สวัสดีค่ะ หายไปหลายวันเลย คิดถึงกันบ้างไหมคะ
วันนี้มาลงตอนที่ 10 ค่ะ และเช่นเคยหลังจากตอนนี้ต้องพักนิยายจนกว่าจะเสร็จพระราชพิธีถวายพระเพลิงค่ะ อยากงดสิ่งบันเทิงจนกว่าบ้านเมืองเราจะผ่านช่วงที่โศกเศร้านี่ไปก่อนค่ะ อีกอย่างเรามีเดินทางไกลด้วยค่ะ เลยขอพักสักหน่อย เดี๋ยวจะกลับมานะคะ ไว้เจอกันค่ะ คิดถึงทุกคนนะคะ ขอฝากพิธานกับพระพายด้วยค่ะ อ่อ และหากมีคำผิดหรือข้อผิดพลาดอะไรก็ขออภัยไว้ด้วยนะคะ
++++++++++++++++++
Holler…เรียกฉันสิที่รัก
ตอนที่ 10 Good shit.
He giving me that good shit
เขามอบของดีนั้นให้กับฉัน
That make me not quit, that good shit
นั่นทำให้ฉันตัดใจไม่ลงกับของดีๆเหล่านั้น
เช้าวันจันทร์วันทำงานปกติของมนุษย์เงินเดือนทั้งหลาย วันนี้พระพายมาทำงานด้วยความรู้สึกเอื่อยเฉื่อย รู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรสักอย่างถ่วงในความคิดตั้งแต่วันอาทิตย์วันที่ออกมาจากคอนโดของพิธานแล้ว เหมือนมีความรู้สึกอะไรบางอย่างติดขัดในใจ อธิบายตัวเองในตอนนี้ไม่ถูกจริงๆ
เสียงโทรศัพท์มือถือร้องขึ้นเรียกให้พระพายดึงความคิดกลับมาสู่ความเป็นจริงตอนนี้ คนที่โทรมาไม่ใช่ใครแต่เป็นเก้านั่นเอง พระพายกดรับสายในขณะที่กำลังสแกนบัตรทำงานแล้วเดินไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง
“ว่าไง”
“พาย มึงเป็นไงบ้าง หายเงียบไม่โทรหากูเลย” มาถึงก็ตัดพ้อทันที
“กูยุ่งๆว่ะ”
“ไอ้พิธานนั่นนัดมึงบ้างรึยัง” พระพายเงียบไปก่อนที่จะมองซ้ายขวา พบว่ารุ่นพี่ในแผนกยังไม่มากัน
“มันนัดแล้ว”
“จริงเหรอ แล้วทำไมไม่โทรบอกกูวะ”
“มันกะทันหัน บอกมึงไม่ทัน”
“นอนกับมันแล้วใช่ไหม” คำถามนั้นทำเอาพระพายสะอึกเล็กน้อย
“อืม”
“เอาเถอะ แก้ไขอะไรไม่ได้ เดี๋ยวเลิกงานกูไปหา ไปกินข้าวกัน”
“ได้ๆ เดี๋ยวจะโทรไป”
เป็นการจบสนทนาที่บ่งบอกว่าค่อยไปคุยกันหลังเลิกงาน พระพายถอนหายใจออกมาเพราะยังคงรู้สึกอึดอัดเหมือนเดิม คาดว่าการที่จะได้เจอเก้าเย็นนี้ ได้พูดคุยกับคนที่รู้เรื่องนี้มากที่สุดก็คงจะดีขึ้นกว่านี้
“พระพายสุดหล่อของพี่ ขี้ไม่ออกเหรอจ๊ะ หน้าถึงตูมขนาดนี้” เสียงทักทายของพี่กล้วยดังขึ้นมาพร้อมๆกับพี่ปีที่เดินตามมาอีกทั้งหัวเราะในคำทักทายนั้น
“กำลังปวดพอดีเลย ไปขี้เป็นเพื่อนผมหน่อยสิ” พระพายว่าพร้อมทำท่าจะดึงมือพี่กล้วยไปด้วย
“เดี๋ยวโดนโบก นี่กูยังไม่จัดการเรื่องคืนนั้นเลยนะ หันมาอีกทีหายหัวไปเฉย ไม่บอกกูสักคำ” พี่กล้วยบ่นพลางวางกระเป๋าสะพายลงบนโต๊ะ
“โธ่พี่ มีธุระด่วนจริงๆ ผมเลยฝากพี่ปีบอกพี่ไง” พระพายว่าพร้อมกับนวดไหล่เอาใจพี่กล้วยพัลวัน
“ไม่ต้องมาเอาใจกูเลย” พี่กล้วยทำท่าสะบัดเกินจริงจนพี่ปีต้องหัวเราะในท่าทางสะดีดสะดิ้งนั้น
“ป๋ากล้วยรูปหล่อพ่อรวยกล้วยก็ใหญ่ อย่างอนน้องพายสิ” พระพายงัดลูกอ้อนมาต่อสู้ทันที
“เออ กูกล้วยใหญ่ ยอมก็ได้” พี่กล้วยลูบคางเก็กท่าหล่อยอมรับคำยอของพระพาย จนพี่ปีที่นั่งอยู่อดพูดขึ้นมาไม่ได้
“ใหญ่เท่ากล้วยเล็บมือนางน่ะเหรอ” พี่ปีว่า พี่กล้วยรีบโยนกระเป๋าสะพายใส่พี่ปีทันที
“ไอ้ปากปีจอ เดี๋ยวมึงโดน”
พระพายได้แต่หัวเราะออกมากับสงครามย่อยๆระหว่างพี่ปีแล้วพี่กล้วย ตอนนี้ทุกคนในแผนกมากันครบแล้ว ถึงเวลาการทำงานในวันแรกของสัปดาห์แล้ว หัวหน้าแผนกเดินมาสั่งงานทันทีที่มาถึง ทุกคนต่างจมงานกับงานของตัวเองจนไม่มีเวลาได้คุยเล่นกันเหมือนตอนเพิ่งมาถึง
...
..
.
ในที่สุดเวลาการทำงานของวันนี้ก็สิ้นสุดลง ทุกคนต่างรีบล่ำลาและแยกย้ายไปทำธุระของใครของมัน พระพายเดินออกมาจากบริษัทและรีบโทรหาเก้าทันที โทรไปสองสามสายเก้าถึงจะรับสาย
“ทำไมรับช้าจังวะ” พระพายบ่นถามทันที
“โทษทีๆ งานเสร็จช้า แล้วนี่มึงอยู่ไหน?”
“อยู่หน้าบริษัท จะไปเจอกันที่ไหนดี”
“ไปร้านแถมหาลัยไหมมึง คิดถึงฝีมือป้าแต๋ว”
“เอาสิๆ ไม่ได้ไปกินนานแล้ว”
สรุปนัดแนะที่นัดกันแล้ว พระพายจึงนั่งรถเมล์ไปเพราะราคาประหยัดกว่านั่งรถแท็กซี่ ใช้เวลาพอสมควรเพราะช่วงเวลานี้เป็นช่วงรถติดกว่าจะถึงร้านที่นัดกับเก้าไว้ก็ใช้เวลาพอสมควร
ร้านอาหารของป้าแต๋วเป็นร้านอาหารกึ่งสวน ซึ่งเป็นร้านที่นักศึกษาของมหาวิทยาลัยที่อยู่ไม่ไกลจากนี่ชื่นชอบเป็นที่สุดเพราะราคาไม่แรงจนเกินไป รสชาติอร่อยและบรรยากาศดี ร้านนี้จึงเป็นร้านยอดฮิตเวลามีเลี้ยงสายของเหล่านักศึกษา
เมื่อเดินมาถึงก็เห็นเก้ายืนรออยู่หน้าร้านแล้ว แม้วันนี้เป็นวันธรรมดาแต่ลูกค้าก็ยังคงแน่นร้าน เก้าโบกมือให้พระพายที่กึ่งวิ่งกึ่งเดินไปหา
“มาช้าเหมือนกันนะมึง”
“เออสิ รถติด เข้าไปกันเถอะ”
โชคยังดีที่ในร้านอาหารยังพอมีโต๊ะว่างอยู่บ้าง แม้โต๊ะนั่นจะใหญ่ไปสำหรับสองคนแต่พนักงานเสิร์ฟก็อนุญาตให้ทั้งสองนั่งตรงโต๊ะตัวนี้ได้ พระพายและเก้านั่งลงสั่งอาหารโปรดกันทันที
“เป็นไงบ้างมึง เล่ามาสิ” หลังจากสั่งอาหารเสร็จ เก้ารีบถามพระพายทันที
“มึง กูมีเรื่องจะปรึกษา” พระพายเกริ่นหัวเรื่องขึ้นมา
“ว่ามา”
“คือ..กูไม่ค่อยมั่นใจตัวเองว่ะ ว่ากูเป็นพวกรสนิยมแบบไหน” คำพูดนั้นทำเอาเก้านิ่งไปชั่วขณะ
“มึง...ติดใจในผู้ชายแล้วเหรอวะ”
“ไม่รู้สิมึง มันมากกว่านั้น...คือ..พิธาน..เจ้านั่น มันมีรสนิยมแบบไม่เหมือนคนอื่น” พระพายกำลังพยายามหาคำพูดที่ดูจะดีที่สุดโดยที่ไม่ทำให้เก้าตกใจไปมากกว่านี้
“มันใช้โซ่แส้กุญแจมือรึยังไง?” เก้าถามพลางกลั้วหัวเราะ พระพายนิ่งไปช่วงครู่ เก้าถึงกับชะงักหยุดหัวเราะทันที
“มันทำแบบนั้นจริงๆเหรอวะ” เก้าถามอย่างตกใจ พระพายพยักหน้าแกนๆ เก้าพิงหลังเก้าพนักเก้าอี้ราวกับหมดแรงเอาดื้อๆ
“บอกกูสิว่ามันไม่ใช่ความจริง” เก้าทำท่าจะไม่เชื่อ
“มัน..เป็นแบบนั้นจริงๆว่ะ” พระพายยืนยันความคิดให้
“แล้วมึงสับสนเรื่องอะไร สับสนที่ว่านอนกับผู้ชายหรือเพราะ..เอ่อ..ไอ้ของพวกนั้นวะ?”
“ก็...ทั้งสองอย่างเลย” พระพายพูดเสียงเบาๆ
“ตายล่ะเพื่อนกู มึงเข้าไปสู่แดนสนธยาแล้ว” เก้านวดขมับอย่างเครียดแทนพระพาย
“มึง กูควรทำไงดี กูสับสนไปหมดแล้ว ทั้งๆที่เพิ่งนอนกับมันไม่กี่ครั้งเอง” พระพายจนแต้มจนต้องระบายกับเก้า
“กูขอนึกหน่อยนะ” เก้าว่าพร้อมๆกับที่อาหารที่สั่งมาวางบนโต๊ะพอดี
“ข้าวมาแล้ว กินกันก่อน เดี๋ยวระหว่างนี้กูขอนึกหน่อย”
ทั้งสองทานข้าวกันพูดคุยกันถึงเรื่องอื่นแทนที่จะเป็นเรื่องก่อนหน้านั้น ใช้เวลาไม่นานนักอาหารตรงหน้าก็พร่องลงจนเกือบจะหมดแล้ว
“อร่อยเหมือนเดิมเลย” พระพายพูดขึ้นมาพลางยกแก้วดื่มน้ำปิดท้ายหลังจากอิ่มแปล้ เก้านั่นนั่งเอนหลังพิงเก้าอี้อย่างรู้สึกอิ่มจนจุก ตอนนี้ต้องนั่งรอให้ย่อยกว่านี้ถึงจะลุกเดินได้
“เอาล่ะ กูคิดออกแล้ว” เก้าพูดขึ้นมา
“อะไร?”
“มึงยังไม่เคยนอนกับผู้หญิงใช่ไหม มึงก็แค่ลองสักครั้ง มึงก็จะหาข้อเปรียบเทียบได้แล้ว” ความคิดของเก้าทำเอาพระพายส่ายหน้าเลยทีเดียว
“มึงนี่คิดได้นะ”
“ก็ใช่ไง วิธีนี่ดีที่สุดแล้ว ไม่แน่ พอมึงนอนกับผู้หญิงมึงอาจจะติดใจมากกว่ากับไอ้นั่นก็ได้นะ”
ลองมาคิดๆดูก็จริงอย่างที่เก้าบอก ในชีวิตยังไม่เคยลองขึ้นครูหรือมีอะไรกับผู้หญิงเลยสักครั้งแล้วจะเอาอะไรมาเปรียบเทียบว่าผู้หญิงหรือผู้ชายดีกว่ากัน พูดกันตามตรงคงไม่มีใครเชื่อว่าอายุป่านนี้แล้วพระพายยังไม่เคยทำเรื่องอย่างว่าเหมือนใครเขา ไม่ใช่ไม่มีอารมณ์หรืออย่างไรแต่พระพายคิดว่าการมีอะไรกับผู้หญิงสักคนมันต้องมาจากความรักเป็นพื้นฐาน และมันจะผูกมัดกับคนๆนั้นไปอีกนานแสนนาน นั่นทำให้พระพายรู้สึกว่ามันลึกซึ้งเกินไป สุดท้ายจึงเลือกช่วยตัวเองมากกว่าจะไปนอนกับใครหรือซื้อกินอย่างที่เพื่อนร่วมรุ่นชอบทำ
“เอาตามนั้นก็ได้ จะไปเมื่อไหร่ล่ะ?”
“คืนนี้เลย เพราะถ้าขืนรอช้ากว่านี้มึงอาจจะกลับตัวไม่ทัน”
นั่นคือสิ่งที่เก้าบอกและเพียงไม่กี่อึดใจทั้งสองก็มายืนตระหง่านอยู่หน้าสถานบันเทิงที่เรียกว่าอาบอบนวด ที่มีทั้งผู้หญิงในตู้และสาวไซด์ไลน์ สถานที่ดูหรูหราจนรู้สึกเป็นห่วงเงินในกระเป๋าไม่น้อยแต่เพื่อต้องการพิสูจน์งานนี้จะกี่บาทก็ต้องยอม
“สวัสดีครับ มาครั้งแรกใช่ไหมครับคุณลูกค้า” เสียงทักทายจากพนักงานต้อนรับ
ทางนั้นพยายามพูดให้พระพายและเก้าสมัครสมาชิกรายปีแต่ทั้งสองก็ปฏิเสธไปและในที่สุดก็ตกลงที่จะเลือกสาวไซด์ไลน์เพื่อไม่อยากเสียเวลาเพราะพรุ่งนี้เช้าต้องทำงานแต่เช้า
เมื่อเข้าไปอีกห้องหนึ่งมีผู้หญิงสวยๆหน้าอกโตๆแต่งตัวรัดรูปจนเห็นแล้วหายใจไม่ออกแทนนั่งรอกันอยู่หลายคน พระพายนั้นไม่รู้จะเลือกแบบไหนดีสุดท้ายชี้ไปที่ผู้หญิงตัวเล็กหน้าอกพอใช้ได้มาหนึ่งคน ส่วนเก้านั้นเลือกอยู่นานกว่าจะได้มา
“เอาล่ะ โชคดีนะมึง...น้อง ฝากเพื่อนพี่ด้วยนะ” เก้าพูดแค่นั้นก่อนที่จะเดินตามผู้หญิงที่ตัวเองเลือกไปยังห้องข้างๆ
เมื่อเข้าไปในห้องซึ่งเป็นห้องมีเตียงนอนขนาดสำหรับสองคน ภายในห้องเปิดไฟสีส้มนวลๆชวนให้เคลิบเคลิ้ม ผู้หญิงคนนั้นเธอยิ้มหวานให้
“มาครั้งแรกใช่ไหม?” เธอชวนคุย พระพายพยักหน้ารับ ยอมรับว่าตื่นเต้นพอสมควรที่เห็นผู้หญิงคนนั้นเริ่มถอดเสื้อผ้าเหลือแต่ชุดชั้นในแล้ว
หุ่นของเธอจัดว่าดูดี ผิวขาวสวยทุกอย่างดูสมส่วนคุ้มในราคาที่พระพายจ่ายไปถึงสองพันห้า เธอเริ่มจัดการถอดเสื้อผ้าให้พระพายตอนนี้พระพายจึงเปลือยกายต่อหน้าเธอ รู้สึกอายไม่น้อยที่ต้องมาเปลือยกายต่อหน้าคนแปลกหน้าเช่นนี้
พระพายนอนลงบนเตียง เธอเริ่มเล้าโลมพระพายทีละเล็กทีละน้อย กฎเหล็กของเธอคือต้องสวมถุงยางอนามัย ไม่ใช้ปากให้และห้ามจูบเธอเด็ดขาดซึ่งพระพายก็ยอมรับมันและพูดกันตามตรงพระพายไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนดี
“พี่ยังไม่เคยมีอะไรกับกับใครใช่ไหม?” เธอถามเมื่อพระพายเกร็งตัวอย่างเห็นได้ชัด
“อืม ครั้งแรกน่ะ” ถ้าไม่นับกับผู้ชายล่ะก็นะ
“เดี๋ยวหนูจะสอนพี่เอง” เธอจูบคอของพระพาย พระพายหลับตาลงพยายามซึมซับความรู้สึกแปลกใหม่นี้แต่ในหัวกลับมีแต่ภาพของพิธานที่กำลังลูบไล้ร่างกายแทนเสียได้
พระพายสะดุ้งตัวลืมตาขึ้นมา เมื่อตอนนี้เธอกำลังจับส่วนนั้นของพระพาย ฝ่ามือเธอนุ่มนิ่มก็จริงแต่ไม่ได้ให้ความรู้สึกเสียววูบวาบเหมือนตอนที่พิธานจับมัน
ยิ่งทำยิ่งรู้สึกแปลกๆเหมือนยังไม่พอ เหมือนยังไม่ถึงสิ่งที่ตัวเองต้องการ ไม่เร้าใจไม่กระหายไม่ตื่นเต้นเลยสักนิด ยิ่งหลับตาลงเท่าไหร่ภาพของพิธานยิ่งแจ่มชัดขึ้น อารมณ์ร่วมกับหญิงสาวคนนี้ไม่แสดงออกมาให้เห็นเลยสักนิด
“พี่ไม่สบายตรงไหนรึเปล่า มันไม่ขึ้นเลย” เธอเอ่ยถามพระพาย ที่กำลังมองส่วนกลางของตัวเองที่จะห่อเหี่ยวชอบกล
“ขอโทษที พี่คงทำไม่ได้แล้วล่ะ” พระพายเอ่ยอย่างขอโทษ
“ไม่เป็นไรพี่ ก็ดีหนูจะได้ไม่เหนื่อย แต่พี่โอเครึเปล่าไม่เสียดายเงินเหรอ”
“ก็อย่างที่เห็น ช่างเถอะ” พระพายรีบไปหยิบเสื้อผ้าสวมใส่ทันที
“พี่..ถามหน่อย พี่ไม่ได้เป็นเกย์ใช่ไหม?” พระพายสะดุ้งตัวเบาๆเมื่อโดนถามคำถามนั้น
“มะ..ไม่ๆ พี่แค่เหนื่อยๆ” พระพายแกตัวทันที
“ถ้าพี่เป็นก็ไม่แปลกหรอก ท่าทางพี่ให้อยู่ ถ้าอย่างนั้นหนูจะแอบออกไปก่อนนะ พี่จะอยู่ในห้องนี้ก่อนสักพักก็ได้”
เธอบอกก่อนที่จะเดินออกไปทิ้งให้พระพายจดจ่ออยู่กับความรู้สึกที่ไม่รู้จะพูดอย่างไร ต้องยอมรับแล้วว่าพระพายไม่สามารถมีอะไรกับผู้หญิงได้ สาเหตุไม่ใช่ใครเลยแน่นอนว่าคือพิธาน กามารสที่พิธานมอบให้นั้นมันไม่สามารถหาอะไรมาเปรียบเทียบได้ ยามถูกพันธนาการ ถูกรัดข้อมือข้อเท้า รู้สึกตื่นเต้นมากจนร่างกายแปลกๆ ยามถูกรูดรั้ง พรมจูบตามร่างกาย ข้อเท้า โคนขา หรือตามซอกคอ มันรู้สึกวูบวาบอย่างไม่อยากจะเชื่อและยิ่งถูกปิดตาอีกทั้งเวลาที่ถูกฟาดด้วยอุปกรณ์ที่ชื่อเจ้าไรดิ้งครอปนั่นมันรู้สึกเจ็บปวดแต่ความต้องการมากขึ้นไปกว่าเดิมอีก ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกจดจำ แม้จะเพิ่งโดนกระทำแบบนั้นมาแต่ต้องยอมรับว่าติดอกติดใจจนไม่สามารถหาอะไรมาทดแทนได้
พระพายต้องจำยอมรับเรื่องทั้งหมดโดยไม่อาจจะหลอกตัวเองได้อีก ว่าสิ่งที่พิธานมอบให้นั้นมันหฤหรรษ์จริงและตกหลุมพรางกามารมณ์นั้นอย่างยากที่อาจจะห้ามใจหรือคิดตัดใจได้อีกแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่พระพายตระหนักดีคือการที่พิธานไม่ใช่คนดีและต้องมีวันที่เรื่องเหล่านี้ต้องยุติลง หากเมื่อวันนั้นมาถึงพระพายคงจะหาทางทำให้ตัวเองหลุดออกจากวังวนเรื่องพวกนี้ได้
คิดได้อย่างนั้นพระพายจึงเดินเข้าห้องน้ำเพื่อปลดเบาและพบว่าแกนกายของตนเองนั้นเริ่มแข็งตัวขึ้น เพียงแค่คิดเรื่องคืนนั้นก็เป็นถึงขนาดนี้เลยหรือ ได้แต่ส่ายหน้าระอาในความคิดอันทะลึ่งเหล่านั้น พระพายรีบจัดการทันทีเพื่อไม่ให้ออกไปแล้วชี้โด่ใส่หน้าคนอื่นเขา
เร่งจังหวะมือของตัวเองพลางนึกถึงเรื่องคืนนั้น ยิ่งมีความต้องการสูงขึ้นจนในที่สุดใช้เวลาเพียงไม่นานพระพายก็ทำมันสำเร็จ เสียงหายใจหอบเข้าออกดังก้องในห้องน้ำ
“นี่เราทำอะไรอยู่เนี่ย”
พระพายบ่นตัวเองก่อนที่จะรีบล้างทำความสะอาด ตลกตัวเองไม่น้อยที่เสียเงินหลายพันเพื่อมาช่วยตัวเองแทนที่จะได้นอนกับสาวไซด์ไลน์คนสวยเมื่อครู่นี้ นี่เป็นเรื่องตลกที่สุดในชีวิตของพระพายก็ว่าได้
พระพายออกมานั่งรอที่ล็อบบี้ รอเก้าที่ยังไม่ออกมาพนักงานต้อนรับเข้ามาถามไถ่ว่าเหตุใดถึงออกมาเร็วขนาดนี้ พนักงานบริการไม่ดีหรืออย่างไรกว่าพระพายจะพูดให้เข้าใจก็ใช้เวลาพอสมควร
“เป็นไงพาย เบาตัวไหมมึง?” เก้าที่เดินออกมาพอดีเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มที่บ่งบอกว่าสบายตัวอย่างเห็นได้ชัด
“กลับกันเถอะมึง” พระพายพูดเท่านั้นก่อนที่จะเดินออกจากสถานที่แห่งนั้น เมื่อออกมาไกลพอสมควรแล้วพระพายจึงเอ่ยขึ้น
“เก้า...คือกูทำไม่ได้ว่ะ”
“อะไรนะ นี่มึงไม่ได้ทำเหรอ” เก้าร้องออกมาอย่างตกใจ
“ก็เออนะสิ กู...กูทำไม่ลงว่ะ ภาพคืนนั้นมันติดตากูเกินไป” พระพายสารภาพตรงๆกับเก้าที่กำลังถอนหายใจ
“มึงไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ ตอนที่น้องเขาจะทำให้มึงน่ะ”
“มันก็ตื่นเต้นนิดๆนะ แต่พอน้องเขาจับตัวกู...กูไม่รู้สึกอะไรเลย”
“พระพาย...มึงรู้ใช่ไหมว่ามันหมายถึงอะไร”
“รู้...รู้สิ กูถอยกลับไปที่เดิมไม่ได้แล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นมึงก็ต้องสัญญากับกู ต่อจากนี้ต้องเล่าให้กูฟังตลอด กูไม่อยากให้มึงถลำลึกลงไปกว่านี้ เป็นไปได้มึงต้องอย่าให้มันเลยเถิดไปกว่านี้”
“มีอะไรกูจะมาบอกมึงแน่นอน”
“ดี ถ้าอย่างนั้นก็กลับเถอะ แยกกันตรงนี้เลย อ่อ ครั้งหน้าถ้ามันนัดมึงอีก บอกกูนะ อย่าลืม”
“ได้ๆ ครั้งนี้จะบอก” พระพายว่าก่อนที่จะขึ้นแท็กซี่ที่เก้าเรียกให้
พระพายขึ้นรถแท็กซี่แล้วเอนตัวพิงเบาะ ความรู้สึกที่อัดอั้นเมื่อเช้าค่อยๆจางหายไปแล้ว เหลือแต่เพียงความจริงที่พระพายต้องยอมรับว่าจากนี้ไปพระพายต้องยับยั้งตัวเองอย่าให้เข้าไปสู่ดินแดนลึกลับที่พิธานมอบให้ไปมากกว่านี้แล้ว เพราะไม่เช่นนั้นคนที่จะลำบากก็คือตัวพระพายเอง...
++++++++++++++++
Lyrics:Everyday By Ariana Grande ft. Future