เมืองแมนกลับมาตามทางเดิม เขาเจออาจารย์เปรมฤดีเข้ามาในวอร์ดพอดี เธอทักทายเขาแล้วก็คุยเรื่องอาการของอาจารย์คริสให้ฟัง
“พี่ว่าน่าจะเกิดจากนอนไม่พอก็เลยทำให้เกิดประสาทหลอน แต่เดิมเท่าที่พี่ซักประวัติก็คิดว่าอาจารย์คริสเองก็น่าจะมีโรคซึมเศร้าอยู่ก่อนแล้ว เหมือนจะเกี่ยวโยงกับคนที่ชื่อหลิน น่าจะมีเรื่องที่ทำให้ฝังใจหรือรู้สึกผิดอะไรอยู่ เสียดายที่พี่ไม่ได้ใช้ทุนที่นี่รุ่นเดียวกับเขาเลยไม่รู้ตื้นลึกหนาบางเท่าไหร่ แต่นั่นแหละ...พอเกิดการกระตุ้นเข้าโรคก็เลยเป็นหนัก นี่ดีขึ้นมาแล้วนะ ตอนแรกยากี่เข็มก็เอาไม่อยู่ต้องมัดแขนขา”
“เป็นไปได้มั้ยครับว่าอาจารย์อาจจะมองเห็น...คุณหลิน”
“หืม?” อาจารย์สาวเบิกตาโตมองหน้าเขา จากนั้นก็หัวเราะเบาๆ “หมายถึงเห็นผีน่ะเหรอจ้ะ”
“ครับอาจารย์ ถ้าสมมุติว่าอาจารย์คริสมองเห็นผีคุณหลินล่ะครับ”
“ก็อาจจะเป็นไปได้นะ” เธอตอบกลับมายิ้มๆ แต่เมืองแมนรู้ว่าเธอไม่ได้เชื่อเขาเลยสักนิด “เดี๋ยวพี่จะลองดูไปก่อนก็แล้วกัน ว่างๆเธอก็มาเยี่ยมอาจารย์อีกได้นะ แต่ขอร้องว่าอย่างมากันเยอะ พี่กลัวว่าจะยิ่งกระตุ้นอาการให้หนักขึ้น”
“ครับอาจารย์”
เขานั่งดูภาพในกล้องวงจรปิดที่ฉายภาพข้างในห้องพักของอาจารย์คริสอยู่อีกพักใหญ่ อาจารย์ลุกขึ้นเดินกลับไปกลับมาภายในห้องนั้น บางครั้งก็กรีดร้องโบกมือเหมือนพยายามจะไล่อะไรสักอย่างออกไป แม้ว่าคุณพยาบาลจะพยายามเข้าไปปลอบและฉีดยาสงบอาการแล้วก็ตาม ชายหนุ่มก็ดูจะไม่สงบลงเลย
“เขาร้องแบบนี้ประจำ” อาจารย์นุ่นพูดเรียบๆ “เดี๋ยวพี่คงต้องเข้าไปคุยหน่อย ไว้เจอกันนะจ้ะเมืองแมน” จิตแพทย์สาวลุกขึ้นเดินฉับๆไปทางห้องพักพิเศษนั้น
เมืองแมนกลับออกมาจากวอร์ด ตอนนี้เขารู้แล้วว่าเสียงร้องไห้โหยหวนยามค่ำคืนที่ใครๆเข้าใจว่าเป็นเสียงของผีนักโทษลึกลับชั้นห้านั้น แท้จริงแล้วหาใช่เสียงของผีไม่....เป็นเสียงของคนต่างหาก
คนที่เหมือนกำลังจะตาย...
“อุ้ย!” หน้าผากของเมืองแมนกระแทกเข้ากับแผ่นอกของใครอีกคนเต็มแรงเพราะไม่ทันระวัง ชายหนุ่มกระเด็นไปสามก้าว ดีที่อีกฝ่ายช่วยยึดแขนเอาไว้
“แมน...เป็นอะไรรึเปล่า เดินใจลอยเชียว”
“เต้ยน่ะเอง” เมืองแมนอุทาน
“ไม่เห็นหน้าเลยพักนี้” น้ำเสียงของเต้ยมีแววตัดพ้อ “งานยุ่งเหรอ หรือว่าไม่สบาย”
“ทั้งคู่น่ะ เต้ยล่ะเป็นยังไงบ้าง” เมืองแมนตอบสั้นๆ เดินเลี่ยงไปอีกทางแต่อีกฝ่ายก็ยังเดินตามมา
“งานหนักมากเลยช่วงนี้ ....แต่วันนี้ว่างแล้วล่ะ แมนอยากไปดูหนังมั้ย เราหาคนดูหนังเป็นเพื่อนอยู่” ชายหนุ่มล้วงเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอวด “เพิ่งได้โปรโมชั่นดูหนังซื้อหนึ่งแถมหนึ่งมา แมนอยากดูหรือเปล่า”
“เรา..มีนัดแล้วน่ะ” เมืองแมนตอบออกไปแบบไม่ต้องคิดซ้ำ “เต้ยไปเถอะ ลองถามเพื่อนคนอื่นดู”
“แมนเป็นแบบนี้เพราะเพลิงใช่มั้ย” จู่ๆอีกฝ่ายก็โพล่งขึ้นมา “เพลิงไม่ชอบเรา แมนก็เลยเกรงใจเพื่อนไปด้วย เราโทรไปทีไร เพลิงก็บอกว่าแมนไม่ว่างตลอด”
“ไม่ใช่อย่างนั้น...” เมืองแมนอึกอัก ไม่ใช่นิสัยของเขาที่จะทำลายความรู้สึกของเพื่อน
“ใช่ แบบนั้นนั่นแหละ” เสียงห้าวๆดังขึ้นข้างตัวพร้อมกับน้ำหนักของแขนที่พาดมาบนไหล่ เมืองแมนสะดุ้งเหลียวไปมอง เห็นร่างสูงใหญ่ของรูมเมทยืนอยู่เคียงข้างด้วยใบหน้าบึ้งตึง “เมืองแมน ‘ไม่ว่าง’ แล้ว จะวันนี้หรือวันไหนก็ไม่ว่างทั้งนั้นแหละ” คนพูดเน้นคำบางคำอย่างจงใจ
เต้ยขมวดคิ้ว
“มึงอย่าทำตัวเป็นเด็กๆแบบนี้สิเพลิง โตๆกันแล้ว ยังมาหวงเพื่อนกันอีกเหรอ ไม่ใช่เด็กอนุบาลนะ เมืองแมนเขาอยากจะคบใคร อยากจะไปเที่ยวกับใครทำไมมึงต้องมาห้ามเขาด้วย”
“ก็เพราะมันไม่ใช่พะ...โอ๊ย!” เพลิงกัลป์ตะคอกแล้วสะดุ้งโหยงอุทานลั่น หันขวับมามองคนข้างๆที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อย่างฉุนจัด “เออ...กูมันเด็กอนุบาล หวงเพื่อน กูไม่ชอบมึงเลยไม่อยากให้เพื่อนไปเล่นกับมึง แค่นั้นแหละ” ชายหนุ่มกระแทกเสียง จากนั้นก็ลากคอ เอ๊ย...ดึงให้คนตัวเล็กกว่าออกเดินผ่านหน้าเต้ยไป
จนพ้นมุมตึกนั่นแหละ เมืองแมนถึงได้ดันแขนอีกฝ่ายที่พาดไหล่ออก เหล่มองใบหน้าคมเข้มที่งอหงิกแบบเด็กไม่ได้ดั่งใจนั้นด้วยความรู้สึกแปลกๆ จะเอ็นดูก็ไม่ใช่ จะหมั่นไส้ก็ไม่เชิง
“เจ็บมากหรือเปล่า”
“ถามมาได้ ต้องถามว่าเนื้อหลุดมั้ย” เพลิงกัลป์ตอบ ดึงเสื้อขึ้นแล้วเอี้ยวตัวให้อีกฝ่ายดูตรงเอวเรียบไร้ไขมันที่มีรอยเขียวช้ำทันตาเห็น
“ขอโทษ ก็มึงพูดมากอ่ะ” เมืองแมนตอบ ใช้ปลายนิ้วจิ้มๆบริเวณที่ถูกเขาหยิกเข้าเต็มแรง “เดี๋ยวก็หายน่า เป่าเพี้ยงๆหายเลย” คนพูดก้มลงไปเป่าลมปูดๆใส่ตรงเอวของอีกฝ่ายเข้าจริงๆ ทำเอาเพลิงกัลป์ตกใจ
“เห้ย...มาเป่าอะไร หลอกเป็นเด็กๆไปได้”
“ก็ไหนบอกว่าเป็นเด็กอนุบาลหวงเพื่อนไม่ใช่เหรอ”
“จะบอกว่าหวงเมียก็ไม่ได้นี่ ไม่งั้นบอกไปแล้ว....เอ้ย...อย่านะ สู้นะครับ” พูดจบก็รีบยกมือขึ้นตั้งการ์ดเพราะคนฟังทำท่าจะฟาดมือตุบตับลงมาอีก “พูดเล่นนิดหน่อยเอง มือหนักจัง”
“พูดอะไรเพ้อเจ้อฉิบ ใครมาได้ยินเข้าใจผิดหมด” เมืองแมนอุบอิบ
“ต้องบอกว่าเป็นแม่ของลูกใช่หรือเปล่า”
“..........” เมืองแมนหันขวับมาถลึงตาใส่ คนพูดหัวเราะยกมือแทนคำขอโทษ พร้อมกับยื่นใบหน้าลงมาจนใกล้
“ถ้าจะตีให้ตีที่ปากนะ” เพลิงกัลป์พูด นัยน์ตาคมเข้มแพรวพราวยิ้มใส่ตาของเขา “เผื่อปากเจ็บจะได้มีคนเป่าปากเพี้ยงๆให้หายบ้าง”
“จะบิดปากให้หลุดออกมาติดมือเลย” เมืองแมนตวัดเสียงห้วน รู้สึกหน้าร้อนๆชอบกล รีบเดินหนีเร็วๆ รู้อยู่หรอกว่าเดินเร็วแค่ไหนอีกฝ่ายก็ตามมาทันอยู่ดี เหมือนทุกทีนั่นล่ะ
“เมื่อตอนบ่ายไปทำอะไรมา” เพลิงกัลป์ชวนคุย เขาเลยเล่าตั้งแต่ตอนที่ไปพบอาจารย์คมศักดิ์ให้ฟัง ฝ่ายนั้นมีท่าทางเครียดขึ้นจนเห็นได้ชัด
“กูคงต้องอยู่เป็นอินเทิร์นหนึ่งต่ออีกปี...” เมืองแมนจบประโยคอย่างเซ็งๆ
“กูจะอยู่เป็นเพื่อนเอง เดี๋ยวกูจะลาด้วย มึงจะซ้ำกี่เดือนก็บอกมา”
“จะบ้าเหรอเพลิง จะทำแบบนั้นทำไม มึงจะไปเรียนออโถ(ศัลยกรรมกระดูก)ไม่ใช่เหรอ จะมาเสียเวลาทำไมอีกปี” เมืองแมนไม่เข้าใจ
“เรื่องของมึงไม่มีเสียเวลาหรอก ถ้ามึงคลอดออกมาจะให้กูไปเรียนอยู่คนเดียวได้ไง ปล่อยให้มึงนั่งร้องไห้ขี้มูกโป่งเลี้ยงลูกโยเยอยู่ที่บ้านคนเดียวงี้เหรอ” เพลิงกัลป์พูดเหมือนคิดมาก่อนล่วงหน้าแล้ว “กูกะไว้แล้วว่าหลังจากรับปริญญา...กูจะพามึงไปเชียงใหม่”
“อะไรนะ?” คนฟังตกใจ
“เชียงใหม่ บ้านกูเอง...ถ้ามึงท้องแก่จะอยู่ที่นี่ต่อคงไม่ไหว ยิ่งถ้าคลอดออกมาแล้วด้วย ที่บ้านกูคนเยอะแยะจะได้ช่วยกันเลี้ยงได้”
“มึงเสียสติไปแล้วแน่ๆ แล้วที่บ้านมึงจะรับได้ยังไง กูเป็นผู้ชายนะเผื่อลืม”
“แล้วไง...มึงคลอดลูกกูไง ลูกกูก็คือหลานพ่อกับแม่ ยังไงเขาก็ต้องรับได้” เพลิงกัลป์พูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ แต่แววตาตรงกันข้าม “มึงอย่าเพิ่งไปคิดอะไรมากเลย อีกเป็นเดือน”
“กูไม่ไปเชียงใหม่กับมึงหรอกเพลิง ถ้าจะคลอด...ถ้าต้องเลี้ยงลูก กูขออยู่กับแม่ที่กรุงเทพฯดีกว่า อันนี้พูดจริงๆนะ” เมืองแมนพูดขึ้นบ้าง
“ไว้เราค่อยคุยเรื่องนี้กันอีกที” เพลิงกัลป์ตัดบท “แล้วเรื่องอาจารย์คริสที่ว่าจะเล่าล่ะ อาทิตย์หน้ามีนัดกับอาจารย์ด้วยนี่ก่อนไปกรุงเทพฯ”
“อ๋อ..คือว่า..” เมืองแมนเล่าเรื่องของอาจารย์คริสให้อีกฝ่ายฟัง เพลิงกัลป์ตกใจมากแต่ก็นิ่งฟังจนเขาเล่าจบ “...อาการของอาจารย์ตอนนี้อาจจะเกิดจากผีหมอหลินก็ได้นะ”
“น่าจะใช่ แสดงว่าอาจารย์ก็ต้องเกี่ยวกันอะไรสักอย่าง...หรือว่า อาจารย์จะเป็นคนฆ่าหมอหลิน”
“หมอหลินฆ่าตัวตายไม่ใช่เหรอ”
“อาจจะเป็นต้นเหตุก็ได้เอ้า...ไม่อย่างนั้นหมอหลินจะตามหลอกแกทำไม”
“งั้นหมอหลินมาหลอกพวกเราทำไมล่ะ..เพลิง มีเหตุผลอะไรงั้นหรือ”
เกิดความเงียบขึ้นภายในห้องพักของแฟลต ทั้งคู่มองหน้ากันนิ่งงันเพราะคิดหาจุดเชื่อมโยงเข้าด้วยกันไม่เจอ
“มันอาจจะยังมีความลับเรื่องอื่นที่อาจารย์บอกเราไม่หมดก็ได้นะ” เพลิงกัลป์พูดอย่างใช้ความคิด “แต่ตอนที่มึงฝันน่ะ มีผู้ชายอีกคนที่ไม่ใช่อาจารย์คริสด้วยไม่ใช่หรือไง”
“ใช่...มีผู้ชายอีกคน เขานั่งอยู่กับหมอหลินตอนที่ไปตั้งแคมป์หรืออะไรสักอย่างด้วยกัน จำไม่ค่อยได้แล้ว” เมืองแมนขมวดคิ้ว “ไม่รู้ว่าใคร”
“ไม่ใช่อาจารย์คมศักดิ์ใช่มั้ย ดูเหมือนแกกุมความลับอะไรอยู่ก็ไม่รู้น่าขนลุก กูไม่ชอบเค้าเลย” เพลิงกัลป์ออกความเห็น เมืองแมนส่ายหน้า
“ไม่ใช่หรอก กูจำเสียงเค้าได้ คิดว่าถ้าได้ยินอีกทีก็น่าจะจำได้ ประเด็นคืออาจารย์คริสต่างหาก อาการของอาจารย์หนักมากเลยนะ กูว่าถ้าปล่อยไปแบบนี้อีกหน่อยจะกู่ไม่กลับ”
“หมายถึงเป็นบ้าไปเลยแบบนี้น่ะเหรอ”
“มึงต้องไปเห็นเองเพลิง อาจารย์น่าสงสารมากเลยนะ ขนาดกูดูผ่านจอยังแทบทนไม่ได้ กูอยากช่วยเค้านะ...เราแบ่งน้ำมนต์ไปให้อาจารย์บ้างดีมั้ย” เมืองแมนเสนอขึ้นมา “เผื่อมันจะช่วยให้อาจารย์สงบลงไง”
“มันจะได้ผลเรอะ...กูว่าอย่าแบ่งดีกว่ามั้ง ไว้แวะไปขอพระอาจารย์อีกก็ได้” เพลิงกัลป์พูดพลางลุกขึ้นยืน “นี่ก็ดึกแล้ว นอนเถอะ พรุ่งนี้ตื่นแต่เช้า ...อย่าลืมกินยาบำรุงนะ”
“ไม่ลืมหรอกน่า” เมืองแมนลากเสียง
เขาทำธุระจนเสร็จเรียบร้อยเตรียมตัวเข้านอน นั่งเอนหลังอ่านหนังสือว่าด้วยแม่และเด็กต่ออีกนิดหน่อย หางตาเหลือบไปเห็นน้ำมนต์ขวดเล็กที่วางอยู่ประจำหัวเตียง ชายหนุ่มเอื้อมมือไปหยิบขึ้นมาพิศดู เห็นเป็นน้ำใสแจ๋วเหมือนน้ำเปล่า ฝาขวดเป็นเกลียวหมุนปิดแบบธรรมดา ดูแล้วน่าจะเปิดแบ่งได้
เขาเลยลุกขึ้นหาขวดเล็กๆมาเตรียมแบ่ง ได้เป็นขวดแก้วใสที่เคยมีน้องรหัสพับรูปดาวใส่เอาไว้ให้ตอนวันปัจฉิมนิเทศ จัดการเทดาวกระดาษพวกนั้นออกมาแล้วเทน้ำมนต์ลงไปแทนเรียบร้อย ปิดขวดจนแน่ใจว่าแน่นหนาดีแล้วก็เอาวางเอาไว้ที่หัวเตียงคู่กัน ตั้งใจว่าพรุ่งนี้จะเอาไปให้อาจารย์คริส เผื่อว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง
กลับมานอนบนเตียงที่เดิม เมืองแมนผล็อยหลับไปอย่างง่ายดาย เวลาผ่านไปเท่าไหร่ไม่ทราบตอนที่เขาสะดุ้งตื่นเพราะรู้สึกเจ็บที่หน้าท้องเหมือนมีใครมาถีบเต็มแรง
“เห้ย?” พยายามจะลุกขึ้นนั่งทว่าแขนขากลับหนักอึ้งคล้ายมีอะไรมาตรึงเอาไว้ อะไรบางอย่างในท้องของเขากำลังเคลื่อนไหว ราวกับมีคนกำลังเตะต่อย ไม่ก็เต้นซุมบ้าอยู่ในท้องของเขาอย่างเมามัน เมืองแมนขยับจะเรียกเพลิงกัลป์ที่นอนอยู่ห้องข้างๆแต่กลับร้องไม่ออก
ท่ามกลางแสงไฟฟ้าสว่างจ้า ผู้หญิงคนหนึ่งนั่งหมิ่นๆอยู่ที่ปลายเตียงของเขา
...
มาต่อแล้วจร้า
สวัสดีวันสงกรานต์นะทุกคน เราไม่ได้ไปเล่นสาดน้ำอะไรกับเค้าหรอก5555 แดดร้อนมากน้องไม่ไหว รู้สึกผ่านพ้นวัยที่จะไปสาดน้ำแล้ว5555 ขอใช้เวลาวันหยุดให้คุ้มค่าด้วยการนั่งเขียนนิยายดีกว่าเนอะ เผื่อเพื่อนๆเล่นน้ำเสร็จแล้วจะได้มาอ่านนิยายเค้าแก้เหนื่อยๆ อิอิ
ตอนนี้ค่อนข้างจะมีสาระ ตรงไหนฟร่ะ ฮ่าๆ นี่กำลังคิดว่านิยายยาวเว่อ จะมีคนอ่านต่อมั้ย มัวแต่เวิ่นเว้อสิบตอนก็ยังไม่จบ555555 ไม่เป็นไร ก็เขียนไปเรื่อยๆเนอะ จบเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแล
เจอกันตอนหน้า ใครเล่นทวิตอย่าลืม #แฟนหมอแมน นะคะ
บรัยยย
Melenalike
