บ้านของภูพิงค์อยู่คนละมุมเมืองกับรวินท์ เป็นบ้านเดี่ยวในแถบชานเมืองเช่นกัน แต่ต่างจากบ้านของรวินท์โดยสิ้นเชิงก็ตรงที่เป็นบ้านทรงไทยนี่ล่ะ
พอทันตแพทย์หนุ่มขับรถของที่บ้านเข้าไปจอดในที่จอดรถ เขาก็พูดอย่างตื่นเต้น “โห! บ้านทรงไทยด้วยอะ! โคตรเท่!” พอหิ้วตะกร้าผลไม้ก้าวลงจากรถมาก็เห็นว่ามีคนเดินลงบันไดบ้านมายืนรอแล้ว
สองหนุ่มเดินตรงเข้าไปหา “พี่วิน นี่แม่ผม”
รวินท์รีบยกมือไหว้ “สวัสดีครับ”
มารดาของภูพิงค์ยิ้มรับ “สวัสดีจ้า หมอวิน”
“พี่พิงค์” เด็กสาววัยรุ่นวิ่งลงบนไดบ้านมาเสียงดังตึงตัง แล้วพุ่งตรงเข้ากระโดดกอดพี่ชาย “คิดถึงจังเล้ย!” แต่พอหันไปเห็นรวินท์เท่านั้นก็ผลักพี่ชายออกไปให้พ้นทางทันที “โห! หล่ออ้ะ!”
“น้อยๆ หน่อยเว้ย” ภูพิงค์เขกศีรษะน้องสาวไปหนึ่งที “พี่วิน นี่น้องผม ชื่อมิ่งแก้ว เรียกว่าแก้วเฉยๆ ก็พอ”
“สวัสดีครับน้องแก้ว”
“สวัสดีค่ะพี่วิน” เด็กสาวยกมือไหว้ เธอจ้องแฟนพี่ชายตาเป็นประกาย “พี่วินหล่อกว่าในรูปอีกอ้ะ”
“รูป?”
“เห็นคนแท็กมาในเฟซพี่พิงค์บ่อยๆ อะค่ะ”
“อ่อ...”
“เชิญจ้ะ ขึ้นบ้านกัน พ่อกำลังทำข้าวแต๋นอยู่ข้างบนน่ะ” มารดาของภูพิงค์เดินเข้ามาจูงมือทันตแพทย์หนุ่ม เธอหันมองหน้าเขาเป็นระยะๆ แล้วยิ้มหวาน “มาๆ แหม ยิ่งได้มองใกล้ๆ ก็ยิ่งหล่อ แม่ว่าตัวจริงนี่หล่อกว่าในรูปเป็นกองเลยละ” ส่วนเด็กสาวก็เกาะแขนพี่ชายเดินตาม
รวินท์หัวเราะแหะๆ ถ้าเห็นในเฟซบุ๊ก ก็รู้หมดแล้วสิว่าเขากับพิงค์มีวีรกรรมอะไรบ้าง เวรกรรมแท้!
“แม่ น้อยๆ หน่อย เดี๋ยวพ่อก็ยกกระทะทอดข้าวแต๋นคว่ำใส่พี่วินหรอก” ภูพิงค์โวยใส่
พวกเขาไปนั่งกันในห้องนั่งเล่น บ้านหลังนี้เป็นบ้านทรงไทยก็จริง แต่ก็มีผนังปิดมิดชิดเพื่อให้เปิดเครื่องปรับอากาศได้ ภายในบ้านตกแต่งแบบกึ่งๆ ไทยๆ เทศๆ ดูแล้วก็สมกับเป็นบ้านของภูพิงค์ดี
มารดาของภูพิงค์นำน้ำมาเสิร์ฟให้ สักพักบิดาก็เดินเข้ามาพร้อมกับถาดใส่ข้าวแต๋นที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ
“พี่วิน นี่พ่อผม”
รวินท์รีบลุกขึ้นยกมือไหว้ “สวัสดีครับ”
“สวัสดี หมอวิน” บิดายกมือขึ้นตบไหล่ทันตแพทย์หนุ่มพลางยิ้มกว้าง “พอดูดีๆ แล้วก็หน้าคล้ายพ่อตอนหนุ่มๆ มากเลยนะเนี่ย ตอนเห็นแม่กับเจ้าแก้วนั่งดูรูป พ่อนี่ก็นึกว่าดูรูปพ่อสมัยหนุ่มๆ กัน”
มิ่งแก้วเบะปาก “โห งี้พ่อคงอุ้มหนูกะพี่พิงค์ผิดมาจากโรงบาลแล้วอะ”
เดี๋ยวก่อน นี่ทุกคนเคยเห็นรูปเขากับพิงค์กันหมดเลยเหรอวะเนี่ย ฉิบหาย... เขาทำตัวไม่ถูกเลย
“ขอบใจที่ช่วยดูแลปากเจ้าพิงค์นะหมอ ถ้ารอให้ที่บ้านพามันไปหาหมอฟันล่ะก็ ไอ้พิงค์คงฟันคุดตายก่อน เพราะบ้านนี้กลัวหมอฟันกันทั้งบ้าน”
รวินท์ยิ้มแห้งๆ ตอนแรกนึกว่าพิงค์กลัวหมอฟันเพราะเคยมีความหลังฝังใจหรือไม่ชอบเสียงกรอฟัน แต่ตอนนี้เข้าใจแล้วว่ามันอยู่ในดีเอ็นเอ
“อะ ชิมข้าวแต๋นน้ำแตงโม พ่อเพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ กำลังอร่อยเลยนา”
“ขอบคุณครับ เอ่อ นี่ของฝากเล็กๆ น้อยๆ จากบ้านผมครับ” รวินท์ยกกล่องขนมและกระเช้าผลไม้ส่งให้
“โถ ลูก ช่วยดูแลปากเจ้าพิงค์ให้แล้วยังมีของมาฝากอีก” มารดารับของมาแล้วหันไปทางบุตรชาย “เจ้าพิงค์ มาจากเชียงใหม่เอาอะไรมาฝากบ้านหมอเขาบ้างรึเปล่าเนี่ย”
เด็กหนุ่มเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะส่ายหน้ารัว “มะ... ไม่มี”
“ตายจริง!”
“มันฉุกละหุกอะแม่ ผมเลยไม่ได้เตรียมตัว”
“ไม่ได้ละ เดี๋ยวแม่ต้องไปเตรียมของ...”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ คุณแม่ไม่ต้องลำบากหรอก”
มารดาของภูพิงค์หันมาทางทันตแพทย์หนุ่มพลางเปรยเบาๆ “แหม มีคนหล่อๆ มาเรียกแม่นี่ก็เขินแฮะ”
“น้อยๆ หน่อยแม่” มิ่งแก้วเอื้อมมือเขย่าแขนมารดารัวๆ
“เย็นนี้แม่เตรียมทำน้ำพริกอ่องไว้แล้ว เห็นพิงค์ว่าหมอชอบ”
รวินท์ยิ้มกว้าง “ขอบคุณครับ” เขาหยิบข้าวแต๋นขึ้นมากัด กลิ่นหอมของน้ำแตงโมกรุ่นอยู่ในปาก อร่อยจนลืมตัว “โอ้โห อร่อยชะมัด”
ภูพิงค์ขยับไปกระซิบ “พี่วินใจเย็นๆ”
บิดาหัวเราะชอบใจ “กินเยอะๆ เลยนะหมอ”
หลังจากนั่งกินข้าวแต๋นกันไปจนเกือบหมดถาด บิดาของเด็กหนุ่มก็เอ่ยขึ้น “เออ เจ้าพิงค์ เมื่อตอนสายพ่อให้คนเอารถไปเช็กแล้วนะ จะขับขึ้นเชียงใหม่วันไหนล่ะลูก”
“ว่าจะกลับวันพุธครับ ทันมั้ยอะพ่อ เดี๋ยวผมกับพี่วินจะไปเที่ยวแถวๆ นี้ก่อนสักสองสามวัน”
“ทันๆ แค่เปลี่ยนผ้าเบรกกับน้ำมันเครื่อง แล้วก็เช็กสภาพเครื่องน่ะ เอาไปใช้จะได้ไม่มีปัญหา”
“ขอบคุณครับ”
“แต่จะขับกลับกันไหวรึ สองคนเนี่ย”
“โห พ่อ แค่ผมกับพี่วินเนี่ย ขับไปดาวอังคารยังได้เลย”
“ไม่ต้องไปไกลขนาดนั้นก็ได้มั้ง ไปแค่มหาลัยก็พอ”
รวินท์ฟังสองพ่อลูกคุยกันแล้วก็อมยิ้มไปด้วย เขาคิดว่าครอบครัวของภูพิงค์น่ารักดี น้องสาวก็หน้าคล้ายกับเด็กหนุ่มมาเลยทีเดียว
พอสายตาประสานกันมิ่งแก้วก็บิดตัวไปมา “พี่วินอย่าจ้องมากสิคะ หนูเขิน”
“ขอโทษที ผมแค่คิดว่าน้องแก้วหน้าคล้ายกับพิงค์มากเลยน่ะ”
“โห ด่ากันเลยเถอะแบบนี้”
“หมายความว่ายังไงวะ” ผู้เป็นพี่ชายเท้าศอกลงบนศีรษะเด็กหญิงแล้วคลึงไปมา
“ทำไมล่ะ พิงค์ก็น่ารักออกนะ แต่น้องแก้วหน้าหวานกว่าพิงค์จิ๊ดนึง” ทันตแพทย์หนุ่มพูดไปตามที่คิด หากนั่นทำให้สองพี่น้องหน้าแดงกันขึ้นมาอย่างกะทันหัน
มิ่งแก้วเงยหน้าขึ้นมองพี่ชาย “พี่พิงค์หน้าแดงอะ”
“เปล่าเว้ย คิดไปเองแล้ว” ภูพิงค์รีบเปลี่ยนเรื่อง “เดี๋ยวผมพาพี่วินไปเดินเล่นดีกว่า” เขาเอื้อมมือไปสะกิดรวินท์ยิกๆ ให้ลุกขึ้น
“แก้วไปด้วยนะ” เด็กสาวลุกตาม
“เอ่อ...” เด็กหนุ่มไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไรดี ขณะที่สมองกำลังหาเหตุผลมาอ้าง มารดาก็เอ่ยขึ้น
“นานๆ จะเจอน้องทีนะพิงค์ แค่เดินเล่นเอง ก็ให้น้องไปด้วยสิ ยังไงเดี๋ยวน้องก็ต้องมาช่วยแม่ในครัวแล้ว”
“ครับๆ” แล้วสุดท้ายภูพิงค์ก็ต้องพาน้องสาวไปเป็นก้างชิ้นใหญ่ด้วย
ทั้งสามคนเดินลงบันไดบ้านไปช้าๆ มิ่งแก้วจับมือพี่ชายไว้ ถ้าไม่ต้องเกรงใจใครที่จริงเธอก็อยากจับมือรวินท์เหมือนกัน
โดยรอบตัวบ้านมีสนามหญ้าล้อม ภายในสนามมีต้นไม้เล็กใหญ่มากมาย มีสระบัวขนาดเล็กซึ่งมีศาลากลางน้ำด้วย ภายในสระเลี้ยงปลาคาร์ฟไว้ตัวเบ้อเริ่ม
“ต้นไม้เยอะดีนะ” รวินท์หันมองไปรอบๆ
“เยอะจนรกแล้วน่ะสิคะ แก้วกลัวงูจะตาย” เธอปล่อยมือพี่ชายแล้วเดินเข้าไปหาทันตแพทย์หนุ่ม “พี่วินๆ เซลฟี่กับหนูหน่อยนะ หนูจะเอาไปอวดเพื่อน”
“เซลฟี่กับผมเนี่ยนะ อวดได้ด้วยเหรอ” ขณะที่รวินท์อ้ำอึ้ง เด็กสาวก็ปราดเข้ามาถ่ายรูปด้วยแล้ว
“พี่พิงค์ๆ มาด้วยสิ”
“เอ้า เอาก็เอา”
พอถ่ายเสร็จเธอก็ก้มหน้าก้มตาโพสต์ภาพลงเฟซบุ๊กทันที ส่วนสองหนุ่มก็หันไปคุยกันต่อ
“ปลาคาร์ฟตัวโตมาก สีสวยสุดๆ”
“พ่อเอามาปล่อยไว้มั่วๆ เมื่อก่อนตัวเล็กนิดเดียว เดี๋ยวนี้ออกลูกออกหลานเต็มบ่อเลย มันเชื่องมากเลยด้วยนะพี่... จริงสิ เดี๋ยวผมไปเอาอาหารมาให้เลี้ยงปลากัน พี่รอแป๊บนะ”
“อื้อ” รวินท์พยักหน้า ก่อนจะนั่งยองๆ ลงข้างสระน้ำ พอเขาเอื้อมไปทำมือยุกยิกเหนือน้ำ ปลาในบ่อก็ผลุบโผล่ขึ้นมากันใหญ่
มิ่งแก้วแอบถ่ายรูปทันตแพทย์หนุ่มรัวๆ จากนั้นจึงไปนั่งยองๆ ลงข้างกัน “พี่วินขา~”
“ครับ” ทันตแพทย์หนุ่มหันไปยิ้มรับ แล้วหันกลับมาจุ่มนิ้วลงไปแตะตัวปลาคาร์ฟในสระ ซึ่งมันว่ายมาให้จับอย่างแสนเชื่อง “น่ารักชะมัดเลยแฮะ”
“พี่วินรู้ใช่มั้ยว่าใครๆ ก็จิ้นพี่วินกับพี่พิงค์อะค่ะ”
“อ้อ...” รวินท์หัวเราะแหะๆ “ก็เคยได้ยินอยู่นะ ทำไมเหรอ”
“แล้ว... แล้ว... พี่วินคิดจะเป็นแฟนกับพี่พิงค์อย่างที่เขาจิ้นกันบ้างรึเปล่าอะคะ”
“หือ?” ทันตแพทย์หนุ่มหันขวับไปสบสายตากับเด็กสาว
เธอยิ้มกว้าง “หนูเห็นเพื่อนพี่พิงค์ในเฟซเขาแซวกันหนักมากกกก แต่ถ้าพี่เป็นแฟนกันจริงๆ ก็ดี เพื่อนๆ หนูก็อยากให้พี่เป็นแฟนกันจริงๆ ทั้งนั้นเลย”
“เอ่อ... คือ...”
“พี่วินอย่าบอกพี่พิงค์นะว่าหนูถามอะ” เธอประกบมือเข้าหากันพลางชะเง้อคอมองหาพี่ชาย เมื่อยังไม่เห็นอีกฝ่ายจึงพูดต่อ “หนูเคยถามไปทีโดนดุใหญ่เลย ตอนที่พี่พิงค์โทรมาบอกว่าจะพาพี่วินมาที่บ้าน หนูดีใจแทบแย่ แต่ยังไม่ทันจะอ้าปากกรี๊ดเลย พี่พิงค์ก็ชิงสั่งไว้ว่าต่อหน้าพ่อแม่และก็พี่วินห้ามพูด ห้ามถาม ห้ามจิ้นเด็ดขาด” พอพูดจบก็เบะปาก
“ห้ามเลยเหรอ” รวินท์ยิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะหันหน้ากลับไปมองพวกปลาคาร์ฟ “...เราเป็นเพื่อนกันเท่านั้นละ” พูดไปแล้วก็รู้สึกเจ็บเสียเอง แต่เขาก็เข้าใจล่ะ ใครจะกล้าบอกกับพ่อแม่ว่ามีแฟนเป็นผู้ชายอย่างเขากันวะ อีกอย่างพวกเขาก็เพิ่งจะตกลงเป็นแฟนกันเมื่อวานเองด้วย เรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลา อย่าคิดมากน่ะไอ้วิน
“ว้า แย่จังเนอะ” มิ่งแก้วทำหน้ายู่ “จริงสิ พี่วิน เรียนทันตะยากมั้ยอะคะ”
“อือ ก็...ยากอยู่ เรียนหนัก เรียนยาว ต้องใช้พลังชีวิตเยอะ ตอนนี้น้องแก้วอยู่มออะไรน่ะ”
“มอสี่ค่ะ ตอนแรกก็เคยคิดอยากเรียนวิดวะเหมือนพี่พิงค์นะ แต่ทันตะก็น่าสน”
“แล้วน้องแก้วกลัวหมอฟันเหมือนพิงค์รึเปล่าเนี่ย”
“กลัวสิคะ แต่เขาเรียกเกลือจิ้มเกลือไง กลัวนักก็เป็นหมอฟันมันซะเลยอะไรแบบนี้”
รวินท์หัวเราะ “แต่ตอนเรียนมีผลัดกันทำฟันในคณะด้วยนะ ยิ่งถ้าน้องแก้วไม่ค่อยไปหาหมอฟันเนี่ย โดนทั้งเพื่อนทั้งรุ่นพี่รุมกันสนุกแน่ๆ”
“หวาย~ งั้นหนูต้องคิดหนักเลย แง~”
ทันตแพทย์หนุ่มยกมือขึ้นลูบศีรษะเด็กสาวอย่างเอ็นดู “เอาไว้ไปเยี่ยมพิงค์ที่เชียงใหม่แล้วแวะมาให้ผมตรวจฟันนะ จะเลาะให้เลี่ยมเหมือนพิงค์เลย”
“พี่วินอ่า!”
“พี่วิน” ภูพิงค์เรียกชื่ออีกฝ่ายเสียงเข้ม ขณะที่ก้าวเข้ามาหา “อย่าแต๊ะอั๋งน้องผมดิ”
รวินท์หันไปประสานสายตากับเด็กหนุ่ม เขาดึงมือออกช้าๆ “อ่าว ก็เห็นน้องแก้วน่ารักดี ไม่ยักรู้ว่าพี่ชายหวง”
เด็กสาวผู้ไม่รู้ชะตากรรมเลยยิ้มระรื่น “อรั๊ย~ ถ้าจะชมกันแบบนี้ แต๊ะอั๋งเยอะๆ เลยก็ได้ค้า”
ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มมุมปาก เขาลุกขึ้นยืนพลางส่งมือให้เด็กสาวใช้จับยึด พอเธอยืนขึ้นได้จึงดึงมือกลับ สอดนิ้วโป้งทั้งสองข้างลงในกระเป๋ากางเกงยีนตัวที่ใส่อยู่แล้วยักไหล่ “ก็อยากอยู่นะ แต่ไม่เอาดีกว่า ผมกลัวว่าพี่ชายของน้องแก้วจะถีบผมลงน้ำไปให้ปลาตอดน่ะสิ”
“มีน้องสาวน่ารักก็ต้องหวงเป็นธรรมดาอะครับ” ภูพิงค์พูดหน้าขรึม “แก้ว แม่เรียกให้ไปช่วยในครัวแล้ว”
มิ่งแก้วขมวดคิ้ว “อะไรอ่า... แก้วเพิ่งออกมาได้แป๊บเดียวเอง แม่จะทำน้ำพริกแล้วเหรอ ป้าเข็มกับป้าปิ่นก็อยู่นี่นา”
“ไม่รู้อะ เมื่อกี้พี่ไปขออาหารปลาจากแม่ แม่เลยฝากมาบอกแก้วด้วย”
“งือ งั้นแก้วไปก่อนนะคะ” เด็กสาวทำหน้ายุ่ง แต่ก็ยอมเดินออกจากสวน ตรงเข้าบ้านไป
*TBC*มาลงช้า แต่ลงย้าวยาวเลยน้าาา สวัสดีปีใหม่ไทยย้อนหลังด้วยค่ะ
ช่วงนี้เป็นช่วงผ่อนคลายนะคะ หลังจากเครียดกันมาหลายตอน 555555 เลยพาเขยพาสะไพ้มาแนะนำตัวกับครอบครัวไว้ก่องงงง /ใครจะเปงเขย ใครจะเปงสะไพ้ไปตกลงกันเอาเองนะหนุ่มๆ
ไม่ต้องกังวลว่าพี่วินกับน้องพิงค์เขาจะดราม่าใส่กันนะคะ แหมมมม เพิ่งเปงแฟนกันเอง ยังไม่ดราม่าหรอกค่ะ มีแต่กระเง้ากระงอดอ้อนแฟนเท่านั้นแหละะะะ กว่าจะเปงแฟนกันได้ก็แซะกันซะยับ เปงแฟนกันแว้วก็ต้องไว้ลายคู่เพี้ยนสักโหน่ยค่ะ /ทำไมต้องภาษาวิบัติ
เดี๋ยวตอนหน้าจะพามารู้จักกับบ้านน้องพิงค์เพิ่มเติมนะก๊ะ พักเรื่องของหมอเต้ไว้ก่อง ให้เวลาหมอเต้เกียมใจ 5555555
ขอบคุณคนอ่านทุกคนค่ะ