TWINS บทที่ 21 ฝาแฝดและการท้าทายของเซนเซย์ " ธัช ตื่นได้แล้วนะ " ผมเข้ามาปลุกน้องในตอนเช้า เพราะวันนี้พวกเรามีเรียนหลายวิชา แต่ตามปกติแล้วผมไม่เคยที่จะต้องมาปลุกน้องหรอกครับ แต่วันนี้มันจำเป็นจริงๆ เพราะอาหารที่ผมทำให้น้องเมื่อคืน มันมีส่วนผสมของยา และผลข้างเคียงก็ทำให้ธัชเป็นแบบนี้ ผมเสียใจ แต่ผมไม่มีทางเลือก
" พี่ครับ ผมปวดหัวจัง " ผมนั่งลงข้างๆ น้องลูบเบาๆ ที่แก้ม
" ถ้างั้นวันนี้นอนพักซะนะ เดี๋ยวพี่จะไปคนเดียวเอง "
" แต่วันนี้มีสอบย่อยหลายวิชานะครับ " ธัชพูดพลางทำหน้าหงอย
" วันนี้พี่จะไปแทนธัชเอง ของตัวพี่เดี๋ยวพี่ไปสอบแก้ทีหลัง " วันนี้ผมจะเป็นธัชชา เพื่อเข้าเรียน และบอกพวกอาจารย์ว่าธิชานั้นป่วย มาไม่ได้ แบบนี้แหละดีแล้ว แต่สิ่งที่ผมหนักใจอยู่เสมอก็คือ เคียวเซนเซย์
" ผมไม่อยากทำแบบนั้นเลย " ผมมองหน้าน้องที่กำลังทำหน้าเศร้า
" ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวพี่จะกลับมา พี่ทำกับข้าวไว้ ถ้าหิวก็อุ่นกินเอานะ "
" พี่ต้องกลับมานะครับ " ผมชะงักมองหน้าธัช
" สัญญาไว้แล้วนี่ พี่ไม่ไปไหนหรอก " ผมก้มลงจูบเบาๆ ที่หน้าผากของน้องและหันหลังออกจากห้องมา
ผมจะทำยังไงดีนะ ธัชเริ่มอาการหนักขึ้นอีกแล้ว เมื่อก่อนนั้นผมให้น้องกินยาอยู่เสมอ และน้องก็ดูเหมือนจะทำตามที่ผมสั่ง และผมคิดว่าผมสามารถดูแลน้องได้โดยไม่ต้องไปหาหมอ และธัชก็อาการดีขึ้นเรื่อยๆ ผมคิดว่าธัชนั้นหายแล้ว แต่ความจริงนั้นธัชแค่ปิดบังผมเท่านั้นเอง ถ้ามหา'ลัยรู้อาจจะแย่ก็ได้ ผมต้องซ่อนน้องเอาไว้ก่อน ผมจะไม่ให้ใครมาแตะต้องธัช ต้องไม่ให้เซนเซย์รู้ เซนเซย์อาจวางแผนอะไรก็ได้
ผมลงจากรถ พยายามปั้นหน้ายิ้มแย้มอย่างยากลำบากเพราะหัวใจของผมตอนนี้มันอ่อนแอนัก ผมไม่มีที่พึ่ง ผมไม่เคยบอกใครเรื่องของน้องกับใคร แม้กระทั่งพ่อแม่บุญธรรมของผมกับธัชตอนนี้ ผมไม่สามารถไว้ใจใครได้ ผมต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง
ผมเข้าเรียนทุกวิชาในชื่อของธัชชา ทุกอย่างดูเหมือนจะผ่านไปได้ด้วยดี จนคาบเรียนสุดท้ายของเซนเซย์ หมอนั่นจ้องมองผมตลอดเวลาด้วยสีหน้าแปลกๆ จนถึงท้ายคาบ
" เซนเซย์ครับ พอดีพี่ธิชไม่สบาย วันนี้เลยไปช่วยงานไม่ได้นะครับ " ผมบอกเซนเซย์และยิ้มแย้มอย่างฝืนทน
" งั้นเหรอ ถ้างั้นเธอก็ไปแทนละกัน ธัชชา " ผมคิดไปเองหรือเปล่านะว่าเซนเซย์พูดชื่อธัชชาแบบเน้นคำแปลกๆ
" วันนี้ไปกับฉันละกัน " ผมตาโตมองเซนเซย์ด้วยความไม่เข้าใจ
" เอ่อ ผมขัับรถมาครับ ผมไปเองดีกว่า " จะให้ซ้อนดูคาติสีดำคันนั้นอ่านะ อย่าหวังเลย มีหวังทั้งมหา'ลัยล่าหัวผมแน่ๆ เพราะตั้งแต่ไหนแต่ไร ผมได้ยินมาว่าไม่มีใครเคยได้ซ้อนท้ายเซนเซย์เลย
" คำสั่ง " เซนเซย์พูดเสียงแข็งพลางมองหน้าผมแบบไม่เป็นมิตร
ผมกลืนน้ำลายลงคอ ไอ้บ้าเอ้ย คิดจะทำอะไรฟะ ผมสังเกตุว่าถึงแม้ในห้องเซนเซย์จะดูเหมือนใจดีกับธัช แต่ข้างนอกนี่เซนเซย์ก็ดุธัชเหมือนกันแฮะ เป็นคนที่แปลกจริงๆ
หลังเลิกเรียน ผมเดินช้าๆ ตามหลังเซนเซย์ที่เดินเร็วอย่างกับจรวดไปที่รถสุดเท่ห์คันนั้น ผมปวดใจจริงๆ เพราะมันจอดอยู่หน้าตึกที่มีนักศึกษาเดินผ่านไปมาเป็นร้อย ผมขาแข็ง ยืนเป็นตอไม้อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากรถที่เซนเซย์จอดอยู่ ตามองไปรอบๆ อย่างหวาดระแวง ผมไม่ชอบเป็นจุดสนใจมากนัก ยิ่งต้องอยู่ใกล้ๆ เซนเซย์ด้วยแล้ว ผมมองเซนเซย์ที่กำลังใส่เสื้อหนังสีดำแขนยาว และสวมหมวกกันน็อค เซนเซย์เปิดหน้ากากขึ้น ทำให้มองเห็นแค่ตาเท่านั้น
" จะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม " เซนเซย์พูดเสียงดังใส่ผม สาวๆ ที่ยืนดูเซนเซย์ต่างจ้องมองมาที่ผม พลางพูดคุยซุบซิบกันเสียงดัง ผมอยากจะสลายหายไปตอนนี้จริงๆ ผมเดินเข้าไปช้าๆ แบบไม่ค่อยเต็มใจนัก
" แต่ผมไม่มีหมวก "
" ไม่ต้อง ไม่ไกลหรอก " ผมถอนหายใจ ก้าวขาขึ้นคร่อมซ้อนท้ายเซนเซย์ พลางหลบสายตาฝูงเหยี่ยวสาวที่บางคนก็ทำหน้าช็อค และบางคนก็ทำหน้าฟินสุดๆ เหอะๆ
ไอ้รถบ้านี่ ทำไมที่นั่งมันถึงทำให้ไหลไปชนคนขับฟะ ไม่ว่าผมจะพยายามออกห่างจากคนขับเท่าไหร่ ผมก็จะไหลไปหาเซนเซย์ตลอดเวลา เรียกได้ว่าแนบชิด แบบต้องกอดเอวลูกเดียว
" จับแน่นๆ " ไม่ทันพูดจบ เซนเซย์ก็ออกตัวอย่างเร็ว จนผมแทบจะร่วงจากรถ ผมรีบคว้าเอวเซนเซย์ไว้ด้วยความกลัว โอ้ยย วันนี้มันอะไรกันวะเนี่ย ผมมองเห็นหน้าตึกคณะที่ห้องทำงานของเซนเซย์อยู่บนนั้น แต่เซนเซย์กลับขับผ่านมันไป ผมหัวใจเต้นรัว นี่พวกเราจะไปไหนกันนะ
" คือว่า เลยแล้วนี่ครับ! " ผมตะโกนแทรกผ่านลมที่พัดแรง ไอ้บ้านี่มันซิ่งจริงๆ จะบ้าตาย ไม่มีเสียงตอบกลับมา ความกลัวเริ่มแทรกซึมตัวผม นี่ผมกำลังถูกพาไปไหนกันละเนี่ย
แต่ไม่นานรถของเซนเซย์ก็มาจอดอยู่ที่หน้าคอนโดสุดหรูแห่งหนึ่ง ซึ่งน่าจะเป็นคอนโดของเซนเซย์
" พาผมมาที่นี่ทำไม " ผมลงจากรถและรีบถามเซนเซย์ด้วยความหวาดระแวง
" ผมไม่ขึ้นไปได้ไหม " เซนเซย์ไม่ตอบ แต่จับมือผมและเดินเข้าไปข้างใน
" เดี๋ยวครับ นี่มันอะไรกัน ปล่อย " เซนเซย์หันมามองผมด้วยสายตาดุดัน
" เธอไม่ใช่ธัชชางั้นเหรอ " ผมชะงักและรู้สึกว่าผมกำลังไม่เป็นตัวของธัชเลย สิ่งที่ผมแสดงทั้งหมดมันคือตัวผมเองทั้งนั้น
" ผมคือธัชชา " ผมบอกเซนเซย์เสียงเรียบ
" งั้นก็ดี ตามมาซะ " ผมใจสั่น นี่มันอะไรกัน ผมจะทำยังไงดี
เซนเซย์กดลิฟท์มาที่ชั้นบนสุด ซึ่งมีอยู่เพียงแค่สองห้องเท่านั้น ผมเดินตามเซนเซย์ด้วยความหวาดหวั่น มาให้เขาเชือดถึงที่เลยกู ผมจะรอดไหมเนี่ย เซนเซย์กดรหัสและเปิดประตูเข้าไป ข้างในตกแต่งแนวเดียวกับห้องทำงานของเซนเซย์ มันเป็นโทนสีขาวดำ และมีหนังสือมากมาย ผมมองขึ้นไปยังชั้นลอยที่สอง ซึ่งสามารถมองดูจากโถงด้านล่างได้ ผมยืนอยู่ที่ประตู ไม่กล้าแม้แต่จะเดินเข้าไป
" ทำอะไร จะเดินเข้ามาหรือจะให้อุ้มเข้ามา " ผมรีบเดินทันทีที่ได้ยินคำขู่นั้น แค่ในห้องทำงานผมก็โดนกอดขนาดนั้น นี่มาถึงห้อง ผมจะไม่โดนทำมากกว่านี้เหรอเนี่ย แค่คิดผมก็ตัวสั่นน้อยๆ ผมมองดูร่างกายเซนเซย์ ผมจะเสี่ยงสู้ดีไหมนะ แต่คงโดนไล่ออกนี่สิ จะให้ทำยังไง
" อ้าว มาแล้วเหรอ " ผมชะงักหยุดเดินทันทีที่เห็นพี่เชนนั่งอยู่ที่โถงรับแขก ผมรอดแล้วสินะ ผมแสดงท่าทางดีใจจนออกนอกหน้าเลยทีเดียว
" หวัดดีครับพี่เชน " ผมยกมือไหว้ส่งยิ้มทักทาย ถ้ามีพี่เชนอยู่ก็น่าจะหายห่วง
" ว่าไงธัช เป็นไงบ้าง " พี่เชนทักผมอย่างเป็นมิตร
" ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นเคียวไม่กัดหรอกน่า ใช่ไหม " พี่เชนหันไปหาเซนเซย์ที่ตอนนี้ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
" ไม่ใช่แค่กัดหรอก " ผมเดินตัวลีบเข้าไปหาพี่เชนทันทีที่ไอ้บ้านั่นพูดแบบนั้น
" ฮ่าๆ เคียวเป็นแบบนั้นเองแหละ แต่จริงๆ ใจดีนะ " ใจดีกับผีน่ะสิ
" เอ่อ ไม่ต้องตกใจนะ วันนี้พี่มาคุยด้วยน่ะ " พี่เชนทำท่าทางให้ผมนั่งลง ผมเดินเข้าไปและนั่งลงที่โซฟาข้างๆ พี่เชน พลางเหลือบมองดูเซนเซย์ที่ยืนกอดอกพิงเสาอยู่
" มีอะไรบอกพี่ตรงๆ ได้เลยนะ พี่พยายามจะช่วยเราอยู่ อย่ากลัว " ผมขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ หมายความว่ายังไงกัน
" เฮ้อ เปล่าประโยชน์ชะมัด " ผมหันไปมองเซนเซย์ที่พูดและทำหน้าเบื่อหน่ายสุดๆ
" พี่เชนพูดเรื่องอะไรเหรอครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย "
" คือ พี่ขอแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการก่อนละกัน พี่กับเอ่อ... " พี่เชนมองเซนเซย์ที่ตอนนี้ทำหน้ายักษ์สุดๆ ก่อนจะพูดต่อไป
" คือ พี่เป็นจิตแพทย์น่ะ อย่าเพิ่งตกใจนะ " ผมลุกขึ้นทันทีที่พี่เชนพูดจบ หมายความว่ายังไง นี่เป็นแผนของเซนเซย์งั้นเหรอ จะหาหลักฐานเรื่องธัชใช่ไหม คนพวกนี้น่าจะแค่สงสัย ต้องเงียบไว้
" ผมปกติดีครับ ผมไม่ได้เป็นอะไร พวกเราทั้งสองคนพี่น้องปกติดี "
" ใจเย็นๆ ก่อนธัช นี่พี่พยายามจะช่วยอยู่นะ " คนพวกนี้รู้ได้ยังไง ธัชก็ทำตัวปกติเวลาอยู่ข้างนอก จะแสดงอาการก็น้อยสุดๆ หรือไอ้ท็อปไปฟ้องเซนเซย์ จะหาเรื่องไล่พวกเราออกน่ะสิ ผมไม่ยอมเชื่อคนพวกนี้หรอก
" พี่เสียเวลาเปล่าครับ ผมปกติจริงๆ " พี่เชนมองผมและมองเซนเซย์แบบขอความช่วยเหลือ
" ก็บอกแล้วไงว่าเปล่าประโยชน์ " เซนเซย์พูดกับพี่เชนพลางจ้องมองผมด้วยสายตาดุดัน
" งั้นค่อยคุยกันวันหลังละกันนะ นี่นามบัตรพี่ ถ้ามีอะไรก็โทรหาพี่ได้เลย " พี่เชนยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ก่อนจะเดินไปหาเซนเซย์ ทั้งสองคนซุบซิบอะไรกันสักอย่าง ก่อนที่พี่เชนจะขมวดคิ้วจ้องมองผมอย่างสงสัย และเดินออกไปจากห้อง ผมทำท่าจะเดินตามพี่เชนออกไป แต่เซนเซย์ก็รีบมาดึงผมเอาไว้
" จะไปไหน "
" ผมจะกลับครับ คงไม่มีอะไรแล้ว " ตอนนี้ผมไม่สามารถยิ้มได้แม้แต่วินาทีเดียว
" เธอคือธัชชาแน่เหรอ " ผมเงยหน้ามองเซนเซย์ที่จ้องมองผม
" ครับ "
" วันนี้ไม่ร่าเริงเลยนะ ทำไมต้องกลัวจิตแพทย์ขนาดนั้น "
" ผมไม่ได้กลัว แต่ผมไม่ได้เป็นอะไร "
" เธอรู้อะไรไหม ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเธอคือธัชชา " เซนเซย์พูดพลางจ้องมองผมจนใบหน้าของเราห่างกันแค่นิดเดียว ผมกลืนน้ำลาย หัวใจสั่นไหวด้วยความกลัว
" แล้วเธอรู้ไหมว่า ถ้าเธอไม่ใช่ธัชชา นั่นหมายถึงอะไร " ผมเริ่มเดินก้าวถอยหลัง เพราะว่าเซนเซย์ยังคงเดินเข้ามาเรื่อยๆ อย่างกดดัน
" เธอสองคนพี่น้อง ทำผิดร้ายแรง คิดว่าจะรอดงั้นเหรอ " พอได้ยินแบบนั้น ผมจึงหยุดเดินและจับแขนของเซนเซย์ไว้
" ผมขอโทษครับ แต่วันนี้เซนเซย์ทำผมกลัวจริงๆ ผมเลยดูแปลกๆ แต่ผมคือธัชชาจริงๆ นะครับ " ผมต้องผ่านช่วงเวลาบ้าๆ นี้ไปให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม
เซนเซย์เหมือนกำลังพิจารณาผม เซนเซย์เพ่งมองผมหลายนาทีเลยทีเดียว ผมมองหน้าเซนเซย์ที่ตอนนี้อมยิ้มน้อยๆ แบบนี้ผมรอดแล้วใช่ไหม เซนเซย์เชื่อผมแล้วสินะ
" งั้นก็ได้ ถ้าอย่างนั้นธัชชา จูบฉันสิ แล้วฉันจะเชื่อ " ผมเบิกตามองเซนเซย์ด้วยความตกใจ
แล้วแบบนี้ผมจะต้องทำยังไงกัน ผมไม่รู้เลย