ปล่อยข้าไปเถิดองค์รัชทายาท! [ตอนที่๓] ๒๘/๑๒/๖๐ หน้า๓
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ปล่อยข้าไปเถิดองค์รัชทายาท! [ตอนที่๓] ๒๘/๑๒/๖๐ หน้า๓  (อ่าน 18034 ครั้ง)

ออฟไลน์ ่jum

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3704
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-4

ออฟไลน์ swoooaa

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 72
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
ตอนแรกเห็นชื่อเรื่องว่าเอ๊ะ!!แล้ว หันไปอ่านชื่อคนเขียนนี่ใช่เลย นี่มันชายหมาของเรานี่ รอนะคะ  :hao3: :hao7:

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ซึนได้โล่จริงๆชายหมา นู๋หรงระวังตัวนะลูก

ออฟไลน์ ma-prang

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 469
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +18/-1
ชายหมาดูกระหายอยากได้น้องเหลือเกินนะเจ้าคะ 555

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
คนหนึ่งเจ้าเล่ห์หน้าตาย
อีกคนฉลาดเฉลียว สดใส

แหม่ สมกันจริง ๆ

ชายหมา ยับยั้งประสบกามของท่านบ้าง เด็กน้อยยังไสย ๆ อยู่

ออฟไลน์ qq_oo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1748
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +143/-4
รอๆๆๆๆตอนต่อไป

ออฟไลน์ Toon_TK

  • เ ด็ ก อ้ ว น
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
อยากอ่านคู่อารองอ่าาาาาาา

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
ชายหมาน่ารักกกก ทูลหัวของบ่าวววว
หรงตี้ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
ชายหมามีมุมน่ารักด้วยยย
อยู่กับท่านแม่ละเด็กน้อยเชียวววว
น้องยังเด็ก สิบสองเอง จะโดนกินละเร้อออออ

ออฟไลน์ noozzz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-2
กินให้อิ่มนะลูก ก่อนจะโดนจับกิน  :z1:

ออฟไลน์ ทั่วหล้า

  • ไม่ช่างพูดแต่ช่างพิมพ์
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1049
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-3
เห๋ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
หลอกเด็กสำเร็จจนได้สินะชายหมา


ออฟไลน์ MissMay

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 129
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
คู่นี้นี่ช่างยุกยิก กุ๊กกิ๊ก กร๊าวใจจริงๆ
อยากรู้ว่าใครจะเสียท่าใครก่อน 555

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ หิมะขาว

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 39
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0

ออฟไลน์ wi_OoO_wi

  • payaaa payaaa padazz taa
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 888
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +88/-1
ไม่รู้จะดีใจหรือเสียใจดีที่มาแพ้ทางให้กับประสบกามของชายหมา เล่อเล่อของเค้าาาา น่ารักที่สุดด

ทำไมต้องมีจมูกที่งอเล็กๆด้วยนะ สรุปจมูกที่บรรยายในถิงถิงคือจมูกที่ทำมาแล้วใช่มั้ย  :mew5:

รอตอนต่อไปนะคะ

ออฟไลน์ puiiz

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3378
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +135/-4

ออฟไลน์ poypoy

  • ไม่ว่าจะเป็นอะไร จงเป็นสิ่งนั้นให้ดีที่สุด
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 444
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +996/-4
    • PoyPoy
ตอนที่ ๐๓ เจ้าหลอกข้า ข้าลวงเจ้า ยุติธรรมดี!


เข้ามาภายในเสี่ยวเอ้อรีบวิ่งเข้ามาต้อนรับอย่างกระตือรือร้น เชิญแขกพิเศษที่จองโต๊ะประจำเป็นปีๆ ไปยังโต๊ะที่ได้จับจองเอาไว้ เหลาห่าวชือนั้นสามารถเหมาจองโต๊ะได้นานเท่าที่ต้องการได้ จะจับจ้องโต๊ะนั้นนานนับปีก็ไม่มีผู้ใดว่าหากมีคุณทรัพย์มากพอ ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเหล่ามหาเศรษฐีเงินถุงเงินถัง เพราะว่าราคาจองโต๊ะนั้นมิใช่จำนวนน้อยๆ หากวันใดไม่มาย่อมถือว่าเสียค่าจองไปโดยเปล่า ซึ่งแลกกับการที่ไม่ว่าจะมาเวลาใดโต๊ะที่จับจองนั้นก็จะว่างพร้อมต้อนรับอยู่เสมอ


เหวินเหลยเป็นหนึ่งในลูกค้าพิเศษที่จับจองโต๊ะส่วนตัวไว้เป็นรายปี เด็กหนุ่มค่อนข้างใส่ใจเรื่องอาหารการกินมากเป็นพิเศษ หากไม่เลิศรสอร่อยถูกปากมากพอเขาก็จะไม่ยอมขยับมือตักใส่ปากให้เมื่อย ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ถึงนิสัยเฉพาะนี้ของเขา เนื่องจากเมื่ออยู่ภายในวังฐานะตำแหน่งรัชทายาทอาหารการกินย่อมพรักพร้อมบริบูรณ์ แต่ในความดีพร้อมนั้นก็มีจุดมืดดำที่พร้อมคร่าลมหายใจ


ใช่แล้ว ลอบวางยาพิษ!


มิใช่เรื่องแปลกประหลาดอันใดที่คนฐานะเช่นเขาจะต้องระมัดระวังเรื่องนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาที่เกือบเอาชีวิตไม่รอดเพียงแค่กลืนอาหารลงท้องมาแล้วครั้งหนึ่ง ฉะนั้นอาหารร้อนๆ น่ารับประทานกว่าจะตรวจสอบพิษเสร็จก็เย็นชืดไร้รสชาติไปแล้ว


ยังไม่เอ่ยถึงการหวาดระแวงทุกคำที่กลืนลงท้องจนกลายเป็นว่าไม่รับรู้รสชาติใดๆ ของอาหาร ต่อให้ข้าวปลาอาหารในวังจะดีกว่าเพียงใด แต่สำหรับเหวินเหลยแล้วกลับเป็นของที่ยากจะกลืน ดังนั้นเมื่อมีโอกาสออกมานอกวังเด็กหนุ่มจะเพลิดเพลินกับมื้ออาหารเป็นพิเศษ


เล่อหรงมองสำรวจภายในร้านอย่างสนอกสนใจตามประสาพ่อค้า มันเป็นสิ่งที่อยู่ฝังลึกลงในสันดานเสียแล้ว มองสิ่งใดในหัวก็จะขบคิดประโยชน์หรือกำไรอยู่เสมอ เหลาอาหารแห่งนี้ก็เช่นกัน คำนวณคร่าวๆ บวกลบในใจเร็วรี่ก่อนจะจดจำข้อดีที่คุ้มค่านำไปลอกเลียนแบบได้


เหลาห่าวชือมีด้วยกันสองชั้น ชั้นแรกนั้นดูธรรมดาเน้นความสะอาดและเรียบง่าย เหล่าลูกค้าดูเหมือนจะเป็นชาวบ้านผู้คนทั่วไปรวมไปถึงเหล่าชาวยุทธ์ที่เดินทางสัญจรผ่าน มีลูกค้าเยอะแน่นร้านดูวุ่นวายไปหมด


พวกเขาเดินขึ้นมาที่ชั้นสองตามหลังเสี่ยวเอ้อ ชั้นนี้กลับแตกต่างกับชั้นแรกเป็นโยชน์ ตั้งแต่โต๊ะเก้าอี้บุนวมที่กว้างขวาง ปูพรมขนสัตว์ที่แพงระยับ เครื่องประดับ โคม ฉากกั้นลมต่างเป็นของมีราคาที่ชั้นแรกไม่มีให้เห็น จำนวนโต๊ะมีน้อยกว่าชั้นแรก เน้นความหรูหรากว้างขวางไม่แออัด สำหรับลูกค้าที่นั่งอยู่ชั้นสองยามนี้มีไม่มาก หากนับพวกเขารวมไปด้วยก็มีแค่สองเท่านั้น บนโต๊ะที่ว่างไร้ผู้คนมีป้ายวางกำกับว่าจอง


นั่นทำให้พ่อค้าหัวใสตัวน้อยเข้าใจในทันทีว่าเพราะเหตุใดเสี่ยวเอ้อของร้านถึงได้บอกว่าโต๊ะเต็ม ที่แท้เป็นระบบเช่าชั่วคราวนี่เอง โต๊ะที่เขากำลังนั่งอยู่ก็คงไม่พ้นจองเอาไว้โดยเฉพาะ นัยน์ตาสีทองอำพันกลอกไปมองคนนั่งตรงข้ามซึ่งกำลังสั่งอาหารกับเสี่ยวเอ้อคล่องปาก ไม่ต้องพลิกสมุดดูรายชื่ออาหารเสียด้วยซ้ำ


ที่บอกว่าใช้เวลาจองหลายวันกว่าจะได้นั้นโกหกกระมัง ที่กล่าวเช่นนั้นอีกฝ่ายเกรงว่าเขาจะเสียหน้าอย่างนั้นรึ? เล่อหรงหรี่ตาพิจารณาราวกับคำตอบจะผุดขึ้นบนดวงหน้าหล่อเหลาดวงนั้น พริบตาต่อมาดวงตาสีเทาควันคู่นั้นก็เหลือบมาสบ เล่อหรงชะงักรีบตีเนียนเบนสายตาไปจับจ้องยอดเขาในจินตนาการ ครู่ใหญ่ถึงหันกลับมาเมื่อถูกอีกคนถามไถ่ด้วยความเอาใจใส่


“เจ้าจะสั่งอาหารอันใดหรือไม่?”


“เจ้าสั่งเถิด ข้าไม่รู้ว่าสิ่งใดอร่อยหรือขึ้นชื่อบ้าง” คนถูกถามโบกมือไม่สนใจ อาหารอันใดก็เอามาเถิด เขาไม่เกี่ยงว่าจะเป็นอันใด ขอเพียงมีรสชาติที่ดีก็พอแล้ว คนอายุมากกว่าพยักหน้ารับแล้วเอ่ยถามต่อ


“เจ้าอยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือไม่? หรือว่าแพ้อาหารอันใดบ้าง?”


แปลกใจเล็กน้อยที่ถูกถามเช่นนี้ ปกติเขาไม่เคยได้ยินผู้ใดจะถามคำถามนี้เลย ใช่ ไม่มีผู้ใดจะใส่ใจคนอื่นขนาดถามอีกฝ่ายว่าแพ้อาหารอันใดบ้าง เห็นได้ชัดว่าคนคนนี้มีนิสัยละเอียดอ่อนไม่น้อย แน่ละ ว่ามีคนที่ชอบเอาใจใส่คนอื่นอยู่เหมือนกัน แต่ปฏิบัติกับคนที่เพิ่งรู้จักกันแบบนี้ออกจะใจดีเกินไปหรือไม่? เล่อหรงจ้องคนถามอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหน้า


“ไม่มีอะไรอยากกินเป็นพิเศษ และก็ไม่แพ้อะไรด้วย เพราะข้าเอาชนะทุกอย่างได้”


“ต้องขำหรือไม่?” เหวินเหลยชะงัก กะพริบตาสองสามที ก่อนจะระบายยิ้มออกมานิดๆ เด็กหนุ่มส่ายหน้ากับคนเล่นตลกหน้าตาย เขาเอ่ยถามกลับด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์นิดๆ คนตรงข้ามฉีกยิ้มกว้างจนตาหยี


“ข้าไม่ได้พูดให้ตลก”


“หึๆ ถ้าเช่นนั้นสั่งอาหารตามใจข้าก็แล้วกัน หากไม่ถูกปากอย่าได้มาโวยกันทีหลังเล่า”


“ข้าตัดสินใจอันใดไปแล้วก็ไม่เคยกล่าวโทษผู้ใดทีหลัง”


“อืม น่านับถือยิ่ง” เด็กหนุ่มขบขันทำสีหน้าจริงจังเกินวัยของเด็กน้อยตรงหน้า เขาทำเสียงในลำคอเออออตามอย่างเสียมิได้ ทำให้อีกคนทำตาวาวโรจน์ แค่นเสียงถามขึ้นจมูก


“ประชดกันหรือ?”


“มิได้ๆ ข้าชมจากใจต่างหาก”


“เหอะ!” เล่อหรงแค่นเสียงใส่คนที่หัวเราะขำแผ่วเบาในลำคอ


ตอนแรกคิดไว้อยู่แล้วว่าคนผู้นี้ร้ายไม่น้อยแน่ๆ ดูจากลักษณะท่าทางและแววตาแล้วต้องบอกเลยว่าแสบสันน่าดู แต่ไหนเลยเขาจะต้องหวั่น ก็เพราะเขาเองก็แสบจี๊ดร้อนลวกเช่นเดียวกัน จะคบหาสหายควรเลือกคนประเภทเดียวกันถึงจะคุยถูกคอมิใช่หรือ?


“คุยกันเสียนานแต่ยังไม่ทราบชื่อแซ่กันเลย ข้าแซ่หวัง ชื่อกวางเทียน”


กวางเทียน... แสงสว่างจากฟากฟ้า?


“เป็นชื่อที่ดี ส่วนข้าเล่อหรง”


เหวินเหลยพยักหน้าไม่ใส่ใจนักว่าอีกฝ่ายจะมีชื่อฟังไพเราะหรือมีความหมายดีหรือไม่ เพราะมันไม่ใช่สิ่งที่เขาจะต้องสนใจ สิ่งที่เขาสนใจไม่ใช่แซ่หรือชื่อของอีกฝ่าย


“ข้าน่าจะอายุมากกว่า เรียกข้าว่าพี่กวางเทียนก็ได้ อืม หรือจะเรียกกวางเทียนก็ตามใจ” เด็กหนุ่มเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มๆ แต่พอเห็นสีหน้าไม่ยินยอมก็หลุดหัวเราะออกมา ยอมอะลุ่มอล่วยให้


ดูทำหน้าเข้า! ราวกับถ้าเรียกเขาว่าพี่จะต้องขาดใจตายอย่างนั้นละ ไม่คิดจะปกปิดความรู้สึกของตัวเองเลยหรือไร เป็นคนตรงไปตรงมายิ่ง องค์รัชทายาทมองเด็กน้อยตรงหน้าอย่างสนองสนใจ เพราะอีกฝ่ายเป็นสิ่งที่เขานั้นยากที่จะพบเจอจากคนรอบข้าง ในวังหลวงนั้นแม้แต่เด็กสามขวบยังมีเล่ห์เหลี่ยมที่ประมาทมิได้ ไหนเลยจะดูใสซื่อไร้เดียงสาเช่นนี้ได้


โดยไม่รู้ตัวเหวินเหลยผ่อนคลายมากขึ้น


ฐานะรัชทายาทพูดไม่ได้เต็มปากว่าเป็นของดี ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมมีดีและไม่ดี ถูกแล้วที่ว่าเขามีอำนาจมีเกียรติที่ได้ดำรงตำแหน่งที่มีผู้คนหมายปองแต่ทำได้เพียงแค่แหงนมอง หึ โดยเฉพาะเหล่าน้องชายต่างมารดาที่เฝ้ามองตาเป็นมัน


ด้วยตำแหน่งนี้เองเหวินเหลยประสบพบเจอคนทุกรูปแบบ คนที่ประจบประแจงหวังพึ่งพิง คนที่หลบเลี่ยงไม่อยากเกี่ยวข้องสัมพันธ์ ประเภทหลังนั้นมีมากกว่ากลุ่มแรกอย่างเทียบไม่ติด ไม่มีผู้ใดต้องการสนิทชิดเชื้อกับองค์รัชทายาทที่ครองตำแหน่งหมิ่นเหม่เช่นเขา


เด็กรุ่นราวคราวเดียวกันถูกสั่งให้อยู่ห่างเขา คนที่เรียกได้ว่าเป็นสหายไม่มีอยู่เลยสักคนเดียว เรียกได้ว่าเป็นหัวเดียวกระเทียมลีบของแท้ และคนทั้งสองประเภทที่ว่ามานั้นต่างมีจุดร่วมอยู่หนึ่งอย่าง นั่นคือ ล้วนต่างปากอย่างใจอย่าง พูดกับเขานอบน้อมแต่ในใจดูถูกเหยียดหยาม พอมาเจอประเภทหน้าใจไปด้วยกันเช่นนี้แล้วไม่คุ้นชินนัก


“เจ้านี่ผิวขาวยิ่งนัก”


ระหว่างเหม่อลอยเด็กน้อยผมทองที่นั่งอีกฝั่งก็โพล่งบางอย่างออกมา เหวินเหลยประมวลสิ่งที่หูได้ยินก่อนจะหลุบเปลือกตามอง มือน้อยสีน้ำผึ้งจิ้มปลายนิ้วลงบนมือขาวๆ ของเขาแล้วเอ่ยประโยคเดิมซ้ำ เด็กหนุ่มมองสีผิวที่ต่างกันอยู่ครู่หนึ่งแล้วคลี่ยิ้มเบาบางเอ่ยอย่างนุ่มนวลเป็นพิเศษ


“ขาวซีดราวกับศพ ข้าชอบผิวสีน้ำผึ้งเช่นผิวของเจ้าเสียมากกว่า ดูเรียบเนียน...น่าอร่อย”


ปลายนิ้วยาวเรียวลูบคลำมือสีน้ำผึ้งที่เพิ่งพึมพำเบาๆ ว่า ‘น่าอร่อย’ ก่อนจะผละออกมารวดเร็วเหมือนมิได้ลวนลามใดๆ สัมผัสรวดเร็วนั้นทำให้เจ้าของมือชะงักวูบ ก่อนจะหัวเราะตามเหมือนไม่ติดใจอันใด ใบหน้าเล็กแย้มยิ้มสดใส ดวงตาสีทองอำพันแสนสวยราวเปล่งประกายแสงได้ เสี้ยวเวลานั้นใครบางคนเผลอกลั้นลมหายใจ


เล่อหรงทอดสายตามองไปยังเบื้องล่าง บนถนนที่มีผู้คนหลากหลายอาชีพเดินสัญจร เด็กน้อยฉีกยิ้มแล้วชี้นิ้วชวนมองไปยังบุรุษร่างกำยำผู้สวมเกราะหนาที่เดินทำหน้าเคร่งกับบุรุษล่ำสันที่เหน็บกระบี่ที่เอว ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น


“โอ้ ดูนั่น ทหารผู้นั้นหรือจอมยุทธ์ผู้นั้นล้วนแล้วแต่มีสีผิวไม่ต่างจากข้า เช่นนั้นพวกเขาก็ ‘น่าอร่อย’ สำหรับเจ้าสินะ โอ้โห รสนิยมเจ้าไม่เลวๆ” เล่อหรงหันมาทำตาโตใส่อีกคนที่นิ่งงันไปตั้งแต่เขาพูดหยอกเย้า นัยน์ตาสีทองเปล่งประกายระยิบระยับเป็นเชิงท้าทายอยู่หน่อยๆ


คนที่ไม่นึกว่าจะถูกอีกฝ่ายได้ยินเสียงแอบรำพึงรำพันแสนเบานั้นนิ่งไปอึดใจ เสียหน้าเล็กน้อยแต่ไม่มากจนต้องอารมณ์เสีย อีกทั้งดวงหน้าเรียวเล็กที่กำลังล้อเลียนเขาอยู่นี้ก็ดูน่าหมั่นไส้ปนน่าเอ็นดูจนห้ามใจไม่ไหว ดวงตาคมสีควันจับจ้องไม่กะพริบตา ขณะเดียวกันนั้นมือก็เอื้อมไปบีบแก้มนุ่มทีหนึ่งอย่างอดกลั้นมิได้ เขาชักมือกลับก่อนจะเผลอตัวทำอะไรไปมากกว่านี้ ก่อนจะถอนหายใจตอบกลับอย่างมันเขี้ยว


“ผิวของเจ้าไยจะเหมือนคนหยาบกระด้างเหล่านั้นได้”


“.....ไม่เหมือนก็ไม่เหมือน” คนโดนบีบแก้มสะดุ้งเฮือก ใบหน้าที่มีรอยยิ้มพลันกลายเป็นตกใจจนอ้าปากเหวอ ไม่คิดว่าจะถูกโจมตีเช่นนี้ แก้มที่ถูกบีบเมื่อครู่คล้ายจะร้อนวูบ พวงแก้มนวลสีน้ำผึ้งสวยแดงระเรื่อขึ้นสี คนไม่เกรงกลัวใดๆ ยามนี้เอาแต่อ้าปากพะงาบๆ พูดอันใดไม่เป็นคำจนหงุดหงิดตัวเอง แต่ไม่นานก็กลับมาตั้งสติได้รวดเร็ว เขาแสร้งพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ ดวงใจเต้นแรงผิดปกติอย่างน่าฉงน สุดท้ายก็ทำเพียงพึมพำยอมรับเสียมิได้


ไม่ได้ยอมแพ้หรอกนะ เพียงแค่หิวมากคร้านจะต่อปากด้วยเท่านั้น!


ยามใดอาหารจะมาเสียที ใช้มิได้จริงๆ!


...นุ่มกว่าที่คิดไว้อีก


องค์รัชทายาทหนุ่มเหม่อลอยถูปลายนิ้วพลางคิดถึงสัมผัสเมื่อครู่ แววตาเข้มขึ้นจนนัยน์ตาสีเทาเปลี่ยนเป็นสีดำ ก่อนจะค่อยๆ รู้สึกตัว ผ่อนลมหายใจออกช้าๆ เหลือบมองคนโดนลวนลามที่มองไปรอบๆ ตัวเหมือนยังไม่รู้ว่าถูกกินเต้าหู้คำใหญ่ซึ่งๆ หน้า เห็นเช่นนั้นเขาก็วางใจในระดับหนึ่ง นึกเกรงว่าเหยื่อจะรู้ตัวเสียก่อน แต่เท่าที่สังเกตดูเหยื่อรายนี้ดูจะไม่รู้เนื้อรู้ตัวใดๆ ทั้งสิ้น เหวินเหลยแอบตำหนิตนเองในใจ


ให้ตาย เมื่อครู่มือไวไปหน่อยจริงๆ


เมื่อตั้งหลักได้อีกครั้งนายพรานมือฉมังก็กลับมาสงบใจเริ่มต้นพูดคุยกับเหยื่อตัวน้อยเพื่อยกระดับความสนิทสนมก่อนจะหาเวลาลงมือในยามประจวบเหมาะแก่จังหวะ


“แล้วเจ้าได้ไปเที่ยวที่ใดบ้างแล้วล่ะ?”


“อ่า เรื่องนั้น... จริงๆ แล้วข้ายังไม่ได้ไปเที่ยวที่ใดเลย มาถึงก็เอาแต่อยู่ในห้องพัก ก็เพิ่งออกมานี่ละ”   


เหวินเหลยมองคนทำหน้าเบื่อหน่ายบ่นไปเรื่อยนิ่งๆ ในใจผุดข้อข้องใจบางอย่างขึ้นมา ยังไม่ไปเที่ยวที่ใดเลยแต่กลับแล่นไปบ่อนพนันก่อนเป็นลำดับแรก? เอ่อ คนเช่นนี้นับว่ายังปกติอยู่หรือไม่? องค์รัชทายาทหนุ่มได้แต่กังขาไร้ซึ่งคำตอบอยู่ในใจ


หลังจากนั้นเขาก็พยายามแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเมืองหลวงแห่งนี้ไปหลายแห่ง แต่อีกฝ่ายกลับทำหน้าเนือยๆ ไม่กระตือรือร้นใดๆ เหวินเหลยยกคิ้วถามอย่างแปลกใจเมื่อเห็นคนตัวเล็กทำตัวเป็นหนอนเกียจคร้าน


“เจ้าไม่สนใจอย่างนั้นรึ?”


“น้ำพุร้อน ภูเขา แม่น้ำอะไรพรรค์นั้นข้าล้วนเห็นมามากแล้ว ไว้ไม่มีอะไรทำค่อยไปก็แล้วกัน” เล่อหรงพ่นลมหายใจก่อนจะโบกมือบอกปัดอย่างไม่แยแส


คนแนะนำถึงกับต้องครุ่นคิดใหม่จนในหัววุ่นวายไปหมด ดูเหมือนเหยื่อตัวน้อยของเขาคนนี้จะไม่เหมือนรายอื่นๆ จะผ่านมา เหยื่อที่ผ่านๆ มาช่างจัดการง่ายดายราวกับปอกกล้วย เพียงเอาใจเล็กน้อยประกอบหยิบยื่นของล้ำค่าเศษเงินเศษทองก็ยินยอมไปเสียทุกอย่าง แต่รายนี้ดูจะเอาอกเอาใจไม่ง่ายนัก ระดับความยากต่อการพิชิตดูจะสูงไม่น้อย


นายพรานที่หมายจะพิชิตกวางเนื้อทองเก็บกดอาการเนื้อเต้นไว้ในใจแล้วไถ่ถามอย่างเอาใส่ใจ


“แล้วเจ้าอยากไปที่แบบใด ข้าจะได้แนะนำถูก”


“อะไรก็ได้ที่ตื่นเต้นเร้าใจ”


ตื่นเต้นเร้าใจ?


เตียงข้าไง... อะแฮ่ม!


เหวินเหลยกระแอมไล่ความคิดนอกลู่นอกทางออกไปจากหัวแล้วครุ่นคิดจริงจัง ดูท่าเจ้าเด็กนี่จะชื่นชมอะไรโลดโผนต่างจากผู้อื่น สังเกตจากที่ไปบ่อนพนันตั้งแต่วันแรกที่มาเหยียบเมืองนี้อย่างไรล่ะ จะมีผู้ใดไปบ่อนพนันตั้งแต่คืนแรกที่มาเยือนนอกเสียจากผีพนันเท่านั้น


คิดไปคิดมาก็ผุดความคิดบางอย่างขึ้นมา แต่เขายังไม่เอ่ยออกไป เพราะไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายนั้นจะรับได้หรือสนใจมากน้อยเพียงใด ขืนเสนอออกไปไม่ดูตาม้าตาเรือมิกลายเป็นว่าถูกมองเป็นคนป่าเถื่อนหรอกหรือ? อีกอย่างที่แห่งนั้นคงไม่เหมาะจะพาเด็กไปเที่ยวเล่นกระมัง


ก่อนที่จะได้เอ่ยอะไรออกไปตอนนั้นเองเสี่ยวเอ้อก็ยกจานอาหารที่จัดแต่งสวยงามชวนรับประทานเข้ามาคั่นได้ประจวบเหมาะ ทั้งสองหันไปให้ความสนใจทันที


อาหารแต่ละอย่างถูกวางเรียงรายบนโต๊ะจานแล้วจานเล่า ชามแล้วชามเล่า มากมายคล้ายเลี้ยงคนทั้งหมู่บ้านมากกว่าสองคนกิน เล่อหรงดูอาหารแล้วพยักหน้าอย่างพึงพอใจ มองตาเปล่าแล้วดูน่ากินมากเชียว ท้องที่หิ้วมานานเริ่มส่งเสียงประท้วงทนไม่ไหวอีกต่อไป


มือน้อยสีน้ำผึ้งฉวยตะเกียบตรงหน้าขึ้นมาเตรียมพร้อมลงมือเติมเต็มท้องที่ว่างเปล่า ตะเกียบในมือกำลังขยับก็พลันชะงักเมื่ออีกคนที่ร่วมโต๊ะคีบอาหารวางบนถ้วยข้าวของเขาพร้อมกล่าวแนะนำด้วยท่วงท่าผ่าเผย


“เนื้อหมักน้ำผึ้งย่าง ของอร่อยขึ้นชื่อของที่นี่”


ดวงตาสีทองอำพันเหลือบขึ้นไปมองคนตรงหน้าวูบหนึ่งราวกับไม่สนใจมากนัก เล่อหรงคีบเนื้อชิ้นนั้นขึ้นมากิน ไม่นานก็พยักหน้าหน้าพึงพอใจเมื่อลิ้มรสอาหารโอชะ คนแนะนำแย้มยิ้มก่อนจะส่งอาหารอื่นๆ คีบให้ไม่หยุด บริการส่งถึงที่จนคนถูกเอาอกเอาใจไม่ต้องขยับมือก็มีอาหารกองพูนถ้วย


เล่อหรงกินไปสักพักใหญ่ก็หยุดมือลง ทำเสียงครางเนิบๆ ในลำคอ ตะเกียบเขี่ยเม็ดข้าวไปมา คิ้วขมวดมุ่นเข้าหากัน ใบหน้าเรียวเล็กมองไปรอบๆ เหมือนขบคิดอะไรบางอย่างแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ส่งผลให้คิ้วคมเข้มดังกระบี่ของใครอีกคนยกขึ้นด้วยความสงสัยแกมแปลกใจ อยู่ๆ ก็เปลี่ยนท่าทีอย่างรวดเร็ว เมื่อครู่ยังกินอย่างเอร็ดอร่อยอยู่เลย ตอนนี้กลับไม่ยอมกินเอาแต่เขี่ยข้าวไปมาเหมือนเด็กถูกขัดใจ


“เป็นอันใดรึ? เหตุใดไม่กินต่อเล่า?”


เล่อหรงเท้ามือใต้คางชำเลืองดวงตามองเจ้ามือเลี้ยงข้าว ในใจแอบแค่นเสียงขึ้นจมูก


อะไรกัน อะไรกัน!


จำได้ว่ามีใครบางคนเคยลั่นวาจาว่ามิได้เกี้ยวพาราสีเขา แล้วการกระทำเหล่านี้เล่าคืออันใด? ผูกมิตรฉันท์มิตรสหายอย่างนั้นรึ? เหอะ! มิเคยกินหมูก็ต้องเคยเห็นหมูวิ่งผ่านบ้างล่ะ อ่า โดยเฉพาะเขา เห็นหมูทั้งคอกวิ่งผ่านเชียวละ!


ในฐานะนายน้อยตระกูลโหยวแล้วจำนวนคนเข้ามาเกี้ยวพานั้นมีมากกว่าใบพุทราเสียอีก ท่วงท่าลีลาใดบ้างที่เขาไม่เคยเห็น หนำซ้ำรอบตัวเขาก็มีแต่คนกะล่อน อย่างเจ้ารุ่ยอ๋องสหายน่าชังผู้นั้นยังไงล่ะ มันมิใช่พวกคุณชายบุปผา(นักรัก)หรอกหรือ?


จุ๊ๆ คิดจะล่อลวงนายน้อยผู้นี้ยังเร็วไปร้อยปี!


ก่อนที่เจ้าจะทำสำเร็จ ข้านี่แหละจะทำให้เจ้าหลงหัวปักหัวปำเสียก่อน คิดจะเล่นกับข้าไม่รู้อันใดเสียแล้ว หึ!


เอาชื่อบรรพบุรุษเป็นเดิมพัน!


เด็กน้อยโยกศีรษะไปมาก่อนจะกะพริบตาเอ่ยถามอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย


“นี่ เจ้าไม่รู้สึกอย่างนั้นหรือ?”


“อะไร?”


เล่อหรงส่ายหน้าทอดมองไปยังคนตรงหน้าราวกับอีกฝ่ายเป็นเด็กไม่รู้ความอันใด จากนั้นก็ชี้แจงเหตุผลประกอบกับชี้นิ้วไปรอบด้านที่เงียบสงัดร้างผู้คน


“บรรยากาศก็ดี อาหารก็อร่อย เสียอย่างเดียว อะไรน่ะหรือ? ก็ขาดดนตรีไปอย่างไรเล่า! ขาดความสุนทรีย์ทางโสตเช่นนี้จะกินอาหารได้รสชาติไม่เต็มส่วน ข้าอยากได้ดนตรีไพเราะขับกล่อมระหว่างรับประทานอาหารไปด้วย ไม่ได้หรือ?”


ประโยคท้ายดวงตากลมโตสีทองคู่นั้นก็หันไปมองคนตรงข้ามวิบวับ น้ำเสียงแฝงอ้อนหน่อยๆ ใบหน้างดงามออกอาการรั้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ ดูเป็นคุณชายน้อยผู้เอาแต่ใจได้น่ารักน่าชังยิ่ง


คนถูกอ้อนยิ้มพรายหล่อเหลา ไม่ตำหนิหรือไม่สบอารมณ์ใดๆ เขายกมือเรียกเสี่ยวเอ้อที่รีบกุลีกุจอเข้ามาหาแล้วแจ้งความต้องการออกไป


“ดนตรี”


“อ้อ สักครู่นะขอรับ” เสี่ยวเอ้อเข้าใจทันทีโดยไม่ต้องเอ่ยอันใดมากความ เขาออกไปจัดการตามตัวนักดนตรีเข้ามาบรรเลงบทเพลงขับกล่อมแขกคนสำคัญระหว่างเพลิดเพลินกับอาหารรสเลิศทันที



v
v
v

ออฟไลน์ poypoy

  • ไม่ว่าจะเป็นอะไร จงเป็นสิ่งนั้นให้ดีที่สุด
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 444
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +996/-4
    • PoyPoy
ไม่นานเกินรอ ตำแหน่งไม่ใกล้ไม่ไกลจากโต๊ะที่แขกพิเศษนั่ง มุมที่ตั้งฉากกั้นลมลวดลายนางฟ้าฉางเอ๋อหยอกเย้ากระต่ายน้อย บนโต๊ะมีกู่เจิงยี่สิบเอ็ดสายตั้งตระหง่าน เสี่ยวเอ้อเดินนำมือพิณหนุ่มที่อายุไม่เกินยี่สิบกว่าปีเข้ามา ลักษณะรูปร่างเป็นสุภาพชนหน้าตาหมดจดผู้หนึ่ง คนเรียกร้องจะเอาดนตรีประกอบการรับประทานชำเลืองสายตาเร็วๆ ไปมองคนร่วมโต๊ะที่ขยับมือกินต่อเหมือนไม่สนใจ


ดนตรีน่ะอยากฟังอยู่เหมือนกัน แต่เป้าหมายของนายน้อยผู้นี้มิใช่มือพิณคนนี้เสียหน่อย นายน้อยผู้นี้อยากสดับรับฟังดนตรีจากคุณชายเจ้ามือเลี้ยงข้าวต่างหากล่ะ!


เสียงนุ่มนวลของกู่เจิงดังขึ้นเมื่อนักพิณหนุ่มเริ่มบรรเลงพรมนิ้วมือไปบนสายมากมายนั้น แม้จะมิใช่เป้าหมายแต่เมื่อได้ยินเสียงบรรเลงบทเพลงเล่อหรงก็ค่อยๆ ยืดตัวหลับตาตั้งใจซึมซับทุกเสียงที่เรียงร้อยขับขาน เพลงที่นักดนตรีบรรเลงอยู่นี่เป็นบทเพลงรักหวานเบาๆ เกี่ยวกับคนผู้หนึ่งที่ถูกคนรักไถ่ถามว่ารักเขามากเพียงใด บทเพลงอ่อนหวานเข้ากับกู่เจิงที่มีเสียงหวานละมุน เล่อหรงลืมตาจ้องมองไปยังนักพิณคนนั้นพร้อมกับแย้มยิ้มอ่อนหวาน


“ฝีมือใช้ได้”


นักพิณหนุ่มที่ตั้งใจบรรเลงรับรู้ถึงสายตาที่จ้องตรงมาที่เขา ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นไปมองสบตาเข้ากับดวงตาสีทองอำพันราวกับอัญมณีคู่นั้นก็พลันเล่นสะดุด หัวใจกระตุกวูบยามที่เห็นรูปโฉมของคนที่ส่งยิ้มหวานเสียยิ่งกว่าเพลงที่เขากำลังเล่นอยู่


จังหวะที่เล่นพลาดนั้นรอยยิ้มบนใบหน้างดงามก็พลันละลาย มือพิณหนุ่มกลับมาตั้งสมาธิจดจ่อที่กู่เจิงตรงหน้าและบรรเลงต่อไป ระหว่างนั้นก็แอบลอบมองเด็กน้อยที่ตั้งอกตั้งใจฟังเพลงที่เขาบรรเลง ริมฝีปากพลันแย้มยิ้มเอ็นดูเมื่อเห็นอีกฝ่ายโยกตัวตามจังหวะ

รักเจ้ามากมายกว่าดาวบนนภา รักมากมายกว่า...


“กินข้าว”


ในตอนที่เล่อหรงฮัมบทเพลงไปตามดนตรีเสียงกระด้างก็เอ่ยแทรกเข้ามาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย คนที่กำลังซึมซับความสุนทรีย์เอียงหน้าไปมองเจ้าภาพเลี้ยงข้าวที่หน้าตึงเรียบราวกับมีผู้ใดขึงไว้ เอ่ยเตือนเหมือนไม่มีอะไร แต่เสียงกลับแข็งทื่ออย่างปิดไม่มิด ดูท่าคุณชายท่านนี้จะขี้หึงมิใช่น้อยเลย!


วะฮ่า~ ถูกใจนายน้อยผู้นี้นักละ


ข้าจะปั่นหัวเจ้าให้หมุนจนอ้วกไปเลย คอยดู!


“ข้าชอบคนเล่นดนตรีได้”


ว่าแล้วก็หยอดยั่วไปสักหน่อย


เล่อหรงยังคงไม่สนใจอาหารบนโต๊ะ ดวงตามองไปยังนักดนตรีหนุ่มไม่ละสายตา โยกร่างกายไปตามจังหวะเพลงพร้อมกับยิ้มกระจ่างใสเต็มใบหน้า สักพักก็แอบชำเลืองมองอาการของคนร่วมโต๊ะที่ไม่รู้หยุดกินตั้งแต่เมื่อไร ดวงตาสีเทาคู่นั้นจ้องมองไปยังนักดนตรีเขม็งราวกับจะทิ่มแทงให้ทะลุทะลวง


มารตัวน้อยแสยะเขี้ยวลอบยิ้มอย่างพอใจ


นี่แน่ะ! เจ้าหึงจนจะแยกเขี้ยวแล้วนะคุณชาย


ไม่รู้ว่ามือพิณคนนั้นมีเจตนาใดบทเพลงต่อมาก็ยังเป็นเพลงรักหวานหยาดหยดเช่นเดิม ท่วงทำนองอ่อนหวานสื่อถึงเรื่องราวของบุรุษผู้หนึ่งที่เอาแต่คิดถึงโฉมงามจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ถึงต้องถ่อร่างกายไปยืนเฝ้าหน้าบ้านของสตรีที่รักคร่ำครวญเพลงรักนี้ขึ้นมา ฝีมือบรรเลงกู่เจิงไม่นับว่าย่ำแย่อันใด พอฟังรื่นหูไปได้ แต่เพื่อกระตุ้นกองไฟแกล้งใครบางคนเล่นเล่อหรงจำใจแสร้งชมชอบออกหน้าออกตา เขาชมไม่หยุดปากประกอบกับมือพิณคนนั้นชะเง้อชะแง้ส่งสายตามาให้


“เสี่ยวเอ้อ เอาไปให้เขา” เล่อหรงตบถุงเงินข้างเอวตกรางวัลเป็นทองคำก้อนโตที่ทำให้เสี่ยวเอ้อและมือพิณตาวาวแสง จากนั้นก็แกล้งเพลิดเพลินกับเสียงบรรเลงกู่เจิงไม่สนใจสิ่งใดอีก ผ่านไปอึดใจหนึ่งก็ลอบมองคนร่วมโต๊ะว่ามีอาการอันใดบ้าง เป็นจังหวะเดียวกับที่อีกฝ่ายเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงปกติ


“กินข้าว มัวแต่ฟังดนตรี อาหารเย็นชืดหมดอร่อยกันพอดี”


“อืม” ส่งเสียงรับแต่ไม่ขยับมือแต่อย่างใด


“หากยังไม่หันมากินสักคำ ข้าจะไล่มันไปไม่ต้องฟัง” คราวนี้น้ำเสียงนั้นเพิ่มความกดดันยิ่งขึ้น เล่อหรงหันกลับมายิ้มให้แวบหนึ่งก่อนจะหันกลับไปมองอีกครั้งราวกับต้องการท้าทาย


เหวินเหลยวางตะเกียบลง เขาหันไปมองมือพิณหนุ่มที่เล่นกู่เจิงไปชม้อยสายตาให้แก่เพื่อนร่วมโต๊ะตัวน้อยของเขาไปด้วย เป็นท่าทางที่ดูขัดหูขัดตาพอๆ กับบทเพลงที่แม้แต่คนฟังไม่สำเนียงไม่ออกเช่นเขายังทราบว่ามันเป็นเพลงรัก ช่างเป็นบทเพลงที่ชวนสำรอกนัก! อารมณ์ที่จะกินต่อหดหายไปพร้อมๆ กับอยากลุกไปตะบันหน้ามันให้หงาย


“พอแล้ว ออกไป!” เด็กหนุ่มตวาดเสียงดัง เสียงแฝงไปด้วยถ้อยคำทรงอำนาจน่าเกรงขาม


เสี่ยวเอ้อและนักพิณผู้โชคร้ายสะดุ้งเฮือก เสียงกู่เจิงหยุดลงกลางคัน นัยน์ตาสีเทาดุและเริ่มแผ่กลิ่นอายชวนขนลุก ทั้งสองหวาดกลัวดังมุสิกรีบกระวีกระวาดออกไปอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงเด็กหนุ่มเจ้าของดวงตาสีเทาดุร้าย และเด็กน้อยผมสีทองที่แสร้งถอนหายใจเฮือกๆ แกล้งเสียดาย ไม่สำนึกว่าตนนั้นเกือบเป็นต้นเหตุให้สองชีวิตถึงฆาต


“ชอบมันมากหรือ?” เสียงถามเย็นเยือกผิดปกติ


ใบหน้าคมคายหล่อเหลาเกินวัยเริ่มตั้งเค้ากลายเป็นพายุ แม้จะพยายามเตือนตัวเองว่าอย่าทำเสียแผน แต่กระนั้นเขาก็อดทนไม่ไหว ไม่เคยมีครั้งใดที่ถูกเมินเช่นครั้งนี้เลย ด้วยรูปร่างหน้าตาท่วงท่าอ่อนโยนที่ตั้งใจลวงล่อไม่เคยมีเหยื่อรายใดเมินเฉยต่อเขา ยิ่งให้เงินทองของล้ำค่าก็ยิ่งง่ายดายขึ้นไปอีก แต่เหยื่อตัวน้อยรายนี้กลับเอาแต่สนใจชื่นชมเจ้านักดนตรีนั่นจนแทบจะลืมอาหารบนโต๊ะที่ต้องการมาลิ้มรสชาติในคราแรก


“อ้อ ฝีมือยังไม่เข้าขั้น” เล่อหรงส่ายหน้าตอบจากใจจริง แล้วหัวเราะออกมาเมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยวราวกับไม่เชื่อคำตอบของเขา


มือน้อยสีน้ำผึ้งจับตะเกียบยื่นไปคีบเนื้อปลาลูกเต๋าราดพริกขึ้นไปยื่นให้คนตรงข้าม อ้าปากทำท่าจะป้อนให้อย่างเอาใจ เหวินเหลยขมวดคิ้วมองเนื้อปลาที่ถูกคะยั้นคะยอแล้วตวัดสายตาจ้องหน้าคนป้อนที่ยิ้มตาหยีพยักพเยิดให้กิน เขาพ่นลมหายใจแล้วจำยอมกินเข้าไป เล่อหรงยิ้มแล้วเอ่ยต่อ


“อันที่จริงข้าอยากฟังเจ้าเล่นมากกว่า”


องค์รัชทายาทหนุ่มหยุดชะงักก่อนจะเงยหน้ามองคนพูดที่จ้องหน้าเขาด้วยดวงตากลมโตสีทองอำพันเปล่งประกายวิบวับอย่างคาดหวัง เขาเม้มปากทำเมินไม่สนใจ จับตะเกียบกินข้าวต่อเงียบๆ


ให้เขาเล่นไอ้นั่นน่ะหรือ? เหอะ! ขนาดฟังยังนับครั้งได้ จะให้เล่นคงเป็นไปไม่ได้ บรรเลงพิณมีไว้ให้เพียงแค่พวกสตรีและคุณชายหน้าขาวเล่นเท่านั้นแหละ เขาเป็นถึงรัชทายาทไม่เคยสนใจจะแตะมันสักนิด พูดง่ายๆ ก็คือ...ข้าเล่นไม่เป็นเฟ้ย!


เมิน เมินกันเฉยเลย!


เล่อหรงมองคนตรงหน้าที่ลงมือกินข้าวต่อแทบไม่มองหน้าเขาหลังจากที่เอ่ยออกไปเช่นนั้น อะไรเล่า แค่ขอให้เล่นกู่เจิงเท่านั้น ทำแค่นี้มิได้หรือไรกัน? เจ้ากำลังจีบข้าอยู่เพราะฉะนั้นต้องเสนอตัวไปเล่นสิถึงจะถูกตามเรื่องตามราว มิใช่นั่งกินเป็ดต่อเช่นนี้! นายน้อยโหยวมึนงงกับการกระทำของอีกฝ่าย เขานั่งกอดอกทำหน้าบูดบึ้งจ้องกดดันหนักหน่วง เลิกกินแล้วไปเล่นกู่เจิงเสียที เจ้าบ้านี่! หากยังเล่นตัวข้าจะไม่สนใจเจ้าแล้วนะ!


“ข้าเล่นไม่เป็น”


เห็นเด็กน้อยหน้าตาน่ารักจ้องจะกินเลือดกินเนื้อเช่นกัน เหวินเหลยก็ข่มความอายที่ผุดขึ้นมาจากที่ใดไม่ทราบบอกความจริงออกไป ใบหน้าอดร้อนผะผ่าวมิได้ เมื่อก่อนเขาไม่เคยรู้สึกว่าการเล่นดนตรีไม่ได้มันน่าอาย แม้จะได้ยินว่าพี่น้องต่างมารดาเล่นเครื่องดนตรีได้ดีเพียงไรเขาก็หาได้กระตือรือร้นใส่ใจ แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดยามนี้เขากลับอับอายนัก


เหวินหลิ่นเล่นกู่เจิง เหวินจิ่นเล่นกู่ฉิน เหวินเสวี่ยเล่นผีผา กระทั่งเหวินถงก็ยังเชี่ยวชาญเครื่องเป่า งานเฉลิมพระราชสมภพที่ผ่านมา เหวินเสวี่ยกับเหวินถงบรรเลงผีผาประสานเสียงเซียวถวายเสด็จพ่อ ส่วนตัวเขาทำไม่ได้เช่นนั้น ยามนั้นเขายังทำแค่แค่นเสียงใส่ และรอชมหายนะของพวกมันที่ทำตัวโดดเด่นอยู่กลางแจ้งอย่างโง่เง่า ไม่ได้รู้สึกอะไรไปมากกว่านั้น 


แต่ไฉนเวลานี้กลับต้องมากระอักกระอ่วนเพราะ... เหยื่อตัวน้อยนี่ด้วย?


“ข้าไม่เชื่อ! คุณชายตระกูลเล็กเพียงใดก็ต้องเล่นเป็นสักเพลง แต่เจ้าไม่อยากเล่นใช่หรือไม่? ไยต้องโกหกเช่นนั้นด้วย ไม่อยากเล่นก็แค่บอกออกมาตามตรงสิ”


“ข้าไม่ได้โกหก”


แล้วมันเรื่องอันใดที่ต้องถูกกล่าวหาเช่นนี้ด้วย เขาหรืออุตส่าห์ข่มความอับอายบอกความจริงออกไป แต่อีกฝ่ายกลับไม่ยอมเชื่อเสียนี่ จริงอยู่ที่ว่าบุตรหลานคนมีชาติตระกูลต้องเชี่ยวชาญศิลปะทั้งหกศาสตร์ (มารยาท ดนตรี ธนู ขับขี่ หนังสือ และคำนวณ) แต่นั่นมิใช่เขาที่ไม่ชอบเรียน คาบเรียนดนตรีก็มีอยู่แต่รัชทายาทผู้นี้หนีเรียนมันทุกครั้ง พออาจารย์จะอ้าปากพูดว่ากู่เจิงรัชทายาทผู้นี้ก็กระโจนออกจากห้องแล้ว จะไปมีเล่นได้อย่างไร?


“ผู้ใดเชื่อเจ้าก็โง่เต็มทน” หนูน้อยผมทองดังเส้นไหมทำงอแงไม่ยอมเชื่อท่าเดียว ดวงตาคู่สวยยังเริ่มแดงระเรื่อคล้ายจะร้องไห้ที่โดนขัดใจ ทำเอาเหวินเหลยอับจนปัญญา เขาถอนหายใจตัดสินใจลุกขึ้นเดินไปยังกู่เจิง เด็กหนุ่มเม้มปากนั่งลงมองกู่เจิงตรงหน้าประหนึ่งมันเป็นของน่าขยะแขยง


“เจ้าต้องใส่ปลอกนิ้วก่อนสิ ประเดี๋ยวก็โดนบาดหรอก” เสียงเล็กๆ เตือนเข้ามา เหวินเหลยเรียกเสี่ยวเอ้อกลับมา ไม่นานเขาก็เตรียมพร้อมกับการเล่นกู่เจิงครั้งแรกในชีวิต รัชทายาทหนุ่มขมวดคิ้วมุ่นจ้องมองเครื่องดนตรีตรงหน้า หากจ้องแล้วมันเล่นเองได้เขาคงจะจ้องมันทะลุไปนานแล้ว


เนิ่นนานเขาเงยหน้าขึ้นไปมองเด็กน้อยที่จ้องมองมาอย่างคาดหวัง ในใจอดจะวูบไหวมิได้ บัดซบ! หากข้าเล่นไม่เอาอ่าวจะโดนเด็กสบประมาทหรือไม่? รู้เช่นนี้ศึกษาไว้บ้างก็น่าจะดี เสียงปรบมือดังจากเด็กน้อยเจ้าปัญหาเร่งให้รัชทายาทหนุ่มแสดงฝีมือ เขากัดฟันกรอด หลับตาทบทวนสิ่งที่นักพิณก่อนหน้าเล่นไว้


เสียงกู่เจิงจังหวะแรกดังขึ้นเล่อหรงที่ตั้งใจรอฟังอยู่แล้วลืมตาขึ้นทันที เสียงที่ดังออกมานั้นบ่งบอกว่าคนเล่นลังเล เสียงต่อๆ มาก็ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่ใจเฉกเช่นมือใหม่หัดบรรเลง แม้จะแปลกใจไม่น้อยแต่ก็ต้องยอมรับว่าอีกฝ่ายเป็นมือใหม่จริงๆ ที่บอกว่าเล่นไม่ได้นั้นเป็นความจริงมิใช่แค่เลี่ยงบอกปัด


แม้กู่เจิงจะดังกระท่อนกระแท่นไม่เป็นเพลงแต่เล่อหรงก็ไม่ได้อารมณ์เสียอันใด อีกฝ่ายเป็นมือใหม่คงคาดหวังอันใดไม่ได้มาก เขานั่งฟังไปกินข้าวไป สักพักคิ้วสีอ่อนก็ค่อยๆ ขมวดเข้าหากัน


เสียงกระจัดกระจายของกู่เจิงเริ่มฟังเป็นจังหวะเป็นเพลงมากขึ้น ที่ชวนให้ตกใจมากกว่านั้นทำนองนี้ฟังคล้ายกับเพลงแรกที่นักพิณคนนั้นเล่น และไม่นานมันก็เข้าที่เข้าทางกลายเป็นเพลงเดียวกันกับที่นักพิณคนนั้นเล่นไว้ ฟังเพียงเสียงราวกับนักพิณคนนั้นนั่งเล่นเอง มิใช่คุณชายที่เอ่ยปากว่าเล่นไม่เป็นเป็นคนเล่น เล่อหรงหันกลับไปมองเห็นเด็กหนุ่มผู้สวมอาภรณ์สีครามคนเดิม


เป็น...เป็นไปได้ยังไง!?


เมื่อครู่ยังราวกับมือใหม่อยู่แล้วแต่ตอนนี้กลับเล่นได้คล่องเชียว!


เล่อหรงนั่งนิ่งสดับฟังอย่างตั้งใจ มองตาไม่กะพริบ ท่าทางการวางมือนั้นชัดเจนว่ามือใหม่หัดเล่นแน่นอน แต่ยิ่งเล่นก็ยิ่งคล่องแคล่วสะบัดความลังเลในคราแรกไปอย่างหมดจด  บทเพลงแรกจบไปเพลงต่อมาเริ่มบรรเลงต่อ และเป็นเพลงที่นักพิณคนนั้นเล่นเป็นลำดับที่สอง


ทำไมเขาถึงเล่นเพลงเหมือนนักพิณคนนั้นเล่า?


....อ๊ะ หรือว่า....!?


เล่อหรงตัวชาวาบ ดวงตาของเขาเบิกตาอย่างตกใจ มองอีกฝ่ายเล่นอย่างเก้ๆ กังๆ ในคราแรก และเหมือนกับรอบแรกยิ่งเล่นยิ่งนิ่งมากขึ้น ริมฝีปากเล็กเม้มแน่น ในใจเกิดความรู้สึกรับไม่ได้ขึ้นมา


บัดซบ บัดซบ บัดซบบบบบบ!


มองแค่ครั้งเดียวเจ้าก็เล่นได้แล้วงั้นรึ? บัดซบ แล้วความอุตสาหะพากเพียรของผู้อื่นคืออันใดกัน เล่อหรงนึกถึงตอนที่เขาถูกเคี่ยวเข็ญให้ฝึกฝนเล่นดนตรีชนิดต่างๆ อยู่แรมปี ฝึกมันจนแทบกระอักเลือด เล่นซ้ำๆ จนสองตาคั่งเลือด ถึงแม้หลังจากนั้นเขาจะกลายเป็นยอดฝีมือระดับสูง ถูกเรียกขานว่าเป็นอัจฉริยะก็ตาม แต่นั่นก็แลกมาด้วยความยากลำบากเลือดตาแทบกระเด็น แต่คนผู้นี้กลับทำได้เพียงแค่มองและฟังแค่ครั้งเดียว!


หัวใจของนายน้อยผู้นี้ราวกับมีเลือดไหลซิกออกมา


เจ็บปวดเหลือทน


หากข้าถูกเรียกว่าอัจฉริยะ แล้วคนผู้นี้นับว่าเป็นตัวอันใด ปีศาจรึ!?


“เล่นไม่ได้เรื่อง! ออกไป ข้าจะแสดงให้เห็นว่ายอดฝีมือเป็นเช่นไร”


เล่อหรงทนไม่ไหวอีกต่อไป หากยังให้อีกฝ่ายเล่นต่อไปเขาจะต้องร้องไห้ออกมาแน่ๆ ว่าแล้วก็ลุกขึ้นผลักเหวินเหลยออกไป แย่งปลอกนิ้วมาสวมแล้วปีนไปเก้าอี้ตรงหน้ากู่เจิง


เด็กน้อยสูดลมหายใจตั้งสมาธิก่อนจะเริ่มบรรเลงบทเพลงระดับสูงที่ขึ้นชื่อว่ายากที่สุด ต้องใช้ทักษะการเล่นทั้งห้า ดีดควบ กวาดเสียง ดีดลูกไล่ ดีดรัว ดีดไล่ระดับ สื่อถึงความรุนแรงของพายุ หยดน้ำฝน ความสงบหลังพายุ และเกิดพายุอีกครั้ง เป็นเพลงที่มือใหม่ไม่มีทางเล่นได้แน่นอน เป็นเพลงที่ระดับปรมาจารย์ใช้แสดงฝีมืออันฉกาจฉกรรจ์อย่างไรล่ะ


นายน้อยโหยวใส่ทุกสิ่งทุกอย่างลงบทเพลงนี้ เป็นพายุกราดเกรี้ยวพัดทุกสิ่งทุกอย่าง กระทั่งถึงช่วงหลังพายุก็ฟังนุ่มนวลแจ่มใสส่งผลให้จิตใจคนฟังสงบลงจริงๆ และช่วงที่พายุกลับมาอีกครั้งก็โหมกระหน่ำไม่หยุด มือน้อยกวาดผ่านเส้นไหมฟั่นแล้วหยุดมือลงจบบทเพลงอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด


เล่อหรงพ่นลมหายใจออกมาอย่างปลอดโปร่งเมื่อระบายความเครียดลงไปในบทเพลง แต่ไหนแต่ไรเขาก็ใช้การบรรเลงดนตรีเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียดมาตลอด ครั้งนี้ก็เช่นกัน สักพักใหญ่ก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่แปลกประหลาด เล่อหรงเงยหน้ามองไปรอบๆ ที่มีดวงตานับหลายสิบคู่จ้องมองมา จากนั้นเขาก็สะดุ้งตกใจกับเสียงปรบมือชื่นชมจากมวลชนที่ไม่รู้ว่าแห่ขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไรดังสนั่นไปทั่วเหลาห่าวชือ   


เด็กน้อยที่ถูกชื่นชมมิได้ดีใจแม้แต่น้อย เขากลับทำหน้าสิ้นหวังเสียนี่


ข้าโมโหจนลืมตัว!


“ขนาดข้าไม่แตกฉานก็ยังฟังรู้ว่าฝีมือร้ายกาจนัก!”


“ไม่เคยได้ยินบทเพลงที่โหมกระหน่ำดังพายุเช่นนี้มาก่อน ฝีมือล้ำเลิศ!”


“อายุยังน้อยแต่กลับเป็นยอดฝีมือ อัจฉริยะโดยแท้!”


เสียงชื่นชมดังระงมไม่หยุด กระแสความตื่นเต้นปนตื่นตระหนกทำให้เล่อหรงเม้มปากยุ่งยากใจ เขาหันไปมองคนเดียวที่ยืนอยู่ข้างๆ หนำซ้ำยังไม่มีท่าทีตื่นเต้นแววตาเลื่อมใสเทิดทูนเขาเหมือนคนอื่นๆ ร่างน้อยโผเข้าไปกอดเกาะแทบจะมุดเข้าไปในตัวอีกฝ่าย หลบหนีจากฝูงชนที่กระเหี้ยนกระหือรืออยากเข้ามาทำความรู้จัก


เหวินเหลยโอบร่างนั้นประหนึ่งจะปกป้อง เขากวาดดวงตาสีเทาที่เวลานี้ดูดุร้ายน่ากลัวกว่าปกติ เด็กหนุ่มแสยะยิ้มขับไล่มวลชนที่เข้ามารุมล้อมอย่างไร้เสียง บรรยากาศรอบตัวขององค์รัชทายาทนั้นหนักอึ้งและชวนสะพรึงยากจะล่วงเกิน ยิ่งอีกฝ่ายเหยียดยิ้มที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวโลหิตก็ยิ่งทำให้ผู้คนสั่นสะท้าน พวกเขากลืนน้ำลายแล้วรีบแยกย้ายกันกลับที่ของตนก่อนที่เหล่าเสี่ยวเอ้อของเหลาจะไล่ด้วยซ้ำ


ไล่กลุ่มคนไปได้แล้วเหวินเหลยก็ก้มมองลิงน้อยที่เกาะเขาไม่ยอมปล่อย ดวงหน้างดงามเงยขึ้นมามองทั้งที่ยังมุดอยู่บนอกของเขา ดวงตากลมโตสีทองสวยช้อนตามองพร้อมกับพึมพำอ้อนเสียงหวาน


“หิวแล้ว”


....เจอแบบนี้เข้าไป ต่อให้เป็นองค์รัชทายาทแคว้นฉิงก็ไม่รอด!


คนตัวสูงกว่าหัวใจวูบไหวก่อนจะอุ้มอีกคนกลับไปโต๊ะที่มีอาหารวางอยู่มากมาย คราวนี้เด็กน้อยยอมกินแต่โดยดีไม่มีอิดออด ทั้งยังโยนที่นั่งมานั่งข้างกัน ชี้นิ้วสั่งให้คนตัวโตกว่าปรนนิบัติป้อนให้ทุกสิ่งทุกอย่าง เล่อหรงทำเพียงนั่งรออ้าปากแล้วเคี้ยวเท่านั้น ฝ่ายเหวินเหลยก็ไม่มีขัดขืน แค่ถูกอ้อนหน่อยมือไม้ก็เคลื่อนไหวไปเองโดยไม่รู้ตัว






เห็นอะไรบ้างไหมทุกท่าน? นั่นไง! แววทาสเมียมาแต่ไกล!
สองคนนี้ต่างฝ่ายต่างตั้งใจจะหลอกกันเอง
ไม่รู้ว่าฝ่ายไหนจะพลาดพลั้งก่อน ที่แน่ๆ มีเจ็บทั้งสองอะ หึๆ
ยอมรับว่าตั้งใจมาหลอก~ ทุกคำที่บอกล้วนแต่หลอกล้วนแต่ลวง~ //เพลงสมัยไหนฟะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ พัดลม

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-2
ขอบคุณนะค่ะ ขอบคุณที่มาต่อให้

คนรักเขียนจังเลย :กอด1:

 :L2: :L2:

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
จะหลอกกินตับเค้าแต่โดนอ้อนหน่อยนี่ยอมทำให้เค้าทุกอย่างไม่รู้ตัวเลยเนอะองค์รัชธายาท :laugh: รอดูกันยาวๆ ไป รอตอนต่อไปค่ะ :pig4:

ออฟไลน์ HISY

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3645
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
เม้นต์ในธัญวลัยแล้วตามมาเม้นต์ในเล้าต่อ
ชายหมาน่ารักกก ความขี้หึงของพี่น้องตระกูลนี้มากมายนัก

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
เจอเสน่ห์หนูน้อยเข้าไป มือไม้อ่อนเชียวนะ

ออฟไลน์ mild-dy

  • ☆ ทาสแมว ☆
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +389/-80

ออฟไลน์ alternative

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +285/-3
คนมันแพ้ทางกัน

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อัจฉริยะทั้งคู่  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:

เหวินเหลย เล่อหลง  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
เล่อหลง น่ารัก  :mew1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Fujung

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 180
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +17/-0
นกว่าดูๆแล้วเขาก็รักกันดีนะคะพี่ตา
แต่ความรักที่เกิดจากการหลอกลวงไม่ใช่เรื่องดีแน่
เรื่องราวจะเป็นอย่างไรติดตามต่อไป อยากรู้แล้วตอนเข้าวังจะสนุกแค่ไหน
ตามๆๆๆๆ :mew1:

ออฟไลน์ about

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 254
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0

ออฟไลน์ mystery Y

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +585/-12

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด