*-*-*-*-*-*-INTERNAL LOVE-*-*-*-*-*-* #แฟนหมอแมน (Mpreg)เปิดพรี 2/12/61 p86
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: *-*-*-*-*-*-INTERNAL LOVE-*-*-*-*-*-* #แฟนหมอแมน (Mpreg)เปิดพรี 2/12/61 p86  (อ่าน 632655 ครั้ง)

ออฟไลน์ ซีเนียร์

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 778
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0

ออฟไลน์ meteexp

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 709
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0

ออฟไลน์ พัดลม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 542
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2

ออฟไลน์ angel_Z4

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 784
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-1
อุ๊แหมมมม ความเริ่มรุกของพ่อนี้

ออฟไลน์ lovenine

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 250
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1
เลิศที่ส๊วด รออออออ

ออฟไลน์ t2007

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2401
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-5
ตามใจ เอาใจใส่ ความหมายต่างกัน เพลิงคนเจ้าชู้ จะชอบหมอแมน เสี่ยงนอนหยอดน้ำข้าวต้มนาจา

ออฟไลน์ kingkongkaew

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 92
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
เพลิงพอรู้ตัวว่าชอบแมนแล้วก็ดูชัดเจน หยอดแมนเต็มที่เลย ถ้าไม่มีคนอื่นมาวุ่นวาย ระหว่างเพลิงกับแมนน่าจะไปด้วยกันได้ดี เพลิงดูแก้ปัญหาได้ดี เหมาะเป็นหัวหน้าครอบครัว

ออฟไลน์ mooping-7

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2527
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-5
แค่หมอเพลิงยอมรับว่าชอบหมอแมนเนาก็ดีใจแล้วซว ดูแลกันดีๆนะ

ออฟไลน์ lolata

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 223
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-1
เวลานายรุกนายหล่อมากกกกกกกกก
ฮากับความอึนของนายเอก

ออฟไลน์ cavalli

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-19

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8896
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ Tinton

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ชอบ ๆ นับวันรอตอนต่อไปครับ ^_^

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ PAiPEiPEi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 459
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-3
อื้มมมหื้มมมม   คุณเค้าเป็นคนเเพรวพราวอยู่แล้วอะเนอะพอรู้ใจตัวเองแล้ว  สกิลการทรีตแฟนพุ่งสูงปรี้ด!!!    น่ารักอะไรขนาดนี้

ออฟไลน์ weedear

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1139
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4

ออฟไลน์ mamacub

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1041
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-0
 “เอาใจขนาดนี้แล้ว  ยังไม่รู้ตัวอีกเรอะ”  ชนะเลิศเลยหมอเพลิง  :m4: :m4: :m4:

ออฟไลน์ Duangjai

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 658
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
..
 .

นั่นนนนแหละ. แมนๆรับตรงๆไปเลยเพลิงกัลป์

เอาใจเขา แล้วจะได้ใจมาตอบแทน

...

 :katai2-1:  :katai2-1:  :katai2-1:   :katai2-1:  :katai2-1:

.


ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7697
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12
รอตอนต่อไป~

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
รู้ใจตัวเองและยอมรับ
เรื่องต่อไปก็ไม่ยากแล้ว  :กอด1:
+1 ให้เป็นกำลังใจครับ  :L2:

ออฟไลน์ boboaje

  • ไม่ชอบหวาน ชอบครบรส
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4
พ่อเพลิงคะแนนเลิฟนำไปเยอะมาก มี๊แมนยังอึนอีกเหรอ มะไหร่จะตามกันทันคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ WednesdayApril

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 15
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เรื่องนี้จะโอเคกว่านี้เลยค่ะ
ถ้าไม่มีสุกี้น้ำ :sad4: :sad4: :sad4:
น้องอ่านดึกๆ ปวดฉี่ ไม่กล้าลุกไปฉี่เลยค่ะ  :sad4:
อั้นเอา ไว้ค่อยไปเช้าทีเดียว แงงงงงง

ออฟไลน์ pui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2194
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-3

ออฟไลน์ Noname_memi

  • 7 or never, 7 or nothing
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
อ่านแล้วชักจะหิวๆตาม แถมยังอยากกินขนมเบื้องอีกด้วย แง้

ออฟไลน์ ♠DekDoy♠

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4514
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +421/-8
อ่านรวดเดียวเลย เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่เรากลับมาอ่านนิยายเลยจนต้อง login มาคอมเม้น สนุกค่ะ รอตอนต่อไปเลยจ้า

ออฟไลน์ pedchara

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 179
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +57/-0
ชอบแล้วลุยเลยเจ้าค่ะ อย่าให้คนอื่นมาคว้าหมอแมนไปนะ

ออฟไลน์ joborcusier

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 205
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ชอบมากรอตอนต่อไปค่ะเนื้อเรื่องเข้มข้น รอหมอแมนยอมรับใจตัวเองนะคะ ปมหมอปราการกับหลินนี่น่ากลัวอยู่ถ้าเดาไม่ผิดตัวละครเชื่อมโยงน่าสนใจมาก สู้ๆรอติดตามตลอดนะคะ  :katai3:

ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk
Internal Love

ตอนที่ 20

We write our own destiny. We become what we do.



 

 

 

 

 

 

 

            “หมอแมนไม่รอหมอเพลิงก่อนเหรอคะ  เห็นหมอเพลิงโทรมาถามว่าหมอแมนเสร็จงานหรือยัง”  คุณพยาบาลประจำวอร์ดศัลยกรรมถามขึ้นยิ้มๆ  เพราะเห็นเมืองแมนรีบเก็บกระเป๋าเร็วกว่าปกติ

            “เอ่อ...ผมมีธุระต่อเลยว่าจะรีบไปก่อน”  เขาตอบสั้นๆ  แล้วก็จ้ำอ้าวออกมาจากวอร์ดแบบไม่เหลียวหลัง  คาดว่าไม่เกินสิบนาที  ร่างสูงใหญ่ของรูมเมทตัวเองจะต้องโผล่เข้าไปในวอร์ดแน่

            เขาไม่ได้หนีนะ...เมืองแมนบอกตัวเอง  เขาแค่ขอไป ‘ตั้งหลัก’

          นับตั้งแต่เหตุการณ์ขนมเบื้องวันนั้นแล้วเมืองแมนก็เริ่มสัมผัสถึงความเปลี่ยนไปบางอย่างของเพลิงกัลป์  ฝ่ายนั้นตามติดเขามากขึ้นยิ่งกว่าเงาตามตัว  คอยช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆตั้งแต่ออกตรวจคนไข้นอกเวลาให้ไปจนถึงอาสาซักถุงเท้า  แต่อะไรก็ไม่ร้ายเท่ากับแววตาวิบวับเป็นประกายเวลาหันมามองหน้าเขา  ราวกับว่าอีกฝ่ายอมยิ้มอยู่ตลอดเวลา

            เป็นบ้า...มีแต่คนบ้าเท่านั้นแหละที่จะยิ้มตลอดเวลาได้  เพลิงกัลป์คงจะทำงานหนักอยู่เวรแทนเขามากไปจนสติฟั่นเฟือนแน่ๆ  เลยพลอยทำให้หัวใจของเขาทำงานหนักไปด้วย  ต้องมาคอยรับมือกับอะไรต่างๆนานาไม่ซ้ำรูปแบบที่อีกคนสรรหามา

            “มาอยู่นี่เอง  เดินหาตั้งนาน  แวะไปที่วอร์ดเห็นคุณพยาบาลบอกว่าออกมาก่อนแล้ว  ไม่รอกันเลยนะ”  คนที่เขากำลังครุ่นคิดถึงอยู่นั้นโผล่มาพอดีเหมือนเล่นกลหายตัวได้  เมืองแมนสะดุ้งเฮือก  มองซ้ายขวาอย่างตกใจ

            “จะไปกินข้าว”  เขาหลุดปากออกไป

            “วันนี้อยากกินอะไรครับคุณเมืองแมน”  อีกฝ่ายถามต่อราวกับไม่สังเกตเห็นอาการของเขา

            “อยากกินที่แฟลต  ไม่อยากไปไหน”  เมืองแมนตอบเสียงห้วน

            “ดีเหมือนกัน  ขี้เกียจออกข้างนอกงั้นสั่งอาหารมาที่แฟลตก็ได้”  ฝ่ายนั้นคล้อยตาม  “เลือกเมนูมาซิ”

            เมืองแมนเดินกลับไปที่แฟลตโดยมีร่างสูงใหญ่ของรูมเมทก้าวยาวๆตามมาด้วย  เสียงห้าวๆเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นบนวอร์ดวันนี้ให้เขาฟังไม่หยุดปาก

            “....แล้วกูก็ตรวจเจอว่ามีลิ้นหัวใจรั่ว  ....เป็นไง  กูเก่งป่ะ”   เพลิงกัลป์เหลียวมาถามเขาด้วยเสียงจริงจัง  “เก่งมั้ย”

            “เออ..เก่ง  เก่งมาก”  เมืองแมนลากเสียงยาวประชด  แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มร่าเหมือนดีอกดีใจนักหนา  “เก่งสุดๆ”

            “เนอะ...กูก็ว่า....ตกลงอยากกินอะไรอ่ะเลือกได้ยัง”  เพลิงกัลป์วกกลับมาเรื่องอาหารเย็นอย่างรวดเร็ว  “ถ้าไม่เลือก  จะเลือกแทนแล้วนะ”

            เมืองแมนย่นจมูก

            “คิดไม่ออก  อืม... เอาข้าวผัดหมูแล้วกันง่ายดี  ...แต่วันนี้วันศุกร์   ตอนเย็นแกไม่ส่งให้แล้วนี่”  เมืองแมนพึมพำ

            “ไม่มีปัญหา..ข้าวผัดได้  รอเดี๋ยวนะ”  คนพูดทำท่าจะหันหลังออกไปจากห้อง  ทว่าเมืองแมนคว้าชายเสื้อด้านหลังเอาไว้ทัน

            “จะไปไหน?”

            “ไปซื้อข้าวไง”  เพลิงกัลป์ตอบงงๆ

            “ก็ไหนว่าขี้เกียจออกข้างนอก จะสั่งมากินไง”  เมืองแมนพูดแล้วก็หัวเราะเบาๆ  อดรู้สึกเอ็นดูขึ้นมาไม่ได้เมื่อเห็นสีหน้าเหรอหราของอีกฝ่าย  โดยเฉพาะเวลาที่ฝ่ายนั้นยกมือขึ้นมาขยี้ผมหยักศกสีเข้มของตัวเองแรงๆ เหมือนเวลาหมาตัวโตยกขาขึ้นเกาขนเลย   “ถ้าต้องออกไปซื้อ  ก็ออกไปกินพร้อมกันเถอะ  ได้ไม่ต้องกลับไปกลับมา”   เขาพูดเสียงอ่อนลง

            เพลิงกัลป์ยิ้มกว้าง  นั่งรอให้เขาเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดที่สบายขึ้น

            สุดท้ายเย็นวันนั้นก็จบลงด้วยสุกี้แห้งของเมืองแมนและบะหมี่ต้มยำสองชามของเพลิงกัลป์ที่ร้านเจ้าประจำ  เมืองแมนนั่งเท้าคางฟังอีกฝ่ายเล่าเรื่องกล้องถ่ายรูปที่เจ้าตัวตั้งใจว่าจะซื้อมาเล่นอยู่นาน  ดูท่าเพลิงกัลป์จริงจังมากถึงขั้นเปิดรูปกล้องตัวนั้นให้เขาดูพร้อมสาธยายข้อดีข้อเสียของกล้องราวกับเป็นคนขายเสียเอง

            “ตัวนี้คุ้มมากเลยนะแมน  ตั้งแต่กูดูรีวิวมาตัวนี้คุ้มสุด  ถ่ายสวย  สีสวย  ต่อลงคอมฯง่าย  แถมราคาก็คุ้มค่า  นี่ดูสิ  ลองดูภาพนี้  เค้าปรับกล้องง่ายมากเลยนะ ....”

            “มึงจะซื้อก็ซื้อดิ  รวยไม่ใช่หรือไง  เงินค่าเวรเยอะแยะ”  เมืองแมนขัดขึ้น  ฝ่ายนั้นจุ๊ปาก

            “มันก็ต้องเลือกกล้องที่ดีๆหน่อยสิวะ  เดี๋ยวถ่ายมึงออกมาไม่หล่อก็เสียของหมด”

            “ถ่ายกู?  ถ่ายอะไร”  เมืองแมนตามไม่ทัน   เพลิงกัลป์ยิ้มมุมปาก  มองหน้าเขาด้วยแววตาเจ้าเล่ห์

            “ก็ถ่ายวันรับปริญญาไง  กูจะไปถ่ายรูปให้มึงเอง...ฟรีไม่คิดตังค์”  คนฟังเกือบอ้าปากค้าง

            “มึงถ่ายรูปเป็นด้วยเหรอ?”

            “เอ้า..ดูถูก  มันจะไปยากอะไร  นี่ใคร  เพลิงกัลป์นะครับ  ทำได้ทุกอย่างอยู่แล้ว  ...ทำให้แมนท้องยังทำได้เลย  อย่างอื่นเด็กๆ”   ประโยคหลังชายหนุ่มลดเสียงลงให้ได้ยินกันสองคน  เมืองแมนมองตาเขียว ขยับจะเอื้อมมือไปตีปากคนพูดแต่อีกฝ่ายรีบรวบมือเอาไว้ทัน  “ล้อเล่น   ก็ไม่อยากให้มึงเสียตังค์จ้างตากล้องเพิ่ม  ไม่ดีเหรอประหยัด  ตรงคอนเซปต์มึงไง”

            “เอาความจริง”  เมืองแมนพูดดุๆ  อีกฝ่ายเลยยิ้มกว้าง

            “ความจริงคือไม่อยากให้ใครจ้องมึงนานๆ  ถึงจะผ่านเลนส์กูก็ไม่ชอบอยู่ดี”

            “..................”  เมืองแมนรู้สึกตัวเองสูญเสียการบังคับกล้ามเนื้อรอบปาก  เขาพยายามจะหุบยิ้มเพื่อทำหน้าบึ้งที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ให้ตายเหอะ...ร่างกายมันไม่ตามใจเอาเสียเลย

            “แน่ะ...ยิ้มแบบนี้  เขินอ่ะดิ”

            “ไม่ได้เขินโว้ย  แค่คิดว่าทำไมเหตุผลมึงมันน่าขนลุกจัง  แค่จะหาเรื่องใช้เงิน  อยากซื้อของเล่นใหม่แค่เนี่ย  ทำมาอ้าง”  เมืองแมนตอบกลับไป

            “จริงๆอีกเหตุผลนึงคือ...จะได้ตามมึงไปงานรับปริญญาด้วยได้ไง”

            “มึงจะลาไปกทม.ด้วยเหรอ”  เมืองแมนเริ่มตกใจจริงๆ  “จะไปทำไม”

            “กูจะปล่อยให้มึงไปคนเดียวได้ไงเล่า  รับปริญญาเหนื่อยจะตาย  ไหนจะลูกกูอีก  ไม่ได้หรอกกูจะต้องไปด้วย”  เพลิงกัลป์พูดด้วยสีหน้ามุ่งมั่น  “อาทิตย์หน้าแล้วด้วยนี่  สี่เดือนกว่าพอดี”

            เมืองแมนเม้มปาก  เขานึกถึงความวุ่นวายที่จะตามมาได้ดีราวกับตาเห็น  อย่างน้อยเอาแค่กลับไปเจอมารดาของเขาก่อนเถอะ

            “อย่าเพิ่งคิดมากน่า   ดูซิ...ช่วงนี้โปรโมชั่นพอดีเลยแฮะ  เดี๋ยวขากลับเราแวะที่ห้างก่อนดีมั้ย  ลองไปเดินดูหน่อยเผื่อมันมีจะได้ซื้อมาลองเลย”

            รูมเมทของเขาแวะที่ห้างแล้วก็เจอกล้องตัวที่ว่าวางโชว์ลดราคาอยู่  เจ้าตัวดีอกดีใจใหญ่รีบปรี่เข้าไปในร้าน  ลองกล้องอยู่นานจนเมืองแมนเมื่อยขา  โดนไล่ให้ไปนั่งรอที่ร้านอาหารข้างๆระหว่างที่เพลิงกัลป์ยังต่อรองราคาอยู่อย่างเมามัน  เมืองแมนไม่อยากนั่งเฉยๆเลยเดินต่ออีกนิดมาหยุดที่ร้านหนังสือ

            งานอดิเรกของเขาคือการอ่านหนังสือ  เมืองแมนสามารถอยู่ในห้องได้เป็นวันๆขอแค่มีหนังสือดีๆสักเล่มให้อ่าน  เขาเดินเนิบๆกวาดสายตามองผ่านหนังสือนับร้อยที่วางเรียงรายอยู่เต็มร้าน  ก้าวเข้าไปยังโซนที่อยู่เกือบในสุด   ฝั่งที่เขาแทบไม่เคยเข้ามาดูเลยก่อนหน้านี้...แม่และเด็ก

            ดวงตากลมโตอ่านชื่อหนังสือต่างๆบนชั้นอย่างสนใจ  ทุกเล่มล้วนมีหน้าปกเป็นรูปเด็กทารกหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู  บางเล่มก็มีรูปการ์ตูนให้เข้าใจง่ายๆ  ชายหนุ่มเลือกเล่มที่เกี่ยวกับการดูแลทารกในครรภ์มาสองสามเล่ม  ทำหน้าเฉยเมื่อมีว่าที่คุณแม่อีกคนในชุดคลุมท้องขยับเข้ามาหยิบหนังสือปกเดียวกับเขาไปจ่ายเงิน

            ชายหนุ่มถอยไปนั่งบนโซฟาตัวเล็กๆในร้านหนังสือ  เขาเปิดอ่านผ่านๆไปเรื่อยๆฆ่าเวลาจนกระทั่งเพลิงกัลป์โทรเข้ามือถือมาบอกว่าเสร็จแล้ว  ถึงได้หยิบหนังสือสามเล่มนั้นไปจ่ายเงินบ้าง

            เพลิงกัลป์ยืนรออยู่แล้วที่หน้าร้านขายกล้อง  หน้าบานปากแทบฉีกถึงหูในความคิดของเมืองแมน แถมยังสะพายกระเป๋ากล้องเอาไว้ที่ไหล่ซ้าย  ส่วนกล้องห้อยคอเอาไว้ด้วยท่าทางทะนุถนอม

            “ไม่ค่อยจะเห่อเลยนะ”  เมืองแมนพูดอย่างหมั่นไส้

            เพลิงกัลป์ยิ้มตอบไม่ปฏิเสธ  รอยยิ้มนั้นกลับเพิ่มมากขึ้นไปอีกเมื่อเจ้าตัวเหลือบเห็นหนังสือที่เขาเพิ่งซื้อติดมือมาใหม่

            “เพิ่งซื้อมาสองเล่มเหมือนกัน  อ่านจบแล้วเดี๋ยวให้ยืมต่อ” 

            เมืองแมนไม่ตอบ  แต่พ่นลมออกจากจมูกแรงๆ

            ทั้งคู่กลับมาถึงแฟลต  เพลิงกัลป์เจ้ากี้เจ้าการให้เขาไปยืนเท้าสะเอวอยู่ที่หน้าแฟลต  แถมยังบอกให้ทำหน้ามีความสุขที่สุดเวลาคิดถึงตัวเอง  เมืองแมนเลยทำหน้าหงิกใส่กล้องแทน

            “ขนาดไม่ยิ้มนะเนี่ย  ยังถ่ายออกมาสวยเลย  ฝีมือดีชะมัดเลยว่ามั้ย  กูว่าตัวเองมีพรสวรรค์ด้านนี้”

            “มึงมีพรสวรรค์ด้านความหลงตัวเองมากกว่า”  เมืองแมนขัดคอ “กล้องตัวเป็นหมื่น  ถ่ายออกมาห่วยก็ไม่รู้จะพูดว่ายังไงแล้ว”

            ฝ่ายนั้นจุ๊ปากจิ๊จ๊ะ  แต่ก็ไม่ได้เถียงอะไรเพิ่ม  ยอมให้เขาเข้าไปพักในแฟลตโดยดี  ส่วนเจ้าตัวยังไม่ยอมกลับเข้าห้องเพราะมัวแต่เล่นกล้องเพลินด้วยความเห่อ  เมืองแมนก็เพิ่งรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกขี้เห่อขนาดนี้  ไม่รู้ว่าจะกอดกล้องนอนด้วยหรือเปล่า...หึๆ ทำตัวเป็นเด็กๆไปได้

            วันรุ่งขึ้นเมืองแมนถูกอาจารย์คมศักดิ์เรียกตัวเข้าไปคุยส่วนตัวที่ห้องพักแพทย์  เขาพอจะเดาได้อยู่แล้วว่าอาจารย์จะคุยเรื่องอะไร  ถึงอย่างนั้นก็ยังอดใจหายไม่ได้

            “คงรู้อยู่แล้วนะว่าเวลาปฏิบัติงานของเธอไม่พอ  ...เธอลาเกินสองอาทิตย์ซึ่งมันเกินยี่สิบเปอร์เซ็นต์ของเวลาปฏิบัติงาน    ถ้าเป็นแบบนี้พี่คงจะให้เธอผ่านวอร์ดนี้ไปไม่ได้นะเมืองแมน”

            “ผมขออยู่เพิ่มสองอาทิตย์ได้มั้ยครับอาจารย์  ผมไม่เอาค่าเวรก็ได้  แต่ให้ผมจบอินเทินหนึ่งพร้อมเพื่อนๆเถอะครับ”

            “คงไม่ได้  เธอก็รู้อยู่แล้วเรื่องปัญหาสุขภาพของเธอตอนนี้”  เสียงนุ่มลึกนั้นพูดช้าๆพร้อมกับนัยน์ตาดำคมกริบเหมือนน้ำบ่อลึกตวัดมองที่หน้าท้องของเขา  “ถึงยังไงเธอก็จะต้องลาหยุดอีกอย่างน้อยสามเดือน  ไม่มีทางที่จบทันเพื่อนคนอื่นหรอกเมืองแมน”

            “อาจารย์ไม่มีทางช่วยผมเลยหรอครับ”

            “พี่ก็อยากช่วยนะ   แต่ตอนนี้คงช่วยไม่ทันแล้ว”  ประโยคของอีกฝ่ายทำให้คนฟังขมวดคิ้ว  “มันเป็นเรื่องของโชคชะตา  ทางที่ดีพี่ว่าช่วงที่เธอจะลาอีกหนึ่งอาทิตย์เพื่อไปรับปริญญาเนี่ย  แล้วเธอจะขึ้นวอร์ดสูติกรรมต่อใช่มั้ย  พี่ว่าเธออาจจะลาต่อไปเลยก็ได้  ส่งใบลาที่อาจารย์คริสไป...อ้อ  ลืมไปว่าอาจารย์คริสไม่สบาย”

            “อาจารย์คริสไม่สบายเหรอครับ”

            “ใช่”  อาจารย์คมศักดิ์รับแล้วก็อึ้งไปนิดหนึ่ง  “เขาไม่สบายมาสักพักแล้ว  เธอลองไปเยี่ยมดูก็ได้”

            เมืองแมนกลับออกมาจากห้องพักอาจารย์ด้วยหัวใจที่กังวลหนัก  เขาเพิ่งเรียนจบออกมาทำงานได้ไม่เท่าไหร่  ก็ดูเหมือนจะต้องพักงานเอาไว้เสียก่อนแล้วด้วยปัญหาสุขภาพที่ทั้งเขาและอาจารย์ต่างรู้กันดีแค่ไม่พูดออกมาให้สะเทือนใจกัน  อย่างน้อยอาจารย์ก็ยังให้เกียรติเขาอยู่มากที่ไม่ถามออกมาตรงๆทั้งๆที่เขารู้ว่าอาจารย์รู้ตั้งแต่วันแรกแล้ว

            เมืองแมนขยับจะโทรหาเพลิงกัลป์เพื่อเล่าให้ฟัง  แต่ดูเวลาแล้วอีกฝ่ายน่าจะกำลังยุ่งอยู่เลยเปลี่ยนใจ  เท้าก้าวต่อไปยังตึกพิเศษ...ที่ๆอาจารย์คมศักดิ์บอกว่าอาจารย์คริสพักรักษาตัวอยู่

            ไม่รู้ว่าอาจารย์ป่วยเป็นอะไรกันนะ...

            ขึ้นมาจนถึงชั้นห้าของตึกพิเศษ  บรรยากาศเงียบเหงาวังเวงจนอดนึกถึงข่าวลือเรื่องผีนักโทษชั้นห้าที่ชอบร้องไห้โหยหวนไม่ได้   เมืองแมนเกือบเปลี่ยนใจกลับเข้าไปในลิฟต์แล้วตอนที่มีคุณพยาบาลเดินออกมาจากห้องพักห้องหนึ่ง  เธอส่งยิ้มให้เขา

            “ผม...มาเยี่ยม  อาจารย์คริสครับ”  อินเทิร์นหนุ่มพูดขึ้นอย่างไม่แน่ใจ

            “อ๋อ...เดี๋ยวต้องถามอาจารย์นุ่นก่อนนะคะว่าให้คุณหมอเข้าเยี่ยมหรือเปล่า”  นางพยาบาลตอบกลับมา  “พอดีอาการยังไม่คงที่น่ะค่ะ”

            “อาจารย์ป่วยเป็นอะไรหรอครับ”   ...อาจารย์นุ่นรักษาแต่โรคทางจิตไม่ใช่เหรอ...

            “...............”  คุณพยาบาลยิ้มแทนคำตอบพลางยกโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาอาจารย์เปรมฤดี  จิตแพทย์ประจำโรงพยาบาล   “ค่ะอาจารย์  โทรจากตึกพิเศษชั้นห้านะคะ  พอดีมีคุณหมอจะขอเข้าเยี่ยมคนไข้ห้อง  509 น่ะค่ะ...”

            เมืองแมนนิ่งฟังอีกฝ่ายคุยกันครู่หนึ่งถึงได้วางสาย  เธอหันมาบอกเขาว่าอาจารย์นุ่นให้เข้าเยี่ยมได้เป็นกรณีพิเศษ  เขาจึงเดินตามหลังคุณพยาบาลไปเข้าไปในทางเดินวอร์ดพิเศษรายล้อมด้วยประตูที่ปิดสนิท  มาหยุดที่หน้าห้องเบอร์เก้า

            เธอเคาะประตูเบาๆแทนสัญญาณ  เมืองแมนใจเต้นแรง  นึกจินตนาการภาพคนไข้ข้างในไปไกลว่าอีกฝ่ายจะเป็นอย่างไร

            ภาพที่ปรากฏทำให้เมืองแมนผงะไปเล็กน้อยด้วยความตกใจ  ผู้ชายที่อยู่ในห้องมืดสลัวนั้นไม่เหลือเค้าอาจารย์หนุ่มรูปหล่อขวัญใจคนไข้และพยาบาลอยู่เลย  ร่างสูงใหญ่ผอมซูบลงไปมาก  ใบหน้าซูบตอบเห็นโหนกแก้มชัดกับเบ้าตาลึกโหลเหมือนคนอดนอนมาเป็นระยะเวลานานเหลียวมามองหน้าเขา  ดวงตาหรี่ลงเพราะไม่เคยชินกับแสงสว่าง  หนวดเครารกครึ้มสองข้างแก้มเหมือนไม่ได้โกนมาเนิ่นนาน

            “อาจารย์..”  เมืองแมนอุทาน

            “ใครน่ะ....เมืองแมนงั้นเหรอ”  น่าแปลกที่อาจารย์กลับจำเขาได้ในทันที  แถมยังทำท่าจะก้าวมาหา  ครั้นพอเมืองแมนเผลอถอยหลังไปสองก้าวอีกฝ่ายก็ชะงัก  แล้วก็ถอยไปนั่งที่เตียงตามเดิม

            “ให้อยู่เป็นเพื่อนมั้ยคะ”  คุณพยาบาลถามขึ้นเสียงเบา

            “รบกวนรอผมหน้าห้องสักครู่นะครับ”  เมืองแมนตอบ   ตั้งสติแล้วก้าวเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยนั้น  สายตาที่คุ้นกับแสงเริ่มเคยชินมองเห็นสภาพรอบห้องได้ดีขึ้น   มีถาดอาหารของโรงพยาบาลวางทิ้งอยู่บนโต๊ะในห้องกับหนังสืออีกกองหนึ่ง  นอกนั้นก็ไม่มีอะไรสะดุดตา

            “อาจารย์เป็นอย่างไรบ้างครับ”  เขาถามขึ้นอย่างระมัดระวัง  มองหน้าคนที่นั่งหลังไหล่งองุ้มอยู่บนเตียง

            “เธอรู้เรื่องที่พี่อยู่ที่นี่ได้ยังไง”  ฝ่ายนั้นตอบกลับมา  “พี่ไม่ได้บอกใครเลย  หรือว่าพี่นุ่นบอก”

            “อาจารย์คมศักดิ์บอกผมครับ”

            “อ้อ”  อีกฝ่ายอุทานแล้วเงียบไป  ท่าทางของอาจารย์เหมือนคนที่กำลังครุ่นคิดหนักหน่วงมากกว่าคนสติแตกอย่างที่เขากลัวตอนแรก  เมืองแมนเลยรู้สึกปลอดภัยขึ้นจนกล้าที่จะขยับเข้าไปใกล้อีกนิด

            “อาจารย์เป็นอะไรครับ  ไม่สบายตรงไหน”

            “พี่แค่...นอนไม่หลับน่ะ”  ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบใบหน้าที่ซีดโทรม  “นอนไม่หลับติดๆกันเข้ามันก็ป่วยได้เหมือนกัน”

            “แล้วตอนนี้ดีขึ้นหรือยังครับ”

            “ดีขึ้นบ้าง  แต่ยังต้องใช้ยาของหมอนุ่นอยู่”   อาจารย์คริสมองหน้าเขาแล้วยิ้ม...เป็นรอยยิ้มที่บิดเบี้ยวอย่างไรชอบกล  “เธอสงสัย  อยากรู้ล่ะสิว่าทำไมพี่ถึงนอนไม่หลับ”

            “..................”

            “พี่ฝันเห็นเรื่องๆหนึ่งซ้ำไปซ้ำมาทุกวัน  มันเหมือนฝันร้าย...ที่ถึงแม้เราจะตื่นลืมตาขึ้นมาแล้ว ฝันร้ายนั้นก็ยังไม่จบไป  เรายังจำเรื่องราวในความฝันนั้นได้แม่นยำราวกับเกิดขึ้นจริงตรงหน้า”  สูตินรีแพทย์หนุ่มพูดขึ้นช้าๆ  “ไม่ว่าจะพยายามหนียังไง  จะสู้ยังไง  ฝันร้ายก็ไม่หายไป  มันยังคงอยู่  ดูดกลืนจิตวิญญาณของเราลงไปช้าๆ  เหมือนตกลงไปในทรายดูดร้อนๆทั้งเป็น”

            “เล่าความฝันให้ผมฟังได้มั้ยครับ”  เมืองแมนพูดออกไปแล้วก็ออกจะรู้สึกเสียใจว่าไม่น่าถามเลย

            ฝ่ายนั้นเงียบไปนานจนนึกว่าจะไม่ตอบแล้ว

            “พี่ฝันเห็นหลิน”

            เมืองแมนกลับออกมาจากห้องพักผู้ป่วยในอีกเกือบชั่วโมงถัดมา  หัวใจของเขาหนักอึ้งยิ่งกว่าตอนก่อนเข้าไปเสียอีก  ชายหนุ่มรับฟังเรื่องราวจากปากของอาจารย์คริส  ฟัง ‘ฝันร้าย’  สีเลือดของอาจารย์ที่เจอต่อเนื่องยาวนานมาเกือบสามอาทิตย์จนถึงขั้นนอนไม่ได้ และคิดจะฆ่าตัวตายเพื่อจะหนีออกจากฝันร้ายนั้น

            “พี่ไม่ไหวแล้วจริงๆ  แมน  มันน่ากลัว....พี่ไม่ได้ตั้งใจ  พี่ไม่เคยรู้  สวรรค์เป็นพยานได้ว่าพี่ไม่เคยรู้มาก่อนเลย....หลิน  ได้ยินหรือเปล่า   คริสไม่รู้จริงๆ หลิน...นั่นคุณใช่มั้ย”  ประโยคหลังอาจารย์พูดกับอากาศที่ไม่ใช่เขา  ท่าทางเริ่มคลุ้มคลั่งขึ้นมาคล้ายบังคับตัวเองไม่อยู่   ดวงตาคมเหลือกขึ้นมองรอบตัวราวกับระแวง  มือกวัดแกว่งไล่อะไรสักอย่าง   “ไป  ไปซะ  จบกันไป   ไม่ต้องติดต่อกันอีก...”

            “เชิญคุณหมอเมืองแมนข้างนอกดีกว่าค่ะ”  คุณพยาบาลเปิดประตูห้องเข้ามากันเขาออกไปจากห้อง  จากนั้นเธอก็กลับเข้าไปในห้องพร้อมกับเข็มฉีดยาในมือ




ออฟไลน์ ็Hollyk

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 362
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +535/-22
    • FanPage Melenalike//Hollyk










            เมืองแมนกลับมาตามทางเดิม  เขาเจออาจารย์เปรมฤดีเข้ามาในวอร์ดพอดี  เธอทักทายเขาแล้วก็คุยเรื่องอาการของอาจารย์คริสให้ฟัง

            “พี่ว่าน่าจะเกิดจากนอนไม่พอก็เลยทำให้เกิดประสาทหลอน  แต่เดิมเท่าที่พี่ซักประวัติก็คิดว่าอาจารย์คริสเองก็น่าจะมีโรคซึมเศร้าอยู่ก่อนแล้ว  เหมือนจะเกี่ยวโยงกับคนที่ชื่อหลิน  น่าจะมีเรื่องที่ทำให้ฝังใจหรือรู้สึกผิดอะไรอยู่  เสียดายที่พี่ไม่ได้ใช้ทุนที่นี่รุ่นเดียวกับเขาเลยไม่รู้ตื้นลึกหนาบางเท่าไหร่  แต่นั่นแหละ...พอเกิดการกระตุ้นเข้าโรคก็เลยเป็นหนัก  นี่ดีขึ้นมาแล้วนะ  ตอนแรกยากี่เข็มก็เอาไม่อยู่ต้องมัดแขนขา”

            “เป็นไปได้มั้ยครับว่าอาจารย์อาจจะมองเห็น...คุณหลิน”

            “หืม?”  อาจารย์สาวเบิกตาโตมองหน้าเขา   จากนั้นก็หัวเราะเบาๆ  “หมายถึงเห็นผีน่ะเหรอจ้ะ”

            “ครับอาจารย์  ถ้าสมมุติว่าอาจารย์คริสมองเห็นผีคุณหลินล่ะครับ”

            “ก็อาจจะเป็นไปได้นะ”  เธอตอบกลับมายิ้มๆ  แต่เมืองแมนรู้ว่าเธอไม่ได้เชื่อเขาเลยสักนิด  “เดี๋ยวพี่จะลองดูไปก่อนก็แล้วกัน  ว่างๆเธอก็มาเยี่ยมอาจารย์อีกได้นะ  แต่ขอร้องว่าอย่างมากันเยอะ  พี่กลัวว่าจะยิ่งกระตุ้นอาการให้หนักขึ้น”

            “ครับอาจารย์”

            เขานั่งดูภาพในกล้องวงจรปิดที่ฉายภาพข้างในห้องพักของอาจารย์คริสอยู่อีกพักใหญ่  อาจารย์ลุกขึ้นเดินกลับไปกลับมาภายในห้องนั้น  บางครั้งก็กรีดร้องโบกมือเหมือนพยายามจะไล่อะไรสักอย่างออกไป  แม้ว่าคุณพยาบาลจะพยายามเข้าไปปลอบและฉีดยาสงบอาการแล้วก็ตาม  ชายหนุ่มก็ดูจะไม่สงบลงเลย

            “เขาร้องแบบนี้ประจำ”  อาจารย์นุ่นพูดเรียบๆ  “เดี๋ยวพี่คงต้องเข้าไปคุยหน่อย  ไว้เจอกันนะจ้ะเมืองแมน”  จิตแพทย์สาวลุกขึ้นเดินฉับๆไปทางห้องพักพิเศษนั้น

            เมืองแมนกลับออกมาจากวอร์ด  ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเสียงร้องไห้โหยหวนยามค่ำคืนที่ใครๆเข้าใจว่าเป็นเสียงของผีนักโทษลึกลับชั้นห้านั้น  แท้จริงแล้วหาใช่เสียงของผีไม่....เป็นเสียงของคนต่างหาก

            คนที่เหมือนกำลังจะตาย...

            “อุ้ย!”  หน้าผากของเมืองแมนกระแทกเข้ากับแผ่นอกของใครอีกคนเต็มแรงเพราะไม่ทันระวัง  ชายหนุ่มกระเด็นไปสามก้าว  ดีที่อีกฝ่ายช่วยยึดแขนเอาไว้

            “แมน...เป็นอะไรรึเปล่า  เดินใจลอยเชียว”

            “เต้ยน่ะเอง”  เมืองแมนอุทาน

            “ไม่เห็นหน้าเลยพักนี้”  น้ำเสียงของเต้ยมีแววตัดพ้อ  “งานยุ่งเหรอ  หรือว่าไม่สบาย”

            “ทั้งคู่น่ะ  เต้ยล่ะเป็นยังไงบ้าง”  เมืองแมนตอบสั้นๆ  เดินเลี่ยงไปอีกทางแต่อีกฝ่ายก็ยังเดินตามมา

            “งานหนักมากเลยช่วงนี้  ....แต่วันนี้ว่างแล้วล่ะ  แมนอยากไปดูหนังมั้ย  เราหาคนดูหนังเป็นเพื่อนอยู่”  ชายหนุ่มล้วงเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอวด  “เพิ่งได้โปรโมชั่นดูหนังซื้อหนึ่งแถมหนึ่งมา  แมนอยากดูหรือเปล่า”

            “เรา..มีนัดแล้วน่ะ”  เมืองแมนตอบออกไปแบบไม่ต้องคิดซ้ำ  “เต้ยไปเถอะ  ลองถามเพื่อนคนอื่นดู”

            “แมนเป็นแบบนี้เพราะเพลิงใช่มั้ย”  จู่ๆอีกฝ่ายก็โพล่งขึ้นมา  “เพลิงไม่ชอบเรา  แมนก็เลยเกรงใจเพื่อนไปด้วย  เราโทรไปทีไร  เพลิงก็บอกว่าแมนไม่ว่างตลอด”

            “ไม่ใช่อย่างนั้น...”  เมืองแมนอึกอัก  ไม่ใช่นิสัยของเขาที่จะทำลายความรู้สึกของเพื่อน

            “ใช่  แบบนั้นนั่นแหละ”  เสียงห้าวๆดังขึ้นข้างตัวพร้อมกับน้ำหนักของแขนที่พาดมาบนไหล่  เมืองแมนสะดุ้งเหลียวไปมอง  เห็นร่างสูงใหญ่ของรูมเมทยืนอยู่เคียงข้างด้วยใบหน้าบึ้งตึง  “เมืองแมน ‘ไม่ว่าง’  แล้ว  จะวันนี้หรือวันไหนก็ไม่ว่างทั้งนั้นแหละ”  คนพูดเน้นคำบางคำอย่างจงใจ

            เต้ยขมวดคิ้ว

            “มึงอย่าทำตัวเป็นเด็กๆแบบนี้สิเพลิง  โตๆกันแล้ว ยังมาหวงเพื่อนกันอีกเหรอ  ไม่ใช่เด็กอนุบาลนะ  เมืองแมนเขาอยากจะคบใคร  อยากจะไปเที่ยวกับใครทำไมมึงต้องมาห้ามเขาด้วย”

            “ก็เพราะมันไม่ใช่พะ...โอ๊ย!”  เพลิงกัลป์ตะคอกแล้วสะดุ้งโหยงอุทานลั่น  หันขวับมามองคนข้างๆที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อย่างฉุนจัด  “เออ...กูมันเด็กอนุบาล  หวงเพื่อน  กูไม่ชอบมึงเลยไม่อยากให้เพื่อนไปเล่นกับมึง  แค่นั้นแหละ”  ชายหนุ่มกระแทกเสียง  จากนั้นก็ลากคอ  เอ๊ย...ดึงให้คนตัวเล็กกว่าออกเดินผ่านหน้าเต้ยไป

            จนพ้นมุมตึกนั่นแหละ  เมืองแมนถึงได้ดันแขนอีกฝ่ายที่พาดไหล่ออก  เหล่มองใบหน้าคมเข้มที่งอหงิกแบบเด็กไม่ได้ดั่งใจนั้นด้วยความรู้สึกแปลกๆ  จะเอ็นดูก็ไม่ใช่ จะหมั่นไส้ก็ไม่เชิง

            “เจ็บมากหรือเปล่า”

            “ถามมาได้  ต้องถามว่าเนื้อหลุดมั้ย”  เพลิงกัลป์ตอบ  ดึงเสื้อขึ้นแล้วเอี้ยวตัวให้อีกฝ่ายดูตรงเอวเรียบไร้ไขมันที่มีรอยเขียวช้ำทันตาเห็น

            “ขอโทษ  ก็มึงพูดมากอ่ะ”  เมืองแมนตอบ  ใช้ปลายนิ้วจิ้มๆบริเวณที่ถูกเขาหยิกเข้าเต็มแรง  “เดี๋ยวก็หายน่า  เป่าเพี้ยงๆหายเลย”  คนพูดก้มลงไปเป่าลมปูดๆใส่ตรงเอวของอีกฝ่ายเข้าจริงๆ  ทำเอาเพลิงกัลป์ตกใจ

            “เห้ย...มาเป่าอะไร  หลอกเป็นเด็กๆไปได้”

            “ก็ไหนบอกว่าเป็นเด็กอนุบาลหวงเพื่อนไม่ใช่เหรอ”

            “จะบอกว่าหวงเมียก็ไม่ได้นี่  ไม่งั้นบอกไปแล้ว....เอ้ย...อย่านะ สู้นะครับ”  พูดจบก็รีบยกมือขึ้นตั้งการ์ดเพราะคนฟังทำท่าจะฟาดมือตุบตับลงมาอีก  “พูดเล่นนิดหน่อยเอง  มือหนักจัง”

            “พูดอะไรเพ้อเจ้อฉิบ  ใครมาได้ยินเข้าใจผิดหมด” เมืองแมนอุบอิบ

            “ต้องบอกว่าเป็นแม่ของลูกใช่หรือเปล่า”

            “..........”  เมืองแมนหันขวับมาถลึงตาใส่  คนพูดหัวเราะยกมือแทนคำขอโทษ  พร้อมกับยื่นใบหน้าลงมาจนใกล้

            “ถ้าจะตีให้ตีที่ปากนะ”  เพลิงกัลป์พูด  นัยน์ตาคมเข้มแพรวพราวยิ้มใส่ตาของเขา  “เผื่อปากเจ็บจะได้มีคนเป่าปากเพี้ยงๆให้หายบ้าง”

            “จะบิดปากให้หลุดออกมาติดมือเลย”  เมืองแมนตวัดเสียงห้วน   รู้สึกหน้าร้อนๆชอบกล  รีบเดินหนีเร็วๆ  รู้อยู่หรอกว่าเดินเร็วแค่ไหนอีกฝ่ายก็ตามมาทันอยู่ดี  เหมือนทุกทีนั่นล่ะ

            “เมื่อตอนบ่ายไปทำอะไรมา”  เพลิงกัลป์ชวนคุย  เขาเลยเล่าตั้งแต่ตอนที่ไปพบอาจารย์คมศักดิ์ให้ฟัง  ฝ่ายนั้นมีท่าทางเครียดขึ้นจนเห็นได้ชัด

            “กูคงต้องอยู่เป็นอินเทิร์นหนึ่งต่ออีกปี...”  เมืองแมนจบประโยคอย่างเซ็งๆ

            “กูจะอยู่เป็นเพื่อนเอง  เดี๋ยวกูจะลาด้วย  มึงจะซ้ำกี่เดือนก็บอกมา”

            “จะบ้าเหรอเพลิง  จะทำแบบนั้นทำไม  มึงจะไปเรียนออโถ(ศัลยกรรมกระดูก)ไม่ใช่เหรอ  จะมาเสียเวลาทำไมอีกปี”  เมืองแมนไม่เข้าใจ

            “เรื่องของมึงไม่มีเสียเวลาหรอก  ถ้ามึงคลอดออกมาจะให้กูไปเรียนอยู่คนเดียวได้ไง  ปล่อยให้มึงนั่งร้องไห้ขี้มูกโป่งเลี้ยงลูกโยเยอยู่ที่บ้านคนเดียวงี้เหรอ”   เพลิงกัลป์พูดเหมือนคิดมาก่อนล่วงหน้าแล้ว  “กูกะไว้แล้วว่าหลังจากรับปริญญา...กูจะพามึงไปเชียงใหม่”

            “อะไรนะ?”  คนฟังตกใจ

            “เชียงใหม่  บ้านกูเอง...ถ้ามึงท้องแก่จะอยู่ที่นี่ต่อคงไม่ไหว  ยิ่งถ้าคลอดออกมาแล้วด้วย  ที่บ้านกูคนเยอะแยะจะได้ช่วยกันเลี้ยงได้”

            “มึงเสียสติไปแล้วแน่ๆ  แล้วที่บ้านมึงจะรับได้ยังไง  กูเป็นผู้ชายนะเผื่อลืม”

            “แล้วไง...มึงคลอดลูกกูไง  ลูกกูก็คือหลานพ่อกับแม่  ยังไงเขาก็ต้องรับได้”   เพลิงกัลป์พูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ แต่แววตาตรงกันข้าม  “มึงอย่าเพิ่งไปคิดอะไรมากเลย  อีกเป็นเดือน”

            “กูไม่ไปเชียงใหม่กับมึงหรอกเพลิง  ถ้าจะคลอด...ถ้าต้องเลี้ยงลูก  กูขออยู่กับแม่ที่กรุงเทพฯดีกว่า  อันนี้พูดจริงๆนะ”  เมืองแมนพูดขึ้นบ้าง

            “ไว้เราค่อยคุยเรื่องนี้กันอีกที”  เพลิงกัลป์ตัดบท  “แล้วเรื่องอาจารย์คริสที่ว่าจะเล่าล่ะ  อาทิตย์หน้ามีนัดกับอาจารย์ด้วยนี่ก่อนไปกรุงเทพฯ”

            “อ๋อ..คือว่า..”  เมืองแมนเล่าเรื่องของอาจารย์คริสให้อีกฝ่ายฟัง  เพลิงกัลป์ตกใจมากแต่ก็นิ่งฟังจนเขาเล่าจบ  “...อาการของอาจารย์ตอนนี้อาจจะเกิดจากผีหมอหลินก็ได้นะ”

            “น่าจะใช่  แสดงว่าอาจารย์ก็ต้องเกี่ยวกันอะไรสักอย่าง...หรือว่า  อาจารย์จะเป็นคนฆ่าหมอหลิน”

            “หมอหลินฆ่าตัวตายไม่ใช่เหรอ”

            “อาจจะเป็นต้นเหตุก็ได้เอ้า...ไม่อย่างนั้นหมอหลินจะตามหลอกแกทำไม”

            “งั้นหมอหลินมาหลอกพวกเราทำไมล่ะ..เพลิง  มีเหตุผลอะไรงั้นหรือ”

            เกิดความเงียบขึ้นภายในห้องพักของแฟลต  ทั้งคู่มองหน้ากันนิ่งงันเพราะคิดหาจุดเชื่อมโยงเข้าด้วยกันไม่เจอ

            “มันอาจจะยังมีความลับเรื่องอื่นที่อาจารย์บอกเราไม่หมดก็ได้นะ”  เพลิงกัลป์พูดอย่างใช้ความคิด  “แต่ตอนที่มึงฝันน่ะ  มีผู้ชายอีกคนที่ไม่ใช่อาจารย์คริสด้วยไม่ใช่หรือไง”

            “ใช่...มีผู้ชายอีกคน  เขานั่งอยู่กับหมอหลินตอนที่ไปตั้งแคมป์หรืออะไรสักอย่างด้วยกัน  จำไม่ค่อยได้แล้ว”  เมืองแมนขมวดคิ้ว  “ไม่รู้ว่าใคร”

            “ไม่ใช่อาจารย์คมศักดิ์ใช่มั้ย  ดูเหมือนแกกุมความลับอะไรอยู่ก็ไม่รู้น่าขนลุก  กูไม่ชอบเค้าเลย”  เพลิงกัลป์ออกความเห็น  เมืองแมนส่ายหน้า

            “ไม่ใช่หรอก  กูจำเสียงเค้าได้  คิดว่าถ้าได้ยินอีกทีก็น่าจะจำได้  ประเด็นคืออาจารย์คริสต่างหาก  อาการของอาจารย์หนักมากเลยนะ  กูว่าถ้าปล่อยไปแบบนี้อีกหน่อยจะกู่ไม่กลับ”

            “หมายถึงเป็นบ้าไปเลยแบบนี้น่ะเหรอ”

            “มึงต้องไปเห็นเองเพลิง อาจารย์น่าสงสารมากเลยนะ  ขนาดกูดูผ่านจอยังแทบทนไม่ได้  กูอยากช่วยเค้านะ...เราแบ่งน้ำมนต์ไปให้อาจารย์บ้างดีมั้ย”  เมืองแมนเสนอขึ้นมา  “เผื่อมันจะช่วยให้อาจารย์สงบลงไง”

            “มันจะได้ผลเรอะ...กูว่าอย่าแบ่งดีกว่ามั้ง  ไว้แวะไปขอพระอาจารย์อีกก็ได้”  เพลิงกัลป์พูดพลางลุกขึ้นยืน   “นี่ก็ดึกแล้ว  นอนเถอะ  พรุ่งนี้ตื่นแต่เช้า  ...อย่าลืมกินยาบำรุงนะ”

            “ไม่ลืมหรอกน่า”  เมืองแมนลากเสียง

            เขาทำธุระจนเสร็จเรียบร้อยเตรียมตัวเข้านอน   นั่งเอนหลังอ่านหนังสือว่าด้วยแม่และเด็กต่ออีกนิดหน่อย   หางตาเหลือบไปเห็นน้ำมนต์ขวดเล็กที่วางอยู่ประจำหัวเตียง  ชายหนุ่มเอื้อมมือไปหยิบขึ้นมาพิศดู  เห็นเป็นน้ำใสแจ๋วเหมือนน้ำเปล่า  ฝาขวดเป็นเกลียวหมุนปิดแบบธรรมดา  ดูแล้วน่าจะเปิดแบ่งได้

            เขาเลยลุกขึ้นหาขวดเล็กๆมาเตรียมแบ่ง  ได้เป็นขวดแก้วใสที่เคยมีน้องรหัสพับรูปดาวใส่เอาไว้ให้ตอนวันปัจฉิมนิเทศ  จัดการเทดาวกระดาษพวกนั้นออกมาแล้วเทน้ำมนต์ลงไปแทนเรียบร้อย  ปิดขวดจนแน่ใจว่าแน่นหนาดีแล้วก็เอาวางเอาไว้ที่หัวเตียงคู่กัน  ตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะเอาไปให้อาจารย์คริส  เผื่อว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง

            กลับมานอนบนเตียงที่เดิม   เมืองแมนผล็อยหลับไปอย่างง่ายดาย  เวลาผ่านไปเท่าไหร่ไม่ทราบตอนที่เขาสะดุ้งตื่นเพราะรู้สึกเจ็บที่หน้าท้องเหมือนมีใครมาถีบเต็มแรง

            “เห้ย?”  พยายามจะลุกขึ้นนั่งทว่าแขนขากลับหนักอึ้งคล้ายมีอะไรมาตรึงเอาไว้  อะไรบางอย่างในท้องของเขากำลังเคลื่อนไหว  ราวกับมีคนกำลังเตะต่อย ไม่ก็เต้นซุมบ้าอยู่ในท้องของเขาอย่างเมามัน   เมืองแมนขยับจะเรียกเพลิงกัลป์ที่นอนอยู่ห้องข้างๆแต่กลับร้องไม่ออก

            ท่ามกลางแสงไฟฟ้าสว่างจ้า  ผู้หญิงคนหนึ่งนั่งหมิ่นๆอยู่ที่ปลายเตียงของเขา

            ...

           

            มาต่อแล้วจร้า

            สวัสดีวันสงกรานต์นะทุกคน  เราไม่ได้ไปเล่นสาดน้ำอะไรกับเค้าหรอก5555  แดดร้อนมากน้องไม่ไหว  รู้สึกผ่านพ้นวัยที่จะไปสาดน้ำแล้ว5555  ขอใช้เวลาวันหยุดให้คุ้มค่าด้วยการนั่งเขียนนิยายดีกว่าเนอะ  เผื่อเพื่อนๆเล่นน้ำเสร็จแล้วจะได้มาอ่านนิยายเค้าแก้เหนื่อยๆ อิอิ

            ตอนนี้ค่อนข้างจะมีสาระ  ตรงไหนฟร่ะ ฮ่าๆ  นี่กำลังคิดว่านิยายยาวเว่อ  จะมีคนอ่านต่อมั้ย  มัวแต่เวิ่นเว้อสิบตอนก็ยังไม่จบ555555  ไม่เป็นไร  ก็เขียนไปเรื่อยๆเนอะ  จบเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแล

            เจอกันตอนหน้า  ใครเล่นทวิตอย่าลืม #แฟนหมอแมน นะคะ

            บรัยยย

            Melenalike

           

           

  :katai2-1: :katai2-1:

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เอาละสิ......หมอคริส   :katai1:
บ่วงกรรมเหรอ  :mew2:

เพลิง  แมน    :กอด1: :กอด1: :กอด1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ suck_love

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 780
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-1
อยากรู้ปม ฮือออออ

หมอหลินท้องกับหมอคริสหรือเปล่า
งงค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด