พิมพ์หน้านี้ - ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 7.6.2017 p.24 |จบ|-รายละเอียดหนังสือ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: Raccool ที่ 08-08-2017 00:39:23

หัวข้อ: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 7.6.2017 p.24 |จบ|-รายละเอียดหนังสือ
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 08-08-2017 00:39:23
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ
admin
thaiboyslove.com.......................................                                                           

วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7
วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
วันที่ 11 พ.ย. 2557 เพิ่มเติมการลงเรื่องสั้นและการแจ้งว่านิยายจบแล้ว
วันที่ 4 ธ.ค. 2557 เพิ่มบอร์ดเรื่องสั้นจึงปรับปรุงกฏข้อ 18 เกี่ยวกับเรื่องสั้น และ เพิ่มเติมส่วนขยายของกฏข้อ 17



เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐ ๐



M y N o v e l ::

๐ ▆ ▇ █ Maybe….I’ll try?-เล่นของสูง █ ▇ ▆  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=41260.0)   [F i n i s h e d ]
๐   ☀ ☼ Dear Sunshine : วาดตะวัน ☼ ☀ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=51550.0)    [ F i n i s h e d ]
๐   ※ MR.GREY ※  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=58733.0)    [ F i n i s h e d ]
๐   ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61411.0)    [F i n i s h e d ]
๐   ❄ Once upon a lie #บันทึกเด็กเลี้ยงแกะ ❄  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64693.0)    [I n P r o c e s s . . .]


๐  [เรื่องสั้น] ✡ ส ม ห ม า ย ✎  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52526.0)   [ F i n i s h e d ]
๐  [เรื่องสั้น] :: ◤| Summer Wine |⊿ ::   (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=52774.0)   [ F i n i s h e d ]
๐  [เรื่องสั้น] ♪ ♫ :: SENSORY SERIES :: HEAR ♪ ♫    (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=56968.0)   [ F i n i s h e d ]
๐  [เรื่องสั้น]░【 GROWTH 】#รีบโต    (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=57556.0)   [ F i n i s h e d ]
๐  [เรื่องสั้น] 。• ✈ Page 49 ✈ •。  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=59146.0)   [ F i n i s h e d ]
๐  [เรื่องสั้น]♡ ☽ Lucky Cat ☾ ♡  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=60785.0)   [ F i n i s h e d ]
๐  [เรื่องสั้น] ✖ Soon We'll be found ✖  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61590.0)   [ F i n i s h e d ]
๐  [เรื่องสั้น] #อย่าปล่อยให้ความตายหลงรักคุณ  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=63610.0)   [ F i n i s h e d ]
๐  [เรื่องสั้น] ■ Have a ghost day #ผีของผม ■  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=64808.0)   [ F i n i s h e d ]
๐  [เรื่องสั้น] ▣ Don't kick the chair ▣  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=65435.0)   [ F i n i s h e d ]
๐  [เรื่องสั้น]┼ In another life ┼ #หากชาติหน้า  (https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=66337.0)   [ F i n i s h e d ]





♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦


(https://www.img.in.th/images/b5087ed6f063043c4ff30498a45bdda9.jpg)


"ฉาง ตื่น"



Wake me up

#รีบตื่น


♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦


สารบัญ

 หนึ่ง  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61411.0)  สอง  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61411.0)  สาม  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61411.0)  สี่  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61411.30)  ห้า  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61411.60)  หก  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61411.60)
 เจ็ด  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61411.90)  แปด  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61411.90)  เก้า  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61411.120)  สิบ  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61411.120)  สิบเอ็ด  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61411.150)  สิบสอง  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61411.180)
 สิบสาม  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61411.180) สิบสี่  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61411.210) สิบห้า  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61411.240) สิบหก  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61411.240) สิบเจ็ด  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61411.270) สิบแปด  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61411.300)
 สิบเก้า  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61411.330)  ยี่สิบ  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61411.360)  ยี่สิบเอ็ด  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61411.420)   ยี่สิบสอง  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61411.450)  ยี่สิบสาม  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61411.480)  ยี่สิบสี่  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61411.510)
 ยี่สิบห้า  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61411.540)  ยี่สิบเจ็ด  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61411.600)  ยี่สิบแปด  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61411.630)  ยี่สิบเก้า  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61411.660)  สามสิบ  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61411.690)

|จบ|

♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦


หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |หนึ่ง| - 8.8.2017
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 08-08-2017 00:43:32
1



แสงสีสว่างวูบวาบน่าแสบตา ทั้งเพลงที่เปิดดังกระหึ่มจนไม่สามารถแม้แต่จะตะโกนคุยกับคนข้างๆ ได้ ผมไม่ชอบสถานที่แบบนี้สักเท่าไหร่ แต่ที่ยอมมาก็เพราะไอ้เต็มขอร้องให้มา วันนี้เป็นวันเกิดมัน คนบ้านรวยจนไม่รู้จะเอาเงินไปทำอะไรอย่างไอ้เติมเต็มถึงได้ปิดผับเลี้ยงเพื่อนฝูงเช่นนี้



ผมถูกลากมาอย่างช่วยไม่ได้ แม้จะเคยบอกมันไปแล้วก็ตามว่างานขาดผมคนเดียวก็ไม่กร่อยหรอก แต่ไอ้เต็มก็คือไอ้เต็ม นิสัยเอาแต่ใจของมันทำให้ผมขัดใจมันไม่ได้



ลงเอยด้วยการมานั่งเหี่ยวจิบเบียร์โง่ๆ คนเดียวอย่างนี้



เพื่อนไอ้เต็มก็พอมีรู้จักอยู่บ้าง แต่ก็ไม่สนิทมากพอที่จะเข้าไปร่วมวงด้วย ถึงได้ปลีกตัวออกมานั่งคนเดียว บอกมันตั้งกี่ครั้งแล้วว่าไม่อยากมา ส่วนเพื่อนสนิทที่มาพร้อมผมอีกคน ไอ้เขียนก็ดันไปหลีสาวอยู่ไหนก็ไม่รู้



ผมนั่งมองแสงสีเสียงตรงหน้า ผู้คนมากมายที่ผมรู้จักและไม่รู้จักยืนเต้นอยู่กลางเฟอร์ท่ามกลางเสียงเพลงที่ดังสนั่นหนวกหู ทว่าคงมีแค่ผมคนเดียวที่คิดว่ามันหนวกหู



เบือนหน้าหนี เมื่อเห็นคิวห้องน้ำเริ่มน้อยลงแล้วจึงลุกจะไปเข้าบ้าง ทำธุระเสร็จกะว่าจะขอตัวกลับเลย ของขวัญก็ให้ไปแล้ว เป่าเทียนก็เป่าไปแล้ว ตอนนี้เป็นเวลาเมาของหลายๆ คนและคนที่ไม่อยากเมาอย่างผมจะกลับหอไปนอน



ผมเดินหาไอ้เต็มเพื่อบอกว่าจะกลับแล้ว แน่นอนว่าเสียงเพลงดังกลบเสียงผมเสียมิด ไอ้เต็มไม่ได้ยิน ทำหน้าตาเหรอหราเป็นหมาโง่อยู่อย่างนั้น ภาษามือจึงได้ถูกงัดออกมาใช้อย่างมั่วๆ พร้อมกับขยับปากเป็นคำๆ จนกระทั่งสื่อสารกันรู้เรื่อง ในที่สุดไอ้เต็มก็พยักหน้ารับ



เมื่อได้รับสัญญาณ ผมหันหน้าไปทางออกทันที ก้าวขาข้างที่ถนัดออกไป หวังจะกลับไปสู่เตียงรัก ทว่าก้าวได้แค่ข้างเดียวเท่านั้นกลับถูกใครบางคนฉุดไว้



ไอ้เต็ม



มันพะงาบทำปากอะไรที่ผมไม่เข้าใจ เจ้าของวันเกิดขยี้หัวก่อนจูงมือผมไปยังมุมอับแห่งหนึ่ง ไม่คิดจะพิศวาสอะไรมัน แถมเป็นไม่กี่คนที่รู้ว่าไอ้เต็มแอบชอบพี่ชายข้างบ้านตัวเองอยู่ แต่พอมันพามาที่เปลี่ยวๆ สองคนแบบนี้ก็อดสยองไม่ได้



เสียงเพลงเริ่มห่างหูมากขึ้นทุกที เสียงดังหนวกหูเริ่มแผ่วเบาจนเจือจาง เมื่อถึงจังหวะที่จะเอ่ยปากถาม คนตัวยักษ์ก็รีบพูดขึ้นมาก่อน



“กูฝากเอาไอ้นี่กลับไปด้วยดิ”



“...”



ใครวะ? หน้าผมเอ่ยถามแทนคำพูด



“เพื่อนกู ชื่อไอ้ฉาง มาถึงไม่ได้แดกสักแอะ พุ่งหาที่มืดๆ แล้วหลับไปทั้งอย่างนี้ เห็นว่าเพิ่งส่งโปรเจค”



“แล้วมึงก็ตื๊อให้มันมาให้ได้สินะ”



“แหะๆ ก็แหม วันเกิดกู กูก็อยากอยู่กับเพื่อนๆ ที่น่ารักของกูไง”



“ไม่ต้องมาอ้างเลย แต่ว่านะ กูแบกมันไม่ไหวหรอก พากลับกับคนอื่นไม่ดีกว่าหรอ”



“เดี๋ยวไอ้กันย์ก็จะกลับ กูบอกมันไปเมื่อกี้ ตอนนี้คงไปโบกแท็กซี่รอแล้ว ตอนนี้มึงมาช่วยกูพยุงไอ้นี่ไปหน้าร้านที”



ผมกรอกตาพร้อมถอนหายใจ ไอ้คนเอาแต่ใจ ยังไงผมก็ไม่เคยขัดมันได้ คิดว่าคงไม่มีใครขัดมันได้



ระยะทางไม่ไกล แต่กว่าจะแบกคนตัวใหญ่ผ่านผู้คนและแสงสีมากมายฝ่ามาจนถึงหน้าร้านได้ก็แทบหอบ ผมไม่ใช่คนตัวเล็กขนาดนั้น ออกจะสูงกว่าเกณฑ์ชายไทยนิดหน่อยด้วยซ้ำ เสียแต่ไอ้นี่ตัวโตกว่าผมหลายเท่า แถมยังหลับเป็นตาย  ถามจริง เสียงดังขนาดนี้ยังไม่ตื่นอีก ทำได้ไง



ผมเจอไอ้กันย์อย่างที่ไอ้เต็มว่าไว้ แน่นอน ผมไม่รู้จักไอ้กันย์ของไอ้เต็มมันหรอก รู้แค่หน้าร้านตอนนี้มีแท็กซี่หนึ่งคันจอดอยู่กับผู้ชายที่วัยเดียวกับผมยืนคู่กันก็เดาออกได้ไม่ยาก พวกผมจัดการยัดไอ้ขี้เซานี่เข้ารถ ก่อนไอ้กันย์จะรีบไปจองเบาะข้างหน้า ทำให้ผมต้องแทรกตัวไปเบาะหลัง นั่งข้างๆ กับคนหลับลึกไม่รู้เรื่อง



เมื่อบอกลาเจ้าของวันเกิดเสร็จ รถแท็กซี่ก็เคลื่อนตัวออกไป



“มึงจะไปที่ไหนอ่ะ” เจ้าของชื่อกันย์เอ่ยขึ้น



“หอกูอยู่แถว xx มึงอ่ะ”



“เลยมึงไปอีก งั้นเดี๋ยวไปส่งมึงก่อนก็ได้”



“โอเค”



ผมตอบ บทสนทนากำลังจะจบลงแล้วทว่าผมยังระลึกได้ว่ามีตัวขี้เซานอนตายอยู่ข้างๆ



“แล้วไอ้นี่อ่ะ” ผมเริ่มคำถาม



“อ้าว มันไม่ได้อยู่หอเดียวกับมึงหรอ”



“ไม่นะ กูไม่รู้จักมัน”



“อ้าว”



“...”



“กูนึกว่ามึงรู้จักกัน”



“กูก็คิดว่ามึงรู้จักมัน”



ทันทีที่ผมพูดจบ เกิดบรรยากาศเคว้งคว้างตลบอบอวลอยู่ในพื้นที่เล็กๆ ในรถแท็กซี่ คนขับไม่มีท่าทีแสดงความคิดเห็นอะไรให้ ก่อเกิดเป็นความเงียบชั่วขณะ



ความเพื่อนเยอะรู้จักคนไปทั่วของไอ้เต็มกำลังทำให้ผมซวย



แล้วไอ้นี่มันเป็นใครมาจากไหนวะ

“มึงลองปลุกมันดิ้”



แน่นอนว่ามันสมองอันชาญฉลาดของผมรับรู้ทันทีว่า ขนาดในงานแสงสีสาดส่องทั้งเพลงดังกระหึ่มขนาดนั้นมันยังไม่ตื่น อีกทั้งผมกับไอ้เต็มฉุดกระชากลากถูมันจากหลังร้านมาหน้าร้านแล้วมันก็ยังนิ่งอยู่ แล้วการที่ผมไปเขย่าปลุกมันจะไปช่วยอะไร



มันไม่ตื่นตามคาด



“เอาไงดี” ผมถามเพื่อนใหม่ตรงหน้า



“คงต้องเอาไปไว้หอมึง กูจะได้ช่วยแบกขึ้นไปได้ ถ้ามึงลงไปแล้ว กูคนเดียวก็คงแบกไม่ไหว”



“เอางั้นก็ได้”



ไม่ใช่เพราะเป็นคนดีอะไร แต่เพราะง่วงและเหนื่อยมากจนขี้เกียจคิดขี้เกียจตัดสินใจเลยเอาที่ไอ้กันย์ว่า ยังไงก็เป็นเพื่อนไอ้เต็ม ไม่น่ามีอะไรน่าห่วงหรอกมั้ง ไอ้เต็มเพื่อนเยอะก็จริงแต่ก็เป็นเพื่อนคุณภาพทั้งนั้น ดูจากผมเป็นต้น...



ยานพาหนะเคลื่อนตัวไปตามทางที่ผมบอก จนกระทั่งมาจอดเทียบท่าหน้าหอพักของผม ผมกับสหายใหม่อย่างไอ้กันย์ก็เริ่มต้นทำการแบกศพมีชีวิตนี่เข้าห้องผมไป ดีที่อย่างน้อยห้องผมก็ไม่ได้อยู่สูงมากนัก ไม่ต้องเสียพลังงานเยอะ เมื่อจัดการโยนมันลงบนเตียงได้ ไอ้กันย์ก็ขอตัวกลับ ผมพยักหน้าอือออใส่มัน



ประตูปิดลง ห้องสี่เหลี่ยมมีสองลมหายใจหนึ่งชีวิต ผมมองมนุษย์ซากศพที่ยังหลับไม่ตื่นอยู่อย่างนั้นก่อนไปอาบน้ำ คิดว่ามันคงไม่ตื่นมาเร็วๆ นี้หรอก และก็ตามที่คาด ผมจัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้วมันยังนอนเป็นศพค้างอยู่ท่าเดิม เมื่อไม่รู้จะทำยังไง ประกอบกับความง่วงทำให้ผมทำเพียงแค่เขี่ยมันให้ไปชิดขอบเตียงก่อนล้มตัวนอน



เพราะเลยเวลานอนผมมาพักใหญ่ๆ แล้วรวมถึงใช้พลังงานไปเยอะ ทำให้ผมหลับเป็นตายอย่างง่ายดาย แม้ว่าจะมีคนไม่คุ้นหน้านอนอยู่ข้างกาย ผมทำเสมือนสิ่งมีชีวิตข้างๆ เป็นเพียงแค่หมอนข้างหายใจได้

.

แสงอาทิตย์สอดตัวลอดผ่านผ้าม่านสีอ่อน ผมยืนมองมนุษย์ตรงหน้า ถ้ามันไม่หายใจผมคงคิดว่านอนกับศพมาทั้งคืน คนบ้าอะไร เช้าแล้วก็ยังไม่ตื่น จะหลับเอาโล่หรือไง



ผมแต่งตัวพร้อมออกไปเรียนแล้วทว่าไอ้หมอนี่ก็ยังคงลับอยู่ท่าเดิม ยืนจ้องมันมาได้สักระยะแล้วจึงรู้สึกว่าเริ่มเสียเวลา ผมหมุนตัวออกจากห้อง พร้อมทิ้งโน้ตไว้ในที่ๆ มองเห็น พลางคิดว่าถ้ามันขโมยอะไรอย่างน้อยผมก็ไปตามเรื่องจากไอ้เต็มได้



ถึงอย่างนั้นในห้องผมก็ไม่มีอะไรน่าขโมยหรอก นอกจากหนังสือเรียนกับกองชีทที่สามารถเอาไปทุบหัวคนได้



ผมใช้ชีวิตตามปกติ เอ่ยทักไอ้เขียนถึงเรื่องเมื่อคืนเล็กน้อย ไอ้เขียนหน้าง่วงหนักมาก เดาว่าเมื่อคืนคงได้สาวสักคนไปนอนกอดแน่ๆ ถึงได้สะโหลสะเหลมาแบบนี้ อันที่จริง...วันนี้เป็นวันเสาร์ แต่ต้องตื่นมาเรียนเพราะอาจารย์นัดชดเชยคาบ แถมเป็นวิชาหลักที่โหดแสนโหด ลองโดดคงศพไม่สวย เพราะเช่นนั้นนักศึกษาคณะวิศวกรรมที่ร่วมชะตาชีวิตเดียวกับผมทุกคนจึงจำต้องยอมมาเรียนในวันที่ควรได้พักผ่อนเช่นนี้



ไอ้เขียนแค่พยักหน้าให้ก่อนนั่งลงแล้วฟุบหลับไปกับโต๊ะ รออาจารย์เข้า ส่วนผมก็นั่งข้างๆ มัน กดมือถือเล่นรอคาบเรียนเริ่ม



เวลาผ่านไปจนกระทั่งอาจารย์เข้าสอน บทเรียนเริ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีเวลาให้พักสมองเพียงสิบห้านาทีก่อนจะเริ่มบทใหม่ไปจนเที่ยงวัน พวกผมในห้องตอนนี้ในระเบิดสมองตัวเองตายไปแล้ว บทเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ราวกับเป็นบทสวดภาษาฮิบรูในเยรูซาเล็มผสมภาษาอะยาปาเนโก้ ยากที่จะเข้าใจ ไม่สิ ไม่เข้าใจเลยมากกว่า



เมื่อจบคาบ สภาพแต่ละคนเมื่อเลิกคาบเรียนราวกับซอมบี้เดินได้ ไอ้เขียนชวนผมไปทานข้าวเพิ่มพลัง ผมพยักหน้าให้โดยไม่ลังเล ไม่คิดว่าการนั่งเฉยๆ ฟังอาจารย์บรรยายจะทำให้เหนื่อยล้าได้ขนาดนี้ เมื่อถึงร้าน พวกผมไม่รอช้าที่จะโซ้ยข้าวร้านหลังม.อย่างบ้าคลั่ง



“มึงไปไหนต่อป่ะ” ไอ้เขียนถามขึ้นเมื่อผมกระดกน้ำตามหลังจากกลืนข้าวไปคำใหญ่



“ไม่นะ มีไร”



“ดูหนังกัน ยังไม่อยากกลับห้อง”



“กลัวสาวไม่ยอมตื่นล่ะสิ”



“เออ รู้ก็ไม่ต้องพูด”



ผมยกยิ้ม หัวเราะหึๆ ไอ้เขียนเดาง่าย หรือไม่ก็เพราะผมตัวติดกับมันนานเกินไป ทำให้รู้ว่ามันรักสนุกแต่ไม่คิดจะผูกพันกับใครหน้าไหนทั้งนั้น เมื่อคืนคงไปคว้าใครมาแล้วไม่ได้ตกลงให้ดีก่อนเหมือนทุกทีล่ะสิท่า สาเหตุก็เพราะหน้าตามันนี่แหละที่ทำให้สาวๆ ไม่อยากรู้จักกับมันแค่คืนเดียว เห็นมันมั่วอย่างนี้ก็อยากเห็นมันตกลงกับใครสักคนเสียที แต่คิดอีกทีก็สงสารคนๆ นั้น เลยปล่อยเลยตามเลย



จะว่าไป ในห้องผมก็มีศพนอนนิ่งอยู่นี่หว่า เป็นห่วงห้องตัวเองอยู่เหมือนกันแต่ก็ขี้เกียจกลับไปวุ่นวาย โตแล้วคงคิดอะไรเป็น ตื่นมาก็คงกลับ ขอให้เป็นอย่างนั้นเถอะ



ผมไปดูหนังตามคำชวนของไอ้เขียน จวบจนเย็น ไอ้เขียนคงวางใจแล้วว่าสาวที่หิ้วกลับเมื่อคืนคงกลับห้องไปแล้ว ถึงได้พากันแยกย้ายไปตามใครทางมัน ผมเองก็คิดว่าไอ้ศพนั่นคงกลับไปแล้วเช่นกัน



แต่ทว่าไม่ใช่



ผมกลับมาถึงห้อง ในห้องเงียบสงัดจนน่าทำให้คิดว่าเป็นเช่นนั้น แต่เมื่อได้เปิดไฟให้แสงสว่างกับห้องเท่านั้นแหละ ซากศพที่ผมร่วมแบกกับเพื่อนกันย์เมื่อคืนยังนอนครองเตียงผมอยู่เช่นเดิม ในท่าใหม่...



มันจะเกินไปแล้วนะโว้ย นี่มึงตายจริงๆ ใช่มั้ย



ผมเข้าไปมองมันที่ตอนนี้จำชื่อไม่ได้แล้ว สังเกตว่ายังมีลมหายใจก็โล่งอกเล็กน้อย มันหลับทั้งวันจริงๆ หรอวะ มันยังเป็นคนอยู่มั้ย ผมลองสะกิดสิ่งมีชีวิตบนเตียงอีกสักพัก ก่อนยอมแพ้ นอนก็นอนไป กูจะไปอาบน้ำแล้วกันงั้น ผมไม่ชอบดองเค็มตัวเองนานๆ กลับหอเมื่อไหร่ถ้าไม่ติดพันอะไรก็จะอาบน้ำทันที เมื่อวานถือเป็นเรื่องที่ต้องฝืนทนจริงๆ ที่ต้องทนเน่าทั้งคืน เพราะไอ้เต็มนั่นแหละ



จะว่าไป ลืมไอ้เต็มมันไปเลย จริงๆ จะถามว่าไอ้นี่มันเป็นใครมาจากไหนจากไอ้เต็มอีกรอบก็ได้ อย่างน้อยรู้จักเอาไว้ก็ไม่เสียหาย เผื่อมันทำอะไรขึ้นมา



แต่คิดอีกทีก็ช่างแม่งเถอะ อีกเดี๋ยวมันคงตื่นและคงไปที่ของมันเอง ส่วนผมก็ไม่คิดจะสานสัมพันธ์อะไรต่ออยู่แล้ว แค่ให้ที่พักเพราะไม่มีทางเลือกต่างหาก



ผมปล่อยให้สายน้ำไหลผ่านร่างกาย ปล่อยให้สมองได้คิดเรื่อยเปื่อยพลางเอื้อมมือไปหยิบแชมพูมาบีบเพื่อพบว่ามันหมดขวดแล้วอย่างอารมณ์เสีย ขวดใหม่ก็อยู่ข้างนอกอีก จะไม่สระก็ไม่ได้ รู้สึกไม่สะอาด เลยได้แต่กลั้นใจปิดน้ำ พันผ้าเช็ดตัวแง้มประตูออกไป โอเค ไอ้ศพนั่นยังคงนอนอยู่ ผมเดินเร็วไปทางถุงใส่สบู่แชมพู มาม่าและขนมต่างๆ ที่ปลายเตียง คุ้ยหาไม่นานก็เจอ เมื่อได้ของก็รีบหันตัวกลับมาหวังจะกลับเข้าห้องน้ำไป



แต่ภาพที่ปรากฏตรงหน้าทำเอาใจผมหล่นวูบ สะดุ้งเฮือกใหญ่จนเกือบลืมหายใจ



ไอ้ศพที่เอาแต่นอนมาตลอดจู่ๆ ก็ตื่นมาจ้องหน้าผม



ผมอ้าปากค้าง ไม่มีคำพูดอะไรออกจากปากทั้งที่ในหัวมีความคิดมากมายแล่นเต็มไปหมด ทั้งตกใจทั้งฉงน ฉับพลันที่สบตากับดวงตาสีดำสนิทตรงหน้า หัวสมองผมขาวโพลนราวกับโดนดูดลงไปในห้วงมหาสมุทร ผมจ้องแววตาเขาไม่หยุด



ก่อนที่จะหลงไปในห้วงอวกาศ ผมก็หน้าขึ้นสีจนร้อนผ่าว เพราะสายตาตรงหน้าเริ่มไล่ลงมาสำรวจทั่วตัวผม



ไอ้ชิบหาย กูมีแค่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียว



ครั้นจะอ้าปากต่อว่าก็ไม่มีคำพูดอะไรออกมา เลยได้แต่กอดแชมพูในอ้อมแขน วิ่งเข้าห้องน้ำไป



ไอ้เหี้ย เวลาตื่นมีเยอแยะ จู่ๆ จะมาตื่นตอนนี้ก็ได้หรอวะ





...และนั่นเป็นครั้งแรกที่ผมได้รู้จักมัน...ยุ้งฉาง



..



I



ง่วง ง่วง ง่วง



พอแล้ว อยากหลับ เต็มมันพูดอะไรของมัน พอแล้ว ไม่ต้องมายุ่ง จะลากไปไหนอีก ไม่มีแรงแล้ว ง่วง อยากนอน จะนอน



...ที่นี่ที่ไหนอีก ไอ้เต็มบอกพามางานวันเกิด นึกว่าปีนี้จะจัดที่บ้านมันเหมือนทุกที จะได้แอบไปนอนที่ห้องมัน แต่ปรากฏว่าเป็นที่ไหนไม่รู้ เสียงดัง คนเยอะ หงุดหงิด อยากนอน ไม่ต้องมาห้าม ลากมาได้แต่ไม่มีสิทธิ์ห้ามคนจะนอน ยอมโดนลากมาก็ดีแค่ไหนแล้ว



ไอ้เต็มพูดอะไรไม่รู้เรื่อง แต่มันไม่มาห้ามแล้ว ก็ดี ตรงนี้ดูเงียบดี พื้นซีเมนต์ก็ไม่เป็นไร นอนได้ พอแล้วนะ ไม่ต้องมายุ่ง



จะนอนแล้ว



...



ที่นี่ที่ไหน ห้องใคร? กี่โมงแล้ว เพิ่งเที่ยงหรอ หิว แต่ยังนอนได้อีก ไหนๆ ก็ยังไม่มีใครเห็น งั้นขอนอนก่อนแล้วกัน...



...



เสียงอะไร... ใคร? ขาวจัง ตัวก็บางนิดเดียว ผู้ชายหรอ อย่างน้อยก็ดีกว่าผู้หญิง ไม่เสียงดังนะ เพิ่งตื่น มันจะหนวกหู จะพูดอะไรก็ได้แต่อย่าตะโกนนะ อ้าว ไม่พูดเฉยเลย วิ่งเข้าห้องน้ำไปแล้ว อะไรล่ะนั่น เจ้าของห้องหรอ เป็นคนพามาหรอ ต้องรอบอกขอบคุณมั้ย หรือกลับเลยดี แต่เตียงที่นี่นอนโคตรสบาย งั้นขอนอนรอเจ้าของออกมาแล้วกัน...





และนั่นเป็นครั้งแรกที่ได้รู้จักต้นข้าว

 

.





Z Z Z Z Z Z Z Z Z Z





เปิดเรื่องใหม่แล้ว คิดว่าคงเป็นแนวเอื่อยๆ เหมือนเคย


ขอฝากยุ้งฉางกับต้นข้าวไว้ด้วยนะคะ

หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |หนึ่ง| - 8.8.2017
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 08-08-2017 01:22:46
ตะลึงในพาร์ทพระเอก 55555555555555555555555555
ติดตามนะคะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |หนึ่ง| - 8.8.2017
เริ่มหัวข้อโดย: Rungsai ที่ 08-08-2017 03:40:33
ดูเป็นคนงง ๆ ดีนะ 5555555555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |หนึ่ง| - 8.8.2017
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 08-08-2017 07:34:14
ตามจ้าตาม ชอบ ๆ น้องต้นข้าว  น่ารักใจดีมีน้ำใจจัง
ยุ้งฉาง ตัวโตแต่ชื่อน่ารักซะ อะไรจะหลับได้หลับดีขนาดนั้น
แล้วตื่นตอนไหนไม่ตื่น ตื่นมาเจอฉากดี ๆ ขาว ๆ ซะงั้น 555 สงสารน้องข้าว
ยุ้งฉาง ต้นข้าว อะไรจะชื่อสมเป็นกิ่งทองใบหยกขนาดนั้น  :-[
ยุ้งฉาง ดูมึน ๆ งง ๆ ท่าทางจะทำให้น้องต้นข้าวเราปวดหัวน่าดูแน่
เหมือนจะมีอีกหลายคู่เนอะ ทั้งเพื่อนเต็ม เพื่อนเขียน ก็น่าสนใจ
ติดตามยุ้งฉางกับต้นข้าวจ้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |หนึ่ง| - 8.8.2017
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 08-08-2017 07:56:43
อะไรจะง่วงขนาดนั้นกันพ่อคุณ ฮา
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |หนึ่ง| - 8.8.2017
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 08-08-2017 08:15:11
เรื่องใหม่  :katai2-1: :katai2-1:

 :mc4: :mc4: :mc4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |หนึ่ง| - 8.8.2017
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 08-08-2017 09:29:28
ชอบอ่ะ อยากอ่านต่อแล้วค่ะ
จะว่าเอื่อยมันก็เอื่อยนะแต่ว่ามันมีอะไรที่น่าติดตามซ่อนอยู่
น่าอ่านมากค่ะ รออยู่น้า ขอบคุณค่ะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |หนึ่ง| - 8.8.2017
เริ่มหัวข้อโดย: flimflam ที่ 08-08-2017 10:56:02
โอ๊ย น่ารักจังค่ะ งื้อออออ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |หนึ่ง| - 8.8.2017
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 08-08-2017 12:38:53
ฮาความมึนพระเอก
ชื่อน่ารักจังเลยค่ะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |หนึ่ง| - 8.8.2017
เริ่มหัวข้อโดย: ▲TEACHCHY▼ ที่ 08-08-2017 13:15:18
เห็นคำโปรยแล้วนึกว่าเป็นเรื่องของพี่ฉางแมวส้ม
แต่พออ่านๆไปก็ว่าไม่ใช่หรอก จะมากลับลำอีกทีก็ตอนพาร์ทพี่ฉางนี่แหละ
พี่เป็นแมวใช่ไหมบอกมาาาา 55
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |หนึ่ง| - 8.8.2017
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 08-08-2017 18:05:19
แงงงงงงง น่ารักอีกแล้ววว ชอบบบบ จะตามติดเลย อิอิ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |หนึ่ง| - 8.8.2017
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 08-08-2017 20:06:15
พี่ฉางเป็นคนงงๆ 5555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |หนึ่ง| - 8.8.2017
เริ่มหัวข้อโดย: Babelilong ที่ 09-08-2017 01:44:30
ง้อวววววว ชอบๆ ติดตามๆ
ความมึนนี้ ยุ้งฉางงงงง
 :katai5: :katai5:
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |หนึ่ง| - 8.8.2017
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 10-08-2017 10:29:16
งุ้ย

ตื่นเต้นๆๆๆ

อยากอ่านแล้ว
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |หนึ่ง| - 8.8.2017
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 10-08-2017 15:24:34
แอบเข้ามารอพี่ฉางตื่นน
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |หนึ่ง| - 8.8.2017
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 10-08-2017 20:27:23
 :m20: ยุ้งฉางอย่ามึนหนะ...ชอบบบบ....  o13 ตามค่ะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สอง| - 10.8.2017
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 10-08-2017 22:02:13
2


หลังจากทำใจให้สงบลงได้ ก็ตั้งสติออกไปคุยกับมันอีกที ไอ้ตัวง่วงยังคงนอนแผ่อยู่บนเตียงผมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขอโทษที ตื่นแล้วก็ช่วยลุก นี่ห้องกูมั้ย แต่ก็นั่นแหละ ผมกล้าด่ามันได้แค่ในใจ อย่างน้อยมันก็เป็นคนไม่สนิทมากพอที่จะสามารถด่าต่อหน้าได้ ผมปล่อยให้ความเงียบทำงานสักพัก ก่อนเอ่ยปากทักถามเรื่องราว



มันชื่อยุ้งฉาง โดนไอ้เต็มฉุดกระชากลากถูมางานเลี้ยงทั้งๆ ที่ไม่ได้นอนมาสองวันติด ผมไม่ได้ขุดคุ้ยรายละเอียดมันไปมากกว่าชื่อและคณะที่มันเรียน ก่อนไล่มันกลับอย่างสุภาพ คิดว่าอย่างดีก็แค่ทักทายกันหากเจอกันข้างนอก เท่านั้น



ไม่คิดว่าหลังจากนั้นไม่ถึงอาทิตย์ดี ผมกลับเจอมันนอนหลับอยู่หน้าหอพักตัวเอง…



ไอ้เชี่ยแม่ง!



“อ้าว ข้าวกลับมาแล้วหรอ เนี่ย เพื่อนข้าวมารอตั้งนาน”



หืม ใครเพื่อนผมครับ



ริมฝีปากผมยกยิ้มเกร็งให้คุณป้าเจ้าของหอ อยากจะบอกว่าไม่ใช่เพื่อนก็ไม่ได้ เล่นมารบกวนกันหน้าหอขนาดนี้ ถ้าผมปฏิเสธไปคงลำบากคุณป้าเข้าน่าดู อีกทั้งไอ้หมอนี่ยังเอาชื่อผมมาอ้างไปแล้ว หมดทางแก้ตัวอย่างสิ้นเชิง



ผมหัวเราะฝืดๆ ให้คุณป้า ก่อนเอ่ยถามเรื่องราวก่อนหน้า



“ป้าก็ไม่รู้นะ เห็นพ่อหนุ่มเค้ามานั่งรออยู่หน้าหอ ป้าก็เลยถาม เขาบอกแค่ว่าเป็นเพื่อนข้าวป้าเลยปล่อยให้เค้ารอไป ไม่รู้ว่าจู่ๆ ก็หลับเสียอย่างนี้ ปลุกก็ไม่ตื่น”



ผมอยากจะตบกะโหลกตัวเองให้แตก  ไปรู้จักตัวพิลึกอะไรมาอีกวะเนี่ย



“ขอโทษแทนไอ้นี่ด้วยนะครับ เดี๋ยวผมจัดการต่อเอง”



“มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะลูก”



“ขอบคุณครับ”



ยังดีที่หอพักของผมไม่ได้มีระเบียบเคร่งเครียด อีกทั้งยังสนิทกับเจ้าของหอมาตั้งแต่เริ่มอยู่ ที่ผ่านมาก็ไม่เคยก่อเรื่องสักครั้ง คุณป้าถึงไม่ว่าอะไรผม ถึงแม้ว่าจะมีกฎห้ามพาคนนอกเข้าหอก็ตาม



เมื่อเหลือเพียงแค่ผมกับมันครอบครองพื้นที่อยู่หน้าหอ ผมก็ได้แต่ถอนหายใจ ตอนนั้นไอ้กันย์ช่วยแบกยังหนัก นับประสาอะไรกับการแบกไอ้ศพยักษ์นี่คนเดียว



ผมภาวนาให้มันตื่น หลังจากที่สะกิดที่ใบหน้ามันไปหลายที แน่นอน คำภาวนาของผมไม่สัมฤทธิ์



“เฮ้อ ลำบากกูอีกแล้วสินะ”



ถึงจะไม่รู้สาเหตุที่มันมานั่งตายหน้าหอผมแบบนี้ ถึงอย่างนั้นก็ต้องรับผิดชอบพามันเข้าห้องไป เพื่อที่จะได้ไม่รบกวนคนอื่นๆ



ทว่าทันทีที่ผมยกมันขึ้น น้ำหนักตัวของมันทำเอาผมเซแทบล้ม ไอ้สัด หนักจริงๆ ด้วย



แล้วอย่างนี้จะพาขึ้นบันไดยังไงให้ไหววะ จะไปเรียกป้าหอให้มาช่วยก็ใช่เรื่อง แกก็มีอายุแล้ว แถมเป็นผู้หญิง เกรงว่านอกจากจะช่วยไม่ได้แล้วยังจะเป็นการทรมานหญิงแก่ไปอีก



โว้ย ตัวปัญหาจริงๆ



ใช่เรื่องกูมั้ยเนี่ย



พยายามขยับตัวมันอีกสองสามทีก็ต้องล้มเลิกความคิด จับมันนั่งที่เก่าเหมือนเดิม ก่อนล้มตัวนั่งข้างๆ บ้าง เป็นห่าอะไรทำไมตัวหนัก ถึงแม้ว่ามันจะตัวโตกว่าผม แต่นั่นก็แค่เล็กน้อยเท่านั้น เชื่อว่าตัวเองก็ไม่ได้ผอมบางอะไรขนาดนั้น แต่เพราะไอ้นี่น่าจะกระดูกคนละเบอร์มากกว่า ไม่ได้ตัวใหญ่เพราะกล้ามเนื้อ แต่เป็นเพราะโครงร่าง



ผมนั่งถอนหายใจอยู่ข้างมันสักพัก ไอ้ฉางยังคงหลับเป็นวัวตายหัวพิงผนังอยู่อย่างนั้น ไม่เมื่อยหรอเอาจริง เหนื่อยใจกับมัน..



ผมจ้องมองใบหน้าของมันไประหว่างคิดว่าจะจัดการเรื่องนี้ยังไง ไล่มองสันจมูกโด่งอย่างนึกอิจฉา มองเส้นผมหน้าม้าสีดำสนิทที่ไว้แสกข้างจนยาวปรกตาของมัน ทรงคิ้วและริมฝีปากเข้ากับรูปกับจมูกและเครื่องหน้า เอาจริงๆ ยุ้งฉางเป็นคนหล่อชนิดหาตัวยากคนหนึ่ง ยอมรับว่าผู้ชายด้วยกันยังมองว่ามันหล่อ เสียแต่เป็นบ้า ผมเชื่อว่าคนปกติคงไม่มานอนเอาเป็นเอาตายในที่แบบนี้หรอก



ถอนหายใจอย่างจนใจอีกครั้ง เมื่อหาทางออกไม่ได้ ผมจึงเลือกวิธีที่โง่ที่สุดอย่างการเรียกชื่อมัน



“ฉาง ตื่น...”



เป็นการแก้ปัญหาอย่างหมดปัญญา รู้ว่าทำไปก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก เสียพลังงานตัวเองไปเปล่าๆ ทว่าสิ่งที่ผมไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อแพขนตาที่เรียงตัวกันของคนข้างๆ เริ่มขยับ เปลือกตาเริ่มเปิดออก



มันตื่นว่ะ!



ผมเบิกตาโพลงมองมัน ไอ้ฉางกระพริบตาสองสามทีก่อนหันมามองผมด้วยแววตาสะลึมสะลือ



“ข้าว...”



“...มาทำอะไรเนี่ย กลับบ้านไปนอนไป”



“...นอนด้วยนะ”



“...ไม่”



“นะ...ไปไม่ไหวแล้ว”



“บ้านอยู่ไหน”



“ไม่บอก”



อ้าวไอ้...!



“นอนด้วย แปบเดียว”



กูไม่เชื่อมึงหรอก



“นะ เต็มบอกว่าข้าวใจดี”



แล้วกูไปเกี่ยวอะไรกับไอ้เต็ม



“ยังไม่ได้นอนเลย จะตายแล้วอ่า”



แล้วทำไมต้องห้องกู



“นะ นะ”



ผมถอนหายใจ ตัดใจเอ่ย



“จะมาก็เดินขึ้นมาเอง”



ว่าจบก็ชันตัวลุกเดินนำมันเข้าหอไป ไอ้ฉางพยายามลุกขึ้นยืนตัวโยน เดินสะโหลสะเหลตามผมมาติดๆ ผมไม่ได้ใจดีหรอก แต่ระหว่างที่มันขึ้นบันไดก็ต้องกังวลอยู่แล้วว่ามันจะตกไปตายไหม เป็นจิตสำนึกทั่วไปของมนุษย์โลกไม่ใช่หรือ เมื่อมันรอดปลอดภัยจนถึงหน้าห้อง ผมถึงเปิดประตูให้มันเข้าไป ไอ้ฉางทิ้งข้าวของกองไว้ที่ประตูทางเดิน ก่อนพุ่งตัวลงไปซบที่เตียง



เอาเลย ตามสบายเลย คิดว่าเป็นห้องตัวเอง แม่ง



จนใจจะต่อว่า ผมไม่สนใจมัน จัดการธุระของตัวเองไปเงียบๆ เมื่อถึงเวลานอน ผมถึงค่อยกระแซะดันมันไปติดขอบเตียง ก่อนล้มตัวนอนลงบ้าง



ครั้งนี้หลับยากกว่าครั้งแรก คงเพราะไม่ได้ล้าจนหลับได้ทุกสถานการณ์เหมือนวันแรกที่เจอมัน ครั้งนี้จึงค่อนข้างประหม่าที่มีคนมานอนข้างๆ แถมเป็นใครไม่รู้ที่ไม่ได้ซี้อะไรด้วยทำให้ผมค่อนข้างเกร็ง ถึงแม้ว่าคนข้างๆ จะหลับเป็นตายและไม่ได้สนใจอะไรเลยก็ตาม



ทำไมถึงกล้าเปิดห้องให้มันอีกครั้งนะข้าว



ผมถามตัวเอง ไม่มีคำตอบใดตอบกลับมานอกจากความคิดตัดจบ ยังไงเสียก็พามันเข้ามาแล้ว ทำอะไรไม่ได้ ไอ้นี่ก็นอนครองเตียงไปแล้ว มึงก็หลับๆ ไปเถอะข้าว ครั้งที่แล้วมันก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากนอน ครั้งนี้ก็หวังว่ามันจะเป็นแบบนั้น



คิด พลางหันไปมองสภาพคนข้างๆ ไอ้ฉางนอนคว่ำหน้าซบกับหมอน นิ่งไม่ขยับ ไม่รู้สภาพในโลกความจริงใดๆ



ผมถอนหายใจ ปล่อยวาง ขยับตัวหันหลังให้มันก่อนพยายามข่มตานอน







น่าแปลก...ถึงจะหลับยากกว่าเดิม แต่ก็ไม่ได้หลับยากกว่าที่คิด





.



II



ไม่ได้อยากมารบกวนข้าวหรอก แต่จู่ๆ ขาก็พามาที่นี่เอง เมื่อคิดหาที่นอนที่ใกล้ที่สุด หอข้าวเป็นคำตอบที่โผล่เข้ามาในหัวอย่างรวดเร็ว รู้ตัวอีกทีก็เดินมาถึงแล้ว



รู้หรอก ว่าไม่สมควร แต่ทำไงได้ พอมาถึงก็ขี้เกียจเดินต่อแล้วถึงได้นั่งรอข้าวจนหลับไปอย่างนี้



ทีแรกก็คิดว่าข้าวอาจจะไม่ให้เข้าห้องก็ได้ แต่รบเร้านิดหน่อยสุดท้ายข้าวก็ปล่อยให้เข้ามาโดยที่แทบจะไม่พูดอะไรด้วยซ้ำ เหมือนที่เต็มว่า ข้าวใจดีจริงๆ



หลังจากวันแรกที่เจอข้าว กลับไปก็เจอเต็มอีกรอบ เลยถามเรื่องข้าวนิดหน่อย ไม่ยักรู้ว่าคนใจดีอย่างข้าวจะมาคบหากับเติมเต็มได้ด้วย แต่เห็นว่ารู้จักกันจากที่เรียนพิเศษสมัยม.ปลาย คงไม่ได้สนิทกันมากล่ะมั้ง จะว่าไป ผมกับเติมเต็มเองก็รู้จักกันเพราะไปเข้าค่ายด้วยกัน ไม่คิดว่าจะสนิทกับเต็มได้ถึงขั้นนี้เหมือนกัน



โทษเต็มละกันที่อัธยาศัยดีเกินไป



กับคนเบื่อโลกอย่างผม เต็มก็ยังหาทางมาเป็นเพื่อนกันได้



ผมนั่งชันตัวมองเจ้าของห้องที่นอนหลับปุ๋ย แสงจันทร์และแสงไฟจากข้างนอกเล็ดรอดเข้ามาฉาบใบหน้ามนเบาบาง เผยให้เห็นใบหน้าละมุนเจือจาง



วันแรกผมไม่ได้สังเกตเขามากขนาดนี้ ตอนนั้นยังง่วงมากนี่ แต่พอวันนี้หลังจากที่สะดุ้งตอนเกือบตีห้าผมกลับมานั่งมองเขาเสียอย่างนั้น พลางเกิดความคิด คนอะไรทำไมใจดีขนาดนี้ ทำไมกล้าให้คนอย่างผมเข้ามาในห้อง ไม่กลัวอะไรเลยหรือไง ผมคิดอย่างนั้น แต่ก็ยังมาหาเขาอยู่ดี



ก็ไม่คิดว่าจะยอมให้เข้ามานอนง่ายๆ อย่างนี้นี่นา



คิดไว้ว่าอย่างน้อยต้องโดนไล่ตะเพิดสักรอบสองรอบแน่ๆ ไม่คิดว่าแค่พูดนิดหน่อยข้าวจะยอมให้เข้ามาแบบง่ายๆ ใจดีเกินไปรึเปล่า ใจดีแบบนี้จะลำบากเอารึเปล่านะ



ใบหน้าข้าวตอนหลับราวกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ เอื้อมมือลูบใบหน้ามน วนมือผ่านราวกับกลัวว่าใบหน้าสวยจะบอบช้ำ เครื่องหน้ากับรูปหน้าหมดจดเสียจนอยากเก็บไว้มองแค่คนเดียว เครื่องหน้าข้าวเรียกได้ว่าดีทีเดียว จะว่าสวยก็ใช่ หล่อก็ได้ ใบหน้ามีเสน่ห์แบบที่ไม่ได้ต้องมองจนเหลียวหลังหรือสะดุดตาทันทีที่เห็น แต่เป็นรูปหน้าที่หากได้มองสักครั้งแล้วยากที่จะละสายตา



ข้าวเป็นแบบนั้น



ตรงสเปคผมเลย



ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเป็นหญิงหรือชาย ตอนนี้ผมแค่ถูกใจทั้งหน้าตาและนิสัยก็เท่านั้น ข้าวมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด



ในตอนนี้ ผมไม่ได้คิดกับข้าวมากไปกว่าอยากรู้จักมากกว่านี้



.





ผมกระพริบตาไล่ความง่วง ชันตัวลุกเมื่อแสงอาทิตย์ส่องทะลุผ่านเปลือกตาจนน่ารำคาญ ขยี้ตาปรับแสงสักพักก็เริ่มได้สติ สิ่งแรกที่ผมเห็นไม่ใช่วิวจากริมระเบียงอย่างทุกที แต่หากเป็นใบหน้าของใครสักคน



ไอ้ฉาง!



ผมสะดุ้งเฮือก เมื่อเห็นมันนั่งจ้องหน้าตัวเองอยู่ล่างเตียง ดวงตาสีดำสนิทมองผ่านเส้นผมที่ปรกหน้า มองทะลุนัยน์ตาผมอย่างอ่านไม่ออก ผมเลื่อนสายตาลงไป เห็นฉางกำดินสอและสมุดสเก็ตช์ไว้กับมือ คิ้วผมขมวดเข้าหากันเป็นเกลียว



“ทำอะไร”



“วาดข้าว...”



“...วาด...วาดอะไรนะ จะวาดทำไม”



“ไม่รู้ อยากวาด”



“...”



ผมจนใจจะทำความเข้าใจในบทสนทนา เอ่ยมองหน้ามันเปล่งเสียงแกมบังคับ



“ตื่นแล้วก็กลับไปได้แล้ว”



“ยังก่อน”



“?”



“ยังวาดข้าวไม่เสร็จ”



แล้วใครมันใช้ให้มึงวาดวะ ปวดหัวกับมันจริงๆ เลยโว้ย



“ไม่ต้องวาดแล้ว”



“ไม่ได้หรอก”



“ทำไม”



“อยากเก็บข้าวไว้”



“??”



อะไรของมันวะ ผมไม่เข้าใจคำพูดเด็กศิลป์ แต่ก็ไม่อยู่รอเป็นแบบให้มันเช่นกัน ชันตัวลุกขึ้น เข้าห้องน้ำไปล้างหน้าแปรงฟัน  พยายามละเลยแขกไม่ได้รับเชิญในห้อง



ทำธุระของตัวเองไปอย่างไม่สนใจมันที่นั่งๆ นอนๆ อยู่ ภายในห้องเงียบเหมือนผมเป็นสิ่งมีชีวิตเดียวในห้องสี่เหลี่ยม วันนี้ผมมีเรียนบ่าย ทำให้ไม่ต้องรีบร้อนอะไรมากนัก เสียแต่มนุษย์ศพในห้อง ผมไม่รู้ตารางชีวิตมัน



ฉางยังคงนั่งเงียบ มีเสียงดินสอฝนลงกับกระดาษดังเบาบางเท่านั้น ผมหันซ้ายหันขวา สุดท้ายก็จำใจเอ่ยตัดความเงียบ เพื่ออยากยุติสงครามประสาทที่เหมือนว่ามีผมคนเดียวที่เล่น



“ไม่มีเรียนหรือไง”



“ไม่มี”



สิ้นคำตอบ ห้องกลับมาเงียบอีกครั้ง คณะสถาปัตย์ฯไม่ต้องเรียนกันแล้วหรือไง จะหงุดหงิดก็ทำไม่ลง ถ้าผมหัวเสียใส่มัน คงไม่ต่างกับโวยวายใส่ขอนไม้หรือก้อนหิน เหมือนเป็นบ้าคนเดียว



ผมถอนหายใจ



“ไม่มีอะไรก็กลับไปได้แล้วไป”



“ไม่ไป”



ผมหันไปสบตาสีดำที่จ้องผมอยู่ก่อนแล้ว เพ่งสายตาทั้งตำหนิและสงสัยให้มันไป



“ขออีกแปบเดียว” ฉางบอกก่อนก้มลงวาดรูปในมือต่อ



“เมื่อคืนก็พูดงี้”



“แต่ผมก็นอนแปบเดียวเอง ตีห้ากว่าก็ตื่น ”



“ตื่นแล้วก็ออกไปซะทีสิ”



“ก็ไม่ได้บอกว่าตื่นแล้วจะออกไปนี่”





โอ้ย เหนื่อยโว้ย

 

 



                                                               
  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦

 

เหนื่อยกับฉางเหมือนกันข้าว...

ฉางจะผุบๆ โผล่ๆ มาแบบนี้ไปเรื่อยๆ ค่ะ

อารมณ์เหมือนสัตว์มาเล่าเรื่องเจ้าของเป็นพักๆ

ส่วนใหญ่จะมาตอนข้าวหลับ 5555

หวังว่าจะไม่งงกันนะ



ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สอง| - 10.8.2017
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 10-08-2017 22:14:15
 :hao7: แงงงงงงง น่ารักมากเลย
อ่านพาร์ทข้าวจะแบบ ดูฉางมึนๆ อึนๆ ติสท์ๆ
แต่พออ่านพาร์ทฉางรู้สึกเคลิ้ม รู้สึกเป็นคนที่อบอุ่นเหลือเกิน เหมือนโดนล่อลวง5555555 :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สอง| - 10.8.2017
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 10-08-2017 22:53:05
คนละมุมกันเลยค่ะสังคม 55555555555555555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สอง| - 10.8.2017
เริ่มหัวข้อโดย: flimflam ที่ 10-08-2017 23:44:12
ขำความอยากเก็บข้าวไว้ ไม่สิ ไม่ใช่แบบนั้นสิฉาง 55555555555555
ฮือ เอ็นดูความง่วง
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สอง| - 10.8.2017
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 11-08-2017 02:44:08
 :ruready ไม่งงค่ะ...ชอบความอึนๆของฉาง กับความใจดีแบบงงของข้าวค่ะ...รวมแล้วน่ารักดี...  :hao3:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สอง| - 10.8.2017
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 11-08-2017 07:24:07
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สอง| - 10.8.2017
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 11-08-2017 07:38:53
ยุ้งฉาง 555  โอ้ย  น่ารักแบบมึน ๆ อ่ะ หลงเสน่ห์น้องข้าวเต็มตัวซะแล้ว
ก็น้องข้าวออกจะใจดีขนาดนี้ เนอะ จะไม่หลงรักได้ไง
นี่ขนาดแค่อยากรู้จักนะ นั่งวาดรูปเขา อยากเก็บข้าวไว้เชียว  :-[
แล้วปลุกยังไงก็ไม่ตื่น ไหงน้องข้าวเรียกชื่อแค่นั้น ตื่นเฉย คนอะไรฮาจริง
ชอบเรื่องนี้มาก น่ารักทั้งยุ้งฉางต้นข้าวเลย
ขอบคุณคนเขียนมากค่า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สอง| - 10.8.2017
เริ่มหัวข้อโดย: ป้ากิ่งkingkarn ที่ 11-08-2017 07:48:13
น่ารักทุกๆตรงเลยค่ะ ชอบๆๆๆ
ขอความผลุบๆโผล่ๆ ความมึนเนียนๆของฉางอีกบ่อยๆ
ขอความอิดหนาระอาใจแต่ยอมๆไปของข้าวอีกเยอะๆ
รออ่านต่อค่า ขอบคุณจ้า :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สอง| - 10.8.2017
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 11-08-2017 11:35:51
พี่ฉางงงงงงงงงงงงงงง น่ารักกกกก
ชอบความมึนๆและความขี้เซาของพี่ 555555
 :mc4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สอง| - 10.8.2017
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 11-08-2017 12:36:47
ฉางน่ารัก แต่ก็ปวดกะบาลแทนข้าวเหมือนกัน 5555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สอง| - 10.8.2017
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 11-08-2017 18:18:50
 :jul3: :jul3: :jul3:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สอง| - 10.8.2017
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 11-08-2017 19:04:03
แหนะ ชอบเขาก็จีบเขาสิคุณฉาง :hao7:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สาม| - 14.8.2017
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 14-08-2017 00:06:22
3



“แล้วคือ...มันก็มาค้างด้วยบ่อยๆ ?”



“วันเว้นวันเลยสัด”



ผมว่า สบถอย่างหัวเสียใส่เพื่อนสนิทอย่างไอ้เขียน ระบายความทุกข์ช่วงนี้ให้มันฟัง



“มึงก็ไม่ต้องเปิดให้มันเข้าดิ”



“กูทำแล้ว ปรากฏป้าหอมาเคาะหน้าห้องกูบอกเพื่อนมาหา แม่งเอ้ย”



“ข้าว กูอยากหัวเราะว่ะ”



“...” ผมหันไปจ้องหน้าไอ้เขียนอย่างกินเลือดกินเนื้อ ไอ้เขียนทำหน้าพิลึก เหตุเพราะพยายามกลั้นขำกลั้นยิ้มจนหน้าออกมาบิดเบี้ยว ตลกนักหรอ มาลองโดนดูเองมั้ย



“แล้วได้ไล่ไปยัง”



“สิบรอบแล้ว มันไม่ไป”



“คนไรวะ สุดยอดเลย” ไอ้เขียนว่าน้ำเสียงสั่น ดูก็รู้ว่าพยายามกลั้นหัวเราะอยู่ เพื่อนเลว



“วันหลังกูจะบอกพิกัดหอมึง ใกล้มอไม่ต่างกัน”



“เสียใจว่ะ หอกูมียามเฝ้า ไม่ให้คนนอกเข้าถ้าไม่มีบัตรห้อง หรือไม่ได้มากับเจ้าของห้อง”



รำคาญมัน ต้องโทษที่หอกูไม่มีระบบรักษาความปลอดภัยมากพอสินะ



ผมตักข้าวเข้าปาก ไม่สนใจน้ำเสียงเยาะเย้ยของไอ้เขียนมัน โรงอาหารวิศวะไม่ค่อยเจริญหูเจริญตา ไอ้เขียนถึงได้สนใจเรื่องของผมมากว่าเหล่หาหญิง



ข้าวคำสุดท้ายถูกยัดเข้าปาก ตามด้วยกระดกน้ำตาม เสร็จสิ้นภารกิจข้าวกลางวัน ยังไม่ทันตอบปฏิเสธไอ้เขียนเรื่องที่จะไม่ทานอะไรต่อ สายตาผมก็เหลือบไปเห็นร่างคุ้นตา



ดีนะไม่ได้กำลังดื่มน้ำอยู่



ถึงอย่างนั้นก็แทบสำลักน้ำลายตัวเองเหมือนกัน



ไอ้ฉางมาทำอะไรแถวนี้วะ!



“ข้าว”



ไม่ทันได้บอกไอ้เขียน ไม่ทันได้ตั้งตัวหลบ ฉางมันก็หันมาสบตาเข้ากับผมอย่างจัง ฉับพลันรอยยิ้มบนหน้ามันก็ปรากฏขึ้นพร้อมกับเสียงเรียก...ชื่อของผม



อยากเอาหัวโขกโต๊ะตาย



“มีอะไร”



ผมยอมเอ่ยถามมันเมื่อไอ้ฉางเดินมาหาผมถึงโต๊ะเรียบร้อย ไอ้เขียนหันซ้ายหันขวามองผมสลับกับไอ้ฉางไปมา ก่อนสมองมันจะประมวลผล รับรู้ว่าคนตรงหน้าเป็นใคร



นอกจากไอ้เขียนผมก็มีเพื่อนอยู่ไม่กี่คนที่สนิทด้วย และไอ้เขียนมันก็รู้จักหมด เพราะงั้นไม่ใช่เรื่องยากที่จะเดาว่าคนตรงหน้านี่คือใคร ถ้าไม่ใช่บุคคลที่เป็นหัวข้อสนทนาเมื่อครู่



“มาหาหนังสือ ห้องสมุดคณะข้าวอยู่ตรงไหนหรอ”



“ตึกสีแดงชั้นสอง ขึ้นบันไดไปแล้วเลี้ยวซ้าย”



“...”



“อะไร?”



ผมถาม เมื่อเห็นมันยังคงนั่งนิ่งทั้งๆ ที่ได้ที่อยู่ของจุดหมายปลายทางแล้ว ฉางโยกตัวก่อนเอ่ยตอบ



“ยังพูดไม่จบ จะบอกว่ามาหาข้าวด้วย”



ไอ้เขียนกลั้นขำพรืด ส่วนผมนั่งหน้าบูด



“กูมีเรียนต่อ ไปละ”



ผมพูดตัดบททันทีเมื่อไอ้ฉางมันทำท่าจะนั่ง ชันตัวลุกออกจากเก้าอี้ก่อนเดินลิ่วหนีมันไป ไม่ได้หันไปมองหน้ามันด้วยซ้ำ บอกแล้วว่าไม่ใช่คนใจดี ยอมให้ขนาดนี้ก็ดีเท่าไหร่แล้ว



ผมก้าวฉับๆ ทว่าได้ยินเสียงฝีเท้าตามมาข้างหลัง ไม่ใช่ไอ้เขียนเพราะมันเดินขนาบข้างผมอยู่ พอหันกลับไปก็เห็นคนมาเยือนเดินตามมาติดๆ



“ตามมาทำไมวะ” ผมเอ็ด



“ตึกสีแดงชั้นสอง ขึ้นบันไดแล้วเลี้ยวซ้ายไง”



บัดซบ ลืมไปว่าผมเรียนตึกเดียวกับที่ๆ มีห้องสมุดคณะ



.



“ไอ้ฉางอะไรนี่ตลกดีนะ”



“เหอะ มาลองเจอเองจะไม่ตลก”



ผมกระซิบตอบไอ้เขียนในขณะที่พวกเรากำลังอยู่ในคาบเลคเชอร์ มือกำปากกา จดตามสไลด์ตรงหน้า หูใช้ฟังคนข้างตัว และใช้ปากตอบมัน สมองแทบไม่ได้ใช้ไปกับเรื่องการเรียน



“มันพูดเหมือนมันจะจีบมึงเลย จี้ชะมัด มึงอย่าไปเดินทางสายนั้นล่ะข้าว”



ผมกำลังจะอ้าปากตอบมันแต่กลับต้องรีบหุบปากฉับ เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นไอทะมึนบางอย่างหน้าห้องเสียก่อน อาจารย์ธนาทิตย์กำลังจ้องมาทางไอ้เขียนตาเขม็ง ก่อนจะตะเบ็งเสียงแข็ง



“นักศึกษา ถ้าไม่เรียนก็ออกไป”



ผมก้มหน้าหลบคำต่อว่า พลางนึกในใจ เขียน มึงพูดยาวไป



..



“นึกว่าจะตายซะแล้ว”



หลังเลิกคาบ ไอ้เขียนถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนระบายความในใจ หลังจากที่มันนั่งหุบปากมานานนับชั่วโมง



“เพราะมึงพูดมากนั่นแหละ”



“ไม่ให้พูดในคาบแล้วจะให้พูดตอนไหน ให้รอเลิกเรียนแล้วออกมาพูดมันก็ไม่ได้ฟีลแล้วดิ”



“เออ ก็สมควรจะโดน”



“ใครจะไปหวังเกียรตินิยมแบบมึงกันล่ะ”



ผมหันไปมองมันเงียบๆ ไอ้เขียนถึงหุบปาก รู้ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเอามาล้อเล่น



“โทษที แล้ววันนี้มึงจะเอาไง”



“...” ผมนิ่ง นึก กลัวว่ากลับไปจะเจอไอ้ฉางมันให้ยุ่งยากจะรับมืออีก เลยตัดสินใจใช้ตัวเลือกข้างๆ



“กูไปนอนด้วย”



“เสียใจนะน้องข้าว วันนี้กูนัดน้องตาลไว้”



ไอ้บัดซบ แล้วจะถามทำแมวอะไร!



“ช่วยกูไม่ได้แล้วยังจะถาม”



“กูพูดสักคำหรอว่าจะช่วย”



ทำไมรอบตัวกูมีแต่คนกวนประสาทวะแม่ง



“มึงก็ลองหาคนอื่นดู ไอ้แว่นงี้ ไอ้ภัคงี้ แก๊งอัจฉริยะของมึงอ่ะ”



ผมเหล่ตาใส่มัน เพื่อนในคลาส ดูก็รู้แล้วมั้ยว่ากูไม่ได้สนิทกับพวกมันถึงขั้นนั้น เวร



แต่รู้ ถ้าผมเถียงมันออกไปก็จะไม่จบเรื่องเปล่าๆ เปลืองพลังงาน จึงได้แต่ตอบปัดไป



“เออ เดี๋ยวลองดู”



สิ้นเย็นวันนั้น ผมเตร็ดเตร่อยู่แถวหอพัก ชะลอการเข้าห้องไว้ระยะหนึ่ง เดินสำรวจตามซอกซอยของหอราวกับเพิ่งเคยมาครั้งแรก หลังจากที่ไอ้เขียนทิ้งผมไปกับสาว เป้าหมายในชีวิตผมจึงเลื่อนลอย



ไม่มีใครไปเที่ยวเป็นเพื่อน จะให้ไปดูหนังคนเดียวก็คิดเรื่องที่จะดูไม่ออก จะช็อปปิ้งก็ไม่รู้จะซื้ออะไร ปกติผมไปเป็นเพื่อนไอ้เขียน ปล่อยมันตัดสินใจล้วนๆ พอตัวตัดสินใจในการเที่ยวไม่อยู่ ผมก็ได้แต่มาเดินเตร็ดเตร่อยู่แถวนี้



จนกระทั่งพลบค่ำ คิดได้ว่าสมควรแก่เวลากลับ ถ้าไอ้ฉางมารอคงมาตั้งแต่ตอนเลิกเรียน นี่ก็ปาไปหลายชั่วโมงแล้ว มันคงกลับไปแล้วล่ะมั้ง สิ้นสุดความคิด ขาผมเดินลากยาวไปยังเส้นทางปกติ กลับสู่หอพักอันคุ้นเคย



สำรวจหน้าทางเข้าหอ ไม่มีใคร ชั้นรองรับคนก็ไม่มีใคร บันไดก็ไม่มีใคร ผมเริ่มใจชื้น เดินขึ้นไปเรื่อยๆ จนมาถึงหน้าห้อง



มีไอ้ฉางหลับพิงประตูห้องอยู่...



โว้ย ชีวิต



.



III



“ฉางตื่น”



เสียงเรียกนุ่มหูปลุกผมได้อีกครั้งอย่างน่าสงสัย ผมขยับเปลือกตา เปิดมันออก ภาพตรงหน้าเลือนรางก่อนจะชัดเจนขึ้น ปรากฏเป็นภาพใบหน้าของต้นข้าว ที่นี่ที่ไหน กี่โมงแล้ว ผมถามตัวเอง ไม่ได้คำตอบ หากแต่มีเสียงตรงหน้าดังขึ้น



“ตื่นแล้วก็ออกไป”



“...”



“ไม่ต้องหันหนีเลยสัด เมื่อคืนมึงก็นอนเต็มอิ่ม ไม่ต้องมาทำง่วง”



“ไม่..”



ผมชะงักคำพูดไปเมื่อพลิกตัวแล้วเจอกับหมอนคละกลิ่นแป้ง กลิ่นของข้าว เตียงของข้าว ที่ผมกลับมานอนอีกครั้ง ข้าวบ่น แต่ก็ยังพาผมเข้ามานอนในห้องเนี่ยนะ 



“ไม่อะไร ออกไปเลยไอ้ฉาง อย่าให้มันมากนัก”



“...ข้าวพูดไม่เพราะเลย”



“สะ..!!”



คำพูดที่คล้ายจะเป็นคำด่าของข้าวถูกกลืนลงไป คนตัวขาวเรียบเรียงคำพูดในหัวใหม่



“ออกไปด้วยครับ”



เห็นไหม ข้าวใจดีจะตาย บอกอะไรก็ยอมไปหมดแบบนี้ อันตรายนะรู้มั้ย



“ทำไมผมนอนที่นี่ไม่ได้”



“เพราะที่นี่มันห้องก- ห้องผม”



“แต่เมื่อวานก็นอนได้ วันก่อนๆ ด้วย”



“อันนั้นผมไม่มีทางเลือก”



“งั้นครั้งนี้ข้าวก็ไม่มีทางเลือก”



“โว้ย ให้มันน้อยๆ หน่อย นี่ห้องกูนะ แล้วมึงเป็นใคร สนิทกันหรอ? ก็ไม่ มารบกวนนอนห้องกูแบบนี้ไม่อายหน่อยหรือไง”



“...”



ผมเงียบเป็นคำตอบ ข้าวก็เงียบ ที่เงียบไม่ใช่เพราะคิดตามคำพูดของข้าว แต่เพราะอยากรู้ว่าข้าวจะหาทางปฏิเสธผมยังไงต่อ



ผมรู้ ผมมารบกวน ผมไม่สนิท แต่ต่อจากนี้ผมตั้งใจจะสนิทกับเขาให้ได้ ข้าวน่าสนใจออก เสียแต่ผมมีงานยุ่ง ไปหาข้าวตอนกลางวันไม่ค่อยได้ ถึงได้เลือกมานอนห้องเขารบกวนข้าวไปวันๆ เช่นนี้แทน ช่วยไม่ได้นี่ ผมเหนื่อยกับการคิดแบบส่งอาจารย์มาทั้งวัน พอมาเรื่องข้าวก็ขอคิดแบบง่ายๆ อย่างนี้แหละ



“คือ...มึงจะมานอนก็ได้ จริงๆ ก็ไม่ได้รบกวนกูขนาดนั้น แต่ขอเถอะ จะมาก็บอกกันหน่อย ไม่ใช่จู่ๆ ก็โผล่มานอนตายอยู่ตรงหน้าห้องหน้าหอ แบบนี้กูเหนื่อยนะ รบกวนคนอื่นด้วย”



“...”



“คือ...”



“ข้าวบอกเองแล้วนะ”



“หา”



“เรื่องที่ว่าจะมานอนนี่ก็ได้”



ผมว่า หัวเราะคิก เห็นไหม ข้าวใจดีจริงๆ ด้วย



“ไอ้...! ก็นานๆ ทีมั้ย ห้องกูก็ขอให้มันเป็นส่วนตัวบ้าง แล้วมึงไม่รู้สึกอะไรเลยหรือไงมานอนห้องคนแปลกหน้าเนี่ย”



“ไม่นะ”



“โว้ยยย”



“สำหรับผม ข้าวไม่ใช่คนแปลกหน้า”



“เคยเจอกูมาก่อนหรือไง”



“ไม่รู้เหมือนกัน” อาจจะเคยเดินสวนกันมาก่อนก็ได้นี่



แต่ที่ว่าข้าวไม่ใช่คนแปลกหน้า เพราะผมอยู่กับข้าวแล้วไม่อึดอัด ไม่เหมือนอยู่กับคนแปลกหน้า อยู่กับข้าวแล้วสบายใจจะตาย



ข้าวไม่ตอบ ได้แต่ปิดตาราวกับกลั้นอารมณ์บางอย่างไว้



“ผมอยู่นิ่งๆ เงียบๆ ไม่รบกวนข้าวหรอก”



“ประเด็นคือมันเป็นห้องกู กูไม่อยากให้มีใครมาอยู่ด้วย”



“ผมอยู่ก็เหมือนไม่อยู่ เชื่อสิ หอข้าวใกล้ม.สบายจะตาย”



“พูดงี้ไม่ย้ายมาอยู่หอล่ะวะ”



“ผมถามป้าหอแล้ว ที่นี่ไม่มีห้องว่าง”



“มึงก็หาที่อื่น เยอะแยะ”



“วุ่นวายเกินไป”



“โว้ย เดี๋ยวกูช่วยหาก็ได้ จะได้เลิกมายุ่งกับกูซะที”



“งั้นช่วยย้ายของเข้าหอด้วยนะ”



“...”



ข้าวไม่ตอบอะไรแล้ว ได้แต่เดินกำหมัดไปจากสายตาผม ส่วนผมที่ตอนนี้อยู่บนที่นอน ก็เซ็ตตัวได้ที่แล้ว ผมจะนอน



ข้าวใจดีเกินไปแบบนี้ ต่อไปต้องเจอคนเอาเปรียบแน่ๆ เพราะงั้นผมจะปกป้องข้าวเอง



ปกป้องที่นอนของผมด้วย



.



สุดจะทนแล้ว แต่ทำอะไรไม่ได้ ทำไมผมทำอะไรมันไม่ได้เลย แค่เถียงมันยังไม่ได้ อยากจะเรียกตำรวจให้มันจบๆ ไป แต่ก็รู้ว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรขนาดนั้น ปกติแล้ว ผมไม่ใช่คนใจร้ายโดยกมลสันดาน แต่ก็ไม่คิดว่าตัวเองใจดี ไม่เคยมีใครเข้ามาให้ใจดีด้วยเป็นเครื่องยืนยันเรื่องนี้สักเท่าไหร่



แต่พอไอ้ฉางเงียบตอนผมต่อว่ามัน พลันเหมือนเห็นหมาแมวตัวโตๆ หงอยเวลาโดนเจ้าของดุ



ผมแพ้สัตว์ หมายถึง รับมือกับพวกมันไม่ค่อยได้ เจอหน้าหมาหงอยแบบได้ฉางเข้าไปถึงได้ยอมสับปลับ เปลี่ยนคำพูด ไม่คิดว่าไอ้ฉางจะไร้ยางอายยึดมั่นเอาคำพูดของผมเป็นตัวกำหนดจริงๆ จังๆ



บัดซบ คนปกติส่วนใหญ่ก็ต้องรับรู้แล้วสิว่าที่ผมพูดต่อว่าเมื่อกี้เป็นการตำหนิครั้งใหญ่ ตนสมควรออกจากห้องนี้ไปตามคำพูดของเจ้าของห้อง แม้ว่าเจ้าของห้องจะลดหย่อนคำพูดลงมา ไม่ให้กระทบกระเทือนจิตใจตนมากเกินไป



แต่ก็ควรรู้ได้แล้วว่า มึง ควร ออก ไป!



ถึงอย่างไรก็ตาม สุดท้าย ผมก็ไล่มันออกไปไม่ได้เช่นเคย ปล่อยมันนอนอุตุครอบครองหมอนและผ้าห่มของผมไว้ ขดตัวอยู่ริมเตียงที่ซึ่งกลายเป็นที่ประจำของมันไปแล้ว



ส่วนผม...ก็ได้แต่ถอนหายใจ นั่งอยู่ที่โต๊ะหนังสือ



เอาจริง มันมานอนที่นี่ก็เริ่มบ่อยครั้งขึ้น ผมก็จนใจจะเถียงมันมากขึ้น ปล่อยปละให้มันเข้ามานอนมากขึ้นจนร่างกายกำลังจะชินกับความรู้สึกที่มีคนมานอนข้างๆ เสียอย่างนั้น



รับรู้ได้จากผมหลับสนิทได้ง่ายลงกว่าครั้งแรก เป็นสัญญาณที่ไม่ดีเอาซะเลย ผมกำลังชินกับมันหรอ



ไอ้ฉางไม่ใช่คนนอนดิ้น ไม่กรน ไม่เสียงดัง แทบไม่ขยับ หลับเหมือนศพ สภาพไม่มีส่วนไหนรบกวนผมนอกจากร่างควายๆ ของมันที่กินพื้นที่เตียงไปเกือบครึ่ง ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้ใช้พื้นที่เตียงเต็มทั้งหมด แต่ก็อดคิดให้สิ่งๆ นี้เป็นเรื่องก่อกวนที่สุดไม่ได้อยู่ดี



เอาเถอะ มาถึงขั้นนี้แล้ว จะปล่อยหรือไม่ปล่อยก็คงเหมือนเดิม ไอ้ฉางยังไงก็คงจะมารบเร้าขอสิงสถิตเป็นยิ่งกว่าวิญญาณอาฆาตตามหลอกหลอนอยู่ที่ห้องผมอยู่ดี



ปิดตำรา ถอนหายใจ ลุกไปปิดไฟในห้อง



ก่อนสอดตัวลงไปใต้ผ้าห่มที่ยึดจากไอ้ฉางมาได้ครึ่งนึง นอนๆ ไปให้หมดสิ้นเรื่องราว








                                                                 ♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦




สงสารข้าว ได้แต่ยอมๆ แมวเซาไปวันๆ 5555555


ฝากแฮชแท็ก #รีบตื่น ไว้เผื่อพูดคุยกันในทวิตด้วยนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สาม| - 14.8.2017
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 14-08-2017 05:52:43
เขียนตลกดี รอบตัวข้าวมีแต่คนกวนๆเนอะ 55555

โอ๊ยยย พี่ฉางจะทำเนียนแบบนี้ไม่ได้นะ! ปวดหัวแทนข้าว 555
ปกป้องที่นอนของพี่ให้ดีนะพี่ฉาง!
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สาม| - 14.8.2017
เริ่มหัวข้อโดย: winndy ที่ 14-08-2017 06:06:07
แมวเซาน่ารัก
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สาม| - 14.8.2017
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 14-08-2017 07:46:45
โอ้ยยย ยุ้งฉางงง  น่ารักอ่ะ คนอะไร ตีเนียน ทั้งด้านทั้งทนได้ขนาดนี้ นี่ชมนะ  :laugh:
สงสารต้นข้าว ปวดหัวแทน ก็ต้นข้าวใจดีแบบนี้ไง ใจอ่อนตลอด ยุ้งฉางเลยติดหนึบ
ไม่สนิท แต่ก็เพราะอยากสนิทไงจ้ะ คนไม่มีเวลาเลยต้องอาศัยตีเนียน ด้านได้อายอดอ่ะ 555
ต้นข้าว เริ่มชินกับการมีอยู่ของยุ้งฉางแล้ว งั้นก็ให้ยุ้งฉางมาอยู่ช่วยหารค่าห้องไปเลยสิ ไหน ๆ ก็ทำอะไรไม่ได้ ฮาา
นี่สงสัย ถ้าไม่ใช่เสียงต้นข้าว ใครมาเรียก ฉางตื่น ฉางจะตื่นไหมอ่ะ หรือต้องเสียงน้องข้าวเท่านั้นน้อ  :-[
รอตอนต่อไปจ้า ชอบจังเลย อ่านแล้วอารมณ์ดีจัง ขอบคุณคนเขียนนะคะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สาม| - 14.8.2017
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 14-08-2017 08:04:21
ฉางจะปกป้องที่นอน 5555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สาม| - 14.8.2017
เริ่มหัวข้อโดย: thyme812 ที่ 14-08-2017 08:35:13
 :laugh:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สาม| - 14.8.2017
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 14-08-2017 09:34:48
จีบข้าวเหรอฉาง ถ้าบอกว่าจีบนี่คงเรียกได้ว่าเป็นการจีบที่มึนมาก ฮา
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สาม| - 14.8.2017
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 14-08-2017 09:41:05
อ่านแล้วอึนแทนข้าว555555 พระเอกงงงๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สาม| - 14.8.2017
เริ่มหัวข้อโดย: insomniac ที่ 14-08-2017 10:38:49
เดี๋ยวนี้เขาจีบกันแบบนี้แล้วเหรอ 55
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สาม| - 14.8.2017
เริ่มหัวข้อโดย: flimflam ที่ 14-08-2017 10:56:04
ข้าววว ขอไปนอนด้วย ฮือ น่ารัก
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สาม| - 14.8.2017
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 14-08-2017 12:37:23
สงสาร 55555555555555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สาม| - 14.8.2017
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 14-08-2017 12:49:30
เนียนนอนทุกวัน อาบน้ำมั้งไหมเรา
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สาม| - 14.8.2017
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 14-08-2017 14:48:49
ฉางคือคนอึนๆ ที่หน้ามึนสุดๆอะ
รู้นะว่าอะไรเป็นอะไร แต่จะทำแบบนี้อะ
ก้ฉางคิดว่าแบบนี้ดี ไม่เห็นเปนไร ทำไมทำไม่ได้งี้5555
เอาที่ฉางสบายใจเลยค่าาา ข้าวทำไรไม่ได้อยุ่แล้ว
จุดนี้สงสารข้าว ไม่รอดแน่ๆ55555 โดนตามติดขนาดนี้
ข้าวก้ใจอ่อนใจดีขนาดนี้ เสร็จฉางแน่ๆ
รอค่าาาา
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สาม| - 14.8.2017
เริ่มหัวข้อโดย: zuu_zaa ที่ 14-08-2017 14:50:57
 :z1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สาม| - 14.8.2017
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 14-08-2017 14:56:23
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สาม| - 14.8.2017
เริ่มหัวข้อโดย: Fonz_Juz19 ที่ 14-08-2017 17:36:15
ฉางน่ารักแบบมึนๆ ข้าวน่ารักแบบใจดีอ่ะ
ชอบมากๆเลย
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สาม| - 14.8.2017
เริ่มหัวข้อโดย: pockypocky ที่ 14-08-2017 20:33:16
งื้ออออออ น่ารักจังง ฉางนี่เหมือนหมาตัวโตๆสุดๆไปเลยยย
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สาม| - 14.8.2017
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 14-08-2017 21:59:07
นี่คือวิธีจีบฉบับของคุณฉางเองสินะ 5555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สาม| - 14.8.2017
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าเชียงชุน ที่ 14-08-2017 22:41:04
กลัวแมวขี้เซาเขมือบข้าวเข้าสักวัน
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สี่| - 15.8.2017 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 15-08-2017 00:00:21
4



“นั่นอะไร...”



“แมว”



“...”



กูรู้มั้ยล่ะ ที่จะสื่อคือ มึงถือแมวมาด้วยทำไม



ผมขมวดคิ้ว จับจ้องไปยังคนตรงหน้าและสิ่งมีชีวิตตรงหน้า ไอ้ฉางมาปรากฏตัวหน้าหอผมอีกครั้ง ดูท่าจะนั่งรอผมมาสักพักแล้ว คราวนี้มันพกแมวจรสีส้มมาด้วย แถมสายตานั้นเหมือนจะสื่อว่าให้ผมทำอะไรสักอย่าง



แล้วกูจะทำอะไรล่ะครับ คนสร้างเรื่องมันมึงเอง



“ข้าว...”



“ที่หอเลี้ยงแมวไม่ได้ ปล่อยมันไปเลย”



“แต่มันจะโดนหมาในซอยกัดเอา”



“งั้นก็หาคนรับเลี้ยง”



ไม่ได้ใจดีอย่างที่บอก แต่ก็ไม่ได้ใจจืดใจดำจะให้ทิ้งสัตว์เล็กตรงหน้าได้ลงคอ เสียแต่...ทำไมกูต้องมาร่วมรับผิดชอบสิ่งมีชีวิตนี้ด้วยวะ ทั้งๆ ที่ไอ้ฉางเป็นคนเก็บมาเองแท้ๆ



“งั้นรอสักวันสองวันได้มั้ย”



“ที่นี่ไม่ให้เลี้ยงแมว ถ้าจะรอ ก็หาที่ให้มันอยู่เอง” ผมว่า พูดตามความจริงแม้อาจจะฟังดูใจร้าย



“ข้าว...”



“ไม่”



“ข้าว...นะ สองวัน สัญญา”



“ไม่...”



“ข้าว มันจะตายเอานะ”



“เออ สองวัน มึงดูแลเองนะ”



“ครับ หึๆ” ไม่วายมีส่งเสียงหัวเราะในลำคอ ไม่รู้ทำไม ผมปฏิเสธมันแบบจริงๆ จังๆ ไม่เคยได้เลยสักครั้ง ไอ้ฉาง มึงมันเลว



อย่างที่เคยบอก ผมแพ้ทางพวกสัตว์ ไม่รู้ต้องรับมือยังไง เพราะฉะนั้น เรื่องเลี้ยงแมวนี่จะไม่ขอเข้าไปยุ่ง ถ้าอยากเลี้ยงมันนักก็เลี้ยงเอง กูให้ยืมแค่สถานที่เท่านั้น



ไอ้ฉางจัดการอุ้มแมวสีส้มพร้อมกับเอาเสื้อคลุมบังไม่ให้ป้าหอหรือคนในหอเห็น เดินตามผมเข้าห้องไปติดๆ อย่างมีพิรุธจนน่ารำคาญ อยากจะหันหน้าไปด่าแต่รู้ตัวอีกทีก็มาถึงหน้าห้องแล้ว เลยปล่อยให้มันเอาเข้าไป



ฉางจัดการปูที่นอนให้แมวจรโดยใช้เสื้อคลุมตัวเอง ขอยืมผ้าขนหนูที่ไม่ใช้แล้วของผมไปหนึ่งผืน ที่ยอมก็เพราะไม่ใช่ยักษ์มาร ช่วยอะไรได้ก็ช่วย แค่หาอุปกรณ์ ไม่เหนือบ่ากว่าแรง ขอแค่ไม่ต้องไปยุ่งกับมันไปมากกว่านี้ก็พอ



ไอ้ฉางเช็ดตัวแมวจรจนสภาพดูดีขึ้นมานิดนึง พร้อมกับเล่าว่าไปเจอแมวตัวนี้ตอนกำลังหนีสุนัขในซอยอยู่ ไอ้ฉางเห็นมันหลบมุมเลยแอบสังเกตการณ์อยู่ห่างๆ พอหมาพวกนั้นหายไป ถึงได้รอสักพักก่อนเก็บมันขึ้นมา แมวส้มไม่ดิ้นขัดขืนต่อสู้อย่างที่นึก ไม่รู้ว่าหมดแรงแล้วหรืออะไร  แต่นั่นก็ทำให้ไอ้ฉางเอามันมาถึงหน้าหอผมจนได้



พับผ่าสิ



หลังจากที่ฉางเช็ดตัวแมวส้มเสร็จ ภายในห้องที่เงียบงันมาพักหนึ่งถึงมีเสียงมันตัดขึ้นมา



“เดี๋ยวผมลงไปเอาอาหารกับอุปกรณ์อีกนิดหน่อยนะ”



มันพูด แล้วไปเลย ทิ้งผมไว้กับตัวตายตัวแทนตัวจิ๋ว



ผมเลี้ยงแมวไม่เป็น อันที่จริง ผมเลี้ยงสัตว์ไม่เป็นเลย ไม่คิดจะเข้าใกล้ด้วยซ้ำ ก็เห็นว่ามันน่ารักดี แต่ก็ไม่ได้นึกพิศวาสอยากเข้าไปลูบไปจับเหมือนคนอื่นเขา มาตอนนี้ ผมเลยไม่รู้จะทำยังไงกับก้อนแมวสีส้มตรงหน้า จึงได้แต่นั่งมองมันไปเรื่อยๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ แต่ก็ไม่กล้าทิ้งไว้



แมวส้มไม่ได้ทำอะไรให้ผมกังวล นึกว่ามันจะวุ่นวายกว่านี้ ทว่าแมวจรตัวนี้กลับเอาแต่เลียขนแล้วก็นั่งอยู่เฉยๆ แปลกแมว ถึงจะไม่ใกล้ชิดกับสัตว์ แต่ปกติแล้วมันก็ต้องตื่นตัวกับสถานที่แปลกถิ่นไม่ใช่หรือ ถ้าไม่กลัว อย่างน้อยก็ต้องเดินสำรวจสักนิด แมวตัวนี้ไม่มีสัญชาตญาณแมวหรืออย่างไร



พลันคิดถึงหน้าคนๆ หนึ่งขึ้นมา



จะใครได้อีก ก็พ่อมันไง ไอ้ฉาง ไอ้นี่เองก็ไม่มีสัญชาตญาณความเป็นมนุษย์เอาเสียเลย ปกติไม่มีใครเขามาขอนอนค้างคืนกับคนไม่สนิทบ่อยๆ อย่างนี้หรอก อันที่จริง ต้องเรียกว่าเป็นคนที่เพิ่งรู้จักด้วยซ้ำ



หรือว่าพวกมันรับรู้ได้ว่าเป็นพวกเดียวกัน ถึงได้ดึงดูดซึ่งกันและกัน



ระดับปัญหาพิศวงเกินกว่าสมองผมจะประมวลผลหาคำตอบได้ จึงได้แต่นั่งจ้องแมวส้มแทน ที่ตอนนี้เริ่มหลับตาลงเสียแล้ว เชี่ยแม่ง เหมือนกันจริงๆ ด้วย ความไม่สนโลกนี้



ผมนั่งพินิจแมวจรตัวนี้ไม่นาน ฉางก็โผล่มา เมื่อครู่ไม่ได้ล็อกประตูห้องไว้จึงเข้ามาได้โดยที่ไม่ต้องเคาะให้ผมเปิดประตูให้ บอกตรงๆ ก็คือลืม พอไอ้ฉางออกไปผมก็เอาแต่นั่งมองแมวจรตัวนี้อย่างหวาดระแวง ระแวงแมวมากกว่าระแวงโจร เอาเข้าไป ส่วนประตูหอ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฉางมันหาทางเปิดได้ยังไง หรือบางทีมันอาจจะไม่ได้ปิดไว้



ฉางกลับมาพร้อมถุงใบใหญ่ในมือ มีทั้งอาหาร ทั้งกระบะทราย ทรายแมว ถ้วยข้าว ขนมแมว ปลอกคอ ซึ่งไม่รู้ว่ามันไปหาเอาจากไหนได้รวดเร็วขนาดนี้  ไม่ทันได้ถาม แขกไม่ได้รับเชิญก็เริ่มลงมือจัดการข้าวของตรงหน้า ติดตั้งกระบะทราย ก่อนเทข้าวลงในชาม ยื่นให้แมวจรซี้ตัวใหม่



แมวส้มลืมตา ขยับตัวดมฟุดฟิดก่อนก้มลงกินอย่างเกียจคร้าน ราวกับจะพูดว่า ไหนๆ ก็ทำมาให้แล้ว กินหน่อยก็ได้... แน่นอน ผมคิดไปเอง



“ข้าว ช่วยอะไรหน่อยได้ไหม” ฉางเอ่ยขึ้นหลังจากที่แมวส้มก้มกินอาหารไปเงียบๆ สักพัก  ผตอบกลับแทบทันที



“ไม่”



บอกแล้ว พามาเองก็รับผิดชอบเอง จะไม่ยุ่ง



“เรื่องง่ายๆ เอง”



“ถ้าง่ายก็ทำเองสิ”



“ก็ผมทำไม่ได้นี่”



“แล้วจะมาพึ่งกู?”



“แค่คิดชื่อแมวให้หน่อย”



“...”



“นะข้าว คิดมาตลอดทางเลย คิดไม่ออก”



“คิดเองสิวะ”



“ก็คิดแล้ว”



ผมกัดฟันกรอด ทำไมคุยกับไอ้ฉางทีไรชอบมีเรื่องให้น่าหงุดหงิดตลอดเลยนะ ปกติก็ไม่ใช่คนโมโหร้ายแท้ๆ แม่ง



“ฉาง”



“หืม”



“ชื่อแมว”



“ชื่อฉาง?”



“อืม มีปัญหาหรือไง ไม่ชอบก็คิดเอง”



“เปล่านี่ จะบอกว่าเป็นชื่อที่ดี”



รำคาญมัน ใครก็ได้เอามันไปเก็บที ไม่คิดบ้างหรอว่ากูกวนตีนมึงอ่ะ



ถึงมากกว่าครึ่งของชื่อจะเป็นเพราะผมคิดว่าแมวตัวนี้เหมือนไอ้ฉางจริงๆ ก็ตาม แต่ก็ช่วยขัดสักหน่อยได้มั้ย คนปกติเขาโอเคหรอกับการเอาชื่อตัวเองไปตั้งให้หมาแมว



“ฉาง อร่อยมั้ย”



ไม่มีคำโวยวาย ไม่มีแม้แต่แววตาตำหนิ ซ้ำยังลอบยิ้มราวกับถูกใจชื่อใหม่ ไอ้ฉางลงไปคุยกับแมวฉางอย่างชอบอกชอบใจเสียอย่างนั้น จนใจจะพูดด้วยแล้ว ผมลุกขึ้น ปล่อยให้หนึ่งคนหนึ่งแมวทำความรู้จักกันไป ส่วนตัวเองขอไปจัดการอาบน้ำอาบท่าแล้วออกมาอ่านหนังสือ ทำตามตารางชีวิตปกติเสียดีกว่า



ผมจัดการตัวเองเสร็จ ออกมาจากห้องน้ำก็ยังเห็นไอ้ฉางกับแมวฉางนอนเล่นกันอยู่ อันที่จริง ไอ้ฉางแค่เอานิ้วแตะๆ ตัวแมวส้ม ล้มตัวนอนไปด้วยกันบนพื้นห้อง ส่วนแมวส้มก็นอนหันข้างไปทางไอ้ฉาง ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์ไปมากกว่านั้น จะซี้กันก็ไม่ว่า



ขออย่างเดียว อย่าให้มันขี้ในห้องกูนะ



ผมเบือนหน้าหนี เดินตรงไปยังโต๊ะอ่านหนังสือ หยิบตำรา เปิดชีท ทบทวนบทเรียนของวันนี้เหมือนทุกที รอจนถึงเวลานอนก็เข้านอน พยายามทำตามกิจวัตรประจำวัน แม้ว่าจะมีไอ้ฉางเข้ามาแทรกในบางวัน แต่ผมจะไม่ยอมให้มันมาทำลายชีวิตอันปกติสุขของตัวเอง ถึงแม้ว่าไอ้ฉางจะอยู่เงียบๆ เหมือนไม่มีชีวิตอยู่ก็ตาม



 ผมทิ้งตัวลงเตียง หลับตานอน



ทิ้งศพคนและศพแมวไว้กลางห้อง





IV



ผมหลับไปกลางห้อง ตื่นขึ้นมาเพราะแมวฉางขยับตัวมานอนขดอยู่ใกล้ๆ แมวฉางน่ารัก คนตั้งชื่อให้ก็น่ารัก ผมมารบกวนขนาดนี้ ข้าวก็ยังยอมให้อีกแล้ว ไม่รู้ว่ามีใครบ้างที่ฉวยโอกาสความใจดีของข้าวอย่างนี้ ที่แน่ๆ มีผมคนหนึ่งที่กำลังทำอยู่



ไม่ได้ตั้งใจ...แต่พอมีปัญหาแล้วเข้าหาข้าว ข้าวก็พร้อมช่วยทุกที



ไม่ให้เรียกว่าใจดีได้ยังไง ข้าวใจดีอย่างที่เติมเต็มว่า มากกว่าที่ผมคิดด้วยซ้ำ



ผมชอบคนใจดี



ระหว่างนึกก็ลูบตัวแมวสีส้มไปพลาง แมวฉางไม่ร้องสักแอะ ผิดวิสัยแมวตั้งแต่ผมเก็บมันมา ผมก้มมองก้อนขนสีส้มอย่างถูกชะตา ไม่รู้ทำไม ผมชอบมัน เหมือนกับที่ชอบข้าว เป็นสิ่งมีชีวิตที่ผมอยากอยู่ด้วยทั้งคู่



เพื่อนผมมักบอกว่าผมคบยาก กว่าจะทำความเข้าใจได้ก็เล่นเอาเหนื่อย แต่ผมไม่เคยขอให้ใครมาเข้าใจตัวเอง ขอแค่เป็นคนที่ผมอยู่ด้วยแล้วไม่อึดอัด ผมก็พอใจแล้ว



ข้าวเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่ผมอยู่ด้วยแล้วไม่อึดอัด ถึงแม้จะเป็นการบังเอิญที่ผมได้เจอกับเขาก็ตาม



ผมจะถือว่าเป็นเรื่องบังเอิญที่โชคดี



ชีวิตไม่ได้คิดอะไรมากเลย



แต่ตอนนี้ต้องเริ่มคิดหาบ้านให้เจ้านี่แล้ว





.



หลังจากวันที่มันเก็บแมวฉางได้ นี่ก็ผ่านไปสองวันแล้ว แมวฉางยังคงแอบอยู่ในห้องผม ส่วนเจ้าของแมวก็ออกไปไหนไม่รู้ ไหนบอกกูว่าสองวันไงฉาง



ผมพยายามแข่งจ้องตากับแมวจร ทว่าไม่เป็นผล เมื่อแมวจรหลับตาลง ทำเหมือนไม่มีผมอยู่ในสายตา ให้ตายสิ จะเหมือนกันเกินไปแล้ว



ผมมีเรียนช่วงเช้าถึงบ่าย พอเลิกเรียนเสร็จไอ้เขียนก็ทิ้งผมไปหาสาวตามเคย ผมถึงได้กลับมาอยู่ห้องเช่นนี้ ทว่าไอ้ตัวเก็บแมวก็ไม่อยู่ดูแลเสียอย่างนั้น ถึงอย่างนั้นแมวฉางเองก็ไม่ได้ทำตัวรบกวนอะไร สงบเสงี่ยมผิดวิสัยแมว แต่นั่นก็ดีแล้ว แมวส้มขับถ่ายในกระบะทรายที่ฉางเตรียมไว้ ทานอาหารไม่มูมมาม นอกนั้นก็นอนนิ่งๆ



ส่วนผมก็มองมันนอนนิ่งๆ



ไอ้ฉางหายไป ทิ้งแมวส้มไว้ดูต่างหน้า ทำให้ผมเอาสมาธิไปจดจ่อกับแมวจรตัวนี้แทนที่จะหาอะไรทำเหมือนทุกที แต่กว่าจะรู้ตัว เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น ไอ้ฉางคงกลับมาแล้ว



เมื่อลุกไปเปิดประตูก็เป็นตามคาด ฉางเข้ามาในห้องด้วยสภาพหัวกระเซิง เหล่มองแมวจรที่นอนนิ่งก่อนหันหน้ามามองผม



“ข้าว ผมขอโทษนะ สองวันคงไม่ได้แล้ว...”



ผมไม่ตอบ จ้องผ่านเส้นผมสีดำที่ปรกหน้าเข้าไปยังดวงตาสีเดียวกัน ประกายตาฉางฉายแววรู้สึกผิดอย่างเห็นได้ชัด



“...ที่บ้านผมไม่มีคนอยู่ ขออีกอาทิตย์นึงได้มั้ย”



เดี๋ยวนะ รวบรัดเกินไปแล้ว  ขอคำอธิบายยาวกว่านี้ได้มั้ย บ้านมึงไม่มีคนอยู่ แล้วเกี่ยวอะไรกับอาทิตย์นึงวะ?



“ไม่ได้หรอ”



“กูแค่ไม่เข้าใจ”



“ยังไง”



“มึงขอเวลาอาทิตย์นึง เพราะที่บ้านไม่มีคนอยู่ คืออะไร”



“ก็ตามนั้นไง ผมจะเอาแมวไปไว้ที่บ้าน”



ก็แล้วทำไมไม่พูดคำนี้ออกมาก่อนเล่าโว้ย ผมถอนหายใจ หงุดหงิดกับตัวเองที่ฟาดงวงฟาดงาใส่มันไม่ได้ เห็นสภาพมันยุ่งเหยิงก็นึกว่ามันวิ่งเต้นหาคนรับเลี้ยง ปรากฏว่าไม่ใช่เลย มันตั้งใจจะเอาไปไว้บ้าน แต่ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ช่วยดูแลแมว ส่วนเรื่องที่มันกลายสภาพโทรมเช่นนี้ ผมเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร



“สรุปได้มั้ยอ่ะ”



“มึงดูแลเอง”



“ขอบคุณนะข้าว”



ผมเอ่ยตัดบท มาถึงขั้นนี้แล้ว อยู่ต่ออีกหนึ่งวันหรืออีกหนึ่งอาทิตย์คงไม่ต่าง ตราบใดที่แมวมันยังคงทำตัวสงบเสงี่ยมแบบนี้ ไอ้ฉางกดยิ้ม อุ้มแมวส้มไว้ในอ้อมกอดอย่างทะนุถนอม พลางเอ่ยคำพูด ที่ไม่รู้ว่าพูดกับแมวหรือพูดกับผม



“ฉางก็ขอบคุณข้าวด้วยสิ”



แน่นอน ไม่มีเสียงใดๆ เอ่ยออกมา







                                                                         
  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦



เพราะตอนที่แล้วกับตอนนี้เป็นตอนสั้นๆ เลยเอามาลงติดๆ กันให้ค่ะ <3

ใครตามมาจากคุณเกรย์คงคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องพี่ฉาง แต่ไม่มีพี่ฉาง

แต่ว่า...ใช่ เรื่องนี้เป็นเรื่องของพี่ฉาง แมวส้มที่น้องปายนอกใจไปหานั่นเอง555555  :hao7:

แต่บอกก่อนเลยว่าพี่ฉางเรื่องนี้ไม่ได้มีบทบาทมากเหมือนคุณเกรย์นะคะ

พี่จะแค่ผลุบๆ โผล่ๆ มาเหมือนเจ้าของ555

เดี๋ยวกลัวจะเอียนแมวไปกันซะก่อน XD



ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ




หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สี่| - 15.8.2017 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: momonuke ที่ 15-08-2017 00:27:34
ฉางกับฉางง  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สี่| - 15.8.2017 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 15-08-2017 00:29:11
ในที่สุดพี่ฉาง(แมว)ก็มาาาา :man1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สี่| - 15.8.2017 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 15-08-2017 01:30:43
พี่ฉางค่าตัวแพงเลยออกมาช้าสินะคะ :laugh:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สี่| - 15.8.2017 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 15-08-2017 02:01:54
ความทาสแมวของคนเขียนนี้
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สี่| - 15.8.2017 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 15-08-2017 06:41:11
เซไฮนะพี่ฉางงงง คิดถึงมากเลยยน //น้วยพี่ฉางแมวส้ม
รู้ที่มาของชื่อพี่ฉางแล้ว 55555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สี่| - 15.8.2017 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 15-08-2017 07:21:28
 :jul3: :jul3: :jul3:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สี่| - 15.8.2017 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 15-08-2017 07:49:35
เริ่มเห็นเค้าลางของพี่ฉางของปาย ฮา
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สี่| - 15.8.2017 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: ▲TEACHCHY▼ ที่ 15-08-2017 13:52:05
โอเค เข้าใจแล้วมันคือเรื่องของฉางที่ไม่มีพี่ฉางนี่เอง5555
ก็คิดอยู่ว่าตั้งแต่ตอนสาม ฉางอธิบายเหมือนคนมากขึ้น

ตอนแรกที่นึกว่าเป็นพี่ฉางเพราะอ่านเรื่องสั้น lucky cat มาน่ะค่ะ 555

ข้าวใจดีจนกลายเป็นยอมให้ฉางเข้ามาแทรกซึมในชีวิตซะงั้น
ส่วนฉาง หน้ามึนมาก
คนที่อยากเป็นเพื่อนกับใครซักคนเขาต้องทำขนาดนี้เลยหรอ 555

ติดตามค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สี่| - 15.8.2017 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 15-08-2017 16:58:49
ฉางน่ารัก มีความสุภาพและอบอุ่นอยู่ในตัว หลงรักความมึนของนางจัง
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สี่| - 15.8.2017 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: flimflam ที่ 15-08-2017 20:09:03
พี่ฉางงงงงงงงงง เจ้าเหมียว
โอ๊ยย เอ็นดู ฮือ อยากลูบ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สี่| - 15.8.2017 p.2
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 15-08-2017 21:06:46
เปิดตัวพี่ฉางแมวส้ม  พี่ฉางเป็นลูกของพ่อยุ้งฉางกับแม่ต้นข้าวนี่เอง 555
น้องข้าว ใจดีอีกแล้ว แต่เหมือนไม่รู้ตัว ว่าตัวเองใจดีขนาดไหน ยุ้งฉางเลยยิ่งหลงใหญ่เลย  :-[
พี่ฉาง กับ พ่อยุ้งฉางนี่ นิสัยเหมือนกันเหลือเกิน สมเป็นพ่อลูก ต้นข้าวจะรับมือไหวไหม ฮาาาา
อยากให้พี่ฉางโผล่มาบ่อย ๆ อ่ะค่ะ เราทาสแมว เราชอบมากเลย
รอตอนต่อไปน้า ขอบคุณคนเขียนค่ะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ห้า| - 18.8.2017 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 18-08-2017 22:06:23
5



ผมไม่รู้ว่าเอาตัวเองมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ได้ยังไง ที่ซึ่งรวบรวมไว้ด้วยคนแปลกประหลาด ในฐานะคนธรรมดา ผมรับมือไม่ไหว



“แล้วคือ มาหาฉางเพราะฉางของฉางไม่รู้เป็นอะไร แล้วฉางของฉางก็ไม่อยู่ไง”



“อืม”



ในขณะที่กำลังพยายามทำความเข้าใจของบทสนทนาตรงหน้า คนตรงข้ามอีกคนก็ตอบรับไปแล้ว นี่เข้าใจมันด้วยหรอวะ



“เลยพามานั่งด้วยกัน”



“เพื่ออะไรล่ะ”



“คนรู้จักฉางเชียวนะ น่าสนใจจะตาย”



ถามกูด้วยว่าอยากสนใจไหม



“ไงก็ได้ ก็ไม่ได้ว่าอะไร”



“พามาก็เพราะอยากให้ช่วยชวนคุย”



“พามาเองก็ชวนเอง”



“มีปฏิสัมพันธ์กับคนนอกบ้างเถอะ”



“...”



“โอเค”



งงไหม งงดิ คนอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ยังงง ลำพังรับมือไอ้ฉางคนเดียวก็จะตายห่าแล้ว นี่จู่ๆ มาเจอเพื่อนมันคุยกัน สมองแม่งประมวลผลอะไรไม่ทันแล้ว



ผมอยู่กลางคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ล้อมวงไปด้วยบุคคลที่คาดว่าน่าจะเป็นเพื่อนของไอ้ฉาง รวมทั้งสิ้นสามคน สามคน อ่านไม่ผิด แม้ว่าพวกมันจะคุยกันแค่สองคน ส่วนอีกคนเอาแต่เกาะอีกคนเงียบๆ ไม่พูดอะไรทั้งนั้นก็ตาม แต่ก็นับว่ายังเป็นคน



ถ้าจะเล่าสาเหตุ ก็เพราะจู่ๆ ไอ้ฉางก็ส่งไลน์มาว่า



‘ข้าว ช่วยด้วย ฉางหาหมอ’



กูงง งงมาก ให้กูช่วยอะไร แล้วมึงไปหาหมอหรืออะไร พลางจะพิมพ์ตอบ มันก็ส่งข้อความมาต่อ



‘แมว’



ลำพังว่าคุยไม่รู้เรื่องแล้ว ส่งข้อความมานี่ชวนปวดหัวกว่าเดิมอีก แม่งโว้ย มันหมายความว่าอะไรล่ะวะ ผมส่งข้อความไปหามันรัวๆ ปรากฏไอ้ฉางไม่ตอบแล้ว



เลยสรุปด้วยตัวเองคร่าวๆ ว่า แมวฉางน่าจะต้องไปหาหมอ ให้ผมช่วยพาไป



แล้วผมจะช่วยยังไง พาไปหาหมอบอกว่าอะไรก็ไม่รู้อีก ถึงได้จับแมวส้มตัวเปื่อยๆ เหมือนปกติเข้าตะกร้าแมว ที่ไม่รู้ไอ้ฉางไปสรรหามาจากไหน ก่อนบึ่งมามหาลัย ตรงดิ่งมายังคณะมัน เพราะมันไม่ตอบข้อความ จะให้พาแมวไปหาหมอก็ไม่รู้มันเป็นอะไรอีก ถึงได้ถ่อมาหามันที่คณะอย่างนี้ จะทำเป็นไม่รู้เรื่องก็กลัวแมวเป็นอะไร



ผมให้ไลน์ฉางไปสักพัก ช่องทางติดต่อยอดฮิตของปัจจุบัน อันที่จริงเรียกว่าจำใจให้มากกว่า เพราะบางทีมันกลับห้องดึก เปิดประตูเข้าหอไม่ได้ ไม่มีช่องทางติดต่อผม ก็นั่งมันอยู่หน้าหอไม่ยอมกลับบ้าน พอมีคนไปเห็นก็ลำบากป้าหออีก แต่ถึงอย่างนั้นฉางก็ไม่ได้ส่งข้อความมารบกวนผมมากไปกว่าให้ช่วยเปิดประตู มีครั้งนี้ที่จู่ๆ ก็ส่งข้อความมาเป็นภาษาอะไรไม่รู้



คณะสถาปัตย์ฯร้างเหมือนไม่มีคน เหมือนเป็นคณะที่ปิดตายไปแล้วสิบกว่าปี กว่าผมจะเห็นนักศึกษาเดินออกมาสักคนก็ปาไปหลายสิบนาทีแล้ว



คนแรกที่ผมเจอเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ผมหยิกยาวยุ่ง เดินงัวเงียผ่านไป ผมเข้าไปถามว่ารู้จักฉางไหม หล่อนก็ได้แต่สะดุ้ง ส่ายหน้าแล้ววิ่งหายไป ไม่เข้าใจ ชื่อนี้มีอาถรรพ์หรืออะไร ทำไมดูหวาดกลัวขนาดนั้น



คนที่สอง เป็นบุคลากรในคณะ บอกไม่รู้จักชื่อนักศึกษาหรอก แต่ถ้าเอารูปมาให้ดูจะนึกออก ไอ้ผมก็ไม่มีรูปไอ้ฉาง ไม่เคยมีและไม่คิดจะมีด้วย



คนที่สาม บังเอิญแจ็คพ็อตแตก เพราะทันทีที่ผมเข้าไปถาม ไอ้หมอนี่ก็เบิกตาโพลง ตะลึงว่าผมรู้จักฉางด้วยหรอ ไม่ว่าเปล่า มันจูงมือผมมาที่ม้านั่ง ที่ซึ่งต้องเป็นเจ้าประจำเท่านั้นถึงจะรู้ว่าในตึกแห่งนี้มีซอกอะไรแบบนี้อยู่ด้วย



เมื่อมาถึง ผมเจอเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันอีกสองคนนั่งอยู่แล้ว ก่อนบทสนทนาประหลาดจะเริ่มขึ้น



จากตอนที่ได้รับข้อความจนถึงตอนนี้ก็ปาไปเป็นชั่วโมงกว่าแล้ว ผมยังไม่เจอไอ้ฉางเลย แถมมาพัวพันกับกลุ่มคนอะไรไม่รู้นี่อีก



หนึ่งก็พูดมากแต่พูดไม่รู้เรื่อง สองก็ตอบสนองคนแรกเพียงให้มันจบๆ ไป สามก็เอาแต่เกาะกอดคนที่สอง ไม่พูดไม่จา



หรือว่านี่คือเพื่อนไอ้ฉางหรอ



พอมีไอ้ฉางเป็นคนที่สี่ ผมมองเห็นเงาหายนะเลือนรางทันที



พวกมันคุยอะไรไม่รู้อีกสองสามคำ ก่อนคนแรกที่ผมเจอจะหันมาสบตาด้วย ใจคืออยากออกไปจากตรงนี้ชิบหาย แต่มันดันเอาแมวไปไว้อีกฝั่ง ทำให้จะแอบลุกออกไปก็ไม่ได้ ทิ้งแมวไม่ได้ อ้าว ทำไมกูต้องมาลำบากเพราะแมวไอ้ฉางด้วยวะ



กว่าจะรู้ตัวก็มาตกอยู่ในวงล้อมพิลึกอะไรไม่รู้นี่ซะแล้ว



“จะว่าไป ลืมแนะนำตัวไปเลย เราชื่ออัลฟ่า เรียกฟ่าก็ได้ ส่วนคนผมยาวนี่ชื่อเพียว อีกคนชื่อฟิวเจอร์”



คือ กูต้องรู้มั้ย?



“นายชื่ออะไร”



“...ข้าว”



แม้จะต้องจำใจรู้จักกับพวกนี้ แต่ก็ไม่ได้ไร้กาลเทศะ บอกชื่อตัวเองตอบไป



คนพวกนี้ หน้าตาดีอย่างร้ายกาจ ผมสังเกตเห็นตั้งแต่แรกแล้ว ใบหน้าทุกคนล้วนดึงดูดสายตาผู้อื่นได้ง่ายดาย ขนาดผมมองแวบเดียวยังรู้ว่าพวกนี้หล่ออย่างหาตัวจับยาก เพียงแต่พออัลฟ่าแนะนำชื่อแต่ละคน ก็เลยพลอยสังเกตไปอีกรอบ



อัลฟ่าหน้าตาดีแบบตี๋ๆ ขาวตี๋เกาหลีแบบยุคสมัยนิยม ส่วนเพียว...แวบแรกผมนึกว่าเป็นผู้หญิง เพราะไว้ผมยาวเกือบถึงไหล่ แสกกลางเผยใบหน้ามนที่จัดว่าหวานสวยมากกว่าหล่อ ร่างผอมบาง แต่เพราะเสียงพูดที่ตอบมาทำให้รู้ว่าเป็นผู้ชาย รวมถึงเสื้อนักศึกษาชายนั่นด้วย ส่วนอีกคน ฟิวเจอร์ คนที่ไม่พูดอะไรกับผมเลยตั้งแต่มาถึง แต่ดันมีหน้าตาหล่อแบบลูกครึ่ง สันจมูกโด่งยิ่งกว่าไอ้ฉาง ตาคมเข้ม โครงหน้าสวย เบ้าหน้าชัด โดดเด่นที่สุดในบรรดาทั้งหมด



ราวกับว่าไอ้พวกนี้คบเพื่อนที่หน้าตา



“ข้าวมาหาฉางหรอ รู้จักฉางด้วยหรอ”



“ก็...อือ”



ว่าแล้วก็อยากจะร้องไห้ เมื่อไหร่กูจะหลุดพ้นจากสภาพนี้



“รู้จักได้ไงหรอ ไปรู้จักได้ไง”



ผมไม่ถนัดรับมือกับการผูกมิตรใหม่ มากพอๆ กับเลี้ยงหมาแมว สถานการณ์ตอนนี้ทำเอาผมอยากร้องไห้ ทั้งแมวในตะกร้า ทั้งคนแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จัก ช่วยด้วย...



แต่ดูเหมือนว่าจะมีแค่อัลฟ่าที่ชวนผมคุย ส่วนอีกสองคนนั้น คนที่ชื่อเพียวเปิดแล็ปท็อปก่อนนั่งพิมพ์อะไรบางอย่างตั้งแต่ก่อนผมมาแล้ว ส่วนฟิวเจอร์ก็นั่งไม่พูดไม่จาเอาคางเกยไหล่คนทำงานเงียบๆ



ผมละสายตา หันไปตอบคำถามอัลฟ่าเรียบๆ



“มัน...มาขอนอนด้วยบ่อยๆ”



สิ้นคำตอบ ทุกคนเงียบ อันที่จริงคืออัลฟ่าแค่เงียบ ส่วนอีกสองคนที่ไม่ได้ร่วมวงอยู่แล้วกลับหันมามองหน้าผม ราวกับผมพูดอะไรไม่น่าเชื่อออกไป ทำให้บรรยากาศผิดแปลกจากเดิม



“จริงหรอ! คนอย่างฉางอ่ะนะมาขอนอนด้วย จริงป้ะ!” อัลฟ่าที่ผมเริ่มจะเปลี่ยนมันเป็นไอ้ฟ่าเอ่ยขึ้นมาเต็มเสียง ส่งสายตาสอดรู้สอดเห็นอย่างเปิดเผย



ผมพยักหน้าแทนคำตอบ นอกจากหน้าตาตื่นเต้นของไอ้ฟ่าแล้ว ใบหน้าสวยหวานของเพียวเริ่มขยับเปลี่ยนเป็นสงสัย คิ้วสวยมุ่นหากันอย่างเห็นได้ชัด



ทำไม มันแปลกนักหรอที่ไอ้ฉางมานอนกับผม



เออ ก็แปลกนี่หว่า ตัวเองยังบ่นอยู่ทุกวัน



“เพียว คิดเหมือนเราป้ะ ฉางมันเจอแล้ว”



“อืม คงงั้น”



เจอ เจออะไรวะ?



ในขณะที่ผมทำหน้างงเป็นไก่ตาแตก ไม่เข้าใจบทสนทนาตรงหน้า จะตั้งคำถามก็ไม่ได้ จะหาคำตอบเองก็ไม่ได้นั้น เสียงหนึ่งก็ดังขัดขึ้นมา



“พวกคุณ เสียงดัง”



น้ำเสียงเนือยๆ โทนเสียงนุ่มเย็น บวกกับจังหวะการพูดลากยาวอย่างเกียจคร้าน ผมคุ้นชินเสียงนี้และรับรู้ถึงเจ้าของเสียงนี้ได้ไม่ยาก ไอ้ฉาง ในที่สุดมันก็โผล่หัวมา



ในวินาทีนี้ ผมไม่คิดเลยว่าการเจอมันจะทำให้ผมใจชื้นเช่นนี้



“ฉาง! จริงป้ะที่ไปอยู่กับข้าวอ่ะ”



“ฟ่า คุณหนวกหู”



“ฉาง ตอบคำถามเราก่อน นี่ตื่นเต้นมากนะรู้มั้ย ฉางเจอแล้วหรอ”



“ข้าว ฉางอยู่ไหน”



“...”



ฉางไม่ตอบเพื่อนตัวเองที่ดี๊ด๊าอยู่ตรงหน้า ผมประมวลผลชื่อฉางในหัวก่อนหันไปมองแมวฉางในตะกร้าให้เป็นคำตอบ ก่อนที่เสียงอึกทึกที่ดังมาจากอัลฟ่าจะเงียบลง ผมโน้มตัวไปหยิบตะกร้าใส่แมว ยื่นให้ไอ้ฉางพร้อมเอ่ย



“มึงส่งข้อความอะไรมาวะ ไม่รู้เรื่อง แล้วยังไม่ตอบกูอีก”



“ขอโทษที ผมรีบ มีตรวจแบบ”



“แล้วฉางมันเป็นอะไรล่ะ ....กูหมายถึง...แมวฉางเป็นอะไรล่ะ”



บางทีก็อยากเตะตัวเองที่ตั้งชื่อสิ้นคิดนี้ให้แมวมัน ลำบากตัวเองอีก จะเรียกใครก็ต้องระบุ ควายข้าว



“ต้องเอาไปฉีดวัคซีน”



“แค่นั้น...?”



“อืม”



“แล้วเสือกส่งมาบอกว่าช่วยด้วยเนี่ยนะ!”



“ก็ต้องการให้ข้าวช่วยด้วยไง ผมไม่ว่าง กว่าจะกลับไปเอาฉางคลินิกก็ปิดพอดี”



แล้วไม่บอกดีๆ วะว่าให้กูเอาแมวมาให้หน่อย ผมข่มอารมณ์หงุดหงิดไว้ในใจ เหนื่อยกับมันจริงๆ จนปัญญาจะคุยกับมันแล้ว ปล่อยให้กูอยู่คนเดียวเถอะ



“เดี๋ยวนะฉาง” ไอ้ฟ่าขัดขึ้นมา ทว่าไอ้ฉางไม่มีท่าทีจะสนใจ



“ป๊ะ ข้าว”



“หือ”



“เอาฉางไปหาหมอกัน”



ผมเบิกตาโพลง ทำหน้าสงสัยหนักกว่าเก่า อะไร ใครบอกว่ากูจะไปด้วย ทำไมกูต้องไปกับมึงด้วย เอาแมวให้แล้วผมตัดสินใจจะกลับไปอยู่คนเดียวสักพัก ไม่คิดอยากเอาตัวเองไปพัวพันกับเรื่องวุ่นวายที่ชื่อว่ายุ้งฉางอีก



“หรือข้าวจะนั่งตรงนี้?”



“กูจะกลับห้อง”



“เดี๋ยวก็ต้องลงมาเปิดประตูให้ผมอยู่ดี ไปด้วยกันนี่แหละ”



แค่เปิดประตู กูไม่ขี้เกียจหรอก จะรังเกียจก็ตรงที่ต้องไปกับมึงเนี่ยแหละ ไอ้บ้าเอ้ย



“สรุปฉางอยู่กับข้าวจริงๆ ด้วย!”



ไอ้หมาฟ่านี่ก็เอาแต่ส่งเสียงดังอยู่นั่น เออ ก็บอกแล้วว่ามันอยู่กับกูไง จะถามซ้ำซากทำไม กูปวดหัวนะรู้มั้ย



แน่นอน ผมหงุดหงิดได้แค่ในใจ อารมณ์ขุ่นมัวแค่ไหนก็พยายามที่จะไม่แสดงออกไป



ไอ้ฉางเรียกผมอีกรอบ ก่อนเดินออกมาโดยไม่บอกลาเพื่อนๆ มันสักคำ อัลฟ่าส่งเสียงโวยวายอะไรไม่รู้ไม่หยุด ส่วนผมที่อยากหลุดออกจากที่ตรงนี้มานานจึงไม่รอช้าที่จะรีบตามมันไป กะจะแอบหันหัวเรือออกทันทีที่ออกจากคณะสถาปัตย์ ทว่าไอ้ฉางดันเห็นเสียก่อน



“ข้าว คณะสัตว์แพทย์ไปทางนี้นะ”



ผมเบ้หน้า รู้ว่ายังไงก็คงปฏิเสธมันไม่ได้อีกแล้ว



สุดท้าย ผมก็ยอมเอาแมวฉางไปหาหมอกับไอ้ฉางอยู่ดี



.



V



ข้าวหลับไปแล้ว หลับแทบทันทีที่ถึงห้อง เมื่อเอาฉางไปฉีดวัคซีนเสร็จผมก็ชวนข้าวไปทานมื้อเย็น ก่อนกลับหอไปด้วยกัน ข้าวดูเหนื่อยล้า พร้อมที่จะชัตดาวน์ตัวเองได้ตลอดเวลา แต่ถึงอย่างนั้นต้นข้าวก็ยังสามารถอาบน้ำก่อนนอนได้อยู่ดี



ทันทีที่หัวข้าวถึงหมอน ผมก็ไม่รู้สึกถึงการตื่นของเขาอีก



น่ารัก



คิดพลางเกาคางแมวส้มบนตัก ฉางเองก็น่ารัก



ผมนัดหมอฟุ้ง พี่นักศึกษาสัตว์แพทย์ที่ผมรู้จักไว้เสร็จสรรพ ตอนที่เจอแมวฉางครั้งแรก ผมก็โทรหาพี่ฟุ้งนั่นแหละ อุปกรณ์แมวพี่แกก็เป็นคนเอามาให้ ไม่ต้องเสียเวลาหาอะไรเพิ่ม แต่วันนี้ผมพลาดเองที่ลืมไปว่าอาจารย์นัดตรวจแบบนอกเวลา และเลิกเรียนสายกว่าที่คิด ผมรีบไลน์ไปบอกข้าว ก่อนจะถูกอาจารย์เรียกไปตรวจแบบแทบจะตอนนั้น



โชคดีที่ผมร่างแบบใหม่มาเมื่อวันก่อน แม้ว่าวันนี้จะลืมนัดของอาจารย์ไป แต่อย่างน้อยก็มีความคืบหน้ามาให้อาจารย์ตรวจ แต่โชคร้ายที่อาจารย์ตรวจแบบเสียนาน ป่านนี้ข้าวต้องมาถึงแล้วแน่เลย



ผมรู้ว่าข้อความของผมไม่ชัดเจน ถึงแม้ว่าใจจริงแล้วผมสะดวกที่จะพิมพ์แบบนั้นก็ตาม แต่ผมก็เชื่อมั่นว่าข้าวจะต้องมาหาผมที่คณะแน่ๆ คนใจดีอย่างข้าว เห็นคำว่าช่วยด้วยคงไม่อยู่เฉยหรอก



เพราะอย่างนี้ถึงได้น่ารัก เสน่ห์ตรงนี้ของข้าวทำให้ผมอยากอยู่กับเขาต่อไป



พอตรวจแบบเสร็จ ผมเดินตามหาข้าวตามจุดต่างๆ ของคณะ สุดท้ายก็ไม่เจอ เลยเดินไปที่ประจำ ที่ซึ่งพวกผมมักชอบมาซ่อนตัวกันบ่อยๆ และบิงโก ข้าวถูกอัลฟ่าจับมาจริงๆ ด้วย



อัลฟ่าเสียงดัง เอาแต่ซักถามจนข้าวของผมมึนไปหมด อย่ารังแกข้าวนะ





ไม่รอช้า ผมรีบพาข้าวออกไปจากตรงนี้ ไม่ตอบคำถามอัลฟ่า ไม่เอ่ยทัก ไม่บอกลาเพียวกับเจอร์ด้วยเช่นกัน แต่นั่นเป็นปกติของผมอยู่แล้ว



ข้าวดูเหมือนอยากกลับห้องเต็มแก่ แต่เพราะอะไรไม่รู้ข้าวถึงยอมเดินมากับผมเรื่อยๆ จนกระทั่งทำธุระเสร็จ ต้นข้าวถึงได้มาล้มตัวนอนเช่นนี้




ผมวางแมวฉางลงกับพื้น เดินไปปิดไฟ ขยับตัวขึ้นเตียง ลูบเส้นผมนิ่มของข้าว ปัดมันให้พ้นออกจากใบหน้ามน ปล่อยให้แสงไฟข้างนอกฉาบหน้าข้าวเจือจาง ใบหน้าของเขาทำให้ผมเหมือนถูกมนต์สะกดอีกครั้ง ในตอนนี้ผมสามารถชื่นชมข้าวได้อย่างเต็มที่



พระจันทร์ลอยอวดตัวอยู่กลางท้องฟ้า แมวฉางขดตัวหลับแล้ว



และสมควรแก่เวลานอนของผมแล้วเช่นกัน



คิดเช่นนั้นก่อนขดตัวนอนซบหลังของข้าว



ให้มีกลิ่นแป้งเจือจางและไออุ่นของคนข้างกายคอยบอกฝันดี...





                                                                      ♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦



 พาเพื่อนฉางมาเปิดตัว
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ห้า| - 18.8.2017 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 18-08-2017 22:34:46
นั่งงไปดิ ฉางของฉาง 555555555555555555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ห้า| - 18.8.2017 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Fonz_Juz19 ที่ 18-08-2017 23:56:50
สนุกง่าาาาา  ตอนแรกก็งง
อะไรคือฉางของฉาง ฮ่าๆๆๆๆ
ฉางข้าวยังน่ารักเหมือนเดิม
ฟ่าตลกอ่ะ ชอบเสียงดัง
เพียวฟิวนี่มีอะไรในกอไผไหมนะ หุหุ
สู้นะคะคนเขียน มาต่ออีกนะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ห้า| - 18.8.2017 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 19-08-2017 00:02:53
 :hao7: ฉางน่ารักแบบอึนๆ  ชอบบบบบ :hao3: ข้าว น่าหยิกกกก  o13 รอตอนต่อไปค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ห้า| - 18.8.2017 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 19-08-2017 00:17:38
สงสารข้าว เจอแต่คนแปลกๆ 5555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ห้า| - 18.8.2017 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 19-08-2017 00:56:23
สับสนกับฉางของฉางแทนข้าวเลย5555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ห้า| - 18.8.2017 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 19-08-2017 01:37:21
ฉางของฉางต้องไปฉีดวัคซีน
ข้าวเลยพาฉางมากาฉาง
งงในงงไปอีกกกก
ฉางน่ารักกกทั้งคู่เลย
ข้าวก้ใจดีมากก น่ารักก
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ห้า| - 18.8.2017 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: netich ที่ 19-08-2017 02:46:54
 o13 o13
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ห้า| - 18.8.2017 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 19-08-2017 04:29:35
 :hao4:ข้าวของผม หรอย้ะนังฉางงงงตอนไหนนนนห่ะะะ?

เป็นกลุ่มที่เพื่อนน่าจะปวดหัวกับการสื่อสารแน่ๆๆๆเพื่อนของพระเอกคือมึนและซึนกว่าฉางมากมายจริงๆ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ห้า| - 18.8.2017 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 19-08-2017 06:04:46
เพื่อนฉางน่ารักดี 55555

"มาหาฉางเพราะฉางของฉางไม่รู้เป็นอะไร แล้วฉางของฉางก็ไม่อยู่ไง”
มันก็จะฉางของฉางหน่อย แต่เดี๋ยวอีกหน่อยก็ฉางของข้าว--- 55555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ห้า| - 18.8.2017 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 19-08-2017 07:14:07
อ่านกับไปกับมาอยู่หลายรอบกว่าจะเข้าใจ ฉางของฉาง  :jul3: :jul3: :jul3:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ห้า| - 18.8.2017 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 19-08-2017 10:41:59
ตอนนี้อะไร มีแต่ฉางๆๆๆๆ เต็มไปหมด 555 โอ้ย ขอมึนไปกับน้องข้าวด้วยคน
เปิดตัวเพื่อนฉาง นิสัยแต่ละคนนี่ สงสารน้องข้าว ฮาาาา
อัลฟ่า พูดมากน่ารักอ่ะ แล้วเพียวกับฟิวเจอร์นี่ยังไงน้อ อีกคู่แน่ ๆ เลย
แล้วฉางเจออะไร อัลฟ่า พูดมาให้ชัด ๆ เจออะไร ฟินนะเนี่ย  :-[
น้องข้าว ใจดีน่ารักอีกแล้ว ถึงจะลำบาก ก็ยอมช่วย ชอบน้องข้าวมาก
รอตอนต่อไปน้า ขอบคุณคนเขียนมากค่ะ  :กอด1:

หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ห้า| - 18.8.2017 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: idoloveyou555 ที่ 19-08-2017 11:34:09
ฉางของฉาง และฉางของฉาง เอ๊ะรึ ฉางของข้าว 5555 อ่านแล้วงง วนไป ต้องกลับไปอ่านใหม่อีกรอบ 5555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ห้า| - 18.8.2017 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: นางฟ้าเชียงชุน ที่ 19-08-2017 11:35:20
ได้ไอเดียในการตั้งชื่อลูกแมวที่บ้านล้ะ เอาให้งงทั้งบ้านเลย555555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ห้า| - 18.8.2017 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 20-08-2017 20:52:31
กรี๊ดดดดดด แอบลักหลับข้าวหรอคุณฉาง :hao7:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ห้า| - 18.8.2017 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 21-08-2017 12:51:49
ข้าวน่ารักจริง ฉางของฉางก็น่ารัก  :hao7:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ห้า| - 18.8.2017 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: flimflam ที่ 22-08-2017 21:03:27
เนี่ย ก็ไปตั้งชื่ออะไรแบบเนี้ยะ แล้วก็ต้องมานั่งงงเอง 555555
ชอบกลุ่มเพื่อนฉางมากอะ ดูมีความแบบ น่าตื่นตาตื่นใจ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |หก| - 22.8.2017 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 22-08-2017 21:14:30
รอออออ เข้ามาเลื่อหาตั้งนาน อ้าวยังไม่มา55555555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |หก| - 22.8.2017 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 22-08-2017 21:15:31
6



วันเสาร์ วันที่ผมเคยรักบัดนี้กลับเป็นเวลาที่ทรมานเมื่อต้องมีไอ้ฉางมาทรมานจิตใจด้วยทั้งวัน ทว่าวันนี้ไอ้ฉางกลับหายไปตั้งแต่เช้า หายไปพร้อมแมวส้มรวมถึงข้าวของเครื่องใช้แมวต่างๆ ผมตื่นมาด้วยสภาพจิตใจที่แจ่มใส



แม้จะสงสัยว่าไอ้ฉางไปไหน แต่ก็ไม่คิดจะถามหรือตามเรียกมันมา



ให้มันมีวันที่ผมได้อยู่แบบปกติสุขสักทีเถอะ



ผมเพลิดเพลินกับการอยู่คนเดียวมาก ทั้งวันไม่มีร่างของใครมาทำให้เสียสายตา ไม่มีก้อนขนสีส้มให้ระแวงว่ากลัวจะเหยียบมันแทนพรหมเช็ดเท้า ไม่มีคำพูดกวนประสาท ไม่มีน้ำเสียงทุ้มเย็นคอยตั้งคำถามให้ฟัง ไม่มีเสียงดินสอเสียดสีกับกระดาษ ห้องเงียบแบบที่มีผมเป็นสิ่งมีชีวิตเดียวในห้องจริงๆ



เพลิดเพลินได้จนเลยเวลาเที่ยงวัน ผมก็ค้นพบว่ามันเงียบเกินไปอย่างน่าประหลาด จนนึกหงุดหงิดใจตัวเองจึงได้ลงไปหาอะไรกินแถวหอ พบปะผู้คน ให้เสียงพูดคุยดังเป็นแบ็คกราว ก่อนที่จะต้องกลับขึ้นห้องอีกครั้ง



เงียบจนน่าประหลาด เสียงนอกหน้าต่างดังลอยผ่านมาอย่างไม่คุ้นหู



ผมไม่ได้ยินเสียงรถวิ่งผ่าน เสียงนกร้อง ผ่านหน้าต่างห้องมานานแล้ว



ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้ฉางจะเป็นเพราะใคร ช่วงเวลาที่มันอยู่ ผมต้องเอาสมาธิไปจดจ่อกับบทสนทนากับมันเสียส่วนใหญ่ รู้ตัวอีกทีก็จำเสียงนกร้องข้างหน้าต่างไม่ได้เสียแล้ว



ผมนั่งมองจอคอม คิดไม่ออกว่าจะทำอะไร



ชีวิตประจำวันแสนธรรมดาที่ผมรักกลับกลายเป็นเรื่องน่าเบื่อตั้งแต่ตอนไหน



นั่งดูซีรีส์ ไล่ดูเว็ปไซต์ต่างๆ ทำรายงานไปพลางๆ วกกลับมาไถเฟสบุ๊คเล่นๆ ก่อนกลับไปหาหนังเรื่องใหม่ดู กิจกรรมก็ปกติทั่วไปที่ผมมักใช้ช่วงเสาร์อาทิตย์ ถ้าไอ้เขียนไม่ได้ชวนไปไหน การนั่งอยู่ในห้องนิ่งๆ นับว่าเป็นความสุขอีกแบบ



เพียงแต่ เวลาเดินช้าจนน่าแปลก



ผมเงยหน้ามองนาฬิกา เพิ่งจะสามโมงครึ่ง แดดข้างนอกยังคงร้อนแผ่มาถึงในห้อง ไม่อยากออกไปไหน แต่ก็จนใจหาอะไรทำต่อ ผมไม่มีทางเลือก จัดการเปิดไฟล์งานที่ค้างเอาไว้ นั่งทำต่ออย่างเบื่อหน่าย



เบื่อ เบื่อ



ไม่รู้เวลาผ่านไปเท่าไหร่แล้ว รู้ตัวอีกทีโทรศัพท์มือถือที่นิ่งมาตลอดทั้งวันของผมก็สั่นแจ้งเตือน ข้อความไลน์เผยชื่อรูมเมทไม่ได้รับเชิญคนใหม่ทำให้ผมรีบเปิดดู



‘ข้าว เปิดประตูหอให้หน่อย’



ใจผมเต้นผิดจังหวะไปชั่วครู่ ก่อนกลับมาเป็นปกติ ผมลุกไปเปิดประตูให้มันโดยไม่รู้ว่าจะเรียกความรู้สึกที่เกิดในใจว่าอะไร



เปิดประตูหอ เจอไอ้ฉางยืนอยู่พร้อมถือหม้อใบเล็กๆ ไว้ในมือ แขนสองข้างมีถุงพลาสติกคล้องไว้พะรุงพะรัง



“อะไร?”



“ข้าวเย็น”



ฉางตอบ เดินเข้ามาประชิดตัวผมจนต้องถอยหลังให้มันเข้ามาในหอ ฉางเดินนำผมขึ้นไปตามทางที่คุ้นเคย ไม่คิดจะอธิบายอะไรเพิ่มเติมอีกแล้ว



ฉางหยุดรอผมที่หน้าประตูห้อง เมื่อสองมือมันไม่ว่างเปิด ผมเดินมาเปิดประตูให้มันโดยไม่พูดอะไร ไอ้ฉางก้าวเข้าห้อง จัดแจงหาที่ว่างก่อนวางของรุงรังในมือมันลงทีละชิ้น



“ขนอะไรมาเยอะแยะ”



“มีข้าวเย็นกับของใช้นิดหน่อย คนที่บ้านให้เอามาด้วย”



นี่มึงตั้งใจจะมาตั้งรกรากที่ห้องกูจริงๆ แล้วใช่มั้ย



“ข้าวก็มากินด้วยกันสิ ผมเอามาเผื่อ มีเป็นหม้อเลย”



ถามกูด้วยว่าอยากมั้ย



 “แล้วแมวล่ะ?” ผมถามคำถามที่สงสัย เมื่อไม่เห็นแมวคู่ใจของมัน ใจจริงก็พอรู้แล้วว่าไอ้ฉางน่าจะเอากลับบ้านไปแล้ว แต่กระนั้นก็อยากถามอีกทีเพื่อความแน่ใจ แน่ใจว่ามันจะไม่มาวุ่นวายห้องผมแล้วจริงๆ



“อยู่ที่บ้านผม มีคนเลี้ยงดูแล้ว ข้าวสบายใจได้”



ทำไมพูดเหมือนกูแคร์แมวมึงขนาดนั้นวะ แมวจรแบบนั้นจะเป็นยังไงใครจะสน ผมแค่ถามตามมารยาท



ในใจผมต่อว่าต่อต้านมันสุดฤทธิ์ แต่หาคำตอบไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมมุมปากจึงยกยิ้มขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้…



ผมปล่อยให้มันทำกุกกักในห้องต่อไป ตัวเองไปนั่งที่โต๊ะประจำ พิมพ์รายงานที่ค้างไว้พร้อมกับฮัมเพลงออกมาโดยไม่รู้ตัว จนพระอาทิตย์ตกดิน เสียงในห้องเงียบไปตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้ ผมหันไปมองผู้มาเยือนที่ตอนนี้นอนครอบครองเตียงผมไปอีกแล้ว



มันหลับไปตอนไหนอีกวะ ผมถอนหายใจ ไม่อยากปลุกไม่อยากยุ่ง ทว่าพอเห็นกับข้าวที่ไอ้ฉางเอามาจากบ้าน ตั้งวางอย่างเป็นระเบียบที่โต๊ะพับก็ต้องเปลี่ยนความคิด



“ฉาง กินข้าว”



ผมเรียกมัน แน่นอน ศพพูดไม่ได้เช่นใด ไอ้ฉางก็ไม่ตอบฉันนั้น



“ฉาง ตื่น”



วลีประจำถูกใช้ขึ้นมา ไม่รู้ทำไมบางทีผมเรียกอย่างนี้แล้วมันตื่นอย่างง่ายดาย แต่บางครั้งเรียกให้ตายก็ไม่ตื่น อย่างตอนที่มันมานอนกองหน้าประตูห้องผม เรียกยังไงมันก็ไม่ตื่น ถึงได้จำใจแบกมันเข้าไปนอนในห้องไม่ให้เกะกะทางเดิน ทว่าพอปล่อยมันนอนบนเตียงสักพัก ลองเรียกด้วยถ้อยคำนี้อีกทีมันกลับตื่นอย่างง่ายดาย



ไม่รู้ใจมันจริงๆ



อย่างครั้งนี้ ผมเรียกมันก็ไม่ตื่น เรียกซ้ำหลายทีมันก็ไม่ขยับ ทำตัวเป็นซากศพได้อย่างสมบูรณ์แบบจนผมจนใจ กระทั่งกะเพราะอาหารร้องประท้วง ทำให้ผมขอทานข้าวเย็นล่วงหน้าไม่บอกมันแล้วกัน



ตักข้าวใส่จานที่ฉางมันเตรียมมา ห้องผมไม่มีอุปกรณ์ทำอาหารใดๆ ทั้งนั้นนอกจากไมโครเวฟและกาน้ำร้อน ถ้วยชามช้อนส้อมอีกเล็กน้อย เอาไว้เผื่อต้มมาม่ากลางดึกประทังชีวิตเท่านั้น



อาหารในหม้อเป็นแกงเขียวหวานน่าตาน่ากิน และเมื่อผมได้ตักมันเข้าปากชิมรสชาติดูแล้วก็พบว่า...



โคตรอร่อย!



รสชาติกลมกล่อม ไม่เผ็ดไม่หวานเกินไป กำลังพอดี เรียกได้ว่าเป็นรสชาติในอุดมคติของผมเลย ผมฟาดเรียบหมดจานอย่างรวดเร็ว ไม่ได้กินจนหมดหม้อ ผมเหลือไว้ให้ไอ้ฉางเหมือนกัน แต่จนผมทานข้าวเย็นเสร็จแล้ว ไอ้ฉางก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่น ผมเดินไปทางมัน



“ฉางตื่น”



ซากศพขยับตัว



“กินข้าว”



คราวนี้มันพลิกตัวกลับมาหา เผยให้เห็นสภาพใบหน้าง่วงงุน  หัวยุ่งตาปรือ ดวงตาสีดำสนิทนั้นจ้องมาที่ผมอย่างเลื่อนลอย



“ไปกินข้าว”



“อืม...กินข้าว



ไอ้ฉางตอบเสียงงึมงำ ไม่รู้ทำไม ประโยคธรรมดานั้นกลับทำให้ผมรู้สึกตะขิดตะขวงใจ รู้สึกแปลกๆ เหมือนคนละความหมายกับที่ผมต้องการจะสื่อ คงเพราะมีชื่อตัวเองอยู่ในนั้นทำให้ไม่คุ้นชิน



ผมสรุปกับตัวเอง



“ข้าวไม่กินหรอ”



“กูกินเสร็จไปเมื่อกี้”



“ไม่รอเลย...”



“ก็มึงไม่ตื่น”



คราวนี้ไอ้ฉางเงียบ ไม่ส่งเสียงรบกวนประสาทมาแล้ว ผมนั่งทำงานปล่อยมันทานข้าวไปอีกสักพัก ก่อนเข้าไปอาบน้ำตามเวลา ออกมาก็เห็นไอ้ฉางนอนตายอีกแล้ว...



ผมมองไปที่โต๊ะญี่ปุ่นพับได้ที่ตอนนี้เปลี่ยนสภาเป็นโต๊ะอาหารชั่วคราว เห็นไอ้ฉางเก็บกวาดไว้แล้วเล็กน้อย ทว่าในหม้อแกงเขียวหวานยังมีน้ำแกงเหลืออยู่ไม่น้อย



ผมกะปริมาณที่คิดว่าไอ้ฉางกินคนเดียวก็หมดแน่ๆ แล้ว เหนือความคาดหมาย ไอ้ฉางดันกินไม่หมด คนตัวโตตรงหน้าทานน้อยกว่าที่คิด ผมเองก็กินอิ่มแล้ว แต่มองเห็นอาหารแสนอร่อยตรงหน้าก็แสนเสียดาย จะเก็บไว้กินวันต่อไปคงไม่ได้ ห้องผมไม่มีตู้เย็น



ผมตัดสินใจ ฟาดอาหารตรงหน้าอีกครั้ง



เอาวะ น่าจะพอกินไหว ก็ยังดีกว่าปล่อยให้ของดีๆ แบบนี้ไปนอนกองอยู่ในถังขยะ



...ก่อนที่จะมานอนทรมานอยู่บนเตียง...



“ข้าว?”



“...”



“เป็นอะไรอ่ะ ไม่สบายหรอ”



“...อิ่ม”



“?”



“เสียดายของ มึงกินเหลือ กูเลยกินให้หมด”



“ข้าวกินหมดเลยหรอ?”



“อือ เสียดาย ตอนนี้อิ่มสัด”



ผมนอนอืดตอบไอ้ฉางที่ไม่รู้มันตื่นตอนไหนอยู่บนเตียง อิ่มจริง อิ่มจนจุกแต่มีความสุข รสชาติละมุนยังติดอยู่ที่ปลายลิ้นอยู่เลย ทันทีที่กินหมดผมก็มานอนแผ่อย่างนี้ จานชามยังไม่ได้ล้าง



“เหลือตั้งเยอะ เก็บไว้ก็ได้นี่”



“ไม่ได้ ห้องกูไม่มีตู้เย็น”



“ถ้าข้าวอิ่มทิ้งไปก็ได้ ไม่มีใครว่าหรอก”



“ก็บอกแล้วว่ากูเสียดาย อร่อยขนาดนั้น ใครจะกล้าทิ้งลง บ้านมึงนี่ทำอาหารเก่งเป็นบ้าเลยฉาง”



“อร่อยขนาดนั้นเลยหรอ”



“อือ ไม่เคยกินแกงเขียวหวานที่ไหนอร่อยขนาดนี้มาก่อน มึงกลับบ้านอีกก็ฝากเอามาอีกนะ กูชอบ”



“...พูดอย่างนี้ผมก็เขินแย่”



“กูชมคนทำ ไม่ได้ชมมึง”



“ก็ผมไง”



“...?”



ผมสงสัยในคำพูดของมัน ก่อนสมองจะพยายามประมวลผล อย่าบอกนะ..



“ผมทำเอง”



แทบสำลัก ทว่าอิ่มจนจุก ผมทำได้แค่ลุกขึ้นมานั่งเบิกตาโพลง



“ข้าวชมแบบนี้ผมก็เขินนะ” ไอ้ฉางว่าพร้อมอมยิ้ม ส่งสายตามาทางผม ท่าทางมันไม่มีส่วนไหนที่บ่งบอกว่าเขินเลยสักนิด



“ไหนบอกว่าเอามาจากบ้านไง”



“แล้วผมบอกตอนไหนว่าที่บ้านทำ”



“...”



“ผมทำไว้ตอนกลางวันให้ที่บ้านกิน มันเหลือก็เลยเอามาฝากข้าวด้วย ไม่คิดว่าจะกินเกลี้ยงแบบนี้ ผมดีใจนะเนี่ย”



“นอนไปเลยไป!”



VI



เพิ่งเคยเห็นข้าวเขินแบบนี้ครั้งแรก ข้าวตัวขาว พอเขินทีหน้าก็ขึ้นสีแดง เห็นชัดง่ายดาย อย่าว่าแต่ข้าวเขินเลย ผมก็เขินนะ ข้าวเล่นชมผมซะขนาดนี้เนี่ย



ทว่าพอสิ้นสุดเสียงตะโกนไล่ให้ผมไปนอน ข้าวก็ไม่ยอมพูดตอบอะไรผมอีก ทิ้งตัวลงนอนเก็บหน้าเก็บตา ไล่คนอื่นไปนอน แต่ตัวเองกลับนอนหนีเสียเองเนี่ย...



ยิ้มจนปวดแก้มไปหมดแล้ว



จะน่ารักเกินไปแล้วต้นข้าว



เมื่อข้าวไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ ผมลุกจากเตียง ทำหน้าที่เป็นผู้อยู่อาศัยที่ดี ล้างจานชามที่ข้าวทิ้งไว้ให้ เมื่อครู่ยังไม่ได้ล้าง เพราะข้าวใช้ห้องน้ำอยู่ ผมทำได้แค่เก็บกวาดเอามันมากองรวมกันเท่านั้น



สิ้นสุดการล้างจาน ข้าวก็ยังไม่มีวี่แววจะลุกขึ้นมา



ไม่มีแมวฉางให้เล่นด้วยแล้วก็เหงาเหมือนกัน ข้าวก็ไม่สนใจ ผมเข้าไปอาบน้ำก่อนออกมา ปกติแล้วผมมักจะอาบน้ำหลังเขาหลับ แต่ตอนนี้ถือเป็นข้อยกเว้น ข้าวยังคงนอนนิ่ง เมื่อไม่มีอะไรให้ทำ...ทำงานก็ได้



สองทุ่ม ข้าวเริ่มเคลื่อนไหว ขยับตัวก่อนชันตัวนั่ง คิดว่าหายเขินแล้ว ผมนั่งในจุดที่มองเห็นข้าวได้จึงจ้องไปที่เขาทันทีที่ข้าวลุก



ข้าวขมวดคิ้วมองมา



“ทำอะไรน่ะ”



“งานไง”



คณะสถาปัตยกรรม ขึ้นชื่อเรื่องงานระดับนรก และตามคำร่ำลือ ผมถึงได้มานั่งหัวปั่นไม่ได้หลับไม่ได้นอนเช่นนี้ ยิ่งปีสามแล้ว ทั้งงานในงานนอกตีกันจนหัวหมุนไปหมด



ข้าวขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม เห็นได้ชัดเลยว่าไม่คุ้นกับการกระทำของผมตอนนี้...ไม่แปลก ผมไม่เคยนั่งทำงานต่อหน้าข้าว ทำเหมือนชีวิตนี้ไม่มีเรื่องงานมาวุ่นวาย อืม ไม่จริงแต่อย่างใด ทว่าเมื่ออยู่กับข้าว เหตุใดจึงต้องให้ความสนใจกับงานกันเล่า ข้าวน่าสนใจกว่าเยอะ



แต่เพราะครั้งนี้ข้าวไม่สนใจผม แถมไม่ได้หลับสนิท ทำให้จะเข้าไปแอบจ้องเหมือนปกติก็ไม่ได้ ผมถึงต้องมาลงกับตัวเลือกนี้



ข้าวไม่พูดอะไร ลุกออกจากเตียง เดินไปนั่งที่โต๊ะหนังสืออย่างที่ชอบทำเป็นประจำ ผมไม่กวนข้าว รีบลงมือทำงานตรงหน้าให้เสร็จตามเป้าหมาย คลิกเมาส์ตีแคด(CAD)จนแปลนเดินหน้าไปพอสมควร เมื่อพอใจกับผลลัพธ์แล้ว ผมเซฟงานและปิดแล็ปท็อปทันที ผมง่วงแล้วและจะไม่ทำโอที



เหนื่อยแล้ว อยากนอน



“ฉาง”



ทว่าคนในสเปคกลับเรียกชื่อผมขึ้นมาในระหว่างที่กำลังคิดปีนขึ้นเตียง ผมเงียบเป็นคำตอบ รอว่าข้าวจะพูดอะไรต่อ



“กูสงสัยอ่ะ ที่พวกเพื่อนมึงพูด...ที่ว่ามึงเจอแล้วนี่คือ...เจออะไร?”



“...”



“ฉาง”



ข้าวหันมามองหน้าผม แกล้งหลับก็ไม่ทันแล้ว ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่ตอบ จ้องหน้าข้าวกลับ หลับมันต่อหน้านี้เลยดีมั้ยนะ



“เจอที่ว่า หมายถึงอะไร”



“หมายถึงผมเจอข้าวไง”



“กูรู้ว่ามันมีมากกว่านั้น”



“...”



“ฉาง-”



“ครั้งหน้าข้าวอยากกินอะไร”



“มึงอย่าเปลี่ยนเรื่อง”



“ต้มยำดีมั้ย ข้าวกินเผ็ดได้ไหม หรือต้มข่าดี”



“ฉาง!”



“หรือลองเป็นอาหารฝรั่ง”



“ฉาง...โว้ย เอาต้มข่า ทีนี้ตอบกูมา”



“ข้าวชอบแบบหวานๆ หรือเผ็ดๆ”



“ฉางมึงอย่าเปลี่ยนเรื่อง”



“เอาหวานหน่อยละกันเนอะ”



“ไอ้ฉาง”



“ข้าว ผมง่วงแล้ว จะให้ผมคิดอะไรมากมายอีก แค่คิดงานก็เหนื่อยจะแย่”



“แค่ตอบคำถามกูมันยากมากหรือไง”



“คำถามข้าวถามว่าอะไรผมลืมไปแล้ว”



“มึงนี่มัน...! กูถามว่า... เฮ้ย มึงอย่าหลับดิ้”



“...”



ข้าวรู้ไหม สกิลการหลับของผมไวระดับปิศาจ



หัวถึงหมอนปุ๊บ ผมชัตดาวน์ตัวเองทันทีไม่ต่างจากการถอดปลั๊กคอมพิวเตอร์





                                                                   
       ♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦



ทีละนิด ทีละนิด





 


 
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |หก| - 22.8.2017 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 22-08-2017 21:32:46
"ฉางตื่น" เป็นวลีที่ทำให้เราเขินนนน
แต่ตอนนี้
"กินข้าว" ทำให้เราเขินมากกว่า อ้ากกกกกกก นายฉางงงง ที่แท้เป็นคนแบบนี้เรอะะะ

และช๊อกที่สอง ฉางทำกับข้าวอร่อย โอมายก๊อดดด ไม่คิดไม่ฝัน มีเรื่องที่ฉางเก่งมาากกว่านอนแล้ว ปลาบปลื้มมมม นี่สิเหมาะสมตำแหน่งพระเอกที่สุ๊ดดดดด 555555555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |หก| - 22.8.2017 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 22-08-2017 21:41:38
พอพี่ฉางไม่อยู่ก็จะเหงาๆใช่ไหมละ!
ชินกับการมีเขาอยู่ด้วยแล้วก็แบบนี้แหละ----

แง๊ พี่ฉาง(แมว)ไปอยูาบ้านพี่ฉางซะแล้วววว คิดถึงงง //น้วย

ข้าวมีความภรรยา(?)ที่ดี ปลุกฉาง เรียกมากินข้าว
พี่ฉางก็สุดพ่อศรีเรือน ทำอาหารอร่อยยยย อยากกินบ้างงง
น่ารักทั้งคู่เลยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |หก| - 22.8.2017 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: only_huswife ที่ 22-08-2017 21:42:06
เปิดมาแรกๆนี่อยากจะแหมมมมม ให้ถึงดาวอังคาร
ข้าวเคยชินกับการมีฉางอยู่ด้วยแล้วอ่ะดิ๊ พอไม่มีมันก็จะเหงาหน่อยๆ  :o8: :o8:

แต่แอบตกใจที่ฉางทำอาหารเก่ง แถมอร่อย นอกจากนอนเก่งแล้วยังทำอาหารเก่งด้วย เอาไว้ล่อลวงข้าวโดยเฉพาะ ใช่มะ

สุดท้ายนี้... " ฉางตื่นนนนนนนนนน "

หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |หก| - 22.8.2017 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: flimflam ที่ 22-08-2017 22:06:18
ฉางงงงง อย่ามาเฉไฉ คนบ้า 5555555555
เกลียดการหลับไวนรกแตกของฉางมาก
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |หก| - 22.8.2017 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Cardiac ที่ 22-08-2017 22:18:39
ฉานอึนมาก
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |หก| - 22.8.2017 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 22-08-2017 22:58:03
ตลกดี พี่ฉางคนอึน แปลกกันทั้งกลุ่มเลย มิน่าล่ะมาเป็นเพื่อนกันได้ ฮา (ถ้าคนเขียนอยากเขียนตอนพิเศษเราแนะนำ แรกพบก่อนมาเป็นเพื่อนของกลุ่มพี่ฉางค่ะ ฮา)
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |หก| - 22.8.2017 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 23-08-2017 01:50:29
ถถถถถ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |หก| - 22.8.2017 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 23-08-2017 07:42:24
หวาย ๆ น้องข้าว คิดถึงยุ้งฉางแล้วยังไม่ยอมรับอีกนะ แหม  :o8:
เขาไม่อยู่ก็เหงา ก็เบื่อ พอเขามาก็ดีใจ อารมณ์ดีเชียวนะ
แต่ว่า จะไม่ค่อยได้เจอพี่ฉางแมวส้มแล้วสิ น้องข้าวก็คิดถึงใช่ไหมล่ะ
ยุ้งฉาง พ่อศรีเรือน ทำอาหารอร่อยอย่างนี้ ได้ใจน้องข้าวไปอีกข้อนะ 555
สรุปว่า ที่ฟ่าบอกว่าเจอแล้วเนี่ย คือ เจอคนในสเปค แล้วใช่ไหมยุ้งฉาง
จีบเลย ๆ เอ้ะ หรือว่าที่ทำทุกวันนี้ ก็จีบต้นข้าวอยู่ ฮาาา
อ่านไปอมยิ้มไป ขอบคุณคนเขียนมากค่า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |หก| - 22.8.2017 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 23-08-2017 08:21:01
 :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |หก| - 22.8.2017 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 23-08-2017 09:56:41
พระเอกต้องสซึนเบอร์ไหน ไหนตอบสิ555555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |หก| - 22.8.2017 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 23-08-2017 10:03:13
ข้าวน่ารัก มีความเขินฉางเบาๆ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |หก| - 22.8.2017 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 23-08-2017 19:04:15
คนเขาสงสัยก็ตอบเขาเถอะะะ :haun5:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |หก| - 22.8.2017 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 25-08-2017 13:14:53
ถ้ารู้แล้วจะเขินจนไปไม่เป็นนะข้าว  :hao7:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |หก| - 22.8.2017 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: Jinglering ที่ 25-08-2017 14:47:00
รอค่า
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |หก| - 22.8.2017 p.3
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 25-08-2017 22:50:39
เขิ๊น เสียงสูงคือเขินมากๆ ติดตามคนเขียนคนนี้มาเรื่องที่สองแล้ว ชอบนะเนี่ย
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |เจ็ด| - 26.8.2017 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 26-08-2017 01:13:50
7



ผมเกลียดมันจริงๆ เกลียดการนอนหนีคำถามของผมซึ่งๆหน้า คนบ้าอะไรหลับกลางอากาศงี้ก็ได้ ราวกับชีวิตมันเกิดมาเพื่อหลับ การตื่นเป็นเรื่องฝืนธรรมชาติ



ฉางไม่ตอบผม ปลุกแค่ไหนก็ไม่ตื่น จนใจแล้ว เมื่อถึงเวลาผมถึงเข้านอนบ้าง ไม่คิดว่าตื่นมาไอ้ฉางจะหายไปราวกับรู้ตัว ไม่ได้คำตอบวันนี้ วันหน้าก็ต้องได้ ยิ่งไม่ตอบยิ่งทำให้อยากรู้คำตอบนะฉาง



แต่สุดท้ายวันนี้มันก็ไม่โผล่หัวมา วันอาทิตย์แสนสุขของผมเป็นไปอย่างเรียบง่าย ผ่านไปอีกวันจนผมลืมเรื่องที่จะถามไอ้ฉางไปแล้ว



“มันยังมาหามึงอยู่มั้ย ไอ้คนที่ชื่อฉางอ่ะ”



ไอ้เขียนถามผมเมื่อจบคาบเรียนคาบแรก อยู่ระหว่างพากันเดินตรงไปโรงอาหารคณะ



“เป็นพักๆ ผลุบๆ โผล่ๆ”



“มึงก็ยังให้มันมาเนอะ”



“ลองมาเป็นกูดูสิ”



“เพราะเป็นมึงนั่นแหละ มันถึงได้ยังอยู่กับมึงอ่ะ มึงมันใจดีเกินไปข้าว”



รู้อย่างนั้นก็มาช่วยกูซะสิ



“ให้กูไปนอนด้วยก็จบ”



“โนวๆ น้องข้าว เตียงพี่มีให้สาวๆ เท่านั้น”



ก็เป็นซะอย่างนี้ ผมเบะปาก ไม่ใช่ว่าไม่เคยไปนอนห้องมัน เพียงแต่นานๆ ทีเท่านั้น ช่วงหลังๆ มานี้ดูไอ้เขียนจะติดสาวมากกว่าเดิม ไม่รู้คนเดิมหรือคนใหม่ ยังไงผมก็ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้อยู่แล้ว



“จริงๆ ช่วงนี้รถไฟชนกันบ่อยๆ มึงมาคงไม่สะดวกเท่าไหร่”



ไอ้เขียนบอก ว่าแก้ตัวกล่าวถึงสาเหตุที่ไม่ยอมให้ผมไปลี้ภัยนอนด้วย แต่คำแก้ตัวมันเหมือนฟังแล้วทำให้มันดูแย่ลงกว่าเก่าอีก พวกศัตรูของผู้หญิง



พวกผมมาถึงโรงอาหาร แยกย้ายกันไปสั่งอาหารก่อนหาที่นั่ง



“แล้วเอาไงอ่ะ งานกลุ่ม” ผมเปิดบทสนทนาขึ้นอีกครั้งกลางโต๊ะอาหาร



“จะนัดวันไหนก็บอก กูได้หมด ขอแค่บอกก่อนจะได้เตรียมตัว” เตรียมตัวบอกสาวสินะ ผมส่งเสียงอืมในลำคอ



“กูหาข้อมูลไว้แล้วหน่อยๆ เดี๋ยวส่งให้ดูก่อน”



“ขยันอีกแล้ว”



ไอ้เขียนว่า ผมไม่ตอบ ก้มดูดเส้นก๋วยเตี๋ยวในตะเกียบต่อไป คนตรงข้ามผมก็เล่นมือถือไปกินไป จวบจนอาหารตรงหน้าหมด ก็พากันเอาจานไปเก็บ ผมแวะซื้อน้ำก่อนจะขึ้นตึกเรียน



ทว่าพอออกจากโรงอาหาร กลับพบคนที่คุ้นหน้าจนแทบอยากหมุนตัวแล้วหนี



ไม่ ไม่ใช่ไอ้ฉาง



แต่เป็นอัลฟ่า



ไม่ได้อยากสังเกตเห็นมัน แต่เพราะกลุ่มคนที่ล้อมรอบตัวมันเป็นเป้าสายตาทำให้ผมหันไปมองอย่างช่วยไม่ได้ ทันทีที่เห็นหน้ามัน จะวิ่งหนีก็ไม่ทันแล้ว ไอ้ฟ่าสังเกตเห็นผมแล้ว



มันก้มหัวให้บรรดาสาวๆ รอบๆ ก่อนเดินตรงมาทางผม ทำไงดี ไปหลบหลังไอ้เขียนจะทันมั้ย ทำไมวันนี้มันซวยวะ



“ข้าว เจอพอดี”



“อะ...อะไร” ผมตอบมันเสียงอึกอัก สายตาหลายคู่เพ่งเล็งมาทางผมกับอัลฟ่าอย่างเห็นได้ชัด



“รู้จักอาจารย์ยิ่งยศมั้ย”



“รู้จัก”



อาจารย์ยิ่งยศ สอนผมตอนปีหนึ่ง วิชาที่เป็นพื้นฐานของวิศวกรรม เชื่อว่ามันสุ่มใครสักคนในคณะนี้ถามก็รู้จัก ทำไมต้องกูวะ



“โต๊ะแกอยู่ไหนอ่ะ เราถูกวานให้เอาเอกสารมาให้”



 โต๊ะอาจารย์ยิ่งยศ นักศึกษาทุกคนต้องเคยผ่านมือมาแล้วทั้งนั้น เพราะอาจารย์มักจะสั่งให้ทำรายงานมาส่งที่โต๊ะแกทุกปี ห้องพักอาจารย์ไปไม่ยาก ผมบอกแผนที่ให้อัลฟ่าฟัง



“ยากอ่ะ ข้าวไปเป็นเพื่อนหน่อยละกัน”



บอกว่าไม่ยากไง! ชั้นแรกของตึกไฟฟ้า เข้าไปแล้วเลี้ยวซ้ายก็เจอแล้ว บัดซบ!



ไอ้ฉางที่ผมไม่เคยปฏิเสธได้ แล้วคิดว่าผมจะปฏิเสธเพื่อนมันได้มั้ยล่ะ อัลฟ่ากอดคอผมก่อนเดินนำไป รีบรุดออกห่างบรรดาขามุงอย่างรวดเร็ว



“มึงรู้จักกันหรอ”



ไอ้เขียนที่เดินตามมาต้อยๆ เอ่ยขึ้นระหว่างทาง



“ไม่เชิง” ผมตอบ “เพื่อนฉาง”



“มันนับเราเป็นเพื่อนมั้ยยังไม่รู้เลย” อัลฟ่าว่าพร้อมหัวเราะขบขัน



“หือ ไอ้ฉางมีเพื่อนเป็นเดือนถาปัตย์อ่ะนะ”



“หือ?” ผมส่งเสียงสงสัย หันไปมองไอ้เขียนที ไอ้ฟ่าที



“อ้าว รู้ด้วยหรอ ฮ่าๆ” สิ้นเสียงอัลฟ่า ผมเบิกตาโต



“อัลฟ่าเป็นเดือนถาปัตย์!?”



“อ่าห้ะ สองปีก่อนนะ”



มิน่าล่ะ เห็นสาวๆ มุงมัน นั่นคือเหล่าบรรดาแฟนคลับมันสินะ...



“ไอ้ฉางนี่เลือกคบเพื่อนแฮะ” ไอ้เขียนเอ่ยคุยกับอัลฟ่า



“ไม่หรอก เป็นเราเนี่ยไปขอมันเป็นเพื่อน ตอนแรกพี่มาขอให้ฉางเป็นเดือนเถอะ แต่มันไม่ยอม ยังไงก็ไม่ยุ่ง เลยมาขอเราแทน เป็นตัวสำรองอันดับสุดท้าย ฮ่าๆๆ”



“จริงป้ะเนี่ย”



“อือ ที่จริง ฟิวเจอร์กับเพียวถูกขอก่อนฉางอีก แต่สองคนนั้น...อืม”



ไอ้เขียนทำหน้างงเมื่อมีตัวละครใหม่มาเพิ่ม จนผมต้องอธิบาย “เพื่อนอีกสองคนของไอ้ฉาง”



“อืม เคยได้ยินชื่อบ้าง”



“รู้จักด้วยหรอ” ผมถามเพื่อนซี้



“ไม่หรอก แค่เคยได้ยิน หน้าเป็นไงก็ไม่รู้”



“สองคนนั้นไม่สนโลกยิ่งกว่าฉางอีก” ว่าแล้วก็หัวเราะ อัลฟ่าดูเป็นคนที่หัวเราะได้กับทุกเรื่อง ไม่เหนื่อยบ้างหรือยังไง



มองหน้าอัลฟ่า รู้ว่ามันเป็นคนหล่อ แต่ไม่คิดว่าเป็นเดือนคณะ เห็นเพื่อนมันอีกสองคนรวมถึงไอ้ฉางด้วยแล้วเลยเผลอคิดไปเองว่าคณะนี้มีแต่คนหน้าตาดี แต่ความจริงแล้วคือมีแค่พวกนี้ที่เป็นตัวท็อปสินะ



“ไม่เห็นรู้เลย”



“That’s what makes you beautiful~” ไอ้ฟ่าร้องเพลงออกมา หันหน้ามามองผม พร้อมฉีกยิ้ม ผมงงจัด ทว่าไอ้เขียนเป็นฝ่ายผละมันออกมา แขนที่คล้องคอผมขอไอ้ฟ่าถูกปลดออก



“ไม่ต้องมาจีบเพื่อนกูเลย เพื่อนกูไม่ใช่เกย์”



“เราไม่ได้จีบซะหน่อย~” ไอ้ฟ่าว่าอย่างอารมณ์ดี “แต่อีกคนก็ไม่แน่นะ”



ผมไม่เข้าใจบทสนทนา ไม่ทันได้โต้ตอบอะไรอัลฟ่าก็บอกลาพร้อมเลี้ยวซ้ายเข้าห้องพักอาจารย์ไป อ้าว เวร จะไปเองก็ไปได้นี่ แล้วจะเรียกให้ผมไปด้วยทำไมวะ



แล้วผมก็เพิ่งสังเกต...ว่าอัลฟ่าพูดแบบรู้เรื่องก็เป็นนี่หว่า



เพื่อนไอ้ฉางมีแต่คนกวนตีน



ส่งไอ้ฟ่าถึงจุดหมายแล้ว พวกผมก็เดินออกมา



“อัลฟ่าถาปัตย์ กูได้ข่าวมาว่าเป็นไบ มึงอย่าไปยุ่งกับมันมากนะไอ้ข้าว หน้าอย่างมึงยิ่งถูกหลอกง่ายๆ อยู่”



อ้าว ไอ้...



“มันมาหากูเองเหอะ”



“กูถึงบอกไว้ให้มึงระวังตัว พวกนี้น่าขนลุกจะตาย”



ผมไม่ตอบอะไรมัน เรื่องพวกนี้ผมไม่ได้แอนตี้ เจอทั่วไปจนชิน ไม่ได้รู้สึกขยะแขยงอะไร เสียแต่ไอ้เขียนมันไม่ใช่ มันไม่ชอบพวกคนเหล่านี้ เกย์ กะเทย ทอม ดี้ ต่างๆ มันไม่เข้าไปยุ่งเลย แถมชอบมาบอกให้ผมอยู่ห่างๆ เช่นนี้บ่อยๆ



ผมไม่ได้รังเกียจกลุ่มคนประเภทนี้ก็จริง แต่ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะชอบผู้ชายเหมือนกัน เลยได้แต่อือออตามไอ้เขียนมันไป ขี้เกียจเถียงกับมันให้วุ่นวาย



หลังจากที่แยกกับไอ้ฟ่า ผมกับเขียนเดินขึ้นตึกเรียนไปตามปกติ ห้องเรียนเริ่ม ไอ้เขียนกดมือถือเล่นเหมือนอย่างเคย ส่วนผมก็ได้แต่จดเลคเชอร์เผื่อแผ่คนข้างๆ ที่เอาแต่คุยกับสาวไม่สนโลก



หลังจากเรียนเสร็จ ทั้งเย็น ผมใช้ชีวิตไปกับไอ้เขียน  ไม่คิดว่าคนอย่างมันจะว่างมาเดินเล่นกับผมเหมือนกัน ถึงอย่างไรก็ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย ไอ้เขียนจะเจียดเวลาของมันมาอยู่กับผมเป็นครั้งคราว ชีวิตเด็กเมืองกรุง ไม่รู้จะไปไหนก็เข้าห้าง ถึงแม้ผมไมได้อยากดูอะไรเป็นพิเศษ แต่ไอ้เขียนอยาก



มันต้องหาซื้อของขวัญให้เจนนี่ สาวคนล่าสุดของมัน



ผมไม่มีที่ไปอยู่แล้ว ไม่ไปกับมันก็กลับหอ เลยเลือกไปกับไอ้เขียนแทนการคุดคู้อยู่แต่ในห้อง พวกผมดูโน่นนี่ ได้ของขวัญแล้วแต่ก็ขี้คร้านจะกลับห้อทั้งคู่จึงเลือกเดินเตร่ไปเรื่อยๆ จวบจนเวลาเย็น พวกผมเดินสุ่มเข้าร้านอาหารสักร้านนั่งกิน ก่อนไอ้เขียนจะเอ่ยขึ้น



“เดี๋ยวกูว่าจะไปร้านนั่ง มึงไปด้วยกันป่ะ”



ร้านนั่ง ที่มันว่าคือชื่อร้านเหล้ายอดฮิตในช่วงนี้ แน่นอน ผมไม่ถูกโรคกับของพวกนี้เท่าไหร่นัก ทว่าก่อนจะได้เอ่ยคำปฏิเสธ ไอ้เขียนก็เอ่ยขัดขึ้นมาก่อน



“ไปเถอะ นะ ไปเป็นเพื่อนกูหน่อย”



“....ทำไม”



“นัดเจนนี่ไว้ กะจะเอาของขวัญไปเซอร์ไพร์ส” ไอ้เขียนว่าพร้อมฉีกยิ้ม ที่เห็นแล้วอดยกยิ้มมุมปากขึ้นมาไม่ได้



ที่แท้กะใช้กูเป็นตัวช่วยนี่หว่า



“ไปเถอะนะไอ้ข้าว มึงไม่ได้ออกมาร้านแบบนี้นานแล้วนะ กูเหงา”



ตอแหลชิบหาย ถึงแม้จะรู้ว่าไอ้เขียนพูดไปงั้น แต่ผมก็ตกลงพยักหน้าไปแต่โดยดี ไม่ใช่เพราะคิดว่ามันเหงาจริงๆ หรอก แต่ช่วงนี้ผมเอาแต่อยู่ในห้องมากไปแล้วอย่างที่มันว่า แถมในห้องยังมีสิ่งมีชีวิตประหลาดผลุบๆ โผล่ๆ มากวนประสาทเป็นระยะอีก



ถึงแม้วันนี้ผมไม่เจอไอ้ฉางมันเลยทั้งวัน แต่ก็ไม่มีอะไรมายืนยันได้ว่าถ้าผมกลับหอไปจะไม่เจอมัน



เที่ยวเล่นสักวันก็ดีเหมือนกัน ไหนๆ วันพรุ่งนี้ก็เรียนบ่าย



ผมปล่อยไอ้เขียนดี๊ด๊าของมันไป เดินตามตูดมันไปเงียบๆ มันแวะอะไรก็แวะตาม ไปเรื่อยๆ จนหมดอะไรจะดู ถึงได้ตัดสินใจกันออกจากห้าง ประกอบกับเวลาเริ่มเหมาะกับการร่ำสุราแล้ว พวกผมจึงตรงดิ่งไปยังร้านนั่งทันที



สองทุ่มกว่า ไม่ดึกมากทว่าผู้คนกลับคึกคัก ด้วยเพราะเป็นร้านเหล้าเปิดใหม่ สไตล์ตกแต่งร้านถูกใจวัยรุ่น ราคาเบียร์ก็ย่อมเยา ทำให้สถานที่แห่งนี้มากคนอย่างช่วยไม่ได้ ให้ตาย คิดผิดรึเปล่าที่มา ผมไม่ชอบคนเยอะๆ อย่างที่เคยว่า แต่กลับต้องมาเบียดเสียดผู้คนมากมายเข้าไปข้างในร้าน หาโต๊ะนั่ง



กินพลังงานชีวิตมาก



วันนี้สาวๆ เยอะกว่าปกติ ลาภตาไอ้เขียนนัก เจนนี่ยังไม่มา ไอ้เขียนก็ส่งสายตาแพรวพราวไปทั่ว ส่วนผมก็ก้มหน้าดื่มน้ำเมาในมือตัวเองไปเงียบๆ



สองทุ่มครึ่ง กิ๊กใหม่ไอ้เขียนมาถึง มันออกไปต้อนรับ ส่งมอบของขวัญให้ผมเก็บรักษาดูแลไว้ เมื่อมันมาถึงโต๊ะพร้อมสาวสวย นั่งลงกันเสร็จสรรพ ผมยื่นของขวัญของเจนนี่ให้เขียนใต้โต๊ะ ไอ้เขียนรับก่อนเอาไปให้เจนนี่ เซอร์ไพร์สเล็กๆ ไม่ต้องเล่นใหญ่ก็ทำให้สาวๆ ระทวยได้ไม่ต่างกัน



เจนนี่เขินม้วนอย่างน่ารัก ก่อนไอ้เขียนจะแนะนำสาวใหม่ให้ผมรู้จัก พร้อมๆ กับแนะนำให้ผมให้เจนนี่รู้จัก ผมพยักหน้ารับ จำอะไรไม่ได้นอกจากชื่อเล่นและอายุที่เท่ากัน เชื่อว่าพ้นเดือนนี้ไปไอ้เขียนก็มีคนใหม่ จึงไม่ได้ใส่ใจมากนัก นั่งดื่มของเหลวในแก้วตัวเองต่อไป



แก้วแรกเป็นเบียร์เบาๆ แก้วต่อมาไอ้เขียนถึงรินเหล้าให้ ผมยกซด หลังๆ ไอ้เขียนเริ่มหันไปคุยกับเจนนี่แล้ว ผมถึงรินเองดื่มเอง เวลาคืบคลานผ่านไปจนดึก



“อุ้ย”



เจนนี่ร้องอุทานขึ้นมาเบาๆ เมื่อวงดนตรีวงใหม่เดินขึ้นมา ผมเบนสายตาไปมอง แทบสำลักน้ำเมา



วันนี้เป็นวันอะไร ทำไมเพื่อนไอ้ฉางถึงได้มาวนเวียนรอบตัวผมแบบนี้



บนเวทีปรากฏร่างของเพียว เพื่อนไอ้ฉางอีกคนที่ผมเจอเมื่อครานั้น ร่างสวยหิ้วกีตาร์โปร่งขึ้นเวที ท่ามกลางเสียงกรี๊ดกร๊าดของสาวๆ ว่าแล้วเชียว นึกแล้วว่ามันแปลกๆ ทำไมวันนี้ผู้หญิงเยอะผิดปกติคงเป็นเพราะเรื่องนี้ เพียวมีเสน่ห์มากทั้งกับผู้หญิงและผู้ชาย เครื่องหน้าสวยนั้นเป็นสิ่งยืนยันถึงเสน่ห์ของเจ้าตัวได้อย่างดี



“เจนนี่รู้จักด้วยหรือ” ไอ้เขียนถามหญิงข้างกาย เจ้าหล่อนตอบด้วยความขวยเขิน



“อื้อ เพียวถาปัตย์ เห็นว่าเจอยากมากๆ เลย ไม่คิดว่าวันนี้จะเจอนะเนี่ย”



ผมฟังพร้อมยกซดน้ำสีชาในมือต่อ ไม่คิดว่าจะเจอมันในนี้เหมือนกัน



มือเรียวเริ่มบรรเลงเพลงสด ไล่นิ้วกดคอร์ด นักร้องเสียงใสอีกคนร้องตามจังหวะคีย์โน้ตที่เสียงกีตาร์มอบให้ เสียงฮือฮาเริ่มเบาลงเมื่อเสียงดนตรีดังขึ้น เพียวไม่ได้แตะไมค์ร้องเลยด้วยซ้ำ ทว่ามีแต่สาวๆ มองด้วยความหลงใหล นอกจากผู้หญิงที่มองแล้ว...พวกผู้ชายเองก็จับจ้องไปที่คนตรงหน้าไม่วางตาเช่นกัน



เส้นผมสีอ่อนพลิ้วลู่ลงตามแรง ไหลปรกหน้าสวยไปเกือบครึ่ง ทว่ากลับเพิ่มเสน่ห์ให้น่าค้นหาอย่างน่าประหลาด ลำคอระหงส์เผยออกมากขึ้นตามท่วงท่าที่คนหน้าสวยขยับตัว เสื้อสีขาวโปร่งและแสงไฟจากเวทีฉายส่องทำให้คนตัวขาวสว่างกว่าเดิม ไล่ไปเห็นถึงผิวอกเนียน ดวงตาสีอ่อนปรือลง เหม่อมองออกไปราวกับตกอยู่ในภวังค์ของตัวเอง



สวยราวภาพวาด



ขนาดเป็นผู้ชาย ผมยังหลงไปกับเสน่ห์ของเพียวได้อย่างง่ายดาย



ผมจ้องเขาโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งคนบนเวทีเงยหน้ามาสบตาผมถึงได้รู้ตัว สะดุ้งว่าตัวเองมองเขานานไปแล้ว



ส่ายหน้ารีบนำสติตัวเองกลับ กระดกน้ำเมาในมืออีกครั้งก่อนแทบสำลักเมื่อสายตาเหลือไปเห็นร่างของคนในเงามืดที่แสนคุ้นตา



ฟิวเจอร์



คนที่โดดเด่นสะดุดตาตั้งแต่แรกเห็น ผมจำเขาได้แทบทันที เป็นวันปล่อยผีจริงๆ ด้วย พวกเพื่อนไอ้ฉางอยู่รอบตัวผมอย่างน่าขนลุก



เมื่อเพลงบรรเลงจบไปสามสี่เพลง ได้เวลาเปลี่ยนเวที เพียวลุกออกไปท่ามกลางเสียงเสียดายของสาวๆ และหนุ่มๆ บางคน ผมมองตามร่างเพรียวไปตลอดจนลงเวที



ฟิวเจอร์เข้ามารับตัวเพียวไว้แทบทันที แขนแกร่งของหมอนั่นโอบเอวเพียวอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ ไม่พอ ใบหน้าหล่อราวกับรูปปั้นซบเข้ากับเส้นผมนิ่ม ตอกย้ำความมีสิทธิ์เหนือใครๆ ของตัวเอง



ผมคิดอยู่แล้วว่าสองคนนี้มีความสัมพันธ์แปลกๆ อย่างน้อยเพื่อนชายด้วยกันคงไม่กอดกันตัวติดขนาดนั้น แถมยังเอาคางมาเกยไหล่กัน ท่าทีสนิทสนมเกินเพื่อนชายทำเอาผมสงสัยอยู่ในใจเงียบๆ ทว่าไม่ได้แสดงอะไรออกไป



“โฮโมตัวเป็นๆ เลยว่ะ” ไอ้เขียนเอ่ยขึ้น



ดูท่าว่ามันเองก็คงสังเกตฉากเพียวกับฟิวเจอร์เหมือนกัน ใบหน้าหล่อเหยเกเหม็นบูด คล้ายกับเรื่องตรงหน้ามีสิ่งใดผิดปกติไป ถ้าคิดจากความคิดไอ้เขียน เพียวกับฟิวเจอร์คงเป็นสิ่งปกติสำหรับมันจริงๆ



“ข้าว มึงระวังตัวไว้นะ”



“อะไร”



“ไอ้ฉางคบแต่เพื่อนเกย์ๆ มันต้องเป็นเกย์แน่ๆ มึงอยู่ห่างๆ มันไว้เลย”



“...”



ผมไม่ตอบมัน รินเหล้าให้ตัวเองก่อนยกซดอีกอึก ฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำเอามึนได้ที่ ก่อนที่จะกลายเป็นหมามากกว่านี้ ผมตั้งสติให้ตัวเองหยุดดื่ม นั่งเหม่อมองไอ้เขียนก้อร่อก้อติกกับเจนนี่ไปเรื่อยๆ ภาพตรงหน้าเริ่มพร่ามัว ตั้งใจจะกระพริบตาไล่ความง่วง



ทว่าลืมตาตื่นมาอีกทีก็อยู่ที่ห้องตัวเองแล้ว



พร้อมกับความคิด...



วันนี้ไม่เจอไอ้ฉางเลยทั้งวัน...





VII



เบื่องาน เหนื่อย ง่วง



อยากกลับไปหาข้าวจะแย่



ตีสามกว่าแล้ว ไปหาตอนนี้คงโดนตีตาย แต่ช่วยไม่ได้ ผมคิดถึงข้าว แวบไปหาหน่อยคงไม่เป็นไร ไม่ต้องเข้าห้องก็ได้ แต่พอมาถึง ไม่คิดว่าประตูหอจะเปิดไว้อ้าซ่าต้อนรับกันขนาดนี้



ไม่คิดด้วยว่าห้องข้าวจะไม่ได้ล็อก เชิญชวนกันขนาดนี้



ผมก้าวเข้าไป เจอร่างไร้สตินอนแผ่อยู่บนเตียงท่ามกลางกลิ่นคละคลุ้งของแอลกอฮอล์…





   ♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦







มาแบบเรื่อยๆ เอื่อยๆ

คิดว่าฉางจะทำไงต่อ....  :hao7:

 
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |เจ็ด| - 26.8.2017 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 26-08-2017 06:59:38
เพื่อนข้าวไม่ชอบเพศที่สามแบบนี้จะมีเรื่องร้ายเปล่า  :m28: :m28: :m28:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |เจ็ด| - 26.8.2017 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 26-08-2017 07:28:56
พี่ฉางเกิดมาเพื่อหลับ การตื่นเป็นเรื่องฝืนธรรมชาติ 555555

ฟิวเจอร์เพียววววว อ่านละชอบมากเบยยย ฟิวหล่อมากกก
ข้าวมีแอบคิดถึงพี่ฉางด้วย?!
ถ้าพี่ฉางรู้จะต้องดีใจ อิอิ

เห็นสภาพข้าวไหมพี่ฉาง ต้องตัดการนะ ปล่อยให้นอนทั้งแบบนั้นไม่ดี---
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |เจ็ด| - 26.8.2017 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 26-08-2017 08:12:46
อัลฟ่า เป็นเดือนคณะเชียว ไม่ธรรมดานะเนี่ย รู้สึกในกลุ่มนี่ อัลฟ่าดูปรกติสุดละ 555
ถึงเขียนจะไม่ชอบเพศที่สาม แต่ก็ยังดีที่น้องข้าวไม่ได้รู้สึกรังเกียจ
แต่นึกไปถึงอนาคต เรื่องน้องข้าวกับยุ้งฉาง คงจะมีอุปสรรคที่เขียนคนหนึ่งล่ะ เฮ้อ
แต่เขียนก็เป็นเพื่อนเต็มด้วยนี่ เขียนรู้หรือเปล่า ว่าเต็มแอบชอบพี่ชายข้างบ้านอ่ะ
ฟิวเจอร์กับเพียว  :-[ อ่านไปอ่านมา ฟิวเจอร์นี่ก็ให้ความรู้สึกคล้าย ๆ ฉางเหมือนกันนะ
ถ้าฉางเป็นแมว ฟิวเจอร์ก็เหมือนหมาหวงเจ้าของอะไรงี้ 555
ขอบคุณคนเขียนจ้า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |เจ็ด| - 26.8.2017 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 26-08-2017 10:13:37
อูยยยย......ข้าวเมา แล้วกลับหอได้ยังไง

เขียนนี่เตือนข้าวมากกกกกก เรื่องเกย์  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

ดีที่ฉาง กลับมา เพราะประตูห้องไม่ปิด
ข้าวกลับมาหอได้แต่ลืมปิดประตู :z3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |เจ็ด| - 26.8.2017 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: flimflam ที่ 26-08-2017 10:22:37
เขียน เตรียมใจเถอะ ข้าวไม่รอดหรอก
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |เจ็ด| - 26.8.2017 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 26-08-2017 10:25:32
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |เจ็ด| - 26.8.2017 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 26-08-2017 12:05:25
บางที เขียนนั่นล่ะจะไม่รอด อิอิ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |เจ็ด| - 26.8.2017 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 26-08-2017 21:12:50
เกลียดมากๆระวังจะเจอเองนะเขียน o3
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |เจ็ด| - 26.8.2017 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 26-08-2017 21:29:03
ตอนแรกก็คิดว่าจะกดบวกเป็ดเฉยๆ แต่ไหนๆจะบวกเป็ดแล้วก็มาเม้นท์เถอะ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะแสดงความคิดเห็นยังไงดี
ชอบเหมือนเดิมนะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |เจ็ด| - 26.8.2017 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: cavalli ที่ 27-08-2017 00:08:18
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |เจ็ด| - 26.8.2017 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: rockiidixon666 ที่ 27-08-2017 12:09:27
อยากจะจับเขียนให้คู่กับฟ่าซะเลย 55555

แอบหลงคู่ฟิวเจอร์กับเพียว 2คนนี้ออร่าพุ่งมากๆ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |เจ็ด| - 26.8.2017 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: lovelyfever ที่ 27-08-2017 12:26:08
ไม่ชอบคนที่มีทัศนคติแบบเขียนเลยค่ะ

เป็นเด็กอนุบาลเหรอ ตัวเองไม่ชอบอะไรก็ไม่อยากให้เพื่อนเข้าไปยุ่ง นี่จะมาทำตัวมีปัญหาทีหลังหร่อเปล่าถ้าข้าวคบกับฉาง

ทัศนคติคับแคบมากอะไรที่ต่างจากตัวเองถือเป็นสิ่งผิดปกติ ย้ำเหลือเกิน เยอะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |เจ็ด| - 26.8.2017 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 30-08-2017 19:02:33
กลุ่มฉางดูมีแต่คนแปลกๆแต่ฮอตใช่เล่นนะ หล่อๆงานดีทั้งนั้น หู้ยยยย
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |แปด| - 1.9.2017 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 01-09-2017 22:13:14
8



ผมหลับตา หลังจากรับรู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน คิดว่าไอ้เขียนคงรับผิดชอบแบกผมมาที่ห้องนั่นแหละ ไม่ได้สงสัยอะไร ดูท่าว่าพรุ่งนี้ต้องหาอะไรไปไหว้ขออภัยมัน



แต่ตอนนี้ง่วงเหลือเกิน ผมไม่รู้ว่าเวลากี่โมงแล้ว ภายในห้องมืดสนิท เนื้อตัวก็เหนียวเหนอะหนะ จะลุกไปอาบน้ำก็ไม่ไหว ยังดีที่เปิดแอร์ให้ ผมปล่อยให้ร่างกายเป็นเนื้อเดียวกับเตียง ก่อนจะสิ้นสติอีกครั้ง



VIII



ผมมองต้นข้าวที่นอนไม่ได้สติอยู่กลางเตียง แขนขากางอ้าซ่าไม่เหมือนกับเวลานอนตอนปกติ กลิ่นแอลกอฮอล์เป็นเครื่องยืนยันสมมติฐานของผมได้ว่า



ข้าวเมา



ไม่รู้ว่าใครเป็นคนพาข้าวกลับมา แต่เล่นไม่ล็อกประตูห้องให้เนี่ย ใจร้ายเป็นบ้าเลย



ถ้าผมเป็นโจรข้าวคงตายไปแล้ว



แต่เพราะผมไม่ใช่โจร เป็นแค่คนฉวยโอกาสความใจดีของข้าวมาใช้ และจะเป็นคนปกป้องข้าวจากความใจดีของข้าวด้วย



ผมล็อกประตู เปิดไฟในห้องก่อนเดินมาหาข้าว



สภาพเสื้อนักศึกษาของข้าวทำให้ผมไม่คุ้นชินเท่าไหร่ ปกติข้าวจะต้องอาบน้ำก่อนนอนเสมอ มานอนทั้งๆ แบบนี้คงเหนียวตัวไม่น้อย ถึงแม้จะเปิดแอร์เสียชุ่มฉ่ำแล้วก็ตาม แม้จะแปลกใจที่ข้าวเปิดแอร์ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร ปกติข้าวชอบนอนเปิดพัดลมมากกว่า สงสัยว่าวันนี้คงทนความเหนียวตัวไม่ไหว



นอกจากจะเป็นคนปกป้องข้าวแล้ว ผมจะเป็นคนดูแลข้าวด้วย ถึงแม้จะง่วงก็ตาม



ผมเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวของต้นข้าว นำมันไปชุบน้ำก่อนเอาออกมา ตั้งใจจะเช็ดตัวให้ข้าวตอบแทนความใจดีที่ผ่านมานี้ ข้าวให้ผมนอนด้วยฟรีๆ ไม่เคยพูดเรื่องอื่นเลย ใจดีจนน่ากลัว ผมขยับลากผ้าชุ่มน้ำผ่านแขนขาว ข้าวนอนหน้าแดงไม่ได้สติ น่ารัก



ขยับมือเช็ดไปตามส่วนต่างๆ ของข้าว ล้วงเข้าสาบเสื้อ เช็ดวนรอบหน้าอกและแผ่นหลัง ปลดกางเกงสแลคสีดำออก ขยับมือเช็ดเรียวขาจนทั่ว



ข้าวควรเปลี่ยนเสื้อนอน จะได้สบายๆ



คิด ขณะเช็ดซอกคอข้าวอีกครั้ง ผมตั้งท่าจะลุก ทว่ามือขาวเอื้อมจับแขนผมไว้ หันไปมอง ข้าวซุกตัวเข้ามาหา



ผมรู้ หนาวแล้ว จะไปเอาเสื้อมาให้ไง



ยกยิ้มอย่างกลั้นไม่อยู่ก่อนขยับตัวคนน่ารัก ลูบเส้นผมนุ่ม จำใจแกะต้นข้าวที่พันอยู่ที่ฝ่ามือก่อนลุกขึ้นได้สำเร็จ ตรงไปหยิบเสื้อนอนประจำของข้าวมาไว้ในมือ คนตัวขาวนอนเปลือย เหลือเพียงกางเกงในตัวเดียวแผ่อยู่กลางเตียง ผมช้อนหลังข้าวขึ้นมา จะใส่เสื้อให้



ได้เพียงแค่สวมเสื้อลงไปที่คอ คนเมาทำสิ่งที่ผมไม่คาดคิด ต้นข้าวขยับตัวคว้าผมไปกอด ซุกไว้ตรงหน้าอก



“อือ”



...ไม่เปลี่ยนเสื้อให้แล้วได้มั้ย นอนมันทั้งอย่างนี้ก็สบายดีเหมือนกัน



ต้นข้าวไม่ปล่อยให้ผมนอนสบาย เอื้อมตัวมาจูบลงบนกระหม่อมผมเสียอย่างนั้น ผมเงยหน้ามองเขา ดวงตาที่ล้นไปด้วยเสน่ห์ปรือมองมาทางผม หรือว่าข้าวจะตื่นแล้ว?



ข้าวขยับเข้าใกล้ใบหน้าของผม ดั่งต้องมนต์สะกด ไม่สามารถขยับตัวได้ ดวงตาสวยหลุบปิดตา บรรจงประกบริมฝีปากตัวเองเข้ากับปากผม มอบรสจูบให้ เพียงชั่ววินาทีไม่นานก็ผละออก หลับไป ทิ้งให้ผมอยู่ท่ามกลางความรู้สึกโถมทับอยู่คนเดียว



...นั่นจูบแรกผมนะ..



รับผิดชอบเลย



จ้องมองคนเมานอนหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ ใบหน้ามนขึ้นสีแดงด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ เพิ่มความน่ารักมากกว่าเก่า ผมเอาคืนข้าว ก้มตัวลงไปจูบซ้ำที่ริมฝีปากนุ่ม ข้าวนอนนิ่งไม่รู้ตัว ผมกดจูบแน่นยิ่งขึ้น ขบกัดริมฝีปากล่างของเขาเบาๆ แลบลิ้นชิมรสจูบแสนหวาน



“อื้อ”



คนเมาร้องประท้วง คล้ายได้สติ ขยับตัวก่อนจูบตอบกลับผมมาอย่างไม่ยอมแพ้



ระเบิดอารมณ์ในกายให้ร้อนขึ้นไปอีก



มือหนึ่งดึงเสื้อที่ค้างๆ คาๆ อยู่บนตัวคนเมาออกให้สิ้น ข้าวกลับมาเนื้อตัวเปลือยเปล่าอีกครั้งอย่างรวดเร็ว อีกมือสาละวนบีบเค้นเนื้อตัวขาวจนขึ้นสี ไล่ลูบไปทั่วแผ่นอก บีบเค้นสะโพกบางสอบ สองมือของข้าวเอื้อมมาคล้องคอผมไว้โดยไม่รู้ตัว



ผลักข้าวลงกับเตียง ขบจูบซอกคอระบายอารมณ์ ข้าวขบกัดร่างกายผมเช่นกันอย่างไม่ยอมแพ้ โรมรันกันไม่สิ้นสุด



มือซ้ายทำหน้าที่ไล่ลูบลงไปยังส่วนต่ำมากขึ้น เกี่ยวอาภรณ์ตัวสุดท้ายของคนใต้ร่างออกมา บีบเค้นส่วนลับ ลูบจับส่วนกลางลำตัว



ข้าวร้องไม่เป็นภาษา หน้าแดงกว่าเดิม



โจรฉวยโอกาสอย่างผมไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดมือ ในเมื่อถูกยั่วยุเสียขนาดนี้ ใครเล่าจะทนไหว ขยับมือ เร่งเร้าอารมณ์คนตรงหน้ามากกว่าเดิม คนตัวขาวที่เริ่มเปลี่ยนเป็นแดงด้วยฤทธิ์อารมณ์บิดตัวเร่า ร้องละเมอออกมาไม่หยุด เม็ดเหงื่อผุดออกตามผิวหนังทั้งที่แอร์เย็นเฉียบ ทว่าอุณหภูมิของร่างกายกลับรุ่มร้อน หัวใจผมเต้นแรงอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน



ขยับเร่งจังหวะมือ ต้นข้าวน้อยโดนผมกลั่นแกล้งเสียจนทนไม่ไหว คนตัวร้อนหอบหนักก่อนร้องท้วงสุดเสียง สะโพกแอ่นขึ้นตามแรงอารมณ์ ปลดปล่อยน้ำขาวหยาดขุ่น เปรอะเปื้อนเต็มท้องนวล ปรากฏคราบหลักฐานของกามตัณหา



แลบลิ้นเลียริมฝีปาก ก่อนก้มจูบตามคราบขาวบนตัว เชยชิมน้ำรักจนพอใจ



ข้าวหอบกระเส่า ลมหายใจเข้าออกจากถี่เริ่มลดลง ท้ายสุด  คนเริ่มต้นเรื่องนี้ก็ชิงหลบเข้าไปอยู่ในห้วงลึกของนิทรา



ข้าวขี้โกง



แล้วผมล่ะ...



.





หนัก...



ผมพยายามลืมตาตื่นขึ้นมา นึกคิดย้อนถึงเหตุการณ์เมื่อวาน ผมท่าจะเมา กลับหอไม่รู้เรื่องราว ทว่ากลับตื่นขึ้นอย่างยากลำบาก



ขยับตัว เห็นกล้ามแขนของใครบางคนโอบรัดไว้อยู่



ผมตกใจตัวสะดุ้ง รีบมองเจ้าของอ้อมกอด ไอ้ฉางยังคงหน้าไม่อาย นอนกอดผมอุตุราวกับกอดหมอนข้าง หายไปทั้งวัน จู่ๆ มาโผล่อะไรตอนนี้วะ แถมมาทับเสียจนหายใจแทบไม่ออก ไอ้ฉางพาดแขนพาดขาใส่ตัวผมราวกับผมเป็นหมอนจริงๆ เดี๋ยวนี้กล้าดียังไง



ผมขยับตัว ดันแขนขาหนักๆ ของมันออกไป ยันตัวลุกขึ้นมองนาฬิกา สิบโมง นับว่าโชคดีที่ตื่นก่อนเที่ยง เดินไปห้องน้ำหมายจะอาบน้ำล้างตัว เมื่อคืนกลับมานอนแผ่อย่างนั้นคงไม่ได้อาบน้ำแน่ๆ แขยงตัวเองหน่อยๆ แต่ยังดีที่ไอ้เขียนเปิดแอร์ให้ ไม่งั้นตายห่าแน่



ผมถอดเสื้อนอนตัวเองออกก่อนชะงัก...



ทำไมผมใส่เสื้อนอน...แม้จะเมามาย แต่ก่อนสิ้นสติ ผมจำได้ว่าตัวเองนอนทั้งชุดนักศึกษา ยังบ่นกับตัวเองอยู่เลยว่ามันเหนอะหนะ แล้วทำไมพอตื่นแล้วกลับกลายเป็นผมสวมเสื้อนอนอยู่ล่ะวะ



ไอ้ฉาง!



หันไปคาดโทษบุคคลต้องสงสัยคนเดียวในห้อง แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ละเมอเปลี่ยนชุดเองแน่ๆ ถ้าจะมีคนเปลี่ยน ก็ต้องเป็นมันเนี่ยแหละ



“ฉาง ตื่น!”



ผมร้อง ไอ้ฉางไม่ตอบสนอง ผมเรียกมันอีกหลายครั้งก็ยังไม่มีสัญญาณใดๆ ตอบรับ เออ เดี๋ยวขออาบน้ำก่อนแล้วกัน แล้วจะมาเคลียร์ให้รู้เรื่อง



เสร็จธุระ ผมเดินออกมาจากห้องน้ำ ปิดสวิตช์แอร์ ยืนจังก้าอยู่หน้าคนต้องโทษที่หลับเป็นตาย ค้างอยู่ท่าเดียวกับตอนที่ผมลุกขึ้น



“ฉาง...ตื่น”



“...”



“ฉาง ตื่น ตื่นโว้ย”



ถ้าไม่ตื่นกูจะเอามีดกะซวกมึง หงุดหงิดมากกว่าเดิม หลังจากอาบน้ำ ผมเจอร่องรอยประหลาดปรากฏอยู่ที่หลังหัวไหล่ ส่งผลให้อารมณ์เสียมากกว่าเดิม มึงทำอะไรกับตัวกู



ทั้งที่ปกติแล้วไอ้ฉางแทบไม่แตะต้องตัวผมเลยด้วยซ้ำ มันนอนข้างๆ ก็จริง แต่ไม่มีครั้งไหนที่มันจะขยับตัวมาโดนเลยสักนิด แต่ละครั้งมันก็นอนนิ่งเหมือนศพ แต่ครั้งนี้ นอกจากจะกอดก่ายผมโดยไม่ได้รับอนุญาตแล้ว ยังกล้าทำรอยบนร่างกายผมอีก



“ฉางตื่น”



ยิ่งคิด ยิ่งแค้น



คนหลับเป็นตายเริ่มตอบสนองต่อชื่อตัวเอง ไอ้ฉางขยับตัวช้าๆ ก่อนพยายามลืมตาตื่น



“ข้าว”



“มึงตื่นมาคุยกับกูเดี๋ยวนี้”



“อือ...ข้าวมีอะไร”



“ใครเปลี่ยนเสื้อให้กู”



“ผมเอง”



“กูขอหรอ”



“เปล่า แต่ผมกลัวข้าวจะเหนียวตัว”



“กูบอกหรอ”



“เปล่า”



“งั้นทำทำไม”



“ผมหวังดีไง”



“กูไม่เคยขอให้มึงทำ”



“ข้าวเมานอนไม่ได้สติ ปกติข้าวต้องอาบน้ำก่อนนอน แต่ครั้งนี้ข้าวไม่ได้อาบน้ำ ผมเลยกลัวว่าข้าวจะนอนไม่สบาย”



“ไม่ต้องคิดแทนกู”



“ผมเลยเช็ดตัวให้ข้าว”



“ห้ะ...มึง เดี๋ยว..”



“เปลี่ยนเสื้อให้ข้าวด้วย”



“กูบอกว่า...”



“เปลี่ยนกางเกงในด้วย”



“ไอ้!!”                             



“ปะแป้งให้ข้าวก่อนนอนด้วย”



ในขณะที่ผมกำลังจะสิ้นความอดทน ผมยอมให้มันมานอนด้วยได้ แต่ผมไม่อนุญาต ไม่เคยอนุญาตให้มันทำมากเกินกว่านั้น ไม่ทันได้พูดอะไรออกไป ฉางเอ่ยขัดคำต่อว่าของผม



“ข้าวกอดผมด้วย”



“หา”



“ข้าวจูบผมด้วย”



“ห๊ะ!!”



“ข้าวกัดผมด้วย”



“อะไรนะ”



ฉางขยับตัวลุกขึ้นนั่งดีๆ เอียงคอเลิกคอเสื้อตัวเองเผยให้เห็นเนื้อบริเวณหัวไหล่ที่มีรอยฟันชัดเจน และ...นอกเหนือจากรอยฟัน...ยังมีรอยอื่น... รอยสีกุหลาบช้ำ...



“ผมเลยกัดข้าวคืน”



ไอ้...



“ข้าวคงไม่อยากรู้ว่าโดนทำอะไรต่อหรอกใช่มั้ย”



“ทำอะไร...!”



ผมว่า น้ำเสียงโหดๆ จากตอนแรกเริ่มพังทลายลงเป็นเสียงสั่นแทน ทำอะไร ทำอะไร ทำอะไร ไอ้ฉางมึงทำอะไร!



คนถูกคาดคั้นคำตอบทางสายตาไม่ตอบ เอาแต่โคลงหัวอมยิ้ม



“จูบข้าวหวานเป็นบ้า”



สิ้นสุดเสียงมัน ไอ้ฉางว่าเสียงเรียบพร้อมตวัดลิ้นเลียริมฝีปากตัวเอง หน้าผมเห่อร้อน พูดอะไรไม่ออก ไม่รู้ว่าที่มันพูดเท็จจริงแค่ไหน แต่รอยบนตัวผมและมันต่างเป็นหลักฐานบางอย่างส่งเสริมให้คำพูดไอ้ฉางน่าเชื่อถือ



“กู...กูมีเรียน!”



ผมตะโกนใส่มันทันทีที่เห็นไอ้ฉางขยับตัวคล้ายจะลุก วิ่งออกนอกห้องไปทันที ขอหนีไปตั้งตัว



หน้าผมยังคงเห่อร้อนไม่สิ้นสุด ระว่างทางเดินไปมหาลัยภายในหัวผมก็เอาแต่ครุ่นคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แน่นอน ผมจำไม่ได้สักนิด ไม่รู้ว่าไอ้ฉางเข้ามาตอนไหน ไม่รู้ว่าระหว่างผมกับมันทำอะไรลงไปบ้าง



ฤทธิ์น้ำเมาน่ากลัวก็ตอนที่ต้องอยู่กับใครอีกคน



ช่วงนี้ผมไม่ได้เที่ยวสาว ไม่ได้กระทำอะไรที่ผู้ชายวัยรุ่นทั่วไปควรทำ ไม่ได้ปล่อยออกนานแล้ว ด้วยเพราะไม่ได้สนใจเรื่องแบบนี้มาสักพัก ประกอบกับไอ้ฉางโผล่เข้ามาในชีวิต ขาดหายเรื่องแบบนี้ไปโดยปริยาย



ไม่ใช่ว่าตายด้าน แค่ขี้เกียจจะสนใจ



แต่ไม่คิดว่าเพราะเหตุนี้จะทำให้เกิดเหตุการณ์แบบเมื่อคืนขึ้น ไม่รู้ว่าไอ้ฉางเชื่อถือได้มากแค่ไหน มันอาจจะเริ่มก่อนหรืออาจจะแต่งเรื่องก็ได้ แต่อย่างไร...ผมเองก็ฝากรอยไว้ที่ตัวมันด้วยเช่นกัน



ไอ้บ้าเอ้ย ใครมันเปิดประตูให้ไอ้ฉางเข้ามาได้วะ



ผมเริ่มโทษสิ่งอื่นๆ ที่ไม่ใช่ตัวเอง โทษไอ้ฉาง ไอ้เขียน ทั้งที่สุดท้ายแล้วก็เป็นเพราะตัวเองเนี่ยแหละ รู้ทั้งรู้ว่าดื่มอะไรพวกนี้แล้วจะกระหายน้ำ พอกระหายก็ดื่มมันเข้าไปอีก วนลูปนรกจนกลายเป็นแบบนี้ไง ฮือ



หลังจากตั้งสติได้ สิ่งที่เกิดไปแล้วกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้ ผมทำใจยอมรับตรงนี้ อย่างน้อยก็มั่นใจว่าไม่ถูกทำอะไรไปมากกว่าที่เห็น วันหลังจะทำอะไรก็ค่อยระวังตัวมากกว่านี้ก็แล้วกัน แต่ที่แปลกก็คือ...



ถ้าเรื่องผมจูบฉางเป็นเรื่องจริง ทำไมในใจผมถึงไม่รู้สึกต่อต้านอะไรเลย...



ผมโวยวายใส่ฉางไปในทีแรก เพราะโกรธและหงุดหงิดที่มันข้ามเส้นมา แต่ที่ลืมคิดไป...



ผมกลับไม่รู้สึกแขยงทั้งที่มันเป็นผู้ชายด้วยกัน...



ความสงสัยถูกเก็บไว้ให้อยู่ส่วนที่ลึกที่สุดของหัวใจ ผมออกจากหอมาก่อนเวลาเรียนไปค่อนข้างเยอะ เหตุเพราะหนีไอ้ฉางที่เอาแต่พูดเรื่องน่าอาย ตอนนี้จึงต้องมานั่งปล่อยเหม่ออยู่อย่างนี้ ก่อนจะเห็นไอ้แว่น ไอ้ภัค คู่หูเด็กเนิร์ดเดินผ่านไป ผมรีบเดินเข้าไปร่วมสมทบด้วย แล้วรายงานกลุ่มก็ถูกเป็นหัวข้อในการสนทนาครั้งนี้ทันที...



พระอาทิตย์ลอยกลางหัว บอกเป็นเวลาบ่ายโมงตรง คาบเรียนเริ่มแล้ว ไอ้เขียนเพิ่งเข้ามา สภาพยุ่งเหยิง เมื่อคืนคงดื่มหนักไม่น้อย มันนั่งลงข้างตัวผมก่อนไหลไปกับโต๊ะ



“หนักหรือไงมึง” ผมถาม



“อือ...ปวดหัวเป็นบ้า”



“มึงแฮงค์? แล้วเมื่อคืนมึงมาส่งกูได้ยังไง” เป็นเรื่องน่าสงสัย ถ้าไอ้เขียนดื่มหนักจนแฮงค์ได้ขนาดนี้แล้วมันจะเอาปัญญาที่ไหนแบกผมกลับ



“กูไม่ได้มาส่งมึง...”



 “...ห้ะ”



“เหมือนว่า...คนที่ชื่อเพียวจะพามึงไป...”



!!



ผมตกใจกับคำตอบยิ่งกว่าเดิม ไม่ทันได้ถามซ้ำ ไอ้เขียนก็ตั้งตัวลุกขึ้นพรวด เบิกตาโตหันหน้ามาหาผม



“มึงเป็นอะไรรึเปล่าวะ”



“อะไร? กูต้องเป็นอะไร”



“เมื่อคืน หลังจากมึงหลับ กูก็แดกอีกสักพักก่อนจะกลับ ต้องพาเจนนี่ไปส่งแต่ก็ต้องพยุงมึงด้วยเหมือนกัน” ไอ้เขียนเริ่มเล่า “กูพยุงทั้งมึงทั้งเจนไม่ไหว แล้วจู่ๆ ไอ้คนที่ชื่อเพียวก็เข้ามา บอกจะพามึงไปส่งหอ บอกรู้จักมึง กูก็เออออไป ตอนนั้นลืมคิดไปเลยว่าแม่งเป็นเกย์ มึงไม่ได้โดนทำอะไรใช่มั้ย”



“ไม่โดน!”



ผมขึ้นเสียง หน้าขึ้นสี ไม่คิดว่าเพียวจะเป็นคนมารับผิดชอบตัวผม เจอกันแค่ครั้งเดียวแถมไม่ได้พูดคุยกันด้วยซ้ำ รวมถึงไอ้เพียวไม่ได้ทำ ที่ทำอ่ะ...



“เออ แล้วไป ขอโทษนะเว้ยที่ไม่ได้ไปส่งอ่ะ”



“เออเข้าใจ กูสิที่ต้องขอโทษ” ผมว่าตอบกลับมันไป ไม่คิดเล็กคิดน้อย มันควรจะเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว ไอ้เขียนควรไปส่งเจนนี่ เธอเป็นผู้หญิง ให้กลับบ้านคนเดียวก็ใช่เรื่อง ส่วนผมมีเพื่อน? คนรู้จัก? มาเสนอตัวถึงที่ ก็ต้องปล่อยให้มันเป็นไปเช่นนั้น อย่างน้อยๆ ผมก็ผู้ชาย ดูแลตัวเองได้มากกว่าเพศแม่



รึเปล่าวะ...



“มันไม่ได้ทำอะไรมึงจริงๆ ใช่มั้ย”



“ไม่ได้ทำจริงๆ กูตื่นมาก็นอนแช่แอร์อยู่ในห้องแล้ว นอนแม่งทั้งชุดนักศึกษามันเนี่ย” แต่คนถอดเสือกเป็นเพื่อนแม่ง



“ก็ดี ไม่คิดเหมือนกันนะว่ามึงจะเมา”



เออ กูก็ไม่คิด



“ว่าแต่เพียวรู้จักหอกูได้ไงวะ...มึงบอกทางหรอ” ผมถามไอ้เขียน หอผมอยู่ในซอกในซอย บอกทางมาลำบาก คงไม่ใช่เรื่องง่ายในการหอผมให้เจอ หอราคาถูกใกล้มหาลัย ย่อมไม่ติดถนนใหญ่ ทางวกวนไม่ต่างจากเขาวงกตสำหรับคนเพิ่งเคยมาครั้งแรกแน่ๆ



“เปล่า...กูนึกว่ามันรู้จักหอมึงอยู่แล้ว”



“...”



จู่ๆ ก็มีปริศนามาให้คิดอีกแล้ว…







                                                                 
♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦

 :hao6: :hao7:

หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |แปด| - 1.9.2017 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 01-09-2017 22:52:08
เพียวเพื่อนฉางนี่เอง (พี่รู้ พี่ย้อนกลับไปอ่านมา ฮ่า ๆ)
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |แปด| - 1.9.2017 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 02-09-2017 02:25:40
มีเงื่อนงำ  :hao4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |แปด| - 1.9.2017 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 02-09-2017 07:09:14


เอาจริง ๆ เราแอบตกใจนิดหน่อยหลังจากอ่านตอนนี้
ไม่ใช่ไม่ดีใจที่ทั้งฉางและข้าวจะได้ยกระดับความสัมพันธ์นะคะ
แต่ไม่คิดจริง ๆ ว่าเวลาข้าวเมา ข้าวจะเผ็ดระดับพริกสิบเม็ดยังเอาไม่อยู่
(นี่อยากจะเข้าไปกระซิบฉางเลยว่ามอมข้าวบ่อย ๆ นะ เพราะดีต่อใจป้าเหลือเกิน ฮ่า ๆๆๆ )

ส่วนเรื่องเพียวที่รู้ลึกรู้ดีเกี่ยวกับที่อยู่ของข้าว ก็คงต้องติดตามกันต่อไปว่าเบื้องหลังเรื่องทั้งหมดจะมีเงี่ยนงำเช่นไร
แต่ตอนนี้ลุ้นข้าวมาก... อยากให้น้องสังเกตตัวเองมาก ๆ และเห็นความหวั่นไหวของตัวเองเสียที เพราะฉางมันออกตัวไปยืนรอที่เส้นชัยได้สักพักแล้ว

เป็นกำลังใจให้คุณคนเขียน เรารออ่านนะคะ ^_^  :กอด1:

หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |แปด| - 1.9.2017 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 02-09-2017 12:24:58
อือ เราเองก็สงสัยนะข้าว กำลังคิดว่าอ่านอะไรข้ามไปหรือเปล่านะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |แปด| - 1.9.2017 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 02-09-2017 12:42:39
พี่ฉางก็ร้ายไม่เบานะ!!! 55555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |แปด| - 1.9.2017 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 02-09-2017 13:09:51
ฉางคนร้ายๆๆๆ ไม่คิดเลยว่าคู่นี้จะไวไฟ กรี๊ดดดดดดดด
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |แปด| - 1.9.2017 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 02-09-2017 18:45:39
เพียว...ยังไง  :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |แปด| - 1.9.2017 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 03-09-2017 10:41:28
5555 แต่ละคน มีคนสติดีบ้างไหม แม้แต่ข้าวเอง ก็ยังรวนได้ ต่อฉางไม่เป็นเลย

ข้าวก็จำใจ แต่ทำไปทำมา ก็ขาดไม่ได้ซะงั้นนะ
ฉางก็ซื่อเนาะ ซื่อไปอีก แต่เรียกอีกอย่างว่ากวนประสาทนั่นแหละ

กลุ่มฉางคืออัลฟ่าคุยรู้เรื่องสุดละ หรือทุกคนรู้เรื่องหมด ยกเว้นฉาง เลยทำข้าวหลอน คิดไปเอง

เขียน ถ้าข้าวเป็น แล้วเขียนจะทำไง ถามหน่อย

เพียวฟิวเจอร์นี่ยังไงนะ แล้วเพียวมาส่งข้าวได้ไง

ลุ้นหลายอย่าง ลุ้นไปหมด ทุกคนเอาตัวมาพัวพันข้าว 5555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |แปด| - 1.9.2017 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: monetacaffeine ที่ 03-09-2017 11:12:00
คิดถึงพิฉางงง เอาพิฉางของฉางกลับมาได้ไหมคะ แง .. ไม่มีแมวส้มตัวเดียวทำไมเหงาจัง T _____ T
ชอบเรื่องนี้มาก ชอบบรรยากาศ ชอบ mood & tone ของเรื่องจริงๆค่ะ รอติดตามตอนต่อไปนะคะ
ข้าวใจดีมากกกกก มากเกินไป 5555555 ส่วนฉางก็เนี๊ยนเนียน เนียนเกินไป๊ ตลกอ่ะ
อยากให้เค้ามาอยู่ด้วยกันถาวรไปเลยค่ะ ฮือ รักคู่นี้มั่กมาย
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |แปด| - 1.9.2017 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 03-09-2017 12:16:25
 :z1:

 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |แปด| - 1.9.2017 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: flimflam ที่ 03-09-2017 12:48:36
ทำไมข้ามขั้นก้าวกระโดดกันแบบนี้ บ้าเอ๊ย ฟฟฟฟฟ ////////
ว่าแต่เรื่องเพียวนี่ยังไงยังไง
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |แปด| - 1.9.2017 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 04-09-2017 18:45:50
เมาแล้วเร่าร้อน :haun4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |แปด| - 1.9.2017 p.4
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 05-09-2017 20:02:06
 :o8: บ้าจริง
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |เก้า| - 6.9.2017 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 06-09-2017 22:06:27
เห็นหัวข้อเปลี่ยนแล้ว ก็มารออออออ :mew1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |เก้า| - 6.9.2017 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 06-09-2017 22:09:14
9



หลังจากวันนั้น ผมไม่เจอหน้าไอ้ฉางไปอีกสองวันเต็ม นึกขอบคุณที่สวรรค์พามันออกไปจากผม เพราะคงไม่รู้จะทำหน้ายังไงหากเจอมันในเร็วๆ นี้ ชีวิตประจำวันกลับมาสงบสุขอย่างที่วาดหวังไว้ ตื่น เรียน กิน นอน ขี้ ปรารถนาแค่ชีวิตธรรมดาแค่นี้เอง



ทว่าพระเจ้าคงกลัวผมจะเบื่อ พอเข้าวันที่สาม เซอร์ไพร์สก็ปรากฏ



ด้วยเพราะไม่เจอไอ้ฉางมาสองวันติด เลยไม่คิดว่าจะเจอมันเร็วๆ นี้ ตอนตื่นมาก็ไม่เห็นร่างควายยึดข้างเตียง เลยลุกออกจากเตียง เดินตรงไปเปิดไฟในห้อง พร้อมเริ่มใช้ชีวิตอย่างทุกที



ทว่าเดินไปได้ถึงกลางห้อง ผมกลับเตะโดนอะไรสักอย่างที่มีลักษณะเป็นขนนุ่มและนิ่ม



ก้มตัวไปมอง ตาแทบทะลุออกจากเบ้า



แมวฉาง!



มึงมานอนตรงนี้ได้ยังไง



ผมรีบหันไปมองรอบห้อง ไม่มี ไม่มีวี่แววของไอ้ฉาง ทั้งห้องมีผมเป็นคนอยู่คนเดียว แล้วไอ้แมวนี่มาได้ยังไง...



ไม่มีคำตอบส่งมาจากไหน แมวส้มขยับตัวคลานหนี เหตุเพราะผมไปเตะมันเข้า ผมก้มตัวลูบหลังมันแทนคำขอโทษ กูไม่รู้นี่ว่ามึงอยู่ตรงนี้ ถามจริง ใครมันจะไปคิดวะ



นอกจากไอ้ฉางจะผลุบๆ โผล่ๆ มาแล้ว แมวฉางยังจะทำตัวตามเจ้าของอีกหรอวะ



แมวฉางแค่ลุกขึ้นเปลี่ยนที่นอนแล้วหลับตาต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลงเหลือเพียงพื้นอุ่นที่ตำแหน่งเก่าบ่งบอกว่ามันเคยนอนตรงนี้ ชีวิตเกิดมาเพื่อนอนเหมือนไอ้ฉางในนั่นแหละ ผมหันไปรอบห้องอีกครั้ง สังเกตดีๆ ก็เห็นกระบะแมวกับถ้วยข้าวแมวกลับมาอีกครั้ง



ไอ้เหี้ยฉาง น่าไม่อาย ขนทั้งอุปกรณ์ทั้งแมวมาเนี่ยถามกูรึยัง



แต่ผมรู้...มันเกิดขึ้นไปแล้ว และผมเถียงมันไม่เคยชนะเลยสักครั้ง แม้จะไม่รู้ว่ามันเข้ามาได้ยังไงและเข้ามาตอนไหน ที่นึกได้คงมีแค่ผมลืมล็อกห้องล่ะมั้ง สุดท้ายก็ได้แต่สูดหายใจเข้าออก ทำสมาธิอยู่ในใจ คิดเสียว่าทำบุญ



แต่ดูท่าว่าวันนี้ต้องสั่งสอนมันเสียหน่อยแล้ว



เสียงเปิดประตูดังขึ้นหลังจากที่ผมอาบน้ำแต่งตัวได้สักพัก แมวฉางไม่ขยับแม้มีเสียงดังขึ้นเกิดขึ้นในห้อง คิดว่าถ้าผมเอามีดมากะซวกไส้มันมันก็คงนอนให้ทำแต่โดยดี



ผมไม่หันหน้าไปมองผู้มาเยือน รู้แน่ๆ ว่าคือใคร ประตูห้องไม่ได้ล็อกตอนผมเดินไปเช็ค และผมไม่ได้ล็อกห้องกลับ ตั้งใจให้มันเข้ามาได้ง่ายๆ ไอ้ฉางเดินวนมาข้างหน้าผม



“ข้าว...”



“...”



“เป็นอะไรรึเปล่า”



ผมเงียบ ไม่ตอบ ส่งสายตาไม่พอใจให้มัน ใครให้เอาแมวเข้ามา



“ผมขอโทษนะ ที่บ้านไม่มีคนอยู่อีกแล้ว ไม่มีใครดูแลแมวเลย” ไอ้ฉางบอกคล้ายกับอ่านใจผมได้



“แล้ว...ก็เลยต้องมาลำบากกู?”



“ผมขอโทษ...แค่ไม่กี่วันนะข้าวนะ ข้าวไม่ต้องทำอะไรเลย ผมดูแลเอง จะไม่รบกวนข้าวเลย” มันก็ต้องเป็นอย่างนั้นไม่ใช่หรอวะ แต่วันนี้กูตื่นมาเหยียบมันเนี่ย ถือว่าเป็นเรื่องรบกวนแล้ว



“ไม่บอกกันก่อน?”



“มันกะทันหัน”



“แล้วคิดว่ากูจะอนุญาต?”



“ก็ข้าวใจดีนี่”



“ฉาง กูยอมไม่ได้แปลว่ากูใจดี จะยอมให้มึงได้ทุกเรื่องนะ ที่ไหนก็มีกฎ ที่หอก็มีกฎ แล้วทำไมกูต้องมารับผิดชอบคนแหกกฎด้วย”



“...ผมขอโทษ แต่เจอร์ไม่ชอบแมว เลยเอาไปไว้กับเจอร์กับเพียวไม่ได้ อัลฟ่าเองก็อยู่กับเมทที่แพ้ขนสัตว์...”



“ถ้ารับผิดชอบดูแลเองไม่ได้ ก็ไม่ต้องเลี้ยง อย่าเอามันไปลำบากคนอื่น”



ผมว่าเสียงแข็ง ไอ้ฉางก้มหน้าหงอย ตั้งใจจะสั่งสอนมันเนี่ยแหละ ให้มันรู้ซะบ้างว่าผมยอมมันไม่ได้หมดทุกเรื่องหรอกนะ ยังไม่ได้เคลียร์เรื่องก่อนหน้านี้ที่แม่งแอบเข้ามาห้องผมแล้วเปลี่ยนเสื้อกันตามใจชอบเลย



“ผมขอโทษนะ...”



ฉางว่าอีกครั้งก่อนอุ้มแมวส้มใส่ตะกร้า เทอาหารแมวลงกระปุก



“ทำอะไร?”



“หาที่อยู่ใหม่ให้ฉางไง... ผมไม่อยากรบกวนข้าว”



เฮ้อ เอากับมันสิ



“กูก็ไม่ได้บอกว่าห้ามอยู่...” ฉางหันมามองหน้าผม ผมเลี่ยงที่จะสบตามัน “แค่บอกไว้...”



เมื่อเงยหน้าไปมองมัน พลันเห็นไอ้ฉางยิ้มร่า วางตะกร้าในมือลงก่อนวิ่งมาทางผม ไม่ทันได้ส่งเสียงห้าม มันก็คว้าผมเข้าไปกอดแล้ว



“ไอ้ฉาง มึงหยุด หยุด...ไม่ต้องมากอดกู”



“ข้าวใจดีที่สุดเลย”



“มึงปล่อยกู ไม่ต้องมากอ-”



จุ๊บ



...



“ขอบคุณนะข้าว ครั้งนี้สี่วันนะ สัญญา”



“...”



“ฉางโชคดีไปเนอะ ขอบคุณข้าวด้วยสิ”



“...”



ผมไม่ได้ยินอะไรต่อจากนี้แล้ว สมองขาวโพลน ดวงตาเบิกกว้าง ช็อกในการกระทำของไอ้ฉางเมื่อกี้ มันจูบผม...มัน... มัน... มันทำได้ไง ไม่... ไม่ไม่ไม่ ไม่ได้เรียกว่าจูบ แค่ยื่นปากเข้ามาแตะๆ ปากผมนิดหน่อยเท่านั้น เรียกว่าเป็นอุบัติเหตุได้มั้ย แต่ทำไมดูมันไม่ตกใจอะไรเลย ซ้ำยังทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก



มันทำบ้าอะไร!



“ข้าว?”



ไอ้ฉางเรียกชื่อผมเมื่อเห็นผมนิ่งไป ไม่รู้ว่าเรียกมากี่รอบแล้ว เพราะมันเริ่มเดินเข้ามาหาผมอีกครั้ง



ผมถอยห่าง ก้าวถอยหลังยึกๆ ยักๆ



“ข้าว...?”



“ม...มีเรียน”



อ้างข้ออ้างโง่ๆ ซ้ำซ้อน ก่อนจะรีบวิ่งออกจากห้องไป



ทำไม เกิดอะไรขึ้น ไอ้ฉางทำอย่างนั้นทำไม ผมพยายามหาสาเหตุของการกระทำที่เกิดขึ้นของไอ้ฉาง หัวสมองมึนงงไปชั่วขณะ มันเป็นผู้ชาย ผมเป็นผู้ชาย ไม่ได้เมาทั้งคู่ แล้วมันจูบทำไม หรือมันเป็นเกย์จริงๆ



แล้ว...ใจผมที่เต้นแรงจนห้ามไม่ได้นี่คืออะไร



ผมนั่งฝังตัวอยู่ที่ห้องสมุดคณะ หาข้อมูลทำรายงานไประหว่างรอเวลาเรียน ภายในหัวที่ตีกันยุ่งเหยิงเมื่อครู่เริ่มสงบลงแล้ว พยายามใช้สมาธิจดจ่อกับข้อมูลตรงหน้า เสียแต่เรื่องไอ้ฉางยังคงโผล่มาเป็นพักๆ อย่างน่ารำคาญ



ออกไปจากหัวกูเดี๋ยวนี้นะ



ผมปิดหนังสือ นำมันไปวางที่พักหนังสือก่อนเดินนอกมาจากห้องสมุด เมื่อใกล้ถึงเวลาเรียนแล้ว แวะทานข้าวที่โรงอาหารเสร็จสรรพก่อนเดินขึ้นชั้นเรียน



“มาเช้าว่ะ” ผมว่า เมื่อเห็นไอ้เขียนนั่งรออยู่ในห้องเลคเชอร์แล้ว



“หลบคน”



“เหอะ” ผมแค่นเสียงหัวเราะ คนที่มันว่าจะเป็นใครได้อีกนอกจากสาวๆ ของมัน สงสัยเครื่องบินชนกัน



เรื่องไอ้ฉาง ผมเอาไปปรึกษาไอ้เขียนไม่ได้แน่ๆ คิดอย่างนั้นจึงได้แต่ถอนหายใจก่อนเตรียมตัวเริ่มเลคเชอร์ หลังเลคเชอร์เสร็จ ต่อด้วยเข้าแล็ปทันที สมองผมที่รวนๆ ตั้งแต่เช้าจนถึงตอนนี้ได้แต่สั่งการมั่วซั่วไปหมด หยิบผิดนู่นนี่จนไอ้เขียนระอา สั่งให้ผมไปเป็นคนบันทึกผลการทดลองอย่างเดียว...



จนแล้วจนรอดก็ผ่านวันนี้มาได้ ไอ้เขียนรีบขอตัวกลับ คงกลัวเจอสาวคู่กรณีเก่า ส่วนผมแวะไปทานข้าวกับพวกไอ้แว่นก่อนกลับหอ เวลาโพล้เพล้ใกล้ค่ำ พระอาทิตย์ใกล้ลับตา ภาพเบื้องหน้าเบลอมัวมองไม่ชัด จะมืดก็ไม่มืด จะสว่างก็ไม่ใช่ ผมไม่ค่อยชอบบรรยากาศแบบนี้เท่าไหร่



เปิดประตูเข้าห้อง สภาพห้องผมเงียบจัด ไฟในห้องไม่ได้เปิด ผมจึงคิดว่าไอ้ฉางคงไม่ได้กลับมาเร็วๆ นี้ ซึ่งนั่นก็ดี ผมคงยังไม่รู้ว่าจะทำหน้ายังไงเมื่อต้องเจอมัน



จะว่าไป เวลามีเหตุการณ์แปลกๆ เกิดขึ้นระหว่างผมกับมัน ไอ้ฉางเป็นต้องทิ้งระยะหายไปสักวันสองวันเสมอ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดี ผมจะได้มีเวลาทำใจ ไม่ต้องคอยสะดุ้งเวลาเห็นหน้ามัน



ผมเปิดไฟในห้อง วางกระเป๋า ตั้งใจจะหยิบบันทึกแล็ปออกมาทำต่อจากเมื่อเย็นอีกหน่อย ทว่าพอวางกองงานบนโต๊ะเสร็จ สายตาก็พลันเหลือบไปเห็นสิ่งมีชีวิตสีส้มนั่งขดตัวอยู่ตรงระเบียง



ไม่สิ นั่งอยู่บนราวระเบียง!



“เฮ้ย ไอ้ฉาง เดี๋ยวก็ตกหรอก!”



ผมร้องลั่น พุ่งไปหาแมวฉางที่นั่งหลับตาพริ้มไม่รู้เรื่องราวอยู่บนราวระเบียงอย่างหมิ่นเหม่ คิดว่าหากแค่ลมพัดแรงๆ หรือถ้าเซนิดเดียว มันก็อาจจะตกไปได้ทุกเมื่อ แม้ไม่ใช่คนรักสัตว์ ทว่าเห็นเช่นนั้นก็อดกังวลไม่ได้ กลัวมันมาตายโง่ๆ ใกล้ห้องผมเนี่ย



ผมรีบวิ่งไปเปิดประตูระเบียงที่แง้มๆ ไว้ก่อนหน้านี้อยู่แล้ว อุ้มแมวส้มมาไว้ในอ้อมกอดอย่างระมัดระวัง นำมันวางลงกับพื้นได้อย่างปลอดภัย



“แมวมันไม่ตกลงไปหรอกข้าว”



“เหี้ย!”



สะดุ้งจนไส้ติ่งจะหลุด น้ำเสียงเนือยๆ ดังขึ้นมาจากข้างๆ ผมหันขวับไปหาต้นเสียง เห็นไอ้ฉางนั่งพิงผนังอยู่ตรงพื้นระเบียง...ไอ้...! อยู่มาตั้งนานแม่งไม่ส่งเสียงอะไรเลย แถมผมยังไม่เห็นมันอีก เหตุเพราะรีบลนไปหาแมวฉาง และเพราะไอ้ฉางนั่งหลบอยู่หลังเก้าอี้ ซ่อนตัวอยู่ใต้เงาเงียบๆ เนียนสนิทราวกับสิ่งไม่มีชีวิต



มันไม่มีกุญแจห้องผม เมื่อเช้าผมรีบร้อนออกไปก่อนทิ้งมันไว้ในห้อง แสดงว่ามันไม่ออกไปไหนเลยหรือไงวะ



“มึงอยู่ก็หัดส่งเสียงหน่อยดิวะ”



“เมื่อกี้ผมหลับ”



“...”



“แต่พอได้ยินข้าวเรียกชื่อฉางเลยตื่น”



“...”

เหนื่อยจะเหนื่อย ใครมันให้มานั่งหลับตรงนี้วะ เตียงดีๆ ก็มี หรือถ้าชอบนอนพื้นก็ไปพื้นห้องก็ได้มั้ยล่ะ



“ข้าวกินอะไรมารึยัง” ไอ้ฉางหาวหนึ่งครั้ง ชันตัวลุกขึ้นก่อนเปลี่ยนประเด็น ตั้งคำถามถามผม



“กินแล้ว...”



มันไม่ตอบ แต่พยักหน้ารับรู้เรื่องราว ใบหน้าคมคายจ้องมาทางผม ผมเดินหนีกลับเข้าห้องไปไม่ต่อบทสนทนา นึกถึงเหตุการณ์เมื่อเช้าแล้วพลันหน้าร้อนขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้



“ข้าว”



“อะ...อะไร”



“หิวข้าว”



“ก็ไปหาอะไรกินสิวะ ล่างหอมีร้านข้าวเยอะแยะ”



“อืม...หิวข้าว” โทนเนือยๆ ราบเรียบทว่าเน้นคำหนักตรงที่เป็นชื่อผม แฝงความหมายอย่างน่าประหลาด ไม่ว่าเปล่า ไอ้ฉางเดินมาทางผมพร้อมรอยยิ้มไม่น่าไว้ใจ



“อะไร! หิวก็ไปกินสิ”



ผมขึ้นเสียง หวังใช้เสียงดังข่มขู่ให้มันหยุดคุกคาม ไม่ได้ผล คนขี้เซายังคงเดินตาปรือมาทางผมอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งแผ่นหลังผมชิดกับผนัง ไม่มีที่ให้หนีอีกต่อไป



เลือกไม่ได้ ผมจ้องตาผ่านเส้นผมสีดำที่ปรกอยู่ข้างหน้า ส่งสายตาข่มขู่แทน รับรู้ระยะห่างที่เริ่มประชิดเข้ามาเรื่อยๆ



ก่อนที่จะคล้อยตาม ผมรีบเปลี่ยนประเด็น หาทางหนี



“ผม...ผมมึงยาวแล้วนะ”



“...”



“ไม่รำคาญหรือไง”



ได้ผล ไอ้ฉางชะงักก่อนผละตัวออกจากผม ยกมือข้างถนัดขึ้นมาลูบจับเส้นผมสีนิลของตัวเองตามคำอ้าง



“อือ รำคาญ”



“มึงก็ลงไปหาอะไรกินแล้วรวดไปตัดผมด้วยเลยสิ”



พยายามเปลี่ยนประเด็นให้มันเลิกจ้องผมแบบคุกคาม ทว่าไม่ได้ผล เมื่อไอ้ฉางดันหันหน้ามาจ้องผมเช่นเดิม เว้นระยะเวลาไว้นานเสียจนผมเริ่มอึดอัด ก่อนที่จะได้เอ่ยอะไร คนผมยาวพูดแทรกความเงียบขึ้นมา



“ข้าวตัดให้หน่อยสิ”



“หา”



“ตัดผมให้หน่อย”



“มึงจะบ้าหรอ กูตัดไม่เป็น”



“อือ” มันครางในลำคอ หันตัวเดินจาก คิดว่าคงจบบทสนทนาแค่นี้ หวังจะหนีไปอาบน้ำ ทว่าไอ้ฉางเดินกลับมาพร้อมกรรไกรในมือ



ยื่นส่งมาให้



“ตัดให้หน่อย”



ก็บอกว่า “กูตัดไม่เป็น!”



“ตัดๆ ไปเถอะ”



“งั้นมึงก็ตัดเองสิ”



“ผมขี้เกียจส่องกระจก”



“เดี๋ยวกูไปยกกระจกให้”



“ผมขี้เกียจตัด...”



“...”



“ข้าวตัดให้หน่อย”



“งั้นก็เรื่องของมึงแล้ว” ผมว่าตามจริง เส้นผมมัน ชีวิตมัน ถึงผมไม่ตัดให้มันก็ไม่มีอะไรเสียหาย ถ้ามันรำคาญ มันก็จัดการเอง อย่างน้อยผมก็คิดว่าผมเปลี่ยนประเด็นได้พอใช้ มันไม่มาจ้องแปลกๆ เหมือนก่อนหน้านี้แล้ว



“ข้าว...”



ไอ้ฉางครางเสียงอ่อย



“กูไม่ตัดโว้ย ตัดเบี้ยวมาจะทำไง”



“ผมก็ใช้ชีวิตทั้งอย่างนั้นแหละ ไม่เป็นไรหรอก ข้าวตัดให้หน่อยนะ ผมอยากให้ข้าวตัดให้”



ไม่ได้อยากใจอ่อน แต่เพราะสายตาที่มันจ้องมาทำให้ผมไม่กล้าขัดขืน กลัวมันจะคุกคามทำอะไรขึ้นมาอีก ให้ตาย ไม่น่าเผลอไปสบตากับมันเลย



“เออ เบี้ยวไม่รู้ด้วย”



“อือ”



ไอ้ฉางยิ้มพร้อมส่งกรรไกรในมือมาให้



“ไปตัดนอกระเบียง” ผมว่าแกมสั่ง เอ่ยให้มันจัดการหาอุปกรณ์มารองรับเส้นผมที่จะกลายมาเป็นขยะของมันไป เสร็จสิ้น ไอ้ฉางนั่งลงที่เก้าอี้ตรงระเบียง ผมขยับเข้าตัวมัน เล็งกรรไกรกับใบหน้าไว้มั่น



ไอ้ฉางหลับตา...



หัวใจผมสั่นขึ้นมาไม่ทราบสาเหตุ



บรรยากาศยามโพล้เพล้ยังคงทำหน้าที่เบลอฉากและบรรยากาศได้เป็นอย่างดี ผมค่อยๆ บรรจงตัดผมมันออกทีละน้อย ลอบมองใบหน้าเกลี้ยงเกลา คิ้วโก่ง ขนตายาว ดูดีหมดจด แสงอาทิตย์เฮือกสุดท้ายอาบหน้ามันเจือจางขับรูปหน้าให้มองเพลินกว่าเดิม พลันรสจูบเมื่อเช้าก็วาบเข้ามาในหัว



ฉับ!



ชิบหาย!



ผมไม่ได้กระโตกกระตาก เส้นผมหน้าม้าที่แหว่งไปของไอ้ฉางทำผมร้อนรนในใจ ไม่เป็นไร แก้ได้หน่า บอกกับตัวเองอย่างนั้นก่อนพยายามบรรจงสวมวิญญาณช่างตัดผมเบอร์หนึ่งของประเทศไทย



เพื่อรู้ว่ามันล้มเหลว



“ฉาง...”



“เสร็จแล้วหรอ”



“เอ่อ...คือ...”



ฉางหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมา เปิดกล้องหน้าแทนกระจก ส่องใบหน้าตัวเอง ใจผมหล่นวูบ... บอกแล้วว่าตัดไม่เป็นไง เด๋อเลยทีนี้



ทรงผมแสกกลางของไอ้ฉางแต่เดิมที่หน้าม้ายาวปรกหน้าปรกตาไปถึงครึ่งสันจมูก บัดนี้สั้นลงจนเหลือเพียงเหนือคิ้ว ทั้งๆ ที่ตั้งใจว่าจะตัดให้เสมอคิ้วแท้ๆ จะได้ดูไม่สั้นไม่ยาวไป แต่ดันเสือกเล็งพลาดขึ้นมากลางทาง ผมไอ้ฉางจึงต้องสั้นลงอย่างเท่าเทียมกันอย่างช่วยไม่ได้...



“กูบอกแล้วว่าตัดไม่เป็น มึงก็ยัง...” ผมเอ่ย พยายามแก้ตัว



“ทำไมหรอ ผมว่าก็ดีนี่”



“หา”



“ไม่รำคาญแล้ว ขอบคุณนะข้าว”



นอกจากจะไม่ว่าอะไรแล้ว มันยังส่งยิ้มมาให้ด้วย ไอ้ฉางเก็บเศษผมไปทิ้ง จัดการทำความสะอาดเสร็จสรรพ ทิ้งผมยืนอึ้งค้างอยู่นอกห้อง



“ผมไปซื้อข้าวนะ ข้าวเอาอะไรมั้ย”



นอกจากจะไม่ว่าแล้วยังคิดจะออกไปข้างนอกในขณะที่เวลานี้คนพลุ่งพล่าน ด้วยสภาพแบบนั้นอีก!



ผมส่ายหน้าตอบมันไป มองดูไอ้ฉางเดินออกจากห้องเงียบๆ...



IX



ข้าวน่ารัก ยอมตัดผมให้ด้วย คิดมานานแล้วเหมือนกันว่ารำคาญ ว่าจะให้เพียวตัดให้สักวัน เสียแต่ไม่มีเวลากันสักเท่าไหร่



ก็ในเมื่อผมเอาเวลาส่วนใหญ่มาอยู่กับข้าวนี่นา ไหนๆ ก็ให้ข้าวตัดให้แล้วกัน



ทรงผมใหม่เป็นที่ประทับใจของผม ไม่ได้สนใจว่าต้องออกมาหน้าตาเป็นอย่างไร แค่ไม่ทิ่มตาเหมือนก่อนหน้านี้ก็พอ เสียแต่ข้าวดูรู้สึกผิดที่มันออกมาในสภาพแบบนี้



ออกจะน่ารัก



เห็นมั้ย ใครๆ ก็มอง








                                                                 ♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦

คิดว่าไม่ใช่นะฉาง...

เนียนขึ้นทุกวันนะฉาง...


ขอบคุณสำหรับทุกการติดตามค่ะ   :L1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |เก้า| - 6.9.2017 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: flimflam ที่ 06-09-2017 22:21:55
ฉางงงงงง โอ๊ยยย ความน่ารัก ความเนียน ความ ความ ความ หกสดาหกสาดกห
ไม่รู้ด้วยแล้ว คนบ้า!!
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |เก้า| - 6.9.2017 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 06-09-2017 22:23:04
บางทีก็สงสารข้าวเหมือนกัน ฉางไปๆมาๆตลอด 55
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |เก้า| - 6.9.2017 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 06-09-2017 22:29:24
ที่ใครๆก็มองนี่เพราะอะไรแน่คะ พี่ฉางอ่านสายตาคนหน่อยก็ดีนะ :m20:
พี่ฉางร้ายกาจจจจ เลเวลความเนียนตอนนี้ระดับไหนแล้ววว
จะจูบเนียนๆแบบนี้ก็ได้เหรอ?! ข้าวหวั่นไหวหมดแล้ว 55555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |เก้า| - 6.9.2017 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 06-09-2017 22:45:48
อยากเห็นเลย  :laugh:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |เก้า| - 6.9.2017 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 07-09-2017 06:32:44
คือเรื่องนี้ อ่านแล้วแพ้คำว่า ฉาง จากปากของข้าวมาก โดยเฉพาะคำว่า ฉางตื่น ใจบางไปหมดเลยยย ประหนึ่งชื่อฉางเอง555555
ฉางที่แกทำเนี่ยเนียนเหลือเกินนะ อึกอักๆตอดเล็กตอดน้อยตลอดด
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |เก้า| - 6.9.2017 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 07-09-2017 06:48:37


นี่แหละน้า รักซึมลึก
รู้ตัวอีกทีก็เอาข้าวออกจากฉางไม่ได้อีกแล้ว ^_^
เป็นกำลังใจให้นะคะ รอตอนต่อไปอยู่เน้อ  :กอด1:

หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |เก้า| - 6.9.2017 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 07-09-2017 07:29:22
ฉางงงงงง น่ารักจริงๆ  :m3: :m3: :m3:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |เก้า| - 6.9.2017 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 07-09-2017 07:54:33
ออกจะน่ารัก เห็นไหมใคร ๆ ก็มอง... โอ๊ย ความมึน ความมั่นนี้ ฮา
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |เก้า| - 6.9.2017 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 07-09-2017 09:30:48
เขามองเพราะน่ารักจริงๆใช่ไหม 55555 พี่ฉางไม่มีห้องเป็นของตัวเองสินะคะ555 :hao6: :katai3:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |เก้า| - 6.9.2017 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-09-2017 13:21:18
สงสัยฉางแอบกอบกุญแจห้องไว้แน่เลย
ถึงเข้าห้องได้ตลอด

ฉาง เนียนถึงเนื้อถึงตัวข้าว มีกอด มีจุ๊บ ด้วย
มันเริ่มจากข้าวที่กอด จุ๊บฉางก่อนไง
ฉางเลยลื่นไหลต่อหน้าตาเฉย
      :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |เก้า| - 6.9.2017 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 07-09-2017 13:37:44
ใครๆก็มอง นี่เขามองเพราะมันตลกรึป่าวฉาง  :a5:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |เก้า| - 6.9.2017 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 07-09-2017 14:08:45
ถถถ พ่อคุณฉาง เห็นอะไรก็สดใสไปหมดดดด คนมองก็คงไม่แปลกใจเลยใช่ไหม :mew5:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |เก้า| - 6.9.2017 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 07-09-2017 16:34:45
ฉาง ลองถามคนที่มองก่อนไหม แหมมมมมมม แค่ข้าวตัดผมให้แค่เนี้ยปลื้มซะ  :man1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |เก้า| - 6.9.2017 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-09-2017 16:05:53
จะเล่นฮาไปไหน
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |เก้า| - 6.9.2017 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: sleepingsheeppp ที่ 08-09-2017 17:29:39
น่ารักอะ ตลกดีด้วย :hao7: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |เก้า| - 6.9.2017 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 08-09-2017 21:38:36
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |เก้า| - 6.9.2017 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: __puppy ที่ 09-09-2017 14:00:44
แมวฉางไม่สนโลกฉันใด คนฉางก็ไม่สนโลกฉันนั้น55555555 น่าร้ากก
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |เก้า| - 6.9.2017 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 10-09-2017 22:32:23
ถ้าฉางคิดแบบนั้นแล้วสบายใจก็เอาเถอะ  :z3:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบ| - 14.9.2017 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 14-09-2017 00:44:29
10



ตอนนี้ใบหน้าไอ้ฉางเป็นจุดสายตาใหม่ให้กับผม เหตุเพราะทรงผมมันที่ผมตัดแหว่งเมื่อคราวก่อน จนตอนนี้มันก็ยังคงไว้อย่างนั้น ไม่ได้สนใจว่ามันจะออกมาเด๋อจนผมมักจะมองเพื่อใช้เป็นจุดผ่อนคลายอารมณ์อยู่ตลอดก็ตาม



ทรงผมมันเด๋อจนฮา แต่เพราะรูปหน้ามันสมบูรณ์แบบเกินไปเลยทำอะไรทรงผมทุเรศๆ นี้ไม่ได้



ถึงอย่างนั้นมันก็ยังตลกอยู่ดี



ไอ้ฉางนอนอยู่กับแมว ทำงานไปพลางเกาแมวไปพลาง วันนี้ผมไม่มีเรียนเนื่องจากอาจารย์ของดเซค ไอ้เขียนก็ไปเที่ยวกับสาวของมันแล้วเรียบร้อย ผมเลยได้แต่จำใจอยู่ในห้อง นั่งมองไอ้ฉางไปทำงานไป ตลกชะมัด



ระหว่างปล่อยเหม่อจู่ๆ ไอ้ฉางก็หันมาทางผม สายตามันจับจ้องเข้าที่ตามผมราวกับแมวล่าเหยื่อ ผมเพิ่งนึกได้ถึงข้อนี้ว่าระหว่างสายตาของเรา ไม่มีเส้นผมปรกหน้าของไอ้ฉางมาบดบังดวงตาของมันอีกแล้ว



ผมจ้องมองดวงตาสีดำสนิท ชัดเจนกว่าเดิม เสมือนโดนผลักลงไปในอีกโลก ละสายตาไม่ได้...



ฉางเป็นคนตาสวย... มีเสน่ห์ น่าค้นหา เมื่อได้จ้องแล้วยากที่จะละสายตาหนี ราวกับโดนดูดให้หลงลงไปในอีกมิติ ไม่บ่อยที่ผมจะได้จ้องตามันเช่นนี้ ส่วนหนึ่งเพราะมันเอาแต่หลับ อีกส่วนก็เพราะ...จ้องทีไรผมหลุดสติทุกที



ครั้งนี้ก็เช่นกัน...



“ข้าว?”



ทันทีที่คิดได้ ผมสะดุ้งตัวหนี มีเสียงเรียกชื่อผมจากไอ้ฉางเรียกสติ สะบัดหน้าหันหลังให้มัน ก้มหน้าก้มตาทำงานต่อ ทำท่าทีราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่แม้แต่จะสนใจเสียงหัวใจที่เต้นผิดจังหวะนี้เช่นกัน



อันตราย



ขบคิด ก่อนตั้งสมาธิ จมดิ่งกับกองงานตรงหน้า



ละทิ้งหนึ่งคนหนึ่งแมวไว้ในห้อง ปล่อยให้เวลาครบงำ จนกระทั่งไอ้ฉางเอ่ยขัดความเงียบขึ้นมา



“ข้าว ผมไปเรียนก่อนนะ”



ผมหันไปมองมัน ส่งแววตาสงสัยแต่ไม่ถามอะไร ตอบอืมกลับไปบ่งบอกว่ารับรู้ ไอ้ฉางออกไปจากห้อง เหลือเพียงหนึ่งคนหนึ่งแมวในห้องเงียบๆ



ผมลงไปหาอะไรกินในตอนกลางวัน แอบเติมข้าวให้แมวฉางเมื่อเห็นว่าถ้วยข้าวที่ไอ้ฉางเติมให้ตอนเช้าใกล้จะหมด จริงๆ แมวอ้วนนี่ก็ตะกละไม่เบา



เสร็จภารกิจ ผมกลับมานอนขลุกอยู่ในห้องเช่นเดิม ดำเนินชีวิตในแนวราบ เกียจคร้านเกินกว่าจะทำงานที่คืบหน้าไปมากกว่าครึ่ง นอนกลิ้งไปกับแมว ให้ความรู้สึกประหลาดไปอีกแบบ จนกระทั่งเบื่อได้ที่ ผมลุกออกจากเตียง ไม่มีอะไรให้ทำในห้องนอกจากนอนมองแมว จึงตัดสินใจออกนอกห้อง เป้าหมายคือร้านสะดวกซื้อใกล้ๆ หาเสบียงขนมมาเคี้ยวเล่นให้เพลินๆ



ตอนออกจากหอ ผมเห็นคุณป้าเจ้าของหอคุยกับพี่ตูนที่เรียนเศรษฐศาสตร์ห้องชั้นบน ผมเดินผ่านไม่ได้สนใจอะไร ทำตามภารกิจหลัก เลือกซื้อขนมขบเคี้ยวจนเต็มตะกร้า จ่ายตัง ก่อนหิ้วถุงขนมกลับเข้าหอพักที่คุ้นชิน ทว่ากลับพบร่างของพี่ตูน ที่เมื่อครู่ยืนคุยอะไรสักอย่างกับป้าหอ ในตอนนี้พี่แกกลับนั่งอยู่ที่ม้านั่งหน้าหอ หน้าตาเคร่งเครียด



“พี่ตูน?”



“อ้าว...ข้าว...?”



เพราะอยู่หอเดียวกัน เคยเดินสวนกันบ่อยๆ จนจำหน้าได้ เลยทักทายกันบ้างเป็นครั้งคราว ผมรู้จักคนในหอนี้บ้างตามประสาคนร่วมหอ เพียงแต่ไม่ได้สนิทสนมกับใครเป็นพิเศษ ครั้งนี้ก็ไม่แปลกอะไร ผมตั้งใจจะทักทายเขาตามปกติเช่นเดิม ทว่าหน้าตาเคร่งเครียดของเขาทำให้รู้สึกถึงความผิดปกติ



“พี่มีอะไรป่าว”



“เฮ้อ เรื่องหอนี่ดิ พี่ไม่มีเงินจ่ายป้าเขามาหลายเดือนแล้วจนต้องย้ายออกแล้วเนี่ย”



“อ้าวเฮ้ย จริงดิพี่ ทำไมงั้นล่ะ”



“ก็...นะ เออจะว่าไป พี่รบกวนข้าวหน่อยได้มั้ย”



“อะไรหรอ”



“ว่าจะฝากของในห้องไว้ในห้องข้าวสักพักอ่ะ ไม่เยอะหรอก จนกว่าจะได้หอใหม่อ่ะ ได้มั้ย”



ผมเงียบไปสักพัก ใช้ความคิด ห้องผมไม่ได้ใหญ่ ก็ตามราคาที่ถูกนี่นั่นแหละ แต่ก็ไม่ได้ไม่มีพื้นที่เสียทีเดียว ถึงอย่างนั้นกลับนึกหน้าไอ้ฉางทั้งสองออกมา อยู่คนเดียวยังพอว่า แต่พอมีไอ้ฉางและไอ้ฉางคงจะลำบากเอา ผมนึกถึงข้าวของไอ้ฉางทั้งสองที่กระจายอยู่ตามจุดต่างๆ ของห้อง ทั้งถ้วยข้าวแมว กระบะทราย เสื้อผ้าข้าวของไอ้ฉาง ไม่สะดวกสักเท่าไหร่



“ผมว่าไม่ค่อยสะดวกอ่ะพี่”



“อ้าว ทำไมล่ะ”



“คือ...”



“อ๋อ พี่รู้นะว่าข้าวพาคนนอกมาพักด้วย แถมยังเลี้ยงแมวอีก แต่ถ้าเรื่องนี้รู้ไปทั่วหอคงไม่ดีใช่ไหม”



ผมสะอึก ไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะเล่นแง่นี้ นี่พี่ตูนกำลังแบล็กเมล์ผมอยู่ใช่มั้ย



“เนี่ย พี่ฝากของไว้นิดเดียว แล้วเรื่องนี้พี่จะเก็บเงียบไว้ โอเคไหม”



ไม่อยากโอเค แต่ถ้าเรื่องแดงขึ้นมาคงซวยอยู่เหมือนกัน ผมทำผิดกฎก็จริง ทว่าการที่ดันต้องมารับความยุ่งยากจากคนอื่นแทนที่จะเป็นการลงโทษตามกฎระเบียบเนี่ย ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่



“ข้าว พี่ขอล่ะ ถ้าคนในหอรู้เรื่องนี้เขาก็จะต่อว่าข้าวใช่ไหม ถือว่าช่วยๆ กันนะ”



ยิ่งฟังยิ่งทะแม่ง ถ้ารู้ว่าเขาจะว่าผมทำไมพี่ตูนต้องเอาไปบอกด้วย จริงๆ ผมก็รู้เรื่องง่ายๆ แค่นี้ กฎของความเป็นมนุษย์ ขอแค่ตัวเองรอด ใครจะเป็นยังไงก็ไม่สน อันที่จริง...ไอ้ฉางคงเป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกัน



รู้สึกแย่แฮะ ไม่น่าลงมาซื้อขนมตอนนี้เลย



ผมอยากบอกปัด ไม่สะดวก ถึงไม่มีไอ้ฉางก็ไม่สะดวก แต่ก็ไม่อยากแล้งน้ำใจ อะไรพอช่วยได้ก็อยากช่วย แต่เล่นหาข้ออ้างมาขู่ผมแบบนี้ ชักไม่อยากช่วยแล้ว



“พี่ เอาจริงๆ นะผมว่าห้องผมไม่ค่อยมีที่มากเท่าไหร่ พี่ลองถามเพื่อนพี่ดูรึยัง”



“เอ๊า จะเอางี้ใช่มั้ย”



อ้าว แล้วกูผิดอะไร



“ห้องมันจะไปมีอะไรเยอะนักหนาวะ กะอีแค่ของไม่กี่อย่างจะฝากไม่ได้เลยหรือไง ทั้งเอาผัวมากกถึงห้องทั้งแอบเลี้ยงแมวอีก คิดว่าจะใสซื่อที่ไหนได้...”



อ้าว จู่ๆ มาพูดสาดเสียเทเสียอย่างนี้ได้ไงวะ



“พี่ มันไม่เกี่ยว ผมไม่ได้พาผัวมา มันเป็นเพื่อน ถึงไม่มีมัน ไม่มีแมวผมก็ไม่มีที่ให้พี่อยู่ดี ถ้าพี่ยังปากอย่างนี้อ่ะ”



“ปากกูมันทำไม มันทำไม มึงจะเอาใช่มั้ย!”



ผมถอนหายใจ ใจจริงไม่อยากมีเรื่อง ผมเผลอใส่อารมณ์ไปก็จริงแต่ไม่คิดว่าพี่ตูนจะเป็นคนอารมณ์ร้อนได้ขนาดนี้ ถึงขั้นพาลใส่คนไม่สนิทกันอย่างผมเนี่ย อยากรู้จริงๆ ว่าถูกเลี้ยงดูมายังไง



“เอางี้มั้ยพี่ ฝากของผมได้ไม่เกินสองลัง ไม่เกินสองอาทิตย์”



“ก็บ้าแล้ว ของกูจะมีแค่สองลังได้ไงวะ แล้วสองอาทิตย์กูจะไปหาหอใหม่ทันได้ไง”



อ้าว เรื่องของมึงสิ นี่ช่วยสุดๆ แล้วนะ สองอาทิตย์นี่ผมก็ให้นานสุดๆ แล้ว มากกว่านี้ไม่ทำให้ห้องผมกลายเป็นห้องเก็บของเลยหรือไง ผมเริ่มหงุดหงิด แต่ไม่อยากลงอารมณ์ไปกับคนพาล กลัวเรื่องจะแย่ลงกว่าเดิม จะเดินหนีพี่มันก็เสือกรู้ห้องผมอีก มีหวังได้ตามไปเอะอะถึงหน้าห้องแน่ๆ นิสัยอย่างนี้



ผมถอนหายใจ



ก่อนจะมีเสียงหนึ่งขึ้นมา



“ห้องไม่ว่างครับ”



ผมรู้จักเจ้าของเสียงนี้ก่อนจะหันไปเจอใบหน้ามันอีก ไอ้ฉางโผล่หัวมาอยู่ข้างๆ ตอนไหนวะ



“มึงยุ่งอะไร กูถามมันไม่ได้ถามมึง อ๋อ ลืมไป เป็นผัวเมียกันนี่ ต้องทำธุระให้กัน”



ผมคิ้วขมวด วาจาเลวร้ายของไอ้พี่ร่วมหอนี่แม่งจะเกินไปแล้วนะ กับอีแค่เรื่องแค่นี้ต้องพาลใส่กันขนาดนี้เลยหรือไง ผมไม่ได้สนิทกับพี่แกถึงขั้นนี้ ไม่ค่อยรู้นิสัยจริงๆ แต่ตอนนี้ก็ไม่รู้อะไรทำให้พี่ตูนขึ้นอารมณ์เสียขนาดนี้เหมือนกัน



“พี่ ผมรู้ว่าผมทำผิดกฎ เรื่องนี้ผมจัดการคุยกับป้าหอเอง แต่เรื่องพี่อ่ะ ไม่เกี่ยวกับผมเลย นี่ผมก็พยายามช่วยแล้วนะ”



“ช่วยอะไรของมึงวะ ถ้าช่วยจริงก็ต้องหาที่ให้กูได้ดิ-”



“ห้องไม่ว่างครับ”



เสียงไอ้ฉางเอ่ยขัดพี่ตูนขึ้นมาอีกครั้ง น้ำเสียงโทนเย็นและราบเรียบทว่าหนักแน่นทำเอาพี่มันเงียบไปสักพัก



“กูไม่ได้-”



“ห้องไม่ว่างครับ”



“เสือก! กูจะเอาเรื่องของมึงไปบอกป้าหอ ดูสิว่ามึงกับแมวมึงจะไปซุกหัวอยู่ที่ไหน”



“บอกสิ”



“อย่าท้า!”



“ผมเปล่า อยากทำก็ทำ ผมไม่ได้ท้า ไม่ได้ล้อเลียนคุณด้วย”



อ้าวไอ้สัด กรรมมันจะมาตกที่กูไง เวร



“เพียงแต่เรื่องนี้ผมคุยกับคุณป้าไว้แล้ว”



“อะไรนะ”



เป็นครั้งแรกที่ผมความคิดตรงกับไอ้พี่ตูน มึงว่าอะไรนะ จ้องหน้ามันเค้นคำตอบ ไอ้ฉางสบตากับผมก่อนเอ่ย



“ผมไม่ใช่คนนอก ผมจ่ายค่าหออีกครึ่งหนึ่งของข้าวไว้แล้ว ผมเป็นรูมเมทกับเขา ส่วนเรื่องแมว ผมขออนุญาตคุณป้าแล้วว่านานๆ ทีจะเอามาไว้ที่ห้อง มันไม่เคยรบกวนใคร ไม่มีใครว่าอะไร คุณป้าก็ไม่ว่าอะไร”



“...”



เงียบทั้งผมทั้งพี่ตูน เพียงแต่ครั้งนี้เงียบกันคนละแบบ



“มีแต่คุณเนี่ยแหละที่โง่ ต้องการจะใช้เรื่องนี้เป็นเครื่องมือหลอกใช้ข้าว เสียใจนะที่มันล้มเหลว”



“ไอ้!!”



พี่ตูนพุ่งพรวดเข้ามาหาไอ้ฉางจนผมสะดุ้ง เหตุเพราะไอ้ฉางอยู่ข้างตัวผมนี่เอง ร่างกายพี่ตูนอาจไม่ได้สูงเท่าไอ้ฉางแต่ว่าดูบึกบึนกว่ามาก ไอ้เชี่ย มึงอย่าตีกัน!



คนนิสัยเสียคว้าคอเสื้อไอ้ฉางมา หมายข่มขู่ ผมได้แต่ยืนเกร็งทำอะไรไม่ถูก คนรอบๆ เริ่มชะเง้อออกมาดูเรื่องราวได้สักพักแล้ว เอาไงดี กูควรแจ้งตำรวจมั้ย



“สิ่งที่ทำให้มนุษย์แตกต่างจากสัตว์อื่นคือสมอง แต่ไม่รู้ทำไมบางคนถึงไม่ยอมใช้มัน”



ฉางเอ่ยยุโทสะ น้ำเสียงเย็นเยียบ คว้าข้อมือไอ้พี่ตูนออก ปัดทิ้งลงไปอย่างง่ายดาย ก้มลงไปกระซิบอะไรสักอย่างที่ผมไม่ได้ยิน บรรยากาศกดดันจนผมพูดไม่ออก เป็นครั้งแรกที่รู้สึกกลัวไอ้ฉาง แม้ว่าทรงผมมันจะเป็นอย่างนั้น แต่ใบหน้าของมันที่แสดงออกมาผมไม่เคยเห็นมาก่อนจนรู้สึกกลัวเบาๆ ไอ้ฉางผละออกจากพี่ตูน ก่อนส่งยิ้มมาทางผม



“ข้าว ผมหิวแล้ว ขึ้นไปข้างบนกัน”



มันว่าพร้อมจ้องถุงขนมในมือผม ไม่ปล่อยให้ผมโต้ตอบอะไร มือใหญ่ของมันดันหลังผมให้เข้าหอไป บรรยากาศกลับมาเป็นปกติ ผมจำใจเดินตามแรงผลักของไอ้ฉาง พยายามหันหลังมองคนต้นเรื่องทว่ามองไม่เห็น จะยกมือขัดไอ้ฉางก็ทำไมได้เพราะสองมือหิ้วถุงขนมไว้อยู่ ไอ้ฉางยังคงดุนดันไปเรื่อยๆ จนถึงหน้าห้อง จนต้องถอดใจควักกุญแจห้องไขประตูเปิดออกมาจนได้ คำถามมากมายแล่นขึ้นในหัว



เมื่อเหลือแค่ผมกับมัน ไม่รอช้า ผมเอ่ยถามเรื่องราวทันที



“มันเรื่องอะไรวะ มึงไปคุยกับป้าหอแล้วว่าเป็นเมทกู!? จ่ายเงินแล้วด้วย แล้วยังเรื่องขอแมวอีก ถามกูสักคำมั้ย”



“ข้าวใจเย็นสิ”



“ก็ถ้ามึงไม่เล่นอย่างนี้กูก็คงเย็นได้อยู่หรอก สัด”



“ผมมาอยู่กับข้าวขนาดนี้ผมก็ต้องช่วยออกค่าใช้จ่ายให้เป็นเรื่องธรรมดา”



“...”



เพราะยังไม่ถึงเวลาจ่ายค่าหอของอีกเดือน ทำให้ผมไม่รู้ว่าค่าห้องครึ่งหนึ่งของเดือนถัดไปมันถือวิสาสะออกเองไปแล้วครึ่งหนึ่ง แล้วยังไงล่ะ อย่างไรห้องนี้ก็เป็นของผม มันควรจะบอกผมก่อนมั้ยว่าจะมาอยู่ด้วยแบบเป็นทางการ แล้วคิดหรอว่าผมอนุญาตแล้ว ทำไมแม่งเป็นคนงี้อีกวะ โว้ย



“ข้าวใจเย็นๆ นะ...”



“ให้กูเย็นได้ไง มึงทำอะไรไม่บอก คิดว่าไม่ต้องเห็นหัวกูหรือไง”



“ผมเปล่าสักหน่อย”



“ก็เห็นๆ อยู่!”



“ข้าวก็ฟังผมก่อน...”



ผมกัดฟันกรอด ข่มความโกรธ ถอนหายใจก่อนเอ่ย “ว่ามา”



“ผมช่วยออกค่าห้องให้ บอกป้าหอว่าผมจะเป็นรูมเมทข้าว บอกเรื่องแมว เพราะไม่อยากให้ข้าวมาเดือดร้อนเรื่องนี้เพราะผมไง”



“...”



“ผมรู้ว่าผมทำให้ข้าวผิดกฎ มันเป็นความรับผิดชอบของผม ผมก็เลยต้องจัดการ แต่ข้าวไม่ต้องห่วงนะ ผมบอกว่าเป็นรูมเมทข้าวก็จริง แต่เรื่องห้อง ข้าวยังเป็นคนตัดสินใจอยู่เหมือนเดิม จะให้ผมอยู่ ให้ผมไป ยังไงผมก็ฟังข้าว”



“...”



“แค่เป็นในนาม ให้ป้าหอแกรู้ไว้ ผมไม่อยากทำตัวเป็นปัญหาให้ข้าว ไม่อยากให้คนอื่นมองข้าวไม่ดี ขอโทษที่ไม่ได้บอกก่อน ถึงยังไง เวลาผมเข้าจะออกห้องผมก็บอกข้าวเหมือนทุกทีไง”



ก็จริงของมัน ไม่รู้ว่ามันไปตกลงกับป้าหอตอนไหน ถ้ามันบอกว่าเป็นเมทผม ป้าเขาก็ต้องให้กุญแจห้องมาแล้ว แต่มันก็ยังใช้ไลน์เรียกให้ผมไปเปิดประตูให้มันอยู่ดี มันทำเหมือนมันไม่ได้เป็นเพื่อนร่วมห้องผมเช่นเดียวกับตอนแรก



“ผมไม่ได้เอากุญแจห้องมาจากป้าหอ ฝากไว้ที่เขา อ้างว่ากลัวหาย ใช้ของข้าวไปก่อน เพราะไม่อยากถือวิสาสะเข้าห้องข้าวเอง”



มันตอบคำถามที่ผมสงสัยในใจ ผมเข้าใจมันแล้ว อารมณ์ร้อนๆ เมื่อครู่ดับไปอย่างรวดเร็ว ไอ้ฉางเตรียมการไว้ดีเกินกว่าที่ผมคาดไว้ ถึงอย่างนั้นกลับไม่ได้มารบกวนผมแม้แต่เสี้ยวเดียว นอกเหนือจากเรื่องการมาผลุบๆ โผล่ๆ นอนด้วยล่ะก็นะ



บ้าเอ้ย ทำไมผมต้องรู้สึกดีในความคุกคามของมันด้วยวะ



“กูเข้าใจแล้ว”



“ขอโทษนะที่ไม่บอกข้าวก่อน”



“เออ แต่ก็เพราะมึง กูถึงได้ไม่ต้องไปยุ่งกับไอ้พี่ตูนนั่น”



“ผมเข้าออกหอนี้บ่อย เห็นพี่คนนั้นทะเลาะกับป้าหอเป็นประจำ รู้มาว่าพี่เขาติดพนันจนไม่มีเงินจ่าย ป้าเขาก็ให้ผลัดมาจนครึ่งปีแล้ว ผมไม่อยากให้ข้าวไปช่วยคนอย่างนี้”



“มึงนี่นะ...” นอกจากจะเตรียมการดีแล้วยังสอดรู้เรื่องชาวบ้านมากกว่าที่คิดอีกด้วย



“ผมทำงานหนักขนาดนี้...” ฉางยิ้ม “ข้าวมีรางวัลให้ผมมั้ย”



“ไม่มีโว้ย!”



มีแต่ตีนเนี่ย จะแดกมั้ย!!



X



คิดว่าผมจะเหนื่อยฟรีหรอ



ผมลอบหอมแก้มเขาเมื่อยามหลับ ถือว่าให้รางวัลกับตัวเอง



น่ารักอีกแล้ว



ผมไม่เคยบอกข้าวเรื่องที่จัดการกับป้าหอไว้ ถ้าข้าวรู้ข้าวจะโกรธ กะรอให้ซี้กว่านี้สักหน่อยแล้วค่อยบอก ถึงตอนนั้นข้าวคงใจดีกับผมมากกว่าตอนนี้ คงปล่อยให้ผมทำตามเรื่องไปโดยไม่ว่าอะไร นิสัยข้าวๆ



จัดการไว้ตั้งแต่ช่วงหลังจากเอาแมวฉางเข้าห้อง ไหนๆ ก็จะไปขอเรื่องแมวแล้ว เลยรวบไปขอจ่ายค่าห้องด้วยเสียเลย แต่ผมก็ไม่เคยใช้กุญแจอีกดอกมาไขเข้าห้องข้าวตามใจชอบเลย ผมขออนุญาตและบอกข้าวก่อนเสมอเวลาต้องการจะเข้าห้อง มีครั้งเดียวก็ตอนที่ต้องเอาฉางมาฝากที่ห้องข้าวอย่างเร่งด่วน ถึงได้ขอยืมกุญแจคุณป้าเจ้าของหอมา



เสียที่เรื่องต้องมาแดงก่อนกำหนด แต่ก็ถือว่าโชคดีที่ผมจัดการเรื่องนี้ไว้ก่อนแล้ว คนไม่ดีถึงเอาเปรียบข้าวไม่ได้



ผมรู้ รู้เสมอว่าทำผิดกฎ ถึงได้เป็นคนไปแก้กฎนั้นด้วยตัวเอง เพื่อไม่ให้รบกวนข้าวในอนาคต



อย่างที่เจอในวันนี้



ดีนะที่ตัดสินใจรีบตรวจแบบแล้วรีบออกมา ไม่อย่างนั้นข้าวต้องตกเป็นเหยื่อของพวกคนเลวแบบนี้แน่ๆ ข้าวไม่ชอบเรื่องยุ่งยากวุ่นวาย เห็นท่าว่าถ้าเรื่องนี้ไม่มีผม ข้าวก็คงยอมให้เขาเข้ามารบกวนง่ายๆ



ใครๆ ก็รู้ว่าข้าวใจดี



รู้หรอกว่าคนอย่างข้าวต้องโดนเอาเปรียบเข้าสักวัน อย่างน้อยๆ ผมก็เคยเป็นหนึ่งในนั้น แต่เชื่อเถอะ ข้าวอยู่กับผมไม่โดนถูกเอาเปรียบไปมากกว่านี้หรอก ให้ผมเป็นคนเดียวที่เอาเปรียบข้าวบนโลกนี้ก็พอแล้ว



ผมบอกแล้ว ผมจะเป็นคนปกป้องข้าวเอง






 
♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦





คิดว่าพี่แคร์เรื่องผมหรอ...เรื่องเล็กแค่นี้

พี่มีเป้าหมายไกลกว่านั้นเยอะ555555  :hao7:



หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบ| - 14.9.2017 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 14-09-2017 01:15:54
เจ้าเล่ห์จริงๆ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบ| - 14.9.2017 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 14-09-2017 01:55:47
ฉางจะอยู่กับข้าวตลอดไป~
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบ| - 14.9.2017 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 14-09-2017 04:57:16
ดีนะฉางกลับมาทัน
ตูน เลวววว  :fire: :fire: :fire:
พอข้าวไม่ช่วยรับฝากของ ปากคอร้ายกาจใส่ทันที
ทั้งที่ไม่สนิทสนม เอาเรื่องฉาง แมวมาข่มขู่ ให้ข้าวกลัว
นิสัยเลวจริงๆ
แต่ก็ทำให้ข้าว ไม่ต้องหงอกับการยอมรับฝากของไอ้พี่ตูน
และรู้เรื่องว่าไม่ได้ตัวเองไม่ได้ทำผิดกฎหอ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบ| - 14.9.2017 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 14-09-2017 06:09:31
พี่ฉางคนดี ทำดี!
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบ| - 14.9.2017 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 14-09-2017 07:05:12
ฉางคิดเองเออเอง  :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบ| - 14.9.2017 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Malimaru ที่ 14-09-2017 07:07:22

เห็นอึน ๆ แบบนี้ ฉางก็อ่านเกมขาดจริง ๆ ...
พระเอกเรื่องนี้ร้ายเหลือเกินค่ะหัวหน้า!

ส่วนน้องข้าว... สบายใจแล้วสิที่รู้ว่าฉางเตรียมการย้ายเข้ามาร่วมสร้างชีวิตคู่อย่างเป็นกิจลักษณะ
ป้าบอกหนูได้เลยจ้ะว่าฉางกับแมวฉางหมายจะมาตั้งรกรากกับหนูจริง ๆ (เดี๋ยว!)
เป็นกำลังใจให้นะคะ ^_^ สู้ ๆ  :กอด1:

หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบ| - 14.9.2017 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 14-09-2017 07:54:47
ฉางเจ้าเล่ห์ และร้ายกาจมาก!!! ทำมาเป็นอึนๆ หงิมๆ นั่นมันหลอกลวง ยังจะมีหน้าขโมยหอมแก้มอีก อะไรจะอดอยากขนาดนี้ ลองขอเขาตรงๆสิ อาจจะโดนไม่กี่ตุ้บ แต่ข้าวอาจจะยอมก็ได้นะ5555555555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบ| - 14.9.2017 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 14-09-2017 09:49:06
เห็นนิ่งๆแบบนี้ แต่พี่ฉางล้ำเลิศสุด  o13
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบ| - 14.9.2017 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 14-09-2017 11:39:10
ร้ายกว่าที่คิดเยอะเลยนะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบ| - 14.9.2017 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 14-09-2017 20:41:25
ติดตามจ้า  :L2:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบ| - 14.9.2017 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 14-09-2017 21:25:12
 :z1:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบ| - 14.9.2017 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 14-09-2017 22:40:16
แผนคุณฉางเยอะนักนะ o18
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบ| - 14.9.2017 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 14-09-2017 22:58:49
ฉางนี่  :jul3:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบ| - 14.9.2017 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 14-09-2017 23:08:58
มันร้ายนะคะหัวหน้า!!!
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบ| - 14.9.2017 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 16-09-2017 12:06:36
ทำไมฉางเนียน ทำไมฉางร้าย ทำไมใช้ความใจดีของข้าวได้เป็นประโยชน์มาก

ข้าวก็มึนไปเหอะ โดนฉางทำให้มึนไปอีก
แต่ยังไงข้าวก็ใจดีจริงน่ะแหละ กับฉางอะนะ

เกือบไปแล้วไหมล่ะ ถ้าฉางมาไม่ทันนะ ฮึ่มมม ต้นแย่มาก คนเค้าจะช่วย ยังมาทำแบบนี้อีก
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบ| - 14.9.2017 p.5
เริ่มหัวข้อโดย: flimflam ที่ 17-09-2017 12:19:01
ทรงผมทำอะไรผู้ชายคนนี้ไม่ได้จริงๆ ฮือ
ยังหล่อเหมือนเดิมบ้าเอ๊ย 555555555555
พี่ตูนนี่มาเหมือนจะดี แต่แม่ง พี่แม่งง เสียดาย
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเอ็ด| - 21.9.2017 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 21-09-2017 00:44:06
11



 ‘ข้าว ช่วยด้วย’



ผมมองข้อความในมือถือ สัญญาณขอความช่วยเหลือแปลกๆ ส่งมาช่วงสายๆ ไม่ต้องดูชื่อคนส่งก็รู้ว่าเป็นไอ้ฉาง ที่ออกไปตั้งแต่เช้า อันที่จริง ผมปลุกมันเองเพราะมันบอกว่ามีเรียนเช้า และดูไม่แยแสอะไรเลยและไม่ตื่น ถ้าไม่ใช่เพราะผมเป็นคนติดตื่นเช้าอยู่แล้วคงไม่ปลุกมันหรอก



ผมนั่งห้อยขาอยู่บนเตียง เอื้อมตีนไปแตะแมวฉางที่นอนขดอยู่ใกล้ๆ ไปพลาง ระหว่างทำความเข้าใจกับข้อความตรงหน้า



ช่วยอะไรอีกวะ เรื่องไอ้แมวส้มนี่อีกรึเปล่า ลำบากกูอีกแล้วหรอวะ



คิด พลางส่งข้อความตอบกลับ

‘อะไร’

ฉางไม่อ่าน ไม่ตอบจนผมชักรำคาญ มีเรียนตอนสิบเอ็ดโมง ตอนนี้ก็เก้าโมงครึ่งแล้ว ผมควรลุกไปเตรียมตัว ถ้ายังแม่งไม่ตอบอยู่ก็จะช่างแม่งแล้ว



ผมลุกไปอาบน้ำทำธุระอย่างที่ใจนึก กุญแจห้องอีกอันผมบอกให้ไอ้ฉางไปเอามาใช้ได้แล้ว จะได้ไม่ต้องลำบากผมไปเปิดประตูให้มัน อันที่จริงก็งงตัวเองเหมือนกัน ทำไมถึงยอมให้ไอ้ฉางมาเป็นเพื่อนร่วมห้องแบบเต็มตัวได้แบบนี้วะ ...คงเพราะมันช่วยผมเมื่อวานด้วยแหละมั้ง...



 ผมไม่พอใจที่มันทำอะไรไม่บอกผม ไม่เห็นหัวผม แต่มันไม่ได้ทำเพราะอยากมาเนียนเป็นรูมเมทผมจริงๆ มันทำเพื่อไม่ให้ผมเดือดร้อน



หรือจริงๆ แล้วแม่งวางแผนจะมาอยู่กับผมจริงๆ วะ...



เจอปริศนาที่คิดไม่ออกอีกแล้ว...



ยกมือเช็ดผม กดดูข้อความตอบกลับตรงหน้า



‘สมุดเสก็ตช์ ข้าวเอามา’



ข้อความขาดๆ เกินๆ ที่ผมเรียบเรียงได้ว่ามันลืมสมุดเสก็ตช์ประจำตัวของมันไว้ที่ห้อง ไอ้ฉางชอบวาดรูปก่อนนอน ผมมองไปแถวหัวเตียง เห็นสมุดสีดำวางอยู่ แน่นอน ไม่ใช่ของผม ไมคิดจะซื้อสมุดวาดรูปมาเพื่อทำลายสิ่งแวดล้อมเล่นหรอก ความสามารถทางศิลปะผมห่วยยิ่งกว่าช้าง



ทันทีหยิบสมุดสเก็ตช์มันมา ไม่ได้ตั้งใจจะเปิด ทว่าเผลอทำมันหลุดมือ แผ่ออกบนเตียง เผยภาพในสมุด เห็นอย่างนั้นเลยขอแอบดูข้างในนิดหน่อย ผมเปิดผ่านๆ เจอรูปเส้นยุ่งๆ ขยุกขยุย ไม่เข้าใจความหมายเยอะแยะ เจอภาพร่างสถาปัตยกรรมตามที่ต่างๆ ตัวหนังสือยุกยิกที่อ่านไม่ออก มีแมวส้มด้วย จนกระทั่งเปิดไปเจอหน้าท้ายๆ ของสมุด ปรากฏรูปวาดของใบหน้าที่คุ้นเคย



ผม?



ไม่ค่อยแน่ใจ แต่คิดว่าใช่... คิดว่าใช่ตัวเองเพราะรายละเอียดต่างๆ มันคือตัวผม คิ้ว ตา โครงหน้า จมูก ปาก ทรงผม ล้วนบ่งบอกว่าเป็นตัวเอง ผมเปิดดู มีรูปคนหน้าคุ้นอยู่ราวๆ เจ็ดแปดรูป ไม่รู้ว่าไอ้ฉางวาดผมไปทำไม วาดตอนไหน อาจจะเพราะไม่มีอะไรให้วาดมั้ง รอบๆ ตัวมันก็มีแต่ผมกับแมว



เหมือนอย่างที่มันเจอผมช่วงแรก ๆมันก็วาด รูปผมหลับยังปรากฏอยู่หน้าสุดท้ายของกระดาษ



ผมลอบยิ้มขึ้นมา ไม่รู้สาเหตุ รู้แต่หัวใจมันเต้นแปลกๆ คงเพราะไม่มีใครวาดรูปตัวเอง ไม่เคยเห็นตัวเองไปปรากฏบนเส้นดินสอ ผมคงแค่ประทับใจเฉยๆ ตอบสมองตัวเองเช่นนั้น รู้ว่าไม่ได้เป็นคำตอบของหัวใจ



ผมหยิบสมุดเสก็ตช์ไอ้ฉางเข้ากระเป๋าเป้ หยิบชีทและสมุดแล็ปใส่กระเป๋า เพราะเมื่อวานเอามันออกมาทำทิ้งไว้ เหลือสรุปอีกนิดหน่อย ไว้ค่อยลอกไอ้แว่น



‘ใช้กี่โมง กูเรียนเลิกบ่าย’



’1.30’



ตีหนึ่งหรอวะไอ่สัด สมองผมทำงานหนักอีกครั้งเมื่อคิดว่าเลขหนึ่งของมันคือบ่ายโมง เออ ให้ตาย



‘มาเอาที่คณะกู’



‘ไม่ได้’



เรื่องมาก! อยากจะพิมพ์ด่าแม่ให้เข็ด เสียแต่ต้องทำใจเย็นเข้าไว้ ด่าไปก็เท่านั้น ผมจะเหนื่อยเปล่า ผมมีเรียนอีกทีตอนบ่ายสาม มีเวลาเอาไปให้มันนั่นแหละ แต่ขี้เกียจ มันลืมเองทำไมไม่มาเอาเองวะ



แต่...เออ



‘เดี๋ยวเอาไปให้’ ก็ได้



‘ที่เดิมนะ’



ฉางตอบ



ต่อด้วยไอค่อนรูปหัวใจ



ไอ้...!



มันต้องกวนตีนผมอยู่แน่ๆ ไอ้ฉางเป็นปรมาจารย์ด้านนี้ บัดซบ ถ้าไม่อย่างนั้นมันก็คงกดผิด ผมรู้ว่าตัวเองคิดอย่างนั้น แต่หยุดยกยิ้มที่มุมปากไม่ได้เลยจริงๆ



หัวใจทำงานด้วยจังหวะแปลกๆ



สาวเท้าเข้าห้องเรียนได้ทันเวลาพอดี เพราะออกจากห้องมาแล้วลืมเอาข้าวให้แมวฉาง ไม่ได้ตรวจดูว่าในถ้วยมันมีข้าวเหลือมั้ย ตอนนั้นอยู่กลางทาง กลับตัวก็ไม่ได้จะไปต่อไปก็ไปไม่ถึง ยึกๆ ยักๆ จนสุดท้ายตัดสินใจวิ่งกลับห้อง มาเติมอาหารให้แมวที่ยังเหลือพูนถ้วย ไอ้แมวมึงน่าจะช่วยแดกให้หมดถ้วยก่อนกูมาจะดีมาก จะได้ไม่รู้สึกว่าตัวเองเสียเวลา ฮือ



แต่เพราะมาถึงแล้ว ผมจึงผมเติมข้าวให้มันอีกหน่อย ก่อนวิ่งหน้าตั้งออกไปอีกครั้ง ทำเวลาได้ทันพอดี ใครมันจะไปคุ้นชินกับการต้องรับผิดชอบสัตว์เลี้ยงในห้องได้ล่ะวะ ในเมื่อเมื่อก่อนผมอยู่คนเดียวมาตลอด



ไอ้เขียนมองผมแปลกๆ ที่มาเข้าเรียนเอาตอนนี้ ปกติผมเข้าเรียนก่อนมันทุกครั้ง แต่เพราะมันไม่ถาม ผมถึงไม่อธิบาย ซึ่งก็ดี ไม่รู้จะอ้างอะไร ถ้าบอกว่าไอ้ฉางเอาแมวมาเลี้ยงที่ห้อง ไอ้เขียนคงด่าผมตาย



โง่ ให้มันมาคุกคามมึงขนาดนี้ได้ไง



น้ำเสียงและประโยคลอยมาเลย ต้องด่าผมอย่างนี้แน่ๆ เออ กูก็สงสัย ยอมให้มันมาคุกคามขนาดนี้ได้ยังไง



ผมนั่งเรียนไปลอกแล็ปไอ้แว่นไปพร้อมกับไอ้เขียน ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่นานๆ ทีผมจะพึ่งพาเพื่อนเนิร์ดอย่างไอ้แว่นหรือไอ้ภัค ห้องเรียนดำเนินไปอย่างเงียบเชียบ มีเสียงอาจารย์กล่อมประสาทอยู่เป็นฉากหลัง ตัวหนังสือจากแล็ปไอ้แว่นเป็นฉากหน้า



จวบจนลอกเสร็จ ผมตั้งใจเรียนได้ไม่นานก็หมดเวลาพอดี ท้องร้องส่งเสียงประท้วง อาจารย์เลิกก่อนเวลาซึ่งก็ดี เพราะแกมานัดชดเชยโดยหาเวลาประหลาดๆ มายัดวิชาของตัวเองเข้าไป ปกติไม่มีหรอกตารางเรียนที่เลิกบ่ายเนี่ย



“มึงกินข้าวป่ะ”



“เออ”



“กินไหน”



“ไม่กินว่ะ”



ผมกลับคำ ตอบไอ้เขียนไป เพิ่งนึกได้ว่าต้องเอาสมุดไปให้ไอ้ฉางตอนเก็บของใส่กระเป๋าแล้วเจอสมุดมันพอดี



“อ้าว อะไรของมึงวะ ไปไหน”



“เอ่อ...กู นัดเพื่อนไว้”



“เพื่อนไหน”



ไอ้เขียนรู้ นอกจากมัน ผมไม่มีคนคบมากเท่าไหร่ ตั้งแต่เด็กๆ แล้วก็มีแต่มันเป็นเพื่อนสนิทที่ไปไหนมาไหนด้วยกัน ขนาดเข้ามหาลัยแล้วยังเสือกเลือกคณะเดียวกัน ที่เดียวกันอีก ผมหมดโอกาสหาเพื่อนใหม่โดยสิ้นเชิง เกาะติดมันไปเนี่ยแหละ มีไอ้แว่นกับไอ้ภัคโผล่มารวมกลุ่มเป็นพักๆ



“ไอ้ฉาง”



เพราะไอ้เขียนรู้ ผมถึงหาข้ออ้างหรือคำโกหกไม่ได้ มันรู้เรื่องชีวิตผมดีกว่าผมอีกบางที



“ไอ้เกย์นั่นอ่ะนะ มึงยังไม่เลิกคบกับมันอีก”



“ก็ เออ”



ผมถอนหายใจให้คำเหยียดหยาม ถ้ามึงรู้ว่ามันย้ายมาเป็นเมทกูถาวรแล้วมึงจะตกใจ...



“นัดอะไรวะ”



“กูต้องเอาสมุดไปให้มัน”



“...งั้นกูไปด้วย” ไอ้เขียนเลิกคิ้วสงสัย คงประมวลผลในใจได้แล้วมั้งว่าไอ้ฉางมันยังวนเวียนอยู่รอบตัวผมอยู่ ถึงได้มีการลืมสมุดไว้



“เอางั้นก็ได้...”



รึเปล่าวะ หวังว่าจะไม่เจอพวกเพื่อนมันนะ ผมขี้เกียจมีเรื่อง



.



คำขอผมไม่สัมฤทธิ์ผล เมื่อไปถึงผมเจอเพื่อนมันทุกคนพร้อมหน้าพร้อมตากัน... บัดซบชีวิต



ผมทำใจดีสู้เสือ ไม่ใส่ใจว่าไอ้เขียนทำหน้ายังไง เดินตรงไปหาไอ้ฉางก่อนยื่นสมุดของมันให้



“อ่ะสมุด”



“ขอบคุณนะข้าว ช่วยชีวิตผมไว้อีกแล้ว”



ไอ้ฉางว่าพลางยกยิ้มเหมือนเด็กๆ ทรงผมเด๋อๆ ของมันทำให้หน้ามันดูตลกมากกว่าเดิม ผมกลั้นยิ้มขำ ตอบเออออไป เมื่อได้ของแล้ว ไอ้ฟ่าสวนขึ้นมา พูดรัว



“ข้าว กินข้าวป่ะ โอ๊ะ ข้าวกินข้าวว่ะ ข้าวกินข้าวมั้ย ข้าวกินข้าวยัง ข้าวกินข้าวที่นี่มั้ย”



อันนี้ผมเข้าใจ มุกนรกแบบนี้ได้ยินมาเยอะ ไม่ได้แดกกูหรอก



“มึงเอาไง” ผมถามไอ้เขียนที่คิ้วขมวดตั้งแต่เห็นพวกเพียว



“ไงก็ได้”



“งั้นแดกนี่ละกันนะ กูขี้เกียจคิด”



“อืม”



ส่วนหนึ่งขี้เกียจหาที่กินข้าวก็ใช่ เพราะที่คณะสถาปัตย์คนน้อย ไม่ต้องแย่งกันต่อคิวก็ใช่ แต่ผมอยากให้ไอ้เขียนรู้จักไอ้พวกนี้มากกว่านี้หน่อย ไม่ได้อยากให้มันคิดว่าคนที่เป็นเกย์มีแต่คนไม่ดี อย่างน้อยไอ้เพียวก็เป็นคนดีนะ ถึงขนาดพาผมกลับหอแถมเปิดแอร์ให้ ทั้งที่ไม่ได้สนิทกันเนี่ย จะว่าไป...ยังไม่ได้คิดบัญชีเรื่องนี้กับไอ้ฉางเลย



“มึงเป็นอะไร หน้าแดง”



“เปล่า” ผมรีบตอบปัดเมื่อคิดถึงเรื่องคืนนั้น ผมยังคงนึกอะไรไม่ออกเหมือนเดิม รอยแดงใต้ร่มผ้าเริ่มจางลงจนตอนนี้มองไม่เห็นแล้ว แต่ว่าทุกครั้งที่ผมอาบน้ำแล้วเห็นมัน ก็อดนึกถึงหน้าคนทำไม่ได้...



มึงบ้าไปแล้ว ข้าว



เอ่ยสั่งเมนูให้กับเจ้าของร้านก่อนรอรับอาหารพร้อมไอ้เขียน เมื่อได้อาหารผมเดินไปรวมตัวกับพวกไอ้ฉาง ช่วยไม่ได้ นี่ไม่ใช่ถิ่นผม ในโรงอาหารก็มีแต่คนแปลกๆ ไม่เหมือนโรงอาหารคณะอื่นที่มีคนนอกคณะเข้าออกประจำ ที่นี่แม่งมีแต่เด็กในคณะนี้ ผมอยู่กับคนรู้จักอุ่นใจกว่า ไอ้เขียนเองก็ไม่ว่าไง



พวกไอ้ฉางก็กำลังกินข้าวอยู่เหมือนกัน ตั้งแต่ตอนที่ผมมาถึงแล้ว ตอนนี้ไอ้ฟ่ากินหมดแล้ว เหลืออีกสามคนที่กินไปคลิกเมาส์ไป วันนี้พวกนี้แม่งไม่ใส่เสื้อนักศึกษากันเลยสักคน อันที่จริง ผมก็เห็นไอ้ฉางใส่ชุดนักศึกษาแทบนับครั้งได้ เพียงแต่ไม่รู้ว่าทั้งคณะเขาไม่นิยมใส่ชุดฟอร์มกัน นึกว่ามีแค่ไอ้ฉางที่ประหลาด



“ข้าวข้าวน่ากินจัง” ไอ้ฟ่าพูดเมื่อผมวางจานข้าวบนโต๊ะและหย่อนตัวนั่งลง



“ฟ่า คุณหนวกหู”



“หึ”



ผมหัวเราะ เมื่อไอ้ฉางว่าอัลฟ่าเช่นนั้น ตรงใจกูมาก บางทีอัลฟ่าก็พูดมากเกินไป ผมไม่รู้จะตอบอะไร



“จะว่าไป...เพียวเป็นคนมาส่งเราหรอ เมื่อคืนนั้น”



ผมเปิดบทสนทนาขึ้นมาเพื่อไม่ให้โต๊ะเงียบเกินไป ไอ้ฉางหันขวับไปมองคนหน้าสวยทันทีที่ผมพูดจบ ส่วนเพียวทำเพียงแค่เงยหน้าขึ้นมาหน่อยๆ สบตา แล้วยกยิ้ม



ผมก้มหน้าหนีแทบไม่ทัน รับรู้ว่าหน้าตัวเองเห่อร้อน ขวยเขินอย่างกับสาวแรกรุ่นกับอีแค่กริยาไม่กี่ท่วงท่าของเพียว น่ากลัวมาก



“อือ เราเอง”



“แล้ว รู้จักหอเราหรอ”



“อืม ฉางเคยเล่าให้ฟัง”



ผมหันไปมองไอ้ฉางที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ปล่อยเหม่อเหมือนไม่ได้ยิน มันแม่งต้องเป็นคนบอกทางมาแน่ๆ ถ้าอย่างนั้นเรื่องที่จู่ๆ มันก็เข้ามาในห้องผมได้คงกระจ่าง มันคงบอกเพียวไม่ต้องล็อกห้อง เพราะผมจำได้ว่าตอนตื่นมาแวบๆ ผมอยู่คนเดียว



“หื้อ ฉางเล่าให้พวกเราฟังแค่ครั้งเดียวคุณก็จำทางได้เลยหรอ”



เสียแต่ไอ้ฟ่าดันเอ่ยขัดขึ้นมา ทำลายความคิดของผมพังทลาย



“ใช่”



สิ้นเสียงตอกย้ำ ปริศนาเก่ายังคงไม่กระจ่างเหมือนเดิม อะไรวะเนี่ย



ผมเคี้ยวข้าวไปสงสัยไป ยังไงวะ แสดงว่าฉางเคยเล่าที่อยู่หอผมเมื่อนานมาแล้ว และเพียวจำทางที่ฉางบอกได้ แสดงว่าเพียวจงใจไม่ได้ล็อกห้องงั้นสิ...ไม่หน่า คงแค่ลืม ผมมองหน้าเพียวที่เป็นต้นเหตุของปริศนาพลางหน้าขึ้นสีอีกครั้ง แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ชอบผู้ชายมาก่อน แต่เพียว...สวยเกินไป จนบางทีก็ไม่คิดว่าเป็นผู้ชาย ต้องเพราะเหตุผลนี้แน่ๆ ที่ผมใจสั่น



“แสดงว่าเพียวมาส่ง...เรา?”



“ใช่ครับ” อย่าครับได้มั้ย เกิดมาไม่เคยมีเพื่อนคนไหนพูดเพราะใส่ ไม่คุ้นเลย ใจเต้นผิดจังหวะเลยเนี่ย



“ล..แล้ว เอ่อ..คือ เพียว คุณ...ไม่ได้ล็อกห้อง ใช่มั้ยครับ”



“ข้าวพูดปกติก็ได้ กูๆ มึงๆ ฉางไม่ว่าหรอก”



“อัลฟ่า คุณน่ารำคาญ”



สิ้นเสียงไอ้ฉาง เพียวกลับมายกยิ้มอีกครั้ง บ้าเอ้ย ถ้าเป็นผู้หญิงผมไม่ลังเลที่จะจีบเลย คนอะไรสเน่ห์เหลือล้นมองแล้วเพลินตาขนาดนี้



“อืม เราไม่ได้ล็อกห้อง”



“...อ่า”



“เปิดประตูหอทิ้งไว้ด้วย”



“...”



“เพราะรู้ว่าฉางจะต้องไปหาคุณ”



ตึง!



ผมสะดุ้ง เมื่อไอ้เขียนจู่ๆ ก็ลุกขึ้นกระแทกโต๊ะ



“กูเอาจานไปเก็บก่อน”



มันว่า น้ำเสียงหงุดหงิด ทันทีที่ไอ้เขียนออกไป บทสนทนาก็เริ่มใหม่ราวกับไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านี้



“ฉางไปหาใช่ไหมล่ะ”



“ก็...เอ้อ”



เพียวหัวเราะคิกจนผมต้องเงยหน้าไปมอง คนสวยยิ้มไม่หุบ ขยับตัวเอื้อมมือมาชี้ตรงบริเวณไหล่ แตะสองสามที...จุดเดียวกับที่ไอ้ฉางชี้บอกว่าผมกัดมัน…



เพียวไม่พูดอะไร ขยับยิ้มอย่างมีความหมาย ผมหน้าขึ้นสีหนักกว่าเก่า เพียวรู้...รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนั้น แถมยังเป็นคนจัดฉาก เป็นต้นเหตุของเรื่องอีกด้วยงั้นหรือวะ ไม่ทันได้ประมวลผลต่อ ไอ้ฉางเอ่ยขัดความคิดผมขึ้นมา



“ผมด่าคนมาส่งข้าว ใจร้ายเป็นบ้าไม่ล็อกห้อง ถ้าโจรเข้าหอจะทำไง”



“แต่ก็ไม่ใช่โจรนี่ที่เข้า”



“...”



“หรือใช่...”



“ใช่ โจร...แต่ไม่ได้ปล้นของ” ไอ้ฉางต่อล้อต่อเถียง ยกยิ้มอย่างที่ผมไม่รู้ความหมาย



“นั่นสินะ”



ผมไม่เข้าใจบทสนทนา แต่ก็ไม่ใคร่ทำความเข้าใจ เอาแต่คิดว่าทำไมเพียวทำอย่างนั้น เพียวอยากปล่อยให้ฉางเข้ามาห้องผมอยู่แล้วงั้นหรือ แม่ง ผมเสียรู้ให้คนพวกนี้หรอ ที่ต้องเกิดเหตุการณ์เลยเถิดแบบนี้ เพราะเพียวงั้นหรอ



บ้าเอ้ย



ในขณะที่ผมจมดิ่งกับความคิดที่ตีกันในหัวของตัวเอง พลันอัลฟ่าก็ส่งเสียงขึ้น



“ช่วยไม่ได้นี่ เพื่อนเราถูกใจข้าว”



“หา”

“ใช่ไหมล่ะฉาง”



“...อืม”



“อะไรนะ” เสียงเยียบเย็นของไอ้เขียนเอ่ยขึ้นข้างหลัง มาได้ถูกจังหวะมากให้ตาย



“ผมถูกใจข้าว”



“เพื่อนกูไม่ใช่เกย์”



“แล้วยังไง”



“ก็มึงเพิ่งบอกว่าถูกใจ แสดงว่าอยากได้เพื่อนกูงั้นสิ”





“ข้าวตรงสเป็คผมหลายอย่าง แต่ใช่ว่าผมจำเป็นต้องอยากคบเป็นแฟนด้วยนี่ เขาแค่มีส่วนที่ผมชอบก็แค่นั้น”





“เหอะ ขอให้มันเป็นอย่างนั้นเถอะ”



สิ้นคำพูดไอ้เขียน ทุกอย่างกลับมาเงียบอีกครั้ง ผมหน้าชา...เคี้ยวข้าวในปากช้าๆ อย่างไม่รับรส หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ว่าเพราอะไร



“อย่างเจอร์ก็สเป็คฉางนี่ ใช่มั้ย” อัลฟ่าเป็นคนทำลายบรรยากาศแปลกๆ นี้แทน ผมเงยหน้ามองเจ้าของชื่อฟิวเจอร์ ที่ตอนนี้เกาะแกะอยู่กับเพียวไม่ห่าง



“เหอะ”



เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเสียงฟิวเจอร์



“ใช่ ฟิวเจอร์ก็สเป็คผมนะ ไม่พูดมาก”



“ฮ่าๆ นึกถึงตอนแรกเลย ที่คุณเอาแต่พยายามตัวติดกับฟิวเจอร์”

ได้ยินเสียงจิ๊ในลำคอเจ้าของชื่อ ดูท่าว่าฟิวเจอร์คงรำคาญไอ้ฉางพอควร ผมรู้ โดนตามตื๊อขนาดนี้คงน่ารำคาญอยู่หรอก ก็ใช่...ก็รำคาญ...



ไอ้ฉางก็แค่เจอคนที่ถูกใจเลยอยากอยู่ด้วย แค่นั้นเอง ไม่ได้คิดอะไรมากมาย อยู่กับไอ้ฉางมาก็สักพักแล้ว ความคิดแบบไอ้ฉางทำไมผมจะนึกไม่ถึง ชอบก็ชอบ อยากอยู่ก็อยู่ ไม่ชอบก็ไม่เข้าใกล้ แค่นั้น...



แค่นั้นเอง



ไม่ได้ลึกซึ้งอะไรเลย



ผมรวบช้อนส้อม เอ่ยลาพวกเพื่อนฉาง เพราะพวกนั้นมีตรวจแบบช่วงบ่ายครึ่งและจำเป็นต้องไปแล้ว ผมลุกออกจากที่นั่ง นำจานไปเก็บ เดินออกจากคณะแยกกับพวกฉางที่เดินขึ้นตึกไป ในหัวว่างเปล่า ราวกับข้อมูลใหม่ที่ได้รับมาใหม่ล้างความทรงจำที่เคยมีของผมจนสิ้น ผมไม่รู้ว่าตัวเองควรทำอะไรต่อ



หาคำตอบให้กับความเจ็บหน่วงตรงกลางอกไม่ได้



ไอ้เขียนเดินนำผมกลับคณะ พาไปร้านกาแฟใต้คณะฆ่าเวลา เอ่ยถึงเรื่องพวกฉางอย่างไม่เป็นมิตร เอาแต่หาว่าเพราะเป็นพวกรักร่วมเพศ ถึงได้นิสัยเสีย ไม่ล็อกห้องให้ผม เปิดทางให้ไอ้ฉางที่เหมือนจะเป็นเกย์เข้ามายุ่งย่าม



“วันหลังกูไม่ปล่อยให้มึงอยู่กับพวกนี้แล้ว”



“...”



ผมรับรู้เรื่องราวตรงหน้าหมด เสียแต่ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ ยังคงรู้สึกชาๆ แบบที่ไม่รู้สาเหตุ



อันที่จริง...ผมว่าผมรู้ แค่ยังไม่อยากยอมรับ



ถึงเวลาเข้าเรียน ทำแล็ป ผมทำได้ไม่ดีอีกตามเคย โดนไล่ไปเป็นคนบันทึกแล็ปอย่างเดียว ไม่มีหน้าที่อื่น จวบจนเลิกเรียน ส่งแล็ปเสร็จ ผมออกจากคณะ...กลับหอ



XI



ผมกลับมาตอนสามทุ่ม ไฟในห้องมืดสนิท ไม่มีเสียงพัดลม ไม่มีวี่แววของมนุษย์อยู่ในห้อง มีเพียงฉางนอนเฝ้าอยู่



ผมส่งข้อความไปถามข้าว ไม่มีข้อความตอบกลับมา





คืนนั้นทั้งคืน ข้าวไม่ได้กลับหอ...





                                                           
♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦



...ตอนที่แล้วฉางทำคะแนนไป ตอนนี้น่าจะถูกหักคะแนน...

 :hao5:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเอ็ด| - 21.9.2017 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 21-09-2017 01:42:34
จะคิดไ้ไหมล่ะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเอ็ด| - 21.9.2017 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 21-09-2017 06:14:02
ฉางงงงงง มาแก้ความเข้าใจผิดของข้าวเร็วววว รึไม่ผิด...
คำว่าสเปคมันรุนแรงนะ พูดกับคนอื่นง่ายๆไม่ได้นะพี่ฉางงงง
คิดเยอะๆ!
เขียนแอบชอบข้าวปะนิ(?)
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเอ็ด| - 21.9.2017 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-09-2017 06:46:17
ฉางงงงงง มาแก้ความเข้าใจผิดของข้าวเร็วววว รึไม่ผิด...
คำว่าสเปคมันรุนแรงนะ พูดกับคนอื่นง่ายๆไม่ได้นะพี่ฉางงงง
คิดเยอะๆ!
เขียนแอบชอบข้าวปะนิ(?)

คิดเหมือน
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเอ็ด| - 21.9.2017 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 21-09-2017 07:32:50
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเอ็ด| - 21.9.2017 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: lovelyfever ที่ 21-09-2017 07:36:40
คนแบบเขียนนี่ดี๊ดี ยังกับเด็กอนุบาล ตัวเองไม่ชอบอะไรเพื่อนต้องไม่ชอบด้วย
ทัศนคติยังเหมือนเดิม เหนื่อยกับคนรอบตัวข้าวจริงๆ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเอ็ด| - 21.9.2017 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 21-09-2017 08:41:03
หึ ฉางเอ๋ย
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเอ็ด| - 21.9.2017 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 21-09-2017 18:37:00
ฉางงงงงงงงงงง ที่ว่าไม่ได้อยากคบเป็นแฟน เพราะอยากมากกว่านั้นใช่มั้ย เราจะคิดในแง่ดี :sad4:
รีบไปง้อข้าวเลยค่ะ ก่อนจะโดนคนอื่นคาบไป :hao3:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเอ็ด| - 21.9.2017 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 21-09-2017 19:27:26
ข้าวใจหน่วงไปเลยอ่าา :hao5:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเอ็ด| - 21.9.2017 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 21-09-2017 19:38:05
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเอ็ด| - 21.9.2017 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 21-09-2017 19:39:32
เขียนก็ดูโลกแคบไป
พวกเพื่อนฉางก็ดูมีลับลมคมใน
ไปคุยกันเองไกลๆไป๊!!!
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเอ็ด| - 21.9.2017 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 21-09-2017 19:40:18
 :fire: อย่าไปสนมันเลยข้าว
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเอ็ด| - 21.9.2017 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 21-09-2017 21:54:45
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเอ็ด| - 21.9.2017 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 21-09-2017 22:24:04
ฉางอะไรของแก๊รรรรร พูดซะข้าวหม่นหมองเลย
ปกป้องข้าวจากคนอื่น แต่ตัวเองรังแกเอง พูดจริงทำจริงอย่างที่เคยพูดเลยนะ  :z6:

แต่เขียนอคติไปหน่อยนะ มองทุกคนแย่หมดมันก็ไม่ถูก
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเอ็ด| - 21.9.2017 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: monoo ที่ 21-09-2017 23:54:35
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเอ็ด| - 21.9.2017 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 22-09-2017 00:34:26
เป็นเราเราก็ใจเสียเพราะความคิดน้อยนี่แหละ พูดอะไรคือคิดให้กว้างๆอ่ะ คนฟังมันรู้สึกไม่ดีได้นะ เป็นข้าวเราคงนอยด์ยาวววๆอ่ะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเอ็ด| - 21.9.2017 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 22-09-2017 02:49:41
แป่วว ฉาง คืออะไรรร
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเอ็ด| - 21.9.2017 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: monetacaffeine ที่ 22-09-2017 10:07:29
ความฉางที่น่ารักดีกลายเป็นย้อนกลับมาทำร้ายข้าวซะแล้ว ฮือออ สงสารข้าวจังเลย
มาทำให้รัก แล้วก็พูดกันง่ายๆแบบนี้หรอ เจ้าแมวนี่น่าตีจริงๆ T _________ T

อยากอ่านเจอร์เพียวด้วยค่า คู่นี้น่ารักจังเลย เพียวดูเป็นคนที่มีคาริสม่าสู๊งสูง
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเอ็ด| - 21.9.2017 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 22-09-2017 23:10:16
เขียนฝังใจเรื่องอะไรมารึป่าวคะ ทำไมต่อต้านหนักมาก จนทำข้าวนอยด์เลย

ฉางก็ชัดเจน เพื่อน ๆ ก็เข้าใจ ฉางก็แค่หวังว่าข้าวจะเข้าใจ

ข้าวก็เคลียร์ตัวเองให้ชัดนะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเอ็ด| - 21.9.2017 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-09-2017 01:49:39
งานเข้าแล้วฉาง
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเอ็ด| - 21.9.2017 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 28-09-2017 00:22:37
เอาละสิ งานนี้ ยุ่งมาก บอกเลย
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเอ็ด| - 21.9.2017 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: pipoo ที่ 28-09-2017 02:16:39
คถฉางงงง
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสอง| - 29.9.2017 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 29-09-2017 00:00:16
12



ฉางมีสถานะเป็นก๊าซ ลอยล่องวนเวียนอยู่รอบตัวผม คอยให้ผมค่อยๆ สูดมันเข้าไปโดยไม่รู้ตัว แทรกซึมเข้ามาในชีวิตเหมือนอากาศที่สูดเข้าไปในร่างกาย เมื่อรู้ตัวอีกที กลับขาดไม่ได้เสียแล้ว...



กว่าผมจะรู้ตัวว่ารู้สึกพิเศษกับมัน ก็ตอนที่กลับตัวไม่ทัน



เพื่อปกป้องตัวเอง ปกป้องความรู้สึกไม่ให้หลงทางไปมากกว่านี้ ผมเลือกที่จะถอยออกมาตั้งหลัก ออกเที่ยวเตร็ดเตร่กลางคืนอย่างนี้ เหมือนอย่างที่เคยทำตอนช่วงปีหนึ่ง สมัยที่อยากรู้อยากลอง ทดลองควงคนโน้นคนนี้ไปทั่วเพื่อรู้ว่าไม่ได้ทำให้ชีวิตดีขึ้น รู้ทั้งรู้ แต่ตอนนี้ก็ยังกลับมาทำ



ช่วยไม่ได้ ผมยังไม่อยากกลับไปเจอมัน



คำพูดของไอ้ฉางทำผมหน้าชา เมื่อคิดว่าที่ผ่านมาผมคิดไปเอง มันไม่ได้มีอะไรลึกซึ้ง กว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่มันบอกออกมาตรงๆ ไม่รู้ว่าเสียหน้าหรือเสียใจมากกว่ากัน ผมคิดว่าไอ้ฉางต่างหากที่มีความรู้สึกพิเศษกับผม แต่มันดันกลับกันเลย เป็นผมต่างหาก... ที่ไม่รู้ว่าไปรู้สึกอย่างนั้นกับมันตอนไหน



เหมือนกับเวลาเราชอบอะไรบางอย่าง แต่เราตอบไม่ได้ว่าชอบไปตอนไหน



ผมชอบกลิ่นแป้ง ถึงได้ทามันเป็นประจำจนคุ้นชิน คุ้นเคย เวลาได้กลิ่นแป้งจางๆ จะรู้สึกดี ผมตอบได้ว่าทำไมผมชอบแป้ง แต่ตอบไม่ได้ว่าผมเริ่มชอบมันตั้งแต่ตอนไหน



ความรู้สึกของผมต่อไอ้ฉางเป็นอย่างนั้น



มันแทรกซึมเข้ามาในชีวิตประจำวันจนกลายเป็นเรื่องปกติ วันไหนเห็นมันจะรับรู้ และรำคาญ วันไหนไม่เห็นมันจะสงสัยว่ามันหายไปไหน กลายเป็นอยากรู้เรื่องราวในชีวิตของมัน



ผมไม่รู้ว่าถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่มันเข้ามายุ่มย่ามกับผมเช่นนี้ผมจะรู้สึกแบบเดียวกับที่รู้สึกกับไอ้ฉางไหม



แต่คิดว่าไม่



ถึงได้จบลงด้วยความหงุดหงิด หาทางออกโดยการระบายใส่ใครสักคน



“พี่ข้าวไม่ดื่มหรอคะ”



เสียงหวานสะกิดให้ผมตื่นจากห้วงความคิด ผมมองหญิงสาวตรงหน้า ขยับยิ้ม ยกมือจิบน้ำเมาในมือแทนคำตอบ ผมหนีไอ้ฉางมาอยู่กับไอ้เขียน เมื่อคืนไม่ได้กลับห้อง แต่เพราะห้องไอ้เขียนไม่ว่าง ผมจึงต้องหาที่อยู่...ด้วยการสร้างสัมพันธ์กับผู้หญิงคนหนึ่ง



วันต่อมา แม้จะเป็นวันเสาร์ แต่ผมก็ตั้งใจจะไม่กลับห้องอีก เที่ยวเตร็ดเตร่จนกลางคืน ชวนสาวคนเก่ามานั่งเป็นเพื่อน วันนี้ มีไอ้เขียนพ่วงมาด้วย มันโอบไหล่ผู้หญิงคนใหม่ของมันพลางยกยิ้ม



“ดีใจที่เห็นมึงกลับมาควงผู้หญิงนะไอ้ข้าว”



“เหอะ”



ทำยังกะผมเคยควงผู้ชาย ผมเค้นหัวเราะใส่มันทีนึงพร้อมยกจิบน้ำเมาต่อ โยกตัวตามจังหวะเพลง แน่นอน ผมไม่เลือกไปร้านนั่งที่มีเพียวอยู่หรอก ครั้งนี้เป็นร้านอื่น แต่ไม่ไกลมหาลัยเช่นเคย



“พี่ข้าวอยากสั่งอะไรเพิ่มไหมคะ” คนตัวเล็กข้างกายเอ่ยถามเสียงหวาน ผมส่ายหน้า จ้องใบหน้าน่ารักของหล่อน คงจะดีถ้าผมหวั่นไหวกับเธอได้สักครึ่งนึง



ผมยกยิ้ม ส่ายหัว ปฏิเสธเธอไปพร้อมปฏิเสธตัวเองด้วย



อย่างไรเสียก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น



ผมปล่อยให้เวลาดำเนินไปเรื่อยๆ จนถึงยามเลิกรา



“มึงเอาไง” ไอ้เขียนถามผม ที่มีร่างของสาวน้อยเกาะอยู่ที่แขนไม่ปล่อย

ผมส่ายหน้า





“กูด้วย” มันตอบ “งั้นเดี๋ยวไปส่งสาวๆ ก่อน”



ผมเลิกคิ้ว แปลกใจ วันนี้ตั้งใจจะไม่นอนกับใคร ไม่ใช่ว่าเรื่องคืนก่อนระหว่างผมกับเธอมันไม่ดี เพียงแค่ผมไม่มีอารมณ์ในวันนี้ก็เท่านั้น แต่ไม่คิดว่าไอ้เขียนจะเป็นไปด้วย ปกติมันติดสาวจะตาย



สาวน้อยทำหน้าบูดเมื่อพวกผมพาเธอมาถึงที่พัก ร้องงอแงอย่างน่ารักให้ผมไปค้างคืนด้วย เสียแต่เราต่างรู้กันว่าไม่ได้เป็นเจ้าของกันถึงขนาดนั้น ไม่มีใครมีสิทธิ์รั้ง พอส่งพวกเธอเสร็จ ผมกับไอ้เขียนก็โบกแท็กซี่ เตรียมกลับหอ



“กูไปนอนห้องมึงนะ ดึกแล้ว”



“...”



ร้อยวันพันปีไอ้เขียนแทบไม่มาค้างที่ห้องผม วันนี้นึกไงถึงมา ผมส่งสายตาสงสัยเป็นคำถาม



“เผื่อห้องมึงมีไอ้ฉางอยู่ กูจะได้ไล่มันไป” มันตอบ ผมถอนหายใจ ไม่รู้ทำไมต้องรังเกียจอะไรขนาดนั้น ถ้ารู้ว่าผมรู้สึกยังไงกับไอ้ฉางมันจะเลิกคบเลยมั้ย



คิดเล่นๆ บนพื้นความจริง



ไอ้เขียนไม่รู้เรื่องเติมเต็ม เรื่องที่ไอ้เต็มแอบชอบพี่ชายข้างบ้านตัวเอง มันเลยคิดว่าตัวเองไม่ได้อยู่ท่ามกลางพวกรักร่วมเพศ เสียแต่ตอนนี้ ทั้งผมทั้งไอ้เต็ม เพื่อนไอ้เขียนทั้งคู่กลับอยู่ในรูปแบบที่ไอ้เขียนไม่ชอบ ถ้ามันรู้ คงดิ้นจนขาดใจ



ผมพาร่างตัวเองและไอ้เขียนมาถึงหอพัก นึกกังวลเรื่องไอ้ฉางเหมือนกัน เสียแต่ผมไม่ได้กลับหอมาสองคืนแล้ว ข้าวของเสื้อผ้าก็ยังจำเป็นต้องกลับมาจัดการ แม้ว่าสองวันก่อนหน้านั้นผมจะแอบลอบมาเปลี่ยนเสื้อที่หอตอนกลางวันก็ตาม แต่พวกงานต่างๆ ก็ต้องกลับมาทำมันที่หอ ส่วนแมวฉางเองก็ไม่เห็นแล้ว ไอ้ฉางคงเอากลับไปในช่วงที่ผมไม่อยู่



ผมเปิดประตูห้องด้วยใจระทึก เมื่อพบว่าในห้องว่างเปล่า ไร้ซึ่งวี่แววของมนุษย์ผมถึงค่อยโล่งอก พร้อมกับหน่วงๆ ในใจ ไม่เจอมันก็ดีอยู่แล้ว ไม่รู้ทำไมถึงเกิดความรู้สึกเสียดาย... แค่ไมได้เจอหน้าแค่ไม่กี่วันเท่านั้นเอง ปกติไม่เคยอาลัยมันขนาดนี้ แต่พอรู้ตัวว่าหัวใจเริ่มเต้นแปลกไป ผมถึงได้สำนึก



ผมปล่อยไอ้เขียนครองเตียงไป ส่วนตัวเองตรงเข้าห้องน้ำ เสร็จธุระก็ถีบไอ้เขียนให้ไปอาบน้ำ จริงอยู่ที่แม้ว่ามันจะอาบไม่อาบก็เรื่องของมัน มันมานอนเตียงผมก็จริง แต่มันนอนฝั่งชิดผนัง ที่เดียวกับไอ้ฉางที่โสโครกไม่ยอมอาบน้ำเหมือนกัน ถึงอย่างนั้น ผมก็ต้องการให้เตียงผมสะอาดอยู่ดี



แต่เพราะไอ้ฉาง ผมบังคับมันไม่เคยได้ ถ้าวันไหนมันตั้งใจจะหลับ ผมปลุกให้มันตื่นไปอาบน้ำแทบตายมันก็ไม่ตื่น ถึงบางทีก็ตื่นแต่ก็นอนต่อแทบทันที หมดปัญญา



...แล้วทำไมต้องเอามันมาเปรียบเทียบด้วย



ผมถอนหายใจ ทิ้งตัวลงเตียง รอจนไอ้เขียนอาบน้ำเสร็จก็ปล่อยมันปิดไฟในห้องมานอนข้างๆ ทับที่ที่เคยเป็นของไอ้ฉาง ผมนอนคิดอะไรเรื่อยเปื่อย สุดท้ายก็ข่มตาหลับไป



วันนี้ไอ้ฉางก็คงไม่กลับมานอนที่ห้องนี้แล้วล่ะมั้ง...



XII



ข้าวใจร้ายเป็นบ้า เล่นทิ้งผมนอนคนเดียวตั้งสองคืน



ไม่รู้ว่าข้าวเป็นอะไร ข้าวไม่ตอบผม ไม่รับสาย ไม่รู้โกรธอะไรรึเปล่า หรือแค่ยุ่งๆ ถึงอย่างนั้นผมก็เหงาเป็นนะ แมวฉางก็เอากลับบ้านแล้ว ตอนกลางคืนก่อนหลับก็ไม่เจอใคร ตอนเช้าตื่นมาก็ไม่มีใคร โหวงเหวง



ถ้าเจอข้าว อย่างน้อยก็จะได้ถามว่าข้าวเป็นอะไร



ไม่ใช่หลบหน้าหลบตาหนีกันไปขนาดนี้ ผมก็ไม่รู้สิว่าตัวเองทำอะไรผิด



ถ้าผิด จะได้ง้อ



ผมอยากอยู่กับข้าวนี่นา กว่าจะเจอคนแบบข้าวได้นี่ใช่ว่าเป็นเรื่องง่ายเสียหน่อย



เสียแต่ตอนนี้ข้าวยังไม่ยอมมาให้ผมเจอสักที ผมเลิกทำงานกลุ่มที่คณะตอนตีหนึ่ง ขี่รถกลับมาหอข้าว ชอบหอข้าวก็ตรงที่เดินข้ามถนนมาก็ถึง ระยะทางไม่ได้ไกลเกินเดิน แม้ว่าส่วนใหญ่ผมต้องพึ่งพารถมอเตอร์ไซค์คู่ใจที่แอบเอามาจอดอยู่ข้างหลังหอข้าวก็ตาม ช่วยไม่ได้นี่ วันไหนข้าวไม่ปลุกผมก็ไม่เคยตื่นไปเรียนทันเลย



ข้าวอนุญาตให้ผมพกกุญแจห้องแล้ว แต่นั่นจะมีประโยชน์อะไรถ้าเจ้าของห้องไม่ยอมอยู่ด้วย



ผมเปิดประตูเข้าไป ได้ยินเสียงพัดลงครางเบาๆ ข้าวกลับมาแล้ว ผมใจเต้นลิงโลด เร่งจังหวะเดินตรงไปที่เตียงหวังจะได้ชื่นชมข้าวให้เต็มที่ ทว่าภาพที่เห็นทำให้ผมต้องผิดหวังขนาดหนัก



เมื่อที่นอนที่เคยเป็นของผมถูกใครบางคนจับจองไปแล้ว...



แสงไฟจากข้างนอกพยายามฉายภาพในห้องตรงหน้า เขียนนอนกางแขนกางขาก่ายข้าวที่นอนตะแคงนิ่งๆ ท่าทางไม่ได้มากไปกว่าเพื่อน เขียนคงละเมอเอาขาเอาแขนมาพาดข้าวของผม ถึงอย่างนั้นก็ไม่พอใจอยู่ดี



แต่ผมนะหรือจะว่าอะไรข้าวได้



ผมจ้องคนหลับไม่รู้เรื่องทั้งคู่ เงียบ และนาน… ปล่อยให้หัวใจได้ใช้ความคิด



ก่อนตัดสินใจหมุนตัวจากมา



.



วันจันทร์ ผมส่งงานด้วยสภาพใกล้เป็นศพ เพราะที่ผ่านมาเอาแต่เมาหัวราน้ำ ไม่ได้ทำตัวเป็นเด็กเนิร์ดเหมือนทุกที ดีที่มีไอ้แว่นคอยช่วยถึงได้ผ่านมาได้แบบสะบักสบอม



“ช่วงนี้ข้าวดูไม่ค่อยมีสมาธินะ” ไอ้แว่นบอกขณะที่เรากำลังนั่งกินข้าวด้วยกัน



“...” ผมไม่ตอบ ครางอือออในลำคอแค่นั้น เห็นไอ้เขียนมองมาแปลกๆ เหมือนมันก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมผมกลายมาทำตัวแบบนี้ แต่ก็ไม่คิดจะอธิบายเรื่องตัวเองให้ใครฟังต่อ พวกนั้นก็ไม่เซ้าซี้ เปลี่ยนเรื่องคุยกันไป



จนกระทั่งเลิกเรียน ผมได้รับข้อความจากสาวคนเดิม ติดต่อมาชวนให้ไปร้านเดิมกัน ผมตอบตกลง ชวนไอ้เขียนเสร็จสรรพ ก่อนเตร็ดเตร่ไปพร้อมกับมันจนกว่าจะถึงเวลา ออกเที่ยวกลางคืนอีกครั้ง



บรรยากาศแสงสีเสียงอึกทึก ผู้คนพลุกพล่านเหมือนดังเคย ผมไม่เคยชอบบรรยากาศอย่างนี้ แต่ก็ยังมาอยู่ดี สองขาก้าวหาโต๊ะด้านในตามที่เจ้าหล่อนว่า ก่อนจะมาถึง ผมนั่งลงข้างเธอ สั่งเครื่องดื่มเหมือนปกติ



วันนี้ ไอ้เขียนไม่ได้ติดต่อสาวในสังกัดของมัน มันมาหาเหยื่อรายใหม่ ผมปล่อยให้ไอ้เขียนทำตามใจ ส่วนตัวเองนั่งอยู่ข้างๆ เป็นเพื่อนสาวน้อยคนเดิมนี้ คุยโน่นคุยนี่กันไป



“คืนนี้พี่ข้าวไปไหนต่อมั้ยคะ”



ผมกระตุกยิ้ม รับรู้ถึงคำเชิญชวนของหญิงสาว เสียแต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป แค่ยังตัดสินใจไม่ได้ สองมือเล็กไล่มาจับต้นแขนผมช้าๆ มือนุ่มลูบจับไล้แขนผมไปมา เจ้าหล่อนเชิญชวนเสียขนาดนี้



ผมหัวเราะกลับไปแทนคำตอบ คนน่ารักส่งยิ้มก่อนซบเข้าที่ไหล่ผม



เวลาผ่านไปสักพัก ไอ้เขียนหายไปแล้ว คงได้เหยื่อรายใหม่แล้วเรียบร้อย ผมรอให้แก้วนี้หมดก่อนถึงคิดว่าจะค่อยกลับ ทว่าดื่มไปได้เพียงครึ่งแก้ว กลับมีร่างของคนๆ หนึ่งปรากฏตรงหน้า ก้มตัวลงนั่งลงตรงข้ามโต๊ะเดียวกับผมอย่างเสียมารยาท



ไม่ทันได้เอ่ยทักไปก็ต้องชะงัก



เมื่อมันคือฉาง...



“ข้าวใจร้ายนะ หนีผมมาในที่แบบนี้”



“มึง...”



“พี่ข้าวคะ...”



ผมหันหน้าหนีมัน เปลี่ยนไปสบตาผู้หญิงข้างๆ ตัวผมแทน ทว่าเจ้าหล่อนกลับมองฉางไม่หยุดเสียอย่างนั้น จ้องจนตาค้างอย่างไม่ปิดบัง ให้มันน้อยๆ หน่อย จนผมเอ่ยเรียกชื่อเธอพร้อมลุกขึ้น เป็นสัญญาณให้สิ้นสุด



“ไปกันเถอะ”



“เดี๋ยวก่อนสิคะ พี่ข้าวรู้จักพี่ฉางด้วยหรอ”



“...” ผมไม่ตอบ เม้มปากสนิท มองหน้าตาน่ารักของคนตรงหน้าก็รับรู้ได้เลยว่าเธอสนใจฉาง...มากกว่าผมเสียแล้ว



“ไหนๆ เพื่อนพี่ข้าวก็มาแล้ว นั่งต่ออีกนิดสิคะ”



“....”



ผมไม่ตอบเช่นเคย แต่ยอมนั่งลงข้างๆ เจ้าหล่อนโดยดี สายตาจับจ้องไปยังตัวปัญหาที่จู่ๆ ก็โผล่มาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย คนข้างตัวผมชวนฉางคุยโน่นนี่อย่างออกนอกหน้า เฮ้ ถึงจะไม่ได้เป็นอะไรกันแต่ก็ไว้หน้ากันหน่อยก็ดีนะ



แต่ก็ทำได้แค่ถอนหายใจ คิดว่าไอ้ฉางคงป็อปไม่น้อย ถึงขนาดนี้สาวเจ้ารู้จักชื่อมันโดยที่ผมไม่ได้เอ่ยบอกสักคำ



ผมนั่งมองคนสองคนตรงหน้าพูดคุยทำความรู้กัน อารมณ์หงุดหงิดเพิ่มขึ้นสูงมากกว่าเก่า



“คุยกันต่อก็ได้นะ ขอตัวก่อน”



ในเมื่อจะไม่เห็นหัวกันอย่างนี้ ผมว่าพร้อมลุกขึ้นเต็มตัว เดินออกไปจากโต๊ะ พลันโดนรั้งไว้จากข้างหลัง มือใหญ่ๆ กำรอบแขนผม เดาได้ไม่ยากว่าเป็นใคร



“ข้าวรอผมแป๊บนึงนะ”



ฉางชิงกระซิบข้างแก้มผมก่อนที่จะเอ่ยปากต่อว่า เสียงผมหายไปในอากาศ จนกระทั่งมันปล่อยแขนผมออก เดินนำผมไปพร้อมกับผู้หญิงที่เคยเป็นของผม



ปล่อยผมยืนร้างอยู่กลางร้าน...



ผมมองแผ่นหลังพวกฉางเดินออกไปจากร้านด้วยกัน ยืนค้างสักพักก็เดินหาที่นั่งใหม่ ไม่รู้ตัวเองเหมือนกันว่าทำไมผมถึงต้องทำตามคำพูดมัน ไม่โบกรถกลับไปให้จบเรื่องสักที...



...นั่งปล่อยให้แสงสีของร้านสุราอาบตัว จวบจนกระทั่งเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง ผมถึงได้ตระหนักว่าตัวเองโง่งมจริงๆ เพียงเพราะคำพูดมันคำเดียว ทำไมถึงเชื่อ อะไรทำให้ต้องทำตามเหมือนหมากับคำสั่งของเจ้านาย



ผมหงุดหงิด โมโหจนน้ำตารื้น หลายความคิดหลากอารมณ์ตีกันในหัวจนแทบบ้า



มึงมีสิทธิ์อะไรมาทำให้กูเป็นแบบนี้



ผมสาวเท้าออกนอกร้าน ปาดน้ำตาโง่ๆ ทิ้ง ตอกย้ำถึงความรู้สึกของผมที่จมลึกกว่าที่คิด ฉางไปกับผู้หญิงคนนั้น แต่ผมกลับเลือกหึงไอ้ฉาง...โกรธไอ้ฉาง ให้ความรู้สึกผิดคน อารมณ์ความคิดตีกันมั่วซั่วไปหมด



ผมควรจะหวงเธอ แสดงความเป็นเจ้าของเธอแม้ว่าจะไม่ใช่จริงๆ ก็ตาม แต่ผมกลับคิดถึงไอ้ฉาง



กล้าดียังไงไปกับผู้หญิงต่อหน้าต่อตากู แล้วยังคำพูดที่บอกให้รอ



แล้วโง่หรือไรถึงได้ยอมเชื่อฟัง



ยิ่งคิดยิ่งหงุดหงิดตัวเอง



ผมเดินออกจากร้านอย่างหัวเสีย เกลียดตัวเองที่ทำอะไรก็ไม่ได้ดั่งใจ โง่ซ้ำโง่ซากจนน่ารำคาญ ก้าวขาย่ำไปตามฟุตบาท ขอบตาร้อนขึ้นมาอย่างรู้สาเหตุ ทั้งหงุดหงิด โมโห แม้กระทั่งเสียใจ หลากอารมณ์ถาโถมเข้ามาใส่ ผมพยายามแล้ว พยายามบอกตัวเองว่าไม่ใช่ความรู้สึกเช่นนั้น เสียแต่การกระทำผมแสดงออกมาทุกอย่าง จนใจจะหาข้ออ้าง



สุดท้ายก็ได้แต่กัดฟันยอมรับ...ว่ารู้สึกกับมันมากไปกว่าที่ควรเสียแล้วจริงๆ



ผมเดินจ้ำต่ออย่างงุ่นง่าน ตั้งใจจะเดินออกไปนอกซอย จะได้โบกรถกลับให้มันจบๆ ไป ทว่าเดินไปถึงแค่ครึ่งซอยผมกลับโดนดึงจากข้างหลัง อย่างไม่ทันตั้งตัว แรงกระชากทำผมเซสุดแรง ปะทะเข้ากับอกของคนเจ้าของเรื่องที่หอบหายใจถี่ราวกับคนวิ่งมารทอนมารอบเมือง





ผมหันไปสบตากับมัน อ่านแววตาไม่ออก






♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦





หลังจากนี้อาจจะอัพช้าหน่อยนะคะ

ต้องต่อสู้กับธีสิส...  :katai4:

ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ

หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสอง| - 29.9.2017 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 29-09-2017 00:12:59
ต่อๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสอง| - 29.9.2017 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 29-09-2017 00:45:51
โธ่คนเขียนคะ ดันจะอัพช้าในตอนที่เป็นจุดแตกหัก(?)เสียได้ ค้างเลย
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสอง| - 29.9.2017 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Fonz_Juz19 ที่ 29-09-2017 00:51:53
ฮื้อออออ  กำลังอึดอัดใจไปกับข้าวเลย
ฉางจะทำไงต่อนะ ข้าวจะบอกความรู้สึกไหม
อยากอ่านต่อมาก ....

ช้าก็รอได้ค่ะ คนเขียนสู้ๆนะ เป็นกำลังใจให้นะคะ
แต่ก็อย่าลืมมาอัพนะ ติดเรื่องนี้หนักมาก
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสอง| - 29.9.2017 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 29-09-2017 01:15:10
โอ๋ๆๆๆข้าวเอ้ยยย
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสอง| - 29.9.2017 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 29-09-2017 02:34:54
ฉางต้องเดินกลับไปหาน้องผู้หญิงแล้วบอกว่า "อย่ามายุ่งกับฉางของผม" มโนเองงง งืออ รอค่าาา
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสอง| - 29.9.2017 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 29-09-2017 04:23:54
 :katai1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสอง| - 29.9.2017 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 29-09-2017 04:53:59
ถ้่าจะแค่ถูกใจ ก็ควรปล่อยข้าวไปนะฉาง ทำแบบนี้ข้าวเจ็บ  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสอง| - 29.9.2017 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 29-09-2017 07:50:50
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสอง| - 29.9.2017 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 29-09-2017 08:18:45
 :ling2: :ling2: :ling2:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสอง| - 29.9.2017 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: dekzappp ที่ 29-09-2017 12:15:01
ฉางงงงงงงง มึนๆงงๆได้น่ารักมากกกก รีบตีคะแนนขึ้นมาเร็ว

ตอนนี้ข้าวน่าเมานิดๆ รีบเคลียร์รีบสวีทเร็ววว
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสอง| - 29.9.2017 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 29-09-2017 12:36:20
 :เฮ้อ:

 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสอง| - 29.9.2017 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 29-09-2017 18:54:32
 :z3:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสอง| - 29.9.2017 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 29-09-2017 19:00:49
เจ็บปวดแทนข้าวจัง อธิบายมาเร็วๆเลยนะฉาง :katai1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสอง| - 29.9.2017 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 29-09-2017 19:17:46
ยังคงอึดอัดอย่างต่อเนื่อง ฮืออออออออ
ข้าวแซ่บมาก คั่วผู้หญิงเพื่อที่นอน ฮาาา
ส่วนฉาง.... ไป ไปเล่นกัยแมวที่บ้านเลยไป เงียบตลอดดด
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสอง| - 29.9.2017 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 29-09-2017 20:09:36
พี่ฉางงง ไปเคลียร์กับข้าวเดี๋ยวนี้!!!
 :katai1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสอง| - 29.9.2017 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 29-09-2017 20:32:33
สงสารทั้งคู่ ความซื่อก็ทำพังได้นะ ฉาง ผู้ไม่รู้อะไร
แล้วฉางหายไปไหนมา อย่าบอกนะว่าไปส่งเค้ากลับบ้านน่ะ

ข้าวก็ทำไปเหอะ ถ้าคิดว่าจะช่วยได้ แต่พอข้าวมาเจอฉางอีก
ก็อยากจะรอ แต่ก็เฮิร์ทไปพร้อมกัน

เขียนมีเรื่องฝังใจอะไรไหมคะ อยากรู้จริง หรือไม่ชอบเฉยๆ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสอง| - 29.9.2017 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 29-09-2017 20:41:33
ค้างงงง
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสอง| - 29.9.2017 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 29-09-2017 23:52:36
รู้ใจตัวเองสักทีนะข้าว
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสอง| - 29.9.2017 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 30-09-2017 00:28:01
อิฉางแกจะมาทำตัวมึนๆแบบนี้ไม่ได้ ไม่เห็นไงว่าข้าวคิดมากน่ะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสอง| - 29.9.2017 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 30-09-2017 18:14:37
ข้าวน่าสงสารมากครับ,,,
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสอง| - 29.9.2017 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: flimflam ที่ 30-09-2017 20:45:44
ฮือ ค้างมากค่ะ แงงง
อยากให้เขียนเข้าใจข้าวนะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสอง| - 29.9.2017 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: FaiiFay_Elle ที่ 01-10-2017 07:57:17
 :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสอง| - 29.9.2017 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 01-10-2017 12:53:41
ฉางมาแก้ตัวหน่อยเร้วววว  :katai5:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสอง| - 29.9.2017 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: barbiehateken ที่ 01-10-2017 13:38:42
 :z3: โอ้โหหหหหห เพิ่งตามมาอ่านรวดเดียว สนุกมากกก ชอบมากค่ะ ประทับใจทุกตัวละครเลย หลังจากนี้ต้องเข้มข้นมากๆแน่ เพราะรู้ใจตัวเิงทั้งคู่แล้ว รอนะคะ จะรอทุกวันเลยยย
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสอง| - 29.9.2017 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Celestia ที่ 02-10-2017 02:50:41
กรี๊ดดดดด ค้างงงง
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสาม| - 6.10.2017 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 06-10-2017 22:46:32
13



ผมข่มอารมณ์ตนเอง กดความรู้สึกไว้ ดันให้มันไปอยู่เบื้องล่างสุดของพื้นหัวใจ หลับตาสูดลมหายใจหนึ่งเฮือกก่อนเอ่ยถาม



“มีอะไร”



“ข้าว” มันว่า พลางหอบต่อ รวบรวมลมหายใจ ต่อเติมประโยคอีกครั้ง “คุยกับผมก่อนได้ไหม”



“ไม่มีอะไรจะคุยนี่”



“ทำไมข้าวชอบไม่คุยให้รู้เรื่อง”



“กูไปทำอย่างนั้นตอนไหน” คนที่คุยไม่รู้เรื่องอ่ะมึงต่างหาก



“ตอนนี้ไง”



“...นั่นเพราะกูไม่อยากคุย”



“ทำไมไม่อยาก”



“คุยแล้วมันจะแย่ลง จะคุยทำไม”



“รู้ได้ไงว่าจะแย่ลง”



ผมสูดลมหายใจเข้า ควบคุมสติที่จะไม่เผลอใส่อารมณ์ ต้นเหตุทุกอย่างก็เพราะมึง กล่าวโทษมันทั้งที่รู้ๆ อยู่ว่าต้นเหตุทุกอย่างคือความรู้สึกของตัวเอง



“แล้วจะคุยทำไม” ผมว่าต่อ



“เพราะผมอยากเข้าใจข้าว”



“แต่กูไม่อยากให้ใครมาเข้าใจ”



“ข้าวอยาก เชื่อผมสิ มีคนเข้าใจมันดีจะตาย ข้าวยังเข้าใจผมเลย”



“กูไม่เคยเข้าใจมึง!”



ผมว่า ขึ้นเสียงตะคอก สะบัดข้อมือหลุดออกจากการควบคุม เดินหันหลังหนี หลบหน้ามันเพราะน้ำที่เอ่อคลอเบ้าจนพร้อมจะหลุดออกมาเป็นน้ำตา ไม่อยากให้มันรู้ว่าผมรู้สึกกับมันมากแค่ไหน ตอนนี้ผมไม่พร้อมจะคุย รู้ทั้งรู้ แต่ก็ยังอยู่รอเพื่อหวังว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง แต่ก็ไม่



ฉางยังคงเป็นฉาง



มันคงเข้ามาถามเพราะอยากรู้เรื่องที่ผมหายหน้าหายตาไปหลายวัน อยากเข้าใจว่าทำไมผมถึงทำเช่นนั้น ไม่ได้คิดถึงความรู้สึก กว่าจะคิดออกว่าเป็นเรื่องนี้ก็ไม่ทันเสียแล้ว



ผมไม่น่าอยู่รอมันเลยจริงๆ



“ข้าว”



“เฮ้ย!” สิ้นเสียงเรียกชื่อผมและคำอุทาน ผมโดนทั้งลากทั้งผลักเข้าไปในซอยแคบๆ ปราศจากผู้คน ผมมองซ้ายขวาเลิกลั่ก ก่อนมาหยุดที่ภาพตรงหน้าที่ปรากฏเป็นใบหน้าไอ้ฉาง จับยึดไหล่ผมไว้มั่นทั้งสองแขน กึ่งบังคับไม่ให้ผมหันไปวอกแวกมองทางอื่น



“มึงมีอะไรอีก”



“ผมทำอะไรให้ข้าวโกรธหรอ”



“...”



“...ผมทำใช่มั้ย ข้าวถึงหนีผมไป”



“...เปล่า”



ผมไม่รู้จะตอบอะไร คำพูดปฏิเสธถูกใช้ขึ้นมาโดยอัตโนมัติ



“แล้วข้าวทำไมไม่กลับห้อง”



“กูไม่อยาก...”



ผมว่า กลืนน้ำลายฝืดๆ ลงคอ จ้องหน้าไอ้ฉางนิ่ง แววตาคนตรงหน้าฉายบอกให้พูดต่อให้จบประโยค ท่ามกลางความเงียบ ผมยอมเอ่ยปากอีกครั้ง



“ไม่อยากกลับไปเจอมึง”



“...”



ครานี้ผลัดกันเงียบ ฉางกระพริบตาถี่ๆ หลายรอบ ขยับตัว เงยหน้ามองซ้ายขวา คล้ายกับประมวลผลข้อความที่ผมบอก ก่อนเอ่ย



“ทำไม”



“...”



“ข้าวต้องมีเหตุผลที่ทำอย่างนี้สิ ถ้าข้าวไม่ชอบใจผมแล้วก็ช่วยบอกว่าตรงไหนที่ข้าวไม่ชอบผมจะได้ปรับปรุง”



“...”



“หรือถ้าเกลียดผม...ไม่อยากเจอหน้าผมก็บอก ผมจะได้ไป...”



“...”



“ผมไม่ได้อยากมาอยู่ห้องข้าวโดยที่ไม่มีข้าวนะ”



“งั้นจะมาอยู่ทำไม”



“ผมมาเพราะมีข้าว”



“...ทำไม ชอบกูหรือไง” ผมนิ่งไปก่อนโพล่งประโยคโต้ตอบออกมา อย่างไม่รู้ตัว ประชดไปอย่างใจนึกโดยไม่คิดถึงผลลัพธ์ว่ามันจะเป็นยังไง



เป็นอย่างนี้อีกแล้ว...



เคยเป็นคนใจร้อนมาก่อน แต่พอเข้ามหาลัยมาก็พยามปรับปรุงตัว จนเปลี่ยนมาเป็นคนใจเย็นลงได้ ไม่เคยใจร้อนใส่ใครจนถึงขั้นพูดไม่คิดเช่นนี้เลยสักครั้ง พยายามคิดก่อนพูดย้ำคิดย้ำทำมาเสมอ มีครั้งนี้ที่ตบะแตก เพราะเป็นมัน มันที่ผมไม่เคยเข้าใจเลยว่าคิดอะไรอยู่ สันดานเก่าผมหลุดออกมาอย่างง่ายดาย



ผมมองริมฝากคนตรงหน้าที่ค่อยๆ อ้าออก ผมหลุบตา รับรู้เรื่องราวในอนาคต ถามอะไรโง่ๆ จะถามคำถามที่มีคำตอบอยู่แล้วทำไม ผมรู้แล้วว่าฉางไม่ได้ชอบผมแบบนั้น คำพูดครานั้นยังดังก้องอยู่ในหัว แต่แม่งก็ยังถามออกไป เพื่อหวังอะไรบางอย่างที่มันคงไม่เกิด



“ผมชอบข้าว”



“...เหอะ”



สบถออกมาทันทีโดยที่แทบไม่ต้องคิด คำพูดลอยๆ ของไอ้ฉางไม่เคยเชื่อถือได้ อย่างไรเสีย ความหมายมันก็คงไม่เหมือนกัน



“ผมชอบข้าว จริงๆ นะ”



“มึงก็ชอบทุกคน”



“ผมไม่ได้ชอบทุกคน”



“ก็ชอบฟิวเจอร์ด้วยไม่ใช่เหรอ”



“ไม่ใช่ แค่ถูกใจ มันไม่เหมือนกัน”



“แล้วกับกูมันต่างตรงไหน”



“ต่างสิ ผมชอบข้าว”



ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ เหนื่อยที่จะต้องคุยกับมัน



“กับคนเมื่อกี้ก็ชอบไม่ใช่หรือไง”



“ไม่ได้ชอบ”



“เห็นอยู่ว่าพาไปด้วยกัน”



“ก็แค่พาไปส่ง”



“แต่ผู้หญิงกูชอบมึง”



“แต่ผมไม่ได้ชอบเธอนี่”



“...โกหก”



“ข้าวชอบเธอหรอ”



“...”



ผมไม่ตอบมัน ถ้าไม่ได้ชอบ แล้วไปด้วยกันทำไม ทิ้งผมไว้ทำไม ผมถามคำถามในใจ



“ผมแค่พาเธอไปส่ง ให้ซ้อนมอเตอร์ไซค์ไป ผู้หญิงกลับบ้านคนเดียวตอนนี้มันอันตราย ผมมาร้านนี้เพื่อมาเจอข้าวนะ กว่าจะหาตัวเจอ” มันตอบกลับมาคล้ายอ่านใจผมได้



 “แล้วไง” แล้วบอกกันก่อนสักนิดจะตายมั้ย



“ก็เลยรีบกลับมาหาข้าวเพื่อคุยนี่ไง ไปตามหาในร้านเสียทั่ว นึกว่าข้าวกลับไปแล้ว ดีนะที่ผมวิ่งหาข้าวรอบๆ ก่อนถึงได้เจอตัว ข้าวเป็นอะไรหรอ หลบหน้าผมทำไม ผมทำอะไรผิดหรอ”



“ไม่เป็น...ไม่...ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ ปล่อยกูอยู่คนเดียวเถอะ”



“ไม่ได้หรอก ข้าวดูไม่สบายใจ ผมเป็นห่วงนะ”



“เลิกมายุ่งกับกูสักที!” ผมข่มอารมณ์ไว้ไม่ไหว ตะเบ็งเสียงออกมาตะคอกใส่มันอีกครั้ง หลับตาก้มต่ำไม่มองหน้า กักขังน้ำตาเอาไว้ใต้เปลือกตา ภายในหัวหมุนติ้ว ผมสับสน เพราะผมรับรู้ความรู้สึกที่เกิดขึ้นเร็วเกินไป รู้ตัวเร็วเกินไป ไม่ทันได้ตั้งตัว ไม่ทันได้เตรียมใจ พอถอยทัพออกมาหวังจะตั้งหลักใหม่ จู่ๆ เจ้าของปัญหาก็โผล่หน้ามาในช่วงที่ไม่พร้อมรับมือ ผมไม่มีสติพอที่จะโต้ตอบกับมัน



“...” ไอ้ฉางเงียบ ทว่าสองแขนของมันยังคงจับไหล่ผมไว้ไม่ให้ไปไหน ผมหนีไม่ได้ ได้แต่ยืนก้มหน้านิ่ง จนผมกลืนน้ำตาลงคอไปได้ถึงยอมลืมตา พูดต่อด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง



“มึงชอบกู เพราะกูแค่ตรงสเป็คมึงไม่ใช่หรือไง”



“ก็ใช่”



“...แต่ก็ไม่ได้พิศวาสอยากได้กูเป็นคนรักนี่”



“ก็ใช่”



“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องมาเป็นห่วงกู!”



“ผมชอบข้าว อยากอยู่กับข้าวนี่ ผมต้องทำยังไง”



ผมหมดแรงจะพูดกับมัน คนใจร้ายหน้าตายนี่ทำร้ายผมได้อย่างเจ็บปวด มันทำร้ายผมโดยที่มันไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ ในเมื่อหนีไปไหนไม่ได้ สุดท้ายหยาดน้ำตาที่พยายามฝืนกลั้นไว้ก็หยดลงมาบนแก้มผมหนึ่งหยาด กลั่นตัวออกมาทดแทนความรู้สึกที่มีต่อคนตรงหน้าอย่างกลั้นไม่อยู่

“ข้าว...” ไอ้ฉางเสียงสั่น สีหน้าตกใจเผยออกมา ผมเบือนหน้าหนีมือมันที่เอื้อมมา



“ปล่อยกู”



เหนื่อยนะไม่ใช่ไม่เหนื่อย สู้กับหัวใจกับความรู้สึกตัวเองมาตลอดทั้งวันที่ผ่านมา พยายามหาจุดสิ้นสุดเพื่อตัดความสัมพันธ์ แต่กลับต้องมาเจอไอ้ฉางมาพูดอะไรไม่รู้จักคิดใส่แบบนี้



ในขณะที่ผมจะเอ่ยบอกให้มันพอ มันกลับเอ่ยขัดขึ้นมาก่อน



“ผมชอบข้าว อยากอยู่กับข้าว กว่าจะเจอคนอย่างข้าวไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ถ้าการเป็นคนรักกันจะทำให้ผมได้อยู่กับข้าว ผมก็อยากเป็นนะ”



“...”



“สาเหตุนี้ใช่มั้ย”



“มะ...”



ผมพูดไม่ออก ทรมานเมื่อถูกแตะความลับในส่วนลึกของหัวใจ เบิกตาโพลงให้กับคำพูดก่อนหน้านั้นของมัน ไอ้ฉางรู้ว่าผมรู้สึกยังไง จู่ๆ มาเข้าใจอะไรตอนนี้



“ไม่ใช่” ผมเอ่ยประโยคปฏิเสธที่อ่อนแรงที่สุดในโลกใส่มัน



“ข้าวชอบผมใช่มั้ย”



“มึงเอาอะไรมาพูด!”



“ไม่รู้สิ ความรู้สึกมั้ง แล้วก็อะไรหลายๆ อย่าง แววตาข้าวก็ด้วย...”



“...ไม่คิดว่ากูโกรธที่มึงพาผู้หญิงของกูไปบ้างหรือไง”



ผมรีบปัดข้อกล่าวหา พลันหาข้อแก้ตัว ไม่ได้อยากให้มันรู้ว่าผมรู้สึกกับมันอย่างนี้แล้วมันถึงสงสาร ยอมทำตามสิ่งที่ผมอยากให้เป็น หรือในทางเลวร้าย ผมกลัวว่ามันจะหลอกเอาความรู้สึกผมไปใช้



“ถ้าข้าวชอบเธอจริง ป่านนี้ข้าวคงรีบไปหาเธอแล้ว หรือไม่งั้นก็ต้องโทรหา ส่งข้อความ พยายามหาวิธีทำให้รู้ว่าเธอเป็นอย่างไรบ้าง แต่ข้าวก็ไม่ทำ”



“...”



“ผมชอบข้าวนะ”



ผมไม่พูดอีกครั้ง หรือจะเรียกว่าพูดไม่ออกก็ไม่เชิง เพราะเหตุนี้ใช่มั้ยมันถึงรู้ความรู้สึกผม เพราะผมตามเกมมันไม่ทัน โพล่งออกมาไม่รู้ตัว ไม่คิดหน้าคิดหลัง เปิดเผยเรื่องในใจออกไปทั้งที่ไม่ต้องการเลยแท้ๆ



“หยุดพูดสักที” ผมว่า เอ่ยคำสั่งขี้ขลาด หมายให้มันหยุดพูดจี้ใจจนทำให้ผมหาคำตอบไม่ได้



“ผมรู้ ข้าวไม่ชอบใจเรื่องที่ผมบอกว่าไม่ได้อยากเป็นคนรักใช่มั้ย”



“กูบอกให้หยุด”



“ผมหมายความตามนั้นแต่ก็ไม่ทั้งหมดนะ คนที่ผมถูกสเปคด้วยไม่ได้แปลว่าผมอยากเป็นคนรักเขาทุกคนนี่ อย่างฟิวเจอร์ผมก็ไม่เคยพิศวาสด้วย”



“...พอ”



“แต่กับข้าว ผมอยากเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตข้าวนะ ผมอยากอยู่กับข้าว ข้าวจำเป็นต่อผมนะ”



“หยุดพูดสักที”



“ที่ข้าวหายไปเพราะเรื่องนี้ใช่มั้ย ผมทำร้ายข้าวใช่มั้ย”



“กูบอกให้หยุดไง!”



“...”



ผมหลับตา ข่มอารมณ์อีกครั้ง ความคิดในหัวตีกันรอบที่พันล้าน ไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ผมแค่คิดมาตลอดว่าฉางชอบผม แต่จู่ๆ กลับไม่ใช่ ไม่ใช่ชอบอย่างที่ตัวเองคิด ตอนนั้นถึงได้รู้ตัวเองว่ารู้สึกอย่างไรกับมัน พอตั้งใจจะถอยหนี มันกลับเดินเข้ามาพร้อมบอกว่าชอบผม ความรู้สึกเดียวกันกับผมที่มีต่อมัน



แล้วผมจะเชื่อได้ยังไง



สุดท้าย มันอาจต้องการแค่อยู่กับผม เพราะอะไรสักอย่าง ไม่ใช่อยู่เพราะความรู้สึกรักชอบจริง



ชอบของมันกับชอบของผมอาจจะคนละความหมาย...



“พอได้แล้ว”



ผมบอก เสียงบางเบาไร้น้ำหนัก สิ้นเสียงผม บรรยากาศแวดล้อมไปด้วยความเงียบ มีคนเดินผ่านข้างนอกซอยแคบเป็นพักๆ แต่ไม่ได้ช่วยให้บรรยากาศตรงหน้ากดดันน้อยลง



ผมจับข้อมือมันทั้งสองข้าง ดันออกหมายจะให้มันปล่อยตัวผมจากการกักขัง ฉางขยับตามอย่างว่าง่าย จนกระทั่งสองมือของผมปล่อยสองแขนของมันร่วงลงไปตามแรงโน้มถ่วง ขยับเท้าก้าวไปได้เพียงก้าวเดียวกลับถูกคนตรงหน้าเข้ามาบดบังอีกครั้ง มันขยับตัวมาดันให้หลังผมชิดแพงเก่าโสโครก อีกครั้ง



ก่อนจะก้มลงประทับจูบ



อย่างไม่ทันตั้งตัว ผมสะดุ้ง สองมือผลักอก ดันตัวมันให้ถอยออก ทว่าผลลัพธ์กลับไม่เป็นดังคาด เมื่อฉางขยับตัวรุกหนักกว่าเดิม สุดท้ายก็เผลอคล้อยตามจังหวะมัน มือที่ผลักไหล่เปลี่ยนเป็นโอบรอบคอ ตวัดเกี่ยวลิ้นที่สอดเข้ามา ดุนดันจนพันกันมั่วซั่ว



สับสน อ่อนโยน วุ่นวาย ล่องลอย



เพิ่งที่จะเข้าใจ จูบกับฉาง...ไม่เหมือนกับคนที่ผ่านๆ มา



ก่อนที่จะล่องลอยไปมากกว่านี้ เสียงฝูงคนนอกซอยแคบดึงสติให้กลับมา ผมรีบผลักมันออก เบิกตาโพลง ถลึงตาใส่มันอย่างเอาความ



“ข้าวชอบผมใช่มั้ยล่ะ”



“ไม่ได้ชอบ!”



“ถ้าข้าวเกลียดผม ป่านนี้ผมโดนต่อยไปแล้ว...”



สะอึก ผมกำหมัดทำท่าจะต่อยมันตามคำพูด ไอ้ฉางรวบแขนผมไว้ทัน กลับกลายเป็นผมจมอยู่ในอ้อมกอดมันอีกครั้ง



“ข้าวชอบผม ผมทำข้าวไปตั้งขนาดนี้แต่ข้าวก็ไม่ต่อย”



ก็จะต่อยอยู่นี่ไง!



“ถ้าผมไม่บอกข้าวคงไม่รู้ตัว จุ๊บ”



“ไอ้!”



ผมหน้าขึ้นสีทันทีเมื่อไอ้ฉางเอ่ยเสร็จพร้อมขโมยหอมแก้มผมไปหนึ่งที เอี้ยวตัวไปมองหน้ามันก่อนไอ้ฉางจะเผยรอยยิ้มประหลาด ผมพูดไม่ออกอีกครั้ง



“ข้าวน่ารักจัง”



ผมไม่รู้จะโต้ตอบอะไร ทำไมเวลาเจอไอ้ฉางผมมีหลายความรู้สึกเหลือเกิน ตอนนี้เลยได้แต่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนมันอย่างน่าอนาถ



“ฉาง...มึง ปล่อยกูได้แล้ว”



“ยอมคืนดีกับผมก่อน”



“คืนดีเชี่ยอะไร”



“ก็ข้าวโกรธผมนี่นา”



“กูไม่ได้...” โกรธ รึเปล่าวะ จนตอนนี้ก็ยังหาคำตอบไม่ได้กับความรู้สึกตัวเอง ตอนแรกคิดว่ารู้สึกผิดหวัง ใกล้เคียงกับคำว่าอกหักเลยถอยออกมาทำใจ เรียกให้เข้าใจง่ายๆ ก็หนีออกมานั่นแหละ แต่พอวันนี้มันดันมาทำตัวอย่างนี้ ผมไล่ตามความรู้สึกตัวเองไม่ทัน



มันบอกว่าชอบผม ทว่าผมไม่รู้ว่าจะเชื่อคำพูดมันได้มากแค่ไหน



ที่เห็นก็มีแต่คำพูดกวนประสาท ที่เอาแต่ย้ำเรื่องความรู้สึกของผมซ้ำๆ



“ฮื่อ”



จนแล้วจนรอด ผมก็ทำอะไรไม่ได้ ส่งเสียงร้องอย่างรำคาญใจ



“ปล่อยกูได้แล้ว”



“ไม่ปล่อยหรอก ผมรู้ว่าข้าวอยากให้ผมกอด ผมรู้ใจข้าวนะ”



เอาอะไรมาพูด! ผมดิ้นสุดแรงอีกครั้งเป็นคำตอบให้มันรู้ว่ามันคิดผิด ผมไม่ได้อยากสักหน่อยแล้วมึงก็ไม่ได้มารู้ใจกูด้วย



“ผมชอบข้าวนะ คบกันนะ”



“ชอบมึงคนละอย่างกับกู...”



“คนละอย่างยังไง ผมชอบข้าวแบบอยากอยู่ด้วย อยากให้มีความสุขไปด้วยกัน อยากมีข้าวในชีวิต ข้าวเองก็ชอบผมแบบนี้ไม่ใช่หรอ”



ผมเงยหน้าจ้องหน้ามัน ใช้ความเงียบและแววตาสื่อสารสักพักก่อนเอ่ย



“ก่อนหน้านั้นไม่ได้พูดอย่างนี้นี่”



“ข้าวจะให้ผมบอกว่าผมชอบข้าวแบบคนรักต่อหน้าเพื่อนข้าวเหรอ”



ผมเงียบ นึกคิดตามอย่างที่มันว่า ถ้าเขียนรู้...ไอ้ฉางคงไม่ได้มาอยู่ในสภาพนี้ พลันกลืนน้ำลายฝืดๆ ลงคอ  เริ่มคล้อยตามคำพูดมันไปทีละนิดอย่างไม่น่าให้อภัย



“ตอนนั้นผมคิดว่าข้าวไม่ได้ชอบผมนี่ ก็เลยพูดไป”



“...กู...จะเชื่อมึงได้ยังไง” ว่าความรู้สึกมันเป็นของจริง ไม่ใช่พูดเพื่อเพียงอยากเกาะอยู่กับผม ทำตามความต้องการเห็นแก่ตัวของตัวเอง



 “ผมไม่ได้ชอบคนง่าย ไม่เคยชอบใครจนถึงขั้นอยากอยู่ด้วยมาก่อนเลยนะ”



“...”



“ผมไม่รู้จะพูดยังไงให้ข้าวเชื่อ ผมอยากทำให้ข้าวดูมากกว่า แต่ข้าวต้องยอมคบกับผมก่อนนะ”



“แล้วกูจะกล้าคบกับมึงได้ยังไง คิดอะไรโง่ๆ”



“ถึงอย่างนั้น ที่ผ่านมาผมก็เอาแต่พยายามทำตัวติดข้าวมาตลอดไม่ใช่หรือ ข้าวก็รู้นี่ว่าที่ผมทำกับข้าวมันไม่ใช่เรื่องปกติของเพื่อนทั่วไป ข้าวคิดหรอว่าถ้าข้าวเป็นแค่คนที่ผมถูกใจเฉยๆ ผมจะทำขนาดนี้”



“เพราะหอกูอยู่ใกล้ม.นี่”



“บ้านผมก็ไม่ได้ไกลนักหรอก ขับมอไซค์แปบเดียวก็ถึง”



“...”



“ผมชอบข้าวจริงๆ นะ ชอบแบบที่ไม่ได้รู้สึกแบบนี้กับใคร เชื่อผมนะ”



“...”



“เป็นคนรักให้ผมนะ”



“...”



คนรักกัน ฟังดูจริงจังกว่าคำว่าแฟนอีก



ผมหยุดดิ้น ความอัดอั้นที่อยู่ก้นบึ้งลึกสุดของหัวใจค่อยๆ ถูกมันช้อนขึ้นมา ผมคิดว่าตัวเองรักชอบผู้หญิงมาตลอด แต่ไม่เคยปฏิเสธได้เลยว่าทุกครั้งที่ไอ้ฉางสัมผัสหรือทุกครั้งที่เห็นมัน ได้อยู่กับมัน ผมรู้สึกดี... ไม่ได้รังเกียจอย่างที่นึก ไม่อยากยอมรับแต่มันก็ต้องเป็นไป ในเมื่อพยายามถอยห่างแล้วแต่ก็ทำไม่ได้ สุดท้ายพอมันมาอยู่ตรงหน้าก็ได้แต่ยอมมันอยู่เรื่อยไป



ถ้าเช่นนั้น การที่ผมจะไม่ปฏิเสธมันครั้งนี้ก็คงเป็นเรื่องช่วยไม่ได้



ผมไม่รู้ว่ามันคิดกับผมลึกซึ้งแค่ไหน ถึงอย่างนั้น...



กลับพยักหน้าแทนคำตอบ



XIII



ข้าวน่ารัก ข้าวน่ารัก น่ารัก น่ารัก



ผมคิดตั้งนานว่าข้าวโกรธผมเรื่องอะไร ข้าวโมโหง่ายพอๆ กับอ่านง่าย ไล่ต้อนนิดหน่อยข้าวก็โพล่งตัวบอกใบ้ออกมามากมาย ทั้งเรื่องที่ผมไม่ได้อยากได้เขาเป็นคนรัก ทั้งเรื่องผู้หญิงของข้าว ทั้งหน้าตา น้ำเสียง ความรู้สึกทุกอย่างของข้าวมันสื่อออกมาหมด



ผมเคยบอกไปอย่างนั้นก็จริง เพราะไม่คิดว่าข้าวจะคิดกับผมลึกซึ้งเช่นนี้ ผมรู้สึกกับข้าวอยู่แล้ว ไม่ได้พิศวาสใครง่ายๆ สักหน่อย ที่ผมนัวเนียกับข้าวก็เป็นคำตอบได้แล้วไม่ใช่หรือ ใช่ว่าผมจะพิศวาสผู้ชายด้วยกันทุกคนนี่



ถึงจะไม่เคยคบใคร แต่ตอนช่วยตัวเองผมก็ดูหนังโป๊ชายหญิงตามปกติ แค่ช่วงหลังๆ เปลี่ยนมาเป็นหน้าข้าว แค่นั้นผมก็รู้ใจตัวเองแล้ว



 แต่เพราะไม่อยากให้ข้าวลำบากใจ รวมถึงเพื่อนข้าวก็นั่งอยู่ข้างๆ ให้ผมโพล่งไปว่าผมชอบเขา อยากอยู่กับเขา อยากเป็นเจ้าของเขามันก็ไม่ได้ ผมคงถูกเพื่อนข้าวกินหัวตาย เพื่อนข้าวเองก็ดูไม่ชอบผมเสียเท่าไหร่ เลยต้องพูดแบบนั้นไปก่อน แต่ก็ไม่คิดว่าข้าวจะเสียใจนี่ ผมไม่คิดว่าข้าวจะชอบผมในเร็วๆ นี้ด้วยซ้ำ



ตั้งใจจะตะล่อมข้าวแบบนี้ไปเรื่อยๆ ก่อน คิดว่าข้าวคงรู้สึกกับผมเข้าสักวัน ถ้าข้าวไม่ชอบ ผมก็จะทำให้ข้าวชอบผมให้ได้อยู่ดี แต่ไม่คิดว่ามันจะเร็วอย่างนี้



ข้าวน่ารัก ใจดี คนชอบข้าวคงเยอะไม่เบา ถึงได้ทำตัวไร้ยางอายตามติดข้าวอยู่อย่างนี้ มอบสิทธิพิเศษให้ตัวเองอย่างถือวิสาสะเพื่อจะได้กันคนอื่นไม่ให้มายุ่งกับข้าว



อย่างที่เคยบอก กว่าจะเจอคนอย่างข้าวไม่ใช่เรื่องง่าย ใช่ว่าผมจะต้องอยากอยู่กับทุกคนแบบข้าวเสียหน่อย คนที่ทำให้ผมนอนหลับได้สนิทและปลุกผมได้มีแค่เขาเท่านั้นแหละ ผมถึงต้องรีบคว้าจับข้าวไว้



แม้จะหงุดหงิดเรื่องเขียนที่มานอนทับที่ของผม หงุดหงิดที่ข้าวไปเที่ยวผู้หญิง ทั้งข้าวที่โดนแต่งแต้มกลิ่นน้ำหอมฉุนจมูกจากคนอื่น สูญเสียกลิ่นอันคุ้นเคยของข้าวไป ไหนจะความรู้สึกที่ไม่ชอบเอาเสียเลยเวลาไม่มีข้าวอยู่ แม้จะไม่ถนัดไล่ตามใครแต่เพราะอยากให้ข้าวเป็นของผม ถึงได้ตามตื๊ออย่างนี้



ผลลัพธ์ก็ออกมาน่าพอใจไม่น้อยนะ



ต้นข้าวที่หน้าแดงอยู่ในอ้อมกอดของผมทำเอาแทบบ้า



อยากกอดให้ข้าวจมหายไปในตัวผมเลย



ผมคลายอ้อมกอดออก จับข้าวหันหน้าเข้าหาตัวเอง ข้าวหน้าแดงเถือกอย่างน่ารัก มุดลงไปในอ้อมกอดผม อยากกัดให้จมเขี้ยว ผมหุบยิ้มไม่ไหว อยากกลับห้องไปเชยชมข้าวใจจะขาด จึงขยับปากเอื้อนเอ่ย



“กลับห้องข้าวกันนะ”



“...ห้องอะไรนะ”



“ห้องข้าวไง”



“ห้องใครนะ”



“ห้องข้าวไง..”



“ไหนว่ารู้ใจกูไง...”



ผมชะงัก นิ่งนึกก่อนเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม



“...ห้องเรา”





ข้าวตอบกลับมาด้วยยิ้มกว้าง







                                                                     
♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦



ยิ้มกว้างๆ : )

ข้าวเป็นคนธรรมดา มีความคิดพื้นฐานเหมือนคนทั่วไปส่วนใหญ่

คิดว่าแต่ละคนคงมีวิธีรับมือด้านความรักแตกต่างกัน

แต่เพราะข้าวต้องมาเจอกับความเพี้ยนๆ ของฉางก็คงจะตามไม่ทันอยู่บ้าง

อาจจะด่วนสรุปง่ายไป ถึงยังไง พอรู้ใจตัวเองแล้ว ดันใจตรงกันกับคนที่ชอบอีก

คงไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธให้มันยืดเยื้อ

ตั้งใจจะสื่อประมาณนี้แหละค่ะ  :heaven


ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ

หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสาม| - 6.10.2017 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 06-10-2017 23:00:52
เฮ้อฉางเอ๊ย เป็นใครก็ระแวงนะ
ดีใจ เขาเข้าใจกันแล้ว
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสาม| - 6.10.2017 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 06-10-2017 23:17:06
สะดุดตรงคุณฉางดูหนังโป๊ ดูด้วยหรอ? 5555 ไม่คิดว่าคุณเขาจะมีมุมนี้  :m13:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสาม| - 6.10.2017 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 07-10-2017 00:01:23
อุปสรรคสถานีต่อไป เพื่อนข้าว...(?)

แหม ห้องเรา พอเข้าใจกันก็เลี่ยนเชียววว 5555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสาม| - 6.10.2017 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 07-10-2017 00:19:30
 :katai2-1: :mc4: :katai2-1:


 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสาม| - 6.10.2017 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-10-2017 01:04:28
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสาม| - 6.10.2017 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 07-10-2017 06:13:24
ดีใจจจ เขาคบกันแล้วววว ฮรื้ออออออ
ฉางไม่ชัดสักอย่าง ข้าวไม่เทก็บุญแล้วเธอ
ส่วนข้าว สู้ๆนะ คงมีเรื่องมึนๆปวดหัวมาอีกเยอะ
ฉาง เธอเป็นคนแบบนี้เหรออออ แค่คบได้ไม่กี่นาที อยากเชยชมเขาเสียแล้ว ไหนจะหนังโป๊อีก55555555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสาม| - 6.10.2017 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: uyong ที่ 07-10-2017 06:28:34
ดีใจเค้าคบกัน :o8: :-[ :impress2:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสาม| - 6.10.2017 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: panpang ที่ 07-10-2017 06:56:52
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสาม| - 6.10.2017 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: TIKA_n ที่ 07-10-2017 07:18:50
แหม่ คิดว่าตอนนี้จะต้องมาเม้นด่าฉางอีกล่ะ ค่อยยังชั่วหน่อย
ถือว่ากู้คะแนนคืนมาได้นะฉางนะ แต่ก็ยังโมโห มาทำน้องข้าวเราเสียใจ ฮึ
เป็นคนรักกันแล้ว ก็พยายามทำความเข้าใจข้าวให้เยอะ ๆ กว่านี้หน่อยเน้อ
ข้าวไม่ได้เข้าใจยากอะไรเลย ออกจะตรงไปตรงมาขนาดนั้น
แต่ความเป็นฉางเนี่ยสิ ทำให้เข้าใจอะไรยากไปหน่อย
อย่าทำให้ข้าวเสียใจโดยไม่รู้ตัวอีก สงสารน้องมากเลย T^T
ขอบคุณคนเขียนค่า  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสาม| - 6.10.2017 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 07-10-2017 10:07:31
กว่าจะลงตัว,,,
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสาม| - 6.10.2017 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: ma-prang ที่ 07-10-2017 10:45:55
ฉางมันร้ายนะ หึๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสาม| - 6.10.2017 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 07-10-2017 10:49:19
โอ๊ยย น่ารักที่สุด

ข้าวใจอ่อนตั้งแต่เจอหน้าแล้ว
ฉางพยายามได้ดี พูดดี ได้แต้ม

กลับห้องเรากันนะ  :mew3:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสาม| - 6.10.2017 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 07-10-2017 11:17:33
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสาม| - 6.10.2017 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 07-10-2017 12:05:27
แต่ข้าวน่ารักจริงๆ กับไปฟัดแรงๆเลยฉาง  :hao7:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสาม| - 6.10.2017 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 07-10-2017 12:34:08
ในที่สุดดด ก็นะฉางอ่ะทำตัวไม่น่าไว้ใจนี่นา ใครเขาจะเชื่อกันน แต่ว่าจะผ่านด่านเพื่อนข้าวไปได้มั้ยเนี่ยย
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสาม| - 6.10.2017 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: flimflam ที่ 07-10-2017 13:13:14
ฮื่ออออ เขินตัวบิด แงงงงง เจ้าฉางบ้า
แล้วเขียนจะทำยังไงต่อไปเนี่ย
ถ้ารู้จะทำยังไง ฮือ กลัวเขียนยิ่งกว่าพ่อแม่ข้าวอีก 5555555555555555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสาม| - 6.10.2017 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 07-10-2017 18:00:09
 :o8: :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสาม| - 6.10.2017 p.7
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 08-10-2017 06:44:54
แล้วก็เสร็จพี่ฉางจนได้ คนอะไรมึนจนได้นางเอก  :impress2:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสี่| - 10.10.2017 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 10-10-2017 00:24:36
14



“กูร้อน”



“...”



“ไอ้ฉาง ถ้ามึงยังพยายามจะกอดกูอยู่ กูจะไล่มึงออกไปจริงๆ แล้วนะ”



คำตอบคือไอ้ฉางขยับตัวออกจากผม ก่อนเอื้อมมือมาลูบหัวผม



“ฉาง!”



“ผมไม่ได้กอดข้าวแล้วสักหน่อย”



“...”



“ข้าวอย่าใจร้ายนักเลย ผมแค่อยากสัมผัสข้าวแค่นั้นเอง”



มันว่า ก่อนทิ้งทุกอย่างให้ตกอยู่ในความเงียบ ฉางค่อยๆ สอดมือตัวเองเข้ามากุมมือผมไว้... เมื่อความร้อนที่ฝ่ามือผมปรากฏ ถอนหายใจ ปล่อยไปแบบนี้ก็แล้วกัน



ผมกลับมาจากร้านนั้นโดยมอเตอร์ไซค์ไอ้ฉาง อยู่ด้วยกันมาตั้งนาน เพิ่งรู้ว่ามันมีมอเตอร์ไซค์ด้วย เอาจริงๆ ผมเจอมันก็แค่ในห้องกับคณะเท่านั้น ไม่เคยเห็นไอ้ฉางระหว่างทาง คงไม่แปลกที่ผมจะไม่รู้ล่ะมั้ง แถมที่จอดรถของหออยู่หลังหอ ต้องวนไปจอด ถึงจะค่อยอ้อมมาเข้าประตูหน้า ผมถึงไม่เห็นว่าไอ้ฉางมีพาหนะ



อันที่จริงผมคิดว่าผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลยด้วยซ้ำ...



กลับถึงห้อง ไอ้แมวควายเอาแต่กอดผมไม่หยุด รัดแน่นไม่ปล่อยจนผมต้องใช้ความพยายามทั้งหมดในชีวิตเพื่อผละออกจากมัน หนีไปอาบน้ำจนได้ พร้อมไล่มันไปอาบน้ำทันทีที่ไอ้ฉางทำท่าจะพุ่งเข้ามากอดผมใหม่



จนกระทั่งมาจบแบบนี้



ผมไม่ชอบนอนเปิดแอร์เท่าไหร่ ถ้ามันไม่ร้อนจนทนไม่ไหวจริงๆ ก็จะนอนตากพัดลมเอา ปกติก็นอนได้ไม่มีปัญหา เสียแต่ตอนนี้ไอ้ฉางมันมาพันแข้งพันขาไม่หยุด...สุดท้าย ก็เลยต้องยอมให้มันนอนจับมือ



ตลกเป็นบ้า



โตเป็นควายขนาดนี้ นอนกับคนใจตรงกันขนาดนี้ ผมกลับเป็นเหมือนไอ้ไก่อ่อนที่เพิ่งริเริ่มมีรัก นอนจับมือ...รู้ถึงไหนอายถึงนั่น แต่ถ้าให้ทำอะไรไปมากกว่านี้...ผมก็อายไม่แพ้กัน



เรื่องราวชีวิตที่ผ่านมาถูกส่งผ่านความคิด ในความมืดผมมองเห็นความคิดตัวเองชัดขึ้น คิดทบทวนตัวเอง คิดวนเรื่องเดิมๆ อยู่เป็นล้านรอบ จนต้องบอกกับหัวใจว่า มันใช่แล้วล่ะ...การที่มีไอ้ฉางอยู่ข้างๆ แล้วผมมีความรู้สึกที่ล้นจนทะลักออกมานี้ คงเป็นอื่นไม่ได้แล้ว



ผมชอบมันจริงๆ



เหมือนก่อนหน้านี้ผมกำลังมองหลุมลึกที่ไอ้ฉางเป็นคนขุด จ้องหลุมพิลึกนั่นอยู่อย่างนั้นทั้งวันทั้งคืน ชั่งใจว่าจะกระโดดลงไปดีไหมทั้งๆ ที่ขาทั้งสองข้างก็ห้อยอยู่ตรงปากหลุม พร้อมกระโจนลงทุกเวลาอยู่แล้ว พอได้ฟังคำพูดไอ้ฉางที่ตอบเขียนไปในวันนั้น ที่มันบอกว่าแค่ถูกใจ ราวกับมีอะไรมาดลใจ เลือกที่จะตกหลุม รับรู้ใจตัวเอง



คำตอบมันชัดมากยิ่งขึ้นตั้งแต่ไม่ได้เจอมันจนถึงตอนที่ผมรอไอ้ฉางในร้านเหล้าทั้งๆ ที่ไม่จำเป็นเลยสักนิด ทว่าในช่วงก่อนหน้าที่จะมาเจอมัน ผมเอาแต่ปัดความคิดว่าไม่ได้ชอบมัน ผมไม่ได้ชอบผู้ชาย ที่รู้สึกกับมันก็แค่อารมณ์ชั่ววูบ ไม่ก็เพราะไอ้ฉางตัวติดผมมากเกินไปทำให้ผมหวั่นไหว คิดไปเองว่าชอบ



แต่ยิ่งไม่เจอมัน ความรู้สึกก็ยิ่งชัด



มีผู้หญิงข้างตัวแท้ๆ แต่กลับคิดถึงใบหน้าของอีกคนอย่างไม่น่าให้อภัย รสจูบของหญิงสาวไม่ทำให้ติดใจเท่าจูบเบาๆ ของฉาง แม้กระทั่งตอนร่วมหลับนอนกับหล่อน ผมก็ยังสลัดมันออกจากหัวไม่พ้น



คำพูดที่มันเอ่ยตอนนั้นทำร้ายผมอย่างเจ็บปวด อย่างที่ไม่เคยคิดมาก่อน



มันน่านัก มาทำให้ผมรู้สึกแบบนี้ได้ยังไง



รู้ตัวอีกที ก็ถอนตัวขึ้นไม่ไหว ยอมตกลงไปในหลุมที่มันขุด หลุมกับดักที่มีชื่อว่าความรู้สึก หลุมที่ไม่มีก้นหลุม ราวกับให้ผมตกหล่นลงไปเรื่อยๆ จมดิ่งกับความรู้สึกนี้ไปเรื่อยๆ



ผมอาจจะออกมาจากหลุมนี้ไม่ได้ แต่ช่วยไม่ได้ ผมเลือกเดินตกลงมาเอง



จบความคิด ผมหลับตาลง ย้ายตัวเองไปสู่โลกในนิทรา



.



XIV



คิดว่าผมยอมหรอ ผมห่างข้าวมาตั้งหลายวัน แค่นอนจับมือมันจะไปเติมเต็มความรู้สึกของผมได้ยังไง



ข้าวหลับไปแล้ว นอนนิ่งจนผมแน่ใจว่าคงไม่ตื่นมาแน่ๆ ผมขยับตัว คลายฝ่ามือที่กุมมือข้าวออกช้าๆ เคลื่อนตัวไปหาเจ้าของห้อง จ้องมองเชยชมข้าวของผมจนพอใจ สองแขนวาดรอบกาย โอบกอดข้าวไว้ให้จมไปในอ้อมแขน ผลัดกันแลกไออุ่น



ขยับอ้อมกอดให้แนบชิดยิ่งขึ้น สูดกลิ่นแป้งหอมจางๆ ของเขาซ้ำแล้วซ้ำอีก



ข้าวอาจจะคิดว่าผมหลับง่าย อันที่จริง ใครๆ ก็คงคิดเช่นนั้น เพียงแต่น้อยคนนักที่รู้ ว่าผมหลับไม่ได้ถ้ามีคนอยู่รอบตัว ทุกที่ที่ผมหลับได้นั้นต้องสำรวจดีแล้วว่าไม่มีใคร แม้ว่าบางครั้งการสำรวจจะใช้เวลาเพียงไม่ถึงนาทีก็ตาม และหลังจากนั้นผมจะสามารถปิดสวิตช์ตัวเองได้รวดเร็วราวกับคอมพิวเตอร์…



แต่ข้าวเป็นข้อยกเว้น



เวลาทำงานที่คณะ ในสตูดิโอมีพวกเพื่อนๆ อยู่เต็มไปหมด ผมอยู่โต้รุ่งทุกทีเพราะนอนไม่ได้ เว้นเสียแต่จะถึงขีดจำกัดจริงๆ อย่างตอนไปงานวันเกิดเติมเต็ม พวกอัลฟ่าถึงได้ตกใจที่รู้ว่าผมนอนร่วมห้องกับเขาได้



ถึงบอกว่าเจอแล้ว...



เจอแล้ว คนที่อยากนอนด้วย



ถ้าข้าวรู้ ต้องคิดว่าผมเป็นโรคจิตแน่ๆ



นอกจากข้าวจะเป็นคนที่ผมสามารถหลับด้วยได้อย่างสบายๆ แล้ว เสียงข้าวยังเป็นเสียงเดียวที่สามารถปลุกผมได้อีก ไม่รู้สาเหตุ แต่มันก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ ที่คนที่ผมสามารถนอนด้วยได้กับคนที่สามารถปลุกผมได้เป็นคนๆ เดียวกัน ถึงได้บอกว่ากว่าจะเจอคนอย่างข้าวได้ไม่ใช่เรื่องง่าย



ผมไม่ได้รักข้าวเพราะเหตุผลนี้หรอก นั่นเป็นส่วนหนึ่งที่ผมอยากอยู่กับข้าว



แต่ที่ผมชอบข้าวเพราะนิสัยของข้าว ความใจดีแบบนี้หายากมากในสังคมแบบนี้ ผมหาเจอแล้วทั้งที จะปล่อยไปได้ยังไงกัน พอนานเข้าก็อยากให้ข้าวใจดีกับผมแค่คนเดียว หวงความใจดีเรี่ยราดของข้าวเสียอย่างนั้น ไม่อยากให้ใครรู้เลยว่าข้าวของผมน่ารักแค่ไหน



ผมซบลงหลังคอของเขา ประทับจูบลงจนเกิดรอยจางๆ อยากกอดข้าวให้จมหายไปในอกเลยจริงๆ



ขยับตัวแนบชิดกับเขายิ่งขึ้น ข้าวบอกว่าร้อน แต่ผมว่าไม่เห็นร้อนตรงไหน อากาศแบบนี้นอนกอดกันกำลังดี ผมไม่ทำอะไรข้าวไปมากกว่านี้หรอก ถึงร่างกายผมจะเรียกร้องอยู่อย่างลับๆ ก็ตาม



แต่ผมขอไปศึกษาเรื่องนี้ให้ดีๆ ก่อนนะ ผมไม่อยากให้ข้าวเจ็บ...



.



“วันนี้เอาไง”



“...ไม่ไป”



ไอ้เขียนส่งสายตาเป็นคำถามให้ผม “ไมวะ”



“ใกล้สอบแล้ว...” ผมอ้าง ข้ออ้างที่ดีที่สุดในตอนนี้ ใกล้สอบอย่างที่ว่าจริง เดือนหน้าก็สอบกลางภาคแล้ว ถึงเวลาเตรียมตัวอ่านหนังสือ ข้ออ้างนี้ไอ้เขียนก็ขัดไม่ได้ แถมไม่มีพิรุธใดๆ ให้จับผิด



เป็นเรื่องปกติที่ทุกคนต้องอ่านหนังสือกันก่อนสอบ ส่วนใหญ่อ่านกันหนึ่งเดือนหรือสามอาทิตย์ก่อนสอบ บ้างก็อาทิตย์สองอาทิตย์ ส่วนพวกเนิร์ดๆ หน่อยก็อ่านทุกวันตั้งแต่เปิดเทอม ผมอยู่ระหว่างพวกเนิร์ดกับคนส่วนใหญ่ ไม่แปลกอะไรที่จะเริ่มอ่านหนังสือเตรียมตัว



เรื่องผู้หญิงที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น ก็ถือว่าเป็นการผ่อนคลายก่อนสอบ



ผมบอกไอ้เขียนไปเมื่อมันยังเซ้าซี้ งงว่าทำไมจู่ๆ ผมถึงกลับมาเที่ยวผู้หญิง และจู่ๆ ก็เลิกกะทันหัน... บอกมันไม่ได้หรอกว่าเหตุผลจริงๆ คืออะไร



ผมกำลังคบกับผู้ชาย



ราวกับเป็นเรื่องตลกร้าย ที่ผ่านมาผมรักชอบผู้หญิงมาตลอด แม้ไม่ได้ป็อปในหมู่สาวๆ เท่าไหร่ แต่ก็ไม่เคยขาดแคลน ช่วงหลังๆ เป็นผมเองที่เหนื่อยหน่ายกับรักฉาบฉวยจึงเลิกพฤติกรรมน่าเบื่อนี่เสีย แต่ก็ไม่คิดว่าจะมาลงเอยกับผู้ชายเช่นนี้



แถมยังเป็นผู้ชายสติไม่สมประกอบอีก



ผมชอบมันเข้าไปได้ไงวะ



คำถามที่ติดอยู่ในใจตลอดเวลา แต่เมื่อใจมันไปแล้ว ผมก็แย้งอะไรไม่ได้ ช่วยไม่ได้นี่ พอมีมันอยู่ใกล้ๆ แล้วสบายใจอย่างประหลาด ทั้งที่มันไม่เคยทำอะไรเลยด้วยซ้ำ ไม่หือไม่อือ ไม่วอแววุ่นวาย จะมีก็แต่โผล่มาแบบไม่เป็นเวลากับช่วงหลังๆ ที่เริ่มคุกคาม...



รู้ตัวอีกทีก็เคยชินกับการมีแปรงสีฟันสองอันวางข้างอ่างล้างหน้า เคยชินกับสมุดเล่มใหญ่แปลกตาวางเกะกะตามห้อง ชินเสื้อผ้าสีเรียบที่ยัดไว้ข้างตู้ พอๆ กับชินกับการเลี้ยงแมวส้มที่มาบ้างไม่มาบ้าง เคยชินกับการมีมันอยู่รอบๆ ตัวอย่างไม่น่าเชื่อ



แค่ชิน ไม่ได้เรียกว่าหลงรักเสียหน่อย ใช่ว่าไม่เคยคิดอย่างนี้ แต่พอมันหายไปก็เหลือบมองประตูห้องกับจับโทรศัพท์บ่อยๆ อย่างรู้ตัว พอมันมาก็เผลอเหลือบไปมองมันบ่อยๆ จนลองห่างจากมัน ผลลัพธ์ก็ปรากฏ ผมคิดถึงมัน



ได้เป็นคำตอบแล้ว



ผมอมยิ้มให้ตัวเอง ส่ายหน้าน้อยๆ ให้กับความไม่น่าจะเกิดขึ้น ยังจำช่วงที่พยายามไล่เฉดหัวมันออกจากห้องได้อยู่เลย นานเข้ากลายเป็นปล่อยมันตามสบายเสียอย่างนั้น



ผมเลิกเรียนก็ขอตัวกลับหอ ไม่ไปเร่ร่อนเที่ยวที่ไหนกับไอ้เขียนอีก ซี้สนิทก็ไม่ได้ว่าอะไร เห็นว่าเป็นปกติของผมเลยไม่ได้ทักท้วง ผมเดินกลับหอพลางฮัมเพลง ขากลับเจอร้านไก่ทอดเปิดขายอยู่หน้าซอย ผมลังเลก่อนซื้อปริมาณสำหรับสองคน ส่งข้อความบอกไอ้ฉาง



‘กูซื้อข้าวเย็นมาให้แล้ว’



เพื่อที่จะได้ให้มันกลับมากินข้าวด้วยกัน แต่ที่ผมลืมไป ตารางชีวิตไอ้ฉางไม่เหมือนชาวบ้าน ใช่ว่าเวลาทานข้าวเย็นของมันจะตรงกับคนปกติ ผมลืมคิดถึงข้อนี้...ในตอนนั้น ก็แค่อารมณ์ชั่ววูบ ความรู้สึกที่มีเหมือนกับที่ทำกับแฟนคนก่อนๆ คืออยากดูแล ใครจะไปรู้ว่ามันกลับมาอีกทีก็เกือบเที่ยงคืน



“...”



“ข้าว...ผมขอโทษนะ...ทำงานกลุ่มอ่ะ”



“...เออ”



กัดฟันตอบ รู้ทั้งรู้ว่ามันก็เป็นอย่างนี้ ผลุบโผล่ไม่เป็นเวลา เสียแต่เผลอตัวไปหน่อย ปฏิบัติกับมันเยี่ยงคนธรรมดาคงไม่ได้ ผมไม่ได้โกรธ มันเป็นของมันอย่างนี้อยู่แล้ว แค่หงุดหงิดตัวเองที่ลืมคิดไป



“ข้าว...”



“รู้แล้ว”



ผมบอก ไล่มันไปอาบน้ำเข้านอน ไอ้ฉางส่ายหน้า ขอทำงานก่อน ครั้งนี้เป็นงานเดี่ยว ว่าพลางเปิดแล็ปท็อปคู่ใจของมันขึ้นมา จมอยู่ในโปรแกรมที่ผมไม่คุ้นชิน



ข้าวเย็นสำหรับสองคนผมกินหมดไปตั้งแต่สองทุ่มแล้ว ผมไม่มีตู้เย็น จะทิ้งก็เสียดาย เลยแดกแม่ง



ผมอ่านหนังสืออีกสักพักก่อนได้เวลาเข้านอน เหลือบมองเห็นไอ้ฉางนั่งพิงผนังห้องคลิกเมาส์ทำงานอยู่หน้าจอ ผมมองมันแค่แวบเดียวก่อนปีนขึ้นเตียง ไอ้ฉาง...วันแรกก็เล่นกูซะแล้ว



ผมมั่นใจว่าผมชอบมันนะ แต่เริ่มไม่ค่อยมั่นใจว่ามันชอบผมจริงๆ แล้ว



“ข้าวจะนอนแล้วหรือ”



“อืม” ครางตอบ คุมโทนเสียงให้เป็นปกติ ไม่อยากดูเป็นผู้ชายขี้น้อยใจ ทำตัวน่าเบื่อตั้งแต่วันแรกที่คบกัน



พลันเตียงข้างๆ ก็ยุบตัวลง บ่งบอกว่าอีกคนกำลังคืบคลานเข้ามา ผมพลิกตัวหันไปสบตากับไอ้ฉางอย่างจัง ใบหน้าห่างกันไม่กี่คืบ ตกใจจนพูดไม่ออก



ฉางผงะเล็กน้อยก่อนขยับตัวมาหาผมช้าๆ ซุกหน้ามันเข้ากับไหล่ของผม ร้องงึมงำ



“ขอโทษนะข้าว...”



“กูรู้แล้ว ไม่ได้โกรธ”



“แต่ผมเสียใจอ่ะ”



“ก็ช่วยไม่ได้นี่ เสร็จงานเมื่อไหร่ก็ค่อยไปกินด้วยกันก็ได้”



“ผมไม่เคยได้กินข้าวเย็นพร้อมข้าวเลย...”



“...ต้องมีสักวันแหละ”



“กินข้าวแทนได้มั้ย”



“กินตีนกูแทนมั้ย”



“...”



“ไม่ไปทำงานล่ะ”



“เดี๋ยวก่อน กอดข้าวก่อน...”



“แล้วมากอดอะไรตอนกูจะหลับ ถอยเลย หนัก”



“ผมไม่อยากกวนข้าวตอนอ่านหนังสือนี่... ขอเวลาแปบเดียวนะข้าว”



มันว่า ขยับตัวมาก่ายตัวทับผมก่อนซุกหน้ามันเข้ากับซอกคอ พอมันมาพูดใกล้ๆ หูอย่างนี้แล้วจั๊กจี้ชะมัด ไม่เคยรู้ว่าที่มันนั่งนิ่งๆ หลบอยู่ซอกหลืบของห้องเพราะไม่อยากกวนผม แต่เพราะผมเลิกอ่านแล้วไอ้ฉางถึงกล้าเข้ามานัวเนียใส่ ไม่คิดว่ามันจะคิดเยอะขนาดนี้... ผมปล่อยให้มันกอด ดิ้นเล็กน้อย เป็นเชิงบอกว่าไม่สบายตัว แต่ไม่ได้ดิ้นแรง...ก็ไม่ได้อยากให้มันปล่อยนักหรอก



แบบนี้ก็สบายดี เหมือนมีแมวตัวโตๆ มานอนทับ



“ข้าว...”



“อะไร”



“ไม่ร้อนแล้วเหรอ”



“...”





                                                                         
♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦


ให้ค่อยๆ เรียนรู้กันไปนะ

เจอกันหลังวันที่16 ค่ะ  :katai4:



หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสี่| - 10.10.2017 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 10-10-2017 00:45:44
 :man1:

 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสี่| - 10.10.2017 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 10-10-2017 00:50:06
 :L2: :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสี่| - 10.10.2017 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 10-10-2017 01:37:07
เขิน
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสี่| - 10.10.2017 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 10-10-2017 06:04:18
โง้ยยยยบละมุน ฉางเอ้ย แกนี่มัน คิดว่าจะเกรงใจข้าวเลบปล่อย อ้อ เปล่า ขอไปศึกษาดีๆก่อน ร้ายจริงๆ55555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสี่| - 10.10.2017 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 10-10-2017 06:26:18
พี่ฉางคนดีค่ะ ไปศึกษาก่อนเนอะ 55555

ข้าวอ้อนๆฉบับข้าวน่ารักน้าาา
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสี่| - 10.10.2017 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 10-10-2017 07:52:03
ฉาง  :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสี่| - 10.10.2017 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-10-2017 08:23:23
 :z3: :z3: :z3:  จิส์......ฉาง นายทำเอาข้าวเสียศูนย์ไปเลย
แล้วยังไม่พูด ไม่บอกอะไรข้าว
เอาแต่ใช้ภาษากายอย่างเดียว  :L1: :L1: :L1:

ฉาง  ร้ายยยยนะเนี่ย
กอดข้าว หยอกข้าว พอข้าวไมัขัดขืน
มีถามซะอีก ข้าวไม่ร้อนแล้วหรือ
เหอะๆ.....เดี๋ยวจะโดนข้าวถีบมิใช่น้อย
ข้าว อุตส่าห์ทำใจร่มๆ ทั้งๆที่ชอบฉาง
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสี่| - 10.10.2017 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: __puppy ที่ 10-10-2017 15:21:42
“ไม่ร้อนแล้วเหรอ”

 :mew4: :mew4: :mew4: :mew4:

ฉางอ่ะ กวน555555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสี่| - 10.10.2017 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: flimflam ที่ 10-10-2017 17:14:06
วรั้ยยยย ไม่ร้อนหยอออออ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสี่| - 10.10.2017 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 10-10-2017 18:26:58
คุณฉางเริ่มจะร้ายกาจขึ้นทุกวันๆ :o8:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสี่| - 10.10.2017 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 10-10-2017 19:12:18
ฉ่างงงงงงง  :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสี่| - 10.10.2017 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: Peung002 ที่ 10-10-2017 22:21:48
พี่ฉางเป็นพระเอกที่ซึนได้น่ารักมากอะค่ะ  :hao3:
แต่บางเวลา เราว่าเหมือนเสือห่มหนังแกะนะ 555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสี่| - 10.10.2017 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 10-10-2017 22:43:19
เอ็นดูฉาง น้องหมาตัวโตๆ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสี่| - 10.10.2017 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-10-2017 22:54:10
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสี่| - 10.10.2017 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 10-10-2017 23:03:13
ฉาง ทำดีค่ะ กอดไปวันละนิดๆ มอนิ่งคีสวันละหน่อยๆ
เขิน
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสี่| - 10.10.2017 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 10-10-2017 23:27:40
ฉางขี้อ้อนมาก,,,
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสี่| - 10.10.2017 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 11-10-2017 12:18:45
น่าร๊ากกกกก
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสี่| - 10.10.2017 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 11-10-2017 16:05:42
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบสี่| - 10.10.2017 p.8
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 11-10-2017 20:15:49
จะบอกว่าฉางอ้อนคงไม่ใช่ เรียกคุกคามแบบที่ข้าวบอกล่ะกัน  :hao7:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบห้า| - 18.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 18-10-2017 23:00:43
15



เสียงปากกาขูดกับกระดาษดังมาไม่ขาดสาย ขยับมือจดโน้ตสั้นๆ จากหนังสือเล่มโต ผมนั่งอ่านหนังสือกับแก๊งเด็กเนิร์ดและพวกในเซคเดียวกันอีกนิดหน่อย ต่างคนต่างอ่าน ไม่เข้าใจก็ค่อยเงยหน้ามาถามกัน ห้องสมุดกลางเงียบเป็นเป่าสาก แม้จะมีคนเดินไปมาอยู่ตลอด แต่ทุกคนล้วนเก็บความเงียบไว้กับตัวได้เป็นอย่างดี



ผมเงยหน้ามามองนาฬิกา จะสามทุ่ม...



พลันมือถือในกระเป๋ากางเกงก็สั่น ภาพหน้าจอปรากฏเป็นไลน์ไอ้ฉางเด้งขึ้นมา



‘ข้าวไหน’



เบื่อที่ต้องมานั่งทำความเข้าใจข้อความมันอยู่เหมือนกัน แต่เอาเถอะ นี่ก็เป็นความชินอย่างหนึ่งไปแล้วเหมือนกัน



ผมพิมพ์ตอบมันไปว่าอยู่หอสมุดกลาง



‘มาคณะผม’



‘ไหม’



ไปทำไมล่ะวะ



‘มานะ’



เพื่อ? เดี๋ยวกูก็กลับหอแล้วมั้ย



‘อยากเจอ’



...ผมนิ่งไปสักพักก่อนพิมพ์ตอบไปว่าไม่มีรถ ขี้เกียจเดิน



‘เดี๋ยวไปรับ’



‘ไม่นาน’



เชื่อเขาเลย…ผมอมยิ้ม ถอนหายใจ พิมพ์ตอบกลับมันไป



เออ จะทำอะไรก็ทำเถอะ



“เดี๋ยวกูกลับละ”



“อ้าว กลับยังไงอ่ะ” ไอ้แว่นถาม เมื่อรู้ว่าระยะทางจากห้องสมุดกลางไปหอผมไม่ได้ใกล้มากเหมือนกับคณะ



“เพื่อนมารับ”



เอ่ยได้ไม่ติดขัด ไอ้เขียนไม่อยู่ที่นี่ให้อึดอัดใจ มันเป็นประเภทอ่านก่อนสอบไม่กี่อาทิตย์ แต่ไอ้เขียนมันเอาตัวรอดได้ แม้คะแนนไม่ได้ดีมากมายแต่ก็ไม่เคยต่ำกว่ามีน จริงๆ มันหัวดีจะตาย แต่ดูไม่ค่อยอยากมาเอาดีด้านนี้เท่าไหร่



ผมเก็บของเสร็จก็รอจนฉางมาถึง ไม่นานไอ้ฉางก็มารอหน้าหอสมุดกลาง มองยานพาหนะที่ไอ้ฉางเอามารับ... มอเตอร์ไซค์ของมัน เป็นครั้งที่สองแล้วที่ได้นั่ง ครั้งแรกคือวันที่มันมาตามผมที่ร้านเหล้า รู้สึกไม่ค่อยชินเท่าไหร่ แต่ก็ยอมขึ้นรถไปกับมัน



จนเดินทางมาถึงคณะสถาปัตย์ฯที่เงียบราวกับคณะร้าง คิดว่ายังไงก็คงต้องกลับหอกับมันเลยยอมมาคณะมันด้วย อีกใจก็อยากเจอตามที่มันว่า แต่เพราะเรื่องใกล้สอบที่ติดอยู่ในหัวผมตลอดทำให้กลัวว่ามันจะกลับดึก แล้วผมจะไม่ได้อ่านหนังสือเอา



“มึงอยู่นานป่ะ กูอยากกลับไปอ่านหนังสือ”



“ไม่นานหรอก แค่เอามาให้พวกนั้นเชื่อ”



“...อะไร?”



“ไม่มีใครยอมเชื่อว่าข้าวคบกับผมอ่ะ”



“...” ผมเงียบ เบิกตาโตแทนคำตอบเมื่อรู้จุดประสงค์ที่แท้จริง ไอ้บ้า มันเอาผมมาอวดเพื่อนมันเนี่ยนะ ไม่เอา กูจะกลับแล้ว



“ข้าว” ฉางเรียกผมเมื่อผมยืนนิ่งไม่ขยับไปไหนอยู่กลางทางเดิน ไม่ไปแล้ว กูอายเป็นนะ ผมส่ายหน้าให้มัน แทนคำพูดว่าไม่ไปไหนแล้ว



ฉางไม่รอให้ผมหนี มันคว้าข้อมือผม ออกแรงดึงจนเข้าไปในห้องๆ หนึ่ง ที่มีคนเต็มไปหมด... ไอ้เหี้ย พวกนั้นที่มึงว่าคือทั้งรุ่นเลยหรือไง



ไอ้ฉางไม่สนใจสายตาหลายคู่ที่จ้องมองคนไม่คุ้นตาอย่างผม ผมเดินเกร็ง เสียงคุยจ๊อกแจ๊กดังมาเป็นแบล็กกราวน์ เกิดมาไม่เคยมีใครจ้องเยอะขนาดนี้ อยากมุดดินหนี...



จนมาถึงมุมหนึ่งของห้อง เจอพวกที่คุ้นหน้าอย่างอัลฟ่า ฟิวเจอร์ และเพียวนั่งกองรวมกัน คงเป็นมุมห้องที่โชคดีที่สุดที่มีคนพวกนี้นั่งประดับอยู่ ยืนคิดพร้อมทำท่าเก้ๆ กังๆ ใส่พวกนั้น สองคนที่ตอนนี้เบิกตาโตใส่ผม แน่นอน ฟิวเจอร์ไม่ได้ทำ แค่เหลียวมามองก่อนก้มหน้าก้มตาทำอะไรต่อในคอมฯ



แต่อีกสองคน...เพียวทำหน้าตกใจมาก ส่วนอัลฟ่า ทำหน้าตกใจกว่า



“อ...อะไร” ผมเอ่ยตะกุกตะกักเมื่อพวกนั้นเอาแต่จ้อง ไม่พูดไม่จา



“สรุปเรื่องจริงดิฉาง เอาจริงป่ะเนี่ย จริงจังจริงดิ”



“ไม่เชื่อตรงไหนล่ะ”



“ข้าว..ข้าวโดนฉางบังคับมาใช่ป่ะ แบบ มันหลอกอะไรข้าวถึงยอมมาอ่ะ”



“เอ่อ..”



“ผมบอกว่าจะไปรับเขาก็มา อัลฟ่า หยุดสงสัยเสียที” ไอ้ฉางตอบแทนผม



“สรุปว่า...ข้าว คบกับฉางจริงดิ” ไอ้ฟ่าไม่สนใจไอ้ฉาง หันมาพูดกับผมต่อ ทำหน้าตาคาดคั้นต้องการคำตอบอย่างเปิดเผย ในขณะเดียวกัน เพียวก็จ้องผมไม่วางตา...



“ผมชอบข้าว ข้าวก็ชอบผม คบกันจะแปลกตรงไหน”



“คือ..” จบคำพูดไอ้ฉาง ผมพูดไม่ออก ทำไมมันพูดออกมาได้อย่างหน้าไม่อายขนาดนี้นะ ผมที่ติดจะเขินๆ แต่ไม่คิดจะปิดบัง อย่างไรเสียพวกอัลฟ่าก็ดูไม่ได้รังเกียจเรื่องพวกนี้ 



“ก็ตามนั้นแหละ....”



ถึงจะอายแต่...ไม่มีอะไรให้ต้องปฏิเสธนี่



“”£$%^&!!” อัลฟ่าร้องไม่เป็นภาษา ผมสะดุ้ง ส่วนเพียวเพียงแค่ทำหน้าอึ้งๆ ก่อนหลบตาผม ส่งสายตาวอกแวกเหลือบซ้ายเหลือบขวาแทน



ทำไม มันทำไมวะ!



“งั้นผมกลับละนะ ต้องอยู่กับข้าว”



“...”



“จำไว้เลยนะฉาง!”



เงียบแรกเป็นของเพียวกับฟิวเจอร์ ส่วนเสียงดังตามมาคือของอัลฟ่า ผมไม่รู้มันหมายความว่าไง



“เจอกัน” ไอ้ฉางว่า ยกยิ้มมุมปากก่อนเก็บของตัวเอง หิ้วกระเป๋าพร้อมกับลากผมให้ออกจากห้องนั้นที่รู้ทีหลังว่ามันคือห้องสตูดิโอ



“พวกนั้นไม่ยอมเชื่อว่าผมต้องรีบกลับ เพราะผมคบกับข้าวแล้ว”



“...”



“ครั้งนี้เลยบอกว่าถ้าข้าวยอมมาหาที่สตูดิโอ พวกนั้นจะยอมให้ผมกลับ”



“เอ่อ...”



“ขอโทษที่จู่ๆ ก็ลากข้าวออกมานะ ผมอยากเจอข้าวแล้วนี่นา...ถ้าไม่ยอมเล่นอย่างนี้ คืนนี้ผมคงไม่ได้กลับไปนอนกับข้าว”



“คือ..” ผมพูดไม่ออก ไม่คิดว่าการที่คบกับมันจะทำให้ผมเขินจนเป็นใบ้ได้ขนาดนี้



“ก็ไม่เป็นปัญหาอะไรหรอก...ว่าแต่มึงไม่อายหรือไง”



“อายอะไร”



“ก็เรื่อง...ที่บอกเรื่องของกูหน้าเพื่อนๆ”



“มันเป็นเรื่องหน้าอายตรงไหนเหรอ...?”



“...”



ผมเงียบแทนคำตอบอีกครั้ง สะอึกไปกับคำพูดของมัน ปกติแล้วพูดเรื่องนี้ใครๆ เขาก็อายกันไม่ใช่หรือไง



“ข้าวกินข้าวรึยัง” เมื่อเดินมาถึงลานจอดรถ ไอ้ฉางถามขึ้นมากลางความเงียบ ตัดความคิดก่อนหน้า ผมตอบกลับมันไป



“...กินแล้ว”



“...”



XV



“ไม่ต้องมาทำเป็นงอนเลย สามทุ่มจะสี่ทุ่มแล้วใครมันจะยังไม่กินข้าววะ”



“ผมไง”



“คนปกติเขาไม่เป็นเหมือนมึงไง”



“...ผมอุตสาห์เลิกเร็ว จะได้มากินข้าวพร้อมข้าว”



“มึงจะฝังใจไปทำไมเนี่ยเรื่องนี้”



“ก็มัน...”



ผมครางเสียงหงอยระหว่างนั่งอยู่กลางร้านบะหมี่ ที่มีผมคนเดียวที่กิน เสียใจ...ไม่ได้กินข้าวเย็นกับข้าวอีกแล้ว... อุตสาห์ได้เลิกก่อนเวลาทั้งที



“ไม่ต้องมาหงอยหน่า ยังมีเวลาอีกตั้งเยอะ”



ผมนั่งเงียบ เคี้ยวเส้นบะหมี่ในปากไป



“แล้วก็กินผักด้วย...”



“...”



“มึงอย่าเลือกกิน”



“ข้าวชอบก็กินสิ” ผมเขี่ยวัตถุสีเขียวในชาม ความผิดผมเองแหละที่ลืมสั่งไม่ผัก... ข้าวถอนหายใจ คว้าช้อนตักน้ำซุปในถ้วยผมไปตักก้านผักมาหนึ่งคำ



“ฉาง อ้าปาก”



“ไม่” ผมตอบแบบแทบไม่คิดพร้อมเบิกตา นึกว่าเขาจะกินเอง ไม่คิดว่าจะเล่นอย่างนี้



“อ้าปาก”



“ข้าวก็กินเองสิ”



“อ้าปาก”



“ข้าว...”



“อ้าปาก”



“ผมไม่...”



“อ้า”



งั่ม



ข้าวชนะ...



เพราะเป็นข้าวหรอกนะ ถึงยอม



ให้รางวัลผมด้วยล่ะ



ผมมองหน้าเขาอย่างคาดโทษ เคี้ยวผักเขียวรสชาติขมในปาก ไม่อร่อยเลยสักนิด ข้าวตักผักมาอีกคำ ยื่นจ่อรอ ผมส่ายหน้าดิกๆ ไม่เอาแล้ว คำเดียวก็มากเกินพอแล้ว



“ฮะๆๆ”



คนน่ารักหัวเราะขึ้นเมื่อผมส่ายหน้าอย่างเอาตาย ฝืนกลืนซากผักในปากก่อนซดน้ำตามอย่างไว



“ข้าว ไม่ตลกเสียหน่อย”



“ฮะๆ มึงตลก”



ผมไม่ใช่คนตลก แต่ถ้าข้าวหัวเราะแบบนี้ จะยอมเป็นตัวตลกให้ข้าวก็ได้



บะหมี่ในถ้วยถูกฟาดหมดยกเว้นผักที่ทิ้งไว้ขอบชาม ผมลุกไปจ่ายเงินก่อนพาข้าวขึ้นมอเตอร์ไซค์กลับหอ พอมีข้าวมาซ้อนท้ายแล้วรู้สึกแปลกๆ ไม่ใช่ในแง่ลบ แค่รู้สึกเหมือนขับมอเตอร์ไซค์แล้วจะบินได้



มาถึงห้อง ข้าวพุ่งไปอาบน้ำทันที ส่วนผมก็เปิดคอมทำงานตามเรื่องราว เพราะพรุ่งนี้ไม่มีเรียนช่วงเช้า พวกนั้นเลยกะทำงานกลุ่มโต้รุ่ง เสียแต่ผมแอบดอดออกมาได้ด้วยความช่วยเหลือจากข้าว ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทิ้งให้เพื่อนทำงานกลุ่มกันเอง ผมรับผิดชอบส่วนที่ต้องทำในคอมอยู่แล้วเลยไม่มีปัญหา ทำที่ไหนก็ได้ แต่ถ้าทำด้วยกันมันจะสะดวกกว่า



แต่ไม่เอาอ่ะ ผมอยากอยู่กับข้าว



ผมเร่งปั่นงานในส่วนของตัวเองให้ไวที่สุด ข้าวอาบน้ำเสร็จแล้วก็มาสถิตอยู่ที่โต๊ะอ่านหนังสืออย่างเคย ผมทำงานไปมองข้าวไป กระชุ่มกระชวยขึ้นมาก มีแรงทำงานได้ทั้งคืนเลย ทว่าพอถึงเวลาที่ข้าวต้องเข้านอนผมก็เข้านอนไปพร้อมเขาด้วย ไม่อยากเปิดไฟไว้ เดี๋ยวข้าวนอนไม่สบายหรอก



เพราะฉะนั้นเรื่องงานก็ให้มันเป็นเรื่องของวันพรุ่งนี้



ตอนนี้ผมขอนอนกอดข้าวให้สมใจ



ลอบจูบสักนิดเป็นรางวัลให้ตัวเอง





.



สองวันแล้ว ไอ้ฉางหายหัว บอกปั่นงานที่คณะ คราวนี้เพื่อนไม่ยอมให้มันใช้ผมเป็นข้ออ้างกลับก่อนแล้ว ถึงอย่างนั้นผมเองก็ยุ่งกับการอ่านหนังสือสอบเหมือนกัน พอมีเรื่องให้คิดก็เลยทำเป็นละเว้นเรื่องของไอ้ฉางไว้ได้บ้าง



แต่เมื่ออยู่ในห้อง ก็ยังมิวายแอบเหลือบไปยังมุมห้องประจำที่มันชอบไปนั่งบ่อยๆ...



ช่วยไม่ได้นี่ มันชิน



ผมอ่านหนังสือที่ห้องสมุดกลางกับพวกแว่นจนสามทุ่มก็กลับ ให้ไอ้ภัคมาส่ง ชีวิตประจำวันดำเนินไปอย่างน่าเบื่อเล็กน้อย จะว่าไงดี เหมือนขาดสีสัน



ผมกับไอ้ฉางไม่ค่อยได้ติดต่อกันผ่านโทรศัพท์เท่าไหร่ ไม่ว่าจะข้อความหรือโทรคุย ค่อนข้างแตกต่างจากคนที่ผมเคยคบมา แต่ก็เข้าใจ เพราะไอ้ฉางมันไม่ปกติ ผมเองก็ไม่อยากไปฝืนธรรมชาติมัน จึงไม่ได้โทรหา อีกทั้งไม่ใช่คนอ่อนหวานอะไร ให้ส่งข้อความไปเงี้ยวง้าวด้วยเนี่ย ไม่ไหวหรอก



เพราะฉะนั้นสองวันที่ผ่านมาระหว่างผมกับมันจึงมีแต่ความเงียบ



ไม่มีใครได้ติดต่อใคร แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นปัญหาอะไร...รึเปล่านะ ผมเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองต้องรู้สึกยังไงเหมือนกัน สุดท้ายแล้วผมก็ไม่รู้อยู่ดีว่าการคบกับผู้ชายนั้นต้องทำตัวแบบไหน



ถึงจะเคยชวนไอ้ฉางมาอ่านหนังสือสอบด้วยกันแล้ว ทว่ามันบอกไม่อ่าน ไม่ว่างอ่าน ต้องปั่นงาน สงสัยว่าแล้วไม่สอบหรือไง คำตอบของมันคือ



“คณะผมนิยมพึ่งปรากฏการณ์ one night miracle”



สรุปก็คือมันไม่อ่าน ถ้าไม่ใกล้วันสอบแบบอีกสองสามวันสอบ มันก็จะไม่อ่าน ผมไม่รู้ว่าคณะมันทำไมถึงไม่แคร์เรื่องพวกนี้ได้ขนาดนี้ ถึงต้องส่งงานเป็นหลัก แต่สอบเองก็สำคัญมิใช่หรือไง...สงสัยไปอย่างนั้นแหละ ผมไม่มีโอกาสได้ถามมันอยู่ดี



ผมปล่อยมันไป ไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวอีก จนตอนนี้ก็ผ่านมาสองวันได้แล้ว ไม่ได้ขี้เหงา คิดว่าอยู่คนเดียวได้ไม่เคยเป็นปัญหา แต่พอมีมันเข้ามาในชีวิตแล้ว ช่วงที่ไม่มีมันกลับดูเป็นเรื่องประหลาด ห้องดูว่างเปล่าอย่างบอกไม่ถูก



ผมปล่อยเหม่อ นั่งอ่านหนังสือในห้องตัวเองไปแบบลอยๆ หกโมงกว่าแล้ว คิดว่าอีกสักพักคงลงไปหาอะไรกิน เสียแต่โทรศัพท์มือถือข้างกายดันสั่นครืด แจ้งเตือนข้อความเข้าเสียก่อน ผมหันไปมองชื่อคนส่ง เมื่อเห็นใจพลันเต้นผิดจังหวะ



เมื่อคนที่ส่งข้อความมาเป็นคนที่ผมไม่เจอเลยตลอดสองวัน



‘ไหนข้าว’



ผมอมยิ้ม พิมพ์ตอบกลับไป



ห้อง



‘กินข้าวไปยัง’



ยัง กำลังจะ



คิดว่าตัวเองเริ่มติดนิสัยการพิมพ์ห้วนๆ ไม่รู้เรื่องแบบไอ้ฉางไปเสียแล้ว



‘อย่าเพิ่งกิน’



...ผมนึกสงสัยว่าทำไม แต่ไม่ได้ตอบกลับ คิดว่ามันคงคร้านจะอธิบายจึงวางมือถือลง ไม่มีข้อความอะไรส่งมาอีกเช่นกันจึงตัดสินใจนั่งรอในห้อง ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ประตูห้องก็เปิดออก หัวใจกระดอนไปวูบหนึ่งเมื่อรู้ว่าคนที่มาคือใคร



“ข้าว...ผมทำข้าวเย็นมาให้”



ไอ้ฉางโผล่มาพร้อมคำพูด ก่อนจะปรากฏตัวเข้ามาในห้อง ใช้เท้าเขี่ยประตูห้องให้ปิดลง ในมือมันถือกล่องทัพเพอร์แวร์ขนาดใหญ่สองกล่อง ผมมองไม่เห็นของข้างในเลยเอ่ยถาม



“อะไรล่ะ”



“มักกะโรนีชีส”



“...จำได้ว่าครั้งก่อนกูบอกอยากกินต้มข่า”



“มันไม่มีเครื่องอ่ะ ผมขี้เกียจซื้อ เลยเอาวัตถุดิบเท่าที่มีในบ้านก่อน ข้าวกินได้มั้ย”



ผมยิ้มมุมปากให้เป็นคำตอบ



ไอ้ฉางฉีกยิ้มตอบ ก่อนรีบกุลีกุจอมานั่งจัดโต๊ะทานข้าวให้ เอาจริงๆ มันก็แค่เอาโต๊ะพับมากาง เทอาหารจากกล่องใส่จาน เตรียมช้อนส้อมให้เท่านั้น แต่ช่างเป็นภาพที่เห็นแล้วทำให้ใจมันฟูขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก



กลิ่นหอมจากชีสและเส้นมักกะโรนีลอยฟุ้งออกมา เหมือนว่าเพิ่งทำเสร็จ ไม่รู้ว่ามันรีบบึ่งมาแค่ไหน แต่นั่นก็ทำให้ผมมีความสุขไม่น้อย



ผมขยับตัว ลุกออกจากโต๊ะอ่านหนังสือ ลงมานั่งทานข้าวกับมันที่ทำหน้าทำตายิ้มร่าจนน่าหมั่นไส้



จับช้อนขึ้นมาตักเส้นมักกะโรนีเข้าปาก ไอ้ฉางจ้องตั้งแต่ผมลงมานั่งจนถึงขั้นเคี้ยวอาหารที่มันทำอย่างใจจดใจจ่อ ตั้งใจมองเสียจนอดเกร็งไม่ได้



“อร่อยนี่”



ผมว่าเมื่อกลืนคำแรกลงคอ ปฏิกิริยาของพ่อครัวคือฉีกยิ้มกว้างเหมือนเด็กน้อยได้รับคำชม ไร้เดียงสาและบริสุทธิ์จนหัวใจเต้นผิดจังหวะไปอีกครั้ง ไม่คิดว่ามันจะทำหน้าอย่างนี้ได้ด้วย ไม่คิดด้วยว่ากะอีแค่คำพูดเพียงคำเดียวของผมจะทำให้มันเป็นได้ขนาดนี้



ไอ้ฉางไม่ได้พูดอะไร ตักมักกะโรนีของตัวเองเข้าปากบ้าง มันลอบอมยิ้ม ก่อนเอ่ย



“ทีนี้ก็ได้กินข้าวเย็นกับข้าวแล้ว”



ยังฝังใจเรื่องนี้อยู่อีก



“ยังไม่เลิกคิดเรื่องนี้อีก”



“อืม...ถ้าเป็นเรื่องข้าวก็คิดอยู่ตลอดนั่นแหละ”



“...”



ผมก้มหน้าก้มตาตักอาหารตรงหน้า ซ่อนหน้าตัวเองไว้ไม่ยอมตอบกลับ รู้สึกเหมือนโดนจีบแบบนี้ไม่ชินเท่าไหร่ ปกติต้องเป็นผมสิที่ต้องเอาใจคนที่คบกัน เป็นหน้าที่ตัวเองเสมอที่ต้องหยอดคำหวาน



ผมเหลือบมองไอ้ฉางที่ก้มหน้ากินต่อไม่ได้สนใจประโยคของตัวเองเมื่อครู่พลางคิดว่านั่นน่าจะเป็นคำพูดจากความคิดไอ้ฉางจริงๆ มากกว่า มันคงไม่ได้คิดว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องทำอย่างที่ผมคิด





ข้าวเย็นวันนี้รสชาติหวานเป็นพิเศษ





                                                                 
♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦



หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบห้า| - 18.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: jittrawa ที่ 18-10-2017 23:14:03
ดีจัง กินข้าวด้วยกัน มันเรียบๆ แต่ก็อุ่นๆ อึนๆ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบห้า| - 18.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 18-10-2017 23:16:33
สงสัยเป็นเบาหวานแน่ๆ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบห้า| - 18.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 18-10-2017 23:24:51
หวานกันจัง อิจฉาาาา
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบห้า| - 18.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 18-10-2017 23:43:14
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบห้า| - 18.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 19-10-2017 03:37:50
โอ้ยยยย เขินไปอีก ความละมุนนี้
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบห้า| - 18.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-10-2017 06:14:17
ดีจัง ฉาง ข้าว คบกัน
ให้สงสัยที่ว่าเพื่อนๆไม่เชื่อ เพราะอะไรกัน

กับสงสัยท่าทีของอัลฟ่า กับเพียว
อัลฟ่า ที่ถึงกับร้องไม่เป็นภาษา จนข้าวสะดุ้ง
ส่วนเพียว ทำหน้าอึ้งๆ ก่อนหลบตาข้าว
แล้วสายตาก็วอกแวก เหลือบซ้ายเหลือบขวาอีก  :z3:
ใช่.....ทำไมต้องมีท่าทีประหลาดขนาดนี้ !  o22
หรือทั้งสองคนแอบชอบฉาง  :ling1:

ชอบความละมุนละไมของฉางที่ปฏิบัติต่อข้าว
ฉาง อ่านข้าวออกหมดเลย
ฉาง ข้าว  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ว้าว!!!!!  มีความเข้ากันของชื่อ ไรท์น่ารักอ่ะ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบห้า| - 18.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 19-10-2017 06:27:35
ก็หวานไปอีก จริงๆฉางเป็นผู้ชายอบอุ่น  :o8:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบห้า| - 18.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 19-10-2017 07:18:10
น่ารักเกินไปแล้สคู่นี้ ฉางถึงจะมึน แต่สายเทคแคร์ ฮรื้ออออ ดี

ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบห้า| - 18.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 19-10-2017 08:44:15
หวานได้หวานดี ขอให้อย่ามีอะไรมาขัดความหวาน 555555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบห้า| - 18.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 19-10-2017 18:09:50
หวานกันแบบมึนๆ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบห้า| - 18.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 19-10-2017 19:17:19
มีความตะมุตะมิ :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบห้า| - 18.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 19-10-2017 20:06:27
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบห้า| - 18.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 20-10-2017 01:27:27
ชีสก็ชีสเถอะค่ะ หวานจนมดขึ้นนนนน
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบห้า| - 18.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: barbiehateken ที่ 20-10-2017 09:41:00
หวานมากกกกก ข้าวหวาน รีบเข้าหอกันนะคะ อิอิ :z2:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบห้า| - 18.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 20-10-2017 16:11:42
 :L2: :m31: :L2:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบห้า| - 18.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: Fonz_Juz19 ที่ 20-10-2017 16:20:37
น่่ารักมากๆเลย ละมุนสุดๆ
ฉางดูใส่ใจ ข้าวก็น่ารัก

ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบห้า| - 18.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: only_huswife ที่ 20-10-2017 20:08:23
ไม่น่าอ่านตอนนี้เลย อยากกินมักกะโรนีชีสสสสสส
 :katai1: :katai1: :katai1:
เรื่อยๆมาเรียงๆ ค่อยๆรักกันเบาๆ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบห้า| - 18.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 21-10-2017 19:16:09
ข้าวเย็นที่แสนจะธรรมดา แต่มันจะอร่อยมากเมื่อได้กินกับคนที่เรารัก :mew3:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบหก| - 25.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 25-10-2017 21:09:13
16



ฤดูสอบใกล้เข้ามามากขึ้นทุกที ผมเร่งอ่านหนังสือเช่นเดียวกับคนอื่นๆ เลิกเรียนก็ไปสิงห้องสมุดกับพวกเนิร์ดบ้าง กลับมาอ่านหนังสือเองที่หอบ้าง วนเป็นกิจวัตรประจำวันแสนน่าเบื่อ ส่วนไอ้ฉางก็เอาแต่ขลุกอยู่ในคณะ ตอนมันจะนอนคือช่วงที่ผมออกไปเรียน ตอนมันตื่นคือช่วงค่ำๆ ที่ผมอ่านหนังสืออยู่ห้องสมุด



เลยไม่ได้เจอมันเท่าไหร่ อย่างดีก็แค่เห็นมันแวบ ไปแวบมา ต่างคนต่างมีอะไรต้องทำ เป็นอาทิตย์แล้วที่ไม่ได้เจอมันจริงๆ จังๆ สักที ทั้งที่ตกลงคบกับมันแล้วแต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากเท่าไหร่เลย ผมไม่รู้ต้องรู้สึกยังไงดี



เรื่องดีก็คือไม่ต้องคอยเอาอกเอาใจมันเหมือนกับผู้หญิงคนก่อนๆ ที่เคยคบ ไม่ต้องคอยบอกว่าอยู่ไหนไปไหนเจอใคร มีเวลาให้ตัวเองเต็มที่



แล้วอย่างนั้นมันต่างจากไม่คบกันยังไงวะ



ถ้าเป็นอย่างนี้ ปล่อยไปให้เหมือนอย่างเคยไม่ดีกว่าเหรอ ทั้งที่มันเคยบอกว่าชอบผม และจะทำให้ดู จนถึงตอนนี้ผมยังไม่เห็นอะไรเปลี่ยนไปตรงไหนเลย สิ่งที่มันทำ ไม่ได้ต่างจากที่ผ่านมาเท่าไหร่นัก จนผมเริ่มสงสัยว่ามันชอบจริงๆ หรือแค่พูดเอาตัวรอด เห็นว่าผมมีประโยชน์ดีเลยอยากเกาะผมไว้เฉยๆ



ไม่ได้อยากมาคิดเล็กคิดน้อยเลยให้ตาย แต่เป็นมันทั้งนั้นที่ทำให้ผมคิดอย่างนี้



คำพูดใครๆ มันก็พูดได้ แล้วไอ้คนที่บอกจะทำให้ดูแม่งก็ไม่ทำอะไรสักอย่าง เอาแต่ผลุบโผล่เหมือนทุกที ไม่รู้งานมันจะเยอะอะไรขนาดนั้น บอกอีกครั้งว่าไม่อยากมาคิดเรื่องจุกจิกแบบนี้เลยจริงๆ



ถ้าไม่รู้สึกกับมัน ก็คงไม่ต้องมาคิดมากไร้สาระขนาดนี้



ผมถอนหายใจ เตรียมเข้านอน ตีสองแล้ว ไอ้ฉางยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับ ผมที่อ่านหนังสือเสร็จแล้วจึงไม่คิดจะอยู่รอมันต่อ มุดตัวเข้าผ้าห่มก่อนหลับไป…



วันนี้วันศุกร์ ผมมีเรียนเช้า หลังจากที่ตื่นมาอย่างสะลึมสะลือ เตรียมตัวออกไปเรียนเสร็จ ทว่าระหว่างทางลงบันไดหอ ผมกลับเจอใบหน้าคนคุ้นเคยปรากฏอยู่ตรงหน้า



เป็นไอ้ฉาง…



 มันเดินหน้าง่วงสวนบันไดขึ้นมา เงยหน้าสบตากันพอดี เพิ่งบ่นมันไปไม่ทันไรก็เจอตัว ผมอ้าปากเตรียมจะต่อว่า



ราวกับไอ้ฉางมันจะรู้ตัว มันรีบพุ่งเข้ามาคว้าตัวผมไว้ ยังไม่ทันได้รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ริมฝีปากผมก็สัมผัสได้ถึงความอุ่นหยุ่นๆ ที่ประกบเข้ามา



จุ๊บ



“อะ…!”



“ข้าวอย่าเพิ่งดุผมนะ ยังไม่ได้นอนเลย ขอนอนก่อนนะ” มันว่า หลังจากที่กระชากตัวผมไปประกบจูบเบาๆ ไอ้บ้า นี่มันใช่ที่มั้ย ผมพูดไม่ออก ได้แต่ยืนหน้าแดงปล่อยให้มันกอดเอาคางเกยกับไหล่ผม ซุกหัวคลอเคลียอยู่ตรงซอกคอ ก่อนมันจะค่อยๆ ปล่อยตัวผมออก พยุงตัวเองเดินสะโหลสะเหล เข้าห้องไป



ไอ้บ้าเอ๊ย



ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นเอามากขนาดนี้ หน้าร้อนถึงขนาดที่รู้เลยว่าจะต้องแดงมากแน่ๆ เมื่อวานเพิ่งบ่นไป ยังกะมันรู้ตัว พอเจอหน้ากันก็เล่นงี้เลยนะ แล้วกูก็ใจสั่นง่ายไปมั้ย



มึงเป็นเอามากนะข้าว



ผมตั้งสติ ไปเรียนตามปกติ พยายามใช้ชีวิตตามเดิม แต่พอเลิกเรียน ผมไม่ไปห้องสมุดกับชาวแก๊งค์เนิร์ดเหมือนทุกครั้ง ขอตัวตรงกลับหอทันที คิดว่าถึงอยู่อ่านหนังสือกับพวกนี้ต่อก็มีแต่ฟุ้งซ่านเรื่องตอนเช้า ไม่ได้อะไรขึ้นมา เกรงว่าจะแสดงอาการอะไรแปลกๆ ออกไปต่อหน้าพวกนี้ ต้องหาคำแก้ตัวอีก ไม่เอาดีกว่า หนีมาอยู่ในถ้ำเงียบๆ เถอะ



ผมกินข้าวแถวหอก่อนกลับขึ้นห้อง ในห้องมืดสนิท ผมเดาว่าไอ้ฉางนอนตายอยู่ พัดลมก็ไม่เปิด แต่พอกดสวิตช์ให้แสงไฟในห้องได้ทำงาน เตียงที่คิดว่าจะมีร่างที่คุ้นเคยนอนอยู่กลับโล่งว่างเปล่า ผมไม่เจอคนที่คิดว่าจะได้เจอ...



มันไปไหนของมันอีกวะ



ในใจกลับมาว้าวุ่นสับสนอีกครั้ง



หัวใจโล่งว่างเปล่าไปพร้อมๆ กับเตียงที่โล่งร้าง



สุดท้ายก็จบลงที่การถอนหายใจ เอาเถอะ...ก็แบบนี้ทุกที ตอนนี้ทำตามหน้าที่ของตัวเองไปก่อนดีกว่า ผมเข้าไปอาบน้ำ ออกมาอ่านหนังสือ ก่อนเข้านอน ด้วยความรู้สึกเหมือนหัวใจมันโล่งแปลกกว่าเดิม



ใช้ชีวิตประจำวันเหมือนปกติอย่างไม่ปกติ ผมทำตามตารางชีวิตน่าเบื่อเดิมๆ ตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวทานข้าว ออกไปอ่านหนังสือที่หอสมุดกับเพื่อน ก่อนหน้านี้บางวันก็ไปเรียน กลับหอมาอาบน้ำอ่านหนังสือเตรียมสอบต่อ มารทอนต่อเนื่องกันไป ทว่าที่ไม่ปกติเห็นจะเป็นสภาพจิตใจ ไอ้ฉางหายไปแล้วหายไปลับ ไม่โผล่มาหน้ามาสักนิด



ข้อความมือถือก็ว่างเปล่า แต่ก็เป็นผมเองด้วยที่ไม่ได้ส่งอะไรออกไป ผมไม่รู้ต้องส่งว่าอะไรนี่ ไอ้ฉางเป็นผู้ชาย ผมไม่รู้ว่าใช้ชุดข้อความเดียวกับผู้หญิงที่ผมเคยคบได้ไหม



แต่ที่สำคัญกว่าเนื้อหาในข้อความคือ ผมกลัวว่ามันจะไม่ตอบ...



นับวันยิ่งเป็นเอามากนะ ผมหวังอะไรจากมันอยู่เหรอ



ก็แค่คิดว่าถ้าใจตรงกันจริง ก็น่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง หายหน้าไปมา ผลุบๆ โผล่ๆ แบบนี้ไม่ต่างจากเมื่อก่อนเลย กลับมาคิดวนแต่เรื่องนี้ซ้ำๆ จนเบื่อตัวเองเหมือนกัน



ผมอ่านหนังสือด้วยความคิดสงสัยว่าไอ้ฉางไปไหนทำอะไร ตบตีกับเนื้อหาสอบ ไปจนเช้าวันจันทร์



อาทิตย์หน้าเป็นช่วงสอบแล้ว ช่วงนี้อาจารย์ก็เริ่มทยอยปิดเซคกันไปบ้าง เพราะอย่างนั้นจึงทำให้วันนี้ผมไม่มีเรียน ทว่าเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์กลับดังขึ้นมา ผมตื่นมาสักพักแล้วก็จริง แต่วันนี้ไม่คิดจะออกไปไหนจึงได้แต่นั่งโง่ทำแบบฝึกหัดอยู่ในห้อง ไม่คิดว่าจะมีใครมารบกวน จึงค่อนข้างแปลกใจกับการแจ้งเตือนครั้งนี้ ทว่าระหว่างที่คิดเช่นนี้ มือกลับทำงานเร็วกว่าสมอง เอื้อมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว



ก่อนพบว่าเป็นเบอร์แปลกโทรมา...



ใจผมแป้วเล็กน้อย แต่ก็กดรับสายไป



“ข้าว!?”



“ครับ...? นั่นใคร”



“ข้าว ข้าว ช่วยด้วย เราอัลฟ่า ข้าวช่วยด้วย”



“อะไร อัลฟ่า พูดดีๆ”



“ข้าว ว่างมั้ย ตอนนี้”



“ก็...ไม่ได้ออกไปไหนนะ”



“อยู่หอใช่มั้ย ลงมาเลยตอนนี้ได้มั้ย เรารออยู่หน้าหอข้าว”



“ห้ะ!”



ผมร้องเสียงดัง ไม่เข้าใจอัลฟ่า มาหาผมถึงหน้าหอทำไม แต่ดูเหมือนไอ้คนร้อนรนนี่จะรู้ถึงความสงสัยของผม อัลฟ่ารีบอธิบายต่อ



“ฉางมันไม่ตื่นเลยข้าว เสาร์อาทิตย์พวกเราทำงานโต้รุ่งมาสองคืน แต่วันนี้ฉางมันต้องพรีเซนท์งานตัวเองตอนบ่าย แต่นี่มันยังไม่ตื่นเลย”



ผมมองเวลา...เกือบเที่ยง



“ห้ะ!!”



“นั่นแหละข้าว ข้าวลงมากับเราหน่อย จะพาไปหาฉาง ไปช่วยปลุกมันหน่อยนะข้าว ถ้ามันขาดพรีเซนท์ได้ติดเอฟแน่เลย”



ไอ้ฟ่าร้องครางผ่านมาทางโทรศัพท์ ส่วนผมพุ่งออกนอกห้องไปทันที นึกด่าไอ้ฉางในใจ ไอ้บ้า พรีเซนท์งานบ่าย นี่จะเที่ยงแล้ว แล้วมันไปอยู่ที่ไหน



ผมมาเจออัลฟ่ารออยู่หน้าหอผมอย่างที่มันว่าจริงๆ ไม่รอช้า อัลฟ่าให้ผมขึ้นรถบีเอ็มสีดำ คงจะตื่นเต้นกว่านี้ที่ได้นั่งรถหรู ถ้าหากไม่มีเรื่องไอ้ฉางมาติดพันให้กังวลล่ะก็นะ



ระหว่างทาง อัลฟ่าเล่าความเป็นมา อันที่จริงโปรเจคมิดเทอมที่เป็นงานในคณะพวกมันจบตั้งแต่วันศุกร์แล้ว คงเป็นตอนที่ผมเห็นไอ้ฉางเดินสะโหลสะเหลเข้าห้องไปนั่นแหละ และใช่ มันควรจะจบตั้งแต่ตอนนั้น เสียแต่พวกมันเสือกไปจับกลุ่มประกวดแบบอะไรสักอย่าง ที่ต้องส่งภายในวันอาทิตย์ ดังนั้นเลยกลายเป็นว่าหลังจากส่งโปรเจคตัวเองเสร็จก็ต้องมานั่งทำงานประกวดต่อติดๆ กันไป ปั่นงานกันไฟไหม้ ไอ้ฉางเป็นมือคอม ต้องทำงานมารทอนเลยไม่ได้นอน



อันที่จริงพวกมันตั้งใจส่งงานตอนวันอาทิตย์ห้าทุ่มเสร็จก็จะไปทำแผ่นสรุปงานตัวเองเพื่อแจกให้อาจารย์ คงเสร็จประมาณเช้า แล้วจะออกไปคณะเลย ผลัดกันเฝ้าไม่ให้ไอ้ฉางมันนอน เพราะรู้ว่าถ้าได้นอนมันนอนยาวแน่



ทั้งที่พวกมันตั้งใจจะให้เป็นเช่นนั้น ทว่าหลังจากทำไอ้ใบแผ่นสรุปเสร็จ เพียวกับฟิวเจอร์ต่างก็ไปล้างหน้าล้างตาต่อจากฉาง ส่วนอัลฟ่าลงไปซื้อข้าวมาให้ หลังจากอดอยากมาเกือบวัน และพอแต่ละคนต่างมีอะไรให้ต้องทำ เป็นบทสรุปให้ไอ้ฉางอยู่คนเดียวและ เผลอหลับ...ไม่ตื่นในที่สุด



เป็นเดือดเป็นร้อนให้ผมต้องไปปลุกมันถึงที่ เพราะช่วยกันปลุกตั้งแต่เช้าแล้ว จนตอนนี้มันก็ยังไม่ขยับ



สุดยอดเลยจริงๆ



หลังจากฟังไอ้ฟ่าเล่าจบ ผมก็เข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมด ทั้งเหตุผลที่มันหายตัวไปบ่อยๆ ผลุบๆ โผล่ๆ หายหน้าหายตา ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะกองงานขนาดนรกนี่ พอรู้มาว่าสถาปัตย์ทำงานหนักจริง แต่ไม่คิดว่ามันจะนรกขนาดนี้



“จริงๆ ถ้าไม่รับงานประกวดแบบก็คงสบายไปแล้ว”



ไอ้ฟ่าบ่นขึ้นมา แต่ก็บนพึมพำต่อท้ายว่ายังไงก็รับไปแล้ว ช่วยไม่ได้ ก็จริง คนเรากลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้อยู่แล้ว



นึกงี้แล้วก็โล่งใจที่ไม่โทรไปหาหรือส่งข้อความงี่เง่ารบกวนมัน




คิดว่ายังมีเรื่องที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับมันอีกเยอะ ยังต้องทำความรู้จักมันให้มากกว่านี้ ถึงจะยังไม่เข้าใจมันทั้งหมดก็เถอะ แต่ค่อยๆ เรียนรู้กันไปคงไม่สาย พลันคิดได้อีกเรื่อง



“แล้วทำไมไม่เอาไอ้ฉางไปคณะก่อนล่ะ” ผมว่าเมื่อเกิดความคิดนี้ขึ้น คิดว่าถ้าช่วยกันแบกไอ้ฉางไปคณะน่าจะทำให้ไม่ต้องเสี่ยงขนาดนี้ อย่างน้อยก็เอาตัวมาถึงที่แล้ว ถึงตอนนั้น จะเรียกให้ผมไปปลุกมันก็คงใช้เวลาน้อยกว่าต้องขับรถไปมาเช่นนี้ แถมหากผมไม่อยู่หอขึ้นมาก็ยุ่งเลยไม่ใช่หรือ



“หรืออันที่จริง...ลองโทรมาให้ปลุก...ไอ้ฉางได้ยินเสียงกูน่าจะพอตื่นอยู่มั้ง...” ผมเสนออีกทางเลือกเมื่อไอ้ฟ่านั่งเงียบ



“...ข้าว...พวกเราไม่ได้นอนมาน่ะ...”



คำตอบของอัลฟ่าทำให้ผมปิดปาก ไม่คิดจะพูดอะไรเสนออะไรออกไปอีก...



“...แล้วขับรถจะรอดมั้ย” ได้แต่บ่นงึมงำอย่างกังวล



“ข้าวก็ต้องชวนผมคุยนะ”



เดือดร้อนกูอีกแล้ว...



อัลฟ่าเร่งความเร็วรถจนมาถึงคอนโดเพียวกับฟิวเจอร์ ที่ที่พวกนั้นใช้กบดาน เป็นฐานทัพสำหรับปั่นงานสองวันที่ผ่านมา แม้จะรู้ว่าความสัมพันธ์ของเพียวกับฟิวเจอร์ไม่ธรรมดา แต่ก็ไม่คิดว่าจะอยู่ด้วยกัน ถึงอย่างนั้นผมก็พยายามไม่แสดงอาการสงสัยอะไร พอมาถึงประตูห้อง ผมเจอหน้าเพียวเป็นคนแรก



“ข้าว มาพอดีเลย” เสียงหวานว่า



ก่อนส่ายหน้าตอบอัลฟ่าที่ถามหาฉาง เป็นการบอกเงียบๆ ว่า ไอ้ฉางไม่ตื่น



ผมเดินเข้าไปในห้องนอน ระหว่างทางเดินหลบเศษซากขยะ กระดาษ กาว และอะไรอีกมากมายที่เกลื่อนห้องราวกับระเบิดลง เดินกระย่องกระแย่งจนมาถึงห้องนอนในที่สุด



มีฟิวเจอร์ยืนจ้องไอ้ฉางอยู่ ส่วนคนสร้างเรื่องวุ่นกลับหลับตาพริ้มไม่รู้เรื่องรู้ราว ทว่าใส่ชุดนักศึกษาเสร็จสรรพ



“ไม่ไหว ขนาดเปลี่ยนเสื้อให้ขนาดนี้ก็ยังไม่ตื่น”  เสียงเพียวดังขึ้นจากข้างหลัง “ข้าว ช่วยหน่อยนะ”



“อืม...” ผมหันไปครางตอบเพียว



ก่อนนั่งลงข้างๆ ไอ้ฉาง ไม่รู้จะช่วยได้ไหม แต่ก็เอ่ยคำประจำที่ใช้ปลุกมันทุกที



“ฉางตื่น”



มันไม่ขยับ



“ฉางตื่นได้แล้ว” ว่าพร้อมตบหน้ามันเบาๆ สองแปะ ไอ้ฉางขยับตัว



จนเปลือกตาที่ปิดสนิทเริ่มขยับ ก่อนเปิดออก



“ตื่นแล้วโว้ยยยย!!!” ไอ้ฟ่าร้องลั่นเมื่อเห็นไอ้ฉางเปิดตาเต็มสองตา “มือปลุกฉางอันดับหนึ่งไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ”



“ฟ่า...คุณพูดไม่เพราะ”



ผมไม่สนใจอัลฟ่า นั่งจ้องไอ้ฉางที่กำลังสะลึมสะลือ ทว่าคำแรกของมันคือคำต่อว่าอัลฟ่าเสียอย่างนั้น



 “ เอ้อ...’โทษที คุณก็รีบได้แล้ว จะบ่ายแล้ว ต้องรีบไปพรีเซนท์อีกนะ!”



จบคำของอัลฟ่า ไอ้ฉางสะดุ้งสุดตัว ลุกขึ้นยืนเต็มสองขาก่อนพยายามวิ่งฝ่ากองขยะมรณะ



“ฉาง!” ผมเรียกมัน หวังให้มันตั้งสติก่อน ยังไงก็คงต้องไปรถอัลฟ่า มันวิ่งออกไปอย่างนี้มีแต่จะทำให้เจ็บตัวและเหนื่อยเปล่า



“อ๊ะ ข้าว ขอบคุณนะ” ทว่าสิ่งที่มันตอบแทนคือวิ่งกลับมาหาผมก่อนประกบจูบลงที่ปากเบาๆ



ให้ผมยืนค้างหน้าแดงอยู่กลางห้องนอน



ก่อนที่จะถูกเพียวดึงสติแทน “ข้าว รีบไปกันเถอะ” ไม่ว่าเปล่า มือนุ่มเกินชายคว้าข้อมือผมให้ออกไปจากห้องพร้อมกัน



อัลฟ่าเร่งสปีดสุดชีวิตจนผมหวาดเสียว เสียงคุยในรถมีแต่เสียงอัลฟ่าเป็นส่วนใหญ่ ผมรู้ว่าฟ่าพยายามคุยเพื่อให้ไอ้ฉางมีสติมากขึ้น รวมถึงพยายามให้บทสนทนาเป็นการดึงสติของตัวอัลฟ่าเอง ไอ้ฉางเองก็พยายามให้ความร่วมมือดี



“ฉาง less is more”



“ของแวนเดอโร”



“เพลงผิงไฟ”



“ของอภิรมย์”



 “เจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์”



“สุโขทัย เขมร”



“อัตราส่วนคอนกรีตหยาบ”



“1:3:5”



“สองคูณสี่”



“หก”



“แปด!” ผมเถียง มีเพียวนั่งหัวเราะขำอยู่ข้างๆ ส่วนฟิวเจอร์ที่ไม่เคยสนโลกก็นั่งเหม่อมองออกนอกกระจกรถ



นี่พวกมึงติวข้อสอบกันหรอ แม้จะมีเรื่องไร้สาระบ้างมีสาระบ้าง แล้วทำไมไอ้ฉางมันเสือกตอบได้ แต่ตอบสองคูณสี่ไม่ถูกวะ...



เสียงอัลฟ่ากับไอ้ฉางดังสลับกันมาเป็นระยะจนปวดหัว รถเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ จนถึงคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ ที่เป็นจุดหมายปลายทาง ไอ้ฉางเปิดประตูรถก่อนพุ่งออกไป ไม่ทันได้ปิดประตูด้วยซ้ำ ส่วนคนอื่นๆ ไม่ได้รีบเท่าไหร่ กลับใช้การเดินไวแทนการวิ่งไม่คิดชีวิตแบบไอ้ฉาง



“เอ่อ...งั้นเรากลับก่อนนะ” ผมว่าหลังจากที่เดินตามน้ำไปเกือบจะถึงทางเข้าตึก จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่ากูจะเข้าไปทำไมวะ หมดหน้าที่แล้ว...



“ข้าวไม่อยู่ดูฉางหน่อยล่ะ” น้ำเสียงทุ้มเย็นของเพียวเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “ไม่นานหรอก”



เพียวจ้องหน้าผมเสียใหญ่จนต้องพยักหน้าไปอย่างไม่กล้าปฏิเสธคนตรงหน้า ราวกับมีอำนาจมืดสั่งการให้ผมตอบตกลง อันที่จริง ผมไม่มีปัญหาอะไรนักหรอก แค่เกร็งถ้าจะต้องเข้าไปอยู่ท่ามกลางนักศึกษาสถาปัตย์ และคงจะดีกว่าถ้าได้กลับไปอ่านหนังสือต่อ...



แต่สุดท้าย ผมก็มายืนตัวลีบหลบอยู่หลังเสาท่ามกลางห้องพรีเซนท์งานในบรรยากาศแสนกดดัน...



XVI



พรีเซนท์ผ่านไปได้ด้วยความทุลักทุเล ไม่ได้แย่มากแต่คิดว่าถ้าไม่หลับจนเกือบมาสายน่าจะทำได้ดีกว่านี้



ถึงอย่างนั้นถ้าไม่ได้ข้าวมาปลุก ผมคงไม่มีโอกาสได้มายืนพรีเซนท์อย่างนี้ อาจารย์ตัดเอฟผมแน่ เพราะอย่างนั้น ผมต้องขอบคุณข้าวเป็นที่สุด ข้าวช่วยผมไว้อีกแล้ว แถมยังมายืนฟังผมพรีเซนท์ด้วย กำลังใจดีแบบนี้ทำให้ผมโดนอาจารย์ดุไม่มาก



ผมชอบข้าวจนแทบคลั่งแล้ว



หลังพรีเซนท์เสร็จผมอยากจะพุ่งไปกอดข้าวแล้วอุ้ม ฟัดให้หายเหนื่อย แต่ความจริงคือต้องยกโมเดลกับเพลทไปเก็บมีพวกอัลฟ่ามาช่วย ทำให้เวลาที่ผมจะได้กอดข้าวช้ากว่าเดิม ผมร้อนใจ แทบจะโยนโมเดลที่พรีเซ้นท์เสร็จแล้วไว้ในห้อง พร้อมขอบคุณเพื่อนๆ ที่ช่วยขนเพลทพรีเซนท์มาเก็บให้



เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จผมวิ่งเข้าไปห้องพรีเซนท์งานอีกครั้ง แต่ไม่เจอข้าวเสียแล้ว...



สบตากับเพียว ไม่รอช้า เพียวเดินมาหาผมทันทีเหมือนรู้ว่าผมมองหาใคร เพราะในห้องใช้เสียงไม่ได้ เพื่อนคนอื่นกำลังพรีเซ้นท์งานอยู่ ทำให้เพียวเดินมาบอกใกล้ๆ เพื่อไม่ให้เกิดเสียงดังรบกวน



“ข้าวออกไปแล้วน่ะ เมื่อกี้นี้เอง” เพียวบอก ผมพยักหน้ารับรู้  เอ่ยขอบคุณเขาก่อนวิ่งออกห้องไป ข้าวน่าจะไปได้ไม่ไกล และบิงโก ข้าวเพิ่งออกจากตึกไปได้นิดเดียว ร่างโปร่งผอมเดินตัวปลิวลัดเลาะไปตามฟุตบาทของคณะ



ผมวิ่งไปรวบข้าวไว้ในอ้อมกอดจนข้าวร้องเสียงหลง เพราะแรงโถมตัวใส่ข้าวทำให้ข้าวเซเกือบล้ม อยากอุ้มแล้วโยนด้วยซ้ำ แต่ทำไม่ได้ ข้าวไม่ใช่แมว



“ขอบคุณนะข้าว ข้าวช่วยผมอีกแล้ว” กล่าวพร้อมกอดเขาแน่น ซบลงตรงไหล่ สูดดมกลิ่นข้าวให้ชื่นใจ



“เออ รู้แล้ว ปล่อยโว้ย”



ผมตอบแทนเขาโดยการกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น เอาหน้าไปถูไถแก้มนิ่มๆ อย่างกล้าหาญ



“ไอ้ฉาง!”



แน่นอนว่าข้าวต้องบ่น ผมเลยหยุดเอาหน้าถูเขา เปลี่ยนเป็นกอดไว้หลวมๆ แทน พอได้กลิ่นข้าวแล้ว ผมไม่อยากปล่อยแขนเลยจริงๆ



“ฉาง ปล่อยเลย นี่คณะมึงนะ”



“ไม่มีใครผ่านมานี่” ผมว่าตามความจริง คณะผมเงียบพอๆ กับป่าช้า ต้องเข้าไปข้างในถึงจะรู้ว่ามีคนอยู่



ถึงอย่างนั้นก็ยอมปล่อยเมื่อข้าวร้องโวยวายกับคำตอบของผม พร้อมดิ้นไม่หยุด



“ข้าวจะไปไหนต่อเหรอ” ผมถามเมื่อข้าวหลุดจากอ้อมกอดผมแล้วก็แทบวิ่งฉิว ผมเดินตามแทบไม่ทัน



“กลับหอ”



“ผมไปด้วย”



“แล้ว...พรีเซนท์?”



“ก็เสร็จไปแล้วไง ข้าวก็เห็น”



“แล้วก็กลับไปได้ง่ายๆ อย่างนี้เลยเนี่ยนะ”



“อ่าห้ะ”



“...”



“ก็หมดแล้วจริงๆ ผมไม่มีเรียนแล้ว แถมวันนี้ถ้าใครไม่ต้องพรีเซนท์ก็ไม่มากันด้วยซ้ำ อย่างพวกอัลฟ่าก็ไม่ได้พรีฯวันนี้”



“มิน่า ถึงไม่รีบกัน...เสื้อนักศึกษาก็ไม่ใส่...”



“อือ ผมซวยเอง ดันสุ่มโดนเป็นคนพรีเซนท์วันแรก คนแรกๆ”



“ก็ดีแล้วหน่า จะได้จบไวๆ ไง” ข้าวว่า ผมฉีกยิ้มให้กับคำตอบ



“อื้อ ก็จริง จะได้อยู่กับข้าวนานๆ”



♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦



ทางยังสะดวก

ยาวไป ยาวไป~~

หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบหก| - 25.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 25-10-2017 21:32:39
ขอบคุณค่ะ  น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบหก| - 25.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 25-10-2017 21:45:27
ต้องข้าวปลุก?
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบหก| - 25.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: no.fourth ที่ 25-10-2017 21:54:44
น่ารัก :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบหก| - 25.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 25-10-2017 22:20:49
แงงงงงพิฉางน่ารักจังเลย ต้องให้ข้าวมาปลุกเท่านั้น ต้องฟินใช่มะ แต่ขำมากกว่า โอ้ยยยยยพ่อพระเอกของเราจะอินดีเกินไปแล้ววว
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบหก| - 25.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 25-10-2017 22:22:47
ฉางเอ้ยย คนเขาวุ่นวายไปหมด
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบหก| - 25.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: Cardiac ที่ 25-10-2017 22:25:13
 :3123:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบหก| - 25.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 25-10-2017 22:32:14
 o13
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบหก| - 25.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 25-10-2017 22:35:59
ชอบบบบบบบบบ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ข้าว มือปลุกฉาง อันดับหนึ่ง

ฉาง ข้าว  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ฉาง ไม่ค่อยเจอข้าว
พอเจอข้าวปั๊บ กอดปึ๊บ จูบปั๊บ   :hao5: :sad4: :heaven
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบหก| - 25.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: HeIsMine ที่ 25-10-2017 23:11:17
ข้าวไม่ใช่แมวนะฉาง  o18
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบหก| - 25.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 26-10-2017 03:27:43
โว้ยยยนย พระเอก ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบหก| - 25.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: shrnn ที่ 26-10-2017 05:45:45
ชอบความใครก็ปลุกฉางไม่ตื่นนอกจากข้าว55555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบหก| - 25.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 26-10-2017 10:56:49
มือปลุกฉางอันดับหนึ่ง 5555 ต้องบอกว่าเป็ฯคนเดียวที่ปลุกตื่นไหม? 5555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบหก| - 25.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 26-10-2017 11:29:34
ฉางเอ้ยยย มิน่าถึงปักใจข้าวนัก
เป็นอยู่กินนอน ทุกอย่างทำกับข้าวได้หมด ข้าวเลยเป็นคนพิเศษ

ฉางเนียนนะ ตื่นมาข้าวก็ไม่มันรู้ 5555

ชอบอะ ฉางนัวเนียข้าวแล้วมาทำถามหน้าซื่อ

หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบหก| - 25.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 26-10-2017 14:53:52
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบหก| - 25.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 26-10-2017 14:58:44
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบหก| - 25.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 26-10-2017 16:38:11
ตกใจตอนแรกนึกว่าจะมาม่า ยังหวานกันดีเราก็ดีใจ
ฉางนี่ไปไหนต้องเอาข้าวใส่กระเป๋าไปด้วยนะ นาฬิกาปลุกส่วนตั๊วส่วนตัว
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบหก| - 25.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 26-10-2017 20:00:30
 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบหก| - 25.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 26-10-2017 20:26:34
มือปลุกฉางอันดับหนึ่ง 55
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบหก| - 25.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 27-10-2017 07:41:50
น่ารักกก
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบหก| - 25.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 27-10-2017 10:11:53
ฉางเหมือนสัตว์ิอะไราักอย่างแบบคลอเลีย เรียกร้องความสนใจจ5555555 อิแมวฉางนี่เองงง เป้นคนสกรินชิพมากเว่ออออแจ้าาา ชอบบบบ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบหก| - 25.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 27-10-2017 20:35:04
ฉางเอ้ยยยยยย คนแปลก ขี้เซามาก แต่ดีที่มีมือปลุกอันดับ1อย่างข้าง
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบหก| - 25.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 27-10-2017 20:50:50
ฉางเพิ่มระดับความนัวเนียข้าวไปอีก สิบสิบไปเลยจ้า 55555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบหก| - 25.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 28-10-2017 00:34:38
ข้าวเป็นยิ่งกว่าแฟนแล้ว นี่มันผู้ช่วยชีวิต  :hao7:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบหก| - 25.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 28-10-2017 06:17:18
 :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบหก| - 25.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 28-10-2017 10:58:14
โอ๊ยยย เรารักความมึนของฉางอ่ะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบหก| - 25.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 29-10-2017 00:22:49
หลงรักฉางเข้าให้แล้ว o18 o18 o18
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบหก| - 25.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 29-10-2017 00:44:36
 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบหก| - 25.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 29-10-2017 18:47:01
ฉางน่าร้ากกก แมวตัวโตของข้าวว :jul1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบหก| - 25.10.2017 p.9
เริ่มหัวข้อโดย: .Koi4541 ที่ 29-10-2017 21:09:59
มือปลุกฉางอันดับหนึ่ง 5555555 ถ้าไม่มีข้าวชีวิตแก่จะเป็นยังไงเนี่ยฉางง

(มีผิงไฟของอภิรมณ์ด้วย! เป็นอีกเพลงหนึ่งของอภิรมณ์ที่เราชอบ ไม่คิดว่าจะเจอในนิยายเรื่องไหนเลย 5555)
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเจ็ด| - 29.10.2017 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 30-10-2017 00:23:19
17



เวลาประมาณบ่ายสาม ผมกลับมาที่หอ ไอ้ฉางนอนตายอยู่บนเตียง ส่วนผมเลือกที่จะนั่งอ่านหนังสือน่าเบื่อนี่ต่อไป ช่วยไม่ได้ มันต้องทำ อาทิตย์หน้าก็เริ่มสอบแล้ว ผมไม่ควรทำตัวขี้เกียจ



จนกระทั่งผ่านไปถึงห้าโมง... กระเพาะผมเริ่มร้องประท้วง ผมกลั้นหิวไว้จนหกโมง ทนไม่ไหวถึงลงไปซื้อข้าวขึ้นมากิน ไอ้ฉางยังคงหลับอยู่ท่าเดิม นอนนิ่งเป็นศพได้อย่างแนบเนียน ผมไม่อยากไปกวนมันจึงไม่ปลุก หลังจากที่ฟังอัลฟ่าเล่าแล้ว คิดว่ามันคงเหนื่อยมามาก เลยปล่อยมันไป



ผมเริ่มจะเข้าใจตารางชีวิตมันมากขึ้นและคิดว่าเรื่องนี้ผมน่าจะจัดการได้ ถ้าแค่ไอ้ฉางยุ่งหรืองานหนัก ผมก็จะรออยู่เฉยๆ ไม่ไปวอแวหรือคิดมากอีกแล้ว เพราะที่ผ่านมาผมรู้จักมันแค่ผิวเผิน มาจนตอนนี้ผมรู้จักมันมากขึ้น ก็มีแต่ต้องเรียนรู้ ปรับตัวให้เข้ากับมันมากขึ้น ไอ้ฉางเองก็พยายามทำตัวให้ผมเชื่อคำพูดมันได้จริงๆ



เรื่องที่มันชอบผม...



สองทุ่ม แสงอาทิตย์จากไปสักพักแล้ว ภายห้องเองก็มืดสนิท ผมยังคงไม่ปลุกมัน เลือกเปิดไฟจากโคมไฟแทน หยิบหนังสือมาอ่าน ไม่เปิดไฟห้องให้สว่างทั้งๆ ที่รู้ว่าเปิดไปไอ้ฉางมันก็ไม่ตื่นหรอก แต่ก็เลือกที่จะทำแบบนี้



คงเป็นการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ที่ผมจงใจให้เกิด



ปล่อยเวลาไหลผ่านไปพร้อมกับเนื้อหาในหนังสือ จดจ่อกับแบบฝึกหัด ผมไม่รู้ว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว แต่รู้ว่านั่งเงียบๆ ในห้องมาค่อนข้างนาน อาจจะชั่วโมงหรือสองชั่วโมง ทว่ายังไม่รู้สึกอยากลุกไปไหนแม้ว่าในห้องจะมืดตื๋อ มีเพียงแสงสว่างจากโคมไฟเท่านั้นก็ตาม รู้ทั้งรู้ว่าควรไปเปิดไฟได้แล้ว เสียสายตา แต่ก็ยังนั่งจมอยู่อย่างนั้น...บอกกับตัวเองว่าขอจบบทนี้ก่อน



ตุบ!



“เฮ้ย!”



ผมร้องลั่นเมื่อจู่ๆ ก็มีสัมผัสหนักๆ ทับเข้าที่หลัง รีบหันหน้าไปตามสัญชาติญาณทันที



“ข้าว..”



เสียงมาก่อนจะเจอใบหน้า ไอ้ฉางร้องออกมา เป็นมันนั่นเองที่พุ่งพรวด โถมตัวใส่ผม หนำซ้ำยังเอาคางมาเกยไหล่อีก



“ไอ้สัด มาเงียบๆ กูตกใจหมด”



“ไม่เปิดไฟเหรอ...”



“...ว่าจะไปเปิดอยู่”



“ทำไมไม่เปิดตั้งแต่แรกล่ะ”



“...”



“ข้าวกลัวผมตื่นเหรอ? ผมไม่ตื่นง่ายๆ หรอกข้าวก็รู้”



“...มึงหิวรึยัง กูซื้อข้าวมาให้”



“อ๊ะ...”



ผมเปลี่ยนประเด็น ไม่ตอบคำถามเรื่องไฟในห้อง หลีกเลี่ยงคำถามที่คำตอบของมันจะทำให้หน้าผมขึ้นสี และดูท่าไอ้ฉางก็ให้ความร่วมมือดี เมื่อมันผละออกไป เหมือนระลึกได้ว่าตัวเองยังไม่ได้กินอะไรมาทั้งวัน อันที่จริงถ้าฟังจากอัลฟ่าไม่ผิด มันไม่ได้กินอะไรตั้งแต่เมื่อวาน...อยู่ไปได้ไงวะ



ผมบอกให้มันเปิดไฟ ในห้องมืดมิดกลับมาสว่างอีกครั้ง ก่อนให้ทานข้าวกล่องที่ซื้อมาจากร้านอาหารตามสั่งแถวหอ ไอ้ฉางเปิดข้าว นั่งกินเงียบๆ



“ข้าวล่ะ”



“กูกินนานแล้ว”



“ข้าวอ่ะ...”



“อะไร”



ผมนั่งมองมันเคี้ยวข้าวในปากตุ้ยๆ ตั้งแต่เริ่มกินคำแรกจนหมดไปครึ่งหนึ่งแล้ว มันถึงเอ่ยปากขึ้นมา



“ก็ข้าวอ่ะ...”



“อะไรเล่า”



“ข้าวทำแบบนี้ผมก็แย่สิ”



“...”



“เล่นดูแลผมดีอย่างนี้ ผมก็ไม่ได้ดูแลข้าวเลยสิ”



“ก็มึงเล่นหายไปเอง” อีกอย่าง ผมไม่ได้ต้องการคนดูแล แค่คิดว่าโผล่มาให้เห็นหน้า ทำอะไรพิเศษมากกว่านอนทำลายสถิติโลกก็พอแล้ว



“ก็ผมทำโปรเจค... แต่เพิ่งส่งไปวันนี้ เพราะงั้นหลังจากนี้ผมจะได้มีเวลาดูแลข้าวแล้ว ตั้งใจไว้อย่างนั้น...แต่พอตื่นมาข้าวก็เตรียมข้าวเย็นให้ผมเลยอ่ะ...”



“คิดอะไรประหลาด”



“ก็ผมไม่ได้เจอข้าวเลย ที่บอกว่าจะทำให้ดูว่าชอบจริงๆ ผมยังจำได้อยู่นะ”



“แล้วทำไมไม่ทำ”



“...ข้าว!”



“อะไร”



“อยากจูบเลยอ่ะ”



“ก็เหี้ย มีวิธีเป็นแสนที่ทำให้รู้ได้โดยไม่ต้องมาลวนลามกูเนี่ย”



“ก็ข้าวน่ารัก”



“มึงแดกให้หมดไป กูไปอาบน้ำละ”



ผมว่า ขืนอยู่เถียงกับมันต่อคงเป็นผมเสียเองที่เป็นฝ่ายแพ้ ผมหนีไปเข้าห้องน้ำ เปิดฝักบัวก่อนยืนให้สายน้ำรดทั่วร่าง ใช้เวลาไม่นานก็เสร็จธุระ ผมเดินออกมาจากห้องน้ำ เจอไอ้ฉางนอนเล่นมือถืออยู่



“ไปอาบน้ำไป”



ผมบอก กึ่งสั่ง ดองเน่ามาทั้งวัน โสโครกจะตาย



ไอ้ฉางลุกขึ้นอย่างว่าง่าย หยิบผ้าเช็ดตัวเดินไปทางห้องน้ำ ก่อนผมจะได้ยินเสียงพึมพำ “ข้าวใจร้าย รออาบพร้อมกันก็ไม่ได้”



กูได้ยินนะเฮ้ย!



ผมนั่งอ่านหนังสือต่อ ที่เอาจริงๆ เรียกว่าปล่อยเหม่อมากกว่า นั่งจ้องแบบฝึกหัดในชีท ไม่ได้ขยับมือแก้โจทย์ สมองเองก็ไม่คิดจะทำงานเลยด้วยซ้ำ อธิบายไม่ถูก รู้สึกแปลกๆ เวลาเห็นหน้าไอ้ฉาง ไม่ใช่ในแง่ลบ แค่คิดว่านี่กูคบกันมันจริงๆ แล้ว ก็เกิดความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกขึ้นมา



ผู้ชายประหลาดสติไม่สมประกอบ อะไรดลใจให้กูชอบมันวะเนี่ย



ถึงอย่างนั้นกลับยิ่งปฏิเสธตัวตนของไอ้ฉางไม่ได้ ยิ่งได้เจอมัน หัวใจผมยิ่งเต้น อาจจะไม่ได้เต้นแรงเท่าตอนที่เจอหน้าเพียว แต่เป็นจังหวะที่แตกต่างจากชีวิตปกติธรรมดาที่เคยผ่านมา เขินหน่อยๆ แฮะ



แกร๊ก



เสียงประตูห้องน้ำเปิดออก บ่งบอกว่าคนข้างในทำธุระเสร็จแล้ว ผมไม่ได้หันไป นั่งเหม่อมองชีทหน้าเดิมอยู่อย่างนั้น



จุ๊บ



“เชี่ย”



“ข้าวพูดไม่เพราะเลย”



“ก็มึง...!”



ผมสะดุ้งสุดแรงเมื่อจู่ๆ ก็มีสัมผัสหยุ่นๆ เกิดขึ้นข้างแก้ม ไอ้ฉางลอบหอมแก้มผมอย่างไม่ทันตั้งตัว เพราะไม่คิดว่ามันจะเข้ามาจู่โจมแบบนี้ถึงได้ตกใจสุดแรง ไอ้บ้าเอ๊ย ใครสั่งใครสอนให้ทำตัวอย่างนี้วะ



ไอ้ฉางเดินไปจองที่บนเตียง ล้มตัวนอนกลิ้ง ปล่อยให้ผมยืนกุมแก้มหน้าแดงค้าง มันน่าตีให้ตายนัก



ผมมองมันการกระทำมัน พยายามส่งสายตาต่อว่าแต่ไอ้คนน่าไม่อายหลับไม่ยอมสบตาผมราวกับรู้ตัว เมื่อรู้ว่าไร้ประโยชน์ผมจึงตั้งใจจะหมุนตัวกลับมาดูหนังสือต่อ ปล่อยให้หัวใจที่เต้นแรงขึ้นมานี่ได้เจอกับตัวหนังสือคงยอมสงบลง ทว่าเสียงไอ้ฉางกลับดังขึ้นมา ไม่ยอมให้ผมทำตามความคิด



“ข้าว ลองมาอ่านหนังสือตรงนี้มั้ย”



ตรงนี้ที่มันว่าคือบนเตียง ข้างตัวมัน...



“ไม่” ผมทำหน้าเอือมระอาตอบมันไป



“ทำไมล่ะ”



“มันไม่สะดวก กูต้องทำแบบฝึกหัด แถมอยู่บนเตียงเดี๋ยวหลับอีก”



“ข้าวอ่า เอาวิชาที่ต้องอ่านอย่างเดียวมาอ่านก็ได้”



“อย่าเรื่องมากฉาง”



ผมดุมัน ปิดประเด็น ไอ้ฉางร้องครางเสียงหงอย ผมทำใจแข็งไม่หันไปมองมันอีก ทำตามปณิธานตัวเองอย่างแน่วแน่ ผมไม่ชอบนอนบนเตียง เป็นเรื่องน่ากลัวมากถ้าจู่ๆ ก็หลับไปทั้งที่ยังอ่านไม่จบบทเนี่ย เคยทำตอนปีหนึ่ง ไม่เวิร์กเลยมานั่งโต๊ะแทน อย่างน้อยถ้าหลับมันก็สบายน้อยกว่านอนบนเตียง ทำให้ตื่นง่ายกว่า...



หมับ



“ฉาง!”



อ่านไปไม่กี่บรรทัดผมกลับโดนไอ้ฉางลอบสวมกอดจากด้านหลัง แขนมันล็อกตัวผมกับเก้าอี้ไว้แน่น



“ผมแค่อยากอยู่กับข้าวเอง”



“ตอนนี้ไม่เรียกว่าอยู่ด้วยกันหรือไง”



“...ก็อยากอยู่ใกล้กว่านี้ แต่ข้าวไม่ยอมขึ้นเตียง ผมเลยมาหาไง”



“...งั้นก็นั่งดีๆ อย่ามาเกาะแกะกู”



“ข้าว...”



“อะไรอีก”



“ก็ผมอยากกอดข้าว”



“ไปนอนกอดหมอนไป”



ผมไล่มัน ไม่สนใจน้ำเสียงหงอยๆ นั่น ก้มหน้าก้มตาทำแบบฝึกหัด ไม่ใช่ไม่อยากอยู่เล่นกับมัน แต่ตอนนี้ต้องอ่านหนังสือสอบ ไว้ทำจบบทนี้ก่อนค่อยไปหามันคงไม่สายหรอกมั้ง



จนกระทั่งผมได้ยินเสียงประหลาดจากเตียง



เมื่อหันไปก็เจอไอ้ฉาง...นอนพันตัวอยู่ในผ้าห่ม ม้วนเป็นโรลกลิ้งไปกลิ้งมา จนต้องเอ่ยถามในพฤติกรรมประหลาด



“ทำอะไร”



“กลิ่นข้าว”



“เป็นบ้าหรอ”



“อือ จะบ้าแล้ว ไม่ได้กอดข้าว”



มันตอบ ผมหลุดขำ เชื่อมันเลย จำเป็นต้องเอาผ้าห่มผมไปพันตัวขนาดนั้น? จนใจแล้ว ผมยอมหยุดทำแบบฝึกหัดก็ได้ หยิบชีทสรุปวิชาที่ต้องอ่านอย่างเดียวตามคำแนะนำไอ้ฉางว่า เดินไปหามันที่เตียง



“ข้าว?”



ไอ้ฉางโผล่หน้าออกมาจากผ้าห่ม เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นผมเดินมานั่งบนเตียง



“มาแล้วไง ออกมาจากผ้าห่มเถอะ” ผมว่าพร้อมกลั้นขำ ผู้ชายตัวโตเป็นควายอย่างมันนี่มาทำอะไรแบบเด็กๆ แบบนี้ เห็นแล้วขำไม่ใช่น้อย ฉางมันสติไม่สมประกอบจริงๆ นั่นแหละ



ฉางพยายามคลายผ้าห่ม มุดออกมาจนหลุดพ้นจากการกักขังของผ้านวมนุ่ม มันเคลื่อนตัวมาข้างๆ ผม ใกล้มากขึ้น มากขึ้น...จนผมเผลอจ้องตามัน ทำให้หลงไปในมิติอื่นอีกแล้ว กระทั่งฉางมันพิงหัวตัวเองกับไหล่ผม ถึงได้รู้สึกตัว...



“อะ...อะไรอีกล่ะ”



“ผมชอบข้าวจัง”



“รู้แล้ว...”



มันเงยหน้าขึ้นมา ขยับตัวพิงกับหัวเตียง ดึงตัวผมให้มาพิงตัวมันอีกทอดพร้อมกับล็อกตัวผมแน่น ไม่ให้หนี



ไม่หนีหรอกหน่า ผมไม่ดิ้นขัดขืนมันด้วยซ้ำ ปล่อยให้ตัวเองพิงอกมันอยู่อย่างนั้น มวลความเงียบเข้าจู่โจมอีกครั้ง ทว่ากลับไม่รู้สึกอึดอัด แม้ไม่ได้เห็นหน้าไอ้ฉางแต่รับรู้ได้ด้วยเสียงหัวใจที่ดังมากจากข้างหลังตัวเอง ว่าเต้นแรงไม่แพ้กัน



จนเขิน...ผมหยิบชีทขึ้นมาอ่าน หาอะไรให้ตัวเองทำ ก่อนที่หัวใจตัวเองจะเด้งหลุดออกมา



“คณะมึงเนี่ย...งานเยอะขนาดนี้เลยเหรอ” ผมถามตัดความเงียบ ปิดบังเสียงหัวใจที่เต้นดังแข่งกัน



“เยอะสิข้าว คณะผมเน้นเรียนเชิงความคิดและปฏิบัติ มันก็เลยต้องมีงานแสดงถึงสิ่งที่เราคิดออกมา”



“ถึงขนาดไม่ได้กินไม่ได้นอนเลย?”



“อือ...วิชาสตูดิโอที่เป็นวิชาหลักเรียนทุกจันทร์พุธศุกร์ พวกผมเลยต้องตรวจแบบส่งงานวันเว้นวันอย่างนั้น ส่งไปโดนแก้ มีเวลาหนึ่งวันให้คิดใหม่ทำใหม่แล้วส่ง วนไปแบบนี้”



“อ่า...แค่คิดก็หนักแล้ว”



“อืม ใครๆ ก็ไม่ได้เรียนแค่วิชาเดียวจริงไหม”



“...”



“นอกจากวิชาหลักแล้ว วิชาอื่นๆ ก็มีงานไม่แพ้กัน บางวิชาเรียนอังคารกับพฤหัส บางเรียนวันเดียวกับสตูฯ แบ่งเวลาไม่ดีมีแต่ต้องตาย อย่างวิชาโครงสร้างก็ต้องออกแบบโครงสร้างมาส่งเป็นโปรเจคนึง วิชาวัสดุหรืองานระบบก็มีอีกคนละโปรเจค สรุปคือผมต้องตรวจแบบทุกวัน แล้วแต่วิชา”



“...กูว่ากูเริ่มเข้าใจแล้ว” ปกติงานคณะพวกมันก็เยอะอยู่แล้ว แล้วยังไปรับงานนอกอย่างประกวดแบบมาทำอีกนะ เหลือเชื่อเลยจริงๆ



“ผมเหนื่อยขนาดนี้ ข้าวต้องใจดีกับผมเยอะๆ นะ”



“...”



ผมเงียบเป็นคำตอบ โน้มตัวพิงหลังมันมากกว่าเก่า เรื่องเรียนผมช่วยมันไม่ได้หรอก แต่เรื่องอื่นผมก็อยากทำให้มันไม่เครียดและมีความสุขบ้าง



บรรยากาศกลับมาเนิบช้านิ่งเงียบอีกครั้ง ผมไม่รู้ว่าไอ้ฉางทำอะไร ปล่อยให้ความเงียบทำงานปกคลุมห้องไป ผมนั่งจ้องตัวหนังสือในบทเรียน พิงอกไอ้ฉางไปๆ มาๆ ก็ค่อยๆ ไหลลงไปเรื่อยๆ จนหัวถึงหมอน



เป็นไอ้ฉางที่จับหัวผมไปนอนหนุนตักมัน ผมเงยหน้าไปมองมัน ไอ้ฉางมองกลับมาพร้อมรอยยิ้ม ไม่มีเสียงพูดอีกเช่นเคย มีแต่เสียงหัวใจที่ดังแทนการสนทนา



XVII



ผมจะบ้าแล้ว ข้าวน่ารักขนาดนี้ผมก็แย่สิ



ข้าวผล็อยหลับไปแล้ว คาตักผมนี่แหละ ผมได้แต่จ้องเขาแล้วจ้องเขาอีก ทำไมเป็นคนน่ารักได้ขนาดนี้กันนะ มาถามไถ่ถึงเรื่องของผม ทั้งยังยอมมานอนข้างๆ กันอีก ผมจ้องมองเชยชมเครื่องหน้าข้าวยามหลับ ข้าวหน้าตาดีจริงๆ นั่นแหละ ดูมีตัวเลือกเยอะจะตาย ไม่คิดเลยว่าข้าวจะชอบคนอย่างผม คิดแล้วหัวใจก็เต้นผิดจังหวะเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้



เหนื่อยกับการเต้นของหัวใจเหลือเกิน



กลัวว่ามันจะทะลุออกมาจากอกเข้าสักวัน



ผมปล่อยให้ข้าวนอนหนุนตักผมอยู่อย่างนั้นสักพัก จนข้าวขยับตัวกลิ้งไปหนุนหมอนแทน ผมถึงรู้ตัวว่าขาผมชาเพราะเหน็บกิน เวลามีความสุขนี่อะไรก็ทำผมไม่ได้จริงๆ



ผมอยากแสดงให้ข้าวรู้ว่าผมชอบข้าวมากกว่านี้แต่ไม่อยากไปรุ่มร่าม ข้าวดูตั้งใจอ่านหนังสือมาก ก็พอรู้ว่าเป็นคนตั้งใจเรียน เลยไม่ไปกวน แต่เพราะอยากอยู่กับข้าวมากกว่านี้เลยชวนให้ข้าวมานอนอ่านหนังสือบนเตียง ไม่ใช่เรื่องปกติที่ใครๆ ก็ทำหรอกหรือ ผมคิดเช่นนั้นทว่าข้าวกลับปฏิเสธมาเสียนี่



ใจแป้วเหมือนกัน แต่ไม่ใช่คนไร้เหตุผล เมื่อรู้ว่าข้าวไม่ต้องการอย่างนั้นผมก็จะไม่ตื๊อให้ข้าวรำคาญ แต่ใจมันก็ยังอยากซึมซับข้าวมากกว่านี้ แค่นอนดมกลิ่นข้าวจากเตียงมันไม่พอนี่ ถึงได้เอาผ้าห่มของข้าวมันพันรอบตัว อยากเป็นของข้าวใจจะขาด อยากให้ข้าวเป็นของผมด้วย



ไม่คิดว่าสุดท้ายแล้วข้าวจะยอมทำตามคำร้องขอของผม ใจดีอีกแล้ว แม้ว่าต้องอ่านหนังสือสอบแต่ข้าวก็ยังยอมมาเล่นกับผม ใจผมเต้นแทบคลั่งแล้ว



ผมปล่อยให้ข้าวจ้องตัวหนังสือในบทเรียนไป ไม่อยากไปกวน แค่ข้าวยอมมาพิงตัวใส่ผมก็ดีจะแย่แล้ว ถ้าผมไม่ยอมนั่งนิ่งๆ ข้าวก็คงเสียสมาธิจนไม่ได้อ่านหนังสือ ผมอยากจับข้าวฟัดให้ชื่นใจไปข้าง แต่ทำไม่ได้เลยยอมทำตัวเป็นพนักพิงเกรดพรีเมี่ยมให้



หลังจากจบการพูดคุยเรื่องงานนรกที่คณะ ข้าวก็ใช้สมาธิไปกับชีทตรงหน้า ไม่รู้ตัวว่าตัวเองไหลลงจากอกผมไปเรื่อยๆ จนถึงหมอน ถึงอย่างนั้นผมกลับยกหัวข้าวก่อนขยับขาตัวเอง ให้ข้าวนอนหนุนตักแทน ไม่ต้องลุกขึ้นมานั่งใหม่ ผมมองข้าว ในหัวคิดแต่เรื่องอยากจูบ ริมฝีปากข้าววนอยู่ในหัวจนคล้ายคนโรคจิต จนกระทั่งข้าวเผลอหลับไป แผนการที่อดทนอดกลั้นมาก่อนหน้านี้ถึงได้เริ่มขึ้น



ผมลุกไปปิดไฟเตรียมพร้อมแล้ว ปีนขึ้นเตียงอีกครั้ง ขยับตัวสอดแขนไปใต้ร่างเจ้าของห้อง กอดข้าวให้แน่น ก่อนเอื้อมตัวไปประทับจูบ กดย้ำๆ ซ้ำๆ ให้สมใจ



เหมือนความรู้สึกทะลักออกมา ช่วงที่ผ่านมาผมแทบไม่ได้แตะต้องข้าวเลย ได้แค่ลอบจุ๊บนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้นเอง พอตอนนี้ผมเลยระเบิดอารมณ์ ระดมจูบเขาอย่างบ้าคลั่ง



“อือ...ฉะ...ฉาง”



เมื่อมีเสียงร้องขัด ผมชะงักก่อนผละจูบออกจากข้าวอย่างเสียดาย



“ข้าวยังไม่หลับอีกหรือ...”



“...ยัง”



“...งั้นก็ดี ผมจะได้จูบข้าวแบบไม่ต้องแอบซะที”



ก่อนประกบจูบลงไปอีกครั้งไม่ให้คนใต้ร่างได้เอ่ยแย้งอะไรออกมา









                                                                     
♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦



เนือยไปมั้ย กลัวจะเบื่อกัน ;.;

ตอนหน้ามีอะไรให้ระทึกเบาๆ นะ





หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเจ็ด| - 29.10.2017 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 30-10-2017 00:41:24
ฉางก็ยังคงเป็นฉาง
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเจ็ด| - 29.10.2017 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: คนคิ้วท์คิ้วท์ ที่ 30-10-2017 01:09:31
อะไรคือระทึก เรื่องเพื่อนเหรอ??
แต่เราชอบบรรยากาศแบบนี้ดีนะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเจ็ด| - 29.10.2017 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 30-10-2017 01:18:22
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเจ็ด| - 29.10.2017 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 30-10-2017 01:22:33
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเจ็ด| - 29.10.2017 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 30-10-2017 03:17:48
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเจ็ด| - 29.10.2017 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-10-2017 06:03:31
ระทึก nc ปะ  :ling1: :ling1: :ling1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเจ็ด| - 29.10.2017 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 30-10-2017 06:20:12
อ้อนได้อ้อนดีอะฉาง 5555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเจ็ด| - 29.10.2017 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: แว่นสายตาปกติ ที่ 30-10-2017 06:29:32
 :-[  ฉางงงงงง  :katai2-1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเจ็ด| - 29.10.2017 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: ซีเนียร์ ที่ 30-10-2017 07:52:51
 :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเจ็ด| - 29.10.2017 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 30-10-2017 07:55:35
ไม่เนือยค่ะ  น่ารักมากกกก
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเจ็ด| - 29.10.2017 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 30-10-2017 11:15:52
ฉางร้ายกาจมาก เอาลูกอ้อนเข้าสู้ให้ข้าวยอมตามใจ พอเขาหลับก็ยังจะมาลักขโมยจูบ ข้าวจีบได้แทนที่จะหยุด ดันต่อเฉยยย ชักจะได้ใจเกินไปละ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเจ็ด| - 29.10.2017 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 30-10-2017 12:30:21
โอ้ย คู่นี้เวลาอยู่ด้วยกันน่ารักอ้ะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเจ็ด| - 29.10.2017 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: flimflam ที่ 30-10-2017 13:32:45
งุ้งงงงงงง ฉางน่าร้ากกกก
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเจ็ด| - 29.10.2017 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 30-10-2017 13:46:30
ฉางน่ารักอ่ะ งอแงขี้อ้อนมาก :hao7:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเจ็ด| - 29.10.2017 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 30-10-2017 13:49:13
น่ารักกันอีกแล้ว :impress2: :impress2:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเจ็ด| - 29.10.2017 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 30-10-2017 14:32:07
ฉางน่ารักกก
ใรมุมของจ้าวคือแบบฉางน่ารักแบบแปลกๆอะ
ทำอะไรรรม้วนตัวกะผ้าห่มงี้ อ้อนงี้
แต่ในมุมของฉางคือแบบ ทุกสิ่งเป็นเรื่องธรรมดาสามัญ ใครๆก้ทำกันงี้
แล้วเราก้รู้สึกว่าเอออมันเปนเรื่องธรรมดา คล้อยตามซะงั้นน555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเจ็ด| - 29.10.2017 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 30-10-2017 14:48:18
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเจ็ด| - 29.10.2017 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 30-10-2017 15:44:17
ฉางงงงงงงงงงงงง  :katai2-1: :katai2-1:
ฟินนนนน
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเจ็ด| - 29.10.2017 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: 0% ที่ 30-10-2017 16:49:24
ชอบความสัมพันธ์ของคู่นี้จังเลย มันดูไม่หวือหวาอะไรมาก อ่านเเล้วให้ความรู้สึกอบอุ่นน่ารักดี เนื้อเรื่องเเบบนี้ดีเเล้วจ้าเรื่อยๆดีอ่านเพลินเลย รอตอนต่อไปนะ  :L2:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเจ็ด| - 29.10.2017 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 30-10-2017 18:04:24
 :jul1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเจ็ด| - 29.10.2017 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 30-10-2017 22:29:40
ฉางลวนลามข้าวตลอดเวลาเลย แต่สองคนนี้อยูด้วยกันแล้วบรรยากาศละมุนดี
แต่เรื่องระทึกนี่ไม่เอาได้มั้ย ท่าจะไม่ใช่เรื่องดี
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเจ็ด| - 29.10.2017 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 30-10-2017 23:13:59
หวานจังครบะ,,,
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเจ็ด| - 29.10.2017 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 31-10-2017 02:27:47
อยากจะแหมฉางให้ถึงดาวอังคารรรรร  :really2:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเจ็ด| - 29.10.2017 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 31-10-2017 08:30:43
ข้าวน่ารัก  :-[
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเจ็ด| - 29.10.2017 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 31-10-2017 20:04:35
คุณฉางบอกห้ามใจไม่ไหวแล้ววว :hao7:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเจ็ด| - 29.10.2017 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: HeIsMine ที่ 01-11-2017 16:01:07
ฉางงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!!!!
ข้าวน่ารักใจดีฉางคงหลงน่าดูเลย :mew1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเจ็ด| - 29.10.2017 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: Cardiac ที่ 01-11-2017 18:16:02
 :-[
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบแปด| - 2.11.2017 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 02-11-2017 00:35:56
18



 “ข้าวไปไหนต่อป่ะ”



“อือ คงแวะอ่านหนังสือกับพวกแว่นแล้วค่อยกลับ”



“กินข้าวกันก่อน มีร้านนึงเลยม.เราไปหน่อยเห็นเขาว่าอร่อย”



“เอาดิ”



ผมตอบซี้สนิท เดินตามไอ้เขียนไปที่รถมัน สารถีสตาร์ทรถก่อนขับเคลื่อนพาหนะคู่ใจออกไป ผมรู้จุดประสงค์ของไอ้เขียนว่าไม่ได้อยากไปกินอาหารอร่อยตามเสียงลือหรอก แต่เพราะร้านไหนที่อร่อย คนมักจะเยอะ ผู้หญิงก็เยอะตามไปด้วย นั่นแหละ เป้าหมายของมัน



แม้จะช่วงสอบแล้วยังไม่วายส่องสาว…



ผมสอบไปแล้วหนึ่งวิชา เพิ่งเสร็จเมื่อครู่นี้เอง ยังเหลืออีกเป็นแสน แม้จะยังเครียดอยู่ก็ตามแต่ก็ไม่เป็นปัญหาหากจะยอมพักสมองสักพัก เพื่อไปนั่งทานอาหารที่เขาว่ากันว่าอร่อย หรือไปนั่งเป็นเพื่อนไอ้เขียนสอดส่องสภาพแวดล้อม...



เมื่อมาถึง พวกผมนั่งลงในพื้นที่ว่างที่เหลือน้อยนิดของร้าน คิดว่าคงมีชื่อเสียงพอควรคนถึงได้เต็มร้านเช่นนี้ พวกเราสั่งอาหารเสร็จสรรพ คนตรงหน้าก็ชวนคุยเรื่อยเปื่อย สอดสายตาหาเหยื่อของมันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมันถามขึ้นมา



“แล้วไอ้ฉางนี่ยังมาอยู่กับมึงอยู่ป่ะ”



“อืม...ตอนนี้เป็นเมทกูไปแล้ว”



“หา”



“ก็...กูเห็นมันเข้าออกบ่อยๆ เลยให้มันเป็นเมทไปเลย จะได้ช่วยจ่ายค่าห้องให้ด้วยไง”



“งี้มึงก็ต้องอยู่กับมันอ่ะนะ”



“ก็ไม่เห็นเป็นปัญหาอะไรนี่ ทำไมล่ะ”



“ก็มันเป็นเกย์...”



“แล้วยังไง มันก็เป็นคนดีนะไอ้เขียน เลิกตัดสินด้วยเรื่องพวกนี้เถอะ”



ไอ้เขียนตั้งท่าจะเถียงต่อ ทว่าอาหารที่มาเสิร์ฟตรงหน้าทำให้บทสนทนาชะงัก ผมเปลี่ยนเรื่องคุย ไม่วกกลับมาบทสนทนาก่อนหน้านี้อีก ตั้งใจจะค่อยๆ บอกให้มันรู้ไปทีละอย่าง คิดว่าไอ้เขียนคงเปิดใจรับเรื่องพวกนี้ได้สักวัน



จบมื้อเย็น ดูท่าเขียนจะไม่เจอคนที่ถูกใจ มันไปส่งผมที่หอสมุดกลาง ก่อนแยกตัวกลับ ส่วนผมนั่งอ่านหนังสือกับพวกแว่นได้สักพักไอ้ฉางก็มารับ เป็นเวลาสามทุ่มไม่ขาดไม่เกิน ผมซ้อนมอเตอร์ไซค์มันกลับหอไป



“ข้าวดูเงียบๆ นะ”



“หืม”



ฉางเริ่มเอ่ยขึ้นเมื่อจอดรถข้างหลังหอพักเรียบร้อย ระหว่างการสนทนาก็เดินขึ้นห้องไปด้วย



“ก็นะ สอบ”



“เครียดหรอ”



“เครียดดิ” ผมว่าพร้อมไขกุญแจห้อง เปิดประตูเข้าไป กดสวิตช์ไฟก่อนเดินไปที่โต๊ะหนังสือ หวังจะวางกระเป๋า



“ข้าว” ทว่าเสียงไอ้ฉางเอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน ผมที่เดินถึงแค่กลางห้องจึงได้แต่ชะงักตัวก่อนหันไปหามัน...



มันที่กำลังอ้าแขนรออยู่อย่างนั้น ราวกับรอให้ผมเข้าไปในอ้อมกอด



“บอกแล้วไง ว่าผมรู้ใจข้าวนะ”



ผมถอนหายใจ ไม่โต้ตอบอะไรกลับไป เดินไปวางกระเป๋าลงบนเก้าอี้นั่ง ก่อนก้าวไวๆ ไปหาไอ้ฉาง พุ่งใส่พร้อมทิ้งน้ำหนักตัวลงอ้อมกอดของมันเต็มแรง ได้ยินเสียงหัวเราะของไอ้ฉางดังขึ้นมาเบาๆ สองแขนอุ่นของมันโอบรอบตัวผมไว้ กระชับแน่น ผมปล่อยให้มันทำตามใจชอบ ทิ้งน้ำหนักตัวใส่มันอย่างอ่อนแรงเต็มทน



สอบก็เครียด เรื่องไอ้เขียนก็เครียด ผมไม่รู้ว่าจะทำสองเรื่องนี้ให้ผ่านไปด้วยดีได้หรือเปล่า



อย่างไรเสีย อ้อมกอดอุ่นๆ ตอนนี้ก็ช่วยผมให้ก้าวต่อได้ไม่มากก็น้อย ผมขยับตัวซุกเข้าหามันมากขึ้น คงไม่ใช่เรื่องน่าอายใช่ไหมที่อยากได้อ้อมกอดของมันในตอนนี้ พลันปิดเปลือกตา ปล่อยให้ความเงียบทำงาน



อ้อมกอดคนตรงหน้าไม่ได้สัมผัสนิ่มเหมือนผู้หญิง กล้ามแขนแข็งด้วยเพราะกล้ามเนื้อและสัมผัสได้ถึงกระดูก ถึงอย่างนั้นกลับอบอุ่นยิ่งกว่าอ้อมกอดของคนไหนๆ เสียงหัวใจมันเต้นเป็นจังหวะแปลกๆ ทว่าฟังแล้วเสนาะหู ช่วยพาให้อารมณ์สงบลงได้อย่างน่าประหลาด..คงมีแค่ไอ้ฉางที่ทำแบบนี้ได้



เหมือนกับที่หลายๆ คนได้บอกไว้ ว่าการได้กอดใครสักคนไม่ต่างกับเป็นการชาร์ตแบตฯให้ตัวเอง



จนกระทั่งผมได้ยินเสียงกุกกักในห้อง จึงนึกได้ว่านอกจากพวกผมแล้วยังมีอีกหนึ่งสิ่งมีชีวิตในห้องด้วย...



แมวฉาง...



ผมผละตัวออกจากไอ้ฉาง หันไปทางต้นเสียง แมวฉางเขี่ยถ้วยข้าวก่อนก้มลงไปกิน มีเสียงครูดของถ้วยกับพื้นเป็นพักๆ เอาเถอะ...



ไอ้ฉางเอาแมวมันมาได้สักพักแล้วตอนช่วงก่อนสอบ เพราะบอกว่าผมเอาแต่ออกไปอ่านหนังสือ มันอยู่ห้องแล้วเหงาเลยไปขอเอาแมวมาเป็นเพื่อน ไว้ผมสอบเสร็จแล้วมันค่อยเอากลับ... ผมขัดอะไรไม่ได้อยู่แล้วนี่ ตามใจมึงเลย



ระหว่างผมกับไอ้ฉางไม่มีเสียงใดเกิดขึ้นอีก ผมเดินเข้าห้องน้ำไป อาบน้ำทำตัวตามปกติ แม้เรื่องที่ผมพุ่งเข้าไปกอดมันเมื่อกี้จะไม่ค่อยปกตินักก็ตาม... เพิ่งรู้ตัวแต่ทำไงได้ ที่ผ่านมาผมไม่เคยแตะตัวไอ้ฉางเกินความจำเป็นเลย มันก็เลยแปลกๆ นิดหน่อยที่จู่ๆ ไปกอดมันเต็มรักเสียขนาดนั้น



อาบน้ำเสร็จ แต่งตัวเรียบร้อย ผมออกมานอนแผ่อยู่บนเตียง มีไอ้ฉางนอนกลิ้งอยู่ข้างๆ ส่วนแมวฉางนอนจองพื้นที่ข้างโต๊ะอ่านหนังสือ



“ข้าว...”



“หืม”



“วันนี้ไม่อ่านหนังสือเหรอ”



“เดี๋ยวอ่าน...” ผมตอบพลางนึกวางแผนวันนี้ในใจว่าอ่านแค่สรุปแล้วนอน พรุ่งนี้ผมมีสอบบ่ายก็จริง แต่ตื่นเช้ามาอ่านต่อน่าจะดีกว่า ตอนนี้อ่านทบทวนเอาก็พอ



“ข้าวสอบกี่โมง”



“บ่าย...มึงอ่ะ” ผมถามบ้างเมื่อนึกขึ้นได้ว่าไอ้ฉางเคยบอกว่ามีสอบวันนี้ กับมะรืนนี้สองวิชา และตอนนี้ดูท่ามันคงกำลังเพิ่งอ่านวิชาที่ต้องสอบวันพรุ่งนี้...ไม่ทุกข์ร้อนเลยให้ตายสิ



“ผมสอบเก้าโมงเช้า”



“...เหรอ”



“...”



“ให้ปลุกมั้ย” ผมถามขึ้นอีกครั้ง ลุกขึ้นชันตัวนั่งมองหน้ามัน ไอ้ฉางฉีกยิ้มตามคาด เห็นหน้ามันเลยรู้ว่าที่แท้กะให้ผมปลุกตั้งแต่แรกอยู่แล้ว



“ขอบคุณนะข้าว”



“เออ” ตอบด้วยอารมณ์รำคาญ ถึงแม้จริงๆ ผมตั้งใจจะตื่นเช้าอยู่แล้วก็ตาม เกลียดมันตรงที่ชอบวางแผนอะไรไม่รู้อยู่ในหัว ผมตามมันไม่ทันทุกที



ผมขยับตัวไปหยิบชีทสรุปที่ทำไว้มาอ่านสำหรับสอบวันพรุ่งนี้  นอนอ่านบนเตียงเพราะคิดว่าไม่ต้องจริงจังก็ได้ แค่อ่าน ที่ไหนก็คงเหมือนกัน... ไอ้ฉางเองก็กลิ้งพลิกชีทมันไปมาอยู่ข้างๆ



“เฮ้อ...” ผมถอนหายใจ เครียดกับสอบ วันนี้ที่ทำไปก็ไม่รู้ว่าไหวมั้ย วันต่อไปก็วิชายากอีก ผมไม่ใช่คนหัวดีแบบไอ้เขียนที่อ่านนิดๆ หน่อยๆ ก็เข้าใจ ผมต้องใช้ความพยายามมากกว่านั้นในการทำคะแนน ถึงอย่างนั้นไอ้เขียนเองก็ไม่ใช่คนที่จะมาอ่านหนังสือเป็นเดือนๆ เหมือนผม อย่างมากก็สองอาทิตย์ก่อนสอบ แต่ก็ยังทำคะแนนออกมาได้ไม่น่าเกลียด



เชื่อว่าถ้ามันขยันกว่านี้ล่ะก็ผมคงไปเป็นปลิงดูดเลือด สูบความรู้มันจนตายไปข้าง



“ข้าว ยังไม่หายเครียดเหรอ”



“ปกติหน่า”



คราวนี้ไอ้ฉางไม่ว่าเปล่า มันขยับตัว วางชีทไว้บนเตียง เคลื่อนตัวมาหาผมใกล้จนต้องขยับตัวหนี จนสุดท้ายผมก็ยอมให้ไอ้ฉางเอาคางมาพาดบ่าผมอยู่ดี อย่างน้อยก็ไม่ได้แนบไปทั้งตัว ไม่อย่างนั้นมันคงได้ยินเสียงหัวใจของผมที่เต้นอย่างบ้าคลั่งนี้แน่



“ข้าว...”



“อะไร”



“ผมรู้วิธีคลายเครียดนะ”



“ยังไง”



ฉางไม่ตอบ ส่งยิ้มประหลาดมาให้ ผมเริ่มหวั่นใจ มันคิดอะไรแผลงๆ อีกรึเปล่าวะ ขณะที่เอาแต่เดาความคิดคนตรงหน้า ไม่ทันตั้งตัว ไอ้ฉางก็เคลื่อนที่เข้ามาประชิดตัว ประกบจูบลงมาที่ปากผม...



ผมตกใจ เบิกตาโพลง ไอ้ฉางขบริมฝีปากผมเบาๆ กดย้ำซ้ำๆ จนต้องอ้าปากหมายจะร้องให้มันหยุด พลันปลายลิ้นของอีกคนก็ถูกส่งเข้ามาในโพรงปาก ราวกับรอจังหวะนี้อยู่แล้ว ผมพยายามใช้ลิ้นตัวเองดันลิ้นมันออก พยายามเบือนหน้าหนี ยกมือดันอกไอ้ฉาง ทว่าแค่เพียงชั่วครู่ก็หยุดการกระทำเหล่านั้น กลายมาเป็นคล้อยตามจังหวะเสียอย่างนั้น



...ก่อนให้เหตุผลตัวเองว่าเป็นเพราะผู้ชาย เกิดอารมณ์เตลิดง่ายอยู่แล้ว...เพราะอย่างนั้น ถ้าจะคล้อยตามก็คงไม่แปลก...



มือที่วางอยู่บนไหล่แข็งเปลี่ยนเป็นขยุ้มเสื้อมันแน่น ก่อนอีกมือจะเลื่อนไปโอบรอบลำคอ ร่างกายโอนอ่อนไปตามรสจูบตรงหน้า ถึงอย่างนั้นผมเองก็ไม่ยอมน้อยหน้า รุกจูบเข้าใส่อย่างมั่นใจในประสบการณ์ ตวัดรัดลิ้นอีกฝ่าย แลกน้ำลายกันพลันวัน รุกไล่กันไม่หยุด อย่างต้องการเอาชนะ อารมณ์เริ่มรุนแรงมากขึ้นทุกที



ท่ามกลางเสียงจูบ มีเสียงหอบเอาอากาศหายใจสองเสียงดังขัดมาเป็นระลอก ลืมเรื่องราวก่อนหน้าไปเสียหมดสิ้น ตั้งสมาธิไปกับเหตุการณ์ตรงหน้าเพียงอย่างเดียว แค่คิดว่ารสจูบครั้งนี้แตกต่างจากทุกครั้ง เผลอเอามันไปเทียบกับผู้หญิงคนก่อนๆ ที่เคยผ่านมือมา ไม่ต้องอ่อนโยน ค่อยๆ ละเลียดหวังเอาใจ



รสจูบในครั้งนี้ เป็นไปตามสัญชาตญาณล้วนๆ



ร้อนแรง ลุ่มหลง



ผมอ้าปากรับอากาศอีกครั้ง ก่อนตอบรับจูบของมันใหม่ในรอบที่เท่าไหร่ก็จำไม่ได้ รู้แค่ตอนนี้รู้สึกดีอย่างน่าประหลาด ถ้ามันยังไม่หยุด ผมเองก็จะไม่หยุดเช่นกัน



จนกระทั่งเริ่มรู้สึกถึงสัมผัสจากมือไอ้ฉางที่ค่อยๆ เลื่อนจากไหล่ไปสู่หน้าท้อง ลูบวนอยู่สักพักจนอารมณ์พุ่งสูงขึ้นไปอย่างห้ามไม่ได้ มือที่โอบรอบคอไอ้ฉางเริ่มเปลี่ยนเป็นขยุ้มกลุ่มผมสีดำสนิท ถ่ายทอดความรู้สึกเสียวซ่านที่เริ่มก่อตัว ผมปล่อยให้การจูบดำเนินไปตามจังหวะอย่างที่มันควรจะเป็น



จนกระทั่งไอ้ฉางกระตุกขอบกางเกงผมลง



ผมเด้งตัวขึ้น สะดุ้งสุดแรงเมื่อรู้ตัวว่ามันกำลังจะรุกล้ำมากเกินไป ไม่ทันได้เอ่ยขัดอีกครั้ง ไอ้ฉางกดไหล่ผมลงกับผืนเตียงราวกับเป็นคำสั่งห้ามขัดขืน ผมสู้แรงมันไม่ได้



นึกสงสัยว่าทั้งที่วันๆ ก็เห็นมันเอาแต่นอนเลียนแบบศพกับทำตัวเอื่อยเฉื่อย เทียบกับผมที่อย่างน้อยก็ออกกำลังกายโดยการเดินไปเรียนทุกวัน ไม่เข้าใจว่าทำไมผมสู้แรงมันไม่ได้ แม้จะพยายามขยับตัวต่อต้านแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะหลุดพ้นเลยสักนิด ได้แต่ยอมนอนแผ่อยู่อย่างนั้นอย่างต้านไม่ไหว



“ม...มึง” ถึงอย่างนั้นริมฝีปากผมกลับเป็นอิสระ ผมพยายามหาถ้อยคำเอ่ยห้าม ทว่าในหัวสมองกลับว่างเปล่า นึกคำพูดไม่ออก เพราะมัวแต่ไปหลงมัวเมากับรสจูบแสนหวานก่อนหน้า



ไอ้ฉางไม่ตอบ กดยิ้มมุมปากก่อนส่งเสียงเป็นเชิงให้เงียบ มันเคลื่อนตัวเข้ามาประกบจูบผมอีกครั้ง หนึ่งฝ่ามือยังคงกดไหล่ผมไว้อย่างแน่นหนา ส่วนอีกหนึ่งมือสาละวนอยู่กับขอบกางเกงผม...



สองมือผมเป็นอิสระ พยายามดันตัวมันออกไปทว่าไม่เป็นผล ไอ้ฉางไม่ขยับเลยสักกะติก จนกระทั่งมันทำลายปราการชั้นสุดท้ายผมสำเร็จ กระตุกกางเกงนอนลงจนของลับที่ปกปิดมาตลอดโผล่ออกมารับอากาศ



สะดุ้งสุดตัว แม้จะขยับหรือร้องห้ามไม่ไหว แต่สองมือที่ว่างก็พุ่งเข้าไปหมายตะปบปกปิดของลับของตัวเองตามสัญชาตญาณ ทว่ายังไม่ไวพอ...ผมบิดตัวเกร็งเมื่อเจอสัมผัสประหลาดจากมือไอ้ฉางเข้าครอบครองก่อน ไออุ่นจากฝ่ามือ สัมผัสสากของเนื้อผิว แตกต่างจากที่เคยเจอ



“ม...ไม่เอา”



ไอ้ฉางถอนจูบผมไปสักพักแล้วก่อนเลื่อนริมฝีปากมาสาละวนอยู่แถวไหปลาร้า ผมรวบรวมคำพูด เอ่ยห้ามมันอย่างหมดหนทาง



“ชู่ว...เป็นเด็กดีนะข้าว”



อยากจะร้องเถียงด่ามันใจจะขาด เด็กดีอะไรเล่า! ปล่อยมือนั่นเสียที ลำพังแค่มันกุมส่วนนั้นของผมไว้ก็แย่แล้ว ทันทีที่ฉางเริ่มขยับนิ้ว เกลี่ยส่วนปลาย วนนิ้วราวกับต้องการจะแหย่เล่นไล่ไปจนถึงโคน ขยับรูดรั้งเบาๆ ผมร้องออกมาไม่เป็นภาษา น้ำตาซึมออกมาเพราะแรงอารมณ์



เพราะช่วงนี้ไม่ค่อยได้ทำ ไม่ได้เอาออกเลยรู้สึกง่ายกว่าปกติรึเปล่า เป็นคำถามที่ผมคิดขึ้นมาเพื่อปลอบใจตัวเอง เป็นข้ออ้างตอบเรื่องที่เผลอร้องเสียงน่าอายออกมา



ผมเกร็งตัว จะลุกก็ทำไม่ได้เลยได้แต่หดขาเข้ามาอย่างนั้น ไอ้ฉางไม่ให้ผมทำตัวเกะกะขวางทาง มันปล่อยมือที่ยึดผมกับเตียงออก เคลื่อนไปจับต้นขาผมให้แยกออกจากกันแทน



ผมลุกขึ้นมานั่งได้สำเร็จ มือหนึ่งดันไหล่ไอ้ฉางออก อีกมือจับข้อมือไอ้ฉางที่ครอบครองส่วนนั้นของผมแน่น พยายามขัดขืนสุดกำลังแม้จะรู้ว่าไร้ผล...เพราะร่างกายผมตอบสนองกับสัมผัสไอ้ฉางได้ดีเหลือเกิน



ฉางขยับยิ้มเมื่อเห็นผมลุกขึ้นมา หลังจากที่แยกขาผมออกพร้อมกับสอดตัวเข้ามาไม่ให้ผมหุบขาได้สำเร็จ มันก็ใช้อีกมือถลกเสื้อนอนผมขึ้น ก้มลงไปชิมยอดอกข้างใน พร้อมใช้หัวดัน ทิ้งน้ำหนักใส่อกผมจนค่อยๆ ไหลเอนไป



สุดท้าย...ผมก็กลับไปล้มตัวนอนอีกครั้ง น้ำตาคลอเบ้าจากแรงกามารมณ์ ส่วนล่างถูกฝ่ามือสากของมันขยับขึ้นลงช้าๆ หยอกเล่นกับส่วนปลายเป็นระยะ อีกมือลูบวนอยู่แถวหน้าท้อง เลื่อนมาจนถึงหน้าอก ขยับมือเขี่ยยอดอกหวังกลั่นแกล้ง ผมได้แต่หอบหายใจหนัก แอ่นตัวรับสัมผัสใดๆ ก็ตามที่มันมอบให้



สับสนพอๆ กับสุขสม



เมื่อสิ้นแรงขัดขืน ผมปล่อยให้คนบนร่างทำตามใจอยาก ขยับรูดรั้งแก่นกายเร็วขึ้นจนผมบิดตัวเกร็ง ปลายเท้าจิกลงเข้ากับผ้าปูเตียง ความรู้สึกเสียวซ่านส่งผ่านมาจนยั้งไว้ไม่อยู่ สองมือขยุ้มกลุ่มผมสีเข้มของมันอีกครั้ง ก่อนเลื่อนไปกลางแผ่นหลังใหญ่ ลงมือขูดครูดฝากรอยเล็บไว้แทนแรงอารมณ์ที่เกิด



จนสุดท้าย ก็ถูกชักนำไปจนสุดหนทาง ปลดปล่อยหยาดน้ำขาวขุ่นเปรอะเต็มหน้าท้อง



XVIII



ต้นข้าวนอนตัวแดงเป็นกุ้งเผาหอบหายใจอยู่ใต้ร่างผม หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงแสดงความเหนื่อยล้าอย่างน่าเอ็นดู หยาดน้ำตาเคลือบอยู่เต็มเบ้าตา ทำให้รู้ว่าเมื่อครู่เขารู้สึกดีมากแค่ไหน ริมฝีปากข้าวบวมเจ่อเพราะรสจูบ ใบหน้าสวยขึ้นสี เม็ดเหงื่อผุดตามไรผม ข้าวของผมเซ็กซี่เป็นบ้า



ว่าแล้วว่าทำตอนตื่นดีกว่าแอบลักหลับเหมือนคราวนั้นเป็นไหนๆ



ข้าวขยับสายตา ใช้ดวงตาที่เคลือบหยาดน้ำใสนั้นจับจ้องตัวผม เหม่อมองอยู่สักพักก่อนใบหน้าจะขึ้นสีหนักกว่าเก่า ราวกับเพิ่งได้สติ เหมือนเพิ่งรู้ตัวว่าต้องอาย



คนขี้เขินกลิ้งหนี พลิกตัวนอนตะแคงก่อนมุดออกจากผมลงจากเตียงไป ท่าทางรีบร้อนจนแมวฉางตื่นขึ้นมาชะเง้อดู เจ้าตัวรีบถอดเสื้อ คว้าเสื้อตัวใหม่ก่อนวิ่งเข้าห้องน้ำ ผมได้ยินเสียงน้ำไหลไม่นานก็หยุด ข้าวออกมาพร้อมกับเสื้อตัวใหม่ ใบหน้ายังคงแดงจัดเหมือนเดิม คนน่ารักของผมหยุดชะงักอยู่กลางห้อง ราวกับว่าอายเกินไปที่จะเข้าใกล้ตัวการอย่างผม



“...มือ...มึง...”



ผมจ้องเขาจนกระทั่งข้าวยอมเอ่ยปาก พูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก ทำให้ผมนึกขึ้นมาได้



“อ้อ...” ว่ามือของผมเปื้อน น้ำข้าว อยู่



ยกขึ้นมาสำรวจดู พลิกหน้าหลัง ไม่ได้เปื้อนมาก ผมขี้เกียจลุกจากเตียงแล้ว เพราะฉะนั้น...



หมับ!



“ห...หยุดเลยไอ้บ้า”



“...”



“ไปล้างมือ”



ผมขยับยิ้มให้ข้าวที่วิ่งเข้ามาจับมือผมไม่ให้ถูกกับลิ้น ใช้สายตาจ้องเขาอย่างเอ็นดู ตอบแทนคำสั่งข้าวโดยการแลบลิ้นเลียน้ำรักของเขาที่เปรอะเปื้อนอยู่ตามซอกนิ้ว



“ไอ้…!!”



คนน่ารักหน้าแดงลามไปจนถึงคอ ไม่มีคำพูดใดส่งออกจากปากของข้าวต่อ เจ้าตัวสะบัดมือวิ่งหนีขึ้นเตียงไป ตวัดผ้าห่มคลุมรอบตัว ส่วนผมเมื่อไม่มีคนห้ามแล้ว จึงจัดการทำความสะอาดคราบเปื้อนที่มือด้วยลิ้นตัวเองจนสิ้นซาก พลันคิดว่า สุดท้ายผมก็ต้องเข้าห้องน้ำไปจัดการกับช่วงล่างของตัวเองที่ปวดหนึบนี่อยู่ดี



“ข้าว...”



“...”



ข้าวในก้อนผ้าห่มนิ่งเงียบ ผมรับรู้ว่าข้าวของผมเขินจนไม่กล้ามองหน้า แต่ยังไม่หลับแน่ๆ จึงเอ่ยต่อ



“การได้ปลดปล่อยก็เป็นการคลายเครียดอย่างหนึ่งนะ”



“...เงียบไปเลย!”



“น้ำข้าวเองก็...”



“กูบอกให้หุบปาก!!”





                                                                      ♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦



ระทึกกันเบาๆ .///.)


หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบแปด| - 2.11.2017 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 02-11-2017 00:48:11
นี่ไง พอฉางได้ขนาดนี้แล้ว ต่อไปมันจะได้ใจขึ้นนะข้าว ระวังตัวไว้  :hao7:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบแปด| - 2.11.2017 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: nnnnnnni ที่ 02-11-2017 00:52:43
 :z1: :pighaun:  แก้เครียดเบาๆเนอะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบแปด| - 2.11.2017 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 02-11-2017 00:56:27
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบแปด| - 2.11.2017 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 02-11-2017 01:13:10
เราว่ากุ้งเผามันจะดำหน่อยๆนะ :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบแปด| - 2.11.2017 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 02-11-2017 01:16:15
อหหนี่แหละ first step ของการเสียตัว5555
แล้ว the next step ก้จะตามมาเรื่อยๆนะข้าวนะ
ฉางไม่ปล่อยไว้นานหรอกก
อยากกินข้าวจะแย่แล้ว
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบแปด| - 2.11.2017 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 02-11-2017 02:59:44
 :hao6:ก
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบแปด| - 2.11.2017 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 02-11-2017 03:52:45
 :z1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบแปด| - 2.11.2017 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 02-11-2017 06:40:59
พี่ฉางเหิมเกริมไปละ ร้ายกาจนะเราอะ 55555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบแปด| - 2.11.2017 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: yanaanay ที่ 02-11-2017 06:52:00
ฉางมันร้ายย
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบแปด| - 2.11.2017 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-11-2017 07:27:08
วิธีระบายความเครียดของฉาง ได้ผลจริงๆ  :hao5: :sad4: :heaven
ฉางเองก็ได้ระบายเหมือนกัน  o18

เขียน ย่งวุ่นวายกับข้าวมากไปแล้ว
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบแปด| - 2.11.2017 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 02-11-2017 07:38:16
 :pighaun:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบแปด| - 2.11.2017 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: Pisoi ที่ 02-11-2017 11:10:12
ฉางนี่ร้ายจริงๆ ข้าวระวังตัวนะ ฉางเพิ่มเลเวลเรื่อยๆแหละ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบแปด| - 2.11.2017 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 02-11-2017 11:53:55
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบแปด| - 2.11.2017 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 02-11-2017 13:55:00
แหมมม อารมณ์ร่วมกันทั้งคู่อ่ะ :haun4:
อยากเป็นแมวฉางเลย จะขอติดขอบเตียง 555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบแปด| - 2.11.2017 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 02-11-2017 14:45:56
ฉางร้ายมาก ฉางร้ายมาก ฉางร้ายมาก ฉางร้ายมาก ฉางร้ายมาก ฉางร้ายมาก ฉางร้ายมาก ฉางร้ายมาก

ข้าวเขินตายพอดี มาน้ำข้งน้ำข้าว เกร้สสสสสส ระวังเถอะ เขาจะไม่ให้เข้าใกล้5545554
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบแปด| - 2.11.2017 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: baibuabuaz ที่ 02-11-2017 15:18:13
ฉางงงงงงงงงงงว้อยยยยยยยยยยยยยย
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบแปด| - 2.11.2017 p.10
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 02-11-2017 15:31:19
ฉางร้ายกาจ!!! ข้าวจะรอดไปได้อีกกี่นานกัน ^^
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบแปด| - 2.11.2017 p.11
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 02-11-2017 20:14:42
 :z1:


 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบแปด| - 2.11.2017 p.11
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 03-11-2017 08:24:46
ฉางร้ายกาจมากอ่ะ 555555555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบแปด| - 2.11.2017 p.11
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 03-11-2017 15:52:17
 :oo1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบแปด| - 2.11.2017 p.11
เริ่มหัวข้อโดย: 0% ที่ 03-11-2017 16:22:32
ดูเหมือนฉางจะหิวข้าวเต็มที่เเล้ว  :hao6:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบแปด| - 2.11.2017 p.11
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 03-11-2017 17:08:50
ข้าว เคยห้ามอะไรฉางได้บ้าง
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบแปด| - 2.11.2017 p.11
เริ่มหัวข้อโดย: shoi_toei ที่ 03-11-2017 19:32:06
โอยยยย เมื่อมีออเดิฟ อีกไม่นาน นางต้องเสริฟ ฟลูคอร์ส แน่ ๆ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบแปด| - 2.11.2017 p.11
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 03-11-2017 23:42:41
ปลดปล่อย. อีกไม่นานหรอกข้าว,,,
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบแปด| - 2.11.2017 p.11
เริ่มหัวข้อโดย: SIRINN ที่ 04-11-2017 19:57:17
  o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบแปด| - 2.11.2017 p.11
เริ่มหัวข้อโดย: iamaweirdo ที่ 04-11-2017 21:17:07
แหมมมมมฉางเว้ย :ruready
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบแปด| - 2.11.2017 p.11
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 04-11-2017 22:50:24
มนุษย์มึนอันดับต้นๆ มิสเตอร์ฉาง ช่วงแรกแบบฮาๆ ฉางดี คนแบบนี้ก็มีด้วย
ต้นข้าวใจดีมาก น่ารักจนฉางหลงจะแย่แล้ว ดูปากแข็งแต่ก็ใจเสมอ
ตอนนี้เหลือก็แต่เรื่องเขียนนั่นแหละ เปิดใจนะเขียนนะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบแปด| - 2.11.2017 p.11
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 05-11-2017 03:54:06
ฉาง ทำไมร้าย 55555 ทำเนียนนะ จนข้าวเคลิ้มเลย
ข้าวน่ารัก ทำเค้ามามาก ตอนนี้เจอเอง เขินแรงมากค่ะ

โอ๊ยยย ฉางคงฟินไปอีกหลายวัน หรืออาจจะโดนปลดล็อคจนไม่พอไม่รู้
ข้าวคะ หายเครียดไหม  :mew2:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบแปด| - 2.11.2017 p.11
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 05-11-2017 09:15:53
ฉาง มีพัฒนาการดีจริงๆ  :impress2:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเก้า| - 6.11.2017 p.12
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 06-11-2017 22:39:19
19



เป็นเวลาสี่ทุ่ม เวลาที่ปกติห้องของผมจะเริ่มเงียบงัน เพราะปกติก็ไม่ได้เสียงดังอยู่แล้ว ถึงมีไอ้ฉางมาเพิ่มก็ไม่ได้ทำให้สภาวะของเสียงในห้องเพิ่มมากขึ้นนัก แต่เพราะในตอนนี้ ในห้องของหอพักที่ปกติอยู่กันแค่สองคนกลับมาคนเพิ่มขึ้นมาถึงสองเท่า



...พวกเพื่อนฉางอยู่ด้วยกันพร้อมหน้า



“แล้วยังไงอ่ะ คานยื่นตรงนี้มันก็ทำได้นี่หน่า ถ้าไม่ยื่นตรงนี้แล้วไปยื่นตรงนั้น ตรงโน้นมันจะแปลกๆ เอาไง”



“อัลฟ่าคุณช่วยเงียบปากเสียที”



“เอ๊า ก็ผมพูดจริงนี่ ถ้าคุณจะแก้แบบแล้วให้คานไปยื่นตรงนู้นดีกว่าตรงนี้ผมว่ามันไม่ใช่อ่ะ ตรงนี้ดีกว่าตรงนู้นอีก รูปด้านตรงนี้ก็สวยกว่า”



“เพราะโครงสร้างมันทำไม่ได้ไง อัลฟ่า ทีนี้ช่วยเงียบได้หรือยัง...”



ผมมองพวกว่าที่สถาปนิกคุยกัน คิดว่าคุยแบบคงปกติว่าไม่น่าจะเข้าใจแล้ว เจอภาษาอัลฟ่าเข้าไปผมฟังให้มันทะลุหัวไปเฉยๆ เสียดีกว่า ไม่ขอทำความเข้าใจ



อัลฟ่ายังคงโวยวายเรื่องตรงโน้นตรงนี้อะไรไม่รู้ของมัน ทำให้ห้องหับที่ปกติเงียบเป็นป่าช้ามีแต่เสียงของมัน มีเสียงไอ้ฉางดังบอกว่าหนวกหูเป็นระยะ และเสียงเพียวที่นานๆ ทีจะโผล่มาเพื่อตัดความรำคาญ คนที่ดูไม่ใส่ใจกับสถานการณ์ได้ดีที่สุดยังคงเป็นฟิวเจอร์เช่นเคย



ผมนั่งหาวหวอดอยู่ปลายเตียง



หลังจากสอบเสร็จแล้ว ผมมีเวลาว่างมากกว่าเคย เครียดน้อยลงแล้วด้วย ไม่ใช่เพราะการคลายเครียดของไอ้ฉางเมื่อครานั้นแต่อย่างใด ตอนนั้น กว่าผมจะกล้ามองหน้ามันเต็มๆ ได้ก็ใช้เวลาไม่น้อย



ผมไม่เครียดแล้ว ทว่าพวกไอ้ฉางกลับสลับกัน พอจบช่วงสอบ พวกนั้นก็เริ่มโปรเจคใหม่ทันที พร้อมกับงานกลุ่มอีกมหาศาล ทว่าหลังส่งงานสตูดิโอของพวกมันเละอย่างกับโรงเก็บขยะ ทางคณะเลยทำโทษไม่ให้อยู่ทำงานค้างคืนในช่วงนี้ เป็นเหตุให้ไอ้พวกนี้ระเห็จมาอาศัยหอผม



...ต้นเหตุก็เพราะไอ้ฉาง



ทั้งที่ปกติแล้วถ้าทำงานที่คณะไม่ได้ พวกฉางก็จะไปรวมตัวกันที่หอเพียวกับฟิวเจอร์ แต่ครั้งนี้ไอ้ฉางเสือกงอแงไม่อยากไปไหนทั้งนั้น เมื่อโลกต้องหมุนตามมัน เพื่อนที่เหลือเลยมาขออนุญาตบุกหอผมอย่างไม่เกรงใจ



...แต่ก็เอาเถอะ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร เรื่องแค่นี้เอง...มั้ง



มีพวกนี้มาอยู่ในห้องแล้วก็ดูน่าปวดหัวดี



“ข้าว ในฐานะที่เรียนวิศวะ ข้าวว่าคานยื่นแบบนี้มันทำได้มั้ย”



“หา”



ผมทำหน้างงใส่เจ้าของเสียงอย่างอัลฟ่า จู่ๆ ก็มาโยนขี้ใส่กันเสียอย่างนั้น กูเรียนวิศวะไฟฟ้า ไม่ใช่โยธา จะไปรู้กับมึงมั้ย ผมด่ามันอยู่ในใจ แต่ก็ยอมชะเง้อไปมองจอคอมของมัน



“หืม...ยื่นขนาดนี้ทำได้เหรอ”



“ใช่มั้ยล่ะ ข้าวก็คิดเหมือนผม อัลฟ่าคุณยอมแพ้ได้แล้ว”



“ไม่ มันทำได้ ถ้าคำนวณโครงสร้างดีๆ ล่ะก็ได้ งานสถาปัตย์อย่างนี้มีเยอะแยะ”



“วิชาโครงสร้าง จะออกแบบโครงสร้างล้ำๆ ไปให้อาจารย์ถล่มยับหรือไง”



“โปรเจคนี้อาจารย์ให้แค่ลองทำความเข้าใจโครงสร้าง ถ้าคุณอยากเล่นลูกเล่นโครงสร้างเท่ๆ ก็ลองโปรเจคถัดไปเอา”



“แต่มัน...”



“งานส่งพรุ่งนี้เย็นแล้ว คุณคำนวณโครงสร้างเป็นหรือไง”



“...ไม่เป็น”



“งั้นก็เลิกคิดได้แล้ว”



“ฉาง เพียว พวกคุณอ่ะไม่เข้าใจความงาม”



“แต่ผมเข้าใจสัจธรรม”



สุดท้ายพวกมันก็หันไปตีกันเองต่อ ผมถอนหายใจอีกครั้ง คืนนี้กูจะได้นอนมั้ย ผมมองนาฬิกาที่เพิ่งสองทุ่ม ไม่ได้รีบเข้านอนหรอก แต่เห็นพวกมันตีกันแล้วก็หวั่นว่างานมันจะเสร็จเมื่อไหร่



“เดี๋ยวลงไปซื้อขนมมาให้นะ เอาอะไรมั้ย” ผมเอ่ยถาม เมื่อคิดว่าค่ำคืนนี้ของพวกมันคงอีกไกล มีเสบียงตุนไว้ก็คงจะดี



“ข้าวใจดีจัง” ไอ้ฉางหันมาฉีกยิ้มให้ผม



“เอาอะไร”



“ข้าวไม่ต้องลงไปหรอก ฉาง...คุณนั่นแหละลงไป”



“อ้าว ทำไมเป็นผมล่ะ”



“ไหนๆ ก็เถียงกับอัลฟ่าไม่รู้จบอยู่ดีใช่ไหมล่ะ ลงไปเถอะ เดี๋ยวทางนี้จัดการเอง”



เป็นเพียวที่เอ่ยขึ้นมา ใบหน้าสวยหวานจ้องหน้าไอ้ฉางอีกครั้งเมื่อมันมีทีท่าไม่อยากไป ขยับริมฝีปากสีสวยเอ่ยน้ำเสียงเย็นเยียบ



“ไปสิฉาง...เอาเหมือนปกติที่พวกเรากินนะ”



มันถึงยอมลุกขึ้น ทำหน้าบี้ ส่งสายตาอ้อนวอนมาทางผม เฮ้อ จะไปด้วยก็ได้



“ไม่ต้องมองข้าวเลยฉาง คุณลงไปคนเดียวนั่นแหละ”



“ทำไมล่ะ”



“ก็เพราะคุณ พวกเราถึงต้องมากวนข้าวอยู่อย่างนี้ไม่ใช่หรือไง”



เพียวว่าอีกครั้งก่อนขยับยิ้ม...ที่ผมว่ามันน่าขนลุกยังไงไม่รู้



“เดี๋ยวผมก็ไปหลับกลางทางหรอก”



“ไม่เป็นไรหรอก ถ้าไม่กลับมา เดี๋ยวให้ข้าวไปปลุก”



เพียวว่าเช่นนั้นก่อนหันกลับมายุ่งกับหน้าจอแล็ปท็อปตัวเองต่อ ส่วนไอ้ฉางทำหน้าเบื่อโลกก่อนยอมเดินออกจากห้องไป...



พอในห้องเหลือแค่ผมกับเพื่อนๆ ฉาง ทำให้ผมคิดได้ว่า...อันที่จริง ผมก็คุยกับพวกนี้ไม่บ่อยเท่าไหร่ ความเงียบเริ่มครอบงำพื้นที่ เอาแล้วไง เริ่มเกร็งแล้วตู



“ข้าว” ผมสะดุ้งเมื่อน้ำเสียงหวานเอ่ยเรียก “มานั่งนี่หน่อยสิ”



ผมจ้องหน้าเพียว...รับรู้ว่าประโยคเมื่อครู่ไม่ใช่คำขอร้องหรือเชิญชวน แต่มันเป็นคำสั่ง ...ผมขยับตัว ก้าวลงจากเตียง เดินไปทรุดตัวนั่งข้างๆ เรือนร่างงดงามเกินชาย



“มีอะไรรึเปล่า”



“อยากคุยด้วยเฉยๆ” เพียวว่าพร้อมรอยยิ้มเสมอ เพียงแค่รู้สึกว่ายิ่งรู้จัก รอยยิ้มเพียวยิ่งดูน่าหวาดหวั่น



...เหมือนมีแผนร้ายในหัวตลอดเวลาอย่างนั้น



“คุยอะไรล่ะ เรื่องคานอะไรนั่นเราไม่รู้ด้วยหรอกนะ” ผมว่าดัก เป็นเหตุให้อัลฟ่าหัวเราะขันเสียงดัง



“ข้าวน่ารักจัง ไม่แปลกที่ฉางจะติดใจขนาดนี้” เพียวว่า



“เนอะๆ ผมยังชอบข้าวเลย”



ไม่ได้ดีใจสักนิด แต่จะรู้สึกดีกว่านี้มากถ้าอัลฟ่าจะยอมหุบปาก



“ทำไมถึงมาคบกับฉางได้ล่ะ”



“...ไม่รู้สิ” ผมตอบตามจริง “...ความรู้สึก มันห้ามได้ด้วยเหรอ”



“นั่นสินะ แสดงว่าชอบจริงๆ?”



“เคยบอกไปแล้วนี่” ตอนที่ฉางพาไปสตูคราวนั้นไง ผมไม่รู้ว่าเพียวต้องการอะไร ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถลุกหนีสถานการณ์แปลกๆ นี้ได้



“คบกับฉางก็เหนื่อยหน่อยนะ”



“...ก็พอรู้”



“รายนั้นแฟนคลับน่ากลัว”



“หา”



“อ้าว ไม่รู้เหรอ”



“อย่างไอ้ฉางมีแฟนคลับด้วยเหรอ?”



“อื้ม ไม่เคยสงสัยเหรอว่าทำไมฉางไม่มีเพื่อนคนอื่นในคณะนอกจากพวกเรา”



“...”



“เพราะถ้าฉางไปคุยกับใคร คนนั้นจะชอบถูกแฟนคลับฉางโจมตีไง”



“หา” มีเรื่องอย่างนี้ด้วยเหรอ ผมทำใจเชื่อได้ยาก เรื่องแบบนี้ไม่เคยอยู่ใกล้ตัวผม หลุดมาจากละครหรือยังไง



“เรื่องจริงนะ ข้าวก็ระวังตัวไว้แล้วกัน คนล่าสุดเห็นว่าลาออกจามหาลัยไปเลย”



“...”



ผมเงียบ พลางนึกถึงตอนแรกที่เข้ามาในคณะ เด็กสาวที่ผมถามหาไอ้ฉางมีท่าทีแปลกๆ ตอนพูดถึงมัน อาจจะเป็นเพราะเรื่องนี้รึเปล่านะ



“แล้วฉางอยู่กับพวกคุณ...ไม่โดนอะไรหรือไง”



“ข้าวคิดว่ามีใครทำอะไรเราได้งั้นเหรอ”



“...” ผมเงียบใส่เพียวเป็นคำตอบ มองรอยยิ้มตรงหน้าแล้วใจสั่น ในอีกความหาย เหมือนสั่นเพราะหวาดผวามากกว่าเพราะขวยเขินในรอยยิ้มสวยๆ เช่นที่ผ่านมา



“ถ้าจะคบกันก็ไม่ว่าหรอกนะ เราแค่อยากมาเตือนไว้”



“...”



“ยังไงตอนนี้ข้าวก็ยังไม่เป็นที่รู้จักในคณะเราเท่าไหร่  แต่ก็เริ่มมีคนเห็นแล้ว เลยมาบอกให้ระวังตัวไว้เฉยๆ”



ผมเงียบ ใช้ความคิดขนาดหนัก แค่ไอ้ฉางมีแฟนคลับว่าแปลกแล้ว แฟนคลับยังเป็นพวกแปลกๆ อีก มันมีจริงๆ ด้วยเหรอวะเรื่องอย่างนี้ แฟนคลับส่วนใหญ่ชื่นชอบไอดอลของเขาก็ไม่ควรไปทำร้ายคนอื่นสิ หรือเพราะชอบมากเกินไปจนอิจฉาคนที่เข้าใกล้ เลยจ้องทำร้ายงี้เหรอ ไม่เห็นจะเข้าใจเลย



โดยไม่รู้ตัว เพียวขยับเข้ามาใกล้ผมจนใบหน้าห่างกันเพียงไม่ถึงคืบ ผมตกใจผงะออกพร้อมกับเสียงประตูที่เปิดออก



“เพียว!”



ไอ้ฉางร้องลั่น วิ่งมาพุ่งตัวใส่ผม โอบแขนรัดล้อมตัวผมไว้แน่น ดูจากการหอบแล้วคิดว่ามันน่าจะรีบวิ่งมาแน่ๆ



“อย่ารังแกข้าว!”



“คุณน่ะ กลับมาเร็วทำไม ไม่สนุกเลย”



“แกล้งข้าวทำไม อยากตายหรือไง!”



“คุณก็รู้นี่ว่าทำไม”



“ผมรู้ว่าข้าวน่าแกล้ง แต่เล่นกันอย่างนี้เกินไปหน่อยนะ ฟิวเจอร์ก็ด้วย ทำไมคุณไม่ดูแลคนของคุณดีๆ เล่า”



ผมสับสนกับเสียงไอ้ฉางตีกับเพียวไปหมด พยายามจับใจความให้ได้



“อัลฟ่าก็อีก รู้ทั้งรู้ว่าเพียวนิสัยไม่ดี ยังจะปล่อยให้ข้าวไปยุ่งกับเพียวอีก”



“ฉาง คุณก็รู้นิสัยเพียว แล้วจะให้ผมเข้าไปขัดยังไง”



“ข้าวอ่ะ...ไม่ระวังตัวเลย” หลังจากที่มันด่าวนเพื่อนมันจนครบแล้ว ก็มาลงที่ผม... เอ้า ไอ้นี่



“ที่ใช้ผมลงไปเพราะจะแกล้งข้าวใช่มั้ย ผมโกรธนะ กลับบ้านกันไปเลย ไม่ทำแล้ว”



“ฮะๆ ขอโทษละกัน อย่าเพิ่งทิ้งงานเลย ยังเริ่มไปได้ไม่ถึงครึ่ง”



“ช่างมันแล้ว คุณแกล้งข้าว”



“ข้าว ขอโทษนะ เมื่อกี้เราล้อเล่นน่ะ”



“หา”



“จริงๆ ไม่มีอะไรหรอก แค่อยากแกล้ง...ก็ข้าวน่าแกล้งนี่นา”



“...”



ผมไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจความคิดคนพวกนี้ เห็นผมน่าแกล้งก็เลยแกล้งได้งั้นเหรอ ได้เหรอวะ นี่ซี้กันแล้ว? ควรจะโกรธมั้ยยังไง ผมสับสนมากกว่าตอนนี้ เหมือนพยายามทำความเข้าใจกับเรื่องเมื่อครู่เป็นอย่างดี สุดท้ายก็ถูกกระชากลงด้วยคำว่าล้อเล่น งง



 “กลับไปเลย ผมไม่ให้อยู่แล้ว นิสัยไม่ดี” ไอ้ฉางยังคงโวยวายเกาะผมไว้อย่างต่อเนื่อง จนผมสำนึกได้ว่ามันกำลังกอดผมต่อหน้าเพื่อนๆ มันถึงได้ดิ้นหลุดออกมา ไอ้บ้า มียางอายบ้างเหอะ



“ข้าว เราขอโทษนะ ให้อยู่ต่อเถอะนะ นะ” เพียวหันมาว่าพร้อมรอยยิ้มสดใส ต่างจากเมื่อครู่ลิบลับ ให้ตายสิ ผมรู้แล้วว่าเพียวคนนี้เป็นคนอันตรายที่สุด ไม่กล้าเชื่ออะไรแล้ว พอๆ กับไม่กล้าต่อต้านอะไรด้วย



“สรุปเรื่องเมื่อกี้คือ...”



“ไม่มีอะไรทั้งนั้น เรากุเรื่องมาเอง ไม่เชื่อก็ถามอัลฟ่าไม่ก็ฉางสิ”



“เพียวไปหลอกอะไรข้าว”



“ฉางมันไม่ได้มีแฟนคลับอะไรอย่างที่เพียวกุหรอก ถึงจะมีคนชอบฉางเพราะหน้าตาแต่ก็ไม่มีใครมาก้าวก่ายอะไร ที่ฉางไม่มีคนคบเพราะไม่ชอบอยู่กับคนเยอะเฉยๆ เอง ตอนปีหนึ่งฉางเลยเอาแต่ตามฟิวเจอร์เพราะติดใจที่ฟิวเจอร์ไม่พูดมาก แต่มีฟิวเจอร์ก็ต้องมีเพียวใช่มั้ยล่ะ แค่นั้นเอง ก็เลยมารวมกลุ่มกัน” อัลฟ่าเป็นคนอธิบาย



“ส่วนอัลฟ่าไม่มีคนคบจริงๆ” เพียวเสริม



“ใช่ที่ไหนเล่า! เพราะพวกคุณนั่นแหละ ตอนปีหนึ่งมีพี่มาขอร้องให้ผมเป็นเดือนเพราะพวกคุณไม่มีใครยอมเป็น ช่วงนั้นผมเลยต้องเอาแต่ตามตื๊อให้พวกคุณไปประกวด ไม่ได้คุยกับเพื่อนคนไหน รู้ตัวอีกทีเพื่อนๆ ก็มีกลุ่มกันแล้ว ส่วนผมก็ต้องเป็นเดือนอยู่ดี... เสียเวลามาก เพื่อนก็ไม่ได้ ต้องไปซ้อมเต้นประกวดอีก”



ผมฟังแล้วขำพรืดออกมา สงสารอัลฟ่าอยู่ไม่น้อย



“เนี่ยข้าว แล้วพอผมต้องมาอยู่กับพวกนี้นะ ฉางก็บังคับให้ผมพูดเพราะๆ ใช้ผมกับคุณ ห้ามมีคำหยาบ ไม่งั้นจะไม่คุยด้วย แล้วผมเลือกได้เหรอ ตอนนั้นก็ไม่มีกลุ่มแล้วอ่ะ ผมพยายามมากนะที่ต้องพูดสุภาพเนี่ย แต่พอมีข้าวมาฉางกลับยกเว้นให้ทุกอย่างเลย โคตรไม่ยุติธรรม”



“จริงเหรอ...” ผมหันไปถามไอ้ฉาง



“ก็เพราะเป็นข้าวไง”



“เนี่ย คุณมันก็ลำเอียงอย่างเนี่ย เกลียดอะไรผมอ่ะ”



“อัลฟ่า คุณไม่น่าเอาตัวเองไปเทียบกับข้าวนะ”



“เนี่ยข้าว ดูดิ ฉางเกลียดผมอ่ะ ชอบขัดผมมันซะทุกอย่าง อย่างตอนนั้นก็เอาเกมยิงห่วงน้ำของผมไปแช่ช่องฟรีซ อำมหิตโคตร กว่าผมจะหามันมาได้ ทำกันได้ลง”



“ก็คุณเอาแต่เล่น ไม่ทำงานไงอัลฟ่า”



“ทีฟิวเจอร์เล่นเกมคุณยังไม่เคยว่าเลย”



“ฟิวเจอร์เล่นก็แค่ตอนที่ไม่มีงาน ไม่เหมือนคุณที่เล่นไปทำงานไป เลิกโวยวายได้แล้วอัลฟ่า น่ารำคาญ”



“เนี่ย ข้าว เนี่ย!! ฉางเกลียดผม!”



ผมหัวเราะออกมาอีกครั้ง เมื่อเห็นสีหน้าบูดบึ้งและเสียงร้องโวยวายของอัลฟ่า ดูอัดอั้นกับเรื่องนี้ไม่น้อย อันที่จริงผมหัวเราะแทบตายที่ไอ้ฉางเอาเกมยิงห่วงน้ำที่เป็นของเล่นสมัยก่อนของอัลฟ่าไปแช่ช่องฟรีซ คิดได้จริงๆ  ผมไม่คิดว่าไอ้ฉางเกลียดอัลฟ่าจริงๆหรอก กลับกันเลยด้วยซ้ำ ดูมันถูกใจอัลฟ่าในรูปแบบของมัน เลยแสดงออกด้วยวิธีแปลกๆ คนอย่างฉางผมคิดว่าถ้าไม่ชอบใจใครคงไม่ปล่อยให้มาอยู่ตัวติดกันนานขนาดนี้ได้หรอก



หัวข้อเริ่มเปลี่ยนกลายเป็นเรื่องตลกๆ ที่อัลฟ่าเจอแทน จนผมวกกลับมาถามไอ้ฉางอีกครั้ง เพื่อยืนยันคำตอบ



“ฉาง สรุปไม่มีแฟนคลับแน่เหรอ” 



“แฟนคลับอะไร ทำไมต้องมี ผมไม่มีอะไรแบบนี้อยู่แล้วข้าวก็รู้ แล้วทำไมถึงไปเชื่อเพียวได้เล่า”



“อ้าว...ก็ตอนนั้นที่ไปหาครั้งแรก ถามหามึงจากน้องคนนึงแล้วเค้าดูท่าตกใจมากอ่ะ ถึงขั้นวิ่งหนีไปเลย เลยคิดว่าอาจจะเป็นไปได้ก็ได้...”



“ข้าว มันไม่มีอะไรจริงๆ” ฉางร้องบอกผมด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนอ่อนแรง



“สงสัยคุณน่าจะโดนรังเกียจนะฉาง”



“ผมไม่อยากให้คนอย่างคุณมาว่าผมเลย เพียว”



“ฮะๆๆ”



“ข้าว เราก็ไม่รู้หรอกนะว่าน้องเขาวิ่งหนีทำไม คงไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับคนประหลาดอย่างฉางล่ะมั้ง”



“อย่างคุณว่าผมได้ด้วยเหรอ”



ฉางต่อว่าเพียวอีกเล็กน้อยก่อนเป็นอันจบเรื่องราวงี่เง่าที่เพียวพยายามกุขึ้นมาเสียที แล้วกูก็เสือกคล้อยตามไปด้วยนะ...ท่าจะใกล้บ้าตามพวกมันแล้วจริงๆ ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไร ไม่ได้ส่งผลอะไรกับผมนอกจากทำให้สับสนเล็กๆ แค่นั้น ผมจึงเลือกที่จะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปแล้วกัน



“ก็แค่กลัวว่าข้าวจะไปกับฉางรอดมั้ย”



“หืม” สิ้นเสียงเพียว ผมส่งเสียงถามอีกครั้ง



“ก็ฉางเล่นเป็นคนผิดปกติแบบนี้ กลัวว่าข้าวจะรับมือไม่ไหวน่ะสิ”



“เพียวคุณอย่ายุ่ง”



“แค่เป็นห่วง”



“ห่วงแค่งานไปเถอะ คุณน่ะ”



“เราแค่เป็นห่วงข้าวจริงๆ นะ เชื่อเถอะ”



คนสวยว่าพร้อมแย้มรอยยิ้ม ถึงแม้จะคิดว่าความเป็นห่วงของเพียวมันแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรอีก จบเรื่องนี้ ผมปีนไปนั่งสิงบนเตียงฟังพวกมันคุยกัน เถียงกันเรื่องงานกันต่อ พูดเรื่องแปลน รูปด้าน ชื่อโครงสร้างแปลกๆ และอะไรก็ไม่รู้ แต่ฟังแล้วก็เพลินดี บางทีก็ตลกที่พวกนั้นพยายามเถียงกัน มีแค่ฟิวเจอร์ที่นั่งขยับมืออยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่หันหลังจอให้ผม เลยไม่รู้ว่าทำงานหรืออะไร แต่ดูจากจังหวะขยับมือแล้ว...น่าจะเล่นเกม



จนกระทั่งพวกมันเริ่มตกลงแบบได้เสียที แบ่งงานกันไปทำเสร็จสรรพ ทุกคนก็ตกอยู่ในความเงียบ แม้แต่อัลฟ่าตัวหนวกหูที่สุดก็ยังเงียบ มีแต่เสียงแกร่กๆ ของเมาส์ดังคลิ๊กไปมา ผมมองนาฬิกา เกือบห้าทุ่ม ไปอาบน้ำรอน่าจะดี



ว่าแล้วก็ทำตามประสงค์ตัวเอง



XIX



ทันทีที่ข้าวขอตัวไปอาบน้ำ เสียงประตูห้องน้ำปิดลงพร้อมลงกลอน มนุษย์งานสองร่างที่อยู่ข้างๆ ผมก็ขยับตัวพุ่งเข้ามา



“สรุปยังไงอ่ะฉาง ได้กันยัง” เป็นอัลฟ่าเสียงแรก



“อยู่ด้วยกันอย่างนี้ คุณทำอะไรข้าวไปแล้วบ้าง” ต่อมาด้วยเสียงเพียว



“ไม่บอก” ผมว่า ตัดจบไม่ให้เกิดคำถามอะไรอีก นึกถึงเพียวในตอนที่ผมถามเรื่องระหว่างเขากับฟิวเจอร์ยังไม่เคยเอ่ยปากบอกอะไร ทีอย่างนี้ล่ะจะมาถามเรื่องของผม ฝันไปเถอะ เรื่องที่แกล้งข้าวยังไม่ได้เอาคืนเลย ไปกุเรื่องอะไรไร้สาระให้ข้าวกังวลทำไม แล้วข้าวของผมดันคล้อยตามเสียด้วย...



ก็เพราะอย่างนี้ จะปล่อยให้อยู่คนเดียวได้ยังไง



ถ้าข้าวไม่มีผมปกป้อง ต้องตกเป็นเหยื่อคนชั่วอย่างพวกเพียวนี้แน่



ผมเลี่ยงคำตอบที่มีแต่เรื่องใต้สะดือของพวกนี้ ไม่บอกหรอกว่าข้าวขาวแค่ไหน ไม่บอกหรอกว่าข้าวหวานแค่ไหน เซ็กซี่แค่ไหนตอนนอนครางใต้ร่าง ถึงแม้ยังไม่ได้มีอะไรกัน ถึงแม้ผมจะไม่เคยทำอะไรมากไปกว่านั้น แต่ก็ไม่คิดจะเล่าอะไรออกไปทั้งนั้น เรื่องพวกนี้ให้เป็นเรื่องของผมกับข้าวสิ



แต่อัลฟ่ากับเพียวยังคงไม่เลิกถามเรื่องนี้ ใช้คำพูดถามซอกแซก แต่เสียใจผมไม่หลงกลเพียวหรอก นั่งเงียบใส่ไม่ตอบอย่างเดียว เดี๋ยวก็เบื่อกันไปเอง



“ฉางอ่ะ ทีผมยังเล่าเรื่องผมให้คุณฟังเลย”



“นั่นคุณเอามั่วเองนี่ ไม่ใช่ตัวจริงเหมือนผม อีกอย่าง...เรื่องคุณจะไปได้ผู้ชายผู้หญิง สวยไม่สวยยังไงก็ไม่เกี่ยวกับผม...ไม่เคยขอให้เล่าด้วย”



“ก็แหม...ผมอยากให้รู้นี่”



“งั้นก็อย่าเอาเรื่องนี้มาบ่น ผมไม่บอกเรื่องผมกับข้าวหรอก”



“ได้ งั้นผมจะไปถามข้าว”



“อัลฟ่า!”



ผมร้องลั่น เอาจุดอ่อนของผมมาล่ออีกแล้ว



“ถามอะไร”



ยังไม่ทันได้ต่อว่าอัลฟ่าต่อ เสียงข้าวก็ดังขึ้นมา อาบน้ำเสร็จได้ถูกเวลามากเลย



“ไม่มีอะไรหรอก”



“ข้าวมีอะไรกับฉางรึยังอ่ะ”



“หา”



ผมถลึงตาใส่อัลฟ่า แทบจะพุ่งเข้าไปบีบคอให้ตาย



“ข้าวไม่ต้องไปตอบ-”



“ข้าวมีเซ็กซ์กับฉางรึยัง” เป็นเพียวที่แทรกผมขึ้นมา ผมตรงประเด็นเสียจนข้าวของผมต้องชะงัก ผมหันไปทำหน้ายักษ์ใส่เพียวที่ยิ้มร่า คิดผิดแล้วที่ให้คนพวกนี้มาทำงานที่หอข้าว...



“ถ...ถามทำไม” เป็นข้าวที่ตอบออกมาอย่างตะกุกตะกัก น้ำเสียงสั่น ใบหน้าแดง...แค่นั้นก็เป็นคำตอบแล้ว เฮ้อ...เดี๋ยวผมต้องโดนล้ออีกแหง แล้วเดี๋ยวข้าวก็จะเขินไม่ยอมให้ผมนอนกอดอีก



“ยังสินะ”



“ล...แล้วมันทำไมเล่า จะรู้ไปทำไมเนี่ย”



ข้าวโวยวาย น่ารักกว่าเดิมอีก ฮึ่ม อยากจับข้าวยัดใส่ผ้าห่มแล้วไม่ต้องออกมาเจอพวกอสรพิษร้ายพวกนี้อีก คบเพื่อนผิดนี่ชีวิตเปลี่ยนไปเลยจริงๆ ถ้ารู้ว่าจะแกล้งข้าวอย่างนี้ไม่คบเป็นเพื่อนหรอก หรืออย่างน้อยๆ ก็จะไม่ยอมให้มาที่ห้องข้าวหรอก



“ฉาง คุณก็เร่งมือหน่อย น่ารักอย่างข้าวเดี๋ยวโดนคนอื่นแย่งไปนะ”



“อย่ามายุ่งหน่า คุณกับฟิวเจอร์ทำกันไปกี่รอบแล้วผมยังไม่อยากรู้เลย”



เพียวโยกหัวก่อนเอ่ยเสียงเบา “ร้ายจริงๆ”



ส่วนข้าวที่ยืนหน้าแดงอยู่กลางห้องก็ค่อยๆ ขยับตัวเดินมานั่งบนเตียง หนีคำถามคุกคามไปเช็ดผมหมาดๆ ให้แห้ง ผมมองนาฬิกา ใกล้ได้เวลานอนของข้าวแล้ว



“เสร็จตรงนี้เดี๋ยวรวบรวมไว้ที่ผมก็ได้ แล้วแยกย้ายกลับไปเลยนะ”



“หือ ทำไมอ่ะฉาง ไม่เคยเสนอตัวเป็นคนรวบรวมนี่ ง่วงแล้วเหรอ อย่าเพิ่งเลยหน่า หนทางยังอีกยาวไหล เราจะคุยกันทั้งคืนจวบจนฟ้าสางไงจำได้มั้ย”



“ไม่จำ คุณเสร็จแล้วก็ส่งมาแล้วก็กลับไปได้แล้ว ข้าวจะนอนแล้ว” ผมว่า ไม่สนใจที่อัลฟ่าเล่นมุกเอาเนื้อเพลงหมดห่วงมาพูด



“เดี๋ยวๆ ไอ้ฉาง กูบอกตอนไหน”



“ถึงเวลานอนของข้าวแล้วนี่”



“ไม่เป็นไรหรอก ทำงานกันไปเถอะ กูยังไม่นอนก็ได้”



“ไม่ได้ ข้าวต้องนอน เพราะงั้นส่งไฟล์มาให้ผมแล้วกลับไปได้แล้ว”



ผมเอ่ยคำขาด เสบียงที่ซื้อมาเมื่อกี้ก็หมดแล้ว เหลือแค่ทำงานให้เสร็จของแต่ละคนรับผิดชอบก็จะจบเรื่องจบราว ผมจะได้นอนกอดข้าวเสียที อัลฟ่ากับเพียวบ่นอุบ มีแต่ฟิวเจอร์ที่นั่งเคาะแป้นพิมพ์ คลิกเมาส์ไปเรื่อยๆ ไม่หือไม่อือ ทำไมสองคนนั้นไม่เอาฟิวเจอร์เป็นแบบอย่างบ้างนะ



ถึงอย่างนั้น...กว่าจะรวบรวมไฟล์งานได้ก็ปาไปเป็นชั่วโมง แต่ละคนขอเติมตรงนั้น แต่งตรงนี้ไปๆ มาๆ ก็ยาวเสียอย่างนั้น ผมรอนั่งรวบรวมไฟล์ก็ได้แต่เร่ง ที่ยอมเป็นคนเก็บงานไม่ใช่เพราะใครเลย อยากนอนกอดข้าว อีกทั้งวิชานี้ส่งตั้งตอนเย็น เหลือเวลาช่วงกลางวันให้ผมปั่นอีกเยอะ จนท้ายสุดพวกนั้นก็ส่งงานมาพร้อมกลับไปกันได้เสียที



“กลับดีๆ นะ จริงๆ ค้างที่นี่ก็ได้ ตอนเช้าค่อยกลับ...มันมืดแล้วอันตราย” ข้าวของผมว่า ไปเดินส่งถึงรถพวกนี้ยังไม่พอ ยังจะใจดีเรี่ยราดอีก ผมไม่ยอมหรอก



“กลับไปนั่นแหละดีแล้ว ไม่งั้นผมนอนไม่หลับ”



ข้าวหันมาจ้องหน้าผมแทน ทำไมอ่ะ ก็ผมหลับกับคนอื่นไม่ได้นี่นอกจากข้าวอ่ะ



“ก็ตามนั้นแหละ ไม่เป็นไรหรอกข้าว ขอบใจมากนะ ไม่รบกวนแล้ว” เพียวว่า



“ไม่รบกวนหรอก วันหลังก็มาอีกนะ” แล้วคนนี้ก็ยังไม่หยุดใจดีอีก



“กลับไปได้แล้วพวกคุณน่ะ” จนผมต้องเอ่ยปากไล่ ถึงได้ยอมเอ่ยลาแยกย้ายกันไปเสียที



ผมขึ้นมาบนห้องที่เงียบเหมือนปกติ ข้าวล้มตัวนอนกลิ้งอยู่บนเตียง น่าฟัดเป็นบ้า



“ไปอาบน้ำก่อนเลยนะ” ทันทีที่จะพุ่งขึ้นเตียงไปกอดข้าวบ้าง ข้าวกลับเอ่ยเสียงแข็งออกมา ผมจิ๊ปากอย่างขัดใจ แต่ก็ยอมไปอาบน้ำตามที่ข้าวว่าแต่โดยดี รีบอาบ รีบแต่งตัวจะมานอนกอดข้าวให้ชื่นใจ




♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦

 อยากให้ทำความรู้จักเพื่อนๆ ฉางอีกหน่อยค่ะ

จริงๆ พวกเพียวเองก็เป็นห่วงในฉบับเพียวๆ 5555

ถือว่าเป็นตอนไร้สาระสบายๆ ก่อนไประทึกหนักกว่าเดิมในตอนหน้านะคะ ^^



ปล. เกมยิงห่วงน้ำ เผื่อใครไม่รู้จักหรือเกิดไม่ทันค่ะ ...


(https://www.img.in.th/images/0f17c614382e8688e3128c7b30a18002.jpg)



หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเก้า| - 6.11.2017 p.12
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 06-11-2017 23:02:31
ฉางจะทำอะไรระทึกกับข้าวอีกแล้วใช่ไหม ชอบเวลาเพื่อนฉางแกล้งข้าว น่ารักมากค่ะ
ปล.ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจที่เกิดทันเกมห่วงน้ำ  :hao7:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเก้า| - 6.11.2017 p.12
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-11-2017 23:16:27
เพียว น่ากลัวจริงๆ   :monkeysad:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเก้า| - 6.11.2017 p.12
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 06-11-2017 23:55:22
เราเคยเล่นนะเกมส์นี้  o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเก้า| - 6.11.2017 p.12
เริ่มหัวข้อโดย: nnnnnnni ที่ 07-11-2017 00:38:49
 :pig4: :pig4: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเก้า| - 6.11.2017 p.12
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-11-2017 01:33:26
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเก้า| - 6.11.2017 p.12
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 07-11-2017 01:35:39
ทำฉางต้องร้ายกับอัลฟ่าด้วยยย555555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเก้า| - 6.11.2017 p.12
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 07-11-2017 04:00:34
 ฉางใจร้ายอะ แช่ช่องฟรีซเลยหรอ55555 ถ้าทำเรื่องแยกเพียวกับฟิวเจอร์นี่ไดอะล็อกจะเป็นยังไงอะคะ สงสารรรไไภ :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเก้า| - 6.11.2017 p.12
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 07-11-2017 05:59:07
เกือบละ อุตส่าห์ตกใจเรื่องอฟนคลับ ไม่มีจริงๆใช่ป่ะ 555555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเก้า| - 6.11.2017 p.12
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 07-11-2017 08:32:13
ฉางหวงข้าวสุด อะไรสุด เอ็นดู มีความกลัวเพื่อนแกล้งข้าว โถถถถ
กลัวใจเพียวมากตอนแรก คือดูมีแผนร้ายจริงๆ5555555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเก้า| - 6.11.2017 p.12
เริ่มหัวข้อโดย: ืNtop ที่ 07-11-2017 08:48:22
ฟิวเจอร์จะมีโอกาสขยับริมฝีปากบ้างไหมคะ 55555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเก้า| - 6.11.2017 p.12
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 07-11-2017 09:19:21
กว่าจะได้ฤกษ์อ่านเรื่องนี้สักที ฉางตลกอะเหมือนเป็นคนมึนๆไม่สนโลกแต่จริงๆไม่ใช่นะ ฉางเงียบแต่เหมือนฉาวก็เก็บรายละเอียดเยอะอยู่โดยเฉพาะคนที่ฉางสนใจอย่างข้าว คือถึงฉางจะเหมือนไม่รู้ว่าข้าวรู้สึกยังไงแต่ฉางก็จับความรู้สึกข้าวได้อะ ส่วนข้าวก็ใจดี๊ใจดีจะไม่ใช่ฉางชอบได้ไง แต่ถึงฉางจะมึนแต่บนเตียงฉางไม่มึนนะจ๊ะ ฮึ!!
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเก้า| - 6.11.2017 p.12
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 07-11-2017 13:11:25
เพื่อนๆก็ดูจะรักฉาง และเอ็นดูข้าวนะ  :hao3:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเก้า| - 6.11.2017 p.12
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 07-11-2017 16:28:39
ฉาง ฮึบไว้นะ555555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเก้า| - 6.11.2017 p.12
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 07-11-2017 16:53:04
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเก้า| - 6.11.2017 p.12
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 07-11-2017 18:56:09
เพื่อนๆฉางนี่ร้ายกาจนัก อ่ออ ยกเว้นฟิวเจอร์ไว้คนนึง :o8:
หาคู่ให้อัลฟ่าเถอค่ะ สงสารนางอ่ะ 5555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเก้า| - 6.11.2017 p.12
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 07-11-2017 19:12:24
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเก้า| - 6.11.2017 p.12
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 07-11-2017 20:00:55
เผด็จการตัวจริงก็คุณฉางนี่แหละ มีความบังคับให้เพื่อนพูดเพราะ โอ้ย ขำ แต่กับข้าวยกเว้นให้
เพียวนี่แสบจริงๆ ข้าวก็ตามเขาไม่ทันหรอกน่าแกล้งจริงๆ แก็งค์นี้ก็ฮาๆ ดีนะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเก้า| - 6.11.2017 p.12
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 07-11-2017 20:23:57
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเก้า| - 6.11.2017 p.12
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 07-11-2017 22:02:54
ฉางนี่ รุกเร็วจริงๆ แต่ยังดีนะยังเหลือให้ข้าวได้ทำใจบ้าง คราวต่อไปจะรอดมั้ยละข้าวเอ๊ย
 :haun4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเก้า| - 6.11.2017 p.12
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 07-11-2017 22:38:57
อัลฟ่าตลกดีอ่ะ โดนฉางทำร้ายตลอด  :laugh:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเก้า| - 6.11.2017 p.12
เริ่มหัวข้อโดย: 0% ที่ 08-11-2017 18:46:19
เจอคนขี้หวงหนึ่งอัตราอิอิ หวงจังเลยน้าฉางงง วงวารอัลฟ่ามากโดนฉางกัดจนพรุนไปหมด55555555555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเก้า| - 6.11.2017 p.12
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 09-11-2017 03:19:52
ฉางหวงข้าวสุดเลย ^^
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเก้า| - 6.11.2017 p.12
เริ่มหัวข้อโดย: คุณบี๋ ที่ 09-11-2017 15:58:05
ยุ้งฉางมีความร้ายกาจอ่ะ ตอดเล็กตอดน้อย ข้าวก็น่ารักมากเลย  :hao5:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเก้า| - 6.11.2017 p.12
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 09-11-2017 22:04:11
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเก้า| - 6.11.2017 p.12
เริ่มหัวข้อโดย: chaotic69 ที่ 10-11-2017 01:01:24
เกมยิงห่วงน้ำาาา อัลฟ่าลูก555
มันก็หายากแล้วจริงๆละเนอะ เคยเล่นตอนเด็กๆพังไปหมดแล้ว
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเก้า| - 6.11.2017 p.12
เริ่มหัวข้อโดย: full ที่ 10-11-2017 19:11:16
ฉางมาเนียนๆจนได้คบกันข้าวก็น่ารัก พอคบกันแล้วฉางก็รุกเอาๆซะข้าวน้อยเขินอายม้วนต้วนน่ารักมาก อัลฟ่าพูดไมหยุดจริงแต่ก็เป็นสีสันของกลุ่มดีน่ารักอ่ะชอบบ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเก้า| - 6.11.2017 p.12
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 10-11-2017 21:14:20
55555 คนดีคนเดียวของฉาง ก็มีแต่ข้าวแหละ ทุกคนรู้ไว้ด้วย

ฉางมีความไวมากน่ะ คือเซนส์ดีมาก รู้ด้วยว่าข้าวโดนแกล้ง

แล้วอัลฟ่ากับเพียวคือไม่ปกติ หรือฉางไม่ปกติกว่า แต่จริงๆ คงพอๆกัน
ข้าวน่าสงสารสุด เป็นคนใจดีที่ฉางไม่อยากให้เป็น

หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบ| - 11.11.2017 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 11-11-2017 00:51:07
20



ฝ่ามือร้อนลูบเข้าสาบเสื้อ ไล่มือไปสัมผัสตามเนื้อท้อง กดแรงบีบเค้น ขย้ำเนื้อจนขึ้นสี มันไม่หยุดแค่ที่เดียว แต่กลับทำอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไล่ควาญหาส่วนที่พอดีมือก่อนออกแรงบีบอีก ทั้งหน้าท้อง สะโพก เอว ลามไปจนถึงต้นขา จนแผ่นหลัง ปลุกปั้นอารมณ์ให้ร้อนแทบแผดเผา หลอมละลายไปกับอุณหภูมิที่พุ่งสูงขึ้น



ริมฝีปากถูกบังคับให้ห้ามส่งเสียงจากการประกบจูบของอีกฝ่าย มีแต่ต้องไหลตามอารมณ์ ตวัดลิ้นเกี่ยวชิมน้ำหวานในโพรงปากอีกฝ่าย ซ้ำแล้วซ้ำเล่า หาทางถอนตัวไม่เจอ



พอเป็นไอ้ฉางแล้ว...ผมไม่เคยขัดขืนมันได้เลยสักครั้ง



ราวกับถูกดึงไปอีกมิติ ลอยละล่อง เคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสที่อีกฝ่ายมอบให้



ฝ่ามือทั้งสองคล้ายลูบวนสะเปะสะปะ จนกระทั่งมันล้วงเข้าไปในกางเกงวอร์มใส่นอนของผม กระตุกจนขอบกางเกงหล่นไปอยู่ส่วนขา ไม่รอช้า มันเลื่อนมือมาขย้ำ บีบเค้นพื้นที่หวงห้าม จากรุนแรงเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน ฝ่ามือร้อนเปลี่ยนเป็นลูบไล้ตามส่วนต่างๆ แทน



เมื่อมันลูบจนพอใจแล้ว ส่วนกลางลำตัวที่ถูกปลุกก็ถูกมันกุมเข้าเต็มฝ่ามือ จังหวะเดียวกับที่คนบนร่างถอนจูบออก ผมส่งเสียงน่าอายออกมาดังลั่น หอบตัวโยน รู้แค่ไม่สามารถต้านทานแรงอารมณ์ตอนนี้ได้อีกต่อไป...



ผมพลาดตอนไหนกันนะ...



...นึกถึงก่อนหน้านี้...ทั้งที่ใช้ชีวิตตามปกติเหมือนทุกวันแท้ๆ ทำไมมันมาจบแบบนี้ได้ล่ะวะ…



“...ฉางตื่น”



“...อือ...”



“มีเรียนไม่ใช่หรือไง”



“อื้อ...ขอบคุณนะ” ผมตื่นก่อนมันมาได้สักพัก เพราะมีเรียนช่วงเช้า พอทำธุระเสร็จก็นึกได้ว่าฉางก็มีเรียนเหมือนกันจึงเรียกปลุก ตัวขี้เกียจขยับสองสามทีก่อนลุกขึ้นมาอ้าปากหาว ผมมองนาฬิกา...ยังมีเวลาเหลือเฟือ ดังนั้นผมจะไม่เร่งมัน



เช้าวันนี้ผมไปมหาลัยพร้อมไอ้ฉาง ไอ้เขียนรู้ก็มีท่าทีแปลกใจ แต่เพราะผมบอกว่ามันเป็นเมทผมแล้ว ทั้งยังมีเรียนเวลาเดียวกัน เลยติดรถมาด้วย ไม่เห็นแปลกตรงไหน พยายามกล่อมซี้สนิทแทบตายให้รับรู้ว่าฉางมันไม่ใช่คนไม่ดีอย่างที่ไอ้เขียนอคติ แต่ดูเหมือนจะไม่ค่อยเป็นผลเท่าไหร่



เขียนแค่เงียบ ก่อนเปลี่ยนประเด็นไปคุยเรื่องอื่น



ทั้งวันผมปฏิบัติตัวเหมือนที่ผ่านมา นั่งเข้าฟังเลคเชอร์ ทำงานส่ง กินข้าว ทำแล็ป อาจารย์สั่งงานอีกครั้ง ชีวิตวนเป็นลูปน่าเบื่อได้อย่างยอดเยี่ยม



จนกระทั่งกลับถึงหอ มีไอ้ฉางนั่งกระดิกหางรอไปกินข้าวเย็นด้วยกันตามที่นัดไว้ ร้านอาหารที่เลือกไม่ใช่ที่ไหนไกล นอกจากร้านข้าวแถวปากซอยที่ประหยัดและอร่อย ไม่ต้องออกไปไหนไกลด้วย ไอ้ฉางเองก็ไม่มีปัญหาอะไร มันเอาแต่กินไปจ้องหน้าผมไปเหมือนทุกที



กลับขึ้นห้องอีกครั้ง ผมนั่งเล่นโทรศัพท์ไป อ่านหนังสือการ์ตูนฆ่าเวลาบ้าง ส่วนไอ้ฉางก็จมอยู่ในแล็ปท็อป นั่งทำงานยิกๆ ของมันตามปกติ พอถึงเวลาเข้านอน ผมก็เข้านอนตามปกติ



จะมีเรื่องตกใจของวันก่อนเข้านอนก็คือไอ้ฉางบอกกับผมว่าเอาเรื่องของเราไปบอกพ่อแม่แล้ว



“หา”



“อื้ม บอกไปแล้วนะว่าคบกับข้าวอยู่”



“แล้ว...เอ่อ...เขาว่าอะไรไหม”



“ไม่รู้สิ ผมแค่บอก ไม่ได้ต้องการความเห็น”



จบเพียงแค่นั้น ไอ้ฉางไม่มีอะไรจะเล่าต่อเพราะเหตุการณ์มีแค่นั้นจริงๆ ตอนที่มันกลับไปเอาแมวฉางก็เจอกับแม่พอดี แม่เลยถามว่ามีแฟนรึเปล่า เห็นช่วงนี้มันติดนอนข้างนอก มันเลยบอกไปว่าคบกับผมที่เป็นผู้ชายอยู่ พร้อมเอาแมวออกบ้านไปแล้วก็จบ...



เมื่อมันไม่มีอะไรจะพูดต่อผมก็ไม่บังคับ ทำตัวเอื่อยเฉื่อยไปเรื่อยของผมต่อไป คิดว่าแม่มันรู้แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมาก็ช่วยให้สบายใจขึ้นนิดหน่อย...ล่ะมั้ง



มันมีอะไรผิดพลาดไปตรงไหนหรือ...ชีวิตประจำวันตามปกติของผมถูกไอ้ฉางทำให้บิดเบี้ยวตอนไหน



กว่าจะรู้ตัวก็ตอนสะลึมสะลือใกล้หลับ สัมผัสได้ถึงฝ่ามือของอีกฝ่ายที่จากตอนแรกแค่กอดก่าย แต่กลับค่อยๆ ลูบเข้าสาบเสื้อ เมื่อไม่ได้ออกเสียงห้ามมันก็ยิ่งได้ใจ ลูบวนเล่นกับยอดอก บีบเค้นส่วนสะโพก ครั้นจะร้องห้ามกลับไม่ทันการเสียแล้ว เมื่อมันก้มลงมาประกบปากรู้ทัน



มีสติอีกทีก็ตอนที่อารมณ์ก็เตลิดไปไกลแล้ว…



มันกลายเป็นอย่างนี้ไปได้ยังไงกันนะ



“ฉาง!”



ผมร้องลั่น เมื่อส่วนอ่อนไหวรับรู้ได้ถึงสัมผัสประหลาด แม้จะเคยมั่นใจว่าตัวเองเจนจัดพอสมควรจนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับช่วงล่าง แต่พออีกฝ่ายเป็นไอ้ฉาง ผมเขินอายไปหมดเหมือนสาวน้อยเพิ่งริรัก อันที่จริง  ผมตกใจมากกว่า...มันไม่เคยทำแบบนี้มาก่อนและผมไม่คิดว่ามันจะกล้าทำ



ผมพยายามผงกหัวมาดูว่าสัมผัสประหลาดกับสิ่งที่คิดเป็นจริงไหม และก็ได้คำตอบ...เมื่อเห็นสายตาเจ้าเล่ห์เหลือบขึ้นมาสบตาผมอย่างรู้ทัน เจ้าตัวแทรกใบหน้าอยู่ระหว่างขาผมอย่างน่าอาย แลบลิ้นเลียส่วนปลายอย่างหยอกล้อ ก่อนก้มกดริมฝีปากลงไปครอบครองมันเต็มโพรงปาก



สองมือของตัวเองพยายามไล่จับเส้นผมสีดำสนิท หมายจะดันให้ออก แต่อีกครั้งที่ผมหลงไปกับสัมผัสมัวเมาที่มันมอบให้ นิ้วมือทั้งสิบแปรเป็นจิกลงเส้นผมดำหวังคลายอารมณ์



น่าอาย...น่าอายเป็นบ้า...



ไม่ใช่ไม่เคยมีใครทำแบบนี้ แต่เพราะไม่เคยรู้สึกอย่างนี้กับใครมาก่อน...ความร้อนรุ่มจนแทบควบคุมตัวเองไม่ได้นี่คืออะไร ผ่านหญิงมาหลายมือ ไม่เคยมีใครทำให้ผมสติแตกได้เท่ามันเลยสักครั้ง



ผมบิดตัว เชิดหน้าขึ้นพร้อมแอ่นสะโพกตอบรับสัมผัสที่ฉางปรนเปรอมอบให้ ริมฝีปากมันที่ดูดเลีย ชโลมแก่นกายจนเปียกแฉะ ทั้งน้ำลายทั้งน้ำอะไรๆ ปนกันมั่วอยู่อย่างนั้น มันไม่ยอมหยุด ละเลงปลายลิ้นเล่นกับส่วนปลาย เสียงลิ้นกระทบผิวเนื้อสลับกับเสียงหอบกระเส่าของตัวเองดังครอบครองห้องนอน



สองมือเปลี่ยนเป็นจิกผ้าปูแทน อีกมือปิดใบหน้าที่ร้อนเห่อของตัวเอง ยังคงแอ่นสะโพกเด้งรับสัมผัสที่อีกฝ่ายมอบให้อย่างควบคุมไม่ได้ ปลายนิ้วเท้าจิกลงเข้ากับเตียงนุ่ม อารมณ์กระสันทวีคูณยิ่งขึ้น จวบจนปลดปล่อยน้ำกามออกมาในที่สุด



หัวผมมึนตึ๊บ คล้ายกับมีแสงสปอร์ตไลท์ส่องวาบกลางหัว ภาพปรากฏเป็นสีขาวโพลน ก่อนอารมณ์จะสงบ... ผมนอนครางหอบเป็นผักอยู่ใต้ร่างมัน



เมื่อคิดว่าสิ้นสุดกิจกรรมกามๆ แล้วจึงพลิกตัวหนีสายตาที่จดจ้องคล้ายจะแผดเผาให้ตายทั้งเป็นของมัน แต่ไอ้ฉางกลับไม่ยอมให้ทำอย่างนั้น เมื่อมันพลิกตัวผมกลับมาบรรจงมอบจูบรสเดิมให้อีกครั้ง...



ก่อนปลุกอารมณ์ให้เตลิดขึ้นมาใหม่อย่างง่ายดาย



“ฉาง...”



ผมร้องขัด ส่งเสียงอ้อนวอน คล้ายเป็นเด็กอ่อนเพิ่งหัดทำรัก ใช่ว่าจะไม่เคยทำกิจกรรมเข้าจังหวะแบบนี้กับใคร แต่เพราะกับคนอย่างฉาง...เจ้าของอารมณ์ผมที่สูงกว่าทุกคนที่ผ่านมารวมกัน ทำให้ผมเหนื่อยล้าหมดแรงเสียแล้ว



“ข้าว”



มันร้องชื่อผมกลับ ส่งเสียงหงอยคล้ายอ้อนวอน ไม่รอให้ผมคิดคำตอบ มันก้มจูบปิดปากราวกับไม่ต้องการได้ยินคำพูดใดจากปากผม ร่ายคำสาปทำให้ผมกลายเป็นใบ้อย่างช้าๆ อีกครั้ง



อารมณ์ที่ยังไม่สงบดีถูกปลุกปั่นขึ้นมาอีกครั้ง ผมปล่อยให้มันไล่ขบชิมเนื้อตามซอกคอหรือแผงอก หลับตาบิดตัวเร่า ราวกับยอมจำนนในรสสัมผัส ฉางกัดผมจนเกิดรอยก่อนมันจะแลบลิ้นเลียคล้ายกับจะเลียแผลให้เพื่อขอโทษที่ทำให้เจ็บตัวอย่างนั้น มันทำเช่นนี้กับทุกที่ที่มันลงฟัน



“เป็นหมา...หรือไง”



ผมรวบรวมสติ หอบเอาแรงที่เหลืออยู่กลั่นออกมาเป็นคำพูดแซะถาม แต่กลับไม่ได้ยินเสียงใดเอ่ยกลับมา คนบนร่างทำเพียงขยับตัวเข้ามาจูบลงที่แก้มผมเป็นคำตอบ



คำตอบที่ไม่ได้ทำให้รู้ความหมายอยู่ดี



จนต้องสะดุ้งเมื่อสัมผัสได้ถึงส่วนร้อนที่กลางลำตัวของอีกคน...ไอร้อนที่แผ่เข้ามา ไอร้อนที่ไม่ใช่ของผม...ผมขยับสะโพกหนีเมื่อรู้ว่าส่วนที่แนบกับส่วนอ่อนไหวผมคืออะไร...



ที่ผ่านมา...ไม่เคยมีครั้งไหนที่มันแสดงออกมาอย่างนี้... มีแค่ผมที่ถูกมันทำให้เสร็จ เรื่องราวหลังจากนั้น...ไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น ผมไม่รู้ว่ามันจัดการกับตัวเองอย่างไร ไม่เคยรู้ว่ามัน...ต้องอดทนขนาดไหน



เทียบจากความร้อนและความแข็งขืนจากส่วนนั้นแล้ว...คิดว่าต้องทรมานมากแน่ๆ



ผมรวบรวมเรี่ยวแรง จับไหล่ไอ้ฉางก่อนพลิกตัวผลักมันมานอนลง เป็นฝ่ายขึ้นคร่อมแทน หมาตัวโตทำหน้าไม่เข้าใจ ผมยกยิ้มให้ก่อนเป็นฝ่ายประกบจูบมันบ้าง คราวนี้สองมือของตัวเองไม่ได้ใช้เพื่อระบายแรงอารมณ์เหมือนที่ผ่านมาแล้ว ผมไล่มือตัวเองลูบหน้าท้องแข็ง ไล่ลงจนถึงขอบกางเกงนอน กระตุกลงเบาๆ เพื่อให้ส่วนลับของมันได้เผยออก



“ข้าว...”



เสียงฉางหอบหนัก แค่คำเดียวมันยังพูดให้ไหลลื่นไม่ได้เลย...ผมเลื่อนมือมากุมของมัน ทะนุถนอมราวกับแก้วเปราะบางใกล้จะแตกสลาย ขยับรูดรั้งขึ้นลงเบาๆ สีหน้าหมาฉางนอนหอบอยู่ใต้ร่างผมทำให้ชอบใจมากกว่าเดิม เพิ่มจังหวะเร่งเร้า กลั่นแกล้งมันมากขึ้น



จนกระทั่งคนใต้ร่างคล้ายจะทนไม่ไหว ขยับตัวลุกขึ้นผลักให้ผมจมลงกับเตียงอีกครั้ง เสียงหอบดังขึ้นราวกับสัตว์ร้ายหิวกระหาย ครานี้ ผมดิ้นไม่หลุดแล้วเมื่อมือใหญ่กดไหล่ผมไว้แน่นเสียจนขยับแทบไม่ได้



ฉางกระตุกกางเกงของผมที่กองอยู่ตรงส่วนแข้งออก ถลกเสื้อผมที่สวมอยู่อย่างค้างๆ คาๆ ทิ้งไป เมื่อไร้อาภรณ์ปิดบังทั้งตัว ผมพยายามบิดตัวหนีอย่างอับอายเรือนร่าง ไม่คิดว่าจะต้องมาแก้ผ้าต่อหน้าผู้ชายด้วยกัน...



เสียแต่คนบนร่างไม่ให้ทำเช่นนั้น เมื่อมันพยายามกักขังไม่ให้ผมขยับไปไหน สายตาจ้องผมไปทุกสัดส่วนจนแทบจะระเหิด ราวกับโดนแผดเผาให้ตายทีละนิด  ไม่รอช้า มันเคลื่อนตัวมานาบกับตัวผม ส่วนกลางลำตัวสัมผัสถูไถกันอย่างน่าอาย หน้าผมขึ้นสีในการกระทำของมัน พยายามถดตัวหนีทว่าไร้ผล



มือหยาบเลื่อนมากุมส่วนอ่อนไหวรวบเข้าไว้ด้วยกัน ออกแรงขยับก่อนผมจะส่งเสียงร้องประหลาดออกมา น้ำตาคลอเบ้าอีกครั้งเพราะแรงอารมณ์ที่ไม่เคยได้รับ ประหลาดจนทนแทบไม่ไหว



ยังไม่ได้ไปจนสุดปลายทาง ไอ้ฉางปล่อยมือจากส่วนลับออก ขยับตัวเอื้อมไปหยิบอะไรสักอย่างก่อนลากนิ้ววนไปที่บั้นท้าย บีบเค้นเนื้อจนคิดว่าน่าจะขึ้นสีอีกครั้ง ก่อนพยายามสอดนิ้วที่เปียกแฉะเข้าไปในช่องทางลับ



“ฉาง!”



ผมสะดุ้งสุดตัว เด้งตัวลุกขึ้นมานั่ง จับไหล่มันแน่น พยายามไม่ให้มันรุกล้ำไปมากกว่านี้



“ไม่ได้เหรอ...”



“มัน...”



“ข้าวไม่อยากเหรอ...”



“มัน...ไม่ใช่” มาถึงขนาดนี้แล้วจะบอกว่าไม่อยากก็คงจะเป็นการโกหกกันเกินไป เพียงแค่...



“มึง...ทำเป็นหรือไง”



“แล้วข้าวทำเป็นเหรอ”



“อย่างน้อยก็เคย...กับผู้หญิง”



“แล้วรู้ไหมว่าผู้ชายเขาทำกันยังไง”



“ก็...พอรู้...”



“แต่ไม่ได้ศึกษามาใช่ไหมล่ะ...ไม่ต้องห่วงนะ ผมศึกษามาหมดแล้ว”



เดี๋ยว!



ผมเบิกตากว้างในคำตอบของมัน คำพูดไม่ถูกส่งออกมาเป็นเสียงเมื่อปลายนิ้วที่ค้างอยู่ในช่องทางขยับรุกล้ำเข้ามามากขึ้น จากเสียงร้องห้ามกลายเป็นเสียงครางอื้ออึงแทน



แล้วทำไม...ทำไมผมถึงเป็นฝ่ายถูกกระทำเล่า



ครั้นจะร้องทักท้วงในตำแหน่งของตัวเองกลับถูกทำให้ร้องออกมาไม่เป็นภาษาแทน นิ้วที่สองถูกส่งเข้ามา...หมุนวนอยู่ในตัวผมจนแทบคลั่ง สัมผัสประหลาดที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนทำให้ผมทั้งกลัว ทั้งอึดอัดแต่ก็เสียวซ่านไปทั้งตัว



เจลหล่อลื่นที่คิดว่าไอ้ฉางเป็นคนหยิบมาเมื่อครู่กลิ้งอยู่ข้างเตียง ถึงจะสงสัยว่ามันไปเอามาจากไหน ไปซ่อนไว้เมื่อไหร่ แต่อารมณ์ตอนนี้กลับไม่โฟกัสเรื่องราวภายนอก มีเพียงแต่สัมผัสประหลาดอันสุขสมจากช่วงล่างอย่างเดียว



ผมแอ่นสะโพกอย่างไม่ได้ตั้งใจ บิดตัวเร่า ความเสียวแปลบแล่นไปทั่วร่าง ลงเล็บจิกแขนคนกระทำ ปัดป่ายไปทั่วแผ่นหลัง ขูดจนเกิดรอยแดงฝากไว้



จนกระทั่งมันจ่อส่วนนั้นเข้ากับช่องทางลับ ผมดิ้นขัดขืนทว่าไร้ผลเมื่อไอ้ฉางกดไหล่ผมยึดกับเตียงไว้แน่นด้วยกำลังแขนเพียงข้างเดียว



“ฉาง...ไม่เอา...”



เมื่อมันสอดส่วนปลายเข้ามาได้ ผมกรีดร้องไม่เป็นภาษา สะดุ้งสุดตัวลุกขึ้นมากอดมันแน่น น้ำตาไหลอาบแก้มอย่างห้ามไม่ได้



“ฉาง...เจ็บ...ไม่เอา...มันเจ็บ...”



ผมร้องอ้อนวอน เมื่อสัมผัสประหลาดไม่ทำให้สุขสมเหมือนที่ผ่านมา แท่งเนื้อขนาดใหญ่สอดเข้ามาอย่างค้างๆ คาๆ อยู่ในตัวผม เจ็บจนเหมือนร่างกายแทบจะแยกออกจากกัน สะอื้นกอดมันตัวโยน รู้ทั้งรู้ว่าอารมณ์มันพามาถึงจุดนี้แล้ว ทั้งผมทั้งมันก็เป็นขนาดนี้ คงยากที่จะร้องขอให้หยุด



“เจ็บมากมั้ยข้าว”



“เจ็บ...ฮึก” ผมร้องอีกครั้ง กอดมันแทนคำอ้อนวอน ซบหน้าตัวเองเข้ากับไหล่ของมัน ใช้ผิวเนื้อไอ้ฉางเป็นที่ซับน้ำตา แค่คิดว่าคงต้องทนเจ็บไปจนสุดทางก็กลัวจนทนไม่ไหว ทั้งความเจ็บความกลัวกับสัมผัสประหลาดกลั่นตัวออกมาเป็นน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างยั้งไม่อยู่ สะอึกสะอื้นเบาๆ ในอ้อมกอดของมันอย่างหมดเรี่ยวแรง ถ้าไอ้ฉางคิดจะทำต่อ ผมคงไม่มีแรงห้าม แม้ไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะเป็นเช่นไร ผมอาจจะรู้สึกดีกว่าที่คิด



เพียงแต่กลัว กลัวกับสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับตัวมาก่อน หวาดกลัวเพราะความเจ็บปวดที่ได้รับเป็นของจริง กลัวจนไม่กล้าฝืนให้ตัวเองทำต่อ กลัวเหลือเกิน



อย่างไม่ทันคาดคิดส่วนแข็งที่ค้างๆ คาๆ อยู่ในตัวผมกลับถอนตัวออก



ความอึดอัดได้หายไปแล้ว...



“...” ผมมองหน้ามันน้ำตานอง มีเพียงรอยยิ้มบางๆ ที่ปรากฏ



“ขอโทษ...ฮึก...ขอโทษนะ”



ร้องบอกมัน ทั้งๆ ที่รู้ว่าฉางเองก็คงทนแทบไม่ไหว ถึงอย่างนั้นมันกลับทำตามคำอ้อนวอนของผมที่เป็นไอ้ขี้ขลาดเห็นแก่ตัว หัวใจผมปวดหนึบเหมือนถูกบีบ เสียใจที่ตัวเองไม่เข้มแข็งพอจะตอบรับความรู้สึกนั้นได้



“ขอโทษ...”



“ชู่ว ไม่ร้องนะข้าว”



น้ำเสียงแหบพร่าเอ่ยกระซิบข้างหู สองแขนที่โอบรอบผมไว้ขยับไปเลื่อนกุมส่วนลับ รวบมันไว้ด้วยกันอีกครั้ง ขยับรูดขึ้นลงจนปลดปล่อยออกมาพร้อมกันทั้งคู่



ผมหอบหายใจอย่างหนัก ทั้งแรงสะอื้น ทั้งเหนื่อยจากแรงกามารมณ์ ในหัวสบสนวุ่นวาย จวบจนได้รับสัมผัสจากริมฝีปากอีกฝ่าย จูบเบาๆ กดย้ำราวกับกำลังปลอบประโยน ไล่จากริมฝีปากไปจมูก และหน้าผาก อ่อนโยนเสียจนน้ำตารื้นออกมา



ฝ่ามือหยาบลูบไหล่ผมเบาๆ สัมผัสนิ่มนวลไปทั้งหมดกำลังทำให้ผมเคลิ้มฝัน...เสียจนหลับไป...



XX



ผมไม่เล่า ผมจะไม่เล่าว่าข้าวน่ากินขนาดไหน ใบหน้าข้าว ร่างกายข้าว หัวใจข้าวที่ปรากฏผ่านสายตาผมควรเป็นแค่ของผมคนเดียว...



ผมรู้...ผมไม่ชำนาญ ที่ผ่านมาเองก็ไม่เคยทำเรื่องอย่างนี้กับใคร ไม่ใช่ว่าไม่รู้จักเรื่องแบบนี้ แต่ไม่เคยมีใครสักคนที่ผมอยากทำเรื่องอย่างว่าด้วย



ข้าวเป็นคนแรก



ผมรู้...ผมอาจจะห่วยแตก แต่ไม่เป็นไร ครั้งนี้ไม่ได้ครั้งหน้ายังมี



ใบหน้าข้าวที่เปื้อนน้ำตาเป็นอะไรที่ผมไม่ชอบที่สุดนี่นา ผมจะปล่อยให้ข้าวร้องไห้แล้วให้ตัวเองมีความสุขอยู่คนเดียวได้ยังไง



เมื่อปลอบจนข้าวหลับไปแล้ว ผมจัดการตวัดผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัว คว้าตัวข้าวมากอด นอนดมกลิ่นแป้งจางๆ และกลิ่นของข้าวแทนกำยานธูปหอม คล้ายว่าคืนนี้คงหลับฝันดี







.







“ข้าว”



“อะไร”



ผมพยายามไม่คิดเรื่องเมื่อคืน แสร้งทำใบหน้าเคร่งเครียดก้มหน้าก้มตากลบเกลื่อนความเขินที่ปิดยังไงก็ไม่มิดนี้ จนคนต้นเสียงเงียบนานผิดปกติ ผมถึงเงยหน้าขึ้นมาสบตากับมัน



“มีอะไรไอ้เขียน”



วิชาต่อไปงดคาบกะทันหันทำให้ผมมานั่งเตร่กับเพื่อนๆ ใต้โถงคณะ เพียงเพราะไม่รู้จะไปไหน ทั้งยังต้องรอเรียนวิชาถัดไปจึงได้แต่นั่งฆ่าเวลาโง่ๆ



ไอ้เขียนลุกขึ้นยืนกลางโถงคณะ คว้าแขนผมก่อนออกแรงฉุด “มากับกู”



ผมปล่อยให้มันลาก พยายามเอ่ยถามเรื่องราว ไอ้เขียนไม่ตอบ จนกระทั่งมาสู่ที่ลับตาคน เมื่อคนตรงหน้าหันหน้ามา ผมถึงได้เห็นสีหน้าโกรธจัดของเพื่อนสนิท พร้อมกับเสียงดังตวาดขึ้นมา



“ตอบกูมา...มึงกับไอ้ฉางคบกันอยู่ใช่ไหม!”



สิ้นประโยค หัวใจผมราวกับถูกกระชากลงเหว





                                                                     
♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦







ระทึกกันมั้ย...ในหลายๆ ควาหมาย...




หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบ| - 11.11.2017 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 11-11-2017 01:04:35
เขียนใจเย็น ข้าวคิดตั้งนานกว่าจะคบฉาง มีรอยแน่เลยตามตัว
ฉางงง อยู่ดีๆ จะมากินน้องข้าว เกือบได้กินแล้วด้วย นางใจดีนะ ยอมที่จะรอ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบ| - 11.11.2017 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 11-11-2017 01:28:32
หวังว่าจะไม่ดราม่านะ ไม่อยากร้องไห้
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบ| - 11.11.2017 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: moosawvans ที่ 11-11-2017 01:49:06
ไม่ค่อยหิวเลยค่ะ  ไม่อยาก มาม่า เท่าไหร่  :katai4: :a5:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบ| - 11.11.2017 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 11-11-2017 02:23:20
ตื่นเต้นๆ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบ| - 11.11.2017 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 11-11-2017 04:43:16
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบ| - 11.11.2017 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 11-11-2017 04:44:26
ฮืออ ฉางอ่อนโยนมาก ใจละลาย
ส่วนเขียนหวังว่าจะไม่กีดกันเนาะ เพื่อนเนาะต้องอยากให้เพื่อนมีความสุขเนาะ ไม่เอาอคติตัวเองมากดดันเพื่อนเนาะ รอตอนต่อไปค่าาา
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบ| - 11.11.2017 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 11-11-2017 04:54:10
แมวฉางเอ้ยยยย เกือบจะฟินแล้ว โอ๋เอ๋นะ5555555
เขียนนนน ใจเย็น แค่นี้ข้าวก็กลัวไปหมดแล้ว ถ้าต้องพูดออกมานี่คงจะไม่ดราม่า เนอะ... รึเปล่า :katai1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบ| - 11.11.2017 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 11-11-2017 05:32:20
เขียนนี่เป็นอะไรมากป่ะ? ฝังใจอะไรกับเพศที่สามเหรอถึงได้ตั้งท่ารังเกียจขนาดนั้น หรือจริงๆคือแอบชอบข้าวแต่ไม่กล้าจีบพอรู้ว่าข้าวคบฉางเลยโกรธแล้วพาล แต่ไม่ว่าจะเป็นเพราะเหตุไหนเขียนก็เป็นคนที่โลกแคบอยู่ดี เป็นเพื่อนนะไม่ใช่พ่อมีหน้าที่แค่ดูแลให้ความช่วยเหลือเวลาที่เพื่อนต้องการไม่ใช่มีหน้าที่มาสั่งกีดกันเขา เกลียดจริงคนแบบนี้

ส่วนพี่ฉางนั้น...ตั้งแต่คบเป็นแฟนนี่พี่ฉางรุกหนักมากคลุกวงในกับข้าวแบบสุดๆ และรู้เลยจริงๆว่าพี่แกรักข้าวมากดูจากที่ไปบอกแม่กับยอมหยุดตอนข้าวขอ น่ารักจริงๆคนนี้
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบ| - 11.11.2017 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 11-11-2017 05:47:06
เขียนเป็นอะไรเนี่ยยยจะโกรธไม่พอใจข้าวเรื่องอะไรกัน
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบ| - 11.11.2017 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: adoralula ที่ 11-11-2017 06:30:13
อ่านทันแล้ว ฮรือออ
พี่เขียนใจเย็นนะ ไปรับรู้อะไรมา
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบ| - 11.11.2017 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 11-11-2017 06:38:01
ฉางงงงงง คนดี บวกคะแนนให้ งือออ
//กอดข้าว

อะไรของนายเขียน อะไรๆๆๆๆๆ
เพื่อนจะคบใครก็เรื่องของเพื่อนไหม แอบชอบข้าวรึเปล่า...
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบ| - 11.11.2017 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: hoshinokoe ที่ 11-11-2017 07:47:09
จริงๆเขียวน่าจะเปิดใจนะ แต่ก็คงไม่มช่สำหรับทุกคนหรอกเนอะ คงค่อยๆให้เวลา
ส่วนฉางสู้ๆน้าา
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบ| - 11.11.2017 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 11-11-2017 08:26:09
เพื่อนมีความรัก เขียนต้องยินดีด้วยสิ ไม่รู้หรอว่าฉางเค้ารักข้าวมาก  :mew1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบ| - 11.11.2017 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 11-11-2017 08:44:17
เขียนนี่ดูหวงๆข้าวนะ
จริงๆแล้วแกไม่ชอบเพศที่สามหรือคิดไม่ซื่อ :ruready
ฉางเกือบไปสุดทางแล้ว55555 อ่อนโยนสุดดดด ให้ข้าวเตรียมตัวเตรียมใจก่อนนะคนดี :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบ| - 11.11.2017 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 11-11-2017 10:34:19
โอ๊ยยย ระทึกมากค่ะ ยิ่งกว่าฉางอีกตอนนี้

ฉางเป็นคนดีนะนี่ แพ้น้ำตา และแพ้ทางข้าวมาก
ข้าวน่ารักอะ ถึงจะไม่สุดทาง แต่ก็มีอาการของคนยอม ปลื้ม

เขียนไม่ชอบฉาง เพราะไม่ชอบเกย์ หรือเพราะเขียนชอบข้าว หรือว่ามีอดีตไม่น่าจำ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบ| - 11.11.2017 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-11-2017 11:02:04
โอ๊ย..........ฉางรักข้าว ยอมข้าวจริง
ไม่คิดว่าฉางจะหยุดอารมณ์นี้ได้ ฉางยอดเยี่ยม  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

เขียน วุ่นวายกับคนรักของข้าวจริงๆ  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
      :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบ| - 11.11.2017 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 11-11-2017 11:49:13
ระทึกในบรรทัดสุดท้ายมากๆเลยค่ะ  :ling1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบ| - 11.11.2017 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: baibuabuaz ที่ 11-11-2017 12:31:31
เขียนเป็นไรอะ จะอะไรนักหนา ไม่ใช่ว่าชอบข้าวใช่มะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบ| - 11.11.2017 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: chaotic69 ที่ 11-11-2017 12:32:53
เขียนนนนน หวังว่าไม่ใช่แกล้งรังเกียจเพื่อปกปิดความรู้สึกตัวเองหรอกน๊าาา
สงสารมากกว่าฉางก็ข้าวนี่แหละ นั่นก็แฟนนี่ก็เพื่อนสนิท  :katai1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบ| - 11.11.2017 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-11-2017 13:44:41
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบ| - 11.11.2017 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 11-11-2017 15:25:30
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบ| - 11.11.2017 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: flimflam ที่ 11-11-2017 17:42:28
โอ้โห ความระทึกตอนต้นเทียบกับตอนท้ายไม่ได้เลย ฮือ
ระทึกมากๆ เขียนรู้ได้ยังไงงงง!!!!
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบ| - 11.11.2017 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 11-11-2017 19:08:48
 :a6: :a6: :a6:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบ| - 11.11.2017 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 11-11-2017 19:38:51
แอบฟินเกือบทั้งตอน แต่มาพีคตอนสุดท้าย.. o22
โตๆกันแล้วป่ะเขียน เรื่องบางเรื่องก็มาบังคับจิตใจกันไม่ได้นะ
ถ้ามันจะอคติกับเกย์มากนัก จะเลิกคบข้าวเป็นเพื่อนเลยไหม? อย่ามาสั่งให้ข้าวเลิกคบฉาง!
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบ| - 11.11.2017 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 11-11-2017 20:29:58
มีเพื่อนแบบเขียนนี่ก็คงอึดอัด
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบ| - 11.11.2017 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 11-11-2017 22:06:12
ฉางอดเอาเด้อสู o18 o18 o18
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบ| - 11.11.2017 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 11-11-2017 22:14:07
อ่านมาถึงตอนนี้แล้วก็ได้แต่สงสัยว่า ก่อนหน้านี้เขียนมีปมอะไรมาก่อนหรือเปล่า?
ทำไมอคติได้ขนาดนี้เนี่ย?
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบ| - 11.11.2017 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 11-11-2017 22:15:47
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบ| - 11.11.2017 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 12-11-2017 00:26:35
เอาล่ะสิ. ไม่ใช่เขียนก็ชอบข้าวหรอ??
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบ| - 11.11.2017 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: mybear_sr ที่ 12-11-2017 03:39:22
เขียนมีสิทธิ์อะไรมาโกรธข้าอ่ะ ถ้าบอกว่าเกลียดเกย์ก็ไม่น่าจะชอบข้าว แต่ถึงชอบข้าวก็ไม่มีสิทธิ์มาโกรธป่ะ ไร้สาระตั้งแต่ตัวเองเกลียดแล้วให้เพื่อนเกลียดด้วยละ อนุบาลเว่อร์~~~
ฉางงงงคนดี อ่อนโยนและอบอุ่นมากเว่อร์ ขนาดข้าวแสนจะน่าย่ำยียังห้ามใจตัวเองได้อีก ฮืออฉางงงงงงง
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบ| - 11.11.2017 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: Namshine ที่ 12-11-2017 09:06:45
เขียนต้องโกรธขนาดนั้นเลยหรอ นั่นเพื่อนนะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบ| - 11.11.2017 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: full ที่ 12-11-2017 10:33:48
ทำไมเขียนต้องเกลียดเพศที่สามขนาดนี้มีปัญหาอะไรรึเปล่าอีกอย่างข้าวเป็นเพื่อนสนิทนะไปตะคอกใส่อย่างนั้นได้ไงมีเหตุผลหน่อยสิไม่คิดว่าข้าวจะเสียใจแค่ไหน
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบ| - 11.11.2017 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: a.amyw ที่ 12-11-2017 11:01:33
เขียนชอบข้าวรึเปล่า ทำไมดูหวงๆจัง หรือมีอะไรฝังใจถึงได้อคติขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบ| - 11.11.2017 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 13-11-2017 00:20:58
เขียนจำเป็นต้องไม่พอใจขนาดนั้นเลยหรอ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบ| - 11.11.2017 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 13-11-2017 00:43:23
มารอน้องข้าวค่ะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบ| - 11.11.2017 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: iamaweirdo ที่ 13-11-2017 01:49:57
เขียนแอบชอบข้าวชัวร์ หวงขนาดนี้ :hao3:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบ| - 11.11.2017 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: 0% ที่ 14-11-2017 02:37:50
ในขณะที่กำลังหวานซึ้งจิกหมอนเเต่อยู่ๆต้องมาดรอปเพราะเขียน ทำไมต้องโกรธอะไรขนาดนั้น หวงเพื่อนหรือจริงๆเเล้วแอบชอบเพื่อนใช่มะ?
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบ| - 11.11.2017 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: Lalaleega ที่ 14-11-2017 08:16:37
ชอบฉางง นางน่ารัก เขียนเป็นไรมากป่าวงง
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบ| - 11.11.2017 p.13
เริ่มหัวข้อโดย: tuuili ที่ 14-11-2017 21:00:28
รอตอนต่อไป แต่ไม่เอาดราม่าได้มั้ยยย ไม่อยากเห็นข้าวร้องไห้แล้ว
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 15-11-2017 00:12:09
21



“อะ...อะไร ไปเอามาจากไหน”



ผมพยายามควบคุมเสียงตัวเองไม่ให้สั่น ทำหน้าตาไม่ให้ไอ้เขียนจับผิดได้ แต่ผมรู้...ผมไม่ใช่คนโกหกเก่ง...



“กูว่าแล้วว่ามันแปลกๆ”



เขียนว่าเสียงแข็ง ก่อนกระชากเสื้อนักศึกษาผมเสียเต็มแรง



“ไอ้เขียน ทำอะไร-”



“รอยพวกนี้มันเป็นคนทำใช่มั้ย!”



“ห...หา”



ผมพยายามเสแสร้งไม่เข้าใจทั้งที่ใบหน้าตัวเองตอนนี้คงซีดเผือก ไม่คิดว่าไอ้เขียนจะสังเกตร่องรอยจากการกระทำไอ้ฉางเมื่อคืน  ผมพยายามนึกหาข้อแก้ตัวในหัวสุดความสามารถ



“ปกติมึงไม่ชอบให้ใครทำรอยนี่...และถ้ามึงไปเที่ยวผู้หญิง มีหรือที่กูจะไม่รู้ บอกกูมาข้าว...ไอ้เหี้ยฉางเป็นคนทำใช่มั้ย”



“...”



ผมรู้...ผมโกหกมันไม่ได้หรอก ไอ้เขียนอยู่กับผมมานานเกินไป นานจนเราล่วงรู้นิสัยของกันและกันดีเกินไป ผมรู้ว่าผมไม่มีวันโกหกมันได้ พอๆ กับที่มันรู้ว่าผมเป็นคนยังไง



“ถ้าใช่...แล้วไง”



“มึงว่าไงนะข้าว”



ผมปัดมือไอ้เขียนที่ขยุ้มคอเสื้อผมออกไป พลางเอ่ยเสียงดัง “ถ้าใช่แล้วไง! กูกับฉางคบกัน ทำเรื่องแบบนี้กันแปลกตรงไหน”



“มันไม่แปลกตรงไหนล่ะวะ ไอ้ฉางมันเป็นผู้ชายนะข้าว!”



“กูรู้ เพราะรู้ถึงไม่บอกมึงไง ทำไม ไอ้ฉางเป็นผู้ชายแล้วไง กูรักผู้ชายไม่ได้หรือไง”



ไอ้เขียนส่ายหน้าพร้อมถอนหายใจเฮือกใหญ่ “เอาอะไรมาคิดว่าได้”



“แล้วมึงเอาอะไรมาคิดว่าไม่ได้ เขียน...ความรู้สึกมันบังคับไม่ได้หรอกนะ ในเมื่อกูชอบมันไปแล้วจะให้กูทำยังไง”



“มึงไม่ใช่เกย์นะข้าว”



“กูเป็นไม่เป็นแล้วเกี่ยวอะไรด้วย กูแค่มีคนที่ชอบก็เท่านั้น เขียน...มึงอย่าอคติได้มั้ยวะ”



“กูไม่ได้อคติ แต่สิ่งที่มึงทำมันไม่ถูก มันไม่ปกติ มึงไม่รู้ตัวหรือไงวะข้าว คบกับผู้ชายเนี่ยนะ มึงคิดว่ามึงจะมีความสุขไปได้ตลอดเหรอ”



“แต่ตอนนี้กูก็มีความสุขดีนี่”



“ข้าว...มึงไม่เข้าใจ”



“มึงต่างหากที่ไม่เข้าใจ เขียน...ฟังนะ กูไม่ได้ผิดปกติ กูเป็นคนที่มีความรักเหมือนคนทั่วไป แค่คนที่กูรักเป็นผู้ชาย”



“ก็นั่นแหละที่ผิดปกติ กูถึงบอกว่ามึงไม่เข้าใจไง!” ไอ้เขียนตวาดเสียงดัง ทำให้อารมณ์หงุดหงิดที่คุกกรุ่นอยู่ในอกผมปะทุระเบิดออกมาอย่างตั้งสติไม่ได้



“มึงนั่นแหละที่ไม่เข้าใจ! กูจะไปชอบใครแล้วมันเกี่ยวอะไรกับมึงด้วย!”



“ข้าว...มึงก็รู้อยู่แก่ใจ รู้ทั้งรู้แท้ๆ”



“...”



“กูให้ตัวเลือกมึง ถ้าไม่เลิกกับมัน ก็เลิกคบกู”



ความเงียบเข้าปกคลุมเมื่อผมไม่สามารถหาคำพูดอะไรโต้ตอบมันได้ ผมเบิกตากว้าง ไอ้เขียนเอ่ยประโยคไม่สมเหตุสมผลออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่ทันจะได้ขัดอะไร มันก็หมุนตัวหนีไป เอ่ยปิดท้าย



“ได้เวลาเรียนแล้ว” พร้อมกับเดินจากไปอย่างไม่คิดเหลียวหลังกลับมา...



ผมไม่ได้เข้าเรียนคาบนั้น ปกติถ้าไม่จำเป็นผมจะไม่โดดเรียน แต่ครั้งนี้...ผมทำใจไปเรียนไม่ไหวจริงๆ...



ได้แต่หนีปัญหามาทรุดตัวในซอกหลืบของอาคาร ทิ้งตัวนั่งอย่างหมดแรง...ผมสับสนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผมรู้อยู่แก่ใจอย่างที่มันว่า แต่ไม่เคยคิดว่าไอ้เขียนจะอคติมากถึงขนาดนี้ มากขนาดที่จะตัดความเป็นเพื่อนที่มีมายาวนานกว่าสิบปีนี้ได้ลง...



ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองต้องเลือกใครสักคนระหว่างเพื่อนกับคนรัก สำหรับผม เป็นสิ่งสำคัญทั้งคู่



ปกติแล้ว...มิตรภาพมันตัดกันได้ง่ายๆ ขนาดนี้เลยเหรอวะ



ที่ผ่านมาผมไม่เคยไปยุ่งผู้หญิงของไอ้เขียน รู้มาว่าบางคนนิสัยร้ายกาจ แต่ก็แค่บอกเตือน ไม่ได้ก้าวก่ายถ้ามันคิดจะคบ แต่เพราะเป็นไอ้เขียนที่ไม่เคยจริงจังในเรื่องแบบนี้ด้วย ผมจึงคิดว่าไม่เป็นไร อย่างน้อยมันก็น่าจะเลือกคบคนดีๆ อย่างจริงจังสักวัน



อีกหนึ่งสาเหตุเพราะผมได้ให้สัญญากับมันแล้ว...ว่าหลังจากเข้ามหาลัย ขอให้มันทำตัวตามใจชอบ ทำตามใจอยาก ไม่ต้องมาเฝ้าห่วงผมเหมือนที่ผ่านมา...



ผมรู้ ที่ผ่านมาไอ้เขียนมีแต่ความหวังดีให้ผมมาเสมอ



มีเพียงครั้งนี้ ที่ผมรับความหวังดีจากมันไม่ไหว...



ผมนั่งนิ่ง ทบทวนคิดเรื่องราวต่างๆ ที่ผ่านมาคนเดียว ไม่เข้าใจว่าทำไมเขียนถึงต้องบังคับให้ผมต้องเลือก  ผมรู้ถึงเหตุผลของไอ้เขียนที่ไม่อยากให้ผมคบเพศเดียวกัน แต่ไม่เข้าใจความไม่สมเหตุสมผลของการเกลียดการรักร่วมเพศของมัน ไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงไม่เข้าใจผมเหมือนเมื่อก่อน...ปกติแล้ว...ไม่ว่าผมจะมีเรื่องอะไร ไอ้เขียนจะเป็นอยู่ข้างผมเสมอ



แล้วทำไมครั้งนี้ถึงไม่เป็นเหมือนครั้งก่อนๆ เสียแล้ว



ผมเสียไอ้เขียนไปไม่ได้ ถึงอย่างนั้น ผมก็ไม่อยากเสียฉางไปเหมือนกัน



สองสิ่งสำคัญคล้ายกับให้เลือกหัวใจกับสมอง แน่นอนว่าไม่มีทางเลือกได้ ขาดอะไรสักอย่าง ผมไม่ต่างจากคนตาย ถึงอย่างนั้นผมก็ต้องหาทางออกให้กับเรื่องนี้ ปกป้องให้ได้ทั้งสมองและหัวใจ



แต่ต้องทำยังไง



น้ำตาผมกลั่นออกมาเป็นสาย เมื่อทบทวนทุกอย่างแล้วพบว่าทางเลือกที่คิดได้นั้นมีแต่ต้องทำร้ายหัวใจตัวเอง ปล่อยเวลาผ่านไปอย่างไร้ค่า ใช้ระยะเวลาทำใจนานเสียจนใกล้ถึงเวลาเลิกเรียน



ผมรวบรวมความกล้า กดโทรออกหาฉาง ไม่นาน ปลายสายก็รับ



 “ข้าว ว่าไง”



ไอ้ฉางตอบรับเสียงใส ผมเสียใจที่ไม่สามารถพูดขยายความอะไรไปได้มากกว่า...



“ฉาง...ต่อจากนี้ไป...เราไม่เจอกันสักพักนะ...”



ว่าแค่นั้นก่อนกดตัดสายแทบทันที ไม่ขอรอฟังความเห็นของมัน



หลังจากที่วางสายจากฉาง กดบล็อกเบอร์มันไว้สักพัก ยังไม่ใช่ตอนนี้...ผมยังเรียบเรียงคำพูดมาอธิบายมันไม่ได้ สิ่งที่ผมทำได้มีแค่เท่านี้...



ผมรอจนถึงเวลาเลิกเรียน ดักเจอไอ้เขียนก่อนเดินควบคู่มันไปเงียบๆ เมื่อเส้นทางเริ่มไร้ผู้คน ผมเอ่ยกับมัน



“กูจะไม่ยุ่งกับฉางแล้ว พอใจมั้ย”



“มาก”



เขียนว่าก่อนเอื้อมมือมาขยี้หัวผม นั่นทำให้ผมเงยหน้าไปเห็นรอยยิ้มของมัน เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวในชีวิตที่ไม่คิดว่าจะหาได้จากไหนอีกแล้ว...ถึงอย่างนั้น รอยยิ้มของมันกลับทำให้ผมปวดใจจนแทบจะร้องไห้ออกมาอีกรอบ



...ผมปฏิเสธไปกินข้าวเย็นกับมัน เดินออกไปยังเส้นทางไม่คุ้นเคย



คืนนั้น ผมไม่ได้กลับหอ จากสาเหตุที่รู้ดีกัน ผมไม่อยากกลับไปเจอไอ้ฉางแล้วร้องไห้โวยวายใส่มันหรือทำอะไรงี่เง่าอย่างการระบายอารมณ์ใส่ ฉางไม่ผิด ผิดที่ผมเอง อีกทั้งถ้าเจอมันคงผิดคำพูดทีได้ให้ไว้กับไอ้เขียน ผมอยากจัดการปัญหาตรงนี้ด้วยตัวเองก่อน เพราะไอ้เขียนเป็นเพื่อนผม...คงมีแค่ผมที่รู้ว่าต้องรับมือกับมันยังไง



ในตอนนี้การไม่ต้องเจอไอ้ฉางเป็นทางเลือกทางเดียวที่ผมคิดออก



เสียใจ...ที่ต้องบอกเช่นนั้นกับไอ้ฉาง เนื้อความสั้นๆ ที่ไม่ได้อธิบายอะไรเลยคงทำให้มันสับสนและเป็นกังวลอยู่ไม่น้อย แต่ผมพูดมากไปกว่าประโยคนั้นไม่ได้ แค่ประโยคเดียว ผมก็กลั้นเสียงสั่นให้เป็นปกติแทบไม่ไหวแล้ว ผมไม่อยากให้มันรู้ว่าผมร้องไห้



ความรู้สึกที่ผมมีต่อไอ้ฉางเป็นของจริง ผมรักชอบมันจริง ไม่อยากทำให้มันเสียใจ เพียงแค่...ตอนนี้ ผมยังไม่มีวิธีรับมือที่ดีกว่านี้ รู้ทั้งรู้ว่าบอกไปเช่นนั้นมีแต่จะทำให้ไอ้ฉางร้อนใจ หากแต่ถ้าให้คำอธิบาย ก็เกรงว่าผลลัพธ์คงไม่ต่างกัน ถึงอย่างนั้น ผมก็ไมได้ใช้คำว่าเลิก...อย่างที่เขียนได้เอ่ยคำขาด...



ผมรู้...ผมกำลังหนีจากทุกอย่างอีกแล้ว ...อีกแล้ว เหตุการณ์ซ้ำซากเกิดขึ้นเพราะความอ่อนแอไม่เอาแน่เอานอนของผมตลอด ผมตัดฉางไม่ได้ พอๆ กับเสียเขียนไปไม่ได้



ผมไม่ได้มานอนหอไอ้เขียนหรอก แม้ว่ามันจะเสนอมาก็ตาม ดูท่าไอ้เขียนเองก็ไม่อยากให้ผมกลับไปเจอฉางเหมือนกัน ผมในตอนนี้ หาคำมาเถียงเพื่อนสนิทไม่ได้ เก่งแต่หนีเท่านั้นจนนึกสมเพชตัวเอง



“อาบน้ำมั้ยข้าว”



“อืม”



ส่งเสียงตอบเจ้าของห้อง เติมเต็มเป็นที่พึ่งเดียวที่ผมนึกออกในตอนนี้ คนอย่างมันไม่เป็นฝ่ายเอ่ยถามก่อนถ้าผมไม่เล่า แต่ความเป็นห่วงของมันเป็นของจริง แม้ไม่พูด แต่ก็แสดงออกมาชัดเจน สภาพผมตอนนี้ใครเจอก็ต้องรู้ว่าไม่ใช่สภาพที่พร้อมจะโต้ตอบกับใครได้ เต็มเองก็เข้าใจตามนั้น มันไม่ว่า ไม่ถาม ยินยอมให้ผมบุกรุกขึ้นห้องมันมาแต่โดยดีทั้งๆ ที่หอมันไม่ได้ใกล้หอผมเอาเสียเลย แต่ก็ยังลงแรงมารับผมถึงที่



แม้ว่าตั้งใจจะจัดการเรื่องนี้ด้วยน้ำแรงของตนเองแค่คนเดียว แต่จนกระทั่งได้ให้สายน้ำขับความคิดที่ถาโถม ทำให้ใจเย็นลงพอที่จะเรียบเรียงเรื่องราวต่างๆ ได้แล้ว ผมกลับเลือกที่จะเล่าเรื่อง ระบายความอึดอัดนี้ให้เติมเต็มได้รับรู้



“กูคบกับฉาง”



“...อ่า”



“รู้มาก่อนไหม”



“คิดว่า…มีช่วงหนึ่งที่ไอ้ฉางเอาแต่ถามกูเรื่องมึง เลยคิดว่ามันน่าจะจีบมึง”



“...”



“แล้วมันก็เงียบไป เดาว่าคงจีบติดแล้ว คนอย่างไอ้ฉาง ถ้ามันยังไม่ได้ดั่งใจ ไม่มีทางที่เงียบหายไปเฉยๆ หรอก”



“...”



“แล้วไงต่อล่ะ มีปัญหากันเหรอ”



“กูเหมือนจะต้องเลิกกับมันแล้ว...”



“หา”



“...”



ผมเงียบ เรียบเรียงคำพูดในสมอง



“เขียนไม่ให้กูคบกัน”



“แล้วไงวะ มึงก็เชื่อคำพูดมันเนี่ยนะ อย่ามาตลกหน่อยเลยข้าว สภาพมึงตอนกูเห็นโคตรย่ำแย่ คงไม่ใช่เพราะเรื่องแค่นี้หรอกใช่มั้ย”



“...มันบอกว่า ถ้าไม่เลิกคบกับฉาง ก็เลิกเป็นเพื่อนมัน” ปัญหาเรื่องเขียน ค้างคาและเรื้อรังมาตั้งแต่ไอ้ฉางเริ่มเข้ามาในชีวิต รู้ทั้งรู้ว่ามันจะต้องไม่พอใจ แต่ไม่เคยคิดว่าจะถึงขั้นนี้ ผมคิดว่าไอ้เขียนจะเป็นคนที่เข้าใจผมมาโดยตลอด



รู้ทั้งรู้ว่าไม่ได้มีแค่เรื่องไอ้เขียนเท่านั้นที่ทำให้ผมต้องตัดใจจากฉาง



รู้ดีเสมอ...เพียงแค่ฝังมันเอาไว้ส่วนลึกสุกของหัวใจ เฝ้าหลอกตัวเองไปทุกวันว่าอยู่กับไอ้ฉางไปอย่างนี้เรื่อยๆ ก็ได้ ไม่เห็นเป็นไร ทั้งๆ ที่ความจริงที่มีชื่อว่าเป็นไปไม่ได้จ่ออยู่ตรงหน้าแท้ๆ



“...”



“กูควรทำไงดีเต็ม...”



เมื่อมีหลายปัจจัยเกิดขึ้น ทางออกที่คิดได้จึงมีแต่ความมืด ผมถามเพื่อนข้างกายอย่างจนใจ สุดท้าย ผมก็ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่อีกครั้ง



วันนั้นทั้งคืน ผมเอาแต่ร้องไห้โวยวายใส่ไอ้เต็ม สภาพดูไม่ได้เอาเสียเลย







.





XXI



คืนนั้น...ข้าวไม่กลับห้อง ข้าวโกรธผมเรื่องอะไร? ผมใช้เวลาคิดเรื่องนี้ทั้งคืน พอๆ กับพยายามติดต่อข้าวทั้งคืน หลังจากจบคำพูดไร้เหตุผล ผมก็ติดต่อข้าวไม่ได้อีก ไม่รู้เลยว่าข้าวเป็นอะไร จู่ๆ มาบอกไม่ให้เจอกัน จะทำได้ยังไง ในเมื่อผมอยู่กับข้าวมาตั้งนานขนาดนี้ รักเขามาจนปล่อยไปไม่ได้ขนาดนี้แล้ว



วันต่อมาผมไปตามหาถึงคณะ พบว่าข้าวไม่มาเรียน ไม่รอช้าพุ่งเข้าไปหาเพื่อนสนิทข้าวอย่างไม่เต็มใจ ข้าวไม่มีเหตุผลที่จะต้องพูดอย่างนั้น เรื่องที่ข้าวจะโกรธผมมันไม่น่ามากพอที่จะทำให้เขาหนีหายไปแบบนี้ เพียงแต่ผมไม่รู้ว่าทำไม...จึงคิดว่าถามเพื่อนข้าวน่าจะได้ความกว่า ผมตั้งใจมาคุยดีๆ



แต่ผมไม่คิดเลยว่าเหตุผลมันจะยิ่งใหญ่กว่าที่คิด



เมื่อเขียนบอกว่าไม่ต้องการให้ผมกับข้าวคบกัน



“กูไม่ยอมให้เพื่อนกูเป็นเกย์หรอก ชายรักชายอะไร น่าขนลุกจะตาย มันไม่ใช่ความรักหรอก”



“...”



“มึงก็ปล่อยเพื่อนกูไปเถอะ ข้าวจะมีความสุขกว่านี้ถ้าได้คบกับผู้หญิงดีๆ แต่งงานมีชีวิตคู่ที่สมบูรณ์ ไม่ใช่มาจมกับพวกรักร่วมเพศอย่างมึง”



“...เขียน ผมว่าคุณเข้าใจอะไรผิดไป ความรักเกิดจากความรู้สึก...ไม่ใช่เพศ”



“ผิดยังไง ความรักเป็นสิ่งที่คู่กับชายและหญิง เรื่องระหว่างพวกมึงมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ถ้ามึงยังคบกันต่อไป คนอื่นจะมองข้าวยังไง”



“ต้องสนด้วยเหรอ”



“มึงมันเห็นแก่ตัวอย่างนี้ไง ไม่เข้าใจเหรอว่าความรักของเพศเดียวกันมันฉาบฉวย ไม่ยั่งยืนหรอก มีแต่จะถูกนินทาเสียเปล่าๆ”



“แล้วความรักของคุณยั่งยืนเหรอ การที่คุณไปรักชอบเพศตรงข้ามมันยาวนานนักหรือ แล้วคิดว่าการที่คุณเที่ยวคบผู้หญิงไปเรื่อยๆ นี่จะไม่โดนนินทาเลยหรือ”



“อันนั้นกูไม่เรียกว่ารัก ถ้ากูจะรักใครมันก็ต้องเป็นไปตามปกติที่ควรจะเป็น ได้แต่งงานอยู่กินกันไปนานๆ และอย่างน้อยที่กูเที่ยวคบใครต่อใครก็เกิดจากความเต็มใจของทั้งกูทั้งเขา”



“คนหย่าร้างกันมีถมไป อะไรเป็นเรื่องการันตีว่าผู้หญิงกับผู้ชายจะรักกันยืนยาวนานตลอดไป”



“อย่างน้อยรักของชายกับหญิงก็ยาวนานกว่า อย่างน้อยก็ไม่ต้องเสียหน้าตาทางสังคม มึงเลิกถามทีเถอะ แขยงว่ะ”



ผมถอนหายใจ คนหัวดื้อตรงหน้าพยายามอ้างเอาเหตุผลไร้สาระยกขึ้นมาและคิดว่ามันคงเป็นสิ่งที่ถูกต้องในกรอบกะลาของเขา



“...ก็อยู่ที่ว่าสังคมที่พวกคุณอยู่เป็นอย่างไร จริงอยู่ที่ว่าอาจจะไม่ใช่ทุกคนที่ยอมรับเรื่องนี้ได้ แต่ผมเชื่อว่าข้าวอยู่ในสังคมที่เปิดใจยอมรับในเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว แต่ถ้าเป็นสังคมหัวโบราณยุคไดโนเสาร์แบบพวกคุณ...ก็คงคิดว่ามันเป็นปัญหา”



“ไอ้...!”



“ผมแค่มาคุยด้วยดีๆ เท่านั้น ข้าวไม่กลับหอ ติดต่อไม่ได้ คุณรู้หรือว่าข้าวไปไหน”



“...ถึงกูรู้ กูก็ไม่จำเป็นต้องบอกมึง”



“ถ้าคุณรู้จริง คุณคงไม่ปล่อยให้ข้าวโดดเรียนอย่างนี้หรอก ถ้าคุณเป็นเพื่อนเขาจริงๆ ล่ะก็นะ...”



“อย่ามาพูดดี! กูกับข้าวคบกันมานานกว่ามึงจะรู้จักกันด้วยซ้ำ”



“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องรู้ว่าข้าวเป็นคนขยันเรียน การทำให้ข้าวโดดเรียนแบบนี้ไม่ใช่เรื่องดีเลย...”



“...อย่ามาเสือก มึงมันก็แค่ไม่รู้อะไรเลย”



“ผมแค่มาพูดด้วยดีๆ แค่อยากรู้ว่าข้าวไปไหน สบายดีหรือเปล่า แต่วันนี้ก็พอรู้สาเหตุที่ทำให้ข้าวเป็นแบบนี้แล้วล่ะ ถ้าข้าวไม่ได้อยู่กับคุณก็คงเพราะข้าวไม่สามารถพึ่งคุณได้”



“...ข้าวแค่ยังไม่เข้าใจ การที่กูเลือกสิ่งดีๆ ให้กับเพื่อนมันผิดตรงไหน ผู้ชายรักกัน มึงก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้”



“ผมว่ามันมีอะไรยืนยันความรักได้ตั้งมากมายมากกว่าคำว่าเพศ”



“ถึงจะพูดยังไงกูก็ยืนยันคำเดิม มึงจะไปรักใครก็ได้ที่ไม่ใช่ข้าว ผู้หญิงที่เหมาะสมกับข้าวมีตั้งมากมาย อย่าดึงให้เพื่อนกูตกต่ำไปด้วยความรักกลวงๆ ของมึงเลย”



“...อย่างน้อยความรักของผมที่มีต่อข้าวมันลึกซึ้งพอที่จะบอกว่ามันเป็นความรักที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวและแค่กับคนเดียว”



“ก็ดีแค่พูด เอาอะไรมาพิสูจน์ล่ะ”



“ความรู้สึกไง”



“เหอะ แค่คำพูดน้ำเน่า ใครก็พูดได้ คิดว่ามันมองกันออกง่ายๆ หรือไง”



“เขียน...คุณรักพ่อแม่คุณไหม?”



“อะไร? ก็ต้องรักสิ”



“...พิสูจน์สิ”



“...”



ครานี้ ไม่มีคำพูดอะไรออกจากปากคนตรงนี้ มีเพียงท่าทียึกยัก อ้าปากพะงาบคล้ายพยายามหาคำมาเถียงต่อ ผมเหนื่อยที่จะต้องพูดคุยให้คนหัวดื้ออย่างเขียนฟังแล้ว และคิดว่าข้าวก็คงพยายามแล้วเหมือนกัน เขียนถึงได้มีท่าทีออกมาเช่นนี้ ท่าทีที่แสดงออกว่าข้าวเองก็ไม่รับฟังเขียน ผมไม่ยอมแพ้หรอก เพียงแต่ต้องใช้เวลากันสักหน่อย



“ผมไม่โกรธคุณหรอก เพราะคุณเองก็หวังดีกับข้าว ผมไม่โกรธข้าวด้วยที่เลือกมิตรภาพมากกว่าผม แต่ที่มาพูดด้วยแค่หวังว่าคุณจะเข้าใจว่าความรักมันไม่ได้ถูกจำกัดด้วยอะไรทั้งนั้น...”



“...”



“ถ้าคุณคิดว่าจะดูแลและทำให้ข้าวมีความสุขได้ ผมก็ฝากด้วย”



“...”





“ถ้าข้าวยอมให้คุณดูแลล่ะก็นะ...”

 




♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦


หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: sebest ที่ 15-11-2017 00:23:02
ไอ้เหี้ยเขียน!!!!!!  :z3:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 15-11-2017 00:47:55
เขียน มึงออกมาจากกะลาดิ๊

 :L2: :L1: :pig4:

ฉางสุภาพม๊ากกกกก
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: LOЯPOR ที่ 15-11-2017 00:53:16
จับเขียนฟาดกำแพง!!  :z6:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: cho_co_late ที่ 15-11-2017 01:00:00
เพื่อนอย่างเขียนนี้มัน... หมดคำพูด
คิดว่าเป็นเพื่อนแล้วจะบงการชีวิตเพื่อนคนอื่นได้หรอวะ ตลกมาก ชีวิตใครชีวิตมันมั้ย /อินๆ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 15-11-2017 01:07:14
เขียนนิสัยโคตรแย่
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 15-11-2017 01:28:09
เก็บคำพูดของฉางไปทบทวนสะนะเขียน :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 15-11-2017 02:33:19
 :z6:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: adoralula ที่ 15-11-2017 03:16:43
คนอย่างเขียนต้องใช้เวลา เข้าใจนางนะ
ถึงเราจะไม่เคยเจอคนแบบนี้กับตัวก็เถอะ
สงสารทั้งข้าวทั้งฉางเลย

ข้าวรักเพื่อนจัง
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: 0% ที่ 15-11-2017 04:24:32
มีเเต่คำว่าหงุดหงิดเเละรำคาญเขียนเต็มไปหมด ไม่เข้าใจกับความหวังดีของเขียนการหวังดีที่ทำให้เพื่อนไม่มีความสุขเเบบนั้นหรอ ตลก ไม่รู้หรอกว่าเขียนจะมีปมอะไรกับเรื่องนี้ เเต่เขียนกำลังทำให้ข้าวไม่มีความสุขนะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-11-2017 05:33:48
เขียน แย่มาก  :fire: :fire: :fire:
เอาความคิด ความต้องการของตัวเองไปกำหนดชีวิตข้าว
โดยใช้การตัดเพื่อนมาข่มขู่ข้าว

นอกจากเขียนมีปมแล้ว
แอบคิดว่าลึกๆ เขียนชอบข้าวเกินเพื่อน
แบบตัวเองไม่ได้ ชายคนไหนก็อย่าได้ข้าว
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 15-11-2017 05:34:49
เขียนเป็นเพื้อนนะทำไมดูก้าวก่ายขีวิตเพื่อนจังขอให้มีแฟนเป็นผช.ทีเถอะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 15-11-2017 06:41:31
มากไปแล้วเขียนนนนน
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 15-11-2017 07:23:05
ดีที่ฉางใจเย็นและเข้าใจข้าว ชอบความมีสตินี้

เฮ้ออออออ เขียนเอ้ยยยย
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: ciaiwpot ที่ 15-11-2017 07:25:30
ข้าวเลือกเพื่อน ไม่ผิด
เขียนอยากให้เพื่อมีความรักที่คิดว่าถูกต้องก็ไม่ผิด
แต่การเอาแต่ใจตนเอง
คิดเอง แล้วเลือกโดยไม่ได้พูดจากันจริงๆจัง
ก็ต้องรับสภาพ
โกรธข้าวนะ
แต่ในภาวะนั้นก็ตัดสินใจยาก
ถ้าคบเพื่อนที่มีทัศนคติในเรื่องเพศแบยนี้
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: minenat ที่ 15-11-2017 09:17:13
โอ้ยยยนางเขียนเธอสู้ฉางไม่ได้หรอกนะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: nutipkra ที่ 15-11-2017 10:28:58
ฉาง นายมีสาระมาก ชอบๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 15-11-2017 11:33:01
เขียนแย่มากกกก
ส่วนฉางเท่มาก โอยยยพ่อพระเอกของน้อง ตอกหน้าเขาให้เงิบไปเลย แล้วไปตามหาข้าวต่อได้แล้ววว
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: flimflam ที่ 15-11-2017 11:40:15
เอาสิเขียนนนน เอาสิ ดูแลข้าวสิ ทำได้ปะล่ะ
ข้าวยังไม่มาพึ่งเลยไม่ใช่ไง้?
เนี่ย หัวร้อนมาก 55555555555555555555
มันเกินไปอะเขียน
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: full ที่ 15-11-2017 12:43:12
เขียนนนนแม่งโคตรงอแงโตสักทีเถอะเขียนโลกไม่ได้หมุนรอบตัวมึงเว้ยเขียนมีสติหน่อยเปิดตามองโลกหน่อยแล้วก็หันมามองเพื่อนมึงด้วยมึงเห็นข้าวมีความสุขไหมมึงเห็นว่าข้าวมีความสุขหรอเขียนที่มันยอมก็เพราะมันไม่อยากเสียเพื่อนแต่ทำไมมึงทำแบบนี้โตแล้วคิดหน่อยเว้ย!! ขอโทษที่หยาบคายค่ะแต่มันอดไม่ได้จริงๆ :m16:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: mybear_sr ที่ 15-11-2017 15:21:43
เขียนโคตรน่ารำคาญ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 15-11-2017 18:46:21
เขียนไปเจออะไรไม่ดีมารึป่าว
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 15-11-2017 19:57:56
เขียนเป็นเพื่อนที่แบ่บน่าถีบมากๆๆๆๆๆ แต่เข้าใจอารมณ์หวงเพื่อนนะเคยเป็นมาก่อน แต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับไงเพื่อนมันเลือกแล้ว เราก็ต้องทำใจ หวังว่าสักวันเชียนจะเข้าใจ
สงสารข้าวนะยื่นคำขาดแบบนี้ ทางไหนก็เจ็บ
แต่เชื่อว่าคนอย่างฉางคงไม่ยอมแพ้ ดูแลข้าวด้วยนะ
 :m15:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 15-11-2017 19:59:15
 :o12: :o12: :o12:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 15-11-2017 20:16:05
โอ้โหหห อ่านแล้วแทบอยากตบหัวไอ่เขียนให้คว่ำเลยอะ คือเป็นแค่เพื่อนป่ะไม่ใช่พ่อมีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับชีวิตเขา เป็นเพื่อนก็แค่ดูแลอยู่ห่างๆป่าวอะไม่ใช่มาเจ้ากี้เจ้าการแบบนี้ แล้วถ้ามีเพื่อนที่เห็นแต่ความสุขตัวเองมากกว่าควาทสุขของเพื่อนอย่างเขียนละก็ แนะนำให้เลิกคบเถอะ นิสัยน่ารำคาญมาก เกลียดดด
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: fahdekkom ที่ 15-11-2017 20:25:46
ข้าวเลือกผิดแล้วละ คนแบบเขียนนี่แหละที่ไม่น่าคบเลย
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 15-11-2017 20:51:10
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: dukdikdukdik ที่ 15-11-2017 21:41:57
กระโดดถีบหน้าเขียนแมร่ง  :z6: :z6: :z6: :z6:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: pppitppp ที่ 15-11-2017 21:57:51
ฉางทำดีมาก ส่วนเขียนก็...
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 15-11-2017 22:23:28
โลกหมุนรอบตัวเขียนหรือไง ใจร้ายไปนะ เช็คหน้าเช็คความรู้สึกเพื่อนด้วยไม่ใช่เอาแต่ตัวเองสบายใจ
ข้าวเข้มแข็งนะ ฉางก็ด้วย ปกป้องข้าวให้ได้

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: Namshine ที่ 15-11-2017 22:36:23
 :fire: หัวร้อนแทนฉางอะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: ทั่วหล้า ที่ 15-11-2017 22:56:34
เกลียดความคิดเขียนมากๆ จริงๆ

เหตุด้วยกับฉางทุกประโยคเลย
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 16-11-2017 00:42:16
ทำไมโลกแคบจัง,,, เขียน!!
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: Ashita ที่ 16-11-2017 15:59:03
นังเขียนนี้แอบชอบข้าวไหม? เพื่อนสนิทยังไงกัน ให้เพื่อนเลือกระหว่างตัวเองกับคนรัก เพื่อนจริงเปล่าเนี้ยนิสัยยังกับเด็กห่วงของเล่น
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 16-11-2017 21:23:23
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 16-11-2017 21:48:02
แบบเขียนต้องให้เรียนรู้ด้วยตัวเอง พูดไปก็เท่านั้นค่ะ ต้องได้เจอของจริง
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: แฟนตาเซีย ที่ 16-11-2017 22:43:28
ขอให้เขียนโดนเกย์จับกด!!// ตอนนี้มีแต่คนด่าเขียน ฮาาา :laugh:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: MacaroonCookie ที่ 16-11-2017 23:34:41
กระโดดฟรีคิกเขียน  :katai1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 16-11-2017 23:41:17
สงสารข้าว กับ ฉาง T^T
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: Himbeere20 ที่ 17-11-2017 01:38:34
เพื่อนหรือพ่อ มันต้องขนาดนี้เลยเหรอ
เป็นเพื่อนกันมานาน เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายหวังดี ไม่น่าใช่เหตุผล
อยากรู้ว่าทำไมข้าวถึงยอมลงให้เขียนขนาดนี้
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 17-11-2017 04:13:18
มันต้องมีเหตผลสิที่เขียนเป็นขนาดนี้ มันต้องมีสิ!!!! :serius2:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 17-11-2017 08:47:11
แอบรักเพื่อนรึป่าวเนี่ย  :z6:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: ▲TEACHCHY▼ ที่ 17-11-2017 10:41:41
ฉางแม่งร้ายยยยยยยยยย
ดึกๆดื่นๆทำไมไม่หลับไท่นอนแล้วล่ะ
ทำมาเปง ไม่บอกหรอกว่าข้าวเป็นอย่างนู้นอย่างนี้
แหม!ไอ้คนขี้อวด ใช่ซี่ เราไม่มีข้าวให้กอดบ้างนี่
ได้แต่คิดแล้วก็อิจฉา5555
 :serius2:
ตอนแรกคิดว่าเขียนต้องมีปมอะไรซักอย่างอะ
ไม่เคยโดนหลอกมา ก็มีเกย์มาแกล้ง
แต่พออ่านบทนี้แล้วคิดว่ามันอคติส่วนตัวแล้ว

ข้าวคิดจะหาวิธีทำให้ฉางกับเขียนไม่ต้องทะเลาะกัน
เลือกบอกเลิกกับฉางก่อนเพราะยังไงเขียนก็เป็นเพื่อนกันมานาน
ในขณะที่เขียนเลือกประกาศออกไปเลยว่าให้เลือกมาเหมือนคนเห็นแก่ตัว
ปากบอกหวังดี แต่ไม่ดูเลยว่าเพื่อนเป็นยังไง
อยากรู้จริงๆว่าคิดอะไรอยู่
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: chaotic69 ที่ 17-11-2017 14:33:02
สงสารข้าวนะ ในขณะที่พยายามรักษาความสัมพันธ์ทุกด้านไว้
ในความเป็นจริงคนเราหลงใหลความรักมากกว่ามิตรภาพมานักต่อนัก....
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: LadySaiKim ที่ 17-11-2017 21:05:57
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 17-11-2017 23:50:42
ฉางพูดดีนะ ถ้าเขียนรักข้าวจริง และรักใครจริง เขียนจะรู้
เขียนห่วงไม่ว่า แต่ความคิดแบบนี้ มันมากเกินไป เขียนกำลังทำร้ายเพื่อนอยู่นะ

ข้าวชัดเจนนะว่ารักฉาง รักมากด้วย แล้วก็เปิดใจมากด้วย แต่เขียนก็ไม่เข้าใจ
ข้าวเลือกเพื่อน เพราะเขียนเป็นเพื่อนมานับสิบปี จนตอนนี้ช้ำรักหนักมาก

ข้าวทำใจได้หรอ จะทนได้จริงหรอ
ฉางน่าสงสารนะ ไม่ผิดอะไร แค่รักข้าวคนเดียว
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: yewlyz ที่ 18-11-2017 02:13:58
เราเคยมีเพื่อนเหมือนเขียน คือเราเป็น ผญ ที่มีแฟนเป็น ผญ เพื่อนเราก็พูดให้เราเลิกทุกวัน สรุปคือเราเลิกกับแฟนจริงๆเพราะแฟนเราก็อึดอัดกับเพื่อนเรา โคตรเข้าใจความอึดอัดของข้าวเลย  :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 18-11-2017 04:16:51
ทำไมเพื่อนขี้เสือก..คลอดข้าวมาอ่อถามจริง?
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเอ็ด| - 15.11.2017 p.15
เริ่มหัวข้อโดย: ka[ze]na ที่ 18-11-2017 11:59:51
อยากฟาดให้เขียนหัวแตก น่ารำคาญ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสอง| - 20.11.2017 p.16
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 20-11-2017 22:16:29
22


https://www.youtube.com/watch?v=qnGTC8EUUes
 (https://www.youtube.com/watch?v=qnGTC8EUUes)





“ถ้าเป็นมึงจะเลือกอะไรระหว่างเพื่อนกับคนรัก”



“คนรักสิ”



“...ทำไม?”



“เพราะคำว่าเพื่อนของกูตัดกันไม่ได้ง่ายๆ ด้วยเรื่องแค่นี้หรอก”



คำตอบของเต็มทำให้ผมร้องไห้หนักกว่าเก่า ใช่...ผมก็เคยคิดว่ามิตรภาพของเขียนกับผมไม่น่าจบลงได้ง่ายๆ เพราะคนรักหรอก แต่ความจริงกลับตาลปัตร เมื่อเขียนมันพูดออกมาง่ายๆ อย่างนั้น



ให้เลือกสักคนน่ะหรือ ผมทำไม่ได้หรอก คนที่มีความสำคัญต่อชีวิตผมทั้งคู่



ผมไม่ได้เจอไอ้ฉางมาเป็นอาทิตย์แล้ว ผมรู้ว่าไอ้ฉางพยายามมาหาผมอยู่บ่อยๆ จากคำบอกเล่าของเติมเต็มแต่ก็ยังใช้ความพยายามอย่างหนักในการหลบหน้ามันรวมถึงหลบหน้าไอ้เขียนด้วย ทั้งโดดเรียน ไม่ยอมออกจากห้องไอ้เต็มไปไหน แต่ผมรู้ดีว่าผมทำอย่างนี้ได้อีกไม่นานหรอก



ในเมื่อคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับคนสำคัญยังจำเป็นต่อผมอยู่



คำสัญญาที่ว่าจะเอาเกียรตินิยมไปฝากพ่อที่อยู่บนฟ้า



...ถ้าย้อนกลับไป นี่คงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ผมต้องเลือกทำตามคำพูดของเขียน...



ผมไม่ใช่คนหัวดีมาแต่ไหนแต่ไร ที่ผ่านมาก็เอาความขยันเข้าสู้อย่างเดียว แต่คนที่ทำให้ผมหันมาเป็นแบบนี้ก็คือพ่อของผม...



สมัยมัธยม ผมไม่ใช่เด็กเรียนเก่ง เกรดผมไม่ได้ดี การเรียนอยู่ในระดับปานกลางค่อนไปทางต่ำด้วยซ้ำ เป็นไอ้เขียนที่เรียนเก่ง คอยติวข้อสอบให้ผมอยู่เรื่อยมา และก็เป็นมันอีกนั่นแหละ ที่พยายามคอยเกลี้ยกล่อมเวลาผมทะเลาะกับพ่อ



เรื่องเกิดขึ้นตอนช่วงม.ห้าเทอมสอง จู่ๆ พ่อก็อยากให้ผมเรียนหมอ แต่ผมรู้ขีดจำกัดตัวเองดีว่าไม่ไหว เถียงกับพ่อเรื่องนี้เป็นประจำ จนเวลายืดเยื้อผ่านไปครึ่งปี ผมไม่ชอบบ้านตัวเองเลยช่วงนั้น กลับบ้านไปก็มีแต่จะทะเลาะกับพ่อ เลยขลุกอยู่แต่กับไอ้เขียน เป็นมันที่พยายามหาทางตอนผมเผลอไปคุยเกลี้ยกล่อมกับพ่อผมเสียเอง



ถึงอย่างนั้น เรื่องราวกลับรุนแรงมากขึ้นเมื่อขึ้นม.หก พ่อจอมบงการไม่มีทีท่าว่าจะยอมให้ผมเรียนวิศวะตามที่ต้องการ ในตอนนั้น ผมเป็นคนใจร้อน ไม่ยอมอ่อนข้อให้พ่อเช่นกัน เอาแต่ยึดมั่นกับความคิดตัวเองฝ่ายเดียว เอ่ยด่าทอต่อว่าบุพการีด้วยถ้อยคำร้ายกาจ



ในช่วงเวลานั้นผมคิดแค่ว่า ชีวิตผม ผมต้องเป็นคนกำหนดเอง



การเรียนผมไม่ได้ดีเลิศ มีแต่วิชาคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ที่ผมทำได้ดีกว่าวิชาอื่นๆ รวมถึงผมชอบการคำนวณ จึงคิดเอาแค่ว่าคณะวิศวะจะเป็นตัวเลือกที่ดีให้กับตัวเอง ในอีกทางหนึ่ง พ่อเป็นแบบอย่างให้ผมมาเสมอ พ่อผมจบวิศวะ และการที่คิดว่าตัวเองจะได้เป็นอย่างพ่อนั้นก็เป็นความฝันอีกอย่างหนึ่งแท้ๆ



ทำไมพ่อถึงไม่เข้าใจ



ไม่เคยคิดเหตุผลอื่นว่าทำไมพ่อต้องเจาะจงให้ผมเรียนแต่หมอ คิดเอาเองว่าเป็นอาชีพยอดฮิตของคนรุ่นนั้น ที่ต้องให้ลูกหลานเรียนหมอ ด้วยเพราะเงินเดือนดีและมั่นคง แต่ผมที่ไม่มีทั้งอุดมการณ์และความรู้ ผมไม่อาจฝืนตัวเองไปทำอย่างนั้นได้ เอาแต่ต่อต้านพ่อมาโดยตลอด



ผมเหมือนพ่อตรงหัวดื้อและไม่ใช่คนใจเย็นเท่าไหร่นัก เมื่อคนดื้อมาเจอกัน แน่นอนว่าไม่มีใครยอมใคร พ่อไม่เคยบอกเหตุผลอื่น มีแต่คอยพูดซ้ำๆ ว่าต้องสอบหมอนู่นนี่ ผมเองจึงไม่เคยรู้เหตุผลที่แท้จริงของพ่อเลย



เป็นไอ้เขียนที่คอยพูดกล่อมทั้งสองฝ่าย



แต่ก็เป็นเพราะผมเองก็ไม่เคยคุยกับพ่อดีๆ มีแต่ขึ้นอารมณ์ใส่กัน ไม่ก็หนีหน้าพ่อมาหลบอยู่กับเพื่อนสนิท เป็นเขียนอีกครั้งที่ยอมไปกล่อมพ่อจนพูดออกมาได้



ว่าที่พ่อจู่ๆ ก็เอ่ยปากบังคับให้ผมเรียนหมอแทบเป็นแทบตายเพราะว่าแม่ผมเป็นโรคร้ายที่ไม่มีวันรักษาให้หาย...



แม่เป็นโรคร้ายที่เพิ่งตรวจเจอและแม่ไม่อยากให้ผมรู้เรื่องนี้ จึงขอให้พ่อปิดไว้ แม่บอกผมว่าไปอยู่บ้านยาย อ้างเหตุผลว่าคิดถึง...เพราะไม่เคยคิดเลยว่าแม่จะหลอกผม เชื่อใจแม่สนิทว่าแม่ไม่ได้เป็นอะไรมาตลอดปี คิดว่าแม่ไปบ้านยายจริงๆ ผมไม่เคยรู้เลยว่าในระหว่างที่ผมทะเลาะกับพ่อ แม่ต้องไปๆ มาๆ ระหว่างบ้านกับโรงพยาบาล



ในตอนที่ผมรู้เรื่องแม่นั้น...ผมสอบติดรับตรงวิศวะไปแล้ว...



ถึงต่อให้ผมสละสิทธิ์ แล้วอ่านหนังสือเตรียมสอบหมอหรือจะซิ่วเพื่อเตรียมสอบเป็นสิบปี ผมก็รู้ว่าผมเรียนคณะแพทย์ไม่ไหว...



ผมเคยงอแงกับแม่เรื่องพ่อ ฟ้องแม่เสมอเมื่อแม่กลับมาบ้านเป็นครั้งคราว แม่เองก็บอกว่าจะคุยกับพ่อให้ ทั้งที่ในตอนนั้นผมไม่รู้เลยว่าท่านกำลังป่วย ถึงอย่างนั้นแม่ก็ไม่เคยมาขีดเส้นทางชีวิตผม กลับพยายามเกลี้ยกล่อมพ่ออีกแรง...ผมไม่เคยรู้เลยว่ากำลังทำให้แม่ลำบาก



เขียนบอกให้ผมไปคุยกับพ่อให้ชัดเจน เป็นมันที่คอยอยู่เคียงข้างผมเสมอมา วิ่งเต้นทั้งฝ่ายพ่อผมและผม เพียงเพราะไม่อยากเห็นผมทะเลาะกับบุพพการี ในวันที่ผมร้องไห้อย่างหนักเพราะรู้ความจริง เป็นไอ้เขียนที่คอยซับน้ำตา เป็นมันที่คอยปลอบให้ผมมีสติกลับมา



เมื่อความลับเรื่องแม่แตก พ่อก็ยอมเอ่ยปากคุยกับผมดีๆ จากที่เคยเกลียดพ่อมานานปี ผมยอมโอนอ่อนต่ออีกฝ่าย แต่ผมก็ทำตามที่พ่อประสงค์ไม่ได้อยู่ดี ถึงอย่างนั้น การเรียนวิศวะก็ไม่ใช่เรื่องที่แย่ ถ้าผมเรียนจบได้เกรดดีๆ คงมีงานที่ดีและมั่นคงแล้ว ตอนนั้น จะได้มีเงินช่วยรักษาแม่ พ่อเองก็คงเหนื่อยอ่อนกับการทะเลาะกับผมมานานเหมือนกัน ถึงได้ไม่มีคำสั่งห้ามอะไรออกมาอีก



ผมรู้ว่าคนๆ นี้รักผู้หญิงที่มีฐานะเป็นแม่ผมขนาดไหน เพราะตัวเองไม่มีความรู้เรื่องการแพทย์ ไม่รู้เลยว่าที่จริงแล้วแม่จะอยู่ได้นานอีกเท่าไหร่ แม่ไม่เคยบอกให้พ่อรู้เรื่องนี้เลยสักครั้ง แม่แค่บอกว่าไม่ต้องห่วง อยู่ได้อีกนาน...ถึงอย่างนั้น พ่อคิดว่าถ้าผมมีความรู้เรื่องนี้ จะได้หาทางรักษา ต่อเวลาให้ได้อยู่กับคนที่ตัวเองรักนานขึ้น



ผมเสียใจที่ผมทำตามความต้องการของพ่อไม่ได้ ได้แต่มั่นหมายว่าจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด พ่อจะไม่ผิดหวังที่ผมเลือกเรียนคณะที่ผมต้องการ ถึงแม้ว่าผมจะหัวไม่ดีก็ตาม



เมื่อคิดว่าผ่านพ้นเรื่องเลวร้ายมาได้ กลับต้องมาเจอเรื่องเลวร้ายที่สุดในชีวิต เมื่อวันต่อมาหลังจากที่ได้เปิดใจคุยกับพ่อแล้ว พ่อผมกลับประสบอุบัติเหตุจนถึงแก่ชีวิต



โลกของผมมืดสนิทอีกครั้ง



ความรู้สึกในตอนนั้นคล้ายกับกำลังจมน้ำ ด่ำดิ่งไปสู่ก้นบึ้งของทะเลไร้จุดสิ้นสุด ไม่มีพื้นดินให้เหยียบ ทรงตัวไม่ได้ หายใจไม่ออก มองไม่เห็นแสงสว่างใดคล้ายดวงตามืดบอด ไร้เรี่ยวแรงจะตะกายให้ตัวเองหลุดพ้นจากสภาพนี้ แม้แต่แรงหายใจยังแทบจะไม่เหลือด้วยซ้ำ มีเพียงน้ำตาที่ไหลทะลักออกมาแทนคำพูดทุกอย่าง



เป็นเพื่อนสนิทอย่างเขียนอีกครั้งที่ยื่นมือมาฉุดผมขึ้นจากห้วงทะเล



กว่าจะทำใจได้กินเวลาไปนาน ผมแทบเป็นคนเสียสติกว่าจะยืนขึ้นได้อีกครั้ง คนที่เป็นไม้ค้ำให้ต้นไม้ใกล้ล้มอย่างผมคือเขียน พยุงจนกลับมาเป็นผู้เป็นคน



สุดท้ายผมก็ต้องทำใจว่าระหว่างผมกับพ่อ...ที่นอกจากความทรงจำแล้ว เหลือเพียงคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้



หลังจากนั้น...ผมจึงพยายามเป็นคนใจเย็น เรื่องอะไรยอมได้ก็ยอมไป ไม่อยากเสียเวลาทะเลาะกับใครต่อใครแล้วจบลงด้วยเหตุการณ์เช่นนี้อีก ถ้าผมใจเย็นกว่านี้ พูดคุยกับพ่อดีๆ คงไม่ต้องเสียเวลาไม่มองหน้ากันไปเป็นปี โดยเปล่าประโยชน์ ผมกับเขาควรจะได้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมากกว่านี้ มีช่วงเวลาที่เข้าใจกัน คอยพยุงกันได้มากกว่านี้



เวลาย้อนกลับไปไม่ได้ สิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้



ฝั่งแม่ เมื่อรู้เรื่องพ่อมีแต่อาการทรุดหนักกว่าเดิม จากที่ไปกลับโรงพยาบาลกลายเป็นต้องนอนโรงพยาบาลไปสักพัก ไม่เหลือเวลาให้ผมอ่อนแออีกแล้ว ผมควรจะอยู่เป็นกำลังสำคัญให้แม่



เรื่องเงินค่ารักษาในตอนนี้มีคุณน้าที่เป็นน้องสาวแม่เป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้ มีญาติฝั่งพ่อที่ส่งเงินเข้ามาช่วยเหลือบ้าง แต่หลังจากที่พ่อเสีย ผมไม่ได้ติดต่อกับทางฝั่งนั้นเสียเท่าไหร่ โดยพื้นฐานแล้วครอบครัวผมเป็นครอบครัวฐานะปานกลาง พอมีพอกินทั่วไป ไม่ได้มีปัญหาเรื่องเงิน แต่ก็ไม่ได้มีใช้จ่ายหรูหรา



แม่ผมเป็นแม่บ้าน มีรับทำงานเล็กๆ จุกจิกบ้างตามประสา เงินส่วนใหญ่ที่มีเป็นรายได้จากพ่อทั้งนั้น



เมื่อพ่อเสียและแม่ต้องอยู่แต่ในโรงพยาบาล ผมจึงถูกน้าที่เป็นน้องสาวของแม่เป็นฝ่ายดูแล



คุณน้าเข้ามาอยู่ในบ้านผมกับสามีเธอหลังจากที่พ่อจากไป ส่วนแม่ก็ต้องเข้าโรงพยาบาล ทำให้บ้านที่เคยเต็มไปด้วยความทรงจำ เหลือแค่ผมเพียงคนเดียวที่เฝ้าไว้ น้าผมไม่มีลูก ถึงอย่างนั้น น้าก็ใจดีกับผมมากจนบางทีผมก็เกรงใจ เธอเป็นฝ่ายช่วยออกค่าใช้จ่ายเรื่องเรียนให้ผม เอ่ยปากบังคับไม่ให้ผมทำงานพิเศษ บอกให้โฟกัสหน้าที่ตัวเองก็พอแล้ว เรื่องเงินน้าบอกไม่มีปัญหา ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่อยากรบกวนมาก จึงพยายามไม่ใช้จ่ายเยอะหากไม่จำเป็น



หลังจากปิดเทอม แม่เข้าออกโรงพยาบาลอยู่บ่อยๆ มีบางครั้งที่ต้องค้างคืน เป็นอย่างนี้มาเรื่อยๆ จนอาการของแม่เริ่มทรงตัว กลับมาอยู่บ้านได้ แม่มีเพียงรอยยิ้มจางๆ ให้ผม พร่ำบอกให้ตั้งใจเรียน ไม่ต้องเพื่อใครแต่เพื่อตัวเอง ถึงอย่างนั้น...ผมยังคงเรียนเพื่อพ่อและแม่อยู่ดี



แม่กลับมาอยู่บ้านได้ไม่นาน แต่สุดท้ายแล้ว แม่ก็ต้องกลับไปนอนที่โรงพยาบาลอยู่ดี เพราะอาการขึ้นๆ ลงๆ ทำให้ยายเป็นห่วง คิดว่าการอยู่ใกล้หมอจะทำให้อุ่นใจมากกว่า



เมื่อต้องขึ้นมหาลัย พอคิดคำนวณแล้วค่าเดินทางไปกลับบ้านน้าในแต่ละวันแพงกว่าค่าหอที่ผมเจอ จึงขอน้าออกมาอยู่หอ แลกกับการเดินไปเรียนเอง ไม่ซื้อพาหนะอะไรให้สิ้นเปลือง น้าเองก็อนุญาต ส่งเงินมาให้ผมใช้เป็นประจำ แม้ไม่ได้ขาดแคลน แต่เพราะเกรงใจผมถึงพยายามประหยัด อะไรไม่จำเป็นก็ไม่ซื้อ



อาการของแม่เริ่มดีขึ้นกว่าเดิมแล้วแต่ยายก็ยังไม่ให้แม่ออกจากโรงพยาบาลอยู่ดี แม่บอกให้ผมไม่ต้องมาเยี่ยมทุกวันก็ได้ แม่ไม่อยากให้ผมเหนื่อยถึงผมจะยืนยันว่ามันไม่เหนื่อยเลยสักนิด แต่แม่ก็เอ่ยคำขาดให้ผมมาเยี่ยมแค่ช่วงสุดสัปดาห์หรือปิดเทอมแทน ยืนกรานว่าตัวเองดีขึ้นมากจริงๆ ถึงจะไม่กล้าเชื่อแม่เต็มร้อย แต่ก็ยอมทำตามคำพูด เพราะอย่างน้อยยายและน้าก็มาเยี่ยมหาแม่เป็นประจำอยู่แล้ว



จากที่ใช้เวลาไปเยี่ยมแม่ทุกวันจนเหลือเพียงสัปดาห์ละครั้ง และเดือนละครั้งในบางช่วง ผมมีเวลาผ่อนคลายมากขึ้น ไปเที่ยวเล่นกับไอ้เขียนได้เป็นพักๆ ในตอนแรกมันก็สนุก แต่เป็นผมเองที่เหนื่อยหน่ายกับรักฉาบฉวยข้ามคืน เบื่อกับแสงสีวูบวาบแสบตา



มาจนถึงตอนนี้...ถ้าผมไม่มีไอ้เขียนคอยวิ่งเต้น พยายามทำให้ผมคืนดีกับพ่อ บอกความลับที่พ่อกับแม่ผมพยายามปิดบัง ผมคงไม่มีวันได้คุยกับพ่อไปจนถึงวันที่พ่อเสีย ถ้าไม่มีไอ้เขียน ผมคงไม่สามารถรับมือกับอาการป่วยของแม่และการเสียชีวิตของพ่อไปพร้อมๆ กันได้ ถ้าไม่มีไอ้เขียน ผมอาจจะนอนตายเป็นหมาอยู่แถวไหนสักที่ ถ้าไม่มีไอ้เขียน คงไม่มีผมที่ใจเย็นได้ในวันนี้



ถ้าไม่มีเขียน...ผมคงไม่เป็นผู้เป็นคนเหมือนทุกวันนี้...



เพราะอย่างนั้นเขียนถึงมีความสำคัญกับผม มันมากกว่ามิตรภาพทั่วไป เป็นความลึกซึ้งที่ใกล้เคียงกับคำว่าครอบครัวเดียวกัน ในระหว่างช่วงเวลาเกือบสองปีที่ไอ้เขียนเอาแต่วิ่งเต้นเรื่องผมกับพ่อ ทำให้มันไม่มีช่วงเวลาวัยรุ่นปกติเหมือนคนอื่นเขา ต้องมาเครียดกับเรื่องผมอย่างเสียเวลา



เมื่อใกล้เข้ามหาลัย ผมจึงเอ่ยคำขาด บอกให้ไอ้เขียนทำตามใจชอบ ทำตามที่ตัวเองอยาก ไม่ต้องมาเป็นห่วงผมเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ผมในตอนนี้ ดูแลตัวเองได้แล้ว...



มันตอบตกลง ทว่าขอเข้าคณะเดียวกับผมเป็นอย่างสุดท้าย แน่นอนว่าตอนแรกผมห้ามแทบตาย แต่มันบอกว่าครอบครัวมันไม่ได้มีปัญหาเรื่องคณะที่จะเรียน มันเองก็ไม่รู้จะเรียนคณะไหนถึงจะเหมาะ ในช่วงที่ผมอ่อนแอราวกับซากไร้ชีวิตที่แสนเปราะบางและสูญสลายได้แม้เพียงสัมผัสเบาๆ มันจึงตัดสินใจสอบเข้าคณะนี้เพื่อมาอยู่ข้างๆ ผม ทั้งๆ ที่คนอย่างมันไปสอบทางฝั่งแพทย์ยังไงก็ไม่น่ามีปัญหา



ผมถึงไม่เคยว่าอะไรที่มันเปลี่ยนหญิงวันเว้นวัน เที่ยวเล่นไร้สาระ ไม่ได้เป็นเด็กเรียนคอยติวหนังสือสอบให้ผมเหมือนเมื่อก่อน เพราะที่ผ่านมามันมากพอแล้วที่เพื่อนคนนึงจะทำให้ได้ขนาดนี้



ผมไม่โกรธมันหรอกที่บังคับให้ผมเลิกยุ่งกับฉาง ผมรู้ว่ามันหวังดีในแบบของมัน ที่ผ่านมามันก็หวังดีกับผมไม่รู้ตั้งมากเท่าไหร่ มันคงเป็นห่วงเรื่องแม่ผมด้วยถึงได้เอ่ยให้ผมตัดขาดไปแบบนั้น...ใช่สิ…



ผมจะสามารถบอกแม่ที่ป่วยใกล้จะตายได้ยังไงว่ากำลังคบผู้ชายอยู่



ถ้าแม่รู้ มีแต่อาการจะทรุดหนัก แม่จะรับเรื่องนี้ได้แค่ไหนกัน ผมรู้เหตุผลของไอ้เขียนแม้ว่ามันไม่ได้พูดออกมา รู้ดี รู้หมดทุกอย่าง แค่ทำใจยอมรับไม่ได้เท่านั้น ที่ผ่านมาผมมีความสุขอย่างแท้จริง เอาแต่บอกตัวเองว่าอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ ก็ได้ ไม่เห็นเป็นไร หลอกตัวเอง ปิดบังความจริงกับตัวเองอยู่เรื่อยมา



ผมไม่คิดว่าการที่ผมรักฉางเป็นเรื่องผิด...



แต่ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงกับเรื่องนี้ดี



สุดท้ายทำได้แค่กลั่นหยดน้ำตาออกมาแทนความรู้สึกอย่างไม่มีที่สิ้นสุดอีกครั้ง และอีกครั้ง...



XXII



ผมติดต่อข้าวไม่ได้มาเป็นอาทิตย์แล้ว ใจผมร้อนรน วิ่งตามหาข้าวทุกที่หลังเลิกเรียนเสร็จ พวกเพียวเองก็ช่วยอีกแรงเมื่อผมเล่าเรื่องราวให้ฟัง



ตามหาข้าวกันวุ่นวายแต่ไร้วี่แวว รู้มาจากเพื่อนข้าวอีกกลุ่มว่าข้าวมาส่งงานบางวิชาเท่านั้น แต่ยังคงไม่เข้าเรียน ผมได้แต่เป็นห่วง เสียแต่ทำอะไรไม่ได้เลย...



ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้าวอยู่ไหน สบายดีหรือเปล่า กินข้าวครบไหม อ่านหนังสือทบทวนก่อนนอนเหมือนทุกวันหรือเปล่า ได้นอนหลับเต็มอิ่มไหม รวมไปถึง...



ข้าวยังรักผมอยู่รึเปล่า...



ผมไม่เคยทำอะไรให้ข้าวได้เลย ตั้งแต่ไหนแต่ไร มีข้าวที่เป็นผู้ให้กับผม และมีแค่ผมที่เป็นผู้รับ ยังไม่เคยทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันให้ข้าวเลย



ทุกคืนที่ผ่านมา ไม่มีคืนไหนได้หลับสนิทเลยสักครั้ง แม้ก่อนหน้านี้การได้นอนเป็นความสุขของผม แต่พอมาเจอข้าวกลับคิดว่าไม่ได้หลับก็ไม่เป็นไร จะได้มีเวลาอยู่กับข้าวทั้งวันทั้งคืน



...แต่ถ้าตื่นมาแล้วไม่เจอข้าวเช่นนี้ผมยอมหลับไม่ตื่นเสียดีกว่า



อย่างน้อยก็ยังได้เจอข้าวในฝัน...



ผมรู้ ผมเห็นแก่ตัวทำอย่างนั้นไม่ได้ ในเมื่อไม่รู้ว่าข้าวเป็นอย่างไร ผมต้องหาข้าวให้เจอเพื่อยืนยันว่าเขายังสบายดี...ในตอนนี้ ต่อให้อยากหลับเพื่อไปเจอข้าวในฝันก็ทำไม่ได้...



ชีวิตที่ไม่มีข้าว สำหรับผมคงไร้ความหมาย



ผมโทรหาเติมเต็มอีกครั้ง เพื่อถามหาข่าวสารจากข้าว ตั้งแต่วันที่ข้าวหายไป ผมติดต่อทุกคนที่รู้จักข้าว ไม่มีใครรู้ว่าข้าวอยู่ไหน เมื่อตอนนี้ผมเองก็หาข้าวไม่เจอ จึงลองโทรถามความคืบหน้าจากคนอื่นดูบ้าง



“เต็ม มีอะไรคืบหน้าเรื่องข้าวบ้างมั้ย”



“ไม่มีเลย...ไม่สิ...ฉาง...ผมไม่อยากหลอกคุณแล้วเหมือนกัน”



“...”



“ข้าวอยู่กับผม...แต่ข้าวขอร้องไม่ให้ผมบอกใคร...ผมเลยบอกคุณไม่ได้...ขอโทษนะ”



“อืม อย่างนั้นหรือ แล้วข้าวสบายดีไหม”



“...ไม่เลย เหมือนศพ ย่ำแย่สุดๆ สภาพดูไม่ได้เลยทั้งคุณทั้งข้าว ผมไม่อยากให้เพื่อนผมทั้งคู่เป็นอย่างนี้ ถึงได้ยอมผิดสัญญากับข้าวเพื่อบอกกับคุณเนี่ย” ผมเคยเจอเติมเต็มในมหาลัยครั้งนึงในระหว่างตามหาข้าว ในตอนนั้นสภาพผมเองก็คงดูไม่ได้เท่าไหร่ อันที่จริง ก็ไม่ดีไปกว่าตอนนี้นักหรอก



“ข้าวอยู่ไหน หอคุณใช่มั้ย ผมจะไปหา”



“อย่ามา...ผมไม่แน่ใจว่าสภาพข้าวในตอนนี้จะรับมือคุณไหว...ผมแค่บอกให้คุณรู้ไว้ว่าข้าวปลอดภัยดี อย่างน้อยก็น่าจะช่วยให้คุณโล่งใจได้ขึ้น”



“ยังไงผมก็อยากเจอข้าวอยู่ดี”



“ยังไม่ได้หรอก ขอเวลาให้ข้าวสักพักนะ อีกอย่าง...พรุ่งนี้ข้าวจะไปโรงพยาบาล...”













                                                                     
♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦



หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสอง| - 20.11.2017 p.16
เริ่มหัวข้อโดย: baibuabuaz ที่ 20-11-2017 22:42:24
สงสารข้าว เข้าใจข้าว แต่สงสารฉางด้วย ฮืออออออ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสอง| - 20.11.2017 p.16
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 20-11-2017 22:55:04
สงสารทั้งสองคน ถึงเขียนจะคอยช่วยข้าวมาตลอด แต่แล้วยังไงมีสิทธิ์อะไรมาดูถูกความรักของคนอื่นเขา ยังคงไม่ชอบเขียนอยู่ดี
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสอง| - 20.11.2017 p.16
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 20-11-2017 22:56:25
 :sad4: :o12:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสอง| - 20.11.2017 p.16
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 20-11-2017 23:01:31
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสอง| - 20.11.2017 p.16
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 20-11-2017 23:08:02
 :hao5: :hao5: :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสอง| - 20.11.2017 p.16
เริ่มหัวข้อโดย: stickyyrice ที่ 20-11-2017 23:12:17
..........
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสอง| - 20.11.2017 p.16
เริ่มหัวข้อโดย: HeIsMine ที่ 20-11-2017 23:13:30
 :hao5: สงสารทั้งสองคนเลย  :sad4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสอง| - 20.11.2017 p.16
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 20-11-2017 23:17:57
 :m15: :m15: :m15:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสอง| - 20.11.2017 p.16
เริ่มหัวข้อโดย: kung ที่ 21-11-2017 00:01:02
ก็ปกติมั้ยสำหรับการเป็นเพื่อนที่เขียนทำให้ข้าว ไม่เห็นจะวิเศษเลิศเลอถึงกับบงการชีวิตความรู้สึกข้าวได้ เพื่อนที่เข้าใจที่ดีจริงๆต้องอยากให้เพื่อนมีความสุขป่ะ เขียนแกเป็นคนจากโลกไหนอะ ไม่ได้รู้สึกว่าเขียนดีกับข้าวขนาดนั้นอะ เฉยๆๆๆๆ เลิกคบไปเลยเพื่อนแบบนี้ ชอบเห็นเพื่อนทุกข์ใจมากงั้นดิอิเขียน :z6: :z6: ฉางต้องสู้นะอย่ายอมคนบ้าอย่างอืเขียน :z3: #อินมาก555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสอง| - 20.11.2017 p.16
เริ่มหัวข้อโดย: river ที่ 21-11-2017 00:10:17
อะไรจะแอนตี้ขนาดนั้น
รักข้าวแค่เพื่อนหรือมากกว่านั้น
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสอง| - 20.11.2017 p.16
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 21-11-2017 00:12:34
ถึงเมื่อก่อนเขียนจะมีบทบาทกับข้าวแค่ไหนแต่ข้าวก็ควรอยกให้ออกนะให้ความช่วยเหลือก็จริงแต่ก็ไม่ได้เป็นเจ้าชีวิตนะที่ข้าวจะต้องเชื่อฟังทุกอย่างน่ะ ข้าวเห็นแก่เขียน แล้วเขียนมันเคยเห็นแก่ข้าวบ้างไหมทุกอย่างที่มันทำก็เพื่อตัวเองล้วนๆทั้งนั้น นิสัยแบบเขียนแย่นะ ไม่ได้รักเพื่อนจริงหรอกรักตัวเองมากกว่า ยืนยันคำเดิมว่าเขียนน่ารำคาญ เลิกๆคบไปซะก็ดีละมั้ง ข้าวก็หยุดหนีฉางได้ละ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสอง| - 20.11.2017 p.16
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 21-11-2017 00:28:14
ทำไมเศร้าอย้างนี้,,,
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสอง| - 20.11.2017 p.16
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 21-11-2017 02:34:31
 :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสอง| - 20.11.2017 p.16
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-11-2017 04:52:44
เพราะความเอาแต่ใจของเขียน
ไม่ชอบชีวิตรักแบบชายชาย
เลยทำให้เพื่อนรักและคนรัก ไม่มีความสุข
แล้วเขียนมีสิทธิ์อะไร ที่มีชีวิตบนความทุกข์ของเพื่อน

ฉาง ข้าว   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสอง| - 20.11.2017 p.16
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 21-11-2017 06:16:23
ทำไมต้องแก้ตัวแทนเขียนด้วยอ่ะข้าวเหตุผลฟังไม่ขึ้น
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสอง| - 20.11.2017 p.16
เริ่มหัวข้อโดย: Petit.K ที่ 21-11-2017 08:42:18
แงงงงงหน่วง สงสารข้าว เข้าใจมากๆ แต่น่าจะหันมาคุยกับฉางหน่อย สงสาร
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสอง| - 20.11.2017 p.16
เริ่มหัวข้อโดย: 0% ที่ 21-11-2017 12:07:59
ทำไมชีวิตข้าวน่าสงสารขนาดนี้อะ มันหน่วงเกินไปฮือออ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสอง| - 20.11.2017 p.16
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 21-11-2017 17:58:19
 :ling3: :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสอง| - 20.11.2017 p.16
เริ่มหัวข้อโดย: Himbeere20 ที่ 21-11-2017 18:28:25
เข้าใจข้าวนะที่เห็นเขียนเป็นเพื่อนคนสำคัญ
แต่วิธีแสดงความหวังดีของเขียนครั้งนี้ ไม่โอเค
เป็นเพื่อนกัน คอยช่วยเหลือ ประคับประคอง ตักเตือน มันได้
แต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับการตัดสินใจของอีกฝ่าย
มันไม่ใช่สิทธิ์ที่จะไปบังคับให้อีกคนทำตามสิ่งที่ตัวเองเห็นว่ามันถูกต้องหรือว่าดี
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสอง| - 20.11.2017 p.16
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 21-11-2017 19:58:21
ก็ไม่โอเคกับเขียนอยู่ดี  :mew5:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสอง| - 20.11.2017 p.16
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 21-11-2017 22:39:23
สงสารข้าวนะแต่ก็เข้าใจที่ข้าวตัดสินใจ คนที่สำคัญกับเราเท่าไหร่ เราก็ไม่อยากจะเสียไปเท่านั้น ยิ่งต้องเลือก ยิ่งมีเหตุผลนุ่นนี่นั่นมาอ้าง จะคิดจะทำอะไรก็ลพบากใจไปหมด

ขอให้ผ่านพ้นมันไปได้นะมั้งข้าวทั้งฉาง รวมถึงเขียนด้วย
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสอง| - 20.11.2017 p.16
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 21-11-2017 23:05:38
เข้าใจการตัดสินใจของข้าวมากขึ้น เพื่อนก็สำคัญมากเหมือนกัน
แต่เพื่อนมีคนมาห่วงใยเพิ่มอีกคน เขียนก็ต้องเปิดใจบ้าง สงสารทั้งสองคน

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสอง| - 20.11.2017 p.16
เริ่มหัวข้อโดย: full ที่ 22-11-2017 12:51:05
สงสารข้าวเพื่อนก็เป็นคนสำคัญ ฉางก็สำคัญ เพราะเขียนเลยทำไมไม่คุยให้เข้าใจทำไมไม่ฟังข้าวบาง  :hao5:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสอง| - 20.11.2017 p.16
เริ่มหัวข้อโดย: t2007 ที่ 22-11-2017 23:04:43
อ่านจบหน้า 1 ยุ้งฉางเก็บต้นข้าว เข้ากันอี๊ก
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสาม| - 23.11.2017 p.17
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 23-11-2017 00:06:26
23





เขียนถึงข้าว





ผมกับข้าวเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็กๆ คบกันมาตั้งแต่ขึ้นมัธยม ไม่ว่าผมจะไปไหนจะมีข้าวไปด้วย และไม่ว่าข้าวจะอยู่ไหนจะมีผมอยู่ด้วยเช่นกัน มิตรภาพยาวนานเกือบเท่ากับอายุ เราสนิทกันเกินกว่าจะแยกออกจากกันได้ วันไหนไม่มีข้าว คงเป็นเรื่องประหลาดสำหรับผม



เวลาข้าวมีเรื่องกังวลใจ เป็นผมที่คอยช่วยเหลือ และเช่นเดียวกัน เวลาไหนผมมีปัญหา เป็นข้าวที่เข้ามาให้คำปรึกษาเสมอ ฝ่าร้อนฝ่าหนาวร่วมกันมาจนถึงทุกวันนี้



เราอยู่ด้วยกันมานาน



นานจนผมคิดว่าเราไม่ต้องมีเพื่อนคนอื่นก็ได้ เมื่อที่ผ่านมามีแค่เราสองคนก็ดีอยู่แล้ว



ถึงอย่างนั้น ผมไม่ชอบเวลาที่ข้าวต้องกังวลใจ คนแบบข้าวชอบเก็บปัญหาไว้คนเดียว ถ้าไม่คะยั้นคะยอหรือบังคับให้พูด ข้าวก็จะไม่บอก ทั้งเรื่องพ่อมันในครั้งนั้นและเรื่องฉาง



ไม่ชอบให้ข้าวกังวล อยากให้ข้าวมีความสุขเฉกเช่นคนปกติทั่วไป และมันเป็นแบบนั้นมาตลอดตั้งแต่เข้ามหาลัยมา ข้าวยิ้ม กลับมาสดใสร่าเริงได้เช่นเดิม ถึงแม้กว่าจะผ่านจุดนั้นมาได้ ข้าวต้องแหลกสลายไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง



ผมปวดใจทุกครั้งที่เห็นข้าวร้องไห้



คราบน้ำตาของข้าวในวันที่เรื่องเลวร้ายเข้าถาโถมใส่มันยังติดอยู่ในใจ สัมผัสได้ถึงความชื้นที่หัวไหล่เสมอยามนึกถึง ข้าวที่ใกล้เคียงกับคำว่าแตกสลาย ทำให้ผมเสียใจไปตามๆ กัน ไม่มีใครรู้หรอกว่าตอนนั้นมันร้องไห้เหมือนจะขาดใจตายแค่ไหน สภาพมันทรมานจิตใจคนปลอบอย่างผมแค่ไหน



ผมจะไม่ให้ข้าวต้องเป็นแบบนั้นอีก



ถึงได้เลือกตัดสินใจให้กับเส้นทางที่ไม่มั่นคงให้มัน วันนี้ข้าวอาจจะเจ็บหน่อย แต่ผมเชื่อว่าสักวันข้าวจะเข้าใจและยอมรับได้ในที่สุด...



ทว่าในตอนนี้ ผมเจอข้าวครั้งล่าสุดก็ตอนที่ข้าวมาส่งงาน เป็นอาทิตย์ต่อมาหลังจากที่ผมเอ่ยคำขาดเรื่องฉาง ข้าวไม่เข้าเรียนเป็นสัปดาห์ จนอีกสัปดาห์ต่อมามันมาแค่วิชาที่มีควิซหรือส่งงาน เสียแต่มันไม่เคยเปิดโอกาสให้ผมได้เข้าหา เลือกเวลาเข้าเรียนพร้อมกับอาจารย์ ย้ายไปนั่งแถวหน้าสุดเพื่อหลีกเลี่ยงที่จะเจอผม ผมไม่มีโอกาสได้คุยกับมันเลยสักครั้ง แม้แต่หน้าผม มันยังไม่ยอมมองเลย



ถึงอย่างนั้นผมสังเกตเห็นว่าข้าวผอมลงทุกครั้งที่เจอ เพื่อนซี้หน้าตาอิดโรย ขอบตาคล้ำ แก้มตอบ ร่างกายจากที่เคยมีเนื้อกำลังดีกลับผอมแห้ง ซูบซีดจนแทบไม่เชื่อว่าเป็น ไม่คิดว่าการที่ไม่ได้เจอมันไม่กี่อาทิตย์จะทำให้มันเป็นอย่างนี้ได้



มันรักฉางมากขนาดนั้นเลยหรือ? ถึงขั้นยอมปล่อยให้ตัวเองเป็นเช่นนี้เลยหรือ? ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้?



ผมเกิดความคิดเช่นนี้อยู่ในหัวนับครั้งไม่ถ้วน



ไอ้ฉางก็เหมือนกัน ขยันมาหาข้าวที่คณะทุกวี่ทุกวัน แม้มันจะไม่เจอแต่ก็ไม่ยอมไปไหน ทำอยู่เช่นนั้นจนผมนึกสมเพชและสมน้ำหน้า แม้จะเจอหน้ามันบ่อย แต่หลังจากวันนั้นทั้งผมทั้งมันไม่มีใครทักใครก่อนอีกเลย ผมทำเหมือนมันเป็นเศษฝุ่น มันก็เมินผมไม่ต่างจากมองอากาศ ถึงจะน่าหงุดหงิด แต่เพราะการที่ข้าวยอมไม่มาเจอมันตามคำพูดของผมทำให้ผมรู้สึกดีอยู่หน่อยๆ



มาวันนี้พอเจอข้าวอีกครั้ง ผมไม่รอช้า รีบเข้าไปหาข้าวทันที คิดว่ามันคงมาส่งงาน ทว่าพอเข้าใกล้มากขึ้น เพื่อนสนิทกลับเดินหนีราวกับรู้ตัว ผมไล่ตามข้าวไม่ทัน แต่เห็นว่ามันขึ้นรถของไอ้เต็มไป อย่างน้อยเมื่อรู้ว่าข้าวไปหลบอยู่ไหนผมก็เบาใจขึ้นมาหน่อย ที่ผ่านมาได้แต่กังวลกลัวว่าข้าวจะไปเที่ยวนอนกับคนไม่รู้จักอย่างที่ข้าวเคยทำ แม้ว่าไม่มีข่าวอะไรเกี่ยวกับข้าวว่าทำอย่างนั้นเลยก็ตาม แต่นั่นก็ทำให้ผมเป็นกังวลกว่าเก่าเมื่อไม่รู้ว่ามันไปอยู่ไหน พอวันนี้รู้ว่ามันไปอยู่กับเพื่อนที่ไว้ใจได้อย่างไอ้เต็มถึงได้โล่งใจ



พอๆ กับผิดหวัง...เมื่อเพื่อนที่ข้าวเลือกไม่ใช่ผมอีกต่อไปแล้ว...



ผมโทรหาไอ้เต็ม...ไม่นานมันก็รับสาย



“ฮัลโหล”



“ข้าวอยู่กับมึงใช่มั้ย”



“ใช่...”



“ดีแล้ว บอกข้าวว่าเดี๋ยวกูไปหา”



“...ข้าวฝากบอกว่าไม่ต้องมา”



“...ทำไม”



“มันไม่อยากเจอใครทั้งนั้นแหละ”



“มึงให้กูคุยกับข้าวหน่อย”



ผมร้องบอก เติมเต็มเงียบไปสักพักก่อนเอ่ยคำถามที่ไม่เกี่ยวกับคำร้องขอของผมเลยสักนิด “...ข้าวฝากถามว่า ถ้าไม่มีเรื่องแม่ มึงจะยังยอมให้มันคบกับฉางอยู่ไหม”



ผมชักจะฉุนแล้ว ทำไมทุกคนถึงไม่ยอมเข้าใจอะไรกันเสียเลย “แน่นอนว่าไม่ แหงอยู่แล้วสิ ยังไงเรื่องรักเพศเดียวกันก็เป็นไปไม่ได้ ต่อให้รักกันวันนี้ สุดท้ายก็ต้องเลิกกันอยู่ดี เจ็บตอนนี้เสียยังดีกว่า”



“เข้าใจแล้ว” ไอ้เต็มว่าแค่นั้นก่อนกดตัดสายอย่างไร้เหตุผล ไอ้บ้าเอ๊ย ผมหงุดหงิด รีบกดโทรหามันใหม่อีกครั้ง



แต่มันไม่รับ... ผมติดต่อข้าวไม่ได้มาสักพักแล้ว เมื่อผมขอยืมโทรศัพท์คนอื่นโทรไปหาข้าวก็ไม่ติด และเต็มก็ไม่รับสายเหมือนเดิม แม่งเอ๊ย



ผมอยากจะสมน้ำหน้าไอ้ฉางที่ไม่ได้เจอข้าว แต่ตัวเองเองก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เจอข้าวเช่นกันเมื่อผมไปหาเติมเต็มถึงหน้าหอ...



ยามไม่ให้เข้า ไอ้เต็มเองก็ไม่ให้เข้า



ปิดกั้นตัวตนของผมออกจากเพื่อนสนิทอย่างอาจหาญ กล้าดียังไงมาคิดว่าตัวเองสามารถตัดสินใจแทนข้าวได้ ผมโมโห เฝ้ายืนรอจนค่ำมืด ถึงได้เจอไอ้เต็มก็ตอนกำลังออกจากหอ ผมพุ่งเข้าไปหามันทันที ในตอนนั้นจึงได้รู้ว่าข้าวเป็นคนไม่อยากเจอผมเอง ไม่ใช่เพราะเติมเต็มไม่อยากให้มาเจออย่างที่คิด...



พอรู้ความจริง หัวใจผมเหมือนถูกบีบอย่างแรง



ข้าวจะไม่อยากเจอผมได้ยังไง ในเมื่อผมเป็นเพื่อนของมัน ไม่เคยคิดว่าข้าวจะหลบหน้าผม คิดเข้าข้างตัวเองกลบความจริงมาตลอดว่าข้าวแค่ต้องการเวลากับตัวเอง



“มึงโกหก”



“กูไม่ได้โกหก ข้าวบอกกูมาว่าอย่างนั้น”



“ถึงได้บอกว่ามึงโกหกไง! ข้าวจะไม่อยากเจอกูได้ยังไงในเมื่อกูเป็นเพื่อนมัน”



“แล้วมึงคิดว่าถ้าข้าวอยากเจอมึงมันจะทำอย่างนี้เหรอ”



“...”



“มึงควรรู้ตัวว่ามึงกำลังทำเพื่อนของมึงเสียใจจนไม่อยากเจอหน้า”



“อย่ามาพูดสั่วๆ ไอ้เต็ม มึงไม่เข้าใจอะไรเลยแท้ๆ”



“กูรู้ที่มึงบอกให้ข้าวเลิกกับฉาง เพราะมึงไม่ชอบใจเรื่องที่พวกมันเป็นผู้ชายด้วยกัน”



“แล้วยังไง มีปัจจัยหลายอย่างที่มึงไม่เข้าใจ เต็ม...การที่กูให้ทางเลือกที่เหมาะสมกับข้าว เป็นเรื่องที่สมควรแล้วไม่ใช่หรือไง”



“มึงจะบอกว่าการที่มึงทำให้ข้าวตกอยู่ในสภาพนั้น เรียกว่าเป็นเรื่องสมควรงั้นเหรอ”



“...ตอนนี้อาจจะเจ็บหน่อย แต่ก็ดีกว่าคบกันไปเรื่อยๆ แล้วเลิกกันทีหลัง”



“มึงจะบ้าเหรอเขียน! ไปตัดสินใจให้มันทำไม เรื่องของพวกมันสองคนก็ให้พวกมันตัดสินใจเองสิวะ”



“ก็เพราะกูเป็นเพื่อนมันไงล่ะวะ!...กูถึงอยากให้มันมีความสุขเหมือนคนทั่วไป”



“เพราะมึงเป็นเพื่อนมัน มึงควรอยู่ข้างมันไม่ว่ามันจะเลือกเส้นทางไหนสิวะ”



“แต่ถ้ามันเลือกเส้นทางที่ผิด เพื่อนก็ควรฉุดมาจากตรงนั้นไม่ใช่เหรอ”



“ที่ข้าวชอบไอ้ฉางไม่ใช่เรื่องผิด”



“มึงก็พูดได้สิเต็ม เพราะมึงไม่เข้าใจอะไรเลย”



“กูรู้แล้ว...เรื่องแม่ข้าว”



“!”



“เพราะงั้นกูถึงพูดได้ไงเขียน มันในตอนนี้กำลังพยายามอย่างหนักเรื่องไอ้ฉาง พยายามทำให้แม่มันเข้าใจไปพร้อมๆ กับพยายามทำให้มึงเปิดใจ”



“...”



“กูขอร้องล่ะเขียน ถ้ายังเห็นข้าวเป็นเพื่อนก็พอเถอะ เห็นสภาพข้าวแล้วไม่ใช่หรือ ไม่สงสารมันบ้างรึไง มันร้องจนไม่มีอะไรให้ร้องแล้ว ทุกข์ทรมานอยู่บนเส้นทางถูกๆ ที่มึงว่า แล้วยังไงวะ แค่ปล่อยให้พวกมันรักกัน เรื่องต่อจากนี้ยังไงก็ให้พวกมันเป็นคนตัดสิน ถ้ามันจะเลิกกัน ก็ให้มันเลิกกันเพราะความตั้งใจของพวกมันเองเถอะ”



“...ไม่ได้หรอก... ข้าว...ไม่เข้าใจหรอก มึงก็ไม่เข้าใจ...กูหวังดีทั้งนั้น...” ผมส่ายหน้า ไม่ยอมรับความจริง หัวใจที่เต้นมาอย่างสม่ำเสมอเจ็บแปลบขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อรู้ว่าข้าวกำลังพยายามเพื่อใคร ผมรู้ว่าตัวเองกำลังไม่ยอมรับกับเรื่องที่เกิด เพียงแต่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสมองหรือหัวใจที่กำลังสั่งการ



“มึงต่างหากที่ไม่เคยเข้าใจอะไรเลยเขียน ไม่เข้าใจกระทั่งความรู้สึกตัวเองด้วยซ้ำ”



“รู้สึก...อะไร?”



“เรื่องที่มึงชอบข้าว...มากกว่าเพื่อน”



คำพูดน้ำเสียงหนักแน่นของไอ้เต็มราวกับตบหน้าผม ทำเอาผมสะอึกไปสักพักก่อนตอบกลับเต็มน้ำเสียง



“กูไม่ได้ชอบ!”



“ถ้ามึงคิดกับข้าวแค่เพื่อน มึงจะไม่บอกกับข้าวให้เลิกคบมึง ความเป็นเพื่อนมันตัดกันไม่ได้ง่ายๆ เพราะเรื่องแฟนเพื่อนหรอกนะเขียน”



“...นั่นกู...”



“อีกอย่าง ต่อให้มึงเป็นห่วงข้าวเรื่องแม่  แต่ในเมื่อต่อให้ตัดเรื่องแม่ข้าวออก มึงก็ยังยืนกรานที่จะไม่ให้พวกมันคบกันอยู่ดี...กูรู้ว่ามึงเป็นห่วงแม่ข้าว เป็นห่วงข้าวแต่มันเกินเพื่อนไปมั้ยวะ ”



“...” ไม่ใช่...แม่ข้าวรับไม่ได้หรอกถ้าลูกชายตัวเองจะคบกับผู้ชาย อย่างนั้นมีแต่จะทำให้อาการแย่ลงเปล่าๆ ผมคิด ความคิดแย้งจากคำพูดไอ้เต็มไหลออกมาพรั่งพรู เสียแต่ไม่มีแรงขยับปากเอื้อนเอ่ย



“และสุดท้าย สีหน้ามึงแสดงออกมากกว่าที่มึงคิดนะ กูสังเกตพวกมึงมานานแล้ว รู้ตัวมั้ยเขียน...การกระทำมึงแสดงออกชัดเจนว่ามึงคิดกับข้าวเกินเพื่อน และในตอนนี้มึงแค่กำลังหึง”



“!!! กูไม่ได้หึง!!”



“มึงแค่ยอมรับตัวเองไม่ได้ เขียน...กลับไปเถอะ กลับไปทำความเข้าใจตัวเองใหม่ กลับไปคิดดีๆ ว่าอยากปล่อยให้ข้าวเป็นอย่างนี้ต่อไปหรือจะตัดใจยอมรับ ข้าวมันเหนื่อยมามากพอแล้วมึงน่าจะรู้ ถ้าไม่ทำเพื่อข้าว ก็ทำเพื่อตัวเองเถอะ”



“...”



“ไปคิดดีๆ นะเขียน”



เต็มว่า ก่อนเดินจากไป ทิ้งให้ผมยืนเคว้งอยู่กับความรู้สึกที่ประดังประเดถาโถมเข้ามาใส่อย่างไม่ทันตั้งตัว...



ในคืนนั้น ผมกลับห้องด้วยสภาพไร้วิญญาณ เก็บคำพูดของเติมเต็มมาคิดที่ห้องตัวเองอย่างหนัก ผมไม่คิดว่าตัวเองจะชอบข้าวในความหมายนั้น ไม่เลยสักนิด ไม่เคยหึงหวงเวลาข้าวคบกับใคร เพราะคิดว่าอย่างไรทั้งผมทั้งมันก็ต้องแต่งงานมีลูกกันไปอยู่ดี ไม่เคยอิจฉาผู้หญิงของมันที่ได้สัมผัสมัน



ขอแค่ข้าวมีผมเป็นเพื่อนอยู่แบบนี้ตลอดไปก็พอใจแล้ว



ผมยอมรับไม่ได้อยู่แล้วกับเรื่องการรักชอบเพศเดียวกัน ผมคิดว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง ผู้ชายต้องคู่กับผู้หญิง พระเจ้าสรรค์สร้างมาให้เป็นเช่นนั้น เหมือนอย่างอดัมกับอีฟ จะไม่มีอดัมกับอดัม หรืออีฟกับอีฟ



เพราะคิดเช่นนั้นมาตลอดจนไอ้ฉางเข้ามา ความรู้สึกผมเปลี่ยนไป หงุดหงิดเวลาเห็นข้าวอยู่กับฉาง โมโหเมื่อรู้ว่ามันอยู่ด้วยกัน งุ่นง่านอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเวลาเห็นข้าวทำตัวติดกับมัน ผมไม่รู้ตัวว่าเพราะอะไร เพียงแค่คิดว่าผมเกลียดพวกรักร่วมเพศและไม่ต้องการให้ข้าวเป็นหนึ่งในนั้นก็เท่านั้น



ไม่เคยคิดถึงใจตัวเอง ว่าเพราะเหตุใดถึงคัดค้านเรื่องของมันกับฉางจะเป็นจะตาย



ผมดูแลข้าวมาตั้งนาน นิสัยทุกอย่างของมันผมมั่นใจว่าตัวเองรู้ดี มั่นใจว่าเป็นเพียงคนเดียวที่ได้สนิทกับมันมากขนาดนี้ ความสัมพันธ์ของผมกับมันแน่นแฟ้นมากกว่าเพื่อนคนไหนๆ ไม่เคยรู้เลยว่าที่ผมพยายามผูกความสัมพันธ์ขนาดนี้เพราะอะไร



เมื่อลองคิดแบบเอาเป็นเอาตายเช่นนี้ จู่ๆ ผมก็รู้สาเหตุ



เพราะผมไม่อยาก...ให้ข้าวอยู่กับผู้ชายคนไหนนอกจากผม...



ปิดกั้นความรู้สึกตัวเองด้วยการเอาเรื่องความแขยงในพวกรักร่วมเพศเข้ามากด พร่ำบอกตัวเองทุกวันว่าเกลียดพวกนี้ เที่ยวคบกับผู้หญิงเป็นว่าเล่น ทั้งที่ความจริงเป็นเพราะไม่ต้องการจะรับรู้ความรู้สึกตัวเอง...



ไอ้ฉางกำลังมาทับที่ของผม และนั่นเป็นสาเหตุที่ผมไม่พอใจ ข้าวที่เคยเป็นของผมมาคนเดียวตลอด ผมที่เป็นผู้ชายคนเดียวที่อยู่เคียงข้างมันเสมอมากลับโดนไอ้ฉางแย่งไป



หัวใจที่ถูกบีบรัดจนทรมานทำให้ผมรู้ว่าผมชอบข้าว...เกินคำว่าเพื่อนไปแล้วจริงๆ



เมื่อความจริงที่เก็บซ่อนไว้มาแสนนานปรากฏ ความทรมานก็กลั่นขึ้นมาจุกอยู่ที่อก รู้สึกตัวเมื่อสายไป ผมทำให้คนที่ผมรักเจ็บปวด คิดเช่นนั้น ใบหน้าข้าวที่แสนอ่อนแรงก็โผล่เข้ามา ผมทรมานมันมาโดยตลอด



พอรู้ใจ กลับกลายเป็นสับสนมากกว่าเก่า



ผมต้องทำอย่างไรกับช่วงเวลาที่รู้ว่ารักดันเป็นช่วงเวลาเดียวกับการที่ต้องผิดหวัง



ผมรู้ตัวว่าตกหลุมรักไปพร้อมๆ กับอกหักในเวลาเดียวกันเช่นนี้หรือ



สุดท้าย หยาดน้ำตาของตัวเองที่ไม่เคยเห็นมานานกลับไม่สามารถต้านทานแรงโน้มถ่วงของโลก หยดร่วงหล่นสู่ผืนดิน ทดแทนความรู้สึกทั้งหมดที่มี...



ผมปล่อยให้หยาดน้ำตาไหลออกมาอย่างเงียบๆ ทดแทนความเจ็บปวดที่มีรักรวมกับความเจ็บปวดเพราะต้องสูญเสียในรักซัดเข้ามาในช่วงที่ไม่ทันตั้งตัว เมื่อยิ่งร้อง ผมยิ่งรู้ถึงความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อข้าว ความรู้สึกที่มีมายาวนานตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่อาจรู้ได้ จบลงไปพร้อมๆ กับวันที่รู้ใจตัวเอง



เพราะอยู่กับข้าวมานานเกินไป ไม่ทันได้สังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงของตัวเอง แค่คิดว่ามันเป็นเพื่อนที่ต้องดูแล พยายามไม่คิดถึงเหตุผลอื่น เพราะทำใจยอมรับไม่ได้หากตนจะชอบผู้ชาย



และเพราะรู้นิสัยข้าว ถึงได้รู้ว่ามันไม่มีวันหันมาชอบคนอย่างผม สายตาข้าวที่มองมามีแต่คำว่าเพื่อนที่มอบให้ เป็นผมเองที่ผิดไป... เป็นผมเองที่ไม่เข้าใจอะไรเลย



สะอึกสะอื้นให้กับความน่าสมเพชของตัวเอง ไม่เคยคิดว่าตัวเองรู้สึกเกินเลยกับเพื่อนสนิท จวบจนเต็มเอาคำพูดมาตบหน้าถึงได้รู้สึกตัว ไม่เคยมีใครพูดแบบนี้มาก่อน ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะชอบข้าวมาก่อน รู้ตัวอีกทีก็ทำร้ายมันเข้าขั้นสาหัสไปเสียแล้ว เลยได้แต่ปล่อยให้น้ำตาไหลอย่างไม่อาจห้ามความรู้สึกที่เคยซ่อนไว้มานาน



ฉับพลัน โทรศัพท์ผมส่งเสียงดังลั่น หน้าจอฉายถึงชื่อคนโทรมา ผมไม่อยู่ในอารมณ์จะรับสายใครทั้งนั้น จึงกดปิดเสียง ปล่อยมันสั่นแจ้งเตือนไปอย่างน่ารำคาญ จวบจนคนโทรมายังไม่เลิกกระหน่ำ ผมจึงกดตอบรับปลายสายไปอย่างรำคาญใจ





เป็นไอ้เต็มที่โทรมาพร้อมกับบอกว่าข้าวได้หายไปจากห้องมัน...









                                                                     
♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦







ปมในช่วงนี้เป็นตอนที่อยากเขียนที่สุดแต่ไม่มั่นใจที่สุด

เพราะรู้ว่าถ้าเขียนออกมาแล้วทุกคนต้องด่าเขียนแน่ๆ 5555

แต่ประเด็นที่อยากนำเสนอคือเรื่องการอคติ แค่นั้นจริงๆ ค่ะ

คิดว่าหลายๆ คนคงมีความอคติไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับตัวเองหรือคนรอบๆตัว

อย่างอคติเชื้อชาติ ไม่ชอบคนจีน อคติสถานที่ ประเทศนี้ไม่ดี ประเทศนั้นดีกว่า อคติคน อคติสัตว์ อคติของกิน

หรือแม้กระทั่งการเหยียดสีผิว

ทุกอย่างพบเห็นได้ทั่วไปในสังคมเรา เป็นเรื่องปกติของความคิดคนที่ไม่มีทางเหมือนกันได้ทุกคน

เขียนไม่ได้มีปมอะไรกี่ยวกับเพศที่สาม แค่เป็นคนที่อคติชายรักชายเพราะเชื่อว่ามันผิดมาตลอดก็แค่นั้น

เชื่อมาตลอดว่าผู้ชายรักกันไม่ได้ ให้ความเชื่อเป็นใหญ่จนกลบฝังความรู้สึกที่แท้จริง

จะสาเหตุไหนก็แล้วแต่ เขียนเป็นแค่คนๆ นึงที่มีอคติด้านนี้ก็เท่านั้น

แต่เพราะมาอคติในหมู่คนที่เปิดใจรับเรื่องนี้ได้จึงไม่แปลกที่จะโดนหมั่นไส้...555

แต่ลองกลับกัน ถ้าเขียนไปอยู่ร่วมกับคนที่ยอมรับเรื่องรักร่วมเพศไม่ได้เหมือนกัน คนที่โดนรังเกียจจะเป็นฉางกับข้าวแทน

โลกมันก็โหดร้ายอย่างนี้ มีแค่เรื่องที่ฉันยอมรับได้กับฉันยอมรับไม่ได้

ไม่ได้บอกว่าฝ่ายไหนเป็นฝ่ายถูก แค่อยากให้ทั้งสองฝ่ายเปิดรับความคิดของแต่ละฝ่ายให้มากๆ แค่นั้นเอง

อันที่จริงถ้าจะบอกว่า ให้ลองมองเขียนเป็นพ่อข้าวจริงๆ อาจจะมีคนเข้าใจมากกว่ารึเปล่า...

อารมณ์คนหัวโบราณ แต่ไม่ได้มีเรื่องอะไรที่ทำให้เป็นปมในใจ แค่ไม่ชอบไม่สนับสนุน และไม่ต้องการให้คนรู้จักต้องเป็นเช่นนั้น

เชื่อมั่นว่าการรักร่วมเพศไม่ยั่งยืนเหมือนกับรักของชายกับหญิง และต้องการให้คนสำคัญของตัวเองคิดเหมือนกัน

มีคนบอกว่าคนไทยเรายอมรับเรื่องเพศที่สามได้ ถ้าไม่เกิดขึ้นกับคนในครอบครัวตัวเอง...

จากตรงนี้ ลองยกตัวอย่างว่าถ้าเขียนเป็นคนในครอบครัวข้าวจริงๆ ก็คงจะเป็นแบบนั้น



มาถึงตรงนี้คิดว่าคงมีหลายคนที่ยังคงไม่พอใจกับเรื่องของเขียน

แต่เชื่อเถอะว่าถ้าไม่มีเขียน เรื่องนี้จะเป็นเรื่องสั้นสามตอนจบ...

ไม่ได้ขอให้ยอมรับเขียนหรือให้อภัย แต่แค่อยากให้ลองเปิดใจในหลายๆ แง่มุมดูเท่านั้นเองค่ะ

จริงๆ แล้วเขียนเป็นแค่คนน่าสงสารคนนึง ที่ปิดบังความรู้สึกตัวเองทั้งที่มีโอกาสมาตลอด และมารู้ใจตัวเองในวันที่สายไป

รู้ตัวว่าตกหลุมรัก ไปพร้อมๆ กับรู้ตัวว่าทำให้คนที่ตัวเองรักเจ็บปวด

และต้องอกหักตามในทันทีมาเมื่อรู้ว่าคนที่ตัวเองรักไม่เคยคิดมากกว่าเพื่อน

ขออภัยด้วยจริงๆ ถ้าทำให้ไม่พอใจ หรืองานเขียนเรายังส่งไปไม่ถึง

แต่อีกไม่นานก็จะหมดดราม่าแล้ว กลั้นใจเอาไว้อีกฮึบเดียว TTvTT



ขอบคุณทุกการติดตามค่ะ

หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสาม| - 23.11.2017 p.17
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 23-11-2017 00:17:11
ข้าวหายไปไหนนะ???
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสาม| - 23.11.2017 p.17
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 23-11-2017 00:20:29
 :m16: :m16: :m16:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสาม| - 23.11.2017 p.17
เริ่มหัวข้อโดย: baibuabuaz ที่ 23-11-2017 00:21:31
ว่าแล้วววววววว เหอะๆ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสาม| - 23.11.2017 p.17
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 23-11-2017 00:36:12
ชอบเต็มอ่ะ เป็นเพื้อนที่เข้าใจเพื้อนทุกฝ่ายเลย และยังเกลียดเขียนเช่นเดิม
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสาม| - 23.11.2017 p.17
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 23-11-2017 01:03:23
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:โอ๋โอ๋นะเขียน :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสาม| - 23.11.2017 p.17
เริ่มหัวข้อโดย: Himbeere20 ที่ 23-11-2017 01:12:53
อย่างที่คุณนักเขียนอธิบาย เราว่าคนแบบนี้มีเยอะ
ช่างเขียนมันเถอะตอนนี้ เป็นห่วงข้าวมากกว่า ไม่รู้เตลิดไปไหนแล้ว คงไม่มีอะไรที่แย่กว่านี้เกิดขึ้นอีกนะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสาม| - 23.11.2017 p.17
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 23-11-2017 03:11:43
น่าสงสารนะคะ กว่าจะเข้าใจก็ต้องสูญเสียซะแล้ว เพราะอคติที่มี
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสาม| - 23.11.2017 p.17
เริ่มหัวข้อโดย: mild-dy ที่ 23-11-2017 03:47:01
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสาม| - 23.11.2017 p.17
เริ่มหัวข้อโดย: mybear_sr ที่ 23-11-2017 04:08:33
อคติกับเขียนไปแล้วเช่นกันจ้า

ข้าวไปไหน? ไปหาฉาง? ไปหาแม่?
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสาม| - 23.11.2017 p.17
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 23-11-2017 04:50:19
ข้าวววววว ข้าวไปไหนนนนนน
 :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสาม| - 23.11.2017 p.17
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 23-11-2017 06:16:05
ว่าแล้วว่าเขียนต้องชอบข้าว ใครๆก็มองออก รู้ตัวช้าไปละเขียน เห้ออ

แวร์อีสข้าว?!!
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสาม| - 23.11.2017 p.17
เริ่มหัวข้อโดย: Namshine ที่ 23-11-2017 06:47:14
อคติมันไม่หายง่ายก็จริง แค่เปิดใจ พยายามเข้าใจ เพื่อน เน๊อะ เขียน :z2:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสาม| - 23.11.2017 p.17
เริ่มหัวข้อโดย: 0% ที่ 23-11-2017 07:11:30
คิดไว้เเล้วว่าเขียนต้องชอบข้าวเเน่นอน การกระทำมันเกินเพื่อน
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสาม| - 23.11.2017 p.17
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 23-11-2017 07:49:04
ข้าวไปไหน?  :ling3: :ling3: :ling3:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสาม| - 23.11.2017 p.17
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 23-11-2017 08:16:01
เป็นอย่างที่คิดจริงๆด้วย  :katai1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสาม| - 23.11.2017 p.17
เริ่มหัวข้อโดย: bulldog17 ที่ 23-11-2017 10:17:58
กับเขียนนี่ต้องเรียกว่าน่าสมเพชเวทนา
นายมีสิทธิไม่ชอบ มีสิทธิอติตามที่นายคิด
แต่ไม่มีสิทธิมากำหนดคนนี้ทำงั้นทำงี้
แถวบ้านเรียกเสือ...ก

อินหรอมากๆๆๆ55555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสาม| - 23.11.2017 p.17
เริ่มหัวข้อโดย: flimflam ที่ 23-11-2017 10:45:33
โอเค โอเค...ไม่เป็นไรนะเขียน
เราจะพยายามลืมความหัวร้อนจากตอนที่ผ่านๆมาเพื่อนาย
กอดปลอบนะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสาม| - 23.11.2017 p.17
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 23-11-2017 12:54:10
ตอนนี้ขอยกให้เต็มเป็นพระเอก
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสาม| - 23.11.2017 p.17
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 23-11-2017 14:01:46
กะแล้วเชียวว่าเขียนต้องชอบข้าวแน่ๆ แต่แบบนี้มันเรียกนิสัยแพ้แล้วพาลนะ เขียนควรเข้าใจอะไรๆแล้วปล่อยให้ทุกอย่างเป็นการตัดสินใจของข้าวได้แล้ว ตอนนี้พี่ฉางหายเลย
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสาม| - 23.11.2017 p.17
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 23-11-2017 17:32:20
สงสารเขียน :hao5:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสาม| - 23.11.2017 p.17
เริ่มหัวข้อโดย: Minty ที่ 23-11-2017 18:19:41
ตอนนี้เริ่มสงสารเขียนแล้วอ่ะ
รักข้าวและหวังดีกับข้าว
แต่วิธีการหรือการสื่อสารบางอย่างก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูก
มันกลับไปสร้างความเจ็บปวดให้กับคนอื่นแทน :katai1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสาม| - 23.11.2017 p.17
เริ่มหัวข้อโดย: gackmanas ที่ 23-11-2017 22:00:09
ไรท์รีบมานะคะ... :hao5:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสาม| - 23.11.2017 p.17
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 23-11-2017 22:25:58
เคลียร์เลย เราไม่เกลียดเขียนนะ เป็นคนที่หาเจอได้ทั่วไป คนอคติยังไงก็ไม่มีอะไรลบล้างได้นอกจากได้เจอกับตัวเอง
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสาม| - 23.11.2017 p.17
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 23-11-2017 23:40:20
เคยคิดเรื่องเขียนแอบชอบข้าว ดันจริงไปอีก แต่ข้าวมีแฟนแล้ว
อกหักตั้งแต่เริ่มอย่างที่เขียนว่าจริงๆ เอ้า สู้ๆ มิตรภาพเพื่อนก็ยืนยาวดี

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสาม| - 23.11.2017 p.17
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 24-11-2017 08:02:31
ว่าแล้วเชียวว่าเขียนต้องชอบข้าว ไม่งั้นไม่หวงกันขนาดนี้หรอก ว่าแต่ข้าวหายไปไหน อยู่กับฉางรึป่าว
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสาม| - 23.11.2017 p.17
เริ่มหัวข้อโดย: full ที่ 24-11-2017 10:46:45
ต้องขอบคุณเต็มนะเขียนที่ทำให้เขียนรู้สึกตัวได้ว่าจริงๆแล้วเขียนรู้สึกยังไงกับข้าวและมันก็คงเจ็บมากทั้งที่รู้ตัวว่ารักแต่เขาก็ไม่ได้มองเราเกินคำว่าเพื่อน ตอนนี้ข้าวหายไปแล้วขอให้เขียนเข้าใจข้าวและกลับมาเป็นเพื่อนคนสำคัญที่สุดของข้าว สู้ๆค่ะนักเขียนก็เช่นกันสู้ๆ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสาม| - 23.11.2017 p.17
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 24-11-2017 17:43:50
น้องข้าวววววววววว :hao5:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสาม| - 23.11.2017 p.17
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 26-11-2017 09:33:38
ข้าวน่าสงสาร ทิ้งไม่ได้ เลือกใครก็ไม่ได้ เลยเลือกที่จะไม่เจอใครแล้วแก้ปัญหาเอง
ฉางก็ถึงกับเครียด แต่ฉางเข้าใจข้าว เพราะรักนะ

เติมเต็มเหมาะกับชื่อมากเลย ช่วยได้ทุกคน และพูดให้ได้คิดด้วย

เขียนไม่ผิดหรอก เพราะความใกล้ชิดมากเกินไป ความสนิทสนมมากเกินไป
ได้ดูแล ได้อยู่ข้างๆ มามาก จนแยกความรู้สึกตัวเองไม่ออก แยกความคิดบวกลบไม่ได้
เขียนอาจแค่คิดว่าตัวเองไม่ชอบความรักแบบนั้น
แต่จริงๆ แล้ว เขียนแค่ไม่ชอบให้ข้าวมีใครที่เป็นผู้ชายอื่นต่างหาก

รู้ตัวในวันที่สายไป เจ็บใจในเวลาเดียวกัน แต่เขียนแก้ไขได้นะ
เขียนเป็นคนสำคัญของข้าว เป็นเพื่อน เป็นครอบครัว ยังไงก็ยิ่งใหญ่กว่านะ
อีกอย่างข้าวมีบทเรียนตอนพ่อมาแล้ว ข้าวไม่ใจร้ายทำกับเขียนแบบนั้นได้ลงหรอก

เอาใจช่วยทุกคนนะคะ ข้าวก็อยู่ตรงกลาง เขียนก็สำคัญ เป็นครอบครัว ฉางก็สำคัญ เป็นคนที่รัก
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสาม| - 23.11.2017 p.17
เริ่มหัวข้อโดย: kung ที่ 26-11-2017 22:27:57
ก็คงยังไม่รู้สึกสงสารหรือเข้าใจเขียนเหมือนเดิมอะ  เหตุผลอะไรก็ทำให้เราเลิกเกลียดเขียนไม่ได้ เราคิดในหลักความจริงว่าถ้ามีเพื่อนอย่างเขียน ต่อให้ทำดีให้เราแค่ไหนแต่ลึกๆแล้วเขียนทำเพื้อตัวเองทั้งนั้น #ยังคงอินไม่เลิก555 ยิ่งอ่านยิ่งไม่ชอบเขียน เป็นข้าวเราจะบอกเขียนตรงๆไปเลย แต่ข้าวไม่ใช่เราอะเนอะ :z3: #รอฉางอยู่นะลูก :mew1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสาม| - 23.11.2017 p.17
เริ่มหัวข้อโดย: HeIsMine ที่ 28-11-2017 07:15:22
สงสารข้าวกับฉางมาก รักเพื่อนเต็ม โกรธเขียน :katai1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสาม| - 23.11.2017 p.17
เริ่มหัวข้อโดย: ravyy ที่ 28-11-2017 16:00:44
สงสารเขียนเลยอ่ะ คิดว่าเรื่องครั้งนี้ก็คงจะติดอยู่ในใจไปอีกนาน
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสาม| - 23.11.2017 p.17
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 28-11-2017 21:03:05
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสี่| - 24.11.2017 p.18
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 30-11-2017 23:49:26
24



ผมกำลังจม...อีกครั้ง ปล่อยตัวดำดิ่งสู่ภายใต้มหาสมุทร ที่ซึ่งไม่มีผืนดินรองรับ ความลึกของท้องทะเลสุดจะหยั่ง ไม่มีแสงใดส่องถึง ทำได้เพียงจมไปเรื่อยๆ ปล่อยให้มวลน้ำรอบกายค่อยๆ กัดกินร่างกายตัวเองไปทีละนิด แย่งอากาศหายใจต่อไปอย่างนี้ อีกสักพัก ผมคงได้กลายเป็นอาหารปลา จากหายไปในที่สุด...



XXIV



ข้าวหายไป คือสิ่งที่เติมเต็มโทรมาบอกผม เมื่อรู้ว่าก่อนหน้านั้นข้าวอยู่กับเติมเต็มแล้ว ผมโล่งใจเล็กน้อย พลางคิดว่าเติมเต็มคงดูแลข้าวได้ แต่ไม่เลย เติมเต็มทำให้ผมโกรธ การปล่อยข้าวให้อยู่คนเดียวในเวลาแบบนี้ เป็นเรื่องที่ไม่สมควรที่สุด...



ทำไมไม่ดูแลข้าวให้ดีๆ



ผมคิดอย่างแง่ร้าย ทั้งๆ ที่ตัวเองก็ไม่มีสิทธิ์ได้ไปดูแลข้าวแท้ๆ แต่กลับโกรธใส่เพียงเพื่ออยากหาคนรับผิดชอบ



รู้ทั้งรู้ว่าไม่ได้อะไรขึ้นมา



ผมควรหาข้าวให้เจอก่อนจะมีสิทธิ์ไปโกรธใคร



ข้าวอยู่ที่ไหน ผมปวดใจจะตายแล้ว



ไม่เคยเชื่อเรื่องการขอพรสักเท่าไหร่ แต่ครั้งนี้ถ้าทำได้ ผมอยากขอให้ข้าวปลอดภัย



ผมมารวมตัวกับพวกเพียว ตามหาข้าวในช่วงเกือบเที่ยงคืนของวันล่วงเลยไปจนตีสอง ไม่มีคำว่าง่วงอยู่ในหัว มีแต่คำว่าเป็นห่วงอัดแน่นอยู่ในใจ



ข้าวไม่มาเจอผมเลยตลอดสองอาทิตย์ ทิ้งไว้เพียงคำพูดไร้น้ำหนัก ก่อนหายไป ข้าวขี้โกง หนีผมไปโดยไม่ยอมคุยกันอีกแล้ว ถึงแม้พอรู้ว่าข้าวอยู่กับเติมเต็มจะทำให้ผมโล่งใจขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ไม่ทั้งหมดอยู่ดี ข้าวปลอดภัย มีเติมเต็มดูแล แต่ข้าวไม่ยอมมาเจอผม ไม่ยอมมาคุยกัน ได้แต่รู้สึกว่าตัวเองช่างไร้ค่า กับคนใจดีแบบข้าว คนที่ชีวิตนี้ไม่ควรให้เจอเรื่องทุกข์ใจอะไรแล้ว ผมยังปล่อยให้ข้าวเป็นกังวลอยู่คนเดียว



ผมรู้จากเติมเต็มว่าข้าวจะไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาล ไม่ได้รู้ข้อมูลรายละเอียดอื่น เพียงแค่นั้น ก็พอจับใจความได้ว่าชีวิตข้าวเองก็ไม่ได้สุขสบายอย่างที่ผมเคยคิด



ปวดใจแทบบ้าเมื่อรู้ว่าตัวเองช่างไร้ความสามารถ ช่วยอะไรให้ข้าวไม่ได้เลยสักอย่าง ไม่ว่าจะทางไหน มีแค่ต้องตามหาข้าวให้เจอเพื่อ ไปยืนอยู่ข้างๆ เป็นกำลังสำคัญให้แค่นั้นเอง



ข้าวหายไปในครั้งนี้ไม่ง่ายเหมือนครั้งแรก ผมหาข้าวไม่เจอ เพียวและอัลฟ่าต่างก็ใช้เส้นสาย ถามหาจากคนรู้จักตามสถานบันเทิงหลายแห่ง แต่ไม่เจอตัวคนที่ต้องการ



ถ้ายังไม่เจออีกคราวนี้ ผมคงต้องขอพึ่งอำนาจของฟิวเจอร์



เพียงแต่ไม่อยากให้มันไปถึงขั้นนั้น ผมขับรถมอเตอร์ไซค์ตระเวนตามหาข้าวไปแต่ละจุด ข้าวไม่มีรถ คิดเอาเองว่าคงไปไหนได้ไม่ไกล แต่เมื่อลองหารอบๆ ระยะทางที่คนจะเดินได้แถวๆ นั้นแล้วกลับไม่เจอแม้แต่วี่แวว



ข้าวไม่มีรถ แต่สามารถพึ่งการคมนาคมอย่างอื่นได้ ข้าวอาจจะเรียกแท็กซี่ไปที่ไหนสักที่ ถ้าเป็นเช่นนั้น ย่อมไม่มีใครรู้ได้เลย



ผมขับรถเลียบริมแม่น้ำ นึกหงุดหงิดที่เห็นผืนน้ำสีดำสนิท สะท้อนสีของท้องฟ้ายามค่ำคืน สีดำมืดของท้องน้ำเห็นแล้วราวกับห้วงมิติอื่น ที่พร้อมจะดูดทุกอย่างที่ผมรักให้หายเข้าไปในนั้น



เมื่อความคิดเตลิด ผมไม่หันไปมองแม่น้ำสีดำอีก คิด คิดแต่ที่ที่ข้าวจะไปอยู่ เมืองก็ใหญ่ขนาดนี้ การตามคนๆ หนึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย



คนอย่างข้าวจะไปอยู่ที่ไหน



เด็กเรียนอย่างข้าวจะรู้ที่มากแค่ไหน สถานบันเทิงที่ข้าวมักจะไปก็ถูกขอร้องให้ทุกคนช่วยตาหาแล้ว แต่ก็ไม่เจอ ไม่อยู่หอและไม่น่าจะกลับบ้าน คนอย่างข้าว เวลาอยากอยู่คนเดียวจะไปอยู่ได้ที่ไหน ผมไม่เคยเห็นข้าวอยู่ที่ไหนเลยนอกจากหอ และหอสมุด...



...หอสมุด...



ทันทีที่เกิดความคิด ผมหยุดรถก่อนหันหัวพวงมาลัย ขับย้อนกลับทางเดิม บึ่งคันเร่งไปยังเส้นทางสู่มหาลัย...



หอสมุดกลางย่อมปิดแล้ว ผมรู้ ถึงอย่างนั้นก็ยังอยากมาตรวจสอบให้แน่ใจ เสียงลมพัดผ่านซอกแซกตามร่องใบไม้ อากาศหนาวชื้นจากดิน รวมไปถึงความเงียบของสถานที่ทำให้รู้สึกถึงความรกร้างไร้ผู้คน ทั้งที่มันก็แค่หอสมุดเวลากลางคืนเท่านั้น ผมจอดรถ เดินไปตามทางเดิน มีสายลมปะทะและพัดผ่านเป็นระยะ



ใจผมเต้นระรัวเมื่อเห็นร่างที่คุ้นเคยทว่าพ่ายผอมกว่าปกตินั่งอยู่ตรงม้านั่งหน้าหอสมุดกลางของมหาลัย



เจอตัวแล้ว ข้าวของผม...





ที่รักของผม...



.



สวบ



เสียงย่ำของฝีเท้าจากผู้มาเยือนไม่ได้รับเชิญทำให้ผมหันไปทางต้นเสียง ในทีแรก คิดว่าตัวเองสร้างภาพหลอน คิดมากไปจนปรากฏเป็นใบหน้าคนที่คิดถึงสุดใจ



แต่เมื่อได้สัมผัสถึงอ้อมกอดจึงรู้ว่าไม่ใช่เพียงภาพในจินตนาการ



“ข้าวหายไปไหนมา ผมจะบ้าอยู่แล้วรู้ไหม”



น้ำเสียงแหบพร่ากล่าวอู้อี้ดังออกมาจากปากของฉาง สองแขนมันโอบรอบผมแน่น นั่งทรุดตัวคุกเข่าลงบนพื้น ซุกหน้าตัวเองเข้ากับหน้าอกผม เอ่ยคำพูดที่จับใจความไม่ได้อีกมากมาย



“ผมใกล้จะตายแล้วนะข้าว เล่นทำกันอย่างนี้”



“...ขอโทษนะ” น้ำเสียงแหบพร่าของไอ้ฉางไม่ต่างอะไรจากน้ำเสียงตัวเองเลยสักนิด



ฉางส่ายหน้า “ผมไม่ได้โกรธ แค่อยากให้รู้ว่าผมเป็นห่วง กังวลไปต่างๆ นาๆ ยังกับคนบ้า”



“ถึงได้ขอโทษไง”



“ผมก็ขอโทษ...ที่ช่วยอะไรข้าวไม่ได้เลย”



“ไม่ ฉาง...มึงไม่ผิดเลย มีแค่กู...”



“ถ้าอย่างนั้นข้าวก็เลิกขอโทษนะ”



“...”



“ผมรักข้าว”



“...กู...ก็เหมือนกัน”



ฉางไม่ตอบอะไรออกมา ปล่อยให้ความเงียบในเวลากลางคืนทำงาน สายลมพัดผ่านหอบเอาความชื้นจากผืนดินมาเป็นระยะ อากาศเริ่มต่ำลงแล้ว แต่อ้อมกอดตรงหน้ากลับอบอุ่นเสียจนน้ำตาคลอ



กระทั่งผมสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นจากบริเวณหน้าอก ที่เดียวกับที่ฉางซุกหน้าเข้าไป



“ฉาง...”



“...ผมจะบ้าแล้วข้าว เหมือน...จะตายให้ได้เลย” มันว่า น้ำเสียงขาดห้วง เมื่อรับรู้ถึงหยดน้ำตาของคนตรงหน้าที่เปื้อนเสื้อตัวเอง ผมขยับแขนโอบกอดมันตอบ พังทลายทุกความรู้สึก ก้มหน้าซุกเข้ากับไหล่ของมัน สะอื้นไห้อย่างไม่สามารถฝืนทนได้อีกต่อไป



“ขอโทษ...กูขอโทษนะ...ขอโทษ...ไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลยจริงๆ”



“...”



“แต่มัน...หลายอย่างเกินไป ฉาง...กูไม่รู้จะทำยังไง เอาแต่หนีออกมาทุกที”



“ถ้าอย่างนั้น เลิกหนีแล้วพึ่งพาผมบ้างได้มั้ย”



“...กู”



“ถ้าไม่รู้จะทำยังไง บอกปัญหาให้ผมฟังหน่อยได้มั้ย”



“...”



“ถ้ากลัวกับผลลัพธ์ที่จะเกิด ให้ผมอยู่เคียงข้างได้มั้ย...”



“...”



“ผมสัญญาว่าจะไม่ปล่อยให้ข้าวจมอยู่คนเดียว ข้าวเชื่อใจผมได้มั้ย”



ฉับพลันน้ำทะเลที่ห่อหุ้มผมไว้อย่างไร้ทางออก กลับถูกมือไอ้ฉางดึงขึ้นมาจนเจอแสงอาทิตย์ อบอุ่นเสียจนร่างกายสั่นสะท้าน



ผมปล่อยให้น้ำตาไหลพลางระบายเรื่องราวออกมาอย่างหนัก ทุกคำพูดพรั่งพรูออกมาจากปาก ทุกเรื่อง ทุกความรู้สึก ทุกความคิด สาดซัดใส่เจ้าของอ้อมกอดอย่างยั้งไม่อยู่ ยิ่งได้พูดยิ่งหยุดไม่ได้ ยิ่งเอ่ยออกไปมาเท่าไหร่ น้ำตาก็ยิ่งร่วงไหลออกมา ทั้งที่คิดว่าร้องไห้จนไม่มีน้ำตาเหลืออยู่แล้วแท้ๆ  แต่ไม่อาจห้ามความรู้สึก โดยเฉพาะเมื่ออยู่กับคนๆ นี้ ผมร้องไห้ราวกับกลายเป็นเด็กทารกแรกเกิด



จนหมดทุกเรื่องราว แต่น้ำตายังไม่ยอมหยุด ฉางขยับตัวลุกขึ้นมานั่งข้างๆ กอดผมแน่น ฝ่ามือมันลูบหัวผมช้าๆ ราวกับต้องการปลอบประโยน ผมสะอึกสะอื้นอย่างไร้ทางออก ทำอย่างนี้ก็ไม่ได้ ทำอย่างนั้นก็ไม่ดี มีแต่ต้องทำร้ายหัวใจอยู่อย่างนี้ ทรมานจนทนแทบไม่ไหวแล้ว



“ผมอยู่กับข้าวนะ อยู่ตรงนี้”



“...”



“เราจะผ่านเรื่องไปด้วยกันนะ”



ผมเงยหน้ามองใบหน้าคนตรงหน้า ฉางเผยรอยยิ้มออกมา รอยยิ้มที่เชื่อมั่นว่าผมกับมันจะผ่านเรื่องนี้ไปด้วยกันได้อย่างแท้จริง



“ข้าว!”



น้ำเสียงคุ้นเคยดังขึ้นมา ผมสะดุ้ง ผละตัวออกจากฉาง แต่คนตรงหน้าไม่ยอม กอดผมแนบชิดกายราวกลับไม่หวาดกลัวถ้าเขียนจะเห็น



“ฉาง...ปล่อยก่อน”



มันส่ายหน้า จนไม่ทันเวลาแล้ว...ไอ้เขียนเดินมาถึงแล้ว



“ข้าว...”



“เขียน...คือกู...ฉาง...มันไม่”



ผมพยายามหาคำอธิบาย ฝืนตัวดิ้นให้ตัวเองหลุดจากอ้อมกอดแต่ไม่เป็นผล ได้แต่ดิ้นขลุกขลักต่อหน้าเขียนอยู่อย่างนั้น



“เขียนกู...”



ผมร้อง ส่งเสียงวิงวอนขอให้มันยกโทษให้กับเหตุการณ์ตรงหน้า ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปสบตาเพื่อนสนิทโดยตรง ปล่อยให้ความเงียบปกคลุม ไม่รู้จะทำอย่างไรกับความรู้สึกที่แหลกสลายซ้ำๆ เช่นนี้ จนกระทั่งมันเอ่ยขึ้นมา



“ข้าว...ช่างมันถอะ...กูไม่ว่าอะไรแล้ว”



“ห...หา”



“กูไม่ว่าห้ามอะไรเรื่องมึงกับฉางแล้ว”



“มึง...ได้ยังไง ก็มึง...ไม่ชอบ”



“อือ กูไม่ชอบก็จริง แต่ไม่ชอบที่มึงเป็นแบบนี้มากกว่า ขอโทษนะ ไม่ต้องฝืนเพื่อกูแล้วล่ะ”



ผมไม่เข้าใจ หันซ้ายหันขวาอย่างต้องการคนอธิบาย ทำไมจู่ๆ เขียนถึงยอมให้ผมง่ายๆ เช่นนี้ ถึงจะเป็นเรื่องดี แต่ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย



“กูยอมแล้วข้าว ยอมรับในความรักของมึงได้แล้ว จะว่าไงดี... ตอนมึงหายไป กูก็แทบบ้าเหมือนกัน แต่เป็นฉางที่เจอมึงก่อนกู เป็นฉางที่มึงเรียกหาไม่ใช่กู กู...สู้ไม่ได้หรอก”



“ไม่ใช่นะเขียน มึงไม่ได้สำคัญน้อยกว่าฉางเลย กูแค่...”



“ข้าว พอแล้ว...กูเป็นเพื่อนมึงใช่ไหมล่ะ เพราะอย่างนั้น กูถึงยอมปล่อยให้มึงมีความสุขกับทางที่มึงเลือกไง”



มันบอกเช่นนั้น ก่อนผมจะเงยหน้าไปสบตากับมัน แววตาเขียนฉายแววเศร้าโศกอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน แววตาที่มองแล้วทำให้ผมเสียใจไม่ต่างจากมันเลย ถึงแม้จะไม่รู้ว่ามันกำลังเสียใจเรื่องอะไรก็ตาม



“ตอนแรกก็คิดอยู่หรอกว่ามึงเป็นแบบนี้เดี๋ยวก็หาย...แต่พอเห็นอย่างนี้แล้ว กูกลัวว่ามึงจะได้หายไปจริงๆ...”



“กู...”



ผมไม่รู้จะหาคำพูดอะไรมาพูดตอบมัน...ปล่อยให้คำพูดหายไปในอากาศ ไอ้ฉางกระชับอ้อมแขนมากยิ่งขึ้น บ่งบอกให้ผมรับรู้ว่ายังมีมันที่อยู่ตรงนี้...



“ขอบคุณ”



เป็นเสียงจากฉางที่เอ่ยออกมา ก่อนที่จะได้ยินเสียงของกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งวิ่งมาทางที่ผมนั่งอยู่



เป็นเติมเต็ม เพียว อัลฟ่าและฟิวเจอร์ที่มา



“ข้าว...กูนึกว่าหายไปไหน”



“โอ๊ย ใจผมหายไปเลยข้าว วิ่งหาแทบตาย”



“...ขอโทษนะ” เสียงของอัลฟ่าและเต็มบ่นออกมาไปหยุด ฉางคลายอ้อมกอดแล้ว แต่ยังคงเอื้อมมือมาจับมือผมไว้แน่น ผมเอ่ยขอโทษที่เป็นสาเหตุทำให้วุ่นวาย พร้อมกับเอ่ยคำถามที่สงสัย



“รู้ได้ไงว่าอยู่ตรงนี้”



“ไอ้ฉางไลน์มาบอก พวกกูหามึงทั่วเมืองเลยข้าว” เป็นไอ้เต็มที่ตอบ ผมขอโทษมันอีกครั้งที่หนีออกมาจากห้องมันโดยไม่บอกกล่าว



“คิดว่าอีกชั่วโมงถ้ายังไม่เจออีก จะให้ฟิวเจอร์ตามตำรวจมาให้แล้ว”



“หา”



“ดีนะที่ฉางเป็นคนเจอก่อน” สิ้นเสียงเพียวผมเบิกตากว้าง ตำรวจอะไร ผมไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย



“ขอโทษนะ...ไม่คิดว่าจะวุ่นวายกัน...”



“ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว นึกยังไงหนีกูมาอยู่คนเดียวแบบนี้น่ะหา”



“...กู...ขอโทษ...มีเรื่องให้คิด เลยอยากอยู่คนเดียวสักพัก...” ผมว่าก่อนเงียบ ทุกคนที่อยู่ล้อมตัวผมก็เงียบ มีเพียงไออุ่นจากฝ่ามือฉางที่กุมมือผมไว้ทำให้รวบรวมเสียงบอกออกไปเป็นคำพูด “...พรุ่งนี้ กูจะไปหาแม่ที่โรงพยาบาลอีกรอบ”



“...”



ครั้งที่แล้วผมไปหาแม่เพื่อบอกเรื่องราวเกี่ยวกับไอ้ฉาง แม้จะใช้เวลานานกว่าจะมีความกล้าสารภาพออกมา แม่มีสีหน้าตกใจจนผมเสียใจ รีบลุกขึ้นบอกว่าไว้จะมาหาใหม่ก่อนหนีออกมากจาห้องพักผู้ป่วย ผมหนีอีกแล้ว หนีจากทุกอย่าง หนีทั้งไอ้ฉาง ไอ้เขียน แม้กระทั่งกับแม่ตัวเอง ทิ้งปัญหาไว้กับผู้คนมากมายก่อนมาเจอกับทางตัน



จวบจนไม่สามารถฝืนรับได้อีกต่อไป ผมตัดสินใจจะไปหาแม่วันพรุ่งนี้ ต้องการคำตอบจากแม่เพื่อให้ทุกเรื่องราวชัดเจน ถ้าแม่รับไม่ได้...ครั้งนี้ ผมคงต้องจากไอ้ฉางไปจริงๆ ให้เป็นไปอย่างที่แม่และเขียนต้องการ แต่หัวใจคงพังยับเยินทั้งผมและฉาง



แต่ถ้าแม่ยอมรับได้ซึ่ง...ผมมองไม่เห็นถึงโอกาสนั้นเลย...ถึงอย่างนั้น ถ้ามันเกิดขึ้น เขียนก็ยังคงไม่ยอมรับอยู่ดี มีแต่ผมกับฉางที่มีความสุข แต่จะปล่อยให้เพื่อนรักอย่างไอ้เขียนอยู่คนเดียวน่ะหรือ... ผมไม่รู้อะไรแล้ว...



ถึงได้หนีออกมานั่งอยู่คนเดียวเช่นนี้



ผมไม่ได้บอกไอ้เต็ม เพราะคิดว่าคงใช้เวลาไม่นาน อีกอย่างถ้าบอกมัน ผมคงไม่ได้อยู่คนเดียวอย่างที่ต้องการ จึงเลือกโบกแท็กซี่ให้มาส่งที่มหาลัย ก่อนเดินเตร็ดเตร่มาจนถึงสถานที่ที่คุ้นชิน นั่งพัก ปล่อยใจให้ทบทวนความคิด ปล่อยให้หยาดน้ำตากลั่นตัวไหลออกมาเป็นรอบที่หลายสิบของวัน



จนกระทั่งมาเจอกับฉาง ถึงได้พรั่งพรูทุกอย่างออกไป ระบายความอึดอัดกับหลายๆ เรื่องให้มันได้รับรู้ แต่จู่ๆเมื่อไอ้เขียนมาถึงกลับเอ่ยปากบอกยอมรับเรื่องผมกับฉางออกมาง่ายๆ เรื่องกังวลใจของผมถูกคลายขึ้นอีกอย่าง



ในขณะที่เหลือเพียงเรื่องเดียวที่กลัดกลุ่มอยู่ในใจ ทำให้ไม่ได้คิดว่าผมกำลังทำให้ใครหลายๆ คนเป็นห่วง เพราะผมเอาแต่คิดกังวลแต่เรื่องของตัวเองแท้ๆ



ผมบอกทุกคนถึงเรื่องราวทั้งหมดให้ฟังอย่างคร่าวๆ



พรุ่งนี้ผมจะไปพบแม่... ผมไม่อยากปิดมันไว้อีกแล้ว ครานี้ คิดว่าถ้ามันจะจบก็ให้มันจบในคราวเดียว





อย่างน้อย...ความอุ่นที่ฝ่ามือผมก็ยังเป็นเครื่องยืนยันว่าผมไม่ได้อยู่คนเดียว







                                                                     
♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦


: อีกฮึบเดียวจริงๆ



หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสี่| - 30.11.2017 p.18
เริ่มหัวข้อโดย: Billie ที่ 30-11-2017 23:51:48
 :L2: :L1: :pig4:

ฮึป ฮึป
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสี่| - 30.11.2017 p.18
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 01-12-2017 00:00:46
จับมือเดินพร้อมไปกับฉางนะข้าว :hao5:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสี่| - 30.11.2017 p.18
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 01-12-2017 00:03:19
สงสารเขียนเหมือนกันนะ. เขียนต้องมีคู่นะ,,,
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสี่| - 30.11.2017 p.18
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 01-12-2017 03:23:33
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสี่| - 30.11.2017 p.18
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 01-12-2017 03:30:26
เป็นเรื่องเราต้องใช้ความพยายาม ข้าวพยายามเพื่อ ฉาง เขียนและแม่ ฉางกับเขียนพยายามเพื่อข้าว ส่วนเราพยายามมองหาฟิวเจอออออออร์ ขอโทษนะฉาง สำหรับเราฟิวเจอร์แย่งซีนตลอดแม้แค่ถูกพูดถึง 555555 :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสี่| - 30.11.2017 p.18
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 01-12-2017 06:34:20
ใจของคนเนี่ยมันมีมิติจริงๆใจที่สมองสั่งการไม่ได้น่าสงสารเขียนที่รู้ว่ารักข้าวเมื่อสายไปแต่ความรัก"เพื่อน"จะอยู่กับเขียนและข้าวตลอดไป
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสี่| - 30.11.2017 p.18
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 01-12-2017 11:07:13
หายหน่วงไปเปาะเดียว นิดเดียวจริงๆ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสี่| - 30.11.2017 p.18
เริ่มหัวข้อโดย: baibuabuaz ที่ 01-12-2017 11:41:09
ฮือออออ สู้ๆนะข้าว
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสี่| - 30.11.2017 p.18
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 01-12-2017 13:48:00
สู้ๆนะข้าวว ต้องผ่านไปได้แน่นอน
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสี่| - 30.11.2017 p.18
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 01-12-2017 16:27:16
 :hao5: งื้ออ สู้ๆนะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสี่| - 30.11.2017 p.18
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 01-12-2017 18:09:03
โอ้ยยย...หัวใจ ตอนนี้พี่ฉางหล่อมาก ดีแล้วที่ข้าวเลิกหนีไม่งั้นมันก็คงไม่จบสักที ทีนี้ก็สู้ๆนะรู้แล้วนี่ว่ามีฉางอยู่ข้างๆเสมอ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสี่| - 30.11.2017 p.18
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 01-12-2017 18:44:43
ข้าวสู้ๆ  :ped149: :ped149:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสี่| - 30.11.2017 p.18
เริ่มหัวข้อโดย: flimflam ที่ 01-12-2017 21:29:37
ฮึ้บนะลูก! แง เครียดแทน 555555555555555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสี่| - 30.11.2017 p.18
เริ่มหัวข้อโดย: full ที่ 01-12-2017 21:52:03
อีกนิดเดียวข้่าวทุกอย่างจะจบแล้ว เชื่อว่าแม่ข้าวคงไม่ใจร้ายไม่ให้ลูกมีความสุขกะคนที่ลูกรักหรอก แม่เข้าใจข้าวเราเชื่ออย่างนั้น สู้ๆ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสี่| - 30.11.2017 p.18
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 01-12-2017 22:50:49
น้ำตากำลังจะแห้งแล้วใช่มั้ย อึดอัดมาหลายตอน
แสงสว่างส่องมาถึงซะที
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบสี่| - 30.11.2017 p.18
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 02-12-2017 14:15:53
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบห้า| - 4.12.2017 p.19
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 04-12-2017 00:11:41
25



“ให้ผมช่วยอะไรอีกมั้ย”



“ไม่ต้องแล้ว ส่งแค่นี้แหละฉาง”



ผมว่า เอ่ยบอกคนรักตัวเองหน้าห้องพักผู้ป่วยที่มีชื่อแม่ผมเขียนติดกำกับไว้ หลังจากแยกย้ายกับพวกเพื่อนๆ เราต่างนอนกอดกันในห้องที่คุ้นเคยไปจนเช้า เมื่อคืนทั้งผมทั้งฉางไม่มีใครได้หลับ ไม่มีเสียงใด มีแค่สัมผัสและไออุ่นของอ้อมกอดที่ทดแทนคำพูด



ฉางขอผมตามไปด้วย และผมไม่ห้าม เราเตรียมตัวกันตั้งแต่เช้า กอดปลอบกันอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งทานข้าวเที่ยงเสร็จก็เดินทางมาถึงโรงพยาบาล ฉางเดินมาส่งผมจนถึงห้องของแม่ และต่อจากนี้ไป จะเหลือแค่ผมเพียงคนเดียวที่จะจัดการเรื่องนี้ได้



ไม่ว่าผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นยังไง...ผมมั่นใจว่าจะต้องผ่านมันไปให้ได้



ผมกอดกับมันอีกครั้งรวบรวมกำลังใจ ก่อนผละตัวออก เปิดประตูเข้าไปข้างใน



“ข้าวเหรอลูก...”



“ครับ”



เสียงแม่ดังขึ้นมาทันทีที่ผมเปิดประตูเข้าไป ยังไม่ทันได้เห็นหน้าแม่เลย ราวกับแม่ผมรู้ว่าผมจะมายังไงอย่างนั้น



“มาหาแม่ทางนี้สิ”



ผมเดินไปนั่งข้างเตียง จ้องมองใบหน้าแม่เพียงคนเดียวของผม แม่ผอมลงจากเมื่อก่อนก็จริง แต่ยังไม่ถึงกับซูบเซียว ยังคงเหมือนกับวันนั้น วันที่ผมมาหาแม่แล้วสารภาพเรื่องราวบางอย่างออกไป



แม่ยังเหมือนเดิม...



“ทิ้งแม่ไว้ตั้งนาน ไม่ยอมฟังที่แม่พูดบ้างเลย เด็กคนนี้”



“ผมขอโทษ...”



แม่ยิ้ม ขยับตัวมาหาผม คว้ามือผมไปกุมไว้ ไออุ่นจากผู้เป็นแม่ทำเอาหัวใจผมแทบหมดแรง...นึกโทษตัวเอง พลันเกิดความคิด ผมกล้าบอกเรื่องอย่างนั้นไปได้อย่างไรกัน ถ้าผมปิดเป็นความลับไว้ตลอด แม่ก็คงไม่ต้องมาหนักใจเพราะเรื่องของผม ปล่อยให้แม่คิดว่าผมจะมีความสุขต่อไปก็ดีอยู่แล้วแท้ๆ อาการขลาดกลัวของผมผุดขึ้นมาจนล้น



ทำไมผมถึงเลือกที่จะบอกแม่ออกมา ทำไมต้องเลือกทำร้ายแม่เพียงคนเดียวของตัวเอง ทำไม... เหตุผลที่ปรากฏบอกกับผมว่า เพราะผมรักฉาง...คนรักของผม ผมต้องการให้แม่รับรู้อย่างบริสุทธิ์ใจ เพียงเท่านั้นเอง



รอยยิ้มของแม่ยังคงประดับอยู่บนใบหน้าสวย ลูบมือผมเบาๆ ราวกับต้องการปลอบประโยน



“แม่ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย ลูกคงมีเรื่องให้กังวลใจมากเลยสิท่า”



“นิดหน่อยครับ...”



“ตอนนี้คงจัดการได้แล้วรึเปล่า หรือหนักใจกว่าเดิม”



“...”



“ข้าว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แม่ก็เป็นแม่ข้าวนะ แม่อยากเป็นที่ปรึกษาให้ลูกได้ ไม่อยากให้ลูกต้องมากังวลเรื่องของแม่”



“แม่ครับ...ผม”



“เรื่องผู้ชายที่ข้าวคบใช่ไหม”



“...”



เพียงแต่ผมไม่รู้



“เขามาด้วยใช่มั้ย พาเข้ามาหน่อยสิ”



ว่าความรักของผม จะเป็นจริงได้ไหมในสายตาผู้เป็นแม่





XXV



ผมยืนรอหน้าห้องผู้ป่วย ดูพยาบาลเดินผ่านไปมาฆ่าเวลา หัวใจเต้นตุบตับอย่างผิดจังหวะเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ข้างใน ผมอยากไปยืนข้างๆ ข้าวด้วยซ้ำ แต่ผมรู้ว่าข้าวไม่ต้องการให้เป็นเช่นนั้น



อย่างไรก็มั่นใจว่าถ้าเกิดอะไรขึ้น ข้าวจะออกมาเจอผมตรงนี้



ทว่าประตูกลับเปิดออกอย่างไม่ทันตั้งตัว ข้าวออกมาเร็วกว่าที่ผมคิดไว้ ไม่ทันได้เอ่ยถาม ใบหน้าข้าวที่มองผมมาราวกับกำลังจะร้องไห้



“ข้าว...”



“แม่เรียก...ให้เข้าไปคุยด้วย”



ต้นข้าวของผมว่าเช่นนั้น ก่อนขยับตัวเปิดช่องว่างให้ผมได้เข้าไปข้างใน ผมไม่รู้ว่าแม่ข้าวรู้ได้อย่างไรว่าผมมาด้วย อาจจะเพราะสัญชาตญาณหรือลางสังหรณ์ ไม่ก็เป็นข้าวที่แสดงสีหน้าอะไรออกไป เพราะเขาตั้งใจว่าจะไม่บอกเรื่องที่ผมยืนรออยู่ข้างหน้าห้อง ข้าวบอกผมเช่นนั้น



ถึงจะสงสัยแต่ผมก็ยังก้าวเข้าไป ทันทีที่ประตูปิดลง บรรยากาศมวลประหลาดพลันครอบครองห้องทั้งห้อง ผมไม่รู้ว่าบรรยากาศแบบนี้หมายถึงอะไร เดาไม่ออกว่าจะจบลงตรงไหน



“มาหาแม่เร็ว ทั้งคู่เลย”



ผมทำตามที่ต้นเสียงเรียก กุมมือข้าวไว้ก่อนบีบเบาๆ แล้วคลายออกอย่างรวดเร็ว เราทั้งสองเดินมาอยู่ปลายเตียงด้วยกัน ผมยกมือไหว้ผู้หญิงที่เป็นแม่ของข้าว



“คนนี้เหรอข้าว”



“ใช่ครับ”



“...ชื่ออะไรน่ะเรา”



“ชื่อฉางครับ ยุ้งฉาง”



ผมตอบกลับไป แม่ข้าวไม่พูดอะไรต่อ ทำเพียงแค่ยิ้ม ก้มหน้ามองมือตัวเอง ผมหันไปมองข้าวที่น้ำตาคลอแต่ยังคงฝืนกลั้นมันไว้ไม้ให้ไหลออกมา จนกระทั่งเสียงของแม่ข้าวดังขึ้นมา



“...แม่รู้ว่าแม่อยู่ได้ไม่ถึงตอนที่จะได้อุ้มหลานหรอก”



“แม่...”



“แม่คิดเรื่องข้าวตลอดว่าข้าวจะเป็นยังไง จะอยู่ได้ไหมถ้าไม่มีแม่ แต่ข้าวของแม่เก่งอยู่แล้วใช่มั้ย”



คนถูกถามไม่สามารถเอ่ยอะไรออกมาได้อีก นอกจากน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นทาง



“...แม่ไม่ได้อยากอุ้มหลาน แต่กังวลว่าถ้าข้าวแก่ไปใครจะดูแลข้าวแค่นั้นเอง”



“...”



“เอ๊ ไม่ร้องสิข้าว แม่ไม่ได้บอกว่าจะให้ลูกเลิกกันสักหน่อย”



“แม่...”



“มานี่สิ ขอแม่กอดหน่อย คนหล่อของแม่ผอมลงไปเยอะเลยนะหืม”



ต้นข้าวไม่ตอบ โน้มกายกอดผู้เป็นแม่ สะอื้นอยู่ในอ้อมกอดนั้น



“เด็กดีของแม่ รู้ไหมว่าแม่ไม่ได้ต้องการอะไรเลยนอกจากอยากให้ข้าวมีความสุข ไม่ว่าจะทางไหน ถ้าเป็นความสุขของข้าว แม่ก็รับได้ทั้งนั้น”



“...ถึงแม้ว่าผมจะชอบผู้ชายน่ะเหรอ”



“ถึงแม้ว่าจะชอบใครก็ตาม แม่จะรักคนที่ทำให้ลูกมีความสุขเหมือนกับที่ลูกรัก เข้าใจแม่ไหม”



ข้าวพยักหน้าอยู่ในอ้อมกอดแม่ คิดว่าคงร้องไห้จนพูดไม่ออก เช่นเดียวกับผม ที่ก้อนสะอื้นดันมาจุกอยู่ที่คอจนพูดอะไรไม่ถูก ไม่ใช่เพราะกำลังเสียใจ แต่เพราะตื้นตันใจกับคำพูดคนเป็นแม่



“เอ... ฉางใช่มั้ย มาหาแม่หน่อย”



ผมทำตามคำพูดของแม่ข้าว เดินไปหาผู้หญิงบนเตียงนอนผู้ป่วย เอื้อมมือไปให้แม่ข้าวจับไว้ สัมผัสอบอุ่นและอ่อนโยนจากผู้เป็นแม่ ไม่ทำให้ผมสงสัยเลยว่าข้าวใจดีขนาดนี้เพราะใคร



“ดูแลกันดีๆ นะ แม่อยู่ดูแลข้าวได้ไม่นาน”



“แม่...อย่าพูดอย่างนั้นสิ”



“...ผมสัญญาว่าจะไม่ทำให้ข้าวเสียใจครับ จะอยู่ดูแลข้าว จะเป็นกำลังสำคัญให้ข้าว จะทำให้ข้าวมีความสุขนับจากนี้จนตลอดไป”



“...ดีแล้ว แม่ฝากด้วยนะ ข้าวก็ด้วย อย่าดื้อมากล่ะเข้าใจมั้ย”



“...” ข้าวของผมร้องไห้สะอึกสะอื้นจนไม่สามารถเอ่ยคำพูดใดๆ ออกมาได้ ได้แต่พยักหน้าอยู่ในอ้อมอกของผู้เป็นแม่ซ้ำๆ



“รักกันนานๆ นะลูก แม่ไม่ห้ามถ้าลูกจะรักใครชอบใคร แต่ข้าวต้องมีความสุขนะรู้มั้ย มีความสุขให้พ่อ และมีความสุขเผื่อแม่ให้มากๆ นะ”



“แม่...ผม...”



“ฉางเองก็ด้วยนะ”



“ผมรักข้าว และจะทำให้ข้าวมีความสุขครับ”



“ผม...ก็รัก...ฉาง... รักแม่...ด้วย”



“จ้า แม่รู้แล้ว ไม่ร้องไห้แล้วนะ แม่บอกว่าแม่อยู่ได้ไม่นานไม่ได้แปลว่าแม่จะตายวันนี้หรือวันพรุ่งนี้เสียหน่อย ลูกคนนี้นี่ แม่ยังอยู่ได้อีกไปเป็นปีๆ เลิกร้องได้แล้ว”



“ก็แม่อ่ะ...”



“ขี้แงจังเลยลูกใครเนี่ยหื้ม”



“ลูกแม่นั่นแหละ”



ทั้งคู่โผเข้ากอดกันอีกครั้ง จนข้าวหยุดร้องไห้แล้วจึงพูดคุยกันเรื่องเรื่อยเปื่อย เป็นอันจบเรื่องความกังวลของทั้งผมและข้าวในฉากสุดท้าย ทั้งดีใจทั้งโล่งอกที่แม่ข้าวสามารถยอมรับเรื่องของผมกับข้าวได้ เมื่อถึงเวลาพักผ่อนของแม่ สิ้นสุดการเยี่ยม ข้าวกลั้นน้ำตาก่อนจากแม่มาได้ ถึงอย่างนั้น คนข้างตัวผมกลับร้องไห้ไม่หยุดเมื่อออกจากโรงพยาบาลมา ข้าวเดินน้ำตาไหลปล่อยให้ผมจูงมือขึ้นรถโดยสาร จูงมือเดินไปตามระหว่างทาง แวะหยุดเช็ดน้ำตาให้คนขี้แงเป็นระยะ จนกระทั่งถึงห้องที่คุ้นเคย



ทันทีที่ประตูห้องปิดลง ข้าวโผกอดผมอย่างแรง ระเบิดน้ำตาที่พยายามกลั้นมาตลอดทางออกมา



“ข้าว...ร้องไห้แบบนี้ทำเอาผมอยากร้องไห้ไปด้วยเลยเนี่ย..”



คนร้องไห้ยังคงสะอื้นเป็นคำตอบ ผมขยับมือมาลูบหัวเขาไว้



“ไม่เป็นไรแล้ว เราผ่านมันมาได้แล้วนะข้าว ไม่ร้องแล้วสิคนดี”



“กู...กูรักมึง...รัก”



“...ผมก็รักข้าว”



“ฮึก...ต่อให้กูจะทิ้งให้มึงกังวลอยู่คนเดียวน่ะเหรอ...ต่อให้กูจะงี่เง่าขี้ขลาดเอาแต่หนีแบบนี้น่ะเหรอ”



“ต่อให้ข้าวจะเป็นอะไรก็ตาม”



จบประโยค คนในอ้อมกอดผมร้องไห้หนักกว่าเดิม ผมไม่อยากให้ข้าวร้องไห้ น้ำตาข้าวไม่ต่างจากการเอามีดมาฆ่าผมทั้งเป็น แต่ทำไงได้ ข้าวคงอดทนมานาน ผมปล่อยให้คนในอ้อมกอดระบายความทุกข์ใจออกมา ร้องออกมาให้หมดแล้วเดินไปด้วยกันต่อนะข้าว



ผมจะอยู่ข้างๆ ข้าวแบบนี้ จะไม่ปล่อยให้ข้าวต่อสู้คนเดียว จะเป็นคนที่ทำให้ข้าวมีความสุขที่สุดในโลก







เข้าใจไหมครับ หัวใจของผม







.







เป็นเวลาบ่ายสี่ครึ่ง  ผมร้องไห้จนปวดตาไปหมด ทั้งผมทั้งฉางมาจบลงที่นอนแผ่อยู่บนเตียง  ร้องจนหมดแรงจะร้อง ร้องจนหมดน้ำตาจะไหล ปล่อยทุกความทรมานที่ผ่านมาออกมาจนหมด หลังจากนี้ ก็เหลือแค่ต้องทำเพื่อตัวเอง ตั้งใจเรียนเพื่อพ่อ มีความสุขเพื่อแม่



และมีความรักให้ฉาง



ผมมองไปยังคนข้างๆ ที่นอนกอดผมไม่ปล่อย ฉางเอื้อมมือมาลูบใบหน้าผมเบาๆ เกลี่ยไล่น้ำตาที่เกาะอยู่ข้างแก้ม ไล่วนมาสัมผัสริมฝีปากของผม



ก่อนที่เราจะจูบกัน



สัมผัสเบาๆ ที่ริมฝีปากเรียกพลังให้ผมกลับมามีชีวิตอีกครั้ง นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้กอดมัน นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้จูบ คิดถึงแทบบ้า



เมื่อจบทุกเรื่องราวแล้ว ต่อจากนี้ ผมจะใช้เวลากับมันให้ดีที่สุด



“ขอโทษนะ...ที่ไม่ได้บอกอะไรกับมึงเลยก่อนหน้านี้”



“...ผมไม่โกรธหรอก...”



“ขอโทษนะ...ที่ทิ้งให้มึงอยู่คนเดียว”



“ผมก็ทิ้งข้าวอยู่คนเดียวเหมือนกัน...”



“เพราะกูหนีมาต่างหาก ขอโทษนะ”



“ไม่ขอโทษแล้วได้มั้ย ผมไม่นึกโกรธเคืองอะไรข้าวเลย”



“กูรู้สึกผิด ไม่ได้อยากทำแบบนี้เลย”



“ผมเข้าใจ แต่ข้าวต้องเข้าใจผมด้วยนะ”



“...”



“ว่าความรักของผมไม่หายไปง่ายๆ หรอก”



ก่อนที่มันจะทำผมร้องไห้อีกครั้ง ผมพลิกตัวขึ้นทับมัน ก้มลงไปประกบจูบ ขบชิมริมฝีปากอย่างคิดถึง สอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากมัน ไล่คว้านชิมน้ำหวาน รุกไล่พันลิ้นตัวเองเข้ากับลิ้นฉาง ตวัดลิ้นไล่เลียกันอย่างไม่ยอมแพ้ รสจูบครานี้มีแต่ความคิดถึงที่มอบให้แก่กัน



จากตอนแรกที่เป็นฝ่ายรุกเริ่ม กลับค่อยๆ ถูกคนใต้ร่างไล่ต้อนจนกระทั่งไอ้ฉางพลิกตัวกลับ ทับร่างผมไว้แทน สองมือมันลูบหัวผมอย่างแผ่วเบาไม่หยุด ส่งมอบรสจูบหอมหวานให้อย่างต่อเนื่อง



อ่อนโยน จนแทบจะล่องลอย



ทุกสัมผัสที่มันมอบให้มีแต่ความนุ่มนวลอบอุ่น ผมปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามจังหวะของหัวใจ



มือหยาบค่อยๆ ล้วงเข้าสาบเสื้อ ลูบผ่านแผ่นหน้าอกผมไปอย่างเชื่องช้า ผิวเนื้อร้อนขึ้นเมื่อโดนมันสัมผัส จากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง ลากผ่านไปทั่วร่าง ทิ้งไว้เพียงแต่อุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้น ผมชันตัวลุกขึ้น ถอดเสื้อตัวเองออกช้าๆ พร้อมกับบรรจงปลดกระดุมเสื้อเชิร์ตของคนตรงหน้าทีละเม็ด



จนครบทุกเม็ด ผมแหวกสาบเสื้อมันออก ก้มจูบลงที่ซอกคอ ขบเม้มให้เกิดรอย แสดงความเป็นเจ้าของของมัน ก่อนลากริมฝีปากเคลื่อนหาผิวเนื้อส่วนอื่นที่ต้องการแต่งแต้มสีสัน ไหปลาร้า หัวไหล่ ขบกัดเม้มชิมมาเรื่อยๆ จนถึงแผงอก ไอ้ฉางเองก็ใช่ว่าจะนิ่งเฉย สองมือมันขยับปัดป่ายไปทั่วตัวผม ก่อนหยุดวางมืออยู่ตรงสะโพก ออกแรงบีบเบาๆ คล้ายระบายอารมณ์เมื่อถูกผมขบเม้มร่างกายของมัน



จนเมื่อจังหวะหัวใจเต้นเป็นจังหวะเดียวกัน…



ผมปล่อยให้ฉางปลดตะขอกางเกงตัวเอง รูดผ้าเนื้อดีลงไปจนถึงหัวเข่า ไม่ได้ต่อว่าหรือขัดขืนอะไรเหมือนเช่นที่ผ่านมา เพราะผมเองก็งุ่นง่านอยู่กับการถอดเข็มขัดมันอยู่เหมือนกัน



ไอ้ฉางช้อนตัวผมมานั่งตัก ก่อนก้มลงไปควาญหาอะไรอยู่ใต้เตียง หยิบขึ้นมาเป็นเจลหล่อลื่นเมื่อครานั้น พร้อมกับซองถุงยาง...



มันจ้องหน้าผมเหมือนขออนุญาต จึงให้คำตอบมันโดยการซุกหน้าหนีลงกับไหล่แกร่ง ไอ้หมาโง่ เขินเป็นบ้า ไม่ต้องมาถามอะไรได้ไหมเล่า มาขนาดนี้แล้ว ยอมขนาดนี้แล้ว...



ไอ้ฉางเองก็เหมือนอ่านความคิดผมออก มันไม่พูดอะไรเพื่อให้ผมสำลักความเขินตาย มีแต่ลูบหัวผมเบาๆ กดจูบที่หัวไหล่ผมคล้ายปลอบประโยนให้ผ่อนคลาย แต่อีกมือมันกลับดึงกางเกงผมออกไปจนสำเร็จ ผมกลายมาเป็นชีเปลือยในท้ายสุด



ผมปล่อยให้มันทำตามใจชอบ เกร็งตัวเมื่อโดนมือมันสัมผัสเข้ากับท่อนเอ็นของตัวเอง จะกี่ครั้งก็ไม่ชินเลยให้ตายเถอะ มันค่อยๆ ขยับมือรูดรั้งส่วนกลางลำตัวของผม อารมณ์เสียวซ่านพุ่งไปทั่วทั้งร่าง ก่อนจะได้รับสัมผัสประหลาดจากช่องทางข้างหลัง



ผมสะดุ้งสุดตัว คว้าหลังไอ้ฉางก่อนกอดมันแน่น หวาดกลัวในสิ่งที่กำลังจะเกิดอีกครั้ง การกระทำที่ผมไม่เคยรู้จักทำให้ผมไม่สามารถผ่อนคลายได้ เพียงแค่ผมเองก็ไม่อยากหยุด จึงได้แต่ปล่อยให้มันเป็นฝ่ายนำ บังคับตัวเองให้ไม่ร้องห้ามหรือขัดขืนอะไร



ปลายนิ้วหนึ่งผลุบเข้าไปในช่องทางลับ ควานวนอยู่ข้างในตัวผม ความรู้สึกประหลาด ทั้งอึดอัด หวาดกลัว เสียวซ่านผสมปนกันมั่วจนแยกไม่ออก ปล่อยให้มันเพิ่มนิ้วเข้ามาตามใจชอบ



จนสุดท้าย ผมพ่ายแพ้ให้กับความชื้นแฉะของเจลหล่อลื่น และจังหวะนิ้วของมัน



“ไม่เกร็งนะ”



ฉางกระซิบ ก่อนผมจะรู้สึกได้ถึงความร้อนที่จ่ออยู่ตรงช่องทางเบื้องล่าง แม้จะยังรู้สึกกลัวไม่หาย เพียงแต่ไม่อยากปล่อยให้ความรู้สึกติดอยู่ค้างๆ คาๆ ผมอยากให้มันเป็นของผม พอๆ กับยินยอมที่จะเป็นของมัน



ผมหอบหายใจแรง ซบหน้าอยู่ที่ไหล่มันอยู่อย่างนั้น ขยับสะโพกขึ้นเพื่อรองรับท่อนเอ็นร้อน ปล่อยให้มันค่อยๆ ใส่เข้ามาพร้อมๆ กับค่อยๆ กดสะโพกตัวเองลงเพื่อสวมตัวตนของไอ้ฉางเข้าไปช้าๆ



ความอึดอัดในตัวเกิดขึ้นอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้ความหวาดกลัวได้หายไปแล้ว



ผมปรับลมหายใจ หายใจไม่ทั่วท้องเมื่อขยับตัวกดลงไปจนสุด ความรู้สึกที่ได้เชื่อมต่อกับไอ้ฉางค้างอยู่ข้างในตัว มือหนึ่งของไอ้ฉางลูบหลังผมไว้ให้หายเกร็ง อีกมือกอดเอวผมไว้ไม่ให้หนีหายไป



“ข้าวโอเคมั้ย...”



มันถามเมื่อผมกดแช่ไว้อย่างนั้นไม่ยอมขยับ และไม่ยอมให้ไอ้ฉางมันขยับตัวเช่นกัน



จนเมื่อผมเริ่มคุ้นชินกับสัตว์ประหลาดที่อยู่ในตัวผมแล้ว จึงพยักหน้ารับ



ไอ้ฉางค่อยๆ โน้มตัว ผลักผมลงไปนอนกับเตียง ทันทีที่แผ่นหลังผมนาบกับผืนเตียงนุ่ม ผมพลันเห็นส่วนกลางลำตัวของไอ้ฉาง ที่สอดประสานเชื่อมต่อกับตัวผมไว้อย่างแนบสนิท



ตัดใจไม่มองเมื่อยิ่งเห็น หน้าตัวเองก็ยิ่งเห่อร้อน



ฉางเอื้อมมือมาสัมผัสส่วนร้อนกลางลำตัวผม ขยับรูดขึ้นลงช้าๆ ผมบิดตัวพยายามหนีความเสียวซ่านอย่างไร้ค่า นอนแอ่นสะโพกปล่อยให้มันกระทำอยู่อย่างนั้น หอบหายใจกอบโกยอากาศเข้าราวกับกลัวอากาศจะหมดโลก หายใจแทบไม่ทัน



พลันหวีดร้องแทบคลั่งเมื่อมันเริ่มขยับตัว ส่งสิ่งที่อยู่ในตัวผมกระแทกเข้ามาลึกกว่าเดิม ถอนออก แล้วส่งกลับเข้ามาใหม่ ปลายเท้าผมจิกลงกับผ้าปูเตียงที่ยับยู่ยี่ หวังระบายอารมณ์ที่สุขสมแทบเสียสติ



ผมขยับสะโพกตามจังหวะของคนบนร่าง ส่งเสียงน่าอายออกมาเป็นระยะ ปะปนกับเสียงหอบของไอ้ฉางและเสียงกระทบกันของผิวเนื้อ ความรู้สึกสุขสมอัดแน่นจนทะลัก กลั่นออกมาเป็นหยดน้ำตา



ก่อนทุกอย่างจะเป็นสีขาวโพลน



...ผมนอนหอบเกยอยู่กับร่างไอ้ฉาง หลบหนีความอายด้วยการฝังใบหน้าตัวเองซุกเข้าอ้อมกอดมันแน่น ไอ้ฉางไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ผมได้ยินเสียงหัวเราะจากลำคอมันเบาๆ ผมหดตัวมากกว่าเดิม



ทั้งเขินทั้งอาย ทั้งสุขสม เหมือนอารมณ์ที่ขมุกขมัวก่อนหน้านี้โดนปลดปล่อย ความรู้สึกโล่งใจที่ไม่ได้สัมผัสมาเสียนานครอบคลุมไปทั่วร่าง ผมผ่อนคลายจนเกิดเป็นความง่วงอย่างง่ายดาย



ผมบ่นพึมพำ “พรุ่งนี้มีเรียนเช้า...”



หวังเตือนตัวเองให้อย่าลืมตั้งนาฬิกาปลุก เพียงแต่ร่างกายในตอนนี้ไม่อาจฝืนตัวขยับไปทำอะไรไหว



“เดี๋ยวผมปลุกให้” ไอ้ฉางว่า ผมไม่ได้คาดหวังว่ามันจะทำได้จริงจัง ได้แต่ปล่อยให้ตัวเองนอนหลับตา เมื่อไม่ต้องใช้ความคิดเหมือนที่ผ่านมาแล้วก็พลันปิดเปลือกตา พร้อมที่จะพักผ่อนอย่างเต็มที่



เมื่อหมดเรื่องเลวร้าย ร่างกายที่ทนทรมานมานานในที่สุดก็ได้เป็นอิสระเสียที



ผมผล็อยหลับไปในที่สุด



และในเช้าวันจันทร์ที่ต้องไปเรียนนั้น ทั้งผมทั้งฉางไม่มีใครตื่นไปเรียนทั้งคู่…







                                                               
♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦



จบแล้วว

หมายถึงดราม่า เย้

หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบห้า| - 4.12.2017 p.19
เริ่มหัวข้อโดย: manami1155 ที่ 04-12-2017 00:20:30
นุ้งข้าววววววว ลูกแม่
โดนฉางจับกินไปล้าวววววว

ดีใจที่คุณแม่ยอมรับในความรักครั้งนี้
ฉางรับปากแม่แล้วนะว่าจะดูแลข้าวอย่างดี
ห้ามลืมเด็ดขาดนะ ต้องทำตามที่พูด
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบห้า| - 4.12.2017 p.19
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 04-12-2017 00:32:23
แม่ยอมรับ. ดีใจด้วยครับ,,,
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบห้า| - 4.12.2017 p.19
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 04-12-2017 00:32:33
ขอบคุณที่คุณแม่ยอมรับในความรักของสองคนนี้ค่ะ คุณแม่ต้องอยู่ดูแลน้องข้าวกับน้องฉางไปนานๆนะคะ :mew6:
บอกเลยว่าอ่านตอนนี้ช่วงแรกๆมีสะอื้น น้ำตาคลอ พอมาถึงช่วงหลังนี่แทบปาดน้ำตาไม่ทัน
คุณแม่ขาาาา ลูกคุณแม่โดนกินจริงๆแล้วค่าาา 55555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบห้า| - 4.12.2017 p.19
เริ่มหัวข้อโดย: iamaweirdo ที่ 04-12-2017 01:17:43
ฟินมั้ยฉาง
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบห้า| - 4.12.2017 p.19
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 04-12-2017 01:28:31
หมดเรื่องร้ายๆแล้วว ฉางอยู่ข้างข้าวเป็นกำลังใจให้ข้าวได้ดีมากก good boy  สุดๆ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบห้า| - 4.12.2017 p.19
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 04-12-2017 01:42:25
เรื่องร้ายๆผ่านไปสักที สงสารข้าวแทบขาดใจ
ฉางจะไม่โดนเพื่อนล้อแล้วนะเพราะเขา...กันแล้ว5555 :impress2:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบห้า| - 4.12.2017 p.19
เริ่มหัวข้อโดย: adoralula ที่ 04-12-2017 02:20:37
กว่าจะผ่านมาได้ หมดเรื่องร้ายๆ ซะทีนะ
รักกันมากๆ มาหวีทกันให้เราอิจฉาบ่อยๆ 555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบห้า| - 4.12.2017 p.19
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 04-12-2017 02:59:45
ฮือออ ดีจัยย
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบห้า| - 4.12.2017 p.19
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 04-12-2017 04:12:43
แม่เองก็คงหวังว่าพอตัวเองจากไป ข้าวจะต้องสามรถก้าวต่อไปได้และอยู่อย่างเข้มแข็ง ฉางที่มีความมั่นคงและความรักที่ดีจึงเป็นคำตอบที่ดีที่สุด
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบห้า| - 4.12.2017 p.19
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 04-12-2017 06:53:52
หมดทุกข์หมดโศกนะลูก
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบห้า| - 4.12.2017 p.19
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-12-2017 07:31:45
ขำเลย ตอนที่ข้าวบอก "พรุ่งนี้มีเรียนเช้า"
แล้วฉาง บอก "เดี๋ยวผมปลุกเอง"   กร๊ากกกกก เลย
ถถถถถถ ก็ฉางน่ะหลับเป็นตาย ใครปลุกก็ไม่ตื่น
มีแต่ข้าวที่ปลุกฉาง แล้วฉางเหร้อจะปลุกข้าว ไม่รู้ตัวเอาซะเล้ย

ฉาง ข้าว  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
ข้าว สบายใจได้แล้ว   :hao3:
ทั้งเรื่องแม่ เรื่องเขียน ไม่ทำให้ข้าวเครียดต่อไป 
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบห้า| - 4.12.2017 p.19
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 04-12-2017 07:56:54
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบห้า| - 4.12.2017 p.19
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 04-12-2017 08:39:27
 :hao7:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบห้า| - 4.12.2017 p.19
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 04-12-2017 08:44:05
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบห้า| - 4.12.2017 p.19
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 04-12-2017 10:04:00
คุณแม่เข้าใจ ไม่ต้องกังวลแล้วนะ ดีใจด้วย :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบห้า| - 4.12.2017 p.19
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 04-12-2017 11:50:48
 :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบห้า| - 4.12.2017 p.19
เริ่มหัวข้อโดย: Yyuii ที่ 04-12-2017 14:24:37
ในที่สุดก็สมหวัง ป้าอึดอัดแทนตั้งหลายตอน
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบห้า| - 4.12.2017 p.19
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 04-12-2017 19:27:09
สมหวังแล้วววววววว  :m15:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบห้า| - 4.12.2017 p.19
เริ่มหัวข้อโดย: baibuabuaz ที่ 04-12-2017 22:03:31
ดีใจมากที่คุณแม่เข้าใจ  :hao5:
ได้กินข้าวแล้วนะฉางงงงงงงงงง  :hao6: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบห้า| - 4.12.2017 p.19
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 04-12-2017 22:15:25
ดราม่าจบ ก็มาฉลองกันบนเตียง อิอิ :z1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบห้า| - 4.12.2017 p.19
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 04-12-2017 22:21:19
ดีใจกับสองคนนี้ คิดว่าจบเรื่องฉางจะรีบนอนเพราะเสียพลังงานซะอีก มาเสียเหงื่อต่อซะงั้น  :hao6:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบห้า| - 4.12.2017 p.19
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 04-12-2017 23:07:30
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบห้า| - 4.12.2017 p.19
เริ่มหัวข้อโดย: คุณบี๋ ที่ 04-12-2017 23:13:14
ในที่สุดก็เข้าใจกันได้ด้วยดี คุณแม่ใจดีอบอุ่นมากค่ะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบห้า| - 4.12.2017 p.19
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 05-12-2017 00:30:59
ไม่มีใครตื่นไปเรียนทั้งคู่ 5555
ดีใจด้วยที่หมดดราม่าแล้วววว //กอดข้าว--
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบห้า| - 4.12.2017 p.19
เริ่มหัวข้อโดย: full ที่ 05-12-2017 01:12:12
ดีใจกะน้องข้าวที่แม่เข้าใจ แถมนังฉางของเราก็ได้กินข้าวไปแล้วดีใจด้วย กรี๊ดด :impress2:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบห้า| - 4.12.2017 p.19
เริ่มหัวข้อโดย: mybear_sr ที่ 05-12-2017 05:32:44
ฉางได้กินข้าวแล้วๆๆๆๆๆ ดีใจที่เรื่องร้ายๆผ่านไปได้สักที
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบห้า| - 4.12.2017 p.19
เริ่มหัวข้อโดย: theindiez ที่ 05-12-2017 10:39:40
เค้าได้กันแล้วววว
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบห้า| - 4.12.2017 p.19
เริ่มหัวข้อโดย: ขอบฟ้าสีจาง ที่ 05-12-2017 11:00:11
แหมมมมมม เจ้าฉางกินข้าวอร่อยมั๊ยล่ะ แหมมมมม
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบห้า| - 4.12.2017 p.19
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 05-12-2017 11:50:53
เย้ ในที่สุดดราม่าก็หมดไปมาแทนด้วยความละมุนละไมของพี่ฉางและข้าว ง่อวว
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบห้า| - 4.12.2017 p.19
เริ่มหัวข้อโดย: StarPasO ที่ 05-12-2017 12:19:33
อย่าไว้ใจให้ฉางปลุก  :laugh:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบห้า| - 4.12.2017 p.19
เริ่มหัวข้อโดย: Cardiac ที่ 05-12-2017 17:07:45
 :haun4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบห้า| - 4.12.2017 p.19
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 05-12-2017 17:41:57
ฉางงงงงงงงงงง  :-[
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบห้า| - 4.12.2017 p.19
เริ่มหัวข้อโดย: ่patsaporn ที่ 05-12-2017 18:20:31
โล่งไปที ผ่านด่านแม่และเพื่อนไปได้แล้ว ต่อไปก็รักกันๆ ฉางต้องดูแลข้าวดีๆ นะ

ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบห้า| - 4.12.2017 p.19
เริ่มหัวข้อโดย: marisa9397 ที่ 05-12-2017 19:01:46
ในที่สุดก็แฮปปี้ เย้ๆๆ  :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบห้า| - 4.12.2017 p.19
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 07-12-2017 21:50:19
โอ๊ยยย ลงเอยด้วยดี กว่าจะลงตัว ลงเอย

สงสารข้าวมาก แต่ข้าวก็แคร์ทุกคนมาก มากกว่าความรู้สึกตัวเอง
ก็ทำไงได้เนาะ คนสำคัญทั้งนั้น

ฉางคือที่สุด และเพื่อนฉางก็ไม่บ้าบออย่างเดียวนะ

เขียนเศร้า แต่อย่างน้อยหลังจากนี้ เขียนจะไม่เสียใจ และจะยิ้มได้นะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบห้า| - 4.12.2017 p.19
เริ่มหัวข้อโดย: HeIsMine ที่ 07-12-2017 23:04:12
ในที่สุดยุ้งฉางก็ได้กินต้นข้าวแล้วววววววว :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบหก| - 8.12.2017 p.20
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 08-12-2017 00:17:35
26



ผมขยับตัวต้อนรับวันใหม่ รู้สึกเสียดสีที่ช่วงล่างแปลกๆ ก่อนความทรงจำจะย้อนหวนมาฉายภาพในหัวอีกครั้ง ส่งผลให้หน้าผมแดงเถือก ค่อยๆ ขยับตัวหันไปมองที่มาของความอายที่นอนอยู่ไม่ไกลตัว ไอ้ฉางยังคงหลับคว่ำหน้าอยู่อย่างนั้น



ผมมองนาฬิกา...สิบเอ็ดโมงกว่า ไปเรียนคาบเช้าไม่ทันแล้ว และดูท่าว่าคงได้โดดคาบบ่ายอีกแน่



ถึงอย่างนั้นกลับไม่รู้สึกกังวลอย่างที่คิด เมื่อมีคนข้างๆ อยู่ข้างกาย ระลึกถึงเรื่องราวที่แสนวุ่นวายที่จบลงไปแล้ว ทำให้ผมผ่อนคลายขึ้นกว่าที่ผ่านมาหลายเท่าตัว



นอนพลิกไปมาไม่ทันไร ท้องผมก็ร้องประท้วง



“...ฉาง ตื่นดิ้”



ศพไอ้ฉางขยับตัว ใช้เวลาสักพักก่อนมันจะพลิกมานอนตะแคงพร้อมลืมตาจ้องหน้าผม...



“ไปเรียนไม่ทันแล้วอ่ะ...”



“เออ กูรู้แล้ว”



“ผมตื่นนะ แต่ข้าวหลับได้มีความสุขมากผมเลยไม่อยากปลุก...”



“...”



ไม่รู้ที่มันพูดจริงหรือไม่จริง อย่างไรผมก็ไม่ได้จริงจังอะไรขนาดนั้น ตัวเองก็ตื่นไม่ทันเองเลยไม่อยากโทษใคร ผมบิดตัว สั่งการให้ตัวเองลุกจากที่นอนแล้วไปหาอะไรกินเสียที ทว่าปลิงข้างตัวไม่ยอมให้ทำอย่างนั้น เมื่อไอ้ฉางกระเถิบตัวเข้ามาคว้าผมไปกอดไว้ไม่ปล่อย



“...ทำอะไร”



“กอดข้าว”



“กูรู้มั้ย หมายถึง กอดทำไม...ปล่อยได้แล้ว หิว”



“หิวข้าว”



ไอ้แม่งเอ๊ย... ผมด่ามันไม่ออก คำว่าข้าวที่หลุดออกมาจากปากมันดูไม่ใช่ความหมายเดียวกัน ผมหน้าแดงจัดเมื่อคำพูดของไอ้ฉางนำพาให้ผมคิดไปถึงเรื่องเมื่อคืนอีกครั้ง



“ป...ปล่อยโว้ย”



เอ่ยออกมาอย่างตะกุกตะกัก ไร้ซึ่งน้ำเสียงแห่งคำสั่ง ผมได้แต่ดิ้นอยู่ในอ้อมกอดมัน



“ไม่ปล่อย...เดี๋ยวข้าวหนีไปอีก”



“ไม่หนีแล้วไง”



“กันไว้ดีกว่าแก้”



ผมรู้ว่าไอ้ฉางตั้งใจกวนตีนผมแน่ๆ เมื่อดิ้นไม่หลุด พลังงานที่เหลืออยู่ในตัวน้อยนิดก็เริ่มหมด สมองจึงสั่งให้ผมเปลี่ยนมานอนนิ่งๆ แทน



ผมปล่อยให้มันกอดตัวเองไว้แน่น พยายามไม่สนใจมันที่พยายามกดริมฝีปากตัวเองเบาๆ ไล่ไปตามซอกคอของผม กดจูบย้ำซ้ำๆ อยู่อย่างนั้นจนทนไม่ไหว



“พอแล้ว จั๊กจี้...”



มันไม่หยุด ไม่พอ ยังกระชับอ้อมกอดแน่นเสียจนผมอึดอัด



“ไอ้ฉาง อึดอัด ปล่อย”



“ไม่ปล่อย ผมรู้ข้าวแค่เขินเลยพูดไปงั้น”



“คิดไปเองแล้วไอ้สัด”



“ข้าวไม่ได้เขินเหรอ”



“ไม่”



“ว้า...อยากทำให้เขินจังเลย”



จบคำพูด ผมพลิกตัวไปตีหัวมัน กรงขังอ้อมกอดคลายออก ผมใช้โอกาสนี้ผละตัวออกมา ลุกขึ้นหนีมันไป คว้าผ้าเช็ดตัว จะเข้าไปอาบน้ำ



สภาพผมไม่ได้เหนอะหนะอย่างที่คิด อีกทั้งยังสวมใส่เสื้อผ้าครบ เดาว่าคงเพราะไอ้ฉางจัดการเรื่องหลังจากนั้นหลังเสร็จสิ้นกิจกาม ถึงอย่างนั้นผมก็อยากอาบน้ำอีกรอบเพื่อความมั่นใจอยู่ดี



ปลิงฉางไม่ยอมปล่อยให้ผมทำอย่างนั้นอีกแล้ว เมื่อมันพุ่งมากอดผมด้านหลังแน่นทันทีที่ผมบิดลูกบิดประตูห้องน้ำ



“ฉาง โว้ย กูจะอาบน้ำ”



“ผมอาบด้วย”



“ก็เหี้ยแล้ว ไม่เอา ปล่อยเลยมึง”



“ไม่ปล่อย วันนี้ผมจะตัวติดกับข้าวทั้งวัน”



“เป็นเหี้ยไรเนี่ย ถ้ากูจะไปเรียนตอนบ่ายมึงก็จะไปด้วยหรือไง”



“ใช่”



“...”



“ลงโทษที่ข้าวชอบหนีผม”



ผมพูดไม่ออก หัวเสียกับการกระทำปัญญาอ่อนของมันแต่ไม่ได้โกรธอะไรจริงจัง แค่คิดว่าเมื่อไหร่กูจะได้อาบน้ำดีๆ เสียที



“กูไม่หนีไปไหนแล้วไง ปล่อยได้แล้ว”



“ไม่หนีก็ไม่หนี” มันว่า ก่อนดันตัวผมเข้าห้องน้ำไป เฮ้ย! ไอ้บัดซบ



“หยุดเลยมึง!!”



“แค่อาบน้ำด้วยกันเอง ข้าวไม่เคยอาบน้ำกับเพื่อนผู้ชายเหรอ”



“เคยดิ แต่นั่นมันตั้งแต่สมัยเข้าค่ายลูกเสือ แล้วคนอย่างมึงก็...” แล้วคนอย่างมึงก็ไม่ใช่เพื่อน...ผมไม่กล้าบอกออกไป กลัวไปสะกิดร่างคลั่งมันอีก



"ผมทำไม...”



“เปล่า”



“...จริงๆ พอมาคิดดูแล้ว ข้าวเคยอาบน้ำกับผู้ชายคนอื่นเนี่ยมันทำให้ผมหึงอยู่นะ”



“มึงจะบ้าเหรอ ม.สาม!”



“จะตอนไหนก็ไม่เกี่ยวหรอก ข้าวต้องอาบน้ำกับผมคนเดียวสิ”



“บ้าไปกันใหญ่แล้วโว้ยยยย”



ผมร้องขึ้นมาอย่างกลั้นไม่อยู่ในความไม่สมประกอบของมัน ไอ้ฉางยังคงเกาะผมแน่นไม่ปล่อย ก่อนมันจะผลักผมติดกับหนังห้องน้ำ ถลกเสื้อผมออก ตามด้วยดึงกางเกงผมจนหลุด





ไอ้เวร!





ผมดิ้นหนีแต่ไร้ประโยชน์ เรี่ยวแรงผมหายไปตั้งแต่เมื่อคืน ช่วงล่างยังระบมส่งมอบความปวดมาเป็นระยะ สุดท้าย ผมปล่อยให้มันใช้ฝักบัวรดน้ำทั่วตัวผม ให้ได้อาบน้ำพร้อมกันสมใจมันจนได้…



ประตูห้องน้ำเปิดออก ผมปล่อยให้ตัวเองถูกไอ้ฉางอุ้มมานอนบนเตียง สารร่างไม่ต่างจากผักถูกต้มจนเปื่อย เพราะอาบน้ำนานเกินไปจนเมาน้ำร้อน... ต้องมาเป็นอย่างนี้จะเพราะใครได้อีก



ไอ้ฉาง มึงแม่ง...



“ข้าว...มันตั้งอ่ะ”



ใครมันใช้ให้มึงทำตัวอย่างนี้วะ



“ก...ก็ไปเอาออกเองสิวะ”



“ข้าวช่วยหน่อยนะ”



ผมเคยขัดขืนมันได้สักครั้งมั้ย ไม่เลย...ถึงแม้ครั้งนี้มันจะไม่ได้เอาเข้าไป...แค่เอาของมัน...ถู...กับร่อง...แค่นั้นก็ทำให้ผมเป็นบ้าตาย กว่าจะยอมเสร็จธุระกันในห้องน้ำก็เล่นเอาจนตัวเปื่อย มานอนตายหมดสภาพอย่างนี้ ปล่อยให้ไอ้ฉางจับผมใส่เสื้ออย่างตามใจชอบ ทำตัวเป็นตุ๊กตาเพราะหมดซึ่งเรี่ยวแรงขัดขืน



แรงแค้นนี่ขอจดไว้จนกว่าจะถึงเวลาแก้แค้น



ที่ทำได้ ก็มีเพียงก่นด่ามันอยู่ในใจเท่านั้น... ผมนอนมองเพดานห้องตัวเอง ไม่ได้สังเกตว่าคนร่วมห้องหายไป จนกระทั่งเสียงเงียบนานกว่าปกติ ผมถึงผงกหัวขึ้นมาส่องดูรอบห้อง เพื่อพบว่าไอ้ฉางหายไป...หายไปตอนไหนวะ



ถึงอย่างนั้นก็สิ้นแรงจะขยับตัว ผมล้มลงไปนอนแผ่เหมือนเดิม เอาน่ะ เดี๋ยวมันก็คงมา และตามคาดเมื่อผ่านไปไม่นานนัก เสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น



“กินข้าวกันข้าว”



ไอ้ฉางเข้ามาพร้อมกับส่งเสียงที่ตอบคำถามก่อนหน้านี้ อ้อ...มันไปซื้อข้าวมานี่เอง



ผมรวบแรงเฮือกสุดท้ายขึ้นมาอีกครั้ง ชันตัวลุกขึ้นนั่งอย่างอ่อนล้า ทำอะไรก็ดูเชื่องช้าไปหมด ที่ผ่านมาผมแทบไม่ได้กินอะไรจริงจังเลยสักวัน ความเครียดที่สั่งสมมานานเพิ่งถูกปลดออก ทั้งยังโดนไอ้ฉางทำเรื่องอย่างว่าเข้าไป...รีดเอาน้ำผมจนหมดตัว... เรี่ยวแรงยิ่งหายไปกว่าเดิมอีก บัดซบ



เหมือนว่าจะไม่ได้ดั่งใจคนร่วมห้อง ฉางเข้ามาหาผมก่อนจับอุ้มอีกครั้ง ไม่ได้อุ้มสูง แต่ตัวผมก็ลอยจากพื้นเหมือนกัน คิดมาตลอดว่ามันเอาแรงมาจากไหนกันวะ ตัวผมก็ไม่ใช่เบาๆ ถึงอย่างนั้นก็หมดแรงดิ้น ปล่อยให้มันทำตามใจชอบ ในครานี้ มันอุ้มผมมาวางไว้ที่โต๊ะพับที่มันเอาออกมากางเพื่อทานข้าว



จนมันนั่งลงแล้วก็ยังจับผมไปนั่งตักมันอีก



“โว๊ย อึดอัด”



ผมบ่นอย่างรำคาญใจ จะเกาะติดหนึบผมอะไรขนาดนี้ ทว่าเจ้าของความน่าอึดอัดกลับไม่สะทกสะท้านในคำต่อว่า มันตักข้าวขึ้นมาจ่อปากผม



“ข้าว อ้าม”



“ไอ้ฉาง กูไม่ได้พิการ”



“ข้าวดูเหนื่อย ผมอยากช่วยข้าวนี่”



“ถ้างั้นก็ปล่อยกูออกไปได้แล้ว”



“ไม่ปล่อยไง ลืมไปแล้วเหรอว่าผมทำโทษข้าวอยู่ อ่ะ อ้าม”



ผมที่ขัดมันไม่ได้เลยจับช้อนจากมือไอ้ฉางก่อนนำเข้าปากตัวเอง ปล่อยให้มันนั่งเกาะผมเป็นปลิงอยู่อย่างนี้



หลังจากที่เติมพลังงานเสร็จ จัดการเก็บกวาดทุกอย่างโดยที่ไอ้ฉางยังคงเกาะหลังผมไม่ปล่อย สุดท้ายผมก็มานอนแผ่อยู่บนเตียง เป็นเวลาเกือบบ่ายโมง ถ้ารีบหน่อยก็อาจจะเข้าเรียนคาบบ่ายทัน...ถึงอย่างนั้น ใจกลับไม่อยาก



“ข้าวไปเรียนมั้ย”



“...” ผมตอบกลับด้วยการนิ่งนึกสักพัก ก่อนส่ายหน้า



“งั้นผมก็ไม่ไปด้วย”



“เฮ้ย ไม่ได้ดิ” ผมรีบแย้ง เท่าที่จำได้ มันมีตรวจแบบไม่ใช่หรือไง “มึงต้องตรวจแบบทุกวันจันทร์ไม่ใช่เหรอ”



“ดีใจจัง ข้าวจำได้ด้วย”



“...ใช่ประเด็นหรอวะ”



“อืม ขาดตรวจแบบก็คงแย่ แต่ไม่ถึงกับตายหรอก เพื่อนผมโดดตรวจแบบเพราะคิดไม่ทันก็มีเยอะแยะ”



“แต่ว่า...”



“นะ...ข้าว ให้ผมอยู่กับข้าวเถอะนะ”



สุดท้ายผมก็ขัดมันไม่ได้อีกตามเคย  ผมแค่กังวลว่าไอ้ฉางขาดเรียนวิชาหลักไปแบบนี้ไม่แย่เอาหรือ เพราะของผม อย่างไรก็เป็นเลคเชอร์ที่เก็บคะแนนเข้าเรียนไม่เท่าไหร่ ขอแค่ไม่ขาดเรียนเกินกำหนดก็ไม่เป็นปัญหา แม้จะโดนหักคะแนนเล็กๆ ก็ตาม แต่ของฉาง ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นอะไรที่สำคัญขนาดว่าขาดลาไม่ได้



แต่เห็นมันนอนชิล เอาหัวมาพาดพุงผมแบบนี้แล้ว...ถ้าเจ้าตัวยังไม่เครียด เช่นนั้นผมจะเลิกกังวลเรื่องนี้ไปก็ได้



ในขณะที่ผมนอนกินบ้านกินเมืองอย่างเกียจคร้านอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไอ้ฉางก็เริ่มขยับตัวเลื่อนหัวมันจากหน้าท้องผม เลื่อนขึ้นมาทับบนหน้าอก ก่อนร่างกายมันจะตามมาทับตัวผมทีหลัง



“ไอ้สัด! มึงควรรู้ตัวว่าเป็นคนนะไม่ใช่แมว กูหนัก!”



“ผมอยากฝังตัวเองเข้ากับข้าวเลยถ้าทำได้” มันว่า บ่นหงุงหงิงเอาหน้าซุกไหล่ผมอย่างนั้น



“หนัก...หายใจไม่ออก” ผมพยายามไม่สนใจคำพูดพิลึกของมัน พยายามดันตัวมันให้ออกไป ลงท้ายด้วยการที่ไอ้ฉางยอมขยับตัวออกไปเอง แต่เปลี่ยนมานอนตะแคงกอดผมไว้แทน



วันนี้ทั้งวัน ถ้าไม่นับเรื่องหลังจากในห้องน้ำ ตอนที่ไอ้ฉางออกไปซื้อข้าวแล้ว...ไม่มีช่วงไหนที่มันตัวไม่ติดผมเลย...



ระหว่างความคิด ไอ้ฉางเอาจมูกมันมาดันๆ หัวไหล่ผม ซุกหน้าลงไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า ลำแขนมันยังคงพาดผ่านเอวผม เกาะไว้แน่นไม่ปล่อย กลายเป็นท่าทางพิลึก ตัวก็โตเป็นควาย แต่ดันมาคลอเคลียเป็นแมวไปได้ ชอบทำตัวปัญญาอ่อนจนบางทีอดคิดไม่ได้ว่าสติมันไม่สมประกอบจริงๆ...



หลังจากนั้น ไม่ว่าผมจะขยับตัวไปไหนก็จะมีไอ้ฉางตามเกาะมาเป็นปลิง ผมลุกไปหยิบการ์ตูนมาอ่านมันก็ลุกตาม เกาะหลังไม่ปล่อย  ผมล้มตัวนอนบนเตียงมันก็นอนตาม เกาะเอวไม่ห่าง จะว่าอึดอัดก็ไม่เชิง แค่รู้สึกประหลาด...ปกติแล้วมันทำอย่างนี้ที่ไหนกันเล่า



แต่เพราะร้องด่ามันเท่าไหร่มันก็ไม่ยอมปล่อย ตีมันก็ไม่ไป ข้ออ้างข้อเดียวของมันคือนี่เป็นการลงโทษที่ผมหายตัวไปไม่บอกไม่กล่าว มันเลยจะทำตัวติดหนึบกับผมอย่างนี้ไปจนหมดวัน



หมดแรงจะห้ามแล้ว อยากทำอะไรก็ทำ



ผมนอนอ่านหนังสือการ์ตูนต่อไปหลังจบความคิด ไอ้ฉางยังคงวอแวอยู่รอบตัวผม คราวนี้มันเลื้อยมานอนบนตัก พลิกตัวไปมาเป็นระยะ ผมอ่านการ์ตูนจนจบเล่มก็เปลี่ยนมาเล่นมือถือแทน จะว่าไงดี...เรื่องแบบนี้ผมไม่เคยทำเลยในช่วงระหว่างมีเรียนเนี่ย



อย่างที่บอก ผมเป็นเนิร์ดด้วยความจำเป็นและด้วยความตั้งใจของตัวเอง ไม่เคยโดดเรียนทั้งวันเพราะอยากพักแบบนี้มาก่อน แถมวันนี้ยังทำตัวไร้สาระไปวันๆ อีก ผิดวิสัยมาก



แต่ก็มีความสุขมากเช่นกัน



ในขณะที่ไถมือถืออยู่นั้นไอ้ฉางก็เอาแต่กวนอยู่รอบๆ ตัวผม ทั้งเอาหัวมาซุก แกล้งใช้มือของมันปัดป่ายไปทั่วตัวผม บ้างก็เอาขามาก่าย



“ฉางมึงอยู่เฉยๆ ดิ้”



“ข้าวก็สนใจผมสิ”



“จะให้กูสนใจไปมากกว่านี้เพื่ออะไร”



“ผมอยากคุยกับข้าวเยอะๆ นี่”



“...คุยอะไรอีกล่ะ” ผมแน่ใจว่าผมได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับตัวเองไปจนหมดแล้ว วางมือถือลงข้างเตียง ขยับตัวจากที่นั่งพิงผนังส่วนหัวเตียงไปนอนราบ ไอ้ฉางขยับตัวขึ้นมาซบที่ไหล่ผม กอดก่ายอยู่อย่างนั้นไม่ไปไหน



“อะไรก็ได้ ไร้สาระก็ได้ ผมอยากมีส่วนร่วมกับข้าวบ้าง”



“ก็กูไม่รู้จะคุยอะไรนี่”



“...ถ้างั้น...เรื่องเมื่อคืนเป็นไง”



“ไม่คุยเรื่องนี้โว้ย!”



“หน่า...ข้าว ผมอยากรู้นี่ มันโอเคมั้ย”



“มึงจะถามไปทำไม” ผมหน้าขึ้นสีทันทีเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืนตามที่ไอ้ฉางเปิดประเด็น ทำเป็นโมโหกลบเกลื่อนความเขินที่มีแต่จะมากขึ้นนี้ มันจะถามไปเพื่ออะไรเล่า ถ้ามันไม่โอเค ผมจะยอมให้ทำจนจบหรือไง ทำไมไม่คิดเอาเองบ้าง ในขณะที่ผมโวยวายอยู่ในใจนั้น ฉางก็เอ่ยขึ้นมา



“ก็ผมไม่เคยทำกับใครเลย ผมไม่รู้ว่ามันออกมาดีมั้ย ข้าวรู้สึกดีรึเปล่า”



“ห้ะ...?”



“ก็...เพิ่งเคยกับข้าวนั่นแหละ” มันว่าก่อนซุกหน้าเข้ากับไหล่ผม



“ที่มึงบอกว่าไม่เคย...?” ผมเอ่ยถามคำถามที่น่าสงสัยจากคำพูดไอ้ฉาง เกรงว่าที่คิดไว้จะเป็นจริงชอบกล...



“อือ...ข้าวเปิดซิงผมเลยนะ”



ไอ้บัดซบ!!



ผมพูดไม่ออกอีกครั้งและอีกครั้งเมื่อรู้ความจริง ไอ้บ้า ไอ้หน้าไม่อาย จำเป็นต้องบอกผมด้วยหรือ เก็บเรื่องนี้ลงหลุมไปยังจะดีกว่ามาทำให้ผมรู้สึกไปไม่ถูกแบบนี้เนี่ย



“มึงพูดจริงเหรอ!”



“อือ”



“บ้าไปแล้ว สมัยนี้แล้วใครเขาจะยังซิงกัน”



“ผมไง...ก็ไม่เคยเจอใครให้รู้สึกว่าอยากทำด้วยเหมือนกับข้าวเลยนี่...”



“...”



แล้วยังไง...ผมที่ผ่านศึกรักมามากมายกลับต้องยอมมานอนเป็นฝ่ายรับให้ไอ้ฉางที่เป็นมือใหม่เรื่องนี้เนี่ยนะ โอ๊ย ทำใจรับไม่ได้



“ทำไมไม่บอกกันก่อนวะแม่ง” ที่ผ่านมาผมนึกว่าไอ้ฉางแค่ไม่เคยทำกับผู้ชายเหมือนกับผม แต่คิดว่าคงมีประสบการณ์ไม่ต่างกัน อุตสาห์เชื่อใจ ใครจะไปคิดเล่าว่าหน้าตาอย่างมันยังไม่เคยมีเซ็กซ์กับใคร โว้ย...กูควรดีใจมั้ยที่ได้เป็นคนแรกของมันเนี่ย



“ถ้าบอกไปข้าวก็ไม่ยอมให้ผมทำสิ”



เออ แน่นอนสิวะ พวกไร้ประสบการณ์ก็นอนเฉยๆ ไปสิ โอ๊ย คิดแล้วหงุดหงิด แต่นอกเหนือจากนั้นมีทั้งความรู้สึกขวยเขินผสมกับความดีใจลึกๆ ปนอยู่อย่างไม่น่าให้อภัย



“แล้วสรุปมันดีมั้ยอ่ะ...”



“...กูจะเกลียดมึงก็ตอนนี้แหละ”



“ข้าวไม่เกลียผมสิ ผมแค่อยากรู้เอง”



“โว๊ย ก็ถ้าไม่ดีแล้วกูจะยอมให้ทำหรือไงวะ”



สิ้นเสียงโวยวายผม ไอ้ฉางหันมายิ้มร่าให้ราวกับเด็กน้อยยามดีใจเวลามีคนชม ฉาง มึงยี่สิบแล้วนะ ช่วยรู้ตัวด้วย



“ข้าวน่ารักจัง” มันว่าก่อนกอดผมกลิ้งไปมาบนเตียง ผมเหนื่อยที่ต้องเขินแล้ว แต่ก็นึกหมั่นไส้มันอยู่ดี



“...มึงช่วยชมอย่างอื่นนอกจากคำนี้ทีดิ้



“ก็ข้าวน่ารักจริงๆ นี่”



“บอกว่ากูหล่อบ้างก็ได้”



“น่ารัก”



“...”



รำคาญ ไม่เถียงแล้วก็ได้ ผมถอนหายใจกับความพ่ายแพ้อีกครั้ง คิดว่าครั้งหน้าถ้ามีโอกาสผมคงจะลองสลับกับไอ้ฉางดูบ้าง รู้สึกเหมือนโดนหยาม คิดเช่นนั้นก่อนเลื่อนมือไปลูบเส้นผมดำสนิทของมันแทน ไอ้ฉางผมนุ่ม ไม่รู้เพราะอะไร แต่จับแล้วเพลินมือชิบหาย แตกต่างกับผมอย่างสิ้นเชิง



ผมไล่มือลูบวนไปทั่วหัวมัน ไอ้มนุษย์ปลิงนี่ก็ดูชอบใจ เอียงหัวไปมาให้ผมลูบได้อย่างเต็มที่ จนกระทั่งผมเริ่มสังเกต



“ผมมึงเริ่มยาวแล้วนะฉาง”



หน้าม้ามันที่ตัดให้คราวนั้นเริ่มใกล้ที่จะทิ่มตามันแล้ว



“เหรอ...ข้าวตัดให้หน่อย”



“ก็เหี้ยแล้ว ครั้งที่แล้วกูตัดแหว่งไปยังจะมาขอกูอีก”



“ออกจะน่ารัก”



“...”



ผมไม่เข้าใจความหมายคำว่าน่ารักของมันจริงๆ ผมลูบหน้าม้าของมันที่เริ่มยาว รอยแหว่งเมื่อคราวนั้นยังสถิตอยู่เหมือนเดิม ไอ้ฉางมันไม่คิดจะไปให้ช่างตัดแก้เลยสักนิด ผมว่าถ้ามันไม่ซีเรียสเรื่องผมขนาดนี้ก็ไปโกนผมเถอะ



...แต่คิดอีกที ถ้าผมไม่ได้ลูบเส้นผมนุ่มๆ ของมันแล้วก็คงเหงามือเหมือนกัน เพราะงั้นไม่บอกไปจะดีกว่า...



XXVI



ผมปล่อยให้ข้าวลูบหัวผมอย่างนั้น ข้าวมือเบา ลูบตรงไหนก็ทำเอาเคลิ้มแทบจะหลับ วันนี้ผมทำตัวติดกับข้าวทั้งวันเป็นลูกโคอาล่า เกาะหลังข้าวตามไปทุกที่ในห้อง ข้าวมีท่าทีรำคาญแต่ก็ปล่อยให้ผมทำตามใจ



คิดถึงความใจดีของข้าวแบบนี้จริงๆ เลย



ผมอ้อนข้าวทั้งวัน คนใจดีก็ปล่อยให้ผมอ้อนอย่างนั้น ลูบหัวผมบ้าง ลูบมือผมบ้าง แม้ข้าวจะไม่พูด แต่ก็รับรู้ได้จากการกระทำว่าข้าวเองก็คงคิดถึงผมไม่แพ้กัน



ผมนอนซึมซับกลิ่นของข้าวอยู่อย่างนั้น เอ่ยอ้อนขอจนข้าวยอมตกลงตัดผมให้ตอนเย็นๆ แม้จะมีท่าทีอิดออดเพราะกลัวจะตัดผมแหว่งอีก อันที่จริง ส่วนที่ข้าวตัดแหว่งมันไม่ได้ชัดอย่างนั้น แค่ขยี้หัวสักสองสามทีก็ไม่มีใครดูออกแล้ว อีกอย่าง ผมอยากให้มีร่องรอยของข้าวอยู่ในร่างกายผมบ้าง



ในค่ำคืนของวัน ผมขยับตัวจูบเขา จุมพิตเบาๆ ตอกย้ำซ้ำๆ ถึงความรู้สึกที่อัดแน่นเต็มอกจนจะทะลัก





“ข้าว...ผมมีความสุขจัง”





“เหอะ...ต่างกันที่ไหน”





                                                               
♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦







รีบตื่นใกล้จะจบแล้วนะคะ <3



หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบหก| - 8.12.2017 p.20
เริ่มหัวข้อโดย: baibuabuaz ที่ 08-12-2017 00:26:47
น่ารักมากกกกกกกก เขิน
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบหก| - 8.12.2017 p.20
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 08-12-2017 01:50:33
 :a5:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบหก| - 8.12.2017 p.20
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 08-12-2017 02:02:20
น่ารักกกก ฉางขี้อ้อนมากก เหมือนหมาตัวโตๆเลย5555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบหก| - 8.12.2017 p.20
เริ่มหัวข้อโดย: ขอบฟ้าสีจาง ที่ 08-12-2017 02:07:11
อยากมีฉางเป็นของตัวเอง  เจ้าคนน่ารัก  เจ้าคนหลงแฟน
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบหก| - 8.12.2017 p.20
เริ่มหัวข้อโดย: mybear_sr ที่ 08-12-2017 02:19:40
 :-[
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบหก| - 8.12.2017 p.20
เริ่มหัวข้อโดย: didididia ที่ 08-12-2017 03:21:34
ฉางอ้อนเก่งอะ ใจบางไปหมดแล้ววว :กอด1: :L2:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบหก| - 8.12.2017 p.20
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 08-12-2017 06:24:44
ฉางวอแวมาก 555555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบหก| - 8.12.2017 p.20
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 08-12-2017 06:39:52
ฉางขี้อ้อนมากกแต่น่ารัก
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบหก| - 8.12.2017 p.20
เริ่มหัวข้อโดย: คุณบี๋ ที่ 08-12-2017 09:41:34
ฉางขี้อ้อนเหลือเกิน ฮือออเขินยิ้มแก้มแตก  :man1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบหก| - 8.12.2017 p.20
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 08-12-2017 11:08:38
ขี้อ้อนเหลือเกินนะคุณยุ้งฉาง :hao7:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบหก| - 8.12.2017 p.20
เริ่มหัวข้อโดย: fahsai ที่ 08-12-2017 11:23:42
ฉางงงงง งุ้งงิ้งสุดดด
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบหก| - 8.12.2017 p.20
เริ่มหัวข้อโดย: LoveLight ที่ 08-12-2017 14:05:59
พอข้าวเปิดใจ ทำไปตามที่ใจต้องการแล้ว ทุกอย่างลื่นไหลเลย ก่อนหน้านี้ข้าวอึดอัดเหมือนๆจะจำใจยอมตามใจฉาง แต่พอมาตอนนี้ทำทุกอย่างด้วยใจ ทำเพราะอยากทำ ไม่รุ้สึกว่ามันผิดหรือติดขัดอะรไร น่ารักมากกกกกก
ฉางก็ทำตัวน่ารัก เป็นคนที่เข้าใจยากแต่ถ้าถามก็ตอบ ตอบแบบจริงใจด้วย 55555 อ้อนข้าวเยอะๆนะฉาง เราชอบ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบหก| - 8.12.2017 p.20
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 08-12-2017 15:04:16
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบหก| - 8.12.2017 p.20
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 08-12-2017 16:57:29
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบหก| - 8.12.2017 p.20
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 08-12-2017 17:36:23
หลังจากนี้ไปก็จะเจอแต่ความหวานละมุนแล้วสินะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบหก| - 8.12.2017 p.20
เริ่มหัวข้อโดย: omuya ที่ 08-12-2017 18:50:19
ชอบมากกกๆๆๆๆ ค่ะ
รักยุ้งฉาก
รักข้าว
รักเพื่อนๆ ฉาง
รักแม่ข้าว
รักกกกคนเขียน
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบหก| - 8.12.2017 p.20
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 08-12-2017 20:43:28
 :-[ :-[ :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบหก| - 8.12.2017 p.20
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 08-12-2017 22:21:11
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบหก| - 8.12.2017 p.20
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-12-2017 23:05:55
โอย.........ฉาง น่ารัก  :mew1:
อ้อนข้าว ตัวติดข้าวเป็นตังเมเลย  :heaven
        :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบหก| - 8.12.2017 p.20
เริ่มหัวข้อโดย: full ที่ 09-12-2017 10:43:01
โอยยยย ทำไมน่ารักขนาดนี้ พ่อฉางน้อยขี้อ้อนอะไรเบอร์นี้ น้องข้าวก็ตามใจเด็กขี้อ้อนน่าร้ากกก
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบหก| - 8.12.2017 p.20
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 09-12-2017 15:25:53
โอ้ยนังฉางงง ถึงกับต้องขึ้นนัง ตัววอแวของพี่ข้าวคนแมน ฉางอ้อนมากเลย ข้าวก็ใจอ่อนตลอด น่ารัก อยากให้เขาอยู่ด้วยกันทั้งวันตลอดไปเลย ไม่ต้องเรียนแล้วววว  :hao7:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบหก| - 8.12.2017 p.20
เริ่มหัวข้อโดย: iiamerror_ ที่ 09-12-2017 17:09:57
ความฉางนี่มันความฉางจริงๆเลย  แอบสงสารน้องข้าว 555555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบหก| - 8.12.2017 p.20
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 10-12-2017 00:28:40
เขินหนักมาก,,,
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบหก| - 8.12.2017 p.20
เริ่มหัวข้อโดย: adoralula ที่ 10-12-2017 02:09:06
้ไม่อยากให้จบเลย
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบหก| - 8.12.2017 p.20
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 10-12-2017 09:51:16
ฉางโหมดง้องแง้ง 55555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบหก| - 8.12.2017 p.20
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 11-12-2017 11:34:15
เขินไปอีก ฉางขี้อ้อนมาก แล้วข้าวก็แพ้ลูกอ้อนตลอด น่ารัก  :mew1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเจ็ด| - 12.12.2017 p.21
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 12-12-2017 00:22:25
27



ฉางมาส่งผมเหมือนทุกวันที่ผ่านมา ก่อนมันจะไปคณะตัวเอง จะเป็นแบบนี้ก็แค่ตอนที่มันมีเรียนใกล้ๆ ช่วงเวลาเดียวกับผม เวลานอกเหนือจากนั้นผมก็ปล่อยให้มันนอน เดินมาคณะเองเหมือนปกติ



ชีวิตประจำวันของผมกลับมาสงบสุขอีกครั้ง



มีพวกแว่นถามอย่างตกใจถึงสาเหตุที่ผมขาดเรียน เพียงแต่ผมตอบปัดไปว่ามีเรื่องนิดหน่อย พวกมันก็เข้าใจไม่ถามต่อ เอาเลคเชอร์ ชีทแบบฝึกหัดและงานต่างๆ มาให้ผม บอกให้ลองขออาจารย์ส่งย้อนหลังดู ช่วงนั้นผมขาดเรียนไปเยอะและบางวิชามันมีงานต้องส่งในคาบเท่านั้นผมก็ชวดไป



เอาจริงตอนแรกก็กะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปแล้ว คิดว่าคงขอส่งย้อนหลังไม่ได้ ถึงได้มันก็ไม่แฟร์กับคนที่มาเข้าเรียน แต่ผมไม่คิดว่าไอ้เขียนจะเป็นคนส่งงานให้ผมแทบทุกคาบ...



มันริบแบบฝึกหัดที่พวกไอ้แว่นส่งมาให้ผม บอกไม่จำเป็น เพราะมันทำแทนและเขียนชื่อผมส่งไปให้แล้ว ไปพร้อมๆ กับงานของมัน



บางวิชาเป็นการตอบคำถามในชั้นเรียนที่ต้องเขียนคำตอบส่ง เท่ากับว่าไอ้เขียนทำไปสองชุด ก็รู้ว่ามันหัวดี แต่ไม่คิดว่ามันจะเอาความหัวดีของมันมาช่วยเหลือผม ปกติมันไม่ทุ่มเทขนาดนี้ ทั้งยังมีเรื่องงานกลุ่มที่ไอ้เขียนใส่ชื่อผมลงไปในรายงาน คอยทำในส่วนของผมแทนอีก แสนดีจริงๆ



“ก็กูรู้ว่าที่มึงขาดเรียนไปเพราะกูเป็นสาเหตุนี่...”



“เลยอยากไถ่บาปว่างั้น”



“เออ”



มันบอก คำตอบมันทำให้ผมยิ้มร่า ถึงจะย้ำกับมันเป็นร้อยๆ หนแล้วว่าไม่ต้องมาดูแลผมดีเหมือนสมัยมัธยม แต่มันก็ยังทำ ดีใจที่มีมันเป็นเพื่อนจริงๆ



“แล้วตอนนี้...กับไอ้ฉางก็คบกันดี?”



“อือ ยังคบกันดีไม่ต้องห่วง”



“เหอะ”



มันส่งเสียงคล้ายไม่พอใจก่อนเบือนหน้าหนี ผมไม่ว่ามันหรอก แค่มันยอมรับเรื่องนี้ได้ก็ดีแค่ไหนแล้ว อาจจะต้องใช้เวลาเพื่อให้คุ้นชินกับความสัมพันธ์ของผมกับฉาง เพราะงั้น กะอีแค่มันหงุดหงิดแค่นี้เป็นเรื่องเล็กน้อย



ถึงอย่างนั้นผมได้ยินมันบอกเสียงเบา



“มึงโอเคก็ดีแล้วข้าว”



“อืม ขอบใจมึงมากนะ เพื่อนอย่างมึงกูก็ไม่รู้จะหาจากไหนได้อีกแล้ว”



“กูขอโทษนะ...ที่ทำมึงเสียใจ”



“อย่าคิดมากหน่า”



“มึงมันก็อย่างนี้ตลอด...”



“ก็กูไม่ติดใจอะไรจริงๆ นี่”



“...รักมันมากขนาดนั้นเลยหรือ...คนเราจะรู้ได้ยังไงว่าคนที่เราคบอยู่คือคนที่ใช่จริงๆ”



“ไม่รู้สิ เพราะอย่างนั้นคนเราถึงต้องมีหัวใจเพื่อบอกความรู้สึกนั้นล่ะมั้ง กูว่าเดี๋ยวสักวันมึงก็จะหาเจอเองแหละ เขียน”



“เฮ้อ...ถ้ากูชอบผู้ชาย กูอาจจะชอบมึงก็ได้นะ”



ไอ้เขียนหันหน้ามาพูดกับผมสีหน้าจริงจังจนผมหลุดขำ



“ฮะๆ อย่าเลย ให้ไอ้ฉางเป็นผู้ชายคนเดียวที่ชอบกูก็ปวดหัวพอละ”



“...”



“มึง ไปกินข้าวกัน กูเลี้ยง”



“เลี้ยงทำเหี้ยไร เก็บตังไว้เลี้ยงผัวมึงเหอะ”



“โหยจิตใจ เดี๋ยวนี้นะ เป็นคนงี้นะ ปากคอเราะร้าย”



“เออ”



“หน่าเขียน ขอกูเลี้ยงมึงหน่อย ขอบคุณที่ช่วยส่งงานให้ก็ได้เอ้า”



เหมือนว่าผมน่าจะติดเชื้อไอ้ฉางมา เพราะสุดท้ายไอ้เขียนก็ขัดอะไรผมไม่ได้ ทำตามใจผมแต่โดยดี



ผมพาไอ้เขียนไปกินข้าว กลับมาเข้าเรียนต่อจนถึงเวลาเลิกเรียน ผมรอไอ้ฉางตรวจแบบ บางทีมันตรวจเร็วก็เลิกเร็ว บางทีเจออาจารย์ร่างคลั่งก็เลิกช้าหน่อย ในวันนี้ ผมเลิกเรียนก่อนมันตรวจแบบเสร็จ เมื่อแยกย้ายกับไอ้เขียนแล้ว ผมจึงตัดสินใจเดินไปรอมันที่คณะอย่างกล้าหาญ...



อย่างที่รู้ว่าคณะมันคนนอกคณะไม่ค่อยมาย่างกราย แต่ผมไม่รู้จะไปไหนเลยมาหามันถึงที่ คิดว่าถ้านั่งหลบมุมตรงซอกม้าหินอ่อนที่พวกฉางชอบไปนั่งน่าจะหลบพ้นสายตาคนได้อยู่



ผมทำตามความคิด



ไลน์หามันบอกพิกัดของตัวเองก่อนจะนั่งเล่นไปเรื่อยๆ คณะมันช่วงเวลานี้เห็นนักศึกษาเดินไปมาอยู่บ้าง ถึงปริมาณจะไม่หนาแน่นเท่าคณะผม แต่ก็ยังดีที่อย่างน้อยคณะก็ไม่ได้ร้างคนอย่างที่คิดไว้เล่นๆ 



ผมนั่งเหม่อ ไถโทรศัพท์เล่นรอไอ้ฉางไปเรื่อยๆ จนกระทั่งได้ยินเสียงดังมาจากข้างหลัง



“แฮ่!”



ตกใจจนสะดุ้งตัวโยน ไม่คิดว่าจะมีใครมาทักผมนี่ ไม่คิดว่าจะมีใครเห็นด้วย ผมหันขวับไปยังต้นเสียงทันที ภาพปรากฏเป็นเพียวที่ยืนยิ้มร่าอยู่พร้อมกับฟิวเจอร์ข้างหลัง



“เพียว...ตกใจหมด”



“ดีแล้ว ก็เราตั้งใจให้ข้าวตกใจ” เจ้าตัวว่าก่อนเดินมานั่งข้างๆ ผม ฟิวเจอร์เองก็ไม่รอช้า นั่งลงข้างเพียวอีกที



“ข้าวมารอฉางเหรอ”



“อืม”



เพียวกดยิ้ม ไม่ตอบแต่เลื่อนหน้าเข้ามาใกล้จนผมต้องหดคอหนี ใกล้ไปมั้ง...จมูกจะชนอยู่แล้วเพียว ฮือ ผมเม้มปากสนิท จ้องตาคนตรงหน้า พลันหัวใจก็เต้นผิดจังหวะอีกครา ผมถอนหายใจ... หน้าเพียวนี่สเปคผมมากจริงๆ นะ



“เพียว ใกล้ไปแล้ว...”



“ข้าวดูสดใสขึ้นนะ” คนหน้าสวยว่าก่อนผละออกไป คิดว่าคงจงใจแกล้งผมอีกตามเคย “ไม่เจอแปบเดียว อ้วนขึ้นด้วย” ไม่ว่าเปล่า เพียวจับข้อมือผมขึ้นมาพลิกดู



ช่วงก่อนหน้านี้ผมน้ำหนักลดลงก็จริง แต่พอทุกอย่างเข้าที่เข้าทางผมก็กินอย่างบ้าคลั่ง ยิ่งไอ้ฉางชอบกลับบ้านไปทำอาหารมาให้ผมกินอีก ผมแทบจะเลียหม้ออยู่แล้ว



“ไม่ดีหรือ” ผมถามเพียว หรือว่าสารร่างผมตอนผอมกะหร่องจะดูดีกว่าปกติ?



“เปล่า ดีแล้ว...เอ้อ จะว่าไป ฝากนี่คืนให้ฉางหน่อย”



เจ้าของใบหน้าสวยว่าก่อนยื่นสมุดสเก็ตช์สีดำรูปร่างคุ้นตามาให้ผม



“ของฉางน่ะ มีรูปข้าวเต็มเลย ดูสิ”



“หา”



ไม่ทันจะได้ถามอะไรต่อ เพียวก็เอื้อมมือไปเปิดพลิกสมุดสเก็ตช์ไปยังหน้าต่างๆ เผยให้ผมเห็นถึงรูปวาดข้างในที่ยิ่งเห็น ยิ่งทำให้ผมอาย... ไอ้ฉางมันวาดผมเยอะอะไรขนาดนี้



“เนี่ย ตอนข้าวไม่อยู่ ฉางไปหาก็ไม่เจอเลยได้แต่นั่งวาดรูปข้าวในสมุดเต็มไปหมดเลย”



“...”



“วิธีแก้อาการหงุดหงิดของฉางน่ะ น่ารักเนอะ”



ผมหน้าแดง ไม่ตอบเพียว ไม่คิดว่าไอ้ฉางมันจะเป็นมากขนาดนี้ ผมนั่งไล่ดูรูปวาดแต่ละหน้าไปอย่างช้าๆ ท่ามกลางความเงียบของเพียวและฟิวเจอร์



เพียวไม่พูดอะไรต่อ พลิกแขนผมข้างที่ไม่ได้ถือสมุดไปมาเงียบๆ อยู่อย่างนั้น สายตาก็เอาแต่จ้องข้อมือผม ไม่ชินเลยกับการที่เพียวไม่พูดไม่จาเนี่ย คนๆ นี้ปกติแล้วชอบวางท่าเหมือนเป็นงูพิษ ไม่ใช้คำพูดก็ท่าทางที่ดูคล้ายจะล่อลวงกันให้ตาย จนผมเปิดดูรูปจนหมด ปิดหน้าสมุด ทนไม่ไหวต้องเป็นฝ่ายเอ่ยตัดความเงียบนี้



“เรื่องวันนั้นขอโทษนะ”



“หือ...”



“ที่หายไป ขอโทษที่ทำให้วุ่นวายนะ”



“ข้าวขอโทษไปแล้ว ลืมเหรอ”



“เปล่าหรอก อยากขอโทษอีกที ไม่ได้ตั้งใจทำให้ทุกคนวุ่นวายจริงๆ ต้องมาเสียเวลากับอะไรไม่รู้เนี่ย ฮะๆ”



“ไม่เป็นไรหรอก อย่าคิดมากเลย ไม่มีใครถูกบังคับให้ทำหรอกนะ”



“...”



“เรารู้นะว่ามันลำบาก แต่ข้าวผ่านจุดนั้นไปได้แล้ว รักษามันไว้ให้ดีๆ นะ”



ผมเงยหน้าขึ้นมามองเขา เพียวลอบยิ้มบางเบา คล้ายกับจะร้องไห้



“ครอบครัวข้าวยอมรับแล้ว เพื่อนข้าวก็โอเคแล้ว ต่อจากนี้เหลือแค่ข้าวกับฉาง เราอยากให้ทั้งคู่มีความสุขด้วยกันไปนานๆ”



“เพียว...ทำไมพูดแปลกๆ”



“ฮ่าๆ ก็ว่างั้นเหมือนกัน แต่เราเป็นห่วงมากจริงๆ นะข้าว อยากให้ข้าวกับฉางอยู่ด้วยกันตลอดไป”



เพียวพูดเหมือนจะอวยพร แต่น้ำเสียงกลับเศร้าอย่างน่าประหลาด



“ทำไมล่ะ” ผมถามขึ้น



“ก็หวังดีไง เห็นเพื่อนใจตรงกันแล้วอยากให้มีความสุข อย่างน้อยก็มีความสุขเผื่อเรา...”



“...หืม...เพียว ทำไมหรือ”



“เปล่าหรอก”



“แล้ว...เพียวอยู่กับฟิวเจอร์ไม่มีความสุขเหรอ”



“มีสิ แค่ตอนนี้น่ะนะ”



“? ทำไมล่ะ”



คำตอบของเพียวคือรอยยิ้มแสนเศร้า ฟิวเจอร์เองก็ไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมา ผมไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่กล้าถามอะไรออกไปอีก จึงได้แต่พูดโดยรวม



“เราก็อยากให้เพียวมีความสุขนะ...”



“ขอบใจ ข้าวนี่น่ารักจริงๆ ขอแบ่งกับฉางคนละวันได้มั้ยเนี่ยหืม”



ไม่ว่าเปล่า แขนเรียวตวัดมาโอบรอบคอมผม โน้มให้ร่างกายแนบสนิท กลิ่นหอมจากคนข้างตัวลอยโชยมาทำเอาใจสั่นอีกครั้ง ก่อนที่หัวใจจะเต้นแรงไปมากกว่านี้ คนข้างตัวผมกลับถูกกระชากไปอีกทาง ร่างหอมผละจากไป ผมหันไปมองตามแรงที่กระชากเพียว



ทว่ากลับต้องช็อคเมื่อเจอภาพที่ฟิวเจอร์ก้มลงมาประกบปากกับเพียวแนบแน่น... ผมแทบลืมหายใจเมื่อเห็นคนจูบกันตรงหน้าจังๆ ใบหน้าขึ้นสีมากกว่าเก่าเมื่อฟิวเจอร์ผละออกพร้อมแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเอง ส่วนเพียวทำเพียงโยกหัวน้อยๆ ก่อนหันมายิ้มหวานใส่ผม...



ผม...ไม่รู้จะพูดยังไงดี... ถึงจะพอรู้ว่าสองคนนี้มีความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา คงไม่ต่างจากผมกับฉาง แต่เล่นเจอหนังสดต่อหน้าแบบนี้จึงได้แต่แสดงท่าทีเก้ๆ กังๆ ไม่รู้จะวางสายตาไปทางไหน มือไม้เกะกะไปหมด หรือว่าผมควรลุกหนีจากตรงนี้ไปดี



ไม่ทันได้สรุปความคิด เพียวยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนผมถอยหนีไม่ทัน



จุ๊บ



“อ่ะ”



ผมเบิกตาโพลงให้กับสัมผัสนุ่มๆ ที่เกิดขึ้นข้างแก้ม เพียวหอมแก้มผม!! ทำไปทำไม ทำไปเพื่อใคร ทำไปเพื่ออะไร หัวใจผมสั่นอย่างรุนแรงมากขึ้นในพฤติกรรมประหลาดของคนข้างตัว รู้สึกว่าใบหน้าเริ่มเห่อร้อน ผมขยับตัวหนีเขาทันที



“ให้คิดเสียว่าเป็นเรื่องปกติเนอะข้าว”



เรื่องปกติ? หมายถึงเรื่องอะไร เรื่องที่เขาจู่ๆ ก็หอมแก้มผมหรือเรื่องที่จู่ๆ ฟิวเจอร์กับเพียวก็จูบกัน? เรื่องไหนกันแน่ ในระหว่างที่ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนผมไม่ทันได้เอ่ยอะไรออกไป เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมา



“เพียว คุณรังแกข้าวอีกแล้วเหรอ!”



เป็นไอ้ฉางที่เข้ามาช่วยชีวิตได้ทัน ผมหันหน้าไปหามัน ขอความช่วยเหลือ



“เพียวคุณแกล้งอะไรข้าว ข้าวหน้าแดงทำไม”



“ผมเปล่านะฉาง” เสียงหวานเอ่ย แม้จะไม่ได้เห็นหน้า แต่คิดว่าเพียวต้องกำลังยิ้มกรุ้มกริ่มเหมือนทุกทีแน่ๆ



“ผมเห็นนะว่าคุณลวนลามข้าวอ่ะ ต่อจากนี้ผมขอสั่งแบนคุณ ห้ามเข้าใกล้ข้าวเกินสิบเมตร” ไม่ว่าเปล่า มันดึงผมให้ลุกขึ้นก่อนบอกสองคนนั้นอีกครั้ง “บอกกี่ครั้งแล้วว่าอย่ามาจูบกันในคณะ”



พร้อมลากผมออกไป



ผมยังคงจับใจความอะไรไม่ได้ เดินตามแรงจูงไอ้ฉางต้อยๆ จนมาถึงลานจอดรถ สติกลับมาอีกครั้ง ผมนึกขึ้นได้เรื่องสมุดที่เพียวฝากมาคืน จึงยื่นให้ฉาง



“ของผมเหรอ”



“อือ เพียวฝากมาให้”



“เพียว...” ฉางว่าก่อนมุ่นคิ้ว หันไปเปิดกระเป๋าตัวเองแล้วกัดปากแน่น รีบคว้าสมุดในมือผมไปใส่กระเป๋า เอ่ยถามผมเสียงเบา



“ข้าวเปิดดูไปรึยัง”



“...เปิดแล้ว” อันที่จริง...เพียวเปิดให้ดู อา...ผมว่าแล้วว่านี่ต้องเป็นแผนของคนร้ายกาจอย่างเพียวอีกแน่



“เพียว ทำกันอย่างนี้นะ...” มันว่าพึมพำ ผมไม่ทันได้พูดอะไรต่อมันก็สวมหมวกกันน็อกให้ หันหลังขึ้นขี่มอเตอร์ไซค์ไม่พูดไม่จา แต่เพราะเห็นใบหูมันขึ้นสีแดงจึงรู้ว่าไอ้ฉางกำลังเขินแน่ๆ





น่ารักว่ะ





ผมอมยิ้ม ขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซค์มันตรงไปทางกลับหอเงียบๆ



ไอ้ฉางแวะจอดหน้าซอยเข้าหอ  คนตรงหน้าบิดกุญแจรถเพื่อดับเครื่อง คงกะแวะทานข้าว ผมลงจากรถ เดินตรงเข้าร้านประจำอย่างรู้ใจมัน เมื่อได้นั่งพร้อมกับสั่งอาหารเสร็จสรรพ เดาจากหน้ามันตอนนี้น่าจะเลิกเขินแล้วและผมก็ไม่คิดจะไปทำให้มันเขินอีก ผมเอ่ยคำถามที่ค้างในหัวแทน



“เพียวกับฟิวเจอร์...ปกติก็ทำแบบนั้นเหรอ”



“ปกติทำมากกว่านั้นอีก ฟิวเจอร์คงเกรงใจข้าวเลยไม่ทำให้เห็น ครั้งนี้ไม่รู้เพียวไปทำอะไรให้ฟิวเจอร์ตบะแตก”



“...”



“ไปทำตัวน่ารักใส่เพียวอีกล่ะสิข้าว”



“กูไม่ได้ทำโว้ย”



ฉางไม่ตอบผม ทำเพียงอมยิ้มคล้ายกับยิ้มให้แมวฉาง ก่อนเอื้อมมือมาหมายจะลูบหัวผม...เสียใจด้วย กูหลบทัน



“อ้าว ข้าว” ไม่ทันที่ผมกับไอ้คนตรงข้ามจะได้แยกเขี้ยวกันต่อ ก็มีเสียงเรียกชื่อผมดังขึ้นมา หันไปตามต้นเสียงก็เจอกับเติมเต็ม



วันนี้มันวันรวมญาติเหรอวะ



“ไง...มากินข้าวเหรอ”



“อือ ว่าจะซื้อกลับ”



“ไม่นั่งกินด้วยกันล่ะ”



“ไม่ล่ะ เดี๋ยวไอ้ฉางแดกหัวกูตาย อีกอย่าง...เดี๋ยวฟุ้งรอ”



“หืม?”



ผมส่งเสียงสงสัย ฟุ้งที่มันว่า...ใช่ฟุ้งเดียวกับที่ผมคิดมั้ย...ฟุ้งที่เป็นพี่ชายข้างบ้านมันที่มันแอบชอบน่ะ...



“อ้าว ไม่รู้เหรอ กูกับฟุ้งคบกันนานแล้วนะ”



“หา!!”



“ตั้งแต่ขึ้นปีสองแล้ว ไอ้ฉางก็รู้ กูไม่ได้บอกมึงเหรอ”



“มึงไม่เคยบอก!”



ไอ้เต็มเกาหางคิ้วตัวเองแกร่กๆ เหลือบตามองบนอย่างไม่ใส่ใจก่อนตอบ “สงสัยลืม งั้นบอกตรงนี้ละกัน”



“เชี่ย ไหนเคยบอกว่าไม่มีวันสมหวังไง”



“เออ ก็ใครมันจะไปคิดวะว่าจะจีบติด ฟุ้งแม่งใจแข็งชิบหาย”



“แล้วทำไมกูไม่เห็นรู้เรื่องอะไรเลย ไอ้ฉางมึงก็ไม่เคยบอกอ่ะ”



“...ผมจะไปรู้หรือว่าข้าวยังไม่รู้เรื่องนี้ อีกอย่างข้าวไม่ค่อยพูดถึงเติมเต็มด้วยซ้ำ จะให้ผมหาโอกาสไหนบอกล่ะ”



เมื่อเถียงคำพูดที่จริงทุกประการของไอ้ฉางไม่ได้ ผมหันไปบ่นใส่ไอ้เต็มแทน “ไอ้เต็ม เล่ามาเลยนะ”



“ฮ่าๆ ถ้าจะเล่าคงนาน เดี๋ยวฟุ้งรอ ไว้ไปแดกเหล้ากัน กูจะอธิบายให้หมดตั้งแต่เริ่มเลย”



“พูดแล้วนะ”



“เออ”



ผมยังช็อคไม่หาย ไม่เคยคิดว่าพี่ฟุ้งจะยอมรับไอ้เต็มได้ เห็นเจอหน้ากันก็มีแต่ด่า อยากรู้จริงๆ ว่าไอ้เต็มไปทำอีท่าไหนให้คนอย่างพี่ฟุ้งยอมใจอ่อน ดูท่าเจอมันอีกทีต้องเค้นให้หนัก



ไอ้เต็มนั่งคุยกับผมกับฉางเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งอาหารที่มันสั่งได้แล้วมันก็บอกลาก่อนออกไป ส่วนผมกับฉางก็ได้เวลาก้มหน้ากินข้าวเสียที



ชีวิตประจำวันกลับสู่วงจรปกติและสงบสุข ผมไม่ขออะไรไปมากกว่านี้แล้ว



XXVII



“ฉางปล่อยโว้ย!”



ผมจับข้าวอุ้มทันทีที่ถึงห้อง ทำโทษทีเขาไปทำตัวน่ารักต่อหน้าเพียว เมื่อไหร่จะรู้ตัวนะว่าตัวเองน่ารักน่าแกล้งขนาดนี้ ข้าวตีหลังผมป้าบๆ แต่ผมไม่ปล่อยหรอก จนวางเขาลงกับเตียงได้นี่แหละ



“จะ...จะทำอะไร” ข้าวทำตาโต หวาดผวาอย่างน่ารัก ตอนแรกก็ว่าจะไม่ทำอยู่หรอก แต่ข้าวทำตัวน่ารักแบบนี้ผมชักอยากจะเปลี่ยนใจแล้ว



จุ๊บ



“ทำโทษข้าว”



“ทำโทษเชี่ยอะ...”



จุ๊บ



“ร...ไร อื๊อ”



“ข้าวชอบเพียวล่ะสิ ผมรู้นะ”



“หา กูไม่ได้ช...”



จุ๊บ



 “เพียวชอบบอกผมว่า เวลาเข้าใกล้ข้าวแล้วได้ยินเสียงหัวใจข้าว เต้นดังมาก”



“...น...นั่นมัน”



“วันนี้ผมถึงได้เห็น ข้าวใจเต้นกับเพียวจริงๆ ด้วย”



“นั่นกู...”



ไม่ปฏิเสธอีกนะข้าว ชอบเพียวจริงๆ ด้วย ผมจะจัดการให้เข็ด



“ก็...มึงไม่คิดเหรอว่าเพียวหน้าสวย”



“คิด...แต่ผมไม่ได้ใจเต้นด้วยนี่” ว่าพร้อมจูบปลายคางมน



“ก...กูแค่ชอบหน้าเพียวเฉยๆ ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้นเลย”



จุ๊บ...จุ๊บ



“ฮื่อ ฉาง เชื่อกูเถอะนะ อารมณ์เจอดารานั่นแหละ...แค่นั้น”



จุ๊บ



“...เพียวทำให้กูใจเต้นแรง แต่มึงเป็นคนที่ทำให้หัวใจกูเต้นได้ทุกวันนะ...”



ผมว่าจะหยุดแล้ว ข้าวเล่นพูดแบบนี้...แล้วผมจะทนไหวได้ยังไงกันล่ะ







♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦


นกตัวจริงชื่อว่าเขียน... ส่วนคนกินข้าวจนอิ่มก็ชื่อว่าฉาง...

ไม่เป็นไรนะเขียน พอเป็นเรื่องความรัก ใครๆ ก็โง่ได้ทั้งนั้นแหละเนอะ

: )
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเจ็ด| - 12.12.2017 p.21
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 12-12-2017 00:46:27
 :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเจ็ด| - 12.12.2017 p.21
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 12-12-2017 01:50:58
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเจ็ด| - 12.12.2017 p.21
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 12-12-2017 02:08:25
 :laugh: :laugh: :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเจ็ด| - 12.12.2017 p.21
เริ่มหัวข้อโดย: nutipkra ที่ 12-12-2017 05:41:54
 :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเจ็ด| - 12.12.2017 p.21
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-12-2017 06:19:36
ชอบนะ   นกตัวจริงชื่อว่าเขียน... ส่วนคนกินข้าวจนอิ่มก็ชื่อว่าฉาง...
เขียนรู้ตัวว่าชอบข้าวก็สายเสียแล้ว  :mew2:

เพียวนี่แปลกจริงๆ ชอบกรุ้มกริ่ม หว่านเสน่ห์ใส่ข้าว
แต่ดูเพียวชอบข้าวอย่างจริงใจ
กับฟิวเจอร์เหมือนไม่ใช่คนที่เพียวชอบจริงๆ
        :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเจ็ด| - 12.12.2017 p.21
เริ่มหัวข้อโดย: baibuabuaz ที่ 12-12-2017 06:45:26
อิ่มจนจุกเลยมั้ยฉาง :hao6:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเจ็ด| - 12.12.2017 p.21
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 12-12-2017 10:50:42
เพียวไม่ได้ชอบแกล้งข้าวอย่างเดียวนะ ชอบแกล้งฉางด้วย5555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเจ็ด| - 12.12.2017 p.21
เริ่มหัวข้อโดย: 0% ที่ 12-12-2017 16:18:54
จัดให้เขียนสักคนที สงสารนาง
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเจ็ด| - 12.12.2017 p.21
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 12-12-2017 16:26:17
ตกลงเพียวกับฟิวเจอร์นี่ยังไง หืมมม
ฉางๆ อย่ากินข้าวเยอะ 555555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเจ็ด| - 12.12.2017 p.21
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 12-12-2017 18:45:21
ต้องจัดตอนพิเศษฟิวเจอร์กับเพียวสักตอนนะคะ เรื่องสองคนนี้มันทุ้มอยู่ในใจจังเลยค่ะ :hao7:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเจ็ด| - 12.12.2017 p.21
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 12-12-2017 19:10:37
 :m4: :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเจ็ด| - 12.12.2017 p.21
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 12-12-2017 20:13:30
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเจ็ด| - 12.12.2017 p.21
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 12-12-2017 20:33:26
ก็แอบสงสารเขียนแฮะ ต่อไปคงจะได้เจอคนดีๆเองนั่นแหละ *ตบบ่า*
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเจ็ด| - 12.12.2017 p.21
เริ่มหัวข้อโดย: LoveLight ที่ 12-12-2017 22:04:33
ง่อววววววเขินนนนนน แต่ข้าวน่าแกล้งจริงนั่นแหละ   :-[ :o8:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเจ็ด| - 12.12.2017 p.21
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 12-12-2017 22:43:10
อยากเขินแทนข้าว ฉางทำดีๆ จุ๊บๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเจ็ด| - 12.12.2017 p.21
เริ่มหัวข้อโดย: theindiez ที่ 13-12-2017 02:58:31
ฮรืออ เขินไปอี้กกกก
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเจ็ด| - 12.12.2017 p.21
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 13-12-2017 04:37:20
ข้าวน่าแกล้ง ใครๆก็เลยแกล้ง,,,
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเจ็ด| - 12.12.2017 p.21
เริ่มหัวข้อโดย: full ที่ 13-12-2017 10:24:46
ข้าวน่ารักแบบนี้ไงถึงโดนแกล้งอยู่กะฉางก็ยิ่งน่ารัก :o8:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเจ็ด| - 12.12.2017 p.21
เริ่มหัวข้อโดย: adoralula ที่ 14-12-2017 01:58:41
เพียวกับฟิวเจอร์ต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ เลย
เหมือนเพียวแกล้งให้ฟิวเจอร์หึงด้วย
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเจ็ด| - 12.12.2017 p.21
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 14-12-2017 05:29:22
ขอถามเล่นๆ ข้อนึง จับเอาอัลฟ่ามาคู่กับเขียนได้ปะ  :m17:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเจ็ด| - 12.12.2017 p.21
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 14-12-2017 07:00:50
 :heaven
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเจ็ด| - 12.12.2017 p.21
เริ่มหัวข้อโดย: Namshine ที่ 15-12-2017 06:58:26
เห็นใจเขียน จัดให้นางสักคนได้ไหมคะ555 :hao6:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเจ็ด| - 12.12.2017 p.21
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 15-12-2017 16:37:55
จ้าาา ฉางกินอิ่ม นอนหลับนะ 

น่ารักดีค่ะ ฉางหาเรื่องทำโทษข้าวตลอด
ข้าวก็เหมือนขัดขืนไปงั้น 5555

เพียวฟิวเจอร์ คือที่บ้านไม่ปลื้มหรอ แต่เชื่อว่า ฟิวเจอร์เคลียร์ได้

หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบแปด| - 18.12.2017 p.22
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 18-12-2017 00:05:32
28



 “ข้าวพร้อมรึยัง”



“แป๊บๆ มึงว่ามันโอเครึยังอ่ะ”



“...ข้าวจะใส่ชุดไหนก็น่ารักอยู่ดี”



“ไม่ใช่สิ ครั้งนี้กูไปหาแม่มึงนะ”



“จะใส่แบบไหนแม่ผมก็ไม่ว่าหรอก ตัวนี้ก็น่ารักแล้วข้าว”



“อย่างน้อยก็ต้องดูดีสักหน่อยสิ โอเคแล้วจริงนะ กูต้องเซ็ตผมมั้ย”



ไอ้ฉางหัวเราะเบาๆ เมื่อผมพูดจบ นี่กูเครียดอยู่นะจะหัวเราะทำเพื่อ



วันนี้ผมมีนัดกับไอ้ฉางว่าจะไปบ้านมัน เพราะหลังจากผ่านเรื่องวุ่นวายคราวนั้นมาจนถึงช่วงสอบปลายภาคเสร็จ พวกผมถึงค่อยมีเวลาว่างพักหายใจกันจริงๆ จังๆ ฉางถึงได้ชวนผมไปพบกับแม่ของมันบ้าง อันที่จริง มันดูไม่ซีเรียสกับเรื่องนี้เท่าไหร่ ปล่อยเวลาผ่านไปจนกระทั่งมันมาบอกว่าแม่มันอยากเจอ



ถึงได้มาลงเอยเช่นนี้



ผมตื่นแต่เช้ามาเลือกชุดที่คิดว่าตัวเองใส่แล้วจะดูดีที่สุด เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาจนไอ้ฉางตื่นแล้วผมก็ยังเลือกไม่เสร็จ ทว่าใกล้ได้เวลาแล้ว...ผมคงต้องยินยอมพร้อมใจไปกับชุดที่ใส่ล่าชุดนี้ เสียแต่คนมันไม่มั่นใจ ทำอย่างไรมันก็ไม่มั่นใจไง



“ข้าวเป็นตัวของตัวเองเถอะ”



สิ้นเสียงไอ้ฉาง มันเอื้อมมือมาลูบหัวผม ขยี้จนทรงผมที่จัดไว้ก่อนหน้านี้เละไม่เป็นท่าจนนึกหงุดหงิด แต่เอาเถอะ...ผมไม่มั่นใจ แต่ถ้าไอ้ฉางโอเคผมก็โอเค



หลังกินข้าวเสร็จเรียบร้อย เราออกเดินทางกันในช่วงบ่าย



โดยมอเตอร์ไซค์ไอ้ฉางนั่นแหละ...อย่างที่มันเคยว่า บ้านมันอยู่ในเมือง ไม่ได้ไกลมากเกินกว่าจะขับไปไม่ไหว แต่ก็ใช้เวลาเล็กน้อย ผมเคยถามมันอยู่เหมือนกันว่าทำไมไม่ขับรถยนต์ แม้อาจจะต้องทนรถติด แต่น่าจะสะดวกกว่า มันจะได้ใช้รถขนพวกอุปกรณ์ตัดโมเดลอะไรของมันได้ด้วย



ไอ้ฉางตอบกลับมาด้วยคำตอบที่ผมคาดไม่ถึง...คือมันให้ในรถเป็นสถานที่ที่ไม่มีคน และพอไม่มีคนถ้ามันง่วงมันจะหลับ... พอคิดว่ามีสิทธิ์เป็นไปได้สูงว่ามันจะหลับกลางสี่แยกก็เลยไม่คิดจะแนะนำรถยนต์ให้มันอีก...แต่ดูท่าผมคงต้องลองหัดขับรถสักวัน



ฉางขับเข้ามาในย่านที่อยู่อาศัย เลี้ยวเข้าซอยเล็กไปเรื่อยๆ บ้านคนเริ่มเรียงรายจนผมรับรู้ว่าคงใกล้ถึงที่หมายแล้ว จนกระทั่งไอ้ฉางหยุดรถพร้อมกับจับมือผมที่เกาะเอวมัน



ตอนนั้นผมถึงได้รู้ว่าผมเกร็งขนาดไหน



สองมือที่เกาะเอวมันของผมแทบจิกทะลุเสื้อมัน ไม่รู้ตัวเลยจนกระทั่งมันเอื้อมมือมาลูบเบาๆ นั่นแหละ



ถึงไอ้ฉางจะบอกว่าไม่เป็นไร ไม่ต้องห่วง แต่มันก็อดไม่ได้อยู่ดี ถ้าแม่ฉางไม่ชอบผมจะทำยังไง ถ้าคนในครอบครัวมันต้องผิดหวังในตัวมันเพราะผมจะทำยังไง ความคิดประมาณนี้วนเวียนอยู่ในหัวไม่หยุด



“ข้าว...ถึงแล้วนะ”



“อือ” ผมครางในลำคอรับรู้ รู้ตั้งแต่ไอ้ฉางจอดรถแล้ว มันจอดมอเตอร์ไซค์เทียบรั้วบ้านสีขาวหลังหนึ่งก่อนดับเครื่อง สัญญาณที่เกิดมากเพียงพอที่จะทำให้รู้ว่านี่คือบ้านได้ฉาง



ฉางขยับตัวมาถอดหมวกกันน็อคให้ผมระหว่างที่ตัวเองกำลังปล่อยเหม่อ ส่งยิ้มมาให้พร้อมกับเปิดประตูรั้วบ้าน เดินนำเอามอเตอร์ไซค์เข้าไปเก็บ ผมเดินตามมันไปเงียบๆ สอดส่องส่วนหน้าบ้านของมันไปพลาง



บ้านไอ้ฉางแม้ส่วนรั้วภายนอกจะดูเหมือนบ้านหลังอื่นๆ ทว่าตัวบ้านกลับดีไซน์จัด บ้านสองชั้นสไตล์โมเดิร์น ตัดเฉือนรูปทรงออกมาอย่างเฟี้ยวทว่าลงตัว ไม่ค่อยเห็นบ้านรูปทรงเช่นนี้เท่าไหร่ ลานจอดรถเป็นพื้นคอนกรีตเรียบขนาบข้างด้วยสนามหญ้าเล็กๆ และม้านั่งตั้งอยู่ พร้อมกับต้นไม้ขนาดกลางที่ผมดูไม่ออกว่าเป็นต้นอะไรอีกสองสามต้น ประดับด้วยพุ่มไม้และดอกไม้อย่างสวยงาม



ผมเหลือไปเห็นก้อนขนสีส้มที่นั่งขดตัวอยู่บนม้านั่งสไตล์โมเดิร์นในสวน...



อ่า...ไอ้แมวฉาง...



นี่ที่ประจำมันสินะ?



ดูเหมือนไอ้ฉางเองก็สังเกตเห็นแมวมันเหมือนกัน ไม่รอช้ามันเดินไปตามบล็อกหินที่ปูเป็นทางเดินบนสนามหญ้าสีเขียว ตรงไปทางแมวสุดรักก่อนหยิบมันขึ้นมาอุ้ม แล้วเดินกลับมาหาผม



“ไปยัง”



ผมพยักหน้าส่งให้เป็นเชิงบอกให้มันเดินนำไปเลย ฉางอมยิ้ม เอื้อมมือที่ไม่ได้อุ้มแมวไว้มาจับผม จูงเข้าไปยังตัวบ้าน...



จะว่าไงดี บ้านมันตกแต่งสวยจนรับรู้ได้ถึงความรสนิยมดีของคนในบ้านเลยอ่ะ ทุกอย่างในบ้านดูได้รับการคิดมาอย่างละเอียดอ่อน ขนาดเสา วัสดุปูพื้นผนัง ลูกเล่นดีเทลเล็กๆ ตามจุด รวมไปถึงการใช้สี โคตรน่าอยู่อ่ะบอกเลย



ระหว่างที่ชื่นชมความงามของบ้านมันอยู่ในใจไอ้ฉางก็พาผมเข้ามาถึงกลางบ้านเสียแล้ว ในบ้านเย็นกว่าที่คิด ไม่รู้เพราะเปิดหน้าต่างเพื่อให้ลมผ่านหรือเพราะพื้นหินอ่อนที่ช่วยเสริมความเย็นนี้กันแน่ ไม่ก็อาจจะทั้งคู่



มันพาผมมานั่งส่วนที่คิดว่าจะไว้ใช้รับรองแขก ผมนั่งบนโซฟาสีขาวตัวใหญ่ จ้องภายในบ้านไปรอบๆ อีกครั้ง ภายนอกว่าสวยแล้ว ภายในก็สวยไม่แพ้กัน ทุกอย่างดูลงตัวไปหมดจนผมรู้สึกดี อย่างกับอยู่ในบ้านตัวอย่าง พลันคิดว่า...ไอ้ฉางนี่คงรวยไม่เบา



“เดี๋ยวผมไปตามแม่มาแป๊บนึง ข้าวเล่นกับฉางไปก่อนนะ”



มันบอกขัดขึ้นมาก่อนจับแมวฉางให้มานอนข้างๆ ผม ไม่วายลอบหอมแก้มตอนที่ผมกำลังเผลอ ใช้จังหวะช่วงที่ผมจ้องมองแมวส้มช่วงชิงแก้มของผมไป ผมอยากจะด่ามันจริงๆ... ในบ้านมึงก็ไม่เว้นนะ



ในระหว่างที่ผมนั่งรอไม่กล้าลุกออกไปไหน ได้แต่มองไปรอบๆ ตัวอย่างชื่นชมในรสนิยมคนออกแบบ สลับกับลูบหัวแมวส้มที่ไม่ค่อยได้เจอมานาน แล้วไอ้ฉางก็กลับมาพร้อมกับผู้เป็นแม่



ผมลุกขึ้นยืนตัวตรงแทบทันที ยกมือไหว้แม่ของไอ้ฉางอย่างที่คิดว่าสวยที่สุดแล้วในชีวิต



“แม่ นี่ข้าว”



“สวัสดีค่ะ ขอโทษทีนะแม่ไม่ได้ออกไปต้อนรับ มัวแต่ยุ่งอยู่”



“ยุ่งอะไร แม่แค่ติดละครอ่ะ”



“แม่ทำงานค่ะ!”



“ก็เห็นอยู่ว่าดูทีวี”



“ก็ดูไปทำงานไปไง”



“เลยปล่อยให้ข้าวรอเลย”



“แม่ก็ขอโทษแล้วนี่ไง ไม่คิดว่าจะมากันเร็วขนาดนี้ ข้าวรอนานไหมคะ”



ผมมัวแต่มองไอ้ฉางกับแม่เถียงกันจนสะดุ้งเมื่อคำถามวกกลับเข้ามาที่ตัว



“ไม่นานเลยครับ เอ่อ...คือ...”



ผมพยายามที่จะต่อบทสนทนาต่อ แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มยังไงดี



“แล้วนี่ทานข้าวมากันหรือยังคะ"



“เรียบร้อยแล้วครับ”



“อิ่มกันไหม แม่มีขนมเพียบเลยนะ เอามากินกันก็ได้”



“เอ่อ...คือ...”



ผมไม่รู้จะปฏิเสธดีไหม ตอนนี้ไม่ได้หิวแต่ก็ไม่ได้อิ่มจัด เพียงแต่คิดว่าไม่ควรปฏิเสธผู้ใหญ่เท่านั้นเอง



“งั้นเดี๋ยวผมพาข้าวไปดูขนมนะ”



“เชิญเลยลูก ตามสบายนะ ขอโทษนะข้าว แม่ชวนมาแท้ๆ แต่ดันมีงานเข้าซะนี่”



“ม...ไม่เป็นไรครับ”



“งั้นฉางดูแลข้าวด้วยนะ ตอนเย็นอยู่ทานข้าวด้วยกันนะลูก เดี๋ยวแม่ต้องรีบไปทำงานต่อ”



“โฆษณาจบแล้วล่ะสิ”



“เอ๊ ลูกคนนี้นี่”



ฉางหัวเราะขำ เมื่อคุณแม่ของฉางเอ่ยบอกให้ไปพักผ่อนและขอตัวไปทำงานอย่างที่ว่า ไอ้ฉางก็เดินมาทางผม จับข้อมือให้ผมลุกขึ้น จูงผมไปยังอีกส่วนของบ้านที่คิดว่าคงเป็นโซนครัว มันเปิดตู้นู่นนี่อย่างคล่องแคล่ว หยิบเอาขนมมากองไว้บนโต๊ะกลาง



“ฉาง...กูกินไม่หมดหรอกนะ”



“งั้นเหรอ...งั้นข้าวเลือกเลยอยากกินอะไร อ๊ะ หิวน้ำมั้ย”



มันว่าพร้อมกุลีกุจอไปยังที่กดน้ำ หยิบแก้วน้ำข้างๆ ออกมาอย่างคล่องแคล่ว ก่อนยกแก้วน้ำมาเสิร์ฟผม โดยที่ตัวผมเองได้แต่ยืนเป็นง่อยอยู่อย่างนั้น ไม่ชินเอาเสียเลย



ผมรับน้ำมันมาดื่ม ก่อนชี้ถุงขนมบนโต๊ะแบบสุ่มๆ มาหนึ่งซอง โลโก้ขนมไม่ค่อยคุ้นตา ดูท่าจะเป็นของนอก



ไอ้ฉางรวบรวมขนมถุงที่เหลือเก็บเข้าตู้ ก่อนดื่มน้ำบ้าง



“ข้าวไปห้องผมมั้ย”



“...ให้กูเดินดูบ้านมึงด้วยได้มั้ย”



“ได้สิ งั้นเอาขนมไปไว้ห้องผมก่อนแล้วผมจะพาทัวร์นะ” มันว่าพร้อมรอยยิ้มเจิดจ้าเหมือนเด็กอวดของเล่น บางครั้งผมก็คิดว่าไอ้ฉางมีความคิดที่บริสุทธิ์เสียเหลือเกิน แต่ก็ต้องปฏิเสธความคิดนั้นแทบทันทีเมื่อนึกถึงเรื่องต่างๆ ที่มันเคยกระทำกับผมไว้... ถ้าเปรียบมันเป็นเด็กวัยซนๆ ใสๆ แล้วล่ะก็ อย่างไอ้ฉางน่าจะได้อยู่ในไทป์เด็กเปรต



เราทำตามแผนการของไอ้ฉาง มันพาขึ้นห้องนอนมันที่อยู่ชั้นสอง ห้องมันกว้างขวาง ตกแต่งด้วยโทนสีน้ำตาล เฟอร์นิเจอร์โมเดิร์นทันสมัย มีหน้าต่างบานใหญ่หนึ่งบานฉายวิวข้างนอกที่เป็นต้นไม้ในสวน ทำให้แสงที่เข้ามาในห้องของมันผ่านผิวใบไม้ ตกกระทบลงมาเป็นเงาตามรูปร่างกิ่งก้านและใบอย่างสวยงาม อุณหภูมิห้องไม่ร้อนเกินไปเพราะมีต้นไม้คอยกั้นแสง ทั้งยังมีความส่วนตัวอีกด้วย เวลาทำงานที่ต้องใช้สายตาบ่อยๆ การได้หันออกไปนอกหน้าต่างคงช่วยได้ไม่น้อย ต้นไม้นี่ช่วยอะไรได้หลายอย่างจริงๆ



ห้องนอนไอ้ฉางมีห้องน้ำในตัว ห้องน้ำขนาดกลางไม่เล็กไม่ใหญ่ มีอุปกรณ์ครบครันทั้งฝักบัว อ่างล้างหน้า ชักโครก โถปัสสาวะรวมไปถึงอ่างอาบน้ำ ที่จัดสรรพื้นที่ข้างในได้อย่างลงตัว



มันพาเดินดูชั้นสองของบ้านอีกสักพัก ที่ประกอบด้วยห้องนอนของมัน ห้องนอนพ่อแม่ ห้องนอนแขก ห้องนั่งเล่นรวมเล็กๆ และห้องทำงานของพ่อ ลงมาชั้นล่างที่ประกอบไปด้วยห้องรับแขก ถัดจากห้องนั้นก็เป็นห้องนั่งเล่น ห้องทานข้าวที่อยู่ติดกับโซนครัว มีห้องทำงานของแม่อยู่ตรงข้ามห้องนั่งเล่น



ผมอยากจะสาธยายความงามของบ้านหลังนี้ให้หมดทุกมุมมาก แต่เกรงว่าจะเป็นการขายบ้านไปเสียมากกว่า



“บ้านมึงนี่สวยนะ”



“จริงหรือ ขอบคุณนะข้าว”



“อย่างกับบ้านในหนังหรือบ้านตัวอย่างขายเลย”



“ถ้านพได้ยินต้องดีใจมากแน่เลย”



“ใครคือนพ? คนออกแบบเหรอ”



“ใช่แล้ว พ่อผมเอง”



ผมแทบสำลักน้ำลาย ทำไมมึงเรียกชื่อพ่อมึงเฉยๆ อย่างนั้นกันวะ เลยเผลอเรียกตามไปด้วยเลยเนี่ย



“ทำไมมึงไม่เรียกว่าพ่อเล่า ไอ้บ้า”



“ก็นพก็คือนพนี่”



“ไม่ใช่พ่อแท้ๆ เหรอ?”



“พ่อแท้ๆ แค่ผมอยากเรียกว่านพ”



ผมจนปัญญาจะหาคำเถียงมันให้ปวดประสาทมากขึ้น จึงเปลี่ยนประเด็น “แล้วพ่อมึงเป็นสถาปนิกเหรอ”



“ใช่แล้ว บ้านหลังนี้นพก็รีโนเวทเอง”



“อ้อ...แล้วตอนนี้พ่อมึงอยู่ไหนแล้วล่ะ”



“ทำงานมั้ง ไม่รู้เหมือนกัน ผมไม่ค่อยได้เจอเท่าไหร่ บริษัทสถาปนิกทำโอทีหนักไม่ต่างจากตอนเรียนนักหรอก”



“...ฟังดูน่าสยองเป็นบ้า”



ผมนั่งคุยกับไอ้ฉางไปเรื่อยเปื่อยที่สวนหน้าบ้านมัน แมวฉางตอนนี้กระโดดขึ้นไปนั่งบนรั้วบ้านก่อนฝังตัวอยู่อย่างนั้นราวกับรูปปั้น วันนี้แดดไม่ร้อนเท่าไหร่ทำให้พวกผมนั่งรับลมกันได้อย่างสบายๆ



“ฉาง อยู่นี่เอง แม่นึกว่าไปอยู่บนห้อง มานั่งตรงนี้ไม่ร้อนกันเหรอ”



“ไม่เลย วันนี้แดดไม่ร้อน ลมเย็นด้วย”



“อ้อ แม่จะมาบอกว่าเดี๋ยวพ่อจะมาทานข้าวด้วยนะคะ”



“เอ๊ะ...งั้นเหรอ ลางานได้เหรอ”



“พอแม่บอกว่าฉางจะทำข้าวเย็น พ่อก็บอกจะมาเสียตอนนี้เลย”



“แม่ ผมไม่ได้บอกว่าจะทำสักหน่อย”



“หน่า ฉางก็รู้ว่าพ่อชอบข้าวฝีมือฉาง”



“แม่ไม่ถามผมเลย ผมอยากอยู่กับข้าวอ้ะ”



“งั้นให้ข้าวมามาช่วยด้วยสิคะ”



“ไม่เอาอ่ะ ผมเขิน”



“...”



ทั้งผมทั้งแม่มันต่างพูดไม่ออกกันชั่วครู่ จนสุดท้ายเป็นไอ้ฉางที่ยอมเอ่ยบอกว่าจะทำให้ก็ได้ แต่แม่ต้องเฝ้าดูแลผมดีๆ อย่าให้ใครมารังแก กูถามหน่อยเถอะ อยู่ในบ้านมึงนี่จะมีใครมารังแกได้อีก ยุงหรือไง



ตอนนี้เกือบบ่ายสี่แล้ว แม่ฉางบอกว่าทำงานเสร็จแล้วจึงมานั่งคุยกับผมได้ แต่ฉางขัดมาว่าเพราะละครจบแล้วหรอกแม่ถึงยอมมา ถึงจะขัดใจที่มันชอบจิกกัดแม่มัน แต่ผมว่ามันก็เป็นอะไรที่ดูสนิทสนมกันดีเหมือนกัน



พอสี่โมงครึ่ง ไอ้ฉางลุกออกไปทำข้าวเย็นอย่างที่ได้รับปากไว้ ส่วนผมก็นั่งคุยกับแม่ เริ่มไม่เกร็งแล้วเพราะแม่ฉางใจดี คุยง่าย นิสัยต่างจากไอ้ฉางลิบลับ แถมชวนคุยเก่ง แม่บอกว่ารู้เรื่องผมกับฉางนานแล้ว เพียงแต่ฉางไม่ยอมพามาโชว์ตัวแฟนคนแรกสักที กล่อมมาตั้งนานกว่าไอ้ฉางมันยอมพาผมมา...



ผมไม่รู้ว่าไอ้ฉางมีเหตุผลอะไรที่ต้องไม่อยากพาผมมาที่บ้านรึเปล่า



รู้แค่แม่แพรวชมผมว่าหล่อ...ผมก็พอใจแล้ว





ผมได้รู้อีกว่าแม่ฉางหรือแม่แพรวทำอาชีพเป็นแฟชั่นดีไซน์เนอร์ รับออกแบบเสื้อผ้า ตัดชุดต่างๆ จริงๆ มีแบรนด์ของตัวเองด้วยแต่ให้ลูกน้องจัดการหน้าร้านไป ส่วนตัวเองคอยทำงานใหญ่ๆ อยู่เบื้องหลัง แต่บางทีก็ต้องไปออกงานค้างคืนบ้างประมาณนี้ ส่วนพ่อนพทำงานเป็นสถาปนิกอย่างที่ว่า ครอบครัวไอ้ฉางนี่มันเป็นศิลปินกันทั้งบ้าน ผมว่ามันเจ๋งดี



ในระหว่างที่กำลังคุยกับแม่แพรวนั้น จู่ๆ ผู้ชายคนหนึ่งก็เข้ามา ผมคาดว่าคงหนีไม่พ้นพ่อนพ จึงรีบลุกยืนตัวตรงยกมือไหว้



“ไหนๆ ไอ้ฉางกลับบ้านเหรอ ไหนข้าวเย็น”



“นี่ไงข้าว”



แม่แพรวเป็นคนตอบก่อนชี้มาทางผม แม่...เล่นมุกนี้ก็ได้เหรอ



“โอ๊ะ ข้าว? แฟนฉางงั้นเหรอ”



“ใช่แล้วค่ะ”



“ยอมพามาสักทีนะ ทีแรกนึกว่าคุณอำผมเล่น ว่าไงข้าว หิวรึยัง ไปเร่งไอ้ฉางกัน”



ผมไอ้แต่ยิ้มแฮ่ๆ ให้พ่อฉางอย่างไม่รู้จะตอบอะไรกลับไปดี จนสุดท้ายทุกคนตกลงกันว่าจะไปแอบดูไอ้ฉางในครัว ผมเลยต้องเดินตามมาอย่างช่วยไม่ได้



เสียแต่แอบยืนจ้องไอ้ฉางไม่ทันไรมันก็หันมาเจอ พอเห็นหน้าพ่อตัวเองไอ้ฉางก็โวยวายทันที



“ข้าว! ข้าวออกมาจากนพเลยนะ อย่าเข้าใกล้ แม่อ่ะผมบอกแล้วว่าให้ดูแลข้าวดีๆ”



“เอ๊ะ ไอ้นี่ กูยังไม่ได้ทำอะไรแฟนมึงเลย”



“แม่ๆ นพพูดไม่เพราะอ่ะ”



คุณแม่แพรวหัวเราะขำก่อนตีพ่อนพไปหนึ่งทีเบาๆ



“นพออกมาห่างๆ จากข้าวเลย ไม่งั้นผมไม่ให้นพกินนะ”



“โวะ อะไรวะ” พ่อมันบ่นอุบแต่ก็ยอมถอยห่างออกมาจากผมเล็กน้อย ผมยิ้มให้กับครอบครัวตรงหน้า คิดว่าเป็นครอบครัวที่ออกประหลาดนิดหน่อยแต่ก็อบอุ่นเป็นบ้า



พลันน้ำตาก็ตีรื้นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่



ผมรีบขอตัวออกไปข้างนอก อ้างว่าจะไปเอาแมวฉางเข้ามา วิ่งออกยังสวนหน้าบ้านก่อนหลบเข้าโรงจอดรถ ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาช้าๆ ผมปาดน้ำตาทิ้ง ไม่ได้ร้องไห้สะอึกสะอื้น เพียงเพราะภาพครอบครัวตรงหน้าของไอ้ฉางกระตุกเรื่องในใจของผมมากเกินไป



ผมไม่มีพ่อแล้ว...บ้านหลังเดิมที่เคยอยู่ก็ไม่เหมือนเดิมเมื่อแม่ต้องเข้าโรงพยาบาลบ่อยๆ บรรยากาศครอบครัวพ่อแม่ลูกเมื่อครั้นยังเยาว์วัยตอกย้ำให้ผมคิดถึงจนแสนสาหัส



ผมคิดถึงพ่อ...



คิดถึงครอบครัวของผม ได้แต่คิดว่าถ้าได้กลับไปอยู่อย่างเมื่อก่อนได้ก็คงจะดี



บอกตัวเองอีกครั้งว่าคนเราย้อนอดีตไม่ได้ ผมปาดน้ำตาหยาดสุดท้ายออก ก่อนหมุนตัวกลับมา ตั้งใจจะรีบไปหาแมวฉางอย่างที่บอกไว้ กลัวว่าถ้าใช้เวลานานทุกคนอาจจะสงสัยเอา



ทว่าผมกลับหันไปเจอไอ้ฉางพร้อมไอ้ฉางในมือ



มันวางแมวฉางลงก่อนเดินมาหาผม ไม่ทันให้ผมได้เอ่ยอะไรออกไป อ้อมกอดอุ่นๆ ก็สวมทับเข้ามาเต็มอ้อมแขน



“ผมอยู่ตรงนี้...” มันกระซิบ กระตุกต่อมน้ำตาผมให้ไหลออกมาอีกครั้ง



“กู...”



“ไม่เป็นไรนะข้าว”



“กูคิดถึงพ่อ...” ผมบอกกับมันก่อนปล่อยให้ตัวเองร้องไห้สะอื้นตัวโยน ที่ผ่านมาหลังจากพ่อเสีย ผมไม่ได้สัมผัสคำว่าครอบครัวมานานจนเกินไป กลายมาเป็นความชินชาที่คิดว่าตัวเองต้องอยู่ได้ในสภาวะเช่นนี้ แต่พอมาเห็นภาพครอบครัวสุขสันต์ของไอ้ฉางตรงหน้าก็อดคิดถึงตัวเองขึ้นมาไม่ได้



ผมไม่มีพ่อแล้ว และกำลังจะเสียแม่ไป...



ต่อให้อยากมีความทรงจำร่วมกับครอบครัวเช่นนี้มากแค่ไหนก็ทำไม่ได้แล้ว จึงได้แต่คะนึงหาความทรงจำเก่าๆ  ความคิดถึงและความเศร้าทั้งมวลกลั่นตัวออกมาเป็นน้ำตา ไอ้ฉางคอยกอดผมอยู่อย่างนั้นจนผมหยุดร้อง มันเช็ดน้ำตาให้ผมเบาๆ ไม่ได้พูดปลอบใจหรือให้กำลังใจ เพียงแต่...ฝ่ามืออุ่นๆ จากมันที่คอยสัมผัสผมไม่ปล่อยก็มากพอแล้ว



“เข้าไปข้างในเถอะ...เดี๋ยวพ่อแม่มึงรอ”



“อื้ม คราวนี้ผมทำต้มข่าไก่ตามสัญญาแล้วนะ”



ผมยิ้มให้มัน ก่อนเข้าไปพบเจอผู้ใหญ่ทั้งสองท่านอีกครั้ง เอ่ยขอโทษที่ทำให้เสียเวลา แน่นอนไม่มีใครต่อว่าผมเลยสักนิด และหลังจากนั้นพวกเราก็เริ่มรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน



XXVIII



ผมตกใจเล็กน้อยที่จู่ๆ ข้าวก็ค่อยๆ แอบย่องหายไปอย่างนั้น รีบเอ่ยบอกให้แม่มาสานหน้าที่ต่อก่อนขอออกไปดูข้าว ข้าวคิดถึงพ่อ...และคงคิดถึงครอบครัวตัวเอง ผมเสียใจที่อาจจะเป็นต้นเหตุที่ทำให้ข้าวร้องไห้ แต่ผมปลอบใจไม่เก่ง ได้แต่ยืนอยู่ข้างๆ เขา หมายจะบอกว่านับแต่นี้ข้าวจะมีผมเป็นครอบครัว



ในระหว่างมื้อเย็น นพเอาแต่ถามซอกแซกเรื่องข้าว ผมอยากให้ข้าวไม่ต้องตอบมากเลย แต่ข้าวใจดี ยอมตอบคำถามนพหมดเลย ข้าวไม่รู้หรอกว่าผมกับนพมีรสนิยมคล้ายๆ กัน ถ้าผมชอบข้าว นพก็ต้องชอบข้าว



เพราะอย่างนั้นถึงไม่อยากให้มายุ่งเลย นพชอบใครแล้วชอบทำนิสัยแปลกๆ ใส่ ผมกลัวว่าข้าวจะรับมือไม่ได้



จนค่ำ แม่เอ่ยชวนให้ผมนอนค้างคืนเสียบ้าง ไหนๆ วันพรุ่งนี้พวกผมก็ไม่มีเรียนกันอยู่แล้ว ผมจึงถือโอกาสชวนข้าวค้างบ้านผมเสียเลย แม่บอกจะเตรียมห้องแขกไว้ให้แต่ผมปฏิเสธลั่น ข้าวต้องนอนกับผมสิ ถ้าต้องนอนแยกกับข้าวจะมีความหมายอะไร



และตอนนี้ ผมกำลังรอข้าวอาบน้ำอยู่...เตรียมชุดใส่นอนให้ข้าวอย่างที่ตัวเองคัดสรรมาดี ข้าวชอบนอนใส่กางเกงวอร์มขายาว แต่ครั้งนี้ผมเตรียมเสื้อตัวโคร่งให้พร้อมกับกางเกงสั้นที่เคยใส่สมัยมัธยม



เมื่อข้าวออกมาจากห้องน้ำ ผมแทบขาดใจ น่ารักกว่าที่คิดไว้อีก



ผมรีบจัดการทำธุระของตัวเองบ้าง อยากชวนข้าวอาบน้ำด้วยกันอีกแต่ข้าวปฏิเสธเสียงแข็ง อุตสาห์เอาอ่างอาบน้ำมาล่อข้าวก็ไม่ยอม แต่ผมเชื่อว่าสักวันหนึ่งผมต้องกล่อมข้าวจนได้



เรานอนคุยกันสักพักก่อนจะปิดไฟเตรียมเข้านอนในช่วงเที่ยงคืนกว่าๆ ข้าวในชุดของผมน่ารักจนแทบจะทนไม่ไหว แน่นอนเมื่อห้องมืดสนิท ผมไม่รอช้าขยับตัวเข้ากอดคนตัวหอมพร้อมรุกล้ำเข้าอาณาเขตหวงห้าม



“ไอ้สัด...หยุดเลย นี่บ้านมึงนะ”



“บ้านผมเก็บเสียงดีกว่าที่หอข้าวอีกนะ”



“ไอ้เหี้ย จัญไรสัด ปล่อยเลยนะ มึงปล่อยเลย ทำอะไรเกรงใจพ่อแม่มึงบ้าง”



“เรื่องปกติออกข้าว” ผมว่าก่อนเลื่อนมือลงไปยังกางเกงขาสั้น ควาญเข้าไปในขากางเกง บีบขยำเนื้อแน่นพร้อมเลื่อนไปไล่หาต้นข้าวน้อย



“ฉางมึงหยุด! กูไม่ทำนะ จริงจังมากด้วย”



“...นิดเดียวก็ไม่ได้เหรอ”



“ไม่ได้โว้ย นี่มันที่ไหนไอ้บ้า หัดดูสถานที่ซะบ้าง”



“บ้านผมก็ออกจะส่วนตัว”



“แต่กูไม่ส่วนตัวกับมึงด้วยนี่...ปล่อยเลย”



“...นิดนึงนะข้าว...นะ”



ไม่ว่าเปล่า ผมเจอต้นข้าวน้อยแล้ว กอบกุมมันไว้ในอุ้งมือก่อนขยับรูดรั้ง รังแกมันซึ่งๆ หน้า



ข้าวเริ่มติดกับผมแล้ว...ผมรู้ว่าข้าวปฏิเสธผมไม่ได้หรอก ในเมื่อข้าวสัมผัสไวต่อมือผมขนาดนี้ ข้าวตัวอ่อนราวกับขี้ผึ้งรนไฟทุกทีเวลาผมจับส่วนโน้นส่วนนี้ แน่นอน...ผมใช้จุดอ่อนตรงนี้เป็นตัวคุมเกม



“นิดเดียวนะ...”



จนสุดท้ายข้าวก็ยอมจนได้...โดยที่ข้าวผู้น่าสงสารคงไม่รู้เลยว่า นิดเดียวของผมกับของเขามันต่างกัน...





                                                                      ♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦



หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบแปด| - 18.12.2017 p.22
เริ่มหัวข้อโดย: EARTHYSS :) ที่ 18-12-2017 00:18:39
หวงแม้กระทั่งพ่อตัวเอง บ้านนี้มันติสท์แตกกันดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบแปด| - 18.12.2017 p.22
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-12-2017 00:30:19
ฉางหื่นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน  :hao6:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบแปด| - 18.12.2017 p.22
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 18-12-2017 00:34:37
บรรยากาศน่ารักมากๆๆ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบแปด| - 18.12.2017 p.22
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 18-12-2017 01:02:48
ข้าวแพ้ตลอด
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบแปด| - 18.12.2017 p.22
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 18-12-2017 01:46:55
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบแปด| - 18.12.2017 p.22
เริ่มหัวข้อโดย: sripaerrr ที่ 18-12-2017 04:21:46
มุกข้าวของแม่แพรวกับฉาง ดูสมเป็นแม่ลูกกันจริงๆ 55555 แต่ว่าฉางนี่ตีมึนได้ขนาดนี้เลยเหรอคะ ต่อไปจะมากกว่านี้อีกไหมเนี่ยยยย สงสารข้าว ต้องบอบช้ำมากแน่ๆ 555555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบแปด| - 18.12.2017 p.22
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 18-12-2017 06:30:26
ครอบครัวฉางน่ารักกกกก
ชอบที่เรียกพ่อว่านพอะ ดูสนิทกันแบบน่ารัก 5555
ฉางร้ายยยย
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบแปด| - 18.12.2017 p.22
เริ่มหัวข้อโดย: baibuabuaz ที่ 18-12-2017 06:43:34
ทำไมร้ายอะฉาง :hao6:
ชอบครอบครัวของฉางค่ะ ตลกดี
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบแปด| - 18.12.2017 p.22
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 18-12-2017 07:33:43
ข้าวลูกกกกกหนูเสียรู้นังยุ้งฉางอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบแปด| - 18.12.2017 p.22
เริ่มหัวข้อโดย: BAKA ที่ 18-12-2017 09:26:10
ฉางนี่ทำตัวมึนๆ แต่ก็แอบเจ้าเล่ห์ตลอดดดดด

ควรจะสงสารข้าวไหมเนี่ย? ฮาาาา
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบแปด| - 18.12.2017 p.22
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 18-12-2017 09:41:37
ฉางงงงงงงงง อย่าแกล้งข้ว
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบแปด| - 18.12.2017 p.22
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 18-12-2017 10:05:13
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบแปด| - 18.12.2017 p.22
เริ่มหัวข้อโดย: LoveLight ที่ 18-12-2017 10:13:31
ข้าวววววววววววว หนูต้องสู้สิลูก สู้เขา อย่ายอมให้ทำฝ่ายเดียว หนูเริ่มก่อนบ้างก็ได้ :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบแปด| - 18.12.2017 p.22
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 18-12-2017 10:25:31
ฉางร้ายกาจอ่ะ 55555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบแปด| - 18.12.2017 p.22
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 18-12-2017 10:37:31
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบแปด| - 18.12.2017 p.22
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 18-12-2017 11:03:56
ตลอดเลยอ่ะฉาง อ้อนตลอด  :hao7:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบแปด| - 18.12.2017 p.22
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 18-12-2017 11:08:55
อืมมม พอเข้าใจแล้วว่าทำไมฉางถึงโตมาเป็นคนแบบนี้ ครอบครัวนี้มันอินดี้จริงโว้ยยย แล้วอะไรคือฉางหวงข้าวกับพ่อตัวเองหา นี่นั่งขำนานมากอะ อยากรู้เหมือนกันที่ว่านิสัยแปลกๆของคุณพ่อนี่คืออะไรคะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบแปด| - 18.12.2017 p.22
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 18-12-2017 11:55:54
 :hao6: :hao6: :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบแปด| - 18.12.2017 p.22
เริ่มหัวข้อโดย: ขอบฟ้าสีจาง ที่ 18-12-2017 12:48:21
ฉางงงงง ดูจะหิวข้าวตลอดเวลาเลยน้าาาาาา  :-[
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบแปด| - 18.12.2017 p.22
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 18-12-2017 16:13:41
 :katai2-1:นังฉาง นังหื่น นังบ้า นังผีทะเล 555555 โอ้ยยยยนิดเดียวของแกมันขนาดไหนละย้ะ ชิลวนลามตลอดนางเอกชั้นเปลื้ิงตัวจริงๆ บ้านนางน่ารักมากๆเลยทำให้นางอบอุ่นเบอร์นี้นี่เอง ชอบบบ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบแปด| - 18.12.2017 p.22
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-12-2017 18:22:57
ฉาง ข้าว  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

บ้านฉางสวย น่าอยู่ ออกแบบได้ลงตัวจนข้าวชม
ได้ค้างคืนด้วย
ฉาง เก่งนะ ทำอาหารอร่อย
จนพ่ออยากกินฝีมือลูกชาย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบแปด| - 18.12.2017 p.22
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 18-12-2017 20:04:40
รอฉากต่อไป  :z3: :z3: :z3:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบแปด| - 18.12.2017 p.22
เริ่มหัวข้อโดย: คุณบี๋ ที่ 18-12-2017 20:06:51
คิดถึงแมวฉางงงงงง ครอบครัวฉางน่ารักมากเลย :katai3:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบแปด| - 18.12.2017 p.22
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 18-12-2017 20:29:55
ครอบครัวคุณฉางน่ารักมาก :o8:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบแปด| - 18.12.2017 p.22
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 18-12-2017 22:36:27
รุ้แล้วฉางแปลกเหมือนใคร แค่มันก็อบอุ่นดีนะ
อะไรก็ดี แต่ฉางนี่นี่หื่นทุกที่ทุกเวลาเลย  แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ชอบนะ :z1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบแปด| - 18.12.2017 p.22
เริ่มหัวข้อโดย: full ที่ 18-12-2017 22:41:16
ฉางทำไมแกหื่นขนาดนี้ นี่คือตัวตนจริงๆของแกใช่ไหมฉางงง
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบแปด| - 18.12.2017 p.22
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 19-12-2017 01:50:50
ครอบครัวฉางน่ารักอ่ะ ชอบบบบ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบแปด| - 18.12.2017 p.22
เริ่มหัวข้อโดย: Panizzz3838 ที่ 19-12-2017 02:35:49
 :-[ :-[ :hao3:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบแปด| - 18.12.2017 p.22
เริ่มหัวข้อโดย: HeIsMine ที่ 19-12-2017 07:18:51
ฉางตอนเย็นกินข้าวไม่อิ่มหรอ ดึกเลยหิวข้าวเนี้ย  :katai3:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบแปด| - 18.12.2017 p.22
เริ่มหัวข้อโดย: Namshine ที่ 19-12-2017 22:40:37
ฉางกินเก่งอะ กินข้าวได้ตลอดเลย :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบแปด| - 18.12.2017 p.22
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 20-12-2017 20:28:43
เกลียดคำว่านิดเดียวของฉาง นังนี่มันร้ายมากค่ะหัวหน้า  :hao7:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบแปด| - 18.12.2017 p.22
เริ่มหัวข้อโดย: sleepingsheeppp ที่ 21-12-2017 22:34:35
 :impress2: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเก้า| - 22.12.2017 p.23
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 22-12-2017 00:02:52
29



“ฉาง มึงอยู่ไหนแล้วเนี่ย อย่าบอกว่ายังไม่ตื่นนะ”



“...ผมตื่นแล้วข้าว หาที่จอดรถอยู่”



“หืม...”



“แป๊บนึงนะๆ ข้าวอยู่ตรงไหนเดี๋ยวผมไปหา”



“หน้าโรงหนังแล้วเนี่ย”



“ครับๆ”



มันว่าก่อนตัดสายไป ทิ้งให้ผมยืนเคว้งคว้างท่ามกลางผู้คนอีกครั้ง ปิดใหญ่เทอมแล้ว ทั้งผมทั้งไอ้ฉางต่างต้องกลับไปนอนบ้าน ตกลงกันไว้ว่าเราจะอยู่บ้านกันเดือนนึงแล้วกลับมาอยู่หออีกสองเดือน รอเปิดเรียน อันที่จริง ผมตัดสินใจคนเดียว เพราะบ้านในตอนนี้ไม่เหมือนเดิม ผมยิ่งอยู่ยิ่งมีแต่คิดถึงความทรงจำเก่าๆ แต่ก็ไม่อยากให้น้าเป็นห่วง จึงกลับมาอยู่บ้านให้คนในครอบครัวเห็นหน้าบ้าง



ส่วนไอ้ฉาง...พอผมบอกจะไม่อยู่หอเดือนนึงมันก็งอแงใหญ่ บอกให้ผมไปนอนบ้านมันบ้างล่ะ ขอไปนอนด้วยบ้างล่ะ จนผมต้องเอ่ยคำขาดให้มันทำตามที่ว่า



หนึ่งเดือน...ไม่ใช่ระยะเวลาที่มากไปหรือน้อยไป ถึงอย่างนั้นเราเลยตกลงออกมาเจอกันบ้าง อย่างเช่นวันนี้ ที่ผมชวนมันมาห้าง มาดูหนังทานข้าวอย่างที่คู่รักปกติเขาทำกัน เพราะก่อนหน้านี้ตลอดช่วงเปิดเทอมผมก็เอาแต่อ่านหนังสือ ไอ้ฉางก็เอาแต่ปั่นโปรเจค เราทานข้าวแถวหอหรือที่คณะมันสลับกันไป แต่ไม่เคยออกไปไหนด้วยกันจริงๆ จังๆ เลยสักครั้ง



เสียแต่ผมรอมันอยู่ไม่นานมันก็โผล่หัวมาเสียที



“ตื่นสายหรือไง”



“เปล่านะ แม่ผมปลุกตรงเวลาแล้ว แต่รถติดมากเลยข้าว”



“เอ้อ...ที่มึงบอกว่าเอารถไปจอดนี่คือเอารถมาเหรอ”



“ใช่แล้ว”



“ไหนว่าไม่ชอบขับรถไง” มันเคยบอกว่ามันกลัวหลับในรถ และผมก็เพิ่งรู้ว่ามันขับรถยนต์ได้ด้วย



“ก็ข้าวบอกอยากลองทำอะไรใหม่ๆ ดู”



“แล้ว...มึงก็เลยลองขับรถมาเนี่ยเหรอ”



“อื้ม เดี๋ยวให้ข้าวนั่งด้วยนะ”



ผมเกลียดน้ำเสียงแบบนี้ของมัน เหมือนเด็กตัวเล็กๆ อวดรถของเล่น ท่าทางดีใจออกนอกหน้าที่จะให้ผมนั่งรถข้างๆ ราวกับผมไม่เคยนั่งรถยนต์มาก่อนเนี่ย น่าหมั่นไส้เป็นบ้า



ผมเปลี่ยนเรื่อง ชวนให้ไปซื้อตั๋วหนังเรื่องที่ตกลงกันแล้วว่าจะดู พร้อมป็อปคอร์นและน้ำหนึ่งแก้ว เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จเราก็เข้าโรงหนังไปพร้อมกัน พร้อมกับการดูหนังในโรงครั้งแรกของเรา...



“กินอะไรดี”



เป็นเวลาเกือบห้าโมงเย็น หนังจบแล้ว เนื้อหาของหนังสนุกดีอย่างที่คาด ไอ้ฉางมากวนผมเป็นพักๆ แต่ไม่ได้น่ารำคาญอะไร ถ้าดูที่บ้านมันหรือที่หอมันจะกวนจนผมดูหนังไม่ได้มากกว่านี้



“กินข้าว”



“...หยุดเล่นมุกนี้สักทีเถอะ”



ผมบอกไอ้ฉาง



“ผมไม่ได้เล่นมุกสักหน่อย ข้าวอยากทำไรที่เราไม่เคยทำกันมาก่อนใช่ไหม เอางี้ ไปกินข้าวที่โรงแรมกัน ผมรู้จักอยู่ที่นึง รสชาติดี รับรองข้าวต้องชอบแน่ๆ ยังไงเราก็ไม่เคยไปกินข้าวที่โรงแรมกันจริงไหม”



“...นี่มึงกำลังหลอกกูเข้าโรงแรมเหรอ”



“ใช่แล้ว”



ไอ้หน้าไม่อาย!



“ไม่เอาโว้ย! อะไรที่กูไม่เคยทำก็ขอให้เป็นเรื่องปกติได้มั้ยล่ะ กินข้าวในห้างเราก็ไม่เคยกิน ไม่ต้องถ่อไปถึงโรงแรมอะไรนั่นหรอก เปลืองตังค์ ไกลด้วย แถมกินที่ห้างเสร็จเผื่ออยากแวะดูอะไรก็ได้อีก”



...



ใช่...ผมเถียงมันแทบตาย เหตุผลทุกอย่างดีกว่าเห็นๆ ถ้าได้ลองแข่งโต้วาทีกัน ผมชนะขาดแบบไม่ต้องสืบ แต่ผลลัพธ์ในความเป็นจริงคือ...ผมมายืนจังก้าอยู่หน้าโรงแรมห้าดาว...



กูไม่ได้ตกลงว่าจะให้มันเป็นอย่างนี้เสียหน่อย!



“ป๊ะ ข้าว เข้าไปข้างในกัน”



มันบอกหลังจากที่พาผมลงจากรถหน้าจุดดรอปออฟ ยื่นกุญแจรถให้พนักงานที่โรงแรมเสร็จสรรพ บอกเลยว่าชีวิตไม่เคยสัมผัสอะไรอย่างนี้ ผมเป็นปถุชนเดินดินฐานะปานกลางทั่วไปที่ไม่คิดจะใช้จ่ายฟุ่มเฟือย แต่ทุกอย่างโดนพังทลายด้วยตรรกะความฉาง



“มึง ช่วยดูสารร่างกูด้วย กูแต่งตัวโคตรกระจอก โอ๊ย ไม่เอาแล้วจะกลับ”



“ไปห้องอาหารครับ” มันไม่สนใจผม บอกกับพนักงานต้อนรับข้างในก่อนเขาจะเดินนำพาพวกผมไปยังลิฟท์แก้วแสนหรูกลางโถงโอ่อ่า พนักงานกดลิฟท์ให้เสร็จสรรพก่อนเชิญให้พวกผมเข้าไปในตัวลิฟท์ ไอ้ฉางจูงมือผมเข้าไปแบบไม่สนใจความสมัครใจของผมอีกแล้ว



จวบจนกระทั่งลิฟท์เคลื่อนที่มาถึงห้องอาหารชั้นบนสุด...



เมื่อพนักงานต้อนรับเชิญให้พวกผมออกจากลิฟท์เพื่อไปยังห้องอาหารตรงหน้า ก่อนจะแยกตัวหายไป ผมโวยใส่ไอ้ฉางทันที



“กูบอกว่าไม่ได้อยากมาไง โรงแรมหรูขนาดนี้เอาตังที่ไหนจ่ายวะ สิ้นเปลืองมากเลยรู้ไหม เงินของมึงของกูก็เงินพ่อแม่ทั้งนั้น เอามาผลาญแบบนี้ใช่ได้หรือไง กูไม่ได้ต้องการมากินหรูขนาดนี้ แค่อยากลองใช้ชีวิตปกติเหมือนคู่อื่นดูบ้าง ทำแบบนี้มันเกินไป”



พล่ามความในใจจบ ไอ้ฉางหูลู่หางตกทันที ถึงจะพูดไปตามความจริง แต่ก็ไม่อยากเห็นมันเสียใจ...แต่คิดว่าเรื่องแบบนี้ถ้าไม่บอก ไอ้ฉางก็คงไม่รู้



“...ก็ข้าวบอกว่าอยากลองทำอะไรที่ไม่เคย เรื่องที่คู่รักเขาทำกันที่ผมนึกออกก็มากินข้าวอะไรแบบนี้กันนี่ นพกับแม่ผมก็มาที่นี่กันบ่อย... ส่วนเรื่องเงิน ผมตั้งใจเลี้ยงข้าวอยู่แล้ว...เงินที่มีตอนนี้ก็ได้จากประกวดแบบทั้งนั้น...ผมอยากทำอะไรให้ข้าวบ้างนี่...แต่ถ้าข้าวไม่ชอบเรากลับก็ได้นะ”



มันว่าเสียจ๋อย หน้าเจื่อนเจือความผิดหวัง ผมปฏิเสธมันไม่ได้อีกแล้ว...



“ไม่ได้ไม่ชอบ...แค่ไม่ชิน...กูไม่เคยมาที่แบบนี้ คิดว่ามันสิ้นเปลืองเกินไป...กินข้าวตามห้างปกติไม่ต้องมากมายกูก็พอใจแล้ว”



“ถ้าข้าวอึดอัดเรากลับก็ได้นะ ผมไม่เป็นไร”



ผมถอนหายใจ ไอ้หมาหงอยตรงหน้าบอกว่าไม่เป็นไรแต่เล่นทำหน้าผิดหวังเสียขนาดนี้ ผมหันซ้ายหันขวาเช็คคนรอบๆ พอมั่นใจแล้วว่าปลอดคนจึงขยับตัวเข้าไปประกบจูบมันเบาๆ ใจจริงอยากวาดแขนโอบรอบตัวมันด้วยซ้ำ ไม่อยากเห็นมันเสียใจ ไอ้ฉางหวังดีนั่นแหละ เพียงแต่มันมากกว่าที่ผมคิดไว้เท่านั้นเอง



“หิวแล้ว เข้าไปข้างในกัน”



ผมกระซิบบอกมันเบาๆ พลันใบหน้าจ๋อยๆ ก้ฉีกยิ้มกว้าง จับมือผมก่อนพาเข้าไปในห้องอาหารสุดหรู



ห้องอาหารตกแต่งภายในได้ราวกับอยู่ในพระราชวังหรือคฤหาสน์อย่างไรอย่างนั้น ทั้งโคมไฟแชนเดอเรีย แสงไฟสีส้มนวล โคมระย้าอะไรไม่รู้อีกระยิบระยับแพรวพราวไปหมด ผู้คนส่วนใหญ่ก็ดูเป็นคุณหนูคุณนาย  ไฮโซกันทั้งนั้น แล้วดูสภาพของผม อย่างกะเด็กกะโปโล...พนักงานยังดูดีกว่าเลย...



ห้องอาหารที่ไอ้ฉางเลือกเป็นดินเนอร์บุฟเฟต์ สามารถไปตักกินได้ตามใจชอบ โดยอาหารแบ่งเป็นหลากหลายชนชาติ ทางฝั่งเอเชียมีอาหารไทย จีน ญี่ปุ่นเป็นชาติหลัก มีอาหารเวียดนาม เกาหลี อินโดนีเซีย อินเดียที่เป็นเมนูของแต่ละวัน ฝั่งยุโรปก็มีอาหารอังกฤษ อิตาลี ฝรั่งเศส และอีกมากมายที่ผมนับแทบไม่หวาดไม่ไหว



แน่นอน...ผมตักอาหารทุกชนชาติ เนื่องจากเป็นคนทานง่าย ไม่เหมือนไอ้ฉางที่จงใจหลีกเลี่ยงอาหารที่มีผัก รสชาติอาหารอร่อยสมคำเอ่ยอ้างของไอ้ฉาง อร่อยมากจริงๆ แต่คิดๆ ดู...โรงแรมห้าดาวเช่นนี้ ก็คงต้องเป็นประมาณนี้ ผมทานไปชมไป มีไอ้ฉางหน้าบาน คอยตักอาหารที่มันยืนยันว่าอร่อยที่สุดมาให้ผม เห็นมันมีความสุขผมก็ดีใจ



ถึงแม้จะมารู้ทีหลังว่าราคาอาหารมื้อนี้รวมแล้วราคาครึ่งหมื่น...



เสียดายที่กระเพาะอาหารผมไม่ได้มีสี่กระเพาะ ผมทานอาหารแต่ละอย่างได้นิดๆ หน่อยๆ ก็อิ่มเพราะมีให้เลือกเยอะเหลือเกิน ไอ้ผมก็อยากลองกินมันทุกอย่าง แต่สุดท้ายก็ยังกินได้ไม่ครบทุกชนชาติแต่กลับอิ่มจนจะไม่ไหว มวลอาหารทั้งหลายแหล่ในตอนนี้ล้นกระเพาะผมมาจนถึงคอแล้ว แต่ทางโรงแรมไม่ได้มีกำหนดเวลาต่อคน พวกผมถึงนั่งคุยกันรออาหารย่อย



ผมคิดว่าการได้ลองสัมผัสวิถีชีวิตคนรวยในวันนี้จะจบแล้ว ทว่าไอ้ฉางกลับบอกให้วันนี้เราค้างที่โรงแรมนี้กันดู



อยากจะพ่นน้ำย่อยใส่หน้ามัน แน่นอน ผมไม่ยอม เป็นบ้าหรือไงบ้านก็อยู่ในเมืองเดียวกันแท้ๆ ยังจะไปนอนโรงแรมทำไมให้เสียตังค์ เถียงแทบตายสุดท้ายก็สู้มันไม่ได้อีกแล้ว เงินจากการประกวดแบบของมันอะไรจะได้เยอะขนาดนี้วะ แค่มื้ออาหารก็น่าจะหมดตัวแล้ว แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อไอ้ฉางยืนยันว่ามันประกวดแบบหลายที่ ได้รางวัลมาหลายรางวัล จำนวนเงินแค่นี้ไม่คณามือมันหรอก หมั่นไส้มันแทบตาย



“ถือว่าเป็นของขวัญที่ผมขยันมาตลอดเทอมไง นะข้าวนะ อยู่กับผมนะ”



ของขวัญตอบแทนที่ทำให้มึงกลายเป็นศพมาตลอดเทอมล่ะสิไม่ว่า ผมถอนหายใจ ยอมคล้อยตามมันอีกครั้ง



ผมไม่ได้อยู่ฟังตอนไอ้ฉางขอเช็คอินเข้าห้อง ไม่รู้ว่ามันจะเลือกห้องแบบไหนจนกระทั่งได้มาเจอกับตัวเอง...



“ผมอยากจองห้องดีลักซ์เหมือนกันนะ แต่เขาบอกว่าเต็มแล้ว...เลยได้ห้องพรีเมี่ยมมาแทน”



“...มึงจองห้องแม่บ้านให้กูนอนกูก็ไม่โกรธหรอก...นี่มันเกินไปด้วยซ้ำ”



ผมเชื่อว่าถ้ามีห้องพักแม่บ้านก็คงหรูกว่าห้องนอนที่บ้านหรือที่หอผมแน่ๆ ดูจากสภาพห้องตอนนี้แล้ว... ตัวห้องแบ่งเป็นสองโซนคือโซนห้องนอนและโซนนั่งเล่น มีหน้าต่างเปิดกว้างสูงตั้งแต่พื้นห้องจรดเพดาน ตกแต่งอย่างหรูหราจนละอายที่จะเอาตัวเองเข้าไปเป็นเสนียด ห้องนอนเป็นเตียงเดี่ยวขนาดคิงไซส์ มีทั้งตู้เสื้อผ้า โต๊ะทำงาน โทรทัศน์ที่ผมไม่เข้าว่าจะมีทำไมสองเครื่องทั้งในห้องนอนและห้องนั่งเล่น



แต่ที่ทำผมช็อกที่สุดคือห้องน้ำ...ที่ไม่มีประตู แถมยังเป็นกระจกใสเห็นถึงห้องนอนอีก เวร!



มึงจงใจใช่มั้ย!



“ทำไมมึงต้องทำขนาดนี้วะ พากูมากินข้าวหรูๆ นอนโรงแรมหรูๆ เนี่ย”



มันไม่ตอบ เอาแต่ยิ้มก่อนเดิมเข้ามาสวมกอด นานกว่าจะยอมเอ่ย



“ผมอยากให้ข้าวมีความสุข”



“กูมีความสุขอยู่แล้วทุกวัน”



“...ผมอยากให้ข้าวมีความสุขมากขึ้นไปอีก ผมดีใจนะที่ข้าวบอกอยากลองทำอะไรใหม่ๆ ด้วยกัน วางแผนตั้งนานว่าจะพาข้าวไปไหนดี จนมาจบที่นี่”



“แค่กินข้าวดูหนังกูก็พอใจแล้วจริงๆ ฉาง”



“แต่ผมยังไม่พอใจนี่ ข้าวเป็นฝ่ายให้ผมมาตลอดลเยรู้มั้ย ผมอยากให้ข้าวเป็นฝ่ายรับอะไรดีๆ จากผมบ้าง”



“...งั้นก็เปย์กูให้มันได้ตลอดละกัน”



“...ขอปีละครั้งนะ”



มันว่า ผมหัวเราะลั่น ก่อนหันไปจูบมันเบาๆ ที่คาง ไอ้ฉางไม่พอใจแค่นั้นเมื่อมันจับผมเงยหน้าก่อนบรรจงมอบรสจูบแสนหวานให้ เราจูบกันอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งมีเสียงกริ่งดังขึ้นมา



“ผมสั่งรูมเซอร์วิสไว้ แป๊บนึงนะ”



มึงยังจะสั่งอะไรอีก!!



ไอ้ฉางออกไปเปิดประตู ส่วนผมทำตัวลีบที่สุด หลบมุมอยู่ในห้อง จนมันเรียบร้อยก็เดินมาหาผมพร้อมถุงแบรนด์เสื้อผ้าชื่อดัง



“อะไรอีกล่ะนั่น...”



“เสื้อผ้าเปลี่ยนวันพรุ่งนี้ไง ตอนเช็คอินผมขอให้พนักงานเอาเสื้อผ้าที่รถผมมาให้ที่ห้อง เอาไว้ใส่วันพรุ่งนี้นะ”



“มึงไปซื้อตอนไหนอีก หา”



“ตอนก่อนข้าวจะมาไง แต่เลือกนานไปหน่อยข้าวเลยต้องรอ...” มันว่า เอ่ยคำสารภาพออกมา อ๋อ ที่แท้ก็วางแผนไว้อยู่แล้วสินะ ไอ้แม่งเอ๊ย กูต้องตกหลุมมันอีกกี่ครั้งวะ ที่มันมาตามนัดช้าไม่ใช่เพราะรถติดอย่างที่มันอ้าง แต่เพราะมัวแต่เลือกซื้อเสื้อผ้าให้เนี่ยนะ



“ผมซื้อมาครบเซตเลย มีเสื้อ กางเกง เข็มขัด กางเกงในด้วย แต่ไม่ได้ซื้อรองเท้านะ ผมกลัวข้าวใส่ไม่ได้”



“โอยยย มึงเลิกเถอะไอ้ฉาง กูไม่ใช่ผู้หญิงนะ ไม่ต้องซื้อของหรือทำอะไรเยอะขนาดนี้ให้กูหรอก”



“ผมพอใจนี่...อีกอย่าง ปีละครั้งนะ”



ผมถอนหายใจ จนใจจะเถียงเป็นรอบที่ล้าน เลยเออออตามคำมันไป



“ข้าวเหนียวตัวรึยัง”



จนกระทั่งไอ้ฉางเอ่ยถามขึ้นมา ผมตวัดมองหน้ามัน จ้องมันเขม็ง รู้ว่ามันต้องคิดอะไรหื่นกามอยู่แน่ๆ ผมบอกเสียงแข็ง



“กูจะไม่อาบน้ำ!”





แล้วคิดว่าผมจะได้ทำตามที่ตัวเองยืนยันนั่นไหม...เมื่อสุดท้ายแล้ว ไอ้ฉางจับผมทำอะไรต่ออะไรที่พึงทำเมื่ออยู่ในโรงแรมสองต่อสอง...





XXIV



ข้าวในชุดคลุมอาบน้ำหลับอยู่ในอ้อมกอดผม คิดถูกแล้วที่วางแผนให้ข้าวติดกับ ผมตั้งใจอยากให้ข้าวเป็นฝ่ายรับบ้างจริงๆ แต่ที่ข้าวไม่รู้คือ ไหนๆ ข้าวก็บอกผมว่าอยากลองทำอะไรที่ไม่เคยทำดูแล้ว ผมก็คิดว่าเรายังไม่เคยมีอะไรกันที่โรงแรมเลย คิดได้ดังนั้น โรงแรมเกรดห้าดาวที่นพเป็นหนึ่งในทีมออกแบบจึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผมกับข้าว



แน่นอน ผมไม่ได้จ่ายราคาเต็มหรอก ได้อานิสงค์จากนพมาเล็กน้อย แต่ก็กระอักเลือดอยู่เหมือนกัน ถึงอย่างนั้น เงินในวันนี้ที่ผมออกก็เป็นเงินเก็บที่ได้จากการประกวดแบบจริงๆ นั่นแหละ



ผมชอบประกวดออกแบบ ชอบประชันความคิดกับหลายๆ คน มีงานเดี่ยวบ้างกลุ่มบ้าง ชนะบ้าง แพ้บ้าง แต่ผมไม่ได้สนใจ ผมชอบช่วงเวลาที่ได้คิดอะไรใหม่ๆ ออกมาแข่งกับคนอื่นก็เท่านั้น เพราะฉะนั้นเงินที่ได้จากการประกวดแต่ละที่จึงไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับผม ผมเก็บมันไว้ตามที่แม่บอก เก็บไว้อยู่อย่างนั้นตั้งแต่เริ่มเรียนสถาปัตย์มา จนกระทั่งมีข้าวเข้ามาในชีวิต ผมถึงได้รู้ว่าผมควรเอาเงินรางวัลที่ผมได้ไปทำอะไร



ผมอยากทำให้ข้าวมีความสุข



ได้นอนในห้องนอนในโรงแรมหรูเช่นนี้คงเป็นประสบการณ์ที่ดีไม่น้อย แน่นอน...ผมใช้บริการของทุกตารางนิ้วในห้องในการร่วมรักกับข้าว จากที่แต่ก่อนข้าวเสร็จรอบเดียวก็หลับแล้ว ครานี้มีพัฒนาการอย่างเห็นได้ชัดเมื่อผมไม่หยุดแค่รอบเดียว ปลุกเขาอยู่ซ้ำๆ จนกว่าจะพอใจ ข้าวเองก็อดทนได้ถึงขนาดนี้ ไม่ชิงหลับเร็วเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ผมภูมิใจจริงๆ





ผมสูดกลิ่นข้าวจากเส้นผมของเขาอีกครั้งก่อนมองวิวยามดึก มองแสงดาวบนดินที่ยังแข่งกันส่องสว่าง ข้าวคงไม่ยอมพลาดมื้อเช้าที่โรงแรมจัดให้ เพราะฉะนั้นผมต้องรีบนอนแล้ว ถึงแม้ว่าจะไม่ได้อยากทานอาหารเช้าเท่าไหร่นัก แต่ข้าวคงไม่ยอม เพราะข้าวไม่ได้อิ่มเหมือนที่ผมได้กินข้าวจนหมดเปลือกเช่นนี้นี่นา







                                                               
♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦




นังชูชกฉาง

กินข้าวไม่รู้จักอิ่ม แงงง



ตอนหน้าจบแล้วนะคะ : )


หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเก้า| - 22.12.2017 p.23
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 22-12-2017 00:38:32
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเก้า| - 22.12.2017 p.23
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 22-12-2017 00:46:47
 :z1: :z1: :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเก้า| - 22.12.2017 p.23
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 22-12-2017 00:48:01
แหม
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเก้า| - 22.12.2017 p.23
เริ่มหัวข้อโดย: PharS ที่ 22-12-2017 01:46:03
นังฉางงงงง นังตัวดี
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเก้า| - 22.12.2017 p.23
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-12-2017 02:33:59
ฉางเป็นโรคกระเพาะหรือเปล่า กินข้าวเยอะไปแล้วนะ เด๋วจุกนะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเก้า| - 22.12.2017 p.23
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 22-12-2017 02:56:49
ฉางร้ายย วางแผนมาใช่มั้ยยะ เตรียมทุกอย่างซะพร้อมเลยย
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเก้า| - 22.12.2017 p.23
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 22-12-2017 08:32:59
ฉางงงงงง หมั่นไส้ละเกินนน
ใช่เรื่องที่ต้องภูมิใจเหรอ 55555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเก้า| - 22.12.2017 p.23
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 22-12-2017 09:15:09
ฉางไม่ซื่อ แค่ซึน อะไรจะร้ายขนาดนี้ คือพร้อมทุกอย่าง ทำรอไว้หมด
วางแผนผูกมัดข้าวฉบับเกินร้อย เนียนมากด้วย

ข้าวก็เถียงไปเหอะ สุดท้ายก็แพ้ทาง ห้ามไม่รอดสักที


หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเก้า| - 22.12.2017 p.23
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 22-12-2017 10:06:28
ฉางนี่ร้ายกาจจริงๆ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเก้า| - 22.12.2017 p.23
เริ่มหัวข้อโดย: korner ที่ 22-12-2017 10:12:58
ฉางวางแผนมาขนาดนี้ ข้าวจะเอาอะไรไปสู้ หมั่นไส้
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเก้า| - 22.12.2017 p.23
เริ่มหัวข้อโดย: คุณบี๋ ที่ 22-12-2017 10:20:30
ยุ้งฉางร้ายกาจอ่ะแต่ก็ดีมากเลย กินข้าวให้อิ่มเลยเน้อ  :katai3:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเก้า| - 22.12.2017 p.23
เริ่มหัวข้อโดย: baibuabuaz ที่ 22-12-2017 10:20:46
ร้ายมาก ฉางร้ายมาก อะไรเบอร์นี้
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเก้า| - 22.12.2017 p.23
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 22-12-2017 10:21:54
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเก้า| - 22.12.2017 p.23
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 22-12-2017 12:27:55
ระวังท้องแตกนะฉาง.
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเก้า| - 22.12.2017 p.23
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 22-12-2017 13:31:48
ยุ้งฉางมันร้ายๆ  :m4: :m4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเก้า| - 22.12.2017 p.23
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 22-12-2017 14:09:18
 :haun4: :mew5: :heavenอิจฉาตาร้อนนอนกอดหมอนร้องไห้เพราะชะนีอย่างชั้นฟินนนนน55555556 อยากมีฉางมาเปย์บ้างบอดเลยยยยย ฮื่อออออออ หลงงง
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเก้า| - 22.12.2017 p.23
เริ่มหัวข้อโดย: tulakom5644 ที่ 22-12-2017 14:29:30
รู้สึกเสียดายจังที่จะจบเร็วขนาดนี้ สนุกมากๆ ค่าาาาาา :กอด1: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเก้า| - 22.12.2017 p.23
เริ่มหัวข้อโดย: ppseiei ที่ 22-12-2017 18:30:30
ฉาง ตลอดดดดดด
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเก้า| - 22.12.2017 p.23
เริ่มหัวข้อโดย: about ที่ 22-12-2017 20:32:40
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเก้า| - 22.12.2017 p.23
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 22-12-2017 20:58:34
ถนอมข้าวบ้างนะฉาง :hao7:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเก้า| - 22.12.2017 p.23
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 22-12-2017 22:04:42
 :L1: :pig4: :L1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเก้า| - 22.12.2017 p.23
เริ่มหัวข้อโดย: iiamerror_ ที่ 22-12-2017 22:52:17
เว้ยยฉาง นอมน้องข้าวบ้างสิ!!!!!
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเก้า| - 22.12.2017 p.23
เริ่มหัวข้อโดย: Namshine ที่ 22-12-2017 23:03:02
นังฉางงงงงงงงงงงงง
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเก้า| - 22.12.2017 p.23
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 22-12-2017 23:07:54
ฉางธาตุแท้แกหื่นขนาดนี้เลยเหรอ ทุกตารางนิ้ว คุ้มมั้ยล่ะ
 ตอนหน้าจะจบแล้วจริงอ่ะ 
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเก้า| - 22.12.2017 p.23
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 23-12-2017 08:07:05
เจ้าแผนการตลอด ไหนใครบอกฉางเงียบๆ ข้าวตามไม่ทันทุกที  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเก้า| - 22.12.2017 p.23
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 24-12-2017 00:07:00
โอ้โห ฉางงงงงงงง
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 24-12-2017 00:22:05
30



“ฉาง ตื่น”



ผมปลุกมันในเช้าวันใหม่ เปิดเทอมแล้ว ชีวิตนักศึกษาของพวกผมยังคงต้องดำเนินต่อไป ตารางเรียนเทอมนี้ของผมกับฉางมีเรียนช่วงเดียวกันอยู่สองวัน เป็นหน้าที่ผมที่ต้องปลุกมันสองวันต่ออาทิตย์



ไอ้ฉางกระดิกตัวแต่ยังไม่ยอมลุก เมื่อคืนมันเอาแต่ดูซีรี่ย์ฝรั่งจนดึกดื่น ผมบอกมันจนปากเปียกว่าพรุ่งนี้เปิดเทอม ต้องตื่นไปเรียนมันก็ไม่ฟัง เลยปล่อยเลยตามเลยให้มันดูซีรี่ย์ในห้องมืดๆ ไป ส่วนตัวเองชิ่งหลับตั้งแต่เที่ยงคืนแล้ว พอถึงรุ่งเช้า ผมตื่นมาอย่างสดใสไร้กังวล



ผมเขี่ยมันอีกครั้ง



“ฉางตื่น เดี๋ยวกูสาย”



ฉางถึงยอมขยับตัวลุกขึ้นมานั่งงัวเงีย พยายามคลานออกจากเตียง ไม่วายลุกขึ้นมาโถมตัวกอดผมก่อนจะยอมเข้าไปอาบน้ำ ลีลามากจริงๆ



ผมซ้อนมอเตอร์ไซค์ไอ้ฉางไปเรียนเช่นเดิม มีแผนคิดว่าจะขับรถอยู่สักวัน ในช่วงปิดเทอมที่ผ่านมาผมให้ไอ้ฉางสอนขับรถให้แล้ว ไปทำใบขับขี่เรียบร้อย ลงทุนขับรถไปทำถึงต่างจังหวัดเพราะไม่อยากรอนาน คิดว่าอาจจะได้ใช้ในอนาคตในการรับศพมันที่คณะหลังจบโปรเจค หรือเอามันไปส่งที่คณะเพื่อทำโปรเจคอะไรประมาณนี้ เสียแต่ผมยังไม่มีรถเป็นของตัวเอง...



ของแพงขนาดนี้ผมไม่กล้าขอให้น้าซื้อหรอก อีกอย่างผมตั้งใจแล้วด้วยว่าจะไม่ใช้พาหนะไปจนเรียนจบ ไอ้ฉางมันก็เลยเสนอให้ใช้รถมัน และดูท่าคงต้องเป็นเช่นนั้น เสียแต่ถ้าผมต้องใช้รถเมื่อไหร่ผมจะจ่ายค่าน้ำมันเอง



แต่กว่าจะได้ใช้รถยนต์คงอีกสักพัก ในตอนนี้เอารถมาก็มีแต่จอดทิ้งไว้ไม่ได้ใช้ รอสักกลางๆ เทอมผมคงไปขอเบิกมันออกมาขับ



มาถึงคณะ ผมทักไอ้เขียน ไอ้แว่นและไอ้ภัคตามปกติ เพื่อนเนิร์ดสองคนบอกว่าวิชาเทอมนี้ยาก เพราะมันเริ่มอ่านมาก่อนแล้ว...เป็นความเนิร์ดแต่กำเนิดที่ผมเลียนแบบไม่ได้จริงๆ



วันเปิดเทอมผู้คนคึกคัก เสียงดังวุ่นวายไปทั่วทุกหย่อมหญ้า จากการร้างลาไม่ได้เจอกันนานของเพื่อนๆ หลายๆ คนทำให้แต่ละคนมีเรื่องเล่ามากมายพร้อมแลกเปลี่ยนกัน



“ยังคบกับไอ้ฉางอยู่ไหม”



“สวีทเหมือนเดิม”



 ผมตอบกวนตีนไอ้เขียน ยักคิ้วให้มันเมื่อมันทำหน้าเหม็นเบื่อ จนตอนนี้ไอ้เขียนไม่ได้เกลียดไอ้ฉางเหมือนแต่ก่อนแล้ว แต่ผมรู้ว่าลึกๆ ในใจมันคงอยากให้ผมกลับไปคบผู้หญิงอยู่ดี ถึงได้ตอบมันไปอย่างนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับฉางยังคงราบรื่น ไม่ได้เป็นไปอย่างที่ไอ้เขียนคิดหรอก ผมจะทำให้มันรู้เองว่าเพศเดียวกันก็คบกันได้ยืดยาวไม่ต่างจากเพศไหนๆ



ผมทานข้าวเช้ากับไอ้เขียนก่อนขึ้นเลคเชอร์คาบแรกที่ส่วนใหญ่มักจะไม่มีเรียนหรอก แต่อย่างที่บอก ผมพยายามเป็นเนิร์ด ต้องตั้งใจเข้าให้ครบทุกคาบเรียนเพื่อให้มั่นใจว่าตัวเองจะไม่ได้พลาดส่วนสำคัญตรงไหนไป เกรดเทอมที่แล้วผมดีขึ้นหลังจากที่ร่วงมาเล็กน้อยตอนเทอมหนึ่ง แต่ก็ยังทำใจให้สบายไม่ได้อยู่ดี ปีสุดท้ายแล้วผมไม่มีโอกาสแก้ตัวในปีหน้าหรือปีไหนอีก มีแต่ต้องทำให้ได้ตามที่ตั้งใจไว้ให้ได้ มิเช่นนั้นที่ผ่านมาคงสูญเปล่า



แม่ยังคงอยู่โรงพยาบาล อาการเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย เหมือนจะทรงตัวแต่บางทีจู่ๆ ก็ทรุดหนัก แล้วก็กลับมาทรงตัวใหม่ แต่จากร่างกายของแม่ที่ซูบผอมเช่นนี้แล้ว ผมได้แต่ทำใจเตรียมไว้เนิ่นๆ...



ได้แต่เชื่อมั่นในคำสัญญาของแม่ที่ว่าจะอยู่จนผมเรียนจบ



ผมเจอพวกอัลฟ่าอีกหลายครั้งตอนปิดเทอม เพราะพวกมันยังคงไปลงประกวดออกแบบอะไรต่างๆ ด้วยกันทันทีที่ไอ้ฉางและผมกลับมาอยู่หอ พวกบ้างานพวกนี้ บอกให้พักบ้างยังไงก็คงไม่ฟัง อัลฟ่ากับฉางยังคงตีกันตามปกติ มีเพียวคอยยุยงและฟิวเจอร์นั่งเป็นฉากหลังเหมือนเดิม



แต่ฟิวเจอร์กับเพียว...ช่วงหลังมากนี้ค่อนข้างจะแสดงออกเปิดเผยต่อหน้าผมมากกว่าเก่า มีทั้งตอนที่ผมคุยกับเพียวอยู่ดีๆ จู่ๆ ฟิวเจอร์ก็คว้าเพียวไปจูบบ้างล่ะ เพียวจะลุกไปเติมน้ำก็หันมาจุ๊บฟิวเจอร์ก่อนบ้างล่ะ นั่งตักกัน หนุนตักกันบ้างล่ะ ยังไม่นับเรื่องน่าอายอีกหลายเรื่องที่สองคนนี้ทำต่อหน้าผม อยากขอร้องให้สองคนนี้กลับไปเกรงใจผมเหมือนเมื่อก่อนจริงๆ บางฉากผมทำใจดูไม่ไหว



ไอ้ฉางกับอัลฟ่ายืนยันว่าพวกนี้ทำแบบนี้บ่อยจนพวกมันชินไปแล้ว พร้อมบอกว่าเดี๋ยวผมก็ชิน แต่ขอเถอะ จะชินหรือไม่ชินก็ไม่ควรมาสวีทกันต่อหน้าแบบนี้นะ สายตาเพียวที่หวานเยิ้มหลังโดนฟิวเจอร์รุกจูบ หยาดเยิ้มเต็มไปด้วยเสน่ห์ขนาดนี้จะทำให้ผมเคยชินได้ยังไง



...ไม่ใช่สิ



แม้จะยอมรับว่าเพียวยังคงมีเสน่ห์ร้ายกาจต่อหัวใจผม แต่ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกอยากรู้จักไปมากกว่านี้ แค่ชอบมองเหมือนเจอของสวยๆ งามๆ ก็เท่านั้น แถมหลังๆ มานี้ไอ้ฉางก็เริ่มไม่งอแงเวลาผมเกิดอาการหน้าแดงต่อหน้าเพียวแล้ว



จนกระทั่งคาบบ่ายสิ้นสุดในเวลาแสนสั้น อาจารย์แค่มาชี้แจงเรื่องการเข้าชั้นเรียน การเก็บคะแนนสอบต่างๆ เท่านั้น ผมนั่งลอยชายไปกับไอ้เขียน รอไอ้ฉางเลิกก็กลับหอไปกับมัน ไอ้เขียนด่าผมแทบตาย หาว่าติดแฟน ผมสวนไปว่าทีมันติดหญิงก่อนหน้านี้ผมยังไม่งอแงใส่เลย มันถึงยอมเงียบ แต่ก็ทำหน้าหงิก ผมเลยชวนมันไปด้วยกัน แต่ไอ้เขียนปฏิเสธอย่างหนักแน่น



“ทำไมกูต้องไปนั่งดูมึงสวีทกับไอ้ฉางด้วยวะ!”



“ก็รู้นี่ ถ้างั้นกูไปละนะ” ผมหัวเราะ บอกลามันก่อนวิ่งไปขึ้นซ้อนมอเตอร์ไซค์ไอ้ฉางที่มาจอดรออยู่หน้าตึก ชีวิตประจำวันแสนปกติกลับมาอีกครั้ง ไม่รู้สิ ต่อให้กิจกรรมที่ผมทำกับฉางเป็นเรื่องวงจรชีวิตที่น่าเบื่อ ซ้ำซาก วนไปอย่างนี้ทุกวันแต่ผมก็มีความสุขราวกับทุกวันเป็นวันพิเศษเมื่อได้อยู่กับมัน



หลังจากมื้อเย็น เรากลับมานอนแผ่ด้วยกันที่ห้องแสนคุ้นเคย ผมลอบมองหน้าไอ้ฉางพลางนึกว่าคนอย่างมันทั้งทำกับข้าวอร่อยจนแทบจะบินได้ ไหนยังพยายามเอาใจผมด้วยวิธีแปลกๆ อีก ถึงผมจะต้องดูแลมันเป็นครั้งคราวแต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า



“ฉาง กูดีใจที่มีมึงในชีวิตจริงๆ นะ”



“ข้าวขอผมแต่งงานเหรอ!”



“ก็เหี้ยแล้ว!”



ผมตวาดมันหน้าขึ้นสี เอาอะไรมาคิดว่าขอแต่งงานวะ เรื่องอย่างนั้น... ถึงผมจะคิดว่าถ้าผมอยู่กับมันแบบนี้ไปเรื่อยๆ คงไม่ต่างจากการอยู่ร่วมกันหลังแต่งงาน ยังไงก็เถอะ ก็ปกติของคู่ชีวิตไม่ใช่หรือ...



จวบจนเวลาเข้านอน ผมนอนมองหน้ามันที่ตอนนี้ไอ้ฉางคงหลับฝันถึงพระอินทร์ไปแล้ว ผมขยับตัวเอื้อมมือไปลูบใบหน้าของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนรัก ก่อนจะอิ่มเอมอยู่ในใจของตัวเองไปเงียบๆ



ฉับพลันไอ้ฉางที่ผมคิดว่ามันหลับไปแล้วกลับลืมตาโพลงขึ้นมา...



XXX



ข้าวของผมทำหน้าตกใจเสียน่ารัก สงสัยคิดว่าผมหลับไปแล้วถึงได้แอบมาแต๊ะอั๋งกันอย่างนี้



“แต๊ะอั๋งผมเหรอข้าว”



“มั่วแล้ว”



“เห็นๆ อยู่ อยากจับผมก็บอกดีๆ สิ”



“ไอ้บ้า! อย่างน้อยกูไม่ได้จับที่แปลกๆ เหมือนมึงนี่ อ๊ะ!”



สิ้นประโยคข้าว ผมลงมือจับที่แปลกๆ ตามที่ข้าวว่าทันที คนน่ารักร้องเสียงหลง ก่อนครางหงิงเมื่อผมขยับตัวไปขึ้นคร่อมเขา ผมส่งสายตาหมายขออนุญาต ต้นข้าวส่ายหน้า อ้างพรุ่งนี้มีเรียนเช้า งอแงบิดตัวหนีสัมผัสของผมที่คุกคามมากขึ้นเรื่อยๆ



ผมขอนิดเดียว ยืนยันกับเขาว่าจะปลุกให้เอง แน่นอนข้าวไม่เชื่อ แต่ก็หลอมละลายขัดขืนผมไม่ได้อยู่ดีเมื่อผมเริ่มลงมือ จัดการจนต้นข้าวตัวน้อยให้ตื่นขึ้นและกล่อมให้หลับใหลอีกครั้ง



ผมนอนมองหน้าข้าวยามหลับ ข้าวทำให้ผมเปลี่ยนไปมากจริงๆ ผมไม่คิดว่าตัวเองจะได้เจอคนอย่างข้าว คนที่อยากจะใช้ชีวิตไปด้วยกันเช่นนี้เรื่อยๆ อยากมีข้าวอยู่เคียงข้างและมีความสุขไปตลอดช่วงชีวิตที่เหลืออยู่ ผมตกหลุมรักเขามากขึ้นทุกวันที่ได้ลืมตาตื่นมาเจอข้าว เจ้าของหัวใจและชีวิตที่ไม่รู้ว่าจะหาได้จากไหนอีก



จวบจนรุ่งสางมาเยือน ผมทำตามที่ตัวเองสัญญาไว้ เอื้อนเอ่ยปลุกคนข้างๆ





“ข้าว ตื่น”


 

ตะวันลับขอบฟ้า



เราจากกันแค่ยามนิทรา



ก่อนจะตื่นขึ้นมาพบกันในทุกๆ เช้า



Wake me up



-END-



♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦



จบแล้ววววว ;;A;;

ตอนแรกตั้งใจให้เรื่องนี้อยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆ จนกว่าจะทำทีสิสจบค่ะ

แต่พอทำทีสิสแล้วเครียดก็เอามาลงกับข้าวกับฉาง

ขับเคลื่อนเนื้อเรื่องไปเรื่อยๆ ด้วยพลังงานความเครียด จนมันมาจบก่อนที่คิดไปมากโข ;_;

ถึงยังไงเราก็ไม่อยากยืดให้เรื่องเยิ่นเย้อไปมากกว่านี้

ความรักของทั้งคู่ดำเนินมาถึงจุดที่เราต้องปล่อยให้พวกเขาไปใช้ชีวิตกันตามลำพังได้แล้ว

ขอบคุณยุ้งฉาง ขอบคุณต้นข้าว เพื่อนแท้ยามท้อแท้จากทีสิส เทอมหน้าไม่มีพวกนายแล้วแต่เราจะคิดถึงนะ TT

รักสองคนนี้มากจนอยากเอาขึ้นในกิตติกรรมประกาศ 5555

แม้เนื้อเรื่องจะไม่มีอะไร(ตามเคย) ดำเนินเรื่องเอื่อยเฉื่อย เรื่อยเปื่อย อาจจะน่าเบื่อไปบ้างแต่ขอบคุณทุกคนที่ติดตามนะคะ

ตั้งใจให้เป็นเรื่องคลายเครียดแบบนี้ คลายเครียดทั้งคนเขียนทั้งคนอ่าน

ถ้าสองคนนี้ทำให้คนอ่านยิ้มไปกับพวกเขาได้ เราก็มีความสุขมากแล้วจริงๆ

เป็นอีกเรื่องที่ลัดคิวเรื่องอื่นๆ เอามาลง

แต่มีพล็อตไว้นานแล้ว ถ้าใครอ่านเรื่องสั้น #รีบโต จะรู้สึกว่าชื่อเรื่องคล้ายกัน

จริงๆ ตั้งใจจะเขียนต่อจากเรื่องนั้นเป็นเรื่องสั้น แต่เขียนไม่ถูกใจเสียที

จนมาวันนี้เขียนไปเขียนมากลายเป็นเรื่องยาวกว่าสามสิบตอนจนจบแล้ว แง

ภูมิใจแทนฉางจริงๆ 5555

ขอบคุณนักอ่านทุกคนที่ติดตามมาจนถึงตอนจบนี้นะคะ

ทุกกำลังใจ ทุกคอมเม้นท์มีผลกับเรามากจริงๆ  :hao5:



รัก รัก รัก,



Raccool



♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦



ปล.เรื่องนี้ตีพิมพ์กับสำนักพิมพ์เฮอร์มิทนะคะ : )

คาดว่าหนังสือน่าจะออกราวๆ เดือนเมษายน 2018

ขอบคุณทุกการติดตามและสุขสันต์วันคริสมาสต์ล่วงหน้าค่ะ



 :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:


หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |ยี่สิบเก้า| - 22.12.2017 p.23
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 24-12-2017 00:23:23
ร้ายกาจจริงๆฉาง วางแผนไว้ซะด้วย,,,
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: baibuabuaz ที่ 24-12-2017 00:29:35
จบแล้วววววว ดีใจที่ได้อ่านเรื่องดีๆแบบนี้นะคะ ขอบคุณคุณคนเขียนสำหรับนิยายดีๆค่ะ ชอบตอนจบมากๆ ฉางที่ถูกข้าวปลุกมาทั้งเรื่อง กลายเป็นคนปลุกเองบ้าง รอติดตามผลงานต่อไปนะคะ :pig4: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 24-12-2017 01:03:51
 :katai2-1: o13 :katai2-1:


 :กอด1: :L2: :pig4: :L2: :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: nnnnnnni ที่ 24-12-2017 01:19:25
ขอบคุณที่แต่งนิยายดีให้เราอ่านนะคะ :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: PrimYJ ที่ 24-12-2017 01:23:32
ขอบคุณมากๆเลยนะคะ  :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 24-12-2017 01:23:48
 :t3: อิจฉาแฮะ จะมีใครมาปลุกเราบ้างนะ รักกันให้นาน ๆ นะ  :กอด1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 24-12-2017 01:27:48
ฉลอง :mc4: :mc4: :mc4:ให้กับหนึ่งเรื่องราวที่จบไปอย่างมีความสุข :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: Duangjai ที่ 24-12-2017 01:43:52
.

.

 :กอด1:  :pig4:  :กอด1:  :pig4:  :กอด1:  :pig4:


...

.

.
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 24-12-2017 02:19:18
 :L2: :L1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: colorofthewind21 ที่ 24-12-2017 02:35:21
งืออ จะไม่ได้อ่านฉางแล้วหรอเนี่ยย
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: B52 ที่ 24-12-2017 03:04:53
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: AeAng11 ที่ 24-12-2017 05:08:23
ชอบอ่านเรื่องfeel good แบบนี้อ่านแล้วไม่เครียดตามเจตนาคนแต่งขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 24-12-2017 05:18:30
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: Dealta ที่ 24-12-2017 07:34:16
ฮืออ จบแว้ววว ปกติได้ยินเเต่่ข้าวปลุก " ฉางตื่น"

แต่ตอนจบ ฉางกลับปลุกข้าวซะงั้น " ข้าวตื่น"
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: marisa9397 ที่ 24-12-2017 07:39:00
สนุกมากเลย ขอบคุณนะคะ :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: warin ที่ 24-12-2017 07:51:33
ขอบคุณค่ะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: why yyy ที่ 24-12-2017 08:04:36
ขอบคุณ :)
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: FeaRes ที่ 24-12-2017 08:50:29
“ฉาง กูดีใจที่มีมึงในชีวิตจริงๆ นะ”
“ข้าวขอผมแต่งงานเหรอ!”

ตีความโคตรข้ามขั้นอะฉาง 55555
งือออ อยากอ่านฟิวเจอร์เพียวมากกว่านี้ยยย
ฉางข้าวจบแล้วอะ ฮรือออ ขอบคุณที่แต่งนะคะ
 :mc4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: CLShunny ที่ 24-12-2017 08:53:48
 :hao5: :hao5: :katai2-1:ดีใจจังงงงงงงง เค้ามีความสุชกันแล้ว เรารักฉางนะจริงๆก็รักพระเอกทุกเรื่อง55555 ชอบบทความตอนสุขท้ายมากค่ะไรท์ ชอบเรื่องด้วยยยยย ขอบคุณงานดีๆ ฉางก็เป็นฉางจนวันสุดท้ายจริงๆ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: BABYBB ที่ 24-12-2017 09:25:35
งื้อ จบแล้วววววว นังฉางต้องอ้วนแน่ๆ กินข้าวเต็มอิ่มทุกมื้อเลย 55555 ขอบคุณที่แต่งนิยายให้อ่านนะคะ รอเรื่องต่อไปอยู่ค่า :impress2:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: Piima ที่ 24-12-2017 09:27:40
ต้องรีบตื่นแล้วเหรอ เสียดายจัง

 :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: คุณบี๋ ที่ 24-12-2017 09:38:24
ชอบพี่ฉางกับต้นข้าวมากอ่านแล้วมีความสุขทุกครั้งเลย ขอบคุณมากค่ะ  :mew1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: Snowermyhae ที่ 24-12-2017 09:39:17
หมันไส้นังฉางยันตอนจบเลยค่ะ เกลียดความกินข้าวที่โรงแรม สงสารข้าว 555555555 ตอบมากๆเลยนะคะ หลายครั้งเครียดๆก็มาอ่านเรื่องนี้นี่แหล่ะค่ะ ฮีลลิ่งที่ดีมากๆ ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆอีกเครื่องนะคะ รอติดตามผลงานต่อไป และขอให้ผ่านไปให้ได้ทั้งเรื่องเรียนและทุกเรื่องค่ะ  :katai2-1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: seaz ที่ 24-12-2017 11:34:45
น่ารักมากเลย ขอบคุณสำหรับเรื่องราวน่ารักๆ นะครับ ^^
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: khwanruen ที่ 24-12-2017 11:50:42
ขอบคุณเรื่องราวน่ารักๆอบอุ่นๆนี้นะคะ ติดตามมาตั้งแต่ตอนแรก ใจหายเลยจบแล้ว  รักยุ้งฉาง รักต้นข้าว รักคุณคนแต่ง  :กอด1:  :mew1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: TachibanaRain ที่ 24-12-2017 13:59:51
จบแล้วเหรอรู้สึกใจหายหน่อยๆ เป็นนิยายที่น่ารักมากๆถึงแม้จะมีดราม่าและความไม่เข้าใจกันอยู่บ้างก็เถอะ เป็นนิยายที่เริ่มด้วยความมึนๆของฉางและจบด้วยความหื่นของฉางเช่นกัน ฮ่าๆๆ ความหื่นนี้ฉางได้แต่ใดมาคะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: Ginny Jinny ที่ 24-12-2017 14:02:43
ขอตอนพิเศษสักตอนสองนะยุ้งฉางต้นข้าว  :m1: :m1: :m1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: imymild ที่ 24-12-2017 14:25:30
รอตอนพิเศษ o13
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: HeIsMine ที่ 24-12-2017 14:42:35
อิจฉาข้าวที่มีฉางและก็อิจฉาฉางที่มีข้าว หวานละมุน
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-12-2017 15:45:23
จบแล้ว  :mew1: :mew1: :mew1:
ฉาง ข้าว  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

ขอบคุณไรท์ ทำให้คนอ่านได้อ่านเรื่องดีๆ น่ารักๆ
รอเรื่องใหม่ของไรท์นะ  :ling1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: beerby-witch ที่ 24-12-2017 18:48:00
ชอบประโยคตอนจบมาก แบบมากๆๆๆๆๆๆๆ  :mew4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: utamon ที่ 24-12-2017 19:20:58
เราตามเรื่องนี้แต่ต้น แค่เห็นคำว่าจบ มันก็รู้สึกใจหาย :hao5:
ถึงเรื่องนี้จะออกแนวเรียบๆ แต่เราก็ตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้อ่านในทุกๆตอนนะคะ
ขอบคุณยุ้งฉาง ต้นข้าว และเหล่าเพื่อนๆที่คอยมาสร้างสีสันในเรื่อง
สุดท้าย ขอบคุณคนเขียนที่แต่งนิยายอบอุ่นๆแบบนี้นะคะ ขอเป็นกำลังใจให้ในเรื่องต่อๆไปค่ะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: klongpani ที่ 25-12-2017 00:26:42
ฮือออออ จบแล้ววววว

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ ชอบมาก อ่านเพลินสุดๆ

เอ็นดูเจ้าฉางอย่างบอกไม่ถูก โอ๊ย อะไรจะนอนได้นอนดีขนาดนี้ 555555555

ถ้าไม่ใช่ข้าวคงเอาไม่อยู่จริงๆ 55555555

ขอบคุณคนเขียนอีกครั้งนะคะ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ สวัสดีปีใหม่ล่วงหน้าค่ะ

รอติดตามผลงานต่อไปนะคะ ^^
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: full ที่ 25-12-2017 00:54:01
ืจบแล้วววว ยังไม่อยากให้จบเลยย ต้องคิดถึงข้าวกะฉางแน่ๆ พออ่านตอนจบในหัวเราก็คิดไปถึงตอนแรกที่เขาเจอกันมันน่ารักตั้งแต่แรกยันจบถึงจะมีดราม่าไปนิดแต่เราก็ชอบ สู้ๆ เขียนผลงานใหม่ๆมาให้พวกเราได้อ่านแล้วยิ้มตามอีกนะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: StarPasO ที่ 25-12-2017 01:46:40
จบด้วย 'ข้าว ตื่น' น่ารักมากๆเลย ฉางได้ปลุกข้าวจริงๆแล้ววว

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆครับ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: a.amyw ที่ 25-12-2017 12:56:37
จบแล้ววว ใจหายเลยตามอ่านมาตั้งนาน ต้องคิดถึงข้าวกับฉางมากแน่ๆ เราชอบนิยายเรื่องนี้มากเลยนะ น่ารักมากๆ ขอบคุณคนแต่งมากนะคะที่ได้สร้างนิยายดีๆแบบนี้ขึ้นมา จะติดตามเรื่องต่อๆไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: รักแรก_ ที่ 25-12-2017 19:49:47
อิฉางงงง5555555 หมั่นนาง :katai5:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: crazydoii ที่ 25-12-2017 23:30:07
เรื่องสนุกมากเลยครับ. ชอบมาเลย,,

ขอบคุณสำหรับคนแต่งด้วยนะครับ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: Namshine ที่ 26-12-2017 15:02:42
จบแล้ว ใจหาย :ling3: ขอบคุณไรท์นะคะ เป็นนิยายที่สนุกแล้วพระเอกก็สโลว์ไลฟ์ได้ใจจริงๆ555
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: MSeraph ที่ 26-12-2017 17:58:50
จบแล้ววว ใจหายเหมือนกันนะเนี่ย
ต้องคิดถึงฉางกับข้าวมากแน่ๆเลย
เป็นเรื่องที่อ่านแล้วสบายใจ เครียดๆมาอ่านก้ยิ้มได้ตลอดเลย
เป็นคาแรคเตอร์ที่แปลกใหม่จริงๆค่ะ ฉางเนี่ย
น่ารักและน่าจดจำทั้งคู่เลย เป็นแค่คนธรรมดาที่ออกจะแปลกๆแท้ๆเลย
ชอบเรื่องนี้มากกกก รักพวกเค้าาอะ รักคนแต่งด้วยย
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆแบบนี้อีกเรื่องนะคะ
ติตดตามเรื่องต่อๆๆๆไปค่าา
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: songte ที่ 26-12-2017 21:30:55
:จบซะแล้ว เสียดายความน่ารักของข้าวที่เราจะไม่ได้เห็นอีก
ไหนจะความหื่นของฉางอีก เป้นคู่ที่น่ารักดีจริงๆ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: labelle ที่ 27-12-2017 20:50:18
กำลังน่ารัก กำลังอินเลยค่ะ จบแล้ว

ข้าวน่ารักมาก น่ารักแบบอยากกอดฟัดเลยค่ะ พอรับฉางได้
ข้าวยอมหมด อยากอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่า

ฉางก็เนียน แผนสูง มีความผูกมัดและหลอกล่อข้าวตลอดเวลา 5555

เขียนก็ทำใจไม่ค่อยได้ละมั้ง ต้องหาคนดามใจไหม

ขอบคุณมากนะคะ ยังแบ่งเวลาจากงานวิจัยมาแต่งให้
เป็นกำลังใจให้นะคะ ถ้าเครียดอีกก็มาคลายเครียดเป็นตอนพิเศษก็ได้นะคะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: adoralula ที่ 30-12-2017 03:13:30
เปลี่ยนมาเป็นคนปลุกบ้างเนอะฉางเนอะ อิอิ
สนุกมากค่ะ ไม่ได้เอื่อยเฉื่อยเลยสำหรับเรา
ขอบคุณพล็อตน่ารักๆ และพระเอกซึนๆ แบบฉางนะคะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: KARMI ที่ 30-12-2017 09:47:20
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: lovenine ที่ 30-12-2017 18:43:55
ขอบคุณคนแต่ง  สนุกมาก
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: naezapril ที่ 31-12-2017 07:45:54
ขอบคุณครับบบ
ข้าวน่ารักกกกก จะทำอะไรก็ยอมม
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 31-12-2017 12:15:59
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: GajungGajing ที่ 02-01-2018 21:31:41
 o13 o13 o13 o13 กรีดร้องงง ชอบมากๆ มากๆๆ ขอบคุณที่ทำให้ปีใหม่ของเรามีความสุขกับฉางและข้าวเพิ่มขึ้นไปอีก ขอบคุณที่เขียนให้เราได้อ่านและค้นพบว่า มันฮีลหัวใจได้ดีจริงๆ  :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: Fish129 ที่ 08-01-2018 17:16:11
ฉางนี้น่ารักจริงๆ เลย
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: KKKwanGGG ที่ 10-01-2018 13:54:59
สนุกมาก ๆ ครับ ฉางน่ารักมาก ๆ เลย



ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 11-01-2018 14:08:42
 :impress2:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: A_Narciso ที่ 12-01-2018 16:22:18
ขอบคุณคนเขียนมากเลยยยย น่ารักมากๆค่ะ หลงรักทั้งต้นข้าวและยุ้งฉาง^^
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: pornwicha ที่ 12-01-2018 21:36:38
น่ารักมากกกกก เราเห็นเรื่องนี้นานแล้วแต่ว่ายังไม่ได้มาอ่านเพราะว่าอยากรอให้จบก่อนนน :katai2-1: :katai2-1: ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆแบบนี้มาให้อ่านนะคะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 14-01-2018 13:19:52
 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: nuch-p ที่ 14-01-2018 22:59:59
 :mew1:หลาดอารมณ์ สนุกมากกกกค่า :pig4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: whoami ที่ 16-01-2018 10:06:00
อื้ออออออ น่ารักอ่ะ ยุ้งฉาง-ต้นข้าว แถมหมั่นใส้นังฉางด้วย อะไรจะตะกละขนาดนั้น ตั้งแต่ได้กินข้าวก็แทบจะได้กินข้าวเกือบทุกตอนเลย กินรอบเดียวไม่พอ ต้องหลายๆรอบอีก กินขนาดนี้ขอให้ท้องแตกตายเลยนิ 555

สนุกดีค่ะ ขอบคุณที่แต่งนิยายสนุกๆมาให้อ่านกันนะคะ

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: kaokorn ที่ 16-01-2018 14:15:43
ขอบคุณมากฮะที่เขียนเรื่องน่ารักๆให้ได้อ่าน
ต้นข้าวน่ารักและใจดีมาก เป็นโชคดีของฉาง
และขอชมฉางว่าเป็นพระเอกที่พูดเพราะที่สุดที่เคยอ่านมา ชอบมากๆๆๆๆๆๆ

 :L2:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: AdLy ที่ 16-01-2018 20:21:56
ข้าวน่ารัก แต่ฉางน่ารักกว่า อิอิ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: cirrus ที่ 18-01-2018 01:13:57
ขอบคุณที่เขียนนิยายดีๆมาให้อ่านค่ะ. สนุกมากเลย  o13
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 28-01-2018 17:55:42
ขอบคุณมากที่แต่งให้อ่านนะ ชอบครอบครัวของฉางกับแม่ข้าวมากเลย เข้าใจลูกน่ารักอบอุ่นดี
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: แ ฝ ง. ที่ 31-01-2018 01:06:40
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆค่ะ

ชอบความมึน ความเฉื่อยของฉางมากเลย :mew1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: Kitsune1st ที่ 06-02-2018 05:19:20
ตามมาอ่านตอนที่ขาดหายไป  :hao6:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: van16 ที่ 10-02-2018 22:08:56
ข้าวน่ารักจัง  :กอด1:   :pig4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: ชายกุมภ์ ที่ 02-03-2018 07:34:41
ฮาในฉาง จังหวะมึนๆ คมมากครับ คิดภาพตามตอน ฉาง/ฟ่า/เพียว/เจอร์อยู่ด้วยกันแล้วหยุดขำไม่ได้

ฉาง..ตื่น << ประโยคธรรมดาแต่มุ้งมิ้งสุด

ขอบคุณมากครับคุณนักเขียน
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: TiwAmp_90 ที่ 03-03-2018 17:33:19
เป็นนิยายฟีลกู้ดที่ชอบมากเรื่องนึงเลยค่ะ
ชอบความตีมึนของฉาง ความใจดีน่าแกล้งของข้าว และความน่ารักของแมวฉาง(?) และชอบที่สุดคือความสัมพันธ์ครอบครัวฉาง น่ารักและอบอุ่นจริงๆ แต่เหนือสิ่งอื่นใดคืออยากอ่านเรื่องราวของเพียวกับเจอร์มาก นางมีความเคะราชินีมากอ่ะ แต่ดราม่าน่าจะหนักหน่วงกว่า

ปล.ยังไงก็ขอบคุณนักเขียนสำหรับนิยายดีๆแบบนี้และขอเป็นกำลังใจต่อๆไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 04-03-2018 19:59:09
ยิ้มกว้างๆ : )
กว้างมากๆเลย
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 04-03-2018 20:32:50
เรียนรู้กันไปเนาะ จะได้รักกันมากๆ เข้าใจกันมากๆ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 04-03-2018 21:30:51
ฉางต้องแสดงออกและพูดเรื่องมากกว่านี้อีกนิด ข้าวจะได้มั่นใจ
และทั้งคู่ต้องปรับจูนเข้าหากันอีก ค่อยๆจับจูงมือกันไป จะได้มั่นคงเนอะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 04-03-2018 21:47:47
ไม่เนือยค่า เรื่อยแบบมีความสุข ค่อยๆซึมซับ ดีจะตาย
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 04-03-2018 22:01:12
คึคึ เขิน
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 04-03-2018 22:26:28
สนุกค่า เวลาอ่านฉากที่เพื่อนๆมารวมกันแบบนี้แล้วคลิ้นเคลงดี
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 04-03-2018 22:43:40
 :o8: :serius2: :katai1:
หลากอารมณืมาก ระทึกในหลายๆความหมาย
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 04-03-2018 23:09:24
“ถ้าข้าวยอมให้คุณดูแลล่ะก็นะ...”
ถ้าเราเป็นเขียนได้ยินประโยคนี้จะจุกมาก
เข้าใจว่าห่วง แต่คนเรามันฝืนใจกันไม่ได้
คิดว่าเขียนเป็นห่วงข้าว หวังดีกับข้าวจริงๆนั่นแหละ
แต่แค่วิธีการมันไม่ถูกแค่นั้น
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 04-03-2018 23:11:35
ทุดอย่างมันมีเหตุและผล
เข้าใจในทุกฝ่าย
ได้แต่ภาวนาให้ทุกอย่างดีขึ้น
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 04-03-2018 23:26:53
จริงค่ะ อคติ มีอยู่ทั่วไปในสังคมจริงๆ
แค่ไม่ชอบ ก็ตั้งป้อม ตั้งการ์ดโจมดีสิ่งที่ไม่ชอบ ก็พบได้ทั่วไปจริงๆ
ยิ่่งถ้ามีคนทำอะไรไม่ตรงใจ ไม่ตรงกับสิ่งที่เราคิด เราก็จะอคติ หรือไม่พอใจได้ง่ายๆเลย

สังคมเดี๋ยวนี้เป็นสังคมด้านลบจริงนะคะ ความคิดลบเต็มไปหมดจนน่าเหนื่อยใจ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 04-03-2018 23:46:18
 สู้ๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: RiyaKwon ที่ 04-03-2018 23:56:50
 :o8: :o8:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: abc_b ที่ 06-03-2018 23:32:56
นอกจากคำว่าน่ารักก็ไม่มีอะไรจะให้แล้วจริงๆ  :กอด1:

ตอนแรกมองบนกับเขียนมากเลย เพื่อนอาไร้โลกแคบจัง พอมาตอนพาร์ทเขียนนี่ทำเอาสตั๊นไปเลย พลิกล็อคเฉยย กลายเป็นนกเขียนซะแล้วสิ #วานคุนครเขียนหาคนมาดามใจพระรองนกๆด้วยนะคะ

ส่วนตัวชอบพระเอกสายมึนงี้อะ แพ้ทาง  :-[  ครุสอนมาว่ายุ้งฉางมีไว้เก็บข้าว แต่เรื่องนี้คือยุ้งฉางเก็บข้าวเรียบ! ซัดซะเปลือกก็ไม่เหลือ สงสารข้าวเลย555 สู้คนมึนไม่ชนะซะที

 :pig4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: mint_852 ที่ 09-03-2018 10:48:20
อ่านรวดเดียวจบเลยค่ะ
ตามอ่านมาหลายเรื่องแล้ว
แอบปลื้มที่มีMr.greyเข้ามาเกี่ยวด้วย
ชอบเรื่องนั้นมากๆเหมือนกัน
เรื่องเอื่อยๆ เรียบเรื่อยเหมือนกันเลย
รออ่านเรื่องต่อไปนะคะ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: ืniyataan ที่ 08-04-2018 21:25:20
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: neno.jann ที่ 10-04-2018 12:21:55
ตอนเข้ามาอ่านครั้งแรก นึกว่าเป็นเรื่องแมวฉาง 55555 มนุดฉางนี่มันเนียนได้โล่จริงๆ ชอบ5555 อ่านจนจบถึงได้รู้ว่าฟิวเจอร์ไม่มีบทพูดเลย  :laugh:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: kiszy ที่ 14-04-2018 20:19:58
งื่ออออออ อิจฉาข้าวววววววว ฉางน่ารักมากมายยยยยย ฮื่ออออ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: chaoyui ที่ 16-04-2018 18:29:21
ข้าวน่ารักจัง ฉางทำอะไรก็ยอม หมั่นไส้นังฉาง น่าอิจฉาจริงๆ
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: MacaroonCookie ที่ 10-05-2018 09:07:33
นังฉางหื่นนน แต่น่ารักแท้ๆ ชอบไทป์ลูกหมาของไรต์มากกก น่ารักแบบน่าเอ็นดูล แต่ก็ยังดูคูลล ข้าวนี่ก็จอมปากแข็ง ตอนพิเศษอยากเห็นฉางถูกกดบ้างข้าวก็แมนๆให้โอกาสข้าวบ้างง รีเควสฉากรีเวิร์สค่ะ 55555  :mew1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 24.12.2017 p.24 |จบ|
เริ่มหัวข้อโดย: q.tr ที่ 04-06-2018 09:21:34
ฉางน่ารักกก อ่านแล้วก็อยากนอนไปพร้อมกับฉาง  :katai5:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 7.6.2017 p.24 |จบ|-รายละเอียดหนังสือ
เริ่มหัวข้อโดย: Raccool ที่ 07-06-2018 17:12:45
สวัสดีค่ะ
หลังจากที่หายไปนาน วันนี้เรามีข่าวดีมาแจ้ง
ตอนนี้เจ้าฉางเข้าโรงพิมพ์แล้ว ตีพิมพ์กับสนพ.เฮอร์มิท
และจะวางจำหน่ายในงาน Y Book fair วันที่ 8 ก.ค. 2561 ค่ะ
ราคาเล่มละ 280 บาท อาจจะมีโปรโมชั่นอีกที
และจะวางหน้าร้านหลังจากนี้ค่ะ
ถ้ามีรายละเอียดอื่นๆ จะมาแจ้งให้ทราบอีกทีนะคะ

ใครคิดถึงพี่ฉางก็ไปรับพี่ฉางมาเลี้ยงกันน้า
ในเล่มมีตอนพิเศษอีกสองตอนที่ไม่ได้ลงเว็ปด้วยค่ะ

(https://www.picz.in.th/images/2018/06/08/47mduR.jpg)
(ตัวอย่างปกค่ะ)


รัก,
Raccool


 :L1:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเอ็ด| - 21.9.2017 p.6
เริ่มหัวข้อโดย: Maylita ที่ 14-10-2018 15:36:23
 :hao5: :hao5: :hao5: ฉางใจร้าย ให้คะเเนนติดลบไปเลยน้องข้าว
11



 ‘ข้าว ช่วยด้วย’



ผมมองข้อความในมือถือ สัญญาณขอความช่วยเหลือแปลกๆ ส่งมาช่วงสายๆ ไม่ต้องดูชื่อคนส่งก็รู้ว่าเป็นไอ้ฉาง ที่ออกไปตั้งแต่เช้า อันที่จริง ผมปลุกมันเองเพราะมันบอกว่ามีเรียนเช้า และดูไม่แยแสอะไรเลยและไม่ตื่น ถ้าไม่ใช่เพราะผมเป็นคนติดตื่นเช้าอยู่แล้วคงไม่ปลุกมันหรอก



ผมนั่งห้อยขาอยู่บนเตียง เอื้อมตีนไปแตะแมวฉางที่นอนขดอยู่ใกล้ๆ ไปพลาง ระหว่างทำความเข้าใจกับข้อความตรงหน้า



ช่วยอะไรอีกวะ เรื่องไอ้แมวส้มนี่อีกรึเปล่า ลำบากกูอีกแล้วหรอวะ



คิด พลางส่งข้อความตอบกลับ

‘อะไร’

ฉางไม่อ่าน ไม่ตอบจนผมชักรำคาญ มีเรียนตอนสิบเอ็ดโมง ตอนนี้ก็เก้าโมงครึ่งแล้ว ผมควรลุกไปเตรียมตัว ถ้ายังแม่งไม่ตอบอยู่ก็จะช่างแม่งแล้ว



ผมลุกไปอาบน้ำทำธุระอย่างที่ใจนึก กุญแจห้องอีกอันผมบอกให้ไอ้ฉางไปเอามาใช้ได้แล้ว จะได้ไม่ต้องลำบากผมไปเปิดประตูให้มัน อันที่จริงก็งงตัวเองเหมือนกัน ทำไมถึงยอมให้ไอ้ฉางมาเป็นเพื่อนร่วมห้องแบบเต็มตัวได้แบบนี้วะ ...คงเพราะมันช่วยผมเมื่อวานด้วยแหละมั้ง...



 ผมไม่พอใจที่มันทำอะไรไม่บอกผม ไม่เห็นหัวผม แต่มันไม่ได้ทำเพราะอยากมาเนียนเป็นรูมเมทผมจริงๆ มันทำเพื่อไม่ให้ผมเดือดร้อน



หรือจริงๆ แล้วแม่งวางแผนจะมาอยู่กับผมจริงๆ วะ...



เจอปริศนาที่คิดไม่ออกอีกแล้ว...



ยกมือเช็ดผม กดดูข้อความตอบกลับตรงหน้า



‘สมุดเสก็ตช์ ข้าวเอามา’



ข้อความขาดๆ เกินๆ ที่ผมเรียบเรียงได้ว่ามันลืมสมุดเสก็ตช์ประจำตัวของมันไว้ที่ห้อง ไอ้ฉางชอบวาดรูปก่อนนอน ผมมองไปแถวหัวเตียง เห็นสมุดสีดำวางอยู่ แน่นอน ไม่ใช่ของผม ไมคิดจะซื้อสมุดวาดรูปมาเพื่อทำลายสิ่งแวดล้อมเล่นหรอก ความสามารถทางศิลปะผมห่วยยิ่งกว่าช้าง



ทันทีหยิบสมุดสเก็ตช์มันมา ไม่ได้ตั้งใจจะเปิด ทว่าเผลอทำมันหลุดมือ แผ่ออกบนเตียง เผยภาพในสมุด เห็นอย่างนั้นเลยขอแอบดูข้างในนิดหน่อย ผมเปิดผ่านๆ เจอรูปเส้นยุ่งๆ ขยุกขยุย ไม่เข้าใจความหมายเยอะแยะ เจอภาพร่างสถาปัตยกรรมตามที่ต่างๆ ตัวหนังสือยุกยิกที่อ่านไม่ออก มีแมวส้มด้วย จนกระทั่งเปิดไปเจอหน้าท้ายๆ ของสมุด ปรากฏรูปวาดของใบหน้าที่คุ้นเคย



ผม?



ไม่ค่อยแน่ใจ แต่คิดว่าใช่... คิดว่าใช่ตัวเองเพราะรายละเอียดต่างๆ มันคือตัวผม คิ้ว ตา โครงหน้า จมูก ปาก ทรงผม ล้วนบ่งบอกว่าเป็นตัวเอง ผมเปิดดู มีรูปคนหน้าคุ้นอยู่ราวๆ เจ็ดแปดรูป ไม่รู้ว่าไอ้ฉางวาดผมไปทำไม วาดตอนไหน อาจจะเพราะไม่มีอะไรให้วาดมั้ง รอบๆ ตัวมันก็มีแต่ผมกับแมว



เหมือนอย่างที่มันเจอผมช่วงแรก ๆมันก็วาด รูปผมหลับยังปรากฏอยู่หน้าสุดท้ายของกระดาษ



ผมลอบยิ้มขึ้นมา ไม่รู้สาเหตุ รู้แต่หัวใจมันเต้นแปลกๆ คงเพราะไม่มีใครวาดรูปตัวเอง ไม่เคยเห็นตัวเองไปปรากฏบนเส้นดินสอ ผมคงแค่ประทับใจเฉยๆ ตอบสมองตัวเองเช่นนั้น รู้ว่าไม่ได้เป็นคำตอบของหัวใจ



ผมหยิบสมุดเสก็ตช์ไอ้ฉางเข้ากระเป๋าเป้ หยิบชีทและสมุดแล็ปใส่กระเป๋า เพราะเมื่อวานเอามันออกมาทำทิ้งไว้ เหลือสรุปอีกนิดหน่อย ไว้ค่อยลอกไอ้แว่น



‘ใช้กี่โมง กูเรียนเลิกบ่าย’



’1.30’



ตีหนึ่งหรอวะไอ่สัด สมองผมทำงานหนักอีกครั้งเมื่อคิดว่าเลขหนึ่งของมันคือบ่ายโมง เออ ให้ตาย



‘มาเอาที่คณะกู’



‘ไม่ได้’



เรื่องมาก! อยากจะพิมพ์ด่าแม่ให้เข็ด เสียแต่ต้องทำใจเย็นเข้าไว้ ด่าไปก็เท่านั้น ผมจะเหนื่อยเปล่า ผมมีเรียนอีกทีตอนบ่ายสาม มีเวลาเอาไปให้มันนั่นแหละ แต่ขี้เกียจ มันลืมเองทำไมไม่มาเอาเองวะ



แต่...เออ



‘เดี๋ยวเอาไปให้’ ก็ได้



‘ที่เดิมนะ’



ฉางตอบ



ต่อด้วยไอค่อนรูปหัวใจ



ไอ้...!



มันต้องกวนตีนผมอยู่แน่ๆ ไอ้ฉางเป็นปรมาจารย์ด้านนี้ บัดซบ ถ้าไม่อย่างนั้นมันก็คงกดผิด ผมรู้ว่าตัวเองคิดอย่างนั้น แต่หยุดยกยิ้มที่มุมปากไม่ได้เลยจริงๆ



หัวใจทำงานด้วยจังหวะแปลกๆ



สาวเท้าเข้าห้องเรียนได้ทันเวลาพอดี เพราะออกจากห้องมาแล้วลืมเอาข้าวให้แมวฉาง ไม่ได้ตรวจดูว่าในถ้วยมันมีข้าวเหลือมั้ย ตอนนั้นอยู่กลางทาง กลับตัวก็ไม่ได้จะไปต่อไปก็ไปไม่ถึง ยึกๆ ยักๆ จนสุดท้ายตัดสินใจวิ่งกลับห้อง มาเติมอาหารให้แมวที่ยังเหลือพูนถ้วย ไอ้แมวมึงน่าจะช่วยแดกให้หมดถ้วยก่อนกูมาจะดีมาก จะได้ไม่รู้สึกว่าตัวเองเสียเวลา ฮือ



แต่เพราะมาถึงแล้ว ผมจึงผมเติมข้าวให้มันอีกหน่อย ก่อนวิ่งหน้าตั้งออกไปอีกครั้ง ทำเวลาได้ทันพอดี ใครมันจะไปคุ้นชินกับการต้องรับผิดชอบสัตว์เลี้ยงในห้องได้ล่ะวะ ในเมื่อเมื่อก่อนผมอยู่คนเดียวมาตลอด



ไอ้เขียนมองผมแปลกๆ ที่มาเข้าเรียนเอาตอนนี้ ปกติผมเข้าเรียนก่อนมันทุกครั้ง แต่เพราะมันไม่ถาม ผมถึงไม่อธิบาย ซึ่งก็ดี ไม่รู้จะอ้างอะไร ถ้าบอกว่าไอ้ฉางเอาแมวมาเลี้ยงที่ห้อง ไอ้เขียนคงด่าผมตาย



โง่ ให้มันมาคุกคามมึงขนาดนี้ได้ไง



น้ำเสียงและประโยคลอยมาเลย ต้องด่าผมอย่างนี้แน่ๆ เออ กูก็สงสัย ยอมให้มันมาคุกคามขนาดนี้ได้ยังไง



ผมนั่งเรียนไปลอกแล็ปไอ้แว่นไปพร้อมกับไอ้เขียน ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่นานๆ ทีผมจะพึ่งพาเพื่อนเนิร์ดอย่างไอ้แว่นหรือไอ้ภัค ห้องเรียนดำเนินไปอย่างเงียบเชียบ มีเสียงอาจารย์กล่อมประสาทอยู่เป็นฉากหลัง ตัวหนังสือจากแล็ปไอ้แว่นเป็นฉากหน้า



จวบจนลอกเสร็จ ผมตั้งใจเรียนได้ไม่นานก็หมดเวลาพอดี ท้องร้องส่งเสียงประท้วง อาจารย์เลิกก่อนเวลาซึ่งก็ดี เพราะแกมานัดชดเชยโดยหาเวลาประหลาดๆ มายัดวิชาของตัวเองเข้าไป ปกติไม่มีหรอกตารางเรียนที่เลิกบ่ายเนี่ย



“มึงกินข้าวป่ะ”



“เออ”



“กินไหน”



“ไม่กินว่ะ”



ผมกลับคำ ตอบไอ้เขียนไป เพิ่งนึกได้ว่าต้องเอาสมุดไปให้ไอ้ฉางตอนเก็บของใส่กระเป๋าแล้วเจอสมุดมันพอดี



“อ้าว อะไรของมึงวะ ไปไหน”



“เอ่อ...กู นัดเพื่อนไว้”



“เพื่อนไหน”



ไอ้เขียนรู้ นอกจากมัน ผมไม่มีคนคบมากเท่าไหร่ ตั้งแต่เด็กๆ แล้วก็มีแต่มันเป็นเพื่อนสนิทที่ไปไหนมาไหนด้วยกัน ขนาดเข้ามหาลัยแล้วยังเสือกเลือกคณะเดียวกัน ที่เดียวกันอีก ผมหมดโอกาสหาเพื่อนใหม่โดยสิ้นเชิง เกาะติดมันไปเนี่ยแหละ มีไอ้แว่นกับไอ้ภัคโผล่มารวมกลุ่มเป็นพักๆ



“ไอ้ฉาง”



เพราะไอ้เขียนรู้ ผมถึงหาข้ออ้างหรือคำโกหกไม่ได้ มันรู้เรื่องชีวิตผมดีกว่าผมอีกบางที



“ไอ้เกย์นั่นอ่ะนะ มึงยังไม่เลิกคบกับมันอีก”



“ก็ เออ”



ผมถอนหายใจให้คำเหยียดหยาม ถ้ามึงรู้ว่ามันย้ายมาเป็นเมทกูถาวรแล้วมึงจะตกใจ...



“นัดอะไรวะ”



“กูต้องเอาสมุดไปให้มัน”



“...งั้นกูไปด้วย” ไอ้เขียนเลิกคิ้วสงสัย คงประมวลผลในใจได้แล้วมั้งว่าไอ้ฉางมันยังวนเวียนอยู่รอบตัวผมอยู่ ถึงได้มีการลืมสมุดไว้



“เอางั้นก็ได้...”



รึเปล่าวะ หวังว่าจะไม่เจอพวกเพื่อนมันนะ ผมขี้เกียจมีเรื่อง



.



คำขอผมไม่สัมฤทธิ์ผล เมื่อไปถึงผมเจอเพื่อนมันทุกคนพร้อมหน้าพร้อมตากัน... บัดซบชีวิต



ผมทำใจดีสู้เสือ ไม่ใส่ใจว่าไอ้เขียนทำหน้ายังไง เดินตรงไปหาไอ้ฉางก่อนยื่นสมุดของมันให้



“อ่ะสมุด”



“ขอบคุณนะข้าว ช่วยชีวิตผมไว้อีกแล้ว”



ไอ้ฉางว่าพลางยกยิ้มเหมือนเด็กๆ ทรงผมเด๋อๆ ของมันทำให้หน้ามันดูตลกมากกว่าเดิม ผมกลั้นยิ้มขำ ตอบเออออไป เมื่อได้ของแล้ว ไอ้ฟ่าสวนขึ้นมา พูดรัว



“ข้าว กินข้าวป่ะ โอ๊ะ ข้าวกินข้าวว่ะ ข้าวกินข้าวมั้ย ข้าวกินข้าวยัง ข้าวกินข้าวที่นี่มั้ย”



อันนี้ผมเข้าใจ มุกนรกแบบนี้ได้ยินมาเยอะ ไม่ได้แดกกูหรอก



“มึงเอาไง” ผมถามไอ้เขียนที่คิ้วขมวดตั้งแต่เห็นพวกเพียว



“ไงก็ได้”



“งั้นแดกนี่ละกันนะ กูขี้เกียจคิด”



“อืม”



ส่วนหนึ่งขี้เกียจหาที่กินข้าวก็ใช่ เพราะที่คณะสถาปัตย์คนน้อย ไม่ต้องแย่งกันต่อคิวก็ใช่ แต่ผมอยากให้ไอ้เขียนรู้จักไอ้พวกนี้มากกว่านี้หน่อย ไม่ได้อยากให้มันคิดว่าคนที่เป็นเกย์มีแต่คนไม่ดี อย่างน้อยไอ้เพียวก็เป็นคนดีนะ ถึงขนาดพาผมกลับหอแถมเปิดแอร์ให้ ทั้งที่ไม่ได้สนิทกันเนี่ย จะว่าไป...ยังไม่ได้คิดบัญชีเรื่องนี้กับไอ้ฉางเลย



“มึงเป็นอะไร หน้าแดง”



“เปล่า” ผมรีบตอบปัดเมื่อคิดถึงเรื่องคืนนั้น ผมยังคงนึกอะไรไม่ออกเหมือนเดิม รอยแดงใต้ร่มผ้าเริ่มจางลงจนตอนนี้มองไม่เห็นแล้ว แต่ว่าทุกครั้งที่ผมอาบน้ำแล้วเห็นมัน ก็อดนึกถึงหน้าคนทำไม่ได้...



มึงบ้าไปแล้ว ข้าว



เอ่ยสั่งเมนูให้กับเจ้าของร้านก่อนรอรับอาหารพร้อมไอ้เขียน เมื่อได้อาหารผมเดินไปรวมตัวกับพวกไอ้ฉาง ช่วยไม่ได้ นี่ไม่ใช่ถิ่นผม ในโรงอาหารก็มีแต่คนแปลกๆ ไม่เหมือนโรงอาหารคณะอื่นที่มีคนนอกคณะเข้าออกประจำ ที่นี่แม่งมีแต่เด็กในคณะนี้ ผมอยู่กับคนรู้จักอุ่นใจกว่า ไอ้เขียนเองก็ไม่ว่าไง



พวกไอ้ฉางก็กำลังกินข้าวอยู่เหมือนกัน ตั้งแต่ตอนที่ผมมาถึงแล้ว ตอนนี้ไอ้ฟ่ากินหมดแล้ว เหลืออีกสามคนที่กินไปคลิกเมาส์ไป วันนี้พวกนี้แม่งไม่ใส่เสื้อนักศึกษากันเลยสักคน อันที่จริง ผมก็เห็นไอ้ฉางใส่ชุดนักศึกษาแทบนับครั้งได้ เพียงแต่ไม่รู้ว่าทั้งคณะเขาไม่นิยมใส่ชุดฟอร์มกัน นึกว่ามีแค่ไอ้ฉางที่ประหลาด



“ข้าวข้าวน่ากินจัง” ไอ้ฟ่าพูดเมื่อผมวางจานข้าวบนโต๊ะและหย่อนตัวนั่งลง



“ฟ่า คุณหนวกหู”



“หึ”



ผมหัวเราะ เมื่อไอ้ฉางว่าอัลฟ่าเช่นนั้น ตรงใจกูมาก บางทีอัลฟ่าก็พูดมากเกินไป ผมไม่รู้จะตอบอะไร



“จะว่าไป...เพียวเป็นคนมาส่งเราหรอ เมื่อคืนนั้น”



ผมเปิดบทสนทนาขึ้นมาเพื่อไม่ให้โต๊ะเงียบเกินไป ไอ้ฉางหันขวับไปมองคนหน้าสวยทันทีที่ผมพูดจบ ส่วนเพียวทำเพียงแค่เงยหน้าขึ้นมาหน่อยๆ สบตา แล้วยกยิ้ม



ผมก้มหน้าหนีแทบไม่ทัน รับรู้ว่าหน้าตัวเองเห่อร้อน ขวยเขินอย่างกับสาวแรกรุ่นกับอีแค่กริยาไม่กี่ท่วงท่าของเพียว น่ากลัวมาก



“อือ เราเอง”



“แล้ว รู้จักหอเราหรอ”



“อืม ฉางเคยเล่าให้ฟัง”



ผมหันไปมองไอ้ฉางที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ปล่อยเหม่อเหมือนไม่ได้ยิน มันแม่งต้องเป็นคนบอกทางมาแน่ๆ ถ้าอย่างนั้นเรื่องที่จู่ๆ มันก็เข้ามาในห้องผมได้คงกระจ่าง มันคงบอกเพียวไม่ต้องล็อกห้อง เพราะผมจำได้ว่าตอนตื่นมาแวบๆ ผมอยู่คนเดียว



“หื้อ ฉางเล่าให้พวกเราฟังแค่ครั้งเดียวคุณก็จำทางได้เลยหรอ”



เสียแต่ไอ้ฟ่าดันเอ่ยขัดขึ้นมา ทำลายความคิดของผมพังทลาย



“ใช่”



สิ้นเสียงตอกย้ำ ปริศนาเก่ายังคงไม่กระจ่างเหมือนเดิม อะไรวะเนี่ย



ผมเคี้ยวข้าวไปสงสัยไป ยังไงวะ แสดงว่าฉางเคยเล่าที่อยู่หอผมเมื่อนานมาแล้ว และเพียวจำทางที่ฉางบอกได้ แสดงว่าเพียวจงใจไม่ได้ล็อกห้องงั้นสิ...ไม่หน่า คงแค่ลืม ผมมองหน้าเพียวที่เป็นต้นเหตุของปริศนาพลางหน้าขึ้นสีอีกครั้ง แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ชอบผู้ชายมาก่อน แต่เพียว...สวยเกินไป จนบางทีก็ไม่คิดว่าเป็นผู้ชาย ต้องเพราะเหตุผลนี้แน่ๆ ที่ผมใจสั่น



“แสดงว่าเพียวมาส่ง...เรา?”



“ใช่ครับ” อย่าครับได้มั้ย เกิดมาไม่เคยมีเพื่อนคนไหนพูดเพราะใส่ ไม่คุ้นเลย ใจเต้นผิดจังหวะเลยเนี่ย



“ล..แล้ว เอ่อ..คือ เพียว คุณ...ไม่ได้ล็อกห้อง ใช่มั้ยครับ”



“ข้าวพูดปกติก็ได้ กูๆ มึงๆ ฉางไม่ว่าหรอก”



“อัลฟ่า คุณน่ารำคาญ”



สิ้นเสียงไอ้ฉาง เพียวกลับมายกยิ้มอีกครั้ง บ้าเอ้ย ถ้าเป็นผู้หญิงผมไม่ลังเลที่จะจีบเลย คนอะไรสเน่ห์เหลือล้นมองแล้วเพลินตาขนาดนี้



“อืม เราไม่ได้ล็อกห้อง”



“...อ่า”



“เปิดประตูหอทิ้งไว้ด้วย”



“...”



“เพราะรู้ว่าฉางจะต้องไปหาคุณ”



ตึง!



ผมสะดุ้ง เมื่อไอ้เขียนจู่ๆ ก็ลุกขึ้นกระแทกโต๊ะ



“กูเอาจานไปเก็บก่อน”



มันว่า น้ำเสียงหงุดหงิด ทันทีที่ไอ้เขียนออกไป บทสนทนาก็เริ่มใหม่ราวกับไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านี้



“ฉางไปหาใช่ไหมล่ะ”



“ก็...เอ้อ”



เพียวหัวเราะคิกจนผมต้องเงยหน้าไปมอง คนสวยยิ้มไม่หุบ ขยับตัวเอื้อมมือมาชี้ตรงบริเวณไหล่ แตะสองสามที...จุดเดียวกับที่ไอ้ฉางชี้บอกว่าผมกัดมัน…



เพียวไม่พูดอะไร ขยับยิ้มอย่างมีความหมาย ผมหน้าขึ้นสีหนักกว่าเก่า เพียวรู้...รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนั้น แถมยังเป็นคนจัดฉาก เป็นต้นเหตุของเรื่องอีกด้วยงั้นหรือวะ ไม่ทันได้ประมวลผลต่อ ไอ้ฉางเอ่ยขัดความคิดผมขึ้นมา



“ผมด่าคนมาส่งข้าว ใจร้ายเป็นบ้าไม่ล็อกห้อง ถ้าโจรเข้าหอจะทำไง”



“แต่ก็ไม่ใช่โจรนี่ที่เข้า”



“...”



“หรือใช่...”



“ใช่ โจร...แต่ไม่ได้ปล้นของ” ไอ้ฉางต่อล้อต่อเถียง ยกยิ้มอย่างที่ผมไม่รู้ความหมาย



“นั่นสินะ”



ผมไม่เข้าใจบทสนทนา แต่ก็ไม่ใคร่ทำความเข้าใจ เอาแต่คิดว่าทำไมเพียวทำอย่างนั้น เพียวอยากปล่อยให้ฉางเข้ามาห้องผมอยู่แล้วงั้นหรือ แม่ง ผมเสียรู้ให้คนพวกนี้หรอ ที่ต้องเกิดเหตุการณ์เลยเถิดแบบนี้ เพราะเพียวงั้นหรอ



บ้าเอ้ย



ในขณะที่ผมจมดิ่งกับความคิดที่ตีกันในหัวของตัวเอง พลันอัลฟ่าก็ส่งเสียงขึ้น



“ช่วยไม่ได้นี่ เพื่อนเราถูกใจข้าว”



“หา”

“ใช่ไหมล่ะฉาง”



“...อืม”



“อะไรนะ” เสียงเยียบเย็นของไอ้เขียนเอ่ยขึ้นข้างหลัง มาได้ถูกจังหวะมากให้ตาย



“ผมถูกใจข้าว”



“เพื่อนกูไม่ใช่เกย์”



“แล้วยังไง”



“ก็มึงเพิ่งบอกว่าถูกใจ แสดงว่าอยากได้เพื่อนกูงั้นสิ”





“ข้าวตรงสเป็คผมหลายอย่าง แต่ใช่ว่าผมจำเป็นต้องอยากคบเป็นแฟนด้วยนี่ เขาแค่มีส่วนที่ผมชอบก็แค่นั้น”





“เหอะ ขอให้มันเป็นอย่างนั้นเถอะ”



สิ้นคำพูดไอ้เขียน ทุกอย่างกลับมาเงียบอีกครั้ง ผมหน้าชา...เคี้ยวข้าวในปากช้าๆ อย่างไม่รับรส หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ว่าเพราอะไร



“อย่างเจอร์ก็สเป็คฉางนี่ ใช่มั้ย” อัลฟ่าเป็นคนทำลายบรรยากาศแปลกๆ นี้แทน ผมเงยหน้ามองเจ้าของชื่อฟิวเจอร์ ที่ตอนนี้เกาะแกะอยู่กับเพียวไม่ห่าง



“เหอะ”



เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเสียงฟิวเจอร์



“ใช่ ฟิวเจอร์ก็สเป็คผมนะ ไม่พูดมาก”



“ฮ่าๆ นึกถึงตอนแรกเลย ที่คุณเอาแต่พยายามตัวติดกับฟิวเจอร์”

ได้ยินเสียงจิ๊ในลำคอเจ้าของชื่อ ดูท่าว่าฟิวเจอร์คงรำคาญไอ้ฉางพอควร ผมรู้ โดนตามตื๊อขนาดนี้คงน่ารำคาญอยู่หรอก ก็ใช่...ก็รำคาญ...



ไอ้ฉางก็แค่เจอคนที่ถูกใจเลยอยากอยู่ด้วย แค่นั้นเอง ไม่ได้คิดอะไรมากมาย อยู่กับไอ้ฉางมาก็สักพักแล้ว ความคิดแบบไอ้ฉางทำไมผมจะนึกไม่ถึง ชอบก็ชอบ อยากอยู่ก็อยู่ ไม่ชอบก็ไม่เข้าใกล้ แค่นั้น...



แค่นั้นเอง



ไม่ได้ลึกซึ้งอะไรเลย



ผมรวบช้อนส้อม เอ่ยลาพวกเพื่อนฉาง เพราะพวกนั้นมีตรวจแบบช่วงบ่ายครึ่งและจำเป็นต้องไปแล้ว ผมลุกออกจากที่นั่ง นำจานไปเก็บ เดินออกจากคณะแยกกับพวกฉางที่เดินขึ้นตึกไป ในหัวว่างเปล่า ราวกับข้อมูลใหม่ที่ได้รับมาใหม่ล้างความทรงจำที่เคยมีของผมจนสิ้น ผมไม่รู้ว่าตัวเองควรทำอะไรต่อ



หาคำตอบให้กับความเจ็บหน่วงตรงกลางอกไม่ได้



ไอ้เขียนเดินนำผมกลับคณะ พาไปร้านกาแฟใต้คณะฆ่าเวลา เอ่ยถึงเรื่องพวกฉางอย่างไม่เป็นมิตร เอาแต่หาว่าเพราะเป็นพวกรักร่วมเพศ ถึงได้นิสัยเสีย ไม่ล็อกห้องให้ผม เปิดทางให้ไอ้ฉางที่เหมือนจะเป็นเกย์เข้ามายุ่งย่าม



“วันหลังกูไม่ปล่อยให้มึงอยู่กับพวกนี้แล้ว”



“...”



ผมรับรู้เรื่องราวตรงหน้าหมด เสียแต่ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ ยังคงรู้สึกชาๆ แบบที่ไม่รู้สาเหตุ



อันที่จริง...ผมว่าผมรู้ แค่ยังไม่อยากยอมรับ



ถึงเวลาเข้าเรียน ทำแล็ป ผมทำได้ไม่ดีอีกตามเคย โดนไล่ไปเป็นคนบันทึกแล็ปอย่างเดียว ไม่มีหน้าที่อื่น จวบจนเลิกเรียน ส่งแล็ปเสร็จ ผมออกจากคณะ...กลับหอ



XI



ผมกลับมาตอนสามทุ่ม ไฟในห้องมืดสนิท ไม่มีเสียงพัดลม ไม่มีวี่แววของมนุษย์อยู่ในห้อง มีเพียงฉางนอนเฝ้าอยู่



ผมส่งข้อความไปถามข้าว ไม่มีข้อความตอบกลับมา





คืนนั้นทั้งคืน ข้าวไม่ได้กลับหอ...





                                                           
♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦



...ตอนที่แล้วฉางทำคะแนนไป ตอนนี้น่าจะถูกหักคะแนน...

 :hao5:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 7.6.2017 p.24 |จบ|-รายละเอียดหนังสือ
เริ่มหัวข้อโดย: 19th ที่ 18-10-2018 23:15:29
แค่ชื่อก็แพ้แล้วอะเขียน นั่นยุ้งฉางอะ ยังไงก็ต้องได้เก็บข้าวปะวะ โอ๋ๆ นะ  :laugh:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 7.6.2017 p.24 |จบ|-รายละเอียดหนังสือ
เริ่มหัวข้อโดย: noveeo ที่ 20-10-2018 18:41:13
ขอให้รักกันตลอดไปนะ ต้นข้าว กะ ยุ้งฉาง


พวกเธอเป็นคู่รักที่น่ารักมาก
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 7.6.2017 p.24 |จบ|-รายละเอียดหนังสือ
เริ่มหัวข้อโดย: Ramnoii ที่ 26-02-2019 02:01:48
งื้ออออ เอ็นดูฉาง ปกติจะไม่ชอบเมะสายอ้อน
แต่ฉางไม่ใช่มนุษย์ปกติเลยเอ็นดูนางมาก
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 7.6.2017 p.24 |จบ|-รายละเอียดหนังสือ
เริ่มหัวข้อโดย: blove ที่ 24-07-2020 13:54:47
น่าร๊ากกกกก ดีงามมมมม ต้นข้าว-ยุ้งฉาง  :katai2-1: :katai2-1: พระเอกเหมือนจะซึนๆนะแต่ในความซึนมีความเจ้าเล่ห์แบบร้ายกาจมาก นายเอกเราใจดีๆ ตามไม่ทัน หลงกับดักเต็มเปา 5555 กลุ่มพระเอกก็ไม่รู้จะติสท์กันไปไหน อีกไม่นานข้าวคงชิน 555 อ่านแล้วเพลินดี ดราม่าพอกระชุ่มกระชวย สนุกๆ  o13 o13  :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 7.6.2017 p.24 |จบ|-รายละเอียดหนังสือ
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 05-08-2020 21:54:40
 :o8: