♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 7.6.2017 p.24 |จบ|-รายละเอียดหนังสือ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สามสิบ| - 7.6.2017 p.24 |จบ|-รายละเอียดหนังสือ  (อ่าน 208392 ครั้ง)

ออฟไลน์ Maylita

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 53
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-1
Re: ♦ Wake me up #รีบตื่น ♦ |สิบเอ็ด| - 21.9.2017 p.6
«ตอบ #780 เมื่อ14-10-2018 15:36:23 »

 :hao5: :hao5: :hao5: ฉางใจร้าย ให้คะเเนนติดลบไปเลยน้องข้าว
11



 ‘ข้าว ช่วยด้วย’



ผมมองข้อความในมือถือ สัญญาณขอความช่วยเหลือแปลกๆ ส่งมาช่วงสายๆ ไม่ต้องดูชื่อคนส่งก็รู้ว่าเป็นไอ้ฉาง ที่ออกไปตั้งแต่เช้า อันที่จริง ผมปลุกมันเองเพราะมันบอกว่ามีเรียนเช้า และดูไม่แยแสอะไรเลยและไม่ตื่น ถ้าไม่ใช่เพราะผมเป็นคนติดตื่นเช้าอยู่แล้วคงไม่ปลุกมันหรอก



ผมนั่งห้อยขาอยู่บนเตียง เอื้อมตีนไปแตะแมวฉางที่นอนขดอยู่ใกล้ๆ ไปพลาง ระหว่างทำความเข้าใจกับข้อความตรงหน้า



ช่วยอะไรอีกวะ เรื่องไอ้แมวส้มนี่อีกรึเปล่า ลำบากกูอีกแล้วหรอวะ



คิด พลางส่งข้อความตอบกลับ

‘อะไร’

ฉางไม่อ่าน ไม่ตอบจนผมชักรำคาญ มีเรียนตอนสิบเอ็ดโมง ตอนนี้ก็เก้าโมงครึ่งแล้ว ผมควรลุกไปเตรียมตัว ถ้ายังแม่งไม่ตอบอยู่ก็จะช่างแม่งแล้ว



ผมลุกไปอาบน้ำทำธุระอย่างที่ใจนึก กุญแจห้องอีกอันผมบอกให้ไอ้ฉางไปเอามาใช้ได้แล้ว จะได้ไม่ต้องลำบากผมไปเปิดประตูให้มัน อันที่จริงก็งงตัวเองเหมือนกัน ทำไมถึงยอมให้ไอ้ฉางมาเป็นเพื่อนร่วมห้องแบบเต็มตัวได้แบบนี้วะ ...คงเพราะมันช่วยผมเมื่อวานด้วยแหละมั้ง...



 ผมไม่พอใจที่มันทำอะไรไม่บอกผม ไม่เห็นหัวผม แต่มันไม่ได้ทำเพราะอยากมาเนียนเป็นรูมเมทผมจริงๆ มันทำเพื่อไม่ให้ผมเดือดร้อน



หรือจริงๆ แล้วแม่งวางแผนจะมาอยู่กับผมจริงๆ วะ...



เจอปริศนาที่คิดไม่ออกอีกแล้ว...



ยกมือเช็ดผม กดดูข้อความตอบกลับตรงหน้า



‘สมุดเสก็ตช์ ข้าวเอามา’



ข้อความขาดๆ เกินๆ ที่ผมเรียบเรียงได้ว่ามันลืมสมุดเสก็ตช์ประจำตัวของมันไว้ที่ห้อง ไอ้ฉางชอบวาดรูปก่อนนอน ผมมองไปแถวหัวเตียง เห็นสมุดสีดำวางอยู่ แน่นอน ไม่ใช่ของผม ไมคิดจะซื้อสมุดวาดรูปมาเพื่อทำลายสิ่งแวดล้อมเล่นหรอก ความสามารถทางศิลปะผมห่วยยิ่งกว่าช้าง



ทันทีหยิบสมุดสเก็ตช์มันมา ไม่ได้ตั้งใจจะเปิด ทว่าเผลอทำมันหลุดมือ แผ่ออกบนเตียง เผยภาพในสมุด เห็นอย่างนั้นเลยขอแอบดูข้างในนิดหน่อย ผมเปิดผ่านๆ เจอรูปเส้นยุ่งๆ ขยุกขยุย ไม่เข้าใจความหมายเยอะแยะ เจอภาพร่างสถาปัตยกรรมตามที่ต่างๆ ตัวหนังสือยุกยิกที่อ่านไม่ออก มีแมวส้มด้วย จนกระทั่งเปิดไปเจอหน้าท้ายๆ ของสมุด ปรากฏรูปวาดของใบหน้าที่คุ้นเคย



ผม?



ไม่ค่อยแน่ใจ แต่คิดว่าใช่... คิดว่าใช่ตัวเองเพราะรายละเอียดต่างๆ มันคือตัวผม คิ้ว ตา โครงหน้า จมูก ปาก ทรงผม ล้วนบ่งบอกว่าเป็นตัวเอง ผมเปิดดู มีรูปคนหน้าคุ้นอยู่ราวๆ เจ็ดแปดรูป ไม่รู้ว่าไอ้ฉางวาดผมไปทำไม วาดตอนไหน อาจจะเพราะไม่มีอะไรให้วาดมั้ง รอบๆ ตัวมันก็มีแต่ผมกับแมว



เหมือนอย่างที่มันเจอผมช่วงแรก ๆมันก็วาด รูปผมหลับยังปรากฏอยู่หน้าสุดท้ายของกระดาษ



ผมลอบยิ้มขึ้นมา ไม่รู้สาเหตุ รู้แต่หัวใจมันเต้นแปลกๆ คงเพราะไม่มีใครวาดรูปตัวเอง ไม่เคยเห็นตัวเองไปปรากฏบนเส้นดินสอ ผมคงแค่ประทับใจเฉยๆ ตอบสมองตัวเองเช่นนั้น รู้ว่าไม่ได้เป็นคำตอบของหัวใจ



ผมหยิบสมุดเสก็ตช์ไอ้ฉางเข้ากระเป๋าเป้ หยิบชีทและสมุดแล็ปใส่กระเป๋า เพราะเมื่อวานเอามันออกมาทำทิ้งไว้ เหลือสรุปอีกนิดหน่อย ไว้ค่อยลอกไอ้แว่น



‘ใช้กี่โมง กูเรียนเลิกบ่าย’



’1.30’



ตีหนึ่งหรอวะไอ่สัด สมองผมทำงานหนักอีกครั้งเมื่อคิดว่าเลขหนึ่งของมันคือบ่ายโมง เออ ให้ตาย



‘มาเอาที่คณะกู’



‘ไม่ได้’



เรื่องมาก! อยากจะพิมพ์ด่าแม่ให้เข็ด เสียแต่ต้องทำใจเย็นเข้าไว้ ด่าไปก็เท่านั้น ผมจะเหนื่อยเปล่า ผมมีเรียนอีกทีตอนบ่ายสาม มีเวลาเอาไปให้มันนั่นแหละ แต่ขี้เกียจ มันลืมเองทำไมไม่มาเอาเองวะ



แต่...เออ



‘เดี๋ยวเอาไปให้’ ก็ได้



‘ที่เดิมนะ’



ฉางตอบ



ต่อด้วยไอค่อนรูปหัวใจ



ไอ้...!



มันต้องกวนตีนผมอยู่แน่ๆ ไอ้ฉางเป็นปรมาจารย์ด้านนี้ บัดซบ ถ้าไม่อย่างนั้นมันก็คงกดผิด ผมรู้ว่าตัวเองคิดอย่างนั้น แต่หยุดยกยิ้มที่มุมปากไม่ได้เลยจริงๆ



หัวใจทำงานด้วยจังหวะแปลกๆ



สาวเท้าเข้าห้องเรียนได้ทันเวลาพอดี เพราะออกจากห้องมาแล้วลืมเอาข้าวให้แมวฉาง ไม่ได้ตรวจดูว่าในถ้วยมันมีข้าวเหลือมั้ย ตอนนั้นอยู่กลางทาง กลับตัวก็ไม่ได้จะไปต่อไปก็ไปไม่ถึง ยึกๆ ยักๆ จนสุดท้ายตัดสินใจวิ่งกลับห้อง มาเติมอาหารให้แมวที่ยังเหลือพูนถ้วย ไอ้แมวมึงน่าจะช่วยแดกให้หมดถ้วยก่อนกูมาจะดีมาก จะได้ไม่รู้สึกว่าตัวเองเสียเวลา ฮือ



แต่เพราะมาถึงแล้ว ผมจึงผมเติมข้าวให้มันอีกหน่อย ก่อนวิ่งหน้าตั้งออกไปอีกครั้ง ทำเวลาได้ทันพอดี ใครมันจะไปคุ้นชินกับการต้องรับผิดชอบสัตว์เลี้ยงในห้องได้ล่ะวะ ในเมื่อเมื่อก่อนผมอยู่คนเดียวมาตลอด



ไอ้เขียนมองผมแปลกๆ ที่มาเข้าเรียนเอาตอนนี้ ปกติผมเข้าเรียนก่อนมันทุกครั้ง แต่เพราะมันไม่ถาม ผมถึงไม่อธิบาย ซึ่งก็ดี ไม่รู้จะอ้างอะไร ถ้าบอกว่าไอ้ฉางเอาแมวมาเลี้ยงที่ห้อง ไอ้เขียนคงด่าผมตาย



โง่ ให้มันมาคุกคามมึงขนาดนี้ได้ไง



น้ำเสียงและประโยคลอยมาเลย ต้องด่าผมอย่างนี้แน่ๆ เออ กูก็สงสัย ยอมให้มันมาคุกคามขนาดนี้ได้ยังไง



ผมนั่งเรียนไปลอกแล็ปไอ้แว่นไปพร้อมกับไอ้เขียน ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่นานๆ ทีผมจะพึ่งพาเพื่อนเนิร์ดอย่างไอ้แว่นหรือไอ้ภัค ห้องเรียนดำเนินไปอย่างเงียบเชียบ มีเสียงอาจารย์กล่อมประสาทอยู่เป็นฉากหลัง ตัวหนังสือจากแล็ปไอ้แว่นเป็นฉากหน้า



จวบจนลอกเสร็จ ผมตั้งใจเรียนได้ไม่นานก็หมดเวลาพอดี ท้องร้องส่งเสียงประท้วง อาจารย์เลิกก่อนเวลาซึ่งก็ดี เพราะแกมานัดชดเชยโดยหาเวลาประหลาดๆ มายัดวิชาของตัวเองเข้าไป ปกติไม่มีหรอกตารางเรียนที่เลิกบ่ายเนี่ย



“มึงกินข้าวป่ะ”



“เออ”



“กินไหน”



“ไม่กินว่ะ”



ผมกลับคำ ตอบไอ้เขียนไป เพิ่งนึกได้ว่าต้องเอาสมุดไปให้ไอ้ฉางตอนเก็บของใส่กระเป๋าแล้วเจอสมุดมันพอดี



“อ้าว อะไรของมึงวะ ไปไหน”



“เอ่อ...กู นัดเพื่อนไว้”



“เพื่อนไหน”



ไอ้เขียนรู้ นอกจากมัน ผมไม่มีคนคบมากเท่าไหร่ ตั้งแต่เด็กๆ แล้วก็มีแต่มันเป็นเพื่อนสนิทที่ไปไหนมาไหนด้วยกัน ขนาดเข้ามหาลัยแล้วยังเสือกเลือกคณะเดียวกัน ที่เดียวกันอีก ผมหมดโอกาสหาเพื่อนใหม่โดยสิ้นเชิง เกาะติดมันไปเนี่ยแหละ มีไอ้แว่นกับไอ้ภัคโผล่มารวมกลุ่มเป็นพักๆ



“ไอ้ฉาง”



เพราะไอ้เขียนรู้ ผมถึงหาข้ออ้างหรือคำโกหกไม่ได้ มันรู้เรื่องชีวิตผมดีกว่าผมอีกบางที



“ไอ้เกย์นั่นอ่ะนะ มึงยังไม่เลิกคบกับมันอีก”



“ก็ เออ”



ผมถอนหายใจให้คำเหยียดหยาม ถ้ามึงรู้ว่ามันย้ายมาเป็นเมทกูถาวรแล้วมึงจะตกใจ...



“นัดอะไรวะ”



“กูต้องเอาสมุดไปให้มัน”



“...งั้นกูไปด้วย” ไอ้เขียนเลิกคิ้วสงสัย คงประมวลผลในใจได้แล้วมั้งว่าไอ้ฉางมันยังวนเวียนอยู่รอบตัวผมอยู่ ถึงได้มีการลืมสมุดไว้



“เอางั้นก็ได้...”



รึเปล่าวะ หวังว่าจะไม่เจอพวกเพื่อนมันนะ ผมขี้เกียจมีเรื่อง



.



คำขอผมไม่สัมฤทธิ์ผล เมื่อไปถึงผมเจอเพื่อนมันทุกคนพร้อมหน้าพร้อมตากัน... บัดซบชีวิต



ผมทำใจดีสู้เสือ ไม่ใส่ใจว่าไอ้เขียนทำหน้ายังไง เดินตรงไปหาไอ้ฉางก่อนยื่นสมุดของมันให้



“อ่ะสมุด”



“ขอบคุณนะข้าว ช่วยชีวิตผมไว้อีกแล้ว”



ไอ้ฉางว่าพลางยกยิ้มเหมือนเด็กๆ ทรงผมเด๋อๆ ของมันทำให้หน้ามันดูตลกมากกว่าเดิม ผมกลั้นยิ้มขำ ตอบเออออไป เมื่อได้ของแล้ว ไอ้ฟ่าสวนขึ้นมา พูดรัว



“ข้าว กินข้าวป่ะ โอ๊ะ ข้าวกินข้าวว่ะ ข้าวกินข้าวมั้ย ข้าวกินข้าวยัง ข้าวกินข้าวที่นี่มั้ย”



อันนี้ผมเข้าใจ มุกนรกแบบนี้ได้ยินมาเยอะ ไม่ได้แดกกูหรอก



“มึงเอาไง” ผมถามไอ้เขียนที่คิ้วขมวดตั้งแต่เห็นพวกเพียว



“ไงก็ได้”



“งั้นแดกนี่ละกันนะ กูขี้เกียจคิด”



“อืม”



ส่วนหนึ่งขี้เกียจหาที่กินข้าวก็ใช่ เพราะที่คณะสถาปัตย์คนน้อย ไม่ต้องแย่งกันต่อคิวก็ใช่ แต่ผมอยากให้ไอ้เขียนรู้จักไอ้พวกนี้มากกว่านี้หน่อย ไม่ได้อยากให้มันคิดว่าคนที่เป็นเกย์มีแต่คนไม่ดี อย่างน้อยไอ้เพียวก็เป็นคนดีนะ ถึงขนาดพาผมกลับหอแถมเปิดแอร์ให้ ทั้งที่ไม่ได้สนิทกันเนี่ย จะว่าไป...ยังไม่ได้คิดบัญชีเรื่องนี้กับไอ้ฉางเลย



“มึงเป็นอะไร หน้าแดง”



“เปล่า” ผมรีบตอบปัดเมื่อคิดถึงเรื่องคืนนั้น ผมยังคงนึกอะไรไม่ออกเหมือนเดิม รอยแดงใต้ร่มผ้าเริ่มจางลงจนตอนนี้มองไม่เห็นแล้ว แต่ว่าทุกครั้งที่ผมอาบน้ำแล้วเห็นมัน ก็อดนึกถึงหน้าคนทำไม่ได้...



มึงบ้าไปแล้ว ข้าว



เอ่ยสั่งเมนูให้กับเจ้าของร้านก่อนรอรับอาหารพร้อมไอ้เขียน เมื่อได้อาหารผมเดินไปรวมตัวกับพวกไอ้ฉาง ช่วยไม่ได้ นี่ไม่ใช่ถิ่นผม ในโรงอาหารก็มีแต่คนแปลกๆ ไม่เหมือนโรงอาหารคณะอื่นที่มีคนนอกคณะเข้าออกประจำ ที่นี่แม่งมีแต่เด็กในคณะนี้ ผมอยู่กับคนรู้จักอุ่นใจกว่า ไอ้เขียนเองก็ไม่ว่าไง



พวกไอ้ฉางก็กำลังกินข้าวอยู่เหมือนกัน ตั้งแต่ตอนที่ผมมาถึงแล้ว ตอนนี้ไอ้ฟ่ากินหมดแล้ว เหลืออีกสามคนที่กินไปคลิกเมาส์ไป วันนี้พวกนี้แม่งไม่ใส่เสื้อนักศึกษากันเลยสักคน อันที่จริง ผมก็เห็นไอ้ฉางใส่ชุดนักศึกษาแทบนับครั้งได้ เพียงแต่ไม่รู้ว่าทั้งคณะเขาไม่นิยมใส่ชุดฟอร์มกัน นึกว่ามีแค่ไอ้ฉางที่ประหลาด



“ข้าวข้าวน่ากินจัง” ไอ้ฟ่าพูดเมื่อผมวางจานข้าวบนโต๊ะและหย่อนตัวนั่งลง



“ฟ่า คุณหนวกหู”



“หึ”



ผมหัวเราะ เมื่อไอ้ฉางว่าอัลฟ่าเช่นนั้น ตรงใจกูมาก บางทีอัลฟ่าก็พูดมากเกินไป ผมไม่รู้จะตอบอะไร



“จะว่าไป...เพียวเป็นคนมาส่งเราหรอ เมื่อคืนนั้น”



ผมเปิดบทสนทนาขึ้นมาเพื่อไม่ให้โต๊ะเงียบเกินไป ไอ้ฉางหันขวับไปมองคนหน้าสวยทันทีที่ผมพูดจบ ส่วนเพียวทำเพียงแค่เงยหน้าขึ้นมาหน่อยๆ สบตา แล้วยกยิ้ม



ผมก้มหน้าหนีแทบไม่ทัน รับรู้ว่าหน้าตัวเองเห่อร้อน ขวยเขินอย่างกับสาวแรกรุ่นกับอีแค่กริยาไม่กี่ท่วงท่าของเพียว น่ากลัวมาก



“อือ เราเอง”



“แล้ว รู้จักหอเราหรอ”



“อืม ฉางเคยเล่าให้ฟัง”



ผมหันไปมองไอ้ฉางที่ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ปล่อยเหม่อเหมือนไม่ได้ยิน มันแม่งต้องเป็นคนบอกทางมาแน่ๆ ถ้าอย่างนั้นเรื่องที่จู่ๆ มันก็เข้ามาในห้องผมได้คงกระจ่าง มันคงบอกเพียวไม่ต้องล็อกห้อง เพราะผมจำได้ว่าตอนตื่นมาแวบๆ ผมอยู่คนเดียว



“หื้อ ฉางเล่าให้พวกเราฟังแค่ครั้งเดียวคุณก็จำทางได้เลยหรอ”



เสียแต่ไอ้ฟ่าดันเอ่ยขัดขึ้นมา ทำลายความคิดของผมพังทลาย



“ใช่”



สิ้นเสียงตอกย้ำ ปริศนาเก่ายังคงไม่กระจ่างเหมือนเดิม อะไรวะเนี่ย



ผมเคี้ยวข้าวไปสงสัยไป ยังไงวะ แสดงว่าฉางเคยเล่าที่อยู่หอผมเมื่อนานมาแล้ว และเพียวจำทางที่ฉางบอกได้ แสดงว่าเพียวจงใจไม่ได้ล็อกห้องงั้นสิ...ไม่หน่า คงแค่ลืม ผมมองหน้าเพียวที่เป็นต้นเหตุของปริศนาพลางหน้าขึ้นสีอีกครั้ง แน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ชอบผู้ชายมาก่อน แต่เพียว...สวยเกินไป จนบางทีก็ไม่คิดว่าเป็นผู้ชาย ต้องเพราะเหตุผลนี้แน่ๆ ที่ผมใจสั่น



“แสดงว่าเพียวมาส่ง...เรา?”



“ใช่ครับ” อย่าครับได้มั้ย เกิดมาไม่เคยมีเพื่อนคนไหนพูดเพราะใส่ ไม่คุ้นเลย ใจเต้นผิดจังหวะเลยเนี่ย



“ล..แล้ว เอ่อ..คือ เพียว คุณ...ไม่ได้ล็อกห้อง ใช่มั้ยครับ”



“ข้าวพูดปกติก็ได้ กูๆ มึงๆ ฉางไม่ว่าหรอก”



“อัลฟ่า คุณน่ารำคาญ”



สิ้นเสียงไอ้ฉาง เพียวกลับมายกยิ้มอีกครั้ง บ้าเอ้ย ถ้าเป็นผู้หญิงผมไม่ลังเลที่จะจีบเลย คนอะไรสเน่ห์เหลือล้นมองแล้วเพลินตาขนาดนี้



“อืม เราไม่ได้ล็อกห้อง”



“...อ่า”



“เปิดประตูหอทิ้งไว้ด้วย”



“...”



“เพราะรู้ว่าฉางจะต้องไปหาคุณ”



ตึง!



ผมสะดุ้ง เมื่อไอ้เขียนจู่ๆ ก็ลุกขึ้นกระแทกโต๊ะ



“กูเอาจานไปเก็บก่อน”



มันว่า น้ำเสียงหงุดหงิด ทันทีที่ไอ้เขียนออกไป บทสนทนาก็เริ่มใหม่ราวกับไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านี้



“ฉางไปหาใช่ไหมล่ะ”



“ก็...เอ้อ”



เพียวหัวเราะคิกจนผมต้องเงยหน้าไปมอง คนสวยยิ้มไม่หุบ ขยับตัวเอื้อมมือมาชี้ตรงบริเวณไหล่ แตะสองสามที...จุดเดียวกับที่ไอ้ฉางชี้บอกว่าผมกัดมัน…



เพียวไม่พูดอะไร ขยับยิ้มอย่างมีความหมาย ผมหน้าขึ้นสีหนักกว่าเก่า เพียวรู้...รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนั้น แถมยังเป็นคนจัดฉาก เป็นต้นเหตุของเรื่องอีกด้วยงั้นหรือวะ ไม่ทันได้ประมวลผลต่อ ไอ้ฉางเอ่ยขัดความคิดผมขึ้นมา



“ผมด่าคนมาส่งข้าว ใจร้ายเป็นบ้าไม่ล็อกห้อง ถ้าโจรเข้าหอจะทำไง”



“แต่ก็ไม่ใช่โจรนี่ที่เข้า”



“...”



“หรือใช่...”



“ใช่ โจร...แต่ไม่ได้ปล้นของ” ไอ้ฉางต่อล้อต่อเถียง ยกยิ้มอย่างที่ผมไม่รู้ความหมาย



“นั่นสินะ”



ผมไม่เข้าใจบทสนทนา แต่ก็ไม่ใคร่ทำความเข้าใจ เอาแต่คิดว่าทำไมเพียวทำอย่างนั้น เพียวอยากปล่อยให้ฉางเข้ามาห้องผมอยู่แล้วงั้นหรือ แม่ง ผมเสียรู้ให้คนพวกนี้หรอ ที่ต้องเกิดเหตุการณ์เลยเถิดแบบนี้ เพราะเพียวงั้นหรอ



บ้าเอ้ย



ในขณะที่ผมจมดิ่งกับความคิดที่ตีกันในหัวของตัวเอง พลันอัลฟ่าก็ส่งเสียงขึ้น



“ช่วยไม่ได้นี่ เพื่อนเราถูกใจข้าว”



“หา”

“ใช่ไหมล่ะฉาง”



“...อืม”



“อะไรนะ” เสียงเยียบเย็นของไอ้เขียนเอ่ยขึ้นข้างหลัง มาได้ถูกจังหวะมากให้ตาย



“ผมถูกใจข้าว”



“เพื่อนกูไม่ใช่เกย์”



“แล้วยังไง”



“ก็มึงเพิ่งบอกว่าถูกใจ แสดงว่าอยากได้เพื่อนกูงั้นสิ”





“ข้าวตรงสเป็คผมหลายอย่าง แต่ใช่ว่าผมจำเป็นต้องอยากคบเป็นแฟนด้วยนี่ เขาแค่มีส่วนที่ผมชอบก็แค่นั้น”





“เหอะ ขอให้มันเป็นอย่างนั้นเถอะ”



สิ้นคำพูดไอ้เขียน ทุกอย่างกลับมาเงียบอีกครั้ง ผมหน้าชา...เคี้ยวข้าวในปากช้าๆ อย่างไม่รับรส หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้ว่าเพราอะไร



“อย่างเจอร์ก็สเป็คฉางนี่ ใช่มั้ย” อัลฟ่าเป็นคนทำลายบรรยากาศแปลกๆ นี้แทน ผมเงยหน้ามองเจ้าของชื่อฟิวเจอร์ ที่ตอนนี้เกาะแกะอยู่กับเพียวไม่ห่าง



“เหอะ”



เป็นครั้งแรกที่ได้ยินเสียงฟิวเจอร์



“ใช่ ฟิวเจอร์ก็สเป็คผมนะ ไม่พูดมาก”



“ฮ่าๆ นึกถึงตอนแรกเลย ที่คุณเอาแต่พยายามตัวติดกับฟิวเจอร์”

ได้ยินเสียงจิ๊ในลำคอเจ้าของชื่อ ดูท่าว่าฟิวเจอร์คงรำคาญไอ้ฉางพอควร ผมรู้ โดนตามตื๊อขนาดนี้คงน่ารำคาญอยู่หรอก ก็ใช่...ก็รำคาญ...



ไอ้ฉางก็แค่เจอคนที่ถูกใจเลยอยากอยู่ด้วย แค่นั้นเอง ไม่ได้คิดอะไรมากมาย อยู่กับไอ้ฉางมาก็สักพักแล้ว ความคิดแบบไอ้ฉางทำไมผมจะนึกไม่ถึง ชอบก็ชอบ อยากอยู่ก็อยู่ ไม่ชอบก็ไม่เข้าใกล้ แค่นั้น...



แค่นั้นเอง



ไม่ได้ลึกซึ้งอะไรเลย



ผมรวบช้อนส้อม เอ่ยลาพวกเพื่อนฉาง เพราะพวกนั้นมีตรวจแบบช่วงบ่ายครึ่งและจำเป็นต้องไปแล้ว ผมลุกออกจากที่นั่ง นำจานไปเก็บ เดินออกจากคณะแยกกับพวกฉางที่เดินขึ้นตึกไป ในหัวว่างเปล่า ราวกับข้อมูลใหม่ที่ได้รับมาใหม่ล้างความทรงจำที่เคยมีของผมจนสิ้น ผมไม่รู้ว่าตัวเองควรทำอะไรต่อ



หาคำตอบให้กับความเจ็บหน่วงตรงกลางอกไม่ได้



ไอ้เขียนเดินนำผมกลับคณะ พาไปร้านกาแฟใต้คณะฆ่าเวลา เอ่ยถึงเรื่องพวกฉางอย่างไม่เป็นมิตร เอาแต่หาว่าเพราะเป็นพวกรักร่วมเพศ ถึงได้นิสัยเสีย ไม่ล็อกห้องให้ผม เปิดทางให้ไอ้ฉางที่เหมือนจะเป็นเกย์เข้ามายุ่งย่าม



“วันหลังกูไม่ปล่อยให้มึงอยู่กับพวกนี้แล้ว”



“...”



ผมรับรู้เรื่องราวตรงหน้าหมด เสียแต่ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ ยังคงรู้สึกชาๆ แบบที่ไม่รู้สาเหตุ



อันที่จริง...ผมว่าผมรู้ แค่ยังไม่อยากยอมรับ



ถึงเวลาเข้าเรียน ทำแล็ป ผมทำได้ไม่ดีอีกตามเคย โดนไล่ไปเป็นคนบันทึกแล็ปอย่างเดียว ไม่มีหน้าที่อื่น จวบจนเลิกเรียน ส่งแล็ปเสร็จ ผมออกจากคณะ...กลับหอ



XI



ผมกลับมาตอนสามทุ่ม ไฟในห้องมืดสนิท ไม่มีเสียงพัดลม ไม่มีวี่แววของมนุษย์อยู่ในห้อง มีเพียงฉางนอนเฝ้าอยู่



ผมส่งข้อความไปถามข้าว ไม่มีข้อความตอบกลับมา





คืนนั้นทั้งคืน ข้าวไม่ได้กลับหอ...





                                                           
♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦  ♦



...ตอนที่แล้วฉางทำคะแนนไป ตอนนี้น่าจะถูกหักคะแนน...

 :hao5:

ออฟไลน์ 19th

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 224
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
แค่ชื่อก็แพ้แล้วอะเขียน นั่นยุ้งฉางอะ ยังไงก็ต้องได้เก็บข้าวปะวะ โอ๋ๆ นะ  :laugh:

ออฟไลน์ noveeo

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ขอให้รักกันตลอดไปนะ ต้นข้าว กะ ยุ้งฉาง


พวกเธอเป็นคู่รักที่น่ารักมาก

ออฟไลน์ Ramnoii

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
งื้ออออ เอ็นดูฉาง ปกติจะไม่ชอบเมะสายอ้อน
แต่ฉางไม่ใช่มนุษย์ปกติเลยเอ็นดูนางมาก

ออฟไลน์ blove

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1423
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-0
น่าร๊ากกกกก ดีงามมมมม ต้นข้าว-ยุ้งฉาง  :katai2-1: :katai2-1: พระเอกเหมือนจะซึนๆนะแต่ในความซึนมีความเจ้าเล่ห์แบบร้ายกาจมาก นายเอกเราใจดีๆ ตามไม่ทัน หลงกับดักเต็มเปา 5555 กลุ่มพระเอกก็ไม่รู้จะติสท์กันไปไหน อีกไม่นานข้าวคงชิน 555 อ่านแล้วเพลินดี ดราม่าพอกระชุ่มกระชวย สนุกๆ  o13 o13  :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ mentholss

  • "เหตุผล" หรือ "ข้ออ้าง"
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด