เมื่อบรรยากาศผ่อนคลายลง ดิวเดินไปตบไหล่แซนดี้เบาๆ “สัส แล้วพูดว่าจะชดใช้ให้อะไรแบบนั้น พวกกูใจหายหมดรู้มั้ย อย่าพูดอะไรแบบนี้อีกนะเว้ย”
“ก็จะชดใช้ค่าน้ำมันรถมึงให้ไง ไม่เอาอ่อ” แซนดี้ตอบพลางยกมือขึ้นปาดน้ำตา
ภูพิงค์หันไปยกมือไหว้ทันตแพทย์หนุ่ม “ขอบคุณพี่วินมากครับ พวกผมขับรถวนหากันเป็นชั่วโมง เจอแต่ชุดแซกของมัน เป็นห่วงแทบแย่ นึกว่ามันจะลากใครเข้าไปแดกในพงหญ้าซะแล้ว”
“ต้องยกความดีความชอบให้เจ้าตึ๋ง เขาเป็นคนเห็นแซนดี้ก่อน” รวินท์พูดกลั้วหัวเราะ พร้อมกับหันไปกวักมือเรียก “ตึ๋ง มานี่สิ นี่พิงค์ ว่าที่รุ่นพี่คณะเราไง”
ตึ๋งเบิกตากว้าง แล้วปราดเข้าไปฝากเนื้อฝากตัว “สวัสดีคร้าบ”
บานประตูห้องเปิดออกจากทางด้านหน้าอีกครั้ง “หมอวินคะ คนไข้มาแล้วค่ะ”
“จะไปเดี๋ยวนี้ครับ” รวินท์พยักหน้ารับ แล้วหันไปบอกกับตึ๋งและภูพิงค์ “ผมต้องขอตัวก่อน ถ้าจะกลับกันก็ฝากล็อกประตูหลังด้วย”
ภูพิงค์หันขวับไปทางแซนดี้ เขาตั้งใจจะเรียกให้อีกฝ่ายมาขอบคุณและบอกลา หากทันตแพทย์หนุ่มชิงพูดขึ้นก่อน
“ไม่เป็นไรพิงค์ เอาไว้โอกาสหน้านะ” เมื่อพูดจบทันตแพทย์หนุ่มก็รีบรุดเดินตามผู้ช่วยฯ ออกไป
“พี่หมอยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า” ตึ๋งเปรย
“แล้วไปเจอแซนดี้กันได้ยังไงเหรอ”
“แม่กับผมขอให้พี่หมอพาไปไหว้พระที่วัดพระธาตุดอยคำอะครับ แล้วระหว่างทางลงดอยก็เจอพี่แซนดี้ยืนหน้าเละทะเลาะกับหมาอยู่ที่ข้างทาง พี่หมอเลยพามาที่คลินิกก่อน”
บิดาของแซนดี้ขยับออกจากสองแม่ลูกที่กอดกันกลม เขาหันมองไปรอบๆ ห้อง “อ้าว คุณหมอไปไหนแล้ว”
“พี่หมอมีคนไข้ครับ” ตึ๋งรีบตอบแทนให้
“ถ้างั้นเรากลับบ้านกันก่อนดีไหมลูก อยู่ที่นี่หลายคนเดี๋ยวจะเกะกะหมอเขา”
“ดีเหมือนกันครับ ไป ตึ๋ง ไปด้วยกันก่อน เดี๋ยวพี่กลับมาส่งให้”
ตึ๋งระริกระรี้รีบตอบรับทันควัน มีโอกาสได้คุยกับรุ่นพี่วิศวะทั้งที เขาไม่มีทางพลาดแน่ “ไปครับ!”
หลังจากนั้นทุกคนก็ทยอยกันออกจากประตูทางด้านหลังร้านไป
*TBC*เคยมั้ยคะ ความรู้สึกที่บั่บบบ สนิทใจกับใครสักคน ทั้งที่รู้จักกันได้ไม่นานแท้ๆ
งานนี้ดูเหมือนว่าจะมีคนเอะใจก่อนพี่หมอและน้องพิงค์ซะแว้ว
ใครกันน้าาาา หายใจเข้าก็น้อง หายใจออกก็น้อง
แล้วน้องล่ะ อิอิอิ ติดตามความรู้สึกคนน้องตอนหน้านะค้า
ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่า 