้น พ่อผมคือเก่งสุดแล้วในการแกล้งอะ แกล้งลูกได้ทั้งปีแล้วเนียนกริบด้วยนะ
ถ้ามีรางวัลโนเบลสาขาแกล้งยอดเยี่ยมก็ยกให้พ่อผมไปเลยครับ
ปรบมือ
แปะๆ ๆ ๆ ๆ
ช่วงที่อยู่เชียงใหม่ผมก็คิดมากเรื่องครอบครัวพี่สยามอยู่เอาการเลยนะ กลัวว่าบ้านฝั่งนั้นจะไม่ชอบ เคยพูดกับตัวเองไว้นั่นแหละว่าขนาดทำให้พี่สยามหลง ผมยังทำได้ กับพ่อแม่มันผมก็น่าจะทำได้เหมือนกัน แต่แบบ.....นั่นมันก็แค่ความคิดไง ความจริงมันอาจจะโหดร้ายกว่านั้นก็ได้ ผมคิดไม่ออกเลยอะว่าถ้าพ่อแม่มันไม่ชอบผมจริงๆ ผมควรทำยังไง หน้าด้านหน้าทนคบกับลูกชายเขาต่อไปหรือว่าต้องปล่อยให้เรื่องของเรามันจบ
เจ็บเจียนตายเลยนะแบบนั้นน่ะ
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ”
“ก็มึงอะ”
“กูยังไม่ได้ทำอะไรเลย”
“มึงบอกว่าจะหาเมียใหม่ถ้าพ่อกับแม่มึงไม่ชอบกู”
“กูล้อเล่นเถอะ” มือเรียวเลื่อนมาดึงแก้มผม “มึงคิดมากเกินไปแล้วนะที่รัก”
“มันก็ต้องคิดสิวะ นี่มันเรื่องของเราอะ”
“กูเข้าใจนะแต่ว่ามันยังไม่ทันมีอะไรเกิดขึ้นเลย เนี่ยะ มึงตอนนี้เหมือนมึงตอนที่จะเอาไดอารี่ไปให้พ่ออ่านเป๊ะ กังวลไปซะทุกอย่าง พอเอาให้เขาอ่านแล้วยังไงต่อ ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เคสของพ่อแม่กูก็เหมือนกัน ขอบอกเลยนะปองว่าพ่อกูใจดีกว่าพ่อมึงประมาณสามแสนเจ็ดเท่าได้อะ”
“สามแสนเจ็ดเท่าเลยเหรอ เยอะจัง”
“เออ อีกอย่างนะ....ถ้าสมมุติว่าที่บ้านกูเขาไม่ชอบมึง แต่ยังไงกูก็รักมึงอยู่ดีอะ”
“แต่มึงรู้ใช่ไหมว่าเรื่องของความสัมพันธ์ แค่ความรักมันไม่พอ”
“รู้ แต่จะทำไมอะ กูไม่สนใจเรื่องอื่นหรอก ถ้าเขาไม่โอเคที่เราคบกัน กูจะเผาสวนมะม่วงประชดให้หมดเลย”
“เดี๋ยวววว ไม่ได้” ทำไมมึงโหดจังเลยอะ น้องมะม่วงไม่ได้รู้เห็นด้วยเลยนะ อย่าไปเผาน้อง
ผมขโมยมือพี่สยามมาข้างนึงก่อนจะยกมาแนบแก้มของตัวเองเอาไว้ ใจผมอยากจะนั่งกอดมันมากกว่าแต่ทำแบบนั้นไม่ได้ไง หมีควายขับรถอยู่ ถ้าผมดื้อจะกอดมันก็คือรถต้องคว่ำแน่ๆ สิ่งที่มันพูดเมื่อกี๊ทำให้ผมสบายใจขึ้นนิดหน่อย แต่ก็แค่นิดหน่อยจริงๆ อะ ยังไงซะผมก็กลัวว่าสิ่งที่ตัวเองคิดมันจะเป็นไปตามนั้นจริงๆ เลย ถ้าครอบครัวมันชอบผมก็นับว่าดี แต่ถ้าไม่ก็ต้องมาคิดหาทางออกอีกทีว่าจะเอายังไงต่อไป
ทางไหนก็ได้ที่ไม่ใช่การเลิกกัน
ฮืออ.อ.อ....ผมรักมันอะ ผมไม่เลิกหรอก
ถ้าสมมุติว่าพ่อแม่พี่สยามไม่ชอบผม แล้วอยากให้เราเลิกกัน มันจะเผาสวนมะม่วงประชดจริงๆ เหรอวะ ถ้ามันจะทำแบบนั้น งั้นเราต้องวางแผนจิ๊กมะม่วงออกมาให้ได้มากที่สุดก่อนแล้วค่อยเผา พี่สยามขิงกับผมไว้ว่ามะม่วงน้ำดอกไม้ของสวนมันอร่อยมาก ถ้าผมได้กินแล้วก็จะตัวลอยไปจนถึงดาวอังคารเลย เว่อร์อะ บอกเด็กอนุบาลยังรู้เลยว่ามันโม้
ที่น่าขำคือตอนแรกผมเชื่อด้วย
มีการคิดในใจอย่างจริงจังด้วยว่าถ้ากินมะม่วงแล้วไปดาววอังคารได้ โลกเราจะมียานอวกาศไปทำไม องค์การนาซ่าเนี่ยะจะมีเพื่ออะไร คือคิดจริงจังจนพี่สยามบอกว่ามันแค่เปรียบเปรย ผมถึงได้อ๋ออออ.....มึงหลอกกู แล้วผมก็ทุบๆ ๆ ๆ มันไป ไอ้บ้านั่นก็หัวเราะใหญ่เลยที่ปั่นประสาทผมได้ ไม่เข้าใจเลยอะ เวลาสมปองโดนแกล้งคือมันขำมากเลยเหรอ ถ้าเป็นผมนะ.....ก็น่าจะขำแหละ
ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ
“ขำอะไรของมึง อารมณ์ดีขึ้นแล้วรึไง”
“ก็นิดหน่อย” ผมเหลือบมองร่างสูง “พี่สยาม”
“หืม....”
“เราจะผ่านเรื่องนี้ไปได้เหมือนกับทุกๆ ครั้งไหม”
“แน่นอนสิ” พี่สยามยกมือผมขึ้นไปจุ๊บเบาๆ “ทุกอย่างมันจะดีเองแหละ เชื่อกู”
“....ห้ามทิ้งกูนะ”
“ใครจะทิ้งเด็กน่ารักอย่างสมปองลงน้า” พี่สยามยื่นหน้าเข้ามาจุ๊บหัวผมในจังหวะที่รถกำลังติดไฟแดง “ใครทิ้งมึงไปก็โง่แล้ว”
“ใช่ ถ้าไม่อยากเป็นคนโง่ก็ห้ามทิ้งกู” ผมบอกก่อนจะหอมแก้มมันฟอดใหญ่ รู้สึกใจชื้นขึ้นมาหน่อย เอาวะ เป็นไงเป็นกัน พี่สยามยังผ่านด่านบ้านผมมาได้ ผมก็ต้องผ่านด่านบ้านมันไปได้เหมือนกัน
ไม่มีอะไรที่สมปองคนคิ้วท์ทำไม่ได้หรอก
คิดว่างั้นนะ
***
“ลงมาเร็วปอง”
“งื้อออ.อ.อ....ขอกูทำใจก่อน”
“มึงทำใจมาจะครึ่งชั่วโมงแล้วนะ พ่อแม่กูงงแย่แล้วมั้งว่าทำไมมาถึงตั้งนานแล้วยังไม่ลงไปหาสักที”
“แป๊ปนะ” ผมสูดหายใจเข้าเต็มปอดก่อนจะผ่อนมันออกมาช้าๆ “เอาล่ะ กูพร้อมแล้วพี่สยาม”
“งั้นก็ไปกัน” ร่างสูงเดินนำลงไป ผมก็ลากสังขารของสมปองตามลงมา เอาน่ะ มาถึงหน้าบ้านมันละ จะยอมแพ้ถอดใจไปตอนนี้ก็ไม่ใช่เรื่องป้ะวะ
สู้ๆ นะคนคิ้วท์
นายทำได้อยู่แล้วแหละ
ผมหยิบกระเป๋าก่อนจะเดินตามพี่สยามเข้ามา บ้านที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าสวยมาก เป็นบ้านทรงไทยที่ใหญ่มากเลยด้วย หน้าบ้านตรงบันไดทางขึ้นเขียนเอาไว้ว่า ‘พนารัตนะ’ ซึ่งเป็นนามสกุลของพี่สยามครับ ผมไม่คิดเลยว่าบ้านมันจะเป็นบ้านทรงไทย มันไม่เคยเล่าให้ผมฟังเลยอะ ผมเคยคิดอยากอยู่บ้านแบบนี้ด้วยนะ ไปเล่าให้พ่อฟังเขาก็บอกว่าปกติบ้านทรงไทยจะราคาสูงมาก
ไม่อยากคิดเลยว่าหลังตรงหน้านี้ราคาเท่าไหร่
แฟนผมนี่ลูกเศรษฐีป้ะวะ
“บ้านมึงนี่....กี่บาทอะ”
“ไม่รู้ว่ะ มันตั้งแต่สมัยไหนแล้วก็ไม่รู้อะ กูเองก็อยู่ที่บ้านนี้ตั้งแต่เกิด ไม่เคยถามแม่เหมือนกันว่ากี่บาท แต่ไว้เดี๋ยวจะถามให้”
“ไม่ต้อง ช่างเถอะ แล้วนี่กูต้องไหว้อะไรก่อนรึเปล่า แบบ....ต้องบอกกล่าวอะไรไหม”
“ไหว้แค่พ่อกับแม่กูบนบ้านก็พอ” พี่สยามบอกก่อนจะลากผมขึ้นมาบนบ้าน “ป้อครับ แม่ครับ ลูกปิ๊กบ้านแล้วเน้อ”
เห้ยยยย ตะโกนเสียงดังขนาดนี้เลยก็ได้เหรอ
เกินไปอะ
“สยาม” เสียงหวานเอ่ยรับก่อนจะเดินออกมาจากห้องๆ นึง ผู้หญิงตรงหน้าน่าจะเป็นแม่พี่สยามครับ ท่านดูเหมือนกับนางพญาเลยว่ะ อายุน่าจะไล่ๆ กับแม่ของผม
“คิดถึงจังเลยครับ” ร่างสูงเดินเข้าไปสวมกอด
“ไม่ได้เจอลูกตั้งนาน แล้วนั่นใครน่ะ” แม่พี่สยามมองมาทางผมพลางเอ่ยถาม
ผมยกมือไหว้ก่อนจะยิ้มแฉ่งให้ “สวัสดีครับ ผมชื่อสมปอง เป็น....เป็นแฟนพี่สยามครับ”
“แฟนของสยาม” ดวงตาสวยมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าก่อนจะยกยิ้มที่มุมปาก อา....คุณแม่ครับ สายตาแบบนี้ทำให้น้องปองอกสั่นขวัญแขวนยังไงก็ไม่รู้
ฮืออ.อ.อ...อย่ามองป๋มด้วยสายตาแบบนั้น
ผมยิ้มให้ท่านอยู่อย่างนั้น ไม่กล้าทำหน้าอื่นเลยครับ ยอมรับเลยว่าตอนนี้ใจสั่นมาก ผมจะอธิบายความรู้สึกที่กำลังเจออยู่ตอนนี้ยังไงดีอะ สายตาแม่พี่สยามทำเหมือนไม่ชอบผมเลย จะว่าเพราะผมเป็นผู้ชายก็ไม่น่าใช่ป้ะ เพราะพี่แซนด์ก็เป็นผู้ชาย จะบอกว่าพี่สยามไม่เคยพาพี่แซนด์มาแนะนำกับพ่อแม่ก็ไม่ใช่อีกอะ เจ้าตัวเล่าให้ผมฟังว่ามันเคยพาพี่แซนด์มาเปิดตัวกับที่บ้านแล้วครอบครัวก็ไม่มีปัญหาอะไร
แต่ปัญหามันน่าจะมาอยู่ที่รอบผมเนี่ยแหละ
“แล้วพ่อล่ะครับ” พี่สยามเอ่ยถาม
“อยู่ที่สวนหย่อมน่ะ ว่าแล้วลูกก็ตามเขามาหน่อยไป”
“ได้ครับ” ร่างสูงยิ้มรับก่อนจะหันมองผม “เดี๋ยวกูมานะ” สิ้นเสียงพูด พี่สยามก็เดินออกไปเหลือเพียงแค่ผมกับแม่ของมันเท่านั้นที่อยู่ตรงนี้
อื้อออ.อ....อดทนไว้นะปอง
“คบกับลูกชายของฉัน เธอได้หวังอะไรจากเขารึเปล่า”
“....หมายถึงอะไรเหรอครับ”
“เงินทอง” ท่านปรายตามองผมก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัวยาว “ทุกๆ อย่างที่จะทำให้เธอสบายขึ้น”
ผมดูเหมือนคนประเภทนั้นมากเลยสินะ แม่มันถึงได้พูดแบบบนี้
“ไม่ครับ ผมไม่ได้ต้องการอะไรทั้งนั้น”
“ถ้าฉันให้เธอเลิกกับสยาม” คนตรงหน้ายกยิ้ม “เธอจะเอาเท่าไหร่”
“ 10 ล้านครับ”
“นี่เธอ....”
“คุณน้าอยากได้ยินแบบนั้นใช่ไหมครับ” ผมยิ้มบางๆ ก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าท่าน “ผมไม่ได้อยากได้เงินของพี่สยามแม้แต่แดงเดียว ผมไม่ได้ต้องการอะไรจากมันทั้งนั้น ผมไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินจนต้องมาเกาะลูกชายของคุณน้า ในทางกลับกันคือถ้าให้ผมเป็นฝ่ายเลี้ยงพี่สยามไปทั้งชีวิต ผมก็ทำได้”
เพราะบ้านผมรวยมาก
ถึงตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นของพ่อก็เถอะ แต่ถ้าในอนาคตผมทำงาน ผมก็ต้องมีเงิน เอาจริงๆ แค่ทรัพย์สินที่ติดตัวผมมาตั้งแต่เกิดมันก็ไม่ได้น้อยหรอก ไม่ได้อยากจะขิงแต่ขอหน่อยเถอะ บ้านผมถือว่ารวยเป็นอันดับต้นๆ ของจังหวัด ผมไม่ได้เล่าให้ใครฟังเพราะคิดว่ามันก็ไม่ได้สำคัญอะไรนักเรื่องที่บ้านมีเงิน อีกอย่างคือถึงจะมีเงินเยอะแต่ผมก็ใช้เงินตามพอดีนะ ไม่ได้ฟุ้งเฟ้อหรือฟุ้มเฟือยเลยด้วย
ฟุ้มเฟือยก็เสียให้ของกินแหละวะ
เรื่องเลี้ยงพี่สยามได้ทั้งชีวิตนี่ผมก็พูดจริงๆ นะ คิดถึงในอนาคตวันที่เราเรียนจบ ทำงานแล้วมีเงินสิ ถึงตอนนั้นเราอาจจะอยากทำธุรกิจเล็กๆ ด้วยกัน แล้วลงเงินทุนด้วยกันสักก้อน ประคับประคองมันไปด้วยกัน เรื่องแบบนั้นมันทำได้อยู่แล้ว เนี่ยะ แม่พี่สยามคือสุดยอดจริงๆ แค่ประโยคเดียวที่พูดออกมาก็ทำให้ผมวางแผนเผื่ออนาคตได้มากถึงขนาดนี้
ดูซะก่อนว่าจริงจังกับลูกชายเขาแค่ไหน
“ถ้าแบบนั้น....เธอต้องการอะไร”
“ต้องการลูกชายคุณน้าครับ ผมรักพี่สยามมาก มันไม่มีอะไรไปมากกว่านี้เลยเพราะงั้นยกเขาให้ผมนะครับ ผมจะดูแลเขาเอง”“ฉันจะยกให้เธอได้ยังไงในเมื่อ....” ท่านยิ้มหวานให้ผม “เธอยังเรียกฉันว่าคุณน้าอยู่เลย”
“.....หมายความว่า”
“เรียกแม่สิลูก”
ผมยกมือกุมหน้าอกตัวเองทันที “อย่าบอกนะครับว่า.....แกล้งผมน่ะ”
“ก็สยามบอกแม่ว่าแกล้งได้ แม่ก็เลย....”
พี่สยามมมมมมมมมมม!!!!
ไอ้เวรตะไล
ผมฉีกยิ้มให้แม่พี่สยามก่อนจะนึกเคียดแค้นลูกชายเขาอยู่ในใจ มันใช่เรื่องที่บอกให้แม่มึงมาแกล้งกูไหมเนี่ยะห้ะ เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวมึงเจอกูแน่ แหม่ ร้ายนัก ผมว่าเรื่องนี้มันต้องรู้เห็นเป็นใจด้วยแน่ๆ ถึงว่า....ไปตามพ่อนานเหลือเกิน เดี๋ยวผมจะทำเป็นงอนมัน แล้วก็จะไม่หายงอนง่ายๆ ด้วย ต่อให้เอาของกินมาง้อ สมปองคนนี้ก็จะไม่ยอมหายงอน
ยังไงก็จะไม่หาย
“นี่น่ะเหรอ แฟนลูกที่ว่า” เสียงเข้มดังมาจากด้านหลัง ผมหันไปมองก็พบผู้ชายร่างสูงใหญ่ ท่านคงเป็นพ่อของพี่สยามสินะ ตัวพอๆ กันเลยนะเนี่ย
ผมยกมือไหว้ก่อนจะยิ้มให้ “สวัสดีครับ”
“ไหว้พระเถอะลูก” พ่อพี่สยามเอ่ยก่อนจะเดินเข้าไปนั่งที่เก้าอี้ ท่านดูใจดีเหมือนที่เจ้าหมีควายบอกจริงๆ ด้วย จากการที่ท่านรับไหว้ผมแบบนั้นก็คงหมายความว่าเรื่องทุกอย่างมันน่าจะผ่านไปได้ด้วยดีสินะ
รู้สึกโล่งใจจัง
“พี่สยาม” ผมหันไปจ้องร่างสูงที่นั่งลงข้างๆ ก่อนจะหยิกขามัน
“เจ็บนะ หยิกกูทำไมเนี่ยะ” เจ้าตัวบีบแก้มผมคืน โอ๊ยยยย ยังไม่รู้ตัวอีกว่าทำอะไรไว้ เดี๋ยวคืนนี้ผมจะไล่ตัวเองมานอนข้างนอก มันจะได้นอนกอดผมไม่ได้แล้วพอเป็นแบบนั้นมันก็จะทรมานใจจนตาย
อยากเป็นฝ่ายไล่มันออกมานอนข้างนอกอยู่หรอกแต่ติดอยู่ว่านี่บ้านมัน
“เราสองคนไปรักกันได้ยังไงหืม.....”
“เอาจริงๆ พี่สยามล่อลวงผมครับ”
“ใช่ครับแม่ ผมเป็นคนล่อลวงน้องเอง แล้วน้องก็ติดกับจนได้มาเป็นลูกสะใภ้แม่นี่แหละครับ” ร่างสูงหันมายิ้มหวานให้ผม มันน่าหมั่นไส้นัก
“เอาจริงๆ ผมเป็นลูกเขยครับ ไม่ใช่ลูกสะใภ้”
พี่สยามเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ผม “มันจะใช่เหรอครับ”
“อย่าแกล้งน้องสิสยาม” เสียงของพ่อพี่สยามเอ็ดขึ้นมา “ชื่อสมปองสินะ เป็นลูกเต้าเหล่าใครล่ะ”
“พ่อกับแม่ผมเป็นเจ้าของไร่องุ่นที่เชียงใหม่น่ะครับ ชื่อว่าไร่อนันต์ ไม่รู้ว่าคุณพ่อคุณแม่เคยได้ยินชื่อบ้างรึเปล่า”
“ลูกชายคุณอนันต์เองเหรอเนี่ย” แม่พี่สยามมองผมตาโต “นึกว่าคนอื่นคนไกลกัน”
“รู้จักพ่อด้วยเหรอครับ”
พ่อพี่สยามพยักหน้ารับ “รู้จักเพราะไวน์ของที่นั่นขึ้นชื่อน่ะ พ่อชอบไวน์ของคุณอนันต์มากเลยนะ ที่บ้านนี่ก็มีเหมือนกัน”
“ขอบคุณนะครับที่ชอบไวน์ของพ่อ ไว้เดี๋ยวผมจะบอกเขาเอง” ผมยิ้มหวานให้พวกท่าน ทุกอย่างมันเป็นเรื่องบังเอิญที่ดีมากจริงๆ แบบนี้ก็สบายใจหายห่วงแล้วนะปอง ดูทรงแล้วน่าจะได้คบกับลูกชายบ้านนี้ยาวแล้วล่ะ
“ฝากชื่นชมเขาด้วยละกันนะ เดี๋ยวไปกินข้าวกันเนอะ แม่ให้คนเตรียมสำรับไว้ให้แล้วล่ะ” แม่พี่สยามเดินเข้ามาประคองผมให้ลุกขึ้น “เรามีเรื่องต้องคุยกันเยอะเลยนะลูก”
“ได้เลยครับ”
“เอวแฟนลูก ลูกต้องโอบได้คนเดียวสิครับ” เสียงงอแงดังออกมาจากปากพี่สยาม ซึ่งแม่มันก็ไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้นแถมยังรีบพาผมเดินหนีอีก
หึ....สมน้ำหน้า
เดี๋ยวเรื่องของผมกับมันค่อยเคลียร์กันทีหลัง ตอนนี้ความกังวลใจทั้งหมดของผมมันได้หายไปหมดแล้ว ดีจังที่ครอบครัวพี่สยามไม่ได้กีดกันความรักของเรา ยอมรับนะครับว่าตอนแรกก็ใจเสียอยู่ที่แม่พี่มันพูดออกมาแบบนั้น นี่ดีนะที่ท่านแค่อยากแกล้งผมเท่านั้นน่ะ จากนี้เจ้าสมปองคนคิ้วท์ก็จะต้องทำตัวน่ารักน่าเอ็นดูเพื่อให้ครอบครัวฝั่งนี้หลงให้ได้ แล้วพอเขาหลงผมแล้วเนี่ยะ มะม่วงทั้งสวนมันก็จะเป็นของผม
จะกินให้หมดเลยคอยดู
ฮ่าๆ ๆ ๆ ๆ ๆ
“หัวเราะอะไรเหรอลูก”
เอ่อ....
“ไม่มีอะไรครับ”
***
ตอนนี้เป็นเวลาเกือบ 5 ทุ่มแล้วครับ
ผมกับพี่สยามกำลังเล่นสงครามประสาทอยู่
ร่างสูงนั่งจ้องผมไม่ละสายตา ตัวผมเองก็ไม่ต่างกัน จ้องกันมาสักพักโดยไม่มีใครพูดอะไรออกมาสักคำ คือถ้าเป็นปลากัดก็ก่อหวอดแล้วรอผสมพันธุ์พร้อมกับวางไข่ได้เลย โอเค มันอาจจะเป็นการเปรียบเปรยแปลกๆ แต่มันเป็นแบบนั้นจริงๆ นะ ผมไม่รู้เลยว่าต้องนั่งจ้องตากับพี่สยามไปอีกนานแค่ไหน แต่ถ้าให้จ้องทั้งคืนก็คงไม่ไหวนะเพราะตอนนี้หนังท้องอิ่ม หนังตาก็จะตึงมาก
เหตุผลจริงๆ คือง่วงนอนแล้ว
“หลังจากกลับมาจากสวน พ่อกูพูดอะไรกับมึง”
ผมยื่นหน้าเข้าไปใกล้ “ไม่บอก”
“ปอง”
“ทีพ่อกูพูดอะไรกับมึง มึงยังไม่บอกกูเลย ถึงทีกูมั่ง” ผมยักคิ้วให้มันเหมือนเหนือกว่า เอาสิ มันไม่ยอมบอกผมก่อน เรื่องอะไรที่ผมจะต้องบอกมัน
สมปองจะไม่ยอมเสียเปรียบ
“เดี๋ยวมึงจะโดนนะ”
“มึงนั่นแหละที่จะโดน” ผมหยิบหมอนมาตีพี่สยาม “บอกแม่ไว้ใช่ไหมว่าให้แกล้งกูน่ะหืม....” ว่าแล้วผมก็ฟาดมันไปอีกที
“กูยังไม่ทันบอกอะไรเลย” มันทำหน้าชี้โบ๊ชี้เบ๊ น้ำหน้าอย่างนี้กูคงเชื่อหรอก แค่สายตามึงก็ส่อแววพิรุธอยู่เห็นๆ
“มึงไม่ต้อง แม่มึงเป็นคนบอกกูเองเลย”
“แล้วทำไม....โดนแม่แกล้งหนักเลยเหรอ”
“....มึงไม่เป็นกู มึงไม่เข้าใจหรอก” ผมทิ้งตัวลงนอนก่อนจะหันหนีมัน พี่สยามไม่รู้หรอกว่าใจผมป้อแป้ขนาดไหนตอนที่โดนแกล้งน่ะ
อย่างที่รู้ว่าผมกังวลเรื่องนี้มาตลอด แล้วพอเจอคำถามแบบนั้นเข้าไปมันก็นะ เหมือนอนาคตที่เคยคิดเคยฝันมันพังลงมาดื้อๆ แต่ก็ดีที่มันเป็นแค่เรื่องอำเล่น หวังว่าในอนาคตจะไม่โดนอำในเรื่องอะไรแบบนี้อีก แค่ครั้งเดียวมันก็เกินพอแล้ว ถึงสมปองจะเป็นคนแกร่งแต่กับเรื่องแบบนี้ก็ต้องมีอ่อนแอได้บ้างนั่นแหละ ผมอยากให้พี่สยามโอ๋ผมอะ ตอนนี้สมปองกำลังทำเป็นตัวเล็กตัวน้อยอยู่นะ
ถึงแม้ว่าความจริงจะตัวบะเอ๊กก็เถอะ
ร่างสูงเลื่อนเอาคางมาเกยตรงไหล่ผม “ปองครับ”
“หื้ออ.อ.อ....” ผมเอาหน้ามุดหมอน สัมผัสได้ถึงแรงกดที่ข้างแก้ม แหม มาทำเป็นหอมแก้ม แค่นี้ยังไม่พอหรอกนะ
“เป็นอะไรหืม....งอนเหรอ”
“ก็น่าจะรู้อยู่แล้วหนิ” ผมหันมาเบ้ปากใส่มัน “ให้กูตีมึงเลยนะ”
“โอ๋ๆ ๆ ๆ ” มือเรียวเกลี่ยแก้มผมเบาๆ “....ขอโทษนะครับ”
ผมบีบแก้มพี่สยามแรงๆ “ถ้าไม่ติดว่ารักมึงนะพี่สยาม กูจะหื้มมม.ม.....”
“ฮ่าๆ ๆ ๆ งั้นก็คงเป็นโชคดีของกูแล้วล่ะที่มึงรักกู” เจ้าตัวยิ้มบางๆ ก่อนจะจุ๊บหน้าผากผม “หิวจัง ปอกมะม่วงให้กินหน่อย”
“มึงยังไม่อิ่มอีกเหรอพี่สยาม”
“กูจะอิ่มได้ไงล่ะเมีย คนที่แย่งกูกินก็มึงทั้งนั้นอะ มะม่วงที่แม่ปอก กูไม่ได้กินสักชิ้น” มันบอกก่อนจะจ้องผมนิ่งๆ ไม่เห็นต้องทำหน้าอย่างนั้นเลยป้ะวะ
“เออ ก็ได้ ลุกออกไปสิ” สิ้นเสียงผมสั่ง ร่างสูงก็ลุกออกไปก่อนจะดึงให้ผมลุกขึ้นตาม
อากาศตอนกลางคืนนี่เย็นเอาเรื่องอยู่ อาจเพราะว่ารอบบ้านมีต้นไม้เยอะแล้วก็เป็นบ้านไม้ด้วยล่ะมั้ง พี่สยามหยิบตะกร้ามะม่วงสุก ผมก็หยิบมีดกับจานเดินตามมันมาที่ระเบียงหน้าบ้าน ชอบจริงๆ เลยเวลามีลมอ่อนๆ พัดเนี่ยะ ได้กลิ่นหอมของดอกไม้ด้วย อยากเก็บบรรยากาศแบบนี้กลับกรุงเทพฯ ซะจริง อากาศบริสุทธิ์แบบนี้หาได้แค่ตามบ้านเราเท่านั้นนะครับ
ว่าแล้วก็คิดถึงเชียงใหม่
ผมหยิบมะม่วงลูกสวยมาปอก เมื่อเย็นพี่สยามพาผมเข้าไปปั่นจักรยานเล่นในสวนด้วย สวนมะม่วงที่นี่ใหญ่มาก ดูจากลักษณะแล้วน่าจะขายแค่มะม่วงสดอย่างเดียว สายพันธุ์ที่ขึ้นชื่อก็น้ำดอกไม้เลยครับ มะม่วงบ้านพี่สยามอร่อยมากกกก หวานแล้วก็ฉ่ำสุดๆ ไปเลย ผมกะว่าจะเอาไปฝากเหล่าสหายสักหน่อย จะว่าไป....ตั้งแต่ปิดเทอมใหญ่มาก็ไม่ค่อยได้คุยกับเพื่อนๆ เลยว่ะ
ทุกคนต้องคิดถึงผมมากแน่ๆ
เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยไลน์ไปถามสารทุกข์สุกดิบละกัน ส่วนวันนี้ผมก็ต้องทุ่มเทเวลาที่มีปอกมะม่วงให้เจ้าหมีควายก่อน พี่สยามหยิบมะม่วงใส่ปากพลางมองผมแล้วยิ้มหวาน มีความสุขล่ะสิ เมียปอกมะม่วงให้กิน ใจนึงผมก็อยากจะกินอีกนะแต่มันแน่นไปหมดแล้วอะ ถ้ายัดลงท้องไปอีกชิ้นก็อาจจะตัวแตกตายได้ เป็นแบบนั้นล่ะแย่เลย ผมจะไม่ตายตอนนี้เด็ดขาดเพราะถ้าผมตาย พี่สยามก็จะไปมีเมียใหม่
ผมไม่ยอมหรอก
“จ้องหน้ากูขนาดนั้น”
“มีปัญหาเหรอ”
ใบหน้าคมยื่นเข้ามาใกล้ “ถ้าบอกว่ามีล่ะ”
“ก็เรื่องของมึงสิ” ผมหยิบมะม่วงจ่อที่ปากพี่สยาม มันก็อ้าปากงับไป “เหมือนน้องหมาเลยอะ ไหนทำหูตั้งซิ”
“เดี๋ยวก็ได้เป็นอาหารหมาหรอก”
“มึงนี่มัน....” เดี๋ยวก็เอามีดแทงเลยหนิ ชอบพูดจาแบบนี้อยู่เรื่อย ไม่รู้รึไงว่าคนฟังมันใจสั่นน่ะ
“สมปอง”
“หืม....”
“มึงว่าบ้านกูเป็นไง”
“บ้านมึงสวย อบอุ่น แล้วก็ทำให้กูมีความสุข” ผมยิ้มบางๆ ให้เจ้าตัว “ถ้าตัดเรื่องโดนแกล้งออกไปมันก็ดีเลยแหละ พ่อกับแม่มึงก็ใจดี กับข้าวที่แม่มึงทำก็อร่อยมาก พ่อมึงท่านก็คุยสนุก มะม่วงที่สวนนี่ก็อร่อย แต่ถ้าถามว่าอะไรพิเศษสำหรับกูที่สุดก็น่าจะเป็น.....”
“เป็น....”
ผมยื่นหน้าเข้าไปจุ๊บริมฝีปากบาง
“พี่สยามไง”“มึงนี่น้า” คนตรงหน้าหลุดยิ้มออกมาก่อนจะยกมือขึ้นลูบแก้มตัวเอง ไงล่ะมึง เขินตัวจะแตกเลยล่ะสิ
“เขินสินะ”
“เขินสิครับ” พี่สยามย้ายมานั่งซ้อนด้านหลังก่อนจะเอาคางไว้กับไหล่ผม “ขอบคุณนะที่บอกว่ากูพิเศษ”
“ก็มึงพิเศษจริงๆ อะ กูดีใจนะที่ได้มาอยู่ตรงนี้ และมันคงจะดีถ้ากูได้อยู่ตรงนี้ไปเรื่อยๆ ”
“ไม่มีใครเอามึงไปไหนได้หรอกเพราะกูไม่ให้”
ผมหันมายิ้มหวานให้ “กูก็ไม่ไปด้วย”
“น่ารักมากเลยเจ้าแฟน” ใบหน้าคมเลื่อนเข้ามาใกล้ก่อนจะจูบเบาๆ
ผมเปิดปากรับลิ้นร้อนที่แทรกเข้ามา รสหวานของมะม่วงที่ผมสัมผัสได้มันนุ่มลิ้นดีจริงๆ พี่สยามเลื่อนมือเข้ามาลูบใต้เสื้อผมเบาๆ อื้มม.ม....รู้สึกดีจริงๆ เลย ผมแลกจูบกับร่างสูงอยู่พักใหญ่ก่อนจะละริมฝีปากออกมา หน้าต้องแดงมากแน่ๆ เลยว่ะ ผมมองใบหน้าคมที่อยู่ตรงหน้าก่อนจะยิ้มหวานออกมา ตัวมันเองก็ไม่ต่างกัน ชอบจริงๆ เลยนะ โมเม้นท์จูบเสร็จแล้วมายิ้มให้กันเขินๆ เนี่ยะ
ตึกตัก
หัวใจเต้นแรงชะมัด
“สุดที่รักของกู” พี่สยามเอ่ยก่อนจะยกมือกุมแก้มผม “ช่วยอยู่ด้วยกันไปนานๆ นะครับ”
ผมเลื่อนเอาหน้าผากไปแตะหน้าผากเจ้าตัว “ก็บอกแล้วไงว่าจะไม่ไปไหน จะอยู่กวนประสาทมึงไปเรื่อยๆ นี่แหละ”
“รู้ป้ะว่าถ้ากวนประสาทมากๆ จะถูกทำโทษอะ”
“ไม่รู้”
“เดี๋ยวได้รู้” ร่างสูงอุ้มผมขึ้นมาก่อนจะพาเข้าห้อง ใจคอไม่คิดจะเก็บมะม่วงที่อยู่ตรงนั้นก่อนเหรอ
พรุ่งนี้มึงโดนแม่ดุแน่
พี่สยามวางผมลงบนเตียงก่อนจะขยับตัวเองมาคร่อมผมไว้ ลมหายใจร้อนๆ ที่รดหน้าอยู่นั้นบ่งบอกได้เลยว่าคนบนร่างกำลังคุกรุ่นมากแค่ไหน สายตาที่แสดงออกมาว่าอยากกินผมเข้าไปทั้งตัวนั่นอีก ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ ผู้ชายคนนี้ไม่เคยคิดจะปรานีผมเลย มันชอบทำให้ผมพ่ายแพ้อยู่เรื่อย
สมปองคนนี้จะไม่มีวันชนะพี่สยามเลยรึไงนะ
“พี่รักปองนะครับ”แพ้หนักกว่าเดิมอีก
“.....ปองก็รักพี่สยามเหมือนกันครับ”
รัก....ที่สุด
TBC.
สวัสดีค่ะชาลมาส่งตอนพิเศษของคนคิ้วท์ให้ได้อ่านกันหลังจากที่เงียบหายไปนานเลย ก็บทนี้จะเป็น 1 ในตอนพิเศษแต่งใหม่ที่จะอยู่ในเล่มของนิยายนะคะ
สำหรับไดอารี่ของสมปองชาลตัดสินใจที่จะส่งน้องไปพิจารณากับสำนักพิมพ์ก่อนนะคะ ไม่รู้ว่าผลจะออกมาเป็นยังไง แต่ขอให้บี๋เอาใจช่วยน้องด้วย ถ้าสมมุติว่าไม่มีที่ไหนรับน้องจริงๆ ชาลก็คงทำเองเหมือนกับขุนหนม ก็รอการแจ้งข่าวสารนะคะ มันอาจจะต้องใช้เวลารอนานสักหน่อยแต่ช่วยรอกันอย่างใจเย็นเนอะ
ถ้าชอบก็กดไลค์ คอมเม้นต์เพื่อเป็นกำลังใจให้กันได้นะคะ สามารถติดต่อชาลได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis หรือเพจ Fiction Yaoi Th น้า
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่า