บทที่ 23 เพื่อนที่ดีของกันและกัน
ไม่เคยคิดเลยว่าฟ้าจะเล่นตลกกับเราได้มากถึงขนาดนี้
ไม่คิดจริงๆ นะครับ
ผมยืนมองส้มที่ยิ้มหวานให้อยู่ตรงนั้น พูดไม่ออกเลยว่ะ ไม่คิดด้วยว่าจะมาเจอกันได้ง่ายขนาดนี้ เชียงใหม่ก็ตั้งกว้างป้ะวะ แล้วที่สำคัญดันมาเดินตลาดเวลาเดียวกันอีก ความบังเอิญนี้บัดซบจริงๆ ผมไม่เจอส้มมาหลายเดือนเลยนะครับตั้งแต่จบม.6 น่ะ เธอดูสวยขึ้น แถมรอยยิ้มที่เคยมัดใจผมไว้ได้นั่นก็ยังดูมีเสน่ห์ไม่เคยเปลี่ยนเลย ในขณะที่ผมยืนมองส้มเงียบๆ มือบางก็หยิบลูกชิ้นส่งไปให้แม่ค้าก่อนจะหันมามองผม
“ มองอะไรนักหนาล่ะหืม ”
“ ก็...มองไม่ได้รึไงล่ะ ”
“ ฮ่าๆๆ มองได้สิ ส้มแค่ถามเฉยๆ เอง ” เธอเอ่ยพลางยิ้มหวาน “ ไม่เจอกันนานเลยเนอะ ปองเป็นไงบ้าง ”
“ ก็สบายดี แล้วส้มล่ะเป็นไง ดูผอมไปรึเปล่า ”
“ ก็ปองอ้วนขึ้นแทนส้มแล้วนี่ ”
“ เดี๋ยวเถอะ ” ผมยกมือยีหัวส้มเบาๆ “ นี่หุ่นสมส่วนต่างหาก เอ่อ...ขอโทษ ปองลืมตัวน่ะ ” ผมรีบลดมือลงมาทันที ลืมไปว่าไม่มีสิทธิ์ที่จะทำแบบนั้นแล้ว
ผมนี่บ้าชะมัด
“ ขอโทษทำไม ปองไม่ได้ทำอะไรผิดหนิแค่จับหัวส้มเอง ”
“ มันก็....” ผมรับลูกชิ้นมาก่อนจะจ่ายเงินให้แม่ค้า “ ไม่รู้อ่ะ อยู่ดีดีก็อยากขอโทษเอง ”
“ ปองนี่จริงๆ เลยนะ ” เธอยู่ปากใส่ผม
อา....น่ารักอ่ะ
ผมยืนมองส้มตาปริบๆ ในใจก็คิดถึงเรื่องที่ทำให้เราเลิกกัน ถ้าสมมุติว่าพ่อส้มไม่กีดกัน ผมกับส้มอาจจะยังคบกันอยู่ก็ได้นะตอนนี้น่ะ เรื่องระหว่างผมกับพี่สยามคงไม่เกิดขึ้น คิดแบบนี้รู้สึกย้อนแย้งตัวเองชะมัด ช่วงเวลาที่ผมเคยได้ใช้ร่วมกับส้มผมก็มีความสุข ช่วงเวลาที่มีพี่สยามอยู่ในชีวิตผมก็มีความสุข ทำไมหัวใจถึงได้รู้สึกโลภมากแบบนี้วะ ฟีลคล้ายๆ วันทองสองใจเลย แต่อันนี้จะเป็น....สมปองสองใจ
เจ็บปวดจังวะ
“ ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ ” นิ้วเรียวจิ้มกลางระหว่างคิ้วผม “ คิ้วขมวดอีกแล้วนะ ”
“ คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ แล้วนี่ส้มซื้อของเสร็จแล้วจะไปไหนต่อ เดินตลาดหรอ ”
“ ว่าจะไปกินไอติมท้ายตลาดน่ะ ปองไปกินด้วยกันสิเดี๋ยวส้มเป็นเจ้ามือเอง ถือว่าต้อนรับที่ปองปิ๊กบ้าน ”
“ จะดีหรอ ”
“ ดีสิ ไม่ต้องคิดเยอะ ไปเร็วววววว ” ส้มคล้องแขนผมก่อนจะลากให้ตามไป “ เนี่ยะปองอ้วนขึ้นจริงๆ ด้วย ส้มลากไม่ไหวแล้ว ”
“ ที่ลากไม่ไหวเพราะส้มกลายเป็นขี้ก้างแบบนี้ต่างหาก ”
มือบางตีแขนผม “ ไม่ได้เป็นขี้ก้างสักหน่อย ”
“ ขี้ก้างชัดๆ ” ผมอมยิ้มก่อนจะเป็นฝ่ายเดินนำส้มแทน “ เดี๋ยวปองลากส้มเอง ”
“ ช้าหน่อยปอง ส้มเดินตามไม่ทัน ”
“ ไม่ ” ผมยิ้มหวานให้ก่อนจะรีบลากส้มให้เดินตามมาด้วยความเร็วแสง
นี่ก็เว่อร์ไปโน่น
ระหว่างที่ผมลากส้มเดินไปร้านไอติม เราก็แวะร้านโน้นซื้อของร้านนี้ไปเรื่อย มีร้านหลายร้านเลยนะครับที่จำเราสองคนได้ มีป้าร้านบ้าบิ่นถามด้วยครับว่าผมกับส้มแต่งงานกันรึยัง ผมก็เลยได้แต่ยิ้มแห้งๆ ส่วนส้มนี่ก็ได้แต่ยิ้มหวานแล้วก็บอกว่ารอเรียนจบแล้วค่อยแต่งงาน แน่ะ มีการเล่นตามน้ำไปกับป้าเขาอีก พูดแบบนี้นี่จิตใจอ่อนไหวได้เลยนะครับ ถ้าไม่ติดว่าผมมีผัวเป็นตัวเป็นตนแล้วผมคงจะตามตื้อให้ส้มกลับมาเป็นแฟนผมแน่นอนอ่ะ
ส้มน่ารักมากนะครับ
แต่ไอ้ความคิดนั้นก็คงเป็นได้แค่ความคิด จะทำอะไรผมจะต้องนึกถึงใจพี่สยามมันให้มากๆ ถึงแม้ว่าคนอื่นจะไม่รู้ก็เถอะว่าผมสองคนได้กันแล้ว แต่ผมก็รู้ตัวเองไง รู้ความรู้สึกของตัวเองดีด้วย รู้ถึงความหวั่นไหว รู้ถึงความรัก พี่สยามเองก็มั่นคงต่อผมมากเลยนะครับ ยอมรับเลยว่าเวลาที่ผมไปเรียนน่ะ เวลาเจอผู้หญิงที่ตรงสเปคเนี่ยะแน่นอนว่าจะต้องมองตามจนเหลียวหลัง แต่ผมคิดว่าพี่สยามมันคงไม่เป็นแบบผมแน่นอนอ่ะ
ผมโคตรเชื่อใจมันในเรื่องแบบนี้เลย
หลังจากที่มัวแต่คิดเรื่องแฟนเก่ากับผัวใหม่ป่ะปนกันอยู่ในหัว ผมกับส้มก็เดินมาจนถึงร้านไอติมท้ายตลาดแล้วครับ เจ้าของร้านจำผมได้ด้วยถึงแม้ว่าจะไม่ได้เจอผมนาน รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเซเลบเลยว่ะ เดินไปทางไหนก็มีแต่คนจำได้ ร้านไอติมเนี่ยะมีความจำทรงจำดีดีระหว่างเราหลายอย่างเลยนะครับ ผมเจอกับส้มครั้งแรกก็ที่นี่ ขอเป็นแฟนกันก็ที่นี่ เลิกกันยังเลิกที่นี่เลย
ทำไมมันหน่วงแปลกๆ วะ
“ ปองจะกินอะไรหืม ” ส้มถามพร้อมกับหยิบกระดาษมารอจด “ รสนมสามลูกและก็เพิ่มวีปกับเชอร์รี่ไหม ”
“ เอาอันนั้นแหละแล้วก็เพิ่มโอริโอ้ให้ด้วย ”
“ ได้เลย ” มือบางลงมือจดสิ่งที่ผมสั่งก่อนจะเดินเอาไปส่งให้พนักงานแล้วกลับมานั่งที่เดิม “ พนักงานหล่อมากเลยอ่ะ ”
ผมเท้าคางมองพลางอมยิ้ม “ จีบสิ ”
“ ไม่จีบหรอก ก็แค่ชมว่าเค้าหล่อเฉยๆ ”
“ งั้นหรอ....”
“ ช่ายยยย เรียนอยู่กรุงเทพฯ เป็นไงบ้าง ”
“ ก็เหนื่อยดี แต่ว่ามันก็เป็นคณะที่ปองชอบอ่ะนะ ใจมันก็เลยทุ่มให้เต็มที่ ”
เธอพยักหน้ารับเบาๆ “ เป็นแบบนั้นก็ดีแล้ว ”
“ ว่าแต่ส้มเถอะ เรียนเป็นยังไง เอ๊ะ แบบนี้ปองต้องเรียกว่าหมอส้มรึเปล่าหืม ”
“ ยัง ส้มไม่ยังไม่ได้เป็นหมอสักหน่อย เป็นนักศึกษาคณะแพทย์ต่างหาก ไว้ถ้าเป็นหมอเมื่อไหร่ปองค่อยเรียกแบบนั้นละกัน แล้วถ้าปองป่วยมาเดี๋ยวส้มจะรักษาให้เอง ดีไหม ”
“ จะหายป้ะเนี่ยะ ”
ส้มยกมือขึ้นมาเท้าคางมองผมก่อนจะทำแก้มป่อง “ ไม่หายก็ตายอ่ะ มันก็มีสองทางเลือก ”
เดี๋ยวนะ
ว่าที่คุณหมอนี่พูดแบบนี้ได้หรอวะ
ผมหรี่ตามองส้มอย่างชั่งใจ มันมีช่วงนึงที่เราสองคนนั่งคุยกันเรื่องเรียนต่อมหาลัยด้วยนะครับ ตอนแรกส้มไม่ได้คิดจะเรียนหมอหรอก เธอตั้งใจว่าจะเรียนเกษตร ที่บ้านของส้มทำไร่ส้มครับ ผมก็คิดว่าส้มคงจะเรียนเพื่อเอาความรู้มาช่วยงานในไร่นั่นแหละ ส่วนผมน่ะคิดว่าจะเรียนโยธามาตั้งแต่ตอนอยู่มัธยมต้นละ พอถึงเวลาสอบเข้าก็พุ่งไปที่วิศวะอย่างไม่มีลังเลเลย รู้สึกว่าที่ส้มเรียนหมอเนี่ยะน่าจะเป็นเพราะพ่ออยากให้เรียน
ไม่ก็บังคับ
พ่อส้มดุมากเลยครับ ดุแบบหื้มม.ม....คือพ่อผมกับพ่อส้มไม่ถูกกันมาตั้งแต่สมัยวัยรุ่นแล้วล่ะครับ มันก็เลยส่งผลมารุ่นลูกด้วย ตอนที่คบกันน่ะทางบ้านของผมไม่มีปัญหาเลยนะเรื่องที่ผมเป็นแฟนกับส้ม ดูจะต้อนรับด้วยซ้ำ แต่ทางบ้านส้มนี่ไม่เลยครับ พ่อส้มไม่โอเคเลยที่เราคบกัน ก็ถึงขั้นส่งคนมากระทืบผมเพื่อให้เลิกกับส้มอ่ะ สภาพตอนนั้นมันแย่มากจริงๆ นั่นแหละ มันเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวเลยที่ผมถูกกระทืบแบบนั้นอ่ะ
ซี่โครงร้าวอ่ะคิดดู
ตอนนั้นพ่อผมจะเอาเรื่องด้วยนะแต่ว่าผมขอไว้ ส้มเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับผมมาก และเธอก็มีปัญหากับพ่อด้วย ย้อนกลับไปคิดเรื่องนี้ทีไรผมก็รู้สึกถึงความไม่แฟร์ตลอดเลยว่ะ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้วอ่ะนะ มันผ่านไปแล้วด้วย มันดีตรงที่ตอนนี้เรามาเจอหน้ากันแล้วสามารถคุยกันได้แบบปกติ เหมือนที่เพื่อนเขาทำกัน
เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ
หลังจากที่นั่งรอสักพักไอติมของเราก็มาเสิร์ฟแล้วครับ โคตรน่ากินเลยไอติมรสนมทั้งสามลูก มันอร่อยมากเลยนะครับ จริงๆ ผมน่ะอยากกินสักสิบลูกเลยแหละแต่ว่าส้มต้องห้ามแน่ๆ เธอบอกว่ากินไอติมเยอะเกินไปมันไม่ดีครับ อาจจะทำให้ปวดท้องได้ ผมก็ต้องอดใจกินแค่สามลูกพอ แต่ถ้าผมกินหมดก่อนผมก็จะค่อยไปแย่งไอติมส้มกิน แล้วผมก็จะโดนส้มตีทุกครั้งไป
“ อ่ะนี่ ” ผมหยิบเชอร์รี่ในถ้วยตัวเองไปวางในถ้วยส้มลูกนึง
“ อ่ะ ” ส้มเองก็หยิบเชอร์รี่มาวางในถ้วยผมเหมือนกัน “ นี่ส้มคิดว่าเราจะไม่แลกกันแล้วนะ ”
“ ต้องแลกสิ ก็ทำแบบนั้นตลอดเลยนี่ ”
“ พอมานั่งคิดถึงวันเก่าๆ ก็ตลกดีนะ มีหลายอย่างเลยที่เป็นข้อตกลงของเราน่ะ ”
“ มันก็จะเป็นอย่างนั้นเสมอแหละ ” ผมตักไอติมเข้าปาก “ ถึงตอนนี้เราจะเป็นเพื่อนกันเถอะ ”
“ นั่นสินะ ว่าแต่ปองมีแฟนรึยัง สาวเมืองกรุงคงจะสวยถูกใจไม่น้อยเลยสินะ ”
“ ก็สวยอยู่น่ะนะ แต่ว่าไม่มีใครถูกตาต้องใจปองเลยอ่ะ ” ผมบอกพลางยิ้มบางๆ ให้ จะว่าไปคนที่ถูกตาต้องใจมันก็มีอยู่นะ......หนุ่มลำปางไง
รายนั้นน่ะได้ไปทั้งตัวและหัวใจเลย
“ อมยิ้มแบบนี้ คิดถึงใครอยู่น่ะสิ ”
ผมส่ายหน้าน้อยๆ “ เปล่าสักหน่อย ว่าแต่ส้มเถอะ มีหนุ่มใหม่รึยัง ถ้ามีต้องเอามาให้ปองช่วยสแกนด้วยนะ ”
“ ก็....เป็นคู่หมั้นน่ะ ”
คู่หมั้น
ผมมองส้มตาโตทันทีที่ได้ยินว่าคู่หมั้น ไปหมั้นกับใครแล้วหมั้นตอนไหนวะ ผมเดาได้เลยว่าจะต้องเกี่ยวกับเรื่องของธุรกิจที่บ้านแน่ๆ เลย ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ส้มจะมีความสุขไหมวะ ผมว่าการที่เราต้องหมั้นหรือแต่งงานกับใครที่เราไม่ได้เลือกเอง มันน้อยมากเลยนะครับที่จะมีความสุขน่ะ ถ้าสมมุติว่าพ่อผมจับผมหมั้นแบบส้มนะผมคงจะอาละวาดไร่แตกอ่ะครับ นี่มันยุคไหนแล้ว การถุงคลุมชนนี่น่าจะเลิกใช้ไปได้แล้วไหม
เฮ้ออ....
ทำไมมันขัดใจแบบนี้วะ
“ คู่หมั้นส้มเป็นคนแบบไหนอ่ะ ”
“ ก็อายุเยอะกว่าส้มน่ะนะ แล้วก็เรียนหมอปีสุดท้ายแล้ว ”
ผมพยักหน้ารับเบาๆ “ เค้าดีกับส้มใช่ไหม ”
“ อื้อ....ก็เป็นสุภาพบุรุษในระดับนึงเลยแหละ คือส้มกับเค้าหมั้นกันก็เพราะเรื่องธุรกิจที่บ้าน ตอนแรกส้มก็ค้านหัวชนฝาเลยแหละ แต่พอเริ่มได้ทำความรู้จักกับพี่เค้า มันก็ไม่ได้แย่ ”
“ ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีแล้ว ปองกลัวว่าส้มจะไม่มีความสุข ”
“ ก็นะ....ส้มยังรู้จักกับเขาได้ไม่นานเท่าไหร่หรอก ของแบบนี้มันก็ต้องดูกันไปแหละนะ หมั้นกันไว้ก่อนแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะได้แต่งงานกันหนิ จริงไหม ”
“ ก็จริงแหละ แต่ว่าถ้าผู้ชายคนนี้คือคนที่พ่อส้มเลือกให้ มันก็ยากไม่ใช่หรอที่จะขัดท่านน่ะ ”
เธอพยักหน้ารับเบาๆ “ นั่นสินะ ส้มกับเค้าก็ต้องดูกันไปเรื่อยๆ ก่อน พี่เขาคล้ายๆ ปองเลยนะ เรื่องของความเสมอต้นเสมอปลายน่ะ ”
“ ก็ดีแล้วหนิ ” ผมเลื่อนมือไปจับมือส้มก่อนจะบีบเบาๆ “ ถ้ามีปัญหาอะไรบอกปองได้เสมอนะ ปองพร้อมที่จะช่วยเหลือส้มเสมอ ”
ส้มจับมือผมไว้แน่นก่อนจะยิ้มหวาน “ ขอบใจนะ ปองก็เหมือนกัน มีอะไรก็ปรึกษาส้มได้เสมอ เพื่อนเค้าก็มีไว้ทำแบบนี้แหละ ”
ตอนที่เป็นแฟนก็ว่าดีแล้ว.....ตอนเป็นเพื่อนนี่ก็ยิ่งดีเข้าไปอีก
ความส้มนี่มันดีจริงๆ
ผมคลายมือออกก่อนจะกินไอติมต่อ ส้มเองก็มีการแย่งไอติมผมไปกินด้วย ถ้าเพื่อนๆ ผมได้ครึ่งนึงของส้มก็ดีนะครับ แต่ว่ามันก็เป็นไปไม่ได้ไง ไอ้บ้าพวกนั้นมันเป็นผู้ชายด้วยแหละ แต่ส้มเป็นผู้หญิง ทัศนคติกับความคิดมันจะต่างกันก็ไม่แปลกหรอกนะ ที่พูดนี่ไม่ใช่ว่าเพื่อนๆ ผมมันไม่ดีนะครับ มันก็ดีแต่ว่าติดขี้แกล้งมากไปหน่อย โดยเฉพาะลันตาเนี่ยะ ถ้าวันไหนมันไม่ได้แกล้งผมมันจะคงจะเป็นบ้าอ่ะ
นึกถึงลันตานี่มีเรื่องอยากจะอวดครับ
คลิปที่ผมถ่ายเอาคืนลันตาน่ะ ยอดวิวพุ่งทะลุแสนเลยนะครับ ยอดแชร์เป็นพัน คือแบบมันเยอะกว่าผมอีกอ่ะ พอมันหายแฮงค์แล้วมันก็โทรมาด่าผมหูดับ ผมก็หัวเราะอย่างสะใจใส่ไป มันบอกว่าเดี๋ยวเราจะได้เห็นดีกัน คือผมตั้งใจไว้แล้วว่าถ้ามันแกล้งผมอีกผมก็จะเอาคืนอีก มันจะเป็นการล้างแค้นที่ไม่จบไม่สิ้น
จองเวรกันไปชาติหน้าเลยเอ้า
กริ๊งงง กริ๊งงง
“ ใครโทรมานะ ” มือบางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับ “ ฮัลโหล....ว่าไงคะพี่ออม....ตอนนี้อยู่ร้านไอติมท้ายตลาดค่ะ ”
“ ใครวะพี่ออม ” ผมพึมพำอย่างสงสัย
“ อยู่กับปองค่ะ คนที่ส้มเล่าให้ฟังนั่นแหละ หืม...จะมารับหรอคะ ก็ได้ค่ะ ค่ะเจอกัน ” ส้มกดวางสายก่อนจะวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ “ คู่หมั้นจะมารับน่ะ ”
“ อ๋อ ชื่อออมหรอ ”
“ ใช่....ชื่อออมสินน่ะ เค้าอยากเจอปองก็เลยจะมารับ ”
“ ทำไมถึงอยากเจออ่ะ ส้มเคยไปเล่าอะไรให้เขาฟังหรอ ”
“ ก็บอกว่าเคยคบกันช่วงนึง แต่พ่อไม่เห็นด้วย ”
“ แล้วนี่ถ้าพี่เค้ามาจะเป็นปัญหารึเปล่า เค้าอาจจะไม่ชอบก็ได้นะที่คู่หมั้นตัวเองมานั่งกินไอติมกับแฟนเก่าน่ะ ”
“ ไม่รู้สิ เดี๋ยวเค้ามาก็รู้เองแหละ ”
ผมพยักหน้ารับก่อนจะตักไอติมกินต่อ ขอให้ไม่มีปัญหาอะไรก็แล้วกัน ผมไม่อยากส้มลำบากใจ แต่ถ้าเป็นผมนะ ถ้าต้องมาเห็นคู่หมั้นตัวเองมานั่งกินไอติมกับแฟนเก่าก็คงไม่ชอบใจอยู่ อดีตควรเป็นอดีต ถึงจะลดมาเป็นเพื่อนกันก็เถอะ แต่แหม....ถ่านไฟเก่าอ่ะ มันก็ต้องคุบ้างป้ะวะ แต่ไอ้เรื่องไม่ชอบใจนี่ก็ต้องเก็บไว้ในใจนั่นแหละครับ ถ้าแสดงออกออกไปมากๆ มันก็จะเหมือนกับว่าเราไม่เชื่อใจในคนของเรา
เราไม่หนักแน่นพอ
ตื้อดึ่ง
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูหลังจากที่เสียงไลน์ดัง ภาพที่ปรากฏบนหน้าจอทำให้ผมหลุดยิ้มออกมาทันที มันเป็นภาพแพนเค้กที่เขียนชื่อผมอยู่ตรงกลางครับ แถมมีการวาดเป็นรูปหัวใจอยู่ข้างๆ ด้วย
สยาม : กูจะแดกมึงละนะ
สมปอง : กล้าแดกกูเลยหรอ
สยาม : กล้าสิ มึงอร่อยอร่อยโพ่ง
ผมถ่ายรูปไอติมที่กำลังกินอยู่ส่งไปให้มันดูบ้าง มันคงจะเอาแพนเค้กมาล่อผมให้อยากกินแน่ๆ แต่เสียใจด้วยเถอะพี่สยาม กูแดกไอติมอยู่พอดี แพนเค้กมึงทำอะไรกูไม่ได้หรอก
สยาม : ไปกินที่ไหนอ่ะ
สมปอง : ตลาดใกล้บ้านอ่ะ ไว้ถ้ามีโอกาสกูพามึงมากินนะ
สยาม : ไอติมอร่อยมากป้ะ
สมปอง : อร่อยดิ่
สยาม : กูอร่อยกว่าไอติมอีก ไม่เชื่อลองแดกได้นะ อิอิฉ่า
มึงนี่มัน...
ผมยกมือขึ้นลูบหน้าเพื่อไล่ความร้อนเบาๆ พี่สยามนี่แม่ง ทำให้กูเขินแค่กรุงเทพฯ ก็พอไหม เสร่อมากูเขินข้ามภาคอีกไอ้บ้านี่ แล้วผมก็เป็นบ้าเป็นบอไรไม่รู้อ่ะ พี่มันพูดแค่นี้ผมก็เขิน
อาการหนักแล้วปองเอ้ย
“ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียวนะ ”
“ เอ่อ...คือ ”
“ คนพิเศษหรอ ” ส้มหรี่ตามองผมพลางอมยิ้ม “ สีหน้าดูมีความสุขที่ได้คุยมากเลยนะ ”
“ หน้าปองมันแสดงออกขนาดนั้นเลยหรอ ”
“ ใช่สิ เค้าเป็นใครหรอ บอกส้มได้รึเปล่า ”
“ คือมันเป็นพี่รหัสปองอ่ะ ”
“ ผู้ชายหรอ ”
ผมพยักหน้ารับเบาๆ “ ใช่ ปองรู้สึกสบายใจที่ได้อยู่กับมันอ่ะ แต่ก็ยังลังเลตัวเองอยู่พอสมควรเลย ส้มไม่ได้รู้สึกแปลกๆ กับปองใช่ไหม ที่ปองเป็นแบบนี้ ”
“ ไม่หนิ ความรักก็คือความรักไม่ใช่หรอ....ส้มว่าถ้าปองอยู่กับเค้าแล้วปองสบายใจก็อยู่ไปเถอะ อะไรที่ทำแล้วมีความสุขเราก็ควรทำไม่ใช่หรอ ” ส้มบอกก่อนจะแย่งโอริโอ้ในถ้วยผมไปชิ้นนึง “ ว่าแต่เค้าเป็นคนแบบไหนอ่ะ ”
“ ก็เป็นคนที่ขี้โวยวายน่ะ คือเจอกันครั้งแรกเนี่ยะ เราก็ทะเลาะกันเป็นเรื่องเป็นราวเลยนะ เพราะว่ามันมาว่าปองว่าชื่อโบราณอ่ะ ”
“ งี้นี่เอง กัดกันไปกันมาก็รักกันอย่างงี้น่ะนะ ”
“ ยังไม่ถึงขั้นนั้นสักหน่อย ” ผมทำแก้มป่องใส่ “ ไว้ถึงแล้วปองจะบอกแล้วกัน ”
“ เดี๋ยวส้มจะรอแสดงความยินดีนะ ถ้าปองแต่งงานเดี๋ยวส้มจะเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้เอง จะเป็นคนถือชายกระโปรงที่ปองใส่ให้ด้วย ”
เดี๋ยวนะ
ทำไมมันแปลกๆ วะ
ผมนั่งประมวลผลในสิ่งที่ส้มพูดอย่างมึนงง ถ้าผมแต่งงานก็คงหมายถึงผมแต่งงานกับพี่สยาม เป็นเพื่อนเจ้าสาว เอ๊ะ มันจะมีเจ้าสาวได้ไงวะ เจ้าสาวคือผู้หญิงสิถูกไหม แล้วถือชายกระโปรงที่ผมใส่มันคืออะไรวะ ผมจะใส่กระโปรงทำไม งานแต่งงานของผมกับพี่สยามก็ต้องมีเจ้าบ่าวสองคนสิ แต่เห้ย เจ้าบ่าวมันแต่งงานกันได้ด้วยหรอวะ เจ้าบ่าวมันต้องคู่กับเจ้าสาว อ่ะกูเริ่มงงละ ในหัวนี่เชี่ยไรวะเนี่ย
มึนงงสับสนมากๆ
“ ทำไมทำหน้าแบบนั้น ” ส้มมองผมก่อนจะเหลือบมองไปด้านหลัง “ พี่ออม ”
ผมหันไปมองตามส้มก็พบกับร่างสูงอยู่อยู่ในชุดนักศึกษาถูกระเบียบเป๊ะเลยครับ เรือนผมสีดำเซ็ตอย่างเป็นระเบียบ ยอมรับเลยว่าพี่ออมของส้มเนี่ยะ ดูดีมากเลยนะครับทั้งรูปร่างและหน้าตา ออร่าคุณหมอก็จับมากด้วย
“ รอนานไหมคะ ” พี่เขาเดินมานั่งลงข้างส้มก่อนจะหันมายิ้มให้ผม “ เราชื่อสมปองสินะ ”
ผมพยักหน้ารับเบาๆ “ ใช่ครับ พี่คงเป็นคู่หมั้นของส้มใช่ไหม ”
“ ใช่....พี่ชื่อออมน่ะ ฟังเรื่องที่ส้มเล่าถึงเราพี่ก็อยากเจอเรามาตอดเลย ”
“ ส้มคงไม่เล่าอะไรแปลกๆ ไปใช่ไหมครับ ”
คนถูกพาดพิงถึงตีมือผมเบาๆ ทันที “ ส้มจะไปเล่าอะไรแปลกๆ ทำไมเล่า....แล้วพี่ออมกินอะไรไหมคะ เดี๋ยวส้มสั่งให้ ”
“ งั้นเอาเหมือนเดิมที่พี่ชอบทานก็ได้ค่ะ ”
“ งั้นรอแปปนึงนะคะ ” ส้มบอกก่อนจะลุกเดินไปสั่ง
“ พี่ออม....ทำไมถึงอยากเจอผมล่ะครับ ”
“ พี่ก็แค่อยากเห็นคนที่ส้มเคยรักน่ะ พี่อยากจะทำให้ได้สักครึ่งของผู้ชายคนนั้น ส้มจะได้รักพี่ไง ”
ผมหลุดยิ้มออกมาทันทีกับเหตุผลของพี่เขา “ ผมว่าพี่โอเคกว่าผมเยอะเลยแหละ ”
“ ไม่หรอก แต่พี่ก็เชื่อนะว่าจะทำให้ส้มรักพี่ได้ในสักวันน่ะมันก็คงต้องใช้เวลา ” พี่ออมเอ่ยพลางยิ้มหวาน “ พี่รู้ว่าเรื่องของเราสองคนมันน่าเศร้า ถึงการหมั้นของพี่กับส้มมันจะมีเรื่องของธุรกิจเข้ามาเกี่ยวแต่พี่ก็อยากจะบอกให้เรารู้ไว้ว่าพี่รักส้มจริงๆ และก็จริงจังมากด้วย ”
“ ถ้าพี่พูดแบบนั้นผมก็ค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย ผมกลัวมากว่าส้มจะไม่มีความสุขที่ต้องโดนบังคับให้หมั้น เห้ยแต่พี่ไม่ต้องคิดเยอะนะว่าผมยังรักส้มในเชิงนั้นอยู่น่ะ ผมรักส้มในฐานะของเพื่อนกันเท่านั้นแหละ ”
“ พี่ก็ขอให้เราเป็นเพื่อนที่ดีของส้มต่อไปนะ อีกอย่างคือพี่ต้องขอบคุณเรามากที่ดูแลส้มในช่วงเวลานึงที่พี่ยังไม่เข้ามา.....หลังจากนี้พี่จะดูแลส้มให้ดี ให้มากเท่ากับที่เราดูแล ”
เชี่ยยยย
หน้าหล่อไม่พอใจยังโคตรหล่อ
ผมฉีกยิ้มแป้นให้พี่ออมอยู่อย่างนั้น รู้สึกว่าส้มโชคดีมากเลยนะครับที่ได้มาเจอคนแบบนี้น่ะ เขาน่าจะดูแลส้มได้ดีตามที่พูดนั่นแหละ แบบนี้ค่อยวางใจได้หน่อย ผมชอบคำพูดของพี่ออมมากเลยครับ มันเท่ มันดี มันละมุนใจมากเลยอ่ะ ถ้าผมเป็นส้มแล้วมาได้ยินในสิ่งที่เขาพูดเมื่อกี้นะผมคงจะหลงรักในคำพูดเหล่านั้นแน่ๆ ลองคิดว่าถ้าพี่สยามมันพูดอะไรแบบนี้ล่ะ
นึกภาพไม่ออกเลยว่ะ
กลับบ้านครั้งนี้ก็ดีเหมือนกันผมว่า มันทำให้ผมรู้ว่าคนที่ผมคอยเป็นห่วงในช่วงหลายเดือนมาเขาก็มีความสุขกับคนที่ดี ทำให้ผมได้กินกับข้าวอร่อยๆ ฝีมือแม่ด้วย ได้ทำโน่นได้ทำนี่ตั้งหลายอย่างแน่ะ ได้ตั้งชื่อลูกม้าว่าสมหยัมด้วยนะ ที่สำคัญคือการกลับบ้านครั้งนี้มันทำให้ผมรู้เลยว่า....
ผมคิดถึงพี่สยามมากแค่ไหน
คิดแล้วก็ตลกดีว่ะ ผมถ่ายรูปเป็นร้อยรูปเลยนะเพื่อที่อยากจะเอาไปให้มันดูน่ะ มีหลายครั้งที่ผมรู้สึกว่ามันจะดีกว่านี้ถ้ามีพี่มันอยู่ข้างๆ ผมด้วย ตอนนอนก็รู้สึกเลยครับว่าเตียงโคตรกว้าง เตียงที่ห้องผมกับที่หอขนาดมันไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่น่ะครับ พอนอนคนเดียวนี่รู้สึกถึงความเปล่าเปลี่ยวเอกาเลยอ่ะ อีกอย่างคือต่อให้ผมห่มผ้าหนาแค่ไหนมันก็อุ่นไม่เหมือนกับเวลาที่โดนพี่สยามกอดอ่ะ
อา....ว่าแล้วก็คิดถึงจัง
พี่สยามมีอิทธิพลต่อชีวิตผมมากจริงๆ นั่นแหละ
ไปไหนไม่รอดแล้วว่ะ
TBC.
ชาลมาส่งหยัมปองแล้วค่ะ เพิ่งเสร็จสดๆเลยยังไม่ได้แก้อะไรทั้งนั้น เดี๋ยวจะไล่แก้ให้นะคะ
ถ้าชอบก็คอมเม้นต์เพื่อเป็นกำลังใจให้กันได้นะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะ