30
“ฉาง ตื่น”
ผมปลุกมันในเช้าวันใหม่ เปิดเทอมแล้ว ชีวิตนักศึกษาของพวกผมยังคงต้องดำเนินต่อไป ตารางเรียนเทอมนี้ของผมกับฉางมีเรียนช่วงเดียวกันอยู่สองวัน เป็นหน้าที่ผมที่ต้องปลุกมันสองวันต่ออาทิตย์
ไอ้ฉางกระดิกตัวแต่ยังไม่ยอมลุก เมื่อคืนมันเอาแต่ดูซีรี่ย์ฝรั่งจนดึกดื่น ผมบอกมันจนปากเปียกว่าพรุ่งนี้เปิดเทอม ต้องตื่นไปเรียนมันก็ไม่ฟัง เลยปล่อยเลยตามเลยให้มันดูซีรี่ย์ในห้องมืดๆ ไป ส่วนตัวเองชิ่งหลับตั้งแต่เที่ยงคืนแล้ว พอถึงรุ่งเช้า ผมตื่นมาอย่างสดใสไร้กังวล
ผมเขี่ยมันอีกครั้ง
“ฉางตื่น เดี๋ยวกูสาย”
ฉางถึงยอมขยับตัวลุกขึ้นมานั่งงัวเงีย พยายามคลานออกจากเตียง ไม่วายลุกขึ้นมาโถมตัวกอดผมก่อนจะยอมเข้าไปอาบน้ำ ลีลามากจริงๆ
ผมซ้อนมอเตอร์ไซค์ไอ้ฉางไปเรียนเช่นเดิม มีแผนคิดว่าจะขับรถอยู่สักวัน ในช่วงปิดเทอมที่ผ่านมาผมให้ไอ้ฉางสอนขับรถให้แล้ว ไปทำใบขับขี่เรียบร้อย ลงทุนขับรถไปทำถึงต่างจังหวัดเพราะไม่อยากรอนาน คิดว่าอาจจะได้ใช้ในอนาคตในการรับศพมันที่คณะหลังจบโปรเจค หรือเอามันไปส่งที่คณะเพื่อทำโปรเจคอะไรประมาณนี้ เสียแต่ผมยังไม่มีรถเป็นของตัวเอง...
ของแพงขนาดนี้ผมไม่กล้าขอให้น้าซื้อหรอก อีกอย่างผมตั้งใจแล้วด้วยว่าจะไม่ใช้พาหนะไปจนเรียนจบ ไอ้ฉางมันก็เลยเสนอให้ใช้รถมัน และดูท่าคงต้องเป็นเช่นนั้น เสียแต่ถ้าผมต้องใช้รถเมื่อไหร่ผมจะจ่ายค่าน้ำมันเอง
แต่กว่าจะได้ใช้รถยนต์คงอีกสักพัก ในตอนนี้เอารถมาก็มีแต่จอดทิ้งไว้ไม่ได้ใช้ รอสักกลางๆ เทอมผมคงไปขอเบิกมันออกมาขับ
มาถึงคณะ ผมทักไอ้เขียน ไอ้แว่นและไอ้ภัคตามปกติ เพื่อนเนิร์ดสองคนบอกว่าวิชาเทอมนี้ยาก เพราะมันเริ่มอ่านมาก่อนแล้ว...เป็นความเนิร์ดแต่กำเนิดที่ผมเลียนแบบไม่ได้จริงๆ
วันเปิดเทอมผู้คนคึกคัก เสียงดังวุ่นวายไปทั่วทุกหย่อมหญ้า จากการร้างลาไม่ได้เจอกันนานของเพื่อนๆ หลายๆ คนทำให้แต่ละคนมีเรื่องเล่ามากมายพร้อมแลกเปลี่ยนกัน
“ยังคบกับไอ้ฉางอยู่ไหม”
“สวีทเหมือนเดิม”
ผมตอบกวนตีนไอ้เขียน ยักคิ้วให้มันเมื่อมันทำหน้าเหม็นเบื่อ จนตอนนี้ไอ้เขียนไม่ได้เกลียดไอ้ฉางเหมือนแต่ก่อนแล้ว แต่ผมรู้ว่าลึกๆ ในใจมันคงอยากให้ผมกลับไปคบผู้หญิงอยู่ดี ถึงได้ตอบมันไปอย่างนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับฉางยังคงราบรื่น ไม่ได้เป็นไปอย่างที่ไอ้เขียนคิดหรอก ผมจะทำให้มันรู้เองว่าเพศเดียวกันก็คบกันได้ยืดยาวไม่ต่างจากเพศไหนๆ
ผมทานข้าวเช้ากับไอ้เขียนก่อนขึ้นเลคเชอร์คาบแรกที่ส่วนใหญ่มักจะไม่มีเรียนหรอก แต่อย่างที่บอก ผมพยายามเป็นเนิร์ด ต้องตั้งใจเข้าให้ครบทุกคาบเรียนเพื่อให้มั่นใจว่าตัวเองจะไม่ได้พลาดส่วนสำคัญตรงไหนไป เกรดเทอมที่แล้วผมดีขึ้นหลังจากที่ร่วงมาเล็กน้อยตอนเทอมหนึ่ง แต่ก็ยังทำใจให้สบายไม่ได้อยู่ดี ปีสุดท้ายแล้วผมไม่มีโอกาสแก้ตัวในปีหน้าหรือปีไหนอีก มีแต่ต้องทำให้ได้ตามที่ตั้งใจไว้ให้ได้ มิเช่นนั้นที่ผ่านมาคงสูญเปล่า
แม่ยังคงอยู่โรงพยาบาล อาการเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เหมือนจะทรงตัวแต่บางทีจู่ๆ ก็ทรุดหนัก แล้วก็กลับมาทรงตัวใหม่ แต่จากร่างกายของแม่ที่ซูบผอมเช่นนี้แล้ว ผมได้แต่ทำใจเตรียมไว้เนิ่นๆ...
ได้แต่เชื่อมั่นในคำสัญญาของแม่ที่ว่าจะอยู่จนผมเรียนจบ
ผมเจอพวกอัลฟ่าอีกหลายครั้งตอนปิดเทอม เพราะพวกมันยังคงไปลงประกวดออกแบบอะไรต่างๆ ด้วยกันทันทีที่ไอ้ฉางและผมกลับมาอยู่หอ พวกบ้างานพวกนี้ บอกให้พักบ้างยังไงก็คงไม่ฟัง อัลฟ่ากับฉางยังคงตีกันตามปกติ มีเพียวคอยยุยงและฟิวเจอร์นั่งเป็นฉากหลังเหมือนเดิม
แต่ฟิวเจอร์กับเพียว...ช่วงหลังมากนี้ค่อนข้างจะแสดงออกเปิดเผยต่อหน้าผมมากกว่าเก่า มีทั้งตอนที่ผมคุยกับเพียวอยู่ดีๆ จู่ๆ ฟิวเจอร์ก็คว้าเพียวไปจูบบ้างล่ะ เพียวจะลุกไปเติมน้ำก็หันมาจุ๊บฟิวเจอร์ก่อนบ้างล่ะ นั่งตักกัน หนุนตักกันบ้างล่ะ ยังไม่นับเรื่องน่าอายอีกหลายเรื่องที่สองคนนี้ทำต่อหน้าผม อยากขอร้องให้สองคนนี้กลับไปเกรงใจผมเหมือนเมื่อก่อนจริงๆ บางฉากผมทำใจดูไม่ไหว
ไอ้ฉางกับอัลฟ่ายืนยันว่าพวกนี้ทำแบบนี้บ่อยจนพวกมันชินไปแล้ว พร้อมบอกว่าเดี๋ยวผมก็ชิน แต่ขอเถอะ จะชินหรือไม่ชินก็ไม่ควรมาสวีทกันต่อหน้าแบบนี้นะ สายตาเพียวที่หวานเยิ้มหลังโดนฟิวเจอร์รุกจูบ หยาดเยิ้มเต็มไปด้วยเสน่ห์ขนาดนี้จะทำให้ผมเคยชินได้ยังไง
...ไม่ใช่สิ
แม้จะยอมรับว่าเพียวยังคงมีเสน่ห์ร้ายกาจต่อหัวใจผม แต่ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอยากรู้จักไปมากกว่านี้ แค่ชอบมองเหมือนเจอของสวยๆ งามๆ ก็เท่านั้น แถมหลังๆ มานี้ไอ้ฉางก็เริ่มไม่งอแงเวลาผมเกิดอาการหน้าแดงต่อหน้าเพียวแล้ว
จนกระทั่งคาบบ่ายสิ้นสุดในเวลาแสนสั้น อาจารย์แค่มาชี้แจงเรื่องการเข้าชั้นเรียน การเก็บคะแนนสอบต่างๆ เท่านั้น ผมนั่งลอยชายไปกับไอ้เขียน รอไอ้ฉางเลิกก็กลับหอไปกับมัน ไอ้เขียนด่าผมแทบตาย หาว่าติดแฟน ผมสวนไปว่าทีมันติดหญิงก่อนหน้านี้ผมยังไม่งอแงใส่เลย มันถึงยอมเงียบ แต่ก็ทำหน้าหงิก ผมเลยชวนมันไปด้วยกัน แต่ไอ้เขียนปฏิเสธอย่างหนักแน่น
“ทำไมกูต้องไปนั่งดูมึงสวีทกับไอ้ฉางด้วยวะ!”
“ก็รู้นี่ ถ้างั้นกูไปละนะ” ผมหัวเราะ บอกลามันก่อนวิ่งไปขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซค์ไอ้ฉางที่มาจอดรออยู่หน้าตึก ชีวิตประจำวันแสนปกติกลับมาอีกครั้ง ไม่รู้สิ ต่อให้กิจกรรมที่ผมทำกับฉางเป็นเรื่องวงจรชีวิตที่น่าเบื่อ ซ้ำซาก วนไปอย่างนี้ทุกวันแต่ผมก็มีความสุขราวกับทุกวันเป็นวันพิเศษเมื่อได้อยู่กับมัน
หลังจากมื้อเย็น เรากลับมานอนแผ่ด้วยกันที่ห้องแสนคุ้นเคย ผมลอบมองหน้าไอ้ฉางพลางนึกว่าคนอย่างมันทั้งทำกับข้าวอร่อยจนแทบจะบินได้ ไหนยังพยายามเอาใจผมด้วยวิธีแปลกๆ อีก ถึงผมจะต้องดูแลมันเป็นครั้งคราวแต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า
“ฉาง กูดีใจที่มีมึงในชีวิตจริงๆ นะ”
“ข้าวขอผมแต่งงานเหรอ!”
“ก็เหี้ยแล้ว!”
ผมตวาดมันหน้าขึ้นสี เอาอะไรมาคิดว่าขอแต่งงานวะ เรื่องอย่างนั้น... ถึงผมจะคิดว่าถ้าผมอยู่กับมันแบบนี้ไปเรื่อยๆ คงไม่ต่างจากการอยู่ร่วมกันหลังแต่งงาน ยังไงก็เถอะ ก็ปกติของคู่ชีวิตไม่ใช่หรือ...
จวบจนเวลาเข้านอน ผมนอนมองหน้ามันที่ตอนนี้ไอ้ฉางคงหลับฝันถึงพระอินทร์ไปแล้ว ผมขยับตัวเอื้อมมือไปลูบใบหน้าของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนรัก ก่อนจะอิ่มเอมอยู่ในใจของตัวเองไปเงียบๆ
ฉับพลันไอ้ฉางที่ผมคิดว่ามันหลับไปแล้วกลับลืมตาโพลงขึ้นมา...
XXX
ข้าวของผมทำหน้าตกใจเสียน่ารัก สงสัยคิดว่าผมหลับไปแล้วถึงได้แอบมาแต๊ะอั๋งกันอย่างนี้
“แต๊ะอั๋งผมเหรอข้าว”
“มั่วแล้ว”
“เห็นๆ อยู่ อยากจับผมก็บอกดีๆ สิ”
“ไอ้บ้า! อย่างน้อยกูไม่ได้จับที่แปลกๆ เหมือนมึงนี่ อ๊ะ!”
สิ้นประโยคข้าว ผมลงมือจับที่แปลกๆ ตามที่ข้าวว่าทันที คนน่ารักร้องเสียงหลง ก่อนครางหงิงเมื่อผมขยับตัวไปขึ้นคร่อมเขา ผมส่งสายตาหมายขออนุญาต ต้นข้าวส่ายหน้า อ้างพรุ่งนี้มีเรียนเช้า งอแงบิดตัวหนีสัมผัสของผมที่คุกคามมากขึ้นเรื่อยๆ
ผมขอนิดเดียว ยืนยันกับเขาว่าจะปลุกให้เอง แน่นอนข้าวไม่เชื่อ แต่ก็หลอมละลายขัดขืนผมไม่ได้อยู่ดีเมื่อผมเริ่มลงมือ จัดการจนต้นข้าวตัวน้อยให้ตื่นขึ้นและกล่อมให้หลับใหลอีกครั้ง
ผมนอนมองหน้าข้าวยามหลับ ข้าวทำให้ผมเปลี่ยนไปมากจริงๆ ผมไม่คิดว่าตัวเองจะได้เจอคนอย่างข้าว คนที่อยากจะใช้ชีวิตไปด้วยกันเช่นนี้เรื่อยๆ อยากมีข้าวอยู่เคียงข้างและมีความสุขไปตลอดช่วงชีวิตที่เหลืออยู่ ผมตกหลุมรักเขามากขึ้นทุกวันที่ได้ลืมตาตื่นมาเจอข้าว เจ้าของหัวใจและชีวิตที่ไม่รู้ว่าจะหาได้จากไหนอีก
จวบจนรุ่งสางมาเยือน ผมทำตามที่ตัวเองสัญญาไว้ เอื้อนเอ่ยปลุกคนข้างๆ
“ข้าว ตื่น”
ตะวันลับขอบฟ้า
เราจากกันแค่ยามนิทรา
ก่อนจะตื่นขึ้นมาพบกันในทุกๆ เช้า
Wake me up
-END-
♦ ♦ ♦ ♦ ♦ ♦ ♦
จบแล้ววววว ;;A;;
ตอนแรกตั้งใจให้เรื่องนี้อยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆ จนกว่าจะทำทีสิสจบค่ะ
แต่พอทำทีสิสแล้วเครียดก็เอามาลงกับข้าวกับฉาง
ขับเคลื่อนเนื้อเรื่องไปเรื่อยๆ ด้วยพลังงานความเครียด จนมันมาจบก่อนที่คิดไปมากโข ;_;
ถึงยังไงเราก็ไม่อยากยืดให้เรื่องเยิ่นเย้อไปมากกว่านี้
ความรักของทั้งคู่ดำเนินมาถึงจุดที่เราต้องปล่อยให้พวกเขาไปใช้ชีวิตกันตามลำพังได้แล้ว
ขอบคุณยุ้งฉาง ขอบคุณต้นข้าว เพื่อนแท้ยามท้อแท้จากทีสิส เทอมหน้าไม่มีพวกนายแล้วแต่เราจะคิดถึงนะ TT
รักสองคนนี้มากจนอยากเอาขึ้นในกิตติกรรมประกาศ 5555
แม้เนื้อเรื่องจะไม่มีอะไร(ตามเคย) ดำเนินเรื่องเอื่อยเฉื่อย เรื่อยเปื่อย อาจจะน่าเบื่อไปบ้างแต่ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ
ตั้งใจให้เป็นเรื่องคลายเครียดแบบนี้ คลายเครียดทั้งคนเขียนทั้งคนอ่าน
ถ้าสองคนนี้ทำให้คนอ่านยิ้มไปกับพวกเขาได้ เราก็มีความสุขมากแล้วจริงๆ
เป็นอีกเรื่องที่ลัดคิวเรื่องอื่นๆ เอามาลง
แต่มีพล็อตไว้นานแล้ว ถ้าใครอ่านเรื่องสั้น #รีบโต จะรู้สึกว่าชื่อเรื่องคล้ายกัน
จริงๆ ตั้งใจจะเขียนต่อจากเรื่องนั้นเป็นเรื่องสั้น แต่เขียนไม่ถูกใจเสียที
จนมาวันนี้เขียนไปเขียนมากลายเป็นเรื่องยาวกว่าสามสิบตอนจนจบแล้ว แง
ภูมิใจแทนฉางจริงๆ 5555
ขอบคุณนักอ่านทุกคนที่ติดตามมาจนถึงตอนจบนี้นะคะ
ทุกกำลังใจ ทุกคอมเม้นท์มีผลกับเรามากจริงๆ

รัก รัก รัก,
Raccool
♦ ♦ ♦ ♦ ♦ ♦ ♦
ปล.เรื่องนี้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์เฮอร์มิทนะคะ : )
คาดว่าหนังสือน่าจะออกราวๆ เดือนเมษายน 2018
ขอบคุณทุกการติดตามและสุขสันต์วันคริสมาสต์ล่วงหน้าค่ะ
