ตอนที่ 2
คนเหงาเราเข้าใจ
เบิร์ด เบิร์ดไม่เข้าใจเพื่อนว่ะ
บางทีช่วงเวลาของคนโสดมันอาจมาพร้อมกับความฟุ้งซ่านในหัว หลังจากไอ้หมายเลขตายยาวเหยียดนั่นออฟไลน์ไป ผมก็ได้แต่เดินไปเดินมาและใช้เวลาครุ่นคิดแต่เรื่องของมันเพียงอย่างเดียว ทั้งที่แม่งไม่ใช่เรื่องสำคัญเล้ยกับไอ้คำตอบที่ว่ามึงเป็นใครเนี่ย
เสียพลังงาน เสียเวลาชีวิตฉิบหาย คิดได้เท่านั้นก็เดินเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าแปรงฟันอีกรอบ กลับมาตบครีมกันหน้ากร้านที่ซื้อเอาไว้ตอนไปเที่ยวต่างประเทศตามสเต็ป จากนั้นก็ปิดไฟ กระโดดขึ้นเตียง ตลบผ้าห่มคลุมหัว
ตีสามแล้วนี่หว่า เวลาเดินเร็วมาก
แต่เวลาแบบนี้แม่งโคตรเงียบ...เงียบจนได้ยินเสียงเข็มนาฬิกาเดินเป็นจังหวะ ติ๊ก...ต่อก...ติ๊ก...ต่อก
0832/676 มึงเป็นใครกันแน่วะ
“เชี่ยยยยยยย” เอาอีกละ คิดถึงมันอีกแล้ว
ผมเอื้อมมือไปบนหัวเตียง หยิบเอาโทรศัพท์จอแตกเครื่องเดิมขึ้นมาเลื่อนเล่นๆ จนกว่าจะง่วง ปกติเวลานี้จะนอนกูก็นอนได้นะ บางคืนหัวไม่ทันถึงหมอนชิงหลับไปเลยก็มี
เวลาตีสามมันเป็นช่วงเวลาของอะไรบ้างวะ ช่วงเวลาของผีที่ออกมาปรากฏตัวให้เห็น เป็นเวลาที่เหมาะสำหรับการมีเซ็กซ์ ตีสามบางคนอาจตีป้อมอยู่ หรือบางคนก็เพิ่งออกจากผับในสภาพเมาแอ๋ แล้วกูล่ะ
เหงา...ความเหงาฟีเวอร์
เหงาจนหิวลาบหมู
ในตู้เย็นมีอะไรให้แดกบ้างวะ โอยยยยยยยย ทำไมกูไม่นอนเอาแต่ฟุ้งซ่านบ้าบออะไรวะเนี่ย ไม่ได้! ต้องข่มตาหลับ จัดการโยนมือถือไว้ข้างตัวแล้วตะบี้ตะบันหลับตาปี๋ราวกับเด็กกลัวความมืด
สิบนาทีผ่านไป ความเงียบปกคลุมไปทั่วพื้นที่ มีเพียงเข็มนาฬิกาที่ทำหน้าที่ของมันได้อย่างสมบูรณ์แบบ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมมีอาการแบบนี้ แต่มันยาวนานนับปีตั้งแต่เรียนจบและเริ่มใช้ชีวิตลำพังในคอนโดติดผ่อน ดังนั้นผมกับความเหงาเลยเป็นคู่หูดูโอ้ที่เข้ากันดียิ่งกว่าเจ้ากรรมนายเวร
เคยมีคนบอกว่า...สักวันเราจะเจอคนที่ชอบที่เราเป็นเรา ยอมรับที่เราเป็นตัวของตัวเอง สักวันคนที่มีอะไรเหมือนกันจะโคจรมาพบกัน ผมเชื่ออย่างนั้นมาตลอดแม้ไม่รู้ว่าคนที่ ‘เคย’ บอกนั้นจะเป็นใครก็ตาม
แต่นี่ยี่สิบห้าแล้วไง อนาคตเมียกูอยู่ไหน ตอบ!
ยิ่งคิดก็ยิ่งฟุ้งซ่าน พอไม่นึกถึงไอ้แอคเคาต์นิรนามนั่นได้พักหนึ่ง สมองผมก็วกกลับมาที่เรื่องของความรัก อนาคต และชีวิตเปื่อยๆ ที่โคตรไม่มีสีสันของตัวเองอีกจนได้ ไม่หลับสักทีนะสัด นับแกะต่อดีกว่าเผื่อจะช่วยได้
“แกะตัวที่หนึ่ง...แกะตัวที่สอง...” ผมเริ่มพึมพำกับตัวเองท่ามกลางความมืด สายตาก็ค่อยๆ ปรือลงตามจิตใจที่กำลังควบคุมอยู่
“แกะตัวที่เจ็ด...แกะตัวที่แปด...แกะตัวที่สาม สอง ทับ หก เจ็ด หก”
อร๊ากกกกกกกก!
“ออกไปจากหัวกู ออกไปจากหัวกูเดี๋ยวนี้!!”
ถึงกับตีอกชกหัวตัวเองด้วยความโมโห คราวนี้เรื่องใหญ่ละ ตัดสินใจเปิดไฟ หยิบกีตาร์ลูกรักขึ้นมาบรรเลงเพลงอย่างเต็มที่ คืนนี้ถ้าห้องข้างๆ มันไม่มาเคาะและขู่จะกระทืบเหมือนที่ผ่านมากูก็จะไม่หยุดเล่น
“งามแสงเดือนมาเยือนส่องหล้า งามใบหน้าเมื่ออยู่วงรำ~”
และไม่นานผมก็ได้ยินเสียงห้องข้างๆ โวยวายด้วยประโยคเดิมๆ จนชินหูเหมือนอย่างเคย
“ตะเอง ผีนางรำมันอาละวาดอีกแล้วอ่า ฮือออออ”
หึ! ในเมื่อกูนอนไม่หลับ สองผัวเมียนั่นก็อย่างหวังจะได้ข่มตาหลับเลย กูชื่อชยิน เลือดเย็นกว่าที่มึงคิดเอาไว้จนไม่อยากจินตนาการเลยล่ะ
ภารกิจคนเหงาในวันนี้ ตื่นแต่เช้า อาบน้ำ ล้างหน้าแปรงฟันตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ขึ้น จากนั้นก็เดินมาหยิบแม็คบุ๊กเครื่องโปรดที่ถูกวางทิ้งไว้ตรงปลายเตียงขึ้นมากดเล่น ไอ้เครื่องนี้ไม่มีโปรแกรมจำลอง MSN ใดๆ ทั้งนั้น เพราะผมต้องการใช้มันสำหรับทำงาน และตอนนี้มันก็มีหน้าที่ใช้สำหรับเช็กเมลเหมือนทุกๆ วันเท่านั้น
เมื่อเห็นว่ายังไม่มีงานเข้ามา ก็ถึงเวลาปิดหน้าจอลง กระโดดขึ้นเตียงโหยงแล้วหลับตาเหมือนอย่างเคย
กูตื่นขึ้นมาทำไมแต่เช้าวะถามจริง เมื่อคืนกว่าจะหลับได้ก็ล่อเพลงรำวงมาตรฐานไปเกือบสิบเพลง ไอ้ห้องข้างๆ นี่ถึงกับร้องไห้ระงมสวดมนต์กันยกใหญ่
Rrrr..!
มันน่าหงุดหงิดใจชะมัด เพราะแค่ล้มหัวลงหมอนได้ไม่นานมือถือเครื่องเก่าก็เป็นอันแผดเสียงร้องขึ้นมาอีกรอบ อยากจะด่าเฉ่งก็ทำไม่ได้เนื่องจากชื่อที่ปรากฏอยู่ตอนนี้คือคนที่จะช่วยให้ผมคลายข้อสงสัยที่เกิดขึ้นภายในใจได้
“ว่าๆๆ”
[ตื่นยัง วันนี้ออกไปหาอะไรกินกันเถอะ] ไอ้เบิร์ดเข้าประเด็นอย่างเร็วรี่
“มึงเลี้ยงนะ ช่วงดีกูไม่มีตังค์”
[เออน่ะ ตกลงมาใช่มั้ย ร้านไหนดี]
“กูอยากกินพิซซ่า”
[แดกอะไรแต่หัววันวะ]
“กว่ากูกับมึงจะออกไปเจอกันก็เที่ยงแล้วไอ้ฟาย สรุปมึงอยากกินมั้ย ไม่กินจะได้ไปร้านอื่น”
[กูขัดมึงได้ด้วยเหรอ ตอนเที่ยงเจอกัน มาให้ตรงเวลาด้วยห้ามเลท แค่นี้นะ]
แล้วไอ้เบิร์ดก็หายไปจากสารบบ ทิ้งให้ผมต้องฝืนตัวเองลุกออกจากเตียงอีกครั้งเพื่อจัดการธุระส่วนตัว แต่ก็ไม่วายเดินไปเปิดคอมพิวเตอร์ราวกับคนละเมอเพื่อทิ้งคำถามให้คนที่ออฟไลน์ไว้ แน่นอนว่าไม่รู้อีกฝ่ายจะตอบเมื่อไหร่ แต่วันนี้ผมต้องได้คำตอบจากเพื่อนสนิทเจ้าของแผ่นโปรแกรมอย่างแน่นอน
ผมนัดเจอกับไอ้เบิร์ดที่ร้านพิซซ่าแถวห้างที่ใกล้บ้านมันที่สุด เนื่องจากมื้อนี้เพื่อนเลี้ยง คนดีอย่างผมก็ต้องลงทุนนั่งรถมาไกลหน่อยเพื่อจะได้แฟร์กับมัน ส่วนเรื่องหารครึ่งอะไรนั้นช่วงนี้พี่ขอ...กูกรอบจริงๆ
“มาตรงเวลาด้วยแฮะ อยากแดกไรสั่งเลย” คำทักทายแรกของเพื่อนส่งมาให้เมื่อผมโผล่มาที่ร้านตามเวลานัดหมายพอดิบพอดี
มือป้อมขาวเลื่อนเมนูอาหารมาให้ ก่อนผมจะแทรกตัวนั่งลงไปบนเก้าอี้และกวาดสายตามองสมุดเมนูนั้นเพียงปราดเดียว
“มึงสั่งดิ เจ้ามือก็ต้องเป็นคนเลือกอยู่แล้ว” กูดูเป็นคนดีเว่อร์ ไม่นานพนักงานก็เข้ามารับออเดอร์อย่างคล่องแคล่ว
“ฮาวายเอี้ยนแล้วกัน ง่ายๆ” เมพเบิร์ดเสนอ ผมจึงพยักหน้าเห็นด้วย
“โอเค” หน้านี้กูแดก
“เป็นแป้งหนานุ่มหรือบางกรอบคะ” พนักงานถามต่อ
“บางกรอบ”
“หนานุ่ม” ผมรีบท้วงอย่างรวดเร็ว สุดท้ายไอ้เบิร์ดก็ยอมจำนนต่อความพ่ายแพ้ในครั้งนี้เพียงแค่เห็นสีหน้าสู้ตายของผม มึงมันโง่ แป้งแบบหนาๆ คุ้มกว่ากูลองมาหมดละ
“ไซส์ไหนดีคะ”
“ใหญ่”
“กลางพอ”
“มึงจะอิ่มเหรอชยิน”
“กูจะสั่งอาหารรองท้องมาแดกไม่ต้องกลัว มึงหมดตัวแน่”
“กูรู้ละทำไมมึงไม่มีเมีย”
“ทำไม”
“ก็มึงเล่นเหี้ยอย่างนี้ไง”
“ไม่เจ็บ พอดีด้าน”
“ระวังสักวันมาเจอคนเหนือกว่ากำราบกูจะสมน้ำหน้าให้”
“กูมีความเป็นผู้นำ ใครจะมากำราบกูไม่ทราบ”
ไอ้เบิร์ดไม่ได้โต้เถียงกับผมต่อเพราะรู้อยู่แล้วว่าคงไม่มีทางเอาชนะได้ ผมปิดเมนูลงหลังจากสั่งอาหารเสร็จ ระหว่างรอเราถึงได้มีเวลาคุยกันด้วยประเด็นที่ค้างคามาตลอดหนึ่งคืนเต็มๆ นั่นก็คือเจ้าของเอ็มเอสเอ็นนิรนามคนนั้น
“เรื่องที่กูวานมึงไปถามคนปล่อยแผ่นต่อ สรุปได้เรื่องอะไรมาบ้างวะ” คนนั่งตรงข้ามถอนหายใจเฮือกหนึ่ง ก่อนจะทิ้งหลังอิงกับพนักเก้าอี้อย่างจนปัญญา
“กูโทรถามหมดแล้ว แต่ไม่มีใครยอมบอกเลยว่าปล่อยโปรแกรมไปให้ใคร สงสัยคงกลัวกูเฉ่งอีกมั้ง”
“แม่งเอ๊ย เอาไงล่ะทีนี้” คนที่ได้โปรแกรมไปก็มีแค่ห้าสิบคน ดูเหมือนเป็นเรื่องง่ายที่จะตามหาแต่สุดท้ายก็เหมือนงมเข็มในมหาสมุทรเพราะไม่มีใครยอมเปิดปากพูดความจริงออกมาสักคน
“ถามมันไปใหม่สิ”
“ทิ้งคำถามไว้แล้ว แต่มันยังไม่ออน”
“สรุปแม่งชื่อเอ็มว่าไงนะ”
“ศูนย์แปดสามสองทับหกเจ็ดหก”
“จำอีเมลมันได้มั้ย”
“มิสเตอร์กาแล็กซี่หกเจ็ดหกแอดฮอทเมลดอทคอม” เพื่อนรักพยักหน้าหงึกหงักขณะมือทั้งสองก็เลื่อนมือถือไปพลางๆ ด้วย ไม่นานมันก็เงยหน้าจากจอกลับมาที่ผมอีกครั้ง
“ไม่มีข้อมูลอีเมลในกูเกิ้ลเลยว่ะ”
“กูหาแล้ว จนปัญญาละเนี่ย ส่วนชื่อเอ็มมันก็ประหลาดฉิบหาย ใช่เบอร์โทรศัพท์ป่ะวะจะได้โทรไปด่า”
“มันเป็นชื่อกลุ่มดาวไอ้ฟาย มึงไปถามนาซ่าไป” ไอ้เพื่อนเวรเลื่อนมือถือของมันมาไว้ตรงหน้าผม ซึ่งกำลังปรากฎหมายเลขแปลกประหลาดทั้งเจ็ดตัว
เออว่ะ รหัส MSN ของไอ้เชี่ยนั่นมาจาก PC0832/676 ซึ่งเป็นชื่อกลุ่มดาวหมีใหญ่ แต่นี่ก็ไม่ใช่หลักฐานที่จะระบุตัวตนของคนคนนั้นป่ะวะ
หรือมันจะชื่อหมี หน้าเหมือนหมี หุ่นหมี หรือขายขนมหมี ได้แต่เดาไปต่างๆ นานาสุดท้ายก็จับจุดอะไรไม่ได้แม้แต่อย่างเดียว
“ไอ้คนนั้นมันได้บอกมั้ยว่าทำอะไร หมายถึงอาชีพการงาน ที่อยู่ หน้าตา อะไรแบบนี้”
“ไม่บอกสักอย่าง รู้แค่จบศิลปกรรมมอบี”
“เชี่ยยยยย”
“รู้แล้วเหรอวะ” ผมถามอย่างกระตือรือร้น
“ฮึ! จะบอกว่ากว้างฉิบหาย ชาตินี้มึงคงได้รู้หรอก”
“เวร”
“จริงๆ ถ้าไม่ซีเรียสมึงก็ไม่จำเป็นต้องรู้ป่ะวะว่ามันเป็นใคร คนที่หันหน้าเข้าจอแม่งก็แค่คนคุยคลายเหงา จะใส่ใจอะไรให้มาก” มันก็จริงอย่างที่ไอ้เบิร์ดพูดนั่นแหละครับ แต่มันผิดที่ผมเองเป็นคนไม่ยอมปล่อยให้เรื่องอะไรค้างคาใจนานๆ จิตใจมันถึงไม่ยอมสงบสักที
กลัวไม่ได้ตายแก่ฉิบหายเลยว่ะ ไม่รู้ว่าวันไหนเส้นเลือดในสมองจะแตกไปซะก่อน
สิบห้านาทีให้หลังพิซซ่าก็ถูกเสิร์ฟไว้กลางโต๊ะ ของว่างที่สั่งไว้ก็ทยอยมาเสิร์ฟจนครบเช่นกัน ผมกับไอ้เบิร์ดถึงได้ฤกษ์งามยามดีลงมือแดกแหลกจนลืมประเด็นที่คุยไป สุดท้ายเราก็มีหัวข้อใหม่ที่ผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“เออว่าจะถาม มึงจำไอ้ท็อปห้องเจ็ดได้ป้ะ” สิ้นคำถามนั้น ผมกรอกตาไปมาอยู่หลายทีเพื่อนึกย้อนกลับไปในอดีตที่แสนเลือนรางเต็มทน
“ไอ้ท็อปที่เรียนวารสารใช่มั้ย” ปากว่า แต่มือก็กัดก้อนพิซซ่าใส่ปากไปด้วย
“ใช่ๆ เมื่อคืนมันติดต่อมาหากูเพื่อขอเบอร์ เห็นว่าไม่ได้เป็นเพื่อนในคอนแท็กกันกับมึง”
“แล้วมันมีอะไร”
“แม่งบอกอยากนัดขอสัมภาษณ์มึงลงคอลัมน์นิตยสาร น่าจะหัวข้อคนทำงานสายสร้างสรรค์อะไรประมาณนี้มั้ง ยังไงก็รอมันติดต่อกลับมาแล้วกัน”
“อ้อ...แต่ชื่อนิตยสารอะไรวะ” เผื่อจะไปหาข้อมูล
“ชื่อ A month มั้ง”
“ทำไมกูเคยได้ยินแต่ A day วะ”
“น่าจะเป็นนิตยสารน้องใหม่ เห็นมันบอกว่ารวมแต่คนมีไฟทั้งนั้น”
“คนก่อตั้งเขาทำงานดับเพลิงเหรอ”
“เปล่า เห็นบอกส่งแก๊ส”
“มึงก็ยังรับมุกกูนะสัด”
ผมได้ยินเสียงหัวเราะจากคนตรงหน้าไม่ขาดสาย นานเท่าไหร่แล้ววะที่ผมไม่ได้ออกมากินข้าวกับเพื่อน พูดคุย ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ หรือแม้แต่ยิงมุกกากๆ ใส่กันเหมือนเมื่อก่อน
นึกแล้วก็คิดถึงอดีตที่หอมหวานเหมือนกัน ตอนเป็นเด็กแม่งไม่ต้องเจ็บปวด คาดหวัง และโดดเดี่ยวขนาดนี้ไง พอโตถึงได้เรียนรู้ ขอกูวาร์ปกลับไปสมัยเป็นทารกได้มั้ย จะได้ไม่รู้สึกเหงาเหมือนวันนี้
หลังกลับมาจากการเที่ยวข้างนอกและแวะไปนั่งจิบเบียร์กับเมพเบิร์ดอยู่นาน ผมก็กลับมาถึงห้อง อาบน้ำแปรงฟันตามกิจวัตรจนกระทั่งแหงนมองนาฬิกาอีกทีเวลาก็เดินมาถึงห้าทุ่มแล้ว
ผมเดินไปเปิดคอมพิวเตอร์ ล็อกอินเข้าใช้งาน MSN เป็นอันดับแรกด้วยความคาดหวังว่าใครบางคนจะออนไลน์อยู่ ซึ่งแน่นอน ความคาดหวังนั้นเป็นจริง...
ไอ้หมีใหญ่ออนไลน์อยู่
แถมข้อความที่ถามค้างไว้ก็ไม่ได้รับการตอบตรงๆ ด้วย
Chayin says… เอากูขอถามอีกรอบ ตอนนี้จริงจังมาก สรุปมึงชื่ออะไร
0 8 3 2 / 6 7 6 say… ไม่บอกค่ะ
นั่นแหละครับท่านผู้ชม ไอ้เหี้ยนี่มันกวนตีน เห็นมั้ยยยยยยยยยยยย
ในเมื่อมันไม่ยอมตอบผมก็ไม่อยากถามคำถามเดิมๆ กลับไปอีกแล้ว ถ้าอีกฝ่ายอยากให้ผมรู้สักวันหนึ่งก็คงได้รู้อยู่ดี แต่ถ้าโปรแกรมหมดอายุก่อนก็ถือว่าเป็นกรรมคาใจกันไปแล้วกัน
ในเมื่อไม่ยอมบอกชื่อ ผมก็จำเป็นต้องตั้งชื่อให้ใหม่โดยไม่ต้องขอความเห็น
Chayin says… หมีใหญ่
0 8 3 2 / 6 7 6 say… เรียกใคร
Chayin says… มึง
0 8 3 2 / 6 7 6 say… ...
Chayin says… ก็ชื่อเอ็มมึงเป็นรหัสดาวอ่ะ ใช่ดาวหมีใหญ่ป้ะ
0 8 3 2 / 6 7 6 say… หมีไม่ได้ใหญ่ หรรมใหญ่
Chayin says… ...
มึงไม่กวนตีนกูสักวินาทีได้มั้ยสัด! โมโห!
ผมกำลังคิดข้อความตอบโต้อย่างเอาเป็นเอาตาย แต่สุดท้ายก็จำต้องชะงักเมื่อโทรศัพท์แผดเสียงดังขึ้น ปลายสายเป็นเบอร์นิรนามที่ไม่ได้บันทึกเอาไว้ ถ้าให้เดาก็คงเป็นงานใหม่ที่ทำให้ผมไม่ต้องอดอยากอีกต่อไปแน่ๆ
“ให้ผมแต่งเพลงแนวไหนว่ามาเลยครับ” ผมพูดรัวทันทีที่กดรับสาย
[ชยิน ชยินนี่กูเอง] รอยยิ้มกว้าง หัวใจที่เต้นรัว ห่อเหี่ยวหมดแล้วเมื่อได้ยินอีกฝ่ายตอบกลับมา
“กูไหนวะ”
[ท็อปห้องเจ็ด ไม่รู้ไอ้เบิร์ดได้บอกมั้ยว่ากูอยากสัมภาษณ์มึงลงคอลัมน์รายเดือน]
“บอกแล้ว”
[มึงว่างตอนไหนวะ คือจะบอกว่ากูไม่ได้สัมภาษณ์มึงฟรีๆ นะ มีเงินที่ทางบริษัทจ่ายให้ด้วย]
“เหรอ กูว่างยาวเลยช่วงนี้ นัดได้ตลอด” พอได้ยินเรื่องเงินก็ถึงกับตาลุกวาวเป็นไข่ห่าน ช่วงนี้แดกแกรบมานานเนื่องจากเงินไม่เคยเข้ากระเป๋ามีแต่จ่ายออก คราวนี้เลยพอมีความหวังบ้าง
[งั้นพรุ่งนี้ว่างมั้ยวะ กูนัดนักเขียนอีกคนไว้จะได้สัมภาษณ์พร้อมๆ กันเลย]
“ว่าง ที่ไหนดี”
จากนั้นเราก็นัดแนะเวลาและสถานที่เสร็จสรรพ กลับมาอีกทีคนที่ออนเอ็มเอสเอ็นทิ้งไว้ก่อนหน้าก็ออฟไลน์ไปแล้ว แน่นอนว่าผมไม่ได้แคร์อีกฝ่ายมากเท่าไหร่เพราะมันไม่ได้มีผลกับปากท้อง สำหรับไอ้หมีใหญ่จะคุยเมื่อไหร่ก็ได้ แต่เรื่องปากท้องจะชักช้าไม่ได้เด็ดขาด
คิดแล้วก็รู้สึกลิงโลด รีบออฟไลน์ออกจากระบบ ปิดคอมแล้วพุ่งไปที่เตียงอย่างเร็วรี่
พรุ่งนี้มีนัดเช้า ขอกระแดะนอนเร็วสักวันเถอะ คร็อกกกกกกกก~
อ่านต่อด้านล่างค่ะ