{{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนพิเศษวันแม่ - P.39 - [12/08/61]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา - ตอนพิเศษวันแม่ - P.39 - [12/08/61]  (อ่าน 173640 ครั้ง)

ออฟไลน์ faruay_pp

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจคนชื่อคมสันต์!

ออฟไลน์ Sistel2

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
คิดถึงจิ ๆ จิระจะคู่กับใครน๊าาาา ใช่พี่โสภีเปล่า? เพราะพี่แกแอบเหล่จิตรินในร่างจินะนีนา ถ้าใช่ก็ดีไม่ใช่ก็ไม่ใช่. อ่ะนะ  :hao3: แต่ก็ยังแอบเชียร์อ่ะเน้ออออ  :hao7:
รอติดตามอยู่เน้ออออ  o13

ออฟไลน์ Spenguin

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 173
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ มาจะกล่าวบทไป

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +666/-7
    • เพจ 'มาจะกล่าวบทไป'

ตอนที่ 1

ถ่ายทำมิวสิกวีดีโอ

 

ไม่คิดเลยว่าต้องเข้ามาเหยียบบริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์อีกครั้ง

ผมทั้งขยาดและแขยง ขยาด...กลัวจะเจอกับรักเก่า กับคนรู้จักจิตรินตอนเขาอยู่ในร่างของผม ส่วนแขยง...

“สวัสดีครับคุณจิระ”

ผมแขยงคมสันโคตรๆ!

“อ่านรายละเอียดงานแล้วใช่มั้ยครับ”

“เออ!” ผมกระแทกเสียงอย่างไม่พอใจ แม้คมสันอายุมากกว่าก็ไม่ยกมือไหว้ ทำตัวไม่น่าเคารพเองจะมารยาทดีทำไม ผมไม่มีวันยอมลงให้คนคนนี้หรอก!

แต่สายตาของคนในบริษัทกลับมองผมเหมือนเห็นผี แปลได้สองความหมายคือ อย่างแรก ไม่มีใครกล้าก้าวร้าวใส่คมสัน อย่างที่สอง จิระไม่ควรทำแบบนี้กับคมสัน เพราะตอนสลับร่างกัน จิตรินเอาร่างผมมาทำอาชีพดารา ต้องเดินเข้าเดินออกบริษัทแห่งนี้ประหนึ่งบ้านหลังที่สอง

“เชิญทางนี้ครับ” คมสันคลี่ยิ้มนุ่มนวล แต่ดันกรอบแว่นขึ้นจนเห็นดวงตาประกายวับวาวน่าสยอง ผมขนแขนลุกชัน ตัดสินใจไม่พูดไม่จา เดินตามหลังคมสันต้อยๆ อย่างว่าง่าย “ลูกค้าระบุชื่อคุณโดยเฉพาะ หวังว่าจะทำตัวดี ให้เกียรติลูกค้าด้วยนะครับ”

“ฉันรู้น่าว่าควรทำอะไร ไม่ต้องให้คนมาสอน”

“...ก็นึกว่าไม่มีคนสั่งสอน”

ผมหันขวับ ส่วนคมสันคลี่ยิ้มเย็น...เย็นจนผมก้มหน้าต่ำ กำมือแน่นอย่างระงับอารมณ์พลุ่งพล่าน

ท่องไว้จิระ จบงานนี้ ได้สิทธิ์ทุกอย่างคืนมาเมื่อไหร่ ผมจะสะบัดก้นหนีแล้วสมัครเข้าบริษัทคู่แข่งให้คมสันอกแตกตายไปเลย! อะไรนะ ทำไมผมถึงไม่หันหลังใส่วงการบันเทิงน่ะเหรอ เฮอะ เรื่องมันน่าเศร้าตรงที่แม้ผมไม่อยากเป็นดารา แต่ด้วยรูปร่างหน้าตา ช่างอำนวยไปสายงานทางนี้เหลือเกิน ที่สำคัญ...ผมดันเรียนไม่จบเพราะติดยาจนเสียคน นึกแล้วก็รันทดตัวเอง ทำไมตอนนั้นถึงสิ้นคิด เลือกทางเดินผิดได้วะ โง่ฉิบหายเลยจิระ

รายละเอียดงานครั้งนี้คือการถ่ายทำมิวสิกวีดีโอของนักร้องวัยรุ่นที่เพิ่งโด่งดัง แต่โทษที ผมไม่ชอบฟังเพลง ไม่ชอบดูหนัง แต่ชอบอ่านหนังสือเงียบๆ คนเดียว โลกส่วนตัวสูงก็อย่างนี้ เลยไม่รู้จัก ‘เตโช’ สักนิด และไม่อยากจะรู้จักด้วย ถ้าไม่ติดว่าคมสันเตรียมพร้อมอย่างดี ส่งรายละเอียดงานมาไม่พอ ยังส่งประวัติคร่าวๆ พร้อมคลิปของไอ้หนุ่มนี่ด้วย

ขนาดมองผ่านๆ ยังคล้ายจะเห็นออร่า ‘เท่โคตร’ ส่งผ่านภาพนิ่ง ยิ่งดูคลิปการเคลื่อนไหวก็อดชื่นชมไม่ได้ เตโชมีเสน่ห์ดึงดูดตอนเล่นกีตาร์และร้องเพลงเป็นพิเศษ สีหน้าแววตาเผยถึงความสุขและภาคภูมิใจอย่างเต็มเปี่ยม เรียกว่าเป็นคนที่น่าจับตามองที่สุดในตอนนี้ เขาตัดผมสั้นเกรียน ดวงตาตี่เล็ก แต่สูงโปร่งชะลูดถึง 190 ซม. อายุแค่ยี่สิบแต่ทำไมสูงขนาดนี้นะ เป็นเสาไฟฟ้ารึไง เฮอะ

ผมก้าวฉับๆ ตามหลังคมสันด้วยในใจที่สบถด่าไม่หยุด ก่อนจะกัดริมฝีปากล่างเมื่อมาถึงสตูดิโอชั้นหก ความจริงแล้วบริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์ไม่ยุ่งเรื่องนักร้อง แต่เมื่อค่ายเพลงต้องการดาราในสังกัด อีกทั้งยังขอเช่าพื้นที่ในการถ่ายทำ คมสันจึงมาจัดการด้วยตัวเอง หรือไม่...ก็ต้องการคุมความประพฤติผมไม่ให้แอบหนีหายไปซะก่อน

ชิ ผมรับปากแล้วก็ไม่พลิกลิ้นหรอกน่า ผมไม่ใช่จอมเจ้าเล่ห์อย่างเขานะ!

“เป็นอะไรครับคุณจิระ กลัวเหรอ”

“กลัวบ้าอะไร ทำไมฉันต้องกลัว” ผมถลึงตาใส่คุณเลขา คมสันดันแว่นอีกครั้ง พลางคลี่ยิ้มเหยียด

“ในนั้นมีทีมงานที่เคยร่วมงานกับคุณจิมาก่อน ผมหมายถึง...คุณจิตรินในร่างของคุณน่ะครับ”

“ไม่ต้องมาขู่กันหรอกน่า!” ผมเดินแทรกคมสันไปเปิดประตูเมื่ออีกฝ่ายดูจะสนุกสนานกับการกลั่นแกล้งรังแกจิตใจอันบอบบางของผมซะเหลือเกิน แต่พอพรวดพราดเข้าไปทีมงานซึ่งกำลังเตรียมฉากก็พากันชะงัก มองมาที่ผมเป็นตาเดียว

ผมกลืนน้ำลายดังเอื๊อก

“ตายแล้วจิระ ออกจากโรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อไหร่ หายดีแล้วเหรอจ๊ะ”

“ฉันยังไม่ตาย” อยากจะตบความปากไวของตัวเองเหลือเกิน ทำไมถึงแก้อาการประหม่าด้วยการสวนกลับแบบ ไม่ไว้หน้าทีมงานด้วยนะ ผมลอบด่าตัวเองในใจ ก่อนจะค่อยๆ เดินถอยหลัง หลบไปยืนเยื้องอยู่ข้างๆ คมสันเพื่อหาที่กำบัง

“คุณจิระออกจากโรงพยาบาลมาเกือบเดือนแล้วล่ะครับ แต่ทางเราปิดข่าวไว้เพราะตรงกับช่วงที่ซีรีส์ ‘เช็กเมท’ ฉายตอนจบพอดี”

“แบบนี้นี่เอง...” หลายคนพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ข่าวฉาวของจิระเรื่องติดยาเสพติดถูกปล่อยมาในช่วงท้ายของซีรีส์เช็กเมทจนกระแสตกไปช่วงหนึ่ง ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้าย เพราะหลังจากนั้นเจ้าตัวก็ถูกรถชนจนเข้าโรงพยาบาลไม่ได้สติ ทำให้เรื่องคาวๆ เริ่มซาลงบ้างและแทนที่ด้วยความเห็นอกเห็นใจ

แต่เห็นใจก็ส่วนเห็นใจ เพราะความจริงเรื่องที่จิระถูกถอดจากซีรีส์ในซีซันสองไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

ผมสะบัดหน้าหนีเมื่อหลายคนมองมาด้วยสายตาหลากหลาย ไม่รู้ว่าในนั้นมีกี่คนที่รู้จักตัวผมในช่วงสลับร่างกับจิตริน มันทำให้ผมทำตัวไม่ถูก แต่ก็ไม่คิดจะยิ้มเสแสร้งประจบประแจงเอาใจหรอกนะ

“ไปเตรียมตัวก่อนเถอะครับคุณจิระ จำบทได้แล้วใช่มั้ย”

“อ่านรอบเดียวก็จำได้แล้ว”

“ครับๆ งั้นเข้าไปจัดการตัวเองให้เรียบร้อยล่ะ ผมจะรอเตรียมงานตรงนี้”

อ้าว...ทิ้งกันอย่างนี้เลยเหรอ!

ผมมองคมสันแบบโกรธๆ เมื่อเขาไม่ยอมเข้าไปในห้องแต่งตัวด้วยกัน จะตามคุมก็ตามให้ถึงที่สุดสิ ปล่อยผมไว้คนเดียวมันใจไม่ดีนะเฮ้ย!

แต่ขืนพูดแบบนั้นออกไปได้เสียหน้ากันพอดี ผมรีบเดินเข้าไปในห้องแต่งตัวอย่างมั่นใจ ก่อนจะกำลังใจหดหายเมื่อไม่มีใครอยู่ในห้องเลย แล้วจะให้ผมทำยังไงต่อล่ะ เอ...มีชุดวางตรงนั้น ดูจากขนาดแล้วน่าจะพอดีตัวผม งั้นแสดงว่าให้เปลี่ยนเป็นชุดนี้สินะ ผมแอบกังวล มองซ้ายมองขวาจนมั่นใจว่าคงหยิบไม่ผิดจึงเดินเข้าไปในม่านด้านหลัง ก่อนจะแอบสะดุ้งเมื่อมีคนเดินเข้าในห้อง

“เปลี่ยนเสื้อเสร็จแล้วมานั่งตรงนี้เลยจ้าจิ”

ที่แท้คนที่ทักผมตอนแรกก็เป็นช่างแต่งหน้าประจำสตูดิโอนี่เอง เขามาพร้อมกล่องอุปกรณ์ซึ่งมีลักษณะเหมือนหีบเหล็ก นั่นเครื่องสำอางหรืออุปกรณ์ทรมานกันแน่ ผมแอบจับหัวใจ รู้สึกหวาดๆ ไม่กล้าพาตัวเองไปนั่งตรงหน้าผู้ชายที่แต่งตัวฉูดฉาด มีจริตจะก้านเกินหญิง แถมยังคล้ายจะรู้จักจิระสมัยที่ผมสลับร่างกับจิตรินเป็นอย่างดี

เอ่อ...เงียบไว้ดีกว่า

ผมทำใจดีสู้เสือ เดินไปนั่งตรงหน้าช่างแต่งหน้าอย่างระวังปากตัวเองเต็มที่

“หน้าซีดเชียว...คงต้องเติมแป้งสักหน่อยแล้วล่ะ แต่จิเนี่ยผิวดีเหมือนเดิมเลยนะ ไม่สิ เหมือนจะนุ่มกว่าเดิมซะอีก หัดทาโลชั่นบ้างแล้วเหรอ ก่อนหน้านี้แนะนำอะไรก็ไม่ยอมทา เสียดายผิวสวยๆ จริงๆ” ช่างแต่งหน้าจับคางผมให้เงยขึ้นแถมยังเอียงไปเอียงมาเหมือนพิจารณาสภาพผิวหน้า ผมถึงกับตัวแข็งทื่อ ตาเบิกโพลง พยายามท่องว่าเพื่องาน เพราะถ้าไม่ใช่เพื่องาน ผมคงลุกพรวดพราดวิ่งไปหลบอยู่หลังประตูแล้ว

มันช่วยไม่ได้จริงๆ...ไอ้เราก็เก็บตัวมานาน เพราะสมัยเด็กหน้าเหมือนแม่ ทำให้ไม่กล้าไปไหนด้วยกลัวความแตกว่าเป็นลูกลับๆ ของดาราสาวชื่อดัง จนกลายเป็นไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับใคร หากไม่นับช่วงเสพยากับกลุ่มเพื่อนจนสติหลุด ผมจะไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ในระยะประชิดเด็ดขาด เอ่อ...ยกเว้นเสี่ยไว้คน แล้วก็จิตรินไว้อีกคนแล้วกัน

ผมหลับตาปี๋เมื่อถูกจับแต่งหน้า ไม่ชินเลยสักนิด เหมือนเอาปูนมาฉาบอีกชั้นอย่างนั้นล่ะ สรุปแล้วของในหีบเหล็กเป็นอุปกรณ์ทรมานจริงๆ ใช่มั้ย จิระอยากตาย

“เสร็จแล้วจ้ะจิ ลืมตาได้แล้ว ฮิฮิ”

มาฮงมาฮิอะไร! ผมลืมตาอย่างหงุดหงิดเมื่อถูกหัวเราะเยาะ เกือบจะปากไวแล้วเชียวถ้าไม่ติดว่าข้างๆ ช่างแต่งหน้ามีเด็กหนุ่มคนหนึ่งนั่งหน้ามึน แถมยังยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปผมด้วย

“ห้ามถ่ายนะ!”

“ว้า เสียดายจัง”

น้ำเสียงที่สุดแสนจะเรียบเฉย กับสีหน้าที่คล้ายไม่มีอารมณ์ร่วมเลยสักนิด ทำเอาเส้นเลือดขมับปูดโปนขึ้นมาอย่างฉุนเฉียว

“ลบเดี๋ยวนี้เลย”

“ทำไมต้องลบด้วยล่ะ” เด็กหนุ่มกะพริบตาปริบถามอย่างใสซื่อ เดี๋ยวนะ ไอ้หมอนี่มัน...

“นายคือ...เตโช?”

เตโชพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะตั้งกล้องโทรศัพท์ถ่ายรูปผมอีกครั้ง

“เฮ้ย! บอกว่าอย่าถ่ายไง!” ผมหมายจะคว้าโทรศัพท์ของเขา แต่เตโชเบี่ยงมือหลบอย่างไม่ยากเย็น แถมยังมองรูปบนจออย่างพออกพอใจด้วยการพยักหน้าหนึ่งทีแล้วรีบเก็บใส่กระเป๋ากางเกงเหมือนกลัวโดนผมแย่ง

เห็นพี่ช่างแต่งหน้ายืนมองสลับระหว่างผมกับเตโชอย่างไม่รู้จะทำยังไงดีผมเลยได้แต่กัดปากอย่างสะกดกลั้นอารมณ์ ยอมกลับมานั่งที่เหมือนเดิมอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก แอบส่งสายตาคาดโทษให้ไอ้บ้านี่ด้วย เจอหน้ากันครั้งแรกก็ถ่ายรูปเอาถ่ายรูปเอา คิดจะแบล็กเมล์ผมรึไง!

“แหม เตโชล่ะก็ ขี้อายเหมือนเดิมเลยนะ พูดกับจิระดีๆ สิจ๊ะเดี๋ยวเขาก็เข้าใจเราผิดหรอก”

ผมแทบจะคอหักเมื่อหันขวับไปหาพี่ช่างแต่งหน้ารวดเร็วจนได้ยินเสียงกระดูกลั่น บอกทีว่านี่คือท่าทางของคนขี้อาย!?

“ครับ” เตโชตอบรับเสียงเรียบไร้อารมณ์ อ้าปากคล้ายจะเอ่ยอะไรออกมา เล่นเอาซะผมลุ้นจนแทบนั่งไม่ติดเก้าอี้ แต่สุดท้ายก็กลายเป็นการพะงาบๆ มีแต่ลมไม่มีเสียง เฮ้ย! จะพูดก็พูดสิ!

“ทำไมนายถึงเลือกฉัน” ช่างหัวเขาแล้ว! ผมเลิกรอ หันมากอดอกถามอย่างสงสัยเป็นล้นพ้นว่านักร้องหน้าใหม่อย่างเขาคิดพิเรนทร์อะไรถึงเลือกดาราตกอับอย่างผมมาเป็นพระเอกมิวสิกวีดีโอ

พลันเตโชจ้องตาผมไม่กะพริบ จริงจังซะจนผมเกือบลืมหายใจ

“เพราะฉันชอบนาย...”

ใจเผลอเต้นตึกตักไปวูบหนึ่ง

“ว้ายตายแล้ว” ก่อนจะสะดุ้งโหยงเมื่อช่างแต่งหน้าอุทานพร้อมกุมแก้มอย่างเขินอาย ผมรีบสะบัดศีรษะเพื่อเรียกสมาธิ สติ และปัญญากลับมาอีกครั้ง จู่ๆ ก็โดนสารภาพรักซึ่งหน้า ต่อให้เป็นผมมันก็ต้องเผลอหวั่นไหวบ้างล่ะน่า!! อย่ามาจับผิดกันเชียวนะ!

“แล้วนาย...”

นายชอบฉันตอนไหน

ผมตั้งใจจะถามแบบนั้น แต่ก็ต้องเก็บคำพูดแทบไม่ทันเมื่อเตโชหยิบสมุดจดเล่มเล็กออกมาพร้อมปากกาหนึ่งแท่ง เขาลังเลเล็กน้อย อ้าปากพะงาบอีกสามครั้ง ก่อนจะเอ่ยออกมาเต็มปากเต็มคำ

“ฉันชอบนายตอนแสดงเป็นมิสเตอร์เอสมากเลย ขอลายเซ็นหน่อยนะ”

“ว้ายตายแล้ว...” ช่างแต่งหน้ายกมือทาบอก น้ำเสียงอุทานแตกต่างกับเมื่อครู่ลิบลับ เช่นเดียวกับอารมณ์ของผมที่ถูกกระชากตกเหวกะทันหัน ไอ้บ้าเตโชนี่...หัดพูดให้มันเต็มประโยคจะตายรึไง อย่าทำคนอื่นเข้าใจผิดสิวะ!

“ที่มานั่งรอฉันแต่งหน้าก็เพราะจะขอลายเซ็นเหรอ” ผมมองมือที่ยื่นสมุดและปากกาด้วยสายตาว่างเปล่า

“ใช่แล้ว” เตโชพยักหน้ารับ ความประหม่าหายไป ตอบรับคำได้อย่างหนักแน่น แถมมุมปากยังยกยิ้มเล็กน้อย ท่าทางราวกับเจอดาราในดวงใจยังไงยังงั้น

คิ้วผมนี่กระตุกยิกๆ

“แล้วที่เลือกฉันมาเป็นพระเอกเอ็มวีก็เพื่อจะขอลายเซ็น?”

“ใช่...” เตโชพยักหน้ารับอีกครั้ง ก่อนจะอธิบายด้วยน้ำเสียงทื่อมะลื่อ “หลังจบซีรีส์ก็ตามข่าวไม่ได้เลย อยากเจอมาก ไม่รู้จะทำยังไง...”

ไม่รู้จะทำยังไง เลยเลือกผมมาเป็นพระเอกเพื่อขอลายเซ็นง่ายๆ? เออ...เจริญดี!

“จิเป็นอะไรไปจ๊ะ”

“ผมอยากเป็นลม”

“ว้ายตายแล้ว รอก่อนนะ พี่จะไปเอายาดมให้” พี่ช่างแต่งหน้าร้องอย่างตกใจก่อนจะรีบออกจากห้องแต่งตัวเพื่อไปขอยาดมให้ผมที่คลับคล้ายจะหน้ามืด ทำไมชีวิตจิระถึงได้บัดซบขนาดนี้ ทำร้ายตัวเองไม่พอ โดนหลอกใช้ไม่พอ ยังถูกคนหน้ามึนระบุตัวด้วยเหตุผลบ้าๆ อีก ถ้าเตโชไม่สร้างโอกาส คมสันก็บีบเค้นผมขนาดนี้ไม่ได้หรอก!

หมดสิ้นเรี่ยวแรงที่ทุ่มฝึกซ้อมมาเมื่อคืน...

อยากจะเป็นลมหนีความจริงไปเลย

“จิระ” น้ำเสียงไร้โทนสูงต่ำเอ่ยพร้อมนิ้วที่สะกิดแขนผมยิกๆ เขาคงจะเป็นห่วงเป็นใยผมมาก... “ลายเซ็นล่ะ”

เป็นห่วงเป็นใยตัวเองว่าจะไม่ได้ลายเซ็น! ปัดโธ่เว้ย!!! ใครก็ได้หยิบเตโชไปวางให้ห่างจากผมที!!!

 

------------


หลังพี่ช่างแต่งหน้าช่วยพาตัวเตโชไปแหมะไกลๆ สมใจ ผมก็เริ่มเรียกคืนสติตัวเองให้จดจ่อกับงานพร้อมดมยาดมไปด้วย โอ๊ย...ทำไมต้องมาเป็นพระเอกมิวสิกวีดีโอให้นักร้องที่บ้าๆ บวมๆ ด้วยวะเนี่ย ขอถอนตัวทันมั้ย แต่พอมองคมสันที่ยืนขยับแว่นอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ผมก็กลืนประโยคนั้นลงคอแล้วเสียบหูฟังพร้อมหลับตาฟังเพลงในโทรศัพท์

 

เวลาไม่เคยหยุด แต่วันนั้นเหมือนโลกทั้งใบได้หยุดลง

เวลาไม่อาจย้อนคืน แต่ทำไมจนวันนี้ยังวนเวียนไม่จางหาย

นับตั้งแต่เสียเธอไป ตัวฉันก็เหมือนนาฬิกาตาย

เวลาของฉันไม่มีความหมาย

เมื่อไม่มีเธอ


 

ชื่อเพลงนี้คือ ‘เวลา’ ขับร้องโดยนายเตโชที่มีภาพลักษณ์สุดแสนจะหลอกลวงประชาชน คนหน้ามึนพูดเสียงโทนเดียวอย่างเขามีเสียงร้องร้าวลึกก้องกังวานจับหัวใจได้โคตรน่าเหลือเชื่อ ตอนฟังเพลงนี้ครั้งแรก ผมถึงขนาดน้ำตาซึมกับอารมณ์ที่ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างเจ็บปวด ส่วนตอนนี้น่ะเหรอ...

อย่าได้ฝัน

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเตโชเป็นแต่งเนื้อร้องและทำนองเองทั้งหมด ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถถีบตัวเองมาแข่งขันในวงการแสนโหดร้ายนี้ได้ ที่น่าสงสัย คือทำไมคนอย่างนั้นถึงได้มีแต่เพลงเศร้า อกหัก รักคุด หรือว่าเจ้าตัวจะโดนสาวทิ้งบ่อยเลยเอามาแต่งเป็นเพลงกันนะ

พอนึกถึงหน้ามึนๆ อึนๆ แล้วก็แอบนินทาในใจว่าสมควร

“พร้อมมั้ยจิระ”

“พร้อมครับ”

ถึงในใจจะคัดค้านอย่างไร แต่เมื่อหนีไม่ได้ก็มีแต่ต้องลุยให้ถึงที่สุดเท่านั้น! ผมเดินเข้าฉากเมื่อถูกผู้กำกับเรียก ก่อนจะนั่งแปะอยู่กลางพื้นขาว มิวสิกวีดีโอนี้มีงบน้อย เพราะเตโชเป็นนักร้องหน้าใหม่ และเพิ่งโด่งดังในเวลาไม่กี่เดือนเท่านั้น ถ้าให้พูดตรงๆ คือหน้าตาของเขายังถูกพูดถึงกว่าตัวเพลงซะอีก เอาเถอะ เพราะในเอ็มวีครั้งนี้หน้าตาของผมก็คงถูกพูดถึงเหมือนกัน

เป็นได้ทั้งในแง่ร้าย...ที่ให้โอกาสดาราตกกระป๋องซึ่งถูกเขี่ยทิ้งจากซีรีส์ชื่อดัง

และเป็นได้ทั้งในแง่ดี...หากผมถ่ายทอดในสิ่งที่เขาต้องการออกมา

“เราจะเริ่มถ่ายที่ฉากสุดท้ายก่อนนะ ต้องทวนสคริปท์มั้ยจิ”

“ไม่ต้องครับ” ผมยกมือเป็นสัญญาณช่างกล้องให้เริ่มการถ่ายทำได้เลย แม้สคริปท์จะไม่ลงรายละเอียดมาก เพราะเนื้อหาของมิวสิกวีดีโอนี้เน้นที่การแสดงอารมณ์มากกว่าคำพูด แต่ท่าทางมาดมั่นเกินเหตุนั้นทำให้ใครหลายคนอดจะขมวดคิ้วไม่ได้ เพราะผมเดินเข้ามาตัวเปล่า ไม่ยักจะทบทวนบทบาทการแสดงแม้แต่น้อย ขนาดเตโชที่ยืนหาวอยู่หลังจอมอนิเตอร์ยังเลิกคิ้วอย่างนึกประหลาดใจ

ผมลอบยิ้มเหยียดให้เขาหนึ่งครั้ง ก่อนจะก้มหน้าลงเล็กน้อยเมื่อทุกคนพร้อมใจกันเงียบกริบ

“ห้า สี่ สาม สอง หนึ่ง แอคชั่น!”

เนื้อหาของเพลง คือชายที่สูญเสียคนที่รักอย่างกะทันหัน รวดเร็วเกินทำใจ จนจิตใจแตกสลายไม่เหลือชิ้นดี

ผมนึกภาพของเตโช...ไม่ นึกหน้าเขามีแต่จะไม่สบอารมณ์เปล่าๆ

ผมนึกภาพของตัวเอง

เสียงสูดหายใจเข้าลึกดังแผ่วเบาจากรอบด้านเมื่อผมเงยหน้าขึ้นมาพร้อมแววตาเหม่อลอยว่างเปล่าไร้จุดหมาย

คล้ายกำลังมองหาใครคนหนึ่ง ทั้งที่รู้แก่ใจว่าคนคนนั้นไม่อยู่อีกแล้ว

เวลาไม่เคยหยุด แต่วันนั้นเหมือนโลกทั้งใบได้หยุดลง


ผมหลับตาลงช้าๆ สร้างภาพว่าข้างกายมีคนที่เคยรักที่สุด...

เสี่ย

ช่วงเวลาที่เคยใช้กับเสี่ย มีแต่ความสุขเมื่อถูกตามอกตามใจ เพียงนึก ผมก็เผลอหลุดยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มอย่างบริสุทธิ์ใจโดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน ผมรักเสี่ย ถึงขนาดยอมเป็นเด็กเลี้ยงเหลือแต่ตัว ทั้งที่มีมรดกมากมายมหาศาล ผมรักเสี่ย รักมาก...

แต่เราไม่มีวันกลับเป็นเหมือนเดิม

วินาทีนั้น รอยยิ้มที่แย้มออกมาเพียงครู่กลับกลายเป็นความขมขื่น ผมตัวสั่น ก้มหน้าลงเล็กน้อย

เวลาไม่อาจย้อนคืน แต่ทำไมจนวันนี้ถึงยังวนเวียนไม่จางหาย

คลับคล้ายจะจับอารมณ์ได้ แต่ยังไม่ตรงตามต้องการ เพราะเนื้อหาในมิวสิกวีดีโอนี้คือความรักที่ถูกพรากจากด้วยความตาย

พลันภาพตอนผมขับรถชนจิตรินปรากฏวาบ

วินาทีนั้น ผมคิดว่าผมกำลังจะตายจริงๆ

หากผมตายไป เสี่ยคงไม่รู้สึก แต่ตัวผมนั้นหวาดกลัวเหลือเกิน กลัวที่จะต้องแยกจากเขา กลัวที่จะไม่ได้รับความรัก แม้ในวินาทีสุดท้ายก่อนจะสิ้นสติ ก็คิดเพียงว่าเขาจะเป็นห่วงผมบ้างมั้ย

ผมค่อยๆ ทรุดตัวนอนตะแคง ราวไร้เรี่ยวแรงเมื่อนึกถึงความบางอย่างที่แสนเจ็บปวดใจเหลือเกิน ดวงตาคลอหยาดน้ำใส ทว่าไม่มีน้ำตาหลั่งริน ในลำคอคล้ายมีก้อนสะอื้นจุดตื้อขึ้นมาอย่างทรมาน แต่ก็ฝืนกล้ำกลืนเก็บกั้น

นับตั้งแต่เสียเธอไป ตัวฉันก็เหมือนนาฬิกาตาย

ก่อนจะเปลี่ยนเป็นพลิกตัวนอนหงาย ผมลืมตาช้าๆ แม้ห้องจะเป็นสีขาว แต่แววตากลับเหม่อมองไร้ประกายราวจมดิ่งในห้วงอารมณ์ที่มืดมิดกว่านั้น

เวลาของฉันไม่มีความหมาย

มือขวาค่อยๆ เอื้อมคว้าบางอย่าง ราวรอคอยให้มีใครสักคนจับมือข้างนี้อีกครั้ง

เมื่อไม่มีเธอ

ผมชักมือกลับ กำแน่น และสั่นสะท้านน้อยๆ ขณะใช้หลังมือทาบทับปิดดวงตา นึกภาพของคนที่รักสุดหัวใจแต่ไม่อาจครอบครอง

“ผม...”

ริมฝีปากเอ่ยคำหนึ่งออกมาโดยไม่รู้ตัว เสียงนั้นช่างแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน ราวกับคำกระซิบกับตัวเอง หรือไม่...

“รัก...”

หน้าอกสะท้อนอย่างเจ็บปวด จนไม่สามารถพูดติดกันได้ โดยเฉพาะในคำสุดท้าย

“...คุณ”

“คัต!!!”

วินาทีนั้นผมสะดุ้งเฮือก ตัวกระตุกลุกจากพื้นแล้วเบิกตาโพลงมองรอบด้านพร้อมตัวหอบโยนและน้ำตาที่ร่วงเผาะลงมา ผมรีบใช้แขนเสื้อปาดทิ้ง กลัวจะมีใครเห็นเข้า

“เป็นยังไงครับ” ผมหันไปถามคมสันกึ่งตื่นตูม เกรงว่าสิ่งที่ทุ่มเทไปจะทำให้หลายคนผิดหวัง แม้ผมจะฝึกซ้อมมาหลายต่อหลายครั้งก่อนเข้าบริษัทเพื่อไม่ให้ใครกล้าครหาก็ตาม รับปากทั้งที จะให้โดนด่าได้ยังไง มีแต่ต้องชื่นชม มองผมด้วยความอึ้งให้มากๆ สิ!

“สะ...”

“สะ?”

“สุดยอด!!!” ผู้กำกับตะโกนลั่น รีบปราดเข้ามากอดผมยกใหญ่ “หายไปหนึ่งเดือน ทำไมแสดงได้ก้าวกระโดดแบบนี้ล่ะจิ สุดยอดไปเลย ฮึก เหมือนเห็นลูกชายเติบใหญ่...โบยบินกลายเป็นหงส์”

อะไรนะ ผู้กำกับคนนี้ก็เคยทำงานกับจิตรินในร่างผมงั้นเหรอ

ผมตัวแข็ง เกลียดการถูกแตะเนื้อต้องตัวกะทันหันมากที่สุด แต่จะผลักออกก็ไม่ได้ เลยหันไปส่งสายตาขอความช่วยเหลือกับคมสันที่เดินเข้ามาร่วมวงด้วยสีหน้าพออกพอใจ

“ผมรู้อยู่แล้วว่าถ้าคุณคิดจะทำก็ทำได้”

“ทำมาเป็นพูดดี” ผมพึมพำขณะมองค้อนคมสัน โชคดีที่การมาของเขาทำให้ผู้กำกับยอมปล่อยผมสักที

“ไม่ต้องห่วงนะจิ ที่นี่ไม่มีใครใส่ใจเรื่องข่าวฉาวหรอก อดีตที่ผ่านมาแล้วก็ให้ผ่านไป อายุยังน้อยก็มีโอกาสแก้ตัวอีกเยอะ แถมฝีมือแบบนี้...จุ๊ๆ อย่างที่คุณสันบอกจริงๆ พออกหักจากเสี่ย จิระคนดีก็แข็งกร้าวขึ้น ฝึกฝนฝีมือเตรียมกลับเข้าวงการอย่างขะมักเขม้น ดีแล้วจิ อย่าใจอ่อนกับใครง่ายๆ เลย หน้าตาอย่างเรา ต้องเลือกให้เยอะๆ เพราะคนสมัยนี้น่ะดูหน้าไม่รู้ใจ หัดคิดในแง่ร้ายบ้าง จะได้ตามทันใครต่อใครเขา”

...พูดไม่ออกบอกไม่ถูก

อกหักจากเสี่ยน่ะเรื่องจริง แต่จิระคนดีที่แข็งกร้าวขึ้น แถมยังฝึกฝนฝีมือเตรียมกลับเข้าวงการคืออะไร!

พอหันไปทวงถามกับคมสัน ตำแหน่งที่ควรจะมีเขายืนอยู่ก็เหลือเพียงความว่างเปล่า

“คมสันล่ะ” ผมถามเตโชที่เดินเอื่อยๆ เข้าฉากเหมือนเพิ่งนึกได้ว่าควรเข้ามาชมเชย พอยืนใกล้กันแบบนี้ก็ยิ่งเปรียบเทียบว่าเขาสูงกว่าผมมาก

“ไปแล้ว”

“ไปไหน”

“นู้น” เตโชชี้ไปที่ประตูทางออก เฮ้ย! ไม่แน่จริงนี่หว่า มาหย่อนระเบิดแล้วชิ่งหนีซะเฉยๆ อย่างนี้ได้ยังไง เลขาใจยักษ์ใจมาร ใครอยากเป็นดาราในสังกัดเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์วะ โมเมที่สุด!

“คุณสันคงมีงานด่วนน่ะ ไปเติมหน้าใหม่เถอะจิ ผ่านช่วงที่ยากที่สุดของเอ็มวีมาแล้ว ที่เหลือก็เป็นของง่ายแล้วล่ะไอ้หนู!” ผู้กำกับตบบ่าผมอย่างเชื่อมั่น เล่นเอาตัวเซแท่ดๆ เกือบจะล้มก้นจ้ำเบ้าแล้วเชียว ไอ้คนที่ยืนข้างๆ ก็ไม่ช่วยประคองกันเลย เอาแต่ยืนหน้ามึนอยู่นั่นแหละ จะพูดก็ไม่พูด สรุปแล้วเดินเข้าฉากมาหาผมเพื่ออะไรกันแน่เนี่ย!

“ลายเซ็...”

“หุบปากไปเลย!” ผมขึ้นเสียงหงุดหงิด พอเห็นเตโชยอมเงียบตามก็นึกพิลึก ลองถามความเห็นด้วยอารมณ์กึ่งอวด “ฉันแสดงได้ดีใช่มั้ยล่ะ ความรู้สึกของคนที่สูญเสียคนรักจนเหมือนเวลาหยุดลงตามเนื้อเพลงของนายน่ะ”

เตโชมองผมอย่างลังเลว่าควรจะเปิดปากดีรึเปล่า

“ถ้าตอบแล้วฉันจะให้ลายเซ็น”

“จริงเหรอ” เตโชมองผมอย่างไม่มั่นใจ หรี่ตาจนแทบจะไม่เห็นลูกตาดำอยู่แล้ว

“เดี๋ยวเซ็นให้ครึ่งหนึ่งก่อนเป็นการมัดจำเลยเอ้า” ไม่ว่าเปล่า ผมที่ไม่มีอะไรจะเสียแล้วก็คว้ากระดาษในมือเตโชมาเขียนชื่อตัวเองแค่คำว่า ‘จิ’ จบงานไปจะได้ไม่มีอะไรค้างคา ลาจากเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์กับเตโชไปสักที

“นายแสดงดีมาก”

ผมยืดอก รู้สึกภาคภูมิใจกับความทุ่มเทซ้อมของตัวเอง

“แสดงเหมือนเสียจิ้งจกไปจริงๆ เลย”

มือที่กำลังจรดคำว่า ‘ระ’ ชะงักกึก

“อะไรนะ”

“ผมแต่งเพลงนี้ตอนจิ้งจกที่เลี้ยงไว้ตาย ชื่อแชมปิญอง”

“...”

“นายแสดงเก่งมาก!”

เตโชช่างพยายามนัก อุตส่าห์เค้นพลังงานอันน้อยนิดในการเพิ่มน้ำหนักของน้ำเสียงช่วงท้ายประโยคเพื่อให้ผมมีอารมณ์ร่วมกับคำเยินยอสรรเสริญหวังลายเซ็น แต่โทษทีเถอะ ตั้งแต่ได้ยินคำว่าแชมปิญองผมก็เริ่มขยำกระดาษแล้ว พอเขาย้ำคำหนักแน่นก็เขวี้ยงก้อนขยะลงพื้นทันที เป็นปฏิกิริยาตอบสนองอัตโนมัติของร่างกายที่ทำไปแล้วถึงเพิ่งตั้งสติได้

“ลายเซ็...”

“ไปขอกับจิ้งจกเลยไป๊!” ผมหัวเสียและเกรี้ยวกราด เดินหนีโดยไม่สนใจเตโชที่ยืนหน้ามึนอย่างทำอะไรไม่ถูก คล้ายจะได้ยินเสียงซุบซิบนินทาถึงการกระทำของผม แต่ตอนนี้มีเรื่องสำคัญกว่านั้น...นั่นคือ...ผมจะแยกภาพของเสี่ยกับจิ้งจกออกจากกันได้ยังไงตอนถ่ายทำส่วนที่เหลือ

อุตส่าห์ทุ่มซ้อมมาตั้งนานจะทำพังเพราะแชมปิญองได้ยังไง ยาดม...ขอยาดมให้ผมที!!

-------

 

สวัสดีค่ะ กลับมาอัพต่อกันแล้วกับเรื่องราวของจิระ และเปิดตัวพระเอกของเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ ขอเสียงปรบมือให้กับเตโชคนมึน และจิระผู้เกรี้ยวกราดกันด้วยนะคะ (แปะๆๆ) เริ่มต้นเส้นทางสายบันเทิงของหนูจิกันแบบพอหอมปากหอมคอ เราตั้งใจให้พระเอกในซีรีส์ชุดนี้ ( รวมเรื่อง I’M NOT HIM ด้วย ) ออกแนวเพ้อๆ มึนๆ อึนๆ ไม่ค่อยจะมีสติ ฉะนั้นอย่าได้คาดหวังเตโชมาก อย่างที่เคยเกิดกับเสี่ยมาแล้ว แต่ขอเอาชื่อเสียงเป็นประกัน! ว่าเตโชจะมีบทเยอะกว่าเสี่ย และน่ารักน่าเอ็นดูกว่าเสี่ยค่ะ! 555

สำหรับแทกเรื่องนี้เรานึกอะไรไม่ออกเลยนอกจาก #จิระผู้เกรี้ยวกราด

ขอฝากลูกชายที่ออกจะซึนๆ คนนี้ด้วยนะคะ

เพจนักเขียนที่ส่งของขวัญเปิดเรื่องให้จิระเป็นยาดมหนึ่งกระเช้า

ปล.ขอย้ำว่าคมสันมีคู่แล้ว อย่าโดนเคมีคู่นี้หลอกนะคะ อารมณ์ตอนแต่งคือแม่เลี้ยงใจร้ายกับจิเดอเรลล่าค่ะ

ออฟไลน์ SaNip015

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 16
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
เอ็นดูจิระจัง  5555555555555555555555555
เตโชคือคนตลก  o13 o13 :o8:

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
คิดถึงจิระจังเลยยย  :L1: เตโชมึนมากกก 55555 พระเอกของจิระสินะคะ จิระคงต้องปวดหัวแน่ๆ   :laugh:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-10-2017 21:08:40 โดย rockiidixon666 »

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26

ออฟไลน์ thyme812

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 313
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-3

ออฟไลน์ สาว801

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 133
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-2
 :m20: :m20: :m20: สวัสดีจ้า แชมปิญอง

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
แค่คมสันต์น้องก็จะตายแล้ว มาเจอเตโชอีกจิระต้องโดนเตโชป่วนขนาดไหนต่อไป ปวดหัวแทนน้องเลย อิตาเตโชก็จะเอาแต่ลายเซ็นต์555555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
คิดถึงจิระ หวังว่าเรื่องนี้นิสัยน่าจะดีกว่าเรื่องโน้นนะ  o18
สงสารเสี่ยจัง เรื่องโน้นก็โผล่มาประดุจนักแสดงตัวประกอบฝ่ายชายดีเด่น  ทั้งเรื่องน่าจะปรากฏชื่อไม่เกิน 3 ครั้ง มาเรื่องนี้มีคู่แข่งเป็นน้องจิ้งจกนามแชมปิญอง  :m20:

ออฟไลน์ Yunatsu

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +233/-5
 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:
เสี่ย กลายเป็นจิ้งจกไปแล้ววว

นี้พระเอกดีเด่นเลยนะ เล่นได้ทุกบท
บทจิ้งจกก้ได้ 555

เตโชใช่ไม๊ พระเอกกกกเรื่องนี้
ดูมึนพอกับเสี่ยเลย

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ TachibanaRain

  • มาโกโตะเทนชิ
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +76/-3
ฮ่าๆๆๆๆๆ ไอ่บ้าเอ้ยยยพระเอกเซ็ทนี้นี่มีใครปกติสักคนมั้ยเนี่ย หืม? โอ้ยยย สงสารนายเอก

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ PAiPEiPEi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 459
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-3
โอ้ยยยยย ชั้นจะทำยังไงกับแชมปิญองดี๊!!!!!!   

5555555555555555555555555555

ออฟไลน์ kitty08

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +48/-4
 :m20:ตลกเตโชมากๆ จิ้งจกเนี่ยน่ะ ทำจิระเราน็อคไปเลย คมสันคู่ใคร อยากรู้

ออฟไลน์ Yara

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-2
สู้ๆนะ จิระ ถ้ามีคุณเลขาอยู่ใกล้ๆ ชีวิตคงลุ่มๆดอนๆ ไปอีกนาน 5555

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
:m20:ตลกเตโชมากๆ จิ้งจกเนี่ยน่ะ ทำจิระเราน็อคไปเลย คมสันคู่ใคร อยากรู้
คุณสันคู่พี่เบิ้มค่ะ ในเรื่อง I'm not him  2คนนี้แอบมีซัมติงค่ะ อิอิ เห็นว่ามีพาร์ทของคุณสันกับพี่เบิ้มในรวมเล่มด้วยค่ะ  :impress2:

ออฟไลน์ fahdekkom

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
โอ๊ยน่าสงสาร อุตส่าห์เค้นอารมณ์สุดฤทธิ์ดันเปรียบเหมือนจิ้งจก 555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ka[ze]na

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3767
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +192/-6

ออฟไลน์ เก้าแต้ม

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1296
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-3
เตโช คงรักจิ้งจกมากสินะ  อืมม..คงรักมาก  ใช่..ต้องรักมากแน่ :mew4:

ออฟไลน์ Velusia

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 23
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ใดๆในเรื่องนี้และเรื่องของจิตริน ลาสบอสที่แท้ทรูคือคุณสันครับ โอ้ย 555 งวดที่แล้วจิตรินกับทุ่งดอกไม้ของเขา งวดนี้จิระกับอะไรดี? จิ้งจกมั้-------//โดนตบ

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ ชมพูพาล

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 248
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
น่ารักมาก เกรี้ยวกราด 555
 :hao7: :hao7:

ออฟไลน์ chaoyui

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1143
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3

ออฟไลน์ มาจะกล่าวบทไป

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +666/-7
    • เพจ 'มาจะกล่าวบทไป'
ตอนที่ 2

เช็กเมทซีซันสอง


หลังการถ่ายมิวสิกวีดีโอจบลงด้วยดี เย็นวันนั้นคมสันก็พาผมไปทำเอกสารมอบคอนโดให้เป็นชื่อของผมตามสัญญา เห็นราคาซื้อขายเกือบแปดหลักแล้วแทบหน้ามืดขอยาดมอีกครั้ง ไม่แปลกใจว่าทำไมเงินเก็บของผมถึงหมดบัญชีในรวดเดียว

“ขายทิ้งซะดีมั้ยเนี่ย...” ผมพึมพำ นึกอยากขายห้องทิ้งไปซื้อที่อื่นที่ถูกกว่า

“เสียใจด้วยครับ เพราะที่นี่ต้องอาศัยอยู่อย่างน้อยหนึ่งปีจึงจะทำการซื้อขายได้ และด้วยกฎระเบียบของคอนโดที่มีมาตรการรักษาความปลอดภัย ทำให้ไม่สามารถปล่อยเช่าได้ด้วย เพราะที่นี่มีดารานักแสดงอาศัยอยู่เยอะ ฉะนั้น...คุณคงต้องพับแผนการนั้นไปก่อนนะคุณจิระ”

ผมเกลียดคมสัน!

เกลียดน้ำเสียงราบเรียบของเขา เกลียดท่าดันแว่นของเขา เกลียด เกลียด เกลียด ไอ้บ้า คมสันบ้า!

แต่ก็ยังดี...เพราะเงินค่าตัวของผมถูกโอนเข้าบัญชีหลังจากนั้นสามวัน นับว่าคมสันยังไม่เล่นแง่ ดึงเงินเข้าช้าให้ผมอกแตกตาย

แล้วชีวิตผมก็กลับมาสุขสงบ ก่อนจะกลับมาวุ่นวายอีกครั้งเพราะ...

‘ช่วยบอกทางทีมิสเตอร์เอส!’

‘ทางนี้!’

ผมกำลังทำอะไรอยู่น่ะเหรอครับ

ก็ไล่ดูซีรีส์เช็กเมทอยู่น่ะสิ!

การดูร่างตัวเองวิ่งเล่นโดยที่รู้ดีว่าข้างในเป็นจิตรินนั้นช่างยากจะบรรยายความรู้สึกออกมาจริงๆ ผมต่อต้านมาตลอด ไม่ว่ายังไงก็ไม่ยอมดูซีรีส์เช็กเมทเด็ดขาด แต่เพราะเหตุจำเป็นบางอย่างเลยลองเปิดตอนที่หนึ่งดู กะแค่ให้รู้ ไม่ได้ตั้งใจจะติดหรอกนะ

...แล้วตอนที่หนึ่งก็กลายเป็นตอนที่สิบเอ็ดซะงั้นอ่ะ!

คนเขียนบทเก่งเป็นบ้า ผมลืมไปเลยว่ากำลังดูจิตรินในร่างตัวเองเล่นละคร เพราะมัวแต่จมจ่อกับเนื้อเรื่องสุดเข้มข้นที่ไม่อยากพลาดแม้แต่ตอนเดียว มิสเตอร์เอสคือผู้ช่วยอัจฉริยะเก่งด้านการแฮกเกอร์ มักมีสีหน้านิ่งเรียบและท่าทางหน่ายเซ็ง แต่เมื่ออยู่หน้าคอมพิวเตอร์แล้วจะกระตือรือร้นในทันที นี่มัน...เตโชนี่หว่า!!

ผมชักเข้าใจว่าทำไมเขาถึงชอบมิสเตอร์เอสมากทั้งที่มีบทในแต่ละตอนน้อยนิดไม่ถึงสิบนาที

ยังไงก็ตาม การแสดงของจิตรินไม่นับว่าดีหรือแย่ เรียกว่าดังด้วยบุคลิกและใบหน้าดึงดูดล้วนๆ เพราะจุดเด่นของซีรีส์เรื่องนี้คือตัวละครหญิงที่ถูกรับเชิญมาอย่างไม่ซ้ำหน้าในแต่ละตอน คล้ายกับหนังเรื่องเจมส์ บอนด์ที่ไม่มีนางเอกตายตัว สลับรับเชิญตามกระแสในตอนนั้นๆ ด้วยเหตุนี้ผู้รับบทมิสเตอร์เอสคู่หูของพระเอก จึงต้องมีหน้าตาทั้งหล่อทั้งสวยในคราวเดียว ที่ต้องเป็นผู้ชาย เพื่อไม่ให้จับคู่ล็อกเป้ากับพระเอกเกินไป และที่ต้องหน้าสวย ก็เพื่อให้เป็นอาหารตา!

โครกก

เสียงอะไรวะ

โครกกกก ครากกกก

เวรล่ะ! ติดซีรีส์จนลืมกินข้าวไปเลย!!

ผมจำใจต้องกดหยุดอย่างแสนเสียดาย แต่เพื่อสุขภาพที่ดีจึงต้องผละไปเข้าครัวเพื่อทำของกินง่ายๆ บรรเทาความหิวโหย คนอย่างจิระ ท่าทางเชิดหยิ่ง รักสบาย เกาะกินแต่กับเสี่ย ใครเลยจะรู้ว่าจริงๆ แล้วผมชอบทำอาหาร เมื่อก่อนตอนอยู่กับคุณยายสองคน ผมก็เป็นคนเข้าครัวตลอด เวลาหยิบจับอุปกรณ์ หั่นผักหั่นเนื้อแล้วรู้สึกจิตใจโล่งสบาย ประหนึ่งว่าเป็นการคลายเครียดอย่างหนึ่ง

ไม่นาน ข้าวสวยร้อนๆ ก็พร้อมเสิร์ฟพร้อมแกงจืดกะหล่ำปลียัดไส้หมูสับและไข่เจียวใส่แครอทสีสันน่ารับประทานเป็นที่สุด ผมลองชิมคำแรก...อืม...ไม่ได้ลองทำนาน รสมือยังไม่ตกแฮะ!

ตอนอยู่ต่อหน้าเสี่ย ผมไม่เคยได้เข้าครัวเลยเพราะสวมบทเด็กหนุ่มแสนอ่อนแอทำอะไรไม่เป็น อยากให้เขาปกป้องเป็นห่วงดูแลไม่ห่างหาย พาออกไปทานข้าวด้วยกันบ่อยๆ ด้วยกลัวว่าจะอดตาย ถือโอกาสได้เจอหน้าพัฒนาความสัมพันธ์

นึกแล้วก็ตลกตัวเองชะมัด ผมรักเสี่ย แต่เป็นการรักที่ไม่รักตัวเองแม้แต่น้อย ยอมเปลี่ยนแปลงหลายอย่างก็เพื่อเขา ยอมทำร้ายตัวเองเรียกร้องความสนใจบ้าๆ บอๆ ก็เพื่อเขา สุดท้ายคนที่รับกรรมก็ตัวเองล้วนๆ จิระขอสาบาน จะไม่กลับไปทำตัวน่ารังเกียจแบบนั้นอีกเด็ดขาด! โสดแล้วไงทำกับข้าวกินเองก็ได้โว้ย!!

แต่ก่อนอื่น ผมต้องวางแผนหาเงินให้ตัวเองโดยไม่พึ่งพาคมสัน

ชีวิตจิระแสนรันทด ถึงทำอาหารเป็น แต่ดันทำอย่างอื่นไม่ได้เลยจริงๆ หรือจะไปสมัครเป็นพ่อครัวดีนะ แค่นึก...ผมก็ย่นหน้า ไม่อยากหมกตัวทั้งวันอยู่ในห้องครัวด้วยสภาพมอมแมมดูไม่ได้ ยังไงซะ สิ่งที่ผมภาคภูมิใจที่สุดก็คือรูปร่างหน้าตา การทำอาหารน่ะคืองานอดิเรกคลายเครียด ให้ทำเป็นอาชีพไม่ไหวหรอก เสียของตายชัก ผมคือจิระเชียวนะ จิระ!!

นึกแล้วก็ถอนหายใจเฮือก เก็บจานล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อยก่อนจะนั่งดูซีรีส์เช็กเมทจนจบซีซันหนึ่งเอาตอนตีห้า ความสนุกสนานนั้นทำเอาอารมณ์ผมฮึกเหิมสุดขีด ก่อนจะกลายเป็นห่อเหี่ยว...เมื่อเหลือบตาไปยังซองเอกสารที่วางนิ่งอยู่บนโต๊ะข้างโซฟา

เป็นของที่ได้รับจากคมสันตั้งแต่วันที่เขายกสิทธิ์ทุกอย่างคืนให้ผม

อย่า อย่าเพิ่งเข้าใจผิดว่าผมโดนข่มขู่อะไรอีก เพราะนั่นคือบทของ ‘มิสเตอร์เอส’ ในซีซันสอง!

แม้จะถูกปลด แต่เมื่อเลขาของท่านประธานต้องการให้ผมเล่น มีหรือจะเขียนเพิ่มเข้าไปใหม่ไม่ได้ ถึงจะเปิดกล้องแล้ว และมีการประกาศอย่างเป็นทางการว่าบทผู้ช่วยพระเอกที่เคยเป็นของมิสเตอร์เอสจะมีคนอื่นรับเล่นแทนก็ตาม

ผมกัดฟัน ก่อนจะเปิดซองหยิบบทขึ้นมาอ่าน เนื่องจากเป็นแค่พลอตคร่าวๆ ไม่กี่หน้า จึงอ่านจบอย่างรวดเร็ว แต่ที่นาน...คือผมอ่านแล้วคึก รีบหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตเพิ่มเติมหวังเก็บรายละเอียดของซีรีส์นี้

...รู้ตัวอีกทีพระอาทิตย์ก็สาดส่องสว่างจ้าเกือบกลางหัว!!!

บ้าเอ๊ยจิระ นายจะอดหลับอดนอนทั้งที่ไม่สนใจไม่ได้นะ!


ผมด่าทอตัวเองในใจ ก่อนจะวางบทไว้ตรงหน้าขณะนั่งขัดสมาธิอย่างใช้สมอง

ทิศทางของซีซันสองนั้นทางโปรดิวเซอร์อยากให้การเสียชีวิตของมิสเตอร์เอสเป็นทางเลือกสุดท้าย ตอนประกาศเทจิตรินในร่างของผม จึงวางพลอตให้มิสเตอร์หายตัวอย่างปริศนา และคมสันก็หยิบยกตรงนี้มาสร้างโอกาส ถ่ายไปแล้วแล้วยังไง? มีคนเป็นผู้ช่วยพระเอกแทนแล้วยังไง? ในเมื่อมิสเตอร์คือตัวตนแสนลึกลับในซีรีส์เรื่องนี้อยู่แล้ว...ถ้าอย่างนั้น...ก็ให้มิสเตอร์เอสกลับมาเป็นตัวร้ายซะเลยสิ!!!

บทที่ผมได้รับ คือรายละเอียดคร่าวๆ ว่ามิสเตอร์ถูกทำร้ายจนความจำเสื่อม และโดนองค์กรที่เป็นศัตรูของพระเอกจับตัวไปล้างสมอง นับว่าการกลับมาของมิสเตอร์เอสครั้งนี้...จะกลับดีเป็นร้าย กลายเป็นศัตรูกับอดีตคู่หู! แถมยังเข้ากับภาพลักษณ์ของผมที่ถูกมองว่าเป็นเด็กเลี้ยงแกะของวงการอีกด้วย!

ถ้าเป็นซีรีส์ฉายจริงขึ้นมาจะสนุกขนาดไหนกันนะ

ไม่ไม่ไม่!

ผมส่ายศีรษะประคองสติตัวเองไม่ให้เผลอไผล ทำไมจู่ๆ ถึงนึกภาพตัวเองอยู่ในกองได้ล่ะ เพราะติดใจตอนเล่นมิวสิกวีดีโอของเตโชงั้นเหรอ ไม่ใช่! ผมไม่อยากเป็นดาราสักหน่อย ไม่อยากยอมรับอาชีพที่ทำให้แม่ทิ้งผมไปเด็ดขาด!!!

แต่...บทน่าสนุกชะมัด

ผมซุกหน้าหลับตากับโซฟา ก่อนจะแอบลืมตาข้างหนึ่งมองบทอย่างลังเลใจ

โอ๊ย อยากเล่นจัง แค่นึกฉากมิสเตอร์เอสเจอพระเอกอีกครั้งตอนความจำเสื่อมก็ตื่นเต้นแล้ว!


ผมรีบหลับตาหนี ไถหน้าไปกับโซฟาเพื่อห้ามสติของตัวเอง

คิดสิคิดจิระ ถ้านายตกปากรับคำ นายจะต้องเป็นนักแสดงอย่างเต็มตัว ไม่ใช่แค่การถ่ายเอ็มวีแบบวันเดียวจบแล้วนะ แล้วนายจะมองหน้าคนในกองยังไง พระเอกที่เล่นเรื่องนี้สนิทกับจิตรินมากไม่ใช่เหรอ ถ้าต้องเข้าฉากด้วยกัน นายต้องถูกเปรียบเทียบกับตอนที่ยังไม่สลับร่างหนักกว่าเมื่อวันก่อนเป็นไหนๆ ตอนจิตรินแสดงเป็นมิสเตอร์เอส ทุกคนล้วนชื่นชมสนับสนุน แล้วนายล่ะจิระ...ด้วยนิสัยที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังเท้า นายจะ...ทำตัวยังไง

ผมหมดแรงเมื่อคิดถึงตรงนี้ แต่เรื่องมันเศร้าตรงที่ถ้าไม่นับงานของเตโช ก็มีแต่ซีรีส์นี้เท่านั้นที่คมสันพอใช้เส้นสายให้ผมได้ ถ้าเกิดไม่รับแล้วจะเอาเงินที่ไหนมาเลี้ยงตัวเอง!

ผมถอนหายใจเฮือก ตัดสินใจลุกขึ้นมานั่งดีๆ ก่อนจะหยิบโน๊ตบุ๊คมาเปิดดูว่าใบสมัครงานที่ร่อนตามโมเดลลิ่งและบริษัทเอนเตอร์เทนเมนต์ต่างๆ ตั้งแต่สามวันก่อนมีผลยังไงบ้าง ขอแค่มีที่เดียวที่สนใจ ผมก็เป็นอิสระจากคมสัน ซีรีส์เช็กเมทก็ไม่ต้องรับ! ไม่ต้องเผชิญหน้ากับเลขาใจโหดอีกต่อไป!!

แต่...

ไม่มีที่ไหนตอบรับผมสักที่เดียว

เป็นไปไม่ได้ ถึงจิระจะมีข่าวฉาวมาก่อน แต่ด้วยรูปร่างหน้าตาแสนเลิศเลอเพอร์เฟค อย่างน้อยก็ต้องมีสักที่สองที่ให้โอกาสสิ! ปฏิเสธทันทีหมดทุกที่มันเป็นไปได้ยังไง ผมไม่เชื่อ!!

ท้องเริ่มคำรามอีกครั้ง ผมเดินไปทำไข่คนกับขนมปังปิ้งประทังชีวิต พลันเสียงโทรศัพท์ดังแว่ว พอเห็นปลายสายก็ลังเลเล็กน้อยแต่จำใจต้องกดรับอย่างช่วยไม่ได้

(( ตัดสินใจรึยังครับคุณจิระ ))

“ยัง!” ผมไม่สิ้นความพยายาม ปากคาบขนมปังพลางเดินมาจ้องหน้าจอกดส่งใบสมัครให้พวกบริษัทเล็กๆ แทน มีเหยื่อแสนโอชะหน้าตางามเลิศมาหาถึงที่ ผมไม่เชื่อหรอกว่าพวกเขาจะไม่รับ

(( ยังร่อนใบสมัครงานอีกเหรอครับ ))

เอ๊ะ...

(( นี่คุณโง่หรือคุณโง่กันแน่ คิดว่าบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์ประกาศจองตัวคุณ แล้วจะมีใครที่ไหนกล้ารับตัดหน้า เลิกเสียเวลากับเรื่องไร้สาระเถอะครับ อ่านบทแล้วให้คำตอบผมสักที ))

คมสัน...คมสัน

ผมกัดฟันแน่น พูดอะไรไม่ออกนอกจากเรียกชื่อนั้นในใจด้วยความเกรี้ยวกราด

“จองตัวแล้วยังไง ถ้าฉันไม่ตอบรับซะอย่างยังไงก็ต้องมีที่อื่นมาขอให้ไปทำงานด้วย!”

(( คุณโง่จริงๆ สินะ )) คมสันถอนหายใจเฮือก (( ไม่รู้รึไงว่าผมดันคุณได้ก็แบนคุณได้ ตอนนี้ยังนับเป็นโอกาส แต่ถ้าคุณปฏิเสธ ต่อไปจะเป็นอุปสรรคแล้วนะครับ ))

“นายจะทำอะไร”

(( ก็พวกข่าวฉาวๆ ของคุณทั้งหลายตั้งแต่สมัยเรื่อง คนที่ช่วยปิดก็ผมทั้งนั้นไม่ใช่หรือ อยากโดนขุดให้ลึกกว่าเดิมมั้ยล่ะครับ ))

ใจผมหล่นไปถึงตาตุ่ม ลืมซะสนิทว่าตั้งแต่คุณยายเสีย คนที่ช่วยจัดการดูแลทุกอย่างก็คือคมสัน เขาไม่ได้ดูแลเรื่องเงินอย่างเดียวเท่านั้น แต่ชีวิตประจำวันของผม การติดต่อที่เรียนให้ผม ที่อยู่ อาหารการกิน สังคม ทุกสิ่งทุกอย่างเขาล่วงรู้ทั้งหมด!!

“นายไม่มีทางให้ฉันเลือกอยู่แล้วนี่” ผมว่าอย่างเจ็บแค้นเคืองโกรธโทษฉันใย

(( ในที่สุดก็เข้าใจสักทีนะครับ ))

ผมอยากจะกลายร่างเป็นก็อดซิล่าแล้วพ่นไฟทำลายล้างโลก

“เลวที่สุด!”

(( วันนี้อย่าลืมมาฟิตติ้งชุดที่บริษัทด้วยนะครับ ผมนัดทีมงานตอนสิบเอ็ดโมง ห้ามลาห้ามสาย))

“คมสันคนสารเลว!!!”

(( แต่งตัวให้ดี ฉีกยิ้มให้มาก แล้วเจอกันครับ ))

คมสันวางสายแล้ว แต่อารมณ์ผมยังลุกโหมอย่างเกรี้ยวกราด

ก่อนจะใจหายวูบเมื่อเหลือบไปเห็นนาฬิกาชี้บอกเวลาตอนสิบโมง

ผมมีเวลาแต่งตัวและไปที่บริษัทแค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้น! เรื่องอื่นช่างมันก่อน ผมรีบวิ่งเข้าห้องน้ำอย่างเร่งรีบ พร้อมเลือกเสื้อตัวโปรดมาสวมใส่ บรรจงแต่งยิ่งกว่าตอนไปถ่ายมิวสิกวีดีโอของเตโชซะอีก

ที่ทำไปก็เพราะโดนคมสันบังคับล้วนๆ

ใช่ เพราะคมสันบังคับ ไม่ใช่ว่าอยากเล่นสักหน่อย!!

ผมในสภาพพร้อมลุยเปิดประตูพรวดพราด ก่อนจะชะงักเมื่อประตูห้องข้างขวาเปิดออกมาพร้อมกัน ผมคงไม่อ้าปากค้างจนยุงบินชุมหากไม่เพราะคนคนนั้นคือ...เตโช!!

“อรุณสวัสดิ์” เตโชหาวหวอด หน้าตาดูง่วงซึมมึนๆ ขณะทักทายผมด้วยเสียงโมโนโทน

“หลีกไป ฉันกำลังรีบ” ผมโบกมือไล่เขาที่ยืนเกะกะทางเดิน

“ไปด้วย”

“ฮะ นายจะไปกับฉันทำไม ฉันเข้าบริษัท”

“ไปด้วย” เตโชล้วงสองมือในกางเกงแล้วเดินนำเอื่อยๆ ไปที่ลิฟต์ ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีอะไรสักอย่างยกเว้นโทรศัพท์กับกระเป๋าเงินที่ยัดหลังกระเป๋ากางเกง “มีนัดที่บริษัทเอ็มเอชเอ็น”

“แล้วไง” เพราะกำลังรีบ ผมเลยยอมเข้าลิฟต์แม้อยากจะถีบไสไล่ส่งคนหน้ามึนใจจะขาด

“ไม่มีรถ”

“ก็ไปโบกแท็กซี่เอาสิ”

“ไปด้วย”

คุยกับเตโชแล้วเหนื่อยมาก

“ฉันไม่ใช่คนขับรถของนาย!” ผมหันไปเหวใส่ เมื่อก่อนเป็นเด็กเสี่ย ไม่ว่าอยากได้อะไรเสี่ยก็ประเคนมาให้ ทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ยันนาฬิกาแบรนด์เนมที่กำลังสวมใส่ รถของผมก็เช่นกัน เสี่ยซื้อให้เป็นของขวัญฉลองตอนผมเข้ามหาวิทยาลัย แม้จะเป็นรถเจ้าปัญหาที่ผมขับไปชนจิตรินจนสลับร่างกันก็เถอะ

เตโชไม่หือไม่อือ แต่เขาเดินตามหลังผมต้อยๆ เหมือนขี้ปลาทอง ทั้งที่ผมซอยเท้ายิกๆ แต่เขาแค่ก้าวยาวๆ แสนจะเอื่อยเฉื่อยก็ตามทันแล้ว

พอถึงรถเตโชก็แทรกตัวไปที่นั่งข้างคนขับทันทีที่ผมเปิดประตู

“ขับให้” เตโชเงยหน้ามองผมตาปริบๆ พอเห็นผมยืนนิ่ง เขาก็เสริมอีกประโยคหวังผ่อนอารมณ์ขุ่นมัวให้เบาบางลง "มีน้ำใจ ช่วยเหลือกัน”

“น้ำใจบ้าบออะไร ฉันกำลังรีบโว้ย!” ผมกระชากตัวเตโชออกจากรถ ก่อนจะรีบขึ้นแทนที่ ปิดประตู สตาร์ทเครื่อง แล้วบึ่งออกไปทันที

“สู้ๆ”

...โดยผู้โดยสารแอบเนียนขึ้นที่นั่งด้านหลังด้วยสีหน้าเอาใจช่วยที่แทบไม่แสดงออก

ผมถลึงตาใส่เตโชผ่านกระจกรถ แต่เจ้าตัวไม่ทันสังเกต เพราะพอได้สิ่งที่ต้องการก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเพลง สวมหูฟัง แล้วนั่งพิงเบาะมองวิวข้างทางสบายใจเฉิบ

อะ...ไอ้แชมปิญอง!!!


 ------------


ออฟไลน์ มาจะกล่าวบทไป

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +666/-7
    • เพจ 'มาจะกล่าวบทไป'
Re: {{ He's Not Me }} ผมไม่อยากเป็นดารา -
«ตอบ #57 เมื่อ08-11-2017 21:11:25 »





ผมมาถึงบริษัทเอ็มเอชเอ็น เอนเตอร์เทนเมนต์ตอนสิบโมงห้าสิบ

หลังหาที่จอดรถได้ก็รีบวิ่งกระหืดกระหอบไปสตูดิโอชั้นสี่ทันทีโดยไม่สนใจเตโชว่าตามมารึเปล่า ปรากฏว่าเขามีธุระที่ชั้นหก เราเลยต่างคนต่างไป เพราะบริษัทแยกชั้นสำหรับสตูดิโอส่วนตัวสำหรับละครและสตูดิโอสำหรับปล่อยเช่า ซึ่งสถานที่สำหรับถ่ายทำเช็กเมทก็คือชั้นสี่นั่นเอง

ผมรีบจนลืมถามเตโชไปเลยว่าทำไมถึงเป็นเพื่อนบ้านข้างห้องกันได้ ไอ้สงสัยก็สงสัย แต่ความตื่นตกใจกลัวจะไปสายมันมีมากกว่า ผมยืนหอบอยู่หน้าประตู มองนาฬิกาที่ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งนาทีแล้วสูดหายใจเข้าลึก จัดแต่งทรงผมและเช็กเสื้อผ้าให้เรียบร้อย ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น คนที่วิ่งจนเกือบล้มหน้าคะมำมีที่ไหนกัน ผมคือจิระผู้แสนจะเพอร์เฟคต่างหาก

แล้วใจผมก็สั่นสะเทือนสิบริกเตอร์

เพราะทุกสายตาในห้องสตูดิโอต่างจับจ้องมาที่ผมเป็นตาเดียว คนเยอะกว่าตอนถ่ายทำมิวสิกวีดีโอของเตโชเกือบสิบเท่า แถมทุกคนล้วนมีสายตาแฝงความนัย ทั้งตกใจทั้งเป็นห่วงทั้งคิดถึงจิระ แน่นอน...ว่าหมายถึงจิตรินในร่างจิระ

ตอนถ่ายทำซีรีส์เช็กเมทซีซันแรก จิตรินต้องมาทำงานที่นี่เกือบทุกวันเป็นเวลาหลายเดือน

ผม...ควรจะ...ทำตัวยังไงดี

“จิระ!!”

ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ๆ ดาราหนุ่มหน้าใสก็วิ่งโผเข้าหาทำท่าจะกอด แต่พอเห็นผมเผลอก้าวถอยหลัง เขาก็ชะงักก่อนจะเปลี่ยนเป็นจับมือผมแล้วเขย่าแรงๆ

“นายหายดีแล้วสินะ ฉันคิดถึงนายมากเลย ทำไมถึงไม่ติดต่อมาเลยล่ะ หรือว่านายคิดว่าฉันไม่ใช่เพื่อน ใจร้ายจริงๆ ทั้งที่ฉันเป็นห่วงนายมากๆ เลยนะ!”

ผมอ้าปากค้าง หลังเช็กเมทจนจบซีซันในวันเดียวและหาข้อมูลเข้าหัว ทำให้จำได้ว่าคนคนนี้คือธนัท รับบทเป็นเพื่อนพระเอกในเรื่องเช็กเมท เพิ่งมาเริ่มแสดงในตอนที่สิบเป็นต้นไปด้วยถูกแทรกบทกะทันหัน สาเหตุก็เพราะ...เขาเคยเป็นเด็กเสี่ยมาก่อน

แม้ตอนนี้จะไม่ใช่แล้วเพราะเสี่ยบอกเลิกเด็กเลี้ยงทุกคน แต่ไหงเขาสนิทสนมกับจิตรินที่เคยเป็นเด็กเสี่ยเหมือนกันซะงั้น แถมยังเหมือนสนิทกันมาก ผมปรับตัวไม่ถูกโว้ย!

“จิ!”

มาอีกคนแล้ว...คนนี้ผมพอเตรียมใจไว้บ้าง เพราะเขาคืออัครเดช รับบทพระเอกของเรื่อง เป็นดาราที่ไม่มีข่าวเสียหายเลยสักครั้งด้วยการวางตัวดีและอัธยาศัยที่ดี คนแบบนี้จะสนิทสนมกับจิตรินก็ไม่แปลก แถมอัครเดชยังมีรูปร่างชวนฝันด้วยซิกแพคและกล้ามเนื้อสมบูรณ์แบบ เมื่อบวกกับผิวคล้ำให้อารมณ์ดิบเถื่อนเหมาะกับบู๊แหลกลาญอย่างเรื่องนี้แล้ว จึงนับเป็นตัวละครชูโรงของซีรีส์เช็กเมท

แล้วนั่น...มีมาอีกคน เด็กคนนี้หน้าตาคล้ายผม รูปร่างคล้ายกัน จึงถูกรับเลือกให้มาเล่นเป็นมิสเตอร์เอสตัวปลอม หรือตัวร้ายที่ปลอมตัวเป็นมิสเตอร์เอส แต่หลังจากจิระถูกปลดในซีซันสอง พาย...หรือผู้เคยรับบทเป็นมิสเตอร์เอสตัวปลอมออกมาแค่สองตอนก็ถูกเสนอชื่อมาเป็นตัวละครหลักในซีซันนี้ โดยมาเติมเต็มในส่วนที่ขาดด้วยความสามารถในการแฮกเกอร์และเลียนเสียงได้

เขา...ควรจะไม่พอใจผม เพราะการที่ผมกลับมารับบทมิสเตอร์เอสอีกครั้งทำให้พายต้องถูกเปรียบเทียบ แม้ว่าเขาจะมีภาษีดีกว่าตรงที่ไม่เคยมีข่าวฉาวให้คนรังเกียจเดียดฉันท์ก็ตาม แต่การมีคนที่หน้าตาคล้ายกันแต่ดีกว่าอย่างผมอยู่ในกองด้วย แม้จะรับคนละบทบาทก็ต้องมีเคืองบ้างสิ!

แล้วไหงสายตาของพายถึงได้มองผมอย่างชื่นชมยินดีและแสนจะคาดหวัง

จิตรินโว้ย...นายเอาร่างฉันไปหว่านเสน่ห์ใส่คนทั้งกองไม่เว้นกระทั่งคนที่ควรจะเป็นศัตรูเลยรึไง!!!

“คุณจิระ” พลันพวกเราสะดุ้งพร้อมกันเมื่อคมสันเดินมารวมกลุ่มเงียบๆ ด้วยน้ำเสียงกดต่ำคล้ายไม่พอใจบางอย่าง “คุณมาสาย”

“สายที่ไหนกัน ฉันมาทันพอดีต่างหาก” ผมชี้นาฬิกาข้อมือให้ดูว่าตรงต่อเวลาขนาดไหน ไม่คลาดเคลื่อนแม้แต่วินาทีเดียว

“บริษัทนี้อ้างอิงนาฬิกาของผมเป็นหลักครับ” คมสันพูดพลางชี้นาฬิกาของเขาที่เข็มยาวเกินไปหนึ่งนาทีด้วยสีหน้าจริงจังเคร่งเครียด “เอาเถอะครับ คุณมากับผมก่อน เราต้องคุยเรื่องบทกับโปรดิวเซอร์และผู้กำกับ”

ผมเดินตามคมสันอย่างว่าง่าย ไม่ใช่อะไร เพราะเขามาช่วยชีวิตผมออกจากดงนักแสดงนำทั้งสามคนพอดิบพอดี!

ธนัท อัครเดช และพาย เมื่อเห็นผมโดนคุณเลขาตำหนิก็ไม่กล้าทักทายต่อด้วยเกรงว่าจะไปขัดเวลาอันมีค่าของคมสันเข้า ผมลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะแทบกลั้นใจเมื่อเห็นว่าผู้กำกับคือคนเดียวกับที่ถ่ายทำมิวสิกวีดีโอของเตโช

“เจอกันอีกแล้วนะจิ!” ผู้กำกับตบไหล่ผมดังป้าบ “ที่จิระได้รับการยอมรับให้เข้ากองเช็กเมทอีกครั้งเพราะเลขาคมสันช่วยผลักดันก็จริง แต่หลายคนกลัวว่าเธอจะแสดงบทนี้ไม่ได้ ฉันเลยช่วยยืนยันอีกเสียง โปรดิวเซอร์จึงพอวางใจ และทำให้หลายๆ คนในกองต้อนรับการกลับมาของจิระโฉมใหม่ไฉไลกว่าเดิม!”

“หมอนี่ชมไม่หยุดว่าจิแสดงดีขึ้นมาก ถ้ารับบทตัวร้ายในซีซันนี้ผลตอบรับต้องดังกระฉูด” โปรดิวเซอร์เอ่ยอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก

“อีกสัปดาห์เดียวเอ็มวีของเตโชจะออกแล้ว ถึงตอนนั้นอย่ามาบอกว่าฉันขี้โม้ก็แล้วกัน!”

ผมเหลือบมองคมสันด้วยสายตาคลางแคลงใจ ทุกอย่างช่างประจวบเหมาะ ต่อยอดเป็นขั้นบันไดอย่างพอดิบพอดี เริ่มจากการถ่ายทำมิวสิกวีดีโอ ต่อด้วยการเข้ากองซีรีส์เช็กเมท แสดงว่าคมสันวางแผนให้ผมดิ้นไม่หลุดในวงการนี้แต่แรกถึงได้สนับสนุนดุนหลังซะเหลือเกิน

นับเป็นเรื่องดี เพราะช่วยให้ผมประหม่าน้อยลง อย่างน้อย...การที่ตัวผู้กำกับซึ่งกุมอำนาจในการถ่ายทำทั้งหมดเห็นว่าผมเป็นจิระโฉมใหม่ไฉไลกว่าเดิม ก็ทำให้การเปรียบเทียบกับจิระคนเก่าลดน้อยลงมาก ความกังวลใจอันดับหนึ่งลดลงมากโข

“มองอะไรครับ” คมสันขยับกรอบแว่นหนึ่งครั้ง

“...ขอบใจ”

“อะไรนะครับ” คมสันคลี่ยิ้มให้ผม

“ไปไกลๆ เลยไป!”

ผู้กำกับและโปรดิวเซอร์มองผมหน้าเหวอเมื่อจู่ๆ จิระแสนดีก็ขึ้นเสียงใส่คุณเลขาอย่างไม่เคยทำมาก่อน

“คุณจิระนั่งรอก่อนแล้วกันครับ คิวถ่ายวันนี้มีถึงบ่ายสามเพราะอัครเดชมีงานต่อ จากนั้นค่อยลองแสดงให้ผู้กำกับและคนเขียนบทดูโฉมใหม่ของมิสเตอร์เอส ส่วนผมขอตัวก่อน ฝากจิระด้วยนะครับ”

ประโยคหลังคมสันหันไปพูดกับผู้กำกับและโปรดิวเซอร์

“โอ๊ย ไม่ต้องห่วงเลยครับ พวกเราทำงานกันมานาน ทุกคนเอ็นดูจิระกันทั้งนั้น”

“ใช่ครับคุณสัน ไม่ต้องห่วงเลย เชิญครับๆ”

ผู้กำกับและโปรดิวเซอร์พากันไปส่งคุณสันถึงหน้าประตูห้องสตูดิโอ ส่วนผมก็หาทำเลที่นั่งดีๆ ในการนั่งมองกองถ่ายอย่างตื่นตาตื่นใจ...แม้จะเคยผ่านการถ่ายมิวสิกวีดีโอมาแล้ว แต่นั่นเป็นแค่ฉากสีขาวแถมคนแสดงนำก็มีผมคนเดียว เทียบกับที่นี่แล้วแตกต่างโดยสิ้นเชิง! ฉากเซ็ทเป็นห้องๆ เสมือนจริง เครื่องเรือนถูกจัดแต่งไม่ต่างกับบ้านหนึ่งหลังแต่แบ่งเป็นสัดส่วน ผมดูคนเบื้องหลังที่ช่วยกันทำความสะอาด ดูแลนักแสดง ช่างแต่งหน้าที่วิ่งวุ่น ตรวจดูเครื่องแต่งกาย นักแสดงที่ท่องบทกันอย่างดุเดือดแล้วรู้สึกฮึกเหิมจนมือสั่น

ตอนแรกก็นึกโกรธคมสันหรอกนะว่าเขารีบเรียกผมมาที่นี่ทำไม คงจะ...ให้ปรับตัวกับกองถ่ายล่ะมั้ง

แม้คมสันจะร้ายกาจ แต่เขาก็เป็นคนร้ายกาจที่เห็นแก่ผลประโยชน์ของบริษัท

เพื่อให้ผมสามารถแสดงบทบาทของมิสเตอร์เอสได้อย่างมีประสิทธิภาพ เขาพร้อมจะผลักดันทุกทางโดยไม่สนใจใครทั้งสิ้น!

ผมเก็บข้อมูลอย่างตั้งใจ ท่าทางของอัครเดช การแสดงของธนัท บทบาทแทนที่มิสเตอร์เอสอย่างพาย รวมทั้งจำชื่อคนในกองคนอื่นๆ ด้วยเพราะในประวัติที่ผมหามาก่อนหน้านี้มีแต่ชื่อนักแสดง ไม่มีชื่อคนเบื้องหลัง แต่สำหรับจิตริน เขาต้องรู้จักทุกคนแน่ๆ ฉะนั้นผมจึงถือโอกาสนี้สร้างความคุ้นเคยให้ตัวเอง ประหนึ่งเคยมาร่วมงานที่นี่แล้วหลายเดือน

ซีรีส์เช็กเมท คือซีรีส์แนวสืบสวนสอบสวนแนวใหม่ที่ทางบริษัทต้องการลองตลาด เน้นเนื้อเรื่องเข้มข้นผสมฉากบู๊นำโดยอัครเดชเป็นตัวหลัก มักพัวพันกับคดีฆาตกรรมจนไปขัดขาองค์กรมืดเข้า ทำให้ต้องคอยงัดข้อชิงไหวชิงพริบกันตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้ บทผู้ช่วยของมิสเตอร์เอสจึงขาดไปไม่ได้เลย เพราะมิสเตอร์เอส คือตัวละครที่ประจำอยู่ที่บ้านพระเอกเสมอ มีคอมพิวเตอร์คู่ใจเป็นอาวุธ คอยแฮกกล้องวงจรปิด บอกเส้นทางหนีให้พระเอก หรือสืบค้นข้อมูลที่ไม่มีใครทำได้

ส่วนธนัท เขาเพิ่งเข้ามามีบทบาทในตอนที่สิบของซีรีส์ซีซันแรก รับบทเป็นเพื่อนของพระเอกที่เพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ ลักษณะนิสัยออกไปทางเพลย์บอย เจ้าสำราญ สามารถเล่นละครหยอกสาวตบตาใครต่อใครได้ แถมยังปล่อยมุกตลก และมีจุดเด่นที่สะเดาะกุญแจได้ทุกชนิด ทั้งสามคนอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน แต่มีบุคลิกที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน

เมื่อขึ้นซีซันสอง มิสเตอร์เอสหายตัวอย่างเป็นปริศนา สิ่งที่พอจะคาดเดาเบาะแสได้ก็มีแต่พาย หรือตัวปลอมของมิสเตอร์เอสที่เคยออกมาในซีซันหนึ่งเท่านั้น อัครเดชกับธนัทหลังตามตัวพายพบ ก็ปักใจเชื่อว่าพายจะต้องพาไปหามิสเตอร์เอสได้ จึงกลายเป็นการจับตัวพายมาร่วมก๊วนด้วยไปโดยปริยาย

หลังจากดูพวกเขาแสดง ทำให้ผมพอจับลักษณะแต่ละคนได้ อัครเดช...มีนิสัยคล้ายกับตัวละครที่ได้รับคือเป็นคนรักเพื่อน อัธยาศัยดี มีเสน่ห์ และจริงใจคนหนึ่ง ส่วนธนัท คนนี้แตกต่างกับบทมาก เพราะเขาไม่ได้เพลย์บอย ไม่ได้เจ้าชู้ ช่างพูดช่างคุยนัก แต่ค่อนข้างซื่อตรงกับความรู้สึก รัก โกรธ เกลียด แสดงออกทางสีหน้าไม่ปิดบัง ทางด้านพาย เด็กคนนี้ค่อนข้างสงบปากสงบคำ อาจเพราะต้องมารับบทเด่นในซีซันสองกะทันหันโดยไม่ตั้งตัว จึงไม่กล้ามีปากเสียงในกอง

ผมตัดสินใจแล้ว...ในสามคนนี้เข้าหาทางพายน่าจะปลอดภัยที่สุด!

ซีรีส์เช็กเมทเป็นการถ่ายทำแบบถ่ายไปฉายไป โดยกำหนดการเปิดตัวซีซันสองคืออีกสามวันที่จะถึง ด้วยเหตุนี้ เหล่านักแสดงจึงตั้งใจทำงานมาก เพราะการผิดพลาดเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้กำหนดการคลาดเคลื่อนได้ แม้จะมีการถ่ายตุนก่อนฉายจริงไปแล้วไม่ต่ำกว่าสี่ตอนก็ตาม

“จิระ” ผมสะดุ้งเมื่อถูกเรียก เงยหน้ามองชายหน้าตาธรรมดาที่ค่อนไปทางจืดจางอย่างงุนงง “ฉันดีใจนะที่จิกลับมาที่นี่อีกครั้ง คนที่คุยกับฉันแล้วรู้เรื่องก็มีแต่เรานั่นแหละ! อย่างบทของซีซันสองที่ให้มิสเตอร์เอสกลับมารับบทเป็นตัวร้ายเนี่ยสุดยอดจริงๆ ขนาดฉันยังคิดไม่ถึงเลย”

ใครวะ

ผมจ้องคนแปลกหน้าตาไม่กะพริบ ราวกับว่าทำแบบนี้จะมีป้ายชื่อผุดขึ้นมาจากบนหัวของอีกฝ่าย

“ทำไมเงียบจังล่ะ ปกติเราช่างจ้อไม่ใช่เหรอ”

“เอ่อ...” ผมเหงื่อตก จิตรินช่างจ้อแค่ไหนรู้ดีที่สุด เขาสามารถพูดได้น้ำไหลไฟดับ ขึ้นเหนือล่องใต้ไม่รู้จบ ขนาดคนกำลังดราม่ายังลากไปเรื่องของกินได้ แต่จิระทำไม่ได้! ให้ตายผมก็ทำแบบนั้นไม่ได้! “ผมเพิ่งอกหักครับ”

ผมยกข้ออ้างที่คมสันปูทางเป็นเกราะป้องกัน

“เรื่องเสี่ยสินะ” คนแปลกหน้ามองผมอย่างสงสาร “งั้นหลังเลิกกองแล้วค่อยมาคุยกันนะ ฉันเสียใจเรื่องเสี่ยด้วย แต่คนอย่างจิหาใหม่ได้ไม่ยากอยู่แล้ว ขอแค่เลือกดีๆ หน่อยก็แล้วกัน!”

“ครับ...” ผมยิ้มแห้งอย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก จนกระทั่งคนคนนั้นลุกไปนั่งอยู่ข้างผู้กำกับ หยิบบทขึ้นมาทบทวนนั่นแหละถึงได้ปะติดปะต่อได้ว่าหลังจากนี้ผมมีนัดกับผู้กำกับและคนเขียนบท ในเมื่อเขาไม่ใช่ผู้กำกับ ก็แสดงว่าเขาคือคนเขียนบทนั่นเอง...

จิตริน...นายฝอยหนักขนาดทำให้คนเขียนบทติดนายได้เลยเหรอ!

ผมหยิบยาดมขึ้นมาจูนสติ เห็นทีการปรับตัวในกองถ่ายนี้จะไม่ง่ายอย่างที่คิด หลายคนแลจะคาดหวังผมแบบแปลกๆ ชอบกล

ว่าแต่เมื่อกี้คนเขียนบทบอกว่าผมเป็นคนเสนอเรื่องการรับบทตัวร้ายของมิสเตอร์เอสงั้นเหรอ จะเป็นไปได้ยังไง! คนที่ยัดเยียดคือคมสันต่างหาก ผมไม่ได้มีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้แม้แต่น้อย หรือว่าคมสันจะเป็นคนต้นคิด? เออ...หน้าอย่างคุณเลขาแม้เก่งวางแผน แต่ให้เสนอไอเดียเรื่องละครไม่น่าจะรอดนะ

หรือว่าจะเป็น...จิตริน!?

ใจผมเต้นตึกตักด้วยความหวาดกลัวระคนหวั่นไหว ผมตัดสินใจถอยห่างจากเสี่ยและจิตริน...ไม่ทั้งโกรธแค้นหรือโกรธเคือง กลับกัน ผมมีความรู้สึกดีๆ ให้พวกเขา โดยเฉพาะกับจิตริน คนคนนั้นพร้อมจะช่วยเหลือผมอยู่เสมอ หากเขาเสนอบทเพื่อให้ผมกลับมารับบทมิสเตอร์เอสอีกครั้งก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องแปลก

แต่นั่นหมายความว่าจิตรินรู้เรื่องผมกลับมาเป็นดาราแล้ว!

แย่ล่ะ ผมยังไม่พร้อมเผชิญหน้ากับเขา!!

 

-------------

คำบรรยายตอนนี้เยอะมาก อย่าเพิ่งเบื่อกันก่อนนะคะ เราภูมิใจนำเสนอเรื่องเช็กเมทมาก เพราะเป็นซีรีส์ที่อยากดู แต่งจากความอยากตัวเองล้วนๆ สำหรับท่านที่ตามมาจากเรื่องก่อน คงไม่ต้องเกริ่นกันเยอะ แต่สำหรับคนที่เพิ่งตาม ต้องอธิบายรายละเอียดกันสักเล็กน้อย โดยเฉพาะกับธนัท อัครเดช และพายที่ต่างมีประเด็นกับจิระเวอร์ชั่นจิตรินสิงร่างมาแล้ว รับรองว่าจะได้เห็นอีกมุมที่สนุกสนานกันแน่นอนในซีซันสองนี้ค่ะ ^0^

ปล.พาย คือชื่อของเด็กที่มารับบทมิสเตอร์เอสตัวปลอม เรื่องของจิตรินเราไม่ได้ใส่ชื่อเพราะคิดชื่อไม่ออกเลยเรียกเด็กคนนั้น แต่ในหนังสือแก้เป็นใส่ชื่อแล้วนะคะ ส่วนที่เอาชื่อพายเพราะวันนั้นเราซื้อพายทูน่าของS&Pลดราคาวันพุธมากินพอดี...เลยได้ชื่อนี้มาค่ะ 55555

แอบกระซิบว่านาฬิกาที่จิระใส่ก็เรือนเดียวกับที่คมสันจัดหามาตอนเรื่อง I’M NOT HIM นั่นแหละค่ะ เสี่ยมีหน้าที่แค่เปย์แล้วเอามาให้เด็ก คนไปติดต่อซื้อหามาก็คมสันทั้งนั้น 555 #จิระผู้เกรี้ยวกราด

 

เพจนักเขียนที่ชอบไปซื้อพายทุกวันพุธ

ออฟไลน์ jaokhwan

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
จิตรินสร้างเรื่องไว้เยอะ จิระต้องสู้นะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด