บทที่ 4
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูในเวลาเกือบเที่ยงคืนดังขึ้นภายในห้องพักผู้ป่วยที่กำลังมีสองหนุ่มนั่งอยู่ภายในห้องหนึ่งคนกำลังดูหนังแอคชั่นจากโทรทัศน์จอแบนเครื่องใหญ่พร้อมกับถุงขนมที่กระจายอยู่เต็มเตียง ส่วนอีกคนกำลังนั่งเล่นเกมส์ที่โซฟาตัวกว้างอย่างเมามัน
“ ภาคมีคนมา ” เมืองพูดขึ้น
“ เออๆ ” ภาครับคำแบบขอไปทีพร้อมกับก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ ไปเปิดประตู!! ” ว่าพร้อมกับที่ถุงขนมมันฝรั่งยี่ห้องดังลอยฟาดเข้ากับหัวของผู้เป็นพี่ชายบังเกิดเกล้าเข้าอย่างจัง
“ ไอ้เมือง! กูพี่มึงนะ! ” ภาคเงยหน้าขึ้นมาจ้องมองน้องชายอย่างโมโห มันทำเขาเกือบแพ้เกมส์แล้วไหมล่ะ
“ กูก็น้องมึงนะ! ” เมืองเถียงกลับผู้เป็นพี่จ้องตากันชนิดที่ว่าถ้ามีมีดอยู่คนละเล่มคงวิ่งแทงกันให้ตายๆกันไปให้มันรู้แล้วรู้รอดไปซะตอนนี้เลย
“ ห้องมึง มึงก็เดินไปเปิดเองดิวะ ” ภาคว่าอย่างหงุดหงิด
“ กูป่วยอยู่มึงเห็นสายน้ำเกลือไหมเนี่ย ” เมืองว่าพร้อมกับชูมือข้างที่มีสายน้ำเกลือเสียบอยู่ขึ้นให้พี่ชายดู
“ แต่กูเล่นเกมส์อยู่ ทีมต้องการกูมึงแม่งไม่เข้าใจหรอก ”
“ เอามานี่กูจะเล่นรอ ” ว่าพร้อมกับแบมือขอโทรศัพท์มือถือจากพี่ชาย
ก๊อก ก๊อก
“ เออๆรู้แล้วโว้ยยย จะเคาะหาอะไรนักหนาวะแม่ง ” ภาคบ่นอย่างหัวเสียพร้อมกับลุกจากโซฟาเดินเอามือถือมาให้ผู้เป็นน้องชายได้เล่นเกมส์ต่อจากเขาพร้อมกับชี้หน้าขู่ “ เล่นดีๆนะมึง ”
ภาคเดินหน้าง่วงๆพร้อมกับเกาหัวแกรกๆด้วยใบหน้าที่ไม่เต็มใจแบบสุดๆไปที่ประตูห้องพักเขาคิดในใจแล้วว่าหากคนมาเคาะ มาเคาะแบบกวนตีนไม่ได้มีประโยชน์ห่าเหวอะไรเขาจะท้ามันต่อยหน้าโรงบาลแน่ๆ
“ ที่บ้านไม่สอนเหรอว่าไม่ให้มาเคาะห้องคนอื่นตอนจะเที่ยงคืนน่ะห๊ะ ” นั่นคือประโยคแรกที่ภาคพูดขึ้นหลังจากเปิดประตูห้องพักโดยที่ยังไม่เห็นหน้าของคนเคาะเลยด้วยซ้ำ
“ ...... ” คนตรงหน้าภาคไม่ตอบเอาแต่จ้องหน้าของภาคนิ่งๆ
“ มาหาใคร ” ภาคกลืนน้ำลายเหนียวๆลงคอเมื่อมองพิจารณาคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า คนตรงหน้าตัวสูงเลยบ่าของภาคขึ้นมาแค่นิดเดียว ผิวขาวอมชมพู ใบหน้าเนียนไร้เครื่องประทินโฉมใดๆ จุดเด่นคงจะเป็นดวงตากลมโตที่โคตรจะหวานทั้งๆที่เป็นผู้ชายภายใต้กรอบแว่นตากลมๆนั่น ในชุดนอนเสื้อยืดตัวยาวโคร่งเกือบตกบ่า กางเกงนอนขายาวลายตารางสีน้ำเงินเข้ม สวมทับด้วยเสื้อแขนยาวไหมพรมตัวยาวสีเทา และรองเท้าแตะดาวเทียมหูคีบสีน้ำเงิน
“ คุณเมือง ” เสียงเรียบๆเอ่ยตอบ
“ เป็นไรกับมันจะว่าเพื่อนก็ไม่ใช่กูรู้จักเพื่อนมันทุกคน เด็กในสต็อกมันกูก็รู้จักหมดนอกซะจากว่ามึงจะเป็นพวกวันไนท์ เห้ยจริงดิ หน้ามึงดูอ่อนต่อโลกแบบโง่ๆอ่ะไม่น่าเลยคือกูแบบ... ”
“ คุณภาค! ”
“ เชี่ย!! รู้จักชื่อกูด้วย ” ภาคตาโตเท่าไข่ห่านเมื่ออยู่ดีๆคนตรงหน้าก็เรียกชื่อเขาขึ้นมาแทรกคำที่เขากำลังพูด
“ รู้สิก็เราพึ่งคุยกันไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อนทีแรกก็คิดว่าไม่ใช่แต่พอได้ยินคำพูดเท่านั้นแหละรู้เลยนี่สินะ ภูมิภาค อัครเดชา ทีนี้จะเปิดประตูให้ผมได้รึยัง ”
“ คุยกับกู? กับกูเนี่ยนะ ” ภาคชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง “ มึงเป็นใครวะเนี่ย ”
“ ชื่อตาว ” ตาวว่าด้วยใบหน้าที่นิ่งสนิทพร้อมกับยกมือขึ้นกอดอกมองคนตรงหน้านิ่งๆ
“ ตาว เด็กกูไม่มีคนชื่อตะ ห๊ะ!! ตาว!! ” ภาคร้องขึ้นเสียงหลงเมื่อพึ่งคิดอะไรออก “ ตาวตาวตัวกินไก่ป่ะ! ”
“ แค่ตาวเฉยๆก็พอมั้งทีนี้ผมจะเข้าไปได้รึยังครับ ” ตาวว่า
“ ดะ ได้ คงได้แหละ ” ภาคว่าพร้อมกับยิ้มแหยๆให้คนที่ทำหน้านิ่งใส่เข้าอยู่ ร่างสูงรีบเปิดประตูกว้างหลีกทางให้คนที่ตัวเล็กกว่าได้เดินเข้าไปภายในห้องพักผู้ป่วยพร้อมกับ RIP น้องชายอยู่ในใจ
ชิปหายแล้วไอ้เมืองเอ้ย...
“ ภาคใครมาวะคุยกันซะนานจนกูเล่นเกมส์จะจบตาที่สามละเนี่ย ”
“ พึ่งรู้นะครับว่าคนที่เค้าบอกว่าอาการโคม่าเค้านอนเล่นโทรศัพท์แบบนี้ได้ด้วย ”
ปึก !!
“ ไอ้เมืองโทรศัพท์กู! ” ภาควิ่งไปรับโทรศัพท์ลูกรักของตนเองแทบไม่ทันเมื่อเมืองโยนโทรศัพท์ทิ้งทันทีที่ได้ยินเสียงของตาว
“ ตาว ” เมืองอุทานอย่างตกใจ
“ สงสัยคุณเมืองคงจะหายแล้วงั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ ”
“ อย่าพึ่งตาว ” เมืองว่าพร้อมกับคว้าข้อมือเล็กเอาไว้
ตาวมองข้อมือเล็กของตนเองที่มีฝ่ามือที่ใหญ่กว่ากุมเอาไว้เค้าโมโหคนตรงหน้าที่ทำให้เขาเป็นห่วงถึงขั้นที่รีบออกมาหาโดยไม่ได้แม้แต่จะเปลี่ยนชุดเลยด้วยซ้ำ เขาเป็นห่วงและรู้สึกผิดที่เป็นสาเหตุที่ทำให้คนตัวสูงต้องมานอนป่วยอยู่แบบนี้แต่สิ่งที่เค้าเดินเข้ามาเห็นกลับเป็นร่างสูงที่นอนเล่นเกมส์อย่างสบายใจ รอบข้างเต็มไปด้วยถุงขนมเหมือนคนไม่ได้ป่วยอะไร เค้าอยากจะด่าคนตรงหน้าชะมัดถ้าไม่ติดที่ว่าเขารับรู้ได้ถึงสัมผัสอุ่นๆของอุณหภูมิที่สูงเกินกว่าคนปกติจากฝ่ามือหนา และดวงตาเหมือนหมาหงอยนั่น
“ คุณเมืองปล่อยก่อนเดี๋ยวสายน้ำเกลือหลุด ” ตาวว่าพร้อมกับพยายามที่จะแกะมือหนาข้างที่เจาะน้ำเกลือของเมืองออกจากข้อมือของตนเองเพราะเขาสังเกตเห็นว่ามันเริ่มมีเลือดไหลย้อนกลับเข้าไปในสายน้ำเกลือแล้ว
“ ถ้าปล่อยแล้วตาวจะกลับไหม ”
“ ผม.. ” ตาวอยากจะพูดว่ากลับแต่พอเห็นแบบนี้แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ “ เฮ้อ ไม่กลับก็ได้ครับ ”
“ มึงพูดเองละนะ ภาคมึงเดินไปล็อคประตูเลย ” ประโยคแรกพูดกับตาวแต่ประโยคหลังเขาหันไปบอกผู้เป็นพี่ที่ยังคงรำพึงรำพันกับโทรศัพท์ลูกรักยังไม่เสร็จ
“ นี่กูยังจำเป็นอยู่เหรอ ” ภาคถามประชด
“ จริงๆก็ไม่ ใจกูอยากบอกว่า เห้ยภาคมึงไสหัวออกไปจากห้องนี้ก่อนได้ไหม แต่มึงเป็นพี่กูไงกูเกรงใจ ”
“ โห มึงพูดขนาดนี้มึงไม่ต้องคิดว่ากูเป็นพี่มึงก็ได้เมือง ไอ้น้องเวร ” ภาคว่าพร้อมกับชูนิ้วกลางให้ผู้เป็นน้องชาย “ ไงเสร็จแล้วโทรหากูละกันเดี๋ยวหาแดกโจ๊กรอบดึกรอ ” ว่าพร้อมกับเดินออกจากห้องพักไป
“ เชื่อเลยว่าพี่น้องกันจริงๆ ” ตาวว่าพร้อมกับส่ายหัวอย่างเหนื่อยใจ
“ หล่อเหมือนกันอ่ะดิ ”
“ กวนประสาทเหมือนกันต่างหากล่ะครับ ” ตาวว่า
“ ไอ้ภาคคนเดียวเหอะกูไม่เคยกวนมึงเลยนะ ” เมืองเถียง
“ ช่างเถอะครับว่าแต่หมอว่าไงบ้างแล้วแพ้ไก่ทำไมถึงไม่บอกผม ” ตาวว่าพร้อมกับทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ข้างๆเตียงผู้ป่วย
“ ก็แพ้ปกตินั่นแหละ ทีนี้กินหนักหน่อยเลยไข้ขึ้นด้วยแต่มึงไม่ต้องห่วงนะเดี๋ยวกินยา ทายาก็หายละกูเป็นบ่อยชินแล้ว แล้วก็เรื่องที่ไม่บอกมึงว่าแพ้ไก่กูก็แค่เห็นท่าทางมึงเหมือนจะชอบกินไก่มากๆก็เลยไม่อยากขัดจริงๆกูก็กะว่าจะไม่กินไปนั่งมองมึงกินเฉยๆแต่ว่ามึงบอกว่าตอนกูกัดน่องไก่มันดูหล่อกูก็เลย... ”
“ กินแหลกจนไม่ดูตัวเอง ” ตาวต่อให้
“ แหะๆ ” เมืองได้แต่ยิ้มแหยๆให้กับคนที่นั่งทำหน้าดุใส่เขา
“ นี่มันชีวิตคุณ ร่างกายคุณนะครับ ทำไมไม่รักมันบ้าง ขนาดตัวเองยังรักไม่ได้เลยแล้วจะไปรักใครได้ ”
“ นี่คือขั้นแรกของการแอบบอกทางอ้อมว่าเปิดใจป่ะ ” เมืองว่าพร้อมกับยิ้มมองคนที่นั่งอยู่ข้างเตียง
“ คุณเมืองผมจริงจังอยู่นะ ”
“ ทำไมอ่ะ คบกูวันนี้แถมฟรีเป็นเคสคนไข้ให้มึงยันเรียนจบเลยนะสนป่าว ”
“ คุณนี่มันจริงๆเลย ”
“ ยังไม่สนเหรองั้นแถมตัวกูก็ได้เอ้า อยากปู้ยี้ปู้ยำยังไงตามสบายกูจะไม่ขัดขืนหรือโวยวายเลยสักคำ ”
“ ผมว่าคุณคงหายแล้วล่ะพูดเก่งแบบนี้งั้นผมขอตัวกลับเลยดีกว่าดึกแล้ว ”
“ เดี๋ยวดิตาวววว ” เมืองเรียกชื่อคนตัวเล็กเสียงยานอย่างออดอ้อนชนิดที่ว่าหากพวกเพื่อนแก๊งชายโฉดของเขามาได้ยินพวกมันคงพากันทำตาเหลือกคิดว่าเขาโดนผีคิตตี้เข้าสิงแน่ๆ
“ คุณเมืองมันดึกแล้วอีกอย่างพรุ่งนี้ผมก็มีเรียน ” ตาวอธิบายอย่างใจเย็น
“ งั้นอยู่จนกว่ากูจะหลับก่อนได้ไหม ” เมืองว่าพร้อมกับใช้สายตาอ้อนในแบบที่ตาวปฏิเสธไม่ได้
“…. ”
“ นะ นะครับ ”
“ ก็ได้ครับ ” ตาวรับปากในที่สุด เมืองฉีกยิ้มกว้างเมื่อได้คำตอบที่ถูกใจเหมือนเด็กประถมที่แม่ยอมซื้อการ์ดยูกิให้อย่างไงอย่างกัน
ตาวลุกขึ้นจากเก้าอี้เมื่อเห็นร่างสูงตรงหน้าหลับตาลงแล้ว มือเล็กหยิบผ้าห่มที่คลุ่มอยู่บริเวณเอวแกร่งให้มาห่มไว้บนหน้าอก
หมับ!!
ผ่ามือหนาที่คว้าหมับเข้าที่ข้อมือของตาวในช่วงที่ตาวจัดการห่มผ้าให้ทำให้ตาวหยุดชะงักเขาอยากจะชักมือกลับหากทว่ากลับต้องหยุดนิ่งเมื่ออยู่ดีๆคนที่หลับตาพริ้มก็เอาฝ่ามือของเขาไปแนบไว้กับแก้มของตนเองพร้อมกับยิ้มอย่างมีความสุข
“ มือมึงนุ่มจัง อุ่นด้วย ” ว่าพร้อมกับเบียดใบหน้าของตนเองเข้าหาฝ่ามือเล็กมากขึ้นกว่าเดิมจนตาวไม่กล้าที่จะชักมือออก
“ …… ” ตาวไม่รู้ว่าเขาเป็นอะไรถึงได้เลือกยืนนิ่งให้คนตัวสูงได้ทำแบบนี้กับเขา เขารู้แต่ว่าสายตาของเขากำลังจ้องมองใบหน้าที่หล่อแบบร้ายกาจที่หลับตาพริ้มแล้วแนบใบหน้าลงกับฝ่ามือของเขาอย่างอ่อนโยนมันทำให้ใจของเขากระตุกผิดจังหวะอย่างไม่ทราบสาเหตุ
เขาคงไม่ได้กำลังหวั่นไหว กับเสือร้ายตัวนี้หรอกนะ
ใช่ไหม...
“ แล้วก็อีกอย่างที่อยากบอกชุดนอนที่มึงใส่วันนี้คอกว้างมากและหัวไหล่มึงก็เนียนมากโคตรขาว ”
เกือบจะดีอยู่แล้วเชียว
ละมุนไม่ได้ถึงห้าวิ ก็ชีกอจนได้...
“ คุ.... ”
“ รู้นะว่ามึงกำลังจะด่ากู ด่าไปเถอะต่อให้เป็นคำด่าแค่เป็นเสียงมึงกูก็โคตรมีความสุขละ ”
“ เลิกพูดแล้วก็นอนสักทีเถอะครับไม่งั้นผมจะกลับละนะ ” ตาวดุเมื่อเห็นร่างสูงที่หลับตาแล้วแต่กลับไม่ยอมนอนสักที
“ ฝันดีครับตาวของเมือง ” สัมผัสอุ่นๆจากริมฝีปากของเมืองที่จูบแผ่วเบาอย่างนุ่มนวลลงบ่นฝ่ามือของตาวทำให้ตาวตัวชาวาบทำตัวแทบไม่ถูก เขาไม่เคยคิดเลยว่าผู้ชายที่ดูใช้ชีวิตห่ามๆมาทั้งชีวิตจะมีมุมแบบนี้
มุมที่ทำให้ใจของตาวกระตุกเป็นรอบที่สองในรอบวัน...
คำว่าครับมันดูเพราะและไม่ได้พิเศษอะไร แต่มันกลับดูแปลกตาและพิเศษจนใจสั่นเมื่อคนที่แทบไม่เคยจะได้ยินคำพูดเพราะๆออกจากปาก พูดว่าครับ พร้อมกับสัมผัสละมุนราวปุยนุ่นแบบนี้
***************************************************
“ น้องเมืองลูก ”
“ คุณยาย ” เมืองที่ถูกรายล้อมไปด้วยเพื่อนๆในบ่ายของวันใหม่ขานรับผู้ที่พึ่งเปิดประตูเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยของเขา
“ คุณยายสวัสดีคร้าบบบบ ” แก๊งชายโฉดพร้อมใจกันพนมมือไหว้ผู้สูงอายุด้วยกันอย่างพร้อมเพียง
“ สวัสดีจ๊ะเด็กๆไม่ได้เจอกันนานเลยเนอะหล่อขึ้นกันทุกคนเลยรึเปล่าเนี่ย ” หญิงชราทักทายเพื่อนของหลายชายอยางอารมณ์ดี พร้อมกับเอื้อมมือไปลูบไหล่ของเจมส์อย่างเอ็นดูก่อนจะหันมองจ้องหลานชายที่นั่งอยู่บนเตียงคนไข้ “ แล้วเรานี่ยังไงหึ เข้าโรงพยาบาลขนาดนี้แล้วทำไมไม่บอกยายครับน้องเมือง ”
“ น้องเมืองก็แค่ไม่อยากให้คุณยายเป็นห่วงอีกอย่างก็ไม่ได้เป็นอะไรมากด้วยนี่หมออนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วนะไม่เชื่อคุณยายถามพี่ภาคดูก็ได้ ” เมืองว่าตอบผู้เป็นยาย คำว่า
‘ พี่ภาค ’ ที่หลุดออกจากปากของเมืองทำเอาตาวที่ยืนเงียบๆอยู่ถึงกับทึ่งอย่างไม่อยากจะเชื่อ
เมืองนี่นะเรียก ภาค ว่าพี่ หิมะจะตกที่ประเทศไทยไหมเนี่ย
“ น้องภาคก็เหมือนกันทำไมไม่ดูแลน้อง ” หญิงชราหันไปดุพี่ชายคนโต
“ น้องภาคไม่ผิดนะคุณยาย ก็ไอ้ เอ้ย น้องเมืองมันไปกินไก่เอง ก็ใครบอกมันอยากโชว์แมนอวดตาวตาว เองล่ะ ” ภาคโวยกลับ
“ เอะ ตาวตาว ชื่อคุ้นๆ นะ ”
“ เอ้า คุณยาย ก็นี่ไงตาวตาว ” ภาคว่าพร้อมกับผลักหลังของตาวที่ยืนหลบอยู่ข้างหลังให้ขึ้นมาข้างหน้าให้หญิงชราได้เห็นหน้าชัดๆ “ คนที่ทำให้น้องเมืองมันอยากมีความรักไงคุณยาย ”
“ สะ สวัสดีครับ ” ตาวยกมือสวัสดีอย่างทำอะไรไม่ถูกได้แต่มองภาคอย่างคาดโทษแต่ภาคก็หาได้เกรงกลัวไม่สนุกนักล่ะได้แก้เผ็ดคืนเขาเนี่ย
“ อ๋อ คนนี้เองเรอะ ” หญิงชราว่าพร้อมกับจ้องมองตาวตั้งแต่หัวจรดเท้าจนตาวทำตัวไม่ถูกเหงื่อซึมฝ่ามือไปหมด เขาไม่น่าตกลงมาเยี่ยมเมืองพร้อมกับแก๊งเพื่อนๆของเมืองที่ถ่อไปชวนเขาถึงคณะเลยจริงๆให้ตายสิ
เกร็งชะมัด...
“ คุณยายอย่ามองแบบนั้นดิเขากลัวหมดแล้วเนี่ย ” เมืองว่าพร้อมกับฉวยโอกาสดึงมือของตาวที่กุมกันอยู่มาจับเอาไว้ ตาวอยากจะชักมือกลับแต่ก็เกรงสายตาของหญิงชราที่ท่าทางจะรักหลานชายมาก กำลังจ้องมองเขาอยู่จึงต้องปล่อยเลยตามเลยให้เมืองได้กุมมือของเขาเอาไว้
“ โหหหห ขนาดนี้เพื่อนก็ไม่จำเป็นละม้างงง ” เสือเอ่ยแซว
“ อย่าว่าแต่เพื่อนเลยพี่ก็คงไม่จำเป็นตั้งแต่เมื่อคืนละล่ะ ” ภาคพูดเสริม
“ เอะ เมื่อคืน? ” ฟาร์จ้องหน้าเพื่อนอย่างจับผิด
“ แหนะ เมื่อคืน? ” เจมส์เอาด้วยอีกคน
“ พอๆ คุณยายอยู่เนี่ยเห็นไหมรีบๆขนของไปรถเลย อยากกลับห้องจะแย่ละ ” เมืองไล่เพื่อนๆ
“ แล้วนี่จะกลับกันยังไงหมดล่ะหืม ” หญิงชราเอ่ยถาม
“ พี่ภาคเอารถมารับครับคุณยาย ส่วนพวกนี้ ” เมืองชี้ไปยังเพื่อนๆของเขาที่กำลังเคลียร์ของออกจากห้องพัก “ มันพากันเอารถมาเอง ”
“ น้องเมืองโอเครึยังนอนใส่น้ำเกลืออีกสักคืนไหม หรือว่าให้ยายไปนอนเป็นเพื่อนที่ห้องด้วยดี ”
“ ไม่เป็นไรครับคุณยายน้องเมืองหายแล้วอีกอย่างตาวตาวเป็นหมอ ตาวตาวดูแลเมืองได้ จริงไหมตาวตาว ” เมืองว่าพร้อมกับหันไปยิ้มหวานสบตาตาวที่กำลังยืนงงชี้นิ้วเข้าหาตัวเองว่าเขาไปรับปากว่าจะไปดูแต่เมืองตอนไหนกันอีกอย่างนะที่เมืองอาจจะลืม
เขาเป็นหมอฟัน....ไม่ใช่หมอคน
เกือบสามอาทิตย์แล้วที่เมืองยังคงวนเวียนอยู่ในชีวิตของตาวทักมากวนประสาทให้ตาวได้โมโหแล้วด่าบ้าง บางทีก็เดินมาหาถึงที่คณะขนาดโดนตาวด่า หรือบอกว่ารีบมีเรียนคนอย่างเมืองยังสามารถตีหน้ามึนแล้วบอกว่าไม่เป็นไรมาให้เห็นแค่หน้า แค่นิดเดียวก็ยังดี ตาวล่ะยอมใจจริงๆเลย
“ ตาว พักก่อนพวกกูมึนไปหมดแล้วเนี่ย ” บอยพูดขึ้นก่อนจะรีบยกมือห้ามตาวที่กำลังจะเปิดชีทไปอีกหน้า ช่วงนี้เป็นช่วงใกล้สอบแม่คณะอื่นจะบอกว่าเหมือนอีกตั้งสองอาทิตย์กว่าๆค่อยอ่าน แต่สำหรับทันตะแพทย์แล้วมันไม่ใช่ถ้าไม่อ่านตอนนี้เก็บไว้อ่านตอนหนึ่งวันก่อนสอบมีหวังตายแน่ๆพวกขาจึงได้นัดติวกันโดนมีตาวเป็นคนติวให้เพื่อนทั้งกลุ่ม
“ เอางั้นก็ได้ ” ตาวว่าพร้อมกับถอดแว่นสายตาของตนเองออก ยกมือเรียวขึ้นนวดระหว่างคิ้วของตนเอง พอหลังจากที่ตาวพูดแบบนั้นเพื่อนแต่ระคนก็ทำหน้าระรื่นอย่างกะถูกหวยบ้างก็ฟุบหน้าหลับลงกับโต๊ะ บ้างก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่น
Taw Traikhun ได้โพสต์สถานะของเขาเมื่อเร็วๆนี้
หิวเครปชาโคลฝอยทองราดนมหวานๆ กับโกโก้ปั่นสักแก้วจัง
5 คนถูกใจ 0 คอมเม้น
Rrrrrrrrrr Rrrrrrr Rrrrrrrr
“ อ่านหนังสืออยู่ครับไม่ว่าง ” ตาวกดรับสายพร้อมกับกรอกเสียงลงไปเมื่อรู้ว่าคนที่โทรขาเขานั้นเป็นใคร
[ อยู่ไหน ]
“ โรงอาหารคณะครับ ”
[ ดึกป่านนี้เนี่ยนะ ยุงไม่กัดรึไงทำไมไม่พากันไปอ่านที่อื่น ห้องสมุดก็ได้ ]
“ คนมันเยอะครับไม่มีสมาธิ คุณเมืองมีธุระแค่นี้ใช่ไหมงั้นผมวางนะ ”
[ เดี๋ยวตาวอย่าพึ่งวาง ]
“ ครับ ” ตาวชะงักพร้อมกับขานรับ
[ สู้ๆนะ ]
-///-
“ อ่ะว่าไงคะคุณติวเตอร์ทำไมวางสายจากผู้แล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เชียวคะแหมมมม ” พอใจที่จ้องมองเพื่อนตัวเล็กตั้งแต่ช่วงที่คุยโทรศัพท์พูดขึ้น
“ เราไม่ได้ยิ้มสักหน่อย ”
“ อิตาว อิตอแหล ” บอยที่ทนไม่ไหวว่าขึ้นพร้อมกับจิ้มหน้าผากเนียนจนตาวแทบหงาย
“ บอยเราเจ็บนะ ” ตาวว่าพร้อมกับยกมือขึ้นกุมหน้าผากของตนเอง
“ มีผู้หล่อเบอร์นั้นมาจีบจะเป็นเดือนเลิกเล่นตัวได้ล่ะคะมึงไม่ได้สวยเหมือนใหม่ ดาวิกา อย่าเลือกมาก!! ”
“ ถามจริงนะที่มึงสร้างกำแพงกับเขาไม่ยอมเปิดใจอยู่แบบนี้เป็นเพราะมึงกลัวใช่ไหม ตาวกูว่ามึงเป็นโรค Philophobia แน่ๆเลยว่ะ ” พอใจว่าขึ้นอีกคน
“ เรา... ”
“ ตาว! ” เสียงทุ่มที่เรียกขึ้นขัดบทสนทนาของพวกเขาทำให้พวกเขาต้องหันไปมองยังต้นทางของเสียงก่อนจะพบกับผู้ชายผิวไม่ขาวมากในชุดเสื้อบาสสีขาวกับกางเกงบอล ผมยุ่งๆเดินถือถุงอะไรสักอย่างเข้ามาหาพวกเขา
“ หูยย นี่พี่เมืองหรือแด๊กคูล่าอ่ะตายยากชิปหาย ” บอยกระซิปพูดกับพอใจที่พยักหน้าเห็นด้วยทันที
“ มาทำไมผมบอกว่าอ่านหนังสือไม่ว่างไง ” ตาวหันไปว่าคนตัวสูง
“ เอาเครปมาให้เฉยๆเห็นบ่นว่าหิว แต่เที่ยงคืนมันหาซื้อโกโก้ปั่นไม่ได้แล้วว่ะร้านปิดหมดแล้วกูก็เลยซื้อไมโลเซเว่นมาแทนพอกินได้ไหม ” เมืองว่าพร้อมกับวางถุงเครปชาโคลลงตรงหน้าของตาวพร้อมด้วยปักหลอดลงบนกล่องไมโลให้ตาวอีกต่างหาก
“ โอ้ยอิตาวถ้ามึงไม่เอากูจะเอาเองละนะ พ่อคุณ พ่อเทพบุตรของบี๋ ” บอยว่าพร้อมกับเนียนเดินมากอดลำแขนแกร่งของเมืองเอาไว้
“ อิบอยอิแรดนั่นผู้เพื่อนออกมา!! ” พอใจลากบอยให้กลับมานั่งลงที่เดิม
“ ฮาๆไม่เป็นไรๆงั้นพี่ไปละนะ ไม่รบกวนละ ” เมืองหัวเราะอย่างไม่ถือสาพร้อมกับโบกมือลา
“ คุณเมือง ”
“ หืม? ” เมืองเริกคิ้วขึ้นเมื่อเห็นตาวเรียกตน
“ ขอบคุณนะครับ ” ตาวก้มหน้าพูดเสียงแผ่ว
“ ไม่เป็นไร ” เมืองว่าก่อนจะค่อยๆยิ้มออกมา “ กูเต็มใจ ”
“ อิตาวทำไมมึงไม่กินเครปสักทีเอาไว้นานๆไม่กรอบไม่อร่อยนะเว้ย ” บอยว่าขึ้นหลังจากที่เมืองกลับไปพวกเขาก็กลับเข้าสู่โหมดติวหนังสืออีกครั้งจนหยุดพักอีกรอบแต่ตาวก็ยังคงไม่กินเครปที่เมืองซื้อมาให้สักที
“ ผมยังไม่ค่อยหิว ” ตาวตอบ
“ จริงเหรอ ไม่ใช่ว่าจะกลับเอาไปเก็บใส่ตู้เย็นไม่ยอมกินเพราะพี่เมืองซื้อมาให้หรอกนะ ”
“ บ้าเหรอบอยใครเค้าจะไปทำแบบนั้นกัน ”
“ มึงไง ” บอยชี้นิ้วไปยังคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขา
“ เรากินแล้วนี่ไงเห็นไหม ” ตาวที่ไม่รู้ว่าจะเถียงอะไรกลับจึงหยิบเครปชาโคลฝอยทองขึ้นมากัดกินคำใหญ่ให้บอยได้เห็นแต่แล้วพอกินไปเรื่อยๆเขาก็ต้องหยุดชะงัก
“ อะไรอิตาว มีจิ้งจกในเครปเหรอ ” บอยที่มองอยู่ถามขึ้น
“ เปล่า คือ.. ”
“ ไหนกูดูซิมีอะไร ” พอใจแย่งเครปในมือตาวขึ้นมาดูพร้อมกับบอยที่เอียงหัวเข้ามาดูด้วย ทั้งสองเบิกตากว้างก่อนที่จะกรี๊ดออกมาพร้อมกันในที่สุดเมื่อพบลายมือที่แทบอ่านไม่ออกเขียนไว้ตรงที่ใส่เครปว่า...
ตั้งใจอ่านหนังสือนะครับคนดีของเมือง