>>ตอนที่ 48 [100%]<<
“วันนี้นอนพักก็ได้มั้ง...ไม่ต้องไปเรียนหรอก” พี่มะเดี่ยวพยายามรั้งผมอาไว้กับที่นอน ไม่ยอมให้ผมลุกไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทั้งที่อ่อนเพลียไปหมด
ที่มีสภาพแบบนี้เหรอ...เห่อๆ เมื่อวานนี้เล่นทำกันทั้งวัน ไม่มีสภาพแบบนี้ก็ไม่ใช่คนละมั้งครับ ผมหลับไปตอนไหนยังไม่รู้เลย มารู้ตัวอีกทีก็เช้าแล้วเนี่ยแหละครับ ไม่อยากจะนึกถึงด้วยว่าเมื่อวานมันเป็นวันที่บ้าขนาดไหน ทำอย่างว่ากันไม่หยุดไม่หย่อน อาจแค่พักกินข้าวกินน้ำบ้างแค่นั้น...นี่ผมกับพี่เขาไปอดอยากปากแห้งมาจากไหน
พี่มะเดี่ยวนี่ไม่ต้องพูดถึง การเป็นนักเต้นบีบอยทำให้เขามีกำลังมหาศาล ทำกันขนาดนั้นพี่แกยังอยากจะทำต่อไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย แต่ผมไม่ได้เป็นนักเต้นมานานแบบพี่เขานะ ไม่กี่ยกผมก็ไม่ไหวแล้ว...
หนักหน่วงขนาดที่ผมว่าไข้ขึ้นอะคิดดู...แล้วนี่แหละที่เป็นเหตุของการไม่ให้ผมไปเรียน
“ไม่ได้พี่ วันนี้อาจารย์เรียกเก็บรายงาน ผมยังทำไม่เสร็จเลย” มัวแต่ออกกำลังกาย ดูเป็นคนรักสุขภาพไหมล่ะหืม...เห่อๆ ไอ้บ้า แบบนั้นไม่เรียกรักสุขภาพ แบบนั้นเรียกบ้าเว้ย
“อ่า...พี่ขอโทษ”
“ไม่ๆ ไม่ต้องขอโทษหรอก ผมรีบทำก็เสร็จ เหลือไม่เยอะ” แต่ตอนนี้ผมต้องไปอาบน้ำอาบท่าก่อน ทำกันจนหลับทั้งสภาพเหนอะหนะทั้งตัว
“ลุกไหวไหม...”
“ต้องไหว” ทำหน้ามุ่งมั่นมากกู ขอให้ไหวเถอะมึงเอ้ย
ผมพยายามฝืนตัวเองลุกขึ้นนั่ง พี่มะเดี่ยวคอยประครองเผื่อว่าผมจะล้มโครมอะไรเถือกนั้น แต่แหม...ผมก็ผู้ชายอะ ไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นหรอกนะ มันก็ปวดเมื่อยและเจ็บเสียดไปหมดเหมือนกัน ทว่ามันไม่ใช่ความเจ็บปวดที่ทนไม่ได้อะไร พอนั่งได้ผมก็คว้าเอากางเกงที่ถูกถอดทิ้งไว้ตรงพื้นมาสวม ไม่กล้าเดินโทงๆ ออกไปแบบนั้น หน้ามึนครับ ไม่ได้หน้าด้านอะนะ
“งั้นพี่ไปเตรียมมื้อเช้าให้นะ มีอะไรเรียกพี่รู้ปะ...”
“ครับ” พี่มะเดี่ยวประครองผมมาส่งถึงหน้าห้องน้ำ สายตาดูเป็นห่วงเป็นใยมาก นี่แค่ตั้มกันพี่...ไม่ได้โดนรถชนมา
เข้ามาในห้องน้ำได้ผมรีบถอดกางเกงออก น้ำนั่น...อ่า ทำไมมันต้องอายวะกูเนี่ย เออ เอาเป็นว่าน้ำนั่นของพี่เขามันไหลออกมา ฮื่อ แค่มองก็อยากจะบึ้มตัวเองตาย ทำกันหลายรอบไม่ได้ทำให้หน้าผมด้านมากขึ้นเลย ผมพยายามเมิน เงยหน้ามองกระจก...บึ้มตัวเองตายจริงๆ ก็รอบนี้แหละกูเนี่ย
โอ้ยยยยยย รอยอะไรมันจะเยอะปานนั้น!
ที่คอมีประปรายไม่มาก และก็แค่จางๆ แต่ช่วงอกเนี่ย...โอ้โหย นึกว่าตัวเองเป็นโรค อย่างว่าอะนะ อารมณ์นั้นทำอะไรไม่ทันได้คิดกันหรอก ขึ้นชื่อว่าเซ็กมันก็คือการเอาอารมณ์นำทางเหตุและผลอยู่แล้วนี่เนอะ แค่ไม่น่าเกลียดเวลาคนอื่นมองมาก็โอเคแล้วล่ะ
ผมเดินเข้าไปอาบน้ำอาบท่า ขอผ่านจุดที่ต้องเอาน้ำนั้นออกนะ ไม่คิดว่าชีวิตนี้ต้องมีโมเมนต์แบบนี้เลยอะเอาจริงๆ ผมก็ทำได้แค่เงอะๆ งะๆ อะนะ ไม่ได้ชำนาญ นี่ครั้งแรกนะเว้ย...ไม่ได้มีมาแล้วเป็นสี่ซ้าห้าคน
พออกมาก็เห็นชุดนักศึกษาของตัวเองวางเตรียมไว้อยู่บนที่นอนซึ่งถูกจัดเอาไว้เรียบร้อย ดูพี่เขาเป็นคนมีระเบียบมากกว่าที่เห็นแค่ภายนอกจริงๆ ห้องพี่เขาก็ไม่รกนะ สะอาดสะอ้านกว่าห้องผมมาก แล้วก็ข้าวของเครื่องใช้ไม่เยอะ
“ไปไหวแน่นะ เราตัวร้อนอะ...พี่ไม่อยากให้ไป” มาถึงโซฟาใช้กินข้าวพี่เขาก็รีบดัก เสื้อไม่ใส่ เห็นหมดเลยว่าตัวพี่เขาก็มีรอย...แน่นอนผมทำ ฮื่อออออ อับอาย
“ไหวพี่ แค่นี้เอง ชิวๆ”
“เอ้า ชิวเหรอ ไม่บอกพี่จะได้ทำต่อ...” ผมรีบยกมือแบรกพี่เขาอย่างไว
“หยุดความคิดของพี่เลย หมายถึงแค่ไปเรียนอะผมชิว แต่ทำต่อผมคงไม่ชิวแล้วล่ะครับพี่” ผมคงนอนเดี้ยง หยอดน้ำข้าวต้มเหมือนคนป่วยใกล้ตาย แค่นี้ก็เหมือนร่างกายสูญเสียน้ำไปอย่างมหาศาลแล้ว
“ฮ่าๆ ล้อเล่น”
“ถ้าได้ก็เอาจริงอะดิ”
“แน่นอน” จบ...ไม่เป็นห่วงสุขภาพแฟนพี่เลยอะครับ
พี่มะเดี่ยวไม่ได้ทำกับข้าวอะไรนะ ที่ว่าเตรียมมือเช้านี่คือเอาข้าวกล่องแช่เย็นเนี่ยไปอุ่นในไมโครเวฟแล้วเทใส่จานเตรียมไว้ ซึ่งส่วนใหญ่ผมเก็บแต่เมนูหมู มาเปลี่ยนเกือบหมดก็ตอนคบพี่มะเดี่ยวเนี่ยแหละ เน้นไปที่ไก่และกุ้งเป็นหลัก หาซื้อง่าย ยิ่งหาสัญลักษณ์ฮาลานจะยิ่งแจ่มแมวมาก พี่มะเดี่ยวแกไม่ใช่อิสลามแต่ก็เหมือนคนอิสลามไปแล้วอะครับ
ความรักยืนกินผลไม้อยู่ที่พื้น โซฟาห้องผมมีตัวยาวตัวเดียว นั่งสองคนนี่ก็เต็มแล้ว ดังนั้นหมูผู้เป็นส่วนเกินจึงถูกเนรเทศให้ลงไป เราก็กินข้าวกันไป ถามไถ่สิ่งที่ต้องทำในวันนี้กันไป สำคัญคือผมเนี่ยเข้าสู่การสอบแล้วครับ ยังไม่สอบใหญ่แต่จะมีเทสเก็บคะแนนเรื่อยๆ ทุกวัน ส่วนพี่มะเดี่ยวก็จะมีซ้อมหนักทั้งที่มหาลัยแล้วก็ที่ตลาดเปิดท้าย มันกลายเป็นเราเข้าสู่ช่วงที่ไม่มีใครว่างมากนักนอกจากเวลานอน
ผมไม่รู้เลยว่าพอเข้าสอบผมจะมีเวลานอนไหม พี่มะเดี่ยวงานเริ่มน้อยลงไปแล้ว หนักแค่ซ้อม นอกนั้นก็มีเวลานอน มีเวลาพักผ่อน ส่วนผมเวลาพวกนั้นกำลังจะหมดไป ตอนนี้มาไม่สบายไข้ขึ้นเพราะโหมทำเรื่องแบบนั้นอีก ก็ยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ หวังว่าตัวเองจะมีสมาธิเรียนให้รู้เรื่องแล้วกันนะ
“แบบนี้เราก็ไม่ค่อยมีเวลาให้กันแล้วดิ” พี่มะเดี่ยวเปรยขึ้นมาลอยๆ ข้าวหมดไปแล้วทั้งผมและเขา
“ครับ ก็ประมาณนั้นแหละพี่ ให้ทำไงล่ะ...” ผมก็ไม่ได้อยากงานยุ่งอะนะ
“ไม่เป็นไร พี่เข้าใจ ช่วงนี้เราก็ตั้งใจเรียน…พี่จะดูแลเราเองดีปะ” พูดไปก็ลูบหัวผมไป
“ก็ดี…” แล้วผมก็ไม่ปฏิเสธ มีคนมาคอยดูแลบ้างมันไม่แย่นี่ ตอนอยู่ที่บ้านพี่ๆ ก็คอยดูแล
“แล้วนี่รายงานจะไปทำเพิ่มที่ไหน”
“ที่ร้านน้าบอยอะพี่ เอาความรักไปฝากไว้ด้วย”
“เอาความรักไว้กับพี่ไหม พี่ดูแลให้...”
“แต่พี่ต้องซ้อมเต้นหนิ”
“มันไม่ได้ดื้อขนาดนั้นนี่นา เอามันไปด้วย ถือว่าเป็นตัวเพิ่มกำลังใจ มองหน้าความรักเหมือนมองหน้าสามไง เพราะสามกับความรักหน้าเหมือนกัน โดยเฉพาะน่ารัก…”อ่า…รอยยิ้มกว้างๆ ที่แสนเอ็นดูกันนี่มันพาหัวใจสั่นไหวจริงๆ
“ก็ได้ครับ”
“งั้น พี่ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บนะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ครับ” พี่มะเดี่ยวต้องกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องตัวเอง
ระหว่างที่รอผมก็เอาแล็ปท็อปของตัวเองออกมาพิมพ์งานรอ ความรักกินเสร็จหมดแล้วและกำลังนอนหลับตาพริ้ม นี่เพิ่งกี่โมงเอง กินแล้วจะหลับเลยเพื่อเลี้ยงพุงอย่างเดียวเลยไอ้หมูนี่ ผมมองความรักนิดหน่อย ดูให้สบายใจแล้วละเลงนิ้วลงบนคีย์บอร์ดรัวๆ งานผมเหลือไม่เยอะเพราะเคลียร์ไปได้มากแล้ว...
พี่มะเดี่ยวใช้เวลาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อกล้ามกับกางเกงสามส่วนไม่น่าเกินสิบห้านาที ผมพิมพ์งานไปได้ไม่กี่หน้าเองพี่เขาก็เข้ามารับ เสียดาย นึกว่าจะนานกว่านี้ ต้องตัดใจแล้วเอางานไปทำที่ร้านน้าบอย พี่มะเดี่ยวเอากระเป๋าผมไปสะพายให้รวมทั้งอุ้มความรักด้วยมือหนึ่ง อีกมือจับจูงผม ก็อยากแซ็วอะนะว่าผมไม่ใช่เด็กๆ ที่จะมากลัวหลงทาง ติดที่มันก็รู้สึกดีเลยไม่แซ็วดีกว่า...
ช่วงเช้าของฤดูนี้ไม่ค่อยมีแดด ผมนั่งกอดเอวพี่มะเดี่ยวปั่นจักรยานไปร้านน้าบอย มองสองข้างทางไปตามเรื่องตามราว สักพักพี่เขาก็เปิดประเด็นเรื่องปิดเทอมขึ้นมา ก็แบบว่าเราจะไปเที่ยวไหนกันดี ผมก็เสนอที่ที่ผมอยากไปเช่น...ขึ้นเขา น้ำตก อะไรเถือกนี้ ผมไม่อยากไปทะเลเท่าไหร่ วิวมันสวยแต่ไปบ่อยแล้วเลยค่อนข้างเบื่อประมาณหนึ่ง ถ้าเป็นไปได้ก็อยากไปตั้งแคมป์ดูดาว พี่มะเดี่ยวก็เห็นด้วย เขาชอบเหมือนกัน...และเราก็ตัดสินใจว่าหลังจากพี่มะเดี่ยวแข็งเสร็จเราจะไปนอนดูดาวด้วยกันสองคน
นักศึกษาในร้านน้าบอยวันนี้เยอะเป็นพิเศษ ไม่รู้ว่าเพราะใกล้สอบแล้วหรือเปล่า คนถึงได้มารวมตัวกันที่ร้านกาแฟเพื่อติวหนังสือ อ่านหนังสือหรือแม้แต่ทบทวนบทเรียน ร้านนี้จะอยู่ใกล้คณะที่ผมเรียน ดังนั้นนักศึกษาในนี้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นว่าที่ครูในอนาคตทั้งนั้น หน้าดำคร่ำเครียดกันเชียว ผมอยากบอกว่า...อย่าเครียดกับมันมาก ตั้งใจเกินไปมันจะทำให้เราเหนื่อยง่าย ผมทำรายงานได้นาน หรือเรียนหนังสือได้ไม่ดูเหนื่อยเพราะว่าผมไม่เครียดกับมัน ค่อยๆ ซึมซับบทเรียนและทำความเข้าใจกับมันช้าๆ ไม่รีบเร่งไม่งั้นจะหอบเหมือนไปวิ่งสี่คูณร้อย
“เอ๊ะ...” มาถึงน้าบอยของผมก็จ้องอย่างกับผมไปทำอะไรผิดมา ผมนั่งเก้าอี้ทรงสูงหน้าเคาน์เตอร์พร้อมพี่มะเดี่ยวมองหน้าอย่างไม่เข้าใจ
“อะไรครับน้า” ผมถาม ความรักเดินอวดก้นบนเคาน์เตอร์เป็นที่เรียบร้อย
“หน้าโทรมจัง ไปเที่ยวหรือไปทำอะไรกันมา...” ไอ้หยา...ไปทำอะไรกันมาครับน้า ตอบแบบนี้ได้ปะ หัวทิ่มปะให้ทาย
“เดี๋ยวๆ” หน้าบอยดันหน้าผมให้หันข้าง โชว์ต้นคอขาวๆ ที่มีรอยอยู่บ้างจางๆ
“เอ่อ...” น้าบอยคิ้วขมวด เขาจ้องไปทางพี่มะเดี่ยวที่ดูหงอเป็นพิเศษ เห็นสายตาน้าตัวเองตอนนี้ผมก็หงอเหมือนกันวะ
“กินข้าวกินไรกันมายัง” ผมคิดว่ามันต้องมีเรื่องแน่ๆ ปรากฏว่าไม่เป็นอย่างที่คาด น้าแค่ส่งสายไม่พอใจนิดๆ มาให้
“กินมาแล้วครับ สามขอโกโก้แก้วหนึ่ง...สามจะพิมพ์รายงานต่อ”
“ทำกันจนงานไม่เสร็จเลยเหรอไง” จุก...คำนี้สามเล่นเอาจุก
น้าบอยหันไปชงโกโก้เข้มๆ มาให้ ผมเองก็ไม่ได้ตอบโต้อะไรได้แต่มองหน้าพี่มะเดี่ยวหวาดๆ พี่มะเดี่ยวส่งยิ้มให้เหมือนบอกสู้ๆ อะ ตอนนี้ไม่อยากสู้ กลัวน้าฆ่าหมกร้านกาแฟชะมัด ผมหงอลงไปมาก จากที่ซึมอยู่แล้วยิ่งไม่กล้าพูดกล้าทำเข้าไปใหญ่ ได้โกโก้แล้วผมถึงกับรีบเดินไปหาโต๊ะว่างนั่งพิมพ์งานของตัวเอง พี่มะเดี่ยวยังอยู่ที่เดิมพร้อมความรัก เขาคุยอยู่กับน้าผมนั่นแหละ
น้าบอยจะไม่ตีหัวพี่มะเดี่ยวใช่ไหมอ่า...
พี่มะเดี่ยวก็ไม่ได้ผิดคนเดียวหรอกครับ ผมเองที่ไม่ปฏิเสธอะไรเลยก็ผิดเหมือนกัน ผมอยากช่วยนะ เลยพยายามสอดสายตาเข้าไปดูว่าสถานการณ์เป็นยังไงบ้าง ก็เห็นพี่มะเดี่ยวนั่งยิ้มแห้งๆ ขานรับคำบ่นของน้าบอย แล้วน้าผมก็บ่นเบามาก เบาจนผมไม่ได้ยิน เห็นแค่ปากที่ขมุบขมิบ นั่นเรียกบ่นหรือกระซิบครับสามอยากรู้ ไว้ผมค่อยไปถามพี่มะเดี่ยวเอาเองก็ได้ หรือไม่น้าบอยอาจจะด่าผมหลังจากบ่นพี่มะเดี่ยว
ผมต้องพยายามสลัดสองคนนั้นออกจากหัว มีเวลาไม่มากกับรายงานที่เหลืออยู่ไม่กี่หน้า มันค่อนข้างยากครับ เพราะอยากรู้อยากเห็นเรื่องที่พวกเขาคุยกันเป็นที่สุดเลย พิมพ์ผิดบ้าง พิมพ์ถูกบ้างตอนนี้ปะปนกันไปหมด
“อะแฮ่ม...” เชี่ยยยยยย ตกใจหมด มัวแต่สนใจสองคนนั้นจนไม่ได้สนใจสองคนที่สะเหล่อเสนอหน้าเข้ามา
“กูตกใจหมด” อยากจะปาแก้วโกโก้ใส่หน้าแม่ง ติดที่เสียดาย กินไปได้นิดเดียวเอง
“สองคนนั้นดูเครียดๆ เนอะ...ทำไมวะ พี่มะเดี่ยวแกชิงสุกก่อนห่ามเหรอ” อื้อหือ...วิ่ง ทำไมมึงแม่นแบบนี้ นี่มึงสอบผ่านมาได้ขนาดนี้เพราะมึงเดาเก่งแบบนี้ใช่ไหม
“อุ้ย...ท่าจะใช่วะ” แล้วไอ้พีชตาไวก็จ้องคอผมเป็นมัน
“อู้วววววว”
“หุบปากเลย ไม่ต้องล้อไม่ต้องแซ็ว” ชี้หน้าห้ามแม่ง แต่พวกมันกลับหัวเราะชอบใจ
“เออๆ ไม่ล้อ...ไม่แซ็ว ว่าแต่ โทรมไปเยอะนะเนี่ย หนักอ่อ” ไหนว่าไม่ล้อไม่แซ็ว
“ห้ามถามด้วย”
“อะไรวะ ถามแค่นี้ทำอาย...หน้าแดง โอ๊ะ” วิ่งว่ายิ้มๆ ยิ้มแบบกะลิ้มกะเหลี่ยด้วยแหละประเด็น หันไปทางพีช ไอ้นี่ก็ไม่ต่างอะไรเล้ย
ผมก้มหน้าก้มตาพิมพ์รายงานของตัวเองต่อไป อยากหนีพวกแม่งสองคนก็เลยยิ่งมีสมาธิเข้าไปใหญ่ เผลอแป๊บเดียวผมก็สามารถทำรายงานที่เหลือเสร็จได้ทันเวลา ต่างจากวิ่งกับพีชที่พยายามปั่นแทบตายแต่ไม่ทัน
เราสามคนเดินไปลาน้าบอยและพี่มะเดี่ยว ผมต้องตีมึนเหมือนไม่รู้ไม่ชี้สิ่งใดทั้งสิ้น ไม่เคยทำผิด ไม่เคยมีเรื่องน่าอายเกิดขึ้น พี่มะเดี่ยวเดินมาส่งผมที่รถจักรยานสีเขียว ถามเสียงเบาว่าไหวไหม ไปส่งเปล่าจนผมเก้อไปหมด มันดีที่เขาเป็นห่วง แต่มันก็อายนิดๆ เมื่อพีชกับวิ่งเอาแต่จับจ้องมาทางเราสองคน
“ผมไหวครับ ไม่เป็นไร...เดี๋ยวก็หายแล้ว”
“พี่เป็นห่วงนะ มีไรโทรมา เดี๋ยวพี่มารับกลับ พีชกับวิ่ง พี่ฝากดูสามด้วยนะเว้ย” ไม่ต้องไปฝากคนอื่นก็ได้...โอ้ยพี่เอ้ย พี่ทำผมหน้าร้อนไปหมด
“รับทราบครับท่านพี่ ข้าทั้งสองจะดูแลภรรยาของท่านพี่ให้อย่างดี” แล้วดูไอ้วิ่งตอบ ผมอยากเอาหน้าตัวเองฝังดินไว้...แต่มันทำไม่ได้ เลยต้องแบกหน้าแดงๆ ของตัวเองต่อไป พี่มะเดี่ยวลูบหัวผมนิดหน่อย ให้กำลังใจด้วยการบอกให้สู้ๆ จากที่อาย...มันก็รู้สึกดีจนต้องยิ้มตอบกลับ ไม่ใช่แค่ผมที่ต้องสู้...พี่เขาก็เหมือนกันนั่นแหละ การซ้อมเต้นคงหนักหนาสาหัสกว่าผมที่เรียนเยอะเนอะว่าไหม...
….100%….
เบื่อความหวานใสของคู่นี้กันหรือยางน้าาาาา?
เมื่อวานไม่ได้อัปเพราะหนาวมาก หนาวจนสั่น หนาวจนมือแข็ง หนาวจนไม่อยากลุกออกมาจากผ้าห่มเลยค่ะ! อีกอย่าง…เรื่องนี้ผ่านพิจารณาแล้วนะคะ เย้! ดีใจมากค่ะ แฮ่ๆ ดีใจจนไม่อัปนิยายเลยยยย น่าตี เพี้ยะๆ เลย ><