06 เพื่อนผมอาจจะอ่อยมหาสมุทรทำกระเป๋าปากกาหล่นไว้ในรถของผม ไม่ได้อ่อยกันใช่มั้ยวะ
พอๆ บอกตัวเองให้ตื่นจากความคิดบ้าบอแล้วทำตัวเป็นคนไร้มารยาทถือวิสาสะเปิดกระเป๋าดูของข้างในเสียหน่อย บอกตรงๆ ว่าอยากใส่ใจ
กระเป๋าปากกาของไอ้หมาเพื่อนผมเป็นแบบผ้า สภาพเยินเหมือนผ่านการใช้งานมาหลายชั่วอายุคนแต่ก็ยังดูสะอาดดี ข้างในไม่มีอะไรมาก ซองใส่ปากกาอะเนอะก็มีปากกา ดินสอ ยางลบ ไส้ดินสอ แค่นี้
โห ไม่ตื่นเต้นเลยอะ แต่ว่าปากกาลายเป็ดนี่น่ารักดี ไม่คิดว่าคนนิ่งๆ ลุคเด็กเรียนอย่างไอ้หมาจะมีมุมน่ารักๆ กับเขาด้วย เอาจริงๆ มหาสมุทรมันก็น่ารักแบบมันนะ แบบที่พออยู่ใกล้ๆ แล้วจะสัมผัสได้
Millionaire_ : อ่อยกูป่ะเนี่ย
ผมกดส่งข้อความพร้อมแนบรูปซองปากกาด้วยใบหน้ายิ้มกริ่ม ทำไมต้องรู้สึกมีความสุขด้วยก็ไม่รู้ ไม่เข้าใจตัวเอง
An Ocean : มึงเพ้อหนักละ
Millionaire_ : แน่ะๆ มีเขินด้วย น่ารักนะเนี่ย
An Ocean : วันพุธเอามาคืนด้วย
Millionaire_ : แล้วมึงไม่ใช้เหรอ
An Ocean : ใช้
Millionaire_ : เดี๋ยวพรุ่งนี้กูแวะเอาไปให้ที่ตึกมั้ย
An Ocean : ไม่เป็นไร ปากกากูเยอะ
Millionaire_ : แต่กูไม่ค่อยมีปากกาเลยอะ งั้นซองนี้ยึดเลยได้ป่ะ
An Ocean : คนรวยเขาทำกันแบบนี้เหรอ
Millionaire_ : ปกติปากกาที่จิ๊กเพื่อนมามันใช้ดีกว่านี่หว่า กูเลยไม่ซื้อแม่ง
An Ocean : นิสัยโจร
Millionaire_ : ขอบคุณที่ชมนะครับผม
An Ocean : กูจะอ่านหนังสือละ พรุ่งนี้ไม่ต้องเสนอหน้ามาล่ะ
Millionaire_ : โห ไรวะ
อ่านแต่ไม่ตอบงี้ โอ้ยน้อคนเรา แต่ก็ว่าไม่ได้ล่ะครับ ก็นี่มันนิสัยส่วนตัวของเพื่อนผมที่ตัวผมเองก็ค่อนข้างจะยอมรับได้
ผมเก็บซองปากกาไว้บนโต๊ะที่ที่มองเห็นได้ชัดเจน คิดไว้ว่าพรุ่งนี้จะเอาไปไว้ในรถเผื่อบังเอิญเจอมหาสมุทรจะได้คืนมันเลย แต่ลึกๆ แล้วไม่อยากคืนเลยว่ะ ไม่ใช่นิสัยโจรอะไรหรอก แค่อยากเก็บเอาไว้เผื่อมีเรื่องคุยกันมากกว่าเรื่องติวสแตทกับเรื่องกิน
ถ้าเป็นไปได้ผมก็อยากสนิทกับมหาสมุทรให้มากกว่านี้อีก
แม้จะถูกห้ามไม่ให้ไปหาแต่ไอ้หมาเคยห้ามผมได้รึไง ก็ไม่เคยห้ามกันได้นะ
วันนี้มีเรียน 10 โมง แวะมาคณะวิทย์ก่อน ตอน 10 โมงนิดๆ พร้อมกระเป๋าดินสอกับแซนวิชเจ้าเก่าหน้าหอ
นั่งรออยู่หน้าห้องเรียนครู่หนึ่งประตูก็เปิดออก คนไม่เยอะมากไม่ต้องมองหามหาสมุทรก็อยู่ในการมองเห็น
อ้าวงง มองกันแล้วทำหน้างงเฉย
“บอกว่าไม่ให้มาไง”
“คิดถึงไง” ผมบอกพร้อมยิ้มกว้าง คนตัวสูงไม่ได้ยิ้มตอบซ้ำยังทำหน้าหน่ายอีก ทำหน้าหน่ายผมบ่อยพอๆ กับครูสอนคณิตศาสตร์ตอนมัธยมเลยอะ
“ตลก แล้วมานี่คือไม่มีเรียนเหรอ” ที่แท้ก็ห่วงกลัวผมจะเข้าเรียนไม่ทันนี่เอง น่ารักนะเนี่ย
“มีเรียน 10 โมงอะ”
“นี่มัน 10 โมงกว่าแล้ว”
“เข้าเรียนกี่โมงก็เหมือนกันแหละ”
“นี่มินเนี่ยน”
“ครับ”
“คนเราอะนะ นอกจากมีเงินแล้วก็ต้องมีสมองด้วย จำเอาไว้” จุกอะ แล้วไงใครแคร์ ความรวยชนะทุกอย่างจำเอาไว้
“รู้ว่าห่วงแต่คำพูดคำจามึงนี่ โคตรเจ็บเด้อ”
“สรุปว่าเป็นคนใต้หรือคนอีสาน”
“เป็นคนทุกที่นิ” สำเนียงใต้แบบแปร่งๆ ของผมเรียกรอยยิ้มบางเบาบนใบหน้าอีกฝ่าย เห็นมันยิ้มได้ก็ชื่นใจว่ะ
“กวนตีน”
“แล้วนี่มึงไปไหนต่อ”
“เสือก” สาธุครับได้รับพรแล้ว
“งั้นกูไปละนะ เจอกันเมื่อบังเอิญ” ผมยัดแซนวิชใส่มืออีกฝ่าย บอกลาแล้วจากมา
มาถึงตึกบริหาตอน 10 โมงครึ่ง ไม่ถือว่าสายหรอกเพราะอาจารย์ไม่เช็คชื่อ
“นี้ซองปากกามึงเหรอ” อ้าวเชี่ยละ เพิ่งรู้ตัวตอนไอ้ป๊อบทักว่าลืมคืนกระเป๋าดินสอ
“ของไอ้หมาน่ะ”
“แล้วมาอยู่ที่มึงได้ไง”
“มันลืมไว้บนรถเมื่อคืน”
“มีซัมติงมั้ยอะ” พอไอ้ป๊อบเอ่ยคำว่าซัมติงหัวใจผมสั่นเฉยเลย ไม่เอาดิวะ ไม่คิดเกินเลยนะ นั่นเพื่อนนะ อีกอย่างมันเป็นเพื่อนที่มีคนที่ชอบแล้วด้วย จำใส่สมองเอาไว้
“ซัมติงเหี้ยไรล่ะ เรียนเสร็จไปเยี่ยมแบร์มั้ย”
“ไปดิ เมื่อเช้าดรีมไลน์มาบอกว่าแบร์ฟื้นแล้ว”
ได้ยินอย่างนั้นก็สบายใจ
Millionaire_ : กระเป๋าปากกาใครเอ่ย
ส่งข้อความแนบรูปถ่ายทิ้งไว้ คิดว่าอีกนานเลยแหละกว่าปลายทางจะตอบ
และก็เป็นดังคาด เรียนเสร็จบ่ายโมง จนมาทำเรื่องย้ายห้องให้น้องแบร์ไอ้หมาเพื่อนผมก็ยังไม่ตอบข้อความ
“มิล”
อยู่ด้วยกันในห้องเกือบ 10 คนแต่ไอ้คนต่างคณะดันทักทายผมคนแรกและเสียงดังมากเหมือนสนิทกันมาแต่ชาติปางไหน แล้วนี่ผมไปสนิทกับมันตั้งแต่เมื่อไหร่วะ งงใจ
“อือ ไง” คนมีมารยาทอะครับ เขาทักมาก็ต้องทักกลับใช่มั้ยล่ะ พอผมยิ้มแหยให้ไอ้คนต่างคณะก็ยิ้มหล่อส่งกลับมา
“น้องแบร์หลับไปอีกแล้วเหรอ”
“เพิ่งจะหลับไปเมื่อกี้เอง นายมาช้าไปหน่อยเดียว”
“เสียดายจัง”
“คราวหลังก็มาให้มันเร็วๆ หน่อยสิวะ” ไอ้ป๊อบว่า ผมไม่รู้ว่าหลังจากนั้นพวกมันคุยอะไรกันเพราะไม่สนใจฟัง สักพักพี่เอ้กเปิดประตูเข้ามาพร้อมข้าวมื้อบ่าย
ว่าแต่ไอ้หมาเถอะ กินข้าวกินปลาบ้างรึยัง
คิดแล้วก็โทรหามันเลยละกัน ต่อสายไม่นานอีกฝ่ายก็รับสาย
“มีอะไร” ไม่เคยทักทายผมด้วยคำว่าฮัลโหลสวัสดี ไม่มี๊ไม่มี
“มึงอยู่ไหนอะ”
“ถามทำไม”
“คิดถึง อยากเจอ”
“กวนตีน” อีกครั้งที่ผมยิ้มให้กับคำว่ากวนตีน มันไม่ใช่คำที่ควรจะทำให้ยิ้มได้ใช่มั้ยล่ะ แต่ผมกลับหุบยิ้มไม่ลงเมื่อได้ยินคำนั้น เฉพาะจากมหาสมุทร
“มึงกินข้าวกัน กูยังไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลยอะ”
“เรื่องของมึง”
“มหาสมุทรเพื่อนรัก”
“กูไม่รักมึง”
ตัดสายกันเฉยเลย ไอ้คนไร้มารยาท
“มิลยังไม่กินข้าวเหรอ ไปกินด้วยกันมั้ย ข้าวที่นิเทศอร่อยนะ” พอผมวางสายคนที่มานั่งข้างๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ก็หันมาถามด้วยใบหน้ายิ้มๆ
“ยังอะ เดี๋ยวว่าจะแย่งพี่เอ้กกิน” พอได้ยินอย่างนั้นคนถูกพูดถึงก็รีบยัดข้าวใส่ปากคำโตจนเต็มกระพุงแก้ม สภาพพี่มันไม่ต่างจากหนูแฮมสเตอร์ ขาดอยู่อย่างเดียวคือความน่ารัก เห็นอย่างนั้นแล้วก็ได้แต่ส่ายหน้าระอา
ขอให้ข้าวติดคอมึงครับพี่เอ้ก สาธุ
“ไปดิ กูไปด้วย ไอ้มิลเลี้ยงนะ” ไอ้ป๊อบแม่งได้ทีฉวยโอกาส
แต่ก็นั่นแหละ เรื่องมัดมือชกขอให้บอกเถอะ เขาถนัดนัก รู้ตัวอีกทีก็มานั่งอยู่ในโรงอาหารนิเทศแล้ว
ตรงหน้าผมคือพี่ทิวลิปกับไอ้หมา ข้างซ้ายไอ้ป๊อบ ขวาเฌอ รู้สึกแปลกๆ พิกลแฮะ
“มิลเอาก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่มั้ย อร่อยนะ” เฌอเสนอและตั้งท่าจะเดินไปซื้อให้ แต่เดี๋ยวนะ มิลเลียนแนร์เป็นผู้ชายครับ ดูแลตัวเองได้ และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่มากินข้าวที่นิเทศด้วย
“เดี๋ยวเราไปซื้อเอง”
“สั่งมาเลย เดี๋ยวเราสั่งเผื่อ” คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าบ้านก็เลยคอยเทคแคร์เหรอ ที่จริงเฌอก็ดูเป็นคนใส่ใจเพื่อนดี
“กูเอาแบบไอ้มิลที่นึง” ไอ้ป๊อบได้ทีใช้เลย ปกติมันขี้เกียจเข้าแถวซื้อข้าวอยู่แล้ว
“แล้วมิลล่ะเอาอะไร”
“เหมือนเฌอละกัน” ขี้เกียจคิดแล้ว ในเมื่อเฌอแนะนำก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ก็จัดซักหน่อยละกันจะได้ไม่เสียน้ำใจ
“น้ำล่ะ”
“เดี๋ยวไอ้ป๊อบไปซื้อ”
ผมยัดเงินแบ็งค์ร้อยใส่มือไอ้ป๊อบก่อนจะหันมามองมหาสมุทรอีกครั้ง
“ไม่คิดว่าจะเจอมึงที่นี่นะเนี่ย เซอร์ไพร์สว่ะ” แม้ใบหน้าของผมจะมีรอยยิ้มแต่ในใจมันกรุ่นๆ พิกล ไม่รู้เป็นอะไร
“กูมาบ่อยนะ” และไอ้คนตรงข้ามก็ดูเหมือนจะไม่ใส่ใจความรู้สึกของผมเท่าไหร่เลย ใช่สิ นี่มินเนี่ยนนี่หว่าไม่ใช่ทิวลิปซักหน่อย เจียมตัวนะ
“อ๋อเหรอ”
“มิลกับซีดูสนิทกันแล้วเนอะ” ถึงแม้จะ ได้ยินชื่อพี่ทิวจากปากเพื่อนตัวเองบ่อยครั้งแต่ผมก็ไม่ค่อยได้คุยกับพี่แกจริงจังหรอก
“ไม่สนิทอะ”
“สนิทครับ” เตะตัดขาแม่ง ชอบปฏิเสธดีนัก
“ซีไม่ค่อยมีเพื่อน พี่ดีใจนะที่ซีมีมิล”
“ไม่อยากมีหรอก” นี่ก็จะขัดทุกเรื่องถูกมั้ย กลัวคนที่ตัวเองกำลังตามจีบเข้าใจผิดหรือไงวะ แต่พี่ทิวลิปก็ไม่ได้ดูมีท่าทางแปลกๆ อะไรเลย ระหว่างสองคนนี้ดูปกติจนหาความพิเศษไม่เจอด้วยซ้ำ
“จะดูแลอย่างดีเลยครับ”
“ใครอยากให้มึงดูแล”
“กูไง กูเป็นเพื่อนมึงกูก็ต้องดูแลมึงสิ”
“ตัวเท่าลูกหมา”
“เออ ใจกูก็หมาด้วยนะ แต่เป็นหมาน้อยน่ารัก”
“มิลนี่น่ารักดีนะ” พี่ทิวลิปเท้าคางมองผมด้วยสายตาที่แค่มองผ่านๆ ก็เขินได้
ให้ตายเถอะ มองผู้ชายแล้วใจสั่นก็ได้ด้วยเหรอวะ
“ตาถั่วละทิว”
“ทำไมซีชอบว่าเพื่อนแบบนี้ล่ะ นิสัยไม่ดีนะเรา”
ไอ้ป๊อบกลับมาพร้อมน้ำเปล่ากับน้ำแข็ง 3 แก้ว และเสียงบ่นงุ้งงิ้ง มันยัดเงินทอนใส่กระเป๋าเสื้อผมแล้วก้มหน้ากดมือถือ
“ช่วงนี้มึงติดมือถือจังวะ” เห็นอย่างนั้นแล้วก็แซ็วให้อีกฝ่ายหันมามองแวบเดียวและตอบคำถามที่ไม่คิดว่าจะได้ยินจากปากเพื่อนตัวเอง
“จีบสาว”
“จริง?”
“เออดิ” ไม่ลังเลด้วย เอาจริงดิ จะหนีผมไปมีแฟนแล้วเหรอ แอบหวั่นเหมือนกันนะเนี่ย
“น้ำหน้าอย่างมึงเนี่ยนะ”
“เออน่า เอาไว้เจอแล้วจะแนะนำให้รู้จัก” ไม่เคยรู้เลยอะว่าเพื่อนกำลังติดหญิง
กำลังอ้าปากตั้งท่าจะซักไอ้ป๊อบต่อชามก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ก็ถูกวางลงตรงหน้าส่งกลิ่นหอมชวนหิวซะก่อน
“ขอบใจเฌอ ชามเท่าไหร่อะ” ถามพลางควักแบ็งค์ 20 ยับๆ ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ กะว่าจะจ่ายส่วนของไอ้ป๊อบด้วยเลย ทว่าอีกคนถูกถามกลับยิ้มแล้วส่ายหน้า
“ไม่เป็นไร เราเลี้ยง”
“ไม่ดิ”
“เราอยากเลี้ยง”
“คุ้นๆ ว่าชามละ 50 มั้ยวะ” หันไปขอความเห็นจากไอ้ป๊อบก็เห็นว่ามันเอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับมือถือ ไอ้สันขวานเอ้ย
เมื่อไม่ได้รับความสนใจจากเพื่อนสนิทผมจึงยัดเงินทั้งหมดในมือให้เฌอไป มันไม่รับผมก็วางไว้บนโต๊ะก่อนจัดการอาหารตรงหน้า
ก็ต้องยอมรับตรงๆ แหละครับว่าก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่อร่อยจริงๆ ผมก็มากินข้าวที่นี่บ่อยทำไมไม่เคยโดนวะ คราวหน้าคงต้องชวนน้องแบร์สายแดกมาชิมซะแล้ว
กำลังกินอย่างเอร็ดอร่อยก็รู้สึกว่าถูกจับจ้อง เงยหน้ามองก็สบตากับไอ้หมาเพื่อนรัก
“มองไร อยากกินเหรอ”
“ใครมองมึง”
“มึงอะ กินป่ะ กูแบ่งไก่ให้” ไก่ชิ้นที่กำลังถูกส่งเข้าปากถูกส่งไปให้คนตรงข้าม แน่นอนล่ะว่ามหาสมุทรต้องไม่ยอมรับไว้แน่ๆ “กลัวเป็นเก๊าเหรอวะ”
“เก๊าเหี้ยไร แดกไป พูดมาก”
“เก๊ารักเตงไง เตงรีบแดกเถอะ เก๊าเมื่อยแขนแล้ว”
“มุกมึงนี่…”
เสียงหัวเราะจากพี่ทิวทำให้ไอ้หมาเพื่อนผมหยุดพูด มีอิทธิพลต่อกันขนาดนี้เชียว
“มิลนี่ตลกดีเนอะ”
“อย่าชมมันพี่เดี๋ยวเหลิง” แม้จะติดมือถือแต่ก็ไม่ยอมเสียโอกาสแขวะผม รักกันมาก ซึ้งเลย
“ช่วงนี้มีแต่คนชมกูว่าน่ารักอะป๊อบ”
“คนชมตาถั่วล่ะสิ” คำนี้จากปากไอ้หมาทำเอาพี่ทิวหันไปมองเคืองๆ รวมทั้งเฌอด้วย
นี่ไงพวกคนตาถั่ว
“แล้วเฌอหานายแบบได้รึยัง” บทสนทนาใหม่ที่ผมไม่มีส่วนร่วมเริ่มขึ้น ผมจึงหันมาให้ความสนใจกับอาหารตรงหน้าต่อ
“มีคนในใจแล้วนะพี่ กำลังจีบ”
“เขาให้หานายแบบไม่ได้ให้หาแฟน”
“ก็ถ้าได้คนที่ดีต่อใจเรามาเป็นแบบให้มันก็ดีใช่มั้ยล่ะ”
“เพ้อเจ้อ ว่าแต่กำลังจีบใคร”
“ก็...”
ไม่ได้ยินหรอกว่าเฌอพูดว่าอะไร เพราะในสายตาของผมมีเพียงผักในจานของไอ้หมาเท่านั้น ทั้งที่กรอกหูผมตลอดว่าชอบกินผักแต่กลับไม่กินแตงกวาในจานข้าวมันไก่เนี่ยนะ พิลึกคน
“อันนี้มึงไม่กินใช่มั้ย” ไม่ต้องรอให้อีกฝ่ายตอบรับผมก็จ้วงตักแตงกวาที่มหาสมุทรเขี่ยไว้ข้างจนมากิน ผักนี่อร่อยจริงๆ เหมือนเกิดมาเพื่อผมยังไงอย่างนั้น
เห็นอย่างนี้ผมกินคลีนนะ กินเกลี้ยงอะและชอบกินผักผลไม้มากๆ เลยด้วย
เรียนสแตทอีกแล้ว
ผมพยายามจะไม่นอนหลับในชั่วโมงเรียน แต่ยิ่งพยายามก็ยิ่งจดจ่อ ตื่นขึ้นมาอีกทีอาจารย์ก็เดินออกจากห้องไปแล้ว อย่าคิดว่าผมตื่นเอง เพราะปากกาที่ดีดลงมาตรงท้ายทอยโดยฝีมือของคนข้างๆ นั่นแหละ ดีดลงมาได้ ไม่คิดว่าเพื่อนจะเจ็บบ้างเลยรึไง
เปรี้ยงเดียว ไร้รอยต่อ ทอเต็มผืน หลับเต็มตื่น ชุดเครื่องนอนโตโต้ ถุย!
“ถ้าไม่ไหวก็ดร๊อปนะ” ไอ้หมาแสดงความห่วงใยขณะเก็บของบนโต๊ะ
“ซึ่งอะ เพื่อนเป็นห่วง”
“กูด่า”
“อ้อเหรอ ด่าเหรอแต่ไม่เป็นไรกูจะคิดซะว่าเพื่อนห่วงก็เลยด่า”
“มินเนี่ยน”
“ถ้ามึงเรียกกูมินเนี่ยนอีกที กูจูบปากมึงนะ”
“มินเนี่ยน” ถูกคุณเขาท้าทายสิครับ คิดว่ามหาเศรษฐีไม่กล้างี้ โหย ดูถูก
หมับ!
คนถูกผมกอบกุมใบหน้าถึงกับเหวอ และยิ่งในตอนที่ผมทำปากจู๋แล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ มือที่เคยวางอยู่บนโต๊ะก็แปะลงบนหน้าผากแล้วยันไว้สุดแรง
ตลกมันอะ มิลเลี่ยนแนร์ออกจะน่ารักทำไมต้องทำท่ารังเกียจกันขนาดนี้ และยิ่งมันขืนตัวออกเท่าไหร่ผมก็ยิ่งพยายามจะใกล้มันมากเข้าไปอีก ไม่สนใจแล้วนาทีนี้ ขอแค่ได้แกล้งไอ้หมาก็พอ
“พี่มิลคะ หนู...” ทั้งผมและคนถูกจู่โจมจูบหยุดทุกการกระทำแล้วมองไปยังเจ้าของเสียง “ขัดจังหวะรึเปล่าคะ”
เป็นมหาสมุทรที่ผละออกไปก่อน มันก้มหน้าเก็บหนังสือปล่อยให้ผมเผชิญหน้ากับน้องดรีมเพียงลำพัง รู้แล้วว่ามันรักผมมากแค่ไหน แค่นี้ไง แค่ขี้เล็บ
“ว่าไงดรีม มีอะไรรึเปล่า”
“ดรีมกับเพื่อนๆ จะไปหาแบร์ พี่มิลไปด้วยมั้ยคะ”
“หมดนี่เหรอ” ประมาณสี่ห้าคนได้มั้ง “ไปรถพี่ได้นะ”
“นี่แหละค่ะที่ดรีมต้องการ” เห็นหน้าหวานๆ ไม่คิดว่าจะกะล่อนเหมือนพี่สายรหัสมัน “งั้นเดี๋ยวดรีมกับเพื่อนๆ ลงไปรอข้างล่างนะคะ”
“โอเคค่ะ” ผมละสายตาจากน้องๆ มามองคนทีตอนนี้ลุกออกจากเก้าอี้แล้ว “จะไปไหนล่ะยังไม่ได้จูบเลย”
“จูบตีนกูมั้ย”
“จูบแก้มก็ได้”
“ไม่ต้องมาทำทะเล้นเลย”
“ล้อเล่นน่า ขำๆ มึง เครียดไรนักหนา เออ วันนี้ไปกินข้าวด้วยไม่ได้นะ วันเสาร์กูไปติวไม่ได้ด้วย ต้องไปรับแบร์ออกจากโรงพยาบาล”
“น้องมันเป็นไงบ้าง”
“หูย เป็นห่วงคนอื่นก็ได้ด้วย มึงเป็นใคร มึงคายมหาสมุทรเพื่อนกูออกมาเดี๋ยวนี้เลย” พอผมตั้งท่าจะเข้าไปหา ไอ้หมาเพื่อนผมก็ถอยกรูด โหย ไรวะ ผมดูน่ากลัวขนาดนั้นเชียว
“กูไม่ขำนะมินเนี่ยน”
“มินเนี่ยนอีกแล้ว อยากสัมผัสริมฝีปากกูขนาดนั้นเชียว”
“มึงจะไปไหนก็ไปเถอะ” สะบัดมือไล่กันเหมือนไล่แมลงวันไม่มีผิด
“มึงไปไหน หอสมุดมั้ย ไปกับกูได้นะ”
“ให้นั่งตักมึงรึไง รถคันแค่นั้น”
“ถ้ามึงอยากนั่งก็นั่งได้นะ”
“กวนตีน”
“ด่าเพื่อนอีกแล้ว เดี๋ยวเอาไว้ปีหน้าขับกระบะมาเรียนดีกว่า จะได้บรรทุกเพื่อนได้เยอะๆ”
“กับเรื่องเรียนก็ควรทุ่มเทแบบนี้บ้างนะ”
“ไปดีกว่าเดี๋ยวสาวๆ รอนาน” พอมหาสมุทรตั้งท่าจะด่าผมก็เตรียมชิ่งเหมือนกัน บอกลา ยิ้มกว้าง แล้วเดินออกจากห้องมา
ที่จริงก็ไม่รีบขนาดนั้นหรอก ผมยืนรออยู่หน้าห้องครู่นึงก็ไม่เห็นว่ามันจะออกมาก็เลยลองเดินกลับไปชะโงกหน้ามองที่ประตูเห็นคุณเขาก้มหน้ากดมือถือหน้าตายิ้มแย้ม หมั่นไส้ว่ะกับผมไม่เคยยิ้มให้กันแบบนี้หรอก
หมับ!!
เร็วกว่าความคิดอีก ผมกระโดดกอดมหาสมุทรจากด้านหลังเต็มแรงจนคนถูกกอดเซไปข้างหน้าก่อนจะชะงักไป
“ถ้าเหงาก็โทรมานะ ไปละ”
พูดจบประโยคผมก็ผละออกแล้วใส่เกียร์หมาวิ่งสุดตีน
แผ่นหลังของมหาสมุทรกว้างและกอดอุ่นเหมือนตอนกอดป๊าเลย
ผมไม่ค่อยชอบโรงพยาบาลตอนกลางคืนเพราะมันทั้งน่ากลัว เงียบและวังเวง
“งั้นพวกพี่กลับแล้วนะ”
“เอาบีเอ็มมารับหนูนะพี่มิล”
“มึงไม่เหมาะเป็นหนูหรอกแบร์ มึงน่ะหมี อีหมี”
“พี่กล้วยก็ไม่เหมาะเป็นหนูหรอก อีแห้ง อียีราฟ”
นี่เราอยู่ในโรงพยาบาลหรือสวนสัตว์วะเนี่ย แต่ก็ช่างเถอะ อย่างน้อยน้องแบร์ก็อาการดีขึ้นมากแล้ว ร่างเริงมากขึ้นและกินได้เยอะขึ้น
น้องดรีมเดินมาส่งพวกเราที่หน้าห้องพัก โชคดีของไอ้หมี เอ้ย! น้องแบร์จริงๆ ที่มีเพื่อนดีๆ และสายรหัสรวยอย่างผมจึงไม่ต้องไปนอนห้องรวมกับคนอื่นๆ
ผมไม่เคยคิดว่าบีเอ็มลูกรักของผมจะบรรจุคนได้ถึง 7 คน หน้า 2 หลัง 5 นั่งกันมาได้ยังไง
แวะส่งทุกๆ คนที่ตึกเพื่อรอบัสมอ ยกเว้นก็แต่พี่เอ้กที่บอกให้ไปส่งร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์แถวๆ ตลาดข้างมอ
ขากลับต้องผ่านตึกวิทยาศาสตร์พอดี ไม่รู้ว่าป่านนี้เด็กทุนเขากลับบ้านกลับช่องไปรึยัง
Millionaire_ : มึงกลับหอยังอะ
ทิ้งข้อความเอาไว้ ถ้าโชคดีหน่อยคุณเขาคงตอบภายใน 20 นาทีเป็นอย่างเร็ว
“ขอบใจมากมึง”
“เจอกันพี่”
“เมื่อไหร่จะสอนมิลขี่ไอ้นั่นบ้างอะพี่”
“ฝัน” ขอหมอนหน่อย ผมจะนอน อีก 5 ปี หรือ 10 ปี ก็ไม่รู้ว่าพี่มันจะสอนรึเปล่า หวงจริงเวสป้า แต่ก็เข้าใจนิดๆ ตามประสาคนรักรถว่ามันก็หวง
An Ocean : อยู่ตึก เพิ่งเลิก มึงมีไร
Millionaire_ : หิวอะ หาไรกันกัน
An Ocean : กินข้าวคนเดียวไม่ได้?
Millionaire_ : เหงาอะ อีก 5 นาทีกูถึงหน้าตึกวิทย์ ลงมารอเลย
An Ocean : ใครจะไปกับมึง
ก็พูดไปงั้นแหละ พอจอดรถที่หน้าตึกก็เห็นคุณเขารออยู่แล้ว ไอ้หมาเอ้ย
“หมูกระทะมั้ย” ผมถามเมื่อมหาสมุทรเข้ามานั่งข้างๆ
“โจทย์ที่กูให้ทำน่ะ ทำถึงไหนแล้ว ที่จริงกูนัดส่งวันนี้ในคาบไม่ใช่เหรอ”
“ลืมไปเลยว่ะ ช่วงนี้มัวแต่ยุ่งเรื่องน้องแบร์” รู้สึกผิดตงิดๆ ในใจเลยเนี่ย
“มึงก็ยุ่งเรื่องของคนอื่นไปทั่วแหละ”
“กูใส่ใจเพื่อนไง มึงด้วยนะ”
“อะไร”
“กูใส่ใจมึงด้วยเหมือนกันไง เพราะถ้าไม่ใส่ใจกูไม่มาหามึงถึงตึกหรอก”
“หมูกระทะก็ได้” ไอ้หมาน่ารักที่สุด
“โหย ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้กินหมูกระทะกับเพื่อนมหาสมุทร”
“พูดมาก”
“มึงควรชินแล้วนะ”
“อือ ชาชิน” เอาเถอะ ก็ดีกว่าผลักไสกันล่ะวะ
ผมก็ชิน ทั้งยังรู้สึกสบายใจด้วยซ้ำที่มีมันอยู่ข้างๆ ผมไม่รู้ว่าความรู้สึกแบบนี้มันคืออะไร เพื่อนสนิทอย่างไอ้ป๊อบก็ให้ไม่ได้ พี่เอ้กน่ะเหรอ เฮอะ! ต้องเป็นมหาสมุทรเท่านั้นจริงๆ
“ปกติเวลามึงไปกินหมูกระทะมึงไปกับใครวะ”
“เพื่อนที่คณะไง”
“โม้ป่าว ตั้งแต่คบกับมึงมาไม่เห็นว่ามึงจะมีใคร ยกเว้นก็แต่…” คนที่คุณก็รู้ว่าใคร
“มนุษย์เป็นสัตว์สังคม”
“อันนั้นผมรู้ครับคุณ แต่มึงอะ”
“ทำไม” โห ทำไมต้องดุด้วยล่ะ “กูทำไม”
“มึงอะเป็นเทวดาคุ้มครองกูจากเกรดดีวิชาสแตทไง”
“ยอกูก็ไม่ใช่ว่าเกรดมึงจะดีขึ้น ตั้งใจเรียนเหอะ เอาแต่ง่วงในคาบเรียน”
“แน่ะ แอบมองๆ”
“แอบเหี้ยไร มองจากดาวอังคารยังรู้ว่ามึงง่วง”
“โห ถ้ามึงมองจากดาวอังคารยังเห็นกูเนี่ย กูต้องพิเศษต่อใจมึงมากๆ เลยงี้”
จุด จุด จุด
ไม่มีสัญญานตอบรับจากไอ้หมาที่ท่านเรียก หวังว่ามันจะตบมุกไง แต่พอละสายตาจากถนนไปมองก็เห็นว่ามันกำลังก้มหน้ากดโทรศัพท์
ลางไม่ค่อยดีเลยว่ะ
“มึง” นั่นไง “หมูกระทะเอาไว้วันอื่นนะ”
“พี่ทิวเหรอ”
“อือ”
“ให้กูไปส่งไหนอะ”
“จอดหน้ามอเดี๋ยวกูนั่งบัสเข้าไป”
ทุกนาทีของไอ้หมาน่ะเป็นของพี่ทิวลิปจริงๆ สินะ
[T B C]