❀❀❀คุณชาย2017❀❀❀ ระเบียบที่ 20 : ห้าม...เลิกนะ ขอร้องงง p.12 [14-03-20]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ❀❀❀คุณชาย2017❀❀❀ ระเบียบที่ 20 : ห้าม...เลิกนะ ขอร้องงง p.12 [14-03-20]  (อ่าน 55332 ครั้ง)

ออฟไลน์ Chompoo reangkarn

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1089
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
อยากให้เฮียทิวกับแม่พี่ตาณกลับมารักอีดครั้งงะ  เป็นดองกันเลย

ออฟไลน์ fammykiki

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 329
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0

ออฟไลน์ miikii

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1725
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
พี่ต๊าณณณณณณณณณณณณ ไม่ธรรมดาจริงๆค่ะ
อรุ่มมมม

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4825
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7

ออฟไลน์ yasperjer

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
นังเขากลับมาแร้วววววว

ออฟไลน์ shoi_toei

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-26
ยังเกรียนเหมือนเดิมนะนังเขา 555

ออฟไลน์ songte

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อูยยยยย...........  :o8:
คุณชายมือถึง ปากถึงปากเขาตลอด  ชอบบบบบบบบ  :impress2:

ก็ว่าและว่าแม่พี่ตาณต้องเคยรู้จักพ่อเขามาก่อน  :hao3:
แล้วก็จริงด้วย ไม่ใช่แค่รู้จัก เคยเป็นคนรักกันซะด้วย  o18

พี่ตาณ  เขา    :กอด1: :กอด1: :กอด1:
      :L1: :L1: :L1:
 :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:


ออฟไลน์ มะเขือม่วง

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 435
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0

ออฟไลน์ ppnplg

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 42
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
รอลุ้นคู่เฮียทิวกับแม่นะคะ อยากให้กลับมารักกัน
เอ็นดูวววววววเขา ปล่อยผู้ใหญ่เค้าคุยกันเนอะ เราเข้าครัวหาของกิน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Sky

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 944
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-2

ออฟไลน์ jaevin

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-3
คุณคนอ่านที่เข้ามาอ่านตอนนี้
คุณไม่ตาฝาดหรอกนะ เพราะการมาครั้งนี้ก็เหมือนฝันตื่นหนึ่ง




ระเบียบที่ 19 : ห้ามคีพคูล (ข้ามปี)



คุณกำลังรับชม ภาพยนตร์เรื่อง “รักเราสู่ขิตอีกครั้ง”
กำกับภาพโดย กระผมนายภูเขา เหล่ากา
คำเตือน ผู้ที่มีอายุน้อยกว่าสิบแปดปีต้องดื่มนมก่อนนอน




เริ่ม!



“แสงไฟจากเสาไฟฟ้าหน้าบ้านกระทบเสี้ยวหน้าของชายมีอายุคนหนึ่ง...”



“หงึก” เสียงคิ้วกระตุกหนึ่งที



“เขานั่งชันเข่าเฝ้ามองแมลงเม่าบินเข้าใกล้ไฟอย่างเชื่องช้า ท่าทางเหงาหงอย จ๋อยสนิท”



ในบ้านเล็กๆ ที่อบอุ่น พบคนบ้าหนึ่งอัตรากำลังทำท่าถือกล้อง ไม่สนใจสายตาเอือมของผู้ชายมีอายุคนนั้น มันเคลื่อนกล้อง(ในมโน)ตัวมายังมุมต่ำ ภาพที่เห็นเลื่อนจากเท้า ขนหน้าแข้ง เป้ากางเกง(ภาพค้างตรงนี้นานกว่าที่อื่น) มาจนถึงอก กับเสียงบรรยายคล้ายทีมพันธมิตร



“เขารู้สึกเจ็บเหลือเกิน...เล็บขบที่นิ้วโป้งของเขายังไม่เจ็บเท่าใจเขาตอนนี้เลย เขาได้แต่ถามตัวเองว่าทำไมอ่า ทำไมอ่าาา เธอคนนั้นถึงไม่เหลือบตามองขี้หมาอย่างผม หรือเพราะเราเป็นแค่รักครั้งแรกของกัลและกัลเท่านั้น...”



“รักครั้งแรกงั้นหรอ”



ผู้ชายคนนั้นพึมพำแผ่วเบา เราสบตากันหลังกล้อง(มโน) และพูดออกมาพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย



“รักครั้งแรก หัวใจก็แตกสลาย”



“เร็วเกินไปไหมกับควายผิดหวัง”



ผลัวะ!



“โอ๊ย”



“ไอ้เขาเห็นกูเคลิ้มก็เอาใหญ่เลยนะ แล้วนี่ทำท่าถ่ายหาอะไร กูไม่ใช่พระเอก”



“ใครบอกพ่อเป็นพระเอด”



“เอก! ไอ้นี่เดี๋ยวมึงจะโดนมากกว่าบีบไข่”



“งื้อ ไม่เอาแล้ว”



ผมขว้างกล้องมโนทิ้งก่อนจะกุมเป้าพร้อมนั่งพับเพียบตรงเท้าพ่อพอดิบพอดี



“เขาเห็นพ่อเงียบๆ อะ เขาไม่ชิน เขาอยากให้พ่อตลก”



“กูไม่ใช่จาตุรงค์”



“ว้าย เก๊าเก่า บอกอายุ”



“หงึกๆ” เสียงตีนกระตุกสองที ไอ้เขาคลานเข้าไปใกล้พ่ออีกนิด แล้ววางคางไว้ตรงเข่าพ่อ โหมดจริงจังของไอ้เขาก็มา เมื่อพ่อหันไปเหม่อมองแมลงเม่าอีกแล้ว



“พ่อเป็นอะไร”



“...”



“พ่ออยากเล่าอะไรมั้ย”



พ่อเบนสายตาลงมามองผม ความรู้สึกสับสนปะปนผ่านดวงตาของพ่อ และนั่นทำให้ผมนึกย้อนไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน ตอนที่แม่จากเราไป ตอนจำไม่ค่อยได้นักหรอก แถมยังไม่เคยรู้เลยว่าชีวิตรักของพ่อเป็นยังไงเพราะพ่อไม่เคยพูดถึงเลย ตั้งแต่จำความได้ผมก็อยู่กับพ่อแค่สองคน เรานอนง่ายๆ กินง่ายๆ ตามประสาผู้ชาย พ่อเลี้ยงผมด้วยตัวคนเดียว และเริ่มสร้างฐานะจากร้านซ่อมรถเล็กๆ พ่อยุ่งมากจนผมได้แต่เล่นไขควงกับนิ้วเท้าตัวเองไปวันๆ ไม่ได้เที่ยวหรือเล่นสนุกแบบบ้านไหนๆ



แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่รู้สึกขาดเหลืออะไร ผมรู้สึกว่าผมมีพ่อที่เจ๋งมาก ผมน่ะ...ฮรุก...



“เขา...”



ผมน่ะ...รักป้อที่ฉุด



“พ่อต๋า...”



“มึงอยากมีแม่ใหม่ไหม”



เอี๊ยด!



“เดี๋ยวนะ เขางง”



“งงไร” พ่อใช้นิ้วชี้ดันหัวผมออกจากเข่า ก่อนจะขยับตัวเกาหลังแกรกๆ “ใครงงเป็นควายนะ”



“เขาเป็นควายหรอ”



“ใช่!”



“มออออ เอ้ย! พ่อ เขาเป็นห่วงพ่ออยู่นะ ยังจะมาเล่นอยู่ได้”



“กูไม่ได้เล่น ก็ถามอยู่เนี่ย ว่าอยากมีแม่ใหม่ไหม”



“คือ...”



อ่า...ไอ้เขาตาเหลือก สมองเท่ารอยเท้ามดประมวลเร็วจี๋



หลังจากคุยกับคุณชาย พ่อก็นั่งทำเอ็มวีอยู่นานสองนาน ทำให้ผมต้องหาวิธีให้พ่อกลับมาเป็นเฮียทิว นักเลงโตเหมือนเดิม



แต่ว่าที่พ่อตูนั่งเงียบ ตั้งแต่เพราะว่าเหตุผลนี้หรอ



แม่ใหม่....



เอาความเป็นห่วนกลับคืนมา



ห่วง!



“หรือว่ามึงไม่อยากให้กูมีใหม่”



พอพ่อพูดเสียงจริงจังทำให้เราเงียบกันไปครู่หนึ่ง ผมหลบสายตาพ่อ เสมองไปทางอื่น ก่อนจะตัดสินใจพูด



“ใหม่....”



“อืม” พ่อรับคำคล้ายไม่ใส่ใจ แต่เชื่อว่าตาลุงแอ๊บวัยรุ่นคนนี้คงจะกังวลอยู่ไม่น้อย



“ใหม่ไหนอะพ่อ เจริญปุระ หรือใหม่ ดาวิกา”



ผลัวะ!



“เขาเจ็บนะ”



“ยังจะเล่นอีก”



“โอ๋ๆๆ พ่อไม่ต้องคิดมากหรอกน้าลลลล(ม้วนลิ้น)” ไอ้เขาถูผมที่ชี้โด่ชี้เด่ของตัวเองกับหัวเข่าพ่อ “เขาเป็นลูก แต่ชีวิตพ่อเป็นของพ่อนะ อะไรที่พ่อมีความสุขพ่อก็ทำไปเถอะ”



พอเงยหน้าจากหัวเข่าพ่อจ๋า กระผมก็ส่งรอยยิ้มพิฆาตไปให้พ่อ เฮียทิวชะงักแต่หลังจากนั้นก็ค่อยคลี่ยิ้มอย่างเก๊กๆ พร้อมกับกระตุกหัวเข่ามาชนหัวผมสองสามที



“มึงนี่ พูดอะไรซึ้งๆ ก็เป็นเหมือนกันนะ”



“อี๊ๆๆ”



“มึงไปหัวเราะไกลๆ นู่นไป”



“โหยยยย ทำมาไล่ แล้วใครที่ไปตามเขากลับบ้าน เล่นใหญ่รัชดาภิเษก แถมโวยวายเป็นบ้านเป็นหลัง”



“พูดก็ไม่ถูกซักประโยคโว้ยลูกกู อะแล้วถ้ากูไม่เล่นใหญ่จะรู้มั้ยว่าลูกชายแรดขนาดนี้” พ่อส่ายหน้าพลางกลั้วหัวเราะ ดีจัง พ่อกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว



“พ่อ”



“ไร”



“ว่าแต่แม่เขาอะแรดจริงหรอ”



“หึ”



“หมายควายว่าไง”



“หึหึ กูพูดเล่น แม่มึงไม่ได้แรดหรอก” พ่อหัวเราะในลำคอ สายตามองไปยังภาพสีขาวดำข้างทีวี



“แล้วแม่เขาเป็นยังไง” ผมมองตามก็เห็นภาพกลุ่มวัยรุ่นยุคเก๊าเก่ากอดคอกันอยู่ตรงนั้น



“แม่มึงอะนะ...” พ่อเว้นวรรค ก่อนจะยิ้มอีกครั้ง



“...เป็น”



“...”



“...เพื่อนที่ดีที่สุดของกู”



“อ่า....”



อย่างนั้นเองสินะ



พ่อเอื้อมมาขยี้หัวผมอย่างไม่เบามือเท่าไหร่นัก



“แต่จำไว้ว่ามึงเกิดมาจากความรักนะภูเขา”



“อื้อ!”



แน่นอนอยู่แล้ว



เราต่างจมอยู่กับความคิดของตัวเองอยู่ไม่นาน จู่ๆ ผมก็คิดได้ จึงรีบถามเดี๋ยวหลับแล้วลืม



“เอ่อพ่อฮับ!”



ไอ้เขายกมือขวาสุดแขน พร้อมกับใช้มือซ้ายปิดจั๊กกะแร้



“เชี่ย! ตกใจหมด” พ่อสะดุ้งโหยง “แล้วนี่จะแบ๊วพูดพ่อฮับทำปลาจวดไร”



“ก็เขาเป็นลูกน้อยของพ่อนะ” จิ้มแก้มประกอบความแบ๊ว



“มึงจะพูดอะไร กูปวดหัวกับมึงจริงๆ”



“เอ่อ...แล้วดราม่ากีดกันเขากับพี่ชายตาณจบแค่นี้หรอ”



“เหอะ”



พ่อพูดแค่นั้นแล้วก็ถอดเสื้อ ขว้างทิ้งมาคลุมหัวไอ้เขา แล้วก็เดินเข้าห้องน้ำไป



หมายความว่าไงอะพ่อ



ใช่ หรือ ไม่ หรือ คิดเอาเอง หรือ อะไร



เขาก่งก๊ง



ผม นายภูเขา เกาหัวแกรกๆ ขอจบความงงเพียงเท่านี้ครับ

 





เช้าวันต่อมา ผมตื่นเช้าแบบไม่ต้องมีนาฬิกาปลุก ว่ากันว่าคนมีความสุขก็จะตื่นอย่างสดใส แถมเฮียทิวยังไม่ทำหน้าถมึงทึงยามที่มีรถเต่าสุดคลาสสิกมาจอดตรงหน้าประตูบ้าน ตอนนี้คงนอนเกาตูดอยู่บนห้องนู่นแหละ ดังนั้นคำว่า 'เหอะ' เมื่อคืน ผมจึงตีความเอาเองว่า ดราม่ากีดกันมันจบลงเพราะผมให้ซีนพ่อไปอย่างเต็มที่



เพราะงั้นทุกอย่างจึงดูสดใสไปหมด และผมจะไม่โดนพ่อบีบไข่อีกต่อไปแล้ว



“พี่ตาณ”



ผมยิ้มร่าเรียกพี่ตาณเสียงดัง ก่อนจะมุดรีบมุดตัวเข้าไปนั่งในรถ แต่ลืมตัวว่าสะพายน้องบีม ส่งผลให้ท่าทางทุลักทุเลเป็นอย่างมาก



“ระวังๆ” พี่ตาณดุทันทีขณะที่มองไอ้เขายืดตัวไปด้านหลัง แถมสองแขนยังประคองน้องบีมไปวางไว้ที่เบาะหลังด้วย



“โห่ ไม่โดนรถพี่ตาณหรอกน่า ผมน่ะระวังอย่างดี”



“ไม่ใช่น้องบีม แต่ระวังหัวโข...”



โป๊ก!



“โอ๊ย”



“พูดยังไม่ทันขาดคำ”



“แหะๆ ไม่เจ็บเลย” ผมยังยิ้มเป็นคนบ้าเหมือนเดิม ก็คนมันมีความสุขง่า



“มาดูซิ” พี่ตาณเกี่ยวคอผมเข้าไปดูใกล้ๆ มืออุ่นๆ ของพี่ตาณลูบหัวผมไปมาเบาๆ



“ไปโรงพยาบาลมั้ย”



ฮือ ตัวเองคนดีของเค้า อิจฉาผมล่ะสิ ผมล่ะสิ แค่หัวโขกแค่นี้ถึงกับต้องพาไปโรงพยาบาล



“ไปตรวจแผลหัวโขกหรอพี่ตาณ ไม่เป็นไรหรอกแผลจี๊ดเดียว”



ผมทำท่าโบกไม้โบกมือปฏิเสธ โฮ่ๆๆๆ เกิดเป็นเขาเนี่ยลำบากจริงจริ๊ง  ผู้ชายเป็นห่วง



“เปล่า จะพาไปเช็คสมอง แต่ดูท่าแล้วหมอคงไม่ช่วยอะไร”



ชะอุ้ย!





ขณะที่พี่ตาณขับรถ ผมก็เล่าเรื่องเมื่อวานให้คุณชายฟัง



“พี่ตาณดีใจมั้ย พ่อไม่กีดกันเราสองคนแล้ว” คนฟังสีหน้าไม่เปลี่ยนเลยซักนิด “พี่ตาณรู้อยู่แล้วใช่มั้ย”



ไอ้เขานะถึงจะไอคิวน้อยแต่ก็ไม่โง่นะครับ ฮุ



“พี่ตาณรู้มาก่อนว่าพ่อกับคุณน้ารู้จักกัน ถึงขั้นมีความหลังด้วยกันมาก่อน เพราะงั้นเมื่อวานคุณชายจึงกลายร่าง ยั่วยวนพ่อ”



“ยั่วยุ”



“นั่นแหละๆ” ผมกอดอกแอบงอนเป็นสาวสะพรั่งบนคานทอง(?) เอ้าก็พี่ตาณมองบนอะคุณณณ มองบนใส่โผ้ม



“พี่ตาณทำผมตกใจมากเลยนะ”



“เด็กโง่ ถ้าไม่ทำแบบนี้ เราอาจจะไม่ได้เจอกันอีกนะ”



“...!!”



ราวกับคำว่าไม่ได้เจอ เป็นคำร้ายแรง เพราะผมรู้สึกถึงสายฟ้าหน้าดำฟาดลงมากลางอก ได้กลิ่นไหม้ลอยมาเลยด้วย



“ถึงเราจะตรงๆ กันแล้ว แต่การได้รับการยอมรับจากครอบครัวก็เป็นเรื่องสำคัญ ฉันแค่พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสเท่านั้นเอง”



“อ่า....”



ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง วิกาสโอกฤตอะไรง่า



“แล้ว...พี่ตาณหวงแม่มั้ยครับ” เปลี่ยนเรื่องแม่งเลย



“อืม แต่ฉันรู้จักคุณแม่ดี”



“ถึงพ่อผมจะดูห่ามๆ ขี้เก๊ก ซกมก แต่ก็เป็นคนดีนะ พี่ตาณไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะช่วยดูพ่ออีกแรง ไม่ให้พ่อทำอะไรให้คุณน้าลำบากใจ”



“...”



“ผมจะไม่ยอมให้อะไรมาทำให้ความตรงๆ ของเรา กลายเป็นความเบี้ยวๆ แน่นอน!” ผมกำมือแนบอก ความมุ่งมั่นฉายในแววตา พี่ตาณยิ้มก่อนจะเอื้อมมือมาขยี้หัวผมอีกรอบ



“ทำดีมาก ขอมือหน่อย”



ทำไมฟังดูแล้วเหมือนผมเป็นหมาเลย เอียงหน้าคิดแต่ก็สลัดมันออกอย่างรวดเร็ว



ต้องรีบยื่นมือไปหาพี่ตาณ เดี๋ยวพี่รอนาน



“นี่มือครับพี่”



“หึหึ เด็กดี”



โฮ่ง!

 





“เฮียดุก เฮียว่าโลกนี้สีอะไร”



ผมถามขึ้น ขณะที่นั่งรอเวลาพี่ตาณมารับไปซ้อมดนตรี โดยมีเพื่อนรักหักเหลี่ยมตูดอย่างเฮียดุก และไอ้หมูนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม วันนี้พวกมันเสนอหน้าขอติดรถคุณชายไปที่ห้องซ้อมด้วย



“เอ่อ สี...ศรีทนได้...มั้ง” เฮียดุกหรี่ตาแต่หันมาตอบอย่างงงๆ



“แต่กูว่าโลกนี้สีชมพูว่ะ” ดูสิ ขนาดปากกาในมือยังเป็นสีชมพูเย นู่นต้นไม้ใบหญ้าหน้าคณะก็เป็นสีชมพู อิอิ ผมยิ้ม รู้สึกหัวใจโพตองอยู่ตลอดเวลา



“เชี่ยยยย ไอ้หมูน้องรัก มึงว่าไอ้เขาฟายมันเป็นไรวะ”



“มึงไม่ต้องถามหรอกครับเฮียดุก หนักขนาดนี้ กูว่ามันแอบไปลงเรียนกัญชาศาสตร์มาแน่นอน”



“เดี๋ยวๆ แล้วมึงขึ้นไรเนี่ย”



“กูอยากลงเรียนด้วย ถรุ้ย!”



ไอ้สลัดปลาหมึก มึงคิดว่ากูไม่ได้ยินที่พวกมึงกระซิบกระซาบเป็นแมลงสาบสีชมพูหรอวะ



เอาเถอะ นายภูเขาจะไว้ชีวิตเจ้าทั้งสอง ผมเหลือกตามองบนก่อนจะทำเป็นไม่ได้ยิน



“มึงๆ หลอกถามปัญหามันดีกว่าเผื่อมันจะได้สติมากขึ้น”



“ได้ๆ”



ทำเป็นหลอกถามหรอ กูน่ะ ตอบพวกมึงได้แน่นอน



มาเล้ย!



กูจะใช้พลังคลื่นเต่าเหยียบโลกาสีชมพู สยบพวกมึงเอง เฮียดุกพยักหน้ากับไอ้หมูด้วยความมาดมั่น ก่อนที่จะพุ่งคำถามมาอย่างรวดเร็วเหมือนยิงกระสุน



“จังหวัดอะไรรวยสุด!”



“จังหวัดตรัง!”



“เป็ดอะไรเก๊งเก่ง!”



“เป็ด โปรฯ!”



“ม้าอะไรอยู่ในวัด!”



“ม้ายางพันเต!”



“....!!!”



อึ้งๆ อึ้งแดก



“เป็นไงล่ะ ถึงการเรียนกูจะไม่เอาถ่าน ถ้าเป็นห่านเอาเรื่องนะเว้ยยย”



ว่าแล้วต้องทำท่าเช็คถูกใต้คางเหมือนโคนัน ยอดนักตุ้มจิ๋ว



“เชี่ยยยย ไอ้หมู ไอ้เขามีพลังเทพบังเกิดหรอวะ มันไม่ใช่ตัวจริงแน่นอนเพราะแม่งตอบถูกทุกข้อ” เฮียดุกยังคงกระซิบกระซาบต่อไป ถ้ากูมือยาวแบบแม่นาค กูจะจับหัวพวกมันแยกกันละ



“พอเลยๆ นี่พวกมึงคิดว่ากูโง่หรอ”



“เออ!” กูมาดหลุดละ พูดงี้ด่ากูว่าควายดีกว่า



“ว่าแต่คาแรดเตอร์กูเป็นแบบนี้หรอวะ”



“คาแรกเตอร์!” ไอ้หมูลุกขึ้นแล้วยืดตัวมาด้านหน้า มันใช้แขนอันผอมแห้งตบกระโหลกผมทีนึง



“สาบานว่ามึงไม่รู้เลย”



ผมเกาหัวแกรกๆ



“เชี่ยเขา ถึงมึงจะมีแควนเป็นตัวเป็นตนน่ะ มึงต้องคีพคูลนะเว้ยเพื่อน เราจะขึ้นเวทีอีกแค่ไม่กี่วันนี้เเล้วนะ มึงจะมานั่งละเมอเพ้อพกโลกสีชมพูไม่ได้”



“ทำไมวะ พี่ตูนยังอยากให้มันเป็น...สีชมพู อู แค่ให้หัวใจของเราได้รู อู้ เย่”



ไอ้หมูและเฮียดุกยกนิ้วมาจิ้มบนอากาศพร้อมกันแล้วพึมพำว่า พระบิดา พระบุตร และพระจิต



“พี่ตูนครับ ยกโทษให้พวกผมด้วยครับ”



“อ้าว กูร้องผิดหรอ?” ผมชี้นิ้วเข้าหาตัวเองแล้วสบตาเพื่อนรักหัวเถิกและผอมแห้งด้วยความงงงวย



“มึงร้องถูกเพื่อนๆ เหมือนต้นฉบับเลย เพราะคุณคือนักร้องเสียง....” เฮียดุกเว้นวรรค



“เพี้ยน!” ไอ้หมูสนอง



“กูว่าเราต้องคุยเรื่องนี้กันจริงจังแล้วนะเว้ย” จู่ๆ ไอ้หมูเปิดประเด็นอย่างจริงจังจนเกือบตามไม่ทัน และนั่นทำให้แกงค์สามหนุ่มสามมุมค่อยขยับหัวเข้ามาใกล้กันประหนึ่งเป็นแฝดสยาม โดยที่โต๊ะหินอ่อนตรงกลางไม่เป็นอุปสรรคขวางกั้น



“มึงหมายถึง...เรื่องได้รูหรอวะไอ้หมู” 



“เออรูไหนจะดีกว่ากัน เชี่ย! ผิดประเด็นแล้วไอ้เขา หยุดทำหน้าโง่แล้วฟังกู เฮี้ยดุกด้วย อะแฮ่ม การที่เรา...ผู้ก่อตั้งวงวารชีวิตจะได้ขึ้นเล่นเปิดเวทีให้ 25hours หรือเดอะริชแมนทอยเนี่ย มันไม่ใช่เร่นๆ เลยนะเว้ย”



“อื้อหือ”



“เป็นไง มึงตื่นเต้นแล้วใช่มั้ย”



“ไอ้สัส เร่นๆ มึงเนี่ย น้ำลายกระเด็นอย่างกับกูยืนอยู่ข้างน้ำตก”



เฮียโวย แม่งกูต้องรีบปิดหน้าเลย เดี๋ยวเหม็นน้ำลาย



“กูกำลังอิน อย่าขัดกู ทนดมไปก่อน”



“เออไอ้สัส”



“เออนั่นแหละ สิ่งสำคัญนอกจากเบ้าหน้าที่มาจากตลาดบนอย่างเราๆ แล้ว เราจะต้องทำตัวให้ดูคูลอยู่ตลอดเวลา”



“เชี่ยยยยย!” ผมแหกปากอยู่กลางวง ไอ้หมูเบิกตากว้าง พร้อมกับพยักหน้ารัวๆ



“เพื่อนเขามึงเข้าใจในสิ่งที่กูต้องการสื่อใช่มะ คีพคูลลลลลลอะเพื่อน”



“กูเข้าใจแล้วๆๆๆ คือกูต้องทำตัวหน้าสั่นจอนดีดกีตาร์เพราะหนาวอยู่ตลอดเวลาช้ะ”



“ไอ้เขาไม่ใช่! มึงต้องเอาเสื้อหนาวขนเป็ดขึ้นเวทีโว้ย” เฮียดุกขมวดคิ้ว มองหน้ากูเหมือนกูโง่กว่า



ผลัวะ ผลัวะ



“พวกมึงสองตัวเนี่ย ไม่ได้เรื่อง มึงได้อิ้งบังคับตอนปีหนึ่งเท่าไหร่เนี่ย”



“เอ้าเชี่ยหมู ไม่เห็นต้องถาม เราสามคน ได้ D มากันหมดนะเว้ย” กูรีบตอบเลย เรื่องด็อกๆ เนี่ยกูจำได้ขึ้นใจ



“อ้าวหรอโทษทีๆ กูหมายถึงการทำตัวเท่ๆ เว้ย”



“โธ่ พวกกูรู้หรอกน่า เห็นมึงจริงจังแล้วคันฝ่าเท้า” ผมบอกพลางพยักเพยิดหน้ากับเฮียดุก



“เออนั่นแหละ แล้วงานนี้อะสาวๆ หนุ่มๆ ทั้งมอเค้ารอดูคอนเสิร์ตกันทั้งนั้น พอเราขึ้นไปเนี่ย เราคีพคูลก่อนเลยเว้ย มันจะเป็นจุดสนใจ แบบเปิดใหญ่อะเข้าใจมั้ย”



 “อืมมม” พวกเราครางในลำคอพร้อมกัน ถึงแม้ว่าเฮียหมูจะเป็นเด็กเก็บสายไฟแต่ก็ให้ความสนใจเต็มที่ เอ๊ะหรือว่าอยากเท่ตอนเดินเก็บสายไฟ เออใช้ได้ว่ะวงเรา



“แล้วไอ้ท่าทางเช็คถูกใต้คางเป็นโคนันของมึงเนี่ย มันเอ้าทึแล้ว เอ้าทึแล้วไอ้เขา”



ชะ กูหุบมือแทบไม่ทัน



“ท่านี้กูไม่เท่หรอวะเฮียดุก”



“ไม่ค่อยว่ะ แล้วไอ้ท่าคีพคูลมันต้องทำไง ท่านหมูบอกพวกเราหน่อยครับ” เฮียดุกทนไม่ไหว ดังนั้นไอ้ตัวเทพหมูจึงผละออกมานั่งตัวตรง กอดอกแบนๆ แบบไม่เข้ากับเนื้อตัวมันเท่าไหร่



“อะแฮ่ม อย่างแรก เราจะต้องรู้สึกว่ามึงอายนิ้วโป้งของมึง มึงจึงต้องเก็บนิ้วโป้งข้างใดข้างหนึ่งไว้ในกระเป๋ากางเกง”



“เชดดด ท่าอายนิ้วโป้งแม่งอย่างเฉียบ”



“จากนั้นตอนมึงเดินขึ้นเวที มึงต้องเสยผมหน้าทุกห้าวิ”



“เฮ้ย กูว่าข้อนี้เฮียดุกแม่งทำไมไม่ได้แน่นอน” ไอ้เขารีบพูด เพื่อนทั้งสองหันมามองพร้อมกัน



“ทำไมวะ”



“เอ้า ก็เฮียดุกไม่มีผมอะ”



“ไอ้สัส เล่นกูอีกแล้ว”



“แล้วอย่างที่สามทำไงๆ” ผมไม่สนใจอยากรู้ข้อต่อไปแล้ว อยากคูลอะ ไอ้หมูเพื่นผมนี่เทพจริงๆ ...เทพ โพธิ์งาม? จ้ะ…



“เล่นกูแล้วก็เปลี่ยนเรื่องนะเชี่ยเขา” เฮียดุกบ่นพึมพำ



“อย่างที่สามมึงต้องทำตาปรือแบบโลกแคบ”



“ยังไงวะ” เฮียดุกดูสนใจ เพราะพยายามปรือตา แต่ขอโทษเถอะ มึงเหมือนเมาขี้ตาตอนเช้ามากกว่าครับเฮียครับ



“โลกมันแคบเพราะมึงต้องเผยอตาแค่ครึ่งนึง เออเฮียๆ เริ่มได้แล้วๆๆ ทำไมต้องทำอย่างงั้นเพราะท่านี้คือท่าไม่สนโลก สาวๆ เค้าชอบผู้ชายเย็นชาเว้ย ยิ่งมึงหยิ่งมากเท่าไหร่ ผู้หญิงจะรู้สึกว่ามึงน่าค้นหา”



“แล้วผู้ชายล่ะ” เมื่อเอาทุกอย่างมารวมกัน กูว่ามันทะแม่งๆ



“ไอ้พวกผู้ชายมันต้องบอกว่า เชดเข้ โคตรคูลลลล แล้วมึงจะกลายเป็นไอดอลพวกมันแน่นอน”



“หรอวะ”



ผมกับเฮียดุกสบตากัน ในใจผมปั่นป่วนคิดว่าไอ้ท่าทางทั้งหมด มันคุ้นๆ เหมือนกูเคยเห็นนักเลงท้ายซอยทำ



เออ แต่ไม่มีไรหรอกมั้ง เพราะมันเป็นสไตล์



“เฮ้ย พวกมึงไม่เชื่อกูหรอ” ไอ้หมูลุกขึ้น ย้ายตัวเองมานั่งข้างผม ก่อนจะกระซิบเสียงแหบพร่า “ไอ้เขา ถ้ามึงคีพคูลได้นะเว้ย คุณชายต้องอยากค้นหามึงแน่นอนเลยว่ะ แล้วโลกมึงจะไม่มีแค่สีชมพูมึงจะมีสีอื่นด้วย สีฟ้าๆ เหลืองๆ งี้ก็ได้นะเว้ย”



หรอวะ



แต่กูชอบโลกชมพูนะ



“มึงอย่าหลอกกูนะ”



“เฮ้ย ไม่หลอก คนอย่างกูเคยหลอกใคร๊ที่ไหน๊ เอาล่ะๆ มึงเริ่มคีพคูลตั้งแต่ตอนนี้เลยเป็นไง”



พอพูดจบไอ้หมูก็ยกยิ้มข้างเดียว เฮียดุกทำหน้างงซักพักก็เริ่มยิ้มตามไอ้หมู



อีหยังวะ





 



“คุณชายมารับแล้วเว้ย”



“พี่!”



“เชี่ยเขามึงอย่าเรียกเเบบนั้น เบาๆ คีพคูลๆ มึงท่องไว้ น่าค้นหา น่าค้นหา” ไอ้หมูดึงแขนผมมากระซิบท่องมนต์ใส่หัวผม ก่อนที่ตัวเองจะถลาไปหาพี่ชายตาณ



โอเค งั้นต้องคีพคูล ไอ้เขาใช้นิ้วโป้งเกี่ยวกระเป๋ากางเกง เดินไปหาคุณชายจอดรถรออยู่เยื้องหน้าคณะ พอเห็นผมเดินเข้ามาใกล้ พี่ตาณก็เดินลงมาพร้อมกับเอื้อมมือมาดึงน้องบีมจากมือผมไปถือเอง



“พี่ตาณ”



ผมเสยผมหน้าหนึ่งที พร้อมกับทำตาปรือ



“หือ” พี่ตาณเลิกคิ้วข้างเดียว แต่หล่อมากจนผมเกือบจะหลุดคาแรกเตอร์ “ตาเป็นอะไร เจ็บหรอ”



“อุ๊บส์ คุณชายหวัดดีครับ” ไอ้หมูกับเฮียดุกทักทายคุณชาย พวกมันเบียดก้นเข้าไปนั่งรอที่เบาะหลัง



“รีบไปซ้อมกันเถอะ ผมรอวันขึ้นแสดงไม่ไหวแล้ว” เป็นไงล่ะ เสียงอย่างงี้คูลมากมั้ย คึคึ



หลังจากเก็บน้องบีมแล้ว พี่ชายตาณเปิดประตูมานั่งที่เบาะคนขับด้วยสีหน้าสงสัย



“หิวมั้ย”



เสยผมหนึ่งทีก่อนตอบ “ไม่ครับ”



“คิกๆๆ”



เชี่ยเพื่อนรักมันคิกๆ ทำไมวะ หันไปมองเบาะหลังไม่ได้ เดี๋ยวแม่งไม่คูล



“เป็นอะไร”



เสยผม และตาปรืออีกที



“เป็นคนคูลๆ ครับ”



พวกเราเดินทางไปห้องซ้อมใกล้มอไม่นาน แต่ระหว่างทางผมรู้สึกว่ามันยาวนานเหลือเกิน คอตูเกร็งไปหมดแล้ว และพี่ตาณก็เริ่มขมวดคิ้วแล้วด้วย บรรยากาศในรถเลยดูอึดอัดชอบกล แน่นอนว่าไอ้เพื่อนรักของผมคงจะรู้สึกได้อย่างไม่ต้องสงสัยเพราะพอรถจอดปุ๊บ พวกมันก็ชิ่งทันที แถมยังหวังดีอุ้มกีตาร์ผมติดมือไปด้วยอีกต่างหาก



“พวกผมลงไปก่อนนะครับ”



“แฮ่ๆ อย่าดุมันมากนะครับ มันแค่โดนหลอก”



ไรนะ ฟังไม่ชัด



 “มอมแมม” พี่ตาณพูดทิ้งท้ายเสียงเข้ม



นี่แหละชัดของจริง



“ครับ!”



“ลงมา”



“ครับ?”



“แล้วเลิกทำท่าเหมือนกระบือไม่มีหญ้ากินแบบที่ทำมาตลอดทางด้วย”



ชะ!



ผมนี่ รีบวิ่งไปรายงานตัวข้างพี่ชายตาณเลยครับ



 “เป็นอะไร ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว คิดก่อนตอบ”



 “ทำไมต้องดุด้วยง่า” พอต้องคิดก่อนตอบไอ้เขาก็เลยหลุดมาดคูลอะไรนั่นแล้วออเซาะพี่ทันที “ผมฝึกคีพคูลให้ชินก่อนขึ้นเวทีไงครับพี่ตาณ ไอ้หมูบอกว่าสาวๆ หนุ่มๆ เค้าจะได้สนใจวงเราตอนเล่นเปิดงาน”



“ใครสนใจนะ” ไม่รู้ทำไม ยิ่งอธิบายสีหน้าคุณชายถึงได้ทะมึนขึ้นเรื่อยๆ



“ก็...สาวๆ แล้วก็เอ่อ...หนุ่มๆ”



“พูดจาไม่เข้าหู”



พี่ตาณเดินต้อนผมอย่างน่าจัว และไอ้เขากลัวจนเดินถอยหลังไปชนกับรถเต่าน่ารัก หรือว่าพี่ชายตาณจะจับได้ว่าผมพูดไม่หมด



“ผมพูดผิดไปๆๆ” ผมยกมือโบกเป็นพัลวัน หลับหูหลับตาพูดจบรวดเดียวจบ “ไอ้หมูมันบอกว่าถ้าผมคีพคูลแบบเนี้ยะ พี่ตาณจะอยากค้นหาผม แถมโลกของผมจะได้ไม่มีแค่สีชมพูอย่างเดียวด้วยอ๊ะ!”



กึก



พี่ตาณชะงัก ยืดตัวตรงก่อนจะเหลือบตาคมๆ มามองผม



“อยากให้ค้นหาหรอ” พี่ชายตาณยื่นมือมาบีบแก้มผม



อื้อ! พยักหน้าหนึ่งที “แต่ที่จริงอยากรู้ว่าโลกจะเป็นสีอื่นได้ยังไงอะ”



ผมเกาหัวพูดเสียงอ้อมแอ้ม ทำหน้าเหรอหรา



“อยากให้โลกเป็นสีอื่นด้วย?” พี่ตาณพูดด้วยเสียงคุณชายเย็นชา แต่ทว่าที่ข้างแก้มของเค้ากลับขึ้นสีเล็กน้อย



“พี่ตาณทำให้ผมได้หรอ”



กึก



ชะงักอีกรอบ มือพี่ตาณที่ยืดแก้มผมอยู่เลื่อนลงมาอยู่ที่ต้นคอแล้วลูบเบาๆ สัมผัสนั่นร้อนผ่าวจนใจผมเต้นแรงอย่างไม่ทราบสาเหตุ



“ทำได้ ถ้ายอมให้ทำ”



 “หือ”



 “ถ้าอยากให้ทำ...”



กะพริบตาปริบๆ เป็นสุนัขรอเจ้าของแทนคำตอบ



“...”



“งั้นกลับบ้านกัน”



“เห? พี่....”



มันจะดือนะครับ



แต่แล้วลมหนาวพัดมาวูบหนึ่ง



ผมหันหน้าไปมองป้ายสตูฯ สลับหน้าพี่ตาณที่มีแววตาอะไรบางอย่าง ที่ยิ่งมองใจก็แทบจะหลุดมากองที่พื้น



ตึกตัก ตึกตัก



ครั้งที่แล้วผมต้องเลือกระหว่างพ่อบังเกิดเกล้ากับผู้ชาย



แต่ครั้งนี้



ผมจะต้องเลือกระหว่าง



วงวารชีวิต



กับ



พี่ตาณ



.

.

.

ผมขอเลือก....





====================
ขอโทษค่ะทุกคนนนน ขอโทษจากใจจริง
เสียใจที่หายไปนานนมมาก กลับมาอ่านเรื่องนี้อีกทีมุกจากต้นเรื่องอาจจะเป็นปี 2017 เเต่มาถึงตอนนี้ ใช่ค่ะ ปี2019
หวังว่าทุกคนคลายเครียดจากเรื่องราวชีวิตบ้าบอของน้องเขาได้บ้างนะคะ
เรากังวลว่าอาจจะไม่ต่อเนื่องถ้าติดขัดตรงไหนบอกเราได้เลยค่ะ เรายินดีที่ฝุด
เจอกันปี 2020 ค่ะ (ล้อเล่น) คิดถึงน้องเขา คุณชาย และคนอ่านมากๆ ค่ะ
#คุณชาย2017-2019

ออฟไลน์ pookyss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 4
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0

ออฟไลน์ jaevin

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +79/-3
คำเตือน กรุณาย้อนกลับอ่านตอนก่อนๆ หน้าใหม่อีกครั้ง หากจำไม่ได้ (แง้)


ระเบียบที่ 20 : ห้าม...เลิกนะ ขอร้องงง



                วิธีทำให้โลกเป็นสีอื่นในความคิดของคุณเป็นยังไงครับ กำลังจะตอบผมหรอ ไม่อยากรู้แระ (อ้าว อิเวง-ด่าตัวเองครับ) ของพวกคุณเป็นยังไงไม่รู้แหละ แต่วิธีที่ทำให้โลกเปลี่ยนเป็นสีอื่นฉบับพี่ตาณน่ะ



                ฉบับพี่ตาณน่ะนะ....



                มันจึ๊กกะดึ๋ยดุ่มดุ่ม จุ๊บๆ จั๊บๆ มะงึกมะงักกุ๊กๆ



                ผมน่ะเห็นโลกสีชมพูมาสองวันแล้วล่ะครับ งู้ยยยย



                ผลัวะ!



                “เป็นไรไอ้เขา”



                “เชี่ยหมู เจ็บนะเว้ย”



                “เอ้า แล้วมึงเป็นอะไรยืนบิดเป็นเกงในอยู่ได้ แล้วทำตาเยิ้มมองคุณชายทำไม” มันส่ายหน้าแล้วก็พูดต่อ “ไอ้เขา มึงนี่นะรู้ตัวมั้ยว่าทำให้คุณชายตีนหนักแห่งอักษรกลายเป็นเบ๊มึงแล้วรู้ตัวเปล่า เอ้าๆ ยังจะมองตามอีก”



                ผมลูบหัวที่โดนตบป้อยๆ แล้วมองไอ้ตัวการตาขวาง “กูไปหยิกตูดมึงหรอเชี่ยหมู ด่ากูซะยาวเงี้ย เอาตีนมาสะกิดหัวนมกูเลยมา”



                “อาฮ้า มึงอย่าคิดว่ามีคุณชายมาด้วยแล้วกูจะไม่กล้านะ”



                ไอ้หมูทิ้งไม้กลอง แล้วหันมาชี้นิ้วใส่ผมประหนึ่งเป็นลิเก ตอนนี้พวกเราพักครึ่งแรกอยู่ครับ ไม่ใช่มวยนะ แต่ซ้อมวงนี่แหละ ผมกับไอ้หมูเข้าไปนัวเนียกันเป็นยกที่สาม



                “กูยังไม่ได้คิดบัญชีกับมึงเลยนะ หลอกกู ไอ้เรื่องโลกเปลี่ยนสีอะไรของมึงเนี่ย”



                “ทำไมๆๆๆ ชอบล่ะสิ”



                “มึงคิดจะจุดไฟร่านในตัวกูรึไอ้หมู”



                “แล้วได้ผลมั้ยล่ะ ปากเจ่อมาซ้อมทุกวันเลยน้า”



                “เชี่ย หุบตูดเบาๆ เลยนะ ย้าก วันนี้กูต้องล้างก้น เอ้ย ล้างแค้นมึงแน่”



                “มาสิ๊!”



                “เอิ่ม ไอ้แต้ง มึงว่า...วงเราจะรอดมั้ยวะ” ไอ้บาสเกาหัวแกรกๆ ก่อนจะกระซิบกระซาบด้วยเสียงอันดัง เฮียดุกได้ยินดังนั้นก็เล่นทิ้งสายไฟที่เอามาอมเล่นลงกับพื้นอย่างแรง ก่อนจะวาดแขนกอดคอไอ้บาสและไอ้แต้งมาใกล้ๆ



                “พวกมึงไม่ต้องเป็นห่วง ไอ้หมูกับไอ้เขามันชอบเล่นใหญ่ แบบใหญ่ๆ เรียกพลังก่อนจะขึ้นแสดงอะ มึงไม่เข้าใจไหปลาร้าม้าในคอกหรอว้า”



                “อื้อหือออออออออ” ไอ้แต้งกับไอ้บาสพูดพร้อมกัน พวกมันหันมาหาเฮียดุกที่อยู่ตรงกลางพร้อมๆ กันอีกด้วย



                “มึงเก็ตที่เฮียพูดละช้ะ”



                “เปล่าเฮีย เหม็นหัวว่ะ ไปสระผมมั่งนะ”



                ผ่ามพามมม



                มันว่าพร้อมกัน ก่อนจะผละตัวไปเช็คเครื่องดนตรีคนละมุม การหน้าแตกครั้งนี้ของเฮียดุกทำให้ผมและไอ้หมู หยุดทำการแสดงและหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่



                “ว่าแต่ ไอ้เขา มึงนี่ทำคุณชายเสียคาแรกเตอร์จริงๆ นะ”



                เฮียดุกเปิดประเด็นหลังจากที่เราสามคนนั่งล้อมวงเช็ดถูคราบมันจากเหงื่อและผิวหนังที่เครื่องดนตรีประหนึ่งเป็นต้นกล้วยให้หวยประจำวัด 



                “ทำไมวะ” ผมถามด้วยควายสงสัย



                “เอ้า ก็เลิกซ้อมท่านก็ต้องไปหาซื้ออาหารมาบูชาถวายมึงเนี่ย แทนที่มึงจะหาอะไรให้เค้ากิน ร้องเพลงคอแห้งซะขนาดนั้น”



                ผมชะงักกึก เงยหน้าสบตาเพื่อนรักทั้งสอง แล้วคิดตาม “เฮ้ย จริงด้วยว่ะ พี่ตาณร้องเพลงใช้เสียงอยู่คนเดียว งั้นเดี๋ยวกูมานะ”



                ไอ้เขา มึงนี่มันโง่จริงๆ พี่ตาณเหนื่อยขนาดนี้ ยังทำตัวโง่ๆ อีก



                ก๊อกๆ



                ผมทำท่าจะลุกแต่ประตูห้องซ้อมกลับมีเสียงเคาะมาซะก่อน ต้องเป็นพี่ชายตาณแน่เลย มารยามงามขนาดนี้ ไอ้เขารีบลุกขึ้นไปรับด้วยความรู้สึกผิด



                “พี่ตาณ ผมกำลังจะลงไปหาพอ...”



                แต่ทว่า พอเปิดประตูผมจึงได้พับกบ พบกับ!



                “แหม อีเขาพอเห็นกูนี่หุบยิ้มเหมือนต้นไมยราพโดนตีนเลยนะ”



                เสียงแบบนี้ ปากแบบนี้ ใช่ครับ อีแจ็คไม่ผิดตัวแน่ ผมไม่สนใจมันที่ทำท่ายิ้มค้าง ก่อนจะผลักหัวมันให้ห่างออกจากประตู แหมะ ท่าผมอย่างกันนางพญา



                “หลีกไป อีแจ็ค คนไม่สังคัง”



                “กรี๊ด อีเขา สังคังบนหัวมึงสิ อุตส่าห์มาให้กำลังใจนะอีบ้าบออออ เหี้ยดุกช่วยน้องด้วยค่ะ แต้งขาช่วยศรีด้วยค่ะ” ว่าแล้วก็บิน บิน บินถลาเล่นลมบินล่องบินลอยไปหาผู้ชายในห้องซ้อม



                แต่ทว่าต้องชะงักอีกรอบ เพราะเมื่ออีแจ็คบินถลาไปแล้วก็ยังมีอีกคนที่ยืนอยู่หน้าประตู คนนั้นๆ ก็คือ...ไอ้ปั๊ม เดือนปีหนึ่งที่หายไปนาน #คนเขียนก็เช่นกัน



                “อ้าว ไอ้ปั๊มมาทำไรแถวนี้วะเนี่ย อ๋อหรือว่ามาซ้อมเพลงประกวดช้ะ”



                ผมร้องทัก แต่ตาก็ยังชะเง้อมองตรงไปที่บันได พี่ตาณไปนานจังง่า



                “พี่เขา”



                “เออว่าไง” เสียงมันเรียกสติผมอีกครั้ง น่าแปลกที่คราวนี้มันทำเสียงหงอยเหงา ไม่กวนตีนเหมือนที่ผ่านมา และนั่นทำเอาผมงงงวยเป็นปวยเล้ง



                “เป็นไรวะ เข้ามานั่งข้างในก่อน”



                ผมเชื้อเชิญทว่าไอ้ปั๊มที่สะพายกระเป๋ากีตาร์สีน้ำเงินเข้มกลับขืนตัวไม่ยอมเข้าไป แต่ก็ยังชะโงกหัวไปสวัสดีรุ่นพี่ในคณะ แถมยังขอบคุณอีแจ็คที่พามันขึ้นมาด้วย



                “พี่เขาผมมีเรื่องจะคุยด้วยแป๊บนึง” ตอนแรกผมจะพูดปฏิเสธ แต่พอเห็นสายตาและความนิ่งเงียบไอ้เขาเลยได้แต่เกาหัวพร้อมกับหันหลังตามไอ้ปั๊มไป



                “ไอ้หมู-ฝาก-บอก-คุณชาย-ว่า-เดี๋ยว-มา” ผมอ้าปากพะงาบๆ โดยไม่ออกเสียง ก่อนประตูจะปิดลงผมก็ได้ยินเสียงแว่วๆ ดังมาตามลม



                “พวกมึงไอ้เขามันลมเข้าปอดหรอวะ”



                ฮ่วย พึ่งพาไม่ได้ซักคน

 

                ไอ้ปั๊มเดินนำผมมาที่บันไดหนีไฟ พอมันหันหลังกลับมาผมถึงได้รู้ว่าสีหน้ามันเศร้าสร้อย จนผมทำตัวไม่ถูก



                “พี่เขา” จู่ๆ เสียงมันก็สั่นพร่าและตาเริ่มแดง



                “เอ่อ...มึงเปงไรวะ ทำไมดูหน้าเครียดๆ”



                สิ้นประโยคนั้น ไอ้ปั๊มก็แหกปากลั่น หมดสภาพเดือนคณะที่แสนจะหล่อเหลาและกวนตีน น้ำตาหนึ่งหยดของมันไหลลงที่หน้าต่าง เอ้ย แก้ม ส่วนในใจไอ้เขานั้นร้องเหี้ยดังมาก



                “ผมเจ็บพี่ ฮือออ” ว่าแล้วมันก็ทุบอกดังปั๊กๆ



                “เฮ้ยยย มึงเป็นไรไอ้น้อง ใครทำไรมึงบอกพี่มา เดี๋ยวกูไปกระทืบมันให้ เอาให้ไข่แม่งแตกเลยดีมั้ย แม่งมาทำงี้ได้ไง ไอ้สัด อย่าให้เจอนะ หัวนมมันใหญ่มั้ยกูจะไปบีบให้” ไอ้เขาเดือนพล่าน ไอ้ปั๊มมันถือว่าเป็นน้องรักของผมคนนึง ใครมาทำน้องผมเจ็บ ผมทนไม่ได้!



                “พี่ ฮึก อย่าทำเลยพี่” มันสูดขี้มูก แล้วโผเข้ากอดเอวผมไว้แน่น เมื่อเห็นผมทำท่าจะเปิดประตูออกไปจากบันไดหนีไฟ



                “ทำไมวะ ก็มึงเจ็บนะ!”



                “ก็คนที่ทำให้ผมเจ็บคือพี่นั่นแหละ!!!” มันตะโกนพร้อมกับเสียงเอคโค่ที่สะท้อนก้อง



                “หมายความว่าไงวะ” เมื่อผมหันกลับมา ไอ้ปั๊มจึงคลายมือที่รัดเอวผมลง



                “ก็พี่นั่นแหละ หักอกผม ฟืด”



                “เหี้ยยยยยย!”



                “ฟังไม่ผิดหรอกพี่นั่นแหละ! ที่หักอกโผม”



                “ไม่ใช่! ขี้มูกมึงเต็มหน้ากูเลยสลัดผัก”



                “อ้าวหรอพี่ โทษๆ” ไอ้ปั๊มสะดุ้ง มันถอยหลังไปหนึ่งเซนติเมตร ก่อนจะยกหลังมือมาเช็ดขี้มูก



                ส่วนผมยกมือปาดสิ่งสกปรก และร้อง...อี๋อยู่ในใจเป็นหมื่นล้านคำ แล้วก็กลับมาดึงซีนดราม่าต่อ       

     

                “มึงอำกูป้ะเนี่ย ซ่อนกล้องอ่อไอ้น้อง” ไอ้เขาไม่เชื่อครับ...ไอ้ปั๊มที่ทำตัวปีนเกลียวกวนตีนผมทุกครั้งที่เจอหน้าเนี่ยนะ แต่ยิ่งไปกว่านั้นไอ้เขามีผู้ชายมาบอกชอบเนี่ยนะ บร้าบอ



                “ผมพูดจริง ผมชอบพี่...” ไอ้ปั๊มสบตาผม ในแววตาไม่มีความล้อเล่นแต่อย่างใด ไอ้เขาลอบกลืนน้ำลายเหนียวหนึ่งเอื๊อก พวกเราปล่อยให้ความอึดอัดลอยผ่านอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ผมจะเอ่ยขึ้น



                “แล้วมึงมาบอกทำไมตอนนี้วะไข่ย้อย”



                “ดากานดา...ถรุ้ย! พี่แม่งไม่เคยจริงจังอะไรเลยว่ะ กูรู้สึกโชคดีแล้วที่อกหัก”



                “เอ่อ...ตกลง...มึง...จริงจังจริงๆ ช้ะ”



                “เอ้อ! กูไม่ดราม่าแม่งละ วันนี้อะ! ผมจะมาบอกพี่ว่าผมชอบพี่ และผมรู้ว่าพี่ชอบคนอื่นไปแล้ว ผมอกหัก! ผมเสียใจ! ผมอยากให้พี่รู้เอาไว้! เพราะถ้าผมไม่พูดวันนี้ ผมอึดอัด ผมเก็บมานานแล้วพี่ ถ้าผมไม่พูดออกไปวันนี้ เพลงที่ผมร้องในงานประกวดพรุ่งนี้ ผมคงทำใจร้องมันไม่ได้ ดังนั้นวันนี้ผมเลยมาหาพี่! ผมไม่อยากติดค้างอีกแล้ว!”



                “...”



                “ฟู่! โล่งอกละกู ไม่เสียแรงที่ทำใจมานาน อ้าวพี่ทำไมทำหน้ามันควายลืมเคี้ยวเอื้องซะงั้นอะ งงไร”



                “บอกตรงๆ นะ กูมึนกับพรุ่งนี้ วันนี้ของมึงว่ะ”



                ไอ้ปั๊มเท้าเอว พร้อมกับส่ายหน้าด้วยความเอ็นดู เดี๋ยวนะ กูรุ่นพี่มึงตั้งกี่ปี ทำไมมึงถึงเอ็นดูคนที่แก่กว่ามึงวะ



                “เอ้า งงหนัก คุณชายไม่ปวดหัวบ้างหรอวะ” ไอ้ปั๊มดูเหมือนจะปรับตัวได้เร็ว มันยกมือหมายจะวางบนหัวผมแต่ก็ชะงักไป ก่อนจะทำหน้าตาเหมือนฉันไม่ได้เลือกตั้ง...อะไรนะไม่เก็ต ก็...ฉันมันคนไม่มีสิทธิ์ ถ้าคิดรัก....(เซ็นเซอร์)



                “มึงว่าไงนะ”



                “เอออออ ไม่มีไรโว้ย แต่บอกไปแล้วแต่แม่งก็เจ็บอยู่ดีว่ะใจกู”



                “ไอ้ปั๊ม” ผมเรียกรุ่นน้องที่เหม่อมองไปด้านหลัง มึงคุยกับแม่ซื้อหรอวะ พอๆ กูต้องซีเครียดละ ดูเหมือนว่าไอ้ปั๊มมันจะพูดจริงๆ ถึงมันจะทำตัวตลกแต่สายตาที่มันดูหมองลงไปจริงๆ



                “...”



                “ไอ้ปั๊ม...”



                “ว่าไงพี่”



                “ที่มึงบอกว่าชอบกู กูขอบใจจริงๆ นะเว้ย กูก็ชอบมึงนะ มึงเป็นน้องที่น่ารักถึงแม้จะกวนตีน หลอกกูเลี้ยงข้าวโรงอาหาร ยืมตังค์กูสิบยี่สิบ หรือเล่นข้ามรุ่นไปหน่อยก็เถอะ”



                “...กูดีจริงมั้ยเนี่ยชักงง”



                “แต่มึงก็เป็นน้องที่น่ารัก เล่นกีตาร์ก็เก่ง แต่เราสองคนเป็นพี่น้องกัน และมันก็จะเป็นแบบนั้นต่อไปเว้ย กูนับถือใจมึงนะ...ที่บอกกับกู แต่ถึงยังไงคนที่กูตรงๆ ด้วยมีแค่คนเดียว”



                “ผม...เข้าใจ เข้าใจพี่” ไอ้ปั๊มยิ้มอ่อน ผมจึงตบไหล่มันไปสองที แล้วเดินผ่านมันไป และก่อนที่ผมจะเปิดประตูออกไปนั้น...ไอ้เขาก็หันกลับมาอย่างเท่ๆ



                “แต่...กูอยากมึงอย่างนึงเว้ยไอ้น้อง”



                “....”



                “อกหักก็เหมือนรอยสัก...”



                “...?”



                “....เพราะถึงยังรักแต่ก็ลบไม่ออก”

 





                เซี้ยบ!

                พวกเราซ้อมกันเสร็จแล้วครับ กำลังเตรียมตัวกลับบ้าน ส่วนอีแจ็คกลับไปแล้วตอนเราเล่นไปเพลงนึง ไม่รู้รีบหนีอะไรไปไม่หันหลังเลย แถมผมยังรู้สึกว่าหลังจากคุยกับไอ้ปั๊มแล้วมานั่งพิงพี่ตาณกินขนม ดื่มน้ำเสร็จ พลังมันมาแบบเยอะขึ้น แบบว่าพุ่งสูงทะลุเพดาน ผมดีดกีตาร์อย่างเมามันส์จนหัวเปียก แล้วก็ยังรู้สึกว่าเพื่อนในวงจะเล่นกันแบบไม่ผิดไม่เพี้ยน ความฝันของเด็กดุริยางค์ตัวน้อยๆ กำลังจะเป็นจริงแล้ว พวกเราจะได้ไปเล่นเปิดให้กับนักร้องดังๆ แล้วววพ่อจ๋า



                “พี่ไปไหนครับ”



                ไอ้เขารีบร้องทักเมื่อเห็นคุณชายตรงไปที่ประตูห้องซ้อม



                “ห้องน้ำ”



                “โอเชครับ” ผมพยักหน้าหงึกๆ สองทีก่อนจะก้มหน้าเก็บลูกรักเข้ากระเป๋า พอคล้อยหลังพี่ชายตาณไปเท่านั้นแหละ เสียงตั่งต่างก็ดังขึ้น



                “ฟู่...”



                “เชี่ยเหมือนกูจะตายเลยว่ะ หายใจไม่ออก”



                ไอ้เขาที่ฮัมเพลงซ้อมถึงกับหยุดชะงัก “พวกมึงเป็นไรวะ แอร์เย็น ขนลุก ปวดอึ๊หรอ กริ้ว”



                ผลัวะ!



                “กริ้วพ่อง”



                “เอ้าเชี่ยหมู เดินกะหร่องมาตบกู’ไมเนี่ย”



                “ก็มึงนั่นแหละไปทำอะไรไว้ แล้วยังมาทำตลกอีก มึงรู้มั้ยตอนที่คุณชายกลับเข้ามาก่อนมึง หน้านิ่งเหมือนโดนปูนฉาบเส้นเลือด”



                “เออ กูนี่โคตรเกร็งอะไอ้สัส” ไอ้บาสเสริมขึ้น เล่นเอาผมเกาหัวแกรกๆ



                “แบบกูเกือบจะกดคีย์บอร์ดผิดแล้ว พอเห็นสายตาคุณชายเท่านั้นแหละ นิ้วกูกดถูกทันทีเลยอะ” ไอ้แต้งพูดต่อพร้อมกับทำท่าขนลุกขนชัน



                เป็นอิหยังวะ



                “ไอ้เขาเอ๊ย มึงรีบๆ คิดเลยว่ามึงทำอะไรไว้ รีบทำให้บรรยากาศวงเรากลับเป็นเหมือนเดิมด่วนๆ จะเล่นพรุ่งนี้แล้วนะเว้ย”



                “เดี๋ยวพวกมึง กูไม่เห็นพี่ตาณจะเป็นอะไร...เลย” พี่ตาณยังป้อนน้ำส้มให้ผมอยู่เลย แต่ดูเหมือนว่าผมเอาแต่ดูดน้ำส้มไม่ได้สังเกตพี่ตาณซักเท่าไหร่ เอาล่ะสิเหมือนงานจะเข้า



                “ไอ้เขา มึงรีบไปนั่งวิปัสสนาบัดนาวว่ามึงไปทำไรไว้ ใช้สมองอันน้อยนิดของมึงคิดเลยนะ”



                “แต่กูไม่ได้ทำไร...นะเว้ย แล้วพวกมึงอะคิดมากไปเปล่า อีกอย่างพี่ตาณเค้าเป็นคนมีเหตุผลคงไม่โกรธอะไรง่ายๆ หรอก”



                “แน่ใจ” ไอ้เฮียดุกรูดซิบกระเป๋าก่อนจะเงยหน้าสบตาผมนิ่ง



                “อะ...เออ แน่ใจดิวะ” ชิบหัย เสียงสั่นเหมือนไข่



                “ไอ้เขาที่กูบอกให้มีคิดดีๆ อะก็เพราะว่าบางทีเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เรามองข้าม มันอาจจะไม่เล็กน้อยสำหรับใครบางคนนะเว้ย”



                “เชี่ยยยยยยยยยย”



                “เฮียดุกมึงอินไรเนี่ย” ในขณะที่ไอ้เขากำลังประมวลผลคำพวกเฮียดุก ไอ้หมูก็กระโดดกอดคอเฮียดุกพร้อมกับทำหน้าเหลือเชื่อ



                “มึงไม่รู้หรอว่ากูน่ะ อิน....”



                “....มึงจะพูดว่ามึงเป็นอิน สารินที่เป็นดาราป้ะ”



                “เปล่า กูอะ อิน...ทผาลัม”



                “ถุ้ย! อร่อยเลยสาส”



                “ฮ่าๆ ไปๆ เก็บของๆ ดึกแล้วเว้ย ไปพวกมึง”



                ว่าแล้วพวกมันก็ขำครืนๆ กับมุกไม่เต็มบาทเต็มหน่วยของเฮียดุก ปล่อยให้กู...ยืมซึมกะทืออยู่คนเดียว



                พวกมึงวางระเบิดให้กูคิดมากแล้วก็จากไป

 





                ด้วยเหตุนั้น ผม นายภูเขา บรรจงภักดี จึงเดินมึนๆ งงๆ มาขึ้นรถ แต่พอขึ้นรถปุ๊บผีปากมากของผมก็เข้าสิง เพราะปกติแล้วไอ้เขาจะจ้อไม่หยุด โดยเฉพาะตอนขับรถกลับบ้านค่ำมืดๆ กลัวพี่ตาณง่วงครับ มีบางครั้งที่ผมเผลอหลับตื่นมาคือพี่ตาณจะอุ้มเข้าบ้าน คือแบบไอ้เขารู้สึกผิดมาก พี่เหนื่อยแล้วต้องมาเหนื่อยกับผมอีก อุแง้ ดังนั้นผมจึงพับเรื่องที่พวกเพื่อนๆ พูดไปก่อน ไม่รู้ตัวเลยว่าไอ้เรื่องที่ผมจ้อเนี่ยจะเป็นหนึ่งในสาเหตุความหงุดหงิดของพี่ตาณ



                “ไอ้ปั๊มมันร้องไห้โวยวายใหญ่เลย ตอนแรกผมนึกว่าน้องแม่งมีเรื่อง ผมจะเอาเรื่องใหญ่เลย ทำน้องผมร้องไห้ได้ไง แบบจะไปหยิกหัวนมคนที่มาทำน้องของผมเลยอะ เล่นใหญ่รัชดาลัยเลยอะ ไอ้ปั๊มมันรีบเบรกผมแถมน้ำตาไหลเป็นทางเลย มันบอกว่าผมเป็นคนหักอกมันล่ะพี่ตาณ... ตกใจมากแต่แอ๊บขำไปงั้น ใครจะไปคิดว่าไอ้ปั๊มเนี่ยนะจะมาชอบ เฮ้ยผมเป็นผู้ชายนะ....นึกว่าอำผมอะพี่....ตาณ”



                “...”



                “หึ น้องผม ของผม” พี่ตาณพึมพำขณะที่สายตามองตรงไปข้างหน้า เมื่อได้ยินไม่ชัดผมจึงเอียงหน้าไปหาคุณชายชัดๆ



                อะเฮือก! ทำไมหน้าดุงั้นอะ



                “พะ...พี่ตาณ?”



                “พูดต่อสิ”



                ใจแป้วแล้วพ่อ ผมก้มหน้าชิดคางเลยง่า ไม่กล้ามองพี่ตาณ ผม ผม...และแล้วสิ่งที่ไอ้เพื่อนผมพูดๆ ก็กลับมารีรันในสมองอีกครั้ง       

 

          "เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เรามองข้าม มันอาจจะไม่เล็กน้อยสำหรับใครบางคนนะเว้ย"



                “พี่...”



                “...”



                “ผมพูด หรือทำอะไรไม่ดีไปใช่มั้ย” เงยหน้าถามอย่างกล้าๆ กลัวๆ แล้วก็ต้องรีบก้มหน้าอีกครั้งเมื่อประสานสายตาคมกริบที่มองมาพอดี



                “เล่าต่อสิ” พี่ตาณไม่ตอบคำถามทั้งยังย้ำคำสั่งอีกที ไอ้เขากลัวมากได้แต่ลอบกลืนน้ำลายเหนียวลงคอ



                “อึก”



                “...”



                “คือ...”



                “อย่าให้ตกหล่น”



                “คระ...ครับ คือ แล้ว แล้ว.... แล้วไอ้ปั๊ม เอ่อ น้องคนนั้น” ชิบหายพอพูดชื่อไอ้ปั๊มแล้วเสียวสันหลังวาบๆ ผมเรียบเรียงคำพูดใหม่ และแอบตบแก้มเรียกสติตัวเองไปทีนึงแต่ดังเพี้ยะ พี่ตาณไม่ชอบเสียงดังใช่มั้ยถึงขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม



                “น้องคนนั้นก็บอกว่าชะ....ชะ...”



                “อะไร”



                นั่นเสียงก็เข้มยิ่งกว่ากาแฟอะแรบิแก้



                “ชะ...ชอบผมครับ!”



                กึก



                เชี่ย รถกระตุกไปวินึงเลยอะ



                “แต่ๆๆ แต่มันไม่มีอะไรนะครับ ไอ้น้องคนนั้นมันก็รีบพูดพุ่งพรวดเหมือนอืออึ๊เลย เชี่ย กูพูดเรื่องขี้ไรตอนนี้วะ คือพี่ตาณครับ คือน้องมันก็บอกว่าผมอยากผม เอ๊ย อยากบอกผมให้มันโล่งใจเท่านั้นเอง มันรู้ว่าผมคิดกับมันแค่พี่น้อง มันอึดอัดถ้าไม่บอกวันนี้แล้วมันจะรู้สึกไม่ดีวันพรุ่งนี้มันไม่อยากบอก คือมันเป็นมะล็อกก๊อกแก๊กอะครับพี่ตาณ เข้าใจผมมั้ยๆๆแล้วผมก็บอกว่าผมมีคนที่ตรงๆ แล้วด้วย มีคนเดียว ไม่มีคนอื่น!”



                “...”



                นี่พูดจนไม่หายใจ ไม่รู้เป็นอะไร น้ำตาซึมหางตาแล้วนะ



                “พี่ตาณ โกรธผมหรอ”



                ในตอนที่ผมถามคำถาม รถเต่าประจำตัวพี่ตาณก็จอดที่หน้าบ้านผมพอดี ไม่คิดเลยว่าระยะทางไกลจะหดสั้นลงขนาดนี้



                “ถึงบ้านแล้ว ไปพักเถอะ”



                “พี่ตาณโกรธผมหรอ” ขนาดหน้ายังไม่มองเลย ไอ้เขาซึมยิ่งกว่าส้วม ในใจวูบโหวงเป็นรูโบ๋



                “...”



                “...”



                ระหว่างนั้นผมนั่งนิ่ง ไม่กล้าขยับตัว กระทั่งผมได้ยินเสียงพี่ตาณถอนหายใจ



                “นอกจากร้องไห้แล้ว ‘น้อง’ คนนั้นทำอะไรกับนายอีก”



                ไม่ทันได้ตอบอะไรพี่ตาณก็ยื่นมือมาจับมือข้างหนึ่งของผมไว้พร้อมกับถามด้วยเสียงคาดคั้น



                “จับมือ...?”



                “ไม่ครับ”



                “จับหน้า?” ไอ้เขาส่ายหน้าจนคอแทบหลุด เมื่อพี่ตาณเลื่อนมือมาจับแก้มผม ส่วนนิ้วโป้งก็ไล้ปากล่างเบาๆ พร้อมกับเริ่มพูด



                “จู...?”



                “แค่กอดครับ!”



                ไม่ต้องปล่อยให้พี่ตาณคิดนาน ไอ้เขารีบพูดเสียงดังห้ามความคิดพี่ตาณทันที ผมใช้สองมือรวบมือพี่ตาณที่ทำท่าจะผละออก “แค่กอดเท่านั้นเอง...” พอได้ยินเสียงฮึในลำคอด้วยความหงุดหงิดปนเหนื่อย แถมยังทำท่าจะเปิดประตู ไอ้เขาก็รีบกอดพี่ตาณทันที ถึงแม้พุงจะติดเข็มขัดนิรภัยก็ตาม



                “แค่กอดอ่าพี่ตาณณณณ” พี่ตาณเกร็งตัวจนผมใจแป้ว แต่สุดท้ายก็ยอมวางคางไว้ที่หัวผมเบาๆ เห็นดังนั้นผมจึงรีบพูดต่อทันที



                “ผมบอกมันไปแล้วว่าผมมีคนที่ตรงๆ แล้วคนเดียวง่า”



                เพราะประโยคนั้น พี่ตาณจึงเงียบไปเหมือนกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง แต่ไม่นานมือที่แสนอบอุ่นคู่นั้นค่อยๆ กอดตอบผม



                “งอแงซะแล้ว”



                “งือ...” ผมส่ายหน้ากับอกพี่ตาณไม่สนใจว่ามันจะเลอะเทอะหรือไม่ “พี่ตาณอย่าโกรธผมเลย”



                “ไม่ได้โกรธ” ผมชะงักแล้วขืนตัวออกมาเพื่อมองหน้าพี่ตาณ



                “แล้วทำไม...”



                “...แค่หงุดหงิดตัวเอง”



                “แง้” ผมหลับตาซุกตัวเข้าหาพี่ตาณมาขึ้น ผมจะเกาะติดเป็นโคอาล่าจนกว่าพี่ตาณจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม ท่าไม้ตายที่ทำทีไรพี่ตาณก็กลับมายิ้มได้เหมือนเดิม  และผมหวังว่าอย่างนั้น



                พี่ตาณส่ายหน้าพร้อมกับเลื่อนฝ่ามือลูบหัวเบาๆ “ก็เป็นซะแบบนี้”



                “ผม...ผมเป็นแบบไหน ฮือ ก็ผมโง่ ผมโง่มากๆ พี่ตาณต้องบอกผมนะผมขอร้อง เพราะผมโง่พี่ตาณอย่าโกรธผมเลยนะ” ผมโวยวายดิ้นอยู่ในอ้อมแขนของพี่ ถึงจะอยากรู้คำตอบแต่อีกใจนึงก็กลัวว่าพี่ตาณจะเหนื่อยกับผมแล้วจริงๆ ผมน่ะไม่อยากให้เป็นอย่างนั้นเลย



                “....ใครว่านายโง่กัน ฉันกำลังคิด....ถ้าในอนาคตมีคนมาบอกชอบนายอีก กอดนายอีก...”



                “พี่...”     



                “...หรือทำอะไรมากกว่านั้นแล้วจะทำยังไง เราจะแบบนี้ต่อไปจริงๆ น่ะหรอ”



                ผมค่อยๆ ผละตัวออกมาจากพี่ตาณ บอกตรงๆ ว่านั่นเป็นครั้งแรกที่ผมไม่รู้จะพูดอะไรออกไปเลย ผมที่โวยวายเมื่อครู่พูดอะไรไม่ออกแม้แต่นิดเดียว หรือว่าพี่...



                “พี่กำลังจะพูดอะไร”



                “...”



                ผมบอกแล้วว่าผมเป็นคนโง่



                “พี่กำลังจะ...”



                “เราเลิกเป็นคนที่ตรงๆ กันเถอะ”



                “...!”



                สิ้นประโยคนั้นภายในรถเงียบจนน่าอึดอัด ในใจของผมรู้สึกเจ็บ มือที่จับเสื้อพี่ตาณคลายลงและเราสบตากัน แววตาของพี่ตาณนั้นคล้ายตัดสินใจอะไรบางอย่าง ในขณะที่ผมเริ่มมองอะไรไม่ชัด



                “เราเลิกเป็นคนที่ตรงๆ กันแล้วมาเป็นแฟนกัน...ได้มั้ย?”



                “....!?”



                ภายในรถเงียบสนิทอีกครั้ง สมองผมพยายามประมวลผลแล้วผมก็....



                อุแงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง้



                ถลาตัวเข้าไปหาพี่ตาณเหมือนกระรอกบิน พี่ตาณขมวดคิ้วแต่ก็อ้าแขนรับ



                “ร้องไห้ทำไม ไม่อยากเป็นแฟนฉันหรอ เอ้า ร้องหนักกว่าเดิม”



                “ผมไม่อยากเลิกเป็นคนที่ตรงๆ กับพี่นี่!” รู้ไหมว่ามันพิเศษกับผมขนาดไหน ไม่ชอบคำว่าเลิกเลย



                “เปลี่ยนสถานะไง” เสียงทุ้มนุ่มพูดข้างหู



                “ไม่เอา ฮึก”



                “ตัวมอมแมมเอ๊ย” พี่ตาณหัวเราะเบาๆ กอดผมแน่นขึ้นไปอีก “แล้วจะเอายังไง”



                “อึก...ผมตรงๆ พี่ เราตรงๆ กันตลอดไป แล้วผมก็จะเป็น...นั่นด้วย!”



                “เป็นอะไร...หึหึ เข้าใจแล้วๆ”



                “...อึก ต่อไปนี้คำว่าเลิกเป็นคำต้องห้าม”



                “หืม?”



                “พี่ห้ามพูดว่าเลิกอีก!”



                ผมพูดเสียงดัง แต่ทว่า จู่ๆ ก็มีเสียงบางอย่างดังกว่า แถมยังดังทะลุเข้ามาในรถอีกด้วย



                “แล้วเมื่อไหร่มึงจะเลิกกอดกันซักที กูเหลาไม้เรียวยืนรอมึงแรดนานแล้วนะไอ้เขา!!”



                “พ่อจ๋า!!!!!!!!!!!!!!!!!”







===========
หึงเค้าแล้วก็ทำดราม่าเนียนซะเล้ยพ่อ
ปล.วงวารชีวิตจะได้แสดงรึยัง ซ้อมมาตั้งแต่ปี2017แล้วนะ
ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตอนนี้นะคะ
มันอาจจะไม่ดีมากพอแต่เอาไว้อ่านเล่นๆ คลายเครียดนะทุกคนน

ออฟไลน์ kungverrycool

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 292
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ยังรอตอนต่อๆไปอยู่นร๊าาาา
 :m20:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด