Cr.Pic [F.GC]
ติดแฮชแท็ก
#พี่ควอตซ์น้องเหนือ ในทวิตเตอร์
อุ้มรัก’S l “02”❈ ❈ ❈ 100% ❈ ❈ ❈
บรรยากาศในห้องประชุมแม้จะไม่ได้ตรึงเครียดแต่ก็ไม่ได้สนุกสนานนักเพราะตอนนี้ทุกคนในทีมออกแบบกำลังระดมความคิดสำหรับเครื่องประดับคอลเลกชั่นถัดไปที่มีกำหนดจะต้องผลิตออกมาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้แล้ว
ซึ่งตอนนี้ทุกคนก็กำลังถกกันถึงแบบที่จะทำต่อไปว่าจะทำออกมาในรูปแบบและลักษณะไหนดี
“คอลเลกชั่นที่แล้วผลตอบรับก็ดีมากทีเดียวนะ ยิ่งพอเราปรับให้เข้ากับวัยรุ่นมากขึ้นก็ยิ่งดี” เสียงของคุณบีหัวหน้าฝ่ายดีไซน์ของคิวเอ็นพูด “ลดถอนสีสันของอัญมีลงแล้วใส่พวกเพชรเม็ดเล็กๆ ลองไปกลับได้รับความสนใจจากคนวัยทำงานแล้วก็วัยรุ่นมากกว่าเสียอีก”
“ใช่ค่ะ เพราะสีสันที่ไม่ฉูดฉาดเกินไปสามารถเลือกใส่ได้กับเสื้อผ้าที่หลากหลาย อีกทั้งบางแบบบางดีไซน์ยังสามารถใส่ติดตัวได้ตลอด แบบนี้ก็เลยได้รับความนิยมมากทีเดียว ถ้าเรายังคงคอนเซ็ปเดิมเอาไว้แบบนี้ก็น่าจะดีนะคะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็อยู่ที่ว่าเราจะดีไซน์ยังไงดีสินะ” ควอตซ์ที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะพูด เคาะนิ้วบนโต๊ะเป็นจังหวะอย่างใช้ความคิด หันไปมองคนข้างๆ ที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาวาดอะไรอยู่ตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้ว “ทำอะไรอยู่น่ะน้ำเหนือ”
คนถูกถามเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะยิ้มให้ทุกคนก่อนจะหันไปหยิบสายต่อเพื่อต่อแท็บแล็ตเข้ากับจอโปรเจคเตอร์ “ผมคิดไอเดียได้แล้วละครับ”
ทุกคนเบนสายตาไปบนจอที่มีภาพร่างอยู่บนนั้น เป็นภาพเกี่ยวกับของไทยๆ ไม่ว่าจะเป็นขนมไทย ถ้วยชามลายเบญจรงค์ รวมไปถึงลายผ้าไทย
“อย่างที่ทุกคนรู้นะครับว่าตอนนี้เทรนด์ไทยมาแรงมากๆ หลายหน่วยงานมักจะรณรงค์ให้รักษ์ความเป็นไทย ผมเลยคิดว่าน่าจะดีนะครับถ้าเราหยิบพวกนี้มาทำเครื่องประดับแล้วก็ดูมีเอกลักษณ์ดีด้วย” น้ำเหนือเริ่มเล่าความคิดของตัวเอง “อย่างพวกลายขนมไทยผมว่าเราทำเป็นเช็ตก็น่าจะสวยนะครับ มีทั้งสร้อยคอ ต่างหู สร้อยข้อมือแล้วก็แหวน แต่เวลาขายเราก็แยกขายเป็นชิ้นไป ตามที่ผมคิดเอาไว้นะครับพวกขนมไทยเนี่ยเราใช้เพชรหรืออัญมณีไม่เยอะ เน้นรูปทรงที่ดูเหมือนจริงน่าจะโดนใจผู้หญิงหลายรุ่นหลายวัยนะครับ”
หลายคนพยักหน้ารับกับคำพูดของน้ำเหนือเหมือนกับจะเห็นด้วย เจ้าตัวกวาดสายตามองทุกคนที่นั่งร่วมประชุมอยู่ด้วยก่อนจะหันไปมองคนที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะที่มองมาที่เขาอยู่เหมือนกัน อีกฝ่ายส่งยิ้มให้พร้อมกับพยักหน้าให้
“ความคิดดีนะคะ” คุณบีว่าก่อนจะลุกจากเก้าอี้ไปที่จอก่อนจะชี้ไปที่รูปที่ฉายอยู่ “อย่างพวกลายเบญจรงค์บีว่าถ้าเอาไปปรับดีไซน์แล้วเอาไปออกเพชรเพทายก็น่าจะสวยนะคะ ทำเหมือนเป็นคอลเลกชั่นเดียวกันไปเลย ทุกคนว่ายังไงคะ คุณควอตซ์ว่ายังไงคะ”
“ผมว่าก็น่าสนใจดีทีเดียว ถ้าไม่อย่างนั้นคอลเลกชั่นนี้เป็นคอลเลกชั่นพิเศษก็น่าจะดีนะครับ จะว่าไปปีนี้ก็ครบรอบบริษัทด้วยเอาไว้เรื่องนี้ผมจะลองเสนอกับบอร์ดผู้บริหารอีกที ส่วนของคิวเอ็นผมอนุมัติคอนเซ็ปนี้ ยังไงทางฝ่ายดีไซน์ก็ลงมือเลยครับ” ควอตซ์ตอบ “คอนเซ็ปนี้เราน่าจะเล่นได้หลายคอลเลกชั่นอยู่ ค่อยๆ ปล่อยออกมาสลับกันไป ยังไงก็ลองดูกันนะครับ”
“ได้ค่ะ / ครับ” ทีมฝ่ายดีไซน์ต่างพยักหน้ารับกับคำพูดของควอตซ์
การประชุมดำเนินต่อไปจนกระทั่งเที่ยงกว่าการประชุมถึงได้สิ้นสุดลง ทุกคนทยอยเดินออกจากห้องประชุมพร้อมกับยังพูดคุยถึงงานในครั้งนี้ต่อ สีหน้าของทีมดีไซน์เนอร์ดูจะสนุกสนานที่จะได้ทำงานนี้ ในห้องจึงเหลือเพียงแค่ควอตซ์กับน้ำเหนือเท่านั้น
“วันนี้จะไปกินข้าวที่ไหนครับ จะให้พี่ลินสั่งมาให้หรือเปล่า” น้ำเหนือถามคนรักพร้อมกับรวบเอกสารทุกอย่างใส่แฟ้มหยิบแท็บเล็ตมาถือเอาไว้
“ออกไปข้างนอกกันดีกว่า ยังไงบ่ายนี้ก็ไม่มีงานอะไรด่วนนี่ใช่ไหม” ถามพร้อมกับแย่งแฟ้มในมืออีกฝ่ายมาถือแต่น้ำเหนือไม่ยอมเพราะเจ้าตัวกอดแฟ้มเอาไว้แน่นแล้วส่ายหน้าไปมา
“ผมถือเองครับ... ก็ไม่ได้มีงานด่วนอะไร บ่ายนี้พวกพี่ๆ เขาก็คงคุยเรื่องคอนเซ็ปนี้กันนี่แหละครับ งานเก่าเคลียร์กันไปหมดแล้ว”
“อย่างนั้นกลับกัน นี่ก็เที่ยงกว่าจะบ่ายโมงแล้ว ไปกินข้าวเสร็จแล้วไปรับเด็กๆ กันดีกว่า” ควอตซ์พูดก่อนจะเดินนำอีกฝ่ายออกจากห้องประชุมไปโดยมีน้ำเหนือเดินตาม
ถ้าเป็นเวลาทำงานน้ำเหนือมักจะให้เกียรติและปฏิบัติตนเหมือนกับพนักงานคนอื่นๆ ที่ไม่ตีเสมอเจ้านายอย่างควอตซ์ แม้แต่เรื่องเล็กน้อยอย่างการที่ควอตซ์จะถือของให้น้ำเหนือก็จะไม่ยอมและถือเองทุกครั้งรวมไปถึงการถือของให้ควอตซ์ด้วย หรือเรื่องการเดินถ้าหากอยู่ในบริษัทน้ำเหนือจะไม่เดินเสมอหรือเคียงข้างควอตซ์ จนบางทีต้องเป็นควอตซ์เสียเองที่ต้องรั้งอีกฝ่ายมาเดินข้างๆ กัน
“อย่างนั้นเดี๋ยวผมไปหยิบของก่อนนะครับ ลงไปเจอกันที่รถเลยเนอะ” น้ำเหนือบอกกับควอตซ์ระหว่างที่กำลังลงขึ้นลิฟต์ไปข้างบนเพื่อขึ้นไปยังชั้นทำงาน
“โอเคครับ” ยกมือลูบผมคนรักไปที พอดีกับที่ลิฟต์หยุดอยู่ที่ชั้นทำงานของน้ำเหนือ เจ้าตัวเลยหันมายิ้มให้ก่อนจะเดินออกจากลิฟต์ไป มีการหันมาโบกมือให้จนควอตซ์นึกมันเขี้ยวอยากจะคว้าตัวอีกคนมาฟัดให้ช้ำ
“น้ำเหนือไปกินข้าวด้วยกันไหม” เสียงของพี่ๆ ในทีมเอ่ยถามเมื่อเห็นน้ำเหนือเดินเข้ามาในห้อง แต่ละคนสะพายกระเป๋าเรียบร้อย ดูก็รู้เลยว่าคงไม่มีใครกลับเข้ามาออฟฟิศอีกแล้วแน่นอน
“วันนี้ผมขอผ่านนะครับ เดี๋ยวจะออกไปข้างนอกกับพี่ควอตซ์แล้วก็เลยไปรับเด็กๆ กลับบ้านเลยครับ”
“อ๋อ... โอเคจ้า อย่างนั้นพวกพี่ไปกันก่อนนะ แล้วเจอกันวันจันทร์นะ”
“ครับผม แล้วเจอกันครับ” น้ำเหนือยกมือโบกให้พี่ๆ ทุกคน หันไปเก็บของที่โต๊ะตัวเองบ้าง ตรวจเช็คภายในห้องทำงานอีกรอบก่อนจะเดินไปรอลิฟต์เพื่อลงไปยังชั้นที่จอดรถ
ควอตซ์ยืนพิงรถรออยู่แล้วตอนที่น้ำเหนือลงไปถึง น้ำเหนือยิ้มก่อนจะรีบก้าวไปหาใครอีกคนทันที มือยื่นไปจับมือของควอตซ์ที่ยื่นมาหา
“รีบเดินทำไมหือ... เดี๋ยวก็ล้มหรอกครับ เป็นมัมมี๊แล้วนะระวังหน่อยสิ” เอ่ยดุทันทีที่อีกฝ่ายเดินมาถึงตัว
“ผมไม่ซุ่มซ่ามขนาดนั้นเสียหน่อย ไม่ดุสิครับ” เงยหน้าย่นจมูกใส่จนคนมองต้องยกมือขึ้นบีบจมูกอีกฝ่ายอย่างมันเขี้ยว ก่อนจะหันไปเปิดประตูรถให้น้ำเหนือขึ้นไปนั่งแล้วจึงอ้อมไปประจำที่ของตัวเอง
“วันนี้อยากกินอะไรดีครับ อาหารญี่ปุ่นไหม” หันไปถามคนรัก
“ได้ครับ แล้วแต่พี่ควอตซ์เลย” ยิ้มหวานกลับมาให้ “เย็นนี้ชวนพ่อไปกินข้าวที่บ้านด้วยดีไหมครับ กลับมาจากหัวหินยังไม่ได้เจอพ่อเลยมีงานยุ่งตลอดเลย”
“เอาสิ วันนี้วันศุกร์ด้วยให้พ่อสินธรมานอนที่บ้านก็ได้พรุ่งนี้วันหยุด”
“จริงด้วย ผมชวนพ่อมานอนที่บ้านเลยดีกว่า” พูดจบก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกหาพ่อสินธร ควอตซ์ได้ยินอีกฝ่ายออดอ้อนพ่อทางโทรศัพท์ก็หันไปมองก่อนจะยิ้มขำเมื่อเห็นสีหน้าที่เดี๋ยวบูดบึ้งเดี๋ยวยิ้มหวาน
ท่าทางอย่างกับเด็กน้อยทั้งๆ ที่เจ้าตัวก็โตจนมีลูกฝาแฝดวัยกำลังซนแล้วแท้ๆ แต่ถึงอย่างนั้นน้ำเหนือตอนทำตัวเหมือนเป็นเด็กแบบนี้ก็ยังดูน่ารักน่าเอ็นดูเสมอในสายตาของควอตซ์
“ตามนี้นะครับ เย็นนี้เจอกันนะครับพ่อ สู้ๆ กับการทำงานนะครับ สวัสดีครับ” น้ำเหนือวางสายไปแล้ว เจ้าตัวหันมายิ้มกว้าง “พ่อตกลงมากินข้าวแล้วก็นอนที่บ้านแล้วละครับ ว่าแต่ว่าพี่ควอตซ์ได้คุยกับพี่ลินเรื่องบ้านของพ่อหรือยังครับ”
“ก็คุยแล้วนะ พี่ลินบอกเดี๋ยวขอปรึกษากับโอ๊ตดูก่อนแล้วจะบอกอีกที รีบขนาดนั้นเลยหรือยังไง ยังไงพ่อสินธรก็ไม่ไปไหนหรอกน่า”
“ก็ผมอยากให้พ่อย้ายไปอยู่ด้วยกันนี่ครับ อยู่คนเดียวแบบนั้นผมเป็นห่วง”
“ครับๆ เอาไว้พี่ถามพี่ลินให้อีกที ไปครับไปกินข้าวกันดีกว่าบ่ายโมงกว่าแล้วเดี๋ยวปวดท้อง” ควอตซ์พูดพอดีกับที่เขาเลี้ยวรถเข้าไปจอดที่ร้านอาหารพอดี
ทั้งคู่เดินเข้าไปในร้าน เพราะไม่ใช่เวลาพักกลางวันของพนักงานแล้วในร้านจึงมีคนไม่เยอะมาก มีที่นั่งหลายที่ให้เลือกได้ตามใจชอบ พวกเขาเดินไปนั่งที่โซฟาริมกระจก สั่งอาหารมาคนละอย่างสองอย่าง ก่อนจะส่งเมนูคืนให้กับพนักงาน
“กินเยอะๆ นะครับ ช่วงนี้พี่ว่าเราผอมลงไปนะ” ควอตซ์ว่าพลางคีบเนื้อปลาสีสวยใส่จานของคนรัก “เร่งทำงานทีไรก็กินน้อยจนผอมลงทุกที ถ้ายังเป็นแบบนี้อีกพี่จะไม่ให้ทำแล้วนะ”
“ไม่เอานะครับ สัญญาเลยว่าจากนี้ไปผมจะกินเยอะๆ ไม่ปล่อยให้ตัวเองผอมลงอีกแล้ว” น้ำเหนือรีบทำหน้าอ้อนทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น
“ให้มันจริงเถอะ ดื้อเหลือเกินคนนี้” จิ้มปลายจมูกรั้นเบาๆ “ความดื้อนี่ส่งไปให้ลูกเต็มๆ เลยสินะ”
“ผมเปล่าดื้อสักหน่อย อีกอย่างที่แฝดดื้อน่ะได้มาจากพี่ควอตซ์ต่างหาก” โยนความผิดกลับไปให้อีกฝ่ายแทน
ควอตซ์ไม่ได้ว่าอะไรกับคำพูดของน้ำเหนือนอกจากยื่นมือไปบีบแก้มขาวๆ ที่เขาชอบฟัดชอบหอมเบาๆ แทน บทสนทนาถูกเปลี่ยนไปเรื่อยๆ น่าแปลกทั้งๆ ที่เจอกันทุกวันเกือบจะตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงแต่พวกเขาก็ยังมีเรื่องมากมายให้คุย อาจจะเพราะเวลาอื่นไม่ค่อยได้คุยกันสักเท่าไหร่ อย่างกลางวันถึงแม้จะทำงานที่เดียวกันแต่ต่างฝ่ายก็ต่างทำงานในส่วนของตัวเอง ได้คุยกันบ้างก็วันที่ควอตซ์ไปทานข้าวด้วยกันกับน้ำเหนือแต่นั่นก็มีคนอื่นๆ อยู่ด้วย
ตอนเย็นกลับบ้านไปเวลาของทั้งคู่ก็ทุ่มให้กับลูกชายฝาแฝดไม่ว่าจะเป็นการสอนการบ้าน สอนเรื่องต่างๆ กว่าจะพาลูกน้อยเข้านอนได้พวกเขาก็เหนื่อยเกินกว่าจะมานั่งพูดคุยกันแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นทุกครั้งที่มองหน้ากันต่างฝ่ายต่างจะมีรอยยิ้มให้กันเสมอ เพื่อเป็นการบอกว่าเขาจะเป็นกำลังใจให้และยังอยู่ตรงนี้เสมอไม่ไปไหน
ใช้เวลาอยู่ในร้านอาหารร่วมชั่วโมง เมื่อเห็นว่าใกล้เวลาเลิกเรียนของฝาแฝดแล้วพวกเขาจึงออกจากร้าน ถนนในกรุงเทพช่วงเวลาแบบนี้รถเยอะพอสมควรกว่าจะไปถึงโรงเรียนของฝาแฝดก็ถึงเลยเวลาเลิกเรียนมาแล้ว
เพราะเป็นเวลาเลิกเรียนแบบนี้ถนนหน้าโรงเรียนจึงเนืองแน่นไปด้วยรถที่มารอรับลูกหลานจนติดเป็นทางยาว
“เดี๋ยวผมเดินไปรับแฝดแล้วกันครับแล้วจะรออยู่ตรงประตู ออกมาคงพอดีกับที่พี่ควอตซ์ขับรถไปถึงพอดี” น้ำเหนือว่าเมื่อเห็นว่ารถคงยังไม่ขยับไปจอดได้ง่ายๆ
“โอเคครับ เดินไปดีๆ นะครับ ระวังๆ ด้วย”
น้ำเหนือหันมามองหน้าคนรัก “พี่ควอตซ์ครับ ผมไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะครับ นี่กำลังจะเดินไปรับลูกชายนะครับ ไม่ได้จะเดินไปเรียนเอง”
ควอตซ์หัวเราะกับคำพูดของคนรัก ยื่นมือไปวางไว้ที่ข้างศีรษะอีกฝ่ายแล้วยีผมนุ่มอย่างเอ็นดู “ครับๆ พี่รักของพี่ก็ต้องห่วงเป็นธรรมดาสิ”
แก้มขาวซับสีระเรื่อทันที น้ำเหนือย่นจมูกใส่ก่อนจะหันไปเปิดประตูรถแล้วก้าวลงไปทันที ได้ยินเสียงหัวเราะจากอีกคนด้วยตอนที่กำลังปิดประตู น้ำเหนือหันไปย่นจมูกใส่อีกรอบก่อนจะรีบเดินไปที่โรงเรียน
น้ำเหนือทักทายคุณครูที่ยืนประจำอยู่หน้าประตูก่อนจะแจ้งว่ามารับฝาแฝด ยืนรออยู่ไม่นานก็มีคุณครูอีกคนเดินจูงมือฝาแฝดเดินมาหา
พอเห็นมัมมี๊ยืนรออยู่ก็รีบดึงมือออกจากมือของคุณครู หันไปยกมือไหว้สวัสดีคุณครูก่อนจะรีบวิ่งเข้ามาหา น้ำเหนือย่อตัวลงเพื่อรอรับกอดของฝาแฝด หอมแก้มนิ่มๆ ของทั้งคู่ไปคนละข้าง
“สวัสดีคับมัมๆ” ทั้งคู่ยกมือไหว้อย่างสวยงามจนน้ำเหนือยิ้มกว้าง
“สวัสดีครับ ไปกันครับแด๊ดรออยู่นะ” น้ำเหนือลุกขึ้นยืนส่งมือให้ฝาแฝดจับคนละข้างก่อนจะเดินออกจากโรงเรียน
ยืนรออยู่ไม่นานรถคันคุ้นตาก็มาจอดเทียบฟุตบาทตรงหน้า น้ำเหนือเดินไปเปิดประตูหลังให้แฝดขึ้นไปนั่งก่อนจะย้ายตัวเองไปประจำที่ข้างคนขับ
“สวัสดีคับแด๊ดๆ”
ควอตซ์มองแฝดผ่านกระจกหลังแล้วยิ้ม “สวัสดีครับ วันนี้ดื้อซนกันหรือเปล่า”
พอได้ยินคำถามนั้นฝาแฝดก็หันมองหน้ากันเล็กน้อย ท่าทางอึกอักไม่ยอมตอบคำถามทำให้ควอตซ์ต้องส่งเสียงไปกระตุ้นอีกรอบ
“ว่าไงครับ วันนี้มีอะไรครับ ไม่ยอมตอบแบบนี้แสดงว่าดื้อกันแน่ๆ เลยใช่ไหม ให้แด๊ดโทรถามมิสโรซี่ไหมครับ” ควอตซ์ถามทำท่าจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด และนั่นก็รีบทำให้เจ้าตัวน้อยทั้งสองคนรีบพูดออกมาทันที
“พี่ฮาร์ทซน / เดียซนๆ ซน” ทั้งพี่ฮาร์ทและน้องเดียร์พูดออกมาพร้อมกัน
เคยมีอยู่ครั้งที่เจ้าตัวพูดโกหก แต่เด็กน้อยเวลาโกหกก็ย่อมมีพิรุธจึงไม่ใช่เรื่องยากเลยที่น้ำเหนือและควอตซ์จะจับได้ และครั้งนั้นแฝดก็โดนแด๊ดอบรมไปชุดใหญ่โทษฐานที่พูดโกหก จนแฝดไม่กล้าที่จะพูดโกหกอีก
น้ำเหนือหันไปมองเด็กน้อย “ไหนเล่าให้แด๊ดกับมัมฟังสิครับว่าซนอะไรกันมา”
“ฮาร์ทผลักเพื่อนในห้องคับ” คำตอบของพี่ฮาร์ททำเอาทั้งควอตซ์และน้ำเหนือขมวดคิ้วทันที แต่ก่อนที่ควอตซ์จะได้พูดอะไรน้ำเหนือก็ยกมือแตะแขนอีกฝ่ายเอาไว้ ส่ายหน้าเป็นเชิงบอกว่าอย่าเพิ่งพูดอะไร รอให้พี่ฮาร์ทพูดออกมาเอง
“แต่เขามาแกล้งน้องเดียร์ก่อน เขาผลักน้องเดียร์ แขนมีเลือดเลย”
ควอตซ์เผลอเหยียบเบรกจนรถกระตุกโชคดีที่เขาได้สติอย่างรวดเร็วจนไม่เกิดอันตรายอะไรขึ้น รีบเลี้ยวรถเข้าไปในปั้มน้ำมันใกล้ๆ นี้ทันที
ทั้งสองคนอุ้มฝาแฝดลงจากรถก่อนจะเริ่มสำรวจร่างกายของพี่ฮาร์ทกับน้องเดียร์ ที่แขนของน้องเดียร์มีลอยถลอกแต่ดูแล้วน่าจะได้รับการทำแผลมาแล้วเรียบร้อย
“แล้วเพื่อนคนนั้นเขาผลักน้องเดียร์ทำไมครับ” น้ำเหนือถาม ลูบผมน้องเดียร์เบาๆ อย่างปลอบโยน
“เขาจะเอาสอสีไป แต่เดียกะพี่ฮาดใช้อยู่ เขาเลยผลักเดีย พี่ฮาดก้อเลยผลักเขา แต่น้องเดียไม่ร้องนะ พี่ฮาดมาปลอบๆ น้องเดียเลยไม่ร้องเลย”
“แล้วฮาร์ทเจ็บตรงไหนหรือเปล่า” ควอตซ์ถามพลางสำรวจดูตามร่างกายของลูกชายคนโต
พี่ฮาร์ทส่ายหน้าไปมา ก่อนจะกอดแด๊ดดี๊ที่ดึงเจ้าตัวน้อยไปกอดเอาไว้
“ดีแล้วครับ แด๊ดขอบคุณนะครับที่พี่ฮาร์ทปกป้องน้อง แต่พี่ฮาร์ทไปผลักเพื่อนเขาแบบนั้นรู้ใช่ไหมครับว่ามันไม่ดี”
“แต่เขาผลักเดียก่อนนะแด๊ดๆ” น้องเดียร์แย้งเมื่อได้ยินแบบนั้น กลัวว่าพี่ชายจะโดนแด๊ดดี๊ดุจึงรีบเอ่ยปกป้อง เหมือนตอนที่พี่ฮาร์ทปกป้องเขา
น้ำเหนือจับแขนกลมของฝาแฝดทั้งสองคน “เพื่อนผลักน้องเดียร์ น้องเดียร์ล้มเจ็บไหมครับ”
น้องเดียร์พยักหน้ารับกับคำถามของมัมมี๊ “เจ็บคับ แดงๆ ออกที่แขนน้องเดียด้วย” หันแขนที่มีรอยแผลถลอกให้มัมมี๊กับแด๊ดดี๊ดู
“แล้วน้องเดียร์คิดว่าสิ่งที่เขาทำดีไหมครับ ที่เขามาผลักน้องเดียร์แบบนี้”
“ไม่ดี... เขานิสัยไม่ดี”
“ใช่ไหมครับ แล้วถ้าน้องเดียร์หรือพี่ฮาร์ทไปผลักเขาแบบนั้นบ้าง ดีหรือเปล่าครับ”
ทั้งพี่ฮาร์ทและน้องเดียร์นิ่งไปกับคถามของมัมมี๊ก่อนจะส่ายหน้าไปมา พูดเสียงอ่อยพร้อมกัน “ไม่ดีครับ...”
“ใช่แล้วครับ อย่างที่มัมบอก ฮาร์ทปกป้องน้องเป็นเรื่องที่ดีแต่ไปทำร้ายเขาแบบนั้นไม่ถูกต้องนะครับ” ควอตซ์พูดลูบผมลูกชายคนโต
“ครับ ฮาร์ทจะไม่ทำแบบนี้อีก”
“เก่งมากครับ ไปครับ กลับบ้านกันดีกว่าป่านนี้พวกคุณปู่คุณย่ารอกันแล้ว” ควอตซ์ว่าก่อนจะอุ้มพี่ฮาร์ทขึ้น ส่วนน้องเดียร์ก็เป็นน้ำเหนือที่อุ้มกลับไปที่รถ
ควอตซ์ตั้งใจเอาไว้ว่าวันจันทร์จะต้องเข้าไปคุยกับคุณครูที่โรงเรียนของฝาแฝดที่ไม่ยอมบอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้เขารู้ แต่อย่างน้อยก็ยังโชคดีที่น้องเดียร์ไม่ได้เป็นอะไรมากมีเพียงแค่แผลถลอกนิดหน่อยเท่านั้น
หลังจากกลับถึงบ้านบริสตันควอตซ์กับน้ำเหนือก็พาแฝดไปทานข้าวกับพวกคุณหญิงมรกตที่บ้านใหญ่ อยู่คุยกับพวกท่านจนค่ำจึงได้พาฝาแฝดกลับบ้านเพื่ออาบน้ำพาเข้านอน โดยมีพ่อสินธรที่คืนนี้จะมาค้างด้วยตามกลับมาด้วย
“พวกลูกจัดการพาแฝดไปนอนเถอะ เดี๋ยวพ่อก็จะไปอาบน้ำนอนบ้างแล้วล่ะวันนี้ประชุมทั้งวันเลยรู้สึกเหนื่อยๆ อยากจะพัก” พ่อสินธรพูดกับน้ำเหนือที่มีท่าทางละล้าละลังทั้งกังวลเรื่องพาแฝดไปนอนทั้งกังวลว่าไม่ได้ดูแลพ่อ
“อย่างนั้นพ่อก็รีบนอนนะครับ พรุ่งนี้ค่อยคุยกันนะครับ”
“อือ ไปๆ ไปดูลูกไป”
“ครับผม ฝันดีนะครับพ่อ” น้ำเหนือเข้าไปกอดคนเป็นพ่อแน่นก่อนจะพาพ่อสินธรไปที่ห้องนอนด้านล่างที่เตรียมเอาไว้ให้
ที่จริงชั้นสองก็ยังมีห้องนอนว่างแต่พ่อสินธรเลือกนอนห้องข้างล่างเวลามาพักค้างคืนด้วยเพราะไม่อยากจะเดินขึ้นลงบันได ควอตซ์กับน้ำเหนือก็เลยให้คนมาปรับห้องนอนข้างล่างใหม่ให้ใหญ่ขึ้นแล้วก็เพื่อความสะดวกสบายเมื่อเวลาที่พ่อสินธรย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่
“พ่อนอนแล้วเหรอ” ควอตซ์ถามเมื่อเห็นคนรักเดินเข้ามาในห้องนอนของฝาแฝด
“ครับ พ่อบอกว่าวันนี้ประชุมทั้งวันเลยอยากจะรีบนอนน่ะครับ แล้วนี่ฝาแฝดง่วงกันหรือยังหือ” น้ำเหนือตอบควอตซ์ก่อนจะเดินเข้าไปหาฝาแฝดที่นั่งอยู่บนเตียง
“มัมๆ แด๊ดๆ จะเล่านิทาน มัมๆ มาฟัง” น้องเดียร์ร้องเรียก ตบเตียงนอนข้างตัวเองปุๆ เพื่อให้มัมมี๊เดินไปหา
“จริงเหรอครับ วันนี้แด๊ดๆ จะเล่านิทานให้ฟังเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเป็นเด็กดีรีบนอนเนอะ แด๊ดๆ จะได้เริ่มเล่านิทาน” น้ำเหนือก้าวไปนั่งข้างๆ จัดที่นอนของแฝดให้เรียบร้อยก่อนจะให้ฝาแฝดนอนดีๆ
“ครับ / ฮะ” ทั้งคู่ประสานเสียงออกมา ก่อนที่พี่ฮาร์ทจะคว้ามือน้องเดียร์ไปจับเอาไว้แล้วหันไปมองแด๊ดดี๊ตาไม่กระพริบ
“แด๊ดๆ เล่า”
“เล่าฉิๆ เล่า”
“ครับๆ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังแล้วครับ”
นิทานเริ่มต้นขึ้นผ่านการเล่าเรื่องราวจากควอตซ์ เจ้าตัวน้อยที่ตอนแรกนอนมองตาแป๋วตั้งใจฟัง ไม่ดวงตานั้นก็ปรือปรอยก่อนจะปิดลง แล้วก็หลับไปทั้งๆ ที่นิทานเพิ่งจะดำเนินมาได้แค่ครึ่งเรื่องเท่านั้น ควอตซ์วางหนังสือลงบนโต๊ะข้างเตียง ทั้งเขาและน้ำเหนือขยับตัวลงจากเตียงอย่างแผ่วเบาเพื่อไม่ให้ฝาแฝดตื่นขึ้นมา อยู่ดูจนแน่ใจแล้วว่าทั้งคู่หลับสนิทก็ก้มลงหอมแก้มฝาแฝดไปคนละที
น้ำเหนือหันไปหยิบเครื่องเล่นเพลงมาเปิดเพลงกล่อมเอาไว้เพื่อช่วยผ่อนคลายและทำให้ฝาแฝดนอนหลับสนิทตลอดทั้งคืน
“ฝันดีนะครับเด็กดีของมัมๆ” น้ำเหนือก้มลงหอมแก้มฝาแฝดอีกรอบก่อนจะเดินตามคนรักออกจากห้องนอนไป
ถึงเวลาพักผ่อนของพวกเขาบ้างแล้ว...
❈ ❈ ❈ ❈ ❈ ❈ ❈ ❈ ❈ ❈ ❈ ❈ ❈ ❈ ❈
กลับมาแล้วค่าหลังจากไปออกบูธมา ครึ่งหลังนี้รู้สึกว่าตัวเองแต่งได้ไม่ค่อยดี มันมึนๆ คิดไม่ค่อยออก แหะๆ ขอโทษด้วยค่ะ จะพยายามปรับปรุงในตอนหน้านะคะ ส่วนหลายๆ คนที่ถามมาว่าเรื่องนี้จะมีดราม่าหรือเปล่า เรื่องนี้ฟางบอกเลยว่า... “ให้คำตอบไม่ได้จ้า” 5555
จริงๆ ค่ะ ฟางตอบไม่ได้ค่ะว่าจะมีดราม่าหรือเปล่าฟางแต่งไปเรื่อยๆ ค่ะ นิยายเรื่องนี้ยังคงคอนเซ็ปเดิมของฟางคือไม่มีพล็อตอะไรเลย เพราะอย่างนั้นก็รอลุ้นกันไปเรื่อยๆ ค่ะว่าจะมีหรือไม่มี บอกไม่ได้เลยจริงๆ ค่า ^^
สำหรับใครที่อยากรู้ว่าแฝดตอนโตเป็นอย่างไร สามารถตามไปอ่านได้ที่เรื่อง ♡ Faculty of Love . 1 My Dear ; รักของผม ผมจัดเอง ♡ นะคะ
แล้วเจอกันตอนหน้านะคะ ^^
สำหรับเฟสบุ๊คค่ะ https://www.facebook.com/fgc32yaoi
สำหรับทวิตเตอร์ค่ะ https://twitter.com/Fangiily_GC
เข้าไปพูดคุย สอบถาม ทวงหานิยายกันได้เลยนะคะ ยินดีตอบทุกคน ทุกข้อสงสัย(ที่ตอบได้จ้า)