[จบแล้ว]เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI ประกาศ (26/05/61)#หน้า14
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [จบแล้ว]เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI ประกาศ (26/05/61)#หน้า14  (อ่าน 69688 ครั้ง)

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ถ้ากวินทร์ไม่ได้หลงรักจักรวาลก็อาจจะเป็นไปได้ว่าทั้งคู่เป็นพี่น้องพ่อแม่เดียวกัน แต่โดนแยกกันเลี้ยงคนละที่แล้วจักรวาลไม่รู้

ก็คิดว่ากวินทร์ ชอบจักรวาลเหมือนกัน
แต่พอมีรูปคู่ในล็อกเก็ต
ก็น่าสงสัยที่ว่าเป็นพี่น้องกัน
โอ๊ย.........ปมเยอะสุดๆ

ไทม์แคปซูล
สี่คนเคยขุดดิน ฝังไทม์แคปซูล เก็บของไว้ด้วยกันสินะ :hao3: :hao3: :hao3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
พอจะเดาอะไรๆได้บ้างละ
แต่ว่านะ จะต้องเจ็บตัวกันอีกเยอะเท่าไหร่น้าา

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0


ตอนที่ 24

ไทม์แคปซูลแห่งความทรงจำ

 

“เอ่อ…อย่าบอกนะครับ  ว่าสถานที่แห่งความทรงจำที่ว่านั่นก็คือ…”

“…”

“ในสวนบ้านนี้”

ตัดภาพไปยังสถานที่ตรงหน้าของผมตอนนี้  ไม่คิดเลยว่าจะอยู่ใต้จมูกนิดเดียวเอง  สวนบ้านของคุณจักรวาลเนี่ยนะ!!!

“ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นนะ”

คุณอวกาศยิ้มแห้งเหือด  จะบอกอะไรให้ว่าพวกบ้าสามคนนี้มันลืมเรื่องไทม์แคปซูลที่เคยฝังไว้เมื่อตอนเด็กๆไปซะสนิทเลยล่ะ!  พอคุณจักรวาลที่ฟื้นขึ้นมาเมื่อวานพูดถึงเรื่องนี้ก็เลยถึงบางอ้อกันเป็นแถบๆ

อาจารย์มารีอาครับ  อาจารย์ตั้งความหวังกับคนพวกนี้มากไปแล้ว  เฮ้อ!

“แล้ว…ยังไงล่ะครับ  ฝังไทม์แคปซูลกันไว้ตรงไหนเหรอ  จะได้ช่วยกันขุดขึ้นมาเร็วๆ”

ไม่มีเสียงตอบรับจากเลขหมายที่ผมเรียก

ความเงียบทำให้ผมต้องหันกลับไปมองพวกเขาทีละคน  แต่ละคนต่างก็เสมองกันไปคนละทางทั้งที่ข้างแก้มมีเหงื่อเม็ดเป้งหยดติ๋งๆ

“ล้อเล่นใช่ไหมครับ”

“…”

“ไม่มีใครจำได้เลยเรอะว่าฝังไว้ที่ไหน!”

ขะ…ขอเอฟเฟกตฟ้าผ่าหน่อยเถอะ  กูล่ะอยากจะร้องไห้!  อุตส่าห์รู้แล้วว่า SD การ์ดนั้นน่าจะถูกซ่อนอยู่ในไทม์แคปซูล  ทั้งที่รู้ถึงขนาดนี้แล้วแท้ๆแต่พวกเขากลับ…!

จำไม่ได้ว่ามันฝังไว้ที่ไหน…

“ตะ…แต่ว่ากูมีวิธีหานะ!”

ไอ้เฟี้ยวที่เอาแต่ยืนทำหน้าเจื่อนมาตั้งแต่ต้นพูดขึ้นมา  ผมรีบหันไปมองมันอย่างมีความหวังขึ้นมาทันที  อย่างน้อยก็มีวิธีหาสินะ  ค่อยยังชั่ว  นับว่ามันยังพึ่งพาได้บ้าง  แบบนี้สิถึงจะเรียกว่าเพื่อนกู!

“ขุดกันเถอะ”

ไม่ใช่แค่ไอ้เฟี้ยวเท่านั้น  แต่คุณจักรวาลและคุณอวกาศเองก็ทำเหมือนกัน  ทั้งสามคนหยิบพลั่วออกมาชูตรงหน้าผม ( ก่อนหน้านี้เอาไปแอบไว้ตรงไหนของร่างกายฟะ! )

“ไอ้เฟี้ยว…”

“กะ…กูเตรียมมาเผื่อมึงด้วยนะ”

“แบบนี้มันช่วยอะไรได้ล่ะเฟ้ย!”

ผมตวาดลั่นพลางดึงพลั่วจากมือมันมาถือไว้  ให้ตายสิ คนพวกนี้ไม่มีความละเอียดอ่อนกันเลย  ไทม์แคปซูลแห่งความทรงจำในวัยเด็กของตัวเองกันแท้ๆ  แต่กลับไม่มีใครจำได้เลยแบบนี้  ที่ผ่านมาอาจารย์มารีไปฝึกวิชารับมือพวกเขาจากสำนักไหนกันนะ  อยากไปฝึกบ้างจังเลย

“ให้ทำไงได้วะ  ก็คนมันจำไม่ได้นี่หว่า  ตอนนั้นกูเพิ่งจบชั้นอนุบาลด้วยซ้ำ  ถ้าจะโทษล่ะก็  โทษไอ้สองคนนี้นี่  แม่งโตกว่ากูอีก  เสือกจำไม่ได้”

“ฉันเองตอนนั้นก็เพิ่งจะสิบสี่เองนะ”

คุณอวกาศเสริมต่อ  สุดท้ายสายตาของทุกคนก็มองไปยังคนที่โตที่สุดในตอนนั้น

“ตอนนั้นแกอายุยี่สิบสี่ไม่ใช่หรือไง”

คนถูกโบ้ยหันหน้าหนี  หลังจากที่ตื่นขึ้นมาแล้วเขาก็ฟื้นตัวได้รวดเร็วอย่างน่าประหลาด  เมื่อเช้าเลยทำเรื่องขอออกจากโรงพยาบาลในทันที

“คุณจักรวาลนึกอะไรไม่ออกเลยเหรอครับ”

“ไม่  จำได้แค่ว่าจู่ๆวันนั้นยัยนั่นก็วิ่งเข้ามาโวยวายบอกให้ฝังไทม์แคปซูลกันเถอะ”

“ใช่ๆ  ฉันเองก็ถูกลากมาร่วมด้วย  ตอนนั้นกำลังนอนกลางวันสบายใจอยู่เลย  อารมณ์มันเลยครึ่งหลับครึ่งตื่น  จำอะไรไม่ค่อยได้”

“ส่วนกูไม่ต้องพูดถึง  อายุเท่านั้น  จำได้แค่ว่าพี่มาบอกให้เอาของที่ชอบที่สุดไปฝังดินไว้แล้ว  แล้วอีกยี่สิบปีต่อมามันจะงอกขึ้นมาจากพื้น  ออกดอกออกผลเหมือนผลไม้ให้ได้เก็บ”

“ละ…แล้วมึงใส่อะไรลงไป”

ไอ้เฟี้ยวทำหน้านึกก่อนจะยักไหล่อย่างไม่สนใจ

“ไม่รู้ว่ะ  ความคิดตอนหกขวบใครจะไปจำได้”

“แล้วพวกคุณสองคนล่ะครับ  ฝังอะไรลงไปเหรอ”

“ฉะ…ฉันว่าเราลงมือขุดเลยดีกว่านะ  เดี๋ยวจะมืดค่ำซะก่อน”

คุณอวกาศเปลี่ยนเรื่อง เขารีบตรงไปที่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งแล้วลงมือขุดอย่างจริงจัง  อยากรู้จริงๆว่าฝังอะไรลงไป!

“นั่นสิ  งั้นเดี๋ยวกูไปขุดตรงนั้นละกัน”

ไอ้เฟี้ยวแยกออกไปอีกทาง  เหลือแค่ผมกับคุณจักรวาลที่ยืนมองหน้ากันอยู่  เขาฝังอะไรลงไปนะ  คนนิสัยแบบนี้กับไทม์แคปซูล…

อืม…จินตนาการไม่ออกเลยแฮะ

“ไหวแน่นะครับ  ผมว่าคุณไปพัก…”

“ฉันไหว  ไม่ต้องกังวล”

มือหนาวางลงบนหัวผมก่อนจะเดินไปลงมือขุดดินที่อีกจุด  ทั้งสามคนแยกกันขุดหาไทม์แคปซูลอย่างขะมักเขม้น  ผมเองก็ต้องทำอย่างเต็มที่เหมือนกัน!

 

สามชั่วโมงผ่าน

เคร้ง!

“มะ…ไม่ไหวแล้ว  เหนื่อยฉิบหาย  มือกูพองหมดแล้วเนี่ย”

ไอ้เฟี้ยวโยนพลั่วทิ้งลงกับพื้นหลังจากที่ช่วยกันขุดดินในสวนมาสามชั่วโมงเต็มๆ  ไอ้ครั้นจะให้พวกบอดี้การ์ดหรือคนในบ้านมาช่วยคุณจักรวาลก็ไม่ยอมเพราะไม่อยากให้ใครรู้เรื่องไทม์แคปซูลนี้นอกจากพวกเรา

“ฉันเพิ่งรู้นะว่าสวนในบ้านมันกว้างขนาดนี้  เอาไว้เดินสวนสนามกันหรือไง”

คุณอวกาศที่ใช้มือข้างหนึ่งเท้าต้นไม้ไหวบ่นอุบ  หน้าเขาแดงแปร๊ดเพราะแดดที่ร้อนจัด  เสื้อผ้าที่ใส่อยู่ก็ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ

ผมหันไปทางคุณจักรวาลที่เป็นคนที่ไม่ได้บ่นอะไร  เขายังขุดหามันอยู่  ทว่าใบหน้าเริ่มจะซีดเซียวอาจเพราะเพิ่งฟื้นและยังบาดเจ็บอยู่ก็เป็นได้  ไม่ได้การล่ะ  ขืนปล่อยไว้แบบนี้ต้องหามเข้าโรงพยาบาลอีกรอบแน่ๆ  คนอื่นๆเองก็เริ่มจะเหนื่อยแล้วด้วย  เอายังไงดีนะ  มันต้องมีวิธีหาที่ง่ายกว่านี้สิ  วิธีดีๆที่ไม่สุ่มขุดไปเรื่อยแบบนี้!

อ๊ะ!  จริงสิ  ลมเรื่องนั้นไปเลย

“จะว่าไป  ไทม์แคปซูลพวกนี้ถูกฝังไว้กี่ปีแล้วเหรอครับ”

“ก็…เกือบๆสิบสองปีได้แล้วล่ะ  ทำไมเหรอ”

“ถ้าการที่ SD การ์ดถูกนำมาซ่อนไว้ในไทม์แคปซูลที่ฝังลงไปเมื่อสิบสองปีก่อน  แสดงว่าอาจารย์มารีอาจำที่ที่ฝังเอาไว้ได้และขุดมันขึ้นมาอีกครั้งเพื่อเอา SD การ์ดใส่ลงไป  ถูกไหมครับ”

“จริงด้วย  ตามทฤษฎีก็น่าจะเป็นแบบนั้นนะ  นายคิดอะไรออกเหรอ”

คุณอวกาศถามต่อ  ผมยิ้มกว้าง  คิดวิธีง่ายๆที่จะหาไทม์แคปซูลได้แล้ว!

“เฮ้ย!  จะไปไหนน่ะไอ้ไทม์”

ไอ้เฟี้ยวตะโกนเรียก  ผมไม่สนใจที่จะตอบคำถามในตอนนี้  วิ่งวุ่นไปทั่วสวนเพื่อหาที่ฝังไทม์แคปซูลของพวกเขา

ต้องมีสิ  ต้องมีแน่ๆ  ยังไงก็ต้องหาให้เจอ!

กึก!

ผมหยุดกึก  ชะงักฝีเท้ามองไปยังเบื้องหน้าก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าของอีกสามคนตามหลังมา  ใช่จริงๆด้วย…  เป็นอย่างที่คิดจริงๆ

“มีอะไรเหรอไทม์”

คุณจักรวาลดึงผมให้หันกลับไป  ทุกคนดูจะตกใจกับท่าทางของผมมาก  นิ้วมือสั่นระริกชี้ไปยังจุดที่คาดว่าไทม์แคปซูลฝังอยู่

“เจอ…แล้วล่ะครับ”

“มึงรู้ได้ยังไงว่าเป็นที่นี่”

“ก็ดูจากที่ทุกคนเอาแต่ขุดตรงบริเวณใต้ต้นไม้กันทั้งนั้น  ผมเลยคิดว่าบางทีพวกคุณอาจจะจำได้ลางๆว่ามันถูกฝังไว้ใต้ต้นไม้  และถ้าหากอาจารย์มารีอาเพิ่งจะขุดเอาไทม์แคปซูลขึ้นมาเพื่อซ่อนไว้ SD การ์ดไว้  บนดินที่ถูกขุดก็จะต้องมีร่องรอยของการขุดใหม่ๆหลงเหลืออยู่  แต่ไม่ว่าจะมองดูใต้ต้นไม้ต้นไหนในสวนนี้ก็ไม่มีร่องรอยที่ว่าเลย  ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวก็มีแค่ต้นไม้ที่เป็นจุดฝังไทม์แคปซูลอาจจะถูกโค่นทิ้งไปแล้ว  พอคิดแบบนั้น  ผมก็เลยวิ่งหาตรงสนามหญ้าโล่งๆแทน  จนมาเจอตรงนี้ยังไงล่ะครับ”

“จะว่าไป…จำได้ว่าตรงกลางสนามเมื่อก่อนจะมีต้นไม้ต้นใหญ่ๆอยู่ด้วยนี่นา”

“ใช่  แต่ตอนหลังก็โค่นทิ้งไปเพราะพ่อต้องการพื้นที่จัดงานเลี้ยงส่งที่นายจบมัธยมปลาย”

“งั้นก็หมายความว่า…ไทม์แคปซูลอยู่ตรงนี้ใช่ไหม!”

ไอ้เฟี้ยวตะโกนอย่างดีใจ  มันรีบพุ่งเข้าไปขุดเป็นคนแรก  ไม่ถึงนาทีก็หยุดขุด  มันวางพลั่วลงข้างตัวก่อนจะหยิบกล่องบางอย่างขึ้นมา

ผม  คุณจักรวาล  และคุณอวกาศต่างไปนั่งล้อมหลุมนั้นเอาไว้เป็นวงกลม  กล่องเหล็กขนาดใหญ่ที่เปรอะเปื้อนไปด้วยดินและมีสนิทขึ้นถูกเปิดออก   ด้านในมีถุงผ้าสีขาวที่ถูกปากกาเมจิกสีดำเขียนชื่อของแต่ละคนเอาไว้

“ดูทีละถุงแล้วกันนะ”

ถุงแรกถูกไอ้เฟี้ยวหยิบขึ้นมา  เป็นถุงของคุณจักรวาลนั่นเอง  ผมตื่นเต้น  ใจจดใจจ่ออยากจะรู้มากว่าเขาฝังความทรงจำอะไรลงไป!

พรึ่บ…

ของข้างในถูกเทออกมาจนหมด  ไม่มีใครพูดอะไรออกมานานเกือบนาทีเมื่อเห็นของข้างในนั้น  ขนาดเจ้าตัวที่เป็นคนใส่ของเหล่านี้ลงไปเองยังทำหน้าตาบอกบุญไม่รับเหมือนพวกเราเลย

“นี่พี่…ฝังของพวกนี้ลงไปงั้นเหรอ”

“ดูเหมือนจะใช่นะ”

“ไม่ต้องมาดูเหมือนเลย! คนเอามาใส่ถุงแล้วฝังไว้มันก็แกเองไม่ใช่เรอะ!”

ไอ้เฟี้ยวหันไปตวาดแว้ดๆใส่  พลางชี้ไปยังสิ่งของอันเป็นความทรงจำของคุณจักรวาล  มะ…ไม่ไหว  ไม่ไหวแล้ว

“ฮ่าๆๆๆๆๆ”

ผมทิ้งตัวลงนั่งจนแทบหงายหลัง  เอามือกุมท้องขำออกมาจนน้ำตาเล็ด  สมกับเป็นคุณจักรวาลจริงๆ  ไอ้ความเฉยชาไร้ซึ่งความละเอียดอ่อนแบบนี้น่ะ  ฮ่าๆๆๆ

“ขำอะไร”

คนถูกทำถามเสียงเข้ม  ผมใช้นิ้วปาดน้ำตาที่หางตาออกก่อนจะหยิบของต่างๆที่ถูกเทออกมาจากถุงผ้าขึ้นมาทีละชิ้น

“ลูกอมที่ละลายจนเหลือแต่เปลือก  ปากกาที่ไม่มีฝาปิด  ยางลบใช้แล้ว  ไม้บรรทัดหักครึ่ง  ไม้จิ้มฟัน  ไฟแช็ก  มีกระทั่งไม้แคะหู  อ่อ  เหมือนจะใช้แล้วด้วยนะ  ฮ่าๆๆๆๆ  ผมล่ะเชื่อเลย  ของพวกนี้คือความทรงจำของคุณเหรอครับ”

“ดูยังไงก็ขยะชัดๆ”

ไอ้เฟี้ยวแทรกขึ้น

“ทำไงได้  ยัยนั่นมาบอกกะทันหันแล้วก็จะเอาให้ได้  ฉันเลยกวาดเอาทุกอย่างที่อยู่ใกล้ตัวและพอจะหยิบได้ใส่ลงไปในถุงก่อนน่ะ”

“กูว่าเปิดอันต่อไปดีกว่า  ถุงนี้มีแต่ขยะ  พี่คงไปเอาของสำคัญมาไว้ในถุงขยะแบบนี้หรอก”

ว่าแล้วก็โยนถุงแห่งความทรงจำของคุณจักรวาลกลับลงไปในหลุมก่อนจะหยิบอีกใบขึ้นมาเทออกดู  ของคุณอวกาศแล้วสินะ

กุกกักๆๆๆ

ของข้างในถูกเทออกมาจนหมด  ความเงียบไม่ต่างจากของคุณจักรวาลเกิดขึ้นอีกครั้งก่อนที่เจ้าของสิ่งของทั้งหมดจะรีบคว้าเอาพวกมันไปกอดอย่างหวนแหน

“อยู่ที่นี่นี่เอง  คิดถึงที่สุดเลย  ตอนไปเรียนต่อก็นั่งนึกอยู่เอาไปไว้ที่ไหน  คิดว่าจะหายไปแล้วซะอีก”

“ไอ้โรคจิต!!!”

ไอ้เฟี้ยวตะเบ็งเสียงออกมาอีกครั้ง  ของที่คุณอวกาศเอาฝังลงไปก็คือซีดีโป๊และหนังสือโป๊ทั้งหมด  ที่หน้าปกเป็นภาพผู้หญิงแก้ผ้านอนอ้าซ่าจนเห็นถึงลำไส้

ไม่อยากจะเชื่อ  คุณอวกาศสะสมของพวกนี้ตั้งแต่อายุสิบสี่เลยเรอะ!

“พวกแกสองคนมันเฮงซวยจริงๆ  เห็นการฝังไทม์แคปซูลของพี่เป็นเรื่องเล่นๆหรือไงถึงได้ฝังของแบบนี้ลงไป!”

“ก็มาเรียบอกให้ฝังของล้ำค่านี่นา  แล้วของพวกนี้ก็ล้ำค่ามากสำหรับฉัน”

“ทุเรศ”

สองคำสั้นๆที่ออกมาจากปากและใบหน้าบึ้งตึงของไอ้เฟี้ยว  คุณอวกาศดึงเอาถุงผ้าของตัวเองมาจากมือไอ้เฟี้ยวแล้วเก็บของสิบแปดบวกทั้งหลายใส่ลงไปใหม่ก่อนจะเอากอดไว้แนบอก

“แล้วของมึงอ่ะ”

“ฉันเปิดให้เอง”

“เฮ้ย!”

คุณอวกาศแย่งเอาถุงต่อไปที่เขียนชื่อไอ้เฟี้ยวไว้มาเปิดออก  ทำไมมันดูบางๆเหมือนไม่มีอะไรเลยหว่า

“แน่ใจนะว่าข้างในมีของเนี่ย  เบาเหมือนไม่มีอะไรเลย”

“บอกแล้วไงว่ากูจำไม่ได้ว่าฝังอะไรลงไป”

มันตอบจริงจัง  คุณอวกาศลงมือเปิดปากถุงออกกว้างก่อนจะเอามือล้วงลงไปควานหาจนทั่วถุง  นั่นถุงผ้าหรือกระเป๋าสี่มิติ  ล้วงซะนาน!

“อะไรล่ะเนี่ย  มีไอ้นี่ใส่อยู่อย่างเดียว”

คุณอวกาศลวงหยิบบางสิ่งออกมาแล้วยื่นไปตรงกลางเพื่อให้ทุกคนได้เห็นพร้อมๆกัน  เราต่างก็ชะโงกมองสิ่งที่อยู่ในมือนั้น

“ทะ…ทะ…ทำไม!”

ไอ้เฟี้ยวหงายหลังตึง  มือและเสียงอันสั่นเทาชี้ไปที่รูปถ่ายในมือของคุณอวกาศ

ใช่แล้ว  สิ่งที่มันเอาฝังลงไปในไทม์แคปซูลก็คือรูปถ่าย  แต่ว่า…

“ทำไมนายถึงฝังรูปฉันล่ะ?”

คนในรูปถ่ายหรือก็คือคุณอวกาศหันไปถามไอ้เฟี้ยวที่ตอนนี้หน้าแดงก่ำลามไปจนถึงใบหู  รูปคุณอวกาศที่ดูแล้วน่าจะอยู่ในช่วงอายุสิบสี่นั่นแหละถูกฝังเอาไว้เป็นความทรงจำที่ล้ำค่าของไอ้เฟี้ยว…

เดี๋ยวก่อนนะ  ก่อนหน้านี้มันบอกว่าอาจารย์มารีอาหลอกมันว่าถ้าเอาของฝังดินลงไปแล้วมันจะงอกขึ้นมาจากดิน  ออกดอกออกผลสินะ  นะ…นี่หรือว่า  เจ้าบ้านั่น…

ผมหันไปมองไอ้เฟี้ยวด้วยไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่กำลังคิด  คงไม่หรอกมั้ง  ตอนฝังของพวกนี้มันเพิ่งจะอายุแค่หกขวบเอง  อาจจะทำลงไปเพาะไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็ได้  มันคงไม่ได้คิดว่าถ้าฝังรูปคุณอวกาศลงไปแล้วจะมีคุณอวกาศงอกออกมาจากพื้นหลายๆคนหรอก

“จะไปรู้ได้ไงเล่า  ตอนนั้นฉันยังเด็กอยู่เลยนะ  ก็คงหยิบมั่วๆนั่นแหละ”

“อย่าบอกนะว่าฉันเป็นสิ่งมีค่าสำหรับนาย  ชอบฉันขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย”

“ถ้าจะละเมอก็ไปนอนเลยเฟ้ย!”

พลั่ก!

ไอ้เฟี้ยวยกเท้าถีบคุณอวกาศจนกระเด็น  ไม่มีใครรู้ได้หรอกว่าเด็กชายเฟี้ยวในวัยหกขวบตอนนั้นคิดอะไรอยู่ถึงได้เลือกฝังรูปคุณอวกาศลงในไทม์แคปซูล

อาจจะชอบมากจนเห็นเป็นสิ่งล้ำค่า  หรือไม่ก็…

เกลียดจนอยากจะฝังให้ตายทั้งเป็น  เหอะๆๆ

“ของมารีอา”

ระหว่างที่ไอ้เฟี้ยวและคุณอวกาศกำลังทะเลาะกัน  และผมที่ต้องกลายมเป็นกรรมการจำเป็น  คุณจักรวาลก็หยิบเอาถุงผ้าของอาจารย์มารีอาไปเปิดออกดู  สิ่งที่ถูเทออกมาจากในนั้นหยุดการกระทำของทุกคน

“นี่มัน…”

ผม  คุณจักรวาล  คุณอวกาศ  และไอ้เฟี้ยวต่างก็ยื่นไปหยิบจดหมายที่มีชื่อของแต่ละคนเขียนเอาไว้ขึ้นมา  การที่เขียนจดหมายไว้ให้สามคนนั้นก็พอจะเข้าใจได้อยู่ แต่ว่าทำไม…

ถึงมีจดหมายถึงผมด้วยล่ะ?

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วนะคะ  ไชโยกันเร็ว!!  ในที่สุดพวกเขาก็ตามหาไทม์แคปซูลเจอแล้ววว  แต่สิ่งที่อยู่ในนั้นกลับเป็นจดหมายถึงพวกเขาทั้งสี่คนแทน  แล้ว SD การ์ดไปอยู่ที่ไหนกันล่ะ?  แต่ว่า…คิดไม่ถึงจริงๆว่าเด็กชายเฟี้ยวจะฝังรูปคุณอวกาศของเราลงไป 55555+  อยากรู้จังว่าตอนนั้นเด็กชายเฟี้ยวคิดอะไรอยู่ถึงได้เลือกที่จะฝังรูปนี้  เหนือสิ่งอื่นใด…  คุณอวกาศคะ  เอ็งหื่นมาตั้งแต่ตอน ม.ต้นเลยเรอะ 55555


ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
ต่อค่ะ รอต่อ ของมาเรีย

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
เฮ้อ........ของที่คุณจักรวาล อวกาศ และเฟี้ยวฝัง  o22 o22 o22
เป็นของที่น่าฝังจริงๆ

ไทม์ บางครั้งดูมีหัวคิด ฉลาด แต่ตอนที่ถูกหลอกให้ไปหลังรร.
ดูหลอกง่ายยังกับเด็กประถม
แล้วทำไมมีจม.ถึงไทม์ด้วย  :katai1: :katai1: :katai1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
หมองของหลานไทม์ใช้ได้ในยามคับขันจริง ๆ เลย  o13

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ armize

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 95
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
ลุ้นขึ้นเรื่อยๆ คลายปมทีละน้อย

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0


ตอนที่ 25

ส่วนลึกของความทรงจำ

 

‘ถึงอวกาศ…

กว่านายจะได้อ่านจดหมายฉบับนี้  ฉันคงหนีนายไปไกลแล้วล่ะ  ขอโทษด้วยนะที่ตัดสินใจอย่างกะทันหัน  แต่ไม่ว่าจะคิดอีกสักกี่ครั้ง  ฉันก็อยากสร้างครอบครัวที่มีความสุขกับคนๆนี้  ถึงเขาจะทำผิด  และฉันก็มีส่วนทำให้เขารู้ถึงตัวตนของเด็กคนนั้นจนเหตุการณ์มันเริ่มเลวร้าย  แต่ว่า…ฉันก็ยังรักเขา  และฉันคงทนไม่ได้ถ้าเห็นเขาต้องชดใช้กรรมโดยการเข้าคุกหรือตายจากไป  กวินทร์เขาน่าสงสารมากนะ  เขาไม่สามารถหลุดพ้นจากพ่อของตัวเองได้  ฉันอยากจะช่วยเหลือเขา  SD การ์ดที่ฉันทิ้งเอาไว้ให้  จะทำให้กวินทร์หลุดออกจากการเป็นรองประธานได้  รวมถึงเอาผิดผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริงอย่างพ่อของเขา  ผู้ชายคนนี้น่ากลัวมาก  นายห้ามไว้ใจเขาเด็ดขาด  หวังว่านี่คงจะพอชดใช้การกระทำโง่ๆที่ฉันได้ทำลงไปนะ  ขอโทษที่ทำให้เด็กคนนั้นต้องมาเจอกับเรื่องอันตราย  แต่หลังจากนี้มันจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้วล่ะ  ฉันจะเกลี้ยกล่อมกวินทร์  เราจะไปเริ่มต้นกันใหม่ในที่ที่ไม่มีใครรู้จักเรา  ที่เหลือก็แค่ให้พวกนายเอา SD การ์ดไปให้กับตำรวจ  เรื่องก็จะจบ  ฝากที่เหลือด้วยนะ

และที่สำคัญอีกอย่าง…ฝากดูแลน้องชายของฉันด้วย  เขาไม่เหลือใครอีกแล้วนอกจากพวกนาย  ถ้าชาตินี้มีจริง  ขอให้พวกเราได้เกิดมาเป็นเพื่อนรักกันอีกนะ  ช่วงเวลาที่ได้ใช้ร่วมกันมา  ฉันมีความสุขมากจริงๆ   มารีอา  ไม่สิ  มาเรีย…

ปล.  เรื่อง SD  การ์ดนั้น…’

 

“ยัยบ้า  นี่สินะ  คือความตั้งใจจริงของเธอ”

อวกาศกัดฟันแน่นหลังอ่านจดหมายจบ  ทั้งที่เธอตั้งใจจะไปสร้างครอบครัวที่ความสุขแท้ๆ  แต่ทำไมเรื่องราวถึงกลับตาลปัตรกลายเป็นว่าเธอต้องมาตายอย่างน่าเวทนาด้วย!

“เธอจะไม่ตายฟรี  ฉันสัญญา”

ไฟแค้นกำลังลุกโชนในใจของเขา  อวกาศกดจดหมายลงแนบอก  ปล่อยให้น้ำตาแห่งความเสียใจไหลพรากลงมา

 

‘ถึงเฟี้ยว…น้องรักของพี่

เริ่มยังไงดีล่ะ  พี่ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งจะต้องมาเขียนจดหมายถึงนายแบบนี้  พี่รู้นะว่าตอนนี้นายคงกำลังร้องไห้อยู่  ผิดหวังกับการตัดสินใจของพี่ใช่ไหม  ขอโทษที่คิดและตัดสินใจทุกอย่างโดยไม่ได้ปรึกษานายเลย  เพราะถ้าพี่ปรึกษานาย  นายก็คงต้องห้ามพี่แน่ๆ  ขอโทษนะที่ทิ้งนายไปแบบนี้  ทั้งที่สัญญาว่าจะดูแลนายตลอดไป  แต่พี่ไม่สามารถทิ้งเขาไปได้จริงๆ  คนที่รู้ว่าเขาเจ็บปวดมากแค่ไหนมีแค่พี่เท่านั้น  พี่เป็นพี่สาวที่ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ  สุดท้ายก็เอาแต่ความต้องการของตัวเอง  เพราะอย่างนี้แหละ  พี่ถึงอยากจะขอร้องนายเรื่องหนึ่ง  ลืมพี่สาวแย่ๆคนนี้เถอะนะ นายจะได้เริ่มต้นใหม่  อย่าโกรธจักรวาลกับอวกาศอีกเลย  ถ้าตอนนี้นายรู้เหตุผลแล้วว่าทำไมจักรวาลถึงถอนหมั้นพี่  ใครไม่ได้ยืนอยู่ในจุดที่เขายืน  คงไม่มีวันเข้าใจว่าเขาต้องเจ็บปวดและทรมานมากแค่ไหน  จักรวาลรักนายมาก  เขาเลี้ยงนายมาตั้งแต่เด็กๆ  พี่เชื่อว่านายรู้ดี  อย่าทิฐิอีกเลย  ให้โอกาสสองคนนั้นได้กลับมาอยู่เคียงข้างนายเหมือนเดิม  เพราะพี่ไม่สามารถกลับไปยืนเคียงข้างนายได้อีกแล้ว  ไม่ว่าจะวันนี้หรือเมื่อก่อน  พี่ทำได้แค่เฝ้ามองอยู่ห่างๆ  ร้องไห้เวลาที่เห็นนายถูกทารุณ  ไม่มีความกล้าที่จะเข้าไปปกป้องนายเลย  แต่พวกเขาทำได้  นายจะต้องปลอดภัย  พี่เชื่อสักวันนายจะกลับมายิ้มและเป็นเด็กดีเหมือนเดิม  ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา  ขอบคุณที่คอยมอบความรักให้พี่  การมีนายเป็นน้องชาย  คือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของพี่เลย   รัก…มารีอา

ปล.  เรื่อง SD  การ์ดนั้น…’

 

“ใครอยากจะเป็นแค่น้องชายของเธอกัน  เล่นขี้โกงแบบนี้ได้ยังไง  คิดว่าจดหมายฉบับนี้มันแทนตัวเธอได้เรอะ”

เฟี้ยวที่เดินแยกมาอ่านจดหมายของตัวเองอีกทางร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด  จดหมายฉบับนี้ยิ่งทำให้เขามั่นใจว่าพี่สาวของเขาไม่ได้ฆ่าตัวตาย!

“ฉันจะตามล่าคนที่มันฆ่าเธอให้ได้  มันจะต้องได้รับโทษอย่างสาสมที่มาพรากเธอไปจากฉัน!  โธ่เว้ย  อ๊าก!!!”

เขาอาละวาด  เฟี้ยวปล่อยหมัดลงไปบนสนามครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อระบายความโกรธแค้นในใจ  ราวกับร่างกายของเขากำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

เพียงแค่คิดว่ามารีอาไมได้อยู่บนโลกใบนี้แล้วจริงๆ  เขาจะไม่ได้เจอเธออีกต่อไปแล้ว  ความปวดร้าวก็แล่นปราดไปทั่ว

“ฉันคิดถึงเธอ  คิดถึงเธอจริงๆ”

 

‘ถึงพี่จักรวาล

เป็นครั้งแรกเลยสินะที่ฉันเรียกนายว่าพี่  เมื่อก่อนนายจะดุฉันตลอดเวลาเพราะต้องการให้ฉันเรียกนายว่าพี่เหมือนกับอวกาศและเฟี้ยว  แต่นั่นก็เพราะ  ฉันไม่ได้ต้องการเป็นแค่น้องสาวของนาย  ก็เลยไม่เคยเรียกจนกระทั่งมันติดปากไปในที่สุด  สำหรับนาย…ฉันคงไม่ต้องเขียนอธิบายอะไร  เพราะนายรู้ดีหมดทุกอย่างอยู่แล้ว  แต่น่าตกใจเหมือนกันนะ  ไม่คิดเลยว่านายจะเก็บงำความจริงทุกอย่างมาถึงสิบแปดปี  ทั้งที่อีกนิดเดียวทุกอย่างก็จะเรียบร้อยและเป็นไปตามที่นายกับคุณลุงคาดการณ์ไว้  แต่ฉันกลับทำมันพังเละไม่เป็นท่า  ขอโทษด้วยนะ  แต่ว่า…กวินทร์ไม่ใช่คนเลว  นายรู้ดีใช่ไหม  และต้องเป็นคนที่รู้ดีที่สุดแน่ๆ  เขาอาจจะไม่ได้สนใจว่าอวกาศกับเด็กคนนั้นจะอยู่หรือตาย  แต่ตราบใดที่นายยังอยู่  เขาจะไม่มีวันทำเรื่องที่เสี่ยงต่อความปลอดภัยของนายไปด้วยเด็ดขาด  กวินทร์ในตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากหุ่นเชิด  ฉันต้องการปลดปล่อยเขาออกมา  หลังจากรู้ความจริงว่าเป้าหมายของกวินทร์กับพ่อคือสมบัติทั้งหมดของคุณลุงรวมถึงการฆ่าทายาทที่เหลืออยู่  ฉันก็ตัดสินใจแล้วว่าจะต้องหยุดเขาให้ได้  ฉันเก็บรวบรวมหลักฐานทุกอย่างที่จะสามารถโค่นล้มพวกเขาเอาไว้ใน SD การ์ด  รอจนถึงเวลาที่เหมาะสมเพื่อส่งมอบมันให้กับนาย  ขอโทษที่ชดใช้ให้ได้แค่นี้  ทั้งที่ฉันทำเรื่องเลวร้ายที่สุดเอาไว้  ตัวตนของเด็กคนนั้นถึงได้ถูกเปิดเผยแบบนี้…

แต่ว่า…อย่างฉันก็จะทำได้เหมือนกันใช่ไหม  ปกป้องสิ่งสำคัญ  ปกป้องคนที่ฉันรัก  ฉันไม่สามารถทนเห็นกวินทร์ต้องรับโทษใดๆได้  ฉันจะไปหาเขา  ไปเกลี้ยกล่อมเขาสักครั้งแล้วเราจะไปเริ่มต้นใหม่ด้วยกัน  ถ้าเรื่องทั้งหมดจบลงด้วยดีแล้ว  นายช่วยให้อภัยเขาได้ไหม   ฉันเองก็ไม่รู้ว่าอะไรผูกมัดระหว่างนายกับกวินทร์เอาไว้  แต่คนๆนั้น…คือเพื่อนรักที่ดีที่สุดของนายใช่ไหมล่ะ  ถ้ามีโอกาสได้ปรับความเข้าใจกันและเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมก็คงดี  ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา  ขอบคุณที่คอยปกป้องน้องสาวเอาแต่ใจคนนี้   สิบแปดปีที่ผ่านมา…ฉันมีความสุขมากจริงๆ  รัก…มารีอา

ปล.  เรื่อง SD  การ์ดนั้น…’

 

“เพื่อนรัก…งั้นเหรอ”

จักรวาลขยำจดหมายทิ้งก่อนจะเอนตัวพิงกับต้นไม้  เงยหน้ามองท้องฟ้าที่ใกล้จะมืดเต็มที่  นัยน์ตาเหม่อลอยอัดแน่นไปด้วยความทรงจำแสนเศร้าบางอย่าง

“ขอโทษนะ  แต่ฉันลืมมันไปหมดแล้วล่ะ”

ไม่มีใครรู้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่  ความเฉยชาที่แผ่ความเยือกเย็นจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้นั้น  เป็นตัวช่วยอย่างดีในการที่เขาจะปิดใจของตัวเองไม่ให้ใครเข้าได้อีก

 

‘ผมบอกคุณแล้วไงว่าอย่าไปมีเรื่องกับใครอีก  เวลาที่คุณต่อยคนพวกนั้น  มือของคุณก็เจ็บด้วยนะ  ผมไม่อยากเห็นคุณต้องเจ็บตัวอีกแล้วนะ’

‘แต่พวกนั้น…ว่านาย’

‘แล้วยังไงล่ะครับ  ผมไม่ได้สนใจสักหน่อย มือนี้น่ะ…ไม่เหมาะจะทำร้ายใครหรอกนะ  มันเหมาะจะเอาไว้ปกป้องสิ่งสำคัญมากกว่า’

‘ปกป้อง…สิ่งสำคัญ?’

‘อ่ะ  เสร็จแล้ว  สงสัยหลังจากนี้ผมคงต้องพกพลาสเตอร์มาทุกวันแล้วล่ะ  ไปครับ  กลับบ้านกัน’

 

“เด็กสองคนนั้น  ตายไปสิบแปดปีแล้ว”

 

‘ถึงกาลเวลา

จะเริ่มยังไงดีล่ะ  คงงงสินะว่าทำไมถึงมีจดหมายถึงเธอด้วย  อาจเป็นเพราะ…ครูรู้สึกว่าเรามีอะไรหลายๆอย่างคล้ายกันก็ได้  และตอนนี้เธอเองก็คงจะรู้เรื่องของกวินทร์กับครูไม่มากก็น้อย ไม่รู้ทำไมนะ  แต่ครูคิดว่าถ้าเป็นเธอ  จะต้องทำให้เจ้าวายร้ายพวกนั้นกลับมารวมตัวกันได้อีกแน่  ครูเป็นต้นเหตุทำให้ความสัมพันธ์ของสามคนนั้นต้องเปลี่ยนไป  และครูก็ไม่มีความสามารถมากพอที่จะดึงทุกคนกลับมาหากันอีกครั้ง  คงจะดีไม่น้อยถ้าเธอทำให้พวกเขากลับมามีกันและกันเหมือนเดิมได้  มิตรภาพของสามคนนั้น…ไม่ควรจะมาจบลงง่ายๆเพราะความงี่เง่าของครู  ฝากด้วยนะจ๊ะ  ครั้งหน้าถ้าได้เจอกันอีก  หลังจากวันเวลาช่วยเยียวยาบาดแผลในใจของทุกคนไปแล้ว  ครูหวังว่าครูจะได้เห็นเธอกับสามคนนั้นกำลังหัวเราะด้วยกันนะ

และอีกอย่างที่อยากจะบอกมากๆ  วันนั้น…ที่ครูเล่าถึงความสัมพันธ์ของพวกเราให้เธอฟัง  ขอโทษด้วยนะที่โกหกและทำเหมือนยังรักจักรวาลอยู่  เป็นความจริงที่ครูเคยรักเขา  แต่ครูถูกปฏิเสธและอกหักเป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่ ม.ปลาย แล้วล่ะ  หลังจากนั้นพอขึ้นมหาวิทยาลัยก็ได้กวินทร์มาช่วยปลอบ  เขาดีกับครูมากจนสุดท้ายครูก็แพ้ความดีของเขาและเราก็แอบคบกันมาโดยตลอด  เพราะเขาบอกว่าในสมัยรุ่นคุณพ่อมีเรื่องบาดหมางกัน  ทำให้รุ่นลูกไม่ค่อยถูกกันไปด้วย  กวินทร์เลยอยากขอเวลาพิสูจน์ตัวเองทำให้สองครอบครัวกลับมาคืนดีกันก่อน  ถึงจะค่อยเปิดตัวว่ากำลังคบกับครู  แล้วครูก็โง่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด  พอมีเรื่องหมั้นกับจักรวาลเพื่อความสัมพันธ์ทางธุรกิจเข้ามา  เขาก็ขอให้ครูรับหมั้นไปก่อนเพื่อธุรกิจ  และเขาจะเป็นคนมาบอกความจริงกับจักรวาลเอง  แต่ขอเวลาสักหน่อย

ไม่อยากเชื่อว่าความรักจะทำให้ครูตาบอดเชื่อในทุกสิ่งที่เขาพูด  เขาหลอกให้ครูทำเรื่องเลวร้ายมากมายโดยอ้างว่าเพราะเขาอยากจะให้สองครอบครัวคืนดีกัน  และจะได้เปิดเผยความสัมพันธ์ของพวกเราเร็วๆ  กว่าครูจะมารู้ว่าทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องโกหกและครูถูกหลอกใช้  ก็สายไปแล้ว  ทั้งที่ถูกหลอกถึงขนาดนั้น  แต่ครูกลับเกลียดเขาไม่ลง  ตัดใจก็ไม่ได้  ครูไม่อยากเชื่อว่าที่ผ่านมา  เรื่องของครูกับเขาจะเป็นเรื่องโกหกไปด้วย  ที่เขาบอกรักครู  ทำดีกับครู  ครูรู้สึกได้จริงๆว่ามันไม่ใช่คำโกหก  เพราะอย่างนั้น  ครูถึงอยากจะลองเชื่อหัวใจตัวเองดูสักครั้ง  ครูอยากไปมีชีวิตใหม่กับกวินทร์  ไปสร้างครอบครัวที่อบอุ่นเหมือนในฝันด้วยกัน  เราจะช่วยกันตั้งชื่อลูกที่กำลังจะเกิดมา  จะเลี้ยงเขาให้โตมาเป็นเด็กที่ใจดีมีรอยยิ้มให้กับทุกคน  แล้วสักวันหนึ่ง  ครูจะพาเด็กคนนั้นมาหาเธอดูนะ  พอถึงวันนั้น…ช่วยเรียกครูว่าพี่สาวได้ไหม  คงจะดีมากๆถ้าเราได้เจอกันในฐานะพี่น้องไม่ใช่ครูกับนักเรียน

กาลเวลา…จำคำครูไว้นะ  ผู้คนที่อยู่รอบตัวเธอตอนนี้   พวกเขาไว้ใจได้  ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น  ครูอยากให้เธอเชื่อใจพวกเขา  และรักษามิตรภาพที่มีอยู่เอาไว้ให้ดี  เชื่อมโยงพวกเขาเขาด้วยกัน  แล้วพวกเขาจะใช้ชีวิตอยู่ต่อเพื่อปกป้องเธอ  เชื่อครูนะ

ปล.  เรื่อง SD  การ์ดนั้น…ครูเก็บมันไว้ในตู้นิรภัยของธนาคารแห่งหนึ่งด้วยชื่อของเธอ  แค่ไปแจ้งชื่อแล้วขอเปิดตู้นิรภัยทุกอย่างก็จะจบลง  แต่ตู้นิรภัยจะเปิดได้นอกจากกุญแจที่พนักงานถืออยู่แล้วยังต้องมีรหัสผ่านด้วย  ซึ่งรหัสผ่านนั้น  กาลเวลา…ครูได้บอกเธอไปแล้วนะ’

 

“รหัสผ่าน?   บอก?   มะ…เมื่อไหร่วะ!”

ทำไมสุดท้ายงานถึงมาเข้าที่ผมคนเดียวอีกแล้วล่ะ  รหัสผ่านอะไร  ไม่เห็นจะเคยรู้เรื่องมาก่อนเลย!

เนื้อความในจดหมายก็แปลกๆ  เรื่องอะไรต้องให้ผมมาเป็นตัวกลางเชื่อมโยงสามคนนั้นเข้าหากันด้วยล่ะ  เดี๋ยวพอผมขัดดอกและใช้หนี้สิบล้านหมด  ผมก็จะเป็นไทแล้ว  ทุกอย่างจะกลับคืนสู่ปกติ  ไม่มีอะไรต้องข้องเกี่ยวกับพวกเขาอีก  เดิมทีตั้งแต่แรกพวกเราก็ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันอยู่แล้ว  แต่ว่าพักหลังมานี้  ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเหมือนผมถูกลากเข้าไปเอี่ยวแบบงงๆ

ทั้งโดนหมายหัว  โดนทำร้าย  จะยังไงก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมผมถึงต้องซวยไปด้วย!

ไม่สิ  เรื่องความซวยของตัวเองเอาไว้ก่อน  สิ่งที่ต้องคิดตอนนี้คือรหัสผ่านเปิดตู้นิรภัยนั่น  ถ้าสามารถเปิดตู้แล้วเอา SD การ์ด  ออกมาได้  ทุกอย่างก็จะจบ   ผมจะต้องคิดให้ออกว่าอาจารย์บอกรหัสผ่านพวกนั้นกับผมตอนไหน!

อ๊ากกกก  ใครจะไปรู้ฟะ  เคยคุยกันแค่ไม่กี่ครั้งเอง  ไม่มีอะไรที่บอกถึงตัวเลขเลยสักนิด  แบบนี้ผมจะไปหารหัสผ่านมาจากไหนกันล่ะ  โอ๊ยย  อยากร้องไห้ชะมัด

“ไงมึง  รหัสผ่านเปิดตู้คืออะไรอ่ะ”

ไอ้เฟี้ยวที่เดินตาแดงก่ำเข้ามาหาเอ่ยถาม  คุณอวกาศกับคุณจักรวาลที่แยกกันไปคนละทางก็กำลังเดินเข้ามาหาผมเหมือนกัน

“มาเรียทิ้งท้ายไว้ในจดหมายเรื่อง SD การ์ด  ดูเหมือนรหัสผ่านยัยนั่นจะบอกนายไว้ใช่ไหม”

“รหัสอะไรอ่ะ  บอกมาสิ  พวกเราจะได้ไปเปิดตู้กัน”

“คะ…คือ…”

“…”

“ผมไม่รู้”

“ไม่รู้?  หมายความว่ายังไง”

“อาจารย์มารีอาก็ทิ้งท้ายแบบนั้นไว้ในจดหมายของผมเหมือนกันครับ  แต่สาบานได้ว่าเธอไม่ได้บอกรหัสผ่านกับผมแน่นอน”

ในจดหมายเองก็ไม่มีอะไรที่เป็นตัวเลขอยู่เลย  หรือรหัสผ่านเปิดตู้นิรภัยจะไม่ใช่ตัวเลข?

“ปกติรหัสผ่านพวกนี้จะต้องเป็นตัวเลขอย่างเดียวหรือเปล่าครับ”

“ใช่  ยิ่งพวกตู้นิรภัยตามธนาคารจะนิยมใช้เป็นตัวเลขอย่างเดียว  ทำไมเหรอ”

คุณอวกาศตอบ  ผมนิ่งคิด  ถ้าที่อาจารย์มารีอาบอกเป็นความจริงว่าได้บอกรหัสผ่านกับผมแล้ว  ก็เป็นไปได้ว่ารหัสผ่านพวกนั้นอาจจะซ่อนอยู่ในจดหมายฉบับนี้!  ไม่แน่ว่าสิ่งที่เธอเขียนมา  จะสามารถแปลงเป็นตัวเลขได้อะไรเทือกนั้น

เอ่อ…กูดูหนังมากไปไหมเนี่ย!

“ในจดหมายไม่มีรหัสผ่านอะไรเขียนไว้เลยครับ  แล้วอาจารย์ก็ไม่เคยบอกรหัสอะไรกับผมตรงๆด้วย  ผมเลยคิดว่าเบาะแสการหารหัสอาจจะอยู่ในจดหมายของผม”

“จะว่าไป  ยัยนั่นชอบพวกนิยายนักสืบหรือเรื่องลึกลับมาตั้งแต่เด็กๆแล้วนี่นา  ให้ตายสิยัยพี่บ้า  หน้าสิ่วหน้าขวานขนาดนี้ยังจะเล่นอีก”

“จริงด้วย  ฉันนึกออกแล้ว  ตอนวันเกิดอายุสิบแปดของฉัน  ยัยนั่นเซอร์ไพรส์และให้ของขวัญด้วยกันเอาของขวัญไปใส่ไว้ในตู้เซฟ  แล้วก็เขียนจดหมายอวยพรให้พร้อมกับบอกว่ารหัสเปิดตู้เซฟอยู่ในการ์ดอวยพรแล้ว  กว่าฉันจะตีข้อความพวกนั้นออกมาเป็นตัวเลขได้ก็เกือบตาย”

“จริงเหรอครับ!  แล้วตอนนั้นคุณอวกาศตีข้อความพวกนั้นออกได้ยังไงครับ”

“เรื่องนั้น…โทษทีนะ  จำไม่ได้แล้วล่ะ”

“แล้วจะพูดทำไมวะเนี่ย  ไม่ได้ช่วยอะไรเลย!!!”

“ทำไงได้เล่า  ตอนนั้นมาเรียคอยบอกใบ้อยู่ตลอดมันเลยไขออกได้ง่ายๆ  ฉันเลยไม่สนใจจะจำมันเท่าไหร่น่ะ  ที่พอจะจำได้ก็มีแค่…เหมือนยัยนั่นตั้งใจจะสอนให้ฉันเข้าใจอะไรบางอย่าง  เลยใช้วิธีนั้นเพื่อสอนฉัน”

ยิ่งฟังก็ยิ่งงง  ถ้าการจะหารหัสเจอต้องใช้วิธีเดียวกับที่คุณอวกาศว่ามาจริงๆ  หมายความว่า…มีบางสิ่งที่อาจารย์ต้องการจะสอนผมซ่อนอยู่ในจดหมายฉบับนี้งั้นเหรอ  ผมต้องหามันให้เจอเพื่อเอามาตีเป็นตัวเลขสินะ

อะไรกันล่ะ  อะไรกันที่อาจารย์อยากจะสอนผม!

ผมเปิดจดหมายขึ้นอ่านอีกครั้ง  ดวงตาเพ่งมองเพื่อหาว่าอะไรคือสิ่งที่เธอต้องการสอน  ยังจะมาทำตัวเป็นอาจารย์แม้แต่ในเวลาแบบนี้เนี่ยนะ  เชื่อเขาเลยจริงๆ!

ครืด…ครืด…

มือถือของใครบางคนสั่น  คุณจักรวาลผู้เป็นเจ้าของมือถือนั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับ  ผมเลิกสนใจเขาแล้วลงมือหารหัสผ่านต่อ  ต้องหาให้เจอ  ยังไงก็ต้องหาให้เจอ!

“เจออะไรบ้างไหม”

“ยังเลยครับ  ผมไม่รู้ว่าอาจารย์ต้องการสอนอะไรผม”

“นักเรียนทุนหัวกะทิอย่างมึงยังมีอะไรที่พี่ต้องสอนอีกหรือไงวะ”

“มันอาจจะไม่ใช่เรื่องในตำราเรียนก็ได้นะ”

ผมเงยหน้ามองคุณอวกาศที่เสนอความคิดออกมา  ถ้าไม่ใช่เรื่องในตำราเรียน  ก็ต้องเป็นเรื่องอื่น  เรื่องไหนนะ  มีเรื่องไหนที่ผมยังต้องเรียนรู้อีกกันแน่!

“ทางตำรวจโทรมา”

การหารหัสผ่านเป็นอันหยุดชะงัก  ทุกคนหันไปหาคุณจักรวาลที่สีหน้าเหมือนกำลังช็อกเรื่องอะไรสักอย่าง

“มีอะไรพี่  ทำไมทำหน้าแบบนั้น”

“ตำรวจที่ดูแลคดีของมารีอาโทรมาบอกว่าได้ผลชันสูตรจากทางโรงพยาบาลมาแล้ว”

“แล้วไงวะ  ทำไมต้องทำหน้าตาน่ากลัวด้วย  มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”

“นั่นสิครับคุณจักรวาล  ตำรวจว่ายังไงเหรอครับ”

คุณจักรวาลมองหน้าผม  ไล่ไปที่ไอ้เฟี้ยวและคุณอวกาศที่ละคน  ก่อนจะเอื้อนเอ่ยประโยคที่เปรียบเหมือนหอกแหลมเสียดแทงหัวใจของพวกเราทุกคน

 

“ผลการชันสูตรบอกว่า…มารีอาตั้งท้องได้สามเดือน”

 

นี่มัน…

เรื่องโหดร้ายอะไรกัน

 

 

บับเบิ้วบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  ต้องบอกก่อนว่าเป็นการฝืนสังขารมากๆสำหรับการปั่นตอนนี้และมาอัพให้นักอ่านได้อ่านกัน  เพราะเมื่อวานบิวไม่ค่อยสบาย  พอตกกลางคืนไข้ขึ้นจนต้องนอนซมลุกไปไหนไม่รอด TOT  ตั้งใจว่าวันนี้คงจะนอนทั้งวันเพราะไม่น่าจะลุกมาแต่งนิยายไหวแล้ว  แต่พอเปิดอ่านคอมเม้นต์จากนักอ่านที่รออ่านตอนต่อไปก็เลยมีแรงฮึดขึ้นมา  เมื่อเช้าเลยลุกอาบน้ำสระผมกินยาอัดไปสองเม็ดและนอนพักต่ออีกนิดหน่อยจนอาการเริ่มดีขึ้น  พอจะลุกขึ้นมานั่งไหวก็เลยรีบมาปั่นตอนนี้ให้ได้อ่านกัน  เดี๋ยวจะขอตัวไปนอนพักละ  จะได้หายเร็วๆ  พรุ่งนี้จะได้มาปั่นต่อ 5555+

สำหรับตอนนี้หวังว่าจะได้รู้อะไรหลายๆอย่างแล้วนะคะ  เรื่องความสัมพันธ์ของจักรวาลและกวินทร์นั้น  หลายคนตีว่าเป็นการแอบรักบ้างล่ะ  เป็นพี่น้องบ้างล่ะ  แต่ความจริงคือเป็น “เพื่อนรัก”  นะคะ  แล้วเพราะอะไรความสัมพันธ์ของเพื่อนรักคู่นี้ถึงได้แตกหักลง  รวมถึงการตายของมารีอา  แน่นอนแล้วว่าเธอไม่ได้ฆ่าตัวตายเพราะสิ่งที่เธอตั้งใจคือการไปจากทุกคนพร้อมกวินทร์และลูกน้อยในท้องของเธอ  แต่กลับมาเกิดเรื่องน่าเศร้าแบบนี้ขึ้นเสียก่อน  เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป  ต้องติดตามน้า >___<


ออฟไลน์ Leenboy

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3095
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +105/-2
ดราม่าหนักขึ้นเรื่อยๆ

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
อ้าวววว..........จักรวาล กับกวินทร์ เพื่อนรักกัน  :ling3:

รหัส ที่มารีอาให้กับไทม์
ใช่คำว่ากาลเวลา หรือเปล่า

คนที่ฆ่ามารีอา เป็นกวินทร์ หรือพ่อของกวินทร์
ถ้าเป็นกวินทร์ นายฆ่าเมีย ฆ่าลูกเลยนะ
รอตอนใหม่
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
ปล.ไรท์ดูแลสุขภาพ กินอาหารให้ครบหมวดหมู่ ออกกำลังกาย พักผ่อน ให้เพียงพอด้วยนะ  :mew1: :mew1: :mew1:

ออฟไลน์ numay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
สงสารมารีอากับลูกจัง

ออฟไลน์ Jibbubu

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +77/-6
ในจม.ไทม์ก็บอกอยู่กลายๆ ว่าจะพาลูกมาหาก็น่าจะรู้แล้วว่าท้องนะ

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
โอ้ววววว ท้องง!

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ JustWait

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3348
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
 :really2: :really2: คนแก่มึนตืบ

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0





ตอนที่ 26

ความลับของสายเลือด

 

“หลับให้สบายนะมาเรีย  เธอกับลูกคงกำลังมองพวกเราจากบนฟ้าใช่ไหม”

ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์แล้วหลังจากที่ทางตำรวจโทรมาบอกผลชันสูตร  พวกเราเลยนำร่างของอาจารย์มารีอามาทำพิธีทางศาสนาต่อไป  และวันนี้ก็เป็นวันที่ทุกคนจะร่วมกันส่งอาจารย์มารีอากับลูกน้อยไปสวรรค์

“หลานของฉันจะเป็นผู้หญิงหรอผู้ชายกันนะ  ถ้าเป็นผู้ชายต้องแข็งแรงเหมือนกัน  แต่ถ้าเป็นผู้หญิงก็ต้อง…ขี้แยเหมือนเธอใช่ไหม  ไม่สิ  เหมือนพี่ใช่ไหม”

ไอ้เฟี้ยวที่เดินเอาดอกไม้จันทน์เข้าไปวางเป็นคนต่อไปเอ่ยเสียงสั่น  สภาพจิตใจของทุกคนตอนนี้บอบช้ำมาก  ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาพวกเราแทบจะนอนกันที่วัดเลยด้วยซ้ำ  ลืมแม้กระทั่งว่าต้องลืมหารหัสผ่านเพื่อเปิดตู้นิรภัย

“ฉันไม่ได้แค่ปกป้องเธอเอาไว้ไม่ได้  แต่ฉันยัง…ปกป้องลูกของเธอไว้ไม่ได้อีกด้วย  ขอโทษนะ”

คุณจักรวาลเป็นคนเดียวที่หลังเกิดเรื่องเขาแทบไม่พูดกับใครเลย  ถามคำก็ตอบคำ  ถ้าไม่มีใครคุยกับเขา  เขาก็จะเงียบเสียจนเหมือนไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้นด้วย  แต่ผมคิดว่าคงเป็นเพราะเขาเสียใจมากที่สุดนั่นแหละ

คุณจักรวาลเหมือนหุ่นยนต์เข้าไปทุกวันๆแล้ว

“หลับให้สบายนะครับอาจารย์  ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วนะครับ  สิ่งที่อาจารย์ขอให้ผมทำ  ถึงมันจะดูยากมากๆแล้วผมก็ไม่มั่นใจด้วยว่าตัวเองจะทำได้หรือเปล่า  แต่ผมจะทำครับ  เพราะมันคือภาพที่อาจารย์อยากเห็นมากที่สุดใช่ไหมล่ะ”

ภาพของผู้ชายสามคนนี้…กำลังหัวเราะร่วมกันอีกครั้ง

ผมหันกลับไปหาทั้งสามคนที่ยืนรออยู่ด้านหลังก่อนจะเดินตามไปยืนข้างๆคุณจักรวาล  ไอ้เฟี้ยวร้องไห้สะอึกสะอื้นกลั้นน้ำตาไม่อยู่  คุณอวกาศเองก็ขอบตาแดงก่ำเพราะพยายามกลั้นน้ำตาเต็มที่  ส่วนคนข้างๆผม  แม้ว่าจะไม่มีน้ำตาเลยสักหยด  แต่ไม่รู้ว่าทำไม  ผมถึงสัมผัสได้ว่าเขากำลังเจ็บ…เจ็บจนแทบจะยืนไม่ไหวแลวด้วยซ้ำ

หมับ…

สอดมือเข้าประสานกับมือของเขาแล้วบีบมันเบาๆ  ทว่าคนถูกจับมือกลับไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าผมจับมือเขาอยู่  แค่นี้ก็เป็นหลักฐานได้แล้วว่าเขาเสียใจกับการจากไปของอาจารย์มารีอามากแค่ไหน

ผมเงยหน้ามองควันไฟจากการเผาที่ลอยขึ้นสู่อากาศ  ถ้าตอนนี้อาจารย์กำลังยิ้มอยู่ก็คงจะดี  ไม่ใช่แค่อาจารย์  แต่ผมยังอยากเห็นรอยยิ้มของสามคนข้างๆผมอีกด้วย

“!!!”

ชะงักไปเล็กน้อย  หรี่ตาเพ่งมองไปยังฝั่งตรงข้ามที่ไม่มีคน  ใครบางคนยืนหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่และกำลังมองดูควันที่ลอยขึ้นฟ้าด้วยสีหน้าเศร้า  เหมือนเขาจะร้องไห้อยู่ด้วย

ใครกันนะ?  ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย  คนรู้จักของอาจารย์เหรอ  แต่งตัวดูดีซะด้วย  น่าจะเป็นคนมีฐานะไม่เบา  แต่ว่า…งานศพคราวนี้พวกคุณจักรวาลไม่ได้บอกหือเชิญใครมานี่นา  มีแค่คนของที่บ้านคุณจักรวาลและบ้านอาจารย์มารีอาเท่านั้นที่รู้

งั้นผู้ชายคนนั้น…

“…”

การแอบมองเป็นอันจบลงเมื่อเขาหันมาเห็นว่าผมกำลังจ้องเขาตาไม่กะพริบอยู่พอดี  แว่นกันแดดสีดำถูกหยิบขึ้นมาใส่เพื่อปิดบังใบหน้าก่อนที่เขาจะหันหลังเดินกลับออกไปทางหลังวัด

มางานวันเผาของอาจารย์แล้วร้องไห้เสียใจแบบนั้นคงจะไม่ใช่คนไม่ดีหรอก  บางทีอาจจะเป็นเพื่อนหรือคนรู้จักของอาจารย์ที่ทราบเรื่องเข้าก็เลยมาก็ได้

 

“นายเข้าไปพักผ่อนในห้องก่อนแล้วกันนะ  ฉันต้องเข้าไปที่เคลียร์งานที่บริษัท  ไม่ได้เข้าไปอาทิตย์หนึ่งคงวุ่นวายน่าดู”

“ให้ผมไปด้วยไหมพี่”

“ไม่ต้อง”

พูดแค่นั้นก็ให้คนรถออกรถทันที  ระดับความเย็นชาอัพสกิลขึ้นเป็นร้อยเท่าเลยแฮะ  แค่อยู่ในรัศมีใกล้ๆ  ยังไม่ทันจะสบตากับเขาตรงๆก็สัมผัสถึงความเย็นยะเยือกได้เลยอ่ะ

สาบานนะว่าเป็นคน  ไม่ใช่น้ำแข็งขั้วโลก!

“ถ้างั้นนายก็ไปพักเถอะ  เหนื่อยมาทั้งอาทิตย์แล้ว”

ว่าพลางส่งยิ้มอย่างใจดีมาให้  เวลาแบบนี้ยังอุตส่าห์จะฝืนยิ้มได้อีกนะ  สำหรับผม…ถึงจะเสียใจเรื่องการตายของอาจารย์มารีอาแค่ไหน  แต่คงเพราะเพิ่งรู้จักกันไม่นานและพูดคุยกันไม่บ่อย  เลยไม่มีความผูกพันให้ต้องเจ็บปวดมากมาย  ต่างจากพวกเขา…

ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ในใจกำลังทรมานขนาดไหน?

ผมเดินแยกเข้าห้องของตัวเอง  เหมือนไม่ได้กลับมาสักสิบชาติเลย  ทำไมกันนะ  ทั้งที่เป็นห้องนอนขนาดเท่าสนามฟุตบอลแบบที่ฝันมาตลอดแท้ๆ  แต่ผมกลับไม่มีความสุข  กลับกัน  ห้องนอนเล็กๆที่ต้องนอนเบียดกับน้องๆยังมีความสุขมากกว่า

อย่างน้อยก็มีเสียงหัวเราะ…

“ไม่ได้ๆ  ไม่ใช่เวลาจะมาท้อนะไอ้ไทม์  ต้องนั่งหารหัสผ่านในจดหมายให้เจอ  เรื่องทุกอย่างจะได้จบสักที”

ว่าแต่…จดหมายอยู่ไหนล่ะ?

ผมล้วงหาในกระเป๋ากางเกงตัวที่ใส่อยู่แต่ก็ไม่มี  วิ่งไปหาที่ลิ้นชักทุกชั้นก็ไม่เจอ  ตายห่าล่ะ  อาทิตย์ที่ผ่านมามัวแต่ยุ่งเรื่องงานศพเลยลืมเรื่องจดหมาย  เอาไปไว้ไหนแล้ววะกู

อ๊ากกกกกกก

“เดี๋ยวก่อน  รู้สึกว่าวันนั้น…”

นึกย้อนไปถึงวันที่คุณจักรวาลบอกพวกเราถึงผลชันสูตรของอาจารย์มารีอาที่ตำรวจโทรมาแจ้ง  วันนั้นทั้งผมและคุณอวกาศต่างก็ตกใจจนเผลอปล่อยจดหมายของตัวเองลงพื้น  แล้วจากนั้น...

 

‘รีบไปกันเหอะ  เดี๋ยวกูเก็บเอง!’

 

ไอ้เฟี้ยว!

จริงด้วย  วันนั้นไอ้เฟี้ยวเก็บจดหมายของคุณอวกาศกับผมไว้ให้แล้วรีบวิ่งตามพวกเรามาเพื่อไปโรงพยาบาล  แปลว่าจดหมายคงอยู่ที่มันสินะ  โล่งอก  นึกว่าจะทำหายไปแล้วซะอีก

พอคิดออกว่าใครคือคนเอาจดหมายไป  ผมก็รีบตรงไปที่ห้องของไอ้เฟี้ยว  เคาะประตูอยู่นานสองนานทว่าทุกอย่างกลับเงียบกริบ  ไม่มีใครออกมาเปิดประตูให้ผมเลยสักคน

หือ…เมื่อกี้ก็เดินตามๆกันมาอยู่นี่หว่า  ทั้งคุณอวกาศแล้วก็ไอ้เฟี้ยว  หายไปไหนแล้วล่ะ?

ก๊อกก๊อกก๊อก

“ไอ้เฟี้ยว  คุณอวกาศครับ  มีใครอยู่ไหม”

เงียบ…

ขมวดคิ้วมุ่น  ลองบิดลูกบิดประตูดูก็พบว่ามันไม่ได้ล็อก  ภายในห้องไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆอยู่เลยนอกจากยุง  ไปไหนกันกันล่ะเนี่ย

“ขออนุญาตนะครับ”

พูดเองเออเองเสร็จสรรพ  ผมเข้าไปในห้องแล้วจัดการรื้อหาจดหมายด้วยตัวเอง  ขอถือวิสาสะค้นหน่อยห้องหน่อยนะครับคุณอวกาศ  แต่สาบานว่าผมจะไม่แตะต้องของมีค่าใดๆเลย

ไล่เปิดไปที่ละลิ้นชัก  ไอ้เฟี้ยวน่าจะเก็บไว้ในห้องนี่แหละ  เพราะมันไม่ได้พกจดหมายอะไรติดตัวเลยช่วงที่จัดงานศพ  ต้องรีบหาให้เจอ  ทุกคนเองก็กำลังพยายาม  ผมจะมาทำตัวเป็นตัวถ่วงของพวกเขาไม่ได้  ที่ผ่านมาก็สร้างเรื่องเดือดร้อนมามากพอแล้วล่ะ

“อยู่ไหนนะ”

ผมไล่ยกนิตยสารที่วางอยู่ด้านบนสุดของชั้นทีละเล่มเผื่อไอ้เฟี้ยวมันจะเอาสอดไว้ด้านใน  ขณะที่กำลังจะยกเล่มสุดท้ายขึ้นดู   ความซวยก็สำแดงฤทธิ์ให้ข้อศอกผมไปชนเข้ากับรูปปั้นพีกาซัสที่ไว้ตั้งโชว์จนรวงลงไปตรงซอกด้านหลังของชั้นวางตู้นี้

ฉิบหายล่ะ  จะแตกไหมเนี่ย!

ผมรีบลุกขึ้นชะโงกผ่านตู้เพื่อไปส่องด้านหลังว่าผลงานที่สร้างสรรค์ไว้เป็นไงบ้าง  หนี้จะเพิ่มขึ้นจากสิบล้านเป็นเท่าไหร่กันฟะ  ฮืออ  อยากจะร้องไห้

“อ๊ะ  นั่น…”

สายตาเหลือบไปเห็นบางอย่างถูกแปะติดไว้กับด้านหลังของชั้นวาง  ผมล้วงมือลงไปแล้วจัดการดึงเทปกาวที่เป็นตัวยึดมันเอาไว้ออก

“นี่มัน…ใช่ปากกาอัดเสียงได้ที่คุณอวกาศไปเปิดให้ฟังตอนนั้นไหมนะ”

รูปร่างถูกอย่างเหมือนเป๊ะหมด  แล้วทำไมต้องเอามาซ่อนไว้ในที่ลับตาขนาดนี้ด้วยล่ะ  อย่างกับไม่อยากให้ใครมาเจอมันงั้นแหละ ( แต่กูก็ยังตามเสือกจนเจอได้เนอะ  เทพจริงๆ! )

คำพูดในวันนั้นของไอ้เฟี้ยวย้อนกลับเข้ามาในหัว  ดูเหมือนว่าครั้งก่อน  คุณอวกาศจะกดปิดไม่ให้ผมและไอ้เฟี้ยวได้ฟังต่อสินะ  ถ้าอย่างนั้น…

ผมกลืนน้ำลายลงคอ  สายตาจับจ้องไปที่ปากกาเจ้าปัญหา  นิ้วโป้งค่อยๆเบื่อนไปที่ส่วนปลายของมัน

“ขะ…ขออนุญาตอีกครั้งนะครับ”

 

Special  Talk

ไอ้ไทม์เดินดุ่มๆตรงดิ่งกลับเข้าไปในห้อง  ผมบิดขี้เกียจไปมาตั้งใจว่าจะไปพักสักหน่อยเหมือนกัน  ทว่าคนข้างๆกลับมีสายเรียกเข้ามาเสียก่อน

“นายไปก่อนเลยนะ  เดี๋ยวฉันตามไป”

“อ่า…อือ”

ผมพยักหน้ารับแล้วแกล้งเปิดประตูเดินเข้าห้องไป  ก่อนจะค่อยๆกลับออกมาใหม่  ไอ้อวกาศเดินไปคุยโทรศัพท์อยู่ที่ห้องรับแขก  ผมย่องไปยืนหลบอยู่หลังกำแพงเพื่อแอบฟังบทสนทนา

นับวันยิ่งเหมือนคนโรคจิตนะกูเนี่ย   

“จริงเหรอ  รู้ผลแล้วใช่ไหม  ได้ๆ  เดี๋ยวผมจะรีบไป  ขอบคุณหมอมากนะครับ”

หมอ?

ยังไม่ทันได้ตั้งคำถามกับตัวเอง  เสียงฝีเท้าของมันที่กำลังเดินตรงมาทางนี้ทำให้ผมต้องวิ่งหลบเข้าไปในห้องน้ำสำหรับแขก  รอจนเสียงฝีเท้าเริ่มห่างออกไป  ถึงเปิดประตูกลับออกมาอีกครั้ง

ปฏิบัติการสะกดรอยตามรอบที่สอง!

รอบก่อนที่ผมสะกดรอยตามมันนั้นไม่ค่อยจะได้เรื่องอะไรเท่าไหร่  เพราะมันแค่กลับมาที่บ้านแล้วก็หายเข้าไปในห้องของจักรวาลกับไอ้ไทม์อยู่นานสองนานก่อนจะกลับออกมาพร้อมถุงกระดาษ  แต่เพราะวันนั้นมันบอกว่าจะไปหาลิตส์สถานที่แห่งความทรงจำผมเลยไม่ได้สนใจอะไร  เสร็จจากนั้นมันก็กลับไปโรงพยาบาลที่สองคนนั้นพักรักษาตัวอยู่  แต่โชคร้ายว่าดันมาคลาดกันตรงทางเข้าเพราะมีคนแก่มาสะดุดล้มตรงหน้าผมพอดีเลยต้องช่วยพยุง  ทำให้วันนั้นผมไปถึงที่ห้องช้ากว่ามันไงล่ะ

“พี่ๆๆ  ไปด้วยๆ”

ผมโบกรถมอเตอร์ไซค์ที่ขับผ่านมาพอดี  ก่อนจะบอกให้เขาค่อยๆขับรถตามรถของคุณอวกาศไป  โดยทิ้งระยะห่างให้มากที่สุดเพื่อไม่ให้โดนจับได้

วันนี้แหละ  กูจะต้องรู้ให้ได้ว่ามึงมีเรื่องอะไรปิดบังอยู่!

“ผัวมีชู้เหรอน้อง”

“อะไรนะพี่”

“พี่ถามว่าผัวมีชู้เหรอ  ร้อยทั้งร้อยให้ขับรถตามคันหน้าไปนี่ผัวมีชู้ทั้งนั้น”

ถ้าไม่ติดว่าแม่งขับรถอยู่และผมก็ซ้อนท้ายมันนะ  พ่อจะยกเท้าถีบให้ตกรถไปนอนวัดพื้นเล่นๆเลย!

“หน้าตาผมดูเหมือนมีมดลูกเหรอพี่”

“เอ้า!  สมัยนี้มีหรือไม่มีมดลูกก็เป็นผัวเป็นเมียได้ทั้งนั้นแหละน้อง   เมียพี่ยัง XXX ใหญ่กว่าพี่เลย!”

แปลว่ามึงก็เป็นสินะ…

“เออๆ  ไม่ต้องพูดเยอะหรอกพี่  ขับตามไปดีๆอย่าให้คลาดแล้วกัน”

“เชื่อมือพี่ได้เลย  พี่เจอมาเยอะ!”

กูจะบ้าตาย!  แต่ก็ช่างเหอะ  อธิบายไปก็เสียเวลาเปล่าๆ  จะคิดไงก็เรื่องของแม่งละกัน

หลังจากขับรถตามมาได้เกือบสี่สิบนาทีก็มาถึงที่หมาย  โรงพยาบาลที่สองคนนั้นพักรักษาตัวรอบก่อนนี่หว่า  มาทำอะไรที่นี่วะ?

“อ่ะพี่  ไม่ต้องทอน”

ผมยัดแบงก์ห้าร้อยใส่มือมันแล้วรีบวิ่งตามไอ้อวกาศเข้าไปด้านในเพราะกลัวจะคลาดกันอีก  มันเดินขึ้นบันไดเลื่อนไปที่ชั้นสอง  โชคดีที่วันนี้คนค่อนข้างเยอะ  ผมเลยอำพรางตัวหลบหลังคนนู้นคนนี้เพื่อไม่ให้มันเห็นผมด้วย  แม้ว่าพวกเขาจะมองผมด้วยสายตาไม่ไว้ก็เถอะ

เล่นมาย่อตัวหลบอยู่ข้างหลังชาวบ้านเขา  ใครไม่ตกใจก็แปลกแล้วล่ะ

“กำลังรออยู่เลย  เชิญครับ”

ผู้ชายในชุดยูนิฟอร์มหมอประจำโรงพยาบาลคนหนึ่งเดินออกมาต้อนรับมันก่อนจะผายมือเชิญเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง  ผมรีบตามไปยืนแอบฟังอยู่ที่หน้าห้อง  โชคเข้าข้าฉิบหายที่พวกมันไม่ได้ปิดประตูให้สนิท  เลยพอมีช่องแง้มๆให้ผมได้ยินบทสนทนาง่ายขึ้น

“ว่ายังไงครับหมอ  ผลออกมาเป็นยังไง”

“ผมไม่รู้นะครับว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่คุณอวกาศ  เราเองก็เรียนด้วยกันมาตั้งแต่ชั้นมัธยม  และผมก็รู้จักพี่จักรวาลด้วย”

บทสนทนาของพวกเขาทำเอาหัวใจเต้นระทึก  มันต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ

“แต่ว่า…พอลองตรวจดีเอ็นเอจากสิ่งของทั้งสองชิ้นกับเลือดของคุณแล้ว  มีหนึ่งคนที่มีสายเลือดเดียวกับคุณ  และอีกคนไม่ใช่”

“ใคร?  บอกผมมาเถอะครับ”

“คนที่ชื่อกาลเวลา  กาลเวลามีสายเลือดเดียวกับคุณครับ”

“!!!”

“หรือถ้าจะพูดภาษาง่ายๆเลยก็คือ…เด็กคนนั้นเป็นน้องชายแท้ๆของคุณ”

ไม่จริง…

มันเรื่องบ้าอะไรกันวะเนี่ย!  หายความว่ายังไงทีไอ้ไทม์เป็นน้องชายแท้ๆของไอ้อวกาศ  แล้วไอ้จักรวาลล่ะ?

มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ

 

ขณะเดียวกัน  ไทม์ที่เพิ่งฟังบทสนทนาทั้งหมดที่ถูกอัดไว้จบก็ทิ้งตัวนั่งลงกับพื้นอย่างหมดแรง  สองมืออันสั่นเทายกขึ้นปิดปากตัวเองเอาไว้

“มันเรื่องอะไรกัน”

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  ต้องขอโทษจริงๆที่วันนี้มาอัพช้า  เพราะเมื่อคืนบิวไข้ขึ้น  หนาวสั่นจนนอนไม่ได้เลย  ห่มผ้าตั้งสามผืน  ใส่ชุดสองชั้น  เรียกได้ว่าทรมานสุดๆ TOT   วันนี้เลยนอนทั้งวัน  รอจนอาการดีขึ้นถึงลุกมาปั่นและอัพตอนนี้ให้ได้อ่านกันค่ะ  เรื่องราวเริ่มจะคลี่คลายไปทีละนิดแล้วน้า  สุดท้ายแล้วใครจะเป็นคนเจ็บปวดที่สุดกันนะ?


ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7518
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
ก็นึกๆอยู่นะ ตอนที่พ่อฝากฝังให้จักรวาลดูแล
แล้วเมื่อจักรวาล พาไทม์มาก็ไม่ได้ปฏิบัติเหมือนลูกหนี้สักนิด

งั้นก็รู้กันหมดทุกคนแล้วว่าไทม์เป็นน้องอวกาศ

ผู้ชายที่มาแอบดูงานเผาศพมารีอา น่าจะเป็นกวินทร์สินะ
ถ้าดูว่าเศร้าโศก เขาอาจไม่ได้เป็นคนลงมือฆ่า
น่าจะเป็นตัวพ่อที่สั่งการ
        :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ fc_fic

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2590
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-7

ออฟไลน์ numay

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1035
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-1
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ yowyow

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +139/-7

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0
ตอนที่ 27

เรื่องราวในอดีต (1)

 

“ยะ…ใหญ่ฉิบหาย”

ผมมองตึกตรงหน้าซึ่งเป็นบริษัทที่คุณจักรวาลเป็นประธานบริหารอยู่ในตอนนี้  เคยได้ยินแต่ชื่อเท่านั้น  เป็นครั้งแรกที่ได้มาเห็นจริงๆ  มันใหญ่และดูหรูหราจนแค่ไม่ยืนมองแบบนี้ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองบังอาจมากเกินไปแล้วเลย

วันนี้คุณจักรวาลไปประชุมที่เชียงใหม่  จะกลับมาตอนเย็นๆ  ส่วนไอ้เฟี้ยวกับคุณอวกาศ  ตั้งแต่หายไปเมื่อวานผมก็ไม่ได้เจอทั้งสองคนอีกเลย  แต่คิดว่าคงจะออกไปด้วยกันแน่ๆ  เมื่อหนทางสะดวกขนาดนี้  ผมเลยตัดสินใจที่จะค้นหาความจริงที่สงสัยด้วยตัวเองก็เลยปีนกำแพงคฤหาสน์หลบสายตาพวกบอดี้การ์ดทั้งหลายหนีออกมานี่แหละ

สถานที่ที่ตั้งใจคือบริษัทแห่งนี้  และเป้าหมายก็คือรองประธาน!

จำได้ว่าคุณกวินทร์คนนั้นเป็นรองประธานอยู่ที่นี่  แต่ผมไม่เคยเห็นหน้าค่าตาเขามาก่อนเลยกะจะมาติดต่อขอพบให้เป็นเรื่องเป็นราว  เพราะผมมีเรื่องสำคัญที่อยากจะถามเขา  หลังจากได้ฟังบทสนทนาทั้งหมดนั่นแล้ว

“เอาวะ!”

ผมจับสายกระเป๋าสะพายของตัวเองไว้แน่น  กระชับให้มั่นแล้วก้าวฉับๆเดินเข้าไป  แต่ทว่า…

ปึง!

“อ๊ากกก”

สองมือจับหน้าผากด้วยความเจ็บปวด  หันซ้ายหันขวาหันหน้าหันหลังเพื่อหาทางออก  ประตูที่นี่รูปร่างแปลกตาสุดๆ  แล้วผมจะออกไปได้ยังไงล่ะฟะ  ถูกขังอยู่ตรงกลางเฉย

“คิกๆๆ”

มีเสียงหัวเราะดังมาจากด้านหลัง  พอหันไปมองก็พบว่าเป็นพนักงานกลุ่มหนึ่งกำลังยืนขำความโง่ของผมอยู่  ที่ทำได้คือการส่งยิ้มแห้งๆกลับไปให้พวกเธอเท่านั้น

“ดันข้างหน้าแล้วค่อยๆเดินไปสิจ๊ะหนุ่มน้อย”

“ขะ…ขอบคุณครับ”

“คิกๆๆ  เด็กๆนี่น่ารักจังเลยนะเธอ”

“แถมยังน่าหม่ำอีกด้วย”

ผะ…ผมได้ยินน้า!

ด้วยความกลัวจะถูกสาวๆปู้ยี่ปู้ยำ  ผมรีบผลักบานกระจกด้านหน้าแล้วค่อยๆเดินตามที่พวกเธอบอก  ในที่สุดผมก็หลุดพ้นจากประตูวงกตนั้นมาได้

รีบไปหาคุณกวินทร์ก่อนจะถูกพี่สาวพวกนี้ลากไปทำมิดีมิร้ายดีกว่า  สายตาที่พวกเธอใช้มองผมแม่งโคตรไม่น่าไว้ใจ!

“เดี๋ยวค่ะๆ  จะไปไหนคะ”

ขณะที่กำลังจะเดินไปขึ้นลิฟต์เพื่อไปยังชั้นของผู้บริหาร  พนักงานที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์คนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาหาผมไว้

“เอ่อ  ครับ  เรียกผมเหรอ?”

“ใช่ค่ะ  จะไปไหนคะ”

“ผมมาหาคุณกวินทร์น่ะครับ”

“คุณกวินทร์?  หมายถึงท่านรองประธานเหรอคะ”

“ใช่ครับๆ”

“แล้วได้นัดไว้ไหมคะ?”

“นัด?”

เวรล่ะสิ  แค่จะมาหากันต้องมีนงมีนัดไว้ก่อนด้วยเรอะ!  ทีผมกับไอ้เฟี้ยวยังไม่เห็นต้องนัดกันเลยนี่หว่า

“ถ้าไม่ได้นัดก็เข้าพบไม่ได้นะคะ  เชิญค่ะ”

“เอ่อ  แต่ผมมีธุระสำคัญจริงๆนะครับ”

“จะสำคัญแค่ไหนก็ไม่ได้ค่ะ เชิญค่ะ”

“แค่แป๊บเดียวเองครับ  นะครับ!”

“ไม่ได้จริงๆค่ะ  ดิฉันต้องทำตามกฎ  เชิญค่ะ”

“แต่…!”

“รปภ.!  มาพาตัวผู้ชายคนนี้ออกไปด้วย  แล้วอย่าให้เข้ามาได้อีกนะ”

“เฮ้ย!”

ผมผงะไปอย่างตกใจเมื่อรปภ.ร่างยักษ์สองคนตรงดิ่งเข้ามาทางผม  นี่ผมเป็นแค่เด็กมัธยมอายุสิบแปดนะเฟ้ยย   ไม่ใช่ฆาตกรหนีการจับกุม  ต้องทำกันขนาดนี้เลยหรือไง!

หมับ!

“อ๊ากก  ปล่อยผมนะ!  ผมมีธุระกับคุณกวินทร์จริงๆ  ไม่ได้จะมาก่อเรื่องอะไร  ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ!”

ไม่ไหวแฮะ  พี่ล่ำบึ้กสองคนนี้ไม่สะเทือนเลยอ่ะ  สุดท้ายผมก็ถูกหิ้วปีกขึ้นมาได้สำเร็จ  อุตส่าห์ถ่อมาจนถึงที่นี่แล้ว  จะไม่ได้อะไรกลับไปสักอย่างเลยเนี่ยนะ  กะแล้วเชียว  คนอย่างผม  ถ้าไม่มีสามคนนั้นก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย…

ติ๊ง!

เสียงลิฟต์ดังขึ้นก่อนจะปรากฏร่างของใครบงคนในชุดสูทดูดีเดินออกมา  รปภ.ที่หิ้วปีกผมอยู่รีบปล่อยก่อนจะทำความเคารพคนที่ออกมานั้น  ผมเพ่งตามองสำรวจมบหน้าเขาเพราะรู้สึกเหมือนจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

ร่างสูงเดินผ่านผมไปอย่างไม่ได้สนใจก่อนจะหยุดกึกหลังจากเดินเลยผมไปได้ประมาณสามก้าว  สมองทำการประมวลใบหน้าของผู้คนมากมายที่ผมเคยได้เจอมาเพื่อเสาะหาว่าคนๆนี้เป็นใคร  ทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนเคยเห็นเขามาก่อน  เห็นที่ไหนนะ…ที่ไหน…

“โอ๊ะ!  จริงด้วย  ที่วัดไง!”

ทันทีที่ผมโพล่งออกไป  ตัวเขาที่จู่ๆก็หยุดนั้นหันกลับมาด้วยสีหน้าแปลกใจเช่นกัน

“คือท่านรองประธานคะ  คุณคนๆนี้จะมาขอพบท่านให้ได้  แต่ว่าไม่ได้นัดไว้  ดิฉันก็เลยจะเชิญออกไปน่ะค่ะ  ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้วุ่นวาย”

ผู้หญิงที่เข้ามาดักผมไว้ในตอนแรกรีบออกมาอธิบาย  ส่วนผมน่ะตกใจตาแทบถลนที่เธอเรียกผู้ชายคนนี้ว่ารองประธาน!

แปลว่า…คนที่ไปยืนร้องไห้สีหน้าเศร้าอยู่หลังต้นไม้ตอนวันเผาอาจารย์มารีอาก็…คุณกวินทร์งั้นเหรอ!

“ผมจัดการเองครับไม่เป็นไร  เขาเป็นแขกของผม”

“คะ?”

“ถ้าวันหลังเขามาอีกช่วยต้อนรับเขาอย่างดีด้วยนะครับ”

คุณกวินทร์ส่งยิ้มหวานให้กับพนักงานสาวคนนั้น  เธอรีบพยักหน้ารับก่อนจะหันมาก้มหัวขอโทษผมยกใหญ่

“ต้องขออภัยจริงๆนะคะที่เสียมารยาท  ดิฉันไม่ทราบว่าคุณเป็นแขกของท่านรองประธาน  ขออภัยจริงๆค่ะ”

“มะ…ไม่เป็นไรครับ  ไม่ต้องขอโทษผมหรอก  อีกอย่าง…”

ผมเองก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองเป็นแขกคนสำคัญ  เหอะๆ

“ขึ้นไปคุยกันที่ห้องของผมดีกว่าครับ  คุณอุตส่าห์มาถึงที่นี่  คงเป็นเรื่องสำคัญมากสินะ”

“เอ่อ…ครับ!  สำคัญ…มากๆ”

แอบสั่นเล็กน้อยแม้ว่าเขาจะกำลังยิ้มให้ก็ตาม  พอคิดว่าคนๆนี้คือคนที่เกือบจะย่างสดผมทั้งเป็นแล้วก็อดกลัวไม่ได้  ไม่อยากเชื่อเลยว่าผู้ชายท่าทางใจดีแบบนี้จะอำมหิตถึงขนาดสั่งฆ่าคนได้ลงคอ

ตลอดทางที่อยู่ในลิฟต์จนขึ้นมาถึงชั้นบนสุดคือชั้นยี่สิบสี่  ผมและเขาไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลย  ดูเหมือนว่าชั้นบนจะเป็นห้องสำหรับผู้บริหารระดับสูงๆเท่านั้น  โลกของคนมีเงินช่างแตกต่างกับโลกของผมราวกับอยู่คนละโลกเลย

“เชิญครับ”

“ขะ…ขอบคุณครับ”

ถึงปากจะขอบคุณ  แต่ผมก็เดินเอาหลังชิดประตูและหน้าหันไปทางเขาอย่างหวาดระแวงกลัวว่าถ้าหันหลังให้เมื่อไหร่แล้วจะถูกลอบทำร้ายจากด้านหลังเหมือนในละคร

“หึๆ…”

อีกฝ่ายขำออกมาเบาๆกับท่าทางของผม  เออ!  กูยอมรับว่าสารรูปในตอนนี้คงดูตลกมาก  แต่ทำไงได้ล่ะ  สิ่งที่มึงก่อร่างสร้างเอาไว้กับกูแม่งโคตรน่ากลัว  ขี้กูหดหมดแล้วเนี่ย  คิดผิดคิดถูกฟะที่บุกมา!

“จะดื่ม…”

“ไม่ครับ  ผมไม่ขอดื่มหรือกินอะไรทั้งนั้น”

กันมึงใส่ยาพิษให้กูแดก!

“โอเคครับ  แบบนั้นก็ได้”

ว่าพลางเดินมานั่งที่โซฟาฝั่งตรงข้ามกับผม  ได้เวลาคุยกันอย่างจริงจังแล้วสินะ  หลังจากที่วันนี้ผมโชว์ตลกไปหลายรอบมากๆ

“แล้ว…คุณมีอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ”

“ก่อนจะเข้าเรื่องที่ผมตั้งใจจะมาคุย  ผมขอถามอีกเรื่องหนึ่งก่อน  เพราะผมไม่คิดว่าคนที่ผมเห็นที่วัดในวันนั้นกับคุณกวินทร์คือคนๆเดียวกัน  พอได้รู้  ผมถึงสงสัยขึ้นมา  ทำไมคุณ…ที่เป็นผู้ต้องสงสัยหลักสำหรับพวกผมว่าจะเป็นคนสั่งฆ่าอาจารย์มารีอาถึงได้ไปที่นั่น  แถมยัง…ดูเหมือนจะเสียใจมากๆอีกด้วย”

แปะๆๆๆ

“สุดยอดเลยนะครับ  ตรงประเด็นดีจัง  เพราะแบบนี้นี่เอง  จักรวาลถึงได้สนใจคุณนัก”

จะเอ่ยชื่อนั้นขั้นมาทำแมวอะไรล่ะเฟ้ย  ยิ่งเฮี้ยนๆอยู่  เดี๋ยวก็มาจริงๆหรอก!

“ได้โปรดตอบมาด้วยครับ  เพราะผมและคุณคงไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากากคุยกัน  คุณเป็นใคร  คิดจะทำอะไร  และผมเป็นใคร  มาที่นี่ทำไม  พวกเราต่างก็รู้กันอยู่แล้ว”

“นั่นสินะครับ  งั้นเอาใหม่  เมื่อกี้คุณถามผมว่า  ทำไมคนที่ตกเป็นผู้ต้องสัยว่าฆ่ามารีอาอย่างผมถึงไปที่วัดนั้นด้วยท่าทางเศร้าๆใช่ไหม”

“ครับ”

“แล้ว…ถ้าผมบอกว่า…ผมไม่ใช่ฆาตกรล่ะ  ถ้าผมจะบอกว่า…ผมไม่เคยคิดที่จะฆ่าเธอเลย  คุณจะเชื่อหรือเปล่า”

สีหน้าที่ยิ้มตลอดเวลาของเขาเหมือนต้องการจะปกปิดความรู้สึกที่มีอยู่ในใจจริงๆไม่ให้เขารู้  ผมเงียบและไม่ได้ตอบกลับในทันที  จ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขาเพื่อค้นหาความจริงที่ซ่อนอยู่

ผู้ชายคนนี้สินะครับที่อาจารย์รัก…

“ว่ายังไงล่ะครับ  เชื่อ…”

“ผมเชื่อครับ”

“ครับ?”

เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นแววตาของเขาเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกขึ้นมาแวบหนึ่ง  ดูเขาจะแปลกใจในคำตอบของผมมากๆ

ทำไมกันนะ  ผมถึงรู้สึกว่าไอ้นิสัยที่ทำเป็นยิ้ม  สวมหน้ากากแห่งรอยยิ้มเพื่อปกปิดความรู้สึกที่แท้จริงมันเหมือนนิสัยของใครบางคน  ใช่…เหมือนคุณจักรวาล  ถึงวิธีการจะแตกต่างกันเพราะคุณจักรวาลไม่เคยยิ้มแต่เลือกที่จะปล่อยออร่าแห่งความเยือกเย็นออกมาแทน  ทว่า...สิ่งที่พวกเขาต้องการซ่อนเอาไว้ต่างก็เหมือนกัน  คือการซ่อนความรู้สึก...

“ทำไมถึงเชื่อผมล่ะครับ  ถ้าคุณรู้อยู่แล้วว่าผมเป็นใครและมีเป้าหมายอะไร  คุณไม่น่าจะเชื่อผมนะ”

“นั่นก็เพราะ…คุณคือคนที่อาจารย์มารีอารัก”

“…”

“ผมอาจจะไม่ได้เชื่อคุณร้อยเปอร์เซ็นต์  แต่ผมเชื่อในการตัดสินใจของอาจารย์มารีอาพันเปอร์เซ็นต์เลยต่างหาก”

ถ้าหาก…ถ้าหากผมทำรายหน้ากากแห่งรอยยิ้มนี้ได้  ความจริงที่เขาเก็บงำเอาไว้จะถูกเปิดออกมาไหมนะ

“เฮ้อๆ  เป็นเด็กหนุ่มที่รับมือยากจริงๆเลยนะครับ  ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้เจอกันตรงๆ  คิดว่าจะเป็นเด็กหนุ่มทั่วไปเสียอีก  ที่ไหนได้…มีเสน่ห์ไม่เบาเลย”

“เอาเป็นว่าเรื่องของอาจารย์มารีอาผมเคลียร์แล้ว  ขอเข้าเรื่องต่อไปเลยแล้วกันนะครับ”

ไม่ไหวๆ  คนๆนี้นอกจากจะมีลักษณะคล้ายกับคุณจักรวาลแล้ว  นิสัยบางอย่างก็ยังเหมือนกันอีกด้วย  ใครกันแน่ที่รับมือยาก!

ผมสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกสติและสมาธิให้กลับคืนมาอีกครั้ง  ล้วงหยิบปากกาด้ามนั้นในกระเป๋าออกมาแล้วกดเปิดบทสนทนาเหล่านั้นให้เขาฟัง  แรกๆคุณกวินทร์ก็ดูตกใจ  แต่พอผ่านไปสักพักเขาก็แค่นหัวเราะออกมาอย่างชอบใจแทน  เป็นไบโพล่าร์หรือเปล่าวะหมอนี่

กึก!

พอบทสนทนาทั้งหมดจบลงผมก็กดปิดและเก็บมันลงกระเป๋าตามเดิม  ยังไงวันนี้ก็จะต้องรู้ในสิ่งที่สงสัยให้ได้!

“สมกับเป็นหมอนั่นจริงๆนะครับ  อัดเสียงไว้ซะด้วย  แล้ว…คุณอยากรู้เรื่องอะไรเหรอ  ที่มาหาผมก็คงเพราะสิ่งที่ถูกอัดไว้พวกนี้สินะ  มันเกี่ยวข้องกับคุณโดยตรงเลยนี่”

“หา?”

“ทำไมต้องทำหน้าตกใจด้วยล่ะครับ  คุณกำลังสงสัยไม่ใช่หรือไงว่าทำไมผมต้องทำร้ายคุณ  แล้วทำไมผมถึงต้องให้จักรวาลเลือกระหว่างคุณกับอวกาศ”

คะ…คนๆนี้  เข้าใจผิดไปถึงไหนแล้วล่ะนั่น!

“คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะครับ”

สองมือยกห้ามให้เขาหยุดคิดเองเออเองไปมากกว่านี้

“จริงอยู่ที่ผมแปลกใจและสงสัยไม่น้อยว่าผมไปมีเอี่ยวอะไรด้วยทั้งที่ผมเป็นเพียงแค่ลูกหนี้ขัดดอกสิบล้านเฉยๆ  แต่ว่า…เพราะบอกคุณไปก่อนหน้านี้แล้วนี่ครับ  ว่าผมเชื่ออาจารย์มารีอาพันเปอร์เซ็นต์น่ะ  เพราะแบบนั้น…ผมถึงมั่นใจและเชื่อใจว่าคนที่อยู่รอบตัวผมตอนนี้  ทั้งคุณจักรวาล  คุณอวกาศ  แล้วก็ไอ้เฟี้ยว  พวกเขาเป็นพันธมิตรกับผมไม่ใช่ศัตรู”

“…”

“ถ้าเมื่อไหร่ที่เขาพร้อม  ผมเชื่อว่าคุณจักรวาลจะบอกเรื่องทุกอย่างกับผมเอง”

ตอบออกไปอย่างแน่วแน่

เอาจริงๆเมื่อวานผมก็ตกใจมากเลยล่ะตอนฟังเสียงที่ถูกอัดไว้จบ  แต่หลังจากนั้นก็เจอจดหมายที่อาจารย์มารีอาเขียนถึงไว้ถูกสอดไว้ในนิตยสารเล่มที่ผมทำหล่นไปหลังตู้  พออ่านจดหมายของอาจารย์อีกครั้งผมก็เริ่มคิดได้  ไม่ว่าอะไรก็ตามที่คุณจักรวาลกำลังปิดบังเอาไว้  เมื่อเทียบกับการที่เขายอมตายได้เพื่อผม  และทำทุกสิ่งได้เพื่อคุณอวกาศกับผม  มันก็ไม่มีอะไรที่ผมต้องกังวลหรือกลัวเลย

ให้ตายสิ…

สุดท้ายแล้วก็ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่าจักรวาลจริงๆ

ครอบงำแม้กระทั่งหัวใจของผมเลยสินะ…

“ในเมื่อคุณคิดแบบนั้น  แล้วคุณมาหาผมทำไม”

“สิ่งที่ผมสงสัยน่ะ  มันคือเรื่องนี้ต่างหาก”

ผมหยิบปากกาออกมาอีกครั้งแล้วกดฟังเรื่องทั้งหมดใหม่  ก่อนจะหยุดมันเอาไว้ตรงจุดที่ผมสงสัย  มองไปทางคุณกวินทร์ที่เริ่มทำหน้าแปลกใจแล้วว่าผมอยากรู้อะไรกันแน่

 

‘คุณฆ่าผมไม่ได้หรอก  คนเดียวบนโลกนี้ที่ผมไม่เคยคิดจะฆ่าก็คือคุณ  และคนเดียวที่คุณอยากจะฆ่าให้ตายแต่ก็ทำไม่ได้ก็คือผม  เราสองคนต่างรู้เหตุผลดีว่าเพราะอะไร’

“นี่ต่างหากล่ะครับ  คือสิ่งที่ผมอยากจะรู้”

อีกฝ่ายเงียบไปราวกับคิดไม่ถึงว่าเรื่องที่ทำให้ผมกล้าถ่อมาหาศัตรูถึงที่นี่จะเป็นเรื่องของคุณจักรวาลเสียอย่างนั้น

ทำไงได้ล่ะ  ประโยคนี้มันวนเวียนซ้ำไปซ้ำมาในหัวของผมไม่หยุดเลยนี่นา  เรื่องของผมน่ะจะเป็นยังไงก็ช่างเถอะ  เพราะยังไงผมก็รู้ว่าคุณจักรวาลเป็นคนดี  เขาคอยปกป้องคนอื่นมากมายในขณะที่ตัวเองไม่มีใครคอยปกป้องเลย  เพราะแบบนั้น…ผมถึงอยากทำอะไรเพื่อเขาบ้าง  อยากให้เขาเปิดใจของตัวเองออกมาให้มากกว่านี้!

“จะช่วยตอบผมได้ไหมครับ  ว่ามันหมายถึงอะไร”

“ทำไม…คุณถึงอยากรู้เรื่องนี้ล่ะครับ  ถึงรู้ไปมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรได้เลยไม่ใช่เหรอ”

“มันอาจจะไม่ได้ช่วยอะไรผมเลยก็จริง  แต่ว่า…ถ้าหากคุณคือต้นเหตุที่ทำให้คุณจักรวาลปิดตายความรู้สึกของตัวเองแล้วกลายร่างเป็นหุ่นยนต์แบบนี้  ผมก็อยากจะรู้ครับ  เพราะผมไม่ต้องการให้คุณจักรวาลอยู่ในสภาพของหุ่นยนต์ตลอดไป  ผมอยากเห็นเขายิ้ม  เห็นเขาหัวเราะเวลาที่เขามีความสุข  ร้องไห้เวลาที่เจ็บปวด  อยากเห็นความรู้สึกข้างในจริงๆของเขาไม่ใช่หน้ากากเฉยชาอย่างในทุกวันนี้ครับ!”

“คุณนี่…ถ้ามารีอาไม่ได้เพิ่งตายไป  ผมคงคิดว่าเธอกลับชาติมาเกิดเป็นคุณแล้วนะครับ  เพราะแบบนี้เองสินะ  มารีอาถึงบอกว่าพบโอเอซิสใหม่ของสามคนนั้นแล้ว”

“หา?”

อันนี้ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่  กรุณาอย่าพูดอะไรที่ฟังแล้วตัวเองเข้าใจอยู่คนเดียวสิเฟ้ย!

“เอาเถอะ  เรื่องนี้ผมยอมแพ้  ถ้าคุณอยากรู้  ผมก็จะเล่าให้ฟัง  หวังว่ามันจะช่วยให้คุณกระชากหน้ากากเฉยชาของหมอนั่นออกมาได้นะ  แต่ว่า…”

“อย่ามีแต่ได้ไหมครับ  พอมีคำว่าแต่ทีไรผมเสียวสันหลังทุกที”

“ฮะๆๆ  ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกครับ  ผมแค่จะบอกว่า…ผมคงเล่าได้แค่เหตุผลที่ทำให้ทั้งผมและจักรวาลไม่สามารถฆ่ากันได้ก็เท่านั้น  ไม่สิ  คงมีแค่ผมที่ไม่ว่าจะยังไงก็ไม่เคยคิดฆ่าเขา  เหมือนที่ผมไม่เคยคิดฆ่ามารีอานั่นแหละ  แต่สำหรับหมอนั่น…คงอยากฆ่าผมจนตัวสั่นแล้ว”

อีกแล้ว  วูบหนึ่งที่นัยน์ตาคู่นั้นสั่นไหวราวกับกำลังเจ็บปวดเมื่อคิดว่าตอนนี้คุณจักรวาลคงอยากจะฆ่าเขามากๆ

ระหว่างสองคนนี้…อะไรกันนะที่ผูกมัดพวกเขาเอาไว้!

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  วันนี้อาการไม่สบายดีขึ้นมาก  ต่างจากเมื่อวานที่พอกินอะไรเข้าไปก็อ้วกออกหมดเลยค่ะ  ถึงเมื่อวานจะไม่มีไข้  แต่เล่นกินอะไรแล้วอ้วกออกหมดก็ไม่ไหวเหมือนกัน  นอนท้องร้องด้วยความหิวโหยทั้งคืน TOT  จะตื่นมากินก็กลืนอะไรไม่ลงเพราะอ้วกจนแสบคอไปหมด  ขอบคุณนักอ่านทุกคนที่เป็นห่วงนะค้า

สำหรับตอนนี้นั้น  เป็นการเผชิญหน้ากันตรงๆครั้งแรกระหว่างน้องไทม์กับกวินทร์เลย  ชายหนุ่มผู้สวมหน้ากากแห่งรอยยิ้ม  แท้จริงแล้วตัวตนของเขาเป็นยังไงกันแน่?  แต่นับว่าเป็นความก้าวหน้าอีกขั้นของน้องไทม์เลยนะคะคือสามารถเชื่อใจคนอื่นได้แล้ว!  รู้ทั้งรู้ว่ามีเรื่องเกี่ยวกับตัวเองที่ยังไม่รู้รวมอยู่ด้วย  ตแกลับเลือกที่จะเชื่อใจท่านจักรวาลคนนั้นเพื่อรอวันที่เขาพร้อมจะบอกทุกอย่างด้วยตัวเอง  หนำซ้ำสิ่งที่สนใจจริงๆกลับเป็นเรื่องของท่านจักรวาลแทนซะนี่  เอ๊ะๆ  มีแต่เรื่องของเขาเต็มหัวใจไปหมดแบบนี้มันยังไงๆอยู่น้า  หลงเสน่ห์ผู้ชายเงียบขรึมเข้าแล้วใช่ม้ายยยยย  เอาล่ะ!  ตอนหน้ามาพบกับอดีตของจักรวาลกับกวินทร์กันเถอะ!  อะไรคือเหตุผลที่ผูกมัดพวกเขาเอาไว้กันนะ?

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7
ยิ่งอ่าน ก็มีแต่ปมมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็อยากจะอ่านไปเรื่อย ๆ  :mew4: :mew4:

ออฟไลน์ little_munoi

  • ++ singular ++
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1677
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-3
ความซับซ้อนเอยจงซับซ้อนยิ่งขึ้น
สนุกค่าาา หนูชอบ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด