ตอนที่ 43
หุ่นเชิด
“คุณไทม์!”
“ครับ ผมเอง”
สีหน้าของคุณกวินทร์เริ่มซีดเผือดไปด้วยความตกใจ เหตุผลที่ทำให้เขาแค้นอสังหาทำให้ผมยิ่งสงสารเขามากยิ่งขึ้น
เข้าใจแล้วล่ะครับอาจารย์ ว่าทำไมอาจารย์ถึงทั้งรักและสงสารผู้ชายคนนี้
“ฉันจัดการทุกอย่างตามที่นายบอกแล้วนะ เป็นอย่างที่นายพูดมา…ทุกอย่าง”
คำว่า ‘ทุกอย่าง’ คุณจักรวาลเน้นหนักและเหลือบมองไปทางคุณไกรศรเป็นพิเศษ เขายังคงนั่งนิ่งไม่ยอมพูดจา หากแต่สายตาก็หวาดมองพวกเราไม่ละไปไหนเช่นกัน
“เอาล่ะ! ทีนี้ก็ตามสัญญา มึงบอกเหตุผลของมึงมาแล้ว กูก็จะบอกให้มึงรู้ว่าทำไมกูถึงเล่าอดีตของกูให้มึงฟัง”
ไอ้เฟี้ยวกระโดดปุลงมาจากลังไม้ไปยืนรวมกับคุณจักรวาลและคุณอวกาศ ผมเดินตามไปสมทบทีหลังขณะที่ในหัวกำลังประมวลเรื่องที่กำลังจะพูดทั้งหมด
“อย่างที่บอก ยัยแก่นั้นทารุณฉันเอาไว้เยอะ แถมยังไม่ใช่แม่ที่แท้จริงของฉันอีก แล้วแบบนี้แกยังคิดว่าฉันจะยอมทำทุกอย่างเพื่อช่วยคนแบบนั้นงั้นเหรอ?”
“คุณกำลังจะบอกว่า…”
“ฉันไม่เคยคิดจะช่วยตั้งแต่แรกแล้ว”
ไอ้เฟี้ยวแสยะยิ้มสะใจ มันดูมีความสุขมากเมื่อได้เห็นหน้าที่เริ่มถอดสีไปของอีกฝ่าย
“ทั้งหมดมันเป็นแผนของน้องชายสุดที่รักของผมเองล่ะครับพี่กวินทร์”
คุณอวกาศเดินเข้ามาโอบไหล่ผมเอาไว้ สายตาของคุณกวินทร์เบนมาที่ผมในทันที วันนี้ทุกอย่างจะต้องจบลง ผมจะไม่ยอมให้ญาติพี่น้องมาเข่นฆ่ากันเองอีกต่อไปแล้ว
“คุณพลาดไปตรงที่คิดส่งไอ้โชเล่เข้ามานั่นแหละครับ วิธีที่ให้มันเข้ามาช่วยชีวิตผมเพื่อให้เกิดความไว้วางใจมันใช้ไม่ได้ผล เพราะถ้าเป็นไอ้โชเล่ตัวจริง คนอย่างมันที่เคยแกล้งผมเอาไว้มากมาย ไม่มีทางเอาชีวิตของตัวเองมาเสี่ยงเพื่อผมหรอก นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมสงสัยว่าการมาของไอ้โชเล่ที่หายไปเป็นเดือนจะต้องมีเบื้องหลัง”
ผมเริ่มอธิบายถึงเรื่องราวที่ผ่านมา สิ่งที่ผมคิด สิ่งที่ผมทำลงไปเพื่อหาทางป้องกันและรับมือกับเขา
“รอยแผลเป็นที่เกิดจากการถูกไฟคลอกตรงฝ่ามือไอ้โชเล่ยิ่งตอกย้ำข้อสงสัยของผม พอทำการตรวจสอบในบ้านของมันดูก็เจอเข้ากับรายงานและเสื้อผ้าที่มีกลิ่นน้ำมันกับรอยไหม้ ผมเลยมั่นใจว่าไอ้โชเล่จะต้องทำงานให้กับคุณแน่นอน เพียงแต่สิ่งที่ผมยังไม่รู้คือเหตุผลที่ว่าทำไมมันถึงมาทำงานให้กับคุณได้ต่างหาก ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมสนใจอยู่แล้ว จุดต่อไปที่ผมพยายามหาคำตอบคือ…ทำไมถึงเป็นไอ้โชเล่ และเมื่อคิดทบทวนดูแล้ว เพียงคนเดียวในหมู่พวกเราที่ไอ้โชเล่เกี่ยวข้องด้วยก็คือ…”
“กูไง”
ไอ้เฟี้ยวโบกมือร่าด้วยท่าทางอารมณ์ดีสุดๆ สำหรับมันเอง…เรื่องราวในอดีตของมันเป็นครั้งแรกที่ผมได้รับรู้ ตอนที่มันบอกว่าจะทำตามแผนการของผมโดยไม่มีทีท่าลังเลเลยนั้น ผมก็ยังแปลกใจอยู่ว่าเพราะอะไร ทั้งที่มันน่าจะห่วงความปลอดภัยของท่านผอ.มากกว่าแท้ๆ แต่เพราะแผนการที่วางเอาไว้ยังไงก็สามารถช่วยท่านผอ.ได้ ผมเลยไม่ติดใจอะไร แต่คิดไม่ถึงจริงๆ…ว่าแผลเป็นมากมายที่แผ่นหลังของมันจะมาจากเรื่องนี้…
“ในเมื่อกูคือคนเดียวที่เกี่ยวข้องกับไอ้โชเล่ ไอ้ไทม์ถึงคิดขึ้นมาได้ว่าเป้าหมายต่อไปอาจจะเป็นกู แค่ยังไม่รู้ว่าพวกมึงวางแผนคิดจะทำอะไรก็เท่านั้น จนกระทั่งวันที่มึงให้ไอ้โชเล่มันส่งคลิปนั้นมาให้กูนั่นแหละ”
“การส่งคลิปมันทำให้พวกคุณรู้แผนการทั้งหมดของผมเลยอย่างนั้นเหรอ”
คุณกวินทร์ย้อนถาม ยิ่งใกล้ถึงจุดที่จะเปิดเผยเรื่องราวมากขึ้นเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งกังวลใจมากขึ้นเท่านั้น ไม่รู้ว่าเขาจะแบกรับความจริงหลังจากนี้ไหวหรือเปล่า…
“นั่นเพราะว่าคุณติดกับแล้วยังไงล่ะครับ ผมบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าผมรู้แล้วว่าไอ้โชเล่ทำงานให้กับคุณ และเป้าหมายต่อไปก็คือไอ้เฟี้ยว เพียงแต่ยังไม่รู้เหตุผลว่าเพราะอะไร จนเมื่อคุณติดกับส่งคลิปของท่านผอ.มา ความจริงก่อนหน้านี้ผมคิดไว้แล้วล่ะว่าไม่แน่บางทีท่านผอ.อาจจะถูกคุณจับตัวเอาไว้ เพราะขนาดคุณจักรวาลที่มีอิทธิพลมากกระจายคนออกตามหาจนแทบพลิกแผ่นดินในประเทศไทยแต่ยังไม่พบ ความเป็นไปได้เลยมีเพียงอย่างเดียวคือจะต้องมีคนซ่อนตัวท่านผอ.เอาไว้ และเมื่อมีคลิปนั้นส่งเข้ามา ทุกอย่างก็ลงล็อก ท่านผอ.คือเหยื่อล่อที่จะเรียกตัวไอ้เฟี้ยวออกไป พอคิดแบบนี้แล้ว ทุกอย่างมันก็ง่ายนิดเดียวครับ”
“ที่เหลือกูก็แค่ทำเป็นยอมเพื่อให้ไอ้โชเล่พากูมาหามึง”
“แต่คนอย่างที่พี่กวินทร์เองก็ฉลาดไม่น้อย ถ้ายอมง่ายๆก็อาจจะถูกสงสัยได้ว่ามีการซ้อนแผนเกิดขึ้น ไทม์เลยให้เฟี้ยวแสดงละครว่ายอมต่อหน้าเด็กที่ชื่อโชเล่ แต่พอมาเจอพี่จริงๆก็ให้ยืนยันว่าจะไม่หักหลังใครเด็ดขาด เพื่อให้มีการข่มขู่เกิดขึ้นจนเฟี้ยวยอมจำนนแบบไม่มีทางเลือก พี่จะไม่ได้ไม่เอะใจและคิดว่าที่เฟี้ยวยอมทำตามก็เพราะต้องการจะช่วยคุณป้า”
คุณอวกาศอธิบายต่อ
“แต่ว่านั่นเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่สำหรับการสันนิษฐานครั้งนี้ของผม ผมไม่คิดว่าคุณจะลงมือกับไอ้เฟี้ยว ที่คิดไว้ก็แค่คุณอาจจะหาเรื่องข่มขู่ ทำยังไงก็ได้เพื่อบีบให้ไอ้เฟี้ยวหมดหนทางให้มากที่สุด ผมยอมรับว่าวันที่ไอ้เฟี้ยวถูกเอาโยนทิ้งไว้หน้าบ้านด้วยสภาพแบบนั้น ผมทั้งโกรธและเกลียดตัวเองที่ชะล่าใจมากเกินไปจนทำให้ไอ้เฟี้ยวต้องเกือบตายแบบนั้น”
“กูบอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร เมื่อไหร่มึงจะเลิกโทษตัวเองสักทีเนี่ย ที่โดนวันนั้นมันแค่จิ๊บๆ ตอนไปตีกับโรงเรียนอีกยังหนักกว่านี้อีก”
ไอ้เฟี้ยวหันมาว่าเข้าให้อีกรอบ คุณกวินทร์ที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมาเบาๆ
“งั้นเหรอ ทั้งหมดก็เพื่อทำให้ผมคิดว่าตัวเองกุมจุดอ่อนของคุณเฟี้ยวเอาไว้สินะ”
“เออสิ กูถึงได้ยอมโดนซ้อมขนาดนั้นไง ทั้งหมดก็เพื่อให้วันนี้มาถึง วันที่กูจะได้เห็นความพินาศย่อยยับของมึงด้วยตาทั้งสองข้างของกูเอง!”
“หลังจากนั้นก็แค่รอเวลาให้ถึงวันที่ต้องส่งมอบ SD การ์ด ผมกับพี่จักรวาลทำทีเป็นออกจากบ้านไปเพื่อเปิดโอกาสให้เด็กคนนั้นทำตามแผนที่เตรียมไว้นั่นคือหลอกล่อไทม์ออกจากบ้านเพื่อจะจับตัวมาให้คุณ ไม่สิๆ ความจริงผมกับพี่ก็ออกจากบ้านไปทำธุระกันจริงๆนั่นแหละ เกือบตามมาไม่ทันเลยด้วยซ้ำ”
คำบอกเล่าของคุณอวกาศทำให้ผมแปลกใจในทันที
“เดี๋ยวนะครับ พวกคุณสองคนไปด้วยกันเหรอ ผมนึกว่ามีใครคนหนึ่งคอยแอบสะกดรอยตามพวกเรามาจนถึงที่นี่เสียอีก”
“เปล่านะ ฉันกับพี่ไปด้วยกันเพราะพี่แยกไปสถานีตำรวจเพื่อจัดการเอกสารที่นายบอก ส่วนฉันก็ไปโรงพยาบาลเพื่อขอเอกสารพวกนั้นเหมือนกัน พอแยกกันไปเสร็จแล้วถึงค่อยมาเจอกันทีหลังน่ะ”
คุณอวกาศตอบกลับ เดี๋ยวนะ ถ้าพวกเขาไม่ไดมีใครตามมาตั้งแต่ต้น แล้วพวกเขารู้ได้ยังไงล่ะว่าพวกผมถูกพาตัวมาที่นี่ ในเมื่อพวกเราโดนยึดมือถือไปหมด?
“กูก็คิดว่าหนึ่งในพวกมึงคอยตามอยู่ห่างๆแล้วค่อยส่งสถานที่ไปบอกให้อีกคนที่ไปทำเรื่องเอกสารตามมาสมทบเสียอีก สรุปว่าไม่ใช่?”
คุณอวกาศส่ายหน้าปฏิเสธคำคาดการณ์ของไอ้เฟี้ยว
“ถ้างั้น…พวกคุณสองคนรู้ได้ยังไงล่ะครับว่าพวกเราอยู่ที่นี่”
ผมถามออกไป เกิดความเงียบขึ้นก่อนที่ไอ้เฟี้ยวที่ทำท่าเหมือนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จะเป็นคนส่งเสียงก่อน
“จริงด้วย จะว่าไปครั้งก่อนที่ไอ้ไทม์มันถูกหลอกไปย่างสดที่โรงยิม ไอ้จักรวาล ตอนนั้นแกอยู่ที่บ้านแท้ๆ แล้วแกส่งสถานที่ที่ไอ้ไทม์อยู่มาให้ฉันได้ยังไงวะ”
สายตาทุกสายตาเบนไปทางคุณจักรวาลที่เอาแต่ยืนเงียบทันที ครั้งนั้น…คนที่รู้ว่าผมอยู่ที่ไหนคือเขาหรอกเหรอ? ผมหลงคิดว่าเป็นไอ้เฟี้ยววิ่งวุ่นตามหาผมจนเจอเสียอีกนะ
“นั่นสิ ตอนที่ผมกับพี่ไปเจอกันตรงสถานที่นัด คนที่เป็นคนจับรถพามาที่นี่ก็คือพี่นี่หว่า ผมนึกว่าพี่ได้รับโลเคชั่นอะไรจากพวกนี้เลยตามมาจนถูก แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่ ถ้างั้น…พี่รู้ได้ยังไง?”
คุณอวกาศถามขึ้นมาอีกคำถาม พอโดนไล่จี้เข้ามากๆร่างสูงที่ทำท่าเหมือนไม่อยากจะตอบก็ผ่อนลมหายใจออกมาแรงๆก่อนจะชี้มาที่ผม!
ไม่สิ…
จุดที่เขาชี้คือ…
“ปลอกคอ?”
ผมทวนคำเมื่อก้มมองสิ่งที่คุณจักรวาลชี้นิ้วมา ปลอกคออันนี้มันทำไมหว่า?
“ในกระดิ่งนั่น ฉันติดเครื่องส่งสัญญาณเอาไว้ มันเชื่อมต่อกับมือถือของฉัน ไม่ว่านายจะอยู่ส่วนไหนบนโลกใบนี้ ฉันก็จะหานายจนเจอ”
“จริงเหรอครับ!”
เอ่อ…แค่เรื่องนี้เท่านั้น สาบานได้ว่าผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยจริงๆ!
แบบนี้แสดงว่าที่ผ่านมาเขาคอยดูแลผมมาตลอด เพื่อความปลอดภัยของผม ที่บังคับให้ใส่ปลอกคออันนี้เอาไว้และห้ามถอดก็เพราะเขาจะได้รู้ว่าผมอยู่ที่ไหน
ผม…
อยู่ในสายตาของเขาตลอดมา ทุกวินาที…
“สมกับเป็นคุณเลยนะจักรวาล ผมคิดว่าที่คุณตามตัวคุณไทม์ได้เป็นเพราะสัญญาณจากมือถือเสียอีก ก็เลยจัดการปิดเครื่องไป ไม่คิดเลยว่าตัวส่งสัญญาณจริงๆจะเป็นปลอกคอนั่น”
คุณกวินทร์มองมาที่ปลอกคอซึ่งผมกำลังจับมันอยู่ในตอนนี้ พอคิดว่าที่ผ่านมาผมได้รับการดูแลจากเขามาตลอด หัวใจมันก็เต้นแรงแม้จะรู้ดีว่าไม่ใช่เวลามาดีใจก็ตาม
“แล้วยังไงครับ จากนี้จะเอายังไงต่อเหรอ เอา SD การ์ดไปให้ตำรวจงั้นสิ”
“คุณกวินทร์ครับ ผมขอถามคำถามกับคุณหน่อย คุณรู้หรือเปล่าว่าใน SD การ์ดมีข้อมูลอะไรอยู่”
สิ้นคำถาม ทั้งหมดก็หันมาจ้องหน้าผมอย่างพร้อมเพรียง คงสงสัยนั่นแหละว่าทำไมผมถึงถามแบบนี้ แต่ว่า…ไม่รู้สิ ผมจะคาใจมากถ้าหากไม่ได้ถามคำถามนี้กับเขา
“รู้สิ คุณพ่อบอกว่ามันเป็นหลักฐานปลอมที่คุณลุงให้หัวหน้าฝ่ายบัญชีและคลังสินค้าปลอมแปลงขึ้นมาเพื่อใส่ร้ายคุณพ่อ เป็นหลักฐานที่เหมือนจริงมากเพราะมีเงินถูกโอนเข้าบัญชีในชื่อของคุณพ่อทุกเดือน โชคดีที่คุณพ่อรู้เรื่องนี้ก่อนเลยจ้างคนไปขโมยมันมาได้ทันก่อนที่คุณลุงจะใช้มันเพื่อเล่นงานคุณพ่อ เพราะงั้น เมื่อเล่นงานคุณพ่อด้วยหลักฐานปลอมพวกนี้ไม่ได้เลยหันมาตัดสายเบรกรถคุณพ่อเพื่อจะฆ่าคุณพ่อของผมแทนไงล่ะ คุณถามเรื่องนี้ไปทำไม”
ทุกคนพร้อมใจกันอ้าปากค้างเมื่อฟังสิ่งที่คุณกวินทร์พูดมาจนจบ กะแล้วเชียว…
ผู้ชายคนนั้น…ชักใยลูกชายของตัวเองมาตลอด!
“แล้วทำไม SD การ์ดที่พ่อของคุณน่าจะเก็บซ่อนเอาไว้เป็นอย่างดีถึงมาอยู่ที่อาจารย์มารีอาได้ล่ะครับ”
“เรื่องนั้น…คุณพ่อบอกว่าในวันก่อนที่เธอจะฆ่าตัวตาย เธอมาเยี่ยมคุณพ่อของผมที่บ้านเหมือนทุกที แต่ดูเหมือนตอนที่คุณพ่อเข้าห้องน้ำ เธอบังเอิญทำเอกสารสำคัญของคุณพ่อที่วางอยู่บนโต๊ะคอมพ์หล่นก็เลยเจอ SD การ์ดเข้า แต่คุณพ่อไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงเปิดดู พอเห็นข้อมูลพวกนี้ มารีอาคงคิดว่าผมกับพ่อเป็นคนเลว และที่ผ่านมาผมโกหกเธอมาตลอด ความผิดหวังเสียใจต่อตัวผมทำให้เธอตัดสินใจฆ่าตัวตาย แต่ในข้าวของของเธอตอนที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ กลับไม่มี SD การ์ดอยู่เลย คุณพ่อบอกว่าบางทีมันอาจจะถูกส่งต่อไปให้พวกจักรวาลแล้วก็ได้ ก่อนที่พวกคุณจะใช้มันมาทำลายคุณพ่อของผมอีกครั้ง ผมเลยต้องทำทุกทางเพื่อให้มันกลับมาแล้วทำลายทิ้ง”
ให้ตายสิ…
ผมไม่เคยเห็นใครเลวเท่าพ่อของเขามาก่อนเลยจริงๆ! ทั้งที่เป็นคุณพ่อแท้ๆ แต่ทำไมเขาถึงเลือดเย็นทำกับลูกชายที่รักตัวเองมากได้ถึงขนาดนี้นะ! ลูกชายที่เชื่อเขาทุกอย่างโดยไม่สงสัยอะไรเลย เลว…เลวไม่มีที่เปรียบ!
“แล้วมึงก็เชื่อเหรอวะ! มึงคบกับพี่มากี่ปี มึงไม่มีหัวคิดเลยหรือไง! แล้วอีกอย่างนะ ถ้าหลักฐานพวกนี้มันเป็นหลักฐานปลอมที่ถูกสร้างขึ้นมาตั้งสิบแปดปีแล้ว คนสมองดีจริงๆไม่มีใครเขาเก็บเอาไว้เป็นหอกข้างแคร่หรอกเฟ้ย! มันต้องกำจัดทิ้งตั้งแต่ที่ได้มาแล้วเซ่!”
ไอ้เฟี้ยวระเบิดเสียงลั่นอย่างหมดความอดทน ถ้าเป็นคนปกติทั่วไปคงจับพิรุธได้แบบไอ้เฟี้ยวนี่แหละ แต่เพราะเป็นคุณกวินทร์ เขารักและเชื่อในสิ่งที่พ่อของเขาพูดทุกอย่างมากเกินไปจนไม่เคยคิดเลยว่าคำพูดที่ออกมาจากปากพ่อแท้ๆของตัวเองจะเป็นคำลวงทั้งหมด…
“คุณกำลังจะบอกอะไรผมกันแน่…”
“พี่กวินทร์ หลักฐานพวกนี้ไม่ใช่หลักฐานปลอมที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำลายคุณอาไกรศรหรอกนะครับ แต่มันเป็นหลักฐานจริงที่มาเรียเป็นคนรวบรวมเอาไว้ทั้งหมด เพื่อใช้มันต่อรองในการขอแลกกับตัวพี่นั่นแหละ”
“แลกกับผม หมายความว่ายังไงอวกาศ…”
ในตอนนี้ผมเชื่อว่าทุกคนคงทำใจให้พูดความจริงออกมาได้ลำบากพอกัน ถึงจะโกรธแค้นในการกระทำของคุณกวินทร์หลายๆเรื่อง แต่เอาเข้าจริงก็อดสงสารไม่ได้ เพราะพวกเราอยู่ดีอยู่แก่ใจว่าเขาแค่ถูกหลอกใช้เหมือนหุ่นเชิดตัวหนึ่งเท่านั้น
“อาจารย์รู้ความจริงเรื่องที่ถูกคุณหลอกใช้ให้คอยรายงานความเลื่อนไหวในบ้านอสังหาก่อนที่เธอจะตายหลานเดือนครับ เธอใช้เวลาที่มีในการหาหลักฐานทุกอย่างที่จะสามารถเอาผิดกับผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริงได้ ผู้หญิงตัวเล็กๆต้องเสี่ยงตายและทุ่มเทความพยายามมากมายขนาดนั้นเพียงเพื่อต้องการให้ผู้ชายที่เธอรักหลุดพ้นจากการเป็นหุ่นเชิดของ…”
“…”
“พ่อของเขาเอง”
ผมมองไปทางคุณไกรศรที่ยังไม่ขยับปากพูดอะไร แต่สายตาที่เย็นชาและเยือกเย็นของเขากำลังจ้องมองผมกลับเช่นกัน
“ดะ…เดี๋ยวนะครับ คุณไทม์พูดอะไร คุณพ่อของผมทำอะไรงั้นเหรอ หุ่นเชิดอะไรครับ ผมไม่เข้าใจ”
“กูไม่ไหวแล้วโว้ยย!”
พลั่ก!
ไอ้เฟี้ยวปล่อยหมัดใส่หน้าคุณกวินทร์เต็มๆจนเขาล้มลงไป มันตามไปคร่อมทับเอาไว้ กระชากคอเสื้อคุณกวินทร์จนเจ้าตัวต้องเด้งตัวตามขึ้นมา
“มึงช่วยโง่ให้มีลิมิตหน่อยได้ไหม! พี่กูทำเพื่อมึงขนาดนี้! ยอมทำเพื่อมึงจนตัวเองต้องถูกฆ่าตายอย่างเลือดเย็นมึงยังไม่เข้าใจอีกเหรอ ฮะ!!!”
“ถูกฆ่าตาย? มารีอาฆ่าตัวตายต่างหาก เธอฆ่าตัวตายเพราะผิดหวังในตัวผมไม่ใช่หรือไง!”
“ไม่ใช่เว้ย!!!”
“…”
“พี่น่ะ…พี่กูน่ะ…เป็นผู้หญิงที่เข้มแข็ง!!! ผู้หญิงที่ชื่อมารีอามีจิตใจที่เข้มแข็งมากแค่ไหนคนอย่างมึงไม่รู้เลยหรือไงไอ้เหี้ย!”
ไอ้เฟี้ยวง้างหมัดขึ้นอีกรอบ เสียงกัดฟันระงับความโกรธของมันดังก้องไปทั่ว หมัดลอยค้างอยู่กลางอากาศก่อนที่มันจะตัดสินใจต่อยลงไปบนพื้นแทน
“โธ่เว้ย! ทำไมพี่กูต้องมาตายเพื่อคนโง่ๆอย่างมันด้วยวะ! อ๊ากกกก!”
“เฟี้ยว ใจเย็นๆก่อน”
คุณอวกาศรีบเข้าไปดึงตัวไอ้เฟี้ยวที่เริ่มบ้าคลั่งให้ออกห่างจากคุณกวินทร์ที่กำลังช็อก เขาคงตกใจและไม่เข้าใจว่าพวกผมกำลังพูดถึงเรื่องอะไร
“อาจารย์มารีอาไม่ได้ฆ่าตัวตายหรอกนะครับ แต่เธอถูกฆ่าตาย”
“อะไรนะ…”
“เธอถูกฆ่าตายเพื่อปิดปากไม่ให้ได้มีโอกาสแพร่งพรายความจริงที่เธอรู้มา รวมถึงเพื่อจะเอา SD การ์ดจากเธอด้วย แต่ว่าอาจารย์ก็เอามันไปซ่อนไว้เสียก่อน และบอกที่ซ่อนของมันแค่กับพวกผมเท่านั้น คนที่สั่งฆ่าเธอเลยไม่ได้อะไรกลับไปนอกจาก…ฆ่าเธอได้สำเร็จ ไม่สิ ไม่ใช่แค่ฆ่าเธอ แต่ยังมี…”
ผมควรจะบอกไปดีไหมนะ ดูท่าทางของเขาจะไม่ได้รู้เรื่องนี้เลยสักนิด แต่ความจริงย่อมเป็นความจริง แม้มันจะเจ็บปวดมากแค่ไหนก็ตาม
“ลูกในท้องของเธออีกด้วย”
ดวงตาของร่างสูงที่นั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่กับพื้นเบิกกว้าง ทันทีที่ได้ยินคำว่า ‘ลูก’ เขาก็รีบคลานเข่าเข้ามาเขย่าขาผมทันที
“เดี๋ยวนะครับ หมายความว่ายังไงที่ว่าลูก… ลูกใคร ใครมีลูกเหรอครับ”
“อาจารย์ครับ”
“…”
“อาจารย์ตั้งท้องได้สามเดือนตอนที่ถูกฆ่าตาย”
“ไม่จริง…ไม่จริงใช่ไหมครับ”
น้ำตาผมไหลลงมาเป็นทางด้วยความสงสารเขาจับใจ มือของคุณที่จับขาผมไว้สั่นเทาเหลือเกิน…
“ทางตำรวจโทรมาบอกพวกเราถึงเรื่องนี้หลังจากชันสูตรศพของอาจารย์เพื่อหาสาเหตุการตาย ครั้งแรกที่พวกเรารู้เรื่อง ทุกคนเสียใจจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคนเลยล่ะครับ”
“มารีอา…ฆ่าตัวตายไปพร้อมกับลูกงั้นเหรอ…”
“ก็กูพูดอยู่หยกๆว่าพี่ไมได้ฆ่าตัวตาย เมื่อไหร่มึงจะเลิกโง่สักทีเนี่ย!!!”
ไอ้เฟี้ยวปรี่จะเข้ามาจัดการคุณกวินทร์อีกรอบ แต่คุณอวกาศห้ามเอาไว้ได้ สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสับสน น้ำตาหลั่งไหลออกมาไม่หยุด
“อาจารย์น่ะ…ตั้งใจจะไปเริ่มชีวิตใหม่กับคุณและลูกในท้องนะครับ เธอต้องการมีครอบครัวที่อบอุ่นร่วมกับคุณ ผู้หญิงที่วางอนาคตเอาไว้อย่างสดใสแบบนั้น ไม่มีทางจะฆ่าตัวตายได้หรอกครับ”
“นั่นเป็น…ความฝันของมารีอา เธอบอกกับผมเรื่องนั้นอยู่ทุกวัน”
“ครับ และเพื่อทำให้ฝันนั้นเป็นจริง เธอถึงไม่กลัวแม้แต่ความตาย รวบรวมหลักฐานทุกอย่างเท่าที่พอจะหาได้เพื่อช่วยปลดปล่อยคุณออกมา ปลดปล่อยคุณจากคุณพ่อของคุณเอง"
"คุณพ่อเหรอ? เป็นไปไม่ได้หรอกครับคุณไทม์ คุณพ่อรักและเอ็นดูมารีอามาก แม้ว่าตอนแรกท่านจะไม่เห็นด้วยที่ผมจะจริงจังกับเธอเพราะเธอเป็นเพื่อนสนิทของจักรวาลกับอวกาศ แต่ว่าสุดท้ายความดีของเธอก็เอาชนะใจคุณพ่อได้ ท่านเอ่ยปากบอกเองว่าถ้าผมเอาทุกอย่างกลับคืนมาได้เมื่อไหร่ ผมจะสามารถไปใช้ชีวิตอยู่ในที่ที่ผมต้องการกับเธอได้โดยที่คุณพ่อจะแสดงความยินดีด้วยจากใจจริง แล้วทำไม…มีเหตุผลอะไรที่คุณพ่อจะต้องทำแบบนั้นล่ะครับ”
ไม่ไหวแล้ว…
คนๆนั้นยังมีความเป็นคนอยู่หรือเปล่า เหยียบย่ำความรักบริสุทธิ์ที่ลูกของตัวเองมีให้อย่างไม่ปรานีแบบนี้ได้ยังไง!
“ทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องโกหกนะครับ พ่อของคุณไม่คิดจะยอมรับอาจารย์มารีอาที่เขามองว่าเป็นศัตรูมาตลอดเพราะเธอคือเพื่อนของอสังหาหรอกครับ ไม่ใช่แค่นั้น เรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับพ่อของคุณก็เหมือนกัน มันไม่ใช่การถูกตัดสายเบรกเพื่อหวังฆาตกรรมอะไรทั้งนั้น สาเหตุที่รถคว่ำในวันนั้นเกิดจากการเบรกอย่างกะทันหันทำให้ตัวรถพลิก สิ่งที่คุณรู้มามันไม่ใช่ความจริงเลย”
“ไม่ ไม่มีทาง คุณพ่อบอกผมเองว่าทางตำรวจบอกว่ารถถูกตัดสายเบรก!”
“แล้วคุณเคยไปขอดูเอกสารยืนยันจากกกองพิสูจน์หลักฐานที่สถานีตำรวจบ้างหรือเปล่าครับ”
“…”
“ไม่เคยเลยสินะ เพราะคุณเชื่อมั่นในคำพูดของพ่อคุณ ก็เลยไม่เคยคิดจะตรวจสอบอะไรเลย คุณจักรวาล ผมขอเอกสารทั้งหมดหน่อย”
คุณจักรวาลส่งซอกเอกสารทั้งสามซองให้กับผม ผมเปิดดูและเลือกหยิบเอกสารส่งให้เขาไปเพียงสองซองเท่านั้น เป็นอย่างที่ผมคิดจริงๆ พ่อของเขาโกหกลูกชายตัวเองเรื่องอุบัติเหตุว่าเป็นการวางแผนฆาตกรรมโดยคุณพ่อของพวกผม ด้วยเหตุผลนี้เอง หลังจากนั้นคุณกวินทร์ถึงได้เปลี่ยนไปและเริ่มเข้าพวกกับพ่อของตัวเองเพื่อแก้แค้นอสังหา
“นี่มัน…”
“เอกสารยืนยันเรื่องอุบัติเหตุของพ่อคุณว่าเกิดจากการที่รถเบรกกะทันหันทำให้ตัวรถพลิกคว่ำ ผมไม่รู้ว่ามันเป็นอุบัติเหตุจริงๆหรือพ่อคุณจงใจ แต่ที่แน่ๆหลังเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ เขาก็ใช้มันเป็นเครื่องมือหลอกให้คุณคิดว่าอสังหากำลังวางแผนกำจัดพ่อของคุณเพื่อมรดก ส่วนเอกสารอีกแผ่น มันคือเอกสารยืนยันว่าอาจารย์มารีอาถูกฆาตกรรมโดยที่เธอตั้งท้องอ่อนๆอยู่ครับ”
เขานิ่งไปสักพักเพื่ออ่านและตรวจสอบเอกสารทั้งหมดว่าเป็นของจริง ใบหน้าที่เคยแต้มไปด้วยรอยยิ้มบัดนี้มีแค่รอยน้ำตา คุณกวินทร์อ้าปากจะเปล่งเสียงร้องหากแต่มันไม่มีเสียงออกมา มันคือผลข้างเคียงจากอาการช็อกนั่นเอง…
“และไม่ใช่แค่นั้น ความจริงอีกอย่างที่พ่อของคุณปิดบังเอาไว้ก็คือ…”
ผมเงยหน้ามองไปที่คุณจักรวาลเพื่อส่งซิกให้เขาทำตามในสิ่งที่นัดกันเอาไว้ ใบหน้าเฉยเมยล้วงหยิบมีดพกขนาดเล็กในกระเป๋าของตัวเองออกมา คุณกวินทร์มองตามด้วยสงสัยว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไร
“ดูให้ดีนะครับ ความจริงอีกเรื่องที่คุณควรได้รู้”
เฟี้ยว…ฉึก!
โครม!!!
เป็นอีกครั้งที่ดวงตาของผู้ชายตรงหน้าผมในตอนนี้เบิกกว้าง เขานั่งตัวแข็งทื่อราวกับสิ่งที่เห็นคือภาพลวงตา เมื่อคุณจักรวาลปามีดออกไปทางคุณไกรศร เจ้าตัวที่น่าจะเดินไม่ได้มาตลอดสิบแปดปีเพราะอุบัติเหตุกลับกระโดดหลบมีดได้อย่างหน้าตาเฉย รถเข็นกระจายไปอีกทางด้วยแรงกระโดดของชายสูงวัยคนนั้น
ความจริงก็คือความจริง แม้ว่าจะเจ็บปวดเจียนตาย เราก็ไม่อาจหนีมันพ้น…
บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
มาอัพแล้วจ้า การถูกหลอกจากคนที่รักและเชื่อใจมันเจ็บปวดเหลือเกินนะคะ ยิ่งคนๆนั้นเป็นพ่อด้วยแล้ว เชื่อว่ากวินทร์ในตอนนี้คงหัวใจสบาย เหมือนโลกทั้งใบของเขาถล่มลงไปต่อหน้าต่อตาเลยทีเดียว ไม่ใช่แค่โกหกเพื่อปลูกฝังความแค้นลงในจิตใจของเขา แต่ยังฆ่าลูกเมียของเขาได้อย่างเลือดเย็นอีก แล้วเหตุผลของไกรศรล่ะ? จากน้องชายที่แสนดี คุณอาที่แสนน่ารัก อะไรทำให้เขาเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้?!
เรื่องนี้เปิดพรีแล้วนะคะ รายละเอียด
https://writer.dek-d.com/Bb9-/writer/viewlongc.php?id=1681164&chapter=38ตามนี้เลยยย มีของรางวัลให้ร่วมลุ้นร่วมสนุกด้วยน้า ตอนพิเศษสุดฟินอัดแน่นเต็มเล่มแน่นวลลลลล!