รวินท์อยากจะขำให้ดิ้นตายอยู่ตรงนั้น ดูทำท่าเข้าสิ เหมือนพะยูนขึ้นเขียง เขาเอื้อมมือไปแกล้งถอดกางเกงอีกฝ่ายออก จากนั้นจึงเกี่ยวขอบกางเกงชั้นในลงมาครึ่งสะโพก แล้วก้มลงจูบไปเบาๆ
“ฮื้ยยย~ พี่วินทำไรวะ!”
“จุ๊บก้นพิงค์ไง มันเนียนเด้งดี น่ารัก”
เด็กหนุ่มเบิกตากว้าง อ้าปากค้างพะงาบๆ เกิดมาไม่เคยมีใครชมแบบนี้เลยโว้ย เขาควรจะปลื้มดีมั้ยวะ!
“หื้ม... หมั่นเขี้ยว” ไม่พูดเปล่าแต่ขยำก้อนเนื้อสะโพกไปด้วยเต็มแรง
ภูพิงค์หันขวับไปต่อว่า “พี่วินอย่าเล่นดิวะ! จะทำไรก็ทำเลย!”
“โอเค งั้นเริ่มเลยนะ” ทันตแพทย์หนุ่มดึงขอบกางเกงลงอีก จากนั้นก็ถลกเสื้อเด็กหนุ่มขึ้น เขาก้มลงขบจูบบนแผ่นหลัง ขณะที่ใช้ฝ่ามือเคล้นคลึงสะโพก
คนอ่อนวัยกว่าสะดุ้งตัวเป็นพักๆ เมื่อรู้สึกเจ็บ “เบามือหน่อยพี่ ผมยังไม่เคย”
“เจ็บนิดเดียว เดี๋ยวก็ชิน”
“ฮือ...” ภูพิงค์นอนตัวเกร็ง สองมือจิกแขนไว้แน่นพลางหลับตาปี๋
แม่ง...ลาก่อนความซิงของกู อุตส่าห์เก็บมาตั้งนาน
รวินท์มองคนอ่อนวัยกว่าแล้วก็หลุดหัวเราะ เขาตีก้นอีกฝ่ายดังเพียะ “นี่! ไม่ต้องทำท่าเหมือนผมจะข่มขืนคุณมะ”
“ผมกลัวนี่หว่า! ครั้งแรกของผมนะเว้ย!”
ทันตแพทย์หนุ่มเอื้อมมือไปลูบศีรษะเด็กหนุ่มเพื่อปลอบขวัญ ก่อนจะขยับขึ้นไปคร่อมทับทางด้านหลัง แล้วโน้มใบหน้าไปแนบจูบแก้มที่มีไรหนวดขึ้นบางๆ เมื่ออีกฝ่ายหันหน้ามาหาก็ประกบจูบเรียวปาก ตามด้วยสอดลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัด
เรื่องจูบให้เคลิ้มน่ะ ไว้ใจรวินท์เถอะ ใช้เวลาแค่ชั่ววินาที คนที่อ่อนกว่าทั้งวัยและประสบการณ์ก็ครางอือในลำคอ อ่อนไปหมดทั้งตัว เขาค่อยๆ เคลื่อนริมฝีปากออก ซุกไซ้ลำคอแล้วขยับขึ้นไปขบใบหูของเด็กหนุ่มเบาๆ
ภูพิงค์จิกแขนตนเองแรงๆ เพื่อไม่ให้เคลิ้มไปตามที่ทันตแพทย์หนุ่มชักจูงมากนัก เขากัดฟันกรอดๆ รู้สึกแค้นอยู่หน่อยๆ ที่เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว เหมือนเขาอยู่ระดับเนอสเซอรี ส่วนพี่วินน่ะ คงต้องเป็นระดับโพรเฟสเซอร์
แม่งเชี่ยวฉิบหาย!
รวินท์ก้มลงกัดหัวไหล่ของเด็กหนุ่ม จากนั้นจึงสอดนิ้วเข้าไปในปากอีกฝ่าย ขณะที่พ่นลมหายใจอุ่นๆ ลงบนลำคอ
โอย คล่องแสร๊ด! กูจะไม่ไหวแล้ว!
“อือ...” ภูพิงค์หลุดครางออกมาเบาๆ ก่อนจะสะดุ้งเฮือก เมื่อทันตแพทย์หนุ่มขยับตัวออก หากยังนั่งคร่อมอยู่บนตัวเขา อีกฝ่ายดึงกางเกงชั้นในเขาลงไปคาไว้บนต้นขา แล้วกดนิ้วที่เปื้อนน้ำลายของเขาลงตรงร่องสะโพก
“คุณรู้ใช่มั้ย ว่าถ้าจะมีอะไรกัน ก็ต้องใช้ตรงนี้” รวินท์กระซิบถาม
เด็กหนุ่มเหงื่อตก เบิกตาโพลง “รู้คะ...ครับ พะ...พี่ ว้าก!” เขาร้องลั่นเมื่ออีกฝ่ายสอดปลายนิ้วเข้ามาในร่าง มันฝืดคับ เจ็บจนต้องกำหมัดทุบลงบนพื้นห้องรัวๆ
แล้วทันตแพทย์หนุ่มก็หยุดการกระทำทั้งหมดไปดื้อๆ
ภูพิงค์หันกลับไปทำหน้าตาตื่นใส่อีกฝ่าย “พี่วิน!”
“เจ็บใช่มั้ยล่ะ”
“คะ...ครับ”
“นี่แหละ ถ้าไม่รู้จักเตรียมพร้อม มันก็จะเจ็บ นี่แค่นิดเดียวเองนะ ลองนึกดูว่าถ้าเป็นไอ้นั่น จะเจ็บขนาดไหน”
เด็กหนุ่มลุกขึ้นนั่งพลางลูบตูดตัวเองป้อยๆ เขานั่งหน้าจ๋อย พร้อมกับพยักหน้าฟังคำสอน “ครับพี่”
“คุณคงไม่อยากให้ผมต้องเจ็บแบบเมื่อกี้ หรือมากกว่าเมื่อกี้ใช่มั้ย”
“ครับ” ภูพิงค์ตอบเสียงอ่อย
รวินท์ยกมือขึ้นลูบศีรษะคนอ่อนวัยว่า พอเห็นทำท่าจ๋อยเป็นหมาหงอย เขาก็อดสงสารไม่ได้ “ไม่ต้องกลัวแล้ว วันนี้ผมยังไม่ทำอะไรคุณหรอกน่ะ”
เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นพรวด “เปลี่ยนใจไม่ทำแล้วใช่มั้ยพี่”
“ไม่ใช่เว้ย แล้วอีกอย่างนะ จะทำได้ไงวะ ไม่มีเจล เจ็บตายห่า”
ใบหน้าของภูพิงค์ซับสีเลือดทันควัน “เจล!”
“เออ รู้จักใช่มะ ถ้าอยากจะทำ อย่างแรกที่คุณต้องนึกถึงก็คือเจล และเพื่อความปลอดภัยก็ควรจะต้องมีถุงยาง ไปหาซื้อเตรียมไว้ให้พร้อมด้วย” รวินท์เขกศีรษะเด็กหนุ่มเบาๆ “สัญชาตญาณมันไม่พอหรอกเว้ย คุณต้องไปศึกษาหาข้อมูลไว้ด้วย ไม่อย่างนั้นมันก็จะเจ็บมาก แล้วก็จะไม่ฟินทั้งคุณและผมด้วย”
คนอ่อนวัยกว่าพยักหน้ารัว “ผมขอโทษ ผมไม่ได้นึกถึงเรื่องพวกนี้มาก่อนเลย” เขาคว้ามือทันตแพทย์หนุ่มไว้ “ให้โอกาสผมก่อนนะพี่ ครั้งหน้าไม่พลาดแน่”
ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มมุมปาก เขาคว้าคอเสื้อของเด็กหนุ่มดึงเข้าหาตัว “เออ ได้ ผมให้โอกาสคุณก่อน แต่ถ้าคุณพลาด ทำให้ผมเจ็บและไม่ฟิน คราวต่อไปผมจะสอนคุณให้เอง”
“สอน? แบบ... เมื่อกี้เหรอพี่” ภูพิงค์ยิ้มแห้ง “หรือมีแบบอื่นอีก ขอคำจำกัดความคำว่าสอนของพี่ชัดๆ หน่อยเหอะ”
รวินท์หัวเราะเบาๆ “เอาชัดๆ นะ ฟังให้ดี” เขาดึงหูเด็กหนุ่มเข้าหาตัว “ผมให้โอกาสคุณรุกก่อนก็ได้ แต่ถ้าคุณทำไม่สำเร็จ ผมจะเป็นคนรุกเอง”
ภูพิงค์เหงื่อตก “ไอ้สำเร็จหรือไม่สำเร็จนี่...วัดยังไงวะพี่”
“ก็...” ทันตแพทย์หนุ่มยกขาขึ้นเบียดส่วนไวสัมผัสกลางร่างอีกฝ่าย “ถ้าคุณทำให้ผมเสร็จด้วยไอ้นี่ไม่ได้ ก็ถือว่าไม่สำเร็จโว้ย”
“อ่อ” คนอ่อนวัยกว่าหัวเราะแห้งๆ ตามทันตแพทย์หนุ่มไปด้วย แต่ในใจร้องฉิบหายรัวๆ เขาแย่แน่แล้วงานนี้
ขณะที่เด็กหนุ่มบ่นพึมพำอยู่ในใจ เสียงโทรศัพท์มือถือของรวินท์ก็ดังขึ้น เจ้าของเครื่องจึงหยิบมาดู ก่อนจะกดรับสายก็หันไปถามคนที่นั่งอยู่ด้วยกันก่อน “ขวัญโทรมา ผมรับได้มั้ย”
ภูพิงค์ยังมึนๆ และเจ็บตูดอยู่ เขารีบพยักหน้าหงึกๆ
รวินท์เอื้อมมือไปลูบศีรษะเด็กหนุ่ม จากนั้นจึงกดรับสาย “ว่าไงครับขวัญ”
หญิงสาวที่ปลายสายหัวเราะร่วน “ตากล้องขวัญส่งรูปงานแต่งมาให้แล้ว มีรูปพิเศษจะให้วินกับน้องพิงค์โดยเฉพาะ เดี๋ยวเช็กเมลนะ”
“รูปอะไร”
“เดี๋ยวก็รู้ ขวัญโทรมาบอกแค่นี้แหละ”
ทันตแพทย์หนุ่มรีบกดเช็กอีเมล พอเห็นรูปก็เลิกคิ้วขึ้น “เฮ้ย!”
“มีอะไรเหรอพี่” ภูพิงค์โน้มใบหน้าเข้ามาดูด้วย
“เปล่า! ไม่มีๆ” รวินท์รีบดึงโทรศัพท์หนี
“อะไรอะ! มีความลับกับผมไม่ได้นะ!” เด็กหนุ่มเอนตัวทับทันตแพทย์หนุ่มไว้แล้วเอื้อมมือไปแย่ง
สองหนุ่มโรมรันพันตูกันอยู่บนพื้น แต่สุดท้ายรวินท์ก็แพ้แรงคนอ่อนวัยกว่า ถูกแย่งโทรศัพท์ไปจนได้
“อย่าดูนะเว้ย!”
ภูพิงค์กดดูรูปที่ค้างอยู่บนหน้าจอ มันเป็นรูปเขาตอนที่อุ้มพี่วินด้วยท่าอุ้มเจ้าสาวออกจากงานแต่งงานพี่ขวัญ ท่าแบบในแผ่นโฆษณาหนังเก่าเรื่อง Gone with the wind เลยทีเดียว ตากล้องใจดีทำกรอบเบลอสุดโรแมนติกให้ด้วยอีกต่างหาก เบื้องหลังภาพมีภาพเจ้าบ่าวเจ้าสาวยืนยิ้มมองพวกเขาอยู่ “โห! ตอนชุลมุนแบบนั้นยังถ่ายไว้ได้อีกเนอะ!” เขาก้มหน้าลงสบตากับคนที่อยู่ใต้ร่าง พร้อมกับยิ้มกว้าง “พี่วินเหมาะจะเป็นเจ้าสาวของผมมากเลยเห็นมะ”
“ฮึ่ย” เจ้าของชื่อเบือนหน้าหนี ขวัญข้าวนะขวัญข้าว ทำไมทำกันแบบนี้วะ เขาเสียหายหมด!
“ขอผมส่งรูปนี้เข้าเมลผมด้วยน้า” ขอเสร็จแล้วก็กดฟอร์เวิดทันควัน
“เดี๋ยว! จะเอาไปทำไม เดี๋ยวคุณก็เอาไปให้สโมฯ อีกอะ!”
“ไม่ให้ๆ ไม่ให้ใครทั้งนั้น จะเก็บไว้ดูคนเดียว” เด็กหนุ่มยิ้มกริ่ม “เวลาคิดถึงพี่วินไง”
“ถ้าผมเห็นรูปนี้ไปอยู่ในมือสโมฯ นะ ผมจะถอนฟันคุดคุณทีเดียวสามซี่เลย” รวินท์คาดโทษ
“นอกจากพ่อแม่ผมแล้วไม่มีใครเห็นแน่นอนครับ”
“เฮ้ย! ไหนตอนแรกบอกจะดูคนเดียวไงเล่า”
ภูพิงค์หัวเราะร่วน แล้วก้มลงจูบริมฝีปากสีแดงตรงหน้า “พี่วินนี่น่ารักจังน้า เขินผมจนหน้าแดงไปถึงหูเลย”
“แดงเพราะโมโหเว้ย!”
“ไม่ต้องแก้ตัวหรอกน่า”
“นี่จะนอนทับกันอีกนานมั้ย ออกไปได้แล้ว หนัก”
“ทับไว้พี่วินจะได้ชิน”
ทันตแพทย์หนุ่มยกมือขึ้นเขกศีรษะคนบนร่าง พลางถอนหายใจ “เฮ้อ...”
ภูพิงค์ยิ้มอย่างได้ใจ เขากอดคนใต้ร่างไว้พร้อมกับซบใบหน้าลงบนแผ่นอก
รวินท์หลุบตาลงมอง อ้อนชะมัด! แต่ยิ่งอ้อนก็ยิ่งน่ารัก เขาเข้าโหมดหลงแฟนสุดๆ แล้วตอนนี้ บางทีเขาก็สงสัยเหมือนกันนะ ว่าไอ้เด็กนี่จะทำให้เขาหลงรักได้มากอีกขนาดไหน
“พี่วิน ถามหน่อยดิ” ภูพิงค์เงยหน้าขึ้น “พี่เริ่มรักผมตอนไหนอะ”
เจ้าของชื่อขมวดคิ้ว นึกย้อนกลับไป... ตั้งแต่ตอนไหนกันนะ “ไม่รู้เหมือนกันว่ะ จำได้แค่แรกๆ เถียงกับคุณบ่อยมาก เถียงจนปวดหัว แต่ทุกครั้งที่ผมมีไม่สบายใจก็จะมีคุณมาคอยกวนประสาทอยู่ใกล้ๆ เสมอ มารู้ตัวอีกที... ผมก็รักคุณไปแล้ว” เขาผงกศีรษะขึ้นเล็กน้อย “แล้วคุณล่ะ รักผมตอนไหน”
“ตอนที่อีแซนดี้มีเรื่องครั้งนั้น มันถามผมว่าผมคิดอะไรกับพี่รึเปล่า ตั้งแต่นั้นมาผมก็เริ่มสังเกตตัวเองมากขึ้น แล้วผมก็เลยรู้ตัว... แต่ผมว่าผมรักพี่ก่อนที่อีแซนดี้จะทักซะอีก บางทีอาจจะเป็นตอนที่พี่นอนทับผมแล้วร้องไห้ล่ะมั้ง”
“ผมต้องห่วงตัวเองมั้ยวะ ถ้าคุณจะหลงรักผมเพราะร้องไห้เนี่ย”
“ไม่ใช่เว้ย ผมหมายถึงว่า...พี่ดูน่าทะนุถนอมดี อะไรแบบนี้ต่างหาก”
รวินท์อมยิ้ม พลางยกมือขึ้นหยิกแก้มคนบนร่างเบาๆ
“พี่วิน...”
“อะไร”
“อย่าน่ารักมากดิ ผมทนไม่ไหว”
สิ้นคำพูดของอีกฝ่าย ทันตแพทย์หนุ่มก็รู้สึกถึงบางสิ่งที่แข็งขึงซึ่งกดลงบนต้นขาตน “เมื่อก่อนเห็นทนได้ตั้งนานนี่หว่า”
“โห ก็พี่วินทำตัวน่ารัก แถมนอนอยู่ใต้ผมตัวแบบนี้ ผมทนไหวก็ต้องไปรับจ้างเป็นเสาหินแล้วเนี่ย ขอแค่ข้างนอกก็ได้ นะๆ”
รวินท์หัวเราะ “ก็ได้ แต่ไม่เอาตรงนี้นะ เข้าไปข้างในห้องนอนกันดีกว่า”
ภูพิงค์ยิ้มกว้าง “โอเคเลย ผมอุ้มพี่ท่าเดียวกับในรูปเข้าห้องเลยนะ”
“ไม่ต้องเว้ย ผมเดินเองได้”
หากพอรวินท์ลุกขึ้น เด็กหนุ่มก็อุ้มเขาขึ้นพาดบ่า
“พิงค์!”
“ผมใจร้อนอะ”
“จะอุ้มก็อุ้มให้มันดีหน่อยไม่ได้เหรอวะ!”
“ก็พี่บอกไม่เอาท่าในรูปไง”
“ปล่อยเว้ย!”
“ไม่ปล่อยเว้ย อย่าดิ้น!”
สองหนุ่มโวยวายเถียงกัน ขณะที่ภูพิงค์พาทันตแพทย์หนุ่มวิ่งเข้าห้องนอน
*TBC*ขอเสียงกรีดร้องดังๆ ให้ความพยายามของน้องพิงค์ด้วยค่าาาาา
ถึงน้องจะกากไปนิด... (ก็กากจริงๆ ไม่มีข้อแก้ตัว ) แต่น้องก็จริงจังและจริงใจมากน้าาาา
และในที่สุดสองหนุ่มก็เคลียร์กันเรียบร้อยสักที หมดช่วงแจกมาม่าแร้วค่า ขอบคุณที่อดทนกันมานานนะคะ 555555
ส่วนน้องพิงค์ของเรา ก็สู้ๆ นะลูก ไปติวให้เข้ม ไปเตรียมตัวให้พร้อม 555555 ไม่งั้นโดนแน่ลูก!
ขอบคุณคนอ่านทุกคนค่ะ รักนะ จุ๊ฟฟฟฟ