บทที่ 29 เหตุเกิด ณ ร้านชาบู
ผัวนี่เป็นสิ่งมีชีวิตที่ดื้อมาก
น่าทุบมากๆ ด้วย
" กูบอกให้มึงอยู่นิ่งๆ ไง "
" อื้มมม....มันเจ็บ "
" เพราะมึงอยู่ไม่นิ่งนี่แหละมันถึงเจ็บ " ผมดุมันเสียงขุ่น " ยังอีก....ปล่อยมือกูเดี๋ยวนี้ "
" กูเจ็บอ่ะ มึงทำเบาๆ สิ "
" นี่เบามือสุดละนะ "
" เจ็บ "
" จะเสร็จอยู่ละ " ผมบอกก่อนจะเอาเบตาดีนแตะเบาๆ ที่แผลบนหัวพี่สยาม แล้วเอาพลาสเตอร์กันน้ำแปะทับลงไป
ล้างแผลแค่นี้จะเป็นจะตาย
เกิดมาจะ 20 ปี ไม่เคยล้างแผลให้ใครแล้วใช้เวลานานชิบหายแบบนี้เลย ผมเริ่มล้างแผลให้มันตอน 9 โมงอ่ะ ตอนนี้แม่งจะ 10 โมงครึ่งละ มัวแต่โหวกเหวกโวยวายอะไรก็ไม่รู้ พี่สยามนี่โคตรพี่สยามเลย ตอนนี้มันก็กอดเอวผมไว้แน่นไม่ยอมให้ลุกออก คือผมนั่งคร่อมอยู่บนตักมันไง ความจริงไม่ได้อยากจะนั่งท่านี้หรอก แต่เพราะพี่สยามมันบังคับ
เรื่องมากไปอีก
นี่ก็ 2 วันแล้วครับที่มันออกจากโรงพยาบาล หมอสั่งว่าให้ล้างแผลทุกวันจนกว่าจะถึงวันตัดไหม พี่สยามนี่มันกาปฏิทินรอเลยอ่ะ มันไม่ชอบเวลาล้างแผลไง ฟีลเด็กดื้อขี้งอแงมาก เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ถึงวันหมอนัดแล้วครับ ผมก็ต้องเป็นคนพามันไปโรงพยาบาล เนี่ยะ นอกจากทำหน้าที่เป็นเมียแล้วก็ต้องทำหน้าที่เป็นแม่มันด้วยนะ
เฮ้อ....เกิดเป็นสมปองนี่มันเหนื่อยจริงๆ
" ปล่อยกูได้แล้ว "
" อื้ออ.อ....อยู่แบบนี้ก่อน " มันบอกก่อนจะซุกหน้ากับไหล่ผม " คิดถึง "
" คิดถึงอะไรของมึง กูอยู่กับมึงแทบตลอดเวลาเลยเนี่ย "
" ความคิดถึงมันห้ามกันได้ที่ไหน "
ผมเลื่อนมือขึ้นไปลูบหัวมันเบาๆ " มึงนี่น้า...."
" ไปหาอะไรกินกันไหมครับ " มันละออกมาจากไหล่ก่อนจะมองผม " อยากกินชาบู "
" เอาสิ ลุกไปแต่งตัวเร็ว "
" ขอกอดอีกแปปนึง " มันเอ่ยอย่างอ้อนๆ ถ้ามึงมัวแต่จะกอดกูแบบนี้ล่ะก็นะ ชาบูไม่ต้องแดกแล้วไหมไอ้สัส
" เร็วๆ พี่สยาม กูหิวแล้วนะ "
" ก็ได้ " มันยอมปล่อยแขนแต่โดยดี ผมเลยใช้จังหวะนั้นรีบลุกออกมาก่อนจะไปหยิบเสื้อผ้ามาเปลี่ยน
หลายวันมานี้พี่สยามมันขี้อ้อนผิดปกตินะครับ น่าจะเพราะว่าตัวเองยังไม่ได้กลับมาแข็งแรงเต็มที่ล่ะมั้ง นี่ผมยังคิดอยู่เลยว่าถ้ามันหายดีแล้วมันต้องจ้องจะแดกผมแน่ๆ เดี๋ยวต้องคิดวิธีเอาตัวรอดไว้รอ จะว่าไปอีกไม่กี่อาทิตย์ก็ใกล้สอบไฟนอลแล้วนะ ผมนี่ต้องต่อสู้กับควิซแทบทุกวัน สงสารสมองตัวเองมาก ยิ่งควิซของฟิสิกส์นี่แบบ อื้อหืออ.อ.อ...
เอามีดมาแทงผมเลยดีกว่าอาจารย์
ได้หมดเวรหมดกรรมกันไป
เดี๋ยวผมจะต้องเริ่มตั้งใจอ่านหนังสืออย่างจริงๆ จังๆ พี่สยามเองก็คงจะเหมือนกัน ช่วงใกล้สอบผมว่าจะให้มันติวฟิสิกส์เหมือนที่มันเคยติวให้ ผมค่อนข้างมั่นใจกับเกรดที่จะออกมาเทอมนี้พอสมควรเลยนะ ยกเว้นแค่ของฟิสิกส์ แต่ว่าคิดไว้แล้วว่าน่าจะได้ไม่ต่ำกว่า C+ ไม่เป็นไรช่างแม่ง เทอมหน้าค่อยตั้งใจเรียนละกัน
ไม่รู้ว่าจะทำได้ไหม
" เสร็จยังปอง "
" เสร็จละ " ผมหยิบกระเป๋าตังค์กับโทรศัพท์ใส่กระเป๋าผ้า " อ่ะกุญแจห้อง " ผมส่งกุญแจห้องให้มันก่อนจะเดินนำออกมา
เจ้าตัวล็อคห้องเสร็จก็เดินมาอยู่ข้างผม " กินที่ไหนดี "
" กินในห้างก็ได้นะ ได้ไปซื้อของเข้าหอด้วย ของหมดหลายอย่างละ "
" โอเค มึงขับนะ " มันบอกก่อนจะส่งกุญแจรถมาให้
" ได้ เออพี่สยามเดี๋ยวช่วงใกล้สอบมึงติวฟิสิกส์ให้กูหน่อยนะ "
" คิดค่าติวนะ "
" งั้นเดี๋ยวกูไปให้ลันตาติวให้ก็ได้ "
มันเบะปากใส่ผมทันที " ทำไมทำแบบนั้นล่ะเมีย "
" ก็มึงเรื่องมากอ่ะ "
" อื้ออ.อ....ติวให้ก็ได้ ให้กูติวนะ " พี่สยามมันจับแขนผมไปเขย่าๆ เหมือนเด็ก ผมก็ได้แต่มองมันนิ่งๆ ไม่ได้พูดอะไรตอบไปสักคำ
ปล่อยให้มันติ๊งต๊องไปครับ
ผมปลดล็อคก่อนจะขึ้นรถ พี่สยามมันก็มานั่งทำหน้าเป็นตูดอยู่ข้างๆ ช่างแม่ง อย่าไปสนใจครับ เดี๋ยวมันก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมเอง การที่เราอยู่ด้วยกันเกือบเทอมนี่มันทำให้ผมรู้อะไรหลายๆ อย่างเลยนะ ช่วงที่มันอยู่โรงพยาบาลนี่ก็ได้รู้ว่ามันเองก็มีมุมอ่อนแอเหมือนกัน ตอนที่อยู่ด้วยกันแรกๆ มันไม่เคยแสดงอะไรแบบนี้ออกมาให้ผมเห็นเลยสักครั้ง
เก็บทุกอย่างไว้คนเดียวหมดเลย
ผมคิดว่าที่มันทำแบบนั้นก็คงเป็นเพราะว่าไม่อยากให้ผมเป็นห่วงมันล่ะมั้ง แต่มันไม่รู้เลยว่าสิ่งที่มันแสดงออกมากลับทำให้ผมเป็นห่วงมันมากกว่าเดิม พี่สยามมันต้องมีอะไรหลายๆ อย่างที่ปิดไว้ไม่ให้ผมรู้แน่ๆ เข้าใจอยู่นะว่าทุกคนก็ต้องมีเรื่องที่ต้องการจะเก็บไว้คนเดียว ผมเองก็เป็น มีหลายเรื่องเหมือนกันที่พี่สยามยังไม่รู้เกี่ยวกับตัวผม
แต่ก็นะ....
เรามีเวลาเรียนรู้เรื่องของกันและกันทั้งชีวิตหนิจริงไหม
" ยิ้มอะไรอ่ะปอง " คนนั่งข้างๆ เอ่ยถาม
ผมเหลือบมอง " เปล่า....เออพี่สยามกูขอถามอะไรหน่อยสิ "
" ว่ามา "
" มึงว่าถ้าเราจะขอผู้หญิงสักคนเป็นแฟนเนี่ยะ ควรขอยังไง "
" ถามแบบนี้นี่คือ....." มันเอ่ยเสียงขุ่นมือก็ยกขึ้นมาดึงแก้มผมแรงๆ " จะทิ้งกูไปมีเมียหรอห้ะ "
" กูก็แค่ถามป้ะวะ ยังไม่ได้บอกเลยว่าจะไปมีเมีย ถ้ากูจะมีนะกูไล่มึงออกจากห้องไปนานละ "
" เออ ห้ามมี อย่างมึงอ่ะเป็นเมียกูน่ะดีละ "
" เออๆ ว่าแต่มึงจะบอกกูได้ยังว่าจะขอยังไง "
" กูไม่เคยขอผู้หญิงเป็นแฟนว่ะ เคยแต่ขอผู้ชาย แต่จะว่าไปมันก็ไม่ได้ต่างกันมากป้ะวะ การจะขอใครสักคนเป็นแฟนสิ่งสำคัญมันก็คือความรู้สึกที่เรามีให้เค้า ถ้าเค้าเองก็รู้สึกแบบเดียวกับเรา ก็ถือว่าแฮปปี้ คบกันเป็นแฟน "
" งี้นี่เอง " ผมใช้จังหวะที่รถติดไฟแดงหันไปมองพี่สยาม " งั้นเป็นแฟนกันป้ะ "
" นี่มึง....พูดจริงหรือล้อเล่นเนี่ยะ "
" ล้อเล่น " ว่าแล้วผมก็แลบลิ้นใส่มัน คนโดนหลอกก็ถลึงตาใส่พลางทำหน้าเหมือนอยากจะแดกหัวผม เห็นหน้ามันแล้วตลกว่ะ ฮ่าๆๆๆๆ
เมื่อกี้แอบคิดจริงจังเลยสินะมึง
" มึงนี่มัน....ไว้ให้กูหายก่อน กูจะเอามึงจนหมดแรงตายคาเตียงแน่ๆ " มันชี้นิ้วคาดโทษผม ในใจนั่นเคียดแค้นน่าดูเลยสินะ
" ใจคอจะเอากูจนตายเลยรึไง ใจร้ายชะมัด " ผมบ่นเสียงอ่อน
" กูก็พูดไปงั้นแหละ " มือเรียวเลื่อนมากุมแก้มผมเบาๆ " กูรักมึงมากนะ จะปล่อยให้ตายได้ยังไง " เจ้าตัวเอ่ยก่อนจะยิ้มหวานให้
ยอมเลยว่ะ
เอาใจกูไปเลยพี่สยามเอาไปเล้ยยยยยย
ผมนั่งอมยิ้มให้กับสิ่งที่มันพูด คำว่ารักจากพี่สยามนี่ทำให้ผมยิ้มได้ทุกครั้งที่ได้ยินจริงๆ นั่นแหละว่ะ ตัวมันเองก็คงรอที่จะฟังวันที่ผมบอกรักมันเหมือนกัน ไอ้เมื่อกี้ที่ผมถามเรื่องจะขอเป็นแฟนยังไงดีผมก็จริงจังนะ คิดว่าถ้ามันพูดออกมายังไงก็จะทำตามแบบที่มันพูด ผมอยากให้วันที่เราเป็นคบกันกลายเป็นวันพิเศษ ผมอยากเห็นมันมีความสุข เพราะงั้นก็ต้องคิดเยอะหน่อย
จริงจังกับมันแค่ไหนถามใจดู
ผมนี่โดนพี่สยามทำของใส่แน่เลยว่ะ
ห้างสรรพสินค้า
ผมเดินต้อยๆ อยู่ข้างหลังพี่สยาม ตอนนี้เกือบเที่ยงแล้วครับ หิวมากพร้อมจะแดกทุกอย่างที่ขวางหน้า ร่างสูงเดินนำผมเข้ามาในร้านชาบูก่อนจะเลือกนั่งโต๊ะชิดกระจก พอได้ที่นั่งแล้วผมก็จัดการจดของที่จะกินลงเต็มกระดาษ ร่างกายต้องการสันนอก สันอก สามชั้น หมูสไลด์ ต้องการจุ้งด้วยครับ
รู้จักจุ้งไหม....จุ้ง
" มึงเอาจุ้งไหมพี่สยาม "
" จุ้งอะไรวะ "
" จุ้งไงที่มันตัวส้มๆ " ผมเท้าคางมองมัน ทำไมต้องทำหน้างงแบบนั้นวะ เกิดมาไม่เคยกินจุ้งหรอ
" ไหนจุ้งมึง " พี่มันชะเง้อคอมองกระดาษที่ผมเขียน " ไหนมึงจิ้มให้กูดูซิ "
" นี่ไง "
" นี่มันกุ้ง จุ้งอะไรของมึง " มันบอกก่อนจะทำหน้ามุ่ยใส่ผม ผิดหรอที่เรียกว่าจุ้ง เรียกแบบนี้มาตั้งนานละนะ ไม่คิดจะกลับไปเรียกกุ้งด้วย
แล้วนี่จะซีเรียสอะไรวะ
" เออ นั่นแหละเอาไหม "
มันพยักหน้ารับเบาๆ " เอาแมงกระพรุนให้ด้วย "
" เค้าเขียนไว้ว่าถ้าอยากแดกแมงกระพรุนให้ไปจับเองที่ทะเล "
" ตลกละ เอามานี่เดี๋ยวกูเขียนเอง " พี่สยามมันแย่งกระดาษกับปากกาไปจากมือผม ทำไมเป็นเด็กชอบแย่งแบบนี้วะ เดี๋ยวกูก็เขียนไดอารี่ฟ้องพ่อซะหรอก
มึงโดนแน่
ผมนั่งมองพี่สยามมันจดอะไรยุกยิกๆ ใส่กระดาษก่อนจะยื่นส่งให้พนักงาน พนักงานสาวสวยยิ้มให้พี่มันตาเยิ้มเลยนะ นี่ไม่เห็นหรอว่าเมียเขานั่งอยู่นี่น่ะ จะว่าไปผมกับพี่สยามนี่เหมือนพี่น้องกันมากกว่านะ เวลาอยู่ด้วยกันสองคนข้างนอกผมรู้สึกแบบนี้อ่ะ แต่ก็ไม่รู้ว่าคนอื่นจะมองยังไง ผมรู้สึกได้เลยว่าตัวเองเริ่มจะมีอาการหึงหวงแสดงออกมามากเกินไปหลังจากที่รู้ใจตัวเอง
เดี๋ยวต้องคีพลุคละ
ถ้าพี่สยามมันรู้มันจะได้ใจ
" เมียครับ ดูนี่สิ " มันยื่นจอโทรศัพท์มาให้ผมดู เป็นคลิปวิดีโอลูกแมงกระพรุนกำลังว่ายน้ำครับ
" เมื่อกี้มึงเพิ่งสั่งแมงกระพรุน "
" เออจะแดกให้หมดเลย "
" มึงนี่นะ...." ผมส่ายหัวให้มันเบาๆ ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างได้ " เดี๋ยวกูทำอะไรให้ดู " ผมยกมือขวามากำแล้ววางไว้บนหลังมือซ้ายก่อนจะขยับนิ้วของมือซ้ายให้พริ้วเหมือนแมงกระพรุน
" อะไรอ่ะ "
" แมงกระพรุนไง "
" นี่มันมือ ไม่ใช่แมงกระพรุนสักหน่อย "
ผมทำหน้าบึ้งใส่มันทันที " มึงนี่โคตรขัดขวางจินตนาการเลยว่ะ มันเป็นแมงกระพรุนเนี่ยะมันเป็นแมงกระพรุน " ผมโวยใส่มันก่อนจะทำมือแมงกระพรุนให้ดูอีกรอบ
" น่ารักจัง " พี่สยามมันยิ้มหวานก่อนจะเลื่อนมือมาลูบหัวผมเบาๆ " พี่เชื่อหนูก็ได้ครับว่าเป็นแมงกระพรุน "
ฉ่า
แทนตัวเองว่าพี่ แล้วเรียกกูว่าหนูเนี่ยนะ
อีเชี่ยยยย
" เป็นอะไรหืม....เขินพี่หรอ แก้มนี่แดงเชียว "
ผมยกมือขึ้นลูบแก้มตัวเองเบาๆ " อย่าพูดเพราะได้ป้ะวะ "
" ทำไมล่ะ "
" เขิน " ตัวจะแตกแล้วด้วยไอ้บ้า
พี่สยามมันยิ้มกว้างออกมาทันทีที่เห็นอาการผม น่าหมั่นไส้จริงๆ ผมแม่งก็แพ้ทางซะได้ ชอบนะครับเวลามันพูดเพราะๆ กับผมน่ะ แต่ถ้าได้ยินบ่อยๆ หัวใจคงอาจจะวายได้ มันดีต่อใจเกินไปอ่ะ มันเองก็รู้นะว่าถ้าพูดแบบนี้ใส่แล้วผมจะเขิน
ร้ายกาจชะมัด
ผ่านไปสักพักพนักงานก็เดินเอาของที่สั่งไปมาเสิร์ฟ แม่งโคตรเยอะอ่ะ พี่สยามมันเป็นคนจัดแจงเทลงหม้อ ส่วนผมก็ทีมนั่งรอกินอย่างเดียว ผมชอบชาบูนะ ชอบมากกว่าหมูกระทะอีก เวลากินหมูกระทะเนี่ยะ น้ำมันจะชอบกระเด็นใส่ คือกูจะแดกแบบเป็นสุขนี่ไม่ได้หรอวะ จะต้องกระเด็นมาใส่ให้กูร้อนอีก
หึ้ยยย...ย...หงุดหงิดทำไมวะเนี่ย
พี่สยามตักหมูมาใส่ชามให้ผม " กินเยอะๆ นะ "
" มึงไม่ต้องบอกกูก็กินเยอะอยู่ละ " ผมยักคิ้วให้มันก่อนจะคีบสันนอกใส่ปาก อื้ม...ม...แม่งโคตรอร่อย ค่อยสมกับที่อยากกินมาหลายวันหน่อย
" กินเยอะๆ ก็ดีแล้ว " มันบอกก่อนจะคีบตับเข้าปากแล้วยิ้มกรุ้มกริ่มใส่ " ตูดจะได้แน่นๆ "
" แค่กกก....ก " ผมหยิบน้ำขึ้นมากระดกหลังจากที่สำลัก
" แค่นี้ถึงกับสำลักเลยหรอครับเมีย "
" มึงนี่แม่ง....เดี๋ยวกูก็เอาตะเกียบแทงให้หรอก "
คนตรงข้ามนั่งเท้าคางก่อนจะยกยิ้มให้ " ระวังโดนกูแทงกลับนะ ตะเกียบไซส์ 56 น่ะรู้จักไหม "
" นี่มึง!!! "
" อ้าว พี่สยาม "
ใครเรียกพี่สยามวะ
ผมหันมองตามเสียงก็พบกับร่างบางที่อยูในชุดนักเรียนมัธยม น้องเขาเป็นผู้ชายครับแต่หน้าหวานเหมือนผู้หญิงมาก คือถ้าไม่ได้ใส่เครื่องแบบของผู้ชายผมก็นึกว่าผู้หญิงอ่ะ อาจเพราะทรงผมด้วยล่ะมั้ง มันยาวประบ่าเลยด้วยซ้ำ เรียนเอกชนสินะถึงได้ไว้ผมยาวขนาดนี้ได้ นึกถึงตัวเองตอนสมัยมัธยมเลยแฮะ ผมนี่โดนเพื่อนตบเกรียนแทบทุกวัน
คิดแล้วเจ็บปวดชิบ
พอๆ เลิกนึกถึงตอนตัวเองหัวเกรียนแล้วมาสนใจคนตรงหน้าต่อดีกว่า น้องเขาตัวบางๆ น่าจะเตี้ยกว่าผม ผิวขาวเนียนน่าแดกสุด หน้าตาน่ารักๆ แบบนี้คงมีพวกหื่นกามแบบพี่สยามสนใจอยู่ไม่น้อยเลย ว่าแต่ทำไมน้องเขาถึงรู้จักพี่สยามได้วะ
" อ้าวเซนท์ ไม่ได้เจอนานเลยเป็นยังไงบ้าง "
" ก็สบายดีครับ " น้องเขาบอกก่อนจะยิ้มหวาน " พี่สยามก็สบายดีนะครับ "
" พี่สบายดี แล้วนี่มากินชาบูคนเดียวหรอ "
" เดี๋ยวเพื่อนๆ ตามมาน่ะครับ เออพี่สยาม อีกสักพักพี่แซนด์จะกลับมาเรียนไทยแล้วนะ "
พี่สยามมันเหลือบมองผมก่อนจะน้องมองเขา " งั้นหรอ แล้วทำไมถึงกลับมาเรียนไทยล่ะ "
" ไม่รู้เค้าเหมือนกันอ่ะ พี่สยามก็รู้หนิว่าพี่แซนด์เดาใจยากจะตาย ว่าแต่นี่ใครหรอครับ แฟนใหม่หรอ " น้องหันมองผมแล้วยิ้มหวานให้
" อ๋อ คือนี่เป็นน้องรหัสพี่เองน่ะ " หลังจากที่พี่สยามมันบอก ผมก็ยิ้มบางๆ ให้ ตอนนี้เป็นแค่น้องรหัสแหละ
แต่ในอนาคตจะเป็นแฟนมันแน่นอน
จัมวรั้ยนะน้อง
" งี้นี่เอง พวกพี่กินกันให้อร่อยเถอะ เซนท์ขอตัวก่อนนะครับ "
" บายครับ " พอพี่สยามรับคำ ไอ้น้องน่ารักๆ ก็เดินไปทันที ตอนนี้ผมกำลังสงสัยอยู่ว่าคนที่ชื่อแซนด์คือใคร ทำไมตอนที่พูดถึง พี่สยามต้องเหลือบมามองผม
" กูถามอะไรหน่อยสิพี่สยาม "
" ว่ามา..."
" คนชื่อแซนด์เป็นใคร " สิ้นเสียงของผมมือเรียวที่กำลังจะคีบหมูก็ชะงักไปทันที
ผมคีบโน่นคีบนี่ใส่ปากรอคำตอบจากพี่สยาม คนชื่อแซนด์นี่ไม่ธรรมดาแล้วมั้ง จะต้องเป็นใครสักคนที่ไม่อยากให้ผมรู้จักหรือยังไง ตอนนี้ที่คิดออกก็มีอยู่คนเดียวเลยนะครับ ฟังจากที่น้องคนเมื่อกี้พูด คือคนชื่อแซนด์กำลังจะกลับมาเรียนไทย แปลว่าตอนนี้ต้องอยู่ต่างประเทศ แล้วพอนึกถึงคนที่พี่สยามมันรู้จักแล้วอยู่ต่างประเทศนี่ก็มีแค่คนเดียวน่ะครับ
" แฟนเก่าใช่ไหม "
มันพยักหน้ารับ " ใช่ "
" เออ ก็เท่านั้นแหละ " ผมคีบสามชั้นไปใส่ชามให้มัน " กลัวกูคิดมากรึไง "
" อืม ก็คิดว่าถ้ามึงไม่รู้มันจะดีกว่ารึเปล่า "
" งั้นมึงลองคิดดูนะว่าถ้ากูมารู้ทีหลังกูจะเป็นยังไง กูอาจจะแย่มากๆ เลยก็ได้ จริงไหม "
" ขอโทษนะปอง "
" กูรู้ว่ามึงเป็นห่วงกู แต่ว่ากูโอเค เขาเป็นแค่แฟนเก่ามึงหนิ " ผมเลื่อนมือไปจับมือพี่สยามไว้ " กูเชื่อกับคำที่มึงบอกว่ารักกูนะ เพราะงั้นกูจะพยายามไม่คิดมาก โอเคไหม "
" โอเคครับ " พี่สยามยิ้มหวานก่อนจะคีบสันนอกมาจ่อปากผม ผมก็งับเข้าปากมาก่อนจะยิ้มให้มัน
คือปากบอกว่าไม่คิดนะแต่ในใจนี่คิดไปไกลมาก
ผมค่อนข้างหวั่นใจนะที่แฟนเก่ามันจะกลับมาเรียนที่นี่น่ะ แต่อีกใจก็คิดว่าคงจะไม่มีอะไรก็ได้ ก็จบกันไปนานแล้วป้ะวะ อีกอย่างคือตอนนี้พี่สยามมันรักผมมาก ผมควรจะเชื่อใจมัน ถึงแม้ว่าคนที่ชื่อแซนด์จะเป็นคนที่มันเคยรักและผูกพันในช่วงเวลานึงก็เถอะ
แต่อดีตมันก็คืออดีต
เดี๋ยวผมต้องเริ่มวางแผนขอพี่สยามเป็นแฟนละ อะไรๆ มันก็เกิดขึ้นได้ครับ เพราะงั้นเราต้องรีบคิดหน่อย ผมเองก็ต้องทำตัวเป็นเมียดีดีเพื่อมัดใจมันไว้สินะ แต่คิดแล้วมันก็ยากว่ะ ผมไม่ใช่พวกชอบทำอะไรแบบนั้นด้วย เอาจริงๆ คือผมไม่ต้องทำอะไรมากพี่สยามมันก็หลงผมจะตายห่า นี่แค่แก้ผ้าแล้วไปนอนรอบนเตียงมันก็ปริ่มใจมากแล้วมั้ง
แล้วนี่กูคิดอะไรวะเนี่ย
" คิดอะไรลามกอยู่ล่ะสิ " พี่สยามมันบีบแก้มผมเบาๆ " ร้ายนักนะ "
อย่ามาทำเป็นรู้มากได้ไหมวะ
" คนที่ร้ายมันคือมึงต่างหาก "
ร้ายกาจตลอดกาล
TBC.
สวัสดีค่ะชาลมาส่งหยัมปองแล้ว คือเพิ่งเสร็จสดๆ ยังไม่ได้แก้อะไรเลย เดี๋ยวจะตามแก้ให้นะคะ
ชาลกำลังไปพิจิตรค่ะ ก็แต่งนิยายในโทรศัพท์ และก็แต่งบนรถที่สั่นตลอด คือรู้ตัวเลยว่านิยายอาจจะมีอะไรแปลกๆ เพราะว่าชาลจะเบลอๆ ตอนนี้ก็ตาลายอยู่ พาร์ทดราม่ายังอีกยาวไกลนะคะไม่ต้องกังวล เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อรอติดตาม
ถ้าชอบก็คอมเม้นต์เพื่อเป็นกำลังให้กันได้นะคะ สามารถติดต่อข่าวสารได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis นะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านน้า