S'Diary : ไดอารี่ของสมปอง [ บทพิเศษ : 4/4/2019 ] หน้า 10
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: S'Diary : ไดอารี่ของสมปอง [ บทพิเศษ : 4/4/2019 ] หน้า 10  (อ่าน 30731 ครั้ง)

ออฟไลน์ panpang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 497
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1: :pig4:]]

สนุก เพิ่งได้เข้ามาอ่าน

รอตอนต่อไป

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 21 สมปองกลับบ้าน



เชียงใหม่ที่รัก

ปิ๊กบ้านกำนี้ฮาจะกิ๋นองุ่นหื้อหมดไร่เลย

ป้อกิ๋นหม้ดก็โดนป๋อเอาปื๋นไล่ยิง......ละผมก็ตายคาไร่องุ่นนั่นแหละ

ทำไมคิดแล้วมันปวดใจจังวะ

ผมลากกระเป๋าออกมาหยุดอยู่ตรงทางออกของสนามบิน พ่อบอกว่าใกล้จะถึงแล้วครับให้ผมรอแปปนึง อากาศที่เชียงใหม่นี่เย็นได้ใจผมจริงๆเลย ตอนที่อยู่กรุงเทพฯนี่มันหนาวอยู่แค่วันเดียวเองครับ อยากจะบอกว่ากว่าจะลากตัวเองขึ้นเครื่องมาได้นี่เสียเวลากับพี่สยามไปเยอะชิบหาย

ผมเกือบตกเครื่องอ่ะ

คือผมบินไฟท์ประมาณบ่ายสอง พี่สยามมันดราม่าตั้งแต่อยู่หอยันถึงสนามบินอ่ะ แล้วก็กอดผมกลางสนามบินเลยครับ กอดค้างอยู่อย่างนั้น แล้วก็พูดในสิ่งที่ตัวเองพูดไปแล้ว ดูแลตัวเองดีดี คิดถึงกูบ้างล่ะ กินข้าวด้วยนะ ถึงแล้วโทรหาด้วย อะไรเถือกๆนี้อ่ะครับ คือผมจำได้ตั้งแต่ที่มันบอกครั้งแรกที่หอละ เข้าใจว่าพี่สยามมันคงจะแซดมากนะครับที่ไม่ได้ใช้วันหยุดร่วมกับผม เพราะงั้นผมจะยืนไว้อาลัยให้มันสามวิละกัน

สาม

สอง

หนึ่ง

โอเคพอ....ผมว่าจะโทรหาพี่มันตอนที่ถึงบ้านแล้วน่ะครับ ก็คงจะสักสี่โมงกว่าๆ ไม่รู้ว่าป่านนี้พี่สยามมันจะทำอะไรอยู่ เออมันอาจจะไปช่วยพี่ถิ่นไทขายไอติมก็ได้ มันบอกว่าตอนแรกมันลางานพี่ถิ่นไทไว้ครับเพราะตั้งใจว่าจะไปเที่ยวกับผม แต่ว่าผมดันกลับบ้าน ผมว่าดีเหมือนกันนะถ้าพี่สยามไปทำงาน มันจะได้ไม่ต้องง้องแง้งมาก

“ สมปอง ”

เสียงเรียกอันคุ้นเคยทำให้ผมหันมายิ้มหวานทันที “ พ่อออออออออออออ ” ผมโผเข้ากอดพ่อทันที

“ โอ่ยๆ ใจเย็นนะไอ้หนุ่ม นี่อ้วนขึ้นรึไงหืม ”

“ โถ่พ่อ เค้าเรียกว่าโตขึ้นต่างหาก ” ผมคลายกอดก่อนจะยกมือไหว้ “ สวัสดีครับ ลูกปิ๊กบ้านละเน้อ ”

“ แม่ลูกน่ะคิดถึงใจจะขาดละ พ่อว่าเรารีบกลับบ้านกันเถอะ ”

“ ได้เลยครับ รถเราล่ะพ่อ ”

“ พ่อจอดไว้ตรงนั้นไง ตามมา ” พ่อบอกก่อนจะเดินนำ ผมก็ลากกระเป๋าเดินตามมา

“ แม่ล่ะครับ ”

“ ทำกับข้าวรอลูกอยู่ที่บ้านน่ะ ”

ผมพยักหน้ารับเบาๆก่อนจะยกกระเป๋าขึ้นไว้ที่เบาะด้านหลัง “ แม่ทำของโปรดของลูกไหมครับ ”

“ ไม่รู้สิ ถึงบ้านเดี๋ยวก็เห็นเอง ” พ่อบอกก่อนจะขึ้นรถ ผมเองก็ขึ้นตามมา

ไม่ได้กลับบ้านตั้งหลายเดือนเลยนะครับผมน่ะ ไม่รู้ว่าที่บ้านจะมีอะไรเปลี่ยนไปไหม ตอนที่ผมจะมาเรียนที่กรุงเทพฯ แม่บอกว่าจะยกห้องผมให้เป็นห้องของมาลีกับมานี มันเป็นแมวน่ะครับ มันเป็นแมวที่ดื้อมากและก็เลี้ยงไม่เชื่องด้วย พวกมันอิจฉาผมมาก มันก็เลยจ้องจะฆ่าผม แต่ด้วยความที่สมปองเป็นคนเก่งไงก็เลยเอาชีวิตรอดมาได้ทุกครั้ง

จะเล่นพี่มันไม่ง่ายหรอกไอ้หนู

เดี๋ยวถ้าถึงบ้านแล้วผมเจอมันอยู่ในห้องผม ผมจะทำการยึดห้องคืนแล้วไล่มันไปนอนในไร่องุ่นซะ บ้านของผมอยู่ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่พอสมควรเลยนะครับ มันเป็นแถบชานเมือง แถมยังต้องขึ้นเขาด้วย แต่ว่าถนนหนทางมันก็ไม่ได้ลำบากอะไรขนาดนั้น ด้วยความที่บ้านอยู่บนเขาเนี่ยะ อากาศก็จะเย็นมาก ยิ่งช่วงปีใหม่นะจะหนาวจัดเลย เวลาพูดทีนี่มีไอออกจากปากอ่ะ

คิดถึงฟีลนั้นจริงๆ

ไม่รู้ว่าตอนเช้าหมอกจะลงไหมนะ ถ้าหมอกลงผมก็จะถ่ายไปอวดพี่สยาม เดี๋ยวผมจะถ่ายไร่องุ่นไปอวดมันด้วย ผลไม้อะไรในไร่ผมจะถ่ายอวดให้หมดเลย พี่สยามมันจะต้องอิจฉาผม เออผมถามพี่มันด้วยว่าหยุดยาวทำไมมันไม่กลับบ้านที่ลำปาง มันบอกว่าที่บ้านมันตอนนี้ไม่มีใครอยู่เพราะเขาไปเที่ยวญี่ปุ่นกันหมด มันก็บอกผมนะครับว่าถ้ามีโอกาสก็อยากจะพาผมไปที่บ้าน พาไปไหว้พ่อกับแม่มันและก็ฝากตัวเป็นลูกสะใภ้

ปวดใจกับคำว่าสะใภ้จริงๆ

“ ได้เอาไดอารี่มารึเปล่า ”

“ เปล่าครับ....ก็มันยังไม่ครบปีเลยลูกจะเอามาทำไม ”

“ ก็เผื่อลูกจะเปลี่ยนใจไวขึ้น ” พ่อเหลือบผมพร้อมกับยกยิ้ม “ เรียนบริหารมันก็ไม่แย่นะ ”

ผมทำหน้ามุ่ยใส่ “ เรียนวิศวะก็สนุกดีนะครับ อีกอย่างถ้าจะให้ลูกเรียนบริหาร ให้ลูกไปเรียนเกษตรไม่ดีกว่าหรอ ”

“ เอาสิ เกษตรพ่อก็สนับสนุนนะ จะได้มาช่วยพ่อพัฒนาสายพันธุ์องุ่น ”

“ ถ้าลูกเป็นผู้พัฒนาสายพันธุ์องุ่นนะ รับรองเลยว่าไร่เราจะพินาศไปในทันที ”

“ ไม่ไว้ใจฝีมือตัวเองเลยรึไงเรา ”

ผมส่ายหน้ารัวๆทันที “ พ่อก็รู้ว่าลูกชอบทำลายมากกว่าสร้าง ”

“ นั่นสินะ ” พ่อยิ้มบางๆรับกับสิ่งที่ผมพูด

หลายอย่างเลยครับที่พังลงไปเพราะมือผม บ้านก็เคยเกือบไหม้เพราะผมเหมือนกัน ตอนนั้นผมอยู่ประมาณม.4 ครับ คือที่บ้านเนี่ยะมีมดเยอะมากก็เลยกะว่าจะจุดไฟไล่เผามด แต่มันดันไปติดผ้าม่านอ่ะ ผ้าม่านนั้นเป็นผ้าม่านที่แม่ซื้อมาจากต่างจังหวัดแล้วมันก็ไม่มีขายแล้ว แม่งอนผมไปหลายวันเลยครับ ส่วนพ่อก็ดุใหญ่เลยว่าทำไมไม่ใช้ยาฉีดมดมาฉีด จะเผามันทำไม นอกจะจะบ่นกันพักใหญ่ยังลงโทษด้วยการให้ผมนอนหน้าบ้านด้วย

โหดไหมล่ะ

นี่คือแค่เรื่องเบาๆนะครับ ผมมีเรื่องหนักกว่านั้น ช่วงที่ผมอยู่ม.6 เนี่ย พ่อของผมจะส่งไวน์เข้าประกวด มันเป็นไวน์ที่บ่มเป็น 10 ปีเลยครับ มันเป็นไวน์ที่เยี่ยมที่สุดที่พ่อทำ ด้วยความที่ผมเห็นว่าขวดมันเปื้อนอะไรไม่รู้ผมก็ไปเอาผ้ามาเช็ดให้ แต่ว่าขวดมันดันหลุดมือร่วงลงพื้นจนแตกน่ะครับ สิ่งที่สั่งสมมา 10 ปี กระจายเต็มพื้นไปหมด พอพ่อมาเห็นพ่อก็โกรธมากเลยครับ ผมก็ได้แต่ยิ้มแห้งๆให้

และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่โดนพ่อเอาไม้ไล่ตี

วิ่งหนีแทบไม่ทัน

คือไอ้ไวน์ 10 ปีของพ่อน่ะ มันก็ยังเหลืออยู่ในถังไม้ไงครับ แต่ว่าไอ้ที่อยู่ในขวดมันพร้อมสำหรับการประกวดแล้ว ผมก็เลยบอกพ่อว่ารอเอามาประกวดปีนี้แทน แถมยังบอกไปด้วยว่าไวน์ยิ่งบ่มนานมันถึงจะยิ่งเป็นของดี ไวน์ 10 ปี หรือจะสู้ไวน์ 11 ปี จริงไหม พอผมบอกแบบนั้นพ่อก็ค่อยอารมณ์เย็นขึ้น

นี่แหละวาทะศิลป์ของแท้

หลังจากที่นั่งรถมาได้สักพักใหญ่ก็ถึงทางเข้าไร่อนันต์แล้วครับ อนันต์เนี่ยะคือชื่อของพ่อผมเอง คนงานในไร่จะเรียกกันว่าพ่อใหญ่ครับ ส่วนคุณแม่สุดที่รักเนี่ยะ ท่านชื่อว่านภาครับ คนก็จะเรียกว่าแม่ใหญ่ ที่บ้านผมก็มีจะมีป้าแม่บ้านแล้วก็เด็กรับใช้อยู่หลายคน ผมไม่รู้ว่าลูกพี่ลูกน้องของผมจะอยู่ที่บ้านรึเปล่า เอาจริงๆที่บ้านผมค่อนข้างจะคึกครื้นนะครับ คนก็เยอะพอสมควรเลย

ช่วงเทศกาลเนี่ยะจะเยอะจนน่ารำคาญเลยล่ะครับ

“ ถึงแล้ว ” พ่อจอดรถที่หน้าบ้านก่อนจะลงจากรถไป ผมก็เดินตามลงมาพร้อมกับสูดอากาศเข้าไปจนเต็มปอด

อา....สดชื่นมากๆ

นี่สิบ้าน

“ อ่าวคุณหนู ”

“ สวัสดีครับป้าชื่น ” ผมยกมือไหว้ก่อนจะเดินเข้าไปกอด “ คิดถึงจังเลยครับ ”

“ ป้าก็คิดถึงคุณหนูค่ะ คุณหนูของป้าอ้วนขึ้นใช่ไหมคะเนี่ย ”

ผมคลายกอดออกก่อนจะทำหน้ามุ่ยใส่ “ ไม่ได้อ้วนนะครับ เมื่อก่อนปองผอมไปต่างหาก ”

“ แบบนี้นี่เอง มีอะไรให้ป้ายกไหมคะ ”

“ ไม่ต้องหรอกครับเดี๋ยวปองยกเอง ” ผมหยิบกระเป๋าลงมาจากรถ “ ห้องปองยังเป็นของปองใช่ไหมครับ ”

“ ใช่ค่ะ ที่แม่ใหญ่ท่านบอกว่าจะยกให้เจ้ามาลีกับมานีนั่นท่านก็แค่หยอกคุณหนูเล่นเท่านั้นแหละ ”

“ ค่อยโล่งใจไปที ” ผมยิ้มหวานก่อนจะหันไปมองพ่อที่กำลังจะเดินไร่ “ พ่อไปไหนครับ ”

“ พ่อไปโรงบ่มไวน์ก่อน ฝากบอกแม่เค้าด้วยละกัน ”

ผมพยักหน้ารับก่อนจะหันมองป้าชื่น “ แม่อยู่ในครัวใช่ไหมครับ ” ผมถามก่อนจะเดินนำเข้าบ้าน

“ ใช่ค่ะ แม่ใหญ่น่ะเข้าครัวทำกับข้าวรอคุณหนูมาเลยนะคะ เอาของขึ้นไปเก็บก่อนก็ได้ค่ะแล้วค่อยไปหาท่านที่ครัว  ”

“ โอเคครับ ” ผมรับคำก่อนจะแบกกระเป๋าขึ้นไปชั้นสองของบ้าน

ห้องของผมเป็นห้องที่มองเห็นวิวของไร่องุ่นไกลสุดลูกหูลูกตาเลย ผมเปิดประตูเข้ามาในห้อง ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยครับ ชอบจริงๆเลยไอ้ห้องโทนน้ำตาลสบายแบบนี้น่ะ ผนังที่หอผมมันเป็นสีขาวอ่ะ ผมว่ามันสว่างไปหน่อย จะเปลี่ยนสีผนังก็ทำไม่ได้เจ้าของหอคงไล่ผมออกให้ไปอยู่ที่อื่นอ่ะ ผมลากกระเป๋ามาไว้ที่หน้าตู้เสื้อผ้า ก่อนจะเดินไปเปิดผ้าม่านที่ริมระเบียงออก บรรยากาศเดิมๆนี่ดีจริงๆ

อยู่ที่ไหนก็ไม่สุขใจเท่าที่บ้านละครับ

หลังจากที่ดื่มด่ำกับห้องตัวเองเสร็จ ผมก็เดินลงด้านล่างก่อนจะมุ่งหน้าเข้าไปในครัว กลิ่นหอมของกับข้าวนี่ชวนน้ำลายสอมากครับ แม่ของผมกำลังง่วนกับการคนแกงอะไรสักอย่างในหม้อ ผมก็ค่อยๆย่องเข้ามากอดท่านจากด้านหลัง

“ สวัสดีครับแม่....ลูกคิดถึงจังเลยครับ ”

“ คุณพระ ” ขุ่นแม่สะดุ้งก่อนจะหยิกแขนผม “ เข้ามาไม่ให้สุ้มให้เสียงนะเจ้าลูกคนนี้ ”

“ ก็คนมันคิดถึงนี่ครับ ” ผมบอกก่อนจะหอมแก้มนวล

“ อื้ออ.อ.อ....แม่จะทำกับข้าว ลูกไปนั่งรอที่โต๊ะไปแกงจะเสร็จแล้ว ”

“ ก็ได้ครับ ” ผมคลายกอดก่อนจะเดินมารอที่โต๊ะกินข้าว

“ ไอ้ปอง ”

ผมหันตามเสียงเรียกทันที “ อ้าว ไอ้....มึงชื่ออะไรนะ ”

“ ณนนท์ไงไอ้สัส มึงลืมชื่อพี่ตัวเองได้ไงห้ะ ”

“ ใครเค้านับญาติมึง ” ผมทำเป็นเบ้ปากใส่มัน “ ไปตายซะไป ”

“ ไอ้เด็กเวรนี่ ” มันเดินมานั่งลงตรงข้ามผมพร้อมกับทำหน้าเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ “ ปากหมาไม่เปลี่ยนเลยนะ ”

แน่นอนสิ

ปากหมาจนหมาตัวจริงยังอายอ่ะบอกเลย

ผมทำหน้ากวนประสาทใส่มัน ไอ้หล่อน้อยกว่าผมนี่มันชื่อว่า ณนนท์ ครับ มันเป็นลูกของลุงผม เจ้าตัวแก่กว่าผม 3 ปี เรียนจบด้านเกษตรมา ตอนนี้ก็ทำงานช่วยพ่ออยู่ที่ไร่นี่แหละ สภาพแม่งตอนนี้อย่างกับโจรป่าก็ไม่ปาน ผมเผ้าก็ไม่ตัด หนวดก็ปล่อยให้ยาวเฟิ้ม เดี๋ยวถ้ามันเผลอผมจะดึงหนวดมันให้หลุดเลย ผมไม่รู้ว่านอกจากณนนท์แล้วจะมีคนอื่นอยู่ด้วยรึเปล่า

“ ไอ้สมปองงงงงงงงง ”

มีสินะ

ผมหันมองไปตามเสียงก็พบร่างสูงของลูกพี่ลูกน้องอีกคนเดินเข้ามา “ เสียงดังทำไมวะพะนาย ”

“ ก็น้องรักกลับบ้านทั้งทีนี่นา ” มันยิ้มหวานก่อนจะนั่งลงข้างๆ “ พี่ชายที่แสนดีคนนี้ก็ต้องดีใจเป็นธรรมดา ”

“ แหวะ กูอ้วกใส่หน้ามึงได้ไหม ”

“ ไม่ได้ หน้ากูหล่อเกินที่มึงจะมาอ้วกใส่ ”

“ ไปหล่อไกลๆไป ” ผมโบกมือไล่

ป้าชื่นยกกับข้าวมาวางบนโต๊ะ “ คุณณนนท์กับคุณพะนายจะทานข้าวด้วยเลยไหมคะ ”

“ ทานเลยครับป้าชื่น นนท์ยังไม่ได้กินอะไรแต่เช้าเลย ”

“ นายก็เหมือนกันครับ ”

ผมนั่งมองณนนท์กับพะนายสลับกัน ทำไมไอ้สองคนนี้มันถึงดูต่างกันคนละขั้วแบบนี้วะ ณนนท์มันเหมือนโจรแต่พะนายมันเหมือนเทพบุตรเลยอ่ะ นี่สงสัยอยู่ว่าทำงานอยู่ในไร่จะต้องทำให้หน้าหล่อใสตลอดเวลาเลยหรอวะ หล่อขนาดนี้ไปเป็นพระเอกโฆษณาไวน์ให้พ่อกูเลยไหม ผมอิจฉาเบ้าหน้ามันมากเลยอ่ะ พะนายมันยิ่งโตมันยิ่งหล่อ พะนายมันก็อายุเท่าณนนท์ครับ เรียนจบเกษตรมาเหมือนกัน พะนายมันเป็นลูกของอาผมเอง อาผมเนี่ยะเวลาที่เขามาเยี่ยมพ่อก็จะหอบขนมมาฝากผมเต็มเลยครับ

ผมรักอามากๆ

“ มากันพร้อมหน้าเชียวนะหนุ่มๆ ” แม่เดินออกมาจากครัวก่อนจะนั่งลงที่หัวโต๊ะ “ พ่อของลูกล่ะปอง ”

“ พ่อไปโรงบ่มไวน์น่ะครับ บอกว่าให้กินกันได้เลย ”

“ โอเคงั้นเรากินข้าวกันเถอะ ตักข้าวเลยจ่ะชื่น ”

“ ค่ะแม่ใหญ่ ” ป้าชื่นรับคำก่อนจะตักข้าวใส่จานให้ทีละคน กับข้าวที่วางอยู่ตรงหน้าผมนี่น่ากินมากครับ มีแต่ของโปรดผมทั้งนั้นเลย แกงฮังเล น้ำพริกหนุ่ม มีไส้อั่วด้วยครับ คือกับข้าวมันเยอะมากเลยอ่ะ

สงสัยต้องกินสักครึ่งหม้อ

“ กับข้าวน่ากินจังเลยครับแม่ ” ผมยิ้มหวานก่อนจะตักแกงฮังเลมาใส่จานตัวเอง

“ น่ากินก็กินเยอะๆ นี่ลูกอ้วนขึ้นรึเปล่า ”

ผมทำหน้ามุ่ยใส่ทันทีที่ได้ยินคำว่าอ้วน “ ไม่ได้อ้วนนะครับ ก็แค่....”

“ มึงอ้วนขึ้น ไม่ต้องแก้ตัวหรอก ” ณนนท์มันบอกก่อนจะตักไส้อั่วมาใส่จานผม “ หน้านี่บานเป็นกระด้งเลย ”

“ มึงก็พูดเว่อร์ไปณนนท์ ” พะนายหยิบแคปหมูมาใส่จานผม “ แต่มึงก็อ้วนขึ้นจริงๆนะสมปอง ”

“ เอออ้วนก็อ้วนพอใจพวกมึงยัง....แม่ครับ ลูกโดนแกล้งอ่ะ ”

แม่ผมตีมือณนนท์กับพะนายเบาๆ “ แม่ตีให้แล้วนะลูก ”

“ ตีแรงๆสิครับ แม่ตีเบาอ่ะ ”

“ ลูกนี่ยังงอแงไม่เปลี่ยนเลยนะ ”

“ ลูกเปล่างอแง ” จริงจังนะครับแม่ อีกอย่างคือลูกไม่ได้อ้วนสักหน่อย

ก็แค่ตัวบวมขึ้นเท่านั้นแหละ

ผมนั่งกินข้าวต่อด้วยความช้ำใจ แม่ผมก็ถามถึงโน่นนี่ ผมก็ตอบตามปกติ เพิ่มเติมคือต้องต่อกรกับความกวนประสาทของณนนท์กับพะนาย นี่แบบถ้าไม่เสียดายข้าวก็อยากจะพ้นใส่หน้ามันสองคนอยู่ เมื่อก่อนตอนที่ผมอยู่ที่นี่ผมก็โดนไอ้สองบ้านี่แกล้งประจำ เพราะผมเป็นน้องเล็กไงครับ ไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมต้องแกล้งเด็กน่ารักๆอย่างผมด้วย ก่อนกลับนี่เดี๋ยวผมต้องหาทางแกล้งพวกมันกลับซะหน่อย

โดนแน่ไอ้พวกบ้า

“ เติมอีกจานนี่ตัวจะแตกเอานะปอง ”

ก็กูหิวอ่ะ....กูผิดหรอพะนาย

“ เออ ไอ้อ้วน ”

ณนนท์แม่งปากดีชิบ

“ กูไม่ได้อ้วนบนหัวพวกมึงสักหน่อยไอ้ชิบหายยยยยยยยยย ”





ผมนั่งโกรกลมอยู่ที่ระเบียงห้องหลังจากที่กินข้าวเสร็จ ตอนนี้ประมาณ 5 โมงกว่าๆแล้วครับ มันเป็นการกินข้าวที่ชุลมุนวุ่นวายมากเลย พอกินข้าวเสร็จผมก็รีบหนีขึ้นมาบนห้องตัวเองเลย ไว้พ่อกลับมาค่อยลงไป ไม่รู้ว่าณนนท์กับพะนายมันจะไปทำงานต่อรึเปล่า ช่างแม่ง จะไปไหนก็ช่างแม่ง ผมมีเรื่องต้องทำด้วยครับนั่นก็คือ....

โทรหาพี่สยามไงล่ะ

เชื่อเลยว่าโทรไปหานี่มีดราม่าแน่นอน เพราะว่าผมลงเครื่องตั้งนานละแต่ก็ไม่ได้โทรหาในทันที ป่านนี้คงนั่งจับโทรศัพท์ไว้แน่นเลยมั้ง และก็คงอาจจะคิดถึงผมจนจะขาดใจตาย พอคิดได้ว่าผัวกำลังจะตายผมก็หยิบโทรศัพท์มากดโทรไปหามันทันที

( ฮัลโหลทำไมโทรมาช้า ลงเครื่องตั้งแต่กี่โมงแล้วห้ะ นี่นึกว่าไปตายอยู่ที่ไหนแล้วนะ )

ใจเย็นนะพ่อหนุ่ม

“ ก็ยังไม่ตายนะ ตอนนี้ก็อยู่สบายดี ”

( ไม่ต้องมาเล่นลิ้นเลยนะ ลิ้นมึงไว้เล่นในปากกูก็พอ )

“ คำพูดคำจามึงนี่นะพี่สยาม ” ผมยกมือขึ้นลูบแก้มตัวเองเบาๆ “ แล้วนี่อยู่ไหนเนี่ยะ ”

( อยู่ร้านไอติม )

“ ทำงานหรอ ”

( ใช่ แล้วนี่ถึงบ้านแล้วใช่ไหม ปลอดภัยดีนะ )

“ ถึงแล้ว ปลอดภัยดี อากาศที่บ้านกูดีมากเลยอ่ะ ”

( เก็บใส่โหลมาฝากกูด้วยละกัน ละนี่เอวหายเจ็บรึยัง อย่าไปเดินขาถ่างให้พ่อเห็นล่ะ เดี๋ยวพ่อจะรู้เอาว่าลูกชายมีผัวแล้ว )

“ มึงนี่มันไอ้สัสจริงๆ ”

ผมเบ้ปากใส่โทรศัพท์ ถึงแม้มันไม่เห็นหน้าผมก็เถอะ ไอ้วันที่ไปกินเหล้ากันแล้วกลับมาป่ามป๊ามกันน่ะ ผมก็โดนไปไม่น้อยหรอกครับ แต่อาจจะเพราะเคยโดนมาแล้วและก็ฤทธิ์ของเหล้ามันก็เลยไม่ค่อยปวดเท่าไหร่ ไอ้เรื่องจะเดินขาถ่างนี่ไม่มีแน่นอน ตอนนี้ผมนี่เดินขาไขว้อย่างกับนางแบบวิคตอเรียซีเคร็ท

เว่อร์ไปป้ะวะ

( เมียครับ )

“ หืม ”

( คิดถึงนะ )

“ เพิ่งห่างกับกูไม่กี่ชั่วโมงเอง ”

( ก็คนมันคิดถึงนี่ เคยกอดเคยหอมอยู่ทุกวัน คืนนี้นี่ขาดใจตายซะมั้งกูเนี่ย )

“ เว่อร์มาก กอดหมอนกูแทนไปก่อนละกัน ”

( กูต้องทำอย่างนั้นอยู่แล้วป้ะวะ คืนนี้ก่อนนอนวิดีโอคอลมาหาด้วยนะอยากเห็นหน้า )

“ เออได้ มึงก็ไปทำงานได้แล้ว ”

( ครับ ดูแลตัวเองดีดีนะ กูรักมึงมากเลยนะรู้ไหม )

ผมคลี่ยิ้มออกมาทันทีที่ได้ยินมันบอกรัก “ รู้แล้วน่า มึงก็ดูแลตัวเองดีดีเหมือนกัน ”

( ครับผม งั้นแค่นี้นะ คืนนี้เจอกัน )

“ โอเค ” ผมรับคำก่อนจะกดวางสาย

ทำไมใจมันเต้นแรงจังวะ

ผมวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ ปากนี่ก็ยิ้มไม่หุบเลยครับ ขนาดตัวมันอยู่กรุงเทพฯแท้ๆยังทำให้ผมเขินได้ให้ตายสิ เห็นบรรยากาศสวยๆตรงหน้าผมก็อยากจะให้พี่สยามมันมาอยู่ด้วยกันตรงนี้เหมือนกันนะ แต่อย่างว่าล่ะมันยังไม่ใช่ตอนนี้ แต่ผมคิดว่าสักวันนึงผมจะพามันมาอยู่ตรงนี้ให้ได้ มายืนดูวิวของไร่องุ่นด้วยกัน

มันต้องมีความสุขมากแน่ๆเลยว่ะ

ตอนนี้ในหัวของผมมันมีแต่พี่สยามเต็มไปหมดเลย และก็เหมือนว่าจะไม่มีใครเข้ามาแทนที่ได้ด้วย ความรู้สึกนี้มันคงหมายความว่าผมกำลังจะรักมัน พี่สยามมันเก่งนะครับที่ทำให้ผมมีความรู้สึกนี้ได้ พี่มันคงดีใจมากแน่ๆถ้าได้รู้ว่าผมรู้สึกยังไงในตอนนี้ แต่ผมก็คิดว่าจะยังไม่บอกมันหรอกครับ จะคอยดูไปสักระยะนึงก่อน ถ้าความรักมันยิ่งมีมากขึ้น ไว้ถึงตอนนั้น....

ผมกับพี่มันค่อยเป็นแฟนกัน

แค่คิดก็....เขินว่ะ











TBC.

ภาษากำเมืองที่โผล่มานั้นไรท์ใช้การช่วยแปลของเพื่อนไรท์ที่เป็นคนเชียงรายนะคะ ถ้าบางคำมันอ่านแล้วแปร่งๆต้องขออภัยไว้ด้วยนะ เรื่องราวของคู่นี้จะเป็นยังไงต่อรอติดตาม
ถ้าชอบก็คอมเม้นต์เพื่อเป็นกำลังใจให้กันได้นะคะ #หยัมปอง
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านน้า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-11-2017 13:15:54 โดย chaleeisis »

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :L1: :pig4:

ดีใจตอนใหม่มาแล้ว

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
รักกันจ๋าเลย  :mew1:
พี่สยาม สมปอง  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

คิดถึงอากาศหนาวๆเย็นๆของเชียงใหม่เลย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ญาติสมปองแต่ละคน มีชื่อดูหะรูหะรา
พะนายงี้ ณนนท์งี้

แต่สมปองชื่อสมปอง
ไทยมากกกกกกกก
ฮ่าฮ่า

+1 ยังรอมาม่าอยู่นะ
ดูดิ๊ มาม่ารสต้มยำจะสู้ได้หรือเปล่า
หุหุ

ออฟไลน์ sompong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
บ่เป็นอยังเน้อๆๆๆ.

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 22 สมหยัม


อากาศที่ไร่ยามเช้านี่มันดีจริงๆ แถมยังโคตรหนาวเลย

ผมยืนปากสั่นรับลมหนาวอยู่หน้าระเบียงห้อง ตอนนี้ประมาณเกือบหกโมงเช้าแล้วครับ นี่ตั้งใจแหกขี้ตาตื่นมาเพื่อจะดูพระอาทิตย์ขึ้นอ่ะ ผมจะถ่ายรูปไปอวดผัวไงไม่ใช่อะไร พี่สยามมันต้องอิจฉาผมมากที่ได้เห็นวิวสวยๆ แบบนี้ แต่ก่อนจะปลื้มปริ่มกับพระอาทิตย์ ผมควรจะไปเอาผ้าห่มมาคลุมตัวก่อน

แม่งหนาวจะตายห่าอยู่แล้ว

ผมเดินเข้ามาหยิบผ้าห่มในห้องแล้วเอามาห่อตัวก่อนจะเดินกลับมาที่เดิม ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าจะใส่บ๊อกเซอร์ตัวเดียวออกมายืนรับลมเพื่อ คิดว่าตัวเองเป็นเอลซ่าหรอวะปอง

เอลซ่า

เลทอิทโก

เลทอิทโกววววววววววววว

“ ไปกันใหญ่แล้วตัวกู ”

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปวิวไปเรื่อย ถ่ายรูปไม่พอนะครับ ปากนี่เป่าให้มือตัวเองอุ่นไปด้วย อากาศตอนนี้ 15 องศาอ่ะ หนาวแค่ไหนถามใจดู มองรูปที่ถ่ายให้พี่สยามมันดูก็รู้สึกว่ามันยังไม่สวยเท่ากับของจริงเลยว่ะ ผมอยากให้มันเห็นภาพบรรยากาศตอนนี้จัง ผมควรจะทำยังไงดี

อา....คิดออกละ

ผมกดเข้าไปในในไลน์ก่อนจะกดวิดีโอคอลไปหาพี่สยามครับ ผมจะคอลไปจนกว่ามันจะรับอ่ะ ถ้ามันปิดเครื่องหนีผม ผมก็จะงอนมันมากๆ แล้วก็จะเลื่อนวันกลับกรุงเทพฯ ออกไป เอาให้มันขาดใจตายไปเลย ในขณะที่ผมกำลังวางแผนร้ายอยู่ในใจนั้น ปลายสายก็กดรับ ใบหน้าคมนั่นบ่งบอกถึงความง่วงมาก หัวก็ฟูฟ่อง สิ่งที่ผมเห็นคือมันกอดหมอนผมไว้แน่นเลยครับ

มันคงคิดถึงผมมากแน่ๆ เลยว่ะ

( อื้อ...ออ....เมียยยยยย )

" ยังไม่ตื่นอีกหรอพี่สยาม "

( มึงดูด้วยว่ามันกี่โมง )

" หกโมงกว่าไง....ทำไมถึงมาทำตัวขี้เซาแบบนี้ล่ะ กูตั้งใจคอลหาเพื่อให้มึงได้เห็นหมอกเลยนะ " ผมเอ่ยเสียงอ่อนพลางเบะปากน้อย ทำเป็นดราม่าไปครับ เดี๋ยวพี่สยามมันก็ตาสว่าง

( กูไม่เห็นหมอกเลย....เห็นแต่หน้ามึงเต็มไปหมด )

ผมหรี่ตามองทัน " แน่ะ...มีกูอยู่ในสายตาตลอดเลยหรอเขินจรุม "

( เปล่า....มึงมันอ้วนไงหน้าเลยบังจอไปหมด )

" ปากดีนะมึง กลับไปกูจะเตะมึงเดี๋ยวก่อน " ผมเบ้ปากใส่ก่อนจะสลับกล้องไปใช้กล้องหลัง " มึงดูวิวบ้านกูซะ สวยไหมล่ะ "

( สวยสิ เห็นแบบนี้ละก็คิดถึงลำปาง )

ผมสลับกล้องกลับมา " ละคิดถึงกูไหม "

( คิดถึงสิ...คิดถึงใจจะขาดอยู่แล้ว )

" เดี๋ยวก็กลับละอีกสองวัน "

( กูจะฟัดมึงให้หนำใจ )

" ใครเค้าจะให้มึงฟัดกันไอ้บ้า " ผมอมยิ้มมองมัน " เอาหมอนกูไปกอดแบบนั้นกูคิดค่ากอดนะ "

( เดี๋ยวกูจ่ายสามน้ำเลย )

" เดี๋ยวๆ กูว่ามันไม่ใช่ละ " ผมบอกก่อนจะทำหน้าบึ้งใส่

ขนาดอยู่ไกลกูขนาดนี้มึงยังคิดเรื่องแบบนี้ได้อีกหรออีเลว

พอมันเห็นผมทำหน้าบึ้งใส่มันก็ยิ้มหวานใส่ น่าหมั่นไส้ชะมัด นี่ถ้ามันอยู่ใกล้ผมนะมันโดนผมทุบไปละ สีหน้าพี่มันดูเหนื่อยๆ ด้วยนะครับอาจเพราะว่าเมื่อวานไปทำงานมา วันนี้ก็ต้องมาตื่นเช้าเพราะผมคอลหา ใจนึงก็อยากให้มันนอนนั่นแหละแต่อีกใจก็อยากให้เห็นวิวสวยๆ ด้วยกันนี่หว่า

เห็นไหมว่าผมนึกถึงมันแค่ไหน

( ปอง...ที่โน่นหนาวมากไหม )

" หนาวดิ่ กูปากสั่นเลยอ่ะ "

( มาให้กูกอดมา )

" ไม่ กูมีผ้าห่มแล้ว มึงกอดตัวเองไปเถอะ " ผมแลบลิ้นใส่มันพร้อมกับทำหน้าตากวนตีนไปด้วย

( มันน่ากัดให้ลิ้นขาดจริงๆ เดี๋ยวเถอะ )

" หว่ายยยยย น่ากลัวจัง "

( กวนตีนจริงๆ )

" ทำไม...กวนตีนละจะทำไม "

( กวนตีนยังไงกูก็รักมึงอยู่ดี )

ตึกตัก

ผมมองพี่สยามที่ยิ้มหวานตาปริบๆ ก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบแก้มตัวเองๆ เจ้าตัวดูชอบใจไม่น้อยเลยครับที่ทำให้ผมเขินได้ นี่ถ้ามันยิ้มจนปากฉีกถึงหูได้ก็คงฉีกไปจนถึงนั่นละอ่ะ ไม่น่าไปสวนคำมันเลยว่ะ โดนเข้าตัวเองเลยเนี่ยะ ผมนี่ก็บ้าบอจริงๆ กับอีแค่มันบอกรักแค่นี้ทำมาเป็นหัวใจเต้นแรง หน้าแดงทุกที ใช่เธอรึนี่ ที่คอยตลอดมา

พี่ป้างก็มาว่ะ

ผมส่ายหัวไล่ความเพี้ยนของตัวเองออกไป “ มึงไปนอนได้แล้วไป ”

( มึงจะไปไหน อยู่กับกูก่อนสิ กูตื่นแล้วเนี่ย ) ตื่นหน้ามึงอ่ะ ตาจะปิดแหล่ไม่ปิดแหล่

“ กูมีเรื่องต้องไปทำกับพ่อกู ไว้เดี๋ยวคืนนี้กูค่อยคอลหามึงใหม่โอเคไหม ”

( ต้องรอตอนกลางคืนเลยหรอ )

“ ใช่...แดกข้าวด้วยล่ะ อาบน้ำด้วย ห้ามทำห้องเละนะ อย่าไปเจ๊าะแจ๊ะกับใครที่ไหนนะมึง ถ้ากูรู้กูตบหัวโยกเลยอ่ะ ”

( ฮ่าๆๆๆๆ น่ารักจัง....มึงหึงกูหรอครับเมีย )

“ เปล่า ใครเขาหึงมึงกันวะไอ้บ้า ” ผมโวยวายใส่มันก่อนจะโบกมือบ๊ายบาย “ แค่นี้แหละ ”

( บายครับ )

ผมกดวางสายก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ แค่คอลหากันเองนะ ทำไมต้องเขินตัวบิดขนาดนี้ด้วยวะปอง เมื่อก่อนก็ไม่ได้เป็นถึงขนาดนี้หรอก นี่รู้สึกเหมือนตัวเองเริ่มอ่อนแอลงไปเรื่อยๆ เดี๋ยวผมจะต้องหาทางเอาสมปองผู้แข็งแกร่งคนเดิมกลับมาให้ได้ครับ จะปล่อยให้พี่สยามมันมามีอำนาจเหนือผมต่อไปอีกไม่ได้

ปกติแล้วเมียต้องเป็นใหญ่สิถูกไหม

เก็บความคิดล้มล้างพี่สยามไว้ก่อน กลับกรุงเทพฯ ไปค่อยจัดการเรื่องนี้ครับ สิ่งที่ผมควรทำตอนนี้คือกลับเข้าไปในห้องและก็ใส่เสื้อผ้าซะ จะปอดบวมตายละ ผมกะว่าจะไปช่วยพ่อในไร่ครับ ตอนนี้พวกคนงานก็เริ่มทำงานกันแล้วแหละ เมื่อก่อนผมไม่ค่อยได้เข้าไปยุ่งในไร่นะครับเพราะพ่อสั่งไว้ว่าห้าม ผมมันเป็นพวกทำลายล้างไง ในไร่เนี่ยะ ส่วนที่ผมจะไปบ่อยที่สุดก็คือโรงบ่มไวน์กับคอกม้าครับ

ม้าที่ไร่นี้เป็นลูกน้องผมเอง

พ่อมีม้าอยู่ 4 ตัวครับ ผมเห็นพวกมันตั้งแต่ผมจำความได้ละ เดี๋ยวต้องแวะไปหาพวกมันสักหน่อย ไม่ได้เจอกันตั้งหลายเดือน ผมหวังว่ามันจะจำผมได้นะ หลังจากที่ผมแต่งตัวเสร็จก็เดินออกมาจากห้อง สิ่งที่เจอคือปีศาจสองตัวที่กำลังนั่งขวางอยู่ตรงบันไดลงบ้าน ดวงตาสีอำพันทั้งสองคู่จ้องผมเขม็ง ผมเองก็จ้องพวกมันไม่ต่างกัน ความรู้สึกนี้เหมือนกับเจอศัตรูที่ไม่ได้เจอกันนานเลยครับ ศัตรูทั้งสองตัวนั้นก็คือ....มาลีกับมานี

แมวของแม่ผมเอง

“ หลบไปกูจะลงบันได ” ผมสั่งมันเสียงเข้ม ไอ้สองตัวก็ยังนั่งนิ่ง “ ไม่หลบนี่มึงอยากกลายเป็นแมวบินใช่ไหมห้ะ ”

“ เสียงดังอะไรแต่เช้าวะ ” พะนายเดินออกมาจากห้องก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงข้างผม

ผมไล่มองมันตั้งแต่หัวจรดเท้า “ ทำไร่นี่ต้องแต่งตัวหล่อเต็มยศแบบนี้เลยหรอวะ ”

“ ใช่ เวลาที่องุ่นเห็นหน้ากูก็จะได้ออกผลเยอะๆ ”

“ ปัญญาอ่อน องุ่นมันไม่มีตามันจะมาเห็นหน้ามึงได้ยังไง ”

“ มึงนี่มันปากคอเราะร้ายจริงๆ นะปอง ” พะนายมันยิ้มหวานให้ผมก่อนจะก้มลงไปอุ้มมาลีกับมานีขึ้นมา “ คิดเหมือนกันไหมมานีมาลี ”

“ เหมียวววว ”

ไอ้แมวบ้านี่มันสองมาตรฐานจริงๆ

“ เดี๋ยวกูก็ซัดทั้งคนทั้งแมวเลยหนิ พวกมึงนี่น่าหงุดหงิดชะมัด ” ผมเบ้ปากใส่พะนายก่อนจะเดินลงมาข้างล่าง เจอณนนท์มันกำลังนั่งกินกาแฟอยู่ “ มึงยังไม่ไปทำงานอีกหรอ ”

“ หมดกาแฟแก้วนี้เดี๋ยวกูก็ไป ว่าแต่มึงอ่ะจะไปไหน ”

“ ว่าจะลงไปในไร่ แล้วค่อยไปโรงบ่มไวน์ ”

มันวางแก้วกาแฟก่อนจะยกยิ้ม “ อย่าไปเลย เดี๋ยวองุ่นในไร่ตายหมด ”

“ ปากดีนักนะมึง เดี๋ยวก็แช่งให้ไม่มีเมียหรอก ” ผมตีไหล่มันแรงๆ ทีนึง พอจะเดินหนีมันก็รั้งแขนผมไว้ “ อะไรของมึงเนี่ย ”

“ ไปคอกม้ากับกูดีกว่า ”

ผมหรี่ตามองมัน “ ทำไมกูต้องไปกับมึงด้วยวะ ”

“ ก็เมื่อคืนสีเงินเพิ่งคลอดลูก มึงอยากเห็นลูกม้าไหมล่ะ ”

ลูกม้าาาาาาาาาาาา

ผมพยักหน้ารัวๆ ทันที “ ไป กูไป ไปเร็วณนนท์ ลุกสิวะ ” ผมรั้งแขนมันก่อนจะฉุดกระชากด้วยแรงทั้งหมดที่ผมมี แต่ณนนท์มันก็ดูไม่สะเทือนเลยสักนิดอ่ะ

นี่มึงเป็นพี่สยาม 2 หรอวะ

“ รอกูกินกาแฟเสร็จก่อนละเดี๋ยวค่อยไป ” ว่าแล้วมันก็ยกกาแฟนขึ้นมาจิบอย่างละเมียดละไม “ อร่อยจัง ”

กินแบบมึงละอีกกี่ชาติจะเสร็จล่ะไอ้เชี่ยยยยย



คอกม้า

ผมรีบวิ่งถลาเข้ามาในคอกทันทีที่มาถึง อยากจะโบกณนนท์แรงๆ สักสามที กว่าจะกินกาแฟเสร็จเสียเวลาไปเป็นชั่วโมง ผมจะมาก่อนมันก็ไม่ให้มา แม่งล็อคคอผมไว้ พะนายมันเห็นมันก็ไม่ช่วยนะครับ แถมยังมาจี้เอวผมอีก ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองต้องมาโดนแกล้งแต่เช้าแบบนี้ด้วย เดี๋ยวผมฟ้องพ่อครับ ผมไม่ยอมโดนแกล้งอยู่ฝ่ายเดียวแบบนี้แน่

พวกมันต้องโดนบ้าง

“ สีหมอก สีเงิน สีทอง สีเทา จำปองได้ไหม ” ผมถามพวกมันก่อนจะยิ้มแฉ่งให้ สีหมอกมันเดินเข้ามาหาผมก่อนจะยื่นหน้ามันมาใกล้ๆ “ เป็นไงบ้างหืม ”

“ มันบอกมึงว่ามันสบายดี ”

“ มึงเป็นม้าหรอถึงรู้ว่าพูดอะไร ” ผมหันไปทำหน้าบึ้งใส่ “ กูว่ามึงอยู่กับพะนายมากเกินไปละนะ นิสัยบ้าๆ นี่ติดกันมาเชียว ”

“ กูเหมือนพะนายตรงไหน ”

“ ก็พะนายมันสื่อสารกับองุ่นรู้เรื่อง มึงก็สื่อสารกับม้ารู้เรื่องไง เนี่ยะคนบ้าชัดๆ ”

ณนนท์มันเดินมาโขกหัวผม “ มึงนี่มันเป็นเด็กที่น่าหมั่นไส้จริงๆ นะ ”

“ กูเจ็บนะไอ้บ้า ” ผมตีไหล่มันคืน “ แล้วไหนล่ะลูกม้า ”

“ นอนอยู่กับสีเงินนั่นไง ”

“ ลูกม้า ” ผมหันมองไปทางนิ้วที่ณนนท์มันชี้ให้ดู

ลูกม้าตัวสีขาวกำลังนอนอยู่ใกล้กับสีเงิน ผมค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ก่อนจะลูบที่หัวของสีเงินก่อน มันคงจำผมได้นั่นแหละครับ ในบรรดา 4 ตัวนี้ ผมสนิทกับสีเงินที่สุดแล้ว ปกติมันไม่ค่อยให้ใครขี่ด้วยนะ มีผมนี่แหละที่ขี่ได้ ดีใจกับมันที่ได้เป็นแม่คนแล้วน่ะ ไม่สิ ต้องแม่ม้าต่างหาก ผมเลื่อนมือลงมาลูบหัวเจ้าตัวเล็กที่หลับปุ๋ยเบาๆ

น่ารักจัง

ผมอยากให้พี่สยามันเห็นเจ้าตัวเล็กนี่จริงๆ เลย เดี๋ยวต้องถ่ายรูปไปอวดอีกละครับ ดีใจนะที่กลับมาบ้านครั้งนี้แล้วได้เจอสมาชิกใหม่พอดีน่ะ เหมือนสีเงินมันรู้เลยนะว่าผมกลับมาบ้าน มันถึงได้คลอดลูกออกมาเมื่อคืน ว่าแต่ไอ้ตัวเล็กนี่มีชื่อรึยังนะ ถ้ายังไม่มีผมอยากตั้งให้มันจัง

“ ลูกม้านี่มีชื่อรึยังณนนท์ ”

“ ยังเลย ตอนนี้เรียกกันว่าไอ้เปี๊ยกอยู่ มึงอยากตั้งชื่อให้มันไหมล่ะ ”

ผมพยักหน้ารับทันที “ กูจะตั้งชื่อให้มันเอง ”

“ งั้นเอาชื่ออะไรดีล่ะ ”

“ เอาชื่อ....” ผมนึกถึงชื่อที่จะเหมาะกับเจ้าตัวเล็ก อา....ชื่อนี้ละกัน “ ให้มันชื่อว่า.....สมหยัม ”

“ เดี๋ยวนะมึง ทำไมถึงชื่อว่าสมหยัมวะ ”

" เรื่องของกูหน่า เอาเป็นว่าหลังจากนี้เรียกมันว่าสมหยัมละกัน " ผมยิ้มหวานพลางลูบหัวสมหยัมไปด้วย

" ชื่อแปลกจริงๆ เลยนะสมหยัม ถ้าพะนายรู้มันต้องหัวเราะลั่นแน่ " ณนนท์มันส่ายหัวอย่างเอือมๆ

" ฝากมึงดูแลมันให้ดีด้วยนะ "

" มันเป็นเรื่องที่กูต้องทำอยู่ละ "

ผมยิ้มหวานให้ณนนท์ก่อนจะนั่งลูบหัวเจ้าสมหยัมต่อ ชื่อมันก็มาจากชื่อของผมกับพี่สยามรวมกัน ผมว่ามันเท่อยู่นะ ไม่มีใครเขาตั้งชื่อม้าว่าสมหยัมหรอกจริง ตอนแรกกะว่าจะให้ชื่อหยัมปองครับ แต่ว่าชื่อผมมันจะตามพี่สยามน่ะสิ ผมจะไม่ยอมเป็นผู้ตามอีกแล้ว อย่างน้อยก็เอาชนะมันด้วยชื่อม้านี่แหละ

นี่ถือว่าแค่เริ่มต้นนะครับ

พี่สยามมันคงดีใจไม่น้อยที่ผมเอาชื่อมันมาผสมกับผมเพื่อตั้งชื่อมันน่ะ เหมือนสมหยัมเป็นลูกของผมกับมันเลยแฮะ เจ้าสมหยัมนี่สวยมากเลยนะครับ สีขาวสะอาดทั้งตัว ลักษณะก็ดูดีอีก ม้าแบบนี้นี่ปั้นเพื่อประกวดได้สบายเลยนะครับ แต่ว่ากว่าจะประกวดได้ก็คงต้องรอหลายปี อย่างน้อยคือให้มันโตกว่านี้ก่อน

เอ๊ะ....รึผมจะลาออกมาเลี้ยงม้าดีวะ

" ทำอะไรกันอยู่ " พะนายมันเดินเข้าคอกม้ามา " ลูกม้าตื่นรึยัง "

ณนนท์มันหยิบหญ้าแห้งให้สีทอง " ยัง....ว่าแต่มึงมาทำไรที่นี่วะ "

" ก็แวะมาดูลูกม้า แล้วก็ว่าจะชวนปองไปตลาดด้วยกัน "

" เออดีเลย กูว่าอยากจะไปหาอะไรกินอยู่ "

" งั้นก็ไปกันเถอะ รีบไปได้รีบกลับ "

" ได้ " ผมหันมองณนนท์ " มึงเอาอะไรรึเปล่า "

" ฝากซื้อกล้วยทอดร้านหน้ากาดหน่อยละกัน "

" เออได้....เดี๋ยวปองกลับมาเล่นด้วยนะสมหยัมนะ "

พะนายมันมองอย่างสงสัย " สมหยัมงั้นหรอ "

" ใช่ กูเป็นคนตั้งชื่อให้มันเอง " ผมบอกก่อนจะเดินไปล้างมือ " ไปกัน...หิว "

" เด็กอ้วนเอ้ย " มันยิ้มหวานก่อนจะล็อคคอผมเดินมาที่รถ

เดินดีดีก็ได้โว้ย

ล็อคคอลากไม่พอ มันยังยัดผมขึ้นรถด้วย ทำไมชอบใช้ความรุนแรงกับน้องจังวะ ถ้าผมมีโอกาสได้เกิดเป็นพี่มันบ้างนะ เดี๋ยวผมจะเอาคืนทั้งคู่เลยคอยดู จะใช้งานแม่งเยี่ยงทาส

โดนกูแน่

" วางแผนชั่วอยู่รึไงหืม " พะนายมันเหลือบมองผม มือมันก็ขับรถไป

" ใช่ กูวางแผนจะฆ่ามึงอยู่น่ะ "

" กูต้องกลัวตายไหมเนี่ย "

" ไม่ต้องทำมาเป็นยิ้มเลยนะ " ผมเบ้ปากใส่มัน ร้อยยิ้มมึงนี่น่าหมั่นไส้ชิบ ผมนี่รู้สึกว่าตัวเองเบ้ปากบ่อยมากเลย ปากนี่จะเหมือนเป็ดละ จากสมปองก็จะกลายเป็นสมเป็ด

สมเป็ด

ฮ่าๆๆๆๆๆ

" ละเป็นบ้าอะไรถึงหัวเราะคนเดียวล่ะน่ะ "

ยุ่งกับชีวิตกูอีก





ตลาด

ผมเดินนำเข้ามาในตลาดในเมืองอย่างคุ้นเคย ถึงจะไม่ได้มาหลายเดือนแต่ทุกอย่างที่นี่ก็ดูยังเหมือนเดิมเลยนะ ร้านประจำของผมก็ยังอยู่เหมือนเดิม คือตลาดนี้ผมมาเดินบ่อย ตรงท้ายตลาดมันจะมีร้านไอติมอร่อยมากอยู่ร้านนึง ผมกับส้มมากินไอติมด้วยกันบ่อยมากเลย ผมจะกินรสนมส่วนส้มนี่ก็จะกินรสวนิลาตลอด แถมยังชอบแย่งเชอร์รี่กันด้วยนะ

แล้วทำไมผมมาคิดถึงส้มได้วะ

บ้าบอจริงๆ

" เดี๋ยวกูไปซื้อของใช้แปบนึงละกัน มึงก็เดินหาไรกินไปก่อนเดี๋ยวกูมา " พะนายบอกก่อนจะเดินไปอีกทาง ส่วนผมก็เดินมาหยุดตรงหน้าร้านขายลูกชิ้น

" เอาลูกชิ้นเนื้อห้าไม้ครับ ลูกชิ้นปลาสอง ปูอัดสาม " ผมจัดแจงสั่งลูกชิ้น ร้านนี้นี่น้ำจิ้มเด็ดมากเลยนะครับ อย่างน้อยต้องซื้อกินอาทิตย์ละครั้งอ่ะ

ตอนนี้ประมาณเกือบสิบโมงละครับ คนออกมาซื้อของสดกันเยอะพอสมควรเลย ตลาดนี้จะมีตั้งแต่เช้ายันเย็นเลยนะ มันเหมาะกับพวกสายแดกมาก ช่วงที่ผมทีกิจกรรมสีฬาสีละเลิกค่ำๆ อ่ะ ก็มีที่นี่ไว้ฝากท้องนี่แหละ เป็นตลาดที่มีพระคุณกับชีวิตของสมปองตัวน้อยๆ ซะจริง

โคตรซาบซึ้ง

" ปอง "

เสียงคุ้นๆ หูนี่มัน....

ผมหันหลังไปมองเจ้าของเสียงเรียกก็พบร่างบางอ้อนแอ้นยืนอยู่ ใบหน้าสวยยิ้มหวานจนลักยิ้มที่แก้มขึ้นเด่นชัด ดวงตากลมโตกับผมสีดำยาวสลวยนั่นผมจำมันได้อย่างดีเลยล่ะ

" ส้ม "






TBC.

ชาลมาส่งหยัมปองแล้วค่ะ คือตอนนี้ติดฝึกงานอละคอมที่บ้านก็พัง เลยต้องแต่งนิยายในโทรศัพท์ ลำบากมากค่ะ เหนื่อยใจจริงๆ ถ้าใครที่รออ่านอยู่ต้องขอโทษด้วยนะคะที่เลทมาหลายวัน
ถ้าชอบก็คอมเม้นต์ให้กำลังใจกันได้นะคะ
ติดต่อข่าวสารได้ที่ Twitter : Chaleeisis
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-11-2017 22:27:03 โดย chaleeisis »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เอ๋.......คงไม่มีดราม่านะ

ปอง ดูมีความสุขในไร่นะ
มีม้าที่แสนรู้ เพิ่งคลอดลูกสมหยัมให้ด้วย
พะนาย ณนนท์ ดูรักน้องดี

นี่ถ้าพ่อ พี่ๆ รู้ว่าปองมีพี่สยามจะเป็นยังไงนะ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
อ้าวววววว..สมปองเองเหรอ คนแจกซองมาม่า
ไอ่เราก็จิตตกไปล่วงหน้า เดาว่าจะเป็นพี่หยัมที่จับซองมาม่าชิงโชคซะอีก

วู้ววววววว..เดาผิดหมดเลย
ฮือออออออออ

ตีสมปองเลย
เด็กทำตัวไม่น่ารัก

กอดพี่หยัมปลอบใจดีก่า
อิอิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ sompong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 23 เพื่อนที่ดีของกันและกัน



ไม่เคยคิดเลยว่าฟ้าจะเล่นตลกกับเราได้มากถึงขนาดนี้

ไม่คิดจริงๆ นะครับ

ผมยืนมองส้มที่ยิ้มหวานให้อยู่ตรงนั้น พูดไม่ออกเลยว่ะ ไม่คิดด้วยว่าจะมาเจอกันได้ง่ายขนาดนี้ เชียงใหม่ก็ตั้งกว้างป้ะวะ แล้วที่สำคัญดันมาเดินตลาดเวลาเดียวกันอีก ความบังเอิญนี้บัดซบจริงๆ ผมไม่เจอส้มมาหลายเดือนเลยนะครับตั้งแต่จบม.6 น่ะ เธอดูสวยขึ้น แถมรอยยิ้มที่เคยมัดใจผมไว้ได้นั่นก็ยังดูมีเสน่ห์ไม่เคยเปลี่ยนเลย ในขณะที่ผมยืนมองส้มเงียบๆ มือบางก็หยิบลูกชิ้นส่งไปให้แม่ค้าก่อนจะหันมามองผม

“ มองอะไรนักหนาล่ะหืม ”

“ ก็...มองไม่ได้รึไงล่ะ ”

“ ฮ่าๆๆ มองได้สิ ส้มแค่ถามเฉยๆ เอง ” เธอเอ่ยพลางยิ้มหวาน “ ไม่เจอกันนานเลยเนอะ ปองเป็นไงบ้าง ”

“ ก็สบายดี แล้วส้มล่ะเป็นไง ดูผอมไปรึเปล่า ”

“ ก็ปองอ้วนขึ้นแทนส้มแล้วนี่ ”

“ เดี๋ยวเถอะ ” ผมยกมือยีหัวส้มเบาๆ “ นี่หุ่นสมส่วนต่างหาก เอ่อ...ขอโทษ ปองลืมตัวน่ะ ” ผมรีบลดมือลงมาทันที ลืมไปว่าไม่มีสิทธิ์ที่จะทำแบบนั้นแล้ว

ผมนี่บ้าชะมัด

“ ขอโทษทำไม ปองไม่ได้ทำอะไรผิดหนิแค่จับหัวส้มเอง ”

“ มันก็....” ผมรับลูกชิ้นมาก่อนจะจ่ายเงินให้แม่ค้า “ ไม่รู้อ่ะ อยู่ดีดีก็อยากขอโทษเอง ”

“ ปองนี่จริงๆ เลยนะ ” เธอยู่ปากใส่ผม

อา....น่ารักอ่ะ

ผมยืนมองส้มตาปริบๆ ในใจก็คิดถึงเรื่องที่ทำให้เราเลิกกัน ถ้าสมมุติว่าพ่อส้มไม่กีดกัน ผมกับส้มอาจจะยังคบกันอยู่ก็ได้นะตอนนี้น่ะ เรื่องระหว่างผมกับพี่สยามคงไม่เกิดขึ้น คิดแบบนี้รู้สึกย้อนแย้งตัวเองชะมัด ช่วงเวลาที่ผมเคยได้ใช้ร่วมกับส้มผมก็มีความสุข ช่วงเวลาที่มีพี่สยามอยู่ในชีวิตผมก็มีความสุข ทำไมหัวใจถึงได้รู้สึกโลภมากแบบนี้วะ ฟีลคล้ายๆ วันทองสองใจเลย แต่อันนี้จะเป็น....สมปองสองใจ

เจ็บปวดจังวะ

“ ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ ” นิ้วเรียวจิ้มกลางระหว่างคิ้วผม “ คิ้วขมวดอีกแล้วนะ ”

“ คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ แล้วนี่ส้มซื้อของเสร็จแล้วจะไปไหนต่อ เดินตลาดหรอ ”

“ ว่าจะไปกินไอติมท้ายตลาดน่ะ ปองไปกินด้วยกันสิเดี๋ยวส้มเป็นเจ้ามือเอง ถือว่าต้อนรับที่ปองปิ๊กบ้าน ”

“ จะดีหรอ ”

“ ดีสิ ไม่ต้องคิดเยอะ ไปเร็วววววว ” ส้มคล้องแขนผมก่อนจะลากให้ตามไป “ เนี่ยะปองอ้วนขึ้นจริงๆ ด้วย ส้มลากไม่ไหวแล้ว ”

“ ที่ลากไม่ไหวเพราะส้มกลายเป็นขี้ก้างแบบนี้ต่างหาก ”

มือบางตีแขนผม “ ไม่ได้เป็นขี้ก้างสักหน่อย ”

“ ขี้ก้างชัดๆ ” ผมอมยิ้มก่อนจะเป็นฝ่ายเดินนำส้มแทน “ เดี๋ยวปองลากส้มเอง ”

“ ช้าหน่อยปอง ส้มเดินตามไม่ทัน ”

“ ไม่ ” ผมยิ้มหวานให้ก่อนจะรีบลากส้มให้เดินตามมาด้วยความเร็วแสง

นี่ก็เว่อร์ไปโน่น

ระหว่างที่ผมลากส้มเดินไปร้านไอติม เราก็แวะร้านโน้นซื้อของร้านนี้ไปเรื่อย มีร้านหลายร้านเลยนะครับที่จำเราสองคนได้ มีป้าร้านบ้าบิ่นถามด้วยครับว่าผมกับส้มแต่งงานกันรึยัง ผมก็เลยได้แต่ยิ้มแห้งๆ ส่วนส้มนี่ก็ได้แต่ยิ้มหวานแล้วก็บอกว่ารอเรียนจบแล้วค่อยแต่งงาน แน่ะ มีการเล่นตามน้ำไปกับป้าเขาอีก พูดแบบนี้นี่จิตใจอ่อนไหวได้เลยนะครับ ถ้าไม่ติดว่าผมมีผัวเป็นตัวเป็นตนแล้วผมคงจะตามตื้อให้ส้มกลับมาเป็นแฟนผมแน่นอนอ่ะ

ส้มน่ารักมากนะครับ

แต่ไอ้ความคิดนั้นก็คงเป็นได้แค่ความคิด จะทำอะไรผมจะต้องนึกถึงใจพี่สยามมันให้มากๆ ถึงแม้ว่าคนอื่นจะไม่รู้ก็เถอะว่าผมสองคนได้กันแล้ว แต่ผมก็รู้ตัวเองไง รู้ความรู้สึกของตัวเองดีด้วย รู้ถึงความหวั่นไหว รู้ถึงความรัก พี่สยามเองก็มั่นคงต่อผมมากเลยนะครับ ยอมรับเลยว่าเวลาที่ผมไปเรียนน่ะ เวลาเจอผู้หญิงที่ตรงสเปคเนี่ยะแน่นอนว่าจะต้องมองตามจนเหลียวหลัง แต่ผมคิดว่าพี่สยามมันคงไม่เป็นแบบผมแน่นอนอ่ะ

ผมโคตรเชื่อใจมันในเรื่องแบบนี้เลย

หลังจากที่มัวแต่คิดเรื่องแฟนเก่ากับผัวใหม่ป่ะปนกันอยู่ในหัว ผมกับส้มก็เดินมาจนถึงร้านไอติมท้ายตลาดแล้วครับ เจ้าของร้านจำผมได้ด้วยถึงแม้ว่าจะไม่ได้เจอผมนาน รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเซเลบเลยว่ะ เดินไปทางไหนก็มีแต่คนจำได้ ร้านไอติมเนี่ยะมีความจำทรงจำดีดีระหว่างเราหลายอย่างเลยนะครับ ผมเจอกับส้มครั้งแรกก็ที่นี่ ขอเป็นแฟนกันก็ที่นี่ เลิกกันยังเลิกที่นี่เลย

ทำไมมันหน่วงแปลกๆ วะ

“ ปองจะกินอะไรหืม ” ส้มถามพร้อมกับหยิบกระดาษมารอจด “ รสนมสามลูกและก็เพิ่มวีปกับเชอร์รี่ไหม ”

“ เอาอันนั้นแหละแล้วก็เพิ่มโอริโอ้ให้ด้วย ”

“ ได้เลย ” มือบางลงมือจดสิ่งที่ผมสั่งก่อนจะเดินเอาไปส่งให้พนักงานแล้วกลับมานั่งที่เดิม “ พนักงานหล่อมากเลยอ่ะ ”

ผมเท้าคางมองพลางอมยิ้ม “ จีบสิ ”

“ ไม่จีบหรอก ก็แค่ชมว่าเค้าหล่อเฉยๆ ”

“ งั้นหรอ....”

“ ช่ายยยย เรียนอยู่กรุงเทพฯ เป็นไงบ้าง ”

“ ก็เหนื่อยดี แต่ว่ามันก็เป็นคณะที่ปองชอบอ่ะนะ ใจมันก็เลยทุ่มให้เต็มที่ ”

เธอพยักหน้ารับเบาๆ “ เป็นแบบนั้นก็ดีแล้ว ”

“ ว่าแต่ส้มเถอะ เรียนเป็นยังไง เอ๊ะ แบบนี้ปองต้องเรียกว่าหมอส้มรึเปล่าหืม ”

“ ยัง ส้มไม่ยังไม่ได้เป็นหมอสักหน่อย เป็นนักศึกษาคณะแพทย์ต่างหาก ไว้ถ้าเป็นหมอเมื่อไหร่ปองค่อยเรียกแบบนั้นละกัน แล้วถ้าปองป่วยมาเดี๋ยวส้มจะรักษาให้เอง ดีไหม ”

“ จะหายป้ะเนี่ยะ ”

ส้มยกมือขึ้นมาเท้าคางมองผมก่อนจะทำแก้มป่อง “ ไม่หายก็ตายอ่ะ มันก็มีสองทางเลือก ”

เดี๋ยวนะ

ว่าที่คุณหมอนี่พูดแบบนี้ได้หรอวะ

ผมหรี่ตามองส้มอย่างชั่งใจ มันมีช่วงนึงที่เราสองคนนั่งคุยกันเรื่องเรียนต่อมหาลัยด้วยนะครับ ตอนแรกส้มไม่ได้คิดจะเรียนหมอหรอก เธอตั้งใจว่าจะเรียนเกษตร ที่บ้านของส้มทำไร่ส้มครับ ผมก็คิดว่าส้มคงจะเรียนเพื่อเอาความรู้มาช่วยงานในไร่นั่นแหละ ส่วนผมน่ะคิดว่าจะเรียนโยธามาตั้งแต่ตอนอยู่มัธยมต้นละ พอถึงเวลาสอบเข้าก็พุ่งไปที่วิศวะอย่างไม่มีลังเลเลย รู้สึกว่าที่ส้มเรียนหมอเนี่ยะน่าจะเป็นเพราะพ่ออยากให้เรียน

ไม่ก็บังคับ

พ่อส้มดุมากเลยครับ ดุแบบหื้มม.ม....คือพ่อผมกับพ่อส้มไม่ถูกกันมาตั้งแต่สมัยวัยรุ่นแล้วล่ะครับ มันก็เลยส่งผลมารุ่นลูกด้วย ตอนที่คบกันน่ะทางบ้านของผมไม่มีปัญหาเลยนะเรื่องที่ผมเป็นแฟนกับส้ม ดูจะต้อนรับด้วยซ้ำ แต่ทางบ้านส้มนี่ไม่เลยครับ พ่อส้มไม่โอเคเลยที่เราคบกัน ก็ถึงขั้นส่งคนมากระทืบผมเพื่อให้เลิกกับส้มอ่ะ สภาพตอนนั้นมันแย่มากจริงๆ นั่นแหละ มันเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวเลยที่ผมถูกกระทืบแบบนั้นอ่ะ

ซี่โครงร้าวอ่ะคิดดู

ตอนนั้นพ่อผมจะเอาเรื่องด้วยนะแต่ว่าผมขอไว้ ส้มเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับผมมาก และเธอก็มีปัญหากับพ่อด้วย ย้อนกลับไปคิดเรื่องนี้ทีไรผมก็รู้สึกถึงความไม่แฟร์ตลอดเลยว่ะ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้วอ่ะนะ มันผ่านไปแล้วด้วย มันดีตรงที่ตอนนี้เรามาเจอหน้ากันแล้วสามารถคุยกันได้แบบปกติ เหมือนที่เพื่อนเขาทำกัน

เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะ

หลังจากที่นั่งรอสักพักไอติมของเราก็มาเสิร์ฟแล้วครับ โคตรน่ากินเลยไอติมรสนมทั้งสามลูก มันอร่อยมากเลยนะครับ จริงๆ ผมน่ะอยากกินสักสิบลูกเลยแหละแต่ว่าส้มต้องห้ามแน่ๆ เธอบอกว่ากินไอติมเยอะเกินไปมันไม่ดีครับ อาจจะทำให้ปวดท้องได้ ผมก็ต้องอดใจกินแค่สามลูกพอ แต่ถ้าผมกินหมดก่อนผมก็จะค่อยไปแย่งไอติมส้มกิน แล้วผมก็จะโดนส้มตีทุกครั้งไป

“ อ่ะนี่ ” ผมหยิบเชอร์รี่ในถ้วยตัวเองไปวางในถ้วยส้มลูกนึง

“ อ่ะ ” ส้มเองก็หยิบเชอร์รี่มาวางในถ้วยผมเหมือนกัน “ นี่ส้มคิดว่าเราจะไม่แลกกันแล้วนะ ”

“ ต้องแลกสิ ก็ทำแบบนั้นตลอดเลยนี่ ”

“ พอมานั่งคิดถึงวันเก่าๆ ก็ตลกดีนะ มีหลายอย่างเลยที่เป็นข้อตกลงของเราน่ะ ”

“ มันก็จะเป็นอย่างนั้นเสมอแหละ ” ผมตักไอติมเข้าปาก “ ถึงตอนนี้เราจะเป็นเพื่อนกันเถอะ ”

“ นั่นสินะ ว่าแต่ปองมีแฟนรึยัง สาวเมืองกรุงคงจะสวยถูกใจไม่น้อยเลยสินะ ”

“ ก็สวยอยู่น่ะนะ แต่ว่าไม่มีใครถูกตาต้องใจปองเลยอ่ะ ” ผมบอกพลางยิ้มบางๆ ให้ จะว่าไปคนที่ถูกตาต้องใจมันก็มีอยู่นะ......หนุ่มลำปางไง

รายนั้นน่ะได้ไปทั้งตัวและหัวใจเลย

“ อมยิ้มแบบนี้ คิดถึงใครอยู่น่ะสิ ”

ผมส่ายหน้าน้อยๆ “ เปล่าสักหน่อย ว่าแต่ส้มเถอะ มีหนุ่มใหม่รึยัง ถ้ามีต้องเอามาให้ปองช่วยสแกนด้วยนะ ”

“ ก็....เป็นคู่หมั้นน่ะ ”

คู่หมั้น

ผมมองส้มตาโตทันทีที่ได้ยินว่าคู่หมั้น ไปหมั้นกับใครแล้วหมั้นตอนไหนวะ ผมเดาได้เลยว่าจะต้องเกี่ยวกับเรื่องของธุรกิจที่บ้านแน่ๆ เลย ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ ส้มจะมีความสุขไหมวะ ผมว่าการที่เราต้องหมั้นหรือแต่งงานกับใครที่เราไม่ได้เลือกเอง มันน้อยมากเลยนะครับที่จะมีความสุขน่ะ ถ้าสมมุติว่าพ่อผมจับผมหมั้นแบบส้มนะผมคงจะอาละวาดไร่แตกอ่ะครับ นี่มันยุคไหนแล้ว การถุงคลุมชนนี่น่าจะเลิกใช้ไปได้แล้วไหม

เฮ้ออ....

ทำไมมันขัดใจแบบนี้วะ

“ คู่หมั้นส้มเป็นคนแบบไหนอ่ะ ”

“ ก็อายุเยอะกว่าส้มน่ะนะ แล้วก็เรียนหมอปีสุดท้ายแล้ว ”

ผมพยักหน้ารับเบาๆ “ เค้าดีกับส้มใช่ไหม ”

“ อื้อ....ก็เป็นสุภาพบุรุษในระดับนึงเลยแหละ คือส้มกับเค้าหมั้นกันก็เพราะเรื่องธุรกิจที่บ้าน ตอนแรกส้มก็ค้านหัวชนฝาเลยแหละ แต่พอเริ่มได้ทำความรู้จักกับพี่เค้า มันก็ไม่ได้แย่ ”

“ ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีแล้ว ปองกลัวว่าส้มจะไม่มีความสุข ”

“ ก็นะ....ส้มยังรู้จักกับเขาได้ไม่นานเท่าไหร่หรอก ของแบบนี้มันก็ต้องดูกันไปแหละนะ หมั้นกันไว้ก่อนแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะได้แต่งงานกันหนิ จริงไหม ”

“ ก็จริงแหละ แต่ว่าถ้าผู้ชายคนนี้คือคนที่พ่อส้มเลือกให้ มันก็ยากไม่ใช่หรอที่จะขัดท่านน่ะ ”

เธอพยักหน้ารับเบาๆ “ นั่นสินะ ส้มกับเค้าก็ต้องดูกันไปเรื่อยๆ ก่อน พี่เขาคล้ายๆ ปองเลยนะ เรื่องของความเสมอต้นเสมอปลายน่ะ ”

“ ก็ดีแล้วหนิ ” ผมเลื่อนมือไปจับมือส้มก่อนจะบีบเบาๆ “ ถ้ามีปัญหาอะไรบอกปองได้เสมอนะ ปองพร้อมที่จะช่วยเหลือส้มเสมอ ”

ส้มจับมือผมไว้แน่นก่อนจะยิ้มหวาน “ ขอบใจนะ ปองก็เหมือนกัน มีอะไรก็ปรึกษาส้มได้เสมอ เพื่อนเค้าก็มีไว้ทำแบบนี้แหละ ”

ตอนที่เป็นแฟนก็ว่าดีแล้ว.....ตอนเป็นเพื่อนนี่ก็ยิ่งดีเข้าไปอีก

ความส้มนี่มันดีจริงๆ

ผมคลายมือออกก่อนจะกินไอติมต่อ ส้มเองก็มีการแย่งไอติมผมไปกินด้วย ถ้าเพื่อนๆ ผมได้ครึ่งนึงของส้มก็ดีนะครับ แต่ว่ามันก็เป็นไปไม่ได้ไง ไอ้บ้าพวกนั้นมันเป็นผู้ชายด้วยแหละ แต่ส้มเป็นผู้หญิง ทัศนคติกับความคิดมันจะต่างกันก็ไม่แปลกหรอกนะ ที่พูดนี่ไม่ใช่ว่าเพื่อนๆ ผมมันไม่ดีนะครับ มันก็ดีแต่ว่าติดขี้แกล้งมากไปหน่อย โดยเฉพาะลันตาเนี่ยะ ถ้าวันไหนมันไม่ได้แกล้งผมมันจะคงจะเป็นบ้าอ่ะ

นึกถึงลันตานี่มีเรื่องอยากจะอวดครับ

คลิปที่ผมถ่ายเอาคืนลันตาน่ะ ยอดวิวพุ่งทะลุแสนเลยนะครับ ยอดแชร์เป็นพัน คือแบบมันเยอะกว่าผมอีกอ่ะ พอมันหายแฮงค์แล้วมันก็โทรมาด่าผมหูดับ ผมก็หัวเราะอย่างสะใจใส่ไป มันบอกว่าเดี๋ยวเราจะได้เห็นดีกัน คือผมตั้งใจไว้แล้วว่าถ้ามันแกล้งผมอีกผมก็จะเอาคืนอีก มันจะเป็นการล้างแค้นที่ไม่จบไม่สิ้น

จองเวรกันไปชาติหน้าเลยเอ้า

กริ๊งงง กริ๊งงง

“ ใครโทรมานะ ” มือบางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับ “ ฮัลโหล....ว่าไงคะพี่ออม....ตอนนี้อยู่ร้านไอติมท้ายตลาดค่ะ ”

“ ใครวะพี่ออม ” ผมพึมพำอย่างสงสัย

“ อยู่กับปองค่ะ คนที่ส้มเล่าให้ฟังนั่นแหละ หืม...จะมารับหรอคะ ก็ได้ค่ะ ค่ะเจอกัน ” ส้มกดวางสายก่อนจะวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ “ คู่หมั้นจะมารับน่ะ ”

“ อ๋อ ชื่อออมหรอ ”

“ ใช่....ชื่อออมสินน่ะ เค้าอยากเจอปองก็เลยจะมารับ ”

“ ทำไมถึงอยากเจออ่ะ ส้มเคยไปเล่าอะไรให้เขาฟังหรอ ”

“ ก็บอกว่าเคยคบกันช่วงนึง แต่พ่อไม่เห็นด้วย ”

“ แล้วนี่ถ้าพี่เค้ามาจะเป็นปัญหารึเปล่า เค้าอาจจะไม่ชอบก็ได้นะที่คู่หมั้นตัวเองมานั่งกินไอติมกับแฟนเก่าน่ะ ”

“ ไม่รู้สิ เดี๋ยวเค้ามาก็รู้เองแหละ ”

ผมพยักหน้ารับก่อนจะตักไอติมกินต่อ ขอให้ไม่มีปัญหาอะไรก็แล้วกัน ผมไม่อยากส้มลำบากใจ แต่ถ้าเป็นผมนะ ถ้าต้องมาเห็นคู่หมั้นตัวเองมานั่งกินไอติมกับแฟนเก่าก็คงไม่ชอบใจอยู่ อดีตควรเป็นอดีต ถึงจะลดมาเป็นเพื่อนกันก็เถอะ แต่แหม....ถ่านไฟเก่าอ่ะ มันก็ต้องคุบ้างป้ะวะ แต่ไอ้เรื่องไม่ชอบใจนี่ก็ต้องเก็บไว้ในใจนั่นแหละครับ ถ้าแสดงออกออกไปมากๆ มันก็จะเหมือนกับว่าเราไม่เชื่อใจในคนของเรา

เราไม่หนักแน่นพอ

ตื้อดึ่ง

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูหลังจากที่เสียงไลน์ดัง ภาพที่ปรากฏบนหน้าจอทำให้ผมหลุดยิ้มออกมาทันที มันเป็นภาพแพนเค้กที่เขียนชื่อผมอยู่ตรงกลางครับ แถมมีการวาดเป็นรูปหัวใจอยู่ข้างๆ ด้วย

สยาม : กูจะแดกมึงละนะ

สมปอง : กล้าแดกกูเลยหรอ

สยาม : กล้าสิ มึงอร่อย


อร่อยโพ่ง

ผมถ่ายรูปไอติมที่กำลังกินอยู่ส่งไปให้มันดูบ้าง มันคงจะเอาแพนเค้กมาล่อผมให้อยากกินแน่ๆ แต่เสียใจด้วยเถอะพี่สยาม กูแดกไอติมอยู่พอดี แพนเค้กมึงทำอะไรกูไม่ได้หรอก

สยาม : ไปกินที่ไหนอ่ะ

สมปอง : ตลาดใกล้บ้านอ่ะ ไว้ถ้ามีโอกาสกูพามึงมากินนะ

สยาม : ไอติมอร่อยมากป้ะ

สมปอง : อร่อยดิ่

สยาม : กูอร่อยกว่าไอติมอีก ไม่เชื่อลองแดกได้นะ อิอิ


ฉ่า

มึงนี่มัน...

ผมยกมือขึ้นลูบหน้าเพื่อไล่ความร้อนเบาๆ พี่สยามนี่แม่ง ทำให้กูเขินแค่กรุงเทพฯ ก็พอไหม เสร่อมากูเขินข้ามภาคอีกไอ้บ้านี่ แล้วผมก็เป็นบ้าเป็นบอไรไม่รู้อ่ะ พี่มันพูดแค่นี้ผมก็เขิน

อาการหนักแล้วปองเอ้ย

“ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียวนะ ”

“ เอ่อ...คือ ”

“ คนพิเศษหรอ ” ส้มหรี่ตามองผมพลางอมยิ้ม “ สีหน้าดูมีความสุขที่ได้คุยมากเลยนะ ”

“ หน้าปองมันแสดงออกขนาดนั้นเลยหรอ ”

“ ใช่สิ เค้าเป็นใครหรอ บอกส้มได้รึเปล่า ”

“ คือมันเป็นพี่รหัสปองอ่ะ ”

“ ผู้ชายหรอ ”

ผมพยักหน้ารับเบาๆ “ ใช่ ปองรู้สึกสบายใจที่ได้อยู่กับมันอ่ะ แต่ก็ยังลังเลตัวเองอยู่พอสมควรเลย ส้มไม่ได้รู้สึกแปลกๆ กับปองใช่ไหม ที่ปองเป็นแบบนี้ ”

“ ไม่หนิ ความรักก็คือความรักไม่ใช่หรอ....ส้มว่าถ้าปองอยู่กับเค้าแล้วปองสบายใจก็อยู่ไปเถอะ อะไรที่ทำแล้วมีความสุขเราก็ควรทำไม่ใช่หรอ ” ส้มบอกก่อนจะแย่งโอริโอ้ในถ้วยผมไปชิ้นนึง “ ว่าแต่เค้าเป็นคนแบบไหนอ่ะ ”

“ ก็เป็นคนที่ขี้โวยวายน่ะ คือเจอกันครั้งแรกเนี่ยะ เราก็ทะเลาะกันเป็นเรื่องเป็นราวเลยนะ เพราะว่ามันมาว่าปองว่าชื่อโบราณอ่ะ ”

“ งี้นี่เอง กัดกันไปกันมาก็รักกันอย่างงี้น่ะนะ ”

“ ยังไม่ถึงขั้นนั้นสักหน่อย ” ผมทำแก้มป่องใส่ “ ไว้ถึงแล้วปองจะบอกแล้วกัน ”

“ เดี๋ยวส้มจะรอแสดงความยินดีนะ ถ้าปองแต่งงานเดี๋ยวส้มจะเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้เอง จะเป็นคนถือชายกระโปรงที่ปองใส่ให้ด้วย ”

เดี๋ยวนะ

ทำไมมันแปลกๆ วะ

ผมนั่งประมวลผลในสิ่งที่ส้มพูดอย่างมึนงง ถ้าผมแต่งงานก็คงหมายถึงผมแต่งงานกับพี่สยาม เป็นเพื่อนเจ้าสาว เอ๊ะ มันจะมีเจ้าสาวได้ไงวะ เจ้าสาวคือผู้หญิงสิถูกไหม แล้วถือชายกระโปรงที่ผมใส่มันคืออะไรวะ ผมจะใส่กระโปรงทำไม งานแต่งงานของผมกับพี่สยามก็ต้องมีเจ้าบ่าวสองคนสิ แต่เห้ย เจ้าบ่าวมันแต่งงานกันได้ด้วยหรอวะ เจ้าบ่าวมันต้องคู่กับเจ้าสาว อ่ะกูเริ่มงงละ ในหัวนี่เชี่ยไรวะเนี่ย

มึนงงสับสนมากๆ

“ ทำไมทำหน้าแบบนั้น ” ส้มมองผมก่อนจะเหลือบมองไปด้านหลัง “ พี่ออม ”

ผมหันไปมองตามส้มก็พบกับร่างสูงอยู่อยู่ในชุดนักศึกษาถูกระเบียบเป๊ะเลยครับ เรือนผมสีดำเซ็ตอย่างเป็นระเบียบ ยอมรับเลยว่าพี่ออมของส้มเนี่ยะ ดูดีมากเลยนะครับทั้งรูปร่างและหน้าตา ออร่าคุณหมอก็จับมากด้วย

“ รอนานไหมคะ ” พี่เขาเดินมานั่งลงข้างส้มก่อนจะหันมายิ้มให้ผม “ เราชื่อสมปองสินะ ”

ผมพยักหน้ารับเบาๆ “ ใช่ครับ พี่คงเป็นคู่หมั้นของส้มใช่ไหม ”

“ ใช่....พี่ชื่อออมน่ะ ฟังเรื่องที่ส้มเล่าถึงเราพี่ก็อยากเจอเรามาตอดเลย ”

“ ส้มคงไม่เล่าอะไรแปลกๆ ไปใช่ไหมครับ ”

คนถูกพาดพิงถึงตีมือผมเบาๆ ทันที “ ส้มจะไปเล่าอะไรแปลกๆ ทำไมเล่า....แล้วพี่ออมกินอะไรไหมคะ เดี๋ยวส้มสั่งให้ ”

“ งั้นเอาเหมือนเดิมที่พี่ชอบทานก็ได้ค่ะ ”

“ งั้นรอแปปนึงนะคะ ” ส้มบอกก่อนจะลุกเดินไปสั่ง

“ พี่ออม....ทำไมถึงอยากเจอผมล่ะครับ ”

“ พี่ก็แค่อยากเห็นคนที่ส้มเคยรักน่ะ พี่อยากจะทำให้ได้สักครึ่งของผู้ชายคนนั้น ส้มจะได้รักพี่ไง ”

ผมหลุดยิ้มออกมาทันทีกับเหตุผลของพี่เขา “ ผมว่าพี่โอเคกว่าผมเยอะเลยแหละ ”

“ ไม่หรอก แต่พี่ก็เชื่อนะว่าจะทำให้ส้มรักพี่ได้ในสักวันน่ะมันก็คงต้องใช้เวลา ” พี่ออมเอ่ยพลางยิ้มหวาน “ พี่รู้ว่าเรื่องของเราสองคนมันน่าเศร้า ถึงการหมั้นของพี่กับส้มมันจะมีเรื่องของธุรกิจเข้ามาเกี่ยวแต่พี่ก็อยากจะบอกให้เรารู้ไว้ว่าพี่รักส้มจริงๆ และก็จริงจังมากด้วย ”

“ ถ้าพี่พูดแบบนั้นผมก็ค่อยใจชื้นขึ้นมาหน่อย ผมกลัวมากว่าส้มจะไม่มีความสุขที่ต้องโดนบังคับให้หมั้น เห้ยแต่พี่ไม่ต้องคิดเยอะนะว่าผมยังรักส้มในเชิงนั้นอยู่น่ะ ผมรักส้มในฐานะของเพื่อนกันเท่านั้นแหละ ”

“ พี่ก็ขอให้เราเป็นเพื่อนที่ดีของส้มต่อไปนะ อีกอย่างคือพี่ต้องขอบคุณเรามากที่ดูแลส้มในช่วงเวลานึงที่พี่ยังไม่เข้ามา.....หลังจากนี้พี่จะดูแลส้มให้ดี ให้มากเท่ากับที่เราดูแล ”

เชี่ยยยย

หน้าหล่อไม่พอใจยังโคตรหล่อ

ผมฉีกยิ้มแป้นให้พี่ออมอยู่อย่างนั้น รู้สึกว่าส้มโชคดีมากเลยนะครับที่ได้มาเจอคนแบบนี้น่ะ เขาน่าจะดูแลส้มได้ดีตามที่พูดนั่นแหละ แบบนี้ค่อยวางใจได้หน่อย ผมชอบคำพูดของพี่ออมมากเลยครับ มันเท่ มันดี มันละมุนใจมากเลยอ่ะ ถ้าผมเป็นส้มแล้วมาได้ยินในสิ่งที่เขาพูดเมื่อกี้นะผมคงจะหลงรักในคำพูดเหล่านั้นแน่ๆ ลองคิดว่าถ้าพี่สยามมันพูดอะไรแบบนี้ล่ะ

นึกภาพไม่ออกเลยว่ะ

กลับบ้านครั้งนี้ก็ดีเหมือนกันผมว่า มันทำให้ผมรู้ว่าคนที่ผมคอยเป็นห่วงในช่วงหลายเดือนมาเขาก็มีความสุขกับคนที่ดี ทำให้ผมได้กินกับข้าวอร่อยๆ ฝีมือแม่ด้วย ได้ทำโน่นได้ทำนี่ตั้งหลายอย่างแน่ะ ได้ตั้งชื่อลูกม้าว่าสมหยัมด้วยนะ ที่สำคัญคือการกลับบ้านครั้งนี้มันทำให้ผมรู้เลยว่า....

ผมคิดถึงพี่สยามมากแค่ไหน

คิดแล้วก็ตลกดีว่ะ ผมถ่ายรูปเป็นร้อยรูปเลยนะเพื่อที่อยากจะเอาไปให้มันดูน่ะ มีหลายครั้งที่ผมรู้สึกว่ามันจะดีกว่านี้ถ้ามีพี่มันอยู่ข้างๆ ผมด้วย ตอนนอนก็รู้สึกเลยครับว่าเตียงโคตรกว้าง เตียงที่ห้องผมกับที่หอขนาดมันไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่น่ะครับ พอนอนคนเดียวนี่รู้สึกถึงความเปล่าเปลี่ยวเอกาเลยอ่ะ อีกอย่างคือต่อให้ผมห่มผ้าหนาแค่ไหนมันก็อุ่นไม่เหมือนกับเวลาที่โดนพี่สยามกอดอ่ะ

อา....ว่าแล้วก็คิดถึงจัง

พี่สยามมีอิทธิพลต่อชีวิตผมมากจริงๆ นั่นแหละ

ไปไหนไม่รอดแล้วว่ะ











TBC.

ชาลมาส่งหยัมปองแล้วค่ะ เพิ่งเสร็จสดๆเลยยังไม่ได้แก้อะไรทั้งนั้น เดี๋ยวจะไล่แก้ให้นะคะ
ถ้าชอบก็คอมเม้นต์เพื่อเป็นกำลังใจให้กันได้นะคะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-12-2017 14:52:57 โดย chaleeisis »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
ฝั่งปองดูแล้วไม่มีอะไร
งั้นที่เราเดาเอาไว  ก็คง(หึหึ).....ซินะ

ถ้าพี่หยัมวอกแวกไปกิ๊กกับถ่านไฟเก่า
เราจะไปดักงับหัวพี่หยัมเองเลย

จะไม่ชอบใจเลยกับคนใจโลเล
มันเจ็บ

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6
 :L2: :pig4: :L1:

ปอง ชัดเจนขึ้นเลื่อยๆ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ไม่ดราม่า ก็ดีแล้ว    :mew1: :mew1: :mew1:

พี่สยาม สมปอง  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ปองคิดถึงพี่หยัมแล้ว
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ sompong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
พี่หยัม ชื่อนี่น่ารัก

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 24 ในสมองมีแต่สยาม



“ พะนาย ”

“ หืม ”

“ ไปน้ำตกกัน ”

“ หนาวขนาดนี้เนี่ยะนะจะไปน้ำตก มึงไปคนเดียวเถอะ ”

“ ไม่เอา ตอนกูไปคนเดียวกูก็หลงทาง แค่นี้พากูไปหน่อยไม่ได้หรอ ”

“ กูไม่ว่างเนี่ยะมึงเห็นไหม มีการมีงานต้องทำนะ ไปชวนณนนท์ไป ” มันบอกก่อนจะโบกมือไล่ผม

ใจร้ายชิบหาย

ผมทำหน้าบูดใส่ไอ้หล่อที่กำลังดูองุ่นไปเรื่อยพลางจดข้อมูลอะไรไม่รู้ใส่กระดาษ ตอนนี้ผมอยู่ที่แปลงทดลองสายพันธุ์กับพะนายสองคนครับ ผมจะกลับกรุงเทพฯ วันนี้แต่ว่าจะบินไฟท์ค่ำๆ ไง ก็เลยคิดว่าเวลาว่างที่มีเนี่ยะ จะหาเรื่องแกล้งพะนายกับณนนท์ ด้วยการชวนมันไปน้ำตกที่ท้ายไร่แล้วก็ผลักมันสองคนตกน้ำไป คือนี่ก็ฤดูหนาวชิบหายไงครับ แน่นอนว่าน้ำในน้ำตกนี่ต้องเย็นจัดแน่นอน คืออยากให้มันสองคนแข็งตายแล้วจมน้ำไปเลยน่ะครับ จะได้ไม่ต้องอยู่กวนประสาทผมอีก

นี่คิดจริงๆ เลยนะเนี่ย

ตอนม.4 ผมเองก็เคยโดนจับโยนลงน้ำตกเหมือนกันนะ จำได้ว่าตอนนั้นเป็นไข้ไปหลายวันเลยอ่ะ คนที่โยนผมลงไปก็ณนนท์ไง โดยมีพะนายคอยช่วยเชียร์ ยังไงวันนี้ผมต้องลากมันสองคนไปโยนน้ำตกให้ได้

ไม่งั้นไม่กลับกรุงเทพฯ จริงๆ อ่ะ

“ ก็ให้งานมึงเสร็จก่อนก็ได้ อีกอย่างกูไปชวนณนนท์อยู่แล้วแหละ ก็แค่อยากให้มึงไปด้วย ”

พะนายละจากกระดาษขึ้นมามองผม “ แปลกๆ นะมึงน่ะ คิดทำอะไรรึเปล่า ”

“ กูนี่ไม่น่าไว้ใจขนาดนั้นเลย ”

“ ใช่ ”

แหม่ะ ตอบไวไม่คิดเลยนะไอ้สัส

“ เออ ใช้สิ กูไม่ณนนท์หนิ ” ผมเบะปากก่อนจะทำเสียงสะอื้นตัดพ้อใส่

“ ไม่ว่ามึงหรือณนนท์ก็ไม่มีใครน่าไว้ใจทั้งนั้นแหละ ”

“ มึงนี่มองโลกในแง่ร้ายจังเลยนะพะนาย ” ผมเด็ดองุ่นตรงหน้าก่อนจะยัดใส่ปาก “ อื้มม.ม...โคตรเปรี้ยว ”

“ ใครใช้ให้แดกล่ะ ของทดลองเสือกแดกเฉยเลยนะมึง ”

“ ก็นี่ไงกูทดลองรสชาติให้ ” ผมเลื่อนไปเด็ดองุ่นต้นข้างๆ มากิน “ ทำไมต้นนี้หวานเจี๊ยบแบบนี้ล่ะ ”

“ นั่นสิ มันหวานเกินไปรึเปล่า ”

พะนายมันเด็ดองุ่นต้นเดียวกับผมมากิน ก่อนจะจดอะไรใส่กระดาษไม่รู้ ผมว่าพะนายกับณนนท์มันเก่งนะครับที่ทำงานเกี่ยวกับพัฒนาสายพันธุ์องุ่นอะไรเถือกๆ เนี้ยะ พวกนี้ดูสนใจงานในไร่ตั้งแต่สมัยก่อนละ ส่วนผมนี่สนใจแค่เอามากินน่ะครับ แต่ว่าก็ไม่ใช่องุ่นทุกต้นในไร่จะกินได้นะ บางแปลงก็เอาไว้ทำไวน์ บางแปลงก็เอาไว้ขายส่ง ผมจะชอบโผล่ไปแปลงที่เอาไว้ขายส่งน่ะครับ เพราะว่าองุ่นแปลงนั้นจะอร่อย ผมชอบไปขโมยมากิน แล้วพ่อก็จะด่าผมอยู่ร่ำไป

น่าปวดใจเนอะ

พ่อเคยจับผมมานั่งคุยแบบจริงๆ จังๆ ด้วยนะครับ เรื่องที่ผมไปจิ๊กองุ่นที่เขาจะไปส่งน่ะ พ่อบอกว่าถึงผมจะหยิบองุ่นออกมาแค่พวงนึงเนี่ยะ แต่ถ้าน้ำหนักมันไม่ถึงตามที่ลูกค้าสั่งไว้ทางไร่จะเสียหาย อาจจะเสียลูกค้าไปเลยก็ได้ พอพ่อบอกแบบนั้นแหละครับผมนี่สลด สลดหนักเลย แต่แบบองุ่นมันอร่อยอ่ะพ่อ จะให้ลูกทำไง พอพ่อนั่งเทศน์ผมนานสองนาน เขาก็บอกว่าจะเก็บองุ่นส่วนที่ไม่ต้องไปขายเอามาใส่ไว้ในตะกร้าในครัวให้เอง ผมนี่ปลื้มปริ่มกับสิ่งที่พ่อพูดมากครับ

จากนั้นก็กินองุ่นทุกวันจนหน้าจะเปลี่ยนเป็นสีม่วง

ก็เว่อร์เกินไป

“ ปอง ”

“ ห้ะ ว่าไง ”

“ องุ่นรสหวานแบบนี้มึงคิดว่าเอาไปทำอะไรดี ”

“ เอาไปกินไง ”

พะนายมันยกสมุดขึ้นตีหัวผมเบาๆ “ กูรู้ว่ากิน กูหมายถึงจะกินยังไง ”

“ ก็ใส่ปากไง ” พอผมพูดจบมันก็ตีผมอีกที “ โอ้ยยยยมึงนี่ กูพูดผิดตรงไหนห้ะ มึงจะกินองุ่นอ่ะ มึงไม่ใส่ปากแล้วมึงให้ใส่อะไร ใส่ตารึไง ” ผมโวยใส่มันก่อนจะยกมือลูบหัวตัวเองเบาๆ

เซลล์สมองตายไปล้านเซลล์ละมั้ง

“ จิ๊....มึงนี่มันปัญญาอ่อนจริงๆ เลย สิ่งที่กูถามคือควรเอาไปแปรรูปเป็นอะไรดี ”

“ อ๋อ....แล้วไม่บอกวะ ”

“ มึงนี่....” พะนายมันง้างสมุดทำท่าจะตี แต่ผมก็ชิงวิ่งหนีออกมาก่อน

ไม่ได้แดกกูหรอก

แบร่ๆๆๆๆ

ผมยืนแลบลิ้นใส่มันก่อนจะคิดว่าองุ่นรสหวานแบบนี้ควรเอาไปทำอะไรดี มันหวานมากเลยล่ะครับ ความหวานระดับนี้ถ้าเอาไปทำน้ำผลไม้ก็น่าจะเวิร์คนะ เพราะความหวานในตัวมีอยู่แล้ว จะได้ใช้น้ำตาลน้อยด้วย ถ้าเอาไปทำแยม ก็ได้รึเปล่า แต่ว่าปกติทำแยมมันจะต้องใช้น้ำตาลเยอะอยู่นะเพราะว่ามันเป็นถนอมอาหารไง ถ้าใช้น้ำตาลเยอะมันก็จะยิ่งหวานเข้าไปอีก แต่ถ้าเอาองุ่นเปรี้ยวมาผสมด้วยก็น่าจะไม่ทำให้รสชาติมันหวานไปรึเปล่า

ทำไมคนอย่างสมปองต้องมาคิดอะไรแบบนี้ด้วยวะ

ไม่เข้าใจเลย

“ กูว่ามึงถามพ่อดีกว่า เค้าน่าจะให้คำตอบได้ดีกว่ากู ”

“ นั่นสินะ ” พะนายมันปิดสมุดก่อนจะเดินมาคล้องคอผม “ ไปคอกม้ากัน ”

“ ไปทำไมวะ ”

“ ไปหาณนนท์ไง มึงอยากไปน้ำตกไม่ใช่หรอ ”

“ มึงจะพากูไปหรอ ” ผมทำตาปิ๊งๆ ใส่มัน “ ไม่ได้โกหกนะ ”

“ เออสิ คนอย่างพะนาย พูดคำไหนคำนั้นป้ะวะ ”

“ โอเค งั้นไปหาณนนท์กัน ”

แผนที่วางไว้เสร็จไปหนึ่งขั้นแล้วครับ ปลื้มปริ่มใจสุดๆ อ่ะบอกเลย ที่เหลือก็แค่ไปหาณนนท์แล้วก็เกลี่ยกล่อมให้มันไปน้ำตกด้วยกัน จากคอกม้าไปน้ำตกก็ไม่กี่ร้อยเมตรหรอกครับ แต่ผมจำทางไปไม่ได้ มันคดเคี้ยวอ่ะ มันเป็นน้ำตกต้นน้ำ สวยมากเลยนะแถมน้ำก็ใสมากด้วย ที่มันยังสวยมากนี่ ผมว่าน่าจะเป็นเพราะไม่ค่อยมีใครไปเล่น น้ำตกมันอยู่ในพื้นที่ของไร่ผมไง คนนอกจะเข้ามาไม่ได้อยู่แล้ว

เดี๋ยวผมต้องถ่ายรูปน้ำตกสวยๆ ไปให้พี่สยามดูด้วย

อา....นึกถึงมันเฉยเลยว่ะ

เอาอีกแล้วนะปอง





“ ไปเถอะนะ ”

“ มึงก็ไปกับพะนายสิ ”

“ กูอยากให้มึงไปด้วยอ่ะ ”

“ กูไม่ว่าง ทำงานเนี่ยะเห็นไหม ”

“ ทำไมต้องใช้พูดคล้ายๆ พะนายด้วยวะ ” ผมบ่นอุบอิบก่อนจะคล้องแขนณนนท์แล้วเอาหน้าไถๆ “ ไปด้วยกันเถอะ เดี๋ยวกูก็กลับกรุงเทพฯ แล้วนะ อีกนานแน่ะกว่าจะมาอีก ”

“ ก็เรื่องของมึงสิ ”

มึงนี่โคตรไร้เยื่อใยเลยว่ะ

ผมเบะปากมองณนนท์พลางส่งสายตาอ้อนวอนใส่ ตอนนี้ก็เกือบสิบโมงแล้วครับ ความจริงผมควรจะถึงน้ำตกแล้วนะถ้าไม่ต้องมาพยายามต้อนให้ณนนท์ไปน้ำตกด้วยกัน ไม่ว่าผมจะพูดยังไงมันก็ไม่ยอมไปด้วยอ่ะ จะลากก็ลากไม่ไหวเพราะตัวมันใหญ่กว่า จะให้พะนายช่วยลาก ก็ไม่ได้อีกแหละ พะนายมันก็ตัวเล็กกว่า

เอาไงดีวะ

“ ถ้ามึงยอมไปน้ำตกกับกู กูจะล้างคอกม้าให้ ”

ณนนท์มันเลิกคิ้วมองผม “ มึงแน่ใจนะว่าจะล้าง ”

“ เออสิ เมื่อก่อนกูก็ล้างออกจะบ่อย กูไม่ได้เป็นพวกรังเกียจขี้ม้านะเว้ย ”

“ เออเอางั้นก็ได้ ”

“ เย่ งั้นไปเถอะ ” ผมรั้งแขนณนนท์ไว้ข้างนึง ส่วนอีกนึงก็คล้องแขนพะนายไว้

หึ....แผนสำเร็จไปอีกขั้น

พอตกลงกันเสร็จสรรพพวกผมสามคนก็ออกเดินทางมายังน้ำตก แหม่ ใช้คำว่าออกเดินทางกับระยะที่ไม่ถึงห้าร้อยเมตรมันก็แปลกๆ อยู่นะ แต่ไม่เป็นไรช่างแม่ง ผมรู้สึกตื่นเต้นมากเลยครับที่จะได้ล้างแค้นที่สะสมมาแรมปี อากาศตอนนี้ก็ยังเย็นอยู่นะ แถมลมหนาวก็พัดอยู่ตลอดด้วย ดีนะว่าแดดออกน่ะ มันก็เลยไม่ได้หนาวเหมือนตอนเช้าๆ ตอนเช้านี่ปากสั่นเลยล่ะ

กึกๆๆๆๆ

ฟีลนี้เลย

ผมเดินเกาะไหล่ณนนท์ไปตามทางไปน้ำตก พะนายก็เดินตามอยู่ด้านหลัง การที่เดินตรงกลางแบบนี้นี่รู้สึกปลอดภัยมากครับ นึกถึงสมัยก่อนเหมือนกันนะ เราอยู่ 3 คนแบบนี้มาตลอด เวลาไปไหนด้วยกันก็มักจะเดินแบบนี้แหละ ผมจะอยู่ตรงกลางเสมอ ก็เคยคิดอยากจะเดินนำนะแต่ณนนท์มันบอกว่าให้ผมเดินตรงกลางน่ะดีแล้ว เวลาเกิดอะไรขึ้นเนี่ยะ มันจะได้ปกป้องผมได้ พะนายก็ใช้เหตุผลนี้กับผมเหมือนกัน ตอนแรกผมก็ไม่ค่อยเข้าใจนะครับ

จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ค่อยเข้าใจอยู่ดี

ช่างมันละกัน

“ ทำไมในป่ามันเย็นงี้วะ ” ณนนท์มันยกมือขึ้นมาเป่า “ มือแข็งไปหมดแล้ว ”

“ เพราะต้นไม้มันเยอะไง ”

ผมหันไปมองพะนาย “ เราเผาทิ้งดีไหม ”

“ เผาได้ไงล่ะไอ้บ้า ถึงมันจะเป็นเขตไร่เราแต่เราก็ไม่มีสิทธิ์เผามันนะ ”

“ ใช่ ” ณนนท์มันหันมาโขกหัวผม “ มึงนี่มันตัวทำลายล้างจริงๆ ”

“ กูเจ็บนะ มึงก็เป็นตัวทำลายเซลล์สมองกูเหมือนกันแหละไอ้เลว ” ผมตีไหล่ณนนท์อย่างแรง

“ เดี๋ยวมึงจะโดนนะ ”

ไม่กลัวหรอกโว้ย

เพราะคนที่จะโดนมันคือมึงต่างหาก

หลังจากที่ผมคาดโทษณนนท์ในใจเสร็จ พวกเราก็ใช้เวลาประมาณ 15 นาที เดินมาจนถึงน้ำตก น้ำโคตรใส ใสมาก รอบๆ ข้าง นี่ก็สวยสุดๆ ผมเดินไปใกล้ต้นไม้ใหญ่ที่มีชิงช้าผูกไว้ พ่อเป็นคนมาผูกให้ผมเองล่ะครับ ผมชอบเวลาที่นั่งชิงช้าแล้วพุ่งลงน้ำได้อ่ะ ไว้ถ้าเป็นช่วงหน้าร้อนค่อยกลับมาบ้านอีกทีแล้วกัน เดี๋ยวจะมาเล่นน้องชิงช้าโดยเฉพาะเลย

อดใจรอพี่ปองไปก่อนนะจ๊ะ

ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปวิวรอบๆ วิวสวยๆ แบบนี้พี่สยามมันต้องชอบแน่ๆ มันต้องมีสักวันสินะที่ผมกับมันได้มาเล่นน้ำที่นี่ด้วยกัน ถ้ามีวันนั้นจริงๆ ก็แปลว่าผมคงจะจัดการเคลียร์เรื่องที่บ้านเรียบร้อยแล้วมั้ง ผมไม่รู้ว่าพ่อคิดยังไงกับเรื่องการคบเพศเดียวกันนะ ไม่รู้ว่าเขาจะรับได้รึเปล่าถ้าผมกับพี่สยามคบกัน ถ้าพ่อรับไม่ได้นี่ผมต้องทำไงวะ พอเป็นเรื่องครอบครัวนี่มันดูยากไปหมดเลยเนอะ เอาเป็นว่าให้ถึงเวลานั้นก่อนละกัน

ให้คบกันก่อน

ส่วนเรื่องอื่นค่อยว่ากันอีกที

“ ระวังตกน้ำนะปอง ”

“ เออ พวกกูไม่ช่วยมึงนะ ”

ผมหันขวับไปเบ้ปากใส่มันสองคนทันที “ ไอ้พวกใจร้าย ”

“ พวกกูใจดีจะตาย ทิ้งงานเพื่อพามึงมาน้ำตกเลยนะ ” พะนายมันบอกก่อนจะยกมือแตะไหล่ณนนท์ “ ปองมันไม่เห็นความดีของเราเลยว่ะณนนท์ ”

“ เออ เสียใจอ่ะ ” ณนนท์มันตีหน้าเศร้าก่อนจะโอบไหล่พะนายและก็ซบกันอยู่สองคน

ทำไมพวกมึงดู.....

“ อย่าพลอดรักกันได้ไหม อายปลาบ้าง ”

ณนนท์ผละออกมาทำหน้าบึ้งใส่ผม “ พลอดรักหน้ามึงอ่ะ กูปลอบใจกัน”

“ แหม่ๆๆๆๆ มีปกป้อง นี่มึงแอบได้กันป้ะเนี่ย ”

“ เด็กปากมากต้องทำโทษรู้ไหม ” พะนายมันยิ้มหวานให้ผม “ มึงจับมันโยนลงน้ำดิ้ณนนท์ ”

ชิบหายละ

ผมจะวิ่งหนีแต่ก็ไม่ทัน ณนนท์มันล็อคคอผมไว้ก่อนจะลากมาริมโขดหิน ไม่เอาแบบนี้เซ่ กูจะเป็นคนทำพวกมึงตกน้ำนะ ไม่ใช่ให้มึงมาทำกูแบบนี้ ผมพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดแต่เหมือนมันจะไม่เป็นผล ผมเลยเลือกที่จะเกาะณนนท์ไว้แน่นแทน เอาสิมึง ถ้ากูเปียกมึงต้องเปียกไปกับกูอ่ะ

ไม่ยอมเปียกคนเดียวหรอกโว้ย

“ ปล่อยกูเลยไอ้เด็กบ้า ”

“ ไม่ปล่อย ถ้ากูจะเปียกมึงต้องเปียกด้วย ” ว่าแล้วผมก็ยึดตัวมันไว้แน่น

“ งั้นก็เปียกไปทั้งคู่เลยละกัน ”

ตู้มมมม

“ อื้ออ.อ.อ....แค่กกก.ก.....” ผมรีบโผล่หัวขึ้นมาเหนือน้ำก่อนจะเกาะโขดหินไว้แน่น “ พะนาย!!!!! ”

ณนนท์มันโผล่หัวขึ้นมาเหนือน้ำ ปากก็สั่นเพราะความหนาว “ มึง....ไอ้คนทรยศ ”

“ ก็เห็นยื้อกันอยู่นั่นแหละ กูเลยสงเคราะห์ให้ ” พะนายมันนั่งลงก่อนจะยื่นหน้ามามอง “ เป็นไง เย็นสดชื่นไหม ”

ผมหรี่ตามองมัน “ มึงมาลองพิสูจน์เองสิ ” ผมถีบโขดหินด้านล่างเพื่อส่งตัวเอง มือก็คว้าเข้าที่เสื้อพะนายก่อนจะดึงมันให้ลงมาในน้ำ

ตู้มมมม

“ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ ” ณนนท์มันหัวเราะลั่น “ โคตรโง่อ่ะกูบอกเลย ”

“ อื้อออ.อ....แค่กก.ก.ก.ก....ห่าปอง ” พะนายมันกวักน้ำใส่ผม

“ ว้ายๆๆๆๆ เปียกเหมือนกันแล้ว ตายห่าซะ ” ผมกระโจนเข้าหาพะนายก่อนจะกดหัวมันลงไปในน้ำ ณนนท์มันก็มาช่วยจัดการด้วยอีกแรง

สนุกว่ะ

ถึงจะหนาวไปหน่อยแต่ก็สนุก

มันจะดีกว่านี้เยอะนะครับถ้าน้ำไม่เย็นจัดแบบนี้น่ะ ไม่คิดเลยว่าตัวเองจะต้องมาตกน้ำแบบนี้ แต่ไม่เป็นไรถึงผมจะเปียกแต่มันสองคนก็เปียกด้วย ถือว่าแผนที่ตั้งใจไว้สำเร็จ เล่นน้ำสักแปปละกัน เดี๋ยวค่อยไปอาบน้ำแล้วไปล้างคอกม้าต่อ กินข้าวเสร็จแล้วค่อยไปสนามบิน ไฟท์บินผมนี่เกือบสองทุ่มอ่ะ ก็ยังมีเวลาเหลือเฟืออยู่ เดี๋ยวต้องหาของไปฝากเพื่อนๆ ด้วย แล้วก็ฝากพี่สยามด้วย

พี่สยามอีกแล้วว่ะ

ในสมองนี่มีแต่สยามหรอปอง

เดี๋ยวถ้ากลับถึงบ้านผมต้องโทรหาพี่สยามด้วย วันนี้ยังไม่ได้โทรหามันเลย ไลน์ไปหาแค่เมื่อเช้า มันยังไม่ตอบไลน์ผมเลยนะ น่าจะยังไม่ตื่น เมื่อคืนวิดีโอคอลมาอ้อนบอกว่าเหนื่อย คนที่ร้านไอติมเยอะมากแทบไม่ได้พักเลย มีการบอกผมด้วยว่าถ้ากลับไปหามันเมื่อไหร่ให้ผมกอดมันเยอะๆ มันจะได้หายเหนื่อยแล้วก็มีกำลังใจหาเงินเพื่อเลี้ยงผม

สามีตัวอย่างไปอีก

ก็คิดไว้แล้วล่ะครับว่าถ้ากลับไปถึงก็คงจะต้องโผเข้ากอดแน่ๆ อ่ะ ผมคิดถึงมันมากจริงๆ นะ ก็เวลาอยู่ด้วยกันเราก็กอดกันทุกวัน เพิ่งมารู้ว่าตัวเองเสพติดการกอดจากพี่สยามก็ตอนที่กลับบ้านมานี่แหละ แต่ก็นะเดี๋ยววันนี้ก็ได้เจอกันแล้ว ผมรู้ว่าพี่สยามมันอดทนมาก อดทนมากกว่าผมด้วยซ้ำ เพราะงั้นผมควรจะให้รางวัลที่มันอดทนดีไหมนะ ให้สัก 3 จูบ เอาแค่จูบพอ ผมจะไม่ยอมเสียตัวครั้งที่ 3 ง่ายๆ หรอก

ไซส์ 56 มันเจ็บนะครับ

ทำไมคิดอะไรลามกแบบนี้ล่ะสมปอง

“ หน้าแดงทำไมวะไอ้เด็กบ้า ”

“ เออ เป็นเชี่ยไรเนี่ยะ ”

พวกมึงนี่มัน.....

“ เสือกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ”










TBC.

ชาลมาส่งหยัมปองแล้วค่ะ จะยังไงต่อรอติดตามนะ
ถ้าชอบก็คอมเม้นต์เป็นกำลังใจให้กันได้นะคะ ติดต่อข่าวสารได้ที่ทวิตเตอร์เน้อ Chaleeisis

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-12-2017 20:41:21 โดย chaleeisis »

ออฟไลน์ beedy

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 49
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
 สมปองมาแล้ว   คิดถึงสมปอง

จิ้ม  :z13:  นักเขียนครับ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
พี่สยาม คงดีใจ ถ้าว่าสมปอง อยู่บ้านแล้วเป็นอย่างไร
ก็ปองคิดถึงแต่พี่สยามน่ะสิ

น่าสงสัย พะนาย ณนนท์ มีไรกันหือเปล่านะ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ sompong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
สมปองนี้ก็น่ารักนะ

ออฟไลน์ broke-back

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5947
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-16
เที่ยวเพลินแต่ก็ไม่ลืม(ปั๋ว)
ถ้าพี่หยัมรู้..คงให้รางวัลอย่างหนัก

โน๊ะ..ปอง

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 655
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
สามพี่น้องรักกันดีนะ.

เลยอยากอ่านเรื่องราวของนนท์กับพระนายด้วยเลย

คนนึงเข้ม คนนึงโอปป้า

 :hao6:   :hao7:  :hao6:  :hao7:  :hao7:  :hao6:  :hao7:

....

ออฟไลน์ Zetnezz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ chaleeisis

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-3
บทที่ 25 ความคิดถึงของพี่สยาม


กรุงเทพฯ ครับ

ปองกลับมาทำหน้าที่แล้วนะครับ

ผมลากกระเป๋าออกมาจากสนามบิน หลังจากที่ลงเครื่องมาสดๆ ร้อน ๆ ตอนนี้ประมาณ 4 ทุ่มกว่าๆ เมื่อกี้ตอนที่ลงเครื่องมาผมไลน์หาพี่สยาม มันบอกว่ามันกำลังจะถึงแล้วให้ผมรอแปปนึง แถมยังมีการด่าการจราจรในประเทศไทยให้ผมฟังด้วยนะ ใจความมีอยู่ว่า จะติดห่าอะไรนักหนากูจะไปรับเมีย ไม่ได้เจอหน้าสุดที่รักมาตั้งกี่วันแล้วมึงรู้ไหมไอ้ชิบหายยยย

ก็อะไรทำนองนี้แหละครับ

ก่อนที่ผมจะกลับมานี่ก็ร่ำลาพ่อกับแม่ที่สนามบินอยู่นานเลย ได้ค่าขนมสดๆ มาด้วย เดี๋ยวจะชวนเพื่อนๆ ไปกินชาบูครับ แล้วก็จะเอาเงินส่วนนี้ไว้ซื้อของเข้าหอ ทั้งของใช้และของกิน เปย์พี่สยามมันบ้าง ทุกวันนี้นี่มันจะขายไตหาเลี้ยงผมอยู่ละ ช่วงหลังๆ มาผมก็บอกมันนะว่าไม่ต้องเลี้ยงผมทุกอย่างแต่มันก็ไม่ยอม พี่มันบอกผมว่ามันมีความสุขที่ได้ทำแบบนั้น แต่ก็มีบางครั้งที่ผมแอบเอาเงินไปยัดใส่กระเป๋ากางเกงไว้ให้มันด้วยเพราะกลัวว่าเงินมันจะไม่พอใช้

เป็นไงล่ะ....เป็นเมียที่แสนดีไปอีก

หลังจากนั้นไม่นาน รถมินิคูเปอร์สีดำที่ขับมาจอดตรงหน้า ร่างสูงรีบลงมาจากรถก่อนจะโผเข้ากอดผมทันที กอดโดยไม่สนสายตาประชาชีเลยครับ สงสัยมันจะคิดถึงผมมาก มือเรียวก็เลื่อนขึ้นมาลูบหัวผมเบาๆ ชอบสัมผัสนี้จริงๆ ผมยกมือขึ้นกอดมันกลับ หน้าก็ซุกไหล่มันอยู่อย่างนั้น แค่การกอดกันเฉยๆ นี่ทำให้รู้สึกดีถึงขนาดนี้เลยหรอวะ อาจเป็นเพราะคนที่กอดอยู่คือพี่สยามแน่เลย ผมเลยรู้สึกดีมากกว่าปกติ

“ คิดถึง ”

“ ก็กลับมาแล้ว ”

“ คิดถึงมากๆ เลยนะ ”

“ รู้แล้วว่าคิดถึง แต่ปล่อยได้แล้วเดี๋ยวรปภ.มาไล่ ”

เจ้าตัวคลายกอดก่อนจะเลื่อนมือมากุมมือผมไว้ “ คิดถึงอ่ะ ”

“ มึงนี่มันจริงๆ เลยนะพี่สยาม ” ผมยิ้มหวานก่อนจะยกมือขึ้นไปหยิกแก้มมันอย่างหมั่นเขี้ยว “ กูกลับมาแล้วนี่ไง แล้วก็จะไม่ไปไหนอีกสักพัก พอใจรึยังหืม ”

“ พอใจแล้วครับ ”

“ พอใจแล้วก็ดี กลับหอกัน ”

“ โอเค ” พี่มันยิ้มรับก่อนจะลากกระเป๋าผมไปใส่ไว้ท้ายรถ

ผมขึ้นรถมาก่อนจะเปิดเก๊ะด้านหน้าแล้วเอาเอ็มแอนด์เอ็มมาแกะกิน พี่สยามมันก็ขึ้นมานั่งข้างๆ ก่อนจะออกรถ ไม่วายเลื่อนมือมาจับมือผมไปกุมไว้ด้วย ตามใจมันหน่อยครับ ทำตัวเป็นเด็กดีมาหลายวันเพื่อรอผมนี่นะ สีหน้าของพี่สยามนี่ดูหมองๆ เหมือนคนนอนไม่ค่อยเต็มอิ่ม ขอบตานี่คล้ำเชียว พอผมเห็นแบบนั้นก็เลยยกขึ้นไปแตะเบาๆ

“ ขอบตาคล้ำจังวะ ”

“ นอนไม่ค่อยหลับน่ะสิ ”

“ เป็นอะไรทำไมนอนไม่ค่อยหลับ ”

“ คิดถึงมึง ” มันบอกก่อนจะเหลือบมองผม “ คิดถึงมากด้วย ”

“ น่าสงสารจัง ” ผมยกมือมันที่กุมมือผมไว้มาแนบไว้ข้างแก้ม

“ กลับบ้านเป็นไงบ้าง ไหนเล่าให้ฟังซิ ”

 “ ที่บ้านกูหนาวมากเลยนะ กับข้าวแม่ก็อร่อยมากเลยอ่ะ กูถ่ายรูปมาอวดมึงเต็มไปหมดเลย ”

“ กูต้องอิจฉาใช่ไหม ”

“ ใช่ แต่ไม่ต้องเศร้าไปนะ ไว้สักวันนึงเดี๋ยวกูจะพามึงไปดูให้เห็นกับตาเอง ”

พี่สยามมันอมยิ้มทันทีที่ผมบอกแบบนั้น “ สัญญาแล้วนะ ” นิ้วก้อยชูขึ้นมาทางผม

“ สัญญาสิ ” ผมเลื่อนนิ้วก้อยตัวเองไปเกี่ยวไว้ “ กูอ่ะคำไหนคำนั้นอยู่แล้ว ”

พี่สยามมันยิ้มหวานออกมา มือเราสองคนก็กุมกันไปตลอดทาง ไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลยครับ ผมก็คิดว่าจะค่อยคุยที่หอทีเดียว ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงได้รู้สึกเขินแปลกๆ แบบนี้ เหมือนช่วงเวลาที่ห่างกันไม่กี่วันมันมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นอย่างนั้นแหละ เอ๊ะ หรือว่าเพราะความรู้สึกที่ผมมีต่อมันเริ่มชัดขึ้นวะ ผมก็เลยรู้สึกเขินแบบนี้ อันนี้ก็อาจจะใช่ และอีกอย่างก็คือพี่มันดูเงียบๆ ไง แถมยังพูดวนอยู่แค่คำว่าคิดถึงซ้ำๆ อีก คือผมก็อยากจะบอกมันนะว่าผมก็คิดถึงมันเหมือนกัน แต่ว่าไว้ถึงหอก่อนเถอะ

เดี๋ยวจะพูดย้ำๆ ซ้ำๆ บ้าง

ผมนั่งมองข้างทางพลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย วันหยุดยาวกำลังจะหมดไปแล้ว เดี๋ยวก็ต้องกลับไปใช้ชีวิตวนลูปเดิม นี่เรียนอีกไม่กี่อาทิตย์ก็สอบไฟนอลละ ผมค่อนข้างมึนงงสับสนกับระบบการเรียนที่นี่มากเลยนะครับ แปปๆ สอบอีกละอ่ะ เหมือนชีวิตเพิ่งทำตัวบัดซบไปเมื่อวานเองเอาจริงๆ เดี๋ยวหมดเทอมซัมเมอร์ก็จะปิดเทอมเกือบเดือนนึง ผมคิดว่าตัวเองคงจะไม่ว่าง เรื่องค่ายโยธาเทอมหน้าก็ต้องรีบจัดการในช่วงนี้ ไหนจะเตรียมสถานที่ เตรียมกิจกรรม พูดได้เลยว่าพวกคณะกรรมการนี่หัวหมุนแน่นอน

คิดแล้วก็เหนื่อยใจ

แต่ไม่เป็นไร ผมจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด สัญญากับพ่อไว้แล้วว่าจะทำงานให้ดี และก็ตั้งใจเรียนมากๆ ยกเว้นวิชาฟิสิกส์ อันนั้นให้ลันตามันตั้งใจเรียนไปคนเดียวเถอะ พอพูดถึงลันตานี่ก็คิดถึงเหล่าสหายแก๊งค์อสรพิษอยู่เหมือนกันนะ ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นตายร้ายดียังไง ไม่ได้เจอพวกแม่งตั้งหลายวันแน่ะ ผมซื้อของมาฝากเพื่อนๆ เยอะเลยนะ ผลไม้ที่สวนก็แอบจิ๊กมา

เรื่องนี้ห้ามบอกพ่อนะครับ

จุ๊ๆ

“ กินอะไรมารึยัง ”

“ กินแล้ว ” ผมหันมองคนถาม “ มึงอ่ะกินข้าวรึยัง ”

“ ยังเลย กะรอกินพร้อมมึง ” เจ้าตัวเอ่ยเสียงอ่อน งอแงที่กูกินข้าวแล้วสินะ

“ ก็เนี่ยะ เดี๋ยวกูกินพร้อมมึงอีกรอบก็ได้ มีน้ำพริกหนุ่มกับแคปหมูด้วยนะ แม่กูทำเอง ”

“ เอออยากกิน ” พี่สยามมันยกยิ้มพลางเหลือบมองผม “ อยากกินมึงด้วยนะ ”

ฉ่า....

ไอ้บ้านี่มัน

“ ฝันเถอะมึง กูเป็นคนนะไม่ใช่ของกิน ”

“ แต่กูกินได้นะ ” อย่ามาบอกว่าจะกินกูแล้วยิ้มแบบนั้นได้ไหมวะ

ขนลุกไปทั้งตัวแล้วเนี่ยะ

ผมเบ้ปากใส่พี่สยามก่อนจะหันมองข้างทางเหมือนเดิม ไม่คุยกับมึงแล้ว ชอบหาเรื่องสองแง่สองง่ามมาพูดตลอด มันรู้ไงครับว่าถ้าพูดเรื่องพวกนี้ผมจะแพ้ทางมัน เจ้าเล่ห์ชิบหายคนอะไรก็ไม่รู้ ผมเองก็ไม่ชินกับความเจ้าเล่ห์นี้ด้วยนะถึงจะอยู่กับมันมาเป็นเดือนแล้วก็เถอะ เดี๋ยววันนี้กลับถึงหอผมจะต้องแอบเอาไดอารี่ไปเขียนในห้องน้ำด้วย จะฟ้องพ่อว่าพี่สยามมันจะกินผม ต้องเขียนยังไงก็ได้ให้พ่อคิดว่ามันกลายเป็นอสูรกายที่ดุร้าย พร้อมจะขย้ำสมปองตัวน้อยๆ ได้ตลอดเวลา

เชี่ยยยย

เล่นใหญ่ไปอีก

ผมส่ายหัวเบาๆ ไล่ความบ๊องของตัวเองออกไป พี่สยามมันก็เลี้ยวรถมาจอดใต้หอ ดีว่าวันนี้รถไม่ค่อยติดเท่าไหร่ก็เลยมาถึงหอไว แต่ไม่ติดก็ไม่น่าแปลกป้ะวะนี่มันจะ 5 ทุ่มอยู่ละ ชาวบ้านชาวช่องเขาปิดไฟอาบน้ำนอนสบายใจเฉิ่มละเอาจริงๆ ว่าแต่ผมจะเสือกเรื่องของชาวบ้านเขาทำไมวะ บ้าบอจริงๆ เลยปองเอ้ย

“ มึงจะตีหัวตัวเองทำไมอ่ะปอง ” พี่สยามมันถาม มือก็ขนของลงมาจากรถ

“ กู....ไม่มีไร ” ผมบอกปัดมันไปก่อนจะแบ่งของจากพี่มันมาถือ “ กูไม่อยู่นี่ทำห้องรกป้ะเนี่ยะ ”

“ สะอาดเอี่ยม นี่กวาดถูรอมึงกลับมาทุกวัน ”

“ จริงรึเปล่า ”

พี่มันพยักหน้ารัวๆ “ จริงสิ ไปดูกับตาเลยดีกว่า ” ว่าแล้วพี่สยามมันก็รีบลากผมขึ้นมาห้อง

“ ใจเย็นนะ ขากูไม่ได้สั้นแต่มันสั้นกว่าขามึงนิดหน่อย แต่มันไม่สั้นนะ ”

“ มึงพูดอะไรอ่ะเมีย ” มันหันมองผมพร้อมกับทำหน้างงใส่ “ ตกลงกับสมองตัวเองก่อนไหม ”

“ หึ้ย.ย.ย....เอาเป็นว่าเดินช้าๆ หน่อย โอเคไหม ”

“ ให้กูอุ้มป่ะ ”

“ ไม่ต้อง โตแล้วกูเดินเองได้ ” ผมบอกมันก่อนจะเดินสะบัดมาอยู่ที่หน้าห้อง “ รีบมาไขซิ ”

พี่สยามรีบไขประตูห้องให้ ผมเปิดไฟก่อนจะลากของเดินเข้าไปในห้อง อื้ม.ม.ม.....สะอาดจริงๆ แบบที่มันโม้ไว้ด้วยครับ ทุกอย่างดูเป็นระเบียบมาก ทั้งชั้นหนังสือหรือว่าชั้นตู้เสื้อผ้า เออ ให้ทำดีดีก็ทำได้นี่หว่า ผมหันมองพี่สยามที่ยืนยิ้มแฉ่งอยู่ นี่ถ้ามันเป็นหมานะ หูต้องตั้งและหางก็ต้องกระดิกอยู่แน่ๆ เลย

เจ้าของที่ดีอย่างผมควรให้รางวัลหมาถูกไหม

“ มึงมานี่ซิ ” ผมกวักมือเรียก

“ ครับ ” พี่สยามเดินเข้ามาใกล้ มือเรียวรั้งเอวผมไปโอบไว้ “ มีอะไรหืม ”

“ ดีมากที่ไม่ทำห้องรก ”

“ ก็อยากเป็นสามีที่น่ารักบ้างไรบ้าง ”

“ ดูคำพูดคำจา ”

 “ ก็มันจริงนี่นา ” มือเรียวเลื่อนขึ้นมาเกลี่ยแก้มผมเบาๆ “ อยากให้มึงรักกูไง ”

ตอนนี้กูก็.....

“ มึงนี่มัน....” ผมเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้พี่สยามก่อนจะจูบเบาๆ

คนโดนจูบทำตาโตใส่ผมแวบนึง ก่อนจะเปิดปากรับจูบจากผม สัมผัสนุ่มๆ นี่ทำให้รู้สึกดีจริงๆ ผมยกมือโอบรอบคอพี่สยามไว้ ปากก็แลกจูบกับมันอยู่อย่างนั้น จูบหวานๆ ในตอนแรกเริ่มรุนแรงขึ้น เอาสิอ่ะ เอาให้ปากแตกเลยไหมพี่เอ้ย พอมันตักตวงจูบจากผมจนพอใจ ใบหน้าคมก็ถอนจูบออกไปอย่างอ้อยอิ่ง

โมเม้นท์นี้โคตรใจบางอ่ะ

“ ตกใจเลยนะที่มึงเริ่มจูบก่อนแบบนี้น่ะ ”

“ ก็อยากให้รางวัลแห่งความอดทน แต่แค่จูบนะ ร่างกายยังไม่ค่อยโอเค ”

พี่สยามมันเบะปากน้อยๆ “ ไม่เป็นไรครับ แค่จูบก็ยังดี ” แหม่ สีหน้ากับคำพูดมึงนี่สวนทางกันสุดๆ

“ เออมีอีกอย่างด้วยที่กูอยากจะบอก ”

“ อะไรล่ะครับ ”

“ ก็.....” ผมขยับเข้าไปกระซิบข้างหูพี่สยามเบาๆ “ กูคิดถึงมึงมากเลยว่ะพี่ คิดถึงเวลามึงกอดกูด้วย คิดถึงมากๆ ”

พี่สยามมันซบลงที่ไหล่ผม มือก็กอดผมแน่นขึ้น “ อื้มม.ม.ม.....เขินอ่ะ น้ำตาจะไหล ”

" เว่อร์ว่ะ น้ำตาจะไหลอะไรของมึง "

" มันแบบ....มันแปลกๆ อ่ะเมีย " พี่สยามบ่นเสียงอู้อี้ๆ อยู่กับไหล่ผม

" มึงนี่ตลกจริงๆ เลยนะ ไหนดูหน้าซิ "

เจ้าตัวละออกมาจากไหล่ผม หน้านี่แดงจัดจนลามไปยันหู " แพ้ภัยสัสๆ "

" มึงหน้าแดงๆ แบบนี้ก็น่ารักนะเนี่ย " ผมยิ้มหวานก่อนจะยกมือหยิกแก้มมันอย่างหมั่นเขี้ยว " สนใจมาเป็นเมียกูแทนไหมละ "

" เหิมเกริม "

ผมยิ้มแป้นมองคนที่ทำหน้ามุ่ยก่อนจะกอดพี่มันไว้เหมือนเดิม เจ้าตัวก็กอดผมกลับ การกอดนี่มันดีจริงๆ เลยนะ มันเป็นเหมือนการชาร์จพลังให้ชีวิตเลย แถมมันยังช่วยคลายความคิดถึงที่มีด้วย เหมือนช่วงที่ไม่เจอกันพี่สยามมันจะผอมลงด้วยนะ กูไม่อยู่นี่กินข้าวไม่ลงสินะพี่

ช่างน่าสงสาร

" มึงผอมลงด้วยนะ "

" รอกินมึงนี่ไง " ทันทีที่มันตอบแบบนั้น ผมก็ตีเข้าที่สีข้างแรงๆ จนมันร้องออกมา " โอ้ยยยยเจ็บนะ ตีกูทำไมเนี่ยะ "

ผมคลายกอดออกมาก่อนแลบลิ้นใส่ " สมน้ำหน้า อยากหื่มกามดีนัก "

" เดี๋ยวมึงจะโดนคนหื่นกามจัดการ "

" ชี้โบ๊ชี้เบ๊....ไปตักข้าวมาไป " ผมสั่งมันก่อนจะเดินไปหยิบโต๊ะญี่ปุ่นออกมาตั้ง " ของกูเอานิดเดียวนะ "

" ได้ครับเมีย " พี่สยามมันรับคำแล้วเดินไปตักข้าวให้

ผมนั่งเท้าคางมองมันเงียบๆ ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกถึงอะไรแปลกๆ เหมือนพี่สยามมันเป็นพี่สยามแต่มันไม่ใช่พี่สยามอ่ะ มันดูซึมๆ ฟีลหมาหงอยยังไงไม่รู้ นี่ไม่ใช่ว่ามีอะไรเกิดขึ้นตอนที่ผมไม่อยู่หรอกนะ

" พี่สยาม "

" หืม...."

" มึงเป็นอะไรรึเปล่า "

มือที่ตักข้าวอยู่ชะงักไปแปปนึง " ทำไมถามแบบนั้นอ่ะ "

" กูว่ามึงดูไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ "

" มองออกงั้นหรอ "

" มองออกสิ กูเป็นเมียมึงนะ " ผมมองร่างสูงที่เดินมานั่งลงข้างๆ " มีอะไรไหนเล่าให้ฟังซิ "

" ก็เรื่องที่ร้านไอติมน่ะ "

" ที่ร้านไอติมมีอะไร " ผมถามมัน มือก็แกะถุงแคปหมูกับน้ำพริกหนุ่มไปด้วย

" ช่วงหลายวันมานี้มีคนมาก่อกวนที่ร้าน เอาสีมาพ่นบ้างล่ะ มาพังดอกไม้หน้าร้านบ้างล่ะ กูหงุดหงิดเรื่องนี้มากเลย ยังจับตัวคนทำไม่ได้ด้วย "

" เพราะงี้นี่เอง สีหน้าเลยดูเครียดๆ " ผมตักน้ำพริกหนุ่มไปใส่จานให้มัน " แล้วกล้องวงจรปิดจับอะไรไม่ได้เลยหรอ "

" มันใส่หมวกกันน็อคบังหน้ามาน่ะสิ นี่กูวางแผนกับเพื่อนๆ ไว้ ว่าจะดักจับตอนกลางคืน "

" ก็ดีนะ แต่ว่าพวกมึงก็ต้องระวังตัวด้วย "

พี่สยามมันตักข้าวเข้าปาก " อื้มมม...กูนึกว่ามึงจะขอไปด้วยซะอีก "

" ขอไป มึงก็ไม่ให้กูไปอยู่ดี มึงก็จะบอกว่ามันอันตราย "

" แสนรู้ " ไม่พูดเปล่านะ มีการยกมือขยี้หัวผมด้วย

" กู ไม่ ใช่ หมา "

ผมทำหน้าบึ้งใส่มันก่อนจะกินข้าวต่อ พี่สยามมันยิ้มออกมาได้ละครับ ค่อยยังชั่วหน่อยที่เรื่องกังวลใจของมันคือเรื่องที่ร้าน ตอนแรกผมคิดว่าจะเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ของเราซะอีก ผมหวั่นนะแบบว่าช่วงที่เราห่างกันแล้วมันจะไปถูกตาต้องใจใครน่ะ ผมเพิ่งจะรู้ความรู้สึกตัวเองด้วยก็เลยยิ่งกลัวว่าจะมีคนเอามันไปแดกก่อน

พี่สยามมันฮ็อตในหมู่ผู้ชายมากนะครับ

คือเวลาที่ผมเอาโทรศัพท์มันมาเล่น ผมก็จะเห็นไลน์นับร้อยจากหนุ่มๆ ทักมาหามันอ่ะ แต่เจ้าตัวไม่อ่านไม่ตอบไม่อะไรเลยนะ คือแม่งดองเก็บไว้ แล้วผู้ชายบางคนผมเห็นหน้าแล้วยังรู้สึกว่าเออไอ้ห่านี่มันน่ารักว่ะ คือความน่ารักชนะแดกขาดผมไปหลายโยชน์ คือผมเป็นคนที่ไม่น่ารักหรอกเพราะว่าผมเป็นคนหล่อไง

ไม่ได้มั่นหน้านะแต่พูดความจริง

คนที่ทักพี่สยามมาอ่ะ ลักษณะรูปร่างหน้าตาคือเหมาะกับตำแหน่งเมียมาก เหมาะกว่าผมเยอะ ก็ไม่รู้ว่าอะไรมันดลใจให้มันมาจับผู้ชายตัวบะเอ้กอย่างผมทำเมีย คือผมก็เป็นคนตัวใหญ่นะ ก็มาตรฐานชายไทย สูงก็ตั้ง 175 แน่ะ หุ่นก็ไปวัดไปวาได้ แถมมีซิคแพคบางๆ ถึงตอนนี้มันจะเลือนลางไปแล้วก็เถอะ

เพราะพี่สยามมันนั่นแหละ

หึ้ย...ย...คิดละฉุนเฉียว

" พี่สยาม "

" ว่าไงครับ "

" กูถามอะไรหน่อยสิ "

" ว่ามา "

" มึงไม่ชอบผู้ชายตัวเล็กหรอ น่ารักๆ ไรเงี้ยะ "

คนโดนถามหน้าบึ้งขึ้นมาทันที " ถามแบบนี้หมายความว่าไงอีเมีย "

" กูก็ถามเฉยๆ หน่า ไม่ได้จะไล่ให้ไปมีเมียใหม่หรอก " ผมยกมือดึงแก้มมันเบาๆ " บอกมาสิ เรื่องที่กูถาม "

" ก็....สำหรับกูอ่ะ ความน่ารักมันไม่ได้อยู่ที่หน้าตาหรือว่ารูปร่าง มันเป็นความรู้สึกที่ไม่มีเหตุผลว่ะ อย่างแบบมึงอาจจะไม่ได้น่ารักสำหรับใคร แต่มึงก็น่ารักเสมอสำหรับกู ก็อะไรทำนองเนี้ยะ "

ตึกตัก

เชี่ยยยยย

ใจสั่นไปอีกตัวกู

" เอ่อ...แล้ว เรื่องผู้ชายตัวเล็กๆ ล่ะ "

" กูไม่ค่อยชอบคนตัวเล็กเหมือนผู้หญิงอ่ะ เพราะว่ากูเป็นคนตัวใหญ่ไง กูก็ต้องหาเมียที่ตัวใหญ่มากพอที่จะทนไม้ทนมือกูได้ " พี่สยามมันอมยิ้มแล้วมองผม " ประมาณมึงอ่ะกำลังดีเลย เห็นครั้งแรกก็แบบ สเปค "

ผมพยักหน้ารับเบาๆ " เพราะงี้เองถึงได้ชอบมาวอแวกับกู แต่แบบมันก็มีคนที่รูปร่างประมาณกูป้ะวะ "

" ใช่ คนที่ตรงสเปคกูอ่ะมันก็มีถมไปแหละ แต่ว่าใจมันบอกว่าต้องเป็นมึงมั้ง กูก็เลยตั้งใจตั้งแต่วันแรกว่าจะต้องเอามึงมาเป็นของตัวเองให้ได้ จนวันนี้ก็ได้มาแล้ว "

ผมเบ้ปากใส่มัน " มึงมันเจ้าเล่ห์ไง ใช้เล่ห์เหลี่ยมให้กูยอมจำนน "

" เอาหน่าเมีย " พี่สยามมันจับหัวผมให้พิงไหล่มันไว้ " การที่ได้รับความรักจากใครสักคนมันก็เป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่หรอ ที่เราอยู่ด้วยกันทุกวันนี้มันก็มีความสุขดีนี่นะ "

ใช่....มันก็ดีและมีความสุขจริงๆ นั่นแหละ

ผมอมยิ้มบางๆ ให้กับสิ่งที่มันพูด ก็ค่อยเคลียร์ความสงสัยที่อัดอั้นตันใจมานานเหมือนกันนะ ผมสงสัยมาตลอดตั้งแต่วันที่เจอกันครั้งแรกไง ยังจำวันนั้นได้อยู่เลย คนบ้าอะไรต้องพูดผ่านโทรโข่ง แถมยังเป็นคนขโมยจูบผมไปด้วย จากนั้นเวลาเจอกันมันก็มักจะหาเรื่องลวมลามผมตลอด และผมเองก็เข้าใจว่าสิ่งที่มันทำนั่นมันจะแกล้งผม แต่ความจริงมันไม่ใช่

มันทำแบบนั้นเพราะอยากให้ผมเป็นของมันนี่เอง

ร้ายกาจจริงๆ เลยว่ะ

" เออปอง กูลืมบอกอะไรไปอย่าง "

ผมหันมองมัน " อะไรอ่ะ "

" กูรักมึงนะ " เจ้าตัวเอ่ยเบาๆ ก่อนจะเลื่อนหน้าเข้ามาจุ๊บปากผม " ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะครับ "

ตึกตัก

อา....ยอมแล้วครับพี่สยาม

สมปองยอมแล้ว

" เขินอ่ะพี่สยาม "

" มากอดมา "

" อื้มมม...ม..."






TBC.

ชาลมาส่งหยัมปองแล้วค่ะ น้องปองกลับมาสู่อ้อมอกพี่หยัมแล้วนะคะ มันก็จะออกละมุนหน่อยๆ เรื่องของคู่นี้จะเป็นยังไงรอติดตาม ชาลยังไม่ได้แก้คำผิดนะคะ ถ้าเจอก็คอมเม้นต์บอกไว้ได้เลยเดี๋ยวจะไล่แก้ให้นะ
ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อยมาก ดูแลสุขภาพกันด้วย น้องๆ มัธยมที่ใกล้จะสอบมิดเทอมกันก็ตั้งใจอ่านหนังสือนะ
ถ้าชอบก็คอมเม้นต์เพื่อเป็นกำลังใจให้กันได้นะคะ ติดข่าวสารและการสปอยได้ที่ทวิตเตอร์ Chaleeisis นะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 16-12-2017 20:54:13 โดย chaleeisis »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ใครกันมาหาเรื่องที่ร้านไอติมพี่สยาม  :hao3:

ออฟไลน์ Billie

  • "Let come what comes, let go what goes and see what remains. That is what is real"
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3327
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +78/-6

ออฟไลน์ Zetnezz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 225
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0

ออฟไลน์ sompong

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 355
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
น่ารัก +100 เลยๆๆๆ.

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด