ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ภูสอยเดือน [Chapter 58 : ชื่นมื่นกันทั่วหน้า][END]  (อ่าน 614572 ครั้ง)

ออฟไลน์ wanirahot

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
«ตอบ #450 เมื่อ26-11-2017 18:15:17 »

น่ารัก มุ๊งมิ๊ง

ออฟไลน์ Fallinlove

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
«ตอบ #451 เมื่อ26-11-2017 18:46:03 »

น้องพิงค์ คือ ผู้เปิดหลักสูตรเรียนรู้การใช้ชีวิตให้พี่วิน  :m1:
ปากอย่างน้องพิงค์นี่แหละ เหมาะสมกับคนแบบพี่วินที่สุดจ้า 555
รักเรื่องนี้มากมาย > <

ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 557
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
«ตอบ #452 เมื่อ26-11-2017 22:36:13 »

 :pig4:

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
«ตอบ #453 เมื่อ27-11-2017 13:04:29 »

55555 แหย่กันแบบนี้ มีลูกได้ ลูกดกแน่

หมอน่ารักนะ สดใสขึ้น พิงค์ช่วยได้
พิงค์ก็กวนประสาท แล้วไปป่วนพี่เค้าซะ


ออฟไลน์ พัดลม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
«ตอบ #454 เมื่อ27-11-2017 16:07:15 »

 :catrun:

ออฟไลน์ เสพศิลป์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
«ตอบ #455 เมื่อ27-11-2017 17:22:33 »

พี่วินดูมีการพัทนาขึ้นาำหรับการใช้ชีวิตขึ้น ต้องของคุณปาก อย่างพิงละนะ

พี่หมอนี้กลัวน้องเข้าใจผิดเรื่อง "เชี่ยว"ฮ่าๆๆๆ

แหนะๆๆ

พี่หมอถ้าจะใช้น้องขนาดนี้ รบกวนไปสู่ขอน้องที่คณะ เลยคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-11-2017 17:29:29 โดย เสพศิลป์ »

ออฟไลน์ พลอยสวย

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1622
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-5
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
«ตอบ #456 เมื่อ28-11-2017 03:35:12 »

แซนดีงานงอก55

ออฟไลน์ Blue

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 336
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
«ตอบ #457 เมื่อ28-11-2017 13:30:16 »

 :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ huskyhund

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1093/-4
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
«ตอบ #458 เมื่อ28-11-2017 17:03:02 »


Chapter 14 : แซนดี้พาเพลิน


การมาถึงของบิดามารดาของแซนดี้ทำให้กลุ่มเด็กแว้นหยุดชะงักและตะลึงงึงงัน ก่อนจะแตกฮือกันไปคนละทิศละทาง เนื่องจากมารดาของเขาต่อว่าทุกคนบนมอเตอร์ไซค์อย่างเกรี้ยวกราด เสียงดังกลบเสียงท่อไอเสียนับสิบไปเสียสนิท ส่วนบิดาก็พยายามที่จะห้าม แต่ก็ไม่เป็นผล

พอภูพิงค์กับเพื่อนถลาจะเข้าไปช่วยห้าม มารดาของแซนดี้ก็ชี้กราดใส่เป็นรายบุคคล “พวกเธอก็เหมือนกัน เป็นผัวแสนดีทั้งนั้นเลยใช่มั้ยเนี่ย!”

สี่หนุ่มยืนหน้าเสียหลังจากโดนข้อกล่าวหาร้ายแรงเข้าไป อะไรที่ทำให้เธอคิดว่าพวกเขาจะเอาอีแซนดี้ทำเมียได้วะเนี่ย!

“เข้าไปข้างในก่อนเถอะแม่!” ในที่สุดบิดาของแซนดี้ก็ฉุดแขนพาภรรยาเข้าไปข้างในบ้านเป็นผลสำเร็จ เขาหันมาสั่งกับพวกเด็กหนุ่ม “พาแซนดี้เข้ามาด้วยเร็ว”

บรรยากาศภายในห้องนั่งเล่นคุกรุ่น เครื่องปรับอากาศซึ่งเปิดไว้ที่อุณหภูมิ 18 องศาเซลเซียสยังไม่ช่วยอะไร

สี่หนุ่มยืนกุมเป้าพิงกำแพงอยู่ทางด้านหลังโซฟาที่แซนดี้นั่งอยู่ พวกเขาฟังมารดาของเพื่อนรักต่อว่าจนหูชา

“ฉันก็นึกว่าเพื่อน นี่แกเอาผัวมาอยู่บ้านตั้งสี่คนเชียวเหรอ! สลับกันใช้ทุกคืนเลยรึไง!”

แซนดี้ตอบโดยไม่ยอมสบสายตากับมารดา “แม่จะบ้ารึไง ไอ้พวกนี้มันเป็นเพื่อนผมทั้งนั้น!”

“อย่ามาโกหกฉัน นึกว่าฉันโง่เรอะ แล้วนี่แกเอาเสื้อผ้าฉันมาใส่ยั่วพวกมันใช่มั้ย!”

“แม่! พูดจาดีๆ หน่อย ไอ้พวกนี้มันเพื่อนแสนดีมั้ย” บิดาเถียงแทน

มารดาหันไปตวาดใส่ “คุณจะไปรู้อะไร!”

บิดาคิ้วกระตุก เขาตอบกลับไปเสียงเข้ม “ทำไมฉันจะไม่รู้เล่า! แสนดีมันเป็นตุ๊ดฉันยังรู้มาตั้งนานแล้วเลย!”

คำพูดของบิดาแสนดีทำให้ทั้งห้องเงียบกริบลงทันควัน หญิงวัยกลางคนเบิกตากว้างพร้อมกับอ้าปากค้าง

“ใช่ เพราะฉันเป็นพ่อมันไง แค่นี้ทำไมฉันจะดูไม่รู้ และฉันก็รู้ด้วยว่าเด็กสี่คนนี่ช่วยแสนดีปิดบังมาตลอด แล้วเธอล่ะ เป็นแม่ประสาอะไร เคยใส่ใจ เคยสังเกต เคยฟังลูกมันพูดอะไรบ้างมั้ย เอาแต่โวยวาย ใช้แต่อารมณ์ ไม่ได้เรื่อง!”

มารดาของแสนดีง้างมือตบหน้าสามีเธอดังฉาดใหญ่

“แม่! ทำไมทำแบบนี้!” แซนดี้อ้าปากค้าง เขาถลาเข้าไปขวางทันที “ทำพ่อทำไม! พ่อไม่ได้ผิด ผมนี่แหละผิด! ถ้าอยากจะตบก็ตบผมนี่” สิ้นคำท้ามารดาก็ง้างมือตบลูกชายไปอีกฉาด

แซนดี้นิ่งอึ้ง ดราม่ายิ่งกว่าชีวิตของดาวพระศุกร์ ตั้งแต่เกิดมาแม้แต่ตีสักเพียะบิดามารดายังไม่เคย แล้วนี่ถึงกับตบเขาหน้าหัน เขายกมือขึ้นสัมผัสจุดที่โดนฝ่ามือพิฆาตของมารดาไปเมื่อครู่ แล้วน้ำตาก็รินไหลออกมาอาบแก้ม

“ตบอีกสิ ตบให้ผมตายไปเลย จะได้สาแก่ใจแม่ไง”

“ดี ฉันจะตบให้แกตายคามือที่เลี้ยงแกมานี่แหละ” เธอถลาเข้าไปกระชากคอเสื้อลูกชายมากระหน่ำตบแบบไม่ยั้งมือ

“หยุดนะ!” บิดากระชากแขนเธอออก “พิงค์ ซัน! ไปแจ้งตำรวจ!”

“ฮะ!” สองหนุ่มเบิกตาโพลง

“เอาแม่ไอ้แสนดีไปเข้าคุกซะ จะได้หายบ้า!”

“นี่คุณ!”

“หยุดนะ! จะฟังฉันหรือจะให้ฉันตบเธอเท่าที่เธอตบลูก!” บิดาซึ่งดูนิ่งๆ ท่าทางใจดีอยู่ตลอดเวลาแผดเสียงดังก้องไปทั้งบ้าน เขาง้างมือออกเตรียมตบถ้าหากอีกฝ่ายท้า เป็นผลให้มารดาอ้าปากค้าง

“พ่อ! อย่าทำแม่ครับ!” แซนดี้ถลาเข้าไปกอดบิดาไว้

“ปล่อยพ่อ! แม่แกเสียสติไปแล้วไม่เห็นรึ! แกเป็นลูกคนเดียวของฉัน เป็นหัวใจของฉัน! ใครก็แตะต้องแกไม่ได้!”

สิ้นเสียงดุของบิดา มารดาก็ตัวสั่น ร้องไห้ออกมาเสียงดัง

“ฉันแค่ดุเธอ เธอร้องไห้ แล้วที่เธอทำลูกล่ะ! คิดบ้างมั้ย! มันต้องเจ็บทั้งใจเจ็บทั้งกาย! เธอเป็นแม่ประสาอะไร!”

“พ่อ...” แซนดี้กอดบิดาแน่น เขาสะอึกสะอื้นไห้ ระหว่างบิดากับมารดาซึ่งเขาพยายามปิดบังความลับนี้ไว้ เขากลัวบิดาจะไม่เข้าใจตนเองมากที่สุด กลัวว่าบิดาจะรับไม่ได้ ทว่า... ทุกอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่คิด คำพูดของบิดาทำให้เขารู้สึกผิดหนักขึ้นไปอีก “พ่อครับ ผมผิด ผมมันเลว ผมทำให้ทุกคนผิดหวัง”

“แกจะเป็นอย่างไรก็ช่าง พ่อรักของพ่อ”

คำพูดของบิดากรีดลึกไปถึงขั้วหัวใจ แซนดี้หันไปมองมารดาซึ่งยังร้องไห้ฟูมฟาย ก่อนจะหันไปทางเพื่อนทั้งสี่คนที่ยืนอ้ำอึ้งไม่รู้จะทำอย่างไร “ผมขอโทษ ผมขอโทษทุกคน ไอ้พิงค์ ไอ้ซัน ไอ้ดิว ไอ้ขิง กูขอโทษ ขอโทษจริงๆ”

“ไอ้...” ดิวอ้าปากจะปลอบเพื่อน หากแซนดี้พุ่งตรงเข้าไปชาร์จเขา แล้วล้วงหยิบเอากุญแจมอเตอร์ไซค์ในกระเป๋ากางเกงซึ่งเขามักจะพกติดตัวไว้เสมอๆ ขึ้นมา

“กูขอโทษนะดิว แล้วกูจะชดใช้ให้” พูดจบแซนดี้ก็วิ่งพุ่งออกจากบ้านไป

“เฮ้ย! อีแซนดี้!” สี่หนุ่มถลาเข้าไปขวาง ก่อนจะโดนถีบกระเด็นกระดอนไปคนละทิศทาง

“เรื่องนี้กูเป็นต้นเหตุ กูจะจัดการปัญหานี้เอง”

“แสนดีจะทำอะไร หยุดนะลูก!” บิดาร้องเรียกด้วยความตกใจ

“พ่อ... แม่... ผมขอโทษ” แซนดี้ยกมือไหว้ แล้วแว้นมอเตอร์ไซค์กระโปรงปลิวออกไปอย่างรวดเร็ว

หญิงวัยกลางคนช็อกเสียยิ่งกว่าช็อก ไหนจะเรื่องของสามี ไหนจะลูกชาย กว่าเธอจะได้สติ ลูกชายเพียงคนเดียวก็ขี่มอเตอร์ไซค์ลับสายตาไปเสียแล้ว

“แสนดี แสนดี! จะไปไหนลูก!” เธอหวีดร้องเสียงดัง

“มันหนีไปก็เพราะเธออยากให้มันตายไม่ใช่รึไง” บิดาตวาดใส่อีกรอบ

“ไม่! ไม่นะ! คุณรีบไปตามลูกสิ!”

“ตามมาให้เธอตบอีกรึ! ที่ทำร้ายมันไปยังไม่พอเรอะ!”

“ไม่!” มารดาของแสนดีร้องลั่น เธอถลาเข้าไปเกาะแขนภูพิงค์ไว้แล้วร้องห่มร้องไห้เป็นการใหญ่ “ช่วยแสนดีด้วย ฉันขอโทษ ฉันยอมรับผิดทุกอย่าง ช่วยพาฉันไปหาแสนดีที”

“คุณน้า นั่งรอที่นี่เถอะ เดี๋ยวพวกผมจะไปตามแสนดีให้เองครับ”

“แต่... แต่...”

“ถึงแสนดีกับพวกเราจะแตกต่าง ไม่มีอะไรคล้ายกันเลยสักอย่าง ดูไม่น่าจะคบหาเป็นเพื่อนกันได้ แต่แสนดีก็เป็นเพื่อนที่พวกเรารัก คุณน้าทำใจดีๆ รออยู่ที่นี่ละ พวกผมจะไปตามแสนดีให้เองนะ” ภูพิงค์พูดเสียงหนักแน่นให้มารดาของแสนดีเบาใจ หากก่อนจะวิ่งออกไปหยิบกุญแจรถมอเตอร์ไซค์ บิดาของแสนดีก็เรียกไว้

“พิงค์ เอารถพ่อไปลูก ขับรถเป็นใช่มั้ย”

“เอ่อ... ครับ”

“ดิว เอารถแสนดีไปนะ”

“ครับ”

และแล้วรถสองคันก็แล่นออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้สองสามีภรรยาอยู่ปรับความเข้าใจกันตามลำพัง


รถยนต์ออดี้สปอร์ตไต่ขึ้นเส้นทางคดเคี้ยวบนภูเขาตั้งแต่ฟ้าเพิ่งเริ่มสาง ดวงอาทิตย์เพิ่งจะโผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมาได้เพียงนิดเดียว อากาศในยามเช้าเย็นสบาย รวินท์จึงปิดเครื่องปรับอากาศในรถ แล้วเปิดหน้าต่างออกรับลม

ทันตแพทย์หนุ่มขับรถจากลำพูนมาถึงเชียงใหม่เมื่อเย็นวาน หลังจากพาเตชิตไปกินมื้อเย็นแล้วก็ไปส่งที่สนามบิน พอกลับถึงคลินิกก็พบพี่สิงหาพอดี สุดสัปดาห์นี้เขาไม่ต้องนอนคนเดียว แถมไม่ต้องเริ่มงานแต่เช้า เพราะมีพี่สิงหามาทำคลินิกพิเศษด้วย
หากก่อนคลินิกจะปิด พี่นิ้งกับไอ้น้องตึ๋งเข้ามาขอร้องให้เขาขับรถพาขึ้นมาไหว้พระแก้บนที่วัดพระธาตุดอยคำในตอนเช้าของวันเสาร์สักหน่อย ส่วนตัวเขาเองก็ยังไม่เคยขึ้นมาไหว้พระที่นี่เลยสักครั้ง ก็เลยตอบตกลงไป

พี่นิ้งกับตึ๋งเตรียมดอกไม้ธูปเทียนมาถุงใหญ่เพื่อถวายพระแก้บน และก็เตรียมไว้เผื่อเขาด้วยเสร็จสรรพ พอจอดรถแล้วสองแม่ลูกก็พากันเดินไปอย่างรวดเร็ว แต่เพราะเขาเพิ่งเคยมาที่นี่ครั้งแรก เดินไปก็หันมองซ้ายขวาอยู่บ่อยๆ จึงช้ากว่าคนอื่น

“ผมต้องเรียกพี่หมอว่าลุงแล้วเนี่ย ไวๆ หน่อยคร้าบ”

รวินท์คิ้วกระตุก “เดี๋ยวปั๊ดให้เดินกลับเองเลยนี่”

เมื่อเข้าไปไหว้พระในวัด ทันตแพทย์หนุ่มขอพรเผื่อเพื่อนของเขาด้วย ขอให้บิดาและน้องชายที่อยู่ในโรงพยาบาลฟื้นตัวโดยเร็ว จากนั้นก็เดินตามหลังเด็กหนุ่มกับพี่นิ้งไปเรื่อยๆ อยู่ภายในบริเวณวัด

ระหว่างนั้นก็นึกย้อนไปถึงท่าทางแปลกๆ ของเพื่อนรักในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ไอ้เต้มันดูเครียดผิดปกติ คงจะคิดมากเรื่องที่บ้านนั่นล่ะ แถมต้องเดินทางไปเดินทางมา ไม่มีวันหยุดให้พักเลย เขาเองก็ห่วงว่าสุขภาพมันจะทรุดลงไปเสียก่อน ถ้าหากโรงพยาบาลขาดทันตแพทย์ไปสักคน เขาคงเหนื่อยตาย

“พี่หมอ อย่ามัวแต่เหม่อสิครับ เดี๋ยวก็เดินตกเขาไม่รู้ตัวหรอก”

“โทษทีๆ คิดอะไรเพลินไปหน่อยน่ะ”

พี่นิ้งยกมือขึ้นป้องดวงตาพลางแหงนหน้ามองท้องฟ้า “แดดออกแล้ว พี่ว่าเรากลับกันดีกว่า หมอจะได้มีเวลาพักก่อนเริ่มงาน”

“ครับ” รวินท์หันไปยิ้มพลางพยักหน้าหงึกหงัก จากนั้นพวกเขาจึงเดินกลับไปยังรถที่จอดอยู่

หากพอเคลื่อนรถออกไปจากที่จอดรถได้สักพัก ตึ๋งก็สะกิดบอกเจ้าของรถรัวๆ

“พี่หมอ! มีคนกับหมาทะเลาะกันอยู่ตรงนั้น! จอดรถก่อนพี่!” ตึ๋งโวยวายเมื่อเห็นเด็กหนุ่มที่ใส่แค่เสื้อสายเดี่ยวตัวบางกับกางเกงบ็อกเซอร์ตัวจิ๋วถือไม้ขู่สุนัขตัวเตี้ยๆ อยู่ตรงที่ว่างริมถนนข้างทาง ส่วนเจ้าสุนัขก็เห่าใส่อีกฝ่ายเสียงดัง

“ฮะ!” รวินท์รีบเบี่ยงรถเข้าไปจอดข้างทาง ก่อนตึ๋งและพี่นิ้งจะรีบรุดลงจากรถ แล้วพุ่งเข้าไปหาหนึ่งคนกับสุนัขอีกหนึ่งตัวอย่างรวดเร็ว

แต่แล้วเด็กหนุ่มคนนั้นก็วิ่งไปเกาะต้นไม้ใกล้ๆ พลางร้องโวยวายเสียงลั่น “จ่วยตวยเจ้า!(ช่วยด้วยค่า!) ไอ้หมาวอก มาไล่ฮายิหยัง!”

ตึ๋งและพี่นิ้งช่วยกันทำเสียงดังไล่สุนัขไป มันเป็นสุนัขของวัด ซึ่งปกติไม่ดุอะไร แต่ไม่รู้ทำไมวันนี้มันถึงเฮี้ยนไล่กัดคนได้ จากนั้นทั้งสองก็หันไปทางเด็กหนุ่มอีกคน “บ่เป็นหยังแม่นก่อ...เจ้า”

คนถูกถามหันหน้าขวับ ใบหน้าของเขามีเครื่องสำอางเลอะเปรอะเปื้อนไปหมด ขนตาปลอมหลุดลงมาบนแก้ม อายไลเนอร์เยิ้มรอบตาเป็นหมีแพนด้า ไหลลงมาเป็นทางถึงคาง ลิปสติกเลอะเป็นปื้นรอบริมฝีปาก ตามเนื้อตัวมีรอยขีดข่วน เสื้อผ้าหลุดลุ่ย คงจะมาจากตอนที่เขาตะกุยต้นไม้นั่นล่ะ

สองแม่ลูกผงะไปเล็กน้อย เข้าใจสุนัขแล้วว่าเห่าทำไม

เมื่อจอดรถเสร็จรวินท์ก็วิ่งตามเข้ามา “เป็นอะไรรึเปล่า เรียกรถพยาบาลมั้ย”

เด็กหนุ่มในเสื้อกล้ามหันมองไปทางทันตแพทย์หนุ่ม หน้าตาอย่างนี้เขาจำได้แม่น “หมอ!”

“ฮะ!”

ตึ๋งหันไปถามแบบงงๆ “รู้จักพี่หมอด้วยเหรอ”

“หมอจำผมได้มั้ย คนที่ลากไอ้พิงค์ไปหาหมอไง ที่โวยวายๆ เสียงดังลั่นคลินิกกันคืนนั้นน่ะ”

รวินท์เลิกคิ้วขึ้น เขาพอจะจำได้รางๆ เหมือนกันนะ “เพื่อนพิงค์เหรอ” พอนึกได้ก็โปรยยิ้มออกมาอย่างลืมตัว “แล้วมาแก้ผ้าทำอะไรอยู่ที่นี่ล่ะเนี่ย”

“ผมชื่อแซนดี้” เจ้าของชื่อยกมือไหว้กราดไม่ว่าคนตรงหน้าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ “ทะเลาะกับที่บ้านมาแล้วหัวร้อน ผมเลยหนีออกมาขี่มอไซค์ให้ลมโกรก กะว่าจะมาเข้าวัดให้ใจสงบลงสักหน่อยด้วย แต่ยังไม่ทันเข้าเขตวัดเลย ไอ้หมานี่ก็มาไล่เห่าผมซะงั้น”

“เข้าใกล้วัดแล้วร้อนมากเหรอพ่อหนุ่มเอ๊ย เสื้อผ้าเลยเหลือน้อยชิ้นแบบนี้น่ะ อีกนิดตำรวจจะไล่จับแล้วเนี่ย” พี่นิ้งถามพร้อมกับยกมือกุมอก

“ตอนออกมาก็ใส่เสื้อผ้าครบอยู่พี่ แต่ชุดข้างบนมันรัด ข้างล่างลมก็ตีกระโปรงสั่นพั่บๆ ผมหงุดหงิดด้วยโมโหด้วย เลยถอดเขวี้ยงทิ้งไประหว่างทาง กะว่าจะมาขอยืมเสื้อผ้าวัดใส่ไปก่อน”

ทันตแพทย์หนุ่มถอดเสื้อเชิ้ตตัวนอกของเขาออก เหลือเสื้อยืดข้างในอีกตัว เนื่องจากเมื่อเช้าอากาศเย็นๆ เขาจึงใส่เสื้อมาสองชั้น จากนั้นก็เอาเสื้อเชิ้ตที่ถอดออกมาไปคลุมไหล่ให้แซนดี้ “คลุมไว้ก่อนนะ”

แซนดี้อ้าปากค้าง ในชีวิตไม่เคยคิดว่าตนเองจะได้อยู่ในฉากนางเอกแสนโรแมนติกขนาดนี้ ท่าถอดเสื้อของพี่หมอก็เท่เป็นบ้า รู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นแอฟ ทักษอรอย่างไรอย่างนั้น “ขะ... ขอบคุณครับ”

“แล้วทะเลาะกันเรื่องอะไร”

พอถูกถามด้วยคำถามแทงใจ แซนดี้ก็ร้องไห้กระซิกๆ “ผมเป็นตุ๊ดน่ะพี่ แม่จับได้ ทะเลาะกันรุนแรง ผมเลยหนีออกมาตั้งหลัก”

“ดีนะที่รู้จักถอยมาตั้งหลัก” รวินท์ยกมือขึ้นตบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ “ผมว่าเรากลับไปคุยกันที่คลินิกดีกว่า คุณยืนโล่งโจ้งแบบนี้ เดี๋ยวอะไรๆ ที่แต๊บไว้ก็ร่วงลงมาพอดี ดีไม่ดีฟ้าผ่าซ้ำอีก”

แซนดี้พยักหน้า ไปซ่อนตัวที่คลินิกยังดีกว่ายืนตากแดดตากลมแบบนี้ เดี๋ยวผิวเสีย อากาศก็เริ่มร้อนแล้วด้วย “งั้นเดี๋ยวผมขี่รถตามไป”

“พี่แซนดี้ไปกับพี่หมอเถอะ เดี๋ยวผมขี่มอไซค์ตามไปให้ ผมล่ะกลัวพี่จะโดนตำรวจซิวไปซะก่อนจริงๆ”

“ไปเถอะ ขึ้นรถนะครับ” รวินท์เอื้อมมือไปโอบไหล่แซนดี้ไว้หลวมๆ เขาพาไปที่รถ เปิดประตูแล้วขยับเก้าอี้ให้อีกฝ่ายขึ้นไปนั่งบนเบาะหลัง

แซนดี้หันมองอย่างงงๆ เพราะไม่บ่อยครั้งนักที่จะมีใครปฏิบัติแบบนี้กับเขา

โห... พี่หมอโคตรเจนเทิลแมน เสียดาย... น่าจะเป็นเด็กแว้น

ใช้เวลาไม่นานรถออดี้สปอร์ตและมอเตอร์ไซค์อีกคันก็เคลื่อนเข้าไปจอดในที่จอดรถของคลินิก จากนั้นพวกเขาจึงทยอยเข้าไปนั่งภายในห้องที่อยู่ด้านหลังคลินิกกัน

พี่นิ้งต้องขอตัวไปก่อนเพื่อเตรียมทำงาน เธอนำน้ำมาเสิร์ฟให้ทันตแพทย์หนุ่มกับแซนดี้ กำชับลูกชายให้ช่วยปลอบอีกฝ่ายแล้วเดินออกจากห้องไป

“พี่แซนดี้ไปล้างหน้าหน่อยเหอะ ตาจมูกปากแลกที่กันหมดแล้ว”

“เดี๋ยวผมเอาเสื้อผ้าให้ยืมเปลี่ยนนะ” รวินท์เดินขึ้นห้องไปหยิบเอาเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นเท่าหัวเข่ามาส่งให้

ซึ่งเมื่อแซนดี้เห็นเข้าก็ผงะไปเล็กน้อยอย่างคาดไม่ถึง ก็แบบว่า... ทำไมมันต่างจากเสื้อเชิ้ตที่เอามาคลุมไหล่ให้เขาจังวะ

“เสื้อผ้าใส่อยู่บ้านผมมีแต่แบบนี้แหละ ชุดใส่ทำงานมีอีกชุดเดียว ผมต้องใช้พรุ่งนี้ ขอโทษด้วยนะ”

“เปล่า... เปล่า...ไม่เป็นไรครับพี่หมอ”

ทันตแพทย์หนุ่มพูดกลั้วหัวเราะ “คุณทำหน้าเหมือนพิงค์ตอนเห็นเสื้อผ้าผมเลยน่ะ สมแล้วที่เป็นเพื่อนกัน ไปเถอะ ล้างหน้าล้างตาสักหน่อย”

แซนดี้เลิกคิ้วขึ้น แล้วเปลี่ยนเป็นขมวดคิ้ว เขาจ้องมองอีกฝ่ายพลางเอียงคอเล็กน้อย “พี่หมอ ดูสนิทกับไอ้พิงค์จังเนอะ”

“หือ?”

“เอ้อ เปล่าๆ ครับ ขอบคุณครับ”

หลังเดินออกมาจากห้องน้ำ แซนดี้ก็พอดูเป็นคนขึ้นมาบ้าง แม้เครื่องสำอางจะยังล้างออกไปไม่หมดก็ตามที

“เป็นไงบ้าง รู้สึกดีขึ้นบ้างหรือยัง”

“ขอบคุณพี่หมอ ขอบคุณน้อง...”

“ตึ๋งครับ” คนอ่อนวัยกว่ายิ้มอย่างเป็นมิตร

“น้องตึ๋ง” แซนดี้ยิ้มบาง จะว่าไปชีวิตเขาก็ไม่ได้เลวร้ายซะทีเดียว เพราะมีคนยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออยู่บ่อยๆ เขาค่อยๆ เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทุกคนฟังโดยไม่ปิดบัง ตั้งแต่โดนมารดาตบเอาครั้งแรกในชีวิตจนถึงบิดามารดาทะเลาะกัน

งานนี้รวินท์ได้แต่นั่งฟังเงียบๆ เขาเองก็ไม่รู้จะปลอบใจอีกฝ่ายอย่างไร ใจนึกถึงภูพิงค์ ถ้าเป็นภูพิงค์ล่ะก็ จะต้องช่วยพูดอะไรได้บ้างแน่ๆ

“มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่แม่พี่เขาจะโกรธน่ะพี่แซนดี้ พี่เป็นลูกชายคนเดียว จู่ๆ ได้มาเห็น ได้มาได้ยินอะไรที่ไม่คาดคิดมาก่อน คงทั้งเสียใจ ตกใจ ผิดหวังปะปนกัน มันก็ต้องใช้เวลาป่ะ ถ้าพี่นึกย้อนกลับไปดีๆ มันก็คงมีช่วงเวลาที่พ่อพี่เริ่มเอะใจสงสัย แล้วเปลี่ยนไป มาถึงตอนนี้ท่านปรับตัวได้แล้ว แต่สำหรับแม่พี่มันแค่เริ่มต้น”

ทันตแพทย์หนุ่มหันขวับไปทางตึ๋ง อีกฝ่ายอายุน้อยกว่าเขาตั้งหลายปี แต่มีความคิดละเอียดอ่อนมากกว่าเขาเสียอีก อายเด็กไหมวะนี่!

แซนดี้นึกย้อนกลับไปตามที่คนอ่อนวัยกว่าบอก จะว่าไปมันก็มีช่วงเวลาที่เขากับบิดาห่างๆ กัน “นั่นสินะ พ่อต้องอดทนแค่ไหนที่จะยอมรับผม เข้าใจผมแบบนี้”

“พี่โชคดีมากเลยน้า เท่าที่เคยได้ยินมา ผมเห็นแต่เขามีปัญหากับพ่อกัน กับแม่น่ะ พูดไม่ยากหรอก พี่น่าจะรู้ดีว่าแม่พี่สปอยล์พี่ แล้วก็ตามใจพี่มากแค่ไหน”

แซนดี้พยักหน้าหงึกหงัก “เพราะงั้นแม่เลยเสียใจมาก ผิดหวังในตัวผมมาก...”

“ไม่หรอกพี่ เสียใจแค่ประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้นแหละ เนี่ย ป่านนี้นั่งร้องไห้รอพี่กลับไปบ้านแล้ว”

รวินท์ยกมือขึ้นเขกศีรษะตึ๋งไปเบาๆ “ทำไมคล่องเรื่องแบบนี้จังวะ”

“เพื่อนในห้องเรียนผมก็เป็นตุ๊ดพี่ แต่...มันไม่โชคดีเหมือนพี่แซนดี้หรอก” ตึ๋งพูดเสียงเศร้า “พ่อแม่มันรับไม่ได้ ตอนนี้มันต้องออกจากบ้านมาอยู่คนเดียว ดีหน่อยที่ยายมันคอยแอบช่วยส่งเงินให้บ้าง มันพยายามจะเรียนให้จบมอหก แล้วก็จะหางานทำ นี่ทุกเย็นมันก็ไปทำงานเซเว่นนะพี่ แต่แค่จ่ายค่าหอก็ลำบากแล้ว มันน่าสงสารมาก เพื่อนในห้องก็พยายามช่วยเท่าที่ช่วยไหว ผมเองก็เป็นที่ปรึกษาให้มันบ่อยๆ”

แซนดี้ฟังไปพลางน้ำตาไหลพรั่งพรู ที่ผ่านมาเขาทำตัวย่ำแย่มากเหลือเกินเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ ในขณะที่พวกของไอ้พิงค์ตั้งใจเรียนและทำกิจกรรมที่มีประโยชน์ เขากลับเที่ยวแรดแว้นไปวันๆ พวกมันพยายามต่อว่าเขาแรงๆ ให้สำนึก หากก็ไม่เป็นผล จนเกิดเรื่องแบบนี้

รวินท์พลอยหดหู่ไปกับเรื่องที่ได้ยินด้วย งานนี้ตึ๋งสอนทีเดียวได้สองคนเลยทีเดียว

“พี่วิน เดี๋ยวจะได้เวลาทำคลินิกแล้วไม่ใช่เหรอ” ตึ๋งสะกิดเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนิ่งไป

“เออ จริงด้วย งั้นผมขอตัวก่อน แซนดี้กินอะไรมารึยัง ให้ตึ๋งช่วยหาอะไรให้กินนะ” ทันตแพทย์หนุ่มพูดพลางหยิบเงินส่งให้คนอ่อนวัยกว่า

“พี่หมอก็ยังไม่ได้กินอะไรนี่”

“ไม่เป็นไร ซื้อมาเผื่อพี่ด้วยละกัน เดี๋ยวว่างจากคนไข้จะมากิน” รวินท์หันไปตบไหล่แซนดี้เบาๆ “ผมโทรหาพิงค์ให้มั้ย เขาคงเป็นห่วงแย่”

“อย่าเพิ่งเลยครับ ผมขอหลบอยู่ที่นี่อีกสักพัก”

“ตามสบาย งั้นให้ตึ๋งอยู่เป็นเพื่อนนะ ผมไปทำงานก่อน”

แซนดี้พยักหน้าหงึกหงัก ใจเขาคิดว่าควรจะกลับไปขอโทษบิดามารดา หากยังไม่กล้า เขาขอเวลาทำใจอีกหน่อย

หากเมื่อทันตแพทย์หนุ่มเดินออกจากห้องไป เขาก็หยิบโทรศัพท์มากดโทรออกไปทันที


ฝ่ายภูพิงค์กับเพื่อนๆ นั้น พวกเขาขับรถแยกกันไปคนละทาง คันหนึ่งภูพิงค์ขับ ซันเป็นคนมองซ้ายขวา อีกคันดิวขับและขิงเป็นคนมองหาให้

ระหว่างที่ขับไปช้าๆ ซันก็ร้องลั่น “ไอ้พิงค์! จอด!”

เจ้าของชื่อเรียกรีบเบี่ยงรถเข้าจอดข้างทาง ส่วนซันก็ถลาลงจากรถ แล้ววิ่งตรงเข้าไปในพงหญ้าใกล้ๆ

“ระวังงูด้วยโว้ย!”

“ไอ้พิงค์ นี่มันชุดแซกอีแซนดี้ป่ะวะ!”

“เฮ้ย!” ภูพิงค์ถลาเข้าพงไปอีกคน หากที่ตรงนั้นไม่มีร่องรอยของคนเลย พวกเขาจึงถอยกลับไปยืนข้างถนนก่อนจะเจองูเข้าจริงๆ “โทรหาไอ้ดิวกับไอ้ขิงก่อน”

ไม่นานสี่หนุ่มก็มายืนเรียงแถวหน้ากระดานกันอยู่ที่หน้าพงหญ้า พวกเขาตะโกนเรียกชื่อแซนดี้นับสิบครั้งจนผู้คนที่ผ่านไปมาเข้ามามุงดูด้วยความสงสัย และก่อนที่จะมีใครแจ้งตำรวจ สี่หนุ่มก็ถอยกลับไปที่บ้านเช่ากันก่อน

เมื่อได้เห็นชุดแซกของลูกชาย มารดาของแซนดี้ก็ร้องห่มร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด ร่างกายสั่นสะท้านอย่างน่าสงสาร สามีจึงโอบกอดเธอไว้เพื่อปลอบโยน

“ใจเย็นๆ นะคุณ ชุดไม่ได้เปื้อนเลือดหรืออะไรสักหน่อย”

“แจ้งตำรวจเถอะค่ะคุณ ฉันขอโทษ แม่ขอโทษนะทุกคน”

ภูพิงค์หันไปสบสายตากับเพื่อนๆ พวกเขาสงสารหญิงวัยกลางคนจับใจ “เดี๋ยวพวกผมจะออกไปตามหาเขาอีกที”

“พ่อแจ้งตำรวจไว้ด้วยดีกว่า” บิดาเอ่ยอย่างเป็นกังวล ทว่าเขาพอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เสียงโทรศัพท์ของภูพิงค์ก็ดังขึ้นขัดจังหวะ เรียกทุกคนให้หันหน้ามองไปทางต้นเสียง

เด็กหนุ่มรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย แล้วพูดใส่หูโทรศัพท์รัวๆ “พี่วิน เดี๋ยวผม...” หากคนที่ต้นสายไวกว่า

“แซนดี้อยู่ที่คลินิกน่ะ จะเอายังไงดี”

“หา! ทำไมไปอยู่ที่นั่นได้อะพี่!”

“เจอเขาตอนไปไหว้พระบนดอย เลยสอยมาด้วย” รวินท์พูดพลางชำเลืองมองซ้ายขวา “เขาดูไม่ค่อยดีเลย ถึงตอนนี้จะสงบลงมากแล้วก็เหอะ จะเอายังไงดี คุณจะมารับหรือจะรอให้ผมไปส่ง แต่ตอนนี้ติดคนไข้ ผมคงไปส่งได้ตอนเที่ยง”

“เดี๋ยวผมไปรับเองพี่ ขอบคุณมาก” ภูพิงค์ตอบไปยังไม่ทันขาดคำ มารดาของแซนดี้ได้ยินเข้าก็กระโจนเข้าคว้าแขนเขาไว้ทันที

“เจอแสนดีแล้วเหรอลูก!”

“เจอแล้วครับ อยู่กับเพื่อนผม เดี๋ยวผมไปรับ”

“ให้แม่ไปด้วยนะ แม่จะไปหาแซนดี้ ป่านนี้คงใจเสียแย่แล้ว!”

รถสองคันแล่นออกจากบ้านเช่าไปอีกรอบ คราวนี้ขนกันไปหมดทั้งบ้าน ตรงไปยังคลินิกที่อยู่ในซอยใหญ่ซอยเดียวกัน เมื่อจอดรถแล้ว ทุกคนก็เดินไปยืนรอกันอยู่ที่ตรงประตูหลังก่อน ก่อนจะส่งภูพิงค์เป็นตัวแทนบุกเข้าไปที่ประตูหน้า

หากพอเขาเข้าไปถึง...

“คุณหมอมีคนไข้อยู่ค่ะ รอสักครู่นะคะ”

เสียงกรอฟันดังก้อง วันนี้มีสองเสียงจากห้องตรวจสองห้องเลยด้วย ยิ่งพอฟังรวมกันก็ยิ่งเสียดโสตประสาทของเด็กหนุ่มจนเขาแทบจะวิ่งทึ้งหัวหนีออกไป หากถ้าเขากลับไปที่ประตูหลังมือเปล่า เขาต้องโดนทุกคนรุมประณามหยามเหยียดเป็นแน่ เด็กหนุ่มจึงนั่งลงบนโซฟาแล้วยกมือขึ้นกุมขมับ

ไม่นานก็มีคนไข้เดินฉับๆ ออกมาจากห้องทำฟัน ก่อนรวินท์จะก้าวตามออกมา เขาเห็นท่าทางเหมือนจะเป็นลมของอีกฝ่ายแล้วก็หัวเราะออกมาเบาๆ

“พิงค์ ตามมานี่”

เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นพรวด “พี่วิน!” แล้วรีบวิ่งตามหลังคนเรียกไป “พี่วิน พ่อแม่อีแซนดี้รออยู่ข้างหลัง”

รวินท์พยักหน้า “อือ ไปหาแซนดี้ก่อนละกัน”

เมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องด้านหลัง แซนดี้ซึ่งกำลังนั่งกินบะหมี่หมูแดงอยู่กับตึ๋งก็เบิกตากว้าง “เฮ้ย! ไอ้พิงค์! มึงมาได้ไงเนี่ย!”

“ก็ขับรถพ่อมึงมาไง คิดว่ากูขี่เมฆมารึไงล่ะ เอ้า รีบๆ แดก จะได้กลับกัน สัส ทำให้เป็นห่วงนะมึงน่ะ”

“แล้วพ่อแม่...”

ขณะเดียวกันรวินท์ก็เดินไปเปิดประตูด้านหลัง เขาอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าเปื้อนน้ำตาของบิดามารดาแซนดี้ โดยเฉพาะใบหน้าของมารดา เครื่องสำอางเลอะเหมือนลูกชายเลยเชียว สมกับที่เป็นแม่ลูกกัน

ทันตแพทย์หนุ่มยิ้มอย่างอ่อนโยน “อย่าเสียงดังนะครับ ในคลินิกมีคนไข้ เชิญข้างในครับ”

ทั้งห้าคนก้าวเข้ามาข้างในห้องช้าๆ เมื่อเปิดประตูห้องที่แซนดี้นั่งอยู่ออก เขาก็หันมาตามเสียงประตูทันที พอเห็นบิดามารดาก็ลุกขึ้นพรวด จะเข้าไปหาก็ไม่กล้า จะถอยหนี ไอ้พิงค์ก็เอาตีนยันตูดเขาไว้

“แสนดี แม่ขอโทษ” หญิงวัยกลางคนถลาเข้าไปสวมกอดลูกชายไว้แน่นแล้วร้องไห้จนตัวโยน “แม่ขอโทษนะลูก”

แซนดี้กอดตอบ ก่อนจะร้องไห้ไปกับเธอด้วย “แม่... แม่ไม่ต้องขอโทษ ผมผิดเอง ผมขอโทษ” เขาเงยหน้าขึ้นสบสายตากับบิดา “ผมขอโทษครับพ่อ”

บิดายิ้มบาง “หน้าตาดูไม่ได้เลย ทั้งแม่ทั้งลูก” จากนั้นจึงก้าวเข้าไปโอบกอดสองแม่ลูกไว้ “ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องขอโทษกันแล้วล่ะ อะไรที่ผิดพลาดไปแล้วก็ให้มันแล้วไปเถอะ”

หลังจากนั้นสามคนพ่อแม่ลูกก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีก มีเพียงแค่เสียงสะอึกสะอื้นไห้แว่วมาเป็นระยะ ทว่าภาพที่เห็นทำให้ทันตแพทย์หนุ่ม เด็กหนุ่มทั้งสี่และตึ๋งยิ้มออกมาได้หลังจากที่ตึงเครียดกันมาหลายชั่วโมง


(มีต่อค่า)



ออฟไลน์ huskyhund

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1093/-4
Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
«ตอบ #459 เมื่อ28-11-2017 17:03:26 »



เมื่อบรรยากาศผ่อนคลายลง ดิวเดินไปตบไหล่แซนดี้เบาๆ “สัส แล้วพูดว่าจะชดใช้ให้อะไรแบบนั้น พวกกูใจหายหมดรู้มั้ย อย่าพูดอะไรแบบนี้อีกนะเว้ย”

“ก็จะชดใช้ค่าน้ำมันรถมึงให้ไง ไม่เอาอ่อ” แซนดี้ตอบพลางยกมือขึ้นปาดน้ำตา

ภูพิงค์หันไปยกมือไหว้ทันตแพทย์หนุ่ม “ขอบคุณพี่วินมากครับ พวกผมขับรถวนหากันเป็นชั่วโมง เจอแต่ชุดแซกของมัน เป็นห่วงแทบแย่ นึกว่ามันจะลากใครเข้าไปแดกในพงหญ้าซะแล้ว”

“ต้องยกความดีความชอบให้เจ้าตึ๋ง เขาเป็นคนเห็นแซนดี้ก่อน” รวินท์พูดกลั้วหัวเราะ พร้อมกับหันไปกวักมือเรียก “ตึ๋ง มานี่สิ นี่พิงค์ ว่าที่รุ่นพี่คณะเราไง”

ตึ๋งเบิกตากว้าง แล้วปราดเข้าไปฝากเนื้อฝากตัว “สวัสดีคร้าบ”

บานประตูห้องเปิดออกจากทางด้านหน้าอีกครั้ง “หมอวินคะ คนไข้มาแล้วค่ะ”

“จะไปเดี๋ยวนี้ครับ” รวินท์พยักหน้ารับ แล้วหันไปบอกกับตึ๋งและภูพิงค์ “ผมต้องขอตัวก่อน ถ้าจะกลับกันก็ฝากล็อกประตูหลังด้วย”
ภูพิงค์หันขวับไปทางแซนดี้ เขาตั้งใจจะเรียกให้อีกฝ่ายมาขอบคุณและบอกลา หากทันตแพทย์หนุ่มชิงพูดขึ้นก่อน

“ไม่เป็นไรพิงค์ เอาไว้โอกาสหน้านะ” เมื่อพูดจบทันตแพทย์หนุ่มก็รีบรุดเดินตามผู้ช่วยฯ ออกไป

“พี่หมอยังไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่เช้า” ตึ๋งเปรย

“แล้วไปเจอแซนดี้กันได้ยังไงเหรอ”

“แม่กับผมขอให้พี่หมอพาไปไหว้พระที่วัดพระธาตุดอยคำอะครับ แล้วระหว่างทางลงดอยก็เจอพี่แซนดี้ยืนหน้าเละทะเลาะกับหมาอยู่ที่ข้างทาง พี่หมอเลยพามาที่คลินิกก่อน”

บิดาของแซนดี้ขยับออกจากสองแม่ลูกที่กอดกันกลม เขาหันมองไปรอบๆ ห้อง “อ้าว คุณหมอไปไหนแล้ว”

“พี่หมอมีคนไข้ครับ” ตึ๋งรีบตอบแทนให้

“ถ้างั้นเรากลับบ้านกันก่อนดีไหมลูก อยู่ที่นี่หลายคนเดี๋ยวจะเกะกะหมอเขา”

“ดีเหมือนกันครับ ไป ตึ๋ง ไปด้วยกันก่อน เดี๋ยวพี่กลับมาส่งให้”

ตึ๋งระริกระรี้รีบตอบรับทันควัน มีโอกาสได้คุยกับรุ่นพี่วิศวะทั้งที เขาไม่มีทางพลาดแน่ “ไปครับ!”

หลังจากนั้นทุกคนก็ทยอยกันออกจากประตูทางด้านหลังร้านไป


*TBC*


เคยมั้ยคะ ความรู้สึกที่บั่บบบ สนิทใจกับใครสักคน ทั้งที่รู้จักกันได้ไม่นานแท้ๆ

งานนี้ดูเหมือนว่าจะมีคนเอะใจก่อนพี่หมอและน้องพิงค์ซะแว้ว

ใครกันน้าาาา หายใจเข้าก็น้อง หายใจออกก็น้อง

แล้วน้องล่ะ อิอิอิ ติดตามความรู้สึกคนน้องตอนหน้านะค้า

ขอบคุณคนอ่านทุกคนมากค่า  :mew1:


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ภูสอยเดือน [Chapter 13 : เรียนรู้][221117]
« ตอบ #459 เมื่อ: 28-11-2017 17:03:26 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ o4u0n7

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 213
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :sad4: น่ารักจัง

ออฟไลน์ fahsai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 815
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
ขำยืนทะเลาะกับหมา 5555555 แซนดี้ลูกกก

ออฟไลน์ mareya.no7

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 556
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
แรกๆ เหมือนจะดราม่า แต่ไหงทำไมเราขำแซนดี้ 55555 แต่ลงเอยด้วยดีก็ดีแล้ว ว่าแต่ใครเอะใจ น่าจะตึ๋งป่ะ รอตอนต่อไปขอบคุณค้าบบบบ

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
จะเศร้าเพราะสงสารแซนดี้ดีไหม :katai3:

ออฟไลน์ ciaiwpot

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1098
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
ชอบเวลาอยู่ด้วยกัน

ออฟไลน์ colorofthewind21

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +31/-1
ชอบคุณพ่อของแซนดี้มากเลย รักแซนดี้มากเลยอ่ะ

ออฟไลน์ พัดลม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2
ทะเลาะกับหมา เก่งจริงๆ

รออ่านความรู้สึกน้องตอนหน้าน้า อย่าให้เค้ารอนานนะตะเอง :กอด1:

ออฟไลน์ utamon

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 695
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
ขอบคุณที่คุณพ่อคุณแม่เข้าใจในสิ่งที่แซนดี้เป็นนะคะ :กอด1:

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
ในบรรดาเรื่องที่ติดตามอยู่ในเล้าช่วงนี้ ยกให้เรื่องนี้เป็นที่หนึ่งเลยครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ maemix

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4403
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +299/-3
ขำแซนดี้ ทะเลาะกะหมาก็ได้นะเรา 
พี่หมอวินยังไม่ได้กินข้าว น้องพิงค์จัดการเสิร์ฟอาหารหน่อยเดี๋ยวเป็นลม

ออฟไลน์ เสพศิลป์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 277
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
เจ้าตัวทั้งสองคนจะรู้ตัวไหมเนี้ยยยยย  หึหึ :katai4: :katai4: :katai4:

ออฟไลน์ MayA@TK

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4991
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-7
ดีนะที่ไม่เกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นกับแซนดี้

:pig4: :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ เนเน่

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 374
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
พาร์ทนี้มี้ทั้้งซึ้งและฮาชอบครอบครัวแสนดีมากพ่อน่ารักมาก แสนดีโชคดีมากที่ครอบครัวและเพื่อนเข้าใจ :katai2-1:

ออฟไลน์ pktherabbit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 207
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
หวังว่าแฟนใหม่ของแฟนเก่าพี่หมอวินจะไม่ใช่เพื่อนสนิทอย่างเตชิตนะ ปูเรื่องมาดีแล้ว อย่าลงแบบนี้นะ มันจะเน่าไปรับไม่ได้ มันเดิมๆ เกินไปอ่ะ...เราแค่มโนเพ้อไปเอง อ่านข้ามๆ ไปเหอะ ^_^

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ winndy

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
ขนาดพี่หมอเจนเทิลแมนขนาดนี้ ยังสู้เด็กแว้นไม่ได้เลย ฮามาก

ออฟไลน์ papapajimin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 294
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
อยากอ่านต่อแล้วเนี้ยยยย
สนุกมากเลย ดีใจที่พ่อเข้าใจแซนดี้อ่ะ
ถ้าพึ่งรู้ทั้งสองคน ต้องแย่กว่านี้แน่ๆเลย

ออฟไลน์ เป็ดอนุบาล

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-2
                          :pig4: :pig4: :pig4:ต้องบอกว่าแซนดี้คือตุ๊ดที่โชคดีมากที่สุด :mew1: :mew1: :mew1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด