ตอนที่ 1
เวลคัมแบ็คทูเอ็มเอสเอ็น
“ไม่มีใครเคยบอกว่ารักแล้วจะไม่เสียใจ”
รักที่เธอเคยมี - A little bliss
‘A little bliss แม่งเท่สัดๆ หนึ่งวันล้านวิว’
‘พี่แต่งได้ไง โคตรโดน’
‘ตอนเศร้าฟังเพลงนี้ยิ่งหนักเข้าไปอีก’
‘รักพี่ชยิน แต่งเพลงเจ็บๆ มาอีกนะพี่’
‘เจ็บจนไม่รู้ว่าจะผ่านมันไปได้ยังไง’
‘ชีวิตพี่ชยินแกผ่านอะไรมาวะ ถึงแต่เพลงได้เจ็บขนาดนี้’ ผ่านเหี้ยอะไร
กูแค่นอนอยู่ห้องเฉยๆ จำได้แม่นว่าตอนแต่งเพลงนี้เงินกำลังหมดพอดี ถ้าไม่แต่งก็คงไม่มีแดก นี่คนฟังแม่งจะรู้บ้างมั้ยเนี่ยว่านักแต่งเพลงอย่างผมไม่ได้สัมผัสความรักกับเขามานานเท่าไหร่แล้ว
ทำได้ก็แค่หัวเราะขื่นๆ แล้วปลอบใจตัวเองทุกวันว่าอยู่คนเดียวก็ไม่เห็นตาย ความรักไม่ได้ทำให้คนคนหนึ่งอยู่รอดหรอก เงินต่างหากที่สำคัญ
ผมหยิบมือถือจอแตกที่ไม่ได้เปลี่ยนมาหลายเดือนขึ้นมา กดไปที่แอพลิเคชั่นอีเมลที่มักเปิดเข้าไปดูประจำทุกสองชั่วโมงแม้จะมีแจ้งเตือนอัตโนมัติอยู่แล้ว สัดเอ๊ย! ทำไมช่วงนี้ไม่มีงานจ้างให้แต่งเพลงเลยวะ
ผมเหลือบมองไปในครัว บนเคาน์เตอร์มีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปอีกสองแพ็ค ถ้าช่วงนี้แดกทุกวันก็น่าจะพอประทังชีวิตไปได้ แต่ทางที่ดีผมก็ควรมีงานเข้ามาบ้าง...
‘ผมชื่อชยิน เป็นนักแต่งเพลงฟรีแลนซ์ รับจ้างแต่งเพลงทั่วราชอาณาจักร’ นี่คือข้อมูลโดยคร่าวที่เขียนเอาไว้ในไบโอแฟนเพจสำหรับติดต่องาน และก็ยังมีข้อมูลอีกบางส่วนที่เพิ่มเข้ามาตามกาลเวลา
‘ผลงานที่ผ่านมาคือเพลง สุขใจของวง Pomelo ที่ตอนนี้มียอดคนดูเกินสิบล้านวิวไปเมื่อสัปดาห์ก่อน เพลง Friday knight ของวง Metropolis ที่ขึ้นไปติดชาร์ตอันดับหนึ่งในแคทเรดิโอประจำสัปดาห์ และอีกหลายๆ เพลงที่คนฟังคงคุ้นหูกันดี’ เพราะมันดังไปทั่วประเทศ แถมใครๆ ต่างก็ตั้งฉายาให้ว่าเป็นนักแต่งเพลงอัจฉริยะ หลังเรียนจบมาสองปีผมก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในวงการนี้ จนกระทั่ง...
อายุ 25 ปีชง!
ไอ้สัด ชงเข้มไปมั้ย งานถึงไม่เข้ามาสองเดือนแล้วเนี่ย
ค่าคอนโดใจกลางเมืองก็ต้องผ่อน ค่าโทรศัพท์รายเดือน ค่ากิน ไหนจะมีค่าซื้อแผ่นเพลงแบบถูกลิขสิทธิ์ที่ต้องซัพพอร์ทอีก ดีที่ไม่มีรถยนต์เพราะอาศัยใช้รถไฟฟ้าในการเดินทาง ไม่อย่างนั้นคงได้กัดก้อนเกลือกินแทนมาม่าแน่ๆ
ผมไม่เคยคิดว่าปีชงบ้าบอนี่จะมีอิทธิพลกับชีวิตของตัวเองมากนัก จนกระทั่งเพื่อนมหา’ลัยคนหนึ่งทักท้วงขึ้น เราเจอกันที่สยามเมื่อสามเดือนก่อน มันเป็นหนุ่มออฟฟิศเต็มตัว วันๆ ทำหน้าที่เป็นเบ๊ชาวบ้านเขาเลยโทษโชคชะตาไปทั่ว ไม่พอมันยังหันมาบอกอีกว่า ไม่นานผมก็คงโดนความซวยเข้าครอบงำชีวิตเหมือนกับมัน
นั่นเป็นเพื่อนคนล่าสุดที่ผมเจอ ตอนนี้แม่งอยากกลับไปเจอมันอีกรอบแล้วขอร้องสุดกำลัง ช่วยถอนคำพูดมึงด้วยเพราะตอนนี้ชีวิตกูเหี้ยอย่างที่มึงบอกไว้จริงๆ
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูห้องทำลายความฟุ้งซ่านที่อยู่ในหัวของผม นึกสงสัยแกมแปลกใจเหมือนกันที่เวลาสี่ทุ่มกว่าแล้วยังมีใครหน้าไหนแวะเวียนมาที่ห้องอยู่อีก
เสียงเคาะประตูระรอกที่สองดังทิ้งช่วงไม่ห่างนัก ผมเลยจำต้องพาสังขารตัวเองเดินไปเปิดประตู สิ่งแรกที่คิดในหัวว่าจะทำเลยก็คือการด่ากราดไอ้บ้านี่ให้หายหงุดหงิด แต่ทันทีที่ได้เผชิญหน้ากับคนด้านนอก ความรู้สึกไม่พอใจก็พลันสลายเปลี่ยนเป็นตกใจแทน
“ไอ้เหี้ย!”
“กูควรตัดเพื่อนกับมึงดีมั้ยเนี่ย”
“ไหนมึงบอกจะมาพรุ่งนี้”
“มึงจำเวลาไทยกับเมกาสลับกันป่ะเนี่ย”
“เออว่ะ” เพื่อนผิวขาวถือวิสาสะเดินดุ่มๆ เข้ามาในห้อง ในมือลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ตามมาอย่างทุลักทุเล พอหาโซฟานั่งได้ที่แล้วก็ทิ้งตัวลงอย่างหมดสภาพ
ไอ้นี่ชื่อเบิร์ดครับ เป็นเพื่อนสนิทสมัยมัธยมฯ แต่หลังจากเรียนจบก็ได้เจอกันแค่ปีละครั้งหรือบางทีก็สองปีครั้งเพราะมันตัดสินใจไปเรียนต่อมหา’ลัยในอเมริกา ตอนนี้คิดว่าคงเรียนจบและมีงานการดีๆ ทำเรียบร้อยแล้ว
“โทษทีเว้ย” ผมคงไม่สามารถแก้ตัวได้ ไอ้เบิร์ดมันบอกผมล่วงหน้านานแล้วว่าจะกลับกรุงเทพฯ แต่ผมก็ดันลืมเรื่องวันเวลาซะสนิท
“งานยุ่งนักเหรอมึง”
“เออยุ่ง แต่ไม่ใช่เรื่องงานนะ เรื่องนอน” คือกูว่างมากเว้ย ว่างจนไม่รู้จะทำอะไรนอกจากนอน
“ก่อนจะมาเจอมึงกูไปเจอเพื่อนร่วมห้องเรามา แม่งบอกตอนนี้มึงเป็นนักแต่งเพลงที่โคตรจะดัง ทำไมถึงว่างงานได้วะ” บางทีคนภายนอกก็รู้แค่ความดัง แต่ไม่รู้ว่าข้างในเป็นยังไง
“ไม่รู้ดิ ทั้งที่แต่งเพลงให้ศิลปินมาตั้งเยอะ ที่สำคัญก็เสือกดังทุกเพลงแต่ทำไมช่วงนี้ถึงไม่มีใครป้อนงานเลย หรือเพราะมันเป็นปีชงของกูกันแน่วะ”
“ชงเหี้ยไร โตจนหมาเลียตูดไม่ถึงอยู่ละมึงยังเชื่อเรื่องพวกนี้อีกเหรอ”
“เบื่ออเมริกันชนอย่างมึงว่ะ”
“เบื่อพวกงมงายเหมือนมึงด้วย”
“เสือก”
“นี่พูดเหรอ กูนึกว่าเห่า” กูเกลียดมึง...
ตั้งแต่สมัยเรียน กลุ่มผมจะมีกันอยู่ห้าคน หนึ่งในซูปเปอร์เนิร์ดของกลุ่มก็คือไอ้เบิร์ดเนี่ยแหละ มันเรียนเก่งมาก ฟิสิกส์ คณิตศาสตร์ และคอมพิวเตอร์นี่วิชาถนัดมันเลย แถมยังเป็นเซียนเกมส์ตัวยงตั้งแต่เด็กๆ ด้วย เพื่อนในห้องเลยช่วยกันตั้งฉายาให้มันใหม่ว่า...เมพเบิร์ด เพื่อเป็นการยกย่องความฉลาดเทียบเท่าไอสไตน์ของมัน
“หน้าตามึงก็ดีนะชยิน ทำไมไม่ไปเป็นนักร้องวะ” เอ่ยถามมาไม่พอ มันยังกวาดตาของมันมองผมตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วย
“ไม่ใช่งานถนัดกู เป็นนักดนตรีกับแต่งเพลงแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว”
“แฟนคลับมึงโคตรจะเยอะ กูว่าลองเปลี่ยนทางอาจจะรุ่งแบบฉุดไม่อยู่ก็ได้นะ”
“ไปเอาคำว่าแฟนคลับมาจากไหน คนฟังเพลงเขาก็ชมไปงั้นแหละ ถามจริงมีใครบ้างที่เคยเห็นหน้าตากู”
“มึงไม่ออกสื่อเลยเหรอวะ”
“กูทำงานเบื้องหลังทำไมต้องออกไปเจอสื่อห่าไรด้วย ว่าแต่มึงเหอะชีวิตเป็นไงบ้าง” ผมรีบเปลี่ยนเรื่องทันควัน เพื่อเมพเบิร์ดจะได้ไม่หาประเด็นถามจี้ผมอีก ใจจริงคือกลัวครับ...กลัวถามไปถามมาจะแทงใจดำตัวเองเข้า
“ก็โอเค ทำงานบริษัทไอทีในแอลเอ เงินเดือนก็พอใช้ได้ คุณภาพชีวิตก็ถือว่าดีโคตรๆ”
“เห็นว่ามึงมีแฟนแล้ว”
“อืม เป็นคนเวียดนาม”
“ไหนบอกชอบแบบผมบลอนด์ ตาสีฟ้า”
“ชอบ แต่เขาไม่เอาจบมะ”
“เคๆ”
ผมพยักหน้าเข้าใจ แล้วเดินไปที่ตู้เย็นเพื่อหาน้ำดื่มหรือของกินเล่นมาให้คนที่เพิ่งมาถึง ส่วนไอ้เมพเบิร์ดก็จัดการรื้อค้นกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ของมันอย่างขะมักเขม้น เดาว่าคงหอบของฝากมาให้เพื่อนอีกหลายคนเพราะไม่ได้กลับไทยนานนับปี
อีกอย่าง เจ้าตัวก็กะตั้งหลักปักฐานอยู่ต่างแดนด้วย คงคิดว่าอีกนานกว่าจะกลับมาเจอกันอีก
“อ่ะของฝาก” ผมวางแก้วน้ำองุ่นแดงไว้ตรงโต๊ะชุดโซฟา ก่อนเพื่อนรักจะยื่นถุงกระดาษสีขาวขุ่นมาให้ พอเปิดออกมาก็พบว่ามันคือกระเป๋าสตางค์ยี่ห้อ Coach สีดำใบหนึ่ง
“ขอบใจเว้ย น่าจะแพงอยู่นะเนี่ย”
“ได้มาจากเอาท์เลต เห็นถูกดีเลยซื้อกลับมาฝาก”
“บางทีมึงไม่ต้องบอกกูทั้งหมดก็ได้ไอ้เหี้ย”
“เออว่าจะถาม มึงยังไม่แต่งเมียอีกเหรอวะ” นั่นไง เรื่องจี้ใจดำที่พยายามหลีกเลี่ยงมาตลอด
“เสือก”
“นี่กูซีเรียสนะเนี่ย”
“ยังไม่มี”
“ยี่สิบห้าแล้วนะเว้ยชยิน ไม่คิดอยากแต่งงานกับเขาบ้างเหรอวะ”
“อยู่แต่ห้องอย่างกูคงได้เจอผู้หญิงดีๆ สักคนหรอก” พูดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ปัญหานี้ไม่ได้เพิ่งเกิดครับ แต่มันเป็นมาสามปีแล้วหลังเรียนจบมหา’ลัย
ช่วงเรียนผมก็เคยมีแฟน รักแล้วเลิกกันเหมือนอีกหลายๆ คู่ มันดีที่ตลอดระยะเวลาสี่ปีที่เรียนอยู่เราได้เจอคนแปลกหน้ามากมาย แต่หลังเรียนจบโลกทั้งใบของผมก็เหลือเพียงห้องเล็กๆ ในคอนโดที่ผ่อนไม่หมด
อาชีพนักแต่งเพลงมันต้องไปเจอคนเยอะๆ ด้วยเหรอวะ เวลาทำงานก็ดีลกันผ่านเมล หัวตันคิดไม่ออกหน่อยก็ไปนั่งร้านกาแฟร้านเดิม มีแวะร้านเหล้าบ้างประปราย เพื่อนก็ไม่ค่อยได้เจอ งานส่วนใหญ่แปดสิบเปอร์เซ็นต์บอกเลยว่าอยู่ที่ห้อง อย่างนี้จะให้หาเมียจากที่ไหนไม่ทราบ!
แม่บ้านคอนโดกูเหรอ
“มึงไม่เหงาบ้างเหรอ” โอ้โห เหมือนมีดที่มองไม่เห็นแทงใจผมอีกหลายแผล
“มีใครบ้างอยู่คนเดียวแล้วไม่เหงา”
“แล้วแต่งเพลงรักได้ไงวะ ทั้งที่มึงไม่มีความรัก”
“กูเก่งไง”
“แต่ไม่มีงาน”
“ปีชงกูสัด”
“เอางี้ ที่กูมาแวะหามึงเนี่ยไม่ได้มีแค่ของฝากเป็นกระเป๋าโคชอย่างเดียวหรอก กูมีนี่ด้วย” เมพเบิร์ดยื่นกล่องใส่แผ่นซีดีกล่องหนึ่งมาให้ ซึ่งผมก็รับมาดูแบบงงๆ
“หนังโป๊เหรอ กูดูประจำละช่วยแก้เหงาได้นิดหน่อย”
“ไอ้สัดไม่ใช่ นี่เป็นโปรแกรมทดลอง ใช้ได้แค่เดือนเดียว มันจะดึงคอนแท็กเก่าสมัยที่มึงเคยเล่น MSN ขึ้นมาเพื่อที่มึงจะได้กลับไปออนเอ็มได้อีกครั้ง”
“เอ็มเอสเอ็น แก่ไปมั้ยวะ”
“ยิ่งเก่ายิ่งคลาสสิกเว้ย”
เท่าที่ติดตามข่าวสารมา MSN หรือชื่อเต็มคือ Microsoft network มีขึ้นในปี 1999 และก็ปิดตัวลงในปี 2013 เพราะมีโปรแกรมแชตมากมายที่คนใช้เยอะๆ อย่างเฟซบุ๊กหรือไลน์เกิดขึ้น
แต่ตอนนี้ซูปเปอร์เนิร์ดของกลุ่มอย่างไอ้เบิร์ดกำลังเอาโปรแกรมที่ยกเลิกใช้ไปแล้วกลับมาทำใหม่เนี่ยนะ!
“ทำมาทำไมวะเสียเวลาว่ะ โหลดจากเน็ตมาก็ได้ มีเกลื่อนเลย”
“นั่นมันเซิร์ฟเวอร์เถื่อนเว้ย”
“ของมึงก็เถื่อนป่ะวะ”
“มึงอย่า นี่เป็นการศึกษางานของกู”
“ครับๆ”
“ขืนโหลดแบบนั้นมาคอมมึงเจ๊งแน่ สปายแวร์เยอะฉิบหาย”
“ของมึงไม่มีเหรอ”
“แน่นอนดิวะ แต่ทำมาให้ใช้แค่เดือนเดียว หมดอายุก็หยุดเล่น”
“แล้วมันจะไม่เป็นการแฮ็กความเป็นส่วนตัวของ Microsoft เหรอวะ”
“จุ๊ๆ ไม่เอาอย่าพูด”
อเมริกันชนจริงๆ
“สรุปของมึงแม่งก็โปรแกรมเถื่อนเหอะ”
“ลองสร้างเป็นต้นแบบเฉยๆ เดี๋ยวกูติดต่อซัคเคอร์เบิร์กเอง”
“นั่นมันเฟซบุ๊ก เกี่ยวไรกับเอ็มเอสเอ็น”
“ฉลาดจัง”
“แดกข้าว ไม่ได้แดกขี้นี่หว่า” ผมพูดประชดประชัน ซึ่งไอ้เพื่อนตัวดีก็ไม่ได้มีท่าทีอะไรนอกจากยักไหล่ใส่ จ้า มึงมันคนฉลาดล้ำโลก เหนือปฐพีไม่มีใครสู้มึงได้ ถุย “แล้วใช้ไง”
“ก็ลงโปรแกรมติดตั้งในแผ่นก่อน จากนั้นก็ออนไลน์เหมือน MSN ธรรมดาเลย จุดเด่นที่กูสร้างขึ้นคือมันจะดึงอีเมลและข้อความที่มึงเคยคุยกับคนในอดีตขึ้นมา แล้วมึงก็จะกลับไปคุยกับเค้าได้อีกครั้ง”
“อาฮะ”
“แต่มีข้อจำกัดอยู่อย่าง คนที่จะเล่นกับมึงได้ต้องใช้โปรแกรมนี้เท่านั้น”
“แล้วมึงแม่งแจกใครไปบ้างวะ ถึงพันคนป่ะ”
“ก็อปปี้แผ่นมาแค่ห้าสิบ แจกเพื่อนสมัยมัธยมเราเนี่ยแหละ แต่โปรแกรมนี้บอกเลยว่าห้ามเผยแพร่ มึงก็รู้ถ้าหลุดไปกูซวย”
“โอ้โหเยอะจังเลย”
“เอาน่า ชีวิตที่ผ่านมาสมัยเล่นเอ็มก็มีแค่เพื่อนมัธยมเท่านั้นป่ะวะ คิดไรมาก” เมพเบิร์ดตบบ่าปลอบใจ
ผมพลิกแผ่นซีดีสะท้อนแสงในมือไปมา ตอนแรกก็คิดอยู่ว่าจะทิ้งไว้ตรงไหนให้เพื่อนไม่รู้สึกเสียใจหลังจากกลับมาที่ไทยอีกดี แต่อีกใจหนึ่งก็เริ่มอยากลองเล่นอยู่เหมือนกัน
ในเมื่อมันข้ามน้ำข้ามทะเลมาอยู่ในมือผมได้ แถมชีวิตของนักแต่งเพลงไส้แห้งก็กำลังว่างได้ที่ เห็นทีคืนนี้ผมอาจจะลองทำอะไรที่ไร้สาระนอกจากการนอนหายใจทิ้งไปวันๆ ดูบ้าง
“เออๆ เดี๋ยวลองเล่นดู”
“ได้ผลยังไงบอกกูด้วย เพราะกูต้องเอาข้อเสียไปปรับปรุงโปรแกรมอยู่”
“มึงยังจะปรับปรุงอีกเหรอวะ นี่แม่งเรื่องแฮ็กข้อมูลเลยนะเว้ย ถ้าเขารู้มึงโดนฟ้องอ่วมแน่”
“กูไม่ได้จะปรับปรุงเพื่อใช้กับเอ็ม แต่เอาไปต่อยอดทำโปรแกรมของตัวเองต่างหาก กูถึงย้ำมึงไงว่าอย่าให้แผ่นหลุดไปที่อื่น”
“ไอ้หัวหมอ”
“ผมไม่ใช่หมอครับ ผมเป็นไอทีแมน”
“ฆวย”
“ตอนนี้สี่นิ้วครึ่ง ทำยังไงให้ขนาดเพิ่มวะ”
“เฮ้ออออออออออออ”
ความคิดถึงที่มีต่อซูปเปอร์เนิร์ดพูดยังไงก็ไม่มีทางจบ แต่งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา หลังจากคุยได้กันสักพักมันก็ขอตัวกลับไปพักผ่อนที่บ้าน ทิ้งไว้เพียงกระเป๋าโคชเอาท์เลตกับโปรแกรมเถื่อนของมันไว้ดูต่างหน้า
ด้วยความที่มีเวลาว่างจนไม่รู้จะทำอะไร ผมจึงเดินไปที่คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ สอดแผ่นซีดีเพื่อติดตั้งโปรแกรมเข้าไปแล้วก็รอ จนกระทั่งเสียงแห่งความคุ้นเคยได้กลับมาอีกครั้ง...
ติ๊ง~
Welcome back to Windows live messenger. สวัสดีเอ็มเอสเอ็น สวัสดีอดีตที่เคยผ่านมา
ตะลึงสุดก็รูปโพรไลฟ์ที่เคยตั้งเนี่ยแหละ สมัยมัธยมฯ กางเกงดำ ไว้ผมสกินเฮดที่คิดว่าเท่ที่สุดในตอนนั้น เหอะ! ถ้าย้อนกลับไปได้กูขอเปลี่ยนทรงผมเป็นอันดับแรก
คนที่ผมเคยคุยด้วยมีค่อนข้างเยอะ แต่ทุกชื่อนั้นอยู่ในสถานะออฟไลน์ทั้งหมด ด้วยความที่ไม่รู้จะแชตกับใครเลยกดเข้าไปอ่านข้อความเก่าๆ เพื่อย้อนกลับไปในช่วงมัธยมฯ แสนหวานอีกครั้ง
ตอนที่ได้คุยกับเพื่อนสนิท
ตอนที่กำลังจีบสาวหลังจากการแอดอีเมลเข้าไปคุยได้ไม่นาน
ตอนที่ส่งไฟล์สำหรับงานเผาซึ่งต้องส่งอาจารย์ในวันรุ่งขึ้น
หรือแม้กระทั่ง...ตอนที่ถูกใครสักคนหนึ่งในความทรงจำ...บอกเลิก
Chayin says… กลับมาได้ไหม กลับมารักกัน กลับมาหาฉันคนที่รักเธอหมดใจ~
♥ MOMAY ♥ says… ขอโทษ
Chayin says… เราแค่อยากรู้ว่าเราผิดอะไร
♥ MOMAY ♥ says… ชยินไม่ผิดหรอก เราผิดเอง
Chayin says… เพราะมันเหรอ
♥ MOMAY ♥ says… ไม่เกี่ยวหรอก
Chayin says… ไอ้เดือนดาวองก์นั่นใช่มั้ย
ผมขมวดคิ้วมุ่น เดือนดาวองก์?
นานสัด
นี่ผมห่างจากการประกวดพวกนี้หรือบรรยากาศสมัยกวดวิชามานานเท่าไหร่แล้วเนี่ย ที่สำคัญคือจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเคยจะเป็นจะตายตอนถูกผู้หญิงทิ้งถึงขนาดพิมพ์เนื้อเพลงแชตไปหาเธอ
♥ MOMAY ♥ says… เรารักชยิน แต่คงไม่เหมือนเดิมแล้ว เรา...เลิกกันเถอะนะ
Chayin says… (ಥ﹏ಥ)
ดราม่าเหี้ยๆ
ถึงวันนี้ โมเมคนที่เคยเป็นแฟนของผมจะเป็นยังไงบ้างวะ เราไม่ได้ติดต่อกันเลยหลังเรียนจบ แต่ก็นั่นแหละ เวลามันผ่านมานานกว่าเจ็ดปีแล้ว หลายๆ อย่างก็คงเปลี่ยนไปตามกาลเวลา
แต่นี่ไม่ใช่ช่วงหาคำคมปรัชญาเพื่อคุยกับตัวเองนะเว้ย เอาล่ะ ของเมพเบิร์ดล่ะเป็นไง เมื่อก่อนกูคุยอะไรกับมึงบ้างวะ
Chayin says… เมพ กูขอลอกการบ้านหน่อย ส่งมาให้ที
™SUPERBIRD Say… เออแป๊บ
Chayin says… มึงมีเบอร์แนนห้องสิบสองมั้ย
™SUPERBIRD Say… เอาไปทำไม
Chayin says… ชอบ อยากจีบ
™SUPERBIRD Say… เพิ่งเลิกกับแฟน เอาอีกแล้วเหรอมึง
Chayin says… อยากตัดใจว่ะ
อ่านต่อด้านล่างค่ะ