❀❀❀คุณชาย2017❀❀❀ ระเบียบที่ 20 : ห้าม...เลิกนะ ขอร้องงง p.12 [14-03-20]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❀❀❀คุณชาย2017❀❀❀ ระเบียบที่ 20 : ห้าม...เลิกนะ ขอร้องงง p.12 [14-03-20]  (อ่าน 55314 ครั้ง)

ออฟไลน์ jaevin

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-3
***************************************************************************************
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ


3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป


12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง

....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail


16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


*****************************************************************************************

คุณชายระเบียบจัดแห่งโลก 2017 (สาบานว่านั่นชื่อเรื่อง)
นิยายเรื่องนี้ไม่มีสาระใดๆ
นอกจากความรักของคนสองคนที่มีระเบียบไม่เท่ากัน

                 
ข้อตกลงเพื่อความเป็นระเบียบต่อทุกท่าน

                 1.ชื่อและสถานที่เป็นเพียงจินตนาการเท่านั้น หากมีส่วนคล้ายคลึงกับใครหรือสถานที่ใด ต้องกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
                 2.คำพูดคำจาในเรื่องนี้บางทีอาจจะระคายหูต้องขออภัย แต่ถ้าคนไหนไม่ระคายหู ก็....ดีแล้ว ทำไมนึกว่าจะมีอะไรหรอ ไม่มี้
                 3.เรื่องนี้เป็นนิยายสายไร้คำจำกัดความ...เบาสมอง...เพราะตัวเอกของเรื่องนั้นยิ่งกว่าเบา น้ำหนัก? สมองมันเนี่ยแหละ
                 4.ท่านสามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์เรื่องระเบียบๆ หรือจะติชมให้กำลังใจได้ที่ไทยบอยส์แห่งนี้หรือที่ติดแท็ก
                #คุณชาย2017
                 5.นิยายเรื่องนี้อยากให้ทุกท่านมีรอยยิ้ม จะแสยะ จะยิ้มอ่อน ยิ้มแข็ง ยิ้มอะไรก็ได้ แต่อย่านัดยิ้ม พอ!


ระเบียบไม่เท่ากัน แต่ความเพี้ยนมีพอๆ กันแน่นอนครับพี่น้อง



►ผลงานของเรา◄
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-03-2020 20:11:10 โดย jaevin »

ออฟไลน์ jaevin

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-3
บทนำ



                มันจะมีซักกี่คนบนโลกนี้ที่คุณอยากจะตะโกนใส่หน้าว่า


                “มึงเป็นบ้าอะไรวะเนี่ยยยยยย”


จบ


                ถุ้ย!


                อย่างนี้อย่าเรียกบทนำเลย สโลแกนหน้าถังสังฆทานยังยาวกว่านี้อีก!!

 
                โทษทีๆ เอาใหม่ๆ


                คุณจะทำยังไงถ้ามีคนหน้าตาดี ท่าทางมีสกุลมายืนจ้องหน้าคนสถุลแห่งชาติอย่างคุณแบบนี้ ...แบบที่มองตาไม่กระพริบ...แบบที่โลกทั้งโลกเหมือนหยุดหมุน


                คุณจะทำยังไงไม่รู้ แต่ผมนั้น...


                มองไมวะ?...


                กูหล่อช้ะ?...


                หลีกไปซักทีสิวะ... กระเป๋ากีตาร์ก็หนัก แก้วน้ำน้องสไปร์ทก็เย็นจัด จานข้าวก็ร้อน ย้ำว่าข้าวร้อนอย่างเดียวส่วนกับนั้นเย็นชืดเหมือนอยู่ขั้วโลกใต้ อยากจะถามพี่ท่านว่าคุณมึงจะยืนขวางเป็นยักษ์ของดีวัดเจษทำไมวะ ห๊ะ...วัดเจษไม่มียักษ์ มีแต่ลอดช่อง  เออ โทษๆ หิวไง แดกได้หมด ไม้นี่ยิ่งอร่อย เพราะถึงผมจะเป็นปลวกผมก็เป็นปลวกหน้าตาดี ผ่าม!


                ...หรือแม่งไม่มีตังค์อยากกินข้าวที่กูถือวะ...


                ไม่น่าใช่...ท่าทางมันก็ดูรวยเอาเรื่อง เสื้อนักศึกษาเรียบกริบขนาดนี้ ดูผมซักเส้นก็ไม่หลุดออกมาให้น่ารำคาญ สงสัยในใจหน่อยๆ ว่าไม่รู้จักคำว่ากระเซิงเหรอครับ เนี่ยแบบผมเนี่ย รกๆ เลอะๆ ยิ่งเท่


                เอียงหน้าคิดแป๊บ...เอ...หรือว่ากูไปม่อสาวตัดหน้ามัน ก็ที่นี่โรงอาหารอักษร สาวสวยครองแชมป์ทุกปี ใครๆ ก็อยากมากินป่ะวะ ถึงแม้ว่าอาหารจะไม่น่าแดกก็เถอะแต่สาวสวยๆ เยอะผมพอให้อภัย คิดไปคิดมาบรรยากาศเริ่มชมพูอมม่วงจนน่าขนลุก ก็แหมจ้องกันไปจ้องกันมาแบบนี้ สาวๆ ที่เดินผ่านไปมาไม่ต้องกรี๊ดครับ นี่คนไม่ใช่อึหมา แฮร่! ขนาดผมยังงง นับประสาอะไรกับใจคน


                สถานการณ์มันชักจะยังไง ใจลอยลอยไปอยู่กับเธอ แหมะ...พี่เจก็มา! เข้าโหมดจริงจังแป๊บ...เมื่อสายตาของคนอื่นเริ่มมองมามากขึ้นตัวผมชักจะไม่โอเค นักศึกษาก็ทยอยลงมาหาอาหารกินกันเยอะขึ้น สาบานกูพูดถึงคน ผมเริ่มทำตัวไม่ถูก เพราะไอ้นี่มันยืนจ้องผมไม่พูดอะไร กูหิวข้าวนะ อย่าให้โมโห ไอ้เชี่ยนี่ มีอะไรก็พูดมา ให้เวลาสามวิ


                หนึ่ง สอง สาม 


                หมดความอดทนแล้วแม่ง!


                ขยับหัวรองเท้าคอนเวิร์สสีคาราเมลขุ่นๆ ไปทางซ้ายไอ้นี่ก็ขยับซ้าย จะไปทางขวาไอ้นี่ก็ขยับขวา เอ๊ะ...มึงมีปัญหากับกูไง๊ หน้าตาดีแล้วจะกวนตีนยังไงก็ได้หรอวะ ก่อนที่ผมจะเอ่ยปากถาม เสียงที่หลุดออกมาจากคนตรงหน้าทำเอาผมเงยหน้าไปมองคอแทบเคล็ด เสียงทุ้มมีเสน่ห์เฟ่อ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น  ประเด็นมันอยู่ที่...


                “สกปรก”


                อะ...อะไรนะ ชะงักหน้าเกือบทิ่ม แต่คนอย่างไอ้เขาต้องรีบสวนกลับไป


                “อะไรของมึงวะ มายืนจ้องหน้าคนอื่นแบบนี้แล้วก็มาพูดจาหมาๆ กูไปเยี่ยวรดล้อมึงหรอ”


                มันเชิดปากสีสวยขึ้น ไอ้เชี่ย กูต้องไม่ชมมัน ต้องไม่ชมมัน ไอ้หน้าหล่อกระตุกคิ้วขวาเล็กๆ ก่อนจะมองผมหัวจรดเท้า เฮ้ยๆๆ แบบนี้แม่งไม่ให้เกียรติกันเลยนี่หว่า พ่อผมสอนมา สายตามันหยุดอยู่ตรงรองเท้าผม นี่มึง...อิจฉาคาราเมลกูหรอ กว่าจะได้สีนี้กูอดทนไม่ซักมาสามปีแล้ว สีที่ได้แม่งต้องเหยียบโคลนกี่รอบ มึงอย่ามองน้องกู เดี๋ยวสึก


                “เฮ้ย หาเรื่องคนอื่นก็มองหน้าดิวะ” ผมเริ่มไม่พอใจ ย้ายจานข้าวมาอยู่อีกมือนึงสลับกับแก้วน้ำ


                “มองอยู่” มันตอบเสียงเรียบ


                มองตรงไหนวะ มึงก้มหน้ามองเท้ากูอยู่เนี่ย เดี๋ยวนะ ผมหน้าเหวอ “นี่มันเท้ากูไอ้เวร!!!” ผมร้องลั่นสะเทือนมาถึงมือข้างซ้ายที่ถือจานข้าว รีแอ็คชั่นกูแรงไปหน่อยหรือผีผลักก็ไม่แน่ใจ แต่ภาพตรงหน้าแม่งเฮชดีสัดๆ ภาพสโลว์โมชั่นที่ผมมองจานข้าวลอยสูงลิ่วไปข้างหน้า แก้วน้ำพลาสติกตกลงสู่เบื้องล่าง ผมอ้าปากค้าง เเละไอ้หน้าหล่อตรงหน้าค่อยๆ เบิกตากว้างทีละน้อย


                “เฮ้ย เย้ย เย้ย เย้ย จาน อาน อาน อาน ข้าว อ้าว อ้าว อ้าว”


                มันอาจจะเป็นภาพสโลว์โมชั่นในสายตาผมแต่สำหรับสายตาคนอื่นแล้ว ต้องบอกว่าสามวิแห่งหายนะที่แท้จริง


                โผละ!


                เข้ เอ้ เอ้ เอ้ เอ้ เอ้ เอ้ เอ้





================

เเวะมาเปิดเรื่องใหม่
เเฮ่ๆ ฝากน้องเขาคนบ้าด้วยนะคะ รักซำเหมอ
เรื่องนี้ไม่สาระจริงๆ เขียนสนองนี้ดชีวิตที่ไร้ความขำขัน
ตัวเอกเรื่องนี้มีต้นเเบบมาจากกล้วย เพื่อนคนกลาง
ใครงง อย่าลืมไปอ่านคนกลางล่ะ (ขายของเเป๊บ)
ขอบคุณทุกคนค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2017 21:16:13 โดย jaevin »

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4
รอค่าาาาาา  :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3593
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
รออ่านจ้า

ออฟไลน์ jaevin

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-3
ระเบียบที่ 1 : ห้ามมีรอยเปื้อน





                “เข้!!!!!!!”



                ผมแหกปากระบายความหงุดหงิดกลางลานดนตรี ในยามบ่ายที่ร้อนระอุแบบนี้...ไอ้หมูกับไอ้เฮียดุกที่ฟุบโต๊ะนอนหลับสะดุ้งตื่นจนหัวชนกันดังปั่กเพราะเสียงตะโกนของผม ผมยกแก้วน้องสไปร์ทที่ซื้อมาใหม่มาดูดพรวดๆ ดับอารมณ์ร้อนของตัวเอง


                “ไอ้เชี่ยเขา พ่อมึงเป็นญาติกับจระเข้รึไง! แล้วจะตะโกนหาญาติที่ปักกิ่งหรอ!”



                ตกลงมึงจะให้กูเป็นญาติคนหรือญาติเข้ ไอ้หมูยื่นมือผอมแกรนมาตบหัวผมด้วยแรงเบามดเต้นบัลเล่ต์ ใช่ครับไอ้หมูที่ชื่อหมู แต่ตัวมันไม่เหมือนหมู ร่างกายแห้งเหมือนกุ้ง แม่ตั้งชื่อแก้เคล็ดตอนเกิด ได้ยินรุ่นพี่ชื่อตอนรับน้องปีหนึ่งกูแทบจะหลีกทาง นึกว่าตัวแม่งอ้วน เตรียมจับพื้นไว้แน่นกลัวแผ่นดินสะเทือน บอกเลยว่ากูเล่นใหญ่ แต่...ไอ้สัดเดินผ่านกูลิ่ว งงแดกเลย ไอ้หมูเป็นเพื่อนสนิทของผมเพราะรหัสติดกัน คือถ้าไม่ติดกันกูจะไม่คุยกับมึงเลยครับผม



                “ด่าแล้วยังไม่รู้ตัวอีก!”



                เฮียดุกตะเบ็งเสียงด่าผมอีกคนก่อนจะลูบหัวล้านจุดที่โดนชนของตัวเองเบาๆ  นี่ก็อีกคน ชื่อเล่นจริงแม่งชื่อปลาดุก หน้าตาก็เข้ากันดีกับหนังหน้า อิเวง กูเองไม่ต้องด่าใคร เฮียดุกเป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนเก่าไอ้หมู แต่ซิ่วจากถาปัตย์เพราะค้นพบว่าตัวเองร้องเพลงเพราะเหมือนคิง คิงเดอะวอยซ์? คิงคองเนี่ยแหละ ผ่าม! เออ ล้อเล่น ร้องเพราะจริง เฮียดุกมีฉายาว่าเทพว๊อยซ์แห่งสาขาดนตรีแจ๊สครับคนนี้ แบบว่า ว้อยยย เมื่อไหร่จะหยุดร้อง กูรัมคัลลลลล



                “เป็นไรอีก ฟันหน้าขึ้นหรอ” เฮียดุกถามขึ้นเมื่อเห็นผมขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน



                “เออซี่นึง เฮ้ย! โกรธอะแม่ง ข้าวก็ไม่ได้แดก ไอ้เชี่ยนั่นเป็นไรมากป้ะ หาเรื่องกูก่อนแล้วบังคับให้กูซักเสื้อให้มัน มันบ้าป้ะวะ!!”



                “ไอ้สัดเขาควายพูดเบาๆ ครับ”



                “ไอ้เชี่ยเฮีย กูชื่อเขาเฉยๆ ไม่ต้องมีควาย เรียกจนคนลืมชื่อจริงกูแล้ว ควายๆ เนี่ย”



                “โทษๆ เออพูดถึงเรื่องนี้กูยังแปลกใจแม่งไม่เหมือนที่กูได้ยินมาเลยว่ะ มึงโดนแค่นั้นยังน้อยไปซักมาคืนเนี่ยนะ คนดีไปป้ะ มีที่ไหนไปทำตัวจังไรที่คณะเค้าแบบนั้นแถมทำข้าวเลอะยันรูจมูกเขาขนาดนั้น เป็นกูนะ...ไม่ไล่เตะมึงรอบมอก็บุญละ”



                โอ๊ย เจ็บกระดองใจ เพื่อนไม่เข้าข้าง มันเป็นอุบัติเหตุไงงง “มูหมู ดูสิ ไอ้เฮียมันเข้าข้างคนอื่นนอกจากน้องจากนุ่งอย่างเค้าเขา”



                แต่ไอ้หมูกลับทำจมูกบาน ปากคว่ำ มองบน “สมน้ำหน้า มึงไม่เคยได้ยินชื่อแม่งหรอวะ ถามจริง”



                “ใครวะชื่อแม่ง” ผมถามหน้าตาเหรอหรา



                ผลัวะ!



                “ไอ้ควาย...” ไอ้หมูพูดเสียงดังก่อนที่จะเงียบเสียงลง มันกระดิกนิ้วเรียกผมมาใกล้ๆ เฮียดุกก็ยื่นหน้ามาใกล้ๆ ด้วย คือเสือกนั่นเองบอกตรง “ไอ้บ้าที่มึงว่าอะ เขาคือเทพตีนหนักแห่งอักษรศาสตร์ปีสี่นะเว้ย มีแต่คนเรียกว่าคุณชาย”



                พรืด!



                ไอ้หมูมองผมตาขวางมันไม่ชอบให้ใครขัดมันเวลาพูด ก็กูขำอะ...คนอะไรชื่อชาย ยุคนี้แล้วยังตั้งชื่อเชยชิบหาย ผมยกมือไหว้เป็นเชิงขอโทษแล้วกลั้นหัวเราะจนหน้าตาบิดเบี้ยว ทำท่าอัญเชิญให้มันพูดต่อ



                “ที่สำคัญคุณชายเนี่ยมีคำเล่าอ้างว่าาาาาา...”



                “อื้อหือออออออออ” เฮียดุกร้องลั่น แล้วเอนหลังออกจากวงกระซิบอย่างรวดเร็ว



                “เฮียรู้ด้วยหรอ?” ไอ้หมูทำหน้าตาตื่นเต้นพูดเสียงสูง จนผมอดตื่นเต้นด้วยไม่ได้ ไอ้คนนั้นมันมีอะไรนักหนา



                “เปล่า ปากมึงเนี่ยแปรงครั้งสุดท้ายอาทิตย์ก่อนใช่มั้ย” แต้แว้ด! เซเลยกู เฮียดุกบีบรูจมูกจนเสียงพูดเหมือนควายออกลูก



                “เชี่ยเฮียกูตั้งใจฟังอยู่ เดี๋ยวไอ้หมูแม่งงอนหรอก” ผมรีบบอกก่อนเพื่อนตัวเล็กจะหน้าบึ้ง มันยิ้มร่าขยับหัวไหล่ให้สั่นดุ๊กดิ๊กเมื่อมีคนสนใจฟังอีกครั้ง



                “เสียงเล่าอ้างของพี่เค้าก็คือแม่งเป็นคนเจ้าระเบียบสุดๆ เว้ย จนคุณระเบียบรัดติ้วยังต้องมูนวอล์คถอยหลัง ใครที่มาหาเรื่องหรือทำให้ความมีระเบียบของพี่แกไม่มีระเบียบละก็....ตีนหนักจะได้ฟาดปากจนนอนหยอดน้ำข้าวต้มที่โรงบาลตลอดไป” มันทำหน้าขยาดแล้วพูดต่อ   



                “คือซัดไม่เลี้ยงจนเดี้ยงขยับไม่ได้?”



                “เปล่า นอนโรงบาลเอกชนไม่มีตังค์จ่าย เลยต้องใช้หนี้เขาอีกนาน”



                “ถุ้ย!”



                “ล้อเล่นเว้ย! เอาเป็นว่าคนที่คุณชายไม่ชอบที่สุดคือคนไร้ระเบียบเนี่ยแหละ”



                กูกลืนน้ำลายเลยไอ้เหี้ย ที่มันหาเรื่องกูเพราะความสกปรกกูไปขัดใจมันหรอวะ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ผมเหลือบมองของบางอย่างในกระเป๋าย่ามของตัวเอง ของบางอย่างที่ว่า...ผมใส่ถุงพลาสติกไว้สี่ชั้นกันกลิ่นโชย กูจะตายห่ามั้ยวะ ขอโทรบอกพ่อขอกระเพาะปลาคืนสุดท้าย ไม่ค่อยชอบกินแต่ฮิตทำกันจัง ว่าแล้วก็ขนแขนแสตนอัพผมเลยถามไอ้หมูต่อ



                “แล้วถ้าไอ้คนที่ทำข้าวราดเเกงลอยไปโดนตัวมันล่ะ...”



                ไอ้หมูจ้องหน้าผมเขม็ง  “เท่าที่กูรู้มาไม่ค่อยมีใครกล้าแหยมกับพี่แกหรอกนะเว้ย แต่ในกรณีนี้ก็...”



                มันพูดเสียงเหี้ยมแต่ก่อนที่จะพูดผมรีบยกมือห้าม ไอ้เฮียดุกแคะขี้มูกไม่สนใจใครยังต้องสะดุ้ง “มึงอย่าพึ่งพูดๆๆๆ กูขอแค่สามคำ” ไอ้หมูพยักหน้าเอือมๆ แล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผม



                “ตาย หยั่ง เขียด!”



                “ไอ้ฟายหมู! ไม่ต้องมาบิ้วกู มึงก็รู้ตอนนี้กูยังหล่ออยู่เลย มันก็คงเป็นเรื่องเล่าแหละมั้งงง มึงอะเวอร์” ผมพูดเสียงดังเหมือนไม่กลัวแต่ในใจเริ่มหวั่นพลางนึกถึงเหตุการณ์ล่าสุดที่พึ่งเจอกับไอ้คุณชายอะไรเนี่ยเมื่อสองชั่วโมงก่อน มันเป็นเรื่องราวของไอ้ภูเขาแห่งดุริยางค์และคุณชายเจ้าระเบียบแห่งอักษรศาสตร์



            สองชั่วโมงก่อนหน้านั้น



                “เข้!!!!!!!!!!!” ผมร้องลั่นหลังจากจานข้าวกระทบพื้นโรงอาหารดังเคร้ง ช้อนปลิวไปคนละทาง โลกพังที่แท้ทรู ทันทีที่จานหมุนคว้างจนนิ่งสนิทอยู่ที่พื้น น้ำอัดลมสีใสไหลเลอะเทอะแทบเท้า โรงอาหารอักษรที่มักจะครึกครื้นเพราะสาวเยอะก็เงียบลงถนัดตา เสียงที่ดังอยู่ตอนนี้ก็คือเสียงข้าวผสมน้ำแกงเผ็ดที่หยดลงพื้น



                แหมะ แหมะ



                “เหี้ยแล้ว...” ผมมองตามน้ำแกงที่หยดไล่ขึ้นไปยังที่มาของมัน เอื๊อก ไอ้มนุษย์หล่อตรงหน้าค่อยๆ ปาดน้ำแกงเหนียวๆ บางส่วนออกจากใบหน้า มัจจุ...ราชของแท้ ไอ้เขาที่ไม่เคยกลัวใครเริ่มหายใจติดขัด กำลังจะเอ่ยปากขอโทษแต่เสียงของคนมาใหม่ก็ตะโกนขึ้นซะก่อน



                “เฮ้ย!! ทำไรเพื่อนกูวะ!!!”



                พอผมหันไปมอง พึ่งเห็นว่าจุดรวมสายตาไม่ใช่ใครที่ไหน กูเองครับ...ผมหน้าซีด นับตีนที่กำลังเดินมาไกลๆ ไอ้เหี้ย หลายตีนเกิน ไอ้หล่อตรงหน้ากลั้นลมหายใจล้วงกระเป๋าหยิบผ้าเช็ดหน้าสีเข้มมาจากกระเป๋ากางเกงแสล็ค เลอะเทอะไปทั้งตัว แต่ส่วนบนนี่ดูไม่ได้สุดๆ มันกัดฟันทำหน้าแหยงโคตรจนผมเริ่มกลัว



                “กูไม่ได้ตั้งใจนะเว้ย...” ผมพูดได้แค่นี้เพราะเห็นคนที่วิ่งเข้ามาจากอีกฝั่งของโรงอาหาร คาดว่าคงเป็นเพื่อนมัน ตายศพไม่งามแน่ๆ หลายตีนแบบนี้



                “อ้าวจารย์ หวัดดีค้าบบบบ!!!!”



                ผมตะโกนลั่น หลับหูหลับตา กำมือคว้าลมวิ่งฝ่าคนมา ชนสาวอกตูมคนไหน ผมขอโทษด้วยครับ เสียงไล่ด่ายังคงตามมาด้านหลัง พ่อค้าแม่ค้าตาค้างกันเป็นแถว มีบางคนที่ชี้มือชี้ไม้ ตกใจไรครับ หลีกๆๆๆ ผมหนีคนมา ข้าวเขิ้วก็ไม่ได้แดกไอ้เชี่ยเอ๊ย เสือกถ่อมาส่องสาวคนเดียวอีกกู



                “หนี...พ้น..แฮ่กๆ...ยังวะ” วิ่งมาที่ลานจอดรถของคณะอักษรไกลจากโรงอาหารแล้ว ผมก็ปล่อยมือที่กำไว้แล้วก้มลงก่อนเท้ามือกับเข่าตัวเอง หอบแฮ่กๆ เหมือนหมาหิวน้ำ



                “หนีใครล่ะ?”



                “หนีไอ้พวกนั้นไง ที่แม่งไล่กูเนี่ยถามได้”



                ชะ...กูว่ากูวิ่งมาคนเดียวนะครับ เสียงคุ้นเหมือนได้ยินมาไม่นานนี้ เเละผมก็พิสูจน์ข้อสงสัยของตัวเอวด้วยการผมหันหลังไปมองช้าๆ



                ชัด!



                ชัดเลย!



                “เฮ้ยยยยย!!! มึงตามมาได้ไงเนี่ย” ผมสะดุ้งโหยงเตรียมหนีอีกครั้งแต่ไอ้หล่อเลอะเทอะนี่คว้าคอเสื้อผมไว้ทัน เอ่อ เเน่นด้วย มันหอบเล็กน้อย อย่าบอกนะว่าผมโชว์เด๋อคว้าข้อมือมันมา



                “อยู่เฉยๆ” ผู้ชายหน้าตาถมึงทึงคนนี้ปล่อยมือจากคอเสื้อผมแล้วสะบัดมือตัวเองสองสามทีคล้ายกับว่าไปจับของสกปรกมา หลังจากนั้นก็เลื่อนสายตาไปที่เสื้อเลอะๆ ของตัวเองแล้วพูดว่า



                “จะอ้วก”



                “ของดีๆ ทั้งนั้นมึงจะอ้วกทำไม”



                “หุบปาก อยู่นิ่งๆ กูจะต้องคิดบัญชีกับเด็กสกปรกอย่างมึงแน่นอน” พอผมกวนตีนไปแบบนั้นไอ้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้ามันก็มีสีหน้าหงุดหงิดขึ้น...มากกว่าเดิม ไม่น่าเลย ไอ้ปากไม่รักดี! มันกัดฟันเหมือนพูดกับตัวเองแต่ผมก็ได้ยิน เกือบจะเถียงกลับไปแล้วถ้ามันไม่ใช้นิ้วชี้หน้าผมไว้แถมยังส่งสายตาข่มขู่คุกคามอีก กูสกปรกตรงไหนวะ ถามจริงงงงงงงง



                คนตรงหน้าใช้ปลายนิ้วคีบปกเสื้อของผมแล้วออกแรงลากให้เดินตามเข้าที่หยุดที่หลังรถคันหนึ่ง ผมไม่กล้าขัดขืนเพราะใจยังหวั่นๆ เพระความกลัว เป็นโชคดีหรือโชคร้ายที่ผมมาหยุดพักเหนื่อยตรงลานจอดรถแบบนี้ ว่าแต่...เข้ รถโคตรสวย ยี่ห้อไรวะเนี่ยไม่รู้จัก มาถึงรถไอ้บ้านี่ก็รีบปล่อยมือทันที แล้วเช็ดนิ้วกับเช็ดกางเกงตัวเอง แหม มึงสะอาดตายแหละพ่อคุณเอ๊ย สภาพเหมือนตกโคลน แต่ช่างเถอะครับ ตอนนี้ไอ้เขาก็แทบจะลอยไปลูบรถอยู่แล้ว มันสั่นเพราะความตื่นเต้นที่มาไม่รู้จักเวล่ำเวลา



                “อยู่เฉยๆ ซักหนึ่งนาทีเป็นมั้ย ดิ้นเป็นรากดินโดนน้ำร้อนลวกอยู่ได้” มันพูดเสียงเเข็ง อะไรวะรากดิน ด่าอะไรกูเปล่าวะเนี่ย ผมทำหน้างงมองตามมันเปิดกระโปรงรถด้วยรีโมท พอเห็นไอ้คนที่เลอะเทอะก้มๆ เงยๆ  อยู่ตรงนั้น ผมเลยชะโงกหน้าไปดูบ้าง โอ้โห วางของทุกอย่างโคตรเป็นระเบียบ กระโปรงรถยังสะอาดกว่าห้องผมอีก กล่องเสื้อเชิ้ตไว้มุมหนึ่ง กล่องรองเท้า ทุกอย่างล้วนจัดวางอย่างดี เออคุณครับ สะอาดแบบนี้เปิดให้เช่านอนมั้ย



                ผมยืดตัวกลับมาเหมือนเดิม สองกุมเป้ามองมันสบถทุกคำที่ลงมือแกะกระดุมด้วยนิ้วชี้กับนิ้วโป้ง เห็นท่าทางแบบนั้นเก้ๆ กังๆ แล้วผมอยากจะช่วย แต่มันคงจะง้างหมัดต่อยผมก่อนได้ช่วย ผมจึงค่อยๆ แหวกซิบกระเป๋ากีตาร์แล้วล้วงเอาผ้าเช็ดลูกรักออกมาเผื่อว่ามันจะเอาไว้เช็ดไม้เช็ดมือ ไอ้หล่อที่หน้าตาเริ่มไม่หล่อหันหลังถอดเสื้อนักศึกษาโชว์แผ่นหลังขาวๆ มันแกะผ้าขนหนูจากกล่องมาเช็ดปลายคางลวกๆ เอ้า มีแล้วก็ไม่บอกมันหันหน้ามามองผมด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก



                แล้วจู่ๆ ก็โยนเสื้อที่เต็มไปด้วยแกงมาใส่หน้าผม



                พรึ่บ!



                เหี้ย โยนไม่บอกถ้าโดนหน้ากูสิวขึ้นทำไง ผมกำลังจะอ้าปากแต่ไอ้บ้านั่นกลับทำให้ผมชะงัก เข้...หุ่นดีชิบหาย ทำไมมึงไม่มีไขมันส่วนเกิน ผิดปกตินะ ไปหาหมอไปมึงอะ คนเขามีกันทั่วประเทศ



                “นอกจากสกปรกแล้วยังจะโรคจิตอีกนะ” มันพูดลอดไรฟันปรายตามองผมซะเสียวสันหลังวาบ ผมอึกอักก่อนจะกระแอมกลบเกลื่อน ก็ถอดให้กูมองเองอะ



                “มึงโยนเสื้อมาทำไม” เปลี่ยนเรื่องแม่ง



                “รับผิดชอบซะ” กูไม่ได้ทำมึงท้องนะครับคุณ



                “แต่มึงหาเรื่องกูก่อนนะ จานข้าวนั่นกูไม่ได้ตั้งใจเว้ย มี...มีคนมาชน...ชน...ชนศอกกู ไม่เชื่อมึงไปขอดูกล้องเลย” ผมเถียง



                “ตัวเท่าหางมด ไม่ต้องมาเบ่ง” หาง?...มด?... นี่มึงมาจากดาวไหนครับ



                “มันเป็นอุบัติเหตุเว้ย!”



                “อย่าเถียง เด็กอะไรทำผิดแล้วไม่รู้จักขอโทษซักคำ”



                “ไม่เด็กแล้วโว้ยยยย” ยี่สิบแล้ว เรียนปีสามแล้วด้วย



                “เอาเสื้อไปซัก รีดให้เรียบร้อย แล้วเอามาคืน” ไอ้หน้าหล่อที่ตอนนี้ผมเรียบๆ ของมันมีคราบสีเหลืองๆ ติดอยู่ยื่นหน้ามาใกล้ผม ผมก็เอนหลังออกห่างทันที ไม่ได้กลัวครับ กลิ่นแกงมันแรงไม่ไหวเจรงๆ มันจ้องผมตาแทบถลน ก่อนจะพูดเสียงดังฟังชัด



                “จำเอาไว้ ต้องซักให้สะอาด ห้ามมีรอยเปื้อน! ห้ามยับ! ซักมือเท่านั้น ถ้าไม่ดี...กูตามถึงบ้านแน่”



                พรึ่บ!



                ผมปาผ้าเช็ดกีตาร์ใส่หน้ามันแล้วดันออกอย่างแรง ก่อนจะออกวิ่ง โกยแนบครับ



                “มึงไม่รู้จักบ้านกูหรอกโว้ยยยยยยยยย!”



                “ไอ้เด็กมอมแมม!” เสียงทุ้มนั่นคำรามลั่น รีบหยิบผ้าออกด้วยความรังเกียจแล้วปาลงพื้น แต่ก็แค่นั้นแหละ ผมก็วิ่งออกมาแล้ว เป็นไงล่ะ เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับไอ้ภูเขาแห่งดุริยางค์ ผมหันไปยักคิ้วกวนตีนมันจึกสองจึกแต่ไอ้บ้านั่นกลับเลิกคิ้วแสยะยิ้มแบบเหนือๆ อะไรของมันวะ เออไม่เป็นไร จำไว้ ผมไม่เคยกลัวใคร ผมคนจริง!



                โครม!



                ผมคนจริง สะดุดทางต่างระดับ 2017 ครับ

               







                เอ่อ



                นั่นแหละครับเหตุการณ์ที่ผ่านมา



                “เป็นไงล่ะ เล่าอีกกี่รอบ กูก็ยังเป็นคนเมพ ไม่โดนอะไรเลย ตีนนงตีนหนักฉายาไร้สาระทั้งแพ”



                “เพ!!”



                “เออนั่นแหละ เป็นไงพวกมึงกูเท่ปะไม่มีรอยแผลจากตีนไอ้คุณชายซักแผล”



                “มั่นหน้ามั่นโหนก มั่นกะโหลกจริ๊งจริง เพราะมึงสกปรกเกินไปคุณชายเลยไม่กล้าต่อยรึเปล่า” ไอ้หมูมองผมเหยียดแล้วขยับออกห่าง



                “กูสกปรกตรงไหน ออกจะหล่อมาดแมนแสนน่าซั่มขนาดนี้”



                “มึงไม่สกปรกเลยเพื่อน รองเท้าสะอาดมากกกก สีก็สดสวยเหมือนซื้อใหม่ตลอดเวลา เสื้อนักศึกษาเหมือนใช้ตีนซักยับเป็นศิลปะชั้นเลิศ ส่วนกางเกงยีนส์ โอ้โฮเฮะ ไม่เคยได้ซักเลย ถอดมาพับแทบไม่ได้เพราะแข็งจนเกลือเกาะ” ไอ้หมูใช้ม้วนกระดาษบนโต๊ะแล้วชี้ใส่ผมเป็นลำดับตามคำพูดของมัน



                “ไอ้เชี่ยหมูนี่มึงพิงค์ใช่มั้ย”



                “อะไรวะ”



                “ชมกู”



                “ไอ้สัด นั่นมันชมพู”



                “หู้ยยย มุกแบบนี้ก็กล้าเล่น ไปไอ้หมูเราไปกันเถอะ กูจะไปวอร์มเสียงว้ากไอ้พวกปีสองที่ป่าดงพงไพร ปล่อยไอ้พวกหลงตัวเองไว้แถวนี้เถอะ” เฮียดุกทำหน้าหักงอแล้วก็คว้ากระเป๋าลุกขึ้นทันที



                “เห็นด้วยกับเฮียไม่อยากโดนตีนหลงไปด้วย คิดว่าดีก็ทำต่อไปนะเพื่อน”



                “อ้าวเฮี๊ยดุก ไอ้หมู ไปไหนวะ ทิ้งกูได้ไงงง”



                ต่อให้ร้องเท่าไหร่เธอก็คืนย้อนมาาาาาาา

 









                “อีเขา! มึงรู้ตัวมั้ยมึงทำอะไรลงไป บ้าบออออ”



                ผมกลับมาถึงบ้านด้วยแรงอันเหนื่อยอ่อน บ้านผมอยู่แถบชานเมืองไกลจากมหาลัยครับ และตอนนี้ผมกำลังนอนแผ่พุงอยู่กลางบ้าน  หลังจากที่ผ่านวันอันทรหดแบบสุดๆ



                “มึงลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้ อีเขา”



                และตัวที่เสียงแว้ดๆ อยู่ตอนนี้คือ อีแจ็ค เพื่อนกระเทยข้างบ้าน เห็นกันตั้งแต่จู๋เท่ามด ไอ้เหี้ย ถามจริงกูเป็นไรกับมด! มันคือกระเทยที่ชอบพูดคำว่าบ้าบอพร้อมกับทำปากน่าตบ มันเรียนมหาลัยเดียวกับผมแหละครับ แต่เรียนคณะอักษร



                “บ่นอะไรอีก กูนั่งรถกลับบ้าน พุงทับกันตั้งนานมันหงุดหงิดนะ” ปัญหาของคนมีพุงน้อยๆ โปรดเข้าใจไอ้เขาด้วย



                “อย่ามางอแง กูไม่ใช่พ่อมึง” อีแจ็คแว้ดเสียงอีกครั้ง ผมแคะหูกวนตีนมัน



                “หรือมึงอยากเป็นแม่?”



                “อีเขา! แต่ถ้าได้ก็เอา พ่อมึงก็แซ่บอยู่นะ บ้าบออออ” รีบตอบเชียวนะมึง ช่วยบอกผมทีว่าคนรอบตัวผมปกติอะครับ



                “เอะอะๆ ก็อยากได้พ่อกู”



                “เออ มึงนี่ชวนกูเปลี่ยนเรื่อง อีเขามึงรู้มั้ยว่าคลิปมึงทำร้ายคุณชายสุดหล่อว่อนเน็ตแล้ว มึงเอาไปดูๆๆๆๆ” อีแจ็คเอามือถือมากระแทกหน้าผม ผมหยิบแล้วมองนิ่ง



                “ไงล่ะอึ้งไปเลย”



                “เปล่า กูเปิดไม่เป็น”



                “โอ๊ย กูล่ะเหนื่อยหัวนม เอ๊ย หัวใจ มีเพื่อนโง่เทคโนโลยีอย่างมึงเนี่ย วันๆ ก็เล่นแต่กีตาร์ ฟังแต่ซิลลี่ฟูส์ ดูดแต่สไปร์ท อะ ดูๆๆๆ”



                คลิปในจอโทรศัพท์ก็เคลื่อนไหวไปครับ เหตุการณ์เกิดขึ้นแค่ยี่สิบแปดวิหลังจากที่จานข้าวตกปลิวไปโดนตัวมัน ตอนที่น้ำแกงหยด จอสั่นๆ ด้วยครับพร้อมกับเสียงคนถ่ายอุทานอย่างตกใจ เฮ้ย ทำไมมุมข้างผมดูอ้วนวะ



                “ไม่เคยมีใครกล้าลองดีกับคุณชายมาก่อน” ผมดันหน้าอีแจ๊คที่เต็มไปด้วยเครื่องสำอางให้ออกห่างๆ วันนี้ทั้งวันมีแต่คนพูดถึงคุณชายๆๆๆ จนกูเอียนจะแย่



                “มึงอย่ามาเว่อร์ได้มั้ยวะ คุณชายอะไรนี่ก็เเค่ชื่อชาย หรือมันเป็นคุณชายจากสกุลไหนฮะ บ้านทรายทองไง๊ พี่พจละมังค้าบ งี้ป้ะ”



                “อีภูเขา!...ถึงพี่เขาจะไม่ใช่คุณชายจริงๆ แต่ทุกคนพร้อมใจกันเรียกว่าคุณชายกันทั้งนั้น เพราะนามสกุลรันจกุลผู้ดีเก่าสมัยก่อนไงอีโง่”

               

                “...” ผู้ดงผู้ดีอะไรไม่รู้จักหรอก



                “แถมคุณชายยังสุภาพบุรุษ พูดจาสุภาพ เท่ หล่อ เรียนเก่ง มีชาติตระกูล ผู้ดี๊ผู้ดีไม่เหมาะสมกับคุณชายก็ไม่รู้จะพูดว่าอะไรเเล้ว กระเทยชะนีอยากได้เขาเป็นผัวทั้งนั้นแหละ ของแรร์ของคณะอักษรนะยะ”



                “ไม่แรร์ได้ไง ผู้ชายแท้มีกี่คนคณะมึงอะ” แล้วไอ้ที่มึงว่าอะต่างกับที่กูสัมผัสมาเองเลยโว้ย สุภาพบุรุษ อ่อนโยน แหวะ ป่าเถื่อนและหยาบคายอีกต่างหาก ไม่อยากจะขัดตอนมึงทำหน้าเคลิ้มเพ้อเหมือนได้ผัวแล้วงั้นอะ สงสารเทย



                “ไหนๆ มึงก็แสนรู้เป็นเห็บขนาดนี้แล้ว”



                “หมาก็พอค่ะ อีดรก”



                “ดรกไรวะ”



                “ไม่ต้องถามมาก กูคิดไม่ทัน อีสัดคนนะไม่ใช่เครื่องผลิตมุก ชงกูจัง " มันหยุดหายใจหนึ่งวิเเล้วพูดต่อ" ว่ามา...จะให้กูทำไร”



                “มึงช่วยหาที่อยู่ไอ้เชี่ย...เอ่อ คุณชายอะไรนี่ให้กูหน่อยได้มั้ย”



                “อีเข๊า!!!” มันร้องขึ้นเสียงสูงพร้อมกับทำมือทาบอกแบบตกใจสุดขีด



                “ร้องหาพ่อกูหรอ”



                “เอออยากได้ ไม่ใช่โว้ย! นี่มึงจะไปจับพี่เค้าหรอ ถึงคุณชายจะรวย ล่ำ ...ใหญ่ก็เถอะ แต่มึงอย่าไปทำอะไรพี่เค้าเลย กูขอออออออออออ”



                “ขอมาแดกเองสิมึงอะ โวยวายชิบหาย กูไม่ได้จะไปจับอะไรหรอก กูจะส่งเสื้อไป...ไปขอโทษไง” ตอแหลมากกูเอง มิสเตอร์ยูนิเวอร์แหลแห่งจักรวาล ผมมีแผนแล้วเรื่องอะไรจะต้องไปคืนให้มันที่คณะ เเล้วมันก็ไม่ได้บอกว่าต้องคืนที่ไหน หึ ผมบอกเลยว่าจะไม่ไปเหยียบแดนอักษรสววรค์สาวงามให้อับอายอีกเด็ดขาด วิธีนี้เด็ดสุดมันตามไม่ได้แน่นอน คนฉลาด ดร.ภูเขา สเปิร์ม เอ๊ย คอนเฟิร์ม



                “ปัญญาแค่ขี้ฝุ่นอย่างมึงเนี่ยนะจะไปขอโทษ” เบะปากแป๊บ ทำไมคนอย่างกูนี่ทำแบบนี้ไม่เป็นไง๊



                ผมถอนหายใจแล้วถามต่อ “เมื่อไหร่?”



                “ไม่นานหรอก สายกูเยอะ”



                “ไม่ เมื่อไหร่จะหยุดพูดอะ เสียงแหลม”



                “อีเขา! อยากให้กูช่วยก็บอกดีๆ”



                “ฮ้าว ง่วงดีกว่าเรา”



                “อีเขาคนจังไรรรรรร”



                อีแจ็คโวยวายเป็นกระเทยโดนผู้ชายลวนลามใส่ผมใหญ่ ผมก็เลยกลิ้งตัวไปอีกฝั่ง มันก็ยังตามมาแว้ด จนผมเผลอหลับไป ในฝันนั้นผมเห็นปีศาจหน้าหล่อมีเขากับเขี้ยวงอกออกมา เวลามันอ้าปากผมเห็นหน้าตัวเองอยู่ในนั้น ในความฝันทุกที่ที่มองมันเป็นสีแดงไปหมด ผมอยู่ในปากมันจริงๆ หรอเนี่ย แฟนตาซีสัดๆ ตะโกนเรียกเท่าไหร่ก็ไม่มีใครได้ยิน มีแต่เสียงดังก้องกลับมา ขณะที่มันจะเริ่มพูด เสียงสะท้อนก็ทำให้ผมกลัวจนตัวสั่นจนเหงื่อแตกพลั่กๆ ผมไม่อยากตายอยู่ในนี้!!



            “จำเอาไว้ มึงต้องซักให้สะอาด ห้ามมีรอยเปื้อน! ห้ามยับ! ซักมือเท่านั้น ถ้าไม่ดี กูตามถึงบ้านแน่!!”



                เฮือก!!!

               

                “ซักผ้า!!”

               

                ผมสะดุ้งตื่นพร้อมกับตะโกนลั่น ใจเต้นจนแทบระเบิด มองรอบๆ ตัวแล้วก็คิดได้ว่ากูไม่ได้อยู่ในปากใคร ภายในบ้านเริ่มมืดระลึกได้ว่าอีแจ็คออกจากบ้านไม่เปิดไฟให้กูเลยนะ ผมลุกขึ้นไปเปิดไฟเดินข้ามกระเป๋าย่ามที่กองไว้ตรงพื้น แล้วกลับมานั่งที่โซฟา พอนั่งก็หิวน้ำก็เออไปกินน้ำดีกว่า เดินข้ามกระเป๋าย่ามที่บรรจุเสื้อเน่าๆ นั่นเป็นครั้งที่สอง พอถือน้ำกลับมาก็เดินผ่านกระเป๋าย่ามเป็นครั้งที่สาม



                ย่าม ย่าม ย่าม ย่าม ย่าม ย่าม



                โอ๊ยยยยยยยยย ซักก็ซักดิวะ กลิ่นโชยเรียกกูอยู่ได้!



                เดี๋ยวจะซักไม่ให้รู้จักรอยเปื้อนเลยคอยดู หลอกหลอนชิบเป๋ง!!






tbc
======
จริงๆ ใจก็รู้สึกผิดเเหละเเต่ปากสุนัขไปหน่อยนะ
แกลืมอะไรไปเปล่าเขาา
 :กอด1: :L2:
ขอบคุณทุกคนมากค่ะ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-09-2017 22:40:48 โดย jaevin »

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
คุณชายจะต้องไปโดนของอะไรในอนาคตคะ ถึงต้องมาเป็นพระเอกคู่กับคนบ้าแบบนี้ 5555555555555555555555555555

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
ติดตามค่ะ แค่เริ่มก็น่าสนุกแล้ว แอบฮาชื่อตัวละคร 55

ออฟไลน์ jaevin

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-3
ระเบียบที่ 2 : ห้ามยับ



                เข้ เข้ด้วยช่วย เฮ้ย ช่วยด้วย ทำไม แฮ่กๆ มัน ซัก...แฮ่ก...ไม่ออกวะเนี่ยยยยย แช่ตั้งนานใส่นู่นนี่ตามที่ในเน็ตบอกแล้วทำไมมันยังเป็นสีเหลืองอยู่วะ ขัดมาเป็นชั่วโมงแล้วกล้ามกูขึ้นแล้วมั้งเนี่ย  โยกๆ ขัดๆ จนปวดแขนไปหมด


                “พอ! เลิก!” ไม่ทำแม่งละ ขว้างเสื้อลงในกะละมังแรงไปหน่อย น้ำกระเด็นเข้าตาอีก โอ๊ย ชีวิต นั่งนิ่งๆ มอง แต่ก็มาถึงขนาดนี้แล้วลองดูอีกที ผมบิดเสื้อ สะบัดชูขึ้นท้าแสงไฟอีกที ตรงไหนที่มันยังพอซักได้วะ


                “ทำไรน่ะเขา เห็นนั่งตั้งนานสองนาน” พ่อเลี้ยงเดี่ยววัยสี่สิบสามแต่หน้าตายังหล่อเหมือนตอนหนุ่มเดินเข้ามาถาม เกิดมายี่สิบกว่าปีก็มีลูกมีเมียซะแล้วพ่อผม ดีจริงๆ


                “เสื้อมันเปื้อนอะ เฮียทิว” พ่อผมเองครับ คุณทิวเขา แหมะ ชื่องี้เท๊เท่ ตอนเด็กๆ เพื่อนล้อหาว่ากูหัวแหลมเหมือนภูเขาเลยได้ชื่อภูเขา โกรธมากบอกตรง พ่อเป็นคนที่บ้ามอเตอร์ไซค์มากกกก ถึงขนาดเปิดร้านขายมอเตอร์ไซค์กับเพื่อนสนิท แถมชอบแต่งตัว เจาะหู ไถผม คือมีสไตล์สุดๆ  เด็กท้ายซอยสรรเสริญบูชาเรียกเฮียกันทุกคน ผมเลยติดปากมาด้วย พ่อผมเจ๋งสาดไปเลย ตอนวัยรุ่นนี่ทำทุกอย่างที่คนดีเขาไม่ทำกันอะครับ อู้หู เจ๋งโพดๆ


                “ว่าไง” พ่อเดินเข้ามายืนพิงประตูหลังบ้านมองผมที่นั่งกอดกะละมังซักผ้าก่อนจะชะโงกหน้ามาดูเสื้อที่อยู่มือผม “เหลืองขนาดนี้ซื้อใหม่เถอะ”


                “เขาจนง่ะเฮียทิววว” ทำหน้าอ้อนพ่อแป๊บ ลูกน้อยอ้อนพ่อต้องใจอ่อน พ่อก้มมองแล้วย่นจมูก “เนี่ย วันก่อนพึ่งประมูลอัลบั้มคอนเสิร์ตของพี่โตได้ เดือนนี้เขาต้องกินแกลบกับน้ำปลาแน่ๆ เลย กระซิก” ปกติพ่อจะให้เงินเดือนครับแล้วให้บริหารเองไอ้เขาก็บริหารซะดิบดี โอนค่าบั้มไปจนหมดสิ้น


                “นะ...เฮียทิว จ๊นจนนนอะ ”


                “ตอแหลเหมือนแม่มึงจริงๆ”


                “ชะอุ้ย น่า...ขอตังค์หน่อย เสื้อตัวนี้ตัวโปรดเลยเนี่ย”


                พ่อทำหน้าไม่เชื่อ เพราะเสื้อที่อยู่ในกะละมังไม่เหมือนเสื้อตัวโปรดของผม เสื้อไอ้คุณชายถึงจะเปื้อนแกงเผ็ดแต่ส่วนที่ไม่เปื้อนมันขาวจั๊วเลยนะครับ ถ้าเป็นเสื้อผมละก็ต้องเหลืองทั้งตัวต่างหาก กร๊าก


                “เออ ตังค์ห้าร้อยอยู่บนโต๊ะไปเอาเอง”


                ผมตะโกนด้วยความดีใจ หยิบเสื้อติดมือมาพร้อมกับวิ่งเข้าไปหาพ่อ “เย้ รักเฮียทิวที่สุด จุ๊บ”


                “ไอ้เขา!” พ่อลูบแก้มหน้าแดงนิดๆ แล้วก็ร้องด่าผมลั่นบ้าน


                “เขาออกไปซื้อเสื้อก่อนนะเดี๋ยวห้างปิด”


                “เรื่องของมึง” ไงล่ะพ่อผม


                ผมคว้าถุงพลาสติกยัดเสื้อคุณชายลงไป ส่วนมืออีกข้างก็คว้ากระเป๋าตังค์ตัวเองกับตังค์พ่อแล้ววิ่งออกมาจากบ้าน นี่ก็จะทุ่มนึงแล้วแต่ไม่เป็นไรครับ แถวบ้านมีห้างชื่อดังอยู่กว่าจะปิดก็นู่นแหละสามสี่ทุ่ม


                “พี่เสกๆ” ผมโบกมือเรียกวินหน้าปากซอย พี่วินคนนี้เป็นคนที่ผมขึ้นประจำ ขึ้นรถพี่เขาน่ะ อย่าคิดลึก พี่เสกเป็นคนดียิ้มง่าย ยิ้มทีเห็นแต่เหงือกฟันหน้าแม่งหายไปไหนไม่รู้ พี่เสกบอกทุกวันนี้ไปแจ้งหลายสน.แล้วยังหาฟันหน้าไม่เจอ พี่วินคนนี้เป็นคนบ้าคำถาม เวลาขึ้นรถฮอนด้าสกู้ปปี้ไอสีขาวของแก ต้องตอบคำถามให้ได้ก่อนถึงที่หมาย ถ้าตอบถูกฟรี ไม่ถูกก็จ่ายตังค์ ซึ่งก็ต้องจ่ายอยู่แล้ว บอกเลยว่าตรงนี้หาเรื่องให้กูปวดหัว


                “ไปไหน?”


                “เซ็นโทร่ว” ผมว่าแล้วก็วาดขาซ้อนรถ พี่เสกยังไม่ออกรถหรอก ผมรู้เจ็บมาเยอะ บางทีรีบต้องมาตอบคำถามนี่อีก


                “คำถามวันนี้ถามว่า สีอะไรมีลูกชาย” พูดจบพี่เสกก็แว้นออกไปเซ็นทรัลศูนย์การค้าแห่งสยามประเทศ


                เสียงลมตีหูดับพรึ่บพรับ ตอบมั่วเลยละกัน “สีแดง”


                “ไม่ชั่ย ไม่ช่ายยย”


                “สีเหลือง”


               “ไม่มีอะไรจริงๆ นะ”


                “สีเขียว”


               “ไม่ชั่ย ไม่ช่ายยย”


                ตอบไปกี่ข้อพี่เสกก็หัวเราะหึหึฮ่าฮ่า อะไรวะ สีอะไรมีลูกชาย


                “สีกันจนได้ลูก” คำตอบสุดท้าย


                “เสื่อมจริงๆ เลยคำถามพี่เสกไม่ลามกนะ”


                “เฉลยเลยเหอะ” กูรำละ แตรง แตร่ง แตร่ง แตร้งงง


                เอี๊ยด!


               “อะ...ถึงแล้วเซ็นโทร่ว เฉลยมา”


                “สีที่มีลูกชายคือ....” ผมลงจากรถพี่เสกต้องมาลุ้นคำตอบจนเยี่ยวเหนียว “คือออออออออออออออออ”


                “ผมไปละพี่” หันหลังเลย เนียนไม่จ่ายตังค์


                “เดี๋ยวๆๆๆๆ สีนั้นคือสี...สีโอรส!”


                “นั่นมันโอโรช!”


                “ผ่าม!”


                ผ่ามแม่พี่อะ ผมเบะปาก ยัดตังค์เหรียญใส่มือพี่เสก กูบอกเลยว่ากริบ “พี่เสก มึงรีบไปได้แล้วไป” ผมโบกมือไล่ มุกไม่ฮากูเครียดหนักเลย วันๆ เห็นหน้านิ่งเข้าวินไม่ใช่ไร ไม่ได้เครียดเรื่องไม่มีเงิน เครียดเรื่องนึกมุกไม่ออก


                ผมเดินเข้ามาในห้างจำได้ว่ามีร้านขายชุดนักศึกษาอยู่นี่หว่า ชั้นสองมั้ง เดินขึ้นบันไดเลื่อนที่คนยืนอยู่ประปราย มองนู่นนี่ไปเรื่อย แต่แล้วผมก็เห็นไอ้คุณชายกำลังลงบันไดเลื่อนในขณะที่ผมกำลังจะขึ้นไป เชี่ย เชี่ย เชี่ย ผมยกถุงพลาสติกมาบังหน้าแต่ก็แอบมองไอ้คุณชายยืนหลังตรงหน้าตาไม่สบอารมณ์อยู่ตรงนั้น คือบอกเลยว่าเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดหาง มันมีออร่าอยู่กลางไปบันไดเลื่อนเลยครับ หมดคราบเลอะเทอะที่เจอวันนี้เลย ขายาวๆ เข้ากับกางเกงสแล็คสุดๆ แถมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนลายทางถี่ๆ ของมันยิ่งทำให้ดูมาดคุณชายไปอีก หุ่นจะดีอะไรเบอร์นี้วะ เพี้ยะ! ไม่ต้องตกใจ ตบแก้มตัวเองเรียกสติแล้วก็แอบดูใหม่


                “โห ระเบียบแม่งคงจัดจริง”  ทั้งบันไดเลื่อนเนี่ยคนก็ยืนซ้ายขวาสะเปะสะปะกดมือถือบ้างไรบ้าง แต่คุณชายคนนี้ยืนตรงชิดขวาอยู่คนเดียวเลยครับ มีสมาธิกับการลงบันไดเลื่อนมาก ทำให้คนข้างหลังต้องยืนชิดขวาไปด้วยคงจะเป็นเพื่อนมันนั่นแหละผมว่า จำตีนได้ ดูผ่านๆ อย่างกับหนังมาเฟียต้องมีคนคอยตาม


                “ชะอุ้ย...” แทบสะดุด ถึงชั้นสองแล้ว ผมชะโงกหน้ามองไอ้คุณชายที่เดินออกจากบันไดเลื่อนตรงไปที่ประตูทางออก ดีแล้ว ไม่ต้องเจอกัน กูจะซื้อเสื้อคืนให้มึงแล้วก็เลิกแล้วต่อกันนะ


                “พี่เอาเสื้อไซส์นี้ ผ้าแบบนี้ สีนี้นะพี่”


                ผมเดินมาถึงร้านด้วยความเซอร์ถุลพร้อมกับยื่นถุงพลาสติกใส่เสื้อเปียกมาให้เจ้าของร้าน มองไร ไม่เคยเห็นคนเท่หรอวะ


                “คุณน้องงงง ไซส์นี้ สีขาวแบบนี้อะพี่มีนะคะ แต่ผ้าแบบนี้ไม่มีค่ะ” พี่สาวเจ้าของร้านที่มีสายวัดตัวประดับลำคอเหมือนเป็นสร้อยพูดหลังจากรับเสื้อที่เปียกมาพิจารณา


                “ทำไมไม่มีผ้าแบบนี้ล่ะพี่”


                “โอ๊ยยย ผ้าแบบนี้แพงจะตายใครเขาเอามาตัดเสื้อนักศึกษา พี่ก็ขาดทุนพอดีสิคะคุณน้องง” ไอ้เชี่ยคุณชายมึงใส่เสื้อทอด้วยใยธรรมชาติในเทือกเขาอัลลาปาระกาก้าหรอวะ



                “ชิบหาย...”


                “ไม่หายหรอกค่ะ เรือพี่ตั้งตรงนู้น” พี่แกชี้ไปที่เรือสำเภาบนหิ้งบูชา ผมมองตามนิ้วมือแล้วก็ต้องกรอกตาลงแป๊บบบ


                “ชิบหายครับพี่ไม่ใช่ชิบเรือ พี่มีเนื้อผ้าที่ใกล้เคียงสุดๆ มั้ย” ผมต้องหาทางออกนี้ให้ได้!


                “ไม่มีค่ะ พี่มีแต่ผ้าหยาบๆ ทำไมคุณน้องไม่ลองไปที่แบรนด์ล่ะ นี่อะ...” พี่แกยื่นคอเสื้อที่มีชื่อแบรนด์ของเสื้อไอ้คุณชายให้ผมดู เข้ ทำไมกูโง่ ผมรีบคว้าเสื้อผงกหัวขอบคุณแล้ววิ่งออกไปหาร้านแบรนด์นี้ทันที

               







                “สองพันถ้วนค่ะ ตัวนี้ลดราคาอยู่พอดี”


                ผมตาเหลือกตอนที่ก้มหาเงินในกระเป๋า ลดโพ่งมึงงงงง มันใส่เสื้อนักศึกษาอะไรตัวสองพัน ตัวมึงเป็นทองไง๊ ทั้งตัวมีห้าร้อยเจ็ดสิบเดียวรวมตังค์พ่อแล้วด้วย


                “ลดแล้วลดอีกได้มั้ยครับพี่คนสวย”


                “ไม่ได้จริงๆ ค่ะ”


               “เส้นผมยังบังภูเขา แล้วความรักเราจะทำยังไงครับ”


                “ไม่มีเงินก็ไปเล่นตรงนู้นไปค่ะ”


                เพราะเหตุนี้ไอ้เขาจึงต้องโทรไปขอยืมตังค์เพื่อนหมูพันห้าให้โอนมาด่วนๆ โดนมันด่าอยู่ห้านาทีเต็มๆ กว่าเพื่อนจะโอนมาให้ จากนั้นรีบวิ่งไปกดแล้วก็กลับมาหาพี่สาวคนสวยทันที พี่สาวยื่นถุงกระดาษเเบรนด์ดังมาให้ผม ส่วนผมที่รับถุงมาแล้วก็ทำหน้าหงิกงอสาปแช่งไอ้คุณชายจนพี่พนักงานสะดุ้ง

 
               “ขอให้ขายดีๆ ครับพี่แพงๆ แบบนี้คนช๊อบชอบ”

 





วันต่อมา

                Jackies อยากมีผัว กำลังโทรหาคุณ เเหมะ ชื่อมันยาวจนจะเกินหน้าจอมือถือรุ่นเดอะของผมอยู่แล้ว


                ติ๊ด!


               (อีเขา ที่อยู่คุณชายได้มาแล้วมึงงงง)


                “อือ...”


                (ไม่อยากจะบอกบ้านพี่เขาอยู่ห่างจากหมู่บ้านเราไปสองหมู่บ้านเอง โอ๊ยย อะไรจะบังเอิญปานนี้ บ้าบออออ)


                “เออ รีบๆ ส่งมากูจะเอาเสื้อไปปาบ้านมัน”


                (หยุดความคิดจ.ร. จังไรของมึงเลยนะ ทำเสื้อเค้าเปื้อนก็ซักไปคืนตามที่เค้าบอก ชนแล้วหนีแบบมึงเค้าไม่กระทืบก็บุญเท่าไหร่แล้ว แล้วเนี่ยเมื่อไหร่มึงจะเปลี่ยนมือถือสองจีของมึงซักที นี่มันหมดยุคส่งเอสเอ็มเอสแล้วนะอีดรก)


                “อย่าพูดมาก เอามาเร็วๆ”


                (เออค่ะ เลี้ยงเตี๋ยวเป็ดกูด้วย)


                “จ้ะ ขอบใจมากแจ็คที่รั...”


                ติ๊ด!


                อิเวงงง


                เช้านี้ผมไม่มีเรียนและอีแจ็คก็มีเรียนทุกวัน ถึงไม่มีเรียน มันก็จะออกไปแรดกับเพื่อนสาวของมันเสมอๆ ข้อดีของการไม่ติดโซเชียลคือกูไม่ต้องรับรู้ข่าวสารอะไรทั้งนั้น ดีตรงไหนวะ ช่างแม่ง ผมหยิบกีตาร์ไฟฟ้ามาดีดรอข้อความจากอีแจ็ค นี่ลูกตัวที่สอง เส้นเอ็นนุ่มดีดเหมาะมือ บอกเลยว่ารุ่นนี้ซื้อเลียนแบบมือกีตาร์ของวงซิลลี่ฟูส์สุดที่รัก WASHBURN DIMEBACK  สีดำแบบด้าน หล่อจริงลูกพ่อ


                “เธอบอกว่าวันนี้เป็นวันนี้ไม่เคยจะเหงาฮู้ว เธอบอกว่าวันนี้เป็นวันของเราฮู้วว อาจ...เป็น...” เสียงร้องของพี่โต ซิลลี่ฟูส์ โคตรบาดใจผมเหลือเกิน ร้องไปเหมือนกลั้นลมหายใจไปด้วย โอ๊ย มีเสน่ห์


                แต่ว แด้ว แด้วววว เสียงไม่ถึงคีย์ เอาใหม่ “อาจ...เป็น...เพียงคำพูดลมๆ แล้งๆ เท่าน้านนนนนนนนนนที่เธอพูดออกมะ...ฮ้า”


              “ไหนว่าจะไม่หลอกกัน....ไหนว่าเธอจะมีช้าน...ไหนว่าเธอ...จิ...เป็น...เหมือน...”


              *ไหนว่าจะไม่หลอกกัน – Silly Fools


                อุแว้!


                ชะ...แทบดีดพลาดเสียงข้อความเข้ามันเร้าใจจริงๆ


                ผมมองดูที่อยู่แล้วก็เก็บกีตาร์ หึหึ ไอ้คุณชาย กูรีบเอาเสื้อไปคืนมึงเลยเนี่ย ผมซื้อกล่องไปรษณีย์มาเรียบร้อย นั่งพับด้วยความบรรจงกลัวกล่องยับแล้วไอ้คุณชายจะไม่เปิดดู เสื้อสองพันไม่หารใครผมก็เอามาซักอย่างเบามือไม่มีรอยเปื้อนตามที่มึงบอกเด๊ะ เรียบร้อยแล้วก็รีดผ้าแบบกริบ บอกเลยว่ากริบ ไงล่ะ มึงควรภูมิใจนะ เสื้อตัวแรกที่กูรีดคือเสื้อมึงเลย ปกติผมสะบัดๆ ใส่ เดี๋ยวเดินกลางแดดก็เรียบเองให้ความร้อนจัดการ


                แผนของผมคือ ผมจะเอาไปส่งที่บ้านมันด้วยตัวเอง เนียนเป็นไปรษณีย์ไทยส่งไกลทั่วจักรวาล ผมจึงพับเสื้อด้วยความประณีต ใจจริงอยากจะใส่ไม้แขวนให้ แต่เอาไปแขวนหน้าบ้านมันกลัวมีพิรุธ เลยพับอย่างดีใส่ถุงพลาสติก ติดสก๊อตเทปกันมันเคลื่อนตัวแล้วจะยับอยู่ในกล่อง ปิดกล่องเรียบร้อยก่อนจะเขียนที่อยู่มันลงบนหน้ากล่อง เอ๊ะ..ชื่อจริงชื่อไรวะ...ลืมถามอีแจ็ค


                “คุณชายละกัน ตามนั้น” ผมเขียนเรียบร้อยก็หยิบกระเป๋ากีตาร์ลูกรักแล้วออกจากบ้านจะได้นั่งรถไปเรียนต่อเลย มองกล่องในมือ อื้อหือ ผมนี่มันโคตรฉลาด ยิ้มอย่างภูมิใจแล้วก็เดินออกจากบ้านมา ไม่ต้องล็อคหรอก พ่อยังไม่ตื่น


                “วินมอไซมั้ยค้าบบบบ”


                “เฮ้ยๆ พี่ไปด้วย” เยดเข้ พี่เสกอีกแล้วหรอเนี่ย กูเบื่อหน้าแม่งแต่ก็ต้องขึ้น ขี้เกียจเดินไปโบกวินที่หน้าปากซอย พี่เสกออกรถแล้วก็ถามขึ้น ผมต้องประคองกล่องและแบกกีตาร์ไปด้วย ประสาทกูต้องดีขนาดไหนแล้วยังต้องมาแบ่งสติคุยกับพี่เสกอีก


                “อ้าว เขา ขึ้นมาๆ ไปเรียนหรอ”


                “พี่เสกไปหมู่บ้านรันจกุล”


                “หื้อ เขาจะไปทำอะไรหมู่บ้านคนมีกะตังค์”


                “เอาน่าพี่ไปเร็ว”


                “โอเค อะ มาวันนี้มีคำถามม้าอะไรไม่อยากนอนแล้ว”


                “พี่เสก หยุดถามซักวันได้มั้ยวะ” ถ้าถีบวินเสียค่าปรับกี่บาท บอกที


                “หยุดไม่ได้ขาดใจ”


                “ม้าลาย” ตัดบทแม่ง


                “ผิด”


                “ม้าน้ำ”


                “ไม่ใช่”


                “ม้าสีหมอก”


                “โน”


                “ม้าอะไรวะพี่”


                “มะง่วงอะ”


                “มะง่วงก็มะง่วงครับพี่”


                อยากจะยกตีนนวดขมับแต่ก็ทำไม่ได้ พี่เสกหัวเราะอารมณ์ดีตลอดทาง เออ จ่ายอยู่แล้วค่ารถอะ

               
                “เข้าไม่ได้นะครับ”



                “ทำไมอะพี่เพื่อนผมอยู่บ้านสุดซอยอะ”


                “เพื่อนน้องชื่ออะไรครับ”


                “คุณชาย รันจกุล” พี่ยามในตู้ยามหน้าซีด


                “จริงป้ะ เพื่อนคุณชายไม่เคยนั่งวินมาแบบนี้นะ” ชะ...เพื่อนมันหรูมันหมดเลยหรอวะ


                “พี่ พอดีรถบีเอ็มดับเบิ้ลยูของผมเสียอยู่ตรงถนนใหญ่เลยต้องโบกวินเข้ามา มือถือก็แบตหมด นัดกับคุณชายไว้ เดี๋ยวท่านชายโมโหทำไง” ผมทำหน้าตาจริงจังจนพี่ยามลังเล


                “งั้น...น้องต้องวางบัตรประชาชนไว้”


                “ไรวะพี่ เออก็ได้ รีบๆ เปิดเลย”


                ผมวางบัตรประชาชนแล้วพยักหน้าบอกพี่เสกให้ขี่เข้าไป “ไปได้แล้วใช่มั้ย”


                “เชิญครับ”


                “ฟู่ววว”


                “เป็นไรพี่เสก”


                 “ก็เขาบอกให้พี่เงียบๆ พี่แทบไม่หายใจเลยอะ เกือบตดแล้วแต่กลั้นไว้”


                แล้ว...แล้วแต่มึงเถอะพี่เสกกก โอ๊ย ปวดหัวววว

               







                “หลังนี้แหละ”


                “เข้....อลังการงานสร้างบ้านทรงไทยโมเดิร์นแบบสมัยร.6 ร.7 เลยว่ะ โคตรสวย” ผมอ้าปากหวออยู่ข้างๆ รั้ว บ้านนี้เหมือนจะใหญ่ที่สุดแล้วเป็นหลังเดียวในซอยที่ยังคงสภาพแบบสมัยก่อนเอาไว้ สุดยอดเลย บริเวณบ้านก็ร่มรื่น โรงรถมีรถคุณชายจอดอยู่ จำได้รถมันหรู


                “เขาๆ ”


                “อะไรวะพี่”


                “จะทำอะไรอะ”


                “ผมจะเอาของมาให้เพื่อน เซอร์ไพร์สอะพี่ แต่ไม่อยากส่งไปรษณีย์เปลืองเงิน”


                “แต่นั่งรถมาส่งเอง?”


                “ใช่พี่ ความคิดดีป้ะพี่” พี่เสกชะโงกหน้ามาดูแต่ตัวก็ยังคร่อมเบาะอยู่


                “เปลืองตังค์พอกัน นี่มึงโง่หรือโง่”


                “ว่าไงนะพี่”


                “เอ่อ เปล่าๆ ...เออ ส่งไปรษณีย์แล้วทำไมไม่เขียนที่อยู่ตัวเองด้วยล่ะ ชื่อก็ไม่เขียน ปล่อยว่างๆ แบบนี้เดี๋ยวเพื่อนไม่เชื่อหรอกมาไปรษณีย์มาส่งจริงๆ”


                “หรอวะพี่”


                ผมขมวดคิ้วลังเล พี่เสกเสริมต่อให้ผมเอนเอียงไปทางพี่แกมากขึ้น “แล้วแสตมป์ก็ไม่ติด เจ้าของบ้านนึกว่าระเบิดทำไง เอ้าเอานี่ พี่เอามาด้วย”


                “เฮ้ยพี่โคตรเจ๋งอะ สะสมแสตมป์ด้วย”


                “แสตมป์เซเว่นเนี่ยแหละ ว่าจะแลกร่มลายไข่ย้อย”


                “ถุ้ย!”


                “ติดๆ ไปเหอะน่า อะปากกา เขานี่ไม่เตรียมพร้อมเล้ย” ส่ายหน้าเอือมกูอีก


                “ใจพี่ โชคดีแล้วผม พี่เสกแนะนำขนาดนี้ เพื่อนผมต้องตกใจสุดยอดแน่”


                ในใจผมเหมือนลืมอะไรตงิดๆ แต่ช่างแม่ง เขียนชื่อที่อยู่ผู้ส่งเสร็จ ติดแสตมป์เรียบร้อย ผมก็กดออดแล้ววางกล่องไปรษณีย์ไว้หน้าบ้าน แอบดูตรงรั้วไม่นานก็มี เอ่อ...นี่มันยุคไหนวะเนี่ย ดูเหมือนจะเป็นแม่บ้านหรือคนรับใช้ใส่เสื้อสีขาวกับผ้าซิ่นสีน้ำเงินเข้มวิ่งออกมาจากประตูข้างๆ แต่ก่อนที่เธอจะออกตัววิ่งนั้นก็มีเสียงเรียกดังมาแว่วๆ เช็ดเข้ ไอ้คุณชาย! มันทำท่าทางชี้บ้าใบ้อะไรซักอย่างแล้วคนรับใช้คนนั้นก็พยักหน้าเเล้วกลับเข้าไปในบ้านเหมือนเดิม ที่ไม่เหมือนเดิมคือไอ้คุณชายเดินออกมาเอง!


                ทำไมมึงไม่ไปรอสบายๆ ห๊ะ...เดินออกมาทำไม


                “พี่เสกๆๆ ไปๆ ออกรถมีคนมาเดินออกมาแล้ว”


                พี่เสกพยักหน้าอย่างแข็งขันแล้วก็สตาร์ทรถ


                “เฮ้ยพี่รถเป็นอะไร”


                “รถสตาร์ทไม่ติด”


                “ได้ไงอะพี่ เร็วรีบสตาร์ทเดี๋ยวคนออกมาเห็น” ผมมองพี่เสกที่พยายามกดปุ่มสตาร์ทรถตรงมือขวา ผมเงียบไปสองวิแล้วเอ่ยถาม “ทำไมไม่ใช้โตเกียว”


                “ทำไมต้องใช้โตเกียว” พี่เสกเงยหน้าขึ้นมาถาม


                “เพราะใช้แล้ว...เครื่องฟิต...สตาร์ทติดง่าย”


                “โทษนะ ไอ้น้องเขา...อันนั้นไดเกียว พูดซะพี่หิวเลย”


                เอ๊ะหรอวะ แต่... “พี่อย่ามาเปลี่ยนเรื่องรีบสตาร์ทเลย” เสียงแข็งเข้าสู้


                “เออ เป็นอะไรวะ เมื่อกี้ยังดี เฮ้ย!!...” จู่ๆ พี่เสกก็ร้องขึ้นมา


                “เป็นไรพี่!”


                “ลืมเอาขาตั้งขึ้น”


                แต้แว้ด!


                พี่เสกนี่มึงง่าวใช่ม้ายยย รถสกูปปี้ไอมันต้องเอาขาตั้งขึ้นก่อนถึงจะสตาร์ทได้ รถมึงจริงป้ะเนี่ยยยยย


                เฮ้ยๆๆๆๆ คุณชายเดินจะถึงประตูรั้วแล้ว


                “ไปๆๆ” ผมโดดขึ้นรถพี่เสกแล้วพี่แกก็ออกตัวแรงสมใจ หันไปมองก็เห็นไอ้คุณชายที่ยืนจ้องกล่องไปรษณีย์อยู่ลิบๆ


                หมดเวรหมดกรรมกับซักที ไอ้คุณชาย เอามาคืนถึงบ้านแบบนี้มึงก็ตามหาบ้านกูไม่ถูกหรอกเว้ย!


                เอาไปเชยชม นอนดมให้สมใจ เสื้อห้ามเปื้อน ห้ามยับมึงเนี่ยยยย





======

ถามว่าใครฉลาดสุดในเรื่องนี้
ขอบคุณค่ะ
 :L2: :กอด1:

ออฟไลน์ naya-devil

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 122
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ชอบอ่ะ สนุกดีๆ

ออฟไลน์ chen

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 137
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-0
โอย ขำใจจะขาด ขำได้ทุก3วิ
ดีงามค่ะน้องเขา เขียนที่อยู่ให้เค้าพร้อม
คุณชายจะระเบียบได้มากแค่ไหน ถ้าเจอน้องเขาคนเซอร์

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ มะเขือม่วง

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 435
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ SiHong

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 484
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-2
น้องเขา ไม่ใช่มึงเขียนที่อยู่ตัวเองในกล่องแล้วหรอคะ พี่ละเหนื่อยกับมึงจริงๆ 555555

ออฟไลน์ donut4top

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
จ้างพี่วิน 20 หยุดเล่นมุกที ขำจนปวดท้องไปหมดแล้ว55555

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ค่ะชาตินี้หาไม่เจอหรอกบ้านเขาอ่ะ ที่อยู่ชัดเจนเชียว อีบ้าา 5555555555555555555555555

ออฟไลน์ utamon

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 706
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
บันเทิงมาก สงสารคุณชายต้องมาเจอคนแบบนี้ 55555555555555555555

ออฟไลน์ rockiidixon666

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 760
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
พี่วินกับเขาเข้ากันได้ดีจริงๆ 555

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1051
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
นายเอกเรื่องนี้ไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่สินะคะ
ต๋วงได้ใจจริงๆค่ะหนูเขา

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
รอคุณชาย ค่าตัวแพง  :mew2:
โผล่มาแว้บเดียวจริงๆ พูดก็ไม่พูด  :ling1:

หมู ก็น่ารัก ชื่อผิดรูปร่าง
ขำที่ไหล่ไหวดุ๊กดิ๊ก ตอนที่ดีใจ มีคนอยากฟังเรื่องที่พูด

แจ็ค เพื่อนเขา (เขาคน ไม่ใช่เขาควาย เอ๊ย.....เขา ชื่อคน /เหนื่อยเลย)ตลกดี บ้าบออออ

มุกพี่เสก โลโซ เอ๊ย.....วินไซค์ ขำสุดๆ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ jaevin

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-3
ระเบียบที่ 3 :  ห้ามขัดคำสั่ง



                ผมแบกกีตาร์ลูกรักมาถึงมหาลัย สาวมองตรึม หยั่งเท่เลอว่ะ ผมกวักมือโบกรถรางตรงหน้ามอแล้วนั่งเบียดกับสาวๆ นั่งก้นเกือบตกเบาะอยู่ครู่หนึ่งก็ถึงคณะดุริยางค์อันเป็นที่รัก



                ตึ่ง โป๊ะ ตึ่งตะลึงตึ่ง โป๊ะ โป๊ะ ตึ่ง แฉ่



                ลานดนตรีตอนสิบเอ็ดโมงครื้นเครงไปด้วยเสียงกลอง คณะเรามีดนตรีอยู่ในหัวใจครับ ทำอะไรก็ต้องมีจังหวะ อย่างตอนนี้พี่ปีสี่กลุ่มสวรรค์รำไรกำลังโชว์ตีกลองถังกับอุปกรณ์ประยุกต์ที่ตั้งเรี่ยราดอยู่ใต้ต้นโพธิ์ของลานดนตรี ไม่ได้กลัวอาจารย์กันเลยนะพี่มึงงง แล้วนั่นเพื่อนรักผม ไอ้หมูก็ไปกับเขาด้วย ลืมบอกไปครับ เพื่อนหมู มันนามสกุลดรัมแห่งสาขาดนตรีแจ็สครับผม ไอ้พวกที่ตั้งวงกันอยู่ตอนนี้ก็พวกดรัมทั้งนั้น



                 “ตัวเด็ดแห่งอีกีตาร์มาแล้วโว้ยยยยย! โป๊ะ โป๊ะ ตึ่ง” อีกีตาร์ไม่ใช่คำหยาบนะครับ เครื่องมือของผมคืออิเล็กทริคกีตาร์ครับผม รุ่นน้องปีหนึ่งที่ห้อยป้ายชื่ออันใหญ่เท่าฟิวเจอร์บอร์ดมองผมพร้อมกับขำไปด้วย  แหมะ ได้ยินเสียงกลองแล้วใจมันคึกคัก เท้าขยับไปด้วยอย่างลืมตัว ส่ายตูดด้วยเอ้า วันนี้อารมณ์ดี



                “สิบยี่สิบสามสิบสี่สิบ เอ้า สิบยี่สิบสามสิบสี่สิบ



                นั่นไงประโยคขึ้นต้นมาแล้ว



                “มึงไปไหนมา”



                “ทำไมมาช้า”



                “หรือว่าเล่นว่าว”



                “สิบยี่สิบสามสิบสี่สิบ เอ้า สิบยี่สิบสามสิบสี่สิบ”



                “ผมจะไปไหน จะไปกับใคร ผมจะทำไร ก็ไม่เสือกนะค้าบบบ”



                ตึ่ง แซะ



                “ไอ้สัดเขา!”



                “อะไรของพวกพี่มึงเนี่ย ว่างอ่อ...”



                “มึงไม่ต้องมาปากดี เมื่อเช้ามีพวกเด็กอักษรมาถามหามึง” ไอ้หมูวางไม้กลองแล้วเดินมาผลักหัวผม พูดถึงคณะอักษรแต่ก่อนอาจจะสั่นเพราะอยากได้ แต่ตอนนี้ไม่สั่นแล้ว พออย่าพูด...ผมพึ่งทำภารกิจไปเมื่อกี้ หมดเวรหมดกรรมกันซักที



                “ถามไมวะ”



                “ไม่รู้ตัววววว ดุริยางค์เราโดนเพ่งเล็งแล้วไอ้เหี้ย” พี่ป้อน สวรรค์รำไร ตัวสมุนมือซ้าย ร้องออกมาเสียงแหลม



                “ประธานสโมฯ เป็นเพื่อนรักคุณชาย ถ้าเค้าตัดงบคณะเราทำไง” ส่วนคนทีผมยาวเฟื้อยนี่พี่แจ้ สวรรค์รำไร ตัวสมุนมือขวา



                “สมองอะคิดบ้าง ไม่ใช่ทำให้พวกกูด่อนเรื้อน”



                “เดือดร้อน!”



                ตึ่ง โป๊ะ!





                “ขอบใจ” ส่วนคนที่ยกมือไหว้รอบวงเนี่ย...พี่ฟั่น ชายผู้มีผมยุ่งเป็นสังกะตังคือตัวบอสของสวรรค์รำไรครับ



                “มึงไปช่วยไอ้ปั๊มแกะคอร์ดกีตาร์เดี๋ยวนี้ มันจะโชว์การแสดงดาวเดือน” ทำไมมันจะเล่นเพลงฮีบรูหรอ ถึงต้องใช้กูช่วยแกะ ผมหันไปมองพี่สิงห์เมียบอสที่เดินมาเกี่ยวคอผม พี่สิงห์ไม่ได้หน้าหวานปานน้ำผึ้งอะไรหรอก พี่มันแค่ผมยาวกว่าไอ้พี่ฟั่นบอสใหญ่แถมยังชอบกัดกันเป็นประจำ พอพี่สิงห์ด่า พี่ฟั่นก็ยอมทุกที พวกรุ่นน้องเลยเรียกพี่สิงห์ว่าเป็นเมียบอสครับ พูดก็พูดเถอะไอ้เรื่องนี้ก็ใช้กูจัง แถมวงดนตรีของผมไม่ได้ขึ้นเวทีงานเฟรชชี่ครับเพราะสโมฯ ขอวงจากดุริยางค์ไปเล่นเปิดแค่สองวง ไอ้เราเป็นรุ่นน้องจะไปสู้รุ่นพี่ได้ไง ขึ้นก็ไม่ได้ขึ้นต้องมาเป็นเบ๊คอยรับใช้พวกพี่มึงอีกกกกก



                “ไรอะพี่ ผมมีเรียนโว้ย” ผมโวย หางตาเห็นไอ้หมูที่ไม่ได้ช่วยปกป้องผมเลย



                “ในฐานะที่มึงนำความซวยมาเยือนพวกกู และกูต้องปกป้องมึงไม่ให้โดนกระทืบในตอนเช้า มึงต้องไปช่วยไอ้ปั๊ม ไม่ต้องเสือกมารักเรียนตอนนี้ จารย์สาเข้าบ่ายไอ้สัด” พอพี่สิงห์ปล่อยแขนจากคอผม ไอ้พี่ฟั่นก็เดินปรี่เข้ามาทันที เกรงใจอำนาจเมีย ใหญ่เหลือเกินมึงอะะะะะ



                “ไรว้า ผมก็จะเช็ดน้องบีมรอเรียนอะ” ผมบ่น บีมนี่คือชื่อกีตาร์ผมเองครับ



                ผลัวะ!



                “เช็ดเหี้ยไร มึงเรียนทฤษฏี”



                “ไม่ต้องมาเบะปาก” พี่ฟั่นแหกปากด่า พี่ กูขอล่ะ ไปสระผมหน่อยไป



                “เอะอะก็ใช้กู”



                “บ่นไร!”



                ผมเดินกระทืบเท้าเข้ามาให้ห้องกิจกรรม กูงอนพวกมึงทุกตัว เปิดประตูเข้ามาก็เจอไอ้น้องปั๊มนั่งหน้าเหมือนควายงงกับกีตาร์สีเพลิง มีกลุ่มน้องผู้หญิงที่นั่งเสียบโทรศัพท์ตรงมุมห้อง กำลังคุยเล่นกันหันมาไหว้ผมลวกๆ แล้วก็หันไปคุยกันต่อ นี่กูพี่มึงนะ!



                “พี่ขาวววววว วันนี้แต่งตัวนะระจัง”



                “น่ารักอยู่แล้ว ขอบใจที่ชมทีหลังไม่ต้อง”



                “นะระ หน้าหรี่อะนะพี่”



                “ไอ้ปั๊ม!”



                “หลอกเล่น หน้ามุ่ยยังไม่น่ากลัวเล้ย”



                “กูไม่ช่วยมึงละ เป็นรุ่นน้องก็เคารพรุ่นพี่บ้าง”



                “โอ๋ๆๆๆ”



                “ไม่ต้องมาโอ๋”



                “โอ๋ ภัคจีรามีลูกกี่คนนะพี่”



                แต้แว้ด!



                หน้าแตกไปอีก



                ไอ้สัด “ไปละ” คว้ากระเป๋าแม่ง รัมคัล ไอ้ปั๊มหัวเราะกร๊ากก่อนจะคว้าแขนผมแล้วดึงให้นั่งลง



                “เนี่ยๆๆ ผมแกะได้ครึ่งเพลงละ เป็นเพลงเก่า คอร์ดหายากอะพี่” ไอ้ปั๊มทำหน้าจริงจังแล้วยื่นกระดาษที่เขียนคอร์ดให้ผม เปลี่ยนโหมดไวเหมือนเปลี่ยนกางเกงในเลยนะ ตอนเลือกเดินกูว่าหลับตาเลือกแน่ๆ ผมหยิบกระดาษที่มันส่งให้มามองๆ แล้วก็ตอบกลับไป



                “ก็เก่งนี่ คิดว่าดีก็ทำต่อไป”



                “เอ้า พี่จะมาช่วยผมไม่ใช่หรอ”

 

                “ไอ้ปั๊ม” ผมทำเสียงเข้ม “ถ้าเราทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง เราจะผ่านความยากลำบากได้เว้ย”




                “โหพี่ เกือบเชื่อละแต่พอเห็นหน้าคนพูด ไม่รู้จะเชื่อได้รึเปล่า”



                “กูพี่เมิงงงง” ผมลากเสียงยาว



                “โทษๆ พี่”



                ผมล้วงกระเป๋าเอากล่องแว่นตาในกระเป๋ากีตาร์แล้วเอามาสวม ผมหน้าก็ยาวจัง เห็นรุ่นพี่ไว้ผมยาวแล้วเท่แต่ที่จริงแล้วทำให้คันหน้าผากชิบเป๋ง เอาหนังยางที่ข้อมือมามัดแม่ง จากนั้นผมคว้าเอามือถือไอ้ปั๊มมาพร้อมกับยึดหูฟังมาใส่ฟังเพลงที่มันกำลังแกะ ไอ้ปั๊มก็นั่งนิ่งเฉยเลย ผมเลยเงยหน้ามองมันที่เบิกตาน้อยๆ ของมันให้โตขึ้น



                “พี่เขาใส่แว่นแล้วมัดผมแบบเนี้ย กระแทกใจอย่างแรวงเลยพี่”



                ชะ...ภูมิใจคนชม ใจมากน้อง นอกจากเอ็งแล้วก็ไม่มีใครชมพี่เลย



                “ไม่ต้องชมก็ได้รู้ตัวว่าหล่อ”



                Rrrrrr Rrrrrr



                เกิดมาหล่อนี่ไม่รู้จะเครียดยังไงดี เฮ้ออออ



                “พี่เขา พี่..”



                ภูมิใจในหนังหน้าตัวเอง



                “พี่...”



                “อะไรวะเชี่ยปั๊ม”



                “โทรศัพท์พี่อะ เรียกควายๆ ไม่หันซักที” มันพึมพำแต่กูรู้สึกว่ามันด่ากูแน่นอน



                ผมพยักหน้านิดๆ แล้วล้วงมือเข้าไปในย่าม ผมก็พบวัตถุประหลาดสั่นเหมือนผีเข้า หน้าจอโชว์ชื่อคนโทรเข้าว่าพี่แซน พี่แซนคนนี้เป็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนมัธยมผมครับ เป็นพี่รหัสที่สนิทกับผมมากถึงมากที่สุด ตอนนี้ไม่เรียนหนังสือเพราะชอบค้าขาย มันขายทุกอย่างยกเว้นขายตัว ล่าสุดเปิดร้านเหล้า นอกจากจะชอบค้าขายแล้วพี่แซนยังชอบหาอีเว้นท์ให้ผมหาเงินอีกด้วย ดีใจตัวสั่น โทรมาแบบนี้ต้องหาเงินให้ผมแน่นอน  และก็ไม่ผิดจากคิดไว้



                (น้องรักกกกกกก)



                “พี่รักกกกกกกกกกกกกกกกกก” ผมร้องเสียงดังกว่าพี่แซนสามเท่าจนไอ้ปั๊มที่เอาหูฟังไปแกะคอร์ดต่อปากกระตุกเพราะเสียงรบกวนก่อนที่มันจะย้ายข้าวของไปนั่งอีกมุมของห้อง



                “พี่รักมีอะไรครับ”



                (กูมีงานให้น้องรักช่วย)



                “ว้าวว้าวว้าว งานอะไรครับ”



                (งานอีเว้นท์วันเกิดคุณหญิงอะไรซักอย่างวันอาทิตย์นี้ ไม่ไกลจากบ้านมึงด้วย)           



                “จริงดิพี่” ไม่ค่อยแปลกใจครับพี่แซนชอบบอกผมไม่เกินสี่วันก่อนวันงาน ถ้ากูป่วยมึงจะหาคนแทนได้มั้ยพี่ เเละไม่ต้องเเจกเเจงรายละเอียดอะไรให้มากไอ้เขาไว้ใจพี่เเซนซำเหมอ



                (เออ พอดีลูกชายเค้าหานักดนตรีกีตาร์มาเล่นเพลงไทยเดิม กูเลยเอาคลิปมึงที่เคยเล่นลาวดวงเดือนไปให้ดูเมื่ออาทิตย์ก่อนแล้วเค้าก็สนใจมึง)



                พี่แซนรับจัดอีเว้นท์ด้วยครับ ไม่ได้โฆษณาใหญ่โตแต่คนที่รู้จักจะพูดกันปากต่อปาก ก่อนหน้านี้ก็จัดถี่เลย หลังๆ มาแกมีกิจการเยอะเลยเลือกรับครับ พี่แซนรู้จักเพื่อนๆ น้องๆ หลายสายงาน เลยชอบชวนผมไปทำงานด้วยบ่อยๆ เมื่อก่อนผมก็เทียวไปเทียวกับพี่แซนจนเฮียทิวบ่นว่าไม่อยู่บ้านเลย ส่วนไอ้สกิลกีตาร์คลาสสิคเนี่ยผมก็ฝึกเพราะลูกค้ารีเควสมา เพราะในทีมนอกจากพี่แซนแล้วก็ไม่มีใครเล่นกีตาร์คลาสสิคเป็น พี่แซนเลยมาเคี่ยวเข็ญผมฝึก เผื่อได้เรียกใช้เพราะพี่แกขี้เกียจ ผมก็เลยเล่นเป็นแต่ไม่กี่เพลงเท่านั้นแหละครับ



                “พี่...เท่าไหร่?”



                (คืนละ 500 ทำได้ทุกอย่าง ถุ้ย! กูไม่ได้ขายตัวไอ้น้องรักเวร)



                “พี่รัก! กูหมายถึงค่าจ้าง พี่ให้ผมเท่าไหร่” คุยกับพี่มึงแล้วกูชือกบาล ภาษาเขมรแปลว่าปวดหัวครับ



                (อ้าวไอ้เหี้ยมาถามกูงี้กูเสียวตูดดิวะ เออๆๆ รายนี้ให้เยอะเว้ย งานใหญ่บรรดาคุณหญิงคุณนายมากันเพียบ มึงเล่นสองช่วง ช่วงเปิดงานกับอวยพรวันเกิด เอาคลาสสิคเพลงละสองรอบ นอกนั้นมึงก็เตรียมดีดเพลงเก่าๆ ไว้ ไม่นานแต่กูแบ่งให้มึงพันแปด)



                เหยดดดดดดดดดดด มันเยอะสำหรับการเล่นแค่นั้นนะครับ



               “โคตรเยอะเลยพี่ ผมกำลังกินแกลบกับน้ำปลาอยู่เลยช่วงนี้” คิดถึงเงินที่พึ่งเสียไปแล้วมันเจ็บจี๊ดๆ



                (กูไม่เคยลองว่ะ อร่อยใช่ได้มั้ย)



                “เค็มไปหน่อยถ้าจะกินก็ลดน้ำปลานะ”



                (กูล้อเล่น! บอกแค่นี้ เตรียมซ้อมเพลงด้วย แล้วก็งานหรูนะมึง ต้องเนี้ยบหน่อย แล้วแต่งตัวใส่สูทนะไม่ใช่กะโหลกกะลา)



                “น้องรักหล่อเนี้ยบอยู่แล้วครับ”



                (เอาที่สบายใจ เออ...แล้วเตรียมบัตรประชาชนด้วย เค้าตรวจเข้มกลัวมีคนชั่วเข้างาน)



                “โหหหหห โคตรเข้มว่ะพี่ ได้ๆ ผมจะเตรียมพร้อมเลยบัตรประชาชนก็...อยู่ อยู่ไหนวะ”



                (ไอ้สัดเขาอย่าลืมนะมึง เจ้าของงานเค้าย้ำกูชิบหายเรื่องนี้)



                “ไม่ลืมพี่ไม่ลืม อยู่ในกระเป๋าไม่ก็อยู่บ้านเนี่ยแหละ”



                (เออ ให้ดีนะมึงอย่าให้พลาด อยากให้น้องมีเงินใช้)



                “ขอบคุณคร้าบ ซียูรูอะเกนนะพี่รัก”



                (โอเค ซียูแทงรูอะเกน น้องรัก เจอกันวันอาทิตย์ที่บ้านมึง)



                วู้วฮูวววววว ไอ้เขาจะมีเงินใช้แล้วโว้ยยยยย



                “เย้!!!!!!!!!!!” ลืมตัวเผลอตะโกนพร้อมกับลุกขึ้นกระโดดไปมา



                เอ่อ...



                “พี่เขา ที่ผมชมว่าน่ารักเมื่อกี้ผมพูดเล่นนะครับ”



                ไอ้สัดปั๊มมึงไม่ต้องพูดดังได้มั้ยยย

 







                “เลิกคลาสวันนี้ได้”



                “เฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮฮ”



                เสียงร้องลั่นเหมือนฟุตบอลไทยไปบอลโลก เพื่อนคนอื่นวิ่งออกไปเหมือนถือคบเพลิงโอลิมปิค เลิกห้าโมงครึ่งแค่เนี้ย ดีใจไรนักหนา ไอ้หมูเพื่อนรักเก็บของเสียงดังก่อนจะใช้ตีนเขี่ยเฮียดุกที่นอนตายอยู่ ตอนมึงนอนคาบจารย์สาแล้วยังโชว์พลังเสียงอีกนะ เสียงกรนเนี่ยดังไปถึงดาวอังคาร



                “รีบไปไหนไอ้หมู” ผมถามขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนตัวผอมแห้งรีบเก็บของ



                “วันนี้กูจะไปดูน้องบีบี๋เต้นโคฟเวอร์ที่สยาม”



                “จริงดิ!”



                “ตื่นเต้นทำเชี่ยไร รู้จักหรอ”



                “รู้ดิ เต้นโคฟเวอร์คือเต้นในร่มช้ะ มีโคฟเวอร์บัง”



                “โอ๊ยยย กูล่ะตื่นเต็มตาเลย” อยู่ดีๆ เฮียก็ร้องขึ้น



                “ทำไมอะเฮีย”



                “มึงหัดเปิดยูทูปดูอย่างอื่นบ้างนะ ไม่ใช่ฟังแต่อัลบั้มพี่โต” เฮียดุกว่า แล้วลุกบิดขี้เกียจ



                “งอน”



                “เรื่องมึง” ไอ้หมูครับ มันลุกขึ้นเดินนำออกไปพร้อมกับเฮียดุก คือเฮียลุกแล้วเดินตัวปลิวได้เลยครับ ไม่ได้เอาเหี้ยไรมาเรียนซักอย่าง สมองยังไม่เอามาเลยครับคิดดู



                “อะไรวะ ไม่มีใครเข้าข้างซักคน มาเรียนก็เหมือนมาคนเดียว แม่ง ไม่มีใครสนใจเลย” ผมบ่นกระทืบเท้าออกจากห้อง เดินตามก้นพวกมันออกมาจากตึกก็ยังบ่น ทึ้งหัวตัวแม่งหนังยางรัดเจ็บไปหมด  แล้วแว่นกูอยู่ไหนเนี่ย



                “ไอ้เขา”



                จู่ๆ ไอ้หมูก็เรียกผมเสียงเบา “อะไรไม่ต้องมาง้อ”



                “มึง...ดู...”



                “ดูเชี่ยไร หาแว่นไม่เจอเนี่ย โกรธละนะ” พาลทุกอย่าง ตอนเข้าเรียนยังอารมณ์ดีเพราะจะมีเงินแท้ๆ



                ผลัวะ!



                “ตบไมวะเฮีย” ผมหน้ามุ่ยพลางลูบหัวจุดที่โดนเฮียดุกตบป้อยๆ



                “แว่นอยู่บนดั้งมึงไงไอ้เขาควาย ขยับแว่นแล้วก็เงยหน้ามองซะ มีคนมาหามึง...”



                แว่นลูกพ่ออยู่บนหน้าก็ไม่บอก ไหนอะไรวะ ใครมา



                ชะ....



                “กรี๊ดดดดดดด”   



                “อ๊ายยยยยยยย ทำไมคุณชายมาดุริยางค์ได้”



                “โอ๊ยยยยยยคุณพระ อกอีแป้นจะขาดรอนๆ ขอเซลฟี่ได้มั้ยวะ”



                “กรี๊ดดดด เค้ามารอใครตั้งนานอะดิมมี่”



                “ไม่รู้ค่ะพี่แป้งเห็นยืนนิ่งอยู่คนเดียวตั้งนานแล้ว กรี๊ดดดดดด เนื้อสั่นอยากด้ายยยย เห็นใกล้ๆ แล้วอยากโดน”



                เข้....พอรู้สถานการณ์กูก็เริ่มเล่นใหญ่เอาตัวรอดทันที



                “เฮ้ยๆๆๆ กรี๊ดไรกันวะ แผ่นดินไหว แม่งหลบเร็วๆๆๆ แป้งพวกมึงกรี๊ดกันทำไมหลบสิ ไอ้หมู เฮียดุกจับกูทำไมปล่อย แผ่นดินไหวต้องไปหลบ”



                ผมทำท่าจะวิ่งหนีแต่เพื่อนสองขยับมาล็อคแขนซ้ายกับขวาไว้แน่น ที่ผมต้องรีบหนีเพราะคนที่ยืนกอดอกหลังตรงอยู่ตรงหน้าคณะ คือคุณชายตัวเป็นๆ! ตอนเช้ามีคนมาถามหาตอนนี้เจ้าตัวมารอกระทืบกูเลยมั้งเนี่ย หรือว่ามันไม่พอใจกับเสื้อห้ามยับอะไรนั่น



                “ปล่อยกูดิวะ” ผมสะบัดตัวแต่ไอ้เพื่อนรักทั้งสองยิ่งกำต้นแขนผมแน่นแถมยังลากผมไปอยู่ตรงหน้ามัน



                “เชิญครับ จัดการตามสบาย ถ้ามันกวนตีนก็ใช้ตีนตบหน้า เอ๊ย ใช้อวัยวะเบื้องล่างทำอันตรายที่ใบหน้ามันได้เลยครับ”



                “เฮ้ยยย พวกมึงอะไรของมึงเนี่ยย เพื่อนกูไม่ใช่อ่อวะ” ผมโวยวาย นาทีนี้ไม่ได้กลัวไอ้คุณชายซักนิด เพื่อนกันเค้าไม่ทำงี้หรอกนะพวกมึงง



                “ตัวมอมแมม” กูไม่ใช่หมาไม่ต้องทำหน้าดุ แล้วทำไมกูถึงหยุดวะเนี่ย ผมชะงักมองหน้าคนที่พูดออกมาคำแรกนิ่ง เพื่อนผมถอยหลังไปสามก้าวพร้อมๆ กัน



                “โชคดีนะเพื่อน โทษฐานที่งอนพวกกูไม่มีเหตุผล หนีตีนมาให้ได้ละเพื่อนรัก” ไอ้หมูว่าแล้วก็เผ่นแนบไปกับเฮียดุก



                “พวกมึงงงงงงงงงงงงงงงงง!” พอเห็นว่าหัวเดียวกระเทียมลีบความกล้าเริ่มจางหาย แต่ไม่ได้เว้ย ไอ้เขาคนจริง ค่อยๆ หันหน้าไปเผชิญปัญหาด้วยความกล้าหาญ...



                “มะ...มีไร”



                “ทำอะไรไว้ล่ะ”



                ผมใช้หลังมือดันแว่น มันเบี้ยวครับนอนหลับทับแว่นเมื่ออาทิตย์ก่อน ยังไม่มีตังค์ไปซื้อใหม่ “กูไม่ได้ทำอะไรซะหน่อย เสื้อก็ซักคืนแล้วไง ส่งถึงบ้านด้วย ไม่ต้องถามนะว่ารู้จักที่อยู่ได้ไง ไม่ตอบหรอก”



                เดี๋ยวนะ... แล้วผมจะพล่ามไปหมดเปลือกทำม้าย



                “เป็นเด็กพูดกับผู้ใหญ่ดีๆ” มันขมวดคิ้วฉับ มึงยังพูดคำหยาบเลย! ไม่...ไม่...ผมไม่ได้กลัวมัน ไม่ได้กลัวมันจริงๆ



                “บอกแล้วใช่มั้ยว่าถ้าทำไม่ดีจะตามถึงบ้าน” มันเปิดประตูหลังรถแล้วเอากล่องไปรษณีย์ผมออกมายื่นให้ผมดู โอ้โห แผนผมเวิร์คมากจริงๆ ตามถึงถิ่น



                “ก็ซักคืนแล้วไงจะเอาไรอีก หรือมันยับเกิน จะต้องเรียบขนาดไหน”



                “นั่นไม่ใช่ซัก นั่นมันคือการซื้อใหม่” ทำผิดซักข้อนึงมันไม่ได้เลยไง๊ ก็มันทำไม่ได้ เข้าใจมั้ยวะ ไปซักเองไป กวนตีนกูก่อนแท้ๆ แล้วยังมาหาเรื่องด่าอีก ผมไม่สนเสียงซุบซิบหรือใครที่มองอยู่เลยครับ อารมณ์มันมา ฮอลคูลก็เอาไม่อยู่ครับนาทีนี้



                “ไม่ทำตามคำสั่งแล้วยังจะโกหกมันน่าหงุดหงิดจริงๆ” มันส่ายหน้าเหมือนเอือมระอาซะเต็มประดา แบบที่ผมมองแล้วรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที



                โกรธแล้วนะ ที่ซื้อคืนให้เพราะลึกๆ แล้วมันรู้สึกผิดไง แต่เพราะเป็นไอ้เขา ผมเลยตะโกนใส่หน้ามันอย่างเหลืออด



               “ก็มันซักแล้วไม่ออกนี่ ซักจนกล้ามจะขึ้นแล้วก็ไม่สะอาด มันซักไม่ออกก็ไปซื้อใหม่ให้แล้วไงวะ แพงก็แพง แม่ง! ดูมือ ผงซักฟอกกัดเนี่ยเห็นมั้ย เตารีดก็โดนแขนเนี่ย มึงเป็นใครก็ไม่รู้กูก็บ้าทำตามอยู่ได้!”



                เมื่อผมโชว์แผลให้ดูประกอบคำพูด คุณชายชะงักไปนิดหน่อยก่อนจะพูดเสียงห้วน “โตเป็นโคในทุ่งหญ้าแล้วจะร้องทำไม”



                โค...โคอะไรนะ...ผมยกมือเช็ดหางตา น้ำตามาจากไหน เข้ ไม่เท่เลยเมี้ยงเอ้ย



                “มะ...ไม่ได้ร้องโว้ย” คุณชายส่ายหัวแล้วเดินไปที่รถ นี่จะไปก็ไปหรอ เออบาย



                “ขึ้นรถ” คุณชายเปิดประตูแล้วสอดตัวเข้าไปนั่ง อะไรของมัน ผมก็หนีสิ ชื่อก็ไม่รู้จัก ไอ้ที่บอกว่าตามถึงบ้านก็ขู่แหงๆ เขาไม่โง่นะครับ เลิกแล้วต่อกันนะพี่ พอเห็นผมเตรียมตัวจะหันหลังกลับพี่แกก็เลื่อนกระจกลง พร้อมกับหยิบกล่องไปรษณีย์ขึ้นมาแล้วอ่านออกเสียง



                “ชื่อที่อยู่ผู้ส่ง นายภูเขา บรรจงภักดี เบอร์โทรศัพท์ 083-23568xx บ้านเลขที่ 82/4 ซอย 7 ถนน...”



                “เฮ้ยยยยยยยยย!!” มาทั้งทะเบียนราษฎร์ มันทำหน้านิ่งแต่สายตายียวนไปจนถึงบาทาบ่งบอกให้รู้ว่าถ้าไม่ขึ้น มันสามารถจองเวรผมถึงรู้ถึงประตูหน้าบ้าน ไอ้คุณชายโบกสะบัดกล่องไปรษณีย์นั่นไปมา ผมตาโตอึ้งด้วยอารามควายเข้าสิง



                โน้วว....กูว่าแล้วลืมอะไร ไอ้พี่เสกเล่นกูแล้ววววว ผมไม่ได้โง่อย่างเดียวนะครับ โง่ชิบหายบรมควายตมยังเรียกพี่เลย



                กูจะเขียนที่อยู่ทำม้ายยยยยยยยยยยยยยย



                แทบจะทึ้งหัว คุกเข่าลงไปกับพื้น



                ใจมันเจ็บช้ำ...



                “จะขึ้นไม่ขึ้น” คุณชายส่งเสียงกดดันอีกครั้งแล้วก็หรี่ตามองผม ขอโอดครวญในใจก็ไม่ได้ อยากมีซีนอารมณ์



                “ไม่ขึ้น” พอผมตอบเท่านั้นแหละ เชี่ย...ตาดุขึ้นยี่สิบแปดเปอร์เซ็นต์ ผมจึงรีบพูดต่อ “ไม่ขึ้นได้หรอจ๊ะ”



                “พูดมาก” เนี่ยแล้วก็ทำหน้าดุใส่ด้วย กลัวง่ะ ยอมรับ แต่พี่ครับ เราไม่ได้รู้จักข้าวจี่อะไรกันเลยนะครับ อะไรนะ...มักจี่ เคๆ



                “จะพาไปไหนล่ะ...ครับ”



                พอผมถามคำถามนั้น ทั่วบริเวณก็เงียบสนิท



                “พาไปจัดระเบียบ”



                “...!?!”



                ขนลุกวาบ กระเพาะปลาคืนสุดท้ายขอเปลี่ยนเป็น หูฉลามที่เยาวราชแล้วกันนะพ่อ คืนสุดท้ายขอแพงหน่อย



                พาไป...จะ...จัด ระเบียบ....

               

               เนี่ย...นะ....







=====

ดีนะยังรู้ตัวว่าโง่ชิบหายบรมควายตมยังเรียกพี่อะเขา555
ดีใจไอ้เขาทำให้ทุกคนยิ้มด้ายยย
ขอบคุณทุกคนมากๆ ค่ะ
 :L1:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 13-09-2017 18:08:58 โดย jaevin »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อ่านไปขำไป  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
พี่ปีสี่กลุ่มสวรรค์รำไร อะจ๊ากกกก
ฟังชื่อกลุ่มแล้ว  :z1: :pighaun: :heaven

เขา มัดจุกแล้วน่ารักสินะ จนปั๊ม นิ่งอึ้งตะลึงตะไล

เขา เด็กน้อย พออยู่กับคุณชายสองคนร้องไห้เลย /น่ารัก น่าเอ็นดู   :o11: :o11: :o11:
แถมฟ้อง ให้ดูแผลจากการซักเสื้อ
ที่โดนผงซักฟอกกัด จากการขยี้ผ้า โดนเตารีดนาบที่แขน /น่าฉงฉานซะจริงๆ  :hao5: :hao5: :hao5:

คุณชาย จะพาเขาไปจัดระเบียบและ
แต่ให้สงสัย ถ้าเป็นคนอื่น ที่เขาว่าๆกันหลายๆคน โดนยำตีนไปและ
แต่เขาไม่โดนไรเลย ทั้งที่ทำข้าวแกงราดตัวคุณชาย น่าฉงฉัยซะจริงๆ  :katai1: :katai1: :katai1:
อยากอ่านพาร์คุณชายแล้ว  :ling1: :ling1: :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ utamon

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 706
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
คุณชายจะพาน้องเขาไปลอกคราบหรอ 55555

ออฟไลน์ panpang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 508
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ มะเขือม่วง

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 435
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
น้องเขาลูกกกกกกก

 :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ iceman555

  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8217
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-11
ทำไมหมูกะเฮียดุกทิ้งเพื่อนแบบนี้ละ อิอิ

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4015
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7
ดีค่ะคุณชาย จัดการเลย  :katai2-1:

ออฟไลน์ jaevin

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-3
ระเบียบที่ 4 : ห้ามคิดไปเอง


                ผมวางกระเป๋ากีตาร์ไว้เบาะหลังโดยมีสายตาคุณชายมองตาม เมื่อมองดีแล้วว่าไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งจะทำให้เบาะพี่แกเป็นรอยผมถึงได้เปิดประตูเข้ามานั่ง


                หลังตรงเลยกู


                “เบาะเป็นหนามหรอ” ชะ...คุณชายพูดระหว่างที่รถติดไฟแดงหน้ามอ  เออ! ก็รถมึงหรูนี่ ข้างในรถหรูหรามากครับ พอมันว่าแบบนั้นผมเลยค่อยๆ ผ่อนแรงที่เกร็งลง แปลกใจว่าทำไมคุณชายถึงไม่มีคนขับรถ


                “พี่จะพาไปไหน” เพราะยังห่วงสวัสดิภาพของตัวเองผมจึงพูดจาเพราะๆ ให้สมกับขึ้นรถคุณชาย เดี๋ยวพูดไม่ดีโดนเตะโด่งออกจากรถทำไง เริ่มจับทางได้ว่ามันไม่ชอบให้ผมปีนเกลียว ตอนเจอกันครั้งแรกมันไม่ได้ประทับใจนี่หว่า จะให้พูดเพราะมันก็คันหัวใจยิบๆ พอมามองแบบนี้แล้ว อยากจะอุทานว่าทำไมมึงหล่อขนาดนี้เนี่ยยยย เป็นบุญตูดไอ้เขาแล้ว คนขับรถหน้าตาดี๊ดี แต่ดูเหมือนคุณชายจะไม่สนใจอะไรนอกจากการขับรถครับ อาจเป็นเพราะบรรยากาศในรถมันวังเวงจึงทำให้ผมอยากจะแหย่คุณชายหน้าตายนี่ซะหน่อย ไม่กลัวตายเลยกู


                “...”


                “พี่ไม่มีคนขับรถหรอ”


                “...”


                “รถนี้มาจากประเทศอะไรอะ”


                “...”


                “เฮ้ยพี่ทำไมไม่ตอบผมอะ”


                “ขับรถห้ามคุย” คุณชายเอ็ดเสียงเรียบ คนสมาธิสั้นอย่างผมถึงกับสะดุ้ง ไม่เคยมีใครบอกให้ผมเงียบมาก่อนในชีวิต และเงียบตอนอยู่ในรถพร้อมกับแอร์หึ่งๆ เนี่ยนะ บ้าไปแล้ว


                ยุกยิก ยุกยิก เล่นเนื้อท้องแขนตัวเองก็แล้ว ไขว้นิ้วเล่นก็แล้ว โอ๊ยยยยยย อึดอัด


                “คุยไม่ได้ฟังเพลงได้มั้ย” ผมอ้อมแอ้มถามไม่คิดว่าจะได้คำตอบกลับมา แต่พี่ท่านปรายตามาสองวิแล้วก็เอื้อมมือที่ไปกดเปิดเพลงให้ คงเป็นแผ่นที่ค้างไว้อยู่แล้วได้ยินเสียงแผ่นซีดีหมุน ดีเลยจะได้ร้องเพลงฟัง เด็กสายดนตรีก็ต้องอยู่กับจังหวะกลองมันส์ๆ....บีทหนักๆ...


                แต่...


                เสียงดนตรีแบบนี้...


                ชะ...สุนทราภรณ์มาเลยทีเดียว


                “พี่ฟังเพลงแบบนี้ด้วยหรอ”


                “เปล่า คุณแม่ชอบ”


                “เฮ้ย พี่ขับรถห้ามคุย”


                คุณชายชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะมองผมปรามๆ ประมาณว่ากูไม่ใช่เพื่อนเล่นมึง ไอ้ผมก็เลยเอามือตบปากตัวเองไปสองสามที นั่งนิ่งๆ แบบนี้เอากูไปฆ่าเถอะ อย่าให้ผมทรมานนนน ผมนั่งคิดนู่นนี่อย่างฟุ้งซ่านไม่ได้มองว่าคุณชายจะพาไปที่ไหน ทางยังไม่มองเลยครับ ถ้าปล่อยตรงนี้ก็จะนอนแถวนี้เลย


                เมื่อผมนั่งในรถแทบจะขาดใจตายไม่นาน รถคันหรูก็เคลื่อนตัวมาถึงที่หมาย นี่คือรถหรู ส่วนกูเนี่ยเหมือนอืออึ๊ที่ล้อขวาของรถคุณชาย


                “ลง” พี่แกสั้นๆ ก่อนจะก้าวขายาวๆ ออกไปยืนข้างรถ  ผมเปิดประตูลงไปตาม เหลือบมองซ้ายขวา แล้วก็ตื่นตูมทันที


                “พี่พาผมมาเลือกทรงผมก่อนตายหรอ เชี่ยยยยย ผมจะกลับบ้านนนน ทำไมพี่ผมซื้อเสื้อใหม่มันไม่ดีตรงไหน สองพันเลยนะเว้ย”


                จึก!


                มันเดินอ้อมมาพร้อมกับเอานิ้วชี้ยาวมาวางไว้ตรงกระหม่อมไอ้เขาแล้วพูดเสียงทุ้ม ทำท่าเหมือนจิ้มสิ่งโสโครกน่ะครับ และไม่รู้ทำไมผมถึงหยุดดิ้นเหมือนโดนปิดสวิตซ์ซะอย่างนั้น


                “กูไม่ชอบคนรุงรัง เห็นแล้วหงุดหงิดนัยน์ตา” เหลือบตามองผม อะไร หมายถึงผมของผมอะนะ ใครๆ ก็ว่าน่ารักนะโว้ย วันนี้ไอ้ปั๊มยังชมเลย


                “อะไรอะพี่ นี่มันเป็นสไตล์ แต่พี่อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง”


                “ตั้งแต่เจอหน้ากันแล้วมึงก็ทำตัวเป็นสุกรโง่ๆ ใส่กูเนี่ย มึงลืมอะไรไปรึเปล่า” คุณชายมันยังคงคอนเซ็ปต์เดิมแม้ผมจะโวยวายแค่ไหนพี่แกก็ยังนิ่งเป็นสุภาพบุรุษสุดเพี้ยนในสายตาผมเหมือนเดิม มันเป็นคนที่พูดคำหยาบได้มะลึกกึ๊กกึ๋ยมาก จะหยาบสุดก็ไม่หยาบเสือกมีคำสุภาพในประโยคคำหยาบอีก มึงเป็นบ้าไรครับบบบ แต่ ชะ...คิดๆ ไปคิดมาแล้วพี่แกก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เสียงลือเสียงเล่าอ้างเลยนี่หว่า ดูออกจะเป็นคุณชายเพี้ยนๆ ซะมากกว่า


                “ลืม? ลืมอะไรอะพี่ ที่พี่สั่งผมก็ทำตามแล้วไง” ผมบ่นอุบอิบ มองคนตัวสูงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ คุณชายผ่อนลมหายใจช้าๆ ทำหน้าเหมือนปลงกับสิ่งมีชีวิตอย่างผมแล้ว


                “กูอยากได้คำขอโทษ เรื่องเสื้อเนี่ยก็แค่อยากดัดหลังไอ้เด็กมอมแมมอย่างมึงเท่านั้น ไม่คิดว่าทำไม่ได้จะกะล่อนโกหก คิดส่งของมากวนเท้าอีก” นั่นคือประโยคที่ยาวที่สุดจากคุณชายครับ


                เอ๊ะ...นั่น...สิ


                “ขอโทษ” ผมก้มหน้านึกได้ว่าตัวเองยังไม่เคยพูดคำนี้กับมันเลย จริงๆ จะพูดตั้งแต่ที่จานข้าวปลิวแล้วครับพี่แต่ไม่มีโอกาส นอกเหนือจากนั้นก็ความจังไรล้วนๆ ถ้าตัดเรื่องพี่แกหาเรื่องผมก่อน การที่ผมวิ่งหนีมาแบบนั้นก็ควรจะขอโทษจริงๆ นั่นแหละ


                “ไม่ได้ยิน”


                “ขอโทษครับ แม่งแต่พี่มาจ้องผมแล้วบอกว่าสกปรกพี่หมายความว่าไง”


                คุณชายใช้ผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงมาเช็ดนิ้วชี้ที่จิ้มหัวผมก่อนจะตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย “ก็สกปรกจริงๆ นี่”


                “เฮ้ยพี่!!!!!!!!!!!!”


                ผมร้องตามไอ้คนขายาวไปในร้านตัดผมสุดหรู ร้านนี้ตั้งอยู่ย่านการค้าครับ ไม่ได้อยู่ในห้างแต่แถวนี้มีร้านชื่อดังอยู่เต็มไปหมด อะไรของแม่งวะครับด่าผมว่าสกปรกอีกแล้ว ผมดันแว่นขึ้นสันจมูกอีกครั้งแล้วเดินบ่นตามไป พึ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมถอดแว่นออก ถึงว่าตาเหมือนเอียงไปข้างนึง ผมจึงถอดแว่นแล้วยัดเข้ากระเป๋ากางเกงแทน และไม่ต้องเดาว่ามันต้องเอียงกระเท่เร่ยิ่งกว่าเดิม


                “พี่ๆ ร้านนี้ไม่ใช่ร้านตัดผมแต่เป็นตลาดใช่มั้ย”


                ผมเรียกคุณชายไว้ก่อนที่พี่แกจะเอื้อมมือไปจับประตู คุณชายหันมามองแบบสงสัยแต่ถ้าจะให้มองแบบลึกๆ แล้วสีหน้านั่นมันบอกประมาณว่า ‘เห้ไรมึง?’


                “ร้านนี้ต้องเป็นตลาดแน่ๆ นี่ไงพี่มี ‘ผลัก’ ด้วย”


                ผมชี้ไปยังสติ๊กเกอร์ที่ติดหน้าร้าน คุณชายมองผมนิ่งๆ สายตาเย็นๆ พุ่งเข้ามาแทงเบ้าตาผมแล้วผลักประตูเข้าไปทันที ปิดใส่หน้ากูด้วยเนี่ย


                “ก็มีผัก...ไง” ผมเกาหัวแกรกๆ ก่อนจะเดินตามคุณชายเข้าไปในร้าน


                จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ


                ขอบคุณซาวน์ประกอบ


                “คุณชายสวัสดีครับ”


                “สวัสดีครับ” โอ้โห ร้านโคตรเรียบหรูเลย ภายในร้านไม่มีลูกค้าคนอื่นเลยครับ มีพี่ผู้ชายที่ดูเหมือนจะเป็นเจ้าของร้านยืนกุมมือที่เป้ารออยู่ คุณชายมันจะมาตัดผมหรอเนี่ย หรือว่ามาเล็มหนวด นี่เล็มไกลขนาดนี้เชียว ถ้าเป็นพ่อผมนะเอาปังตอที่บ้านเล็มก็เสร็จแล้ว หลอก!


                “วันนี้ตัดแบบไหนดีครับ” เจ้าของร้านถาม


                “ตัดให้ดูเป็นคนหน่อย”


                “เอ๊ะ อะไรนะครับคุณชาย”


                “ตัดผมคนนี้ให้หายรุงรังหน่อย” ผมค่อยเลื่อนเท้าหมายจะนั่งที่โซฟาแต่คุณชายคว้าคอเสื้อผมแล้วดันให้ไปข้างหน้า


                ชะ....ตัดผม? รุงรัง?

 





                เพราะความอึ้งหรือสติยังไม่กลับเข้าร่าง ผมถึงได้แหกปากกว้างเท่าจักรวาลพร้อมๆ กับปอยผมที่หลุดร่วงลงมา


                ฉับ!


                “ว๊ากกกกกกกกกกกกกก”


                “น้องเขาร้องลั่นเลยนะครับ เสียดายผมหรอ”


                พรึ่บ


                ผมเหลือบมองคนนั่งไขว้ห่างเปิดอ่านหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษด้วยสายตาเคียดแค้นก่อนจะตอบพี่ต่อเจ้าของร้านที่สบตาผมผ่านกระจก


                “เสียดายมากครับ” ผมกัดฟันตอบ ยัง....ยังไม่สนใจอีก ลากกู ขู่กูมายังไม่พอยังมาตัดผมที่กูรักอีก แล้วผมเป็นบ้าอะไรเนี่ย แค่เหลือบมองผมก็สะดุ้งแล้ว ผมอุตส่าห์ไว้ผมยาวเรียกความน่าเกรงขามจากรุ่นน้อง แม่ง ไม่อยากตัดเลยโว้ย ตัดแล้วหน้าตากูคงอ่อนด๋อยน่าดู มันก็ไม่ได้ยาวเฟื้อยหรอกครับแต่มันคงรุงรังในสายตาคนอื่น กระซิก


                “ตัดสั้นแบบนี้แล้วหน้ารับทรัพย์เลยนะน้องเขา” 


                “จริงหรอพี่ต่อ” เปลี่ยนเร็วเป็นกิ้งก่าเต้นดิสโก้เลยทีเดียว ทำไม? ช่วงนี้ไม่มีตังค์อะ อยากได้ทรัพย์เยอะๆ


                “จริงสิ ตอนเข้ามาพี่นึกว่าคุณชายเดินมากับคนเก็บขวดซะอีก” เดี๋ยวอีพี่ต่อ ผมต้องรู้สึกยังไงครับ อยู่กินกันมาซักพักรู้จักชื่อกันแค่เนี้ยชักจะลามปามใหญ่แล้ว


                “ว่าแต่น้องเขาเนี่ยเป็นอะไรกับคุณชายเนี่ย คุณชายไม่เคยให้ช่างตัดผมประจำอย่างพี่ตัดให้คนอื่นเลยนะ แถมมาตอนร้านปิดแล้วยังมานั่งรออีกด้วย” พี่ก้มมากระซิบหลังจากที่เล็มปลายผมด้านหน้าให้ผมและด่าผมว่าเป็นคนเก็บขวดแล้ว


                ผมเหลือกตาไปด้านบนเพื่อคิดแต่พี่ต่อดันสะดุ้งแรง  อะไรของพี่ครับ ผมหยุดคิดแล้วก็ได้คำตอบ “เป็นคนสกปรกสำหรับคุณชายครับ” กูต้องสกปรกโสโครกสุดๆ ในสายตามันแน่นอน ไม่งั้นไม่ลงทุนขนาดนี้


                “อ่า...ไม่รู้สิ” พี่ต่อหลบตาผมก่อนจะเบนสายตาไปทางอื่นพร้อมกับพึมพำ “แต่พี่เขินยังไงไม่รู้ ไอ้คำว่าคนสกปรกสำหรับคุณชายเนี่ย”


                “เออพี่...จะเสร็จยัง ผมหิวข้าว”


                “ใกล้แล้วๆ เอ้า สเปรย์ฉีดผมขวดใหม่อยู่ไหนเนี่ย อ้ออยู่หลังร้านแน่เลย เดี๋ยวพี่ไปเอาก่อนนะ เด็กที่ร้านนี่ใช้ไม่ได้เลยจริงๆ แป๊บนึงนะน้องเขา” 


                หลังจากพี่ต่อผละจากการตัดๆ เล็มๆ จู่ๆ คุณชายก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปนอกร้านทันที ท่าเดินรับกับขายาวๆ ยังเท่ได้อีก เฮ้ยแต่ไม่ใช่ประเด็น


                “พี่จะไปไหน! ค่าตัดผมเนี่ยผมไม่มีตังค์จ่ายนะเว้ยยย!”  เอาแล้วไง ไอ้คุณชายมันไม่พามากระทืบแต่พามาเสียเงินแล้วทิ้งผมไปเนี่ยนะ นี่คือการแก้แค้นแนวใหม่หรอครับ ผมดิ้นอยู่บนเก้าอี้ตัดผม ทำอะไรไม่ถูก รู้งี้ให้กระทืบหลังเซเว่นปิดก็ดี!


                “อ้าว คุณชายไปไหนแล้วล่ะ” พี่ต่อที่เดินกลับเข้ามาพร้อมสเปรย์ฉีดผมถามด้วยสีหน้าแปลกใจ


                “พี่ต่อ ทั้งหมดนี่เท่าไหร่อะ” ผมเอ่ยปากถามพี่ต่อไป หน้าซีดมือสั่นไปหมดล้าววว


                “ทั้งหมดสี่พันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าราคาปกตินะ”


                สี่...


                สี่พันเก้าร้อย...เก้าสิบ...เก้า


                คร่อก!


                “น้องเขาๆ เป็นอะไรครับน้องเขา เด็กๆ ออกมาช่วยหน่อยเร็ว ลูกค้าเป็นลมมมมมมมมมม ว้ายยย อุ้ยหลุด! ลูกค้าเป็นลมเฮ้ย ออกมาเร็วเฮ้ย!”


                นี่พี่...เป็นใช่มั้ยพี่


                พี่...เอ่อ...เจ้ต่อ อย่าเขย่าแรงครับ ผมแกล้งตายอยู่!

 







                “ถ้าจะไปไหนก็บอกด้วยสิพี่ ลุกขึ้นแบบนี้ผมก็ตกใจตายพอดี”


                “โตเป็นกระบือแล้วอยู่คนเดียวไม่ได้หรอ”


                “เอ่อ น้อง...เขาครับ พี่ว่า...เอ่อ...คุณชายครับ...”


                “ไม่เหมือนกัน พี่เป็นคนพาผมมาแล้วจะชิ่งไปง่ายๆ ได้ไง หรือว่าพี่จะเอาน้องบีมไปขาย แค้นผมมากใช่มั้ย” ผมโวยทันทีที่คุณชายยื่นเท้ากลับเข้ามาในร้านหลังจากหายไปเกือบยี่สิบนาที


                “อะไรน้องบีม”


                “กีตาร์ผมไง นอนเป็นศพอยู่เบาะหลังรถพี่อะ เฮ้ย นี่พี่คิดเอาเรื่องน้องบีมมาพูดให้ผมลืมเรื่องที่พี่หนีผมไปหรอ”


                “พูดเองทั้งนั้น หายใจให้อากาศไปเลี้ยงสมองบ้าง”


                “ฟู่ ฟู่” กูก็บ้าทำตาม ผมกระแทกหลังลงกับเก้าอี้ตัดผมอีกครั้ง “พี่ต่อครับรีบทำให้เสร็จเลยพี่ ค่าตัดผมขอผ่อนจ่ายได้มั้ยอะพี่”


                “จ่ายอะไรกันครับ”


                “ตอนนี้ผมไม่มีเงินหรอก มีคนหลอกผมมาแก้แค้นให้มาตัดผมร้านพี่แล้วให้จ่ายตังค์เอง”


                “ไม่ต้องจ่ายหรอกครับ คุณชายจัดการเรียบร้อยแล้ว”


                “อะ...อ้าว”


                เพล้ง!


                “อะ...อะไรอะ ก็พี่ไม่บอกแต่แรกวะ”


                ฟึบ


                คุณชายโยนห่อกระดาษอ้วนกลมมาให้ผม ส่วนตัวเองเดินกลับไปนั่งที่เดิมพร้อมกาแฟหนึ่งแก้วและหนังสือพิมพ์ภาษาปะกิด


                ผมขมวดคิ้วเพราะอารมณ์กลัวโดนทิ้งและกลัวเสียตังค์ยังตกค้าง ถ้าโยนหินแล้วมันตกใส่หัวทำไง อะ...นี่มันเบอร์เร่อ แฮ่ เบอร์บาร่า แฮ่ เบอร์เกอร์ ถูกแล้ว!


                “นี่พี่ไปซื้อมาให้ผมหรอ” ผมมองคนที่ซื้อให้ผ่านกระจกด้วยความแปลกใจ คุณชายไม่ได้สบตาผมเอาแต่มองกระดาษหนังสือพิมพ์แต่ก็ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ


                “กระเพาะที่สี่ของโคร้องดังขนาดนั้น ไม่มีสมาธิอ่านหนังสือพิมพ์” ทั้งโค ทั้งกระบือ คราวหลังด่าผมเป็นสวนสัตว์ดุสิตเลยครับพี่ผมจะได้เลือกสัตว์เอง เอ...ว่าแต่


                “แหนะ” ผมร้องพร้อมกับลากเสียงยาว “พี่นี่ใจดีเหมือนกันน้า”


                “อย่าคิดไปเอง กูต้องทานข้าวเวลานี้”


                “อะไรว้า” ผมพึมพำแล้วก้มกัดเบอร์เกอร์อย่างเป็นสุข โห เนื้อด้วย ของโปรดเลย


                “เสร็จแล้วครับ” พี่ต่อพูดขึ้น ผมจึงละสายตามามองตัวเองในกระจก อึก เนื้อแทบติดคอ


                “แอ่ก...เฮ้ย ใครแกล้งผม!”


                “เป็นอะไรครับน้องเขา”


                “มีใครอยู่ในกระจกใช่มั้ย ไอ้บ้า นี่มึงซ่อนกล้องอ่อวะ ออกมา!” ผมลุกขึ้นยืนท่ามกลางความงงงวยของคุณชายและพี่ต่อ



                “น้องเขา นั่นน้องเขาเองนะ หล่อจนจำตัวเองไม่ได้เลยหรอ คุณชายมาดูสิครับ เป็นยังไงถูกใจมั้ย” พี่ต่อหันไปถามความเห็นของคุณชาย พี่ต้องถามผมสิ ไม่ใช่ไปถามคุณชาย พึ่งจะสังเกตว่าพี่ต่อจะหน้าแดงนิดๆ เวลาพูดกับคุณชาย เอ่อ เจ้ต่อครับผมรู้ความลับเจ้นะ..


                “เป็นคนก็ดีแล้ว” ท่านชายมองผมแวบเดียวเท่านั้นก่อนจะตอบนิ่งๆ แล้วก็ก้มลงมองหนังสือพิมพ์เหมือนเดิม


                “พี่...ต่อ...นี่มันผมจริงๆ หรอครับ”


                ไอ้คนที่อยู่ในกระจกตอนนี้มีหน้าตาเหมือนผมเปี๊ยบแถมยังปากเลอะเพราะซอสจากเบอร์เกอร์ด้วย พี่ต่อตัดผมที่ยาวและไม่เป็นทรงให้กลายเป็นอันเดอร์คัทแบบไม่เซ็ทผม ผมนี่ยาวข้างหน้าพี่ต่อก็ไดร์ให้มาปรกหน้าผากเล็กน้อย จริงๆ พี่ต่อจะเซ็ทผมให้ผมดูล่ะ แต่คุณชายบอกว่าไม่ต้อง ไม่เข้ากับหน้าสุกรแบบผม


                “นี่แหละครับ คนสกปรกของคุณชายไม่สกปรกแล้วแน่นอน” พี่ต่อพูดยิ้มๆ แล้วแกะผ้าคลุมผมออก


                “แค่กๆ” แต่หลังจากพี่ต่อพูดคุณชายถึงกับสำลักกาแฟหมดคราบคุณชายไปสองวิ


                “เออใช่ ผมไม่สกปรกแล้วพี่ไม่ต้องเรียกผมว่าสกปรกแล้วล่ะ” ผมเดินปรี่เข้าไปใกล้พร้อมกับสะบัดผมเหมือนนายแบบต่อหน้าคุณชาย หล่อป้ะ หล่อป้ะ คุณชายใช้นิ้วยาวๆ จิ้มหน้าผากผมให้ถอยห่างแต่ผมไม่ยอมใช้หน้าผากดันกลับไป เอาดิ สู้หรอๆๆๆ


                “หึ” ผมชะงักเมื่อเห็นมุมปากของคุณชายกระตุกยิ้ม หรือแม่งแกล้งทำให้ผมแพ้ เกลียดออร่าคนหน้าตาดี


                “อะแฮ่ม ทั้งคู่ครับ พี่ต่อยังอยู่นะครับ” พี่ต่อยืนกุมมืออยู่ข้างๆ ผมหันไปดูแต่คุณชายจัดเสื้อและลุกขึ้นด้วยท่าทางที่ดูดีมากๆ ไม่ได้ล่ะ ผมไม่อยากมองให้ใจเต้น สงสัยอิจฉามั้ง เล่นกับพี่ต่อดีกว่า


                “อ้าวพี่ก็ยังไม่ตายนี่ แหะๆ ล้อเล่นครับ” ไม่เห็นต้องมองแรงแบบนั้นเล้ยยยย


                “ขอบคุณมาก ผมต้องไปก่อนล่ะ”


                “ขอบคุณมากเช่นกันครับ แล้วเจอกันใหม่นะครับ”


                “อ้าวพี่ เอาอีกแล้วจะไปก็ไม่บอกหน่อยเลย พี่ต่อสวัสดีครับ”


                “ครับผม”

               






                เราอยู่บนรถอีกครั้งและมันก็เงียบอีกครั้ง เพราะมันไม่มีแม้แต่เพลงสุนทราภรณ์แต่กลับมีเสียงที่ร้องเพราะกว่าสุนทราภรณ์นั่นก็คือเสียงท้องร้องผมเอง ร้องเป็นเพลงร็อคเลยทีเดียว


                “อึก” พอรถขับผ่านร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทางผมก็กลืนน้ำลายไปทีนึง ทน...ไม่ไหวแล้วโว้ยยยยย ไม่เข้าใจคนมีพุงหรอวะ แค่มองรูปอาหารน้ำย่อยมันก็ร้องเรียกพ่อๆ แล้ว


                “พี่...” ผมตัดสินใจเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบที่โคตรจะไม่ชิน


                “....”


                โครกกกกก


                “กินข้าวก่อนกลับได้มั้ยนะๆๆๆ ผมเลี้ยงเอง ร้านข้างหน้าหมู่บ้านผมก็ได้ ร้านไหนก็ได้ พี่กินก่อนแล้วค่อยกลับบ้านไง” การเดินทางครั้งนี้คุณชายจะไปส่งผมครับ ในความจริงนั้นผมกราบขอร้องเพราะยังไงก็ทางเดียวกัน ปล่อยให้ผมกลับเองพร้อมกับเศษเหรียญในกระเป๋าเนี่ย ผมได้นั่งใต้สะพานลอยแน่ๆ คุณชายท่านก็ไม่ตอบอะไรครับ แต่เดินไปเปิดประตูผมเลยทึกทักเอาเอง อิอิ บุญตูดอีกแล้วววววว  ถึงแม้ว่าจะแอบคิดว่าผมกับคุณชายมาถึงจุดนี้ได้ยังไง ก่อนหน้านี้ผมยังกลัวมันกระทืบอยู่เลยตอนนี้ผมกลับคุยกับมันเหมือนรู้จักกันมาสามชาติซะงั้น แต่ไอ้เขาไม่คิดอะไรมากครับขอให้พยาธิในท้องในอิ่มหมีพีมันก่อน


                “นี่ไม่ใช่เวลาทานอาหาร” ผมเหลือบมองนาฬิกาข้างซ้ายของคุณชาย สองทุ่มก็เพราะมันเลยเวลานี่ไง ผมถึงหิวจะตายแล้วเนี่ย บ้านก็อยู่ไกลอีกต่างหาก


                “กินเลยเวลาหน่อยไม่ได้ไง๊”


                “มันผิดระบบของร่างกาย”


                “พี่กินเถอะ....ผมอยากเลี้ยงขอโทษและขอบคุณพี่ด้วย” คุณชายหรี่ตาไม่ไว้ใจ


                “ขอความจริง”


                “ผมหิวจะกินควาย เอ๊ย กระบือได้ทั้งตัวแล้วอ่า อยากงอแงงงงงงง” ผมแทบจะกระทืบเท้าเป็นเด็กๆ แต่ต้องหยิกตัวเองไว้ รถคุณชายพังแล้วล่ะก็ผมไม่มีปัญญาจ่ายหรอกนะเว้ย แค่ค่าตัดที่จู่ๆ คุณชายก็พาไปตัดแถมออกเงินให้อีก แค่นั้นผมก็รู้สึกไม่ดีแล้ว(หรา)


                “เอ๊ะ หรือว่าพี่กินข้างทางไม่ได้” ผมถามกับตัวเองไม่ได้คิดจะสบประมาทแต่อย่างใด


                และแน่นอนว่ารถสี่เหลี่ยมเล็กๆ แบบนั้น เค้าต้องได้ยินแหงๆ คุณชายปรายตามอง ไม่ตอบอะไรแต่ก็ตบไฟเลี้ยวก่อนจะดับเครื่องยนต์เยื้องๆ กับร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทาง และผมเบิกตากว้างด้วยความตกใจและความ....หิว



                “พี่ลองชิมๆๆๆ ลูกชิ้นนนน โอ้มายก้อดยอดหางเข้” ผมชูถ้วยที่มีลูกชิ้นอ้วนกลมกลิ่นหอมยั่วน้ำลาย คุณชายจอดรถให้ผมก็ว่าแปลกแล้วแต่คุณชายลงมานั่งกับผมด้วยครับ คุณชายนั่งเก้าอี้ตรงข้ามผมที่ร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทาง อยากจะกรีดร้องผมเห็นคนที่มากินก๋วยเตี๋ยวมองด้วยสายตาแปลกๆ ก็แน่ล่ะ คุณชายมาหย่อนก้นนั่งนะโว้ยย ดูเสื้อผ้าซะก่อน


                “กินเถอะพี่ ผมสั่งเผื่อแล้วนะ” พอเห็นว่าคุณชายมองมานิ่งไม่ยอมกินซักที ผมก็ดันก๋วยเตี๋ยวที่ผมสั่งไว้อีกชามไปใกล้ๆ อีก อันที่จริงคุณชายจะรอบนรถด้วยซ้ำแต่เพราะลูกตื๊อของผมคุณชายเลยต้องเดินตามลงมาด้วย


                “ทานไปเถอะ สุกรคงต้องการพลังงานเยอะ” คุณชายนั่งหลังตรงทั้งๆ ที่ไม่มีพนักพิงแถมยังวางมือไว้บนหน้าขาจนผมหน้าสั่นเล็กน้อยเพราะความแตกต่างนี้


                “ผมไม่ใช่สุกร...เอ๊ย หมูนะ!” ชักจะติดมาจากพี่มันแล้ว


                “เคี้ยวให้หมดก่อนพูด” คุณชายเตือนเสียงนิ่งๆ เผลอทำกิริยาสถุลอีกแล้วง่ะ เมื่อกี้ผมแทบจะยัดเข้าปากแต่เพราะคุณชายนั่งตรงข้ามแบบนี้ผมถึงค่อยๆ จับตะเกียบด้วยความระแวดระวัง


                “อื้อ...แต่พี่กินเถอะ” คุณชายส่ายหัวอีกครั้ง “เอาน่า ถ้าพี่ไม่พูดผมไม่พูด ร่างกายพี่ไม่รู้แน่ว่าพี่กินข้าวผิดเวลา” ผมหยิบช้อนใหม่ออกมาจากกล่องพร้อมกับใช้ทิชชู่เช็ดๆ แล้วตักลูกชิ้นในชามที่สองให้คุณชาย


                “ลูกชิ้นถ้าเข้าไปในท้องคุณชายอย่าไปบอกอาหารอื่นๆ ล่ะว่าคุณชายกินข้าวไม่ตรงเวลาเข้าใจมั้ย อะพี่...อ้ามมมมม”  ผมชี้เจ้าลูกชิ้นก่อนจะหันไปพูดกับคุณชาย


                คุณชายขมวดคิ้วท่าทางกล้าๆ กลัวๆ  และคุณชายก็คงจะทนลูกตื้อของผมไม่ไหวเพราะสายตาสับสนของพี่มันฉายออกมาหมดแล้วครับผมมมมม ลูกชิ้นมันยั่วยวนใช่ป้ะ คุณชายไม่ได้อ้าปากรับลูกชิ้นที่ผมยื่นไปป้อนแต่กลับคว้ามือผมแล้วเอาเข้าปากตัวเองแทน ผมยิ้มตาหยีมองคุณชายใช้ทิชชู่เช็ดมุมปากอย่างเรียบร้อย ผมยิ้มตาปิดเวลาเห็นคนกินสิ่งเราชอบกินมันมีฟามสุข


                “บอกแล้วอร่อยใช่ม้า?”


                คนที่กำลังเช็ดปากชะงักไปเล็กน้อย


                ชิบหายผมลืมไปได้ยังไง ที่นี่ไม่มีม้ามีแต่คุณชายกับชามก๋วยเตี๋ยว

 






                เราอยู่บนรถอีกครั้งและมันก็เงียบอีกครั้ง.... ไม่มีแม้แต่เพลงสุนทราภรณ์ ไม่มีแม้แต่เสียงท้องร้อง แต่ตอนนี้มีเสียงผมพูดคนเดียวแทน คุณชายไม่ให้คุยแต่ผมก็ยังจะพูด คนที่พูดคนเดียวไม่ถือว่าคุยหรอกครับ แหะๆ เป็นเพราะความสบายใจต่างจากตอนแรกหรือเพราะอะไรไม่รู้ทำให้ผมไม่กลัวคุณชายอีกต่อไป ตอนนี้ผมนอนพิงเบาะ ผึ่งพุง เพราะอิ่มมากแล้วก็เลยง่วงซะอย่างนั้น ตาจะปิดแล้ว...ครับ


                “ผมขอโทษจริงๆ นะพี่ เสื้อมัน...ซักไม่ออกเลยอ่า”


                “....”


                 “พี่...ค่าตัดผมมันแพงไปรึเปล่า”


                “....”


                “พี่จ่ายให้ฟรีๆ เลยหรอ มันแพงกว่าเสื้อสองพันอีกนะ”


                “....”


                “แต่ผมทำตัวไม่ดีเลยนะ....ไม่ขอโทษแล้วก็ยังทำตัวแย่ๆ อีก”         


                “...”


                “พี่เห็นผมรุงรัง คงจะหงุดหงิดมากสินะ”


                “....”


                “แต่พี่อย่าไปหงุดหงิดใส่ใครแล้วพาไปจัดระเบียบแบบผมอีกนา แจ้บๆ”


                “....”


                “เปลืองเงินแย่เลย ถ้ามีคนสกปรกซักร้อยคน พี่ก็...จน....สิ” ตาผมเริ่มหนักขึ้น ความเงียบในรถมันคือยาสลบชั้นดี ก่อนผมจะปิดเปลือกตาลงเสียงคุณชายก็ลอยเข้ามาเบาๆ


                “..ไม่ต้องห่วงหรอก ตัวมอมแมมแบบมึงเนี่ยก็เห็นมีตัวเดียวในโลก”


                ไหนว่าไม่คุยไง...ไม่ไหวแล้ว มันง่วง


                “อือ...ไม่ได้...นะพี่ ห้ามมีหลายคน...ผม...ไม่อยากให้พี่เสียตังค์...เยอะ”


                “หึ...”








____________________________________
-คูมชายใจดีไปป้ะะะะ-

ขอบคุณทุกคนค่ะ
#คุณชาย2017
เสกสัง : เขาๆ เขาต้องมาฝึกสกิลกับพี่นะ มุกผลักเผิกเนี่ยเค้าไม่เล่นกันเเล้ว บ้านนอกก
เขา : อะ ไหนดูคนไม่บ้านนอกดิ๊
เสกสัง : ทีอะไรไม่โต?
เขา : ทีอะไรหรอพี่เสก
เสกสัง : ทีเรว็กซ์
เออะ...ทีมันเล็กจริงเนอะ
พี่เสก #มึงเองอิเวง2017
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-09-2017 13:11:47 โดย jaevin »

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
คุณชาย เริ่มจัดระเบียบทรงผมสุกรแล้ว  o18
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ panpang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 508
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-1

ออฟไลน์ utamon

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 706
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-2
แหมมม น้องเขาไม่ต้องกลัว คุณชายเปย์ให้น้องเขาคนเดียวนั่นแหละ :o8:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด