{{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนพิเศษวันแม่ - P.39 - [12/08/61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนพิเศษวันแม่ - P.39 - [12/08/61]  (อ่าน 174080 ครั้ง)

ออฟไลน์ river

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2398
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +231/-3
สงสารจิระเหมือนกันนะ มาเปลี่ยนตัวกับจิตรินที่อัธยาศัยดีสุดยอดนี่ลำบากแน่

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
จิระน่ารักกกกกก  หมั่นไส้คุณสันที่สุดดด โดยเฉพาะ  “บริษัทนี้อ้างอิงนาฬิกาของผมเป็นหลักครับ” 55555555  :ling1:

ออฟไลน์ mayongc.

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 111
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
แอบเอ็นดูจิระจังเลยค่ะ ความนั่งเถียงกับตัวเองนี้5555555
จิระต้องสู้หนาาา เจอแค่คมสันก็เหนื่อยแทนแล้วววว

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
คิดถึงเสี่ยกับจิตรินแฮะ  :กอด1:
ส่วนหลานจิสู้ ๆ นะ  :ped149:

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ ninghyuk

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-1
จิระต้องหัดฝอยบ้างแล้ว5555

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
เราว่า จิ น่ารักนะ ที่ไม่รู้ตัวว่าจริงๆแล้วตัวเองมีสายเลือดนักแสดงเข้มข้นขนาดไหน ยิ่งได้จิตรินสนับสนุนด้วยการคิดบทแหวกแนวเข้ามาก็คงยิ่งส่งให้จิดังยิ่งขึ้น

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4

:m20:ตลกเตโชมากๆ จิ้งจกเนี่ยน่ะ ทำจิระเราน็อคไปเลย คมสันคู่ใคร อยากรู้
คุณสันคู่พี่เบิ้มค่ะ ในเรื่อง I'm not him  2คนนี้แอบมีซัมติงค่ะ อิอิ เห็นว่ามีพาร์ทของคุณสันกับพี่เบิ้มในรวมเล่มด้วยค่ะ  :impress2:
ขอบคุณจ้ายังอ่านหนังสือไม่จบเลย 555

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1290
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
ราชาเงาที่ร้ายกาจที่สุดในเรื่อง คมสันไงจะใครล่ะ

ออฟไลน์ Mod40

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 55
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
คมสันร้ายกาจจจจ ไม่ต้องเสียงลอนวิสลี่หรอกเสียงผมเองเนี่ยแหละครับ :a5:

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
ฉันสงสารหนูจิ นอกจากจะต้องมาเจอพระเอกมึนๆอึนๆแล้วยังต้องมาสู้รบกับแม่เลี้ยงใจร้ายอย่างคุณคมสันอีก จิเอ้ยยยชีวิตทำไมรันทดแบบนี้ละคะลูก ว่าแต่มากองถ่ายเช็คเมทคงได้รู้แล้วสินะคะว่าอิทธิฤทธ์การฝอยของพี่จิเนี่ยรุนแรงขนาดไหน ฮ่าๆๆ รอวันพี่จิกับหนูจิมาเจอกัน เรายังจิ้นคู่นี้อยู่นะ อิอิ

ปล. ดีใจที่มีเช็คเมทซีสอง อย่าว่าแต่นักเขียนเลยค่ะเราก็อยากดู

ออฟไลน์ สาว801

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
พระเอกมีบทน้อยจุง :katai5:

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4
สงสารน้องจิ ปรับตัวกันเยอะเลย

ออฟไลน์ mayohouang

  • Nothing dangerous as memory.
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 19
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
555  รอลุ้นกับมิสเตอร์เอสผู้ความจำเสื่อม  :laugh:

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
อ่านแล้วสงสารจิระชัย เข้าใจว่าต้องกดดันสุดๆ เพราะจินิสัยตรงข้ามกับจิระเลย นี่ก้อคงเป็นความท้าทายเนอะจิระ แต่ช่วงนี้คือจิยังไม่กลับมาคบกับ้เสี่ยรึเปล่าหรือว่ากลับมาคบกันแล้ว

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
จิระอาจจะต้องลำบากหน่อยนะ เพราะจิตรินฝอยเอาไว้เยอะ 555

ออฟไลน์ aorpp

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1274
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +250/-3
เฝ้ารอให้การแสดงของจิระทำให้คนในกองตะลึงงงงงงง
ขอให้เตโชทำลายเปลือกที่หุ้มจิระออกได้เร็วๆทีเถอะ
จิระตัวจริงออกจะน่ารักจิตใจดี ถึงจะปากร้ายไปหน่อยก็แค่เป็นการสร้างเกาะป้องกันตัวเองเท่านั้น

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ชมพูพาล

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
น่ารักๆ
จิตรินฝอยไว้เยอะตกทั้งกองจริงๆ  :hao7:

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
จิระน่ารักขึ้นนะ ถึงจะไม่เฮฮาแบบน้องจิแต่ความคิดก็เปลี่ยนไปเยอะเลย จากนี้ไปสู้ๆ นะจิระ :กอด1: รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ มาจะกล่าวบทไป

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +666/-7
    • เพจ 'มาจะกล่าวบทไป'

ตอนที่ 3
มิสเตอร์เอส มิสเตอร์ซีเคร็ด

 
 

หลังเดินออกมาจากบ้านของเสี่ยเมื่อเดือนก่อน ผมก็ไม่ได้ตามข่าวคราวของจิตรินอีกเลย

แต่คนอย่างเสี่ยไม่มีวันยอมให้คนรักทำงานห่างตัวแน่นอน ฉะนั้นเปอร์เซ็นต์ที่จิตรินจะทำงานในบริษัทเอ็มเอชเอ็นมีสูงมาก สตั้นท์แมน? จิตรินเคยเป็นสตั้นท์แมนมาก่อนก็จริง แต่เสี่ยไม่น่าจะยอมให้เขารับงานอันตรายแบบนั้น เลขา? เสี่ยมีเลขาถึงสามคน ยัดเพิ่มมาอีกไม่น่าจะไหว แถมด้วยนิสัยของจิตรินให้เป็นเลขาคงไม่รอด ถ้างั้น...ยังเหลืออาชีพไหนที่เหมาะสมกับเขาอีกล่ะ

ผมคิดจนสมองแทบระเบิด มารู้ตัวอีกครั้งก็เลิกกองกันแล้ว โดนเรื่องของจิตรินแทรกกะทันหันทำเอาลืมเก็บข้อมูลเลยเชียว ผมลอบด่าตัวเองที่จัดเรียงความสำคัญผิดเพราะคงไม่มีโอกาสดีๆ อย่างนี้อีกแน่

“จิระ!” พอเลิกกอง ธนัทก็วิ่งโร่หาผม ราวกับว่าเมื่อก่อนเราสองคนสนิทสนมกันมาก “นายเลิกกับเสี่ยแล้วแสดงว่าไม่ต้องนั่งรถไปบ้านเสี่ยแล้วใช่มั้ย งั้นเราไปกินข้าวกันเถอะ ฉันเลี้ยงเอง!”

...ผมคิดไปเองรึเปล่านะว่าเพื่อนสนิทคนนี้แอบคิดไม่ซื่อ

“ฉันมีนัดกับผู้กำกับและคนเขียนบทต่อ...”

“งั้นฉันจะรอ!”

“อะไรกัน หนีไปกินข้าวกันสองคนได้ยังไง ชวนพี่บ้างสิ” อัครเดชเดินมาพาดแขนกับบ่าของธนัท ก่อนจะหันมาฉีกยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร “พี่มีถ่ายงานต่อที่สตูดิโอข้างๆ กันนี่เอง จิเองก็มีธุระต่อ เสร็จแล้วค่อยไปกินข้าวด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ ดีมั้ย”

“งั้นพี่อัคต้องเลี้ยงนะ พี่อัคอาวุโสสุด” ธนัทรีบโบ้ยทันทีเมื่อไม่เป็นตามแผน

“สบายมาก” อัครเดชรับปากอย่างว่าง่าย “งั้นพี่ไปทำงานต่อล่ะ เอ๊ะ จิเปลี่ยนเบอร์แล้วใช่มั้ย ขอเบอร์ใหม่หน่อยสิ”

“ใช่ๆ นายเปลี่ยนเบอร์ทำไมไม่บอกกันสักคำ เอาเบอร์มาเดี๋ยวนี้เลย”

ผมยกมือให้พวกเขาทั้งคู่เงียบก่อนจะหันไปหยิบยาดมมาสูดเฮือกใหญ่

“จิเป็นอะไร ไม่สบายเหรอ จะเป็นลมเหรอ”

“อืม...คุยงานเสร็จแล้วคงอยู่ต่อไม่ไหว” ไหนๆ ก็ถูกเข้าใจผิดไปแล้ว ผมเลยทำทีเป็นกุมขมับคล้ายวิงเวียน โชคดีที่เมื่อคืนเพิ่งโต้รุ่งมา สีหน้าซูบซีดใต้ตาดำคล้ำอย่างอ่อนเพลียทำให้คำโกหกนี้น่าเชื่อถือหลายสิบเท่า โดยเฉพาะกับจิระ...ผู้มีหน้าตาเป็นอาวุธ

“งั้นจิคุยงานเสร็จแล้วรีบกลับไปพักผ่อนเถอะ” อัครเดชว่าอย่างเป็นห่วง ลืมเรื่องขอเบอร์ซะสนิท

“นั้นสิ รีบพักผ่อนเถอะนะ ว่าแต่นายกลับยังไง ฉันไปส่งมั้ย วันนี้ฉันขับรถมา...”

ธนัทเป็นอดีตเด็กเลี้ยงเสี่ยหรือเป็นเด็กเลี้ยงจิตรินกันแน่วะเนี่ย!

“ฉันกลับเองได้ ขอบคุณนะ” ผมส่งยิ้มอ่อนแรงให้พวกเขาก่อนจะรีบขอตัวเดินไปหาผู้กำกับเป็นการตัดบท นึกขอบคุณตัวเองเหลือเกินที่เมื่อก่อนสำออยใส่เสี่ยบ่อยเลยสวมหน้ากากได้ไม่ยากเย็น ทำให้ทั้งธนัทและอัครเดชเชื่อหมดใจ ว่าแต่...พายที่ยืนอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ ตรงมุมห้องนั้นต้องการอะไรจากผมรึเปล่านะถึงได้มองมาตาไม่กะพริบ

 รู้สึกขนหัวลุกอย่างบอกไม่ถูก ตอนแรกตั้งใจว่าถ้าต้องเล่นซีรีส์ด้วยกันผมจะไปเกาะพาย เพราะเขาพูดน้อย สงบเสงี่ยมเจียมตัวดี แต่พอเห็นสายตานั้นแล้วแอบสยองขวัญชอบกล

“จิ เดี๋ยวเรามาลองเล่นเป็นมิสเตอร์เอสดูนะ ถือว่าเป็นการแคสติ้งก็ได้ คนเขียนบทจะได้เขียนบทให้เข้ากับเรา”

“ครับ” ผมพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ

“งั้นผมขอดูด้วยได้มั้ย!” ธนัทที่ว่างงานอาสาทันที “ผมเล่นคู่กับมิสเตอร์เอสได้นะครับ”

“ดีเลย พายเองก็มาด้วยสิ”

“คะ...ครับ” พายที่แอบอยู่ตรงมุมพอโดนเรียกก็เดินเข้าฉากอย่างลังเล สายตาที่เขามองผมนั้นค่อนข้างประหลาด ราวกับว่า...กำลังจับผิด

หรือพายจะรู้เรื่องผมกับจิตรินเป็นคนละคนกันแล้ว!?

ผมลอบกลืนน้ำลาย นึกอยากหยิบยาดมมาดมอีกรอบ แต่ติดที่ว่าคนเขียนบทเรียกให้ผมเข้าไปคุยถึงเนื้อเรื่องคร่าวๆ ที่อยากให้ลองแสดง

“บทของเราคือมิสเตอร์เอสที่ความจำเสื่อม ถูกล้างสมองว่าพระเอกคือศัตรูขององค์กร โชคดีที่ก่อนหน้านี้ฉันปูทางว่าองค์กรมีแฮกเกอร์คนใหม่ที่เก่งมาก เป็นเหตุผลให้พายถูกพวกพระเอกรั้งตัวให้มาช่วยเหลือพ่วงตามหามิสเตอร์เอส ในเมื่อต้องแก้ใหม่งั้นให้แฮกเกอร์คนนั้นคือจิเลยแล้วกัน เข้าใจนะ”

“เข้าใจครับ” ผมพยักหน้ารับ

“ฉากที่ฉันอยากให้ลองแสดงคือฉากที่มิสเตอร์เอสลอบเข้ามาในบ้านแล้วเห็นห้องทำงานนี้ จนเผลอเดินไปจับคอมพิวเตอร์และโซฟาตัวที่ใช้นอนเป็นประจำในซีซันหนึ่ง ในความรู้สึกของมิสเตอร์จะเต็มไปด้วยความซับซ้อนและไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงโหยหาและคุ้นเคยกับห้องนี้เหลือเกิน จากนั้นธนัทจะเข้ามา...ความจริงแล้วควรจะมาให้พร้อมหน้าพร้อมตากับอัครเดชด้วย แต่ไม่เป็นไร เอาเท่าที่มีก่อนแล้วกัน พวกเธอลองต่อบทกันสดๆ นะ เอาแค่สั้นๆ ก็พอ แต่ให้รู้ว่า มิสเตอร์เอสจำธนัทไม่ได้ และมีความรู้สึกเป็นปรปักษ์ ฉันอยากเห็นว่าจิระจะตีความยังไง”

“ได้ครับ”

“ตกลงครับ”

ผมกับธนัทขานรับพร้อมกัน

“ส่วนพาย เดี๋ยวเรารอฉากอื่นนะ ฉันอยากเห็นจิระแสดงในหลายๆ แบบ”

“ครับ” พายพยักหน้ารับ ก่อนจะหาที่นั่งดีๆ ในการเป็นผู้ชมชั้นเยี่ยม มาถึงตอนนี้ เหล่าพนักงานเบื้องหลังทั้งหลายที่เตรียมตัวกลับบ้านก็ตัดสินใจรอชมอย่างสนใจ ไม่เว้นกระทั่งพี่ช่างแต่งหน้าที่เอาใจช่วยผมไม่ใกล้ไม่ไกล เขาเป็นคนเดียวกับที่ช่วยแต่งตัวให้ผมตอนถ่ายทำมิวสิกวีดีโอของเตโช

“ถ้าพร้อมแล้วบอกนะจิ” ผู้กำกับกล่าวเมื่อเห็นผมหลับตาอย่างทำสมาธิอยู่กลางฉากซึ่งเป็นห้องทำงานของมิสเตอร์เอส ผมนับหนึ่งถึงสิบในใจ พยายามนึกถึงมิสเตอร์เอส นึกถึงสิ่งที่ดูจนตาแฉะมาตลอดคืน

มิสเตอร์เอส...เป็นคนเฉื่อยชาที่ไม่ชอบออกกำลังกาย ทำให้มักเดินหลังค่อมหน่อยๆ แม้จะโดนล้างสมอง แต่ใช่ว่าเขาจะเปลี่ยนนิสัยข้อนี้

ผมลืมตาขึ้น หันไปส่งสัญญาณมือให้ผู้กำกับ

กล้องเริ่มเดินทันที ทุกคนพร้อมใจกันเงียบกริบเมื่อผมเริ่มก้าวขาด้วยท่าทางห่อไหล่เล็กน้อยคล้ายประหม่า สำหรับมิสเตอร์เอส ห้องนี้เป็นห้องของศัตรู ฉะนั้นเขาต้องรู้สึกตื่นกลัวอยู่ไม่น้อยแต่ไม่แสดงออก จึงถ่ายทอดผ่านจังหวะการก้าวเดินที่เนิบช้าเป็นพิเศษอย่างระวังภัย คราแรก มิสเตอร์เอสมองสำรวจด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่แล้วก็ชะงักเมื่อเห็นคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งบนโต๊ะกลางห้อง

มิสเตอร์เอสขมวดคิ้ว ก่อนจะลองเดินเข้าไปใกล้โดยไม่ละสายตาจากหน้าจอ ลองวางนิ้วทาบบนคีย์บอร์ด แม้สีหน้าจะปรากฏความรู้สึกใดๆ แต่ปลายนิ้วที่สัมผัสแป้นทีละนิ้วคล้ายโหยหานั้นทำให้ผู้พบเห็นราวถูกข่วนหัวใจเบาๆ

พลันมิสเตอร์ผงะคล้ายสำนึกได้ว่ามาที่นี่เพื่ออะไร แต่พอสะบัดหน้าหนีก็ไปปะทะกับโซฟาตัวนุ่มเสียนี่ มิสเตอร์เอสนิ่งงัน ไม่เข้าไปสัมผัสเหมือนที่เพิ่งทำเมื่อครู่ แต่เลือกที่จะยืนนิ่ง มองโซฟาด้วยสายตาเหม่อลอย ไม่ต้องเอ่ยคำใด ไม่ต้องแสดงออกให้มากมาย แต่บรรยากาศรอบตัวกลับเต็มไปด้วยความหน่วงหนึบ

ธนัทเปิดประตูพรวดเข้ามาในจังหวะนั้น

มิสเตอร์เอสสะดุ้งเฮือกทันที เขาไม่มีทักษะในการต่อสู้แม้แต่น้อย ที่ลอบเข้ามาได้ก็เพราะอาศัยการย่องเบาล้วนๆ จะหลบก็ไม่ทันแล้ว จึงได้แต่ยืนประจันหน้ากับธนัทอย่างมึนอึนทำอะไรไม่ถูก

“มิสเตอร์เอส!” ธนัทร้องเรียกอย่างดีใจ “ในที่สุดนายก็กลับมา! หายไปไหนมาน่ะ รู้มั้ยว่าพวกฉันตามหานานมาก ถึงขนาดคิดว่านายหนีตามสาวซะอีก! แหม หรือว่าจะเป็นเรื่องจริง มิสเตอร์เอสของเรามีความรักกับเขาบ้างแล้ว ไหนลองเล่ามาสิว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง สาวคนนั้นแจ่มมั้ยว่าไงเพื่อน”

แม้ธนัทจะหยอกแซวตามประสาหนุ่มเจ้าสำราญ แต่สายตาเต็มไปด้วยความคิดถึงและเป็นห่วง เขาตีบทแตกกระจุย

“มิสเตอร์เอส?” ธนัทเอ่ยเรียกอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นผมก้าวถอยหลัง ใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ แม้มิสเตอร์เอสจะไม่ค่อยแสดงออกทางสีหน้า แต่ตอนนี้กลับดูนิ่งเสียจนน่าหวาดหวั่น

ธนัทรับรู้ถึงความผิดปกติทันที

“มิสเตอ...”

“ผมไม่ใช่มิสเตอร์เอส” ผมเอ่ยแทรกเสียงเรียบ สายตาที่มองธนัทแฝงความดูแคลน “โค้ดเนมของผมคือ ‘ซีเคร็ด(Secret)’  ศัตรูของพวกคุณ!”

“คัต!”

เปลือกตาผมกระตุกเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงของผู้กำกับ ก่อนจะรู้สึกหมดเรี่ยวแรงชอบกล การแสดงเป็นมิสเตอร์เอสในช่วงเวลาไม่ถึงห้านาที ทำให้สมองของผมต้องใช้งานหนักในการตีความและพยายามเข้าถึงอารมณ์ของตัวละครอย่างยิ่งยวดจนใช้พลังงานเยอะกว่าที่คาดไว้หลายเท่า

“ทำไมประโยคสุดท้ายถึงบอกแบบนั้นล่ะ โค้ดเนมซีเคร็ดนั่นเราตั้งจากอะไร แล้วทำไมถึงมองธนัทแบบนั้น เย้ยหยันดูถูก? จิตีความมิสเตอร์เอสออกมายังไง” คนเขียนบทรีบปราดเข้าหาผมทันที เร็วกว่าธนัทซะอีก

“เพราะองค์กรไม่น่าจะให้มิสเตอร์เอสใช้ชื่อเดิม ผมเลยตัดสินใจเปลี่ยนชื่อเพื่อไม่ให้ตัวมิสเตอร์เอสที่ความจำเสื่อมสับสน ตัวละครตัวนี้มีจุดเด่นที่ลึกลับตั้งแต่ซีซันแรก จะตั้งชื่อใหม่ก็ไม่ควรให้แตกต่างกันเกินไป ตัวเอสมาแปลงเป็นซีเคร็ดได้พอดี มีความหมายเดียวกันและจดจำง่าย ได้ยินก็เข้าใจว่าหมายถึงใคร”

คนเขียนบทจดสิ่งที่ผมพูดลงในกระดาษยิกๆ

“พูดต่อสิ”

“ส่วนที่มองธนัทอย่างเย้ยหยันดูถูก ก็เพราะว่ามิสเตอร์เอสมีความเชื่อมั่นในฝีมือการแฮกเกอร์ของตัวเองมาก รูปลักษณ์ภายนอกของมิสเตอร์เอสอ่อนแอไม่สู้คน แต่เรื่องแฮกกิ้งเขาคืออันดับหนึ่ง ตามบทแล้ว พวกธนัทพยายามจะโค่นล้มแฮกเกอร์คนใหม่ขององค์กรโดยดึงพายมาร่วมด้วย พอเจอหน้ากัน ธนัทกลับเรียกชื่อมิสเตอร์เอส ชื่อของเพื่อนเก่าที่เคยเป็นแฮกเกอร์เหมือนกัน ก็ไม่แปลกที่จะอยากประกาศตัวโดยคิดว่าตัวเองเหนือกว่าเป็นไหนๆ”

พูดจบผมก็เหลือบมองคนเขียนบทอย่างประหม่าด้วยกลัวว่าจะตีความผิด อันที่จริงแล้ว...ไอ้ความภาคภูมิใจที่ว่านั่นก็แอบอิงมาจากเตโชล้วนๆ เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นกับตอนร้องเพลงน่ะเหมือนคนละคน ขนาดน้ำเสียงตอนพูดยังต่างกันเลย!

“อืม...ไอเดียเรื่องเปลี่ยนชื่อฉันไม่ทันคิดจริงๆ แต่จะให้เรียกมิสเตอร์เอสมันก็ไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ ซีเคร็ด เป็นตัวเลือกที่ดี ส่วนความรู้สึกว่าเหนือกว่าในฐานะแฮกเกอร์...ยอดมาก! เรื่องนี้ฉันนึกไม่ถึงเลย เวลาพูดถึงมิสเตอร์ตอนห่างจากคอมพิวเตอร์ ก็นึกแต่ภาพเด็กหนุ่มหน้านิ่งดูอ่อนแอบอบบางสถานเดียว ความคิดภาคภูมิใจอย่างนั้นไม่เคยใส่ในเรื่องสักครั้ง ไม่เลวๆ เก่งมากเลยนะจิ เราตีความมิสเตอร์เอสได้มีมิติขึ้นมากเลย!"

ผมยิ้มแห้ง เพราะบทของมิสเตอร์เอสในซีซันแรกนั้นค่อนข้างซ้ำซากจำเจอยู่ไม่น้อย ที่โด่งดังขึ้นมาได้ก็ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว ความลึกลับ และใบหน้าล้วนๆ

“งั้นให้จิเข้าฉากกับพายอีกมั้ย” ผู้กำกับถามอย่างนึกคึกคล้ายอยากเห็นผมผ่านกล้องไม่รู้หน่าย

“แน่นอนสิ!”

“เอ่อ...วันนี้จิไม่ค่อยสบายนะครับ” ธนัทที่หาจังหวะแทรกมานานเอ่ยพร้อมกับชี้มาที่ผม...ไอ้เราก็กำลังแอบควานหายาดมอยู่เลยเชียว “ในเมื่อเรื่องการแสดงที่หลายคนเป็นห่วงไม่มีปัญหางั้นให้จิกลับไปพักเถอะครับ”

ผู้กำกับกับคนเขียนบทคล้ายจะเพิ่งสังเกตว่าผมหน้าซีดผิดปกติ เลยยอมปล่อยตัวแต่โดยดี

ค่อยยังชั่ว...


“กลับด้วยกันนะจิ เดี๋ยวฉันไปส่ง”

...ซะที่ไหน!

ธนัทเข้ามาช่วยประคองผมประหนึ่งว่าจิระนั้นเปราะบางปานแก้วใส ผมที่ไม่ชอบให้ใครแตะตัวอยู่แล้วพยายามจะเขยิบหนี แต่เขาดันจับต้นแขนผมแน่นปานมือปลาหมึก อยากสะบัดทิ้งอยู่หรอก ถ้าไม่ติดว่าผมรู้สึกวิงเวียนคล้ายจะเป็นลมขึ้นมาจริงๆ

แสดงเป็นมิสเตอร์เอสเหนื่อยก็จริง แต่อาการคงไม่หนักขนาดนี้หรอกหากไม่นึกอุตริโต้รุ่งมามาดๆ!

ใช่แล้ว...ผมถ่างตาเพื่อเรื่องนี้ทั้งคืนเลยนะ ลากสังขารมาถึงกอง คิดนู่นทำนี่ แล้วยังต้องใช้สมองตีความหนักอีก จะรู้สึกหมดแรงอยากทิ้งตัวลงนอนเอาตอนนี้ก็ไม่แปลกหรอก!

ด้วยเหตุนี้ผมเลยยอมให้ธนัทประคองออกจากห้องอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ ขนาดบอกว่าวันนี้ผมขับรถมา ธนัทยังอาสาว่าจะขับรถผมไปส่งแล้วค่อยวกมาเอารถตัวเองที่บริษัท อะไรจะทุ่มทุนสร้างถึงขนาดนี้ แต่แล้วเราสองคนต่างก็ชะงักไปเมื่อเห็นเสาไฟฟ้าต้นหนึ่งยืนอยู่ตั้งตระหง่านอยู่ข้างรถของผม

เสาไฟฟ้า...ไม่สิ...เตโช!

“กลับด้วย” พอเห็นผม เตโชก็พูดออกมาสองคำที่เต็มไปด้วยความหมายแสนลึกล้ำ

ผมงี้น้ำตาจะไหล ผู้ชายคนหนึ่งอยากไปส่งด้วยความหวังดีแต่ไม่บริสุทธิ์ใจ ส่วนอีกคนหวังติดรถประหยัดน้ำมันช่วยลดโลกร้อน จิระล่ะกลุ้ม

“ใครน่ะจิ เพื่อนเหรอ”

ดูเหมือนธนัทจะไม่รู้จักเตโช เขาคงไม่ค่อยฟังเพลงเท่าไหร่

“อืม...เพื่อน”

เพื่อน(เคย)ร่วมงานน่ะนะ

ผมขานตอบในใจ ให้เลือกระหว่างคนคิดไม่ซื่อกับคนซื่อไม่คิด ผมย่อมเลือกอย่างหลังแน่นอนที่สุด

“เตโช” ผมถือโอกาสผละตัวจากธนัทเดินเข้าหาเสาไฟฟ้ามีชีวิตแล้วยัดกุญแจรถใส่มือเขาทันที “ขามาฉันขับ ขากลับนายขับ”

“ได้” เตโชว่าง่ายสุดๆ พูดจบเขาก็เข้าประจำตำแหน่งทันที

“ฉันมีคนช่วยขับรถแล้ว นัทเองก็กลับดีๆ ล่ะ” ผมหันไปบอกกับธนัทด้วยรอยยิ้มหวานหยดก่อนจะรีบพาสารร่างตัวเองยัดเข้าไปในเบาะหลัง พอปิดประตูปุ๊บก็หมดแรง ตัวไถลนอนราบในทันที

“ถึงแล้วปลุกด้วยนะ” ผมพูดกับเตโช

“ได้”

ผมกลอกตาหนึ่งครั้ง แม้จะตงิดใจหน่อยๆ กับการการกระทำสุดประหลาดของเตโชแต่ง่วงจนเปลือกตาหนักไม่ไหวแล้ว

 

---------

รู้สึกตัวอีกครั้งผมก็ได้ยินเสียงเพลงกล่อมเบาๆ ชวนให้จิตใจเบาสบาย

พอลองลืมตาขึ้นมา ก็เห็นร่างของผู้ชายตัวโตที่นั่งหันหลังพิงขอบเตียง เกากีตาร์เป็นทำนองช้าคลอกับเสียงร้องที่คล้ายจะฮึมฮัมไม่ได้ศัพท์ แต่กลับชวนเคลิบเคลิ้มหลงละเมอในเสียงทุ้มนุ่มอย่างเป็นธรรมชาตินั้นเหลือเกิน

ผมหลับตาฟังอย่างเผลอไผลจนเกือบจะหลับไปอีกรอบ จนกระทั่งเสียงร้องนั้นหยุดลง

พอลืมตาอีกทีก็เจอกับเตโชที่จ้องกลับหน้ามึน

“รู้ได้ไงว่าฉันตื่นแล้ว”

“ไม่รู้”

“แล้วหยุดเล่นทำไม” ผมยันตัวนั่งดีๆ บนเตียง สำรวจห้องของเตโชที่อย่าหวังว่าจะได้เห็นสีวอลเปเปอร์ เพราะแปะโปสเตอร์ปนมั่วตั้งแต่วงดนตรีที่ชอบยันลายหมาแมวและต้นไม้ใบหญ้า แถมพื้นห้องยังเต็มไปด้วยหนังสือเพลง หนังสือกีตาร์ แผ่นซีดี และกระดาษจดเนื้อกระจัดกระจายไปทั่วทั้งที่แบบแผ่หรากับและแบบขยำทิ้งเป็นก้อนกลม รกชะมัด เล่นเอาผมไม่รู้จะก้าวลงเตียงยังไงเลย

“หิว”

ผมเกือบหลุดหัวเราะ ที่เขาว่ากันว่าฟังเพลงช่วยเยียวยาจิตใจคงจะจริง เพราะอารมณ์ผมที่แปรปรวนขึ้นลงไปมาเริ่มจะสงบนิ่ง ไม่ยักหงุดหงิดเมื่อเห็นหน้าอึนๆ ของเตโช

“สั่งอะไรขึ้นมากินสิ”

“เบื่อพิชช่า”

“เคเอฟซี?”

“เบื่อเคเอฟซี”

“แล้วจะกินอะไร”

“...”

เตโชมองผมคล้ายจะค้นหาคำตอบ แล้วผมต้องช่วยคิดให้เขาเหรอ มันใช่หน้าที่ของผมมั้ย!

แต่เอาวะ เขาสู้อุตส่าห์ลำบากพาผมขึ้นมานอนแถมยังเล่นกีต้าร์ฮัมเพลงให้ฟังอีกยอมแสดงฝีมือหน่อยก็ได้ เพราะผมเองก็หิวโซแล้วเหมือนกัน

กว่าจะเดินกระย่องกระแย่งออกจากห้องนอนของเตโชได้ก็เล่นเอาผมแทบหอบ พอหันไปมองอีกทีแทบเป็นลมเพราะเตโชกวาดกระดาษทั้งหมดกองตรงปลายเตียงอย่างรวดเร็วก่อนจะเดินตามออกมาหน้าตาย ความพยายามเมื่อครู่ของผมช่างไร้ค่า!

“นายอยากกินอะไร” ผมถามน้ำตาซึม ไอ้เราอุตส่าห์มารยาทงามไม่กล้าแตะต้องแท้ๆ พอเดินออกมาจากห้องนอน...ผมนี่โอ้โหเลย ห้องหรือกองขยะโปรดบอกที ทำไมถึงมีแต่เศษกระดาษกระจายเต็มไปหมด กระเป๋า รองเท้า เสื้อผ้า ถอดทิ้งเละเทะ ถุงขนมก็เกลื่อนกลาดไม่รู้จักเก็บ จิระถึงกับก้าวขาไม่ออก ต้องเหาะข้ามไปใช่มั้ยถึงจะพ้น หรือจับกองรวมๆ เหมือนที่เตโชทำดีนะ

“สตูเนื้อ”

“สตูเนื้อบ้านนายทำง่ายนักเหรอ ฉันหิวจนท้องร้องไปหมดใครจะไปรอจนเนื้อเปื่อยกันล่ะ เอาอย่างอื่น!”

เตโชกะพริบตาปริบเมื่อถูกขึ้นเสียงใส่ ก่อนจะทำหน้ามึนอึนราวกลัวว่าถ้าบอกไปแล้วจะโดนว่าอีก

ผมนวดหัวคิ้วอย่างระงับอารมณ์ เขาไม่ตอบ งั้นผมเลือกเองแล้วกัน!

เดินกระย่องกระแย่งไปเปิดตู้เย็นแล้วละเหี่ยใจเหลือเกิน ทั้งตู้มีแค่ไข่ไก่กับนมแล้วก็พวกขนมหวาน ผมเลยกวักมือเรียกเขาให้เดินเข้าห้องตัวเอง ชี้นิ้วบอกให้เตโชไปนั่งตรงโซฟา ก่อนจะหยิบผ้ากันเปื้อนลายตารางมาสวมแล้วเดินเข้าครัวอันเป็นอาณาจักรอันแสนสุข

พอได้ทำอาหารผมก็เหมือนได้รับการปลดปล่อย ระบายความตึงเครียดตลอดวันผ่านการจับมีดทำครัว

หลังจากนั้นเกือบครึ่งชั่วโมง ต้มยำกุ้ง หมูสับผสมข้าวโพดทอดกระเทียม และกะหล่ำปลีทอดน้ำปลาก็วางเรียงบนโต๊ะ ผมตักข้าวมาสองจานแล้วเริ่มรับประทานอาหารโดยไม่รอเตโชที่เพิ่งจะยันตัวลุกเอื่อยๆ จากโซฟา

“มองอะไร กินสิ” ผมบอกกับคนหน้ามึนที่พอนั่งปุ๊บก็เอาแต่จ้องผมตาปริบๆ ไม่ยักจะจับช้อนสักที

“บทเช็กเมท”

...เวรล่ะ! ผมเผลอทิ้งบทเช็กเมทซีซันสองไว้บนโซฟานี่หว่า!!


“นายอ่านรึยัง”

เตโชพยักหน้ารับ ก่อนจะหยิบสมุดจดและปากกายื่นให้ผม

“ลายเซ็น”

“...กินข้าวก่อนมั้ย ฉันไม่หนีไปไหนสักหน่อย”

เตโชพยักหน้ารับอีกรอบ ก่อนจะยอมจับช้อนส้อมสักที ผมแอบลุ้นในใจเมื่อเห็นเขาตักต้มยำชิมเป็นอย่างแรก

ลองบอกไม่อร่อยดูสิพ่อจะไล่กลับห้อง!


ปรากฏว่าเตโชไม่ตอบอะไรสักคำนอกจากเบิกตากว้างขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยประมาณศูนย์จุดศูนย์สองเซนติเมตร ก่อนจะลองชิมหมูสับผสมข้ามโพดทอดกระเทียมต่อ เขากินเข้าไปทั้งชิ้นแล้วกลืนลงคออย่างรวดเร็วจนน่าสงสัยว่าเคี้ยวละเอียดรึเปล่า จากนั้นก็จบท้ายที่กะหล่ำปลีทอดน้ำปลา ดูจากการเคี้ยวข้าวจนแก้มตุ่ยไม่พูดไม่จาแล้ว...ผมถือว่าอร่อยก็คงได้สินะ

“ตอนอยู่ในรถฉันบอกให้ปลุกทำไมไม่ปลุกล่ะ” หลังพวกเราพากันกินไปครึ่งจานผมก็ชวนคุย

“ปลุกไม่ตื่น”

“นายปลุกยังไง”

เตโชตอบด้วยการเอื้อมมือมาจิ้มๆ แขนผม

...คงจะรู้สึกตัวหรอกนั่นน่ะ!

 “แล้วมีใครเห็นตอนนายอุ้มฉันขึ้นมารึเปล่า” ผมถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เกรงว่าไม่ทันจะดังประเดี๋ยวจะดับซะก่อน มิวสิกวีดีโอก็ยังไม่ทันเผยแพร่ ซีรีส์ก็ยังไม่ทันฉาย

เตโชส่ายหน้าเป็นคำตอบพร้อมกับแย่งชิงหมูทอดชิ้นสุดท้ายไปอย่างหน้าไม่อาย เฮ้ย! ผมอุตส่าห์เล็งไว้

“นายอยู่ที่นี่นานรึยัง” ผมข่มใจถามอย่างหงุดหงิด ส่วนเตโชซึ่งเคี้ยวหมูทอดสบายใจเฉิบชูนิ้วชี้ขึ้นมาหนึ่งนิ้ว

“หนึ่งอะไร”

“หนึ่งปี”

หนึ่งปีเลยเหรอ แสดงว่าหมอนี่ไม่ได้ย้ายตามมาสักหน่อย คิดมากไปเองสินะ

ผมค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อย แต่ก็ยังไม่หายสงสัยซะทีเดียว

“ทำไมนายไม่ตกใจเลยล่ะที่เห็นฉันอยู่ห้องข้างๆ ไหนบอกว่าอยากเจอมานานถึงขนาดระบุตัวไปถ่ายเอ็มวีไง”

“คมสันบอก” เตโชตอบพลางซดน้ำต้มยำจนเกือบหมดถ้วย

คมสัน...คมสันอีกแล้ว เขาคิดพิเรนทร์อะไรอีก!


“บอกตอนไหน”

“วันที่ถ่ายเอ็มวี” เตโชพูดพลางจัดการกะหล่ำปลีทอดน้ำปลาจนหมดจานตามสองอย่างแรกไปติดๆ... “คมสันบอกว่าจิระทำอาหารเก่ง ถ้าเจอให้ลองฝากท้อง หากอร่อยก็ไม่ต้องเกรงใจ”

คมสันโว้ย!!!

ผมรู้สึกเสียใจทันทีที่ลงมือทำอาหารให้เตโช พูดแบบนี้แสดงว่าคิดฝากท้องกับผมไปอีกหลายมื้อน่ะสิ!

“แล้วคมสันบอกอะไรอีก” ผมวางช้อนส้อม หมดอารมณ์จะแย่งชิงกับเด็กหนุ่มผู้หิวโหย

“บอกว่าจิระมีรถขับ เวลาไปทำงานก็ขอติดรถได้ จิระใจดี”

ผมอยากจะเอาหัวโขกโต๊ะตายไปซะ

...แต่ก็นึกได้ว่าชีวิตยังมีค่าเกินว่าจะมาตายโง่ๆ แบบนี้

“แล้วมีอะไรอีก” เส้นเลือดข้างขมับผมเต้นตุบๆ

“จิระชอบกินสตูเนื้อ ชอบนอนดึก ชอบทำอาหาร ชอบสะสมของแพงๆ แต่ไม่ชอบออกกำลังกาย ไม่ชอบไหว้คนอาวุโสกว่า ไม่ชอบเข้าสังคม ไม่ชอ...”

“พอๆๆ!” ผมทนฟังต่อไม่ไหวแล้ว รีบยกมือห้ามเตโชก่อนจะลุกขึ้นมาอาละวาดพ่นไฟทำลายล้างเพื่อบรรเทาความเกรี้ยวกราด จุดประสงค์ของคมสันคืออะไร เขาคิดจะจับคู่กับเตโชเรอะ ใช้เล็บขบของหัวแม่เท้าคิดรึไง!

“ลายเซ็น”

...ให้ตายเถอะเตโช รู้ตัวบ้างมั้ยเนี่ยว่าโดนเลขาใจเหี้ยมคาดหวังอะไรบ้าง!


ผมถอนหายใจเฮือก เห็นเขามึนขนาดนี้จะยอมแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องแล้วกัน

“ฉันจะเซ็นให้ถ้านายรับปากว่าจะไม่ขอติดรถฉัน ไม่มาฝากท้องที่ห้องฉันอีก”

พลันเตโชผงะเล็กน้อย เงยมองผมอย่างอึกอัก

“จิระ...ไม่ใจดี?”

“เออ ฉันไม่ใช่จิระคนใจดี แล้วจะทำไม” ผมเชิดหน้าวางท่าหาเรื่องเต็มที่ แอบนึกกลัวเตโชอาละวาดอยู่เหมือนกัน แต่ปรากฏว่าเขาทำหน้าห่อเหี่ยว ปานเด็กน้อยที่ค้นพบว่าดาราในดวงใจไม่เป็นดังฝัน

“รับปากสิ!”

“อืม...”

จบเรื่องจบราวกันสักที ผมเซ็นชื่อให้เตโช ก่อนจะไล่เขาออกจากห้องด้วยความปลื้มปิติเป็นล้นพ้นที่หลุดจากกับดักของจอมวายร้าย

อย่าคิดว่าจะเป็นดังใจซะทุกเรื่องเลยคมสัน! ฉันคือจิระ จิระที่เป็นโสดและรักตัวเองที่สุดโว้ย!!

           

-------------

มาแล้วค่ะกับการพลิกบทบาทตัวจริงเสียงจริงของจิระ แฟนคลับมิสเตอร์เอสจากเรื่องก่อน มาติดตามกันต่อกับซีเคร็ดในภาคนี้นะคะ รับรองแซ่บสมเป็นจิระแน่นอน คนละคนแสดงก็ตีความไปคนละแบบเนอะ ส่วนเตโช....ก็ยังคงมึนอึนกันต่อไป คมสันวางแผนอะไรอยู่...ตอนหน้ามีเฉลยค่ะ! เพราะ #จิระผู้เกรี้ยวกราด ไม่ยอมอยู่เฉยแน่นอน!!

อ่านแล้วชอบขอคอมเม้นเป็นกำลังใจกันด้วยน้า เรื่องนี้คงอัพช้าหน่อยค่ะเพราะก่อนหน้านี้บ้าพลังไปนิด รีปริ้นคิงคลับแล้วแต่งจิตรินต่อรัวๆ ไม่พักเลยเพราะกลัวออกไม่ทันงานหนังสือ เลยรู้สึกเร่งเครื่องไม่ค่อยขึ้น  แต่รับประกันว่าจะไม่ทิ้งช่วงนานค่ะ  :mew1:


เพจนักเขียนที่โสดเลยอัพฉลองวันคนโสด

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ bun

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-5
คมสันต์คงคิดหาเพื่อนหรือหาคู่ให้จิระแน่ๆ

ออฟไลน์ poppycake

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2670
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-4
จิระใจร้ายกับเตโชได้ลงขอได้ไง
มาขอติดรถ ขอข้าวกินขนาดนี้ 555555555

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
ฮ่าๆๆๆนับวันยิ่งสงสารหนูจินี่มันยิ่งกว่าโดนแม่เลี้ยงใจร้ายกลั่นแกล้งแล้วเนี่ย คุณคมสันคะเพลาๆหน่อยเถอะค่ะอย่าเจ้าเล่ห์นักเลยน้ำตาจะไหลกับหนูจิแค่ไม่กี่ตอนที่ผ่านมาก็ดมยาดมไปหลายปื๊ดแล้วเนี่ย
 ฮ่าๆๆ

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
 :mew1:เตโชน่ารัก อึนๆมึนๆดี คมสันวางแผนอีกแหละ สงสัยล่อหลอกเตโชมาเซ็นสัญญาโดยใช้มิสเตอร์เอสล่อแน่ๆเลย 555

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ Rumraisin

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 673
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ตายแล้ว จิระชอบทำอาหาร เตโชหลงเสน่ห์ืฝีมือปลายจวักแน่นอน แต่ยาดมมีบทพอๆกับเตโชเลย 55555 ขอบคุณค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด