S'Diary : ไดอารี่ของสมปอง [ บทพิเศษ : 4/4/2019 ] หน้า 10
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: S'Diary : ไดอารี่ของสมปอง [ บทพิเศษ : 4/4/2019 ] หน้า 10  (อ่าน 38694 ครั้ง)

ออฟไลน์ chaleeisis

  • mgAmuptUF
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
    • nearby girls for live chat
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


******************************************************************************************
 

Interest

ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรที่ทำให้ผมรู้สึกสนใจในชื่อเชยๆ ของน้องมัน
ตอนแรกผมก็สนใจมันแค่ชื่อนะ แต่พอได้รู้จักมากขึ้น ระดับความสนใจมันก็ยิ่งมากขึ้น
จนถึงตอนนี้ สิ่งเดียวที่ผมรู้สึกคือ ผมปล่อยน้องมันไปไม่ได้
มันต้องเป็นของผม
 
--------------------------------

 


ไดอารี่....มันเป็นข้อตกลงระหว่างผมกับพ่อ​

ผมจะต้องเขียนเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตมหาลัยให้พ่อได้รับรู้ว่าสิ่งที่ผมเลือกเองมันดีหรือว่าไม่ดี ถ้าชีวิตมันดีผมก็จะได้เรียนที่นี่ต่อ เรียนในคณะวิศวะที่ผมตั้งใจไว้ตั้งแต่เด็ก ในมหาลัยที่ตัวเองตั้งใจสอบเข้ามาด้วยความยากลำบากชิบหาย แต่ถ้าชีวิตมันไม่ดีผมจะต้องไปเรียนในคณะและมหาลัยที่พ่อต้องการ

ผมไม่รู้หรอกว่าในหนึ่งปีที่จะมาถึงนี่ผมจะเจออะไรบ้าง

ตื่นเต้นว่ะ

​​สู้ๆนะตัวกู



สมปอง : 31 / 7 / 20xx


---------------------------------------

LoveWriteProject : S'Diary : ไดอารี่ของสมปอง
ติดต่อข่าวสาร - Twitter : Chaleeisis
#ไดอารี่ของสมปอง #หยัมปอง
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-04-2019 18:17:44 โดย chaleeisis »

ออฟไลน์ chaleeisis

  • mgAmuptUF
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
    • nearby girls for live chat
บทที่ 1 : คนชื่อโบราณ


มหาลัย P

ตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์.....กับผมที่หลงทาง

น่าเศร้าว่ะ

ผมยืนเด๋ออยู่หน้าตึกแบบว่าไร้หนทางที่จะไปต่อ ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่บนหอประชุมเพื่อปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ได้มีรุ่นพี่ปีสองมาบอกกับพวกผมปีหนึ่งว่าหลังเสร็จการปฐมนิเทศให้มาพบกันที่ลานเกียร์ของคณะวิศวะ

ว่าแต่ลานเกียร์มันอยู่ที่ไหนครับ

​“ เห้ยมึง ” ผมตามแรงสะกิดจากด้านหลังก็พบผู้ชายหน้าหวานคนนึง

“ อะไร ”

“ มึงปี 1 หรอ ”

“ อือ ทำไมอ่ะ ”

“ กูก็ปี 1 เหมือนกัน มึงหลงทางอยู่อ๋อ ”

“ อืม ” ผมพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะมองคนตรงหน้าอย่างพิจารณา

ใบหน้าใสเนียน จมูกโด่งเป็นสัน คิ้วเรียวกำลังดี ริมฝีปากสีออกจะแดงหน่อยๆ แถมยังตาโตอีก ตัวก็ยังเล็กอีกต่างหาก โดยรวมแล้วคนตรงหน้านี่เรียกได้ว่าน่ารักมากเลยล่ะครับ

แต่สายตาดูกวนตีนยังไงชอบกล

“ งั้นไปกับกูดิ่ กูกำลังจะไปลานเกียร์ ” คนตรงหน้าพูดเองเออเองและก็ลากผมให้เดินตามไปเองโดยที่ผมยังไม่ได้ตอบรับอะไรสักคำ มึงเป็นคนเผด็จการสินะ

“ มึงชื่อไรหรอ ”

“ สมปอง ”

“ เห้ยถามจริง ฮ่าๆๆๆ คนอะไรชื่อสมปองวะ ” เอ้าไอ้สัส คนอย่างกูนี่ไงชื่อสมปอง

“ มึงจะขำอะไรขนาดนั้นวะ ”

“ ฮ่าๆๆๆ ก็มันตลกหนิมึง เออกูชื่อลันตานะ เรียนโยธา แล้วมึงอ่ะ ” ลันตามันถามแต่ก็ยังไม่วายหัวเราะต่อ น่าทุบชิบหาย ไอ้ที่กูชมมึงว่าน่ารักนั่นกูขอถอนคำพูด

“ กูก็เรียนโยธา ”

“ เออดี งั้นกูกับมึงเป็นเพื่อนกันเริ่มจากวันนี้แหละ ” เออจ่ะ ตามใจมึงเลย

ผมชื่อ “ สมปอง ” ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรดลใจพ่อให้ตั้งชื่อผมแบบนี้ ผมไม่ได้รู้สึกว่าชื่อตัวเองมันแย่มันเห่ยหรือว่ามันเชยอะไรหรอกนะครับ แต่คนอื่นๆที่ได้ยินชื่อผมมันก็มักจะขำออกมา ทำไมวะ ชื่อสมปองมันแปลกตรงไหน

ผมว่ามันก็เท่ออก.....เท่แบบเก่าๆ

นับจากนี้ชีวิตในมหาลัยของผมกำลังจะเริ่มแล้วครับ ปฐมนิเทศวันนี้แล้วก็เปิดเทอมซัมเมอร์อีกสองอาทิตย์ที่กำลังจะถึง  ผมตื่นเต้นกับชีวิตมหาลัยมากนะครับเพราะว่ามันเป็นก้าวแรกของการใช้ชีวิตแบบอิสระ ตั้งแต่มัธยมมาผมก็อยู่ในกฎระเบียบของที่บ้านตลอด อยู่บ้านมันก็มีอิสระนะครับ

อิสระแค่ในบ้าน

ผมตั้งใจสอบเข้ามหาลัยนี้เพื่อที่ออกมาอยู่ข้างนอกออกมาใช้ชีวิต อยากสัมผัสกับความเป็นเด็กหอ อยากลงไปซื้อมาม่าที่เซ่เว่นกินตอนตีสามอะไรอย่างเงี้ยะ ชีวิตมหาลัยมันมีครั้งเดียวผมต้องใช้ให้คุ้ม แถมการใช้ในปีแรกมันแลกกับปีต่อๆไปด้วย

แลกยังไงน่ะหรอ

ผมได้ตกลงกับพ่อไว้ครับ เรื่องที่ผมจะเรียนวิศวะที่นี่มันเป็นเรื่องที่ครอบครัวผมไม่สนับสนุน พ่ออยากให้ผมเรียนบริหารเพื่อที่จะได้ไปช่วยงานของที่บ้าน แต่ผมไม่อยากเรียนไง มีโอกาสได้เรียนทั้งทีก็อยากจะเรียนในคณะที่ตัวเองชอบ พอเป็นแบบนั้นพ่อก็เลยบอกให้ผมเขียนไดอารี่ช่วงระยะเวลาที่ผมเรียนที่นี่ 1 ปี ถ้าพ่อได้อ่านไดอารี่ที่ผมเขียน พ่อจะตัดสินใจเองว่าจะให้ผมเรียนที่นี่ต่อหรือว่าให้ย้ายไปตามที่พ่อต้องการ

หวั่นใจอยู่ครับแต่ไม่เป็นไรผมมีเวลา 1 ปี

ผมจะตักตวงมันให้เต็มที่

“ นั่นไงมึงที่ลงทะเบียน ” ผมมองตามมือลันตาที่มันชี้ไปยังโต๊ะที่มือรุ่นพี่วิศวะนั่งกันอยู่ ตอนนี้ผมมาถึงที่ลานเกียร์แล้วครับ มีเด็กปีหนึ่งนั่งเข้าแถวอยู่กันอย่างเป็นระเบียบโดยแยกเป็นสาขาไว้

ไอ้สองคนนั้นปี 1 รึเปล่า ” เสียงโทรโข่งดังมาทางพวกผม

“ วิ่งเร็วมึง ” ลันตามันลากผมและรีบวิ่งไปที่โต๊ะลงทะเบียน มาถึงก็พบกับเจ้าของเสียงโทรโข่งพร้อมกับการเลิกคิ้วมองอย่างกวนตีน

ทำไมถึงมาช้า ” พี่มันพูดผ่านโทรโข่ง คือพวกกูอยู่ตรงหน้ามึงอ่ะ มึงจะพูดใส่โทรโข่งเพื่ออะไรวะพี่

“ หลงทาง ” ผมเอ่ยตอบเสียงเรียบก่อนจะเซ็นชื่อลงบนกระดาษ

ไอ้ขุนเอาป้ายชื่อมาให้กูดิ้ ” ผมมองรุ่นพี่ตรงหน้าที่หันไปบอกกับเพื่อนที่นั่งอยู่ใกล้ๆ คนตรงหน้าผมนี่ ผมไม่รู้จะบรรยายยังไงดีนอกจากดูกวนส้นตีนมาก หน้าแบบนี้โดนกระทืบบ่อยแน่เลยว่ะ

“ ลันตาครับ ” ลันตามันบอกชื่อกับพี่หัวแดง หัวพี่แกแดงมากครับ แดงแบบแดงเข้มเลย ผมมองป้ายชื่อที่ห้อยคอพี่เขาอยู่ก็พบว่าพี่เขาชื่อแกงป่า หน้าพี่แม่งก็หล่อสีผมก็โคตรเท่ชื่อยังจะเท่อีก

ชีวิตดีชิบหาย

มึงชื่ออะไร ” ไอ้พี่โทรโข่งมันเอ่ยถามผม

“ สมปอง ”

ห้ะ ” มึงจะห้ะใส่โทรโข่งทำไมวะกูตกใจไอ้สัส

“ ชื่อ สมปอง ” ผมบอกมันอีกครั้ง รู้สึกหมั่นไส้ว่ะ พี่มันมองหน้าผมนิ่งๆก่อนจะหัวเราะลั่นออกมา

หัวเราะส้นตีนอะไรของมึง

“ เด็กบ้าอะไรชื่อสมปองวะ ชื่อเชยชิบหายแถมยังโบราณอีก ” ผมกำหมัดแน่นอย่างข่มอารมณ์ ก่อนจะหลุบตาลงมาพบกับป้ายชื่อของคนตรงหน้า

สยาม

หึ ไอ้สัส

“ ชื่อมึงไม่โบราณเลยนะไอ้พี่เชี่ยยยย ” ผมเอ่ยเรียบๆก่อนจะลากเสียงยาวๆอย่างยียวนกวนประสาทมัน ใบหน้าเข้มของคนตรงหน้าบึ้งตึงขึ้นมาทันที

มึงเรียกใครไอ้พี่เชี่ยห้ะ ไอ้เด็กเปรต ” แม่งแหกปากใส่ผมผ่านโทรโข่ง ไอ้สัสหูจะแตก ด้วยความที่โทรโข่งมันดังมากจึงทำให้ทุกๆคนที่อยู่รอบๆหันมองกันอย่างสนใจ

“ เห้ยไอ้สยามใจเย็นๆ ”

เด็กมันด่ากูเนี่ยมึงไม่เห็นหรอ

“ ก็มึงกวนตีนอ่ะ แถมมาว่าชื่อกูก่อน ” ผมเถียงใส่มันไฟแลบ มาสิมึงเรื่องให้เถียงมึงสู้กูไม่ได้หรอก มึงมาๆ

“ ใจเย็นก่อนปอง ” ลันตามันรั้งแขนผมไว้พลางปรามผมไปด้วย

“ เออใจเย็นก่อนทั้งคู่เลย พวกมึงไปนั่งที่แถวไป ” พี่ที่ใส่แว่นบอกกับพวกผมก่อนจะเอาถุงมาครอบหัวไอ้พี่สยาม

มึงจะทำอะไรกันเนี่ยะพี่

“ ไอ้สัสปล่อยกูนะ เอาโทรโข่งกูมาด้วย ปล่อยกู!!! ” ไอ้พี่สยามมันดิ้นเพื่อที่จะให้หลุดออกจากการจับกุมของเพื่อนๆ

“ มึงเอามันไปปล่อยไว้ตึกเกษตรเลย มันเป็นบ้าเนี่ยะ ไปๆ ” พี่ที่หน้าหล่อมากๆสั่ง ผมมองไอ้พี่สยามที่ถูกเพื่อนๆมันพากันแบกไปโดยที่มันก็ยังดิ้นและแหกปากโวยวายไม่หยุด

“ ไอ้เพื่อนเชี่ย ไอ้พวกทรยศ มึงด้วยไอ้เด็กเปรตเดี๋ยวก่อน กูจะกลับมากระทืบมึง ” เสียงแหกปากครั้งสุดท้ายก่อนที่มันจะหายลับไปจากสายตาผม

“ มึงอย่าไปถือสาไอ้สยามมันเลยนะ ” พี่แว่นตบไหลผมเบาๆเหมือนปลอบใจ

“ เออมันปัญญาอ่อน ” พี่หล่อเอ่ยขึ้นพลางยิ้มหวาน ทำไมมึงหล่อจังเลยวะพี่ ป้ายชื่อเขียนไว้ว่าขุนศึก เนี่ยะชื่อเท่อีกละ ทั้งหล่อทั้งเท่ไม่น่ามีเพื่อนปัญญาอ่อนแบบไอ้พี่สยามเลย

“ ผมขอโทษนะครับที่วุ่นวายแล้วก็ด่าเพื่อนพี่ แต่มันก็น่าด่าจริงๆอ่ะ ” ผมบอกไปตามที่ผมคิด สิ่งที่ผมทำนั่นมันคือการปีนเกลียวรุ่นพี่เลยล่ะครับ มันเป็นสิ่งที่ไม่ดีและก็ไม่สมควร

แต่มันอดไม่ได้จริงๆนี่หว่า

“ อย่าไปคิดมาก เพื่อนกูก็กวนตีนมึงจริงๆอ่ะ ไปนั่งได้แล้วไป เดี๋ยวพี่ปีสามจะมาละ ” ผมพยักหน้ารับคำก่อนจะเดินมานั่งอยู่ท้ายแถวสาขากับลันตา มีคนไม่น้อยที่หันมองพวกผมแล้วก็ซุบซิบกัน เออ เชิญตามสบายจ่ะ ไม่มีอะไรบัดซบไปกว่าไอ้พี่สยามแล้วตอนนี้น่ะ

“ เห้ยมึง เมื่อกี้เท่ว่ะ ” ผมเงยหน้ามองคนที่พูด ทำไมวันนี้เจอแต่คนหน้าตาดี ปกติเด็กวิศวะมันจะดูเหมือนโจรเถื่อนๆไม่ใช่หรอวะ หรือว่าไม่ใช่

“ เออเท่จริง กูไม่คิดว่ามึงจะกล้าเถียงพี่เค้าด้วย ” ไอ้คนที่นั่งข้างกันก็หันมาพูดกับผม วันนี้มีคนคุยกับผมเยอะจังว่ะ เนี่ยยยเห็นไหมพ่อ แค่มาปฐมนิเทศวันเดียวก็มีคนคุยกับผมหลายคนแล้วเนี่ย

“ มึงชื่อสมปองสินะ กูได้ยินพี่สยามเค้าพูดอยู่ ”

“ อืม กูชื่อสมปอง ”

“ กูชื่อลันตา ” ลันตามันยิ้มแฉ่งให้เพื่อนใหม่ ได้ข่าวว่ามันถามชื่อกูป่ะ

“ กูแยม ”

“ กูสีเทียน ”

ชื่อคนนึงก็น่าแดก ชื่ออีกคนก็น่าเอาไปถูกระดาษจริงๆ ผมมองเพื่อนใหม่ทั้งสามคนคุยกันอย่างสนุกปาก อยากคุยกับพวกมันนะแต่ดูจากสภาพแล้วคงพูดไม่ทัน โดยเฉพาะลันตา มันพูดเร็วมากเหมือนอยู่อยู่บ้านแล้วไม่มีใครพูดด้วยอ่ะ

“ เห้ยมึงนั่นพี่ปีสาม ” สีเทียนมันชี้ให้ดูกลุ่มพี่ที่เดินมหยุดอยู่ด้านหน้าแถวที่พวกผมนั่ง

นั่นคงเป็นพวกพี่ว้ากสินะ

“ สวัสดีปี 1 ผมชื่อขัน เป็นรุ่นพี่ของพวกคุณ ผมมีหน้าที่ดูแลพวกคุณนับจากนี้เป็นต้นไป ก่อนอื่นก็ต้องขอแสดงความยินดีกับพวกคุณด้วยที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของคณะวิศวกรรมศาสตร์ของพวกเราได้ พวกคุณเก่งมาก ” พอพี่ขันพูดจบพวกรุ่นพี่ก็พากันปรบมือ

“ พี่ขันเท่ว่ะ ” พี่ขันเท่จริงตามที่แยมพูดครับ เขาเป็นคนที่ดูน่าเกรงขามมาก บุคคลแบบนี้ยกเป็นไอดอลได้เลยนะ

“ ผมจะมาทักทายพวกคุณแค่นี้ เราจะได้เจอกันอีกตอนเข้าประชุมเชียร์ ขอให้พวกคุณมีความสุขกับการเรียนที่นี่ ปี 2 จะพูดอะไรกับน้องก็เชิญ ” พูดจบพี่ขันกับเดอะแก๊งค์ก็พากันเดินออกไป แล้วก็มีพวกพี่ขุนศึกเดินเข้ามาแทนที่ ยังไม่เห็นไอ้พี่สยามนะครับ สงสัยมันยังดิ้นจากถุงไม่หลุด

“ สวัสดีครับน้องๆ ”

“ สวัสดีครับ / สวัสดีค่ะ ”

“ พวกพี่เป็นกลุ่มสันทนาการจะรับหน้าที่ดูแลกิจกรรมทุกอย่างที่จะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการรับน้อง กีฬาสีและก็อื่นๆด้วยนะครับ ” พี่ขุนศึกเอ่ยแล้วยิ้มหวาน นั่นก็ทำให้เรียกเสียงกรี๊ดจากสาวๆได้ไม่น้อย

“ วันนี้ไม่มีอะไรมากนะ มีเรื่องที่พี่อยากจะชี้แจงนิดหน่อยก็คือวันที่น้องเปิดเทอมกันวันแรก พี่ไปเช็คตารางเรียนของทุกสาขามาแล้ว ก็พบว่าพวกเราทั้งหมดว่างตั้งแต่บ่ายโมง เพราะฉะนั้นพี่ขอให้พวกเรามารวมตัวกันที่นี่ เพื่อที่จะได้จับสายรหัสกัน หากใครมาสาย พี่จะลงโทษนะครับ ” พี่ใส่แว่นที่ชื่อข้าวก้องเอ่ยอย่างจริงจังในตอนท้าย อยากรู้เหมือนกันนะว่าไอ้ที่พี่เขาบอกจะลงโทษเนี่ยมันลงโทษยังไง

“ แล้วอย่าลืมป้ายชื่อนะน้อง พวกมึง....”

“ พวกน้อง!!! ” พี่คนอื่นๆพูดดักทางพี่คนที่ชื่อชาเย็น

“ เออ พวกน้องต้องใส่ไปจนจบงานกีฬาสีของเทอมหน้าเลยนะ ถ้าใครทำหายหรือว่าชำรุดก็จะโดนลงโทษ มันเป็นสิ่งสำคัญให้รักษามันเท่าชีวิต ” พี่ชาเย็นบอกพร้อมกับหน้ามึนๆ

“ วันนี้ก็ไว้เท่านี้ก่อนนะ เจอกันวันเปิดเทอมนะครับ กลับบ้านได้ ” สิ้นเสียงของพี่ขุนศึกพวกปี 1 ก็ยกมือไหว้และเอ่ยสวัสดีก่อนพากันเดินออกไปจากลานเกียร์ เหลือเพียงแค่ผม 4 คนที่ยังนั่งกันอยู่

“ มึงอยู่บ้านหรือหอวะ ”

“ กูอยู่หอ K2 ” ลันตามันตอบแยม หอK2 มันก็หอผมนี่หว่า

“ กูก็อยู่ K2 เหมือนกัน ” สีเทียนมันบอกอีกคน

“ กูก็อยู่ เห้ยนี่เราอยู่หอเดียวกันเลยหรอวะ แล้วมึงอ่ะปอง ” ลันตาหันมาถามผม พร้อมส่งสายตาปริบๆมาให้

“ K2 ”

“ เนี่ยยยย เราสี่คนมันเกิดมาเพื่อเป็นเพื่อนกันมึงเชื่อกู กูว่านะวันนี้เราไปฉลองให้กับมิตรภาพของเรากันเถอะ ” ลันตามันยิ้มปากกว้างอย่างน่ารัก สีเทียนกับแยมก็ดูจะเห็นดีเห็นงามด้วย

“ เอาดิ่ มึงเอาเบอร์มาแลกกันดีกว่า ” ผมได้ยืนแบบนั้นก็ส่งโทรศัพท์ของตัวเองให้สีเทียนมันจัดการ ปฐมนิเทศวันแรกนี่ก็ดีนะ ได้เพื่อนมาสาม นิสัยเป็นยังไงยังไม่รู้เรื่องนั้นก็ต้องดูกันไปก่อน วันนี้มีเรื่องเดียวก็คือเรื่องไอ้พี่สยามนี่แหละที่เป็นเรื่องไม่ดี

แค่นึกถึงก็หงุดหงิดแล้วว่ะ

อย่าให้เจอหน้านะมึง






TBC.

เป็นยังไงบ้างคะสำหรับตอนแรก การแต่งนิยายแบบนี้นี่ยากจริงๆเลย เพราะปกติไรท์จะถนัดแต่งแนวฟิกชั่นบทสนทนามากกว่า ถ้าภาษามันบรรยายมึนงงไปหน่อยก็ขอโทษนะคะ ขอเกริ่นเลยว่านิยายของไรท์จะมีตัวละครค่อนข้างเยอะนะเพราะไรท์คิดว่ามันเป็นคือการสร้างสีสันของเรื่อง ตรงที่เป็นตัวหนานั้นขอให้รู้กันว่าเป็นเสียงผ่านโทรโข่งค่ะ ไว้เจอกันเนอะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านน้าา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-09-2017 21:11:38 โดย chaleeisis »

ออฟไลน์ chaleeisis

  • mgAmuptUF
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
    • nearby girls for live chat
บทที่ 2 บัดซบ


“ ชนๆ ไม่เมาไม่กลับ ”

“ ถ้ามึงเมาใครจะแบกมึงกลับวะ ”

“ ไอ้ปองไง ฮ่าๆ ” กูอีกแล้วหรอ

ผมนั่งมองเพื่อนทั้งสามนั่งชงนั่งดื่มและก็คุยโน่นคุยนี่อย่างเงียบๆ ตอนนี้ผมอยู่กันที่ร้านนั่งชิว มันเป็นร้านข้าวและร้านเหล้า ร้านนี้ไม่ค่อยใหญ่เท่าไหร่และตอนนี้คนก็ยังน้อยอยู่ ดีแล้วแหละไม่อึดอัดไม่วุ่นวายดี

“ อ่ะปองแก้วนี้ของมึง ” ลันตายื่นแก้วเหล้าช็อตมาให้ผม ใจคอจะให้กูน็อคภายในแก้วเดียวเลยงี้

“ กูไม่อยากกินเพียว ” ผมไม่ใช่คนคอแข็งนะครับ ขืนซัดเพียวไปอาจจะจอดในทันทีเลยก็ได้

“ งั้นกูกินให้แทน ” มือปริศนาคว้าแก้วเหล้านั้นไปก่อนจะซดขึ้นจนหมดในรวดเดียว ผมเงยหน้ามองคนที่อยู่ตรงหน้าโต๊ะพวกเราก็ไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที เพราะมันคือคนที่ผมเพิ่งทะเลาะกับมันไปเมื่อบ่าย

ไอ้พี่สยาม

“ อ้าวพี่สยาม มากินเหล้ากันหรอครับ ” แยมมันถาม ไอ้พี่สยามมันก็พยักหน้ารับก่อนจะวางแก้วช็อตไว้ตรงหน้าผมห่อนจะยกยิ้มมุมปาก

“ มึงกับกูยังไม่เคลียร์นะไอ้เด็กเปรต ”

“ รำคาญว่ะ ไปไกลๆไป ” ผมเอ่ยขึ้นอย่างรำคาญ รำคาญจริงครับไม่อยากเห็นขี้หน้า

“ ไอ้ปอง ” ลันตามันหยิกแขนปรามผมเบาๆ

“ ปากดีจริงๆนะ ” พี่มันกดเสียงต่ำเหมือนกำลังอดทนอยู่ ผมก็เบ้ปากใส่มันก่อนจะเบือนหน้าหนี อยากมากินเหล้ากับเพื่อนสงบๆแท้ๆไม่น่ามาเจอแม่งเลย โชคร้ายชิบหาย

“ ไอ้สยามมึงมาทำอะไรตรงนี้ อ้าวน้องๆมากินเหล้ากันหรอ ” ผมหันมองไปตามเสียงก็พบกับพี่ขุนศึกและเดอะแก๊งค์ มากันครบแบบองค์เต็มเลยแถมแต่ละคนยังดูดีบาดตาบาดใจด้วย

ยกเว้นไอ้พี่สยาม

“ ใช่ครับ มากินฉลองที่ได้เพื่อนใหม่ ” สีเทียนตอบแล้วยิ้มกว้าง จะว่าไปสีเทียนมันก็ดูน่ารักคล้ายๆลันตานะครับ ผมสงสัยนะว่าผู้ชายที่หน้าหวานขนาดนี้จะหาแฟนเป็นผู้หญิงได้รึเปล่า เพราะตัวเองหน้าเหมือนผู้หญิงซะเอง แถมยังตัวบางน่าทะนุถนอม ลันตากับสีเทียนนี่ให้ฟีลเหมือนมีเพื่อนผู้หญิงอยู่ในกลุ่มเลย

นับแค่หน้านะไม่รวมการพูดของพวกมัน

ก่อนที่จะมาที่นี่พวกผมไปสุมหัวกันอยู่ที่ห้องของลันตา ก็นั่งคุยอะไรไร้สาระไปเรื่อยจนได้รู้นิสัยคร่าวๆของแต่ละคน ลันตามันเป็นคนที่ปากจัดมากแถมยังกวนตีนด้วย คือถ้ามองหน้ามันแค่ภายนอกก็จะไม่รู้เลยนะครับว่ามันเป็นคนแบบนั้น สีเทียนก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ ส่วนแยมนี่ก็คงหวานแค่ชื่อน่ะครับ แยมมันแมนมาก แมนๆเตะบอลเลย แถมยังสูงมากกว่าผมด้วย ผมสูง 175 เซนแต่แยมมันน่าจะสัก 180 เซนกว่าๆ เวลาลันตาจะคุยกับแยมมันต้องเงยหน้าอ่ะคิดดู

“ เออ ดีแล้วๆ มีไรอยากถามก็ถามได้นะ พวกพี่นั่งกันอยู่โต๊ะโน่น ” พี่แกงป่าชี้ไปทางโต๊ะที่อยู่ด้านในสุดของร้านก่อนจะพากันเดินไป เหลือเพียงไอ้พี่สยามที่ยังยืนอยู่ตรงโต๊ะผม

ยืนทำหน้ากวนตีนด้วย

“ พี่สยามไม่ไปกับเพื่อนหรอครับ ”

“ กูมีเรื่องต้องเคลียร์กับเพื่อนมึงนิดหน่อย ” พูดจบมันก็ล็อกคอผมแล้วลากให้เดินตามมันไปทันทีโดยไม่สนคำทักท้วงอะไรของเพื่อนๆผมเลย พี่แม่งแรงควายชิบหาย ผมพยายามดิ้นยังไงก็ไม่หลุด

“ ปล่อยกูนะ ” ผมจิกข้อมือมัน

“ โอ้ยไอ้เด็กเชี่ยนี่ ” พี่มันยอมปล่อยผมออก

“ มึงลากกูมาทำไมเนี่ยะ ” ผมมองไปรอบๆลานจอดรถที่ไม่มีคนเลย นี่ถ้ามันจะกระทืบผมผมคงต้องหาทางช่วยตัวเองสินะ

“ เมื่อบ่ายมึงด่ากู ”

“ ก็มึงมาว่ากูก่อนอ่ะ ”

“ ยังจะเถียงอีกไอ้เด็กเปรตนี่ ”

“ มึงก็เหมือนกันนั่นแหละ เรื่องเมื่อบ่ายมึงเริ่มก่อนนะ ” ก็จริงอ่ะมันมาว่าชื่อผมก่อน ผมจะด่ามันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกหนิ แก่กว่าแล้วไงเป็นรุ่นพี่แล้วไงผมไม่สนใจหรอก ใครบัดซบใส่ผมก่อนผมพร้อมจะบัดซบกลับ

ไม่เกรงกลัวใครหน้าไหนทั้งนั้นแหละโว้ย

“ ก็ชื่อมึงโบราณจริงอ่ะๆ ” อะไรคือพูดแล้วทำท่าแคะหูวะไอ้สัส หมั่นไส้จริง

“ ชื่อมึงก็ไม่ต่างจากกูเท่าไหร่หรอก ” ทำไมผมต้องมาทะเลาะกับมันเพราะเรื่องชื่ออีกรอบด้วยวะ แทนที่จะได้นั่งกินเหล้ากับเพื่อนๆเพื่อฉลองมิตรภาพ ต้องมาเสียเวลากับไอ้บ้านี่

“ มึงนี่ปากดีว่ะ ” มือมันกระชากคอเสื้อผมเข้าไปใกล้ จนตอนนี้ระยะห่างของหน้าผมกับหน้ามันห่างกันอยูไม่ถึงคืบ ลมหายใจอุ่นๆปนกับกลิ่นเหล้าที่มันเพิ่งกินไปรดหน้าผมอยู่หน่อยๆ

พอมองหน้ามันใกล้ๆแบบนี้ก็ต้องยอมรับนะครับว่ามันก็เป็นคนที่หน้าตาดีมาก ถึงผมจะไม่ชอบขี้หน้ามันก็ตาม ใบหน้าเรียวแถมผิวก็ขาวจัด เรือนผมสีดำสนิทที่ปรกหน้านั่นมันก็ทำให้ดูมีเสน่ห์ ดวงตาคมๆนั่นมันเหมือนสะกดให้อยากมองอยู่อย่างนั้น จมูกโด่งที่รับกับคิ้วเข้มๆ ริมฝีปากบางสีออกจะคล้ำๆ น่าจะเพราะเป็นคนที่สูบบุหรี่จัดในระดับนึง องค์ประกอบโดยรวมนี้มันไม่ยากเลยที่จะทำให้คนที่ได้เห็นตกหลุมรักมันได้ง่ายๆ

ตึกตัก

ทำไมผมใจเต้นแรงวะ

“ มึงหน้าแดงทำไม ” มันเลิกคิ้วมองผมก่อนจะยกยิ้มแล้วก้มหน้าลงมาใกล้ “ กูหล่อสินะ ”

“ พูดเชี่ยอะไรของมึง เอาหน้าออกไปไกลๆเลย ” ผมโวยวายใส่มันก่อนจะดันอกมันออก แต่ไอ้พี่สยามมันกลับรั้งเอวเข้ามาจนชิดตัวมันแล้วกอดไว้แน่น ไอ้สัสนี่มึงจะทำอะไรกูเนี่ย

“ ถ้ามึงยังดิ้นอีก อะไรๆที่มันสงบอยู่มันอาจจะไม่สงบก็ได้นะ ” คำพูดทีเล่นทีจริงของมันทำให้ผมหยุดดิ้นในทันที ผมรู้ครับว่ามันหมายถึงอะไร ไอ้พี่นี่มันร้ายกาจชะมัด อย่าให้กูหลุดออกไปได้นะมึง

“ งั้นมึงก็ปล่อยกูสิ ”

“ กูเป็นพี่มึงนะ เรียกกูให้มันดีดีหน่อย ”

“ มึงมันไม่น่าเคารพทำไมกูต้องเรียกมึงว่าพี่โอ้ยยยยยย ไอ้สัส ” ผมยกมือลูบหน้าผากเบาๆ เมื่อกี้ไอ้พี่สยามมันดีดหน้าผากผม ขนาดพ่อกูยังไม่เคยดีดหน้าผากกูเลย มึงเป็นใครเนี่ย

“ ถ้าพูดไม่เพราะกูก็จะดีดมึงอยู่อย่างนี้แหละ ”

“ ไอ้....โอ้ยกูยังไม่ทันพูดเลยไอ้สัสโอ้ยยยยยยยยยย ไอ้เชี่ยสยาม ” กูเจ็บนะ หน้าผากแตกแล้วมั้งเนี่ย คนบ้าอะไรดีดแรงชิบหาย

“ ถ้ามึงไม่เรียกกูดีดีก็อยู่มันอย่างนี้แหละคืนนี้อ่ะ ” มันมองผมอย่างกวนๆ แล้วทำไมผมถึงเอาตัวเองออกมาจากมันไม่ได้ก็ไม่รู้เนี่ย ขนาดมันใช้แขนแค่ข้างเดียวกอดเอวผมไว้นะผมยังดิ้นไม่หลุดเลย จะดิ้นแรงมากก็ไม่ได้

ทำไมชีวิตปองต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย

“ ไอ้....”

“ ยังอีก ”

“ ปล่อยสักที ”

“ จะให้ปล่อยก็พูดให้มันดีดี ” ผมมองหน้าของพี่มันที่พูดออกมาอย่างจริงจังแถมยังมองผมนิ่งๆ ไม่ชอบใจเลยเวลาต้องมารองใครแบบนี้น่ะ

“ ปล่อยผม ” ผมพูดใส่มันห้วนๆ

“ เอาใหม่ ”

“ อะไรอีกเล่า ”

“ บอกให้พูดใหม่ เรียกกูว่าพี่สยามด้วย ”

จิ๊....ทำไมผมต้องยอมทำตามที่มันสั่งด้วยวะเนี่ย โอ้ยหงุดหงิดว่ะ แต่ถ้าไม่ทำผมก็คงหลุดไปจากที่นี่ไม่ได้แน่ๆ ป่านนี้เพื่อนๆคงเป็นห่วงผม ห่วงรึเปล่าวะ ถ้าห่วงแม่งก็คงตามแล้วแหละพวกห่า กลับโต๊ะไปจะโบกเรียงตัวเลย

“ เร็วๆ ” เชี่ยนี่ก็เร่งจัง

“ พี่สยามปล่อยผมสักทีเถอะครับ ” ผมเอ่ยเสียงอ่อนเพื่อหวังให้มันปล่อยผม

ผมมองพี่มันที่ส่งสายตานิ่งๆมาให้ อ่านไม่ออกเลยครับว่าตอนนี้คนตรงหน้าคิดอะไรอยู่ พอเป็นแบบนี้แล้วผมรู้สึกประหม่าชะมัด คิดดูสิว่าผู้ชายสองคนตัวก็ไม่ใช่เล็กๆมายืนโอบเอวแถมยังมองหน้ากันอยู่เงียบๆ มันใช่เรื่องไหมวะเนี่ย

“ หึ....พูดเพราะก็เป็นหนิ ” พี่มันยกยิ้มก่อนจะก้มหน้าเอาปากมาประกบกับปากผม ประกบแนบแน่นอยู่แบบนั้นไม่ได้มีการล่วงล้ำเข้ามาสักนิด ความอุ่นจากปากนั่นผมรับรู้ได้รวมถึงรสเหล้าขมๆที่แล่นเข้ามาด้วย

ขมปนกับหวานๆ

เห้ยเดี๋ยว

ผมผลักมันออกทันทีก่อนจะยกมือเช็ดปากแรงๆ ไอ้สัสกูโดนจูบนี่หว่า เคลิ้มเชี่ยอะไรของมึงเนี่ยปอง กว่าจะคิดได้ก็เสือกปล่อยให้มันจูบอยู่ตั้งนาน ไอ้คนตรงหน้าก็ยิ้มอย่างอารมณ์ดีที่เห็นท่าทีของผม ขอสักทีเถอะสัส

พลั่ก

“ โอ้ย ไอ้เด็กเชี่ยนี่ ” ไอ้พี่สยามมันเซเล็กน้อยเพราะโดนผมต่อย มุมปากบางๆมีเลือดออกน้อยๆ ก็สมควรแล้วแหละอยู่ดีดีมาจูบกูหนิไอ้บ้า

“ มึงมันบัดซบที่สุดเลย ไอ้เลว!!! ” ผมแหกปากด่ามันลั่นก่อนจะรีบวิ่งหนีกลับเข้ามาในร้านทันที ใจจึงอยากจะด่าให้มากกว่านี้นะครับ อยากกระทืบมันด้วยซ้ำ มันทำแบบนี้กับคนที่เพิ่งเจอได้ไงวะ เกลียดผมมากรึไงถึงต้องแกล้งขนาดนี้ เชี่ยเอ้ย

“ เป็นไรวะปอง ”

“ มึงไหวไหมวะ ”

“ พี่สยามเขาทำไรมึง ” ทันทีที่ผมถึงโต๊ะก็มีคำถามออกมาจากปากเพื่อนๆ ผมบอกพวกมันไม่ได้แน่ๆแหละว่าตัวเองโดนอะไรมา

“ เปล่า ไม่มีอะไร ” ผมนั่งลงก่อนจะยกแก้วเหล้าซดรวดเดียวจนหมด อย่างน้อยรสขมๆของเหล้ามันก็ทำให้ผมรู้สึกเย็นขึ้นมาหน่อย

“ ไว้มึงอยากเล่ามึงค่อยเล่าเนอะ ” ลันตามันแตะไหล่ผมเบาๆ ผมก็พยักหน้ารับมันไปก่อนจะชงเหล้าอีกแก้วแล้วซดลงไปรวดเดียวเหมือนกับแก้วที่แล้ว

“ เย็นไว้ไอ้หนุ่ม แดกพรวดพราดขนาดนั้นเดี๋ยวก็เมาหัวทิ่มหรอก ” สีเทียนมันปรามผม เออเมาสิดีพอเมาก็จะได้ลืมๆไอ้เรื่องเมื่อกี้ไป ถึงจะลืมแค่ตอนเมาอย่างน้อยก็ได้ลืมแหละวะ

ผมยกมือแตะริมฝีปากตัวเอง ความรู้สึกอุ่นๆเมื่อกี้เหมือนมันยังอยู่เลย ใจผมก็เต้นแรงมากด้วยมันไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนด้วยซ้ำ ไอ้พี่สยามมันทำแบบนี้ทำไมวะ ผมไม่เข้าใจมันเลย ให้มันกระทืบผมมันยังดีซะกว่า

จูบเมื่อกี้มันเป็นจูบแรกในชีวิตผมเลยนะ

ทำไมต้องมาเสียให้ผู้ชายด้วยวะ

หึ้ยยย ไอ้เชี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยย



[ บันทึกพิเศษ : สยาม ]



น่าสนใจจริงๆแหละเด็กบ้านั่นน่ะ

ชอบว่ะ

อยากได้ชะมัด

ผมนั่งอมยิ้มให้กับแก้วเหล้าตรงหน้าพลางนึกถึงหน้าใสๆของเด็กที่ผมเพิ่งไปขโมยจูบมา ตอนแรกผมก็แค่รู้สึกตลกกับชื่อของน้องมันเฉยๆ สมัยนี้ยังมีคนชื่อสมปองด้วยหรอวะ ผมแค่แกล้งแหย่เล่นนิดเดียวน้องมันก็ด่าผมซะ ปากคอเราะร้ายชิบหายนี่ขนาดผมเป็นรุ่นพี่มันยังกล้าด่าเลย

“ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลยนะมึง ” ผมหันมองไอ้ขุนที่นั่งอยู่ข้างๆ

“ ก็ต้องยิ้มสิวะ กูกำลังมีความสุข ”

“ เออ อย่ายิ้มมากให้แผลที่ปากฉีกละกัน ” เสียงไอ้แกงมันแขวะ ผมยกมือขึ้นแตะที่มุมปากเพราะโดนสมปองต่อย เห็นตัวเล็กแบบนั้นไม่คิดเหมือนกันนะว่าจะมือหนักขนาดนี้ ร้ายเหมือนกันที่ทำให้คนอย่างผมปากแตกได้

แต่ก็ดี ชอบนักนะเด็กร้ายๆเนี่ย

มันน่าทำให้เชื่อง

“ มึงจะไม่บอกกูจริงๆหรอว่าปากไปโดนอะไรมา ” ไอ้หอมมันจ้องเหมือนจับผิด

“ ไม่บอก ” ผมยกแก้วเหล้าตรงหน้าขึ้นซดจนหมด

“ มีความลับกับเพื่อนด้วยว่ะ ”

“ เออกับเพื่อนกับฝูงอ่ะมีความลับ ”

ผมมองพวกมันที่ดราม่าใส่ผมอย่างเอือมๆ พวกมึงนี่มันปัญญาอ่อนจริงๆ เออยังไม่ได้เอาเรื่องที่พวกมันเอาถุงคลุมหัวผมแล้วไปปล่อยไว้ที่ลานดินของตึกเกษตรเลย เด็กแม่งก็เต็มลานเลยเพราะคณะเกษตรเขาก็เรียกพบตัวน้องปีหนึ่งเหมือนคณะผม วันนี้แม่งโคตรอับอาย สายตากี่ร้อยคู่ไม่รู้ที่มองมาทางผมคนเดียว วิ่งกลับคณะแทบไม่ทันอ่ะบอกเลย

หมดสภาพสัสๆ

“ พวกมึงอ่ะ ทำไรกูไว้ยังไม่เคลียร์นะ ” ผมเอ่ยเสียงเย็นพร้อมกับส่งสายตาอำมหิตไปให้ ไอ้ก้องนี่ตัวดีเลยเพราะมันเป็นเจ้าของถุงที่ครอบหัวผม

“ ก็มึงกวนตีนน้องอ่ะ ”

“ กูยังไม่ทันทำไรเลย ”

“ มึงชอบสินะ น้องนั่นน่ะ ” ผมมองไอ้ชาทันทีที่มันพูดจบ รู้มากนักนะมึงน่ะ เอาจริงๆใครเห็นก็น่าจะชอบป้ะวะ

น่ารักขนาดนั้น

ใบหน้าขาวใส รูปร่างก็กำลังดีไม่หนาไม่บางผมพิสูจน์มาจากการกอดด้วยตัวเองเมื่อกี้ น้องมันสูงอยู่นะครับแต่ก็ยังเตี้ยกว่าผมมาก แน่ล่ะผมสูงเกือบ 190 แน่ะ เวลามองหน้าน้องมันผมยังต้องก้ม ดวงตาสีน้ำตาลเข้มนั่นก็ฉายแววดื้อรั้นสุดๆ จมูกเป็นสันสวยรับเข้ากับทุกอย่างบนหน้า

แถมริมฝีปากชมพูอมแดงนั่นก็น่าจูบ

จูบไปแล้วด้วย ฮ่าๆๆ

“ ทำหน้าหื่นขนาดนั้นแปลว่าชัวร์ ” หื่นอะไรของมึงวะไอ้ขุน ก็เด็กมันน่ารัก ถ้ากูจะหลงรักมันก็ไม่แปลก

ผมว่าสมปองมันต้องไม่รู้ตัวเองแน่เลยว่ามันหน้าตาโดดเด่นออกมาจากสามัญชนขนาดไหน เพื่อนๆมันแต่ละคนก็หน้าตาไม่ใช่ธรรมดานะครับ ไอ้ลันตาก็หน้าสวยชิบหายเห็นครั้งแรกก็นึกว่าผู้หญิงไม่ก็กระเทย ไอ้สีเทียนก็หน้าหวานเหลือเกิน ส่วนไอ้แยมนี่ก็ออกหล่อแบบหล่อเลยนะครับ น่าเอาไปประกวดเดือนชิบ เออน่าจะเวิร์คว่ะเดี๋ยวผมต้องเสนอชื่อมัน

เดี๋ยวต้องวางแผนเพื่อเข้าไปป้วนเปี้ยนในชีวิตพวกมันบ่อยๆ

“ ไม่ตอบด้วยว่ะ ”

“ เออชอบ พวกมึงห้ามยุ่ง ” ผมสั่งเป็นคำขาด เอาดิ่ใครมายุ่งกับมันกูไล่กระทืบเรียงตัวเลยอ่ะเพื่อนกูก็ไม่เว้น

“ เอาว่ะๆ ”

“ กูว่าแล้ว ”

“ น้องสมปองนี่ไม่ทำดา ”

“ เงียบน่าพวกมึงอ่ะ ชงเหล้าให้กูด้วย ” ผมบอกพวกมันก่อนจะส่งแก้วเหล้าของตัวเองไปให้

วันนี้มีความสุขจังว่ะ

นึกถึงหน้าตอนที่ผลักผมออกก็ตลกดี ทั้งหน้าทั้งหูนี่แดงไปหมด แถมท่าทางลนลานนั้นอีก โคตรน่าดึงมาจูบอีกรอบ เสียดายว่าโดนต่อยซะก่อน ไม่เป็นไรเดี๋ยวค่อยหาโอกาสเอา ยังไงน้องมันก็หนีผมไม่พ้นอยู่แล้ว

มึงมันบัดซบที่สุดเลย

พี่บัดซบได้มากกว่านี้อีกครับ......รอดูความบัดซบของพี่ได้เลยน้องสมปอง

รอบหน้าจะจูบแม่งให้ปากเปื่อย



[ จบบันทึกพิเศษ : สยาม ]






TBC.

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-11-2017 08:15:54 โดย chaleeisis »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: S'Diary : ไดอารี่ของสมปอง
«ตอบ #3 เมื่อ24-09-2017 22:56:02 »

โอ๊ยๆๆๆ...........สนุกกกกกกก ชอบบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

นึกแล้วว่าพี่สยาม ต้องคิดไรกับสมปอง
ขำ ที่เพื่อนเอาถุงคลุมหัวพี่เขา
แล้วพาไปปล่อยที่คณะเกษตร เหมือนปล่อยหมา ปล่อยแมวเลย  o22
ทำไมถึงทำกับสยามด้ายยยยยย......♫ ♬ ♪ ♩ ♭ ♪ 

เพื่อนพี่สยามดูออกอีก ว่าพี่เขาชอบสมปอง เจ๋งจริงๆ

ดูท่าแยม คงถูกคัดให้เป็นเดือนแน่เลย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ chaleeisis

  • mgAmuptUF
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
    • nearby girls for live chat
บทที่ 3 เมื่อสมปองดื้อ

ปวดหัว

ปวดหัวชิบหายเลย

ผมค่อยๆชันตัวลุกขึ้นมา ความรู้สึกแรกเลยคือมึนหัวมากครับเพราะเมื่อคืนดื่มไปเยอะมากพอสมควร ผมมองไปรอบๆก็พบว่าอยู่ที่ห้องของตัวเอง นี่นึกว่าจะนอนอยู่ข้างทางแล้วนะเอาจริงๆเหมือนเมื่อคืนจำได้คร่าวๆว่าตัวเองไปทำอะไรไว้สักอย่าง แต่นึกเท่าไหร่ก็จำไม่ได้ว่ะ ช่างแม่งละกัน

ผมเข้าไปจัดการกับตัวเองในห้องน้ำ เห็นตัวเองในกระจกก็รู้สึกอนาถขึ้นมาทันที เมื่อคืนผมดื่มเกินลิมิตตัวเองเพราะอยากจะลืมเรื่องที่ตัวเองโดนขโมยจูบ นึกถึงก็หงุดหงิดว่ะ แม่งจะเป็นตราบาปของผมไปจนชั่วชีวิตสินะ

“ มึนหัวชิบ ” ผมเดินออกมาจากห้องน้ำแบบเซๆ โลกหมุนสัสๆกว่าจะประคองตัวเองให้มานั่งเก้าอี้ได้นี่หน้าแทบทิ่มพื้นหลายครั้งละ บนโต๊ะมีสมุดไดอารี่สีขาววางอยู่ ผมจะต้องเขียนเหตุการณ์วันปฐมนิเทศให้พ่อได้อ่าน ผมอยากให้พ่อรู้นะว่าผมไม่เจอกับเรื่องอะไรมาบ้าง

เอาล่ะส่ายหัวสามทีเพื่อตั้งสติ



วันปฐมนิเทศของสมปอง

ชีวิตมหาลัยของผมมันกำลังจะเริ่มแล้วพ่อ ผมตื่นเต้นมากอ่ะบอกเลย วันนี้มีปฐมนิเทศตอนเช้า ผมได้เจอคนเยอะแยะเลยนะ สาวแจ่มๆก็โคตรเยอะอ่ะบอกเลย พอปฐมนิเทศเสร็จรุ่นพี่ก็นัดให้ไปเจอที่ลานเกียร์ แล้วผมก็หาลานเกียร์ไม่เจอ ฮ่าๆๆ แน่ล่ะมหาลัยแม่งใหญ่หนิก็ต้องหลงทางบ้างเป็นธรรมดา แต่เพราะการหลงทางของผมมันทำให้ผมได้มีเพื่อนคนแรกเลยนะพ่อ ชื่อว่า ลันตา มันหน้าตาน่ารักมากแต่มันเป็นคนกวนตีนอ่ะ ไว้ผมจะพาไปให้รู้จัก พอลันตามันพาผมมาถึงลานเกียร์ก็มาเจอรุ่นพี่คนนึง แม่งโคตรปากเสียเลย มันว่าชื่อผมโบราณด้วยนะพ่อ ทั้งๆที่มันก็ชื่อโบราณไม่ต่างจากผมอ่ะ

มันชื่อ สยาม

มันเป็นคนบ้าอ่ะจริงแม่งถือโทรโข่งทะเลาะกับผมแล้วดังลั่นได้ยินกันทั้งคณะเลยนะพ่อ แล้วเพื่อนๆมันก็แบกมันไปทิ้งไว้ที่อื่นเพื่อที่มันจะไม่ได้ทะเลาะกับผม แม่งบ้าจริงไว้ผมจะถ่ายรูปมันไปให้พ่อดูหน้าว่ามันหน้าตากวนตีนขนาดไหน พอผ่านเรื่องวุ่นๆไปผมก็มาได้รู้จักกับเพื่อนอีกสองคน ชื่อ สีเทียนกับแยม เห็นไหมพ่อมาปฐมนิเทศวันเดียวผมมีเพื่อนตั้ง 3 คน สุดยอดเลยดิ่ เนี่ยแปลว่าลูกพ่อมีเสน่ห์และเป็นที่รักนะใครๆถึงอยากจะรู้จักไง

พอค่ำผมกับเพื่อนๆก็เลยไปฉลองมิตรภาพกันที่ร้านเหล้า ทุกอย่างมันก็โอเคนะจนเมื่อไอ้พี่สยามมันมา มันกวนประสาทผมด้วย ผมกับมันทะเลาะกันเรื่องชื่อซ้ำอีกรอบ โดนมันดีดหน้าผากด้วยโคตรเจ็บเลยอ่ะ ที่บัดซบสุดก็คือโดนมันขโมยจูบเว้ย จูบ*!!!!* มันจูบผมเฉยเลยอ่ะ ผมเลยต่อยมันไปทีนึง แม่งแย่มากอ่ะที่มาทำกับผมแบบนี้ ไว้มันเผลอผมจะไปกระทืบมัน พอเกิดเรื่องบัดซบแบบนี้ขึ้นผมก็กินเหล้าเมาหัวทิ่มเลยอ่ะ ตื่นมานี่อย่างมึน ไว้ผมเขียนอีกทีวันหลังนะพ่อวันนี้พอก่อน ปวดมือแล้ว

1 / 8 / 20**xx : สมปอง




เขียนเสร็จแล้วครับ

ลายมือส้นตีนมากอ่ะเพราะยังไม่ค่อยสร่างแหงๆ

ผมปิดสมุดไดอารี่ก่อนจะหยิบกระเป๋าตังค์แล้วเดินออกจากห้อง หิวครับว่าจะลงไปกินโจ๊กใกล้ๆหอ ตอนนี้ท้องมันมวนแปลกๆ ไม่ชอบเลยเอาจริงๆ คล้ายๆคลื่นไส้เหมือนจะอ้วกแต่ก็ไม่อ้วก

ร้านโจ๊กก็อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากหอผมเท่าไหร่นะครับ กว่าจะเดินมาถึงร้านได้นี่ก็หวิดลงข้างทางไปหลายรอบเหมือนกัน พอผมเข้ามาในร้านก็สังเกตได้ว่ามีคนหันมามองทางผมพร้อมกับส่งเสียงซุบซิบบ้างหัวเราะบ้าง หัวเราะไรกันวะ ผมก้มมองสภาพตัวเอง ก็ไม่ได้ลืมใส่กางเกงมานี่หว่า อะไรของคนพวกนี้วะแต่ช่างเถอะ

“ เอาโจ๊กหมูธรรมดาใส่ไก่เพิ่มไข่พิเศษ ” กูพูดอะไรของกูวะย้อนแย้งชิบหาย ผมส่ายหัวตั้งสติอีกครั้งก่อนจะสั่งใหม่ “ เอาโจ๊กพิเศษใส่ทุกอย่างครับ ”

ป้าแม่ค้ายิ้มน้อยๆก่อนจะพยักหน้ารับคำของผม ผมเดินมานั่งรอที่โต๊ะ ก็ยังมีคนมองผมอยู่ตลอดนะครับ เอาล่ะชักสงสัยละ มีอะไรเกิดขึ้นกับชีวิตผมป้ะวะ แต่ผมก็ไม่เห็นจะจำอะไรได้เลยนะว่าผมไปทำอะไรมา

“ อ้าวไอ้เด็กเปรต ” เสียงกวนประสาทแบบนี้มีคนเดียวในโลกครับ ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าเป็นเสียงใคร

ทำไมผมต้องมาเจอมันสองวันติดด้วยวะ

โคตรโชคร้ายเดี๋ยวต้องไปทำบุญ

“ กูชื่อสมปอง ไม่ใช่เด็กเปรต ” ผมกรอกตามองไอ้พี่สยามที่มันเดินมานั่งฝั่งตรงข้ามผม กูไม่ได้เชิญให้มึงมานั่งกับกูป้ะวะ เสร่อชิบหาย

“ กูจะเรียกอะไรก็เรื่องของกู ”

“ งั้นถ้ากูเรียกมึงว่าไอ้พี่เชี่ยก็เป็นเรื่องของกูสินะ ”

“ ไม่ได้ กูเป็นรุ่นพี่มึงนะ ”

“ กูก็เป็นรุ่นน้องมึงนะ พูดกับกูดีดีมันจะตายรึไง ”

“ ไอ้สมปองมึง!!! ” มันถลึงตาใส่ผมใหญ่เลย ผมก็แลบลิ้นใส่มันอย่างกวนประสาท คนอย่างมึงต้องเจอกูนี่แหละถึงจะสมน้ำสมเนื้อ กวนตีนมากูสวนกลับแน่

ในขณะที่ผมกำลังเถียงกับมัน ป้าแกก็เดินเอาโจ๊กมาเสิร์ฟให้ที่โต๊ะ ไอ้พี่สยามมันก็สั่งโจ๊กแบบผมถ้วยนึง จะแดกตามกูไมวะ แถมยังจะมานั่งโต๊ะเดียวกับกูอีกโต๊ะว่างในร้านก็ตั้งเยอะ โวะ เห็นหน้ามึงนี่โจ๊กกูไม่อร่อยพอดี

“ มึงมานั่งนี่ทำไม โต๊ะว่างก็ตั้งเยอะ ” ผมถามมันพลางตักโจ๊กเข้าปาก โจ๊กอุ่นๆนี่ให้ความรู้สึกดีจริงๆเลย

“ กูก็อยากจะนั่งกับคนดังบ้างอะไรบ้าง ” มันเท้าคางมองผมแล้วยิ้มกริ่ม รู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ

“ คนดังอะไรของมึงวะ ”

“ นี่มึงยังไม่เห็นหรอ ”

“ เห็นอะไรวะ ” พอมันเห็นผมกลับไปแบบงงๆมันก็หยิบโทรศัพท์มันออกมาก่อนจะเปิดอะไรบางอย่างให้ผมดู ก็พบว่ามันเป็นคลิปๆนึงที่มันแชร์อยู่หน้าไทม์ไลน์เฟสบุ๊คของมัน

จุดจบของสมปองสายแข็ง

“ เชี่ยยยยย ” ผมมองคนในคลิปที่มีสภาพเมาเละเหมือนหมาโหวกเหวกโวยห่าอะไรก็ไม่รู้ แถมยังคลานออกมานอนกองอยู่หน้าร้านอีกต่างหาก แล้วไอ้คนๆนั้นมันก็คือผมเอง ยอดแชร์หลายพันนี่มันคืออะไรวะ เพราะงี้สินะคนถึงได้มองผมแล้วก็หัวเราะกัน

พ่อจะเห็นคลิปไหมเนี่ย

โอ้มายก๊อด

“ ช็อคเลยดิ่มึง ” ช็อคดิ่สัส ช็อคแรงมากด้วย ใครมันจะไปคิดว่าตัวเองจะเมาเรื้อนแล้วยังโดนถ่ายคลิปเอาไปลงวะ

ผมได้แต่นั่งนิ่งพลางคิดทบทวนสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไปเมื่อคืน ผมจำไม่ได้จริงๆรู้แค่ว่าเมื่อคืนผมเมามาก แล้วใครมันเป็นคนถ่ายคลิปผมวะ ผมดูคนปล่อยคลิปเจ้าของเฟสใช้ชื่อว่า ลันตา อาอี้ยา

หึ มึงมันงูพิษจริงๆ

“ เห้ย ได้ยินกูพูดป้ะเนี่ยะ ”

“ ได้ยิน แดกๆไปโจ๊กอ่ะอย่ามายุ่งกับกู ” ผมบอกมันอย่างหัวเสีย ลันตานะลันตาทำแบบนี้กับกูได้ งานนี้มีเอาคืนแน่นอน ผมไม่ปล่อยมันไว้แน่

“ แหนะมีฉุนเฉียว เอาน่าๆ กูว่ามึงในคลิปมันก็น่ารักดีอ่ะ ” มันว่าพลางคนโจ๊กในที่ถ้วยที่เพิ่งมาเสิร์ฟให้หายร้อน

“ น่ารักก็เชี่ยละ มึงใช้คำว่าน่ารักกับกูเนี่ยะนะ ประสาทละ ” น่ารักมันต้องไว้ใช้กับผู้หญิงไม่ก็เด็กโว้ย

“ เออลืมว่ะ งั้นเอาใหม่ๆ กูว่ามึงในคลิปมันดูหน้าโง่ดีอ่ะ ” ว่าแล้วก็ส่งยิ้มแบบยียวนกวนประสาทตามสไตล์มัน หมั่นหน้าชิบหาย ถ้าเอาโจ๊กสาดใส่หน้ามันจะมีใครว่าผมไหม

“ โง่หน้ามึงอ่ะ อยากหน้าทิ่มโจ๊กไหมสัส ”

“ ทำโหดๆ กูต้องกลัวมึงไหมเนี่ย ” เกลียดการทำตาโตของมันมาก

“ รำคาญ ” ผมเอ่ยอย่างรำคาญ ผมว่าผมรีบกินโจ๊กให้หมดดีกว่าจะได้รีบไปจากจุดๆนี้สักที ขืนเห็นหน้ามันนานกว่านี้ไอ้ความรู้สึกอุ่นๆที่ปากมันต้องกลับมาอยู่ในหัวสมองของผมอีกแหงๆ

“ มึงต้องรำคาญกูไปอีกนานกูบอกเลย ”

ผมมองมันที่นั่งกินโจ๊กอย่างจริงๆจังๆ ดีนะที่มันไม่พูดถึงเรื่องจูบเมื่อวานออกมาเลย แถมยังทำตัวแบบว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่มันก็ดีแล้วล่ะ ผมเองก็อยากจะลืมๆมันไปซะ

เนี่ยะ ว่าจะลืมก็นึกถึงจัง

“ ป้าครับเก็บตังค์ ” ตอนนี้ผมซัดโจ๊กหมดถ้วยแล้วครับ โคตรอิ่มอ่ะ ค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย ไอ้อาการมวลๆตอนแรกก็หายไปแล้ว แต่ไอ้อาการมึนหัวนี่ยังคงอยู่ไม่เป็นไรเดี๋ยวขึ้นไปนอนสักพักเดี๋ยวก็คงดีขึ้น

“ เดี๋ยวดิ่กูยังแดกไม่เสร็จเลย ”

“ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับมึง ”

“ เออน่า รอกูก่อนดิ่ ”

“ รอมึงเพื่อ กูมึนหัวกูจะขึ้นไปนอน ” ผมควักตังค์จ่ายค่าโจ๊กก่อนที่จะเดินออกจากร้านทันทีโดยไม่สนใจไอ้พี่สยามที่โวยวายอะไรของแม่งอยู่

ทำไมโลกมันสว่างจ้าวิ้งๆแบบนี้วะ

ผมส่ายหัวไล่ความมึนและตั้งสติอีกรอบเตรียมที่จะเดินกลับหอแต่ก็ต้องหยุดเพราะมีคนจับข้อมือผมไว้ หันไปก็พบกับไอ้พี่สยามคนเดิมนั่นแหละครับ จะอะไรกับกูอีกวะเนี่ย

“ เดี๋ยวกูไปส่ง ”

“ ไม่ต้อง กูเดินกลับเองได้ ”

“ สภาพอย่างนี้เนี่ยนะจะกลับเอง เดินให้ตรงยังทำไม่ได้เลย เดี๋ยวกูไปส่ง ”

“ มึงจะมายุ่งอะไรกับกูวะ ตอนมากูยังเดินมาได้เลย ตอนกลับกูก็ต้องกลับได้อยู่แล้วแหละ ” ถึงแม้ว่าตอนมาเกือบจะหัวทิ่มอยู่ข้างทางก็เถอะ

“ จิ๊....มึงอย่ามาดื้อได้ไหม ” มันจิ๊ปากอย่างหงุดหงิด

“ กูไม่ได้ดื้อ มึงนั่นแหละที่ดื้อ กูบอกว่าจะกลับเองไง ” ผมโวยวายใส่มันอย่างไม่ยอม ชีวิตกูกูรับผิดชอบได้ยูโน้ว

“ มึงจะไปดีดีไหม ”

“ ไม่ไป ” ผมจ้องหน้ามันที่จ้องผมอยู่ เอาสิมึง ดูดิ้ใครจะชนะ

ผมยักคิ้วท้าทายมัน ไอ้พี่สยามมันนิ่งไปแปปนึงก่อนจะรวบแขนผมเข้ามาก่อนจะย่อตัวอุ้มผมขึ้นมาพาดบ่า เดี๋ยวไอ้สัสมึงจะทำอะไรกูเนี่ยไอ้บ้า

“ มึงปล่อยกูเดี๋ยวนี้เลยนะไอ้เชี่ย ” ผมดิ้นไม่หยุด สองมือก็ทุบหลังมันเพื่อให้มันปล่อย แต่มันดูไม่ค่อยสะทกสะท้านกับแรงทุบของผมเลย มึงเป็นมนุษย์เหล็กหรอไอ้สัส

ป้าบบบบ

“ ไอ้สัสสสสสสสสไอ้สยามไอ้เชี่ย ” มันตีก้นผมอย่างแรง โอ้ยเจ็บชิบแม่งต้องเป็นรอยมือมันแน่ๆ

“ มึงอยากดื้อดีนัก ” มันตีก้นผมอีกที ผมก็ทุบหลังมันสวน แต่ยิ่งผมทุบหลังมันมันก็ยิ่งตีผมแถมยังตีแรงขึ้นเรื่อยๆ ไอ้สัสกูเจ็บ มีคนไม่น้อยเลยนะครับที่เห็นผมสองคนแล้วก็มีไม่น้อยที่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป เออให้กูดังแค่คลิปเดียวไม่พอใจไง เออเอาให้เต็มที่เลย

ชีวิตกูไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ววววว

ไอ้พี่สยามมันพาผมเดินมาจนถึงรถมินิคูเปอร์สีดำคันนึง มันปลดล็อคกุญแจก่อนจะเปิดประตูแล้วยัดผมเข้าไป แล้วมันก็ขึ้นมานั่งฝั่งคนขับ ไอ้สัสมึงนี่เผด็จการชิบหาย

“ มึงนี่มัน....” ผมกำลังจะอ้าปากด่ามันแต่มันชี้นิ้วแล้วส่งสายตาเหี้ยมมาทางผมซะก่อน

“ จะบอกกูดีดีไหมว่าหออยู่ที่ไหน ”

“ ไม่บอก ” ผมหันหน้าหนีมันแต่มันก็ดึงแก้มผมให้หันกลับมามองมันเหมือนเดิม นี่กูเจ็บที่ก้นไม่พอยังต้องมาเจ็บที่แก้มอีกหรอวะ

“ ถ้ามึงไม่บอกดีดี กูจูบนะ ” มันเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง สายตาคู่นั่นก็บ่งบอกว่ามันไม่ได้พูดเล่นๆ

ผมกลืนน้ำลายลงคอดังอัก ไม่เอานะชีวิตผมควรโดนผู้ชายจูบแค่ครั้งเดียวอะจริงๆ แต่ใจนึงก็ไม่อยากให้มันไปส่ง เพราะถ้ามันไปส่งมันก็ต้องรู้ว่าผมอยู่ที่ไหน เดี๋ยวแม่งก็ตามระรานผมที่หออีก ไม่ต้องพบกับความสงบแล้วแหละชีวิตนี้ แต่ถ้าไม่บอกก็โดนจูบอีกไอ้สัสเอ้ยไม่มีทางเลือกดีดีบ้างรึไงวะ

เอาไงดีวะปอง

“ มึงช้าเองนะ ” สิ้นเสียงมันก็กระชากคอเสื้อผมเข้าไปจนใกล้ก่อนจะประกบริมฝีปากลงมาทาบทับ เหมือนกับภาพเหตุการณ์เมื่อวานมันย้อนกลับเข้ามาในหัว แต่วันนี้มันมากกว่าเมื่อไอ้บ้านั่นมันบีบแก้มให้ผมเปิดปากเพื่อให้มันได้สอดลิ้นเข้ามาด้านใน ผมพยายามที่จะผลักมันออกไปแต่เหมือนมือไม้มันอ่อนแรงลงดื้อๆ

มือเรียวยาวของพี่มันล็อคคอผมไว้ตามองศาที่มันจะจูบผมได้ถนัดๆ สัมผัสได้ถึงลิ้นร้อนๆที่ไล่ต้อนลิ้นของผมอยู่ มันให้ความรู้สึกแปลกๆ มันไม่ใช่แค่ความรู้สึกอุ่นๆที่ริมฝีปากเหมือนครั้งที่แล้ว ผมรู้จะอธิบายความรู้สึกนี้ออกมายังไง

ผมไม่เคยทำแบบนี้กับใครนี่หว่ามันจะไปรู้ได้ยังไง

เวลาผ่านไปสักแปปนึงพี่มันก็ถอนริมฝีปากออกช้าๆก่อนจะใช้ปลายนิ้วของมันเช็ดคราบน้ำลายใสๆที่ริมฝีปากของผม “ มึงมันดื้อ ”

ตึกตัก

ผมรับรู้ได้ถึงอัตราการเต้นของหัวใจที่มันเร็วขึ้น ตอนนี้หน้าของผมกับมันห่างกันแค่ไม่ถึงคืบ ลมหายใจร้อนๆกับสายตาจริงจังนั่นมันทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ

เหมือนกับต่อต้านไม่ได้ยังไงยังงั้น

“ จะบอกกูได้รึยังว่าหออยู่ที่ไหน ถ้ามึงยังดื้ออีก กูจะไม่หยุดแค่จูบนะ ” ผมกระพริบตามองมันช้าๆ เออยอมแล้วไอ้สัส เลิกหน้าแบบนั้นใส่กูสักที ใจมันสั่นโว้ย

“ หอK2 ”

“ ก็เท่าเนี้ยะ ” มันผละออกไปก่อนจะออกรถเพื่อที่จะไปส่งผม

ผมได้นั่งเงียบๆมองข้างทาง รู้สึกประหม่าชิบหาย ไม่เคยแพ้ทางและก็เสียท่าใครเท่ามันเลย เจอมันแค่สองวันมันกลับขโมยจูบของผมไปได้ทั้งสองวัน เมื่อวานยังได้ต่อยมันกลับแต่วันนี้เหมือนรู้สึกว่าตัวเองสวนอะไรกลับไปไม่ได้เลยได้แต่นั่งเงียบๆ แม่งโคตรไม่ใช่ตัวผมเลยว่ะ

“ ถึงละ ” ผมสะดุ้งกับเสียงมันนิดๆ พอมองด้านหน้าก็พบว่าเป็นหอตัวเอง ผมเปิดประตูหวังจะลงจากรถแต่ก็โดนดึงแขนไว้อีกรอบ มึงจะอะไรกับกูอีกวะ

“ อะไรอีกอ่ะ ” ผมถามโดยที่ไม่ได้หันไปมองหน้ามัน

“ มึนหัวก็แดกยาซะด้วย ” เสียงเข้มนั่นเจือความเป็นห่วงหน่อยๆ ใจนึงก็อยากหันไปมองมันนะว่ามันทำหน้ายังไงอยู่ แต่ถ้าหันไปแล้วโดนจูบอีกนี่ก็ไม่เอาอ่ะ จิตใจไม่ไหวแล้วครับ ณ จุดๆนี้

“ เออ รู้แล้ว กูไม่ขอบใจมึงที่มาส่งหรอกนะ มึงบังคับกู ” ก็จริงอ่ะ แม่งบังคับผม ทั้งมาส่งทั้งจูบ เนี่ยะในหัวมีแต่คำว่าจูบลอยล่องเต็มไปหมด

“ ไอ้ดื้อเอ้ย ” มันเอ็ดก่อนจะยอมปล่อยมือผม ผมนี่ก็รีบลงมาจากรถมันแล้ววิ่งขึ้นหออย่างไว ไอ้อาการมึนๆนี่หายไปเป็นปลิดทิ้งเลย

ผมรีบเข้าห้องตัวเอง ล็อคประตูและกระโจนขึ้นเตียงทันที มือก็ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมโปงอีกต่างหาก อยากจะระเบิดตัวเองทิ้งจริงๆ ที่ยอมปล่อยให้เรื่องแบบนั้นมันเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง แถมมันยังให้ความรู้สึกมากกว่าครั้งแรกมากด้วย

“ บ้าชิบ ” ผมสบถก่อนจะกัดริมฝีปากตัวเองเบาๆ เหมือนปากจะเจ่อหน่อยๆด้วยว่ะ บ้าว่ะบ้าไม่อยากคิดแล้วอ่ะ ผมคว้าโทรศัพท์ที่อยู่ใกล้ๆก่อนจะโทรไปหาสีเทียน ไม่นานนักมันก็รับสาย

( ว่าไงสายแข็ง )

“ เดี๋ยวจะโดนนะพวกมึงอ่ะ เดี๋ยวเจอกูแน่ๆ ” ไอ้สัสยังจะมาเล่นเพื่อนมึงกำลังเครียดนะไอ้บ้า

( โอ๋เอ๋ ขำๆน่ะ ว่าแต่โทรมามีไร )

“ กูไปเจอเรื่องไม่ดีมากูอยากลืมอ่ะ ทำไงดีวะ ”

( ทำไงงั้นหรอ )

“ เออ ” ผมรอคำตอบจากมันอย่างเงียบๆ สีเทียนมันก็ดูเป็นคนทีมีความคิดดีดีเยอะ ผมก็หวังว่าสีเทียนมันจะให้คำแนะนำที่ดีกับผมได้

( แดกเหล้า )

แต่ผมคิดผิดว่ะ

“ ไอ้สัสสสสสสสสเทียน ” ไม่ได้ช่วยอะไรกูเล้ยไอ้เพื่อนเลว

ผมกดวางสายก่อนจะวางโทรศัพท์ไว้ใกล้ๆ ทำไงให้ลืมดีวะ ลืมโดยที่ไม่ต้องกินเหล้า นอนไง นอน การนอนหลับมันจะทำให้ผมลืมไปได้แปปนึง ความฝันมันเป็นพื้นที่ของผมไอ้พี่สยามนั่นมันต้องเข้ามาไม่ได้อย่างแน่นอน พอคิดได้แบบนั้นผมก็จัดการชัทดาวน์ตัวเอง

คร่อกกกก ZZZ….





TBC.

#หยัมปอง ขอบคุณที่เข้ามาอ่านน้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-09-2017 19:09:26 โดย chaleeisis »

ออฟไลน์ chaleeisis

  • mgAmuptUF
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
    • nearby girls for live chat
บทที่ 4 ความทรงจำใหม่


เวลาสองอาทิตย์นี่ผ่านไปไวเหมือนโกหกเลยว่ะ

ผมนั่งหน้ามึนอยู่ในห้องเรียนที่แอร์เย็นฉ่ำ บรรยายกาศมันน่านอนมากครับ ยากมากที่จะดึงสติเอาไว้ ผมอยากจะฟุบหลับหลายรอบละ แต่ลันตามันก็ตบเรียกสติผมทุกรอบ พูดถึงลันตา ผมยังไม่ได้ล้างแค้นที่มันเอาคลิปผมไปลงเลย ผมไม่ได้คิดจะใจดีปล่อยมันไปนะครับแต่ผมยังคิดไม่ออกว่าจะเอาคืนมันยังไงดี ไว้คิดออกก่อนค่อยจัดการ

มันจะต้องเป็นการล้างแค้นที่น่าจดจำ

หึ

“ กูง่วงอ่ะ ” สีเทียนบอกพลางยกมือขึ้นปิดปากตัวเองที่กำลังหาว ไม่ใช่แค่มึงหรอกเทียน กูก็ง่วงเหมือนกัน

“ ง่วงอะไรของพวกมึงกันวะ เปิดเทอมวันแรกนะทำตัวให้มันตื่นเต้นหน่อยสิ ” กูก็อยากจะตื่นเต้นอ่ะนะลันตาแต่ว่ามันก็ง่วงป้ะวะ มึงดูอากาศ มึงดูการบ่นอะไรไม่รู้งุ้งงิ้งๆของอาจารย์ รวมๆทั้งหมดนี่เป็นปัจจัยที่ดีต่อการนอนมากเลยนะ

“ ปล่อยมันเถอะลันตา วันแรกมันไม่มีอะไรหรอก ” เออใช่ แยมมันพูดถูก

วันแรกมันไม่ค่อยมีอะไรหรอก

วันนี้เป็นวันเปิดเรียนวันแรกครับ มันเป็นวันที่จะได้พบกับเพื่อนๆ ได้พบกับอาจารย์เพื่อที่จะชี้แจงบทเรียนที่จะเรียนไปตลอดทั้งเทอม เริ่มเรียนจริงๆจังๆคงจะเป็นคลาสหน้า วันนี้ไม่ต้องมาก็ได้นะครับเอาจริงๆ แต่ที่มากันนี่ก็เป็นเพราะพวกพี่ปี 2 เขานัดจับสายรหัสกัน ถ้าไม่มีนัดผมเองก็อาจจะนอนกลิ้งอยู่ที่หอก็เป็นได้

“ อย่าลืมนะคะนักศึกษา แล้วเจอกันคลาสหน้า ” สิ้นเสียงอาจารย์สยมพร เหล่านักศึกษาก็พากันเก็บของรวมถึงผมด้วย วันนี้หมดคลาสแล้วครับ ตอนนี้ก็ประมาณเที่ยง เหลือเวลาก่อนที่พวกพี่ปี 2 นัดก็เกือบสองชั่วโมง

“ ไปกินข้าวกันเหอะมึง ”

“ ไปดิ่ กูก็หิวอยู่ยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า ”

“ กูก็เหมือนกัน มึงเก็บของเร็วๆดิ้ปองกูหิว ” ลันตามันเร่งผม ใจเย็นๆได้ไหมล่ะ นี่กูก็รีบสุดแล้ว

หลังจากที่ผมเก็บของเสร็จ ลันตามันก็นำทางเรามายังที่โรงอาหารของคณะครับ มีแต่ของน่ากินทั้งนั้นเลยว่ะ ไม่ใช่แค่ของที่น่ากินนะครับ คนก็น่ากินเหมือนกัน เวลาประมาณเที่ยงแบบนี้นี่เด็กวิศวะก็มาพักกินข้าวกัน สาววิศวะนี่สวยบาดตาบาดใจผมจริงๆเลย

“ สีหน้ามึงแสดงออกมาชัดมากเลยนะปอง ”

“ แสดงอะไรวะ ”

“ แสดงความแรด เอาของวางละไปซื้อข้าวแดกได้ละ ” ลันตามันวางของไว้บนโต๊ะก่อนจะเดินไปซื้อข้าว ผมก็ได้แต่เบ้ปากมองมันตามหลัง ปากคอเราะร้ายชิบหาย อย่าให้ถึงวันของกูนะลันตานะ

“ เอาหน่า ไปซื้อข้าวดีกว่าเนอะ ” สีเทียนมันตบหลังผมเบาๆคล้ายๆจะปลอบใจ มึงนี่คนดีจังเลยเทียน มีแต่มึงนี่แหละที่คอยให้กำลังใจกูอยู่เสมอ

ซาบซึ้งว่ะซาบซึ้ง

พอผมซาบซึ้งกับมิตรภาพของสีเทียนเสร็จ ผมก็หยิบกระเป๋าตังค์ก่อนจะเดินมาต่อคิวซื้อก๋วยเตี๋ยวครับ รู้สึกอยากกินเย็นตาโฟมาก พอผมต่อคิวก็สังเกตได้ถึงสายตารอบข้างที่มองมา มองมาแล้วหัวเราะคิกคักกัน ภาพเหตุการณ์ที่ร้านโจ๊กเมื่อสองอาทิตย์ก่อนมันแล่นเข้ามาในหัวเลยว่ะ ผมไปทำอะไรไว้อีกวะ แต่เท่าที่จำได้ก็ไม่ได้ทำอะไรนี่หว่า

เอ๊ะ หรือทำ

ผมยืนนิ่งเพื่อนึกเหตุการณ์ในสองอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมก็ไม่ได้ทำอะไรนะนอกจากนอนอยู่ในห้อง มีไปเล่นเกมส์ที่ห้องแยมบ้าง ไปเล่นไพ่ที่ห้องสีเทียนบ้าง ส่วนห้องลันตานี่ไปนอนค้างกับมันตอนที่มันประสาทแดก ไอ้ที่ไปนอกหอก็คือไปเซเว่นกับไปร้านโจ๊ก ก็ไม่น่าไปทำอะไรแปลกๆได้ป้ะวะ จะว่าเป็นเพราะคลิปจุดจบสายแข็งก็ไม่น่าจะใช่เพราะมันก็ผ่านไปสองอาทิตย์ กระแสคลิปผมก็เงียบไปมันก็เป็นปกติสำหรับโลกโซเชียล

แต่ถ้าไม่ใช่เพราะคลิปมันเป็นเพราะอะไรวะ

ซิปกางเกงก็รูดนี่หว่า

“ เด็กเปรต ” ผมหันตามเสียงที่ดังมาจากด้านหลัง ก่อนพบกับใบหน้าหล่อเข้มที่ผมไม่ได้เห็นมาสองอาทิตย์ ไอ้พี่สยามที่สวมเสื้อช้อปสีน้ำเงินเข้มมันเดินเข้ามาใกล้ผมก่อนจะ....

ฟอด

“ แก้มมึงนิ่มจังวะ ”

ฟอด

ฟอดด

ฟอดดด

“ เห้ย!!! มึงทำเชี่ยไรของมึงเนี่ยะ ” ผมโวยวายพร้อมกับผลักไอ้พี่สยามมันออก ก่อนจะยกมือขึ้นมาเช็ดแก้มแรงๆ ใบหน้าหล่อของมันยิ้มออกมาเมื่อโดนผมโวยวายใส่

ยิ้มเชี่ยอะไรของมึง

“ อะไรกันล่ะ ท่าทางแบบนั้น ” มันเลิกคิ้วมองผมอย่างกวนๆ น่าถีบหน้าชิบหาย

“ มึงอ่ะเป็นห่าอะไร มาหอมแก้มคนอื่นแบบนี้ได้ยังไง ” ผมโวยใส่มันดังลั่นโดยที่ไม่สนใจคนที่กำลังมองอยู่ ไอ้ตอนที่มันหอมแก้มผมไปนั้นก็คงมีคนไม่น้อยที่เห็น แล้วมันไม่ได้หอมแก้มแค่ทีเดียวนะ มันหอมแก้มผมไปตั้ง 4 ครั้ง

ตั้ง 4 ครั้ง!!!

ไม่คิดจะให้กูเก็บไว้ให้ว่าที่เมียในอนาคตกูหอมบ้างเลยรึไงไอ้สัส

“ ก็กูชอบของฟรีอ่ะ ”

“ ของฟรีอะไรของมึง ”

ไอ้พี่สยามมันยกยิ้มพร้อมกับก้มหน้าลงมาใกล้ๆ “ ก็ของฟรี อย่างแก้มมึงไง ”

“ ไอ้สัส ” ผมผลักมันให้ออกห่างจากหน้าผม “ แก้มกูไปเป็นของฟรีตอนไหน ”

ผมมองหน้ามันอย่างเอาเรื่อง ตอนนี้ผมรู้สึกหงุดหงิดมากครับ คนแม่งก็มองกันให้ตรึมแถมยังมีเอาโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิปอีก หิวก็โคตรจะหิว แล้วยังจะมาโดนไอ้พี่สยามขโมยหอมแก้มด้วย ช่วงเวลาสองอาทิตย์ที่ผมไม่เจอมันนั้นผมรู้สึกว่าชีวิตผมสงบมากเลยนะ แถมการที่ไม่เจอมันก็พอจะทำให้ผมไม่นึกถึงเรื่องที่โดนมันจูบ โอ้ยแม่ง ห่าเอ้ย กว่าจะพยายามลืมได้มันยากนะ

วันนี้ก็เสือกป้อนความทรงจำใหม่ให้กูอีกอีเลว

“ กูพูดจริงๆอ่ะ ถามคนอื่นก็ได้ น้องๆแก้มมันเป็นของฟรีป้ะ ” ไอ้พี่สยามมันหันไปถามสาวน้อยน่ารักที่ยืนอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ นางก็พยักหน้ารับพี่มันเบาๆ พยักหน้าไมวะแก้มกูไม่ใช่ของฟรีนะโว้ย

“ มันเป็นของฟรีตรงไหนห้ะ ”

“ มึงไม่รู้ตัวจริงๆสินะ ” รู้ตัวอะไรของมึงวะ

ผมหมุนตัวมองคนรอบๆที่พากันหัวเราะแบบจริงจังหลังจากที่ไอ้พี่สยามมันพูดจบ พวกมึงหัวเราะอะไรกันเห็นกูเป็นตัวตลกหรอ สายตาผมเหลือบไปมองเห็นเพื่อนๆที่นั่งกันอยู่โต๊ะ พวกมันเองก็นั่งมองผมแล้วหัวเราะอยู่ โดยเฉพาะสีเทียนกับลันตาที่หัวเราะกันจนตัวโยน

ชักจะทะแม่งๆ

ผมหันกลับมาหาไอ้พี่สยามมันช้าๆ “ เกิดอะไรขึ้นกับชีวิตกู ”

“ ข้างหลังมึงอ่ะ ” ผมหันหลังมองทันทีที่ไอ้พี่สยามมันพูดจบ มันก็ไม่มีอะไรนี่หว่า มีแต่คนหัวเราะกูเนี่ยะ

“ ไม่เห็นมีอะไรเลย มึงหลอกกูหรอ ”

“ มึงนี่มันปัญญาอ่อนจริงๆเลยสมปอง ” ไอ้พี่สยามมันทำหน้าเอือมใส่ผม “ มึงจับหลังตัวเองดิ้ ”

พอได้ยินแบบนั้นผมก็ยกมือจับหลังของตัวเองก็ได้ยินเสียงอะไรกรอบแกรบ เท่าที่มือสัมผัสได้มันคือผิวกระดาษ ผมจึงดึงมันจนหลุดออกมาจากด้านหลัง กระดาษอะไรของแม่งวะ แล้วมันมาติดหลังตอนไหนวะเนี่ย พอได้ก้มอ่านข้อความที่อยู่บนกระดาษก็ได้เข้าใจว่าทำไมไอ้พี่สยามมันถึงได้มาหอมแก้มผม

แก้มฟรีไม่มีเจ้าของ จะฟัดจะหอมก็ทำตามใจ

หึ แม่งเล่นกูอีกแล้ว

“ ชัดไหมว่ากูหอมแก้มมึงทำไม ” ผมเงยหน้ามองไอ้พี่สยามที่มันยิ้มปากบาน

“ มึงก็รู้ว่ามันคือการแกล้ง มึงจะบ้าจี้ทำตามเพื่ออะไรวะ ” คนเห็นกระดาษห่านี่ก็เยอะแต่มันก็ไม่มีใครกล้ามาหอมแก้มกูสักคน มีแต่มึงนี่แหละไอ้บ้าที่กล้าทำอะไรบ้าๆแบบนี้

“ ก็กูอยากทำอ่ะ ได้หอมแก้มมึงนี่คือกำไรชัดๆนะ ”

“ กำไรอะไรของมึงวะ ”

ไอ้พี่สยามมันก้มลงมาใกล้ๆข้างหูผม “ กำไรที่คล้ายๆกับจูบบนรถอ่ะ ”

ตึกตัก

แค่คำว่าจูบเอง ไม่ต้องใจเต้นขนาดนี้ก็ได้มั้งสมปอง

ผมมองหน้ามันก่อนจะกระพริบตาปริบๆ ไอ้พี่สยามมันก็ยิ้มหวานจนตาหยี เออเอาเข้าไป คิดว่าเล่นงานกูได้ก็เอาใหญ่เลยนะ ผมค่อยๆทำมึนกลับมาต่อแถวซื้อก๋วยเตี๋ยวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไอ้พี่สยามมันก็ตามมาต่อแถว มันก็ยังไม่มีคนไม่น้อยนะที่ยังมองอยู่ ไม่คิดจะแยกย้ายไปแดกข้าวกันหรอครับ ชีวิตกูมีอะไรให้น่าสนใจนักหนา

กูพาลหมดอ่ะนาทีนี้

“ สมปอง ”

“ อะไรมึงอีกวะ ”

“ วันนี้ห้ามสายนะ ”

“ ถ้าสายแล้วมึงจะทำไมวะ ” ผมเหลือบมองมัน

“ ถ้าสายมึงโดนลงโทษแน่ ” มันยกยิ้มให้ผม เกลียดการยกยิ้มของมึงมากอ่ะกูบอกจากใจเลย อยากจะเอามีดมากรีดให้มุมปากมันหายไปซะจริงๆ

“ ไม่กลัวหรอก อย่างมึงจะทำอะไรกูได้ ป้าครับเอาเส้นเล็กเย็นตาโฟพิเศษน้ำใส ” เย็นตาโฟมีน้ำใสด้วยหรอวะ บ้าบอชิบหาย ผมส่ายหัวตั้งสติก่อนจะสั่งใหม่อีกครั้ง “ เส้นเล็กเย็นตาโฟพิเศษครับ ”

“ จะใช่เร้อที่ว่ากูทำอะไรมึงไม่ได้ ”

“ น้ำหน้าอย่างมึงจะทำอะไรกูได้วะ ” ผมยื่นเงินไปจ่ายให้ป้าก่อนจะรับชามเย็นตาโฟมาปรุง ผมชอบกินหวานครับเพราะงั้นใส่น้ำตาลแม่งสักสามช้อน

“ ก็ทำได้หลายอย่างนะ ทั้งหอมแก้มเอย ทั้งจูบเอย ”

แค่กก..ก....

ห่าเอ้ย

“ ใช่เรื่องมาพูดไหมเนี่ย ” ผมถลึงตาใส่มันเพราะสิ่งที่มันพูดทำให้ผมสำลักเย็นตาโฟ ความหวานนี่แม่งลามไปยันจมูกกูแล้วเนี่ย

“ ก็กูพูดจริงๆหนิ ป้าครับเอาหมี่เหลืองต้มยำ เดี๋ยวก่อนสิ ” มันดึงข้อมือผมที่กำลังจะเดินหนี กูจะได้แดกไหมเย็นตาโฟเนี่ยะ

“ อะไรมึงอีกวะ ”

“ ห้ามสายนะ ” มันย้ำด้วยน้ำเสียงจริงจัง จะสายไม่สายก็เรื่องของกู มึงนี่ยุ่งจริงๆ

“ เออรู้แล้ว ” ผมดึงมือออกมาจากมือมันก่อนจะเดินมาถึงโต๊ะก็พบกับเจ้าของกระดาษที่ยิ้มเอียงคออย่างน่ารักให้ผมอยู่

“ ไปซื้อนานจังอ่ะ ” สีเทียนมันเอ่ยถามตาใส ทำแบ๊วเชียวนะมึง

“ หึ ” ผมเค้นเสียงใส่มันก่อนจะวางกระดาษที่มันแปะหลังผมไว้กลางโต๊ะ “ มึงกับกูจะได้เห็นดีกันสีเทียน ”

“ กลัวแล้ว ” มันทำเป็นยกมือจับแก้มแล้วทำตาโต เหมือนกับว่ามันกลัวผมมาก

น่าหมั่นไส้จริงๆว่ะ

ผมส่งสายตาเหี้ยมไปให้มันอีกครั้งก่อนจะนั่งกินเย็นตาโฟเงียบๆ ไอ้พวกที่เหลือก็นั่งฝอยอะไรของมันกันก็ไม่รู้ ทำไมชีวิตมหาลัยนี่ผมมีแต่เรื่องวะ โดยเฉพาะเรื่องอับอายกับเรื่องเปลืองเนื้อเปลืองตัวเนี่ยะ แม่งแย่ว่ะ สงสัยต้องไปทำบุญ

“ คิดอะไรอยู่วะปอง หน้ามึงดูเครียดๆนะ ” ผมเงยหน้าขึ้นมามองแยมที่แสดงสีหน้าเป็นห่วงออกมาอย่างชัดเจน

“ กูก็คิดอะไรเรื่อยเปื่อยอ่ะ ไม่มีไรหรอก ” ผมบอกปัดไป เรื่องทั้งหมดมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ด้วย มันแค่น่ารำคาญเท่านั้นเอง ผมไม่จำเป็นจะต้องทำให้เพื่อนมาเป็นห่วงผมด้วยเรื่องเล็กน้อยแค่นี้

“ ถ้ามีไรก็บอกกูได้นะ ” แยมมันแตะไหล่ผมเบาๆ ไม่ใช่มึงเอาอะไรมาแปะไหล่กูอีกนะ

“ เออ ขอบใจนะมึง ” พอเห็นว่าไม่มีอะไรแปะไหล่ผมก็ขอบใจมันเบาๆ ก่อนจะตั้งใจกินเย็นตาโฟตรงหน้าต่อ

ตอนนี้ในหัวผมกำลังคิดถึงแผนเอาคืนลันตากับสีเทียนอยู่ พวกแม่งร้ายกาจชะมัดเพราะงั้นผมต้องเอาคืนให้เจ็บแสบและสาสมกับที่มันทำไว้กับผม ส่วนไอ้พี่สยามนั่นผมว่าผมไม่ควรไปยุ่งกับมัน แต่ดูจากเรื่องที่ผ่านๆมาผมก็ไม่ได้เป็นฝ่ายไปยุ่งกับมันนะ มีแต่มันนั่นแหละที่มายุ่งกับผมก่อน

ทั้งเรื่องจูบทั้งเรื่องหอมแก้ม

“ จิ๊....บ้าชะมัด ” ผมสบถเบาๆก่อนจะยกมือขึ้นกุมแก้มที่พี่มันขโมยหอมไป ปกติมีแค่คนในบ้านเท่านั้นที่ได้หอมแก้มผม ขนาดเมื่อก่อนที่ผมมีแฟน เธอยังไม่ได้หอมแก้มผมเลย แล้วพี่มันเป็นใครวะ

แก้มมึงนิ่มจังวะ

นิ่มพ่องอ่ะ

กูไม่ตลกกับมึงเลยนะไอ้พี่สยาม.....ไอ้ห่าหัวใจนี่ก็เต้นแรงพร่ำเพื่อชะมัด

บ้าบอว่ะ






TBC.

#หยัมปอง ขอบคุณที่เข้ามาอ่านน้าาา

ออฟไลน์ chaleeisis

  • mgAmuptUF
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
    • nearby girls for live chat
บทที่ 5 คำใบ้ของพี่รหัส

ลานเกียร์ตอนบ่าย

กับการรอจับสายรหัสที่แสนน่าตื่นเต้น

หรอวะ

ผมนั่งเท้าคางมองพวกรุ่นพี่ปีสองที่เดินไปเดินมาอยู่ด้านหน้าด้วยความสงสัยว่าเขาจะเดินวนไปวนมาทำไมนักหนา นั่งเป็นไหมนั่ง คนนั่งมองมันตาลายนะ แล้วเมื่อไหร่จะเริ่มกิจกรรมสักทีครับ มันร้อนโว้ย พวกพี่ไม่เข้าใจอากาศตอนบ่ายหรอว่ามันร้อนรุนแรงขนาดไหน ถึงจะอยู่ในร่มก็อาจจะไหม้ตายได้น่ะ

ขอพื้นที่ให้ปองบ่นเถอะ

“ เป็นไรวะมึง ทำหน้าเหมือนอมขี้ไว้เลย ”

“ ถ้ากูอมขี้ไว้กูพ่นใส่หน้ามึงละลันตา ” อย่าเพิ่งมายุ่งกับกูนะครับเพื่อนครับ กูยิ่งร้อนๆอยู่

“ ปากร้ายนักนะมึง เดี๋ยวจะโดน ” ลันตามันชี้นิ้วคาดโทษผม กูไม่กลัวมึงหรอกไอ้เตี้ย มาเหอะมา

ตอนนี้ผมรู้สึกเปื่อยๆ พลางมองไปรอบๆลาน เมื่อไหร่พวกพี่สันทนาการจะมาวะ จะได้รีบจับสายรหัสให้มันเสร็จๆไป ผมต้องการกลับหออาบน้ำนอนมาก ยิ่งวันนี้มีเรื่องหงุดหงิดเกิดขึ้นที่โรงอาหารก็ยิ่งทำให้ผมยิ่งอยากกลับให้ไวขึ้นไปอีก แค่นึกถึงก็ชักจะหัวร้อนแล้วว่ะ

“ พี่ๆเค้ามาแล้วมึง ” ผมเงยหน้าขึ้นมองไปดานหน้าหลังจากที่แยมพูดจบ

หน้าแถวของพวกผมมีรุ่นพี่วิศวะทั้งหกคนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า หนึ่งในหกคนก็คือคนที่ผมอยากจะกระทืบหน้าสักครั้งถ้าผมมีโอกาส ไอ้พี่สยามไงจะใครล่ะ มือแม่งถือโทรโข่งอันที่พูดอัดหน้าผมเมื่อวันปฐมนิเทศด้วย

มึงเผลอเมื่อไหร่กูจะเอาไปซ่อน

หึ

สวัสดีน้องๆปี 1 อย่างเป็นทางการนะครับ พี่ชื่อสยาม เป็นประธานสันทนาการของคณะวิศกรรมศาสตร์ เมื่อวันปฐมนิเทศมีเหตุสุดวิสัยนิดหน่อยพี่เลยไม่ได้มาพบน้องๆ

“ เหตุสุดวิสัยที่มึงโดนถุงคลุมหัวน่ะสินะ ”

“ มึงพูดไรนะปอง ” ลันตามันหันมาถาม แหม่ กูพึมพำยังจะได้ยินอีกเนาะ

“ เปล่าๆ หันไป ” ผมดันหัวให้มันหันกลับไปทางเดิมก่อนจะนั่งฟังไอ้พี่สยามมันพูดต่อ เพิ่งรู้เหมือนกันนะเนี่ยว่ามันเป็นประธานสันทนาการ ยิ่งใหญ่เหมือนกันแฮะตอนแรกนึกว่าแม่งเป็นแค่พวกกิ๊กก๊อก

พี่จะเป็นคนรับผิดชอบเรื่องของกิจกรรมสันทนาการทุกอย่าง ซึ่งวันนี้ที่พี่เรียกน้องๆมาก็เพื่อที่จะให้จับสายรหัสนะครับ ” ไอ้พี่สยามมันหันไปหยิบโหลใส่กระดาษจากพี่ขุนศึก “ การจับสายรหัสถือว่าเป็นกิจกรรมสายสัมพันธ์ที่สืบทอดกันมานาน น้องๆทุกคนจำเป็นที่จะต้องมีพี่รหัสเพื่อให้ช่วยเหลือในเรื่องการเรียนหรือว่าการใช้ชีวิตในรั้วมหาลัย ถึงแม้ว่าพี่ๆบางคนอาจจะช่วยน้องได้ไม่มากเท่าไหร่ ก็ให้คิดว่ามีมันไว้เลี้ยงเหล้าหรือเลี้ยงหมูกระทะน้องก็แล้วกัน ” พอพี่มันพูดจบพวกปีหนึ่งก็ส่งเสียงเฮกันอย่างชอบใจ

ผมว่าก็จริงของมันอยู่นะที่ว่ารุ่นพี่บางคนอาจจะช่วยรุ่นน้องไม่ได้สักเท่าไหร่ โดยเฉพาะไอ้พี่สยามเนี่ยะดูจากสภาพแล้วถ้าใครได้มันเป็นพี่รหัสนี่คงจะปวดจิตปวดใจน่าดู

“ กูอยากได้พี่แกงป่าเป็นพี่รหัสอ่ะ ” สีเทียนมันบอกพลางกับยิ้มเพ้อฝัน มึงคิดว่าตัวเองจะโชคดีจนจับได้พี่แกงป่าหรอวะ

“ ของกูใครก็ได้ที่ไม่ใช่พี่ขุนศึก ” ลันตามันบอกบ้าง

“ ทำไมวะ กูว่าพี่ขุนศึกก็ดีนะ ” ใช่แยมกูเห็นด้วย พี่ขุนศึกนี่จะต้องเป็นรุ่นพี่ที่ดีมากๆ ใครได้ไปเป็นพี่รหัสผมก็ว่าคงจะโชคดี

ต้องโชคดีมากกว่าได้ไอ้พี่สยามแน่นอน

“ พี่แม่งหล่อเกินไป กูเบื่อคนหล่อ ” ลันตามันว่าอย่างเบื่อหน่าย

“ แล้วมึงจะเบื่อกูไหมเนี่ย กูหล่อขนาดนี้ ” ผมหันมองสีเทียนที่มันถามลันตา แหม่ มึงก็กล้าถามเนอะ อย่างมึงเขาเรียกว่าสวยโว้ยไม่ได้เรียกว่าหล่อ

“ มึงไปเอาความมั่นหน้ามาจากไหนวะเทียน ” ลันตามันดึงแก้มสีเทียนอย่างหมั่นเขี้ยว

“ เออมั่นหน้าจริง ” ผมย้ำประโยคลันตาไปทำให้คนโดนว่าเบ้ปากใส่ เบ้ปากใส่กูไมเดี๋ยวก็โบกปากเบี้ยว

ข้างหลังนั่นคุยอะไรกันครับ ” เสียงโทรโข่งดังแว่วมาทำให้พวกผมที่กำลังนั่งคุยกันต้องนิ่งเงียบ ไอ้พี่สยามมันส่งสายตานิ่งๆมาให้เหมือนไม่ชอบใจเท่าไหร่ “ เวลาพี่พูด พี่ก็อยากให้เงียบฟังนะครับ เพื่อที่น้องจะได้เข้าใจ แต่ถ้าน้องคิดว่าน้องยังไม่พร้อมที่จะเงียบแล้วก็ร่วมกิจกรรม ก็เชิญลุกออกไปได้เลยครับ พี่ไม่ห้าม

อูยยย....

แอบโหดเหมือนกันนะเนี่ย

พอพี่มันพูดแบบนั้นพวกผมก็นั่งเงียบอย่างสลด ต้องสลดครับเพราะว่ามันพูดจริง พวกผมผิดที่นั่งคุยกันทั้งๆที่มันกำลังอธิบายเรื่องจับสายรหัสอยู่ สายตานิ่งๆนั่นน่ากลัวชิบหาย ยิ่งเวลาที่มันมองมาทางผมนี่เหมือนจะแดกหัวผมยังไงยังงั้น

เอาล่ะครับ พี่จะให้น้องจับกระดาษที่อยู่ในโหลนะครับ โดยที่กระดาษของน้องเนี่ยจะมีเลขสายกับคำใบ้พี่รหัสอยู่ น้องๆต้องหาพี่รหัสของตัวเองให้เจอภายในเวลา 2 อาทิตย์

“ โห ” พอได้ยินคำว่าสองอาทิตย์พวกปี 1 ก็พากันโห่ใหญ่ เวลาสองอาทิตย์นี่แม่งสั้นมากเลยนะให้หาพี่รหัสเนี่ย แถมพี่ปีสองของวิศวะก็ไม่ใช่น้อยๆด้วย

เอาหน่าพี่เชื่อว่าน้องๆจะหาพี่รหัสของตัวเองเจอ วันที่เฉลยสายถ้าน้องคนไหนหาพี่รหัสตัวเองเจอน้องจะได้ทำโทษพี่ แต่ถ้าน้องคนไหนที่หาพี่ตัวเองไม่เจอ น้องจะเป็นคนโดนทำโทษ โอเคตามนี้นะครับ เริ่มจับสายได้เลย ” พอไอ้พี่สยามพูดจบ เดอะแก๊งค์ของพี่มันก็เดินถือโหลมาเริ่มให้พวกปี 1 จับ

พวกผมนั่งกันอยู่ท้ายๆแถวก็จะรอนานหน่อย แต่ก็ดีแล้วครับผมเชื่อนะว่าเลขท้ายๆมันจะต้องดีแน่ๆเลย ถ้าขอได้นี่ผมอยากได้พี่รหัสผู้หญิงครับ ขอสวยๆ หน้าอกบึ้มๆ ขาว ตัวเล็ก น่ารัก ขอให้พี่เขาโสดด้วย แอร้ย แค่คิดว่าถ้ามีพี่รหัสแบบนี้นะผมต้องรักตายแน่เลย

ไม่ต้องเปย์ผมด้วยเดี๋ยวผมเปย์เอง

ง่อวววววว ป๋าไปอีก

“ อ่ะ สมปอง ” พี่ขุนศึกยื่นโหลใสให้ผมพร้อมกับยิ้มหวาน ถ้าไม่ได้พี่รหัสเป็นผู้หญิงสวยๆแล้วมาได้พี่แทนผมก็ยินดีนะครับ รอยยิ้มพี่แม่งดีต่อใจเหลือเกิน

“ เอาล่ะถ้าครบแล้วก็แกะอ่านได้เลยครับ ” ได้ยินแบบนั้นผมค่อยแกะกระดาษตามที่ไอ้พี่สยามมันบอก ขอผู้หญิงเถอะครับ ขอผู้หญิงสวยๆ ขอหน้าอกบึ้มๆ ขอผู้หญิง ขอผู้หญิง ขอผู้หญิง

0003 พี่เป็นผู้ชายหล่อล่ำปล้ำง่าย

เชี่ย

เชี่ยมาก

ผมนั่งกระพริบตาถี่ๆให้กับกระดาษคำใบ้ ในใจก็หวังไว้ลึกๆว่าไอ้ที่เขียนอยู่นั่นมันไม่ใช่คำใบ้จริงๆ ผมแค่ตาลายอ่านผิด แต่สุดท้ายก็ดูจะเหมือนจะหนีความจริงไม่พ้นว่ะ ความจริงของคำใบ้ที่บ่งบอกว่าพี่รหัสของผมเป็นผู้ชายแน่ๆ

เป็นผู้ชายที่ปล้ำง่ายด้วย

โอ้ยยยยย สมปองอยากงอแง

“ ทำไมมึงกุมขมับแบบนั้นวะปอง ” ลันตามันถามผม ผมก็ส่งกระดาษคำใบ้ไปให้ พอได้อ่านไอ้ตัวแสบมันหัวเราะลั่นออกมาก่อนจะส่งกระดาษของผมให้เพื่อนๆดูต่อ

มันน่าขำตรงไหนไอ้สัส....กูไม่เห็นจะขำ

“ คำใบ้มึงเจ๋งว่ะ ” สีเทียนมันหัวเราะจนน้ำตาเล็ด มึงจะหัวเราะอะไรขนาดนั้นวะไอ้บ้า

“ มึงรีบหาให้เจอนะกูอยากเห็นพี่รหัสมึง ” ลันตามันมันบอกก่อนจะส่งกระดาษคืนให้ผม หาบ้าหาบออะไรวะ คำใบ้แค่นี้ใครมันจะไปหาเจอ

ผมถอนใจเบาๆให้กับความอาภัพของชีวิต หนทางในการหาพี่รหัสนั้นมันดูมืดมนแปลกๆ ผมไม่คิดว่าตัวเองจะหาพี่รหัสเจอจริงๆครับ คำใบ้มันน้อยมาก และเวลาในการหามันก็สั้นมาก ผมอยากรู้นะครับว่าใครเป็นพี่รหัสผม อยากดูหน้าคนที่ตั้งคำใบ้นี้ขึ้นมา เดาจากนิสัยคร่าวๆนี่แม่งต้องไม่ใช่คนปกติแน่นอน เพราะคนปกติเขาไม่ตั้งคำใบ้แบบนี้แน่ๆ

แม่งคือใครกันวะ

คงเห็นคำใบ้กันหมดแล้วนะครับ ก็วันนี้ไว้เท่านี้ละกัน พี่จะนัดรวมเพื่อทำกิจกรรมวันไหนพี่จะบอกอีกที ขอให้น้องๆโชคดีกับการตามหาพี่รหัสนะครับ วันนี้ก็กลับบ้านได้ ” พอไอ้พี่สยามมันพูดจบเด็กปีหนึ่งก็ยกมือไหว้แล้วพากันเดินออกไปจากลาน ก็เหลือพวกผมเหมือนเดิมที่ยังนั่งกันอยู่เหมือนอย่างกับวันปฐมนิเทศไม่มีผิด

จะผิดก็ตรง....ไอ้พี่สยามที่มันเดินมาหยุดตรงที่พวกผมนั่ง

ทำไมพวกมึงไม่กลับกัน ” พี่มันพูดผ่านโทรโข่ง

“ มึงจะพูดผ่านโทรโข่งเพื่อไรวะ ” ผมมองมันอย่างไม่สบอารมณ์ มันเสียงดังมึงรู้ไหมไอ้พี่บ้า

ความสุขกูอีกอ่ะ ” มันว่าพร้อมกับส่งสายตากวนตีนมาให้ “ แล้วทำไมมึงยังไม่กลับกัน

“ ความสุขกูอีกอ่ะ ” ผมพูดย้อนคำมัน กูยิ่งหงุดหงิดอยู่ยังจะมาเซ้าซี้ถามมากอีก

ไอ้เด็กเปรตนี่ ” พี่มันโวยใส่ผมอย่างเอาเรื่องจนเดอะแก๊งค์มันต้องมาจับกันเอาไว้

“ ไอ้ปองมึงใจเย็นสิวะ จะไปกวนตีนพี่สยามทำไม ” ลันตามันหยิกแขนผมเหมือนเชิงห้าม หยิกไมมันเจ็บนะไอ้สัส

“ มันก็กวนตีนกูอ่ะทำไมมึงไม่หยิกมันบ้าง โอ้ยกูเจ็บนะลันตา ” ผมตีไหล่ลันตาที่มันหยิกผมซ้ำ พรุ่งนี้เป็นต้องเป็นรอยเขียวแน่เลย

ปล่อยกูนะไอ้เพื่อนเลว ” ไอ้พี่สยามมันพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดจากแรงดึงของเพื่อนๆ จนถึงตอนนี้มันก็ยังพูดผ่านโทรโข่งอยู่ คือถ้ามึงวางโทรโข่งมึงจะดิ้นหลุดง่ายกว่านี้เยอะอ่ะกูบอกเลย

“ อย่าไปทำน้องมันเลย ” พี่ขุนศึกปราม

“ เออ พวกมึงก็รีบกลับไปได้แล้วไอ้สยามมันเป็นบ้าแล้วเนี่ย ” พี่ชาเย็นบอกก่อนจะแย่งโทรโข่งออกไปจากมือไอ้พี่สยามแล้วก็วิ่งหนีไปอีกทาง พี่แม่งเล่นอะไรกันแปลกๆอีกแล้วว่ะ

“ เอาโทรโข่งกูคืนมานะ ” ไอ้พี่สยามมันแหกปากก่อนจะหันมาชี้นิ้วใส่ผม “ ให้กูได้โทรโข่งคืนก่อน กูจะจัดการมึงทีหลัง ” พอมันพูดจบมันก็วิ่งตามพี่ชาเย็นไปไหนของแม่งก็ไม่รู้ ไม่ใช่แค่มันคนเดียวหรอกครับพวกพี่ที่เหลือก็วิ่งตามกันไปเป็นพรวน เออ เอาเข้าไป

“ ปัญญาอ่อนชะมัด ” ผมเบ้ปากให้กับความติงต๊องของไอ้พี่สยาม ก่อนหน้านี้มันยังดูมีความเป็นผู้ใหญ่ มีความเป็นผู้นำ มีความน่ากลัวและอีกหลายๆความอยู่แท้ๆ อยู่ดีดีก็กลายเป็นคนบ้าเพราะโดนแย่งโทรโข่งซะได้

บทจะเท่ก็เสือกเท่ไม่สุด

แม่งบ้ามากจริงๆ

“ กูว่าเรากลับหอกันเถอะว่ะ ก่อนที่พี่สยามจะกลับมาเชือดมึง ” สีเทียนมันบอกพร้อมกับทำท่าปาดคอไปด้วย

“ เดี๋ยวกูจะเชือดมึงก่อน ” ผมจ้องสีเทียนนิ่งๆ มึงกับลันตาน่ะโดนกูเชือดแน่ๆ เตรียมตัวเตรียมใจไว้เถอะ

สีเทียนมันก็ไหวไหล่ใส่ผมก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วดึงให้ลันตากับแยมลุกตาม ผมก็ลุกขึ้นแล้วเดินตามหลังพวกมันมาเงียบๆ วันนี้ก็มีแต่เรื่องวุ่นวายว่ะ นี่แค่เปิดเรียนวันแรกยังเจอเรื่องขนาดนี้เลย ผมไม่อยากคิดถึงวันต่อๆไปเลยจริงๆ

เพราะงั้น Skip ไปสัก 2 ปีได้ไหมครับ

เฮ้อ

.

.

.

ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มแล้วครับ

ผมอยู่ที่ห้องของตัวเองแล้วหลังจากที่ไปกินข้าวกับเพื่อนๆมา ถึงเวลาอันสมควรดีที่จะเขียนไดอารี่เล่าให้พ่อฟังถึงวันเปิดเรียนวันแรกแล้วครับ พอคิดได้แบบนั้นผมก็หยิบไดอารี่สีขาวขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะก่อนจะถือปากกาไว้ในมือ

เอาล่ะ



วันเปิดเทอมวันแรกของสมปอง

วันนี้เป็นวันเปิดเทอมวันแรกของผมครับ วันแรกๆมันก็ไม่มีอะไรเท่าไหร่นะพ่อ วันนี้ก็ได้เจอเพื่อนๆเยอะเลย ได้เจออาจารย์ด้วย ทุกอย่างมันก็ดูโอเคนะเหมือนจะเป็นไปได้ด้วยดี จนมาถึงตอนกลางวัน ผมโดนสีเทียนแกล้งอ่ะ มันเป็นการแกล้งที่ทำให้ผมโดนขโมยหอมแก้มไป 4 ครั้งแน่ะพ่อ แล้วคนที่หอมแก้มผมมันก็ดันเป็นคนที่ผมไม่ชอบขี้หน้าอีก

ไอ้พี่สยาม

ไอ้พี่สยามอีกแล้วพ่อที่มันแกล้งผมอ่ะ แล้วพ่อคิดดูตอนที่มันหอมแก้มผมคนแม่งเห็นกันโคตรเยอะอ่ะ นี่ถือว่าเป็นเรื่องบัดซบในวันเปิดเทอมของผมเลย เออ แต่เย็นตาโฟที่โรงอาหารโคตรอร่อย เดี๋ยวพรุ่งนี้จะกินอีก พอหลังจากที่ผมกินข้าวแล้วก็มาตามนัดที่รุ่นพี่ได้นัดจับสายรหัส ผมหวังไว้นะพ่อว่าจะจับได้พี่รหัสผู้หญิงสวยๆ แต่โชคไม่เข้าข้างผมเลยอ่ะ ผมจับพี่รหัสได้ผู้ชาย คำใบ้คืออะไรรู้ไหม

พี่เป็นผู้ชายหล่อล่ำปล้ำง่าย

พ่อดูคำใบ้พี่รหัสผมดิ่ เสียใจอ่ะ เฟลด้วยแต่ช่างแม่ง ไว้ถ้าผมหาพี่รหัสตัวเองเจอผมจะบอกพ่ออีกทีว่าแม่งเป็นคนยังไง แต่ผมคิดว่ามันต้องเป็นคนที่ร้ายกาจพอควรเลยถึงได้ตั้งคำใบ้แบบนั้นได้ วันนี้ก็พอก่อนะเนอะพ่อ จะไปดูการ์ตูนละเดี๋ยวไว้เขียนใหม่

คิดถึงพ่อครับ อิอิ

15 / 8 / 20**XX : สมปอง



เรียบร้อยครับ

หวังว่าพ่อจะเข้าใจในสิ่งที่ผมเขียน

ผมปิดสมุดไดอารี่ก่อนจะกระโจนขึ้นไปนอนบนเตียง ชีวิตมหาลัยมันวุ่นวายและเกิดเรื่องบ้าบอมากกว่าที่ผมคิดไว้เยอะเลยนะเนี่ย แต่ก็เอาเถอะผมเป็นคนเลือกเส้นทางนี้เอง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมก็ต้องยอมรับมันให้ได้ล่ะนะ และผมก็จะต้องดูแลตัวเองให้มันดีกว่านี้ เพราะมันมีคนจ้องจะหาเศษหาเลยกับผมอยู่

ไม่ต้องพูดก็รู้สินะครับว่าใคร

ผมไม่รู้ว่ามันทำทุกอย่างนั่นไปทำไม แต่ผมจะไม่ยอมให้มันได้ทำแบบนั้นอีก

มันจะไม่มีครั้งที่สองแน่ๆ เชื่อปองได้เบย หึ




TBC.

#หยัมปอง ขอบคุณที่เข้ามาอ่านน้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-10-2017 09:14:35 โดย chaleeisis »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
Re: S'Diary : ไดอารี่ของสมปอง
«ตอบ #7 เมื่อ27-09-2017 21:17:33 »

สมปอง น่ารัก ซื่อๆ แต่ไม่ยอมคน
แบบดีมาดีไป ร้ายมา ก็ร้ายกลับ

เพื่อนๆสมปอง เกรียน มาก
ลันตา ถ่ายคลิปสมปองเมาเหล้า  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
สีเทียน ร้ายมาก แกล้งให้สมปองถูกหอมแก้ม  :z3: :z3: :z3:
ตกลงเพื่อนดี หรือเพื่อนร้ายกันเนี่ย

ดูเหมือน พี่รหัสของปองถูกจัดเฉพาะเจาะจงและ
ตกลงคำใบ้ พี่หล่อล่ำปล้ำง่าย  จะอ่อย หรือจะใบ้อะไรเนี่ย
แล้วพี่ๆปีสองจะมีคนปล้ำยากด้วยเรอะ
      :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
ไรท์ ช่วยลงวันที่  เวลาลงตอนใหม่ จะได้รู้ว่าเป็นตอนเก่าหรือใหม่
แบบ   ไดอารี่ของสมปอง ►►►►p.1►►►►27/9/2560
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-09-2017 07:12:57 โดย ♥►MAGNOLIA◄♥ »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: S'Diary : ไดอารี่ของสมปอง
«ตอบ #8 เมื่อ27-09-2017 22:37:41 »

ใครหนอ...หล่อล่ำปล้ำง่ายเนี่ย

ออฟไลน์ chaleeisis

  • mgAmuptUF
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
    • nearby girls for live chat
บทที่ 6 เด็กน้อยงอแง


ตึกวิศวกรรมกับห้องเรียน E2002

กับสมปองที่นั่งมึนอย่างอนาถใจ

“ อาจารย์พูดอะไรวะ ” ผมนั่งเกาหัวมึนๆอยู่ข้างๆลันตา ด้านหน้าผมบนสไลด์ที่อาจารย์เปิดมันเป็นภาษาต่างดาวครับ แถมมันยังเป็นภาษาที่ถ้าใครได้เห็นก็จะเสียสติแล้วก็เอ๋อแดกไปหลายวัน ตอนนี้เรียนฟิสิกส์อยู่ครับ มันเป็นวิชาที่ผมไม่ชอบมาตั้งแต่สมัยมัธยมแล้ว ผมรู้สึกเหมือนบางครั้งตัวเองก็เข้าใจแต่บางครั้งก็ไม่เข้าใจ มันยากอ่ะ งื้อออ สมองไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้นตอนนี้

ปิดหูแม่ง

“ มึงจะยกมือปิดหูทำไม ” ลันตามันหันมามอง มือมันก็จดอะไรไม่รู้ยุกยิกๆ

“ กูไม่อยากฟังแล้ว กูกลัวเป็นโรคประสาท ”

“ กูว่าถ้ามึงไม่ฟังมึงอาจจะเป็นโรคประสาทตอบสอบก็ได้นะ ”

“ เออช่างแม่ง แต่ตอนนี้ไม่ฟังโว้ย ”

ผมฟุบหน้าลงกับโต๊ะเพื่อหนีคำบ่นของลันตา นี่ก็เปิดเทอมมาได้ 3 วันแล้วครับ พอเริ่มเรียนจริงจังนี่ก็จริงจังเหลือเกิน จริงจังจนสมองจะพังแล้ว ผมว่าช่วงมัธยมนี่เรียนหนักแล้วนะ แต่พอมาเริ่มเรียนมหาลัยนี่แม่งหนักเป็นเท่าตัว

เข้าใจแล้วครับว่าชีวิตมหาลัยมันไม่ง่าย

“ เป็นไรอ่ะปอง ไม่สบายหรอ ” ผมผงกหัวขึ้นมามองแยมที่มันถามด้วยความเป็นห่วง

“ เปล่าอ่ะ กูแค่เบื่อ อาจารย์พูดอะไรไม่รู้กูไม่เข้าใจเลย ”

“ เอาหน่าปอง ไม่ใช่มึงที่ไม่เข้าใจหรอกเพราะกูก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ” สีเทียนมันแตะไหล่ผมเหมือนเชิงปลอบใจ ดีว่ะ อย่างน้อยก็มีคนร่วมชะตากรรมเดียวกับผมแล้ว

“ พวกมึงไม่เข้าใจก็ฟุบไปเงียบๆ กูจะตั้งใจเรียน ” ลันตามันบอกทั้งๆที่ตามันยังไม่ละมาจากสไลด์

ผมนั่งมองลันตาเพื่อนรักแบบจริงๆจังๆ ความจริงผมไม่คิดว่าไอ้ตัวแสบนี่จะเป็นพวกตั้งใจเรียนนะ แต่มันดันเป็นคนที่ตั้งใจเรียนมาก แถมยังจดอะไรเต็มสมุดเลคเชอร์ไปหมด ในชีทก็ไม่ต่างกัน มีการวาดรูปประกอบให้เข้าใจง่ายด้วยผมเห็นอยู่ตอนที่เรียนอิ้งแกรมม่าพื้นฐาน แม่งโคตรตั้งใจ ผมอยากจะมีความตั้งใจให้ได้ครึ่งของลันตาบ้าง

“ ปอง....เลิกเรียนแล้วไปกินไอติมกันป้ะ ” สีเทียนมันกระซิบเบาๆข้างหูผม

“ ไปๆ ” ผมรับคำแบบแทบไม่ต้องคิดเลยครับเพราะว่าผมชอบกิน ไม่ใช่แค่ไอติมนะครับที่ผมชอบ อะไรที่หวานและเย็นนี่ผมชอบหมดทุกอย่าง ปังเย็นเอย บิงซูเอย น้ำแข็งไสเอย จัดมาเถอะสมปองคนนี้กินหมดทุกอย่าง ผมคิดว่าความหวานมันจะทำให้สมองแล่น แถมมันยังทำให้มีความสุขอีกต่างหาก

โอ้ยแค่คิดก็อยากกิน

นี่เป็นคลาสสุดท้ายครับผมไม่มีเรียนต่อแล้ว ผมมองนาฬิกาเหลือเวลาอีกชั่วโมงกว่าๆ โอเค เวลาประมาณนี้ผมสามารถหลับได้ เพราะงั้นหลับสักงีบ ตื่นมาก็จะได้ไปกินไอติมอย่างเป็นสุขใจ

ไอติมจ๋ารอปองก่อนนะ

ตอนนี้ขอหลับแปป

ZZZZzzzzzz





ร้านไอติมหลังมอ

“ น่ากินไปหมดเลยว่ะ ” ผมยืนเอาหน้าแนบตู้ไอติมอย่างตื่นเต้น น่ากินขนาดนี้ปองจะกินให้หมดเลย

“ มึงอย่าไปสิงตู้เค้าได้ไหม พนักงานเค้ากลัวมึงแล้วน่ะ แล้วก็เอาของไปวางที่โต๊ะก่อนแล้วค่อยมาดู ” ลันตามันรั้งคอเสื้อผมให้ออกห่างจากตู้ไอติม มึงนี่มันตัวขัดขวางความสุขกูจริงๆเลยไอ้เตี้ยเอ้ย

ผมเบ้ปากใส่มันก่อนจะยอมเดินตามเอาของมาวางที่โต๊ะว่าง ช่วงนี้ประมาณ 5 โมงกว่าๆ คนในร้านก็เยอะพอสมควรเลยครับเพราะเป็นช่วงเลิกเรียน แต่ผมไม่สนใจคนหรอกที่ผมสนน่ะคือไอติมต่างหาก พอวางของเสร็จผมก็กลับรีบมาที่หน้าตู้ไอติมอีกครั้ง

กินอะไรดีนะ

สมปอง!!!!

“ เชี่ยๆๆ ” ผมสะดุ้งโหยงก่อนจะรีบหันกลับไปมองไอ้คนที่มันตะโกนเสียงดังอยู่ด้านหลัง

ไอ้พี่สยาม

มึงอีกแล้วหรอ

ผมหรี่ตามองมันด้วยความหงุดหงิด พี่มันก็ยืนถือโทรโข่งทำหน้าตากวนตีนมองผม ไม่เข้าใจว่าเมื่อกี้มันจะแหกปากเรียกผมผ่านโทรโข่งทำไม พอแม่งเสียงดังคนก็เลยหันมามองกันทั้งร้าน กลายเป็นจุดสนใจอีกละเนี่ย ชีวิตผมจะอยู่สงบๆบ้างไม่ได้เลยสินะ

มีเชือกไหมครับ

จะเอามาผูกคอตาย จะได้หมดเวรหมดกรรมกับไอ้พี่สยามมันสักที

ขี้ตกใจนะมึงน่ะ

“ ไม่ตกใจก็เชี่ยละมึงพูดผ่านโทรโข่งหนิ ” ผมโวยใส่มันอย่างหัวเสีย ไม่น่ามาเจอมันที่นี่เลยว่ะ ผมจะกินไอติมอร่อยไหมเนี่ย

“ มีเรื่องอะไรกัน ” ผมหันมองตามเสียงก็พบผู้ชายคนนึงเดินออกมาจากเคาท์เตอร์ ร่างสูงโปร่งใส่ผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาล น่าจะเป็นพนักงานของร้านนะครับ แต่หน้าหล่อล้ำจากคนอื่นมาก แถมบุคลิกภายนอกก็ยังดูอบอุ่น เชื่อได้เลยว่าเขาคงเป็นพนักงานที่ดึงดูดลูกค้าให้เข้าร้านแน่ๆ

พี่เขาเดินมาคั่นกลางระหว่างผมกับไอ้พี่สยาม ผมมองเขาจากด้านหลัง ทำไมพี่สูงจังครับ ชาติที่แล้วทำบุญด้วยยีราฟไปกี่ตัวอ่ะถึงได้สูงขนาดนี้

ไม่มีอะไรหรอก พอดีเจอรุ่นน้องที่คณะก็เลยเรียกชื่อเฉยๆ ” ยังจะพูดผ่านโทรโข่งอีกนะไอ้สัส

“ พี่บอกแล้วไงว่าอย่าพูดผ่านโทรโข่ง ” พี่พนักงานเอ่ยเรียบๆก่อนจะแย่งโทรโข่งมาจากมือไอ้พี่สยาม “ แล้วนี่มาช้านะ ไหนบอกพี่ว่าเลิกเรียนบ่ายไง ”

“ ก็มีประชุมสันทนาการน้องนิดหน่อย นี่น้องก็รีบกลับมาแล้วนะครับ ” ไอ้พี่สยามมันพูดกับพี่เขาซะเพราะเลยว่ะ ฟังจากการสนทนาแล้วนี่สองคนตรงหน้าคงรู้จักกันแน่ๆ

“ งั้นก็รีบเอาของไปเก็บ ได้มาช่วยพี่ ” พอจบเสียงพี่พนักงานพูด ไอ้พี่สยามมันก็เดินผ่านไปด้านหลังเคาท์เตอร์แต่ไม่วายส่งสายตายียวนมาใส่ผม น่าหมั่นไส้จริงๆเลยไอ้บ้านี่

พี่พนักงานหันกลับมาหาผมก่อนจะส่งยิ้มบางๆมาให้ “ พี่ต้องขอโทษด้วยนะครับที่สยามทำให้เราตกใจ ”

“ มะ....ไม่เป็นไรครับ ”

“ เป็นรุ่นน้องของสยามหรอ ”

ผมพยักหน้ารับพี่เขาเบาๆ “ ใช่ครับ ”

“ ใช่ที่ชื่อ สมปองรึเปล่า ”

“ ใช่ครับ พี่รู้ได้ยังไง ” จะว่าไปก่อนหน้านี้ไอ้พี่สยามมันก็พูดชื่อผมผ่านโทรโข่งนี่หว่า เสียงมันดังมากพอที่คนทั้งร้านจะได้ยินแน่นอน

“ สยามพูดชอบถึงเราให้พี่ฟังน่ะ ” พูดถึงผมงั้นหรอ

พูดถึงทำไมวะ

ในหัวผมมีแต่ความสงสัยครับตอนนี้ ทำไมพี่สยามมันต้องเอาผมไปพูดให้พี่พนักงานฟังด้วย แล้วมันเอาเรื่องอะไรไปพูดบ้างวะเนี่ย คิดได้เลยว่าเรื่องที่มันเอาไปเล่านี่ต้องบัดซบมากแน่ๆ เพราะแต่ละครั้งที่ผมเจอมันก็จะมีแต่เรื่องแถมก็มีปัญหาให้ด่ากันอยู่ตลอด

ไม่ใช่ด่าด้วย....ทำอย่างอื่นก็เคย

โถ่เอ้ย นึกถึงอีกจนได้

“ มันเอาเรื่องอะไรของผมไปพูดหรอครับ ” ถ้ามันเอาผมไปพูดเสียๆหายๆนะ ผมจะได้ไปด่ามันได้ถูก

“ ไม่ใช่เรื่องไม่ดีอะไรหรอก ไม่ต้องห่วงไป เอ้อลืมแนะนำเลย พี่ชื่อถิ่นไทนะครับ เป็นเจ้าของร้านนี้ ” พี่เขาแนะนำตัวแล้วก็ยิ้มหวาน เขาเป็นเจ้าของร้านเลยว่ะ ฮ่าๆๆ ตลกตัวเองชะมัดที่ไปมองว่าเขาเป็นแค่พนักงาน

“ ยินดีที่ได้รู้จักครับพี่ถิ่นไท ” ผมยิ้มบางก่อนจะก้มหัวเล็กน้อยให้เขาเหมือนนอบน้อม

“ เรียกว่าพี่ไทก็ได้ครับ....แล้วนี่เราจะทานอะไรดีหืม ร้านพี่มีของอร่อยๆเยอะเลยนะ ”

“ ผมยังไม่รู้เลยอ่ะครับว่ามีอะไรบ้าง กะเดินมาดูไอติมก่อนเฉยๆ ”

“ เรานั่งโต๊ะไหนล่ะ เดี๋ยวพี่ให้คนไปรับออเดอร์ ”

“ โต๊ะด้านหลังนั่นน่ะครับ ” ผมชี้ไปทางโต๊ะที่มีเพื่อนๆนั่งกันอยู่

“ ข้างๆโต๊ะมีเมนูวางไว้อยู่แล้วนะ เราลองไปดูก่อนว่าอยากกินอะไร ”

“ ได้ครับ ” ผมพยักหน้ารับเบาๆก่อนจะเดินกลับที่โต๊ะตัวเอง ทำไมพี่เขายิ้มได้อบอุ่นและดูเป็นมิตรได้ขนาดนั้นวะ หายากนะครับคนที่เวลายิ้มแล้วจะมีออร่าสีส้มวิ้งๆรายล้อมอยู่รอบๆน่ะ

“ เมื่อกี้มีเรื่องอะไรวะกูได้ยินเสียงอยู่ ” ลันตามันละจากโทรศัพท์มันขึ้นมาถาม

“ พี่สยามหรอวะ ถ้ากูจำเสียงไม่ผิด ” ผมพยักหน้ารับคำที่สีเทียนถามก่อนจะนั่งลงข้างๆ

“ มีปัญหาอะไรกัน ” ก็ไม่มีอะไรมากหรอกเพื่อนแยม เพื่อนปองแค่โดนกวนประสาทเฉยๆ

“ พี่มันทำกูตกใจนิดหน่อยอ่ะไม่มีอะไรหรอก ” ผมบอกก่อนจะหยิบเมนูข้างโต๊ะขึ้นมาดู

ร้านนี้นี่มีแต่ของน่ากินทั้งนั้นเลยครับ ราคาก็ถือว่าเป็นราคามิตรภาพสำหรับนักศึกษาทั่วไป หลายๆเมนูมันดูน่ารักมากเหมาะกับการถ่ายรูป ในร้านเองก็อยู่ในโทนหวานๆ พวกผู้หญิงคงจะชอบ ขนาดผมที่ไม่ใช่ผู้หญิงยังชอบเลย

“ รับอะไรดีครับ ” ผมเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงที่คุ้นหู มันคือไอ้พี่สยามที่สวมผ้ากันเปื้อนสีน้ำตาลเหมือนกับพี่ถิ่นไท มันทำงานพิเศษอยู่ที่ร้านนี้หรอวะ

“ สวัสดีครับพี่สยาม ทำงานพิเศษหรอพี่ ” ลันตามันยกมือไหว้ ไอ้พวกที่เหลือก็ไหว้เหมือนกัน มันก็เป็นปกติของรุ่นพี่รุ่นน้องนะครับสำหรับการไหว้ แต่ผมไม่ไหว้อ่ะผมไม่นับถือมัน มันชอบกวนตีนผม

“ ก็ประมาณนั้นแหละ ว่าแต่นี่หาพี่รหัสกันเจอบ้างรึยัง ”

“ ยังเลยพี่ คำใบ้มันยากอ่ะ ” ลันตามันตอบพร้อมกับทำหน้ามุ่ย

“ มึงได้คำใบ้อะไรกันล่ะ ”

“ ของผมคือ 0021พี่ลอยอยู่บนท้องฟ้าเสมอไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน ” ลันตาพูดก่อน

“ ส่วนของผมก็ 0035พี่มีแฟนเป็นเดือนมหาลัย ผมคิดว่าพี่รหัสผมเขาน่าจะเป็นผู้หญิงนะครับ ” ตามมาด้วยสีเทียน

“ ของผมก็ 0056พี่มีคนเดียวในโลก แต่หน้าแบบพี่ไม่ได้มีอยู่คนเดียว ” แล้วก็จบที่แยม เอาจริงๆผมว่าคำใบ้ของพวกมันทั้งสามคนก็ยากนะ มันต้องตีความอะไรซับซ้อนไปหมด คนตั้งก็ช่างคิดเนอะ

“ แล้วมึงอ่ะสมปองคำใบ้อะไร ” พี่มันถามผม

“ รู้ไปแล้วมึงจะทำอะไรได้วะ ”

“ เออหน่าบอกกูมา ”

“ 0003พี่เป็นผู้ชายหล่อล่ำปล้ำง่าย ” ทันทีที่ผมพูดจบไอ้พี่สยามมันก็ทำหน้าอึ้งไปแปปนึงก่อนจะหัวเราะออกมา

หัวเราะไรมึงวะ

“ มึงหัวเราะอะไรของมึง ” ผมถามมันเสียงขุ่น

“ ตลกว่ะ งั้นอยากกินอะไรก็สั่งเลย เดี๋ยววันนี้กูเลี้ยงพวกมึงเอง ” พี่มันบอกก่อนจะยิ้มหวานอย่างอารมณ์ดี อยู่ดีๆมาเลี้ยงทำไมวะ แม่งต้องมีอะไรแน่ๆ

สมปองสัมผัสได้

“ จะดีหรอพี่สยาม ” ลันตามันถามเหมือนเกรงใจแต่ตามันนี่มองไอ้พี่สยามปริบๆ แหม่ ไม่เก็บอาการเลยนะมึงนะ

“ เออหน่า สั่งมาเลยเอาไรมั่ง ” พอพี่มันบอกแบบนั้นไอ้พวกเพื่อนๆผมมันก็สั่งกันใหญ่ ส่วนผมก็ได้แต่นั่งมองมันที่จดเมนูด้วยความสงสัย ผมว่ามันแปลกนะครับเพราะหลังจากที่มันรู้คำใบ้ของพี่รหัสพวกผมมันก็หัวเราะออกมาแล้วบอกทันทีว่าเลี้ยง

เรื่องนี้มันมีเลศนัย

“ แล้วมึงอ่ะเด็กเปรต จะกินอะไร ” เรียกกูว่าเด็กเปรตอีกละ เดี๋ยวกูจะแดกหัวมึงก่อน เดี๋ยวเถอะ

“ กูเอาอันนี้ๆๆๆ ” ผมชี้ไปสามเมนูแนะนำที่เขียนอยู่ เลี้ยงกูใช่ไหมล่ะ กูจะแดกให้เงินมึงหมดเลยคอยดู

“ กินเยอะเหมือนกันนะเนี่ย ” มันก้มจดเมนูใส่กระดาษ “ มึงอ้วนแน่ ”

“ ปากดีนะมึง อ้วนก็เรื่องของกูอีกอ่ะ ”

“ อย่าไปพูดแบบนั้นใส่พี่สยามสิปอง ” สีเทียนมันปรามผม ทำไมเวลาผมด่าไอ้พี่สยามจะต้องมีคนดุผมด้วยนะ ผมไม่เข้าใจเลย

“ ช่างเถอะสีเทียน ” พี่มันว่าก่อนจะเอามือมาดึงแก้มผม “ สมปองมันเป็นเด็กดื้อ มันไม่ฟังที่เราพูดหรอก ”

“ มันเจ็บนะ ” ผมจับมือมันออกจากแก้ม “ ไปสักทีสิ กูจะได้แดกไหมล่ะไอติมอ่ะ ”

“ เด็กน้อยงอแงใหญ่เลย ”

“ กูไม่ใช่เด็กน้อยนะ ” กูโตแล้ว อายุตั้ง 19 ปี อย่ามาเรียกว่าเด็กน้อยนะมึง

“ ฮ่าๆๆ มึงนี่จริงๆเลย....รอกูแปปนึงละกันเดี๋ยวรีบเอามาเสิร์ฟ ” พี่มันยิ้มหวานก่อนจะเดินไป ยิ้มพ่องอ่ะ กูขอให้มึงกรามค้างสักวัน

“ มึงนี่ก็กล้าพูดจาแบบนั้นกับพี่สยามเนอะ ” ลันตามันเท้าคางมองผม

“ ดีว่าพี่สยามเขาไม่ถือ ถ้าเป็นคนอื่นเค้าอาจจะกระทืบมึงแล้วนะปอง ” กระทืบกูกูก็สู้สิแยม กูไม่ใช่คนยอมคนนะครับบอกไว้ก่อน บวกมาบวกกลับแน่นอนไม่วิ่งหนีด้วย

ถ้าสู้ไม่ได้เรื่องวิ่งหนีก็ค่อยว่ากัน

“ พวกมึงช่างกูเหอะ เอาเป็นว่ากูไม่สร้างความเดือดร้อนให้พวกมึงแน่ๆ ”

“ กูไม่ได้กลัวว่าจะเดือดร้อนหรอก พวกกูเป็นห่วงมึง ” สีเทียนมันพูดอย่างจริงจัง ผมทำให้เพื่อนเป็นห่วงอีกแล้วว่ะ มันก็รู้สึกดีนะครับที่มีเพื่อนเป็นห่วง แต่มันก็รู้สึกไม่ดีเหมือนกันที่ต้องทำให้คนอื่นมาเป็นห่วงเรา

“ ขอบใจพวกมึงที่เป็นห่วงกูนะ เอาไปคนละจุ๊บ ” ผมส่งจุ๊บให้พวกมันทีละคน “ ทำไมทำหน้าหยีวะลันตา ”

“ ขนลุกอ่ะมึง ” ไม่ว่าเปล่ามันทำท่าเป็นลูบแขนด้วย

“ สัส ” ผมเบ้ปากก่อนจะชูนิ้วกลางใส่มัน กูจะไม่ให้จุ๊บมึงแล้วไอ้เตี้ย

ผมนั่งเท้าคางมองออกไปนอกร้านพลางคิดอะไรเรื่อยเปื่อย แต่ดูเหมือนว่าไอ้เรื่อยเปื่อยนั่นจะมีไอ้พี่สยามเป็นส่วนประกอบซะส่วนใหญ่ ผมไม่ได้อยากจะนึกถึงอะไรที่มันเกี่ยวกับพี่มันนะครับแต่สมองผมมันนึกถึงเองอ่ะ ผมมีหลายอย่างที่สงสัยในตัวมันเหมือนกันนะ สงสัยว่าทำไมมันต้องแกล้งผมทุกครั้งที่เจอ แถมไอ้วิธีการแกล้งของมันก็ไม่ใช่วิธีแบบคนปกติเขาทำกัน ใครมันจะแกล้งด้วยการจูบกับหอมแก้มวะ แล้วนอกจากผมแล้วมันแกล้งใครแบบนี้อีกรึเปล่า

เรื่องนี้พอนึกถึงทีไรไอ้สัมผัสอุ่นๆนั่นมันก็ชอบกลับมา กลับมาแบบไม่มีสาเหตุ

บ้าว่ะสมปอง

บ้ามากจริงๆ





TBC.

#หยัมปอง ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-09-2017 14:33:44 โดย chaleeisis »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ chaleeisis

  • mgAmuptUF
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
    • nearby girls for live chat
บทที่ 7 สมปองผู้ถูกทิ้ง

ร้านโจ๊ก กับ สมปองที่โดนเพื่อนทิ้ง

เสียใจอ่ะ

อยากสิ่ฮ้องไฮ้

ตอนนี้ผมพาตัวเองมากินโจ๊กคนเดียวอย่างสงบ คือเพื่อนผมพากันกลับบ้านครับแล้วผมก็อยู่หอคนเดียวไง เออ จะกลับบ้านก็ไม่มีบอกสักคำ พอแม่งคิดกันว่าจะไปแม่งก็ไปเลย ทิ้งผมเลย แล้วทิ้งไปพร้อมกันทั้ง 3 คนเลยด้วย กว่าผมจะรู้ว่าพวกมันกลับบ้านกันไปแล้วก็เลยมาบ่ายละ คือตอนนั้นผมเพิ่งตื่นไง เราก็คิดไว้ว่าเออวันหยุดนะกะชวนพวกมันไปดูหนังผี หนังผีมันเข้าใหม่

แต่หนีกลับบ้านกันหมดเลย

อีเลววววว

“ เซงชะมัด ”

ผมนั่งเขี่ยโจ๊กแบบหมดอาลัยตายอยาก อยากไปดูหนังอ่ะ แต่ไม่อยากดูคนเดียว คือมันเป็นหนังผีไงครับ ผมไม่ได้กลัวผีนะแต่ถ้าไปดูคนเดียวมันก็จะเหงาเกินไป แต่ว่าตัวเองใช้ชีวิตแบบวิถีคนเหงามามากเกินพอแล้ว ผมไม่จำเป็นต้องตอกย้ำความเหงาด้วยการไปดูหนังคนเดียวอีก

ชวนใครไปดูดิ่วะ

ไม่รู้จักใครสักคน

“ มาแดกโจ๊กหรอเด็กเปรต ” เสียงเดิมที่คุ้นหูกับเจ้าของเสียงคนเดิมที่ยังทำหน้ากวนตีนเหมือนเดิมนั่งลงฝั่งตรงข้ามเหมือนอย่างเดิมที่เคยทำ

เบื่อแม่งอ่ะ

“ ร้านโจ๊ก กูมาแดกก๋วยเตี๋ยวมั้ง ”

“ กวนตีนนะมึงน่ะ ”

“ ก็มึงถามในสิ่งที่มึงก็เห็นอ่ะ ”

“ เออ กูผิดเองก็ได้ พอใจยัง ”

“ เออ พอใจ ” ผมก้มตักโจ๊กกินต่อ ส่วนพี่มันก็นั่งมองผมกิน มองไมวะ มองไปกูก็ไม่ให้แดกหรอก แบร่ๆๆๆ

“ ทำไมมึงมานั่งกินโจ๊กคนเดียวอ่ะ ”

“ เพื่อนๆกูกลับบ้านหมด ”

“ อ๋อมึงโดนทิ้ง ” อย่ามาตอกย้ำสิวะไอ้สัส

“ กูไม่ได้โดนทิ้งสักหน่อย ” ผมทำปากบู้บี้ใส่มัน ส่วนมันก็ทำหน้าเหลอหลาใส่ผม เป็นเชี่ยไรมึงไอ้สัส

ผมตักโจ๊กกินต่อพลางมองไอ้พี่สยามมันไปด้วย วันนี้พี่มันใส่เสื้อช้อปว่ะเสื้อยืดข้างในเป็นสีดำสงสัยจะไปมหาลัยมา มันไม่ได้สั่งโจ๊กมากินแต่อย่างใดนะครับมันมานั่งเฉยๆ สงสัยอยู่นะว่ามันจะมานั่งทำไมวะ หรือจะมานั่งเพื่อกวนประสาทผม น่าจะใช่ เวลาที่ผมเจอมันผมก็ประสาทแดกทุกครั้งอ่ะ

“ มีเบอร์ป้ะ ”

“ ถามกู ”

“ ถามโจ๊กมึงมั้ง ก็ต้องถามมึงสิ ”

“ แล้วถามกูทำไม ” ผมหรี่ตามองมัน อยู่ดีดีมาถามเบอร์ผมนี่มันต้องมีอะไรแน่ๆ

“ กูขอเบอร์มึงหน่อย ”

“ มึงจะเอาเบอร์กูไปทำอะไร ”

“ ก็เอาไว้โทรหาไง ”

“ โทรหาทำไมวะ ”

“ มึงนี่ถามเยอะจังเลยวะ ก็แค่ให้กูมาก็จบแล้ว ”

“ เอ้าไอ้สัส เบอร์ก็เบอร์กู จะให้ไม่ให้ก็เรื่องของกูป้ะวะ แล้วยิ่งปากมึงเป็นแบบนี้กูคงจะให้หรอกนะ ” ผมเบ้ปากใส่มันไปที

คิดดูดิ่ว่าถ้ามันมีเบอร์ผมชีวิตผมจะเป็นยังไงบ้าง ปกติแค่มันไม่มีเบอร์ผมชีวิตผมก็บัดซบจากการแกล้งของมันมาหลายครั้งละ เชื่อได้เลยว่าถ้ามันได้เบอร์ผมไปไอ้ชีวิตสงบๆที่มีอันน้อยนิดของผมมันจะหายไปในทันที

แบบนั้นไม่เอานะว้อย

“ กูจะเอาไว้คุยนัดงาน ”

“ นัดงานอะไรวะ ”

“ มึงไม่ได้อยู่ในไลน์กลุ่มคณะหรอ ” ไลน์กลุ่มคณะมันมีด้วยหรอวะ

ผมส่ายหน้าช้าๆ พอไอ้พี่สยามมันเห็นผมส่ายหน้าแบบนั้นมันก็หลุดยิ้มออกมา อะไรวะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตกูอีกเนี่ยะ ไอ้ที่เกิดๆมายังไม่พอใจใช่ไหม อยู่กันดีดีน่ะเป็นไหม แล้วทำไมต้องเป็นกูตลอดที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้

ต้องทำบุญจริงๆว่ะ ทำแบบจริงจังด้วย

“ เอ้านี่มึงอ่านดู ” ไอ้พี่สยามมันเปิดไลน์ในโทรศัพท์ก่อนจะยื่นมาให้ผมดู ในจอมันเป็นภาพประวัติการสนทนาของกลุ่มไลน์คณะครับ นี่เพิ่งรู้วันนี้เลยนะว่ามีกลุ่มไลน์คณะด้วย โห กูไปอยู่ไหนในโลกมาวะ

“ ประธานนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ ”

ผมอ่านบทสนทนาที่เขาพูดกันถึงการคัดเลือกประธานนักศึกษาของคณะครับ ทุกชั้นปีจะต้องเลือกประธานนักศึกษาไว้ตั้งแต่ปี 1 และประธานก็จะต้องอยู่ในตำแหน่งนั้นไปจนจบปี 4 ไอ้หน้าที่หลักๆที่ประธานนักศึกษาต้องทำก็เป็นพวกงานของคณะ และก็การประสานงานกับประธานกิจกรรมอื่นๆ ผมไล่อ่านๆมาเรื่อยจนถึงการเสนอชื่อนักศึกษา

สยาม : ตกลงพวกเราจะเอาใครเป็นประธาน มันสำคัญมากนะครับ พี่อยากให้เลือกคนที่มีความรับผิดชอบมากๆ

ลันตา อิ อิ : ถ้าคนมีความรับผิดชอบ ผมขอเสนอสมปองครับ

สีเทียนเอียนเอียน : ใช่แล้วครับพี่ สมปองนี่ล่ะเหมาะสมที่สุดแล้ว มันมีความรับผิดชอบสูง แถมยังอดทนเก่งด้วยนะครับ

สยาม : ใครเห็นด้วยว่าสมปองควรจะเป็นประธานคณะ

เหล่านักศึกษา : เห็นด้วย.... ... . . .

เห็นด้วยแบบไม่ถงไม่ถามกูสักคำ

ผมวางโทรศัพท์ก่อนที่จะยกมือกุมขมับอย่างปวดจิต ลันตาเพื่อนรักมันเล่นผมอีกแล้ว โดยมีสีเทียนเพื่อนรักเห็นดีเห็นงามด้วย ทำไมผมจะต้องโดนเพื่อนๆแกล้งแบบนี้ด้วยวะ ละก็ไม่มีใครบอกผมเรื่องไลน์กลุ่มคณะเลยไม่มีใครลากเข้า ลันตามันคงเห็นว่าผมไม่อยู่มันก็เลยได้โอกาสส่งชื่อผมซะ ถ้าผมอยู่ในไลน์กลุ่มด้วยนะผมคงเถียงใจขาดดิ้นแน่ๆ

เฮ้อ

มีเชือกไหมครับ ผมต้องการเชือก

“ เอาหน่า มันไม่ได้หนักหนาหรอก เพราะเพื่อนกูก็เป็น การเป็นประธานคณะอ่ะมันทำให้มีอำนาจสั่งคนอื่นได้ง่ายๆเลยนะ คำว่าประธานมันมีไว้รับหน้ากับรับงานแทนเท่านั้นแหละ ” ไอ้พี่สยามมันพูดเชิงปลอบใจผม ถึงมันพูดแบบนั้นผมก็ไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเลยว่ะ ไม่ชอบเลยเวลาที่ต้องมาแบกหน้าที่อันยิ่งใหญ่เอาไว้บนบ่า

ผมเป็นแค่สมปองเองนะ

สมปองควรแค่นอนและก็กินและก็นั่งหายใจทิ้งให้มันผ่านพ้นไปวันๆ

“ กูปฏิเสธไม่ทันแล้วสินะ ”

“ ไม่ทันแล้วเพราะชื่อมึงถูกยื่นส่งให้อาจารย์ของคณะเรียบร้อย ”

ผมฟุบหน้าลงกับโต๊ะทันทีที่พี่มันพูดจบ พร้อมกับนึกน้อยเนื้อต่ำใจในชีวิตที่มีแต่เรื่องวุ่นวายเกิดขึ้น ตำแหน่งประธานมันอยู่กับผมแล้ว ต่อจากนี้ชีวิตผมจะเป็นยังไงต่อนะ ผมจะทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายได้ดีรึเปล่า โอ้ย แค่คิดก็ปวดหัวจะแย่แล้ว

“ ผมมึงจุ่มโจ๊กแล้วไอ้เด็กบ๊อง ” พี่มันจับหัวผมขึ้นมาก่อนจะหยิบทิชู่มาเช็ดผมให้ “ มึงอย่าเพิ่งไปคิดมากเลยว่ะ ถ้ามีปัญหาอะไรเดี๋ยวกูจะช่วยมึงเอง ”

“ มึงพูดแล้วนะ ”

“ เออสิ เห็นกูบ้าๆแบบนี้กูเก่งนะ ” พี่มันบอกพร้อมกับยักคิ้วให้ผม

ผมมองหน้าไอ้คนที่บอกว่าตัวเองเก่งนิ่งๆพลางคิดในใจว่ามันเก่งจริงรึเปล่า แต่ก็อาจจะจริงแบบที่มันพูดก็ได้เพราะตัวมันเองก็เป็นถึงประธานสันทนาการของคณะ ผมว่าประธานสันทนาการอ่ะเหนื่อยเพราะกิจกรรมทุกอย่างที่คณะต้องทำมันต้องเป็นคนจัดการ

“ แล้วกูต้องทำไงบ้างอ่ะ ”

“ อย่างแรกก็ให้เบอร์กูซะ มีงานกูจะได้โทรหาได้ ” มันว่าก่อนจะยื่นโทรศัพท์มาให้ผม ผมก็รับมาก่อนจะกดเบอร์ตัวเองให้มัน

“ ไม่มีงานไม่ต้องโทรนะ ” พูดกันไว้ครับ น้ำหน้าอย่างแม่งต้องโทรมาแกล้งผมแน่ๆ

“ กลัวกูโทรไปแกล้งรึไง ” ทำเป็นรู้ในสิ่งที่กูคิดอีก

“ เออ ”

“ กูไม่โทรไปแกล้งมึงหรอก ” มันยกมือเท้าคางมองผมก่อนจะยิ้มหวาน “ เพราะถ้าแกล้งกูแกล้งมึงตัวตัวดีกว่า ”

“ ไอ้โรคจิต ”

“ หึ....แล้วนี่มึงไปไหนต่ออ่ะ กลับหอเลยไหมเดี๋ยวกูไปส่ง ”

“ คงจะอย่างงั้น.....มึงจะส่งกูทำไมกูกลับเองได้ ”

“ มันมืดแล้วเนี่ย แถวนี้เปลี่ยวด้วยแถมยังไม่มีไฟข้างทาง มึงไม่กลัวรึไง ”

“ ไม่กลัวหรอก กูเอาไฟฉายมา ” ผมหยิบไฟฉายอันเล็กที่เหน็บไว้หลังกางเกงมาให้มันดู

ผมเป็นคนที่ค่อนข้างจะกลัวที่มืดครับ เลยจะต้องมีไฟฉายติดกระเป๋าไว้ตลอด เวลานอนผมจะนอนมืดๆเลยก็ไม่ได้ผมต้องเปิดโคมไฟไว้ผมถึงจะนอนหลับ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้วครับ แก้ไม่หายแล้วก็ไม่คิดจะแก้ด้วย

“ ใครเขาพกไฟฉายกันวะ ”

“ กูไงพก ”

“ ถึงมึงจะมีไฟฉายแต่เดินกลับมันก็อันตรายอยู่ดีแหละว่ะ ”

“ กูเป็นผู้ชายนะแมนๆดูแลตัวเองได้ ”

“ ถึงมึงจะบอกว่าดูแลตัวเองได้แต่กูก็อดเป็นห่วงไม่ได้อยู่ดี ”

ตึกตัก

ทำไมใจต้องมาเต้นกับไอ้คำว่าเป็นห่วงด้วยวะ

ผมยกมือทาบหน้าอกตัวเอง สัมผัสได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงผิดปกติ ปกติผมไม่เคยเป็นแบบนี้เลย ผมมีอาการบ้าๆหลายอย่างที่เกิดขึ้นเพราะมัน ทั้งใจเต้นแรงเอย ใจสั่นเอย แก้มแดงเองเอย ไอ้พวกอาการพวกนี้มันคืออะไรกันแน่วะ ไม่ชอบเลยจริงๆมันเหมือนสูญเสียการควบคุมตัวเองไป

“ เป็นอะไรของมึง ” พี่มันมองผมที่เอามือทาบอก เป็นอะไรก็เรื่องของกูโว้ยมึงไม่ต้องมายุ่ง

“ เปล่า ”

“ งั้นหรอ....เออมึง ไปดูหนังกันป้ะ หนังผีที่เพิ่งเข้าอ่ะ ”

ผมมองหน้ามันทันทีที่มันพูดจบ อยู่ดีดีก็ชวนไปดูหนัง อารมณ์ไหนของมึงวะ รู้รึเปล่าเนี่ยะว่ากูกำลังอยากดู บ้าน่ะมันจะมารู้ได้ยังไงวะ เอาจริงๆใจผมตอนนี้ก็ยังอยากไปดูหนังอยู่นะครับ เพราะว่าผมรอเรื่องนี้เข้าโรงมาตั้งนาน แล้วนี่มันก็เข้ามาเป็นสัปดาห์แล้ว ผมกลัวว่าถ้าไม่ไปดูวันนี้มันจะออกโรงซะก่อน แล้วหลังจากวันนี้ก็ไม่มีวันว่างแล้วด้วย

เอายังไงดีวะ

“ ไปไหม กูเลี้ยงเอง ”





โรงหนังตอนดึกๆนี่วังเวงใช้ได้เลยว่ะ

ตอนนี้ผมกับไอ้พี่สยามอยู่กันที่โรงหนังครับ ตอนแรกก็คิดอยู่หรอกว่าจะมาดีไหม พอมันบอกว่าเลี้ยงเท่านั้นแหละผมก็ตอบตกลงทันที ไม่ได้เห็นว่ามันของฟรีหรอกนะครับ ผมก็แค่ไม่อยากให้มันเสียน้ำใจที่ชวนผมมาก็เท่านั้นเอง

ไงเล่า คนดีป้ะล่ะ

“ กินอะไรรึเปล่า ” พี่มันถามผมก่อนจะยื่นเงินมาให้ “ กินอะไรก็ไปซื้อไป อีกแปปนึงหนังก็เข้าละ ”

ป๋าจังเลยค้าบพี่สยามมมม

ผมเดินมาซื้อขนมกับน้ำก่อนจะเดินกลับมาหามันที่นั่งรออยู่ วันนี้รู้สึกเหมือนกับว่าพี่มันใจดีกับผมเป็นพิเศษ เลี้ยงหนังเลี้ยงขนม แถมวันนี้มันยังไม่ได้แกล้งอะไรผมด้วย มีกวนตีนกันเล็กน้อยตอนที่เจอกันเท่านั้นเอง ที่มันทำอะไรแบบนี้นี่มันมีจุดประสงค์อะไรรึเปล่าวะ

ชักจะน่าสงสัย

“ ชอบกินหรอไอ้นี่น่ะ ” มันชี้มานี่เอ็มแอนด์เอ็มที่ผมซื้อมาหลายถุง

“ เออชอบ กูชอบพวกช็อกโกแลตมากเลยอ่ะ ของหวานอ่ะโคตรชอบ ” ชอบจริงๆนะครับแล้วก็กินเยอะแบบไม่กลัวอ้วนเลยด้วย

“ มึงไม่กลัวอ้วนหรอ ”

“ กูก็ออกกำลังกายเอา ตอนมอปลายกูก็เล่นฟิตเนสอยู่นะแต่พอเข้ามหาลัยมาก็ต้องย้ายมาอยู่หอ ถ้ากูจะไปเล่นฟิตเนสเก่ามันก็ไกลอ่ะ กูไม่รู้ว่าฟิตเนสแถวนี้มันมีไหม ” พอพูดถึงฟิตเนสก็อยากออกกำลังกายจัง เห็นผมเซื่องๆแบบนี้ผมชอบออกกำลังกายนะครับ แต่พอเข้ามหาลัยมาแทบไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากนอนเน่าอยู่หอ

“ กูรู้จักนะเพราะกูก็เล่นฟิตเนสที่นั่นอยู่เหมือนกัน ไว้ว่างๆกูพาไปไหมล่ะ ”

“ เออ เอาดิ่ ขอบใจมึงนะ ” ผมยิ้มหวานให้มันไปทีนึง เออ นั่งคุยกันดีดีแบบนี้ก็ได้เหมือนกันว่ะ

ถ้าเป็นแบบนี้ไปได้ตลอดก็ดีเหมือนกันนะ

“ ไม่เป็นไร ไปเหอะได้เวลาละ ” มันบอกผมก่อนจะลุกเดินไปเอาตั๋วให้พนักงานตรวจ

ผมก็เดินตามพี่มันมาต้อยๆ มือก็จกเอ็มแอนด์เอ็มกินไปด้วย ผมไม่รู้นะครับว่าพี่มันจองที่นั่งตรงไหน ผมนั่งได้ทุกที่แหละครับไม่ว่าจะใกล้จะไกล แค่ได้ดูหนังที่ตัวเองเฝ้ารอผมก็พอใจละ

“ ทางนี้ ” พี่มันจับข้อมือผมให้เดินตามมาหลังจากที่เราเดินเข้ามาในโรง และผมก็พบกับที่นั่งของตัวเอง

เอิ่ม....มันเป็นโซฟาสวีทครับ

ไอ้พี่สยามมันนั่งลงก่อนจะดึงผมให้นั่งลงไปข้างๆมันด้วย ทำไมมันต้องซื้อที่นั่งแบบนี้ด้วยวะ แน่นอนว่ามันต้องราคาแพงกว่าที่นั่งปกติอยู่แล้ว แถมอันนี้มันก็เลี้ยงผมด้วย เออ งง ไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้นอ่ะตอนนี้

“ ทำไมมึงซื้อที่นั่งนี้วะ ”

“ มึงจะได้นั่งสบายๆไง แล้วก็นะมันเป็นหนังผีอ่ะ เวลามึงกลัว ถ้านั่งโซฟามันจะเอาขาขึ้นมากอดง่ายกว่า” นี่คือเหตุผลของมันนี่เอง ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าคนอย่างไอ้พี่สยามมันจะคิดอะไรละเอียดอ่อนแบบนี้ได้ด้วย นี่เหมือนเปิดโลกของมันให้ผมได้รู้จักเหมือนกันนะ

“ อย่างนี้นี่เอง ” ผมมองไปรอบๆโรงที่มีไม่กี่คนที่เข้ามานั่งดูรอบเดียวกัน “ คนน้อยจังเลยเนอะมึง ”

“ มันรอบดึกละไง แถมยังเป็นหนังผีอีก ” ผมพยักหน้ารับคำมันก่อนจะหันหน้ามองจอหนังที่กำลังจะฉาย มือก็พลางลูบแขนตัวเองไปด้วย

หนาวว่ะ รู้งี้ให้พี่มันแวะหอเอาเสื้อคลุมมาด้วยก็ดีอ่ะ

“ มึงหนาวหรอ ”

“ อืม....ขนลุกหมดละเนี่ย ”

“ งั้นแปปนะ ” พี่มันถอดเสื้อช้อปออกมาก่อนจะส่งให้ผม “ ใส่ซะจะได้อุ่น ”

“ มึงไม่หนาวหรอ ” ผมมองเสื้อช้อปในมือมัน

“ อากาศหนาวแค่นี้ทำอะไรกูไม่ได้หรอก ” พี่มันบอกก่อนจะเอาเสื้อช้อปมาคลุมตัวผมไว้

“ ขอบใจ ” ผมบอกมันก่อนจะจับเสื้อช้อปไว้ ได้กลิ่นจากเสื้อมันด้วยว่ะ มันไม่ใช่กลิ่นเหม็นเหงื่อหรืออะไรนะครับ มันเป็นหอมอ่อนๆ กลิ่นน้ำหอมหรอวะ ช่างแม่ง

แต่ที่แน่ๆ เสื้อมันทำให้ผมอุ่นขึ้นเยอะ

“ ครับ....หนังมาละน่ะ ดูๆ ” ผมหันมองจอหนังทันทีที่มันพูดจบ

ตลอดเวลาที่หนังมันเล่นมาเรื่อยๆก็ทำผมอกสั่นขวัญแขวนไม่น้อยเลยครับ มึงจะจัมพ์สแกร์เชี่ยไรนักหนาวะไอ้บ้า และทุกครั้งที่ผมตกใจผมก็จะจับแขนไอ้พี่สยามมันไว้ตลอด พี่มันก็เหลือบมองผมเป็นระยะแถมยังหัวเราะเบาๆให้กับการสะดุ้งของผม ทำไมมึงไม่ตกใจกลัวบ้างวะ มีความรู้สึกบ้างไหมเนี่ยะไอ้สัส

นั่นไงเอาแล้วๆ

ผมมองจอที่หนังกำลังจะเข้าสู่เหตุการณ์อะไรสักอย่าง บรรยายมันดูเงียบไปหมด แถมแสงสว่างก็มีแค่นิดเดียว น่ากลัวว่ะ ทำไมรู้สึกถึงแรงกดดันได้ขนาดนี้วะ

เหมือนจะมีอะไรออกมาเลย

แฮร่*!!!!!!!!*

“ เชี่ยๆๆๆๆๆ ” ไม่เอาแล้วววว

กูกลัวแล้ววววววววว

ผมสะดุ้งกับไอ้ฉากเมื่อกี้จนกระโจนเข้าไปกอดไอ้พี่สยามมันแน่น หน้าก็ซุกอยู่กับไหล่มัน ไม่ไหวแล้วครับช็อตนี้ตาย ตายจริง จิตใจผมไม่อยู่กับผมแล้วโอ้ย มันน่ากลัวมากอ่า ตอนที่ดูทีเซอร์ไม่คิดว่ามันจะน่ากลัวขนาดนี้ป้ะวะ

“ มึงเป็นอะไรเนี่ยะสมปอง ” พี่มันคงตกใจที่อยู่ดีดีผมก็มากอดมัน แต่กูคงขอกอดมึงหน่อยเถอะตอนนี้กูต้องการที่พึ่งทางใจ

“ กูกลัวอ่ะมึง ขอยืมตัวมึงแปปนึงนะ ” ไม่ไหวๆ คนแข็งแกร่งอย่างสมปองก็มีช่วงเวลาที่อ่อนแอได้สินะ

“ หึ....มึงนี่มันจริงๆเลยนะ ” พี่มันลูบหัวผมเบาๆคล้ายปลอบประโลม “ กลับกันไหม ”

“ ไม่เอา มึงเสียเงินตั้งเยอะพากูมาดู ” ผมซบไหล่มันอยู่อย่างนั้น หัวก็ปล่อยให้มันลูบปลอบผมไป หัวใจต้องการการปลอบครับ ไม่งั้นอาจจะตายห่าอยู่ตรงนี้ก็ได้

“ แล้วมึงจะเอายังไงล่ะ ”

“ ก็มึงก็ดูต่อไป กูก็จะอยู่แบบนี้ ถ้าหนังมันจบมึงค่อยเล่าให้กูฟัง ”

“ เอางั้นหรอ ”

“ เอาอย่างงั้นแหละ....แล้วก็นะ ”

“ แล้วก็อะไร ”

“ ลูบหัวกูไปแบบนี้แหละ ” รู้สึกได้ว่ามือพี่มันชะงักไปแปปนึงก่อนจะลูบหัวผมต่อแบบเดิม

“ มึงนี่มันน่า......” น่าอะไรวะ ไม่รู้ไม่ชี้อะไรทั้งนั้นโว้ยตอนนี้อ่ะ

ผมหลับตาลงพร้อมกับกอดพี่มันไว้นิ่งๆ สัมผัสอุ่นๆจากฝ่ามือของไอ้พี่สยามก็ส่งผ่านจากด้านบนอยู่ไม่ห่าง รู้สึกดีเหมือนกันนะ ความรู้สึกเหมือนตอนที่พ่อลูบหัวผมตอนที่ผมเป็นเด็กๆเลย

รู้สึกอบอุ่น และก็รู้สึกปลอดภัย

มึงก็มีดีเหมือนกันนะไอ้พี่สยาม

ไว้กูจะมองมึงในแง่ดีขึ้นก็แล้วกัน







TBC.


ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
ถ้าพ่อได้อ่านไดอารี่ คงให้สมปองลาออกแทบไม่ทัน
มีอย่างที่ไหน ถูกผู้ชายจีบแล้วยังไม่รู้ตัวอีก 55

ออฟไลน์ chaleeisis

  • mgAmuptUF
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
    • nearby girls for live chat
บทที่ 8 คนเลว 2017


ตึกวิศวกรรมศาสตร์

กับสมปองที่กำลังเผชิญหน้ากับปีศาจที่ถือโทรโข่ง

หึ.....หึๆ

จะเอาตัวรอดไปจากตรงนี้ยังไงดีวะเนี่ยยยยย

ผมยืนมองไอ้พี่สยามมันนิ่งๆ ตอนนี้ผมอยู่ที่หน้าตึกครับคือวันนี้คลาสสุดท้ายอาจารย์ไม่อยู่ก็เลยได้ยกคลาสไป ผมก็เลยกะว่าจะเนียนๆรีบกลับหอ เพราะว่าวันนี้ผมลืมเอาบางสิ่งบางอย่างติดมาด้วย ซึ่งการลืมเอาไอ้สิ่งๆนี้มานี่ถือว่าเป็นความชิบหายของชีวิตมากๆ

ชิบหายสุดก็คือการมาเจอไอ้พี่สยามนี่แหละ

มึงจะตอบกูได้รึยัง ” มึงจะพูดผ่านโทรโข่งทำไมวะคนเค้าก็ได้ยินกันหมดน่ะสิ

คือช่วงนี้มันเป็นช่วงบ่ายสามกว่าๆครับ เด็กวิศวะที่เลิกคลาสกันช่วงนี้ก็พากันทยอยออกมาจากตึกนั่นก็รวมผมด้วย ผมเนี่ยะรีบออกมาก่อนเพื่อนๆเลยเพราะจะหนีกลับหอไง แต่ก็ดันมาโชคร้ายเจอไอ้พี่สยามมันซะก่อน แถมพอจะวิ่งหนีมันก็ยังเรียกชื่อผมผ่านโทรโข่งอีก เออห่า คนแม่งมองกันทั้งคณะ

เด็กวิศวะถ้าใครไม่รู้ชื่อกูนี่เชยมากอ่ะบอกเลย

“ คือว่า....”

ป้ายชื่อมึงอยู่ไหน

“ กูลืมเอามา ” ผมตอบมันเบาๆ ตอนนี้กำลังพยายามจะสลดอยู่ครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะลืมนะเอาจริงๆแต่เมื่อเช้ามันรีบมากอ่ะก็เลยลืมหยิบออกมา

เคยบอกไหมว่าป้ายชื่อมันสำคัญมากแค่ไหน

“ รู้น่าว่ามันสำคัญ แต่คนเรามันก็ต้องมีลืมกันบ้างป้ะวะ ” รู้ตัวแหละว่าผมผิดที่ลืมเอามา แต่ขอเถียงหน่อยเถอะว่ะอดไม่ได้จริงๆ

ของที่ขึ้นชื่อว่าสำคัญ ไม่มีใครเค้าลืมกันง่ายๆหรอกนะ

จุก

จุกเลยดิ่กู

ผมมองมันตาค้างเลยค้าง ปากเองก็อาจจะอ้าหน่อยๆเพราะอึ้งกับสิ่งที่พี่มันพูดออกมา เถียงไม่ออกด้วยเพราะมันพูดถูกทุกอย่าง น้ำเสียงที่มันพูดกับผมเมื่อกี้มันทำให้รู้สึกแปลกๆว่ะ รู้สึกผิด รู้สึกว่าตัวเองแม่งบัดซบสัสๆที่ไม่ได้เอาป้ายชื่อมา รู้สึกเหมือนไม่ได้ให้ความสำคัญแบบที่พูด

รู้สึกแย่แปลกๆอีกต่างหาก

ที่ต้องโดนคนอย่างไอ้พี่สยามมันมาดุแบบนี้

“ กูขอโทษ วันหลังจะไม่ลืมแล้ว ” ผมพูดขอโทษมันเสียงอ่อน

ไปวิ่งรอบตึก 5 รอบซะ

เดี๋ยวนะมึง

วิ่ง 5 รอบนี่กูอาจจะตายได้เลยนะ

“ มึงเอาจริงดิ่ ” ตึกวิศวะมันไม่ใช่เล็กๆนะพี่เอ้ย เรียนมาทั้งวันสมองกูก็จะพังอยู่แล้ว สมองพังไม่พอกูต้องมาร่างพังอีกหรอเนี่ย โอ้ววว เอามีดมาแทงให้กูตายๆไปเลยดีกว่า

เออ ลงโทษที่มึงลืมเอาป้ายชื่อมา

“ โง้ยยยยย มึงแกล้งกูป้ะเนี่ย ”

กูลงโทษแบบนี้เหมือนกันทุกคน ไปวิ่งได้แล้ว ” เออ ก็ได้ จำไว้เลยนะไอ้พี่บ้า

ผมเอาของไปวางไว้ที่ม้านั่งก่อนจะเบะปากใส่ไอ้พี่สยามมันไปทึนึง ไอ้คนที่มันปลอบผมตอนดูหนังผีมันหายไหนแล้ววะ ไอ้คนที่ผมรู้สึกว่ามันปกป้องผมจากผีได้มันหายไปไหนล้าววว

เสียใจอ่ะ

ความรู้สึกแบบคุณหลอกดาว

รีบๆวิ่งซะ เสร็จช้าก็กลับบ้านช้านะ ” เออรู้แล้วไอ้สัสไม่ต้องมาย้ำเลย

ผมเริ่มออกวิ่งจากหน้าตึก เวลาประมาณนี้แดดมันก็ยังแรงอยู่ แถมวันนี้อากาศก็ร้อนด้วย ผมจะเป็นลมตายก่อนจะวิ่งครบป้ะวะ จริงอยู่นะครับว่าผมชอบออกกำลังกาย แต่ชอบออกในร่มไง วิ่งก็วิ่งบนลู่วิ่งไงไม่ใช่วิ่งตากแดดแบบนี้

เดี๋ยวต้องเขียนไดอารี่ฟ้องพ่อ

ผมเขียนไดอารี่ไปได้หลายหน้าแล้วนะครับ ผมไม่ได้เขียนทุกวันหรอก ผมเขียนเฉพาะวันที่เกิดเรื่องพีคๆ อย่างวันนี้ที่โดนพี่มันสั่งลงโทษผมก็ต้องไปเขียน เขียนยังไงให้พ่อรู้สึกสงสารวะ เดี๋ยวจะต้องใส่ความมารยาสาไถลงไปด้วยมันจะได้มีอรรถรส แล้วเวลาที่พ่ออ่าน พ่อจะได้สาบแช่งไอ้พี่สยามมันอยู่ในใจ

แม่งเป็นความคิดที่สุดยอดมากอ่ะ

“ แฮ่ก....” เหนื่อยโว้ย ยังไม่ถึงรอบก็เหนื่อยแล้วก็เหงื่อออกเป็นน้ำไหลแล้วเนี่ย

ไอ้พี่สยามไอ้บ้า

ไอ้ที่กูบอกว่าจะมองมึงในแง่ดีนั่นกูขอถอนคำพูด

หึ้ยยย...อะ ไอ้คนเลวววว!!!!



[ บันทึกพิเศษ : สยาม ]



วิ่งให้ไวไวสิ

“ มึงมาวิ่งเองไหมไอ้สัส ” พูดไม่พอยังจะส่งนิ้วกลางมาด้วย

ไอ้เด็กเปรตนี่มันน่าเตะจริงๆเลย

ผมมองตามหลังของสมปองที่วิ่งผ่านรอบตึกไปได้ 3 รอบแล้วครับ นี่ขึ้นรอบที่ 4 เสื้อนักศึกษาสีขาวนั่นชุ่มไปด้วยเหงื่อ แถมสภาพก็ยังดูเหนื่อยมากด้วย แต่ก็ดีแล้ววันหลังมันจะได้ไม่ลืมเอาป้ายชื่อมา ใครอาจจะมองว่า เห้ย ลืมเอาป้ายชื่อมาแค่นี้ถึงกับลงโทษขนาดนี้เลยหรอ เอาจริงๆป้ายชื่อมันเป็นสิ่งที่สำคัญมากนะครับ มันเป็นการระบุตัวตนและระบุคณะ แถมยังทำให้รู้จักกันได้ง่ายมากขึ้นเพราะชื่อก็แขวนอยู่ที่คอ

แล้วที่สำคัญสุดคือ....

ป้ายชื่อนั่นพวกผมทำมันมากับมือ

ยังจำคืนที่นั่งตัดกระดาษกันหลังขดหลังแข็งได้เลย แล้วทำตั้งหลายร้อยอันนะครับ ทำก่อนวันที่น้องปฐมนิเทศด้วย โอ้โหโคตรงานเผา ในเมื่อพวกพี่ตั้งใจทำเพื่อน้องๆแล้ว น้องๆก็ต้องเก็บรักษาให้ดีแล้วห้อยคอมาทุกวัน ถ้าใครไมทำตามนี้ก็วิ่งรอบตึกโลด

ไม่มีการปราณีใดใดทั้งนั้น

รอบสุดท้ายแล้วเร็วๆ ” สมปองมันวิ่งเข้ารอบที่ 5 แล้วครับ สปีดลดลงไปมาก ผมคิดว่าถ้ามันเลือกคลานได้มันก็อยากจะคงอยากจะคลานไป

วันนี้รู้สึกเหมือนตัวเองดุน้องไปเยอะ ไม่ได้ดุทางคำพูดนะครับแต่ดุทางสายตา ตอนแรกที่ผมเดินออกจากตึกผมเห็นน้องมันเดินอยู่ด้านหน้าดูท่าทางวอกแวกแล้วก็มีพิรุธมากก็เลยเรียกไว้แต่ไอ้ตัวดีดันวิ่งหนี ผมเลยต้องเรียกน้องมันผ่านโทรโข่งมันถึงจะหยุด พอเดินเข้าไปใกล้ก็พบว่าป้ายชื่อที่คอหายไป เลยคิดได้เองว่ามันกำลังจะหนีกลับเพราะกลัวโดนพวกผมเจอ

สมปองนี่มันสมปองจริงๆ

ผมยังจำเมื่อวันหยุดที่ผมเจอน้องมันที่ร้านโจ๊กอยู่เลย สีหน้ามันวันนั้นดูน่าสงสารนะครับเพราะโดนเพื่อนทิ้ง พอเห็นแบบนั้นผมก็เลยชวนน้องมันไปดูหนัง ดูหนังผีแถมยังรอบดึกด้วย ตอนแรกที่นั่งดูด้วยกันมันก็ยังไม่เท่าไหร่หรอก แต่ไอ้ตอนที่น้องมันกลัวแล้วกระโจนเข้ามากอดผมนี่ ขอบอกจากใจเลย

แฮปปี้มาก

มีความสุขสุดๆ

โมเม้นต์ตอนนั้นมันดีมากเลยนะครับ สมปองมันกลัวผีได้น่ารักมาก น่ารักจนผมอยากจะลากลับหอแล้วก็ปู้ยี่ปู้ยำแม่งสักทีสองที แต่ก็ได้แค่คิดไงยังทำแบบนั้นไม่ได้ แต่คิดว่าสักวันนึงในอนาคตจะได้มีโอกาสทำแบบนั้นนะครับ ไม่ดิ่ มันต้องไม่สักวัน มันต้องมีวันที่ได้ทำแน่นอน

พี่จะทำหลายๆอย่างเลย

หึ

“ แฮ่ก....ครบแล้ว....โอ้ย จะตาย ” เจ้าตัวหอบหนักๆก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงกับพื้นแบบหมดสภาพ

ผมนั่งมองน้องนิ่งๆ แต่ใจจริงก็อดสงสารไม่ได้ไม่ได้นะครับ แต่จะให้ทำไงวะ ลืมเอามาเองก็ต้องรับผิดชอบความผิดตัวเอง ต่อให้น้องมันจะเป็นคนที่ผมชอบผมก็ไม่เว้นหรอก

เขินปากว่ะ

คนที่ชอบ

แอร้ยยยย

ดีมาก แล้วก็ห้ามลืมเอามาอีก ถ้ามีครั้งหน้ามึงโดนมากกว่านี้สองเท่าแน่ ” เข้าใจไหมน้องสมปอง

“ เผด็จการ ” น้องมันว่าก่อนจะตีขาผมอย่างแรง ไอ้เด็กนี่หนิ เดี๋ยวก็จูบปราบพยศซะให้หรอก

เดี๋ยวมึงจะโดน

“ เลิกพูดผ่านโทรโข่งได้ไหมวะ รำคาญ ” ว่าเครื่องมือทำมาหากินของกูเฉย มึงนี่มันจริงๆเลยน้า

ผมกดปิดโทรโข่งตามที่น้องมันขอ ยอมมันหน่อยละกันมันวิ่งมาเหนื่อยๆ ตอนนี้ก็ประมาณสี่โมงเย็นกว่าๆแล้วครับ ผมต้องไปช่วยพี่ถิ่นไทที่ร้านไอติม แต่ใจนึงก็อยากจะอยู่กับสมปองว่ะ ถึงแม้ว่าน้องมันจะไม่อยากอยู่กับผมก็เถอะ

ทำไงให้น้องอยู่กับผมดีวะ

อา....คิดออกละ

“ กูเลี้ยงไอติม กินไหม ”

“ กิน ” น้องมันเงยหน้าตอบแบบไม่คิดเลยครับ ไอติมก็คงชอบแล้วก็คงชอบที่มันฟรีด้วย

“ งั้นก็ไปกัน....ถ้าช้าเดี๋ยวพี่ถิ่นไทดุ ” ผมบอกก่อนจะรั้งแขนสมปองขึ้นมา น้องมันไม่ได้สะบัดออกนะครับสงสัยคงจะเหนื่อยนั่นแหละ

“ ทำไมมึงถึงทำงานที่นั่นอ่ะ ”

“ คือพี่ถิ่นไทเป็นพี่ชายกูเองอ่ะ ”

“ เห้ย....จริงอ่ะ ” ทำหน้าแบบนั้นหมายความว่ายังไงวะ

“ เออสิ ทำไม ไม่เหมือนรึไง ”

“ ไม่เหมือนสักนิด พี่ถิ่นไทเค้าออกจะดูอบอุ่น....แต่มึง ” น้องมันเว้นวรรคไปก่อนจะไล่ดูผมตั้งแต่หัวจรดเท้า มองด้วยสายตาแบบนี้นี่คืออะไรห้ะ

“ กูทำไม ”

“ มึงมันโฉดชั่วอ่ะ ” น้องมันว่าแล้วทำตาแป๋วใส่ “ คนเลว 2017 ชัดๆ ”

“ เดี๋ยวมึงจะโดนคนเลว 2017 เตะ ” เบ้ปากใส่ไปทีนึง “ ขึ้นรถ!! ” ผมยัดน้องมันเข้ามาในรถก่อนที่ผมจะขึ้นมานั่งฝั่งคนขับ

“ ทำโหดหรอ นี่แน่ะ ” ไอ้ตัวดีมันตีแขนผมทีนึง เดี๋ยวนี้ชักจะเอาใหญ่ พอไม่ได้กำราบก็ชักจะดื้อหนัก

“ เดี๋ยวจะโดนนะมึงน่ะ ” ผมจ้องหน้ามันนิ่งๆ

“ แบร่ๆๆๆๆๆ ”

แบร่ใช่ไหม

ได้.....

ผมรั้งคอสมปองเข้ามาใกล้โดยที่มันยังไม่ได้ตั้งตัวก่อนจะประกบปากลงไปแนบชิดกับปากเล็กๆนั่น ไอ้คนโดนจูบมันก็อึ้งจนตาค้าง ผมเห็นแบบนั้นก็เลยอาศัยจังหวะเผลอนี้สอดลิ้นเข้าไปควานหาความหวานจากโพรงปากเล็ก มือเรียวของผมก็ล็อคคอน้องให้มันอยู่ในองศาที่ผมจูบถนัด ลิ้นเล็กที่พยายามหนีจากการรุกรานของผมมันน่าเอ็นดูชะมัด เหมือนพวกไม่ประสีประสากับเรื่องทำนองนี้

พี่สยามชอบนักล่ะ เด็กใสใสเนี่ย

ผมตักตวงความหวานจนพอใจก่อนจะถอนจูบอย่างอ้อยอิ่ง น้องมันก็มองผมนิ่งๆเหมือนกับว่าตัวเองยังไม่ได้สติ สังเกตได้ว่าแก้มใสๆนั่นขึ้นสีแดงระเรื่อ น่าฟัดชิบ น้องมันจะรู้ตัวมันป้ะวะว่ามันน่ารักขนาดไหน

ยังอีกยัง สติยังไม่กลับมา

ไม่เป็นไรเดี๋ยวพี่เรียกสติให้

ฟอดดด

“ มะ....มึง ” ดูท่าสติสมปองจะกลับมาแล้วครับ น้องมันยกมือปิดปากข้างนึงแล้วก็ปิดแก้มตัวเองข้างนึงแถมยังทำหน้าตาตื่นอีก

โอ้ยยยยน่ารักโว้ยยยยย

กูขออีกสักที

ฟอดดดดดด

“ ไอ้พี่เชี่ย มึงจะมันจะมากเกินไปแล้ว ” น้องมันโวยวายใส่ผมก่อนจะยกขาขึ้นมานั่งกอดเข่าก่อนเอาหน้าตัวเองมุดไว้ เป็นวิธีการป้องกันตัวเองที่คิ้วท์มากครับคนดี พี่ยอมใจเลย

“ เป็นอะไรเนี่ยะ นั่งซะกลมเชียว ”

“ ก็มึงอ่ะ มึงจูบกูทำไมเนี่ยะ ”

“ ก็เห็นแลบลิ้นใส่ กูก็นึกว่าอยากให้กูดูด ” ฮ่าๆๆ จัดไปดอก งานนี้สยามวินครับ จะว่าไปกูนี่ก็พูดจาได้หื่นกามชิบ

“ ดูดพ่องอ่ะ แล้วยังมาหอมแก้มกูอีก ” เชื่อได้เลยว่าไอ้หน้าที่มุดอยู่นั่นมันต้องแดงมากๆแน่เลย เพราะขนาดหูน้องมันยังแดง

“ ก็เห็นไม่มีสติ กูก็เลยเรียกสติให้ ”

“ สติหน้ามึงดิ่ มึงหอมแก้มกูอีกครั้งด้วย ” ยังไม่เลิกโวยวาย จัดอีกสักทีดีไหมเนี่ย

“ กูรำคาญมึงอ่ะ ”

“ กูทำไรให้มึงป้ะ กูก็อยู่ของกูดีดี ”

“ ก็มึงเริ่มน่ารักขึ้นทุกวันๆอ่ะ ขัดหูขัดตา ”

ผมอมยิ้มมองสมปองที่เงียบไป น้องมันค่อยๆโผล่ตาขึ้นมามองผม ที่ไม่เอาขึ้นมาทั้งหน้าสงสัยว่ายังกลัวจะโดนหอมโดนจูบอีก ไอ้เด็กบ๊องเอ๊ย ไว้เดี๋ยวกูจะทำให้มึงขาดการหอมกับการจูบกูไม่ได้เลย

เตรียมใจไว้เถอะครับ

“ อะไร มองทำไม ” พอผมเห็นน้องมันมองผมเงียบๆก็อดสงสัยไม่ได้ที่จะถามอ่ะ สมปองคนเก่งที่ชอบเถียงมันตายไปแล้วสินะ

“ กูไม่ได้น่ารัก น่ารักไว้ใช้กับผู้หญิง ”

“ ไว้ใช้กับมึงก็ได้ไอ้เด็กบ้า ” ผมว่าพลางเอื้อมมือไปขยี้หัวมันด้วยความหมั่นเขี้ยว

“ อื้อออ.อ....หัวกู ขับรถสักทีสิ กูจะได้กินไหมไอติมน่ะ ” น้องมันจับมือผมออกจากหัวก่อนจะนั่งกอดเข่าตัวเองไว้อย่างเดิม

“ ครับๆ ไปแล้วๆ ”

ผมขับรถออกมาจากตึกคณะอย่างอารมณ์ดี พลางเหลือบมองคนข้างๆอยู่เป็นระยะ สมปองก็ยังอยู่ในโหมดกอดเข่าป้องกันตัวเองอยู่ครับ น่ารักเชียวไม่ติดว่าขับรถนี่จะเอาโทรศัพท์มาถ่ายรูปเก็บไว้ละจริงๆ วันนี้ถือว่าเป็นวันดีของผมนะ ได้ทั้งจูบได้ทั้งหอมแก้ม แล้วพอยิ่งได้ทำก็ยิ่งรู้สึกเสพติดน้องมันเข้าไปอีก

ชักอยากจะทำให้มันมากกว่านี้

ความรักนี่ทำให้เราหื่นกามขึ้นเยอะเลยนะครับ



[ จบบันทึกพิเศษ : สยาม ]





TBC.

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
จีบอย่างนี้จะติดเหรอสยาม

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ถ้าพ่อได้อ่านไดอารี่ คงให้สมปองลาออกแทบไม่ทัน
มีอย่างที่ไหน ถูกผู้ชายจีบแล้วยังไม่รู้ตัวอีก 55

ตลกความคิดเห็นนี้ แต่แอบพยักหน้าเบา ๆ ฮา
ถ้านับจำนวนครั้งของชื่อที่ปรากฎในไดอารี่ ชื่อพี่สยามนอนมาแน่ หึหึ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-09-2017 21:42:34 โดย sirin_chadada »

ออฟไลน์ chaleeisis

  • mgAmuptUF
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
    • nearby girls for live chat
บทที่ 9 สมปองเป็นนกฟินิกซ์




โรงอาหารตึกวิศวะ

กับสมปองที่ยืนต่อแถวซื้อเย็นตาโฟ

แถมยังต่อหลังผู้หญิงที่สวยมากด้วย คริคริ

ผมมองสาวงามที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างพิจารณา เธอผิวขาวมาก และก็ยังตัวเล็กอ้อนแอ้น ผมสีน้ำตาลเป็นลอนยาวสลวยนั่นก็ถูกมัดเป็นทรงหางม้า หน้าตาจิ้มลิ้มนี่ไม่ว่าใครก็ต้องอยากได้เป็นเจ้าของ คิ้วโก่งจมูกโด่งเป็นสันสวย แก้มก็ใสแถมอมชมพูดูเป็นธรรมชาติ ยิ่งบวกกับริมฝีปากแดงอมส้มนั่น

สเป็คเลยอ่ะ นี่แหละแม่ของลูกผม

“ เอาเย็นตาโฟค่ะ ” อุ้ย เธอสั่งเย็นตาโฟด้วยครับ ผมว่าเราต้องเป็นเนื้อคู่กันแน่ๆเลย ขนาดของที่จะกินยังเหมือนกันอ่ะ

“ เจ้าขา ” ผมมองตามเสียงของผู้หญิงอีกคนที่เดินเข้ามาหาแม่ของลูกผม เจ้าขานี่คงจะเป็นชื่อของคนตรงหน้าผมแบบแน่นอนอย่างไม่ต้องสืบ โหย น่ารักก็น่ารัก ชื่อยังจะเพราะอีก

งื้อออ สมปองอยากได้

จะเอาอ่ะจะเอา

“ มีอะไรหรอเตย ” เสียงหวานอีกต่างหาก พ่อครับผมสัญญาเลยว่าจะพาลูกสะใภ้กลับไปไหว้พ่อให้ได้

“ เอาเย็นตาโฟครับป้า ” ผมสั่งเย็นตาโฟพร้อมกับเหลือบมองเจ้าขาเป็นระยะๆ เธอคุยกับเพื่อนอยู่ใกล้ๆโต๊ะวางเครื่องปรุงนี่แหละครับ หูผมก็เงี่ยฟังสิ่งที่พวกเธอคุยกัน ไม่ได้เสือกนะครับ ผมก็แค่อยากรู้เฉยๆ

“ ก็พี่สยามอ่ะ เค้าตามหาแกอยู่ ”

เดี๋ยวก่อนนะ.....สยามงั้นหรอ

ไอ้พี่สยามน่ะนะ!!!

ผมยืนฟังหูผึ่งเลยครับหลังจากได้ยินชื่อของคนบัดซบออกมา เห้ยปองแต่คิดในแง่ดีก่อน คนชื่อสยามอาจจะไม่ได้มีคนเดียวในมหาลัยก็ได้ เออใช่ มันต้องใช่แน่ๆ เป็นไปไม่ได้ที่ไอ้พี่เถื่อนนั่นจะมารู้จักกับเจ้าขาคนงามได้หรอก

ไม่มีทาง

“ เจ้าขา ” เสียงคุ้นจากด้านหลังที่ผมไม่ต้องหันไปมองผมก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร

ม่ายยยยยยยยยยยยยย

ม่ายอาวแบบเน้

ผมหันไปมองด้านหลังก็พบกับร่างสูงที่สวมเสื้อช้อปกับกางเกงยีนส์ขาดๆ วันนี้พี่มันไม่ได้ถือโทรโข่งมาว่ะ แต่ก็ดีละมันจะได้ไม่ต้องเอามาพูดอัดหน้าผม เห็นมันแล้วยังนึกแค้นตอนวันที่มันสั่งผมวิ่งรอบตึกได้เลย ผมไม่ได้แค้นที่มันให้ผมวิ่งนะครับผมแค้นที่มันขโมยจูบกับหอมแก้มผมบนรถต่างหาก แม่งเอ้ย ถ้ารู้ว่าไปกินไอติมฟรีแล้วจะเปลืองเนื้อเปลืองตัวขนาดนั้นนะผมไม่ไปหรอก หึ้ยยยยย....

พอๆ กลับมาสถานการณ์ตรงหน้าก่อนครับ

“ พี่สยาม ” เจ้าขาเรียกพี่มันพร้อมกับยิ้มหวาน โง้ย ยิ้มแบบนั้นให้ปองบ้างสิครับ ปองก็อยากได้

“ พี่ตามหาเราตั้งนานแน่ะ โทรไปก็ไม่รับ ” พี่มันเดินเข้ามาใกล้เจ้าขาก่อนจะยกมือมาบีบจมูกคนตัวเล็กเบาๆเหมือนกับหมั่นเขี้ยว เห้ย มึงทำแบบนั้นกับว่าที่แม่ของลูกกูได้ไง

“ ก็โทรศัพท์น้องอยู่ในกระเป๋านี่คะ พี่สยามกินอะไรมารึยัง ” เจ้าขาไม่พูดเปล่านะครับ มือเรียวเล็กนั่นก็ยกขึ้นไปกอดเอวไอ้พี่สยามไว้

สองคนนี้เป็นอะไรกันวะเนี่ย

“ ยังเลยค่ะ พี่ว่าพี่จะมากินหัวเราเนี่ยแหละ ” พี่มันว่าก่อนจะทำท่าเหมือนจะงับหัวเจ้าขาด้วย

พี่สยามมันพูด ค่ะ ด้วยว่ะ

วัทเดอะฟัคคคคค

นี่มันอะไรกันเนี่ย

ผมแอบยืนมองสองคนที่กุ๊กกิ๊กกันอยู่ตรงหน้าด้วยความไม่เข้าใจ แถมคำถามยังเต็มหัวด้วยว่าทำไมสองคนนี้ถึงดูสนิทกันขนาดนี้ เจ้าขาก็เป็นผู้หญิงที่ผมเพิ่งปิ๊งตะกี้ ไอ้พี่สยามก็เป็นผู้ชายโฉดชั่วที่ชอบแกล้งผม ทำไมสองคนนี้ถึงรู้จักกัน แล้วไอ้ความใกล้ชิดสนิทสนมนั่นมันคืออะไรวะ

เป็นแฟนกันหรอ

“ หัวน้องกินไม่ได้นะคะ ”

“ ว้าแย่จัง อย่างนี้พี่ก็หิวแย่เลยสิคะ ”

“ พี่ก็ว่าไปนั่นอ่ะ ”

“ ฮ่าๆๆ ไปโต๊ะกันไหมคะ เดี๋ยวพี่ถือให้ ” เจ้าขาพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม ไอ้พี่สยามมันหยิบชามเย็นตาโฟขึ้นมาถือก่อนจะโอบรอบเอวของคนตัวเล็กแล้วก็เดินไป

เหลือแค่ผมกับชามเย็นตาโฟที่ยังอยู่ตรงนี้

เกิดอะไรขึ้นวะ

ผมถือชามมาตรงโต๊ะเครื่องปรุงก่อนจะปรุงตามปกติ ในใจก็พลางคิดถึงไอ้สิ่งที่เห็นเมื่อกี้ทั้งหมด ผมไม่เข้าใจนะครับไม่เข้าใจอะไรเลย และก็สงสัยมากด้วยว่าไอ้พี่สยามกับเจ้าขาเป็นอะไรกัน แต่ดูท่าก็คงไม่ใช่ความสัมพันธ์ธรรมดาหรอกว่ะเล่นโอบเอวเดินไปกันซะขนาดนั้น แถมยังคุยกันกุ๊กกิ๊ก มีจะแดกหัวกันด้วย

ที่พีคสุดคือไอ้พี่สยามมันพูดเพราะมาก

เพราะแบบใช้ คะ ใช้ ค่ะ ตัดภาพมาเวลาที่มันคุยกับผมดิ่มีแต่ไอ้เชี่ยไอ้สัส โคตรคนละฟีลเลยอ่ะ ห่าเอ้ย คิดแล้วน่าหงุดหงิดชิบ สวยๆแบบเจ้าขาไม่น่าไปเสร็จคนโฉดแบบไอ้พี่สยามมันเลย

เสียใจว่ะ

เสียดายด้วย

ฮืออออออออออ

แล้วคิดดูนะครับ ปกติแล้วไอ้พี่สยามมันมักจะเป็นคนเจอผมก่อนเสมอไม่ว่าผมจะอยู่ที่ไหนก็ตาม แต่วันนี้ผมยืนอยู่ในร้านนั่น ห่างจากมันมาไม่ถึง 3 เมตรด้วยซ้ำแต่มันไม่ได้มองมาตรงที่ผมยืนอยู่เลย เหมือนผมไม่มีตัวตนอ่ะ สายตาคมนั่นมองแต่เจ้าขาคนเดียว ทำเอาสมปองคนนี้เป็นอากาศธาตุ ใจนึงผมก็คิดว่ามันก็ดีแล้วนะที่มันไม่เห็นผม มันจะได้ไม่ต้องเข้ามาวุ่นวายหรือแกล้งอะไรผมไง

แต่พอเป็นแบบนั้นในใจมันก็หน่วงแปลกๆว่ะ

ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะอะไร

“ ทำไมทำหน้าแบบนั้นอ่ะสมปอง บอกสมลันมาซิ ” ทันทีที่ผมเดินกลับมาถึงโต๊ะ ลันตาเพื่อนรักก็เอ่ยถามผมเป็นคนแรก ตอนนี้รู้สึกหมดอาลัยตายอยากยังไงก็ไม่รู้อ่ะ แบบใจมันเฟลอ่ะมันเฟล

“ เล่าให้สมเทียนฟังก็ได้นะ ”

“ ใช่ สมแยมก็พร้อมฟังนะ ” ผมมองเจ้าพวกสมก่อนจะถอนใจแล้วนั่งลงประจำที่ตัวเอง พวกมึงคิดได้ไงเนี่ยะที่เอาสมไปไว้หน้าชื่อน่ะ ไม่อยากให้กูรู้สึกโดดเดี่ยวสินะ

“ คืองี้มึง เมื่อกี้กูไปเจอผู้หญิงคนนึง เธอสวยมากแบบกูเห็นครั้งแรกกูก็ปิ๊งเลยอ่ะ เธอชื่อเจ้าขา ”

“ อาหะ มึงปิ๊งแล้วยังไงต่อ ”

“ แต่แบบเจ้าขาอ่ะดันเป็นเด็กไอ้พี่สยามอ่ะดิ่ ”

ลันตามันเท้าคางมองผม “ อ๋อ คือมึงนกใช่ป้ะ ”

“ ถึงกูจะนก กูก็นกฟินิกซ์แหละวะ ”

“ ฮ่าๆๆ นกฟินิกซ์ก็มาว่ะ แล้วมึงไปรู้ได้ยังไงว่าเจ้าขาอะไรนั่นเป็นเด็กพี่สยาม ” สีเทียนมันถาม

“ ก็เดินโอบเอวกันออกไปจากร้านก๋วยเตี๋ยวอ่ะ คุยกันกระหนุงกระหนิงแถมพี่สยามมันยังพูดคะพูดขาด้วยนะมึง ทีกับกูแม่งยังไม่เคยพูดเพราะขนาดนั้นเลย ” แค่คิดก็แค้นใจแปลกๆแล้ว เผลอเมื่อไหร่กูจะเอาโทรโข่งมึงไปซ่อนเป็นการล้างแค้น

“ เหมือนมึงอิจฉาที่พี่สยามเค้าพูดเพราะกับเจ้าขาเลยว่ะ ” กูจะไปอิจฉาทำไมวะลันตา ไม่เห็นมีอะไรจะต้องอิจฉาเลย

ก็แค่พูดคะพูดค่ะอ่ะ น่าอิจฉาตรงไหน

“ กูเปล่าสักหน่อย ”

“ จะใช่เร้อสมปอง สมเทียนดูออกนะว่าสมปองคิดอะไร ” ไม่ต้องมาชี้หน้ากูแล้วทำหน้าทำตาแบบนั้นเลย

“ ไม่ต้องทำมาเป็นรู้ดีเลยนะมึง ”

“ แล้วแบบนี้มึงจะทำไงต่ออ่ะปอง ” แยมมันถามผมต่อ ทำไงดีงั้นหรอ นั่นสินะ ผมขอบอกจากใจเลยนะครับว่าปิ๊งเจ้าขามาก ตั้งปณิธานไว้ตั้งแต่แรกเห็นด้วยว่านี่แหละแม่ของลูกแถมยังคิดว่าจะพาไปไหว้พ่อด้วย เพราะงั้น....

“ กูจะแย่ง ”

“ มึงจะแย่งเจ้าขามาจากพี่สยามหรือว่าแย่งพี่สยามมาจากเจ้าขา ”

“ กูก็ต้องแย่งเจ้าขามาจากไอ้พี่สยามสิวะ ” กูจะแย่งพี่มันมาทำไม ลันตาเพื่อนรักนี่ทำไมถามอะไรแปลกๆ

“ แต่กูว่ามึงแย่งพี่สยามมาจากเจ้าขาน่าจะง่ายกว่านะ ” ทำไมมันเป็นอย่างงั้นล่ะสีเทียน

แล้วคือเพื่อนกูนี่จะไม่ช่วยอวยกูกันสักนิดเลยหรอ

โหยเสียใจ

“ ปอง กูคิดว่ามึงไม่น่าจะแย่งเจ้าขามาจากพี่สยามได้อ่ะ ”

“ ทำไมวะลันตา ”

“ คือถ้ากูเป็นผู้หญิง แล้วเอามึงกับพี่สยามมายืนข้างๆกัน กูก็เลือกพี่สยามอย่างไม่ต้องคิดอ่ะ ” ลันตามันว่าพลางมองผมตั้งแต่หัวลงไปทั้งตัว ทำไมอ่ะลันตากูไม่ดีตรงไหน กูออกจะแสนดี มาดแมนและแฮนด์ซั่มมาก หุ่นดีมีซิกแพคด้วยนะ ถึงแม้ว่าตอนนี้มันจะเลือนลางกว่าแต่ก่อนเพราะแดกเยอะและนอนบ่อยก็เหอะแต่กูก็มีนะ

“ กูว่านะปอง การไปแย่งผู้หญิงของรุ่นพี่มันไม่ใช่ความคิดที่ดีเลยว่ะ ” แยมมันบอกผมอย่างจริงจัง ไม่รู้โว้ยกูชอบกูจะเอาอ่ะ จะแย่งมาให้ได้ด้วย ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแหละ

ขนาดเสือมันยังสู้กันเพื่อแย่งเหยื่อเลย

ผมก็ต้องสู้กับไอ้พี่สยามเพื่อแย่งแม่ของลูกในอนาคตเหมือนกัน

“ เออเอาน่า กูคิดว่ากูมีวิธีที่ดี ” ผมยักคิ้วให้เหล่าเพื่อนรัก วิธีนี้แหละเวิร์คสุด

“ วิธีอะไรวะ ”

“ ไม่บอก ” ผมแลบลิ้นใส่สีเทียน มันก็ทำหน้ามุ่ยใส่ผม ขืนบอกมึงแล้วมึงเอาไปบอกไอ้พี่สยามกูจะทำยังไง

จากเหตุการณ์บัดซบหลายๆอย่างในชีวิตของผมที่เพิ่งผ่านมาไม่นานนั้น มันทำให้ผมรู้ว่าเราไม่สามารถไว้ใจใครได้แม้กระทั่งเพื่อนของเราเอง ในกลุ่มนี่มีสมแยมคนเดียวครับที่ยังพอพึ่งพาและไว้ใจได้ และสมแยมมันก็เป็นคนที่เป็นห่วงผมมากกว่าชาวบ้านที่สุดแล้ว ต่างจากสมลันกับสมเทียนโดยสิ้นเชิง ไอ้สองแสบนี่มีแต่จะคอยแกล้งผม จะว่าไปยังไม่ได้คุยกับพวกแม่งเรื่องประธานนักศึกษาเลย

ไหนๆก็คิดออกแล้วก็เอาหน่อยละกัน

โป๊กกก

โป๊กกก

“ โอ้ยยยย / โอ้ยยยย ” ไอ้สองแสบมันโอดโอยพร้อมกับยกมือกุมหัวตัวเอง แถมยังส่งหน้ามึนๆมาให้ คงสงสัยสินะว่ากูโขกหัวมึงทำไม

“ โทษฐานที่มึงส่งชื่อกูไปเป็นประธานนักศึกษา ”

“ ไม่เห็นต้องโขกเลย มันเจ็บนะ ” ลันตามันตีแขนผมกลับ เดี๋ยวก็โดนอีกทีหรอกมึง

“ ใช่ หัวแตกแล้วมั้งเนี่ย ” มึงก็เว่อร์อ่ะสีเทียน กูไม่ได้โขกแรงอะไรขนาดนั้นเลย

“ ไม่ต้องมาบ่นเลยนะพวกมึง กูอยู่ของกูดีดีเสือกส่งชื่อกูไปเฉย ละพวกมึงก็เตรียมตัวเป็นเบ้ประธานได้เลย ” ผมส่งยิ้มเหี้ยมไปให้ไอ้สองแสบ “ มึงไม่รอดหรอก ”

“ โหดร้าย / โหดร้าย ” พวกมึงมันสมควรโดนแล้วไอ้บ้า

ผมนั่งกินเย็นตาโฟต่อ มัวแต่คุยเส้นแม่งอืดหมดละ ขอโทษนะเย็นตาโฟ ถึงแม้นายจะอืดแต่เราจะกินนายให้หมดแน่นอนเราสัญญา โอเคผมตกลงกับเย็นตาโฟเสร็จแล้ว กลับมาคิดเรื่องไอ้พี่สยามกับเจ้าขาต่อ ตอนนี้ผมต้องคิดไว้ก่อนว่าสองคนนั้นเป็นแฟนกัน เป็นจริงรึเปล่าไม่รู้แหละแต่คิดไว้แบบนี้แหละ ผมว่าผมจะค่อยๆเข้าไปมีตัวตนในชีวิตของเจ้าขา จากนั้นก็ค่อยๆทำให้เจ้าขาประทับใจในตัวผมแล้วก็ใส่ไฟเรื่องความเลวที่ไอ้พี่สยามมันทำไว้

ผมจะบอกว่ามันนอกใจเจ้าขา

นอกใจโดยการไปหอมแก้มกับไปจูบคนอื่น

ไอ้คนอื่นนั่นก็ผมไง

จะว่าไปพอนั่งคิดถึงเรื่องหอมแก้มกับเรื่องจูบนี่ก็ยังสงสัยไม่หายเลยนะว่าพี่มันทำแบบนั้นกับผมทำไม ถึงพูดว่าจะแกล้งแต่มันไม่มีใครเขาแกล้งกันแบบนี้ป้ะวะ อีกอย่างมันเองก็มีแฟนที่สวยมากขนาดนั้น ไอ้เรื่องแบบนี้มันต้องไว้ทำกับแฟนไม่ก็คนที่รักสิวะ

ไว้ทำกับแฟนไม่ก็คนที่รัก

แต่มาทำกับผม

อ่าว งง กูคิดอะไรของกูเนี่ย

“ สัสเอ้ย ” ผมสบถเบาๆก่อนจะส่ายหัวไล่ไอ้ความคิดทั้งหมดออกไป ทำไมชีวิตสมปองต้องมาคิดอะไรยุ่งยากแบบนี้ด้วยว่ะ ขืนยังคิดเยอะอยู่แบบนี้สมองอาจจะตายก็ได้เอาจริงๆ

เพราะงั้นเลิกคิด เลิกๆๆๆๆ

“ เออมึง จันทร์หน้าจะเฉลยพี่รหัสแล้วนะ พวกมึงหาเจอกันรึยัง ” ผมเงยหน้าขึ้นมาจากชามก๋วยเตี๋ยวทันทีที่ลันตามันถาม เออว่ะ พูดถึงพี่รหัสนี่ผมก็ยังหาไม่เจอเลยครับ

เรียกว่าไม่หาเลยจะดีกว่า

“ กูว่าหาไม่ทันแล่ว ใครจะมันจะหาเจอวะ ” ลันตามันบ่นอย่างเซ็งๆ

“ กูก็รอวันเฉลยทีเดียวอ่ะ โดนลงโทษก็ไม่เป็นไร ” แยมมันดูไม่ค่อยซีเรียสกับเรื่องนี้เท่าไหร่

“ นั่นสินะ แต่ก็ตื่นเต้นเหมือนกันนะมึง ว่าพี่รหัสเราจะเป็นใคร ” เออตื่นเต้นมากอ่ะ

0003พี่เป็นผู้ชายหล่อล่ำปล้ำง่าย

ตื่นเต้นสุดๆ เหอะๆ

“ พี่รหัสมึงอ่ะปอง หาเจอยัง ” ถ้ากูหาเจอกูก็ต้องบอกมึงแล้วสิเพื่อนรัก

“ ยังอ่ะ ช่างแม่ง ” ผมไหวไหล่อย่างไม่ใส่ใจ พี่รหัสผมจะเป็นใครก็เอาเถอะ ผมไม่ได้เป็นพวกอินกับสายรหัสอะไรขนาดนั้นอยู่แล้วด้วย

ผมนั่งกินเย็นตาโฟต่อจนหมด เหล่าเพื่อนรักก็พากันคุยอะไรของพวกแม่งไม่รู้ เดี๋ยวตอนบ่ายนี้มีเรียนต่อด้วยครับ เป็นวิชาคณิตพื้นฐานที่ผมชอบ เลยตั้งใจว่าจะตั้งใจเรียนสักหน่อย เรียนเสร็จไปกินไอติมดีไหมวะ สภาพจิตใจเฟลๆแบบนี้ควรได้ของหวานมาชะโลมให้ดีขึ้น

แต่ถ้าไปกินไอติมก็อาจจะเจอไอ้พี่สยามมันก็ได้

เอาไงดีวะ

“ เออปอง กูได้คูปองลด 50 % ของร้านไอติมมาด้วย มึงไปเปล่าวันนี้ ”

“ ไป....กูไป ”

เอาเป็นว่าถ้าผมเจอไอ้พี่สยามผมจะทำเป็นมองไม่เห็นมันละกันนะครับ

ยังไงไอติมก็สำคัญกับสมปองที่สุด

แฮะๆ






TBC.

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ

ออฟไลน์ ares

  • .....
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 2
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เขาเป็นพี่น้องกันหรือเปล่า
ไปเล็งคนอื่นเดี๋ยวก็โดนพี่สยามจับกินหรอกสมปอง

ออฟไลน์ chaleeisis

  • mgAmuptUF
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
    • nearby girls for live chat
​บทที่ 10 พี่รหัสของสมปอง


ลานเกียร์ตอนบ่ายสาม

รู้ไหมว่าอากาศมันร้อนอ่ะ

บัดซบจริงๆ

ผมนั่งปาดเหงื่ออยู่หลังลันตาครับ ตอนนี้กำลังนั่งต่อแถวเพื่อทำกิจกรรมของคณะอยู่นั่นก็คือการเฉลยสายรหัส แน่นอนว่าผมและเพื่อนๆเนี่ยะไม่มีใครหาพี่รหัสตัวเองเจอสักคน แม่งแค่ให้เวลาแค่ 2 อาทิตย์ ใครมันจะไปหาเจอวะบ้าไปแล้ว ผมเชื่อนะครับว่าไอ้เด็กวิศวะปี 1 เป็นร้อยคนนี่มันต้องมีเยอะมากแน่ๆที่ยังหาพี่รหัสตัวเองไม่เจอ

อย่างน้อยก็น่าจะเกินครึ่งแหละวะ

“ มึงดูของลงโทษดิ่ ” ลันตาชี้ให้ผมดูของลงโทษที่อยู่บนโต๊ะ มันมีถังใส่แป้งวางไว้หลายสิบใบ นี่กะจะเอาพวกกูชุบแป้งแล้วเอาไปทอดเลยว่างั้นเถอะ นอกจากถังแป้งก็มีตะกร้าลิปสติกมั้งครับถ้ามองไม่ผิดนะ

“ กะยำเราให้เละเลยนะนั่นน่ะ ” สีเทียนมันมองแล้วเบะปาก

“ กูว่ามันก็น่าสนุกดีนะ ” สนุกดิ่แยม พวกพี่มันอ่ะสนุกแน่ๆ

“ เออมึง เสร็จนี่แล้วไปกินเหล้ากันป้ะ ”

“ กูไม่ไป ” ผมตอบลันตาทันทีแบบไม่ต้องคิด ส่วนมันก็มองแรงมาทางผม มองทำไมเดี๋ยวกูก็ตบตาหลุด

“ ทำไมล่ะสมปองสายแข็ง ”

“ มึงไม่ต้องมาทำไมเลยเทียน มึงดูดิ้ว่าครั้งก่อนลันตาเพื่อนรักทำอะไรกูไว้บ้าง ”

“ ก็มึงเมาเองอ่ะกูก็แค่ถ่ายคลิป ”

“ มึงถ่ายแล้วมึงเสือกเอาไปลงไงไอ้สัส ”

“ ดีจะตาย ดังข้ามคืนเลยนะมึงอ่ะ ” มึงนี่มัน....

โป๊กกกกก

“ โอ้ยยยย โขกหัวกูทำไมเนี่ย ” ลันตามันโวยวาย

“ ยังไม่สำนึกอีกนะมึง ” ผมดึงแก้มมันแรงๆ หมั่นเขี้ยวนักไอ้แก้มย้วยๆนี่

“ เจ็บนะไอ้สัส ” ลันตามันจับมือผมออกก่อนจะตีขาผมอย่างแรง เดี๋ยวก่อนเถอะมึง เดี๋ยวให้กูคิดแผนแบบสำเร็จแยบยลก่อนกูเอาคืนมึงแน่

ผมคิดแผนในการเอาคืนลันตากับสีเทียนไว้หลายอย่างมากครับ แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะเอายังไง แต่ผมก็ไม่ได้รีบมากนะที่จะล้างแค้นน่ะ เพราะผมอยากให้แผนของผมออกมาสมบูรณ์แบบมากที่สุด ไอ้สองแสบมันจะต้องจำวันที่ผมเอาคืนมันได้จนไม่มีวันลืม ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

แลดูชั่ว

ช่างเถอะ ก็แม่งแกล้งผมก่อนนี่หว่า

“ เห้ยมึงพี่ๆเค้ามาแล้วว่ะ ” ผมเงยหันมองไปด้านหน้าทันทีที่แยมบอก พวกรุ่นพี่เขามากันแล้วครับ ไอ้พี่สยามนี่เดินนำมาก่อนชาวบ้านเลย ในมือมันก็มีโทรโข่งกับใบอะไรไม่รู้อยู่ อาจจะเป็นใบรายชื่อก็ได้

นึกถึงเมื่อหลายวันก่อนที่เจอมันที่โรงอาหารผมก็รู้สึกหงุดหงิดแปลกๆว่ะ และความสงสัยก็ยังคงสุมกันอยู่เต็มหัวว่ามันเป็นอะไรกับเจ้าขา ครั้นจะไปถามมันก็ไม่ใช่เรื่องป้ะ แล้วพอตอนเย็นผมก็ไปกินไอติมกับสีเทียนที่ร้านของพี่ถิ่นไทผมก็ไม่เจอมันนะครับ วันนั้นมันไม่ได้อยู่ร้าน ทีนี้ก็สงสัยหนักเลยว่ามันไปไหน ไปกับเจ้าขารึเปล่าวะ

แล้วไปไหนกัน

โอ้ยอยากรู้โว้ยยยยย

“ เป็นไรวะปอง มึงจะขยี้หัวตัวเองจนฟูทำไม ” ลันตามันมองผม

“ กู....กูคันหัวนิดหน่อย ไม่มีอะไร ”

“ ไม่ได้สระหัวสินะมึง โสโครก ”

“ ช่างกูเถอะน่า ”

“ เลิกเถียงกันได้แล่ว ” สีเทียนมันดุผมกับลันตาเบาๆ “ กูลุ้นอยู่ว่าจะได้ใครเป็นพี่รหัส ”

“ ไม่เห็นจะน่าลุ้นตรงไหนเลย ” ผมบอกสีเทียนพลางนึกถึงกับคำใบ้ตัวเอง

“ มึงนี่มัน....” ลันตามันหยิกผมก่อนจะหันกลับไปทางเดิม หยิกทำพ่องอ่ะ เนื้อตัวกูเขียวเป็นจ้ำก็เพราะมึงเนี่ยะอีเพื่อนเลว

เมื่อไหร่กิจกรรมมันจะเริ่มวะ ผมร้อนครับไม่ใช่อะไร ผมชอบนะไอ้พวกกิจกรรมของคณะเนี่ย เพราะแบบเออทั้งชีวิตเรื่องแบบนี้มันจะเกิดขึ้นกับเราแค่ครั้งเดียวและมันจะเป็นความทรงจำที่ติดอยู่กับตัวเราตลอดไป ถึงผมจะไม่ค่อยอินกับสายรหัสผมก็โอเคนะที่เข้าร่วมกิจกรรมอ่ะ

แต่ไม่โอเคกับอากาศว่ะ

ประเทศไทยไทยมันร้อนไงยูโน้วว

สวัสดีน้องๆชาววิศวกรรมศาสตร์ทุกคนนะครับ

“ สวัสดีครับ / สวัสดีค่ะ ”

วันนี้ก็เป็นวันที่เรานัดเฉลยสายรหัสกันแล้วนะครับ ตื่นเต้นกันรึเปล่า

“ ตื่นเต้นค่า ”

นั่นเสียงกระเทยครับ

ผมมองไอ้พี่สยามที่มันถามอะไรรุ่นน้องพอเป็นพิธี บางทีก็รู้สึกรำคาญเสียงกรี๊ดกร๊าดของผู้หญิงกับกระเทยอยู่เหมือนกันนะ อะไรมันจะดี๊ด๊าขนาดนั้นครับคุณ ผมได้ยินเสียงพุูดมาว่าอยากไอ้พี่สยามมันไปเป็นพี่รหัสด้วย อยากจะเดินไปบอกคนพูดมากอ่ะว่ามึงคิดผิดแล้ว เพราะไอ้พี่สยามมันโฉดชั่ว ใครได้มันไปเป็นพี่รหัสนะโชคร้ายตายห่าแน่

แย่ๆ แค่คิดก็แย่

เงียบก่อนนะครับ พี่ขอชี้แจงเรื่องกิจกรรมก่อน ” พอพี่มันพูดทั้งลานเกียร์ก็เงียบในทันที “ ขอบคุณครับ....ก็พี่จะแบ่งน้องๆออกเป็น 2 ฝั่งนะ ฝั่งนึงคือน้องที่หาพี่รหัสตัวเองเจอ และอีกฝั่งคือคนที่หาพี่รหัสตัวเองไม่เจอ.....

ผมนั่งฟังที่พี่มันอธิบายไปเรื่อยๆ ตอนนี้ด้านหน้ามีพี่ขุนศึกกับพี่แกงป่าเอาป้ายมาตั้งแบ่งเป็นสองฝั่งแล้วครับ อยากรู้จังว่าใครได้พวกพี่เขาเป็นพี่รหัส รู้สึกอิจฉาในใจลึกๆด้วยที่ได้พี่รหัสที่โคตรคูลแบบนั้น เห้ยแต่ไม่แน่นะพี่คนใดคนนึงอาจจะเป็นพี่รหัสของผมก็ได้ แต่พวกพี่เขาจะตั้งคำใบ้แบบนั้นหรอวะ

ไม่น่าใช่

เอาล่ะ....น้องที่หาพี่รหัสของตัวเองไม่เจอยืนขึ้นเลยครับ

ผมกับเพื่อนๆมองหน้ากันก่อนจะค่อยๆลุกยืนขึ้น ในใจนี่คิดว่ายังไงแม่งก็ต้องครึ่งร้อยชัวร์สำหรับคนที่หาพี่รหัสไม่เจอ แต่หลังจากที่กลุ่มพวกผมลุกก็มีเด็กวิศวะอีกแค่ประมาณสักสิบกว่าคนหน่อยๆลุกตาม

เห้ยเดี๋ยวนะ

มีแค่นี้จริงอ่ะ

“ มีแค่นี้เองหรอวะที่หาไม่เจอ ” ลันตามันมองไปรอบๆด้วยสีหน้าอึ้งๆ เออนั่นดิ่มีแค่นี้ได้ไงวะมันน่าจะมีมากกว่านี้ดิ่

“ มันเอาเวลาที่ไหนไปหากันวะ ” เออจริงสีเทียน เวลาแม่งแค่สองอาทิตย์แม่งไปหาเจอได้ไง

“ พวกเรานี่เด่นเลยเนอะ ” กูว่ามึงมาผิดประเด็นว่ะเพื่อนแยม

ผมมองผู้ร่วมชะตากรรมเดียวสิบกว่าคนผมก็ต้องไปสะดุดตาอยู่ที่ร่างเล็กที่ยืนอยู่ไม่ได้ไกลจากผมเท่าไหร่นัก ถึงแม้ว่าจะมองจากด้านหลังผมก็รู้ได้ในทันทีว่านั่นคือเจ้าขา นี่เจ้าขาก็หาพี่รหัสไม่เจอเหมือนกันหรอเนี่ย โหยโคตรเนื้อคู่เลยอ่ะ วันนั้นเย็นตาโฟก็กินเหมือนกัน วันนี้ยังจะหาพี่รหัสไม่เจอเหมือนกันอีก เนี่ยะพระเจ้าสร้างเรามาคู่กันชัดๆ

โง้ยยยยยเขิน

ให้น้องๆที่หาพี่รหัสไปเจอเดินมาเข้าแถวหน้ากระดานตรงนี้เลยครับ ส่วนน้องที่เจอพี่รหัสแล้วก็เข้าแถวอีกฝั่งนึงเลย พี่รหัสก็ไปเข้าร่วมกับน้องได้เลยนะรอโดนน้องลงโทษซะ

พอพี่มันพูดจบผมก็รีบเสนอหน้าเดินมาเข้าแถวทันที ได้ยืนอยู่ข้างเจ้าขาด้วยครับ ไอ้พวกเพื่อนๆผมก็มองกันอย่างสงสัยพลางส่งสายตากรุ้มกริ่มมาให้ อย่ามามองได้ไหมวะเดี๋ยวเจ้าขาเขาสงสัย พอได้มองคนตัวเล็กใกล้ๆจากด้านข้างนี่ก็นะ ละมุนใจมากอ่ะ คนอะไรจะน่ารักได้ขนาดนี้

ชวนคุยๆโอกาสมาแล้ว

“ ชื่อเจ้าขาหรอ ”

เจ้าขาหันมามองผมก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ “ ใช่แล้ว ”

งื้ออออ.อ....เสียงหวาน

ใจจะละลายแล้ววว

“ ชื่อเพราะจัง ” ง่อวววว จัดไปหนึ่งดอก หยอดเองก็เขินเองว่ะ

“ ชื่อเธอก็น่ารักดีนะ....สมปองน่ะ ” เจ้าขาบอกพร้อมกับยิ้มหวาน โอ้ยยยพ่อ!! เจ้าขายิ้มให้ผมด้วยพ่อเห็นไหม เจ้าขาต้องมีใจให้ผมแน่ๆเลยอ่ะพ่อ แน่ล่ะลูกพ่อหล่อซะขนาดนี้

โอ้ย มีความสุข

“ เรียนสาขาอะไรหรอ เราเรียนโยธานะ ”

“ เราเรียนอุตสาหการ....ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ” นะคะก็มา สวย น่ารักแถมยังพูดเพราะอีก เจ้าขานี่ต้องเป็นแม่ที่ดีของลูกผมได้แน่ๆ

“ ยินดีเช่นกันครับ ” ผมยิ้มหวานให้เจ้าขาตาหยีก่อนจะสะดุ้งเพราะโดนใครสักคนหยิกแขน พอหันไปมองก็พบลันตาที่จ้องผมอยู่ “ อะไรของมึง แล้วหยิกกูทำไมวะ ”

“ แรดเชียวนะมึง ”

“ เออแรด เดี๋ยวจะขวิดหน้ามึงด้วย ”

“ หัดสนใจสถานการณ์อย่างอื่นบ้าง ”

“ สถานการณ์อะไรวะ ”

“ โน่น ” ลันตามันจับหัวผมให้หันไปมองแถวอีกฝั่ง

โอ้โหหหหหห

ย่อยยับเลยนะนั่นน่ะ

ผมมองแถวอีกแถวนึงที่ตอนนี้ขาวฟุ้งเต็มไปด้วยแป้ง บรรดารุ่นพี่นี่หน้าขาวผ่องไปตามๆกัน บางคนนี่ก็โดนวาดหนวดแมวด้วยลิปสติก เออตลกดีว่ะ ละคือรุ่นพี่วิศวะแม่งแบบผู้ชายเยอะมาก พอโดนวาดอะไรแบบนั้นก็ดูสวนทางกับลุคดีนะ แปลว่าแถวผมจะลงโทษทีหลังแน่เลย มัวคุยแต่กับเจ้าขาเพลินเลยไม่รู้ เอาจริงๆใช้คำว่าเพลินก็ไม่ได้หรอกเพราะคุยกันไม่ถึง 4 ประโยคด้วยซ้ำ แต่เพราะผมให้ความสนใจกับเจ้าขามากเลยไงผมถึงไม่สนใจรอบข้าง

ลงโทษพี่รหัสกันเสร็จแล้วก็กลับไปนั่งแถวได้เลยครับ ” พี่มันบอกก่อนจะหยุดมาเดินที่แถวผม “ ถึงเวลาของพวกเราละนะ

“ ฮิ้วววววววววววววววววววววววววววววว ” พวกวิศวะปี 1 ที่เข้าไปนั่งเป็นแถวเสร็จแล้วก็พากันส่งเสียงโห่ดังๆ โห่ไมวะ อยากเห็นพวกกูโดนลงโทษมากเลยสิไอ้พวกบ้า

บรรดาพี่รหัสของน้องพวกนี้เดินเข้ามาเฉลยกับน้องได้เลยครับ ” พอสิ้นเสียงของไอ้พี่สยามก็มีรุ่นพี่วิศวะเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้ากันทีละคน

เจ้าขานี่ได้พี่ชาเย็นเป็นพี่รหัสว่ะ โหยยยยพี่ชาเย็นแม่งโคตรโชคดีเลย ผมหันมองเหล่าเพื่อนรักที่มีรุ่นพี่เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า ลันตานี่มันอ้าปากค้างเลยครับที่พี่ขุนศึกเดินมาหยุดอยู่ตรงนั้น มันเคยบอกไว้นี่นะว่ามันขอให้พี่รหัสเป็นใครก็ได้ที่ไม่ใช่พี่ขุนศึก ฮ่าๆๆ สมน้ำหน้ามัน เป็นไงล่ะมึง ไม่อยากได้อะไรก็ได้เฉย ส่วนสีเทียนนี่ก็ยืนอึ้งหนักเลยเพราะที่หยุดอยู่ตรงหน้ามันคือพี่แกงป่า อิจฉาว่ะทำไมถึงได้แต่คนที่กูอยากได้ไปกันวะ แยมนี่ก็เป็นพี่ข้าวก้องครับ

และด้านหน้าของผมนั้น....

ว่างเปล่า

“ พี่รหัสกูไม่มาหรอวะ ” ผมพึมพำพลางชะเง้อคอมองไปทั่ว เห้ย ไม่มาจริงอ่ะ แบบนี้ผมก็ไม่โดนลงโทษดิ่

เย่เย่เย่

ให้พี่รหัสลงโทษน้องรหัสได้เลยครับ ” ผมมองไอ้พี่สยามที่มันส่งโทรโข่งไปให้พี่ข้าวหอมก่อนที่ตัวมันจะหยิบถังใส่แป้งถังใหญ่กับลิปสติกอีกหลายแท่งเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผม

เดินมาหยุดทำไมวะ

หรือว่า....

“ เด็กเปรต ” พี่มันยกถังแป้งเทใส่หัวผมจนหมดถังทันที ผมก็ได้แต่สำลักแป้งที่มันฟุ้งเข้าจมูก กูเห็นพี่น้องคู่อื่นเขาเอาแป้งทาหน้ากันดีดีแล้วทำไมมึงต้องเอาแป้งมาเทใส่กูทั้งถังแบบนี้วะ กะจะฆ่ากูให้ตายเลยใช่ไหมไอ้พี่เชี่ย

“ แค่กก.ก.ก.....แค่ก.ก.ก....กูสำลักแป้งไอ้สัส ”

“ นี่แหละบทลงโทษของมึง ” พี่มันหยิบลิปสติกออกมาก่อนจะบรรจงวาดลวดลายลงบนหน้าผม “ ไม่ยอมตามหากูดีนัก ”

“ ใครมันจะไปรู้ว่าเป็นมึงวะไอ้บ้า ”

“ กูออกจะหล่อ ล่ำ แถมปล้ำง่ายจะตาย มันหายากตรงไหนวะ ”

“ ยากทั้งหมดนั่นแหละไอ้พี่เชี่ย แค่กก.ก.....พอแล้ว ” ผมปัดมือพี่มันออก หน้ากูย่อยยับไม่มีชิ้นดีแล้วมั้งเนี่ย

“ กูอยู่ใกล้ๆมึงแท้ๆ แต่มึงดันไม่รู้ตัวซะได้ ”

“ ก็มึงอ่ะ รู้ว่ากูเป็นน้องรหัสแล้วทำไมไม่ใบ้ให้บ้างวะ ”

“ ก็ทั้งตัวกูนี่ไงคือคำใบ้ มึงมันเอ๋อเลยไม่รู้เอง ”

“ ไอ้....”

“ เงียบเลย....จบนี่รอกูก่อนด้วยนะมีเรื่องจะคุย ” พี่มันสั่งก่อนจะเดินกลับไปเอาโทรโข่งมาพูดเพื่อจะเริ่มกิจกรรมต่อ ผมก็ได้แต่เบ้ปากใส่มันอย่าหมั่นไส้ เผด็จการชิบ อยู่ดีดีก็มาสั่ง

กลับไปนั่งเป็นแถวได้เลยครับน้องๆพี่มีเรื่องจะชี้แจงต่อ

ผมกลับมานั่งที่เดิมด้วยความหงุดหงิดในใจลึกๆ โคตรเข้าใจฟีลลันตาเลยอ่ะว่าได้คนที่ไม่อยากได้เป็นพี่รหัสมันเป็นยังไง ผมเคยพูดไว้ตั้งแต่วันจับสายรหัสด้วยว่าถ้าใครได้ไอ้พี่สยามเป็นพี่รหัสนี่โชคร้ายชิบหาย และสุดท้ายไอ้คนที่โชคร้ายชิบหายนั่นก็คือผมเอง สมปองเอ้ย สลากมีตั้งเยอะทำไมต้องจับได้พี่มันด้วยวะ

อยากผูกคอตายจังเลยโว้ยยยยย





พอหลังจากที่กิจกรรมจบไอ้พี่สยามก็ลากผมออกมาทันทีท่ามกลางสายตามึนงงของเพื่อนฝูง ก่อนที่มึงจะลากกูไปไหนมาไหนมึงช่วยดูสภาพกูด้วย ตัวนี่ขาวโพลนตั้งแต่หัวจรดยันปลายตีน หน้านี่ก็คงเละบัดซบเลยอ่ะ ละมันก็ลากผมมาเรื่อยๆจนมาหยุดที่รถมัน

“...........” เงียบไมวะ

“ มีอะไรจะคุยกับกู ”

“ วันนี้สนุกไหม ”

“ สนุกก็เชี่ยละ ให้กูเอาแป้งเทใส่มึงบ้างป้ะล่ะ ”

“ ช่วยไม่ได้ มึงหากูไม่เจอเองหนิ ”

“ มึงนี่มัน...หึ้ยย..ย....ถ้าจะลากกูมาเพื่อกวนประสาทล่ะก็ กูกลับละ ” ผมทำท่าจะเดินหนีพี่มันก็คว้าแขนผมไว้ อะไรของมึงอีกเนี่ย

“ อย่างอแงสิ ”

“ มึง...”

“ กูจะบอกมึงว่าลุงรหัสของมึงคือพี่ทะเล เค้าเป็นหนึ่งในพี่ว้ากของรุ่นนี้ ”

“ มึงลากกูมาคุยยันนี่เพราะเรื่องแค่นี้อ่ะนะ ” มึงบอกกูที่ลานก็ได้ไหมวะ จะลากกูมาเพื่อ แม่งโคตรเสียเวลาและเสียพลังงานชีวิตเลย

“ ที่กูลากมึงมาจนถึงที่นี่ก็เพื่อสิ่งนี้ ” ไอ้พี่สยามมันหยิบกุญแจรถขึ้นมาปลดล็อคก่อนจะเปิดประตูด้านหลัง

เห้ยยยยยย

เห้ยยยยยยยยยยยยยยยยย

“ ขนมมมมมมมม ” ผมแหกปากลั่นทันทีที่ได้เห็นสิ่งที่อยู่หลังรถ

พื้นที่ว่างด้านหลังถูกเติมเต็มด้วยขนมหวานที่ผมชอบทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นคุ้กกี้ มาร์ชเมโล่ หรือว่าช็อกโกแลต โดยเฉพาะเอ็มแอนด์เอ็มที่มีเยอะมาก เยอะมากๆจนไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะกินหมด ผมว่าไอ้พี่สยามมันต้องหมดเงินไปเยอะมากแน่ๆกับขนมพวกนี้ เพราะมันรู้ว่าผมชอบสินะมันเลยซื้อมาให้น่ะ

ดีใจว่ะ

ดีใจมากจริงๆ

“ ยินดีต้อนรับสู่สายรหัสนะครับ ” ผมหันมามองตามเสียงก็พบกับใบหน้าคมที่อยู่ใกล้เกือบคืบ “ ชอบของขวัญไหม ”

ผมพยักหน้ารัวๆทันที “ ชอบ....ชอบมาก ”

“ กูดีใจที่มึงชอบ ” พี่มันยิ้มหวานก่อนจะยกมือขึ้นมาขยี้หัวผม

ผมได้แต่ยืนมองพี่มันนิ่งๆ ไอ้ความรู้สึกนี้มันคล้ายกับที่ผมเคยเจอในโรงหนังนั่นเลยว่ะ ทั้งรอยยิ้มทั้งความอุ่นจากมือหนาที่วางอยู่บนหัวผมแม่งโคตรใช่เลย ทำไมบางครั้งพี่มันก็ใจดีกับผม ทำไมบางครั้งมันก็ชอบแกล้งผมวะ และทุกครั้งที่มันแกล้งผม ผมก็จะเคียดแค้นมันอยู่ตลอดแต่พอมันมาใจดีด้วยหน่อยผมก็เหมือนจะลืมไอ้ความแค้นนั่นไปเลย

ทำไมมันเป็นแบบนี้วะ

“ พอแล้ว แป้งมันร่วง ” ผมจับมือพี่มันออก ใจก็อยากให้ขยี้ต่ออยู่หรอกแต่ผงแป้งมันเข้าตานี่สิ

“ หลังจากนี้ถ้ามึงมีปัญหากับการเรียนมึงบอกกูได้เลย ไม่สิไม่ว่าจะปัญหาอะไรกูพร้อมที่จะช่วยมึงเสมอ ”

“ มึงจะช่วยกูแน่หรอ ”

“ ช่วยสิ มึงเป็นน้องรหัสกูนะ ” พี่มันยิ้มหวาน “ ไปเถอะเดี๋ยวกูไปส่ง ”

“ เดี๋ยว ” ผมดึงชายเสื้อพี่มันไว้ก่อนที่มันจะเดินไป

“ มีอะไรหืม ”

“ ขอบคุณครับ....พี่สยาม ”

ผมมองแผ่นหลังคนตรงหน้านิ่งๆ พี่มันเองก็นิ่ง สงสัยคงจะช็อคที่ผมเรียกมันว่าพี่มั้ง เพราะปกติผมไม่เคยเรียกมันดีดีแบบนี้เลย ผมรู้สึกอยากจะขอบคุณมันจริงๆนั่นแหละครับถึงได้เรียกแบบนี้ และในขณะที่ผมมองมันอยู่นั้น เจ้าตัวก็หันหน้ามาหาผมก่อนจะ....

จุ๊บ

เห้ยยยยยยยย

“ มึงทำห่าอะไรของมึงเนี่ย ” ผมยกมือเช็ดปากทันที ไอ้พี่สยามมันก็ส่งยิ้มอย่างกวนตีนมาให้ สีหน้าของคนตรงหน้าดูมีความสุขสุดๆ

“ ก็มึงอยากมาน่ารักใส่กูทำไมล่ะ ”

“ กูยังไม่ได้ทำเชี่ยไรเลย ”

“ ก็มึงเรียกกูว่าพี่สยามอ่ะ มันคิ้วท์มากเลยนะกูเลยอดใจไม่ไหว ”

“ อดใจไม่ไหวบ้าไรวะ กูจะไม่พูดดีกับมึงอีกแล้ว อะ....ไอ้เลวววววว ” ผมโวยวายใส่มันก่อนจะรีบเดินหนีขึ้นมาบนรถทันที บ้าชิบ แม่งจะดีอยู่แล้วเชียวเมื่อกี้อ่ะ

ผมนั่งกอดเข่าแล้วเอาหน้าซุกไว้แบบที่ตัวเองเคยทำ รู้สึกหน้าร้อนยังไงก็ไม่รู้ว่ะ นี่ผมแค่โดนมันจุ๊บนะผมยังเป็นถึงขนาดนี้ ผมโดนพี่มันจุ๊บไปกี่ครั้งแล้ววะเนี่ย ชักจะสูญเสียความเป็นตัวเองไปเรื่อยๆละว่ะ แพ้ทางพี่มันชิบหาย แถมยังควบคุมอะไรไม่ได้สักอย่าง

กากว่ะสมปอง

“ นั่งท่าคิ้วท์อีกละนะมึงน่ะ ”

คิ้วท์พ่องอ่ะ

เงียบปากแล้วขับรถไปเลยไอ้สัส

กูโป้งมึงแล้วไอ้บ้าสยาม





TBC.

ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน้าาา

ออฟไลน์ sompong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
เราก็สมปอง. ทำไมคาเรกเตอไม่เหมือนกัน. เราออกจะออนหวานน่ารัก. 55

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ chaleeisis

  • mgAmuptUF
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
    • nearby girls for live chat
บทที่ 11 วันหยุดของสมปอง



วันหยุดนี่มันดีจริงๆเลย

สมปองรักวันหยุดดดดดดดดดดดด

ตอนนี้ผมนั่งกินนอนกินเอ็มแอนด์เอ็มอย่างสงบอยู่ที่หอผมคนเดียวครับ วันนี้มันจะเป็นวันที่ใครๆก็ติดต่อผมไม่ได้เพราะผมปิดโทรศัพท์ ปิดแม่งทุกอย่างอ่ะ ฟีลนี้คือแบบอยากตัดขาดจากโลกภายนอกสุดๆ วันหยุดเราก็ควรทำตัวให้มันเหมือนหยุดจริงๆสิ ถูกไหม การบ้านไม่ต้องทำ ชีทไม่ต้องอ่านจะมีควิซหรือมีอะไรก็ช่างแม่ง

ฮ่าๆๆๆๆๆ

“ นี่สิชีวิตที่แสนสุข ” ผมเอื้อมมือไปหยิบเอ็มแอนด์เอ็นถุงใหม่มาแกะกิน ผมว่าน้ำหนักผมต้องขึ้นเยอะแน่ๆเลยเพราะช่วงนี้กินแต่ของหวาน

ตั้งแต่วันเฉลยสายรหัสมันก็ผ่านมาอาทิตย์นึงแล้วครับ ขนมที่ไอ้พี่สยามมันให้มายังหมดไปไม่ถึงครึ่ง ผมก็ได้ขนมเพิ่มมาจากพี่ทะเลซึ่งเป็นลุงรหัสของผมเอง โคตรโชคดีอ่ะที่ได้สายรหัสใจป๋า อยากกินอะไรขอแล้วก็ยิ้มหวานๆหน่อยก็ได้กิน ช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมาไอ้พี่สยามมันเสียเงินให้ผมไปเยอะมากเลยล่ะครับ แต่ก็พอๆกับผมที่เสียเนื้อเสียตัวให้มันเหมือนกัน

บัดซบ

ผมเจอหน้าพี่มันทุกวันอ่ะ แล้วก็โดนมันแกล้งประจำ ผมสงสัยมาตลอดเลยนะว่าไม่แกล้งผมสักวันมันจะตายไหม จะนอนไม่หลับหรอหรือจะเป็นอะไร ผมรู้สึกว่ามันจะได้หอมแก้มผมบ่อยเกินไปแล้ว คือบางสถานการณ์มันก็ไม่น่าจะเป็นโอกาสให้มันได้ทำแต่มันก็หาช่องทางทำจนได้อ่ะ และบางครั้งก็เป็นต่อหน้าคนหมู่มาก

คนครึ่งคณะเขาเข้าใจว่าผมเป็นเมียพี่มันไปละ

ไม่คิดว่าจะเป็นผัวบ้างหรอ

ช่างแม่งเถอะ ผมรู้ตัวเองดีว่าผมไม่ได้เป็นเมียไอ้พี่สยาม ข่าวลือมันก็เป็นได้แค่ข่าวลือ อีกอย่างผมไม่ค่อยสนใจชาวบ้านชาวช่องเท่าไหร่ด้วย คนที่ผมสนใจมีคนเดียวคือเจ้าขา อยากจะบอกว่าความสัมพันธ์ของผมกับเจ้าขาในตอนนี้นี่ได้พัฒนาไปในระดับนึงแล้ว

ผมมีเฟซบุ๊กของเจ้าขาแล้วครับ

แอร้ย เขินจัง

ผมเดินไปขอเฟซคนงามด้วยตัวของผมเองเลยนะ มันเป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่มากอ่ะครับ เจ้าขานี่โคตรน่ารักเลยอ่ะ ผมนี่ส่องเฟซเธอเช้ากลางวันเย็นและก่อนนอนเลยนะ ในเฟซบุ๊กของเจ้าขาขึ้นสเตตัสไว้ว่าโสดด้วยครับ ที่ผมคิดว่าเธอเป็นแฟนกับไอ้พี่สยามนั่นก็อาจจะไม่ได้เป็นแล้ว เจ้าขาอาจจะไปบอกเลิกพี่มันหลังจากวันที่มาเจอผมก็ได้

ใช่ มันต้องใช่แน่ๆ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“ ใครมาวะ ” วันนี้กูไม่ต้อนรับคนโว้ย

ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก

รัวห่าไรจะขนาดนั้นอ่ะ

ผมลุกขึ้นมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตู ใครวะเคาะรัวขนาดนี้ บรรดาเพื่อนๆหรอ ก็อาจจะใช่ชีวิตผมมีแค่พวกมันนี่นะ ขอดูก่อนว่าเป็นเพื่อนคนไหน จะได้เลือกสกิลการด่าถูก เคาะดังลั่นแบบนี้ไม่กลัวข้างห้องออกมาด่าพ่อรึไงนะ

แอ๊ดดดด

ชิบหายแล้ว

ไม่ใช่เพื่อน

“ กว่าจะเปิดนะไอ้เด็กเปรต ” ร่างสูงที่อยู่ตรงหน้าบ่นเนือยๆ

“ มึงรู้จักห้องกูได้ยังไง ”

“ กูเก่ง หลบไปซิหนักเว้ย ” ไอ้พี่สยามมันแทรกตัวผ่านผมเข้าห้องไปทันที เดี๋ยวนะเดี๋ยวกูยังไม่ได้บอกให้มึงเข้าห้องกูเลยป้ะวะ

ผมปิดประตูแบบงงๆก่อนจะเดินมาหยุดอยู่ตรงถุงกระดาษใบใหญ่ที่พี่มันถือมาด้วย ดูเหมือนจะใส่กระดาษอะไรมาไม่รู้ครับ ไอ้พี่สยามมันนั่งลงกับพื้นก่อนจะหยิบกระดาษเป็นปึกๆนั่นออกมา

“ นี่เป็นชีทที่กูใช้เมื่อปีก่อน มีเลคเชอร์ไว้หมดละ ”

ผมพยักหน้ารับคำ “ มึงเอามาให้กูหรอ ”

“ เออสิวะ แล้วโทรศัพท์มึงเป็นห่าไรติดต่อไม่ได้ ไลน์ก็ไม่อ่าน ”

“ กูปิดเครื่องไว้อ่ะ ”

“ มึงจะปิดเครื่องเพื่อ ”

“ ก็วันนี้มันเป็นวันหยุด กูก็แค่อยากจะหยุดทุกอย่าง แค่นั้นเอง ” ผมบอกมันก่อนจะเดินไปหยิบเอ็มแอนด์เอ็มที่แกะไว้มากินต่อ

“ หยุดทุกอย่างแต่ไม่หยุดแดกเลยนะไอ้สัส ”

“ แน่นอน เสร็จแล้วใช่ป้ะ กลับไปดิ่ ”

“ ไล่กูเชียวนะ ไม่กลับเว้ย ” หน้าด้านจริงไอ้เลว เจ้าของไล่ก็ไม่ยอมไป

“ มึงจะอยู่ทำซากอะไรวะ ” ผมวางถุงขนมก่อนจะเอาชีทที่กองอยู่ไปเก็บไว้ที่โซนโต๊ะเรียน

ผมไม่ชอบอะไรที่รกและไม่เป็นระเบียบครับ ถ้าได้ของมานี่ต้องเอาไปเก็บที่ก่อน เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว และผมก็ชอบเห็นห้องตัวเองสะอาดด้วย มันรู้สึกสบายตานะถ้าห้องสะอาดและเป็นระเบียบน่ะ

“ อยู่เฉยๆ ว่าไปห้องมึงนี่ก็สะอาดดีนะ สวนทางกับหน้าตามึงมากเลย ”

“ นี่ด่าหรือชมกูเนี่ย ” ผมมองค้อนมันไปที กวนตีนนะมึงเดี๋ยวกูเอาน้ำมาสาดไล่หรอก เดี๋ยวมึงเจอๆ

“ ชมดิ่ แล้วเรื่องเรียนมึงเป็นไงบ้าง ”

“ กูมีปัญหากับการเรียนฟิสิกส์มาก อย่างอื่นกูเรียนรู้เรื่องหมดเลยนะยกเว้นฟิสิกส์ ” แค่นึกถึงสูตรก็อยากจะอ้วกออกมาแล้ว คิดว่าจะต้องเรียนนี่ก็ขนลุกขนชัน

“ มึงเรียนคณิตรู้เรื่องไหม ”

“ รู้ดิ่ กูโคตรเซียนคณิต ”

“ มันก็ไม่น่ายากป้ะ ”

“ ยาก ยังไงแม่งก็ยาก ช่างแม่งไว้สอบค่อยไล่ติวทีเดียว ” ผมมานั่งลงตรงหน้าพี่มันหลังจากที่เก็บชีทเสร็จ ไอ้พี่สยามมันก็ล้วงเอ็มแอนด์เอ็นของผมไปกินด้วย ปกติผมจะเป็นคนหวงขนมมากนะครับ แต่ไหนๆก็เงินมันทั้งนั้นที่ซื้อมา จะแบ่งให้มันกินด้วยจึ๋งนึงละกัน

“ งั้นไว้ช่วงใกล้สอบกูจะติวให้ละกัน เอาไหม ”

“ เอา มึงเก่งฟิสิกส์หรอ ”

“ ไม่เชิงเก่งอ่ะ ก็แค่เรียนรู้เรื่อง ”

“ ไม่คิดว่าคนอย่างมึงจะเรียนรู้เรื่องด้วยนะเนี่ย ” คือหน้าอย่างไอ้พี่สยามควรจะพกโทรโข่งและก็เดินหล่อๆทำหน้าตากวนตีนไปวันๆอ่ะ ท่าทางไม่น่าจะเป็นพวกเรียนรู้เรื่อง

“ นี่ด่ากูป่ะ ” พี่มันหรี่ตามองผม

“ ชมอยู่ กูจะด่ามึงทำไม ” ผมมองมันด้วยสายตาใสซื่อในแนวที่ผมถนัด พี่มันก็เบ้ปากให้ผม เบ้ปากไมวะเดี๊ยะก็ตบปากซะหนิ

ผมนั่งมองไอ้หล่อที่นั่งอยู่ตรงหน้า ในใจนี่คิดอยู่ครับว่าวันนี้มันจะมาไม้ไหน มันจะมาแบบพี่สยามโหมดอบอุ่นหรือพี่สยามโหมดหื่นกาม ผมจะได้รับมือทันไงไม่ใช่อะไร ผมชอบเวลาพี่มันอยู่ในโหมดอบอุ่นมากเลยนะ มันดูใจดี พึ่งพาได้ และก็พร้อมจะปกป้องผมต่างจากพี่มันในโหมดหื่นกาม พี่สยามในโหมดหื่นกามมันอันตรายต่อจิตใจผมมากอ่ะ ไหนจะเปลืองเนื้อเปลืองตัวอีก

ผมไม่ควรเปลืองเนื้อเปลืองตัวให้ผู้ชายอ่ะเอาจริงๆ

“ มองหน้ากูทำไมนักหนา เดี๋ยวก็ท้องหรอก ”

“ ตลกละมึง คนนะไม่ใช่ปลากัด อีกอย่างกูเป็นผู้ชายด้วยถ้าเปรียบเป็นปลากัดกูก็เป็นตัวผู้กูจะท้องได้ไง ปลากัดตัวเมียเท่านั้นแหละที่จะท้องอ่ะ และมันก็ไม่ได้จ้องตากันจนท้องด้วย มันต้องอะจึ๋ยๆกันด้วยมันถึงจะท้องได้ ” ผมมานั่งคิดถึงสิ่งที่ตัวเองพูดไปเมื่อกี้ “ กูพูดอะไรวะ ”

“ เออมึงพูดอะไรวะ ”

“ ไม่รู้....เพราะมึงอ่ะแหละ ทำกูงงเลยเนี่ยะไอ้บ้า ”

“ กูเนี่ยะงง ไอ้เด็กบ๊อง ” พี่มันดึงแก้มผม โง้ย แก้มกูย้วยพอดี

“ แก้มกู แล้วเมื่อไหร่มึงจะกลับเนี่ยะ ”

“ ขออยู่ด้วยอีกพักนึงไม่ได้หรอวะ ”

“ ไม่ได้ มึงจะอยู่ทำไม ” ไม่มีหอหรือบ้านอยู่รึไงวะ หรือจะอยู่กวนตีนกู ถ้าจะกวนตีนมึงกลับไปเลย

“ เออน่า ขอยืมตักหน่อย ” ยังไม่ทันที่ผมจะอนุญาติพี่มันก็ทิ้งตัวลงนอนก่อนจะหนุนตักผมไว้ เห้ยยยย ตักนี้เก็บไว้ให้เมียในอนาคตหนุนเท่านั้นนะเว้ยมึงลุกขึ้นมาเลย

“ ลุกเลย ห้ามหนุน ” ผมจะจับหัวพี่มันออกแต่พี่มันก็แย่งมือผมไปจับไว้ทั้งสองมือ ผมพยายามจะดึงมือออกมาจากมือมันก็ดึงไม่ออก แรงเยอะชิบ เออสัส อยากจับจับไปเลย อยากหนุนก็หนุนไปเลย อยากทำไรทำเลยไอ้เชี่ย

เผด็จการจริงว่ะ

“ กูกำลังเหนื่อยอ่ะ ขอยืมมึงเป็นที่พักหน่อย ” พี่มันเอ่ยออกมาด้วยเสียงล้าๆ สีหน้าก็บ่งบอกว่าเหนื่อยเหมือนกับที่มันพูดจริงๆ ไม่เคยเห็นมันทำหน้าแบบนี้เลยว่ะ

“ ไปทำอะไรมาถึงเหนื่อย ”

“ ก็เรื่องงานของคณะนั่นแหละ มันมีหลายอย่างที่เร่งเข้ามาและกูก็ต้องทำ ไหนจะเรื่องค่ายโยธาของเทอมหน้าอีกเรื่องแผนรับน้องอีก หลายวันมานี้กูโคตรหัวหมุนอ่ะ ”

“ ประธานสันฯมันเหนื่อยถึงขนาดนี้เลยหรอ ” ประธานสันฯยังเหนื่อยขนาดนี้แล้วประธานนักศึกษาจะเหนื่อยขนาดไหนวะ

“ เหนื่อยดิ่ เป็นประธานอ่ะเหนื่อยหมดแหละ เหนื่อยสุดก็คือเป็นเฮดว้าก เพราะต้องรับผิดชอบแม่งทุกอย่าง ก่อนที่งานจะมาถึงมือเราก็ต้องผ่านพี่ขันมาแล้ว ”

“ พี่ขันเท่เนอะ ”

“ เออเท่จริง กูก็อยากจะเท่ให้ได้ครึ่งของพี่ขันเหมือนกันนะ ”

“ มึงก็เท่นะแต่มึงปัญญาอ่อนอ่ะ ” พี่มันมองผมนิ่งๆก่อนจะงับนิ้วผมแรงๆ “ โอ้ยยยย เจ็บนะ เป็นหมารึไงไอ้สัส น้ำลายติดนิ้วกูเลยเนี่ย ” ผมเอานิ้วที่เปื้อนน้ำลายไปเช็ดเสื้อพี่มัน งับมาได้แม่งเป็นรอยฟันเลยเนี่ยะ

“ อย่าบ่นไปหน่อยเลยน่ะ ” พี่มันเอามือผมไปจับไว้เหมือนเดิม “ น้ำลายกูเคยติดปากมึงมาแล้ว ”

ฉ่า

มึงไม่ต้องพูดก็ได้ไหมวะ

ผมกระพริบตามองมันอย่างสตั้นท์ รู้สึกหน้าร้อนขึ้นมาเลย ที่มันพูดก็จริงนั่นแหละครับ แต่มึงก็ไม่ต้องพูดก็ได้ พูดทีนี่ฉากนั้นกลับเข้ามาในหัวเลย แหม่ กว่าจะลืมๆไปนี่ใช้เวลานานชิบ พอนึกถึงหน่อยก็ย้อนกลับเข้ามาได้ภายในเสี้ยววิ

ห่า

“ แก้มแดงเชียวนะ น่ารัก ” พี่มันมองผมพร้อมกับอมยิ้ม ยิ้มไมวะไม่เคยแก้มแดงรึไงไอ้เชี่ย

“ ช่างแก้มกูเถอะหน่า....เออมึงกูว่าจะให้มึงช่วยคิดอะไรหน่อยอ่ะ ”

“ อะไรอ่ะ ”

“ คือกูอยากจะวางแผนเอาคืนลันตากับสีเทียนที่มันชอบแกล้งกู แต่กูคิดไม่ออกอ่ะ ”

“ ก็เลยจะให้กูช่วยคิดงั้นหรอ ”

“ เออ ” มึงอ่ะเหมาะที่สุดที่จะช่วยกูคิดละ

คือตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาไอ้พี่สยามมันแกล้งผมบ่อย ลันตากับสีเทียนก็แกล้งผมบ่อย ผมควรจะให้คนที่ชอบแกล้งมาคิดแผนแกล้งคืน งงว่ะ เอาเป็นว่าให้พี่มันช่วยคิดผมว่าน่าจะเวิร์ค ไอ้พี่สยามมันน่าจะมีประสบการณ์ในการแกล้งชาวบ้านที่ดี ผมน่าจะพึ่งมันในเรื่องนี้ได้

“ มึงอยากจะเอาคืนยังไงล่ะ ”

“ เอาคืนยังไงก็ได้ ขอแค่ความสะใจก็พอ ”

“ มึงจะเอาคืนใครก่อนล่ะ ลันตาไหม ”

“ เออเอาลันตาก่อน มันนี่ตัวแสบมันคืออสรพิษ ”

“ แลดูมึงแค้นๆนะ ” แค้นสิไอ้สัส ทำให้กูดังในข้ามคืนเนี่ยะ

“ ทำไงดีวะมึง อยากให้ลันตามันเมาเหมือนที่กูเมาอ่ะ ” จากการที่ผมไปกินเหล้าและสังเกตลันตา มันเป็นคนที่คอแข็งมากครับ เหล้าหมดไปเป็นขวดแม่งยังชิวอยู่เลย ผมนี่หัวแทบทิ่มโต๊ะ

“ ลันตามันกินเหล้าและไม่เมาหนิ ”

“ ใช่ไง ”

“ แต่มันกินเบียร์แล้วน็อคเลยนะ ” ผมหูผึ่งทันทีที่ได้ยินพี่มันพูด เพราะงี้นี่เองเวลาที่ไปกินเหล้ากันมันไม่สั่งเบียร์มากินเลย

เจ้าลันตา ข้ารู้จุดอ่อนของเจ้าแล้ว

ฮ่าๆๆๆๆ

“ แล้วเราจะทำยังไงให้มันกินเบียร์ดีอ่ะมึง ”

“ ไม่ยากนะ มึงไปอ้อนพี่ทะเลให้เป็นคนสั่งลันตาอ่ะ ลันตามันยอมกินแน่ๆ ”

“ ทำไมพี่ทะเลสั่งแล้วลันตามันถึงจะยอมทำตามอ่ะ ” แล้วพี่ทะเลกับลันตานี่รู้จักกันด้วยหรอวะ

“ อ่าว นี่มึงไม่รู้เรื่องหรอ ”

“ เรื่องไรวะ ”

“ เอองั้นช่างมันเถอะ เดี๋ยวกูบอกพี่ทะเลแทนเองละกัน พร้อมเอาคืนวันไหนก็บอก ” กูพร้อมทุกวันอ่ะเอาจริงๆ แต่ไว้รอให้ลันตามันตายใจก่อนละกัน มันจะต้องเป็นการเอาคืนที่สาสมแน่ๆ

จะว่าไปผมก็สงสัยไอ้สิ่งที่พี่มันหลุดออกมาว่ะเรื่องพี่ทะเลกับลันตาเนี่ยะ มันรู้เรื่องอะไรแล้วทำไมผมไม่รู้ แต่ก็ไม่แปลกอ่ะนะเพราะผมดูจะเป็นคนที่รู้เรื่องทุกอย่างช้ากว่าชาวบ้านอยู่แล้ว อย่าว่าแต่เรื่องของชาวบ้านเลยเรื่องของตัวเองยังรู้ทีหลังคนอื่นเลย ชีวิตน่าสงสารแค่ไหนถามใจดู

“ งั้นเดี๋ยวกูบอกมึงอีกทีละกัน เห้ยอย่าทำตาสะลึมสะลือสิวะ ” ผมมองพี่มันที่หาวแล้วทำหน้าเหมือนง่วงมาก มึงจะมาหลับทั้งๆที่ยังหนุนตักกูอยู่ไม่ได้นะ

กูเมื่อย

“ ง่วงอ่ะ ขอนอนแปปนึงได้ไหม ” ไอ้พี่สยามมันบอกเสียงอ่อน

“ ไม่ได้ เพราะกูเมื่อย จะนอนก็ขึ้นไปนอนบนเตียงดีดีโน่นไป ”

“ มึงชวนกูขึ้นเตียงหรอ ” พี่มันมองผมก่อนจะยิ้มกรุ้มกริ่ม “ ร้ายเหมือนกันนะเราอ่ะ ”

“ ร้ายพ่องอ่ะ ไม่งั้นก็กลับไปนอนที่หอตัวเองเลยไป้ ” ผมไล่มันอย่างหมั่นไส้ พอใจดีด้วยหน่อยแล้วชอบเป็นแบบนี้อยู่เรื่อย มีจังหวะหน่อยนี่เผลอไม่ได้เลยนะไอ้สัส

“ งื้ออ.อ....ไม่เอา ขอนอนนี่ ”

“ ก็ไปนอนสักทีสิ ขากูชาไปหมดแล้วเนี่ย ”

“ โอ๋ๆยอมแล้ว อย่าทำเสียงขุ่นสิ ” พี่มันยอมลุกไปแต่โดยดี ขาผมไม่ได้ชาหรอกครับแต่ถ้าไม่บอกแบบนั้นมันก็ไม่ยอมลุกสักที

“ แล้วตอนเย็นมึงต้องไปไหนรึเปล่า ต้องให้กูปลุกไหมเนี่ย ”

“ ไม่ต้องปลุกครับเดี๋ยวพี่ตื่นเอง ” ว่าแล้วมันก็เอนตัวนอนลงบนเตียงผม เมื่อกี้มันแทนตัวเองว่าพี่ป้ะวะหรือว่าผมหูฝาดไปเอง

“ มึงว่าอะไรนะตะกี้ ” ผมแคะหูก่อนจะถามมันอีกรอบ

“ เดี๋ยวตื่นเองครับ นอนนะ ” ว่าแล้วมันก็หลับตาลง หลับง่ายดีแท้นะพ่อหนุ่ม

ผมขยับเข้ามานั่งเอาคางเท้ากับเตียงไว้แล้วมองพี่มันหลับ บทจะว่านอนสอนง่ายก็ทำได้เหมือนกันนะ ถ้าเป็นแบบนี้ได้ทุกวันก็คงจะดี ผมก็ยังแปลกใจตัวเองอยู่นะว่าทำไมยอมให้มันมานอนอยู่ในห้อง ยอมให้มันมานอนบนเตียงผมด้วย ตอนแรกก็ว่าจะไล่มัน พอมันบอกว่ามันเหนื่อยแล้วก็ขอผมเป็นที่พักไอ้ความคิดที่ว่าจะไล่มันก็หายไปทันที

ผมเป็นอะไรไปวะเนี่ย

“ มึงกำลังทำกูเป็นบ้าอยู่นะรู้ตัวไหม ” ผมหยิบผ้าห่มมาห่มให้มันครับ ผมเปิดแอร์ค่อนข้างที่จะเย็นมาก อยากได้ฟีลขั้วโลกไงไม่ใช่ไร ห่มผ้าให้มันสักหน่อยเดี๋ยวจะไม่สบายเอา คนพักผ่อนน้อยมักจะป่วยง่ายอ่ะนะ

เสียงหายใจเข้าออกที่ดังสม่ำเสมอนี่บ่งบอกว่าคนตรงหน้านั้นหลับสนิทไปแล้วนะครับ คงจะเหนื่อยมากเหมือนกับที่พูดจริงๆ ผมชอบหน้ามันตอนหลับชะมัดเลยว่ะ อธิบายไม่ถูกอ่ะรู้แค่ว่าชอบ ชอบเฉยๆนะครับไม่ได้มีอะไรลึกซึ้ง ชอบในความหมายเดียวกับที่ชอบกินเอ็มแอนด์เอ็มอ่ะ เดี๋ยวผมต้องเขียนไดอารี่บอกพ่อแล้วล่ะวันนี้ผมได้เห็นพี่มันในโหมดเหนื่อยกับโหมดหลับ ฮ่าๆ เป็นโหมดใหม่ที่น่าประทับใจจริงๆ

เวลามึงหลับนี่มึงดูไร้พิษสงมากอ่ะมึงรู้ตัวไหมพี่สยาม

“ ฝันดีนะไอ้บ้า ”

ตื่นมาก็พากูไปเลี้ยงไอติมด้วย





TBC.

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านน้าาา

ออฟไลน์ sompong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
คนชื่อสมปองนี้น่ารักเนาะ. 5ำ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
แหม น้องไม่รับโทรศัพท์นี่ตามมาจีบน้องถึงห้องเลยเหรอ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
กลุ่มสมปอง โดนเล็งกันถ้วนหน้า 
ว่าจะได้ใครเป็นพี่รหัส  :m20: :m20: :m20:
คนเล็งก็พี่ๆกลุ่มพี่สยามนั่นแหล่ะ

สมปอง น่ารักมากกกกกก  :mew1: :mew1: :mew1:
เข้าใจเลยที่พี่สยามถูกใจ

ไดอารี่ของสมปอง มีแต่เรื่องพี่สยามล้วนๆ
แล้วถ้าพ่ออ่านไดอารี่ของสมปองจะเป็นยังไงเนี่ย
ก็ลูกชายตัวเองถูกหอม ถูกกอด ถูกจูบ ตลอด
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ chaleeisis

  • mgAmuptUF
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
    • nearby girls for live chat
บทที่ 12 ศิลปะบนเตียง


ตึกวิศวะกรรมศาสตร์

ณ ห้องประชุมคณะกรรมการ

และสมปองที่กำลังจะหลับ

ผมนั่งตาปรือมองบรรดารุ่นพี่คณะประธานชั้นปีอื่นที่นั่งกันอยู่เต็มไปหมด มีพี่ขันนั่งอยู่หัวโต๊ะพร้อมกับเดอะแก๊งค์ของพี่เขา  ในห้องนี้มีแค่ผมเท่านั้นที่อยู่ปี 1 คือว่าวันนี้เขานัดประชุมงานเรื่องเข้าค่ายอบรมเฉพาะของสาขาโยธาครับ แต่มันก็เป็นการเข้าค่ายของเทอมหน้าเลยนะ ไม่รู้ว่าจะรีบประชุมกันไปไหน มันเหลือเวลาอีกตั้งหลายเดือน

โคตรเสียเวลานอนเลยอ่ะ

คิดดูสิครับ วันนี้มันเป็นวันที่ผมเรียนฟิสิกส์ เรียนฟิสิกส์สามชั่วโมง เรียนอังกฤษอีกสามชั่วโมง ผมโอเคกับการเรียนอังกฤษผมเฉยๆแต่ฟิสิกส์มันทำลายสมองผมไปแล้ว ผมต้องการกลับไปนอนเพื่อซ่อมแซมสมอง เออไอ้ผมก็คิดว่าพอเรียนเสร็จตอนบ่ายสามก็จะแวะซื้อข้าวเข้าหอ นอนสักตื่นนึงแล้วก็ตื่นมากินข้าวอะไรแบบนี้ แต่ทุกอย่างที่ผมคิดนั่นก็พังทลายลงไปเพราะไอ้พี่สยามมันโทรมาบอกว่าผมต้องมาประชุมในฐานะประธานนักศึกษา

ตอนนี้ไอ้คนที่โทรตามผมแม่งยังไม่มาเลย

ไปอยู่ไหนของแม่งวะ

“ ขอโทษที่มาช้าครับ ”

ผมหันไปมองบุคคลที่มีหน้าตากวนตีนเป็นเอกลักษณ์เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับเหล่าสหาย พวกพี่แม่งอย่างกับบอยแบรนด์ ไอ้พี่สยามมันยกมือไหว้ขอโทษขอโพยก่อนจะเดินมานั่งลงข้างๆผมและวางโทรโข่งไว้บนโต๊ะ ผมหันมองมันนิ่งๆ พี่มันหยิบสมุดกับปากกาขึ้นมาเตรียม จะทำอะไรวะ วาดรูปหรอ เออเดี๋ยวกูวาดบ้าง

“ ครบละนะ ” พี่ขันมองไปรอบๆด้วยสายตานิ่งๆ

“ ครบละครับพี่ ” พี่ข้าวหอมเป็นคนตอบ

“ คบแล้วห้ามเลิกนะครับ ” พี่แช่มมองทางพี่ข้าวหอมพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม

เอ่อ

มุกแม่งเก่าสัส

พี่แช่มแม่งโคตรใจเลยว่ะ กล้าเล่นมุกตั้งแต่สมัยผมละอ่อนด้วย พี่ข้าวหอมนี่พอโดนหยอดไปแบบนั้นก็เอ๋อแดกนั่งแก้มแดงไปเลยครับ นี่พี่สองเขามีซัมติงกันหรอวะไม่เห็นจะเคยได้ยิน แต่ก็ไม่แปลกหรอกนะถ้าผมจะไม่รู้ คนอย่างสมปองเคยรู้อะไรบ้างเล่า ไม่เคยหรอก

เสียใจว่ะ

อิทโซแซด

“ มันใช่เวลาไหมเนี่ยะไอ้สัสแช่ม ” พี่ขันเอาปึกกระดาษที่วางอยู่ตรงหน้าตีหัวพี่แช่มอย่างแรง

“ โอ้ยยยยย หัวแตกแล้วมั้งเนี่ยะ ” พี่แช่มก็ลูบหัวตัวเองที่ถูกตี “ โหดเหี้ยมมาจากไหนวะ ”

“ ยังจะมาบ่นกูอีก ” พี่ขันถลึงตาใส่ทีนึงก่อนจะหันมามองทางพวกผม “ เอาล่ะ เริ่มประชุมได้ละ ” พี่ขันเปิดกระดาษปึกนั้นดูก่อนจะเขียนอะไรลงไปคร่าวๆ ทุกคนก็รอฟังอย่างตั้งใจรวมถึงผมด้วย ผมก็ตั้งใจกับการวาดรูปอุลตร้าแมนในกระดาษอยู่

เดี๋ยววาดลำแสงก็เป็นอันเสร็จแล้วครับ

“ มึงทำอะไรเนี่ยะสมปอง ” ไอ้พี่สยามมันกระซิบถามผมเบาๆ

“ ก็วาดรูปอุลตร้าแมนไง มึงเห็นกูทำกับข้าวอยู่หรอ ” ถามไรแปลกๆว่ะคนเรา

“ กูรู้แล้วว่ามึงวาดรูป แต่ไม่ใช่เวลาวาดรูปมึงเข้าใจไหม ”

“ เห้ย เราสามารถสร้างศิลปะตอนไหนก็ได้ถ้าใจเราอยากจะทำ ”

“ งั้นหรอ....ละถ้ากูอยากสร้างศิลปะบนเตียงกับมึงอ่ะ ”

สร้างศิลปะบนเตียง

คือไรวะ

ผมนั่งมองหน้ามันนิ่งๆ พลางตีความหมายในสิ่งที่มันพูด สร้างศิลปะบนเตียงนี่หมายถึงนอนวาดรูปบนเตียงใช่ป้ะวะ ละที่ว่าสร้างกับมึงก็คงจะหมายความว่ามันอยากวาดรูปแข่งกับผมแน่ๆเลย โถ่ไอ้พี่สยามเอ้ย เรื่องวาดรูปนี่มาเถอะมึงกูไม่เป็นสองรองใครอ่ะบอกเลย

กล้าท้ามาผมก็กล้ารับคำ

“ เออ เอาดิ่ ไว้กลับห้องก่อนละกัน ”

“ ได้หรอ ” มึงจะทำตาโตทำไมวะ กะอีแค่รับคำท้าแข่งวาดรูปมันจะอึ้งอะไรขนาดนั้น

“ เออสิ กูอ่ะคำไหนคำนั้น ” ผมยักคิ้วให้ หน้าหล่อๆของพี่มันก็ค่อยคลายยิ้มออกมา ยิ้มทำไมวะไอ้บ้า ละยิ้มทีนี่ก็ยิ้มซะหล่อเชียว ขัดหูขัดตา

“ เอาล่ะ เรื่องที่กูจะคุยวันนี้คือเรื่องค่ายอบรมของสาขาโยธา คือกำหนดการที่เป็นงานพิธีทุกคนคงจะได้ใบแจ้งไปแล้ว แต่ที่ยังไม่ได้ทำคืองานกิจกรรม ” พี่ขันเอ่ยออกมาพลางมองไปรอบๆ “ มีใครจะเสนองานกิจกรรมไหม ”

“ กี่กิจกรรมครับพี่ ” พี่ขุนศึกถาม

“ ก็เราไปค่าย 10 วัน ตัดวันเดินทางออกไป 2 วันก็เหลือ 8 วัน มันจะมีวันที่อบรมแบบน่าเบื่อชิบหายก็ 3 วัน อีก 2 วันคือการดูงานและการปฏิบัติ มันก็จะเหลือ 3 วัน มึงคิดว่าใน 3 วันนี้เราควรมีกิจกรรมสักเท่าไหร่ถึงจะกำลังดี ”

“ ผมว่า 3 ครับ วันละกิจกรรมไปเลย วันแรกเนี่ยะน่าจะเป็นกิจกรรมที่เป็นการผูกสัมพันธ์ระหว่างพี่กับน้อง ”

“ ผมเห็นด้วยกับไอ้แกงนะพี่กิจกรรมในวันแรกน่ะ ส่วนวันที่สองก็น่าจะเป็นกิจกรรมแบบจับกลุ่มแล้วก็หาของ แบบนี้ก็น่าทำอยู่นะ ”

“ งั้นมึงไอ้แกงไอ้ก้อง มึงเขียนแผนงานกิจกรรมสองอันนี้มา ส่งกูอาทิตย์หน้า ”

“ ได้ครับ / ได้ครับ ”

ผมนั่งฟังพวกพี่เขาคุยงานกันก็ได้แต่สงสัยอยู่ในใจลึกๆว่าตัวเองมานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้วะ นอกจากฟังแล้วผมก็ไม่ได้พูดอะไรเลยนะครับ คือไม่รู้ว่าจะเสนออะไรออกไปดีอ่ะ พวกพี่เขาดูเป็นงานแต่ผมดูกิ๊กก๊อกยังไงก็ไม่รู้ ก็รู้อยู่หรอกนะครับว่าปีต่อๆไปผมจะต้องเป็นคนจัดการอะไรพวกนี้แต่แบบ.....

เฮ้อ

ไม่รู้จะอธิบายยังไง

“ แล้วกิจกรรมวันสุดท้ายล่ะ ให้ทำอะไรดี ”

“ กิจกรรมวันสุดท้ายน่าจะเป็นอะไรที่บันเทิงหน่อยและก็แสดงถึงความสามัคคีนะครับ ”

บันเทิงและสามัคคีงั้นหรอ

ผมชูมือจนสุดแขนทันที “ ผมขอเสนอครับ ” ความคิดนี้แหละแม่งต้องแจ่มมากๆ

“ ว่ามาซิสมปอง ”

“ ให้แสดงละครเวทีครับ ” ทันทีที่ผมพูดจบทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ ทำไมอ่ะ ไม่ดีหรอ

ผมคิดว่าการแสดงละครเวทีนี่มันเป็นอะไรที่บันเทิงมากเลยนะครับ ผมเคยทำมาแล้วด้วยตอนอยู่ม.6 การที่เราจะแสดงละครเวลาร่วมกับเพื่อนๆนั้นมันก็ต้องสามัคคีกันมากๆเพื่อให้ละครมันออกมาดี ผมค่อนข้างจะแค้นใจเล็กน้อย เน้นว่าแค่เล็กน้อยนะครับ เมื่อสมัยม.6 กลุ่มของผมเลือกที่จะแสดงเรื่องสโนว์ไวท์ แล้วด้วยความโชคร้ายจากส้มตำปูปลาร้าก็ทำให้นางเอกของพวกผมท้องเสียจนขึ้นแสดงไม่ได้ และก็ต้องหาตัวนักแสดงฉุกเฉิน

เวรกรรมนั้นมันมาตกอยู่ที่ผมไง

พวกเพื่อนๆมันจับผมคนนี้ไปแต่งตัวด้วยชุดเจ้าหญิงและให้ผมเล่นเป็นสโนว์ไวท์ แม่งเป็นควาทรงจำที่ผมจะไม่มีวันลืมเลยอ่ะ คิดได้ไงวะให้ผู้ชายแมนๆไปแสดงเป็นเจ้าหญิงที่กินแอปเปิ้ลแล้วหลับไป รอเจ้าชายมาจูบปากก็ฟื้นเงี้ยะ

โอ้ย ปวดใจ

“ อืม ความคิดนี้ก็ดีนะ ” พี่ขันเห็นด้วยกับผมว่ะ เห็นไหม ไอเดียนี้แหละบรรเจิดสุดแล้ว

“ เออ จะได้ดูแปลกแล้วก็แตกต่างจากปีก่อนๆด้วย ”

“ งั้นเอาตามนี้เลย ” พี่ขันมองผมพร้อมกับยิ้มหวาน “ งั้นงานนี้มึงก็รับผิดชอบไปละกัน เขียนแผนงานมาให้กูอาทิตย์หน้า ”

ผมพยักหน้ารับรัวๆ “ ได้เลยครับพี่ ”

“ กูหวังว่างานแรกที่มึงรับผิดชอบมันจะออกมาดีนะสมปอง ” จากรอยยิ้มหวานๆเปลี่ยนไปเป็นแสยะยิ้ม พี่ขันแม่งโคตรน่ากลัวเลย

“ มึงจะยิ้มขู่หลานกูทำไม ” พี่ทะเลหยิกแขนพี่ขันเมื่อเห็นสีหน้าหวาดกลัวของผม ขอบคุณที่ช่วยปกป้องหลานรหัสคนนี้ครับ

“ สัสเล กูเจ็บ ” พี่ขันหยิกแขนพี่ทะเลคืน “ เรื่องค่ายเคลียร์แล้ว ต่อไปก็เรื่องรับน้อง เรื่องรับน้องเราก็จะ......”

ผมนั่งฟังงานไปเรื่อยๆ ที่คุยกันนี่คือคุยคร่าวๆนะครับ คร่าวๆมาสองถึงสามชั่วโมง ผมก็วาดรูปเล่นไปเรื่อย หูก็ฟังอยู่นะ มีเสนอความเห็นบ้างยิบย่อยไป เท่าที่ผมฟังนี่คนที่จะเหนื่อยกว่าชาวบ้านคือไอ้พี่สยามครับ พี่มันต้องเป็นคนประสานงานทุกอย่างและคอยตามงาน และคนที่ทำรายงานส่งคณะก็คือมันนี่แหละ

แม่งตายห่าแน่ๆ

“ วันนี้ก็เอาไว้แค่นี้ก่อนละกัน ไม่ไหวละปวดหัวชิบหาย อย่าลืมงานที่สั่งนะพวกมึง ” พี่ขันเอ่ยพลางยกมือขึ้นมานวดขมับ

“ ครับ ” บรรดาเด็กๆก็รับคำกันอย่างพร้อมเพรียง พากันยกมือไหว้พวกพี่ๆและก็เดินกันออกไป

“ มึงกลับเลยป้ะสยาม ” พี่ขุนศึกถาม

“ เออ เจอกันนะพวกมึงมีอะไรก็โทรหา ” พี่มันบอกกับเพื่อนๆก่อนจะหันมาหาผม “ ไปเด็กเปรต กลับกัน ”

“ กลับไหน ”

“ กลับหอมึงไง ” พี่มันพูดจบมันก็ลากผมออกจากห้องทันที จะรีบอะไรขนาดนั้นวะ

ผมโดนลากมาจนถึงที่จอดรถก่อนจะถูกยัดเข้าไปในรถมินิคูเปอร์สีดำคันเดิม รู้สึกเหมือนตัวเองจะนั่งบ่อยมาก ผมเปิดเก๊ะหน้ารถเพื่อหยิบเอ็มแอนด์เอ็มออกมา ผมเป็นคนเอามาใส่ไว้เองแหละครับ พี่มันก็ไม่ได้ว่าอะไร ลองว่าสิจะเอาเอ็มแอนด์เอ็มปาใส่หน้าแม่ง

“ หิวป้ะ ” พี่มันถามผมก่อนจะออกรถ

“ ไม่อ่ะ นี่จะไปไหนเนี่ยะหอกูไม่ได้ไปทางนี้ ”

“ ไปรับเจ้าขา ”

ผมมองมันตาปริบๆทันทีที่มันบอกว่ามันจะไปรับเจ้าขา นี่เป็นโอกาสดีในการเนียนถามเรื่องมันกับเจ้าขาสินะ ผมอยากรู้นะว่าความสัมพันธ์ของสองคนนี้มันเป็นยังไงกันแน่ ถ้าวันนี้ผมไม่รู้ผมคงจะอกแตกตาย

“ กูมีอะไรอยากจะถามมึงอ่ะ ”

“ อะไรอ่ะ ”

“ มึงกับเจ้าขาเป็นอะไรกันวะ ”

พี่มันเหลือบมามองผม “ ถามทำไมวะ ”

“ ก็อยากรู้เฉยๆ มึงกับเจ้าขาดูสนิทกันมาก ” สนิทกันเกินมากกว่าคนทั่วไปจะสนิทกันอ่ะ

ผมนั่งมองหน้าพี่มันหวังว่ามันจะตอบ แต่มันก็เงียบไม่ยอมพูดอะไรออกมาเลยครับ กวนตีนว่ะ ไม่มีใครเคยบอกหรอวะว่าเวลามีคนถามก็ต้องตอบกลับอ่ะ น่าหมั่นไส้ชะมัด ในขณะที่ผมกำลังก่นด่ามันอยู่ในใจลึกๆ พี่มันก็จอดรถครับ ตรงหน้านี้คือร้านไอติมของพี่ถิ่นไท ไอ้พี่สยามมันหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดอะไรยุกยิกไม่รู้ เพียงไม่นานก็มีร่างเล็กอ้อนแอ้นเดินมาขึ้นรถ เจ้าของร่างนั้นก็คือว่าที่แม่ของลูกผมเอง

เจ้าขาไงครับโผมมมมม

ผมมองเจ้าขาผ่านกระจกมองหลัง วันนี้เจ้าขาน่ารักมากกว่าปกติครับ ร่างบางอยู่ในชุดเอี๊ยมกางเกงขาสั้น ผมลอนที่ชอบมัดเป็นหางม้านั่นวันนี้ถูกถักเป็นเปียสองข้าง โอ้ยโคตรน่ารัก

อยากเอากลับบ้านง่า

“ มาช้าจังเลยค่ะพี่สยาม ” เจ้าขาเอ็ดพี่มันก่อนจะยิ้มหวานให้ผม “ สวัสดีสมปอง ”

“ สวัสดีครับเจ้าขา ” เขินอ่ะ เจ้าขาทักผมก่อนด้วย

“ เสียงหวานเชียวนะไอ้เด็กเปรต ” พี่มันเบ้ปากใส่ผมก่อนจะออกรถ

“ เรื่องของกูอีกอ่ะ ”

“ ทำไมมาด้วยกันได้ล่ะคะ ”

“ พี่มีประชุมด้วยกันน่ะค่ะ พี่ขอโทษที่มาช้านะ เรารอพี่นานไหมหืม ”

“ รอนานมากเลย นี่ถ้าพี่มาช้าอีกนิดนึงน้องคงหลับไปแล้ว ” เจ้าขาขยับหัวมาซบไหล่ไอ้พี่สยามครับ คนที่นั่งมองอย่างผมก็อิจฉาตาร้อนขึ้นมาทันที ทำไมคนที่เจ้าขาซบไหล่ไม่เป็นผมวะ

“ โอ๋ๆๆๆ ” มือเรียวของพี่มันเลื่อนมาลูบหัวเจ้าขาเบาๆ “ ครั้งหน้าพี่จะไม่ให้เรารอนานแล้วค่ะ ”

ผมมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกแปลกๆ พี่มันพูดเพราะมากเลยว่ะ ต้องเป็นคนพิเศษแค่ไหนกันถึงจะได้ยินคำพูดเพราะๆแบบนี้ ตอนนี้เจ้าขาต้องรู้สึกดีมากแน่ๆเพราะมือที่ลูบหัวอยู่นั่น ขนาดผมเองเวลาที่โดนมือนั้นสัมผัสผมยังรู้สึกดีเลย ไม่ชอบเลยนะครับไอ้ความรู้สึกย้อนแย้งที่เป็นอยู่เนี่ย ผมรู้สึกอิจฉามากๆ ไม่รู้ว่าอิจฉาพี่มันที่ได้แตะต้องเจ้าขาหรือว่าอิจฉาเจ้าขาที่ได้รับการกระทำที่พิเศษแบบนั้น

เป็นความอิจฉาที่สับสนชิบ

ไม่ชอบใจเลย

“ สมปองเป็นอะไรคะ หน้าซีดเซียวแปลกๆนะ ” เสียงใสเอ่ยถามผมอย่างเป็นห่วง

“ เปล่าหรอกครับ แค่ง่วงๆน่ะ ” ผมยิ้มบางๆให้กับเจ้าขา ก็อยากจะแหกปากยิ้มกว้างๆอยู่หรอกตอนนี้จิตใจมันเปล่าแปลกๆ

ระหว่างการเดินทางที่ผมไม่รู้จุดหมาย ผมก็ทำได้แค่นั่งเงียบๆให้คนสองคนเขาคุยกันงุ้งงิ้งๆ บรรยากาศโคตรอึดอัด น่าจะเป็นผมคนเดียวด้วยที่อึดอัด และในใจก็ยังคงความสงสัยในความสัมพันธ์ของสองคนนี้อยู่เหมือนเดิม ตกลงเป็นแฟนหรือเป็นผัวเมียกันแน่วะ พอคิดแบบนี้ทีไรไอ้ความคิดที่พี่มันชอบลวนลามผมก็กลับเข้ามาในหัวตลอด กลับเข้ามาพร้อมกับว่าทำไม

มีส้อมไหมครับ

จะเอาไปจิ้มปลั๊กไฟให้มันตายๆไปจะได้ไม่ต้องมาคิดมากแบบนี้

“ แล้ววันนี้เจ้าขาจะนอนที่ไหนคะ ”

“ ยังไม่รู้เลยค่ะ ไม่แน่ก็อาจจะค้างที่คอนโดของพี่เขมเลยแต่ถ้าน้องจะกลับบ้านเดี๋ยวให้พี่เขมไปส่งค่ะ ”

“ ยังไงก็ไลน์บอกพี่ด้วยละกันนะคะ ” พี่มันจอดรถที่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่งก่อนจะหันไปยิ้มหวานให้ร่างบาง “ ทานข้าวให้อร่อยนะคะเจ้าขา ”

“ ค่ะพี่สยาม ” เจ้าขายื่นหน้าไปหอมแก้มพี่มันดังฟอด “ ขับรถดีดีนะ น้องไปแล้วนะคะ บ๊ายบายนะสมปอง ” เจ้าขายิ้มหวานก่อนจะเดินลงจากรถไปทิ้งไว้แค่ความปวดใจให้ผม

ปวดใจจริงๆ

แก้มพี่มันผมยังไม่เคยหอมเลย

เห้ยเดี๋ยวนะ

“ ชิบหายละ ” ผมสบถออกมาพลางส่ายหัวไล่ความคิดกับความรู้สึกแปลกๆออกไป นี่มันไม่ใช่ธรรมดาแล้วนะเนี่ยไอ้ความสับสนนี้น่ะ

“ มึงจะส่ายหัวทำไมวะ ”

“ ปะ เปล่า ไม่มีอะไร ” เสียงจะสั่นไปไหนเนี่ยะตัวกู เดี๋ยวพี่มันก็จับได้หรอกว่าสติแตกอยู่

“ งั้นหรอ....กลับหอเลยเนอะ ต้องไปทำศิลปะบนเตียงอีก ” กลัวไม่ได้แข่งกับกูสินะมึง เออได้ เตรียมตัวรับความพ่ายแพ้ได้เลยมึง

พี่มันออกรถขับไปหอผมอย่างอารมณ์ดีผิดปกติ อย่างว่าล่ะนะได้คุยกันจิ๊จ๊ะกับเจ้าขาหนิ สรุปแล้วพี่มันจะไม่บอกผมจริงๆหรอวะว่ามันเป็นอะไรกับเจ้าขา นี่กะจะให้กูตามสืบจนรู้เองเลยไรงี้

ใจร้ายว่ะไอ้สัส

“ มึงจะไม่บอกกูจริงๆหรอว่าเป็นอะไรกับเจ้าขา ”

“ ทำไม มึงชอบเจ้าขารึไง ”

“ เออชอบ ”

“ งั้นมึงก็ตัดใจซะเถอะ เจ้าขามีแฟนแล้ว ”

“ มึงเป็นแฟนเจ้าขาหรอ ”

“ ถ้าใช่แล้วจะยังไง ” พี่มันเหลือบมองผมนิ่งๆ ไม่ชอบใจกับสายตานี้เลยว่ะ

ตอนนี้ในใจผมมันเจ็บแปล๊บๆยังไงก็ไม่รู้ เหมือนอกหัก เออความรู้สึกนี้มันอกหักชัดๆ นี่ยังไม่ทันเริ่มต้นก็อกหักแล้วหรอวะ มันน่าแปลกนะครับที่ผมมีความรู้สึกแบบนี้น่ะ ผมรู้สึกชอบเจ้าขามากก็จริงแต่มันก็ไม่น่าทำให้ผมรู้สึกเฟลขนาดนี้ป้ะวะ ถ้าคิดในอีกแง่ ถ้าเจ้าขาเป็นแฟนของคนอื่นผมคงจะโอเคกว่านี้ แต่นี่เจ้าขาเป็นแฟนกับไอ้พี่สยาม

ไม่อยากคิดแล้วว่ะ

รู้สึกแย่สัส

“ มึงจะทำหน้าซึมทำไมวะ จริงจังขนาดนั้นเชียว ”

“ มึงไม่เข้าใจกูหรอก ”

“ ฮ่าๆๆๆๆ ” ขำอะไรของมึงวะไอ้สัส ให้เกียรติสีหน้าและอารมณ์กูหน่อยเถอะ

“ อะไรของมึงวะ ”

“ มึงนี่หลอกง่ายจริงๆ ” พี่มันเอื้อมมือมาขยี้หัวผม “ เจ้าขามีแฟนจริงๆแต่ว่าไม่ใช่กูหรอก ”

“ จริงอ่ะ ” ผมยกมือขยี้หู เมื่อกี้หูฝาดไปเองรึเปล่าวะ

“ จริงสิ เจ้าขาเป็นน้องสาวแท้ๆของกูเอง ” มือเรียวที่ขยี้หัวผมเลื่อนมาดึงแก้มผมแทน “ กูยังไม่มีแฟน ”

เจ้าขาเป็นน้องสาวของพี่มัน

เย่

พี่มันยังไม่มีแฟน

พี่มันยังเป็นของผม

เห้ยเดี๋ยว

“ ไม่ กูว่าไม่ใช่ละ ”

“ ไม่ใช่อะไรวะ ละจะส่ายหัวทำไมเนี่ยะ วันนี้กูเห็นมึงส่ายหัวแบบไร้เหตุผล 2 รอบละนะ ” พี่มันถามพลางจอดรถเมื่อถึงหอผม อ่าวนี่ถึงแล้วหรอวะ ไวเหมือนกันนะเนี่ย

“ ไม่มีอะไรหรอก ” ผมรีบเดินลงจากรถแล้วขึ้นห้องทันที พี่มันก็เดินตามมาพร้อมกับกระเป๋าผ้าอะไรของแม่งไม่รู้ ตอนนี้ก็ประมาณสองทุ่มแล้วครับ เด็กในหอนี่เจี๊ยวจ๊าวพอควรเลย

ผมเปิดประตูเข้ามาในห้องก่อนจะรีบเปิดไฟและเปิดแอร์ ไม่ได้ครับไม่โอเคกับห้องที่มืดและร้อน ผมรีบปลดเนคไทออกก่อนจะไปนอนแผ่อยู่บนเตียง สบายจัง นี่แหละสวรรค์ของสมปอง

“ รีบหรอ ” ไอ้พี่สยามมันยืนมองผม

“ รีบอะไรวะ ”

“ ไม่ไปอาบน้ำก่อนอ่ะ ”

“ ไม่อาบเว้ย ขี้เกียจ ”

“ อืม....กูเข้าใจละ ” พี่มันวางถุงผ้าของมันไว้ที่โต๊ะใกล้ๆหัวเตียง ส่วนผมก็นอนมองมันอยู่บนเตียง ไม่รู้ว่าผมรู้สึกไปเองรึเปล่าว่าสีหน้าของพี่มันดูแปลกๆ

ดูเหมือนอยากได้อะไรอยู่ก็ไม่รู้

“ มึงเป็นอะไรป้ะ หน้าแดงๆไงไม่รู้ว่ะ ร้อนหรอ ” ใจเย็นก่อนนะมึงเดี๋ยวแอร์มันก็เย็น พอแอร์เย็นเดี๋ยวเรามาแข่งวาดรูปกัน

“ ก็ร้อนนะ และก็ตื่นเต้นว่ะ ” พี่มันถอดเสื้อช้อปของตัวเองออกก่อนจะพาดไว้บนเก้าอี้

ผมมองพี่มันที่เดินมาหาผมที่เตียง “ ตื่นเต้นอะไรอื้ออ.อ.อ..อ.....” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบ ริมฝีปากบางก็ประกบลงมาทาบทับกับปากผมพอดี

เชี่ยไรเนี่ย

ผมพยายามที่จะผลักพี่มันออกแต่มันก็ไม่เป็นผล มือเรียวคู่นั้นเลื่อนขึ้นมาจับข้อมือผมกดไว้กับเตียงแน่น ความร้อนจากริมฝีปากนั่นมันทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ จูบของพี่มันครั้งนี้มันต่างจากครั้งก่อนๆมากจริงๆ มันร้อนและก็ทำให้ผมเหมือนจะขาดใจตายยังไงก็ไม่รู้

จะขาดใจจริงๆ

“ อืมมมม.ม....” ไอ้พี่สยามมันถอนจูบออกไปเบาๆก่อนจะมองผมด้วยสายตาที่อ่านยาก ทำไมอยู่ดีดีก็มาจูบผมวะ นี่ยังไม่ได้ทำอะไรเลย

“ มึงเป็นอะไรเนี่ยะ จะ จูบกูทำไม ” โวยวายใส่แม่ง มือนี่ก็ดิ้นไม่หลุดเลยว่ะ แรงจะเยอะไปไหนวะพี่เอ้ย

“ ก็กำลังจะทำศิลปะบนเตียงไง ”

“ ศิลปะบนเตียงอะไรของมึงถึงมีจูบด้วยวะ ”

“ ก็เซ็กซ์ไง ”

ชิบหายละ

ผมดิ้นอย่างเอาเป็นเอาตายทันทีที่ได้ยินคำว่าก็เซ็กซ์ไง “ ไม่นะมึง ที่กูเข้าใจมันไม่ใช่เซ็กซ์ กูเข้าใจว่ามึงจะแข่งวาดรูปกับกูอ่ะ ”

“ ไม่รู้ไม่ชี้อ่ะ มึงบอกเองนะว่าคำไหนคำนั้น ” พี่มันเอ่ยออกมาอย่างจริงจัง แววตาคู่นั้นแสดงออกมาว่าวันนี้ยังกูก็แดกมึงให้ได้ งื้ออออ ไม่เอาแบบนี้สิวะ

“ ก็กูเข้าใจว่าจะแข่งวาดรูปไง ” ผมบอกมันเสียงอ่อนพลางมองตาปริบๆหวังว่าจะให้พี่มันใจอ่อนปล่อยผมไป แต่เหมือนผมจะคิดผิดเลยว่ะ คนตรงหน้ามันยกยิ้มขึ้นก่อนจะรวบมือผมไว้ด้วยมือข้างเดียว มือข้างที่มันปล่อยผมก็เอามาเกลี่ยแก้มผมเบาๆ

“ ยิ่งมึงทำหน้าแบบนี้ยิ่งรอดยาก ” มันบอกก่อนจะก้มลงมาซุกไซร้ที่ซอกคอของผม มือเรียวก็เลื่อนเข้ามาในเสื้อ ผมก็ทำแค่ดิ้นเท่าที่ตัวเองจะมีแรงให้ดิ้นได้ แต่ดูเหมือนแรงของผมมันจะแพ้ต่อสัมผัสพี่มันว่ะ

หมดแรงขัดขืนเลยเอาจริงๆ

“ อย่าทำแบบนี้เลยนะมึง ” ผมเอียงคอหลบสัมผัสจากพี่มัน “ มาวาดรูปแข่งกันดีกว่าเนอะ ”

ทันทีที่ผมพูดจบใบหน้าหล่อนั่นก็ผละขึ้นมาจากซอกคอผมก่อนจะมองหน้าผมนิ่งๆ มึงใจอ่อนให้กูแล้วสินะ มึงกำลังจะปล่อยกูไปจริงๆใช่ไหม เราจะมาแข่งวาดรูปกันเท่านั้นจริงๆใช่ไหม บอกกูสิพี่บอกกูมา

“ สมปอง ”

“ หืม ”

“ นอนนิ่งๆ ”

ม่ายยยย

ไม่เอาแบบเน้

ไม่อาววววววววววววววว





TBC.

จะยังไงก็รอติดตามเนอะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
แล้วปะป๊าของสมปองก็ถีบประตูเข้ามา ฮา เพราะความคิดเองเออเองบวกกับความซื่อแท้ ๆ เลยนะสมปอง จะรอดไหมนี่

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ศิลปะบนเตียงนอน  คือการวาดรูปบนเตียงนอน  :hao3:

ก็ถูกของสมปองนะ ตรงตัวเป๊ะๆเลย  :mew2:

พี่สยามเอาเซ็กส์มาเกี่ยวด้วยทำไม  :z3:

เดี๋ยวสมปองก็ไปคิดว่าเป็นการวาดรูปคนมีเซ็กส์บนเตียงหร้อก   :laugh: :laugh: :laugh:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
     

ออฟไลน์ chaleeisis

  • mgAmuptUF
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
    • nearby girls for live chat
บทที่ 13 เรื่องที่ต้องทำกับคนที่รัก


ช่วยด้วยครับ

จะเสียตัวแล้ว

ช่วยด้วยยยยยยย

“ จะตัวสั่นไปถึงไหนเนี่ยะหืม ” พี่มันถามทั้งๆที่มันยังง่วนอยู่กับการแดกคอผมอยู่ มึงจะไม่ให้กูสั่นได้ไงวะพี่ กูกำลังจะโดนปู้ยี่ปู้ยำนะ ให้มึงมาเป็นฝ่ายถูกกระทำบ้างป้ะล่ะ

“ กูกลัวอ่ะมึงหยุดเถอะ ”

“ ไม่เอา มึงเป็นคนอนุญาติกูเองนะ ”

“ ก็กูเข้าใจผิดหนิ ”

“ กูไม่สนใจหรอก ” พี่มันขบเม้มที่ซอกคอผม มึงอย่าทำแบบนั้นสิไอ้สัสเดี๋ยวมันเป็นรอย

ผมนอนหอบแฮ่กอยู่ใต้ร่างพี่มันมาสักพักละครับ หมดแรงจะดิ้นแล้วจริงๆ มีแต่ปากนี่แหละที่ยังพอพูดเถียงมันได้ ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องมามีวันที่โดนผู้ชายทำอะไรแบบนี้ ผมชอบผู้หญิงมาตลอดและผมควรจะทำเรื่องแบบนี้กับผู้หญิงสิ ไม่ชอบใจตัวเองที่ทำได้แค่นอนหายใจแรงอยู่แบบนี้เลยว่ะ มือเรียวของพี่มันไล่ปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาของผมจนหมด ผิวขาวๆที่ผมฟูมฟักหวังว่าจะให้เมียในอนาคตได้เชยชมตอนนี้มันประจักษ์แก่สายตาของพี่มันแล้ว

อย่ามองแล้วเลียริมฝีปากแบบนั้นสิวะ

ใจกูสั่นหมดแล้วเนี่ยะ

“ พี่....”

“ อะไรหืม ”

“ เรื่องแบบนี้มันน่าจะไว้ทำกับคนที่รักป้ะวะ ”

“ แล้วมึงรู้ได้ไงว่ากูไม่ได้.....”

ไม่ได้ ไม่ได้อะไรวะมึงอย่ามาเงียบไปสิโว้ย

ผมมองพี่มันที่มองผมด้วยสายตาแปลกๆ เหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง ผมคิดจริงๆแบบที่พูดนะครับเรื่องแบบนี้มันต้องไว้ทำกับคนที่เรารักสิ พี่มันไม่ได้รักผมหนิที่มันทำนี่ก็แค่อาจจะเพราะกำลังอยากมากและก็อยากแกล้งผม ส่วนผมจะบอกว่ารักพี่ก็ไม่ใช่อีกอ่ะ ถ้าเราทำเรื่องแบบนี้โดยไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของความรักมันก็ไม่ต่างจาก....

ที่ระบายความใคร่

รับไม่ได้จริงๆว่ะ

“ มึงมีอะไรมึงไม่พูดวะพี่ ไม่พูดกูก็ไม่รู้นะ บางอย่างที่มึงพูดกูยังตีความเป็นอย่างอื่นเลยดูสิ ”

“ ถ้ากูพูดไปมึงก็ไม่เชื่ออีกอ่ะ ”

“ มึงยังไม่ทันพูดเลย มึงจะรู้ได้ไงว่ากูจะไม่เชื่อ ”

“ กูรักมึง ” น้ำเสียงเข้มเอ่ยออกมาอย่างจริงจัง “ เชื่อไหมล่ะ ”

ตึกตัก

ระ รักงั้นหรอ

ผมมองเข้าไปในดวงตาสีดำสนิทที่แสดงความจริงจังออกมาเหมือนกับคำที่พูด พี่มันรักผมตอนไหนวะ ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยมีแต่ด่ามันไปวันๆเนี่ยะ นี่เป็นเหตุผลที่มันชอบมายุ่มย่ามและก็ลวนลามผมป้ะวะ แม่งต้องใช่แน่ๆ

เพราะมันรักผมนี่เอง

“ ทำไมมึงถึงรักกูวะ ”

“ เพราะมึงเป็นมึงมั้ง ” พี่มันยกมือขึ้นมากุมข้างแก้มผมไว้ “ ความเป็นมึงมันทำให้กูมีความสุขเสมอเวลาที่กูอยู่ใกล้ๆ ”

ฉ่า

เย็นไว้ตัวกู เย็นไว้

“ แต่กูเป็นผู้ชายนะ มึงเป็นเกย์รึไง ”

“ ใช่กูเป็นเกย์ แต่กูไม่ได้ชอบหรือรักใครง่ายขนาดนั้น ถ้ากูเจอคนๆนั้นกูก็จะไม่สนใจคนอื่นอีกและกูจะทำทุกอย่างเพื่อให้เค้ามาเป็นของกู ”

“ แล้วถ้าคนๆนั้นเค้าไม่อยากเป็นของมึงล่ะ ”

“ กูก็คง....ปล้ำมั้ง ”

เดี๋ยวไอ้สัส

ปูเรื่องมาอย่างดีมาเสียตรงปล้ำเนี่ยะไอ้บ้า

“ กูล้อเล่นน่ะ ไม่เห็นต้องทำหน้าแบบนั้นเลย ” พี่มันดึงแก้มผมก่อนจะเลื่อนหน้าขึ้นมาเอาหน้าผากชนกับหน้าผากผมไว้ “ มึงลองคิดดูนะ ตอนนี้มึงอยู่บนเตียงกับกู เวลาที่กูหอมแก้มมึง เวลาที่กูจูบมึง ถ้าเป็นคนอื่นมาทำแบบนี้มึงจะยอมไหม กูว่าแค่นี้มันก็น่าจะชัดเจนแล้วนะว่ามึงรู้สึกยังไงกับกูอ่ะ ”

เออ ก็จริงของมึงแหละ

ไอ้เรื่องที่พี่มันทำกับผมทั้งหมดถ้าเป็นคนอื่นผมคงไล่กระทืบแม่งจนตายอ่ะ แค่คิดก็ขนลุกแล้วเอาจริงๆ แต่กับไอ้พี่สยามนั่นแม่งเป็นข้อยกเว้นแบบไร้เหตุผลสุดๆ ผมมักจะใจเต้นแรงเวลาที่ถูกมันสัมผัส เขินแก้มแดงประจำเวลาเห็นหน้าหล่อๆนั่นยิ้มในโหมดอบอุ่น ไม่เข้าใจตัวเองด้วยว่าทำไมต้องดีใจตอนที่รู้ว่าพี่มันยังไม่มีแฟน

อาการหนักเหมือนกันนะผมเนี่ยะ

“ ยังไง....กูก็ไม่รอดสินะวันนี้อ่ะ ”

“ กูทนไม่ไหวแล้วอ่ะ ” มือเรียวจับมือผมให้เลื่อนไปสัมผัสที่ตรงกลางของกางเกงตัวเอง “ ไม่ไหวจริงๆ ”

ทำเสียงอ้อนแบบนั้นมันขี้โกงนี่หว่า

“ กูยังไม่รู้หรอกนะว่าความรู้สึกของกูมันคืออะไรกันแน่ ”

“ สมปอง....”

“ แต่แค่ครั้งนี้...” ผมยกมือไปโอบรอบคอพี่มันไว้ “ กูจะยอมมึงก็ได้....อย่ารุนแรงนักล่ะ ”

“ มึงนี่จริงๆเลย ” พี่มันกดจูบลงมาทันที ผมเองก็รับจูบนั้นอย่างเต็มใจไม่ได้ขัดขืนเหมือนกับตอนแรก

ถ้าพ่อรู้พ่อต้องด่าแน่เลยว่ะ

มือเรียวของพี่มันก็ลูบไล้ไปทั่ว มือพี่มันร้อนมากเลยว่ะหรือตัวผมมันเย็นเกินไปก็ไม่รู้ ริมฝีปากร้อนก็แลกจูบกับผมอยู่สักพัก เดี๋ยวขบเดี๋ยวงับ เชี่ยอะไรของแม่งก็ไม่รู้ปากกูเจ่อแน่ๆอ่ะงานนี้

“ อืม....มึงนี่น่าแดกจริงๆ ” เรื่องนั้นมึงไม่ต้องพูดก็ได้ไอ้สัส

ไอ้พี่สยามมันไล่จูบไปตามซอกคอก่อนจะลามไปยันแผ่นอกแบนๆราบเรียบของผม สีหน้ามันดูตื่นตาตื่นใจมาก พี่มันใช้ลิ้นเลียเล่นวนไปรอบๆก่อนจะขบเม้มจนเป็นรอยแดง ที่พี่มันทำมันก็รู้สึกเสียวแปลกๆอยู่หรอกแต่มันเจ็บว่ะ

“ ซี๊ดด.ด....มึงจะขบทำไมหนักหนาวะ ” ผมยกมือปิดยอดอกตัวเอง แต่พี่มันก็จับมือผมออก “ เลียก็เลียดิ่ เวลามึงขบมันเจ็บเนี่ยะ ”

“ หมั่นเขี้ยวนี่หว่า ” อย่ามองกูด้วยสายตาร้อนแรงกูขอร้อง

ใจกูจะละลาย

พี่มันไล่จูบต่ำไปเรื่อยๆจนถึงขอบกางเกงยีนส์ของผม มือเรียวก็ปลดซิปกางเกงผมออกก่อนจะรั้งลงไปจนถึงข้อเท้า โอ้ย เหลือแค่บ๊อกเซอร์กับกางในแล้วเนี่ยะ พี่มันเลื่อนมือมาจับตรงปองน้อยผ่านเนื้อผ้า นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตผมเลยนะที่ยอมให้คนอื่นมาแตะปองน้อยสุดที่รักอ่ะ

ผู้ชายด้วยนะที่ได้แตะ

“ มึงก็มีอารมณ์อยู่หนิ ” พี่มันมองหน้าผมพลางยิ้มกรุ้มกริ้ม มันก็ต้องมีอารมณ์สิวะ มึงกอดจูบลูบคลำกูซะขนาดนั้น

“ กูไม่ได้ตายด้านสักหน่อย มีอารมณ์จะแปลกตรงไหน ”

“ กับผู้ชายเนี่ยะนะ ”

“ แค่กับมึงเท่านั้นแหละไอ้บ้า ” ผมหยิบหมอนที่อยู่ใกล้ๆปาใส่มัน “ จะทำอะไรก็รีบๆดิ้ ”

กูเขินจะขาดใจตายอยู่ละ

“ ได้ดิ่ ชอบอยู่แล้วรีบๆ ” พี่มันถอดบ๊อกเซอร์กับกางเกงในของผมออกไปทันที ปองน้อยออกมาสูดอากาศโลกภายนอกแล้วครับ รู้สึกแปลกๆว่ะตอนนี้ผมนี่แก้ผ้าจนหมดตัว แต่พี่แม่งยังอยู่ครบทั้งเสื้อทั้งกางเกงเลย

แม่งไม่แฟร์อ่ะที่โป๊อยู่คนเดียว

“ ทำไมกูโดนถอดอยู่คนเดียววะ มึงก็ถอดด้วยดิ่ ”

“ ถอดให้หน่อยสิ ” ถอดเองไม่เป็นหรอไอ้สัส

ผมบ่นอุบอิบอยู่ในใจลึกๆ พี่มันขยับตัวขึ้นมาให้ผมถอดเสื้อให้ ทันทีที่เสื้อยืดสีเทามันหลุดออกไปจากตัวพี่มันหุ่นแน่นก็เผยแก่สายตาผมทันที พี่แม่งหุ่นดีสัส ซิกแพ็คนี่ก็อื้อหือ ต้องเป็นคนที่ดูแลตัวเองดีมากเลยนะครับถึงมีหุ่นแบบนี้ได้

อิจฉาผมไหมทูลหัว

ว่าที่ผัวผมหุ่นดีมาก

พูดเองแม่งสะเทือนใจเองชิบหาย

“ ชอบดิ่หุ่นแบบเนี้ยะ ”

“ ก็งั้นๆอ่ะ ” ผมเลื่อนมือขึ้นไปลูบกล้ามท้องของพี่มันเบาๆ แม่งแน่นจริงว่ะ ผมฟิตหุ่นแค่ไหนมันก็ไม่เคยแน่นให้แบบนี้เลย น่าอิจฉาพี่มันเหมือนกันนะเนี่ย วันหลังผมจะพาแม่งแดกหมูกระทะเยอะๆให้แม่งอ้วนลงพุงเลย

“ งั้นๆแต่ลูบใหญ่เลยนะ ” พี่มันกดจูบผมลงมาอีกครั้ง ผมก็จูบตอบกลับไปเท่าที่ตัวเองจะทำได้ รู้สึกถึงความเงอะงะเลยว่ะ

จูบของไอ้พี่สยามมันทำลายล้างสติสัมปชัญญะได้ดีเลยนะครับ และการจูบของพี่มันก็ให้ความรู้สึกที่มันหลากหลายด้วย มันทั้งร้อนแรงมันทั้งอ่อนโยน มันเป็นความรู้สึกดีอ่ะ ดีจนพาลให้ใจเต้นเร็วและแรงมาก

เขินมากด้วย

พี่มันผละจูบออกไปอย่างอ้อยอิ่ง “ กูประทับใจกับตรงนี้ของมึงมากเลยนะ ”

“ ซี๊ดด....ประทับใจอะไรวะ ”

“ มึงโกนอ่ะ ”

“ เมกันสไตล์ไง โอ้ยอย่าบีบแรงสิวะ ” ผมตีไหล่พี่มันอย่างแรงทีนึง มึงนี่บีบไม่ดูตาม้าตาเรือเลย

มือเรียวของไอ้พี่สยามมันกำลังจับปองน้อยปู้ยี่ปู้ยำอยู่ครับ ผมก็เกร็งท้องหน่อยๆด้วยความเสียว ตลกที่พี่มันบอกว่าประทับใจว่ะ แค่กูโกนเองมึงจะตื่นตาตื่นใจอะไรขนาดนั้น พี่มันขยับมือมันเร็วขึ้นไปเรื่อย ส่วนผมก็ทำได้แค่กัดปากซี๊ดเบาๆ เวลาทำตัวเองกับมีคนอื่นทำให้นี่มันรู้สึกต่างกันจริงๆเลยว่ะ

มือพี่มันแม่งคือดีอ่ะ

“ ซี๊ดด.ด...อื้อ.อ....”

“ ใกล้ยัง ”

ใกล้ละ

“ ซี๊ด.ด.ด...มึง ” กูไม่ไหวแล้ว

“ ปล่อยเลย ” พี่มันพรมจูบไปทั่วปากผม มือมันก็ขยับถี่กว่าเดิม

ผมไม่ไหวแล้วว่ะ

“ อ๊ะ....อื้อ.อ.อ....อ๊า ”

โอ่ยยยยย โล่งไปดิ่

ผมผงกหัวขึ้นมาดูน้ำสีขาวขุ่นที่เปื้อนอยู่บนมือพี่มันก่อนจะเอนตัวหัวพิงหมอนหอบเบาๆ ไอ้พี่สยามมันยิ้มออกมาอย่างพอใจ ก่อนที่มันจะเลื่อนมือที่เปื้อนน้ำรักไปที่ช่องทางด้านหลัง ผมรู้สึกได้ถึงสัมผัสเบาๆจากตรงนั้น รู้สึกแปลกๆว่ะ ถ้ามีของที่คล้ายกับปองน้อยเข้าไปอยู่ในนั้นมันจะทำให้ผมรู้สึกยังไงวะ

“ โอ้ย กูเจ็บ ” สัมผัสได้ถึงอะไรที่ล้ำเข้ามาด้านในช้าๆ

“ อดทนหน่อยนะ นี่แค่นิ้วเอง ” พี่มันก้มมาจูบปลอบผมเบาๆก่อนจะดันนิ้วเข้ามาเรื่อยๆ

“ อื้อ...เบาๆ ” ผมจิกไหล่พี่มันระบายความเจ็บ นี่แค่นิ้วเองนะแค่นิ้ว นี่ถ้าพี่มันเอาของมันเข้ามานี่จะเจ็บขนาดไหนวะ

ผมยังไม่เห็นด้วยของๆพี่มันอ่ะ

“ ผ่อนคลายหน่อยสิ มึงเกร็งอยู่นะ ”

ผมนอนผ่อนลมหายใจให้ตัวเองผ่อนคลายตามที่พี่มันบอก หน้าร้อนมากเลยว่ะ ตอนนี้หน้าผมคงจะแดงมาก ดูสภาพจากนี่อาจจะแดงไปทั้งตัว ไอ้พี่สยามมันเห็นสีหน้าของผมที่ดูเจ็บมากมันก็ถอนนิ้วออกก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าผ้าข้างหัวเตียง มือเรียวคุ้ยหาของบางอย่างในนั้น

“ หาไรวะ ”

“ เจลกับถุงยาง ” พี่มันหยิบของสองอย่างออกมาชูให้ผมดูก่อนจะโยนกระเป๋าทิ้งไป

“ ทำไมไม่ใช้เจลตั้งแต่แรกวะไอ้สัส ” ผมตีขาพี่มันแรงๆ แม่งให้กูทนเจ็บอยู่ได้

ผมรู้อยู่หรอกว่ามันต้องเจ็บแน่ๆ แต่ถ้าพี่มันใช้เจลตั้งแต่แรกผมก็ไม่ต้องเจ็บขนาดนั้นป้ะวะ มือเรียวหยิบเจลมาบีบใส่มือก่อนจะทาไปรอบๆช่องทางรักของผมอีกครั้งแล้วค่อยๆสอดนิ้วเข้ามาใหม่ มันก็ยังเจ็บอยู่แต่ไม่เท่ากับตอนแรก นิ้วยาวของพี่มันขยับเข้าออกในตัวผม

รู้สึกเสียววาบๆยังไงไม่รู้ว่ะ

“ มึง ”

“ ว่าไงครับ ”

“ ทำไมมันเสียวอ่ะ ”

“ ไม่รู้สิ ไม่เคยเสียวแบบเนี้ยะ ”

“ ซี๊ดด.ด....ลองเสียวแบบกูบ้างไหม เดี๋ยวทำให้ ”

“ ไม่ต้อง ”

แหม่ ตอบไวเชียวนะไอ้สัส

นิ้วของพี่มันถูกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆครับ ผมรู้สึกได้เลย นิ้วที่เพิ่มแล้วขยับเข้าออกนั่นสร้างทั้งความเจ็บกับความเสียวให้ผมไม่น้อยเลย กัดปากกลั้นเสียงจนปากจะแตกแล้วเนี่ยะ ไม่เคยคิดมาก่อนเลยนะว่าข้างหลังนี่ก็ทำให้รู้สึกดีได้เหมือนกัน

เปิดโลกใหม่มาก

“ เท่านี้ก็คงจะพอไหวแล้วล่ะมั้ง ” พี่มันถอนนิ้วออกไปก่อนจะจับขาของผมให้อ้ามากกว่าเดิม ดวงตาคมนั่นไล่มองผมช้าๆอย่างโลมเลีย ไอ้พี่สยามมันหยิบซองถุงยางมาคาบไว้ในปากก่อนจะเลื่อนมือมาปลดกางเกงยีนส์ของมันออก ทำให้ไอ้สิ่งที่ซ่อนอยู่นั้นโผล่ออกมาให้ผมเห็นทันที

เชี่ยยยยยยยยย

มึงมันเกินไปแล้ว

“ แม่งเข้าไปไม่ได้แน่ๆ ” เกือบเท่าแขนกูเลยนะน่ะ

ผมมองไอ้สิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างอึ้งๆ ผมเข้าใจนะว่าพี่มันตัวใหญ่แต่ไอ้นั่นไม่ต้องใหญ่ขนาดนั้นก็ได้ไหม ปองน้อยของผมนี่เทียบไม่ติดเลยอ่ะ ของผมมันก็ไม่ได้อันติ๊วเดียวนะครับ มันก็มาตรฐานของชายไทย แต่ไอ้พี่สยามมันเกินมาตรฐานไปไกลเลยว่ะ

โอ้ยตาย กูตายแน่

พี่มันฉีกซองถุงยางก่อนจะสวมเข้าที่ลูกรักของมัน “ เข้าได้น่ะ มันไม่ได้ใหญ่อะไรขนาดนั้นซะหน่อย ”

ไม่ใหญ่พ่องอ่ะ มือกูกำรอบไหมยังไม่รู้เลยเนี่ย

“ มึงใส่ถุงยางไซส์อะไร ”

“ 56 ไง ”

“ โหหหหหหห ”

“ โหอะไรมานี่ ” พี่มันรั้งเอวผมให้เข้าไปชิด นี่กูกำลังจะโดนเชือดแล้วสินะ

“ เราเลิกตอนนี้ไม่ได้แล้วใช่ป้ะ ”

“ เออ มาถึงขนาดนี้ละ ให้กูเลิกมึงไปหยิบมีดมาแทงกูเลยดีกว่า ”

“ เออได้ งั้นรอกูแปปนึง ”

“ สมปอง ”

“ ฮ่าๆๆๆ ” พี่มันทำหน้าบูดเลยว่ะ

ผมมองหน้าพี่มันที่อยู่ไม่ห่าง ใบหน้าหล่อนั่นก็ดูกังวลอยู่หน่อยๆเหมือนกัน มันเองก็คงกลัวผมจะเจ็บเพราะนี่เป็นครั้งแรกของผมด้วย ในใจผมตอนนี้ก็ไม่ได้คิดจะเลิกหรอกนะครับ มันมาไกลถึงขนาดนี้แล้วอ่ะ และในใจนี่ก็ตื่นเต้นมากเลยนะที่จะได้ทำอะไรแปลกๆที่ตัวเองไม่เคยทำ ผมยกมือไปรั้งคอพี่มันลงมาจูบ ปลอบกูด้วยจูบของมึงหน่อยนะพี่ กูจะได้ใจมาหน่อย

“ อืม...ม....” ริมฝีปากของพี่มันละออกไปก่อนจะเลื่อนมากระซิบข้างๆหูผม “ เจ็บนิดเดียวอ่ะ เหมือนมดกัด ”

“ มึงอย่ามาหลอกกูซะให้ยาก กูไม่เชื่อมึงหรอก ”

มดเชี่ยอะไรรูปร่างแบบนั้นวะ หลอกเป็นหมอเลยไอ้บ้า

“ หึ....” พี่มันหอมแก้มผมดังฟอด “ เอาเลยนะ ”

“ อึก....”

“ อย่าเกร็งสิครับ ”

“ อ๊ะ....โอ้ยยยยยยยยยยยยยย ”

“ ซี๊ดด.ด....อีกนิดเดียวนะ ”

“ อื้อ.อ....กูเจ็บ ”

“ โอ๋ๆ ไม่เป็นไรแล้วนะ ” พี่มันจูบซับน้ำตาที่คลอเบ้าให้ผม

แม่งเจ็บจริงๆอ่ะ

เหมือนร่างจะแตก

ผมยังคงจิกไหล่พี่มันแน่นเพื่อระบายความเจ็บ ช่วงล่างตอนนี้ก็ปวดหนึบไปหมดเลยว่ะ ไม่คิดว่าตัวเองจะรับอะไรที่ใหญ่ชิบหายแบบนั้นเข้ามาได้จนหมดด้วย โห แม่งโคตรอัศจรรย์ใจ ผมนี่น้ำตาเล็ดเลย พี่มันก็ยังคาลูกรักมันไว้นิ่งให้ผมได้ปรับตัว ปากก็พรมจูบปลอบไปทั่ว

ทำดีมากพี่มึง กูชอบๆ

“ มึง....”

“ ว่าไง ”

“ กูอึดอัดไปหมดแล้วอ่ะ ”

“ ให้กูขยับเลยไหม กูก็นิ่งไม่ไหวแล้วเนี่ย ” พี่มันกดจูบผมแรงๆ “ มึงตอดกูอ่ะ ”

ตอดก็เชี่ยละ

“ พูดบ้าอะไรของมึง ” ผมตีไหล่แก้เขินไปทีนึง เข้าใจอยู่หรอกว่ากำลังทำเรื่องลามกแต่มึงไม่ต้องพูดจาลามกได้ไหม

กูเขินเนี่ยะ

“ ก็มันจริงนี่นา ” พี่มันสอดแขนไว้ใต้ขาพับของผมก่อนจะเริ่มขยับเข้าออกช้าๆ

“ อ๊ะ....อื้อ.อ.อ...”

“ อื้ม.ม.ม....”

“ ซี๊ด..ด...อ๊ะ...พี่...อ๊ะ ”

ความรู้สึกเสียวมันแล่นเข้ามาที่ท้องน้อยเมื่อพี่มันเริ่มเร่งจังหวะขยับให้เร็วขึ้น ผมยอมรับนะครับว่าตอนแรกผมเจ็บและก็จุกมาก แต่ตอนนี้แม่งโคตรเสียวเลย เสียงก็กลั้นไว้ไม่อยู่แล้วอ่ะมันรู้สึกดีมากเกินไปจริงๆ

“ อ๊ะ....ข้างหน้าด้วย....อื้อ.อ.อ...”

“ อื้อ.อ....” พี่มันเลื่อนมือมาจับปองน้อยขยับไปด้วย ช่วงล่างก็ยังทำงานของมันอยู่แบบนั้น

โอ้ย ไม่ไหวแล้วอ่ะ

เสียวแม่งทั้งข้างหน้าทั้งข้างหลัง

ผมมองใบหน้าที่ลอยอยู่ด้านบน ผมสีดำเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ ริมฝีปากบางนั่นขึ้นสีแดงหน่อยๆ มองดูแบบนี้แล้วพี่แม่งเซ็กซี่ชะมัด ผมผงกหัวขึ้นไปจูบพี่มัน รู้สึกเหมือนตัวเองโชคดีและเป็นคนพิเศษเลยว่ะที่ได้เห็นหน้าเซ็กซี่แบบนั้น

ห้ามไปทำหน้าแบบนี้ให้คนอื่นเห็นเชียวนะมึง

“ อ๊ะ....กูไม่ไหวแล้วอ่ะพี่ โอ้ย ” แรงกระแทกที่หนักหน่วงนั่นแม่งจะทำให้ผมเป็นบ้าแล้ว

มันเสียวเกินไป

“ กูก็เหมือนกัน....อา ” พี่มันโถมเข้ามาเต็มแรง “ พร้อมกันนะ ”

“ อื้อ.อ....อ๊ะ....พี่สยาม...”

ไม่ไหวแล้ว

“ ซี๊ดด.ด....อา...ปอง ”

“ อึกก....อ๊ะ...อื้ออ.อ.....อ๊าาาาาาาาาา ”

“ ซี๊ดด.ด.....อื้มมมมม.ม.ม....”

แฮ่ก

โอ้ยเชี่ยแม่ง

เหมือนจะขาดใจ

หายใจไม่ทันเลยว่ะเอาจริงๆ ตอนนี้ในหัวนี่ขาวโพลน ประสบการณ์ครั้งแรกนี่ก็จบแบบก็โอเคนะ รู้สึกดีเลย ดีมากๆด้วย การเสียตัวครั้งแรกของผมนี่ก็สำเร็จลุล่วงไปได้ดีนะครับ เสร็จเพราะผู้ชายได้ด้วยว่ะตัวกู

โคตรยอมใจ

“ รู้สึกดีสุดๆเลยว่ะ ” พี่มันจูบหน้าผากผมหนักๆก่อนจะเอาหน้าผากมันมาชนไว้เหมือนตอนแรก “ ดีจริงๆ ”

“ กูก็เหมือนกัน ”

“ กูรักมึงนะสมปอง ”

ตึกตัก

“ เออ กูรู้แล้ว ”

ผมยกมือปัดผมที่ปรกหน้ามันเบาๆ ผมไม่รู้เลยครับว่าหลังจากนี้ความสัมพันธ์ของผมกับมันจะเป็นยังไงต่อ ไม่รู้ว่ามันจะพัฒนาไปในทิศทางไหน หรือว่ามันจะจบแค่ในคืนนี้แล้ววันต่อๆไปเราก็กลับไปเป็นแค่รุ่นพี่รุ่นน้องกันเหมือนเดิม

คิดแบบนั้นแล้วปวดใจแปลกๆว่ะ

เสียตัวไม่พอนี่กูต้องดราม่าด้วยหรอ

“ คิดอะไรอยู่ ”

“ เปล่าหรอก เอาออกไปได้แล้ว ” ทันที่ผมพูดจบพี่มันก็ถอนกายมันออกไป ผมนอนมองพี่มันถอดถุงยางออกก่อนจะหยิบอันใหม่เข้ามาสวม

เดี๋ยวนะ นั่นมึงจะทำอะไร

“ สวมใหม่ทำโอ้ยยยยยย ” ยังไม่ทันที่จะพูดจบพี่มันก็กระแทกลูกรักของมันกลับเข้ามาอีกครั้ง ไอ้สัสเอ้ย ใจคอมึงจะไม่ให้กูพักเลยใช่ไหม

“ ถุงยางกล่องนึงมันมีตั้งหลายอัน ” พี่มันจุ๊บปากผมก่อนจะยิ้มหวาน “ มันต้องใช้ให้หมดรู้ป้ะ ”

รู้หน้ามึงอ่ะไอ้สัสสสสสส

ไอ้บัดซบบบบ



[ บันทึกพิเศษ : สยาม ]



โคตรฟิน

มีความสุขโคตรๆ

“ ขอบคุณนะครับ ” ผมก้มจูบแผ่นหลังเนียนของคนที่เพิ่งเป็นเมียไปหมาดๆ สมปองสลบไปแล้วครับหลังจากที่โดนผมฟาดไป 3 รอบ ตอนนี้ประมาณตี 3 แล้วครับ เอาจริงๆนี่ใช้เวลาบนเตียงกันไปนานเหมือนกันนะเนี่ย กว่าจะต้อนให้น้องมันสมยอมได้นั่นก็กินเวลาเป็นชั่วโมง

นึกว่าจะอดแล้วจริงๆ

ผมไม่คิดว่าน้องจะยอมให้ผมทำด้วย พอน้องบอกว่าครั้งนี้น้องจะยอมในใจผมนี่คึกคักสุดๆอ่ะ เลยใส่แม่งเต็มที่เลยให้มันสมกับที่อดทนมาเนิ่นนาน ตอนนี้ตามเนื้อตัวของน้องมีแต่รอยจูบของผม ไม่รู้ว่าถ้าเจ้าตัวตื่นมาเห็นนี่จะเอามีดมาไล่แทงผมรึเปล่า คงไม่หรอก ถ้าผมตายน้องก็เป็นหม้ายสิ

มีความสุขอ่ะ

ได้เชยชมน้องสมอารมณ์หมาย

ใช้คำโคตรโบราณ

ผมลงมาจากเตียงก่อนจะหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวม กะว่าจะไปซื้อข้าวกับยาแก้ปวดมาให้คุณเมียเขาหน่อย เขาคงหมดแรง ผมเองก็หิวด้วยแหละ ยังไม่ได้กินอะไรเลยอ่ะตั้งแต่เมื่อวาน

“ เดี๋ยวพี่มานะครับ ” ผมจุ๊บคนที่หลับอยู่เบาๆก่อนจะหยิบกุญแจรถแล้วเดินออกจากห้อง

จากนี้ผมจะต้องเปิดเผยต่อสาธารณะชนแบบจริงจังแล้วครับว่าน้องเป็นของผม คนอื่นเขาก็เข้าใจว่าน้องเป็นเมียผมมาสักพักแล้วนะ แต่วันนี้น้องก็กลายเป็นเมียของผมขึ้นมาจริงๆ เดี๋ยวผมจะต้องขอน้องเป็นแฟน แต่น้องจะตอบตกลงหรอวะ น้องกำลังสับสนในตัวเองอยู่ แต่ถ้าน้องยังไม่อยากเป็นแฟนผมก็ไม่เป็นไรนะ

ยังไงผมก็รักน้องคนเดียว

ยังไงน้องก็เป็นของผมอยู่ดี

ใครมายุ่งจะกระทืบให้

“ รอพี่ก่อนนะทูลหัว ”

พี่จะซื้อขนมมาเปย์เยอะๆเลยค้าบ





TBC.

ก็เสร็จพี่หยัมไปตามระเบียบ55555555555555

ไรท์ไม่เคยแต่งNcแนวนี้มาก่อนเลย มันใหม่มากและไรท์ก็หวั่นใจมากว่ามันจะออกมาฟินไหม

ถ้ามันยังแปร่งๆอยู่ก็ขออภัยนะคะ ถ้ามีโอกาสค่อยไว้แก้ตัวในNcหน้า

เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อก็รอติดตามนะคะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านน้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-10-2017 21:18:48 โดย chaleeisis »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4102
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ดูท่าจะหลงเมียนะพี่สยาม ฮา

ออฟไลน์ sompong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :pig4:  ว้ายสมปองใจง่ายๆๆๆๆ. ไม่จริงๆๆๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด