พิมพ์หน้านี้ - [จบแล้ว]เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI ประกาศ (26/05/61)#หน้า14

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Boy's love => Boy's love story => นิยายที่โพสจนจบแล้ว => ข้อความที่เริ่มโดย: WwW ที่ 02-08-2017 17:05:37

หัวข้อ: [จบแล้ว]เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI ประกาศ (26/05/61)#หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 02-08-2017 17:05:37
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ


ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0

ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่

1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด
การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,
หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด
การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   

เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ

5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม
เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ

8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).

9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ

10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวป http://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป

11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว

บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับ
นิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป

12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด

13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ

14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ... 
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง
....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง 
  (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail

16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข

17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)
ว่าด้วยเรื่องการจะรวมเล่มนิยายขายในเล้า จะต้องมี ID ซื้อขายก่อน ถึงจะสามารถประกาศ ..แจ้งข่าว.. ที่บนหัวกระทู้ของนิยายได้ ในกรณีที่ รวมเล่มกับ สนพ. ที่มี  ID ซื้อขายของเล้าแล้ว นักเขียนก็สามารถใช้ หมายเลข  ID ของ สนพ. ลงแจ้งในหน้าที่มีเนื้อหารายละเอียดการสั่งจองนิยายได้

18.ใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดเรื่องสั้น ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที  ส่วนเรื่องสั้นที่จบแล้วให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้วจะได้ไม่ถูกลบทิ้งและจะเก็บไว้ที่บอร์ดเรื่องสั้นไม่ย้ายไปไหน   เช่นเดียวกับนิยายทุกเรื่องเมื่อจบให้แก้ไขโพสแรก และต่อท้ายว่าจบแล้ว จะได้ย้ายเข้าสู่บอร์ดนิยายจบแล้ว ไม่เช่นนั้นม๊อดอาจเข้าใจว่าไม่มาต่อนิยายนานเกินจะโดนลบทิ้งครับ




==========================================================


บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

สวัสดีค่า  เจอกันอีกเรื่องแล้ว  ชักจำไมไ่ด้แล้วสิว่าเป็นเรื่องที่เท่าไหร่ที่เอามาลงในเล้า 5555  หวังว่าทุกคนที่เข้ามาอ่านเรื่องนี้จะชอบกันนะคะ  ขอฝากน้องไทม์กับท่านจักรวาลไว้ในอ้อมใจกันด้วยน้าาา


ตามมาเม้ามอยกันได้ที่เพจเลยนะคะ    https://www.facebook.com/bewjuliet/ (https://www.facebook.com/bewjuliet/)
หัวข้อ: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพบทนำ + ตอนที่ 1 (02/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 02-08-2017 17:06:25


เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก
 
บทนำ
ความจนมันไม่เข้าใครออกใคร
 
“วันนี้ก็ข้าวกับเกลืออีกแล้วเหรอ”
เอ่ยถามเสียงเบาด้วยหัวใจที่ห่อเหี่ยวเหลือจะเอ่ย  มองอาหารตรงหน้าที่ใช้คำว่าอาหารก็ดูจะหรูหราเกินไป  มันก็แค่ข้าวเปล่าๆโรยเกลือเท่านั้นเอง
“ทำไงได้ล่ะ  ก็บ้านเรามันจนนี่  มีเกลือโรยข้าวก็บุญแค่ไหนแล้ว”
พ่อบุญธรรมตอบกลับด้วยสีหน้าเหนื่อยใจ
ผมเป็นเด็กกำพร้า  ได้พ่อกับแม่บุญธรรมนี่แหละที่ชุบเลี้ยงมา  ไม่งั้นคงนอนตายอยู่ข้างถนนที่ไหนสักที่  แต่ว่า…ก็ไม่ใช่ว่าผมจะโตมาในครอบครัวที่ดีหรือว่าสมบูรณ์แบบนักหรอกนะ  พวกเราอดมื้อกินมื้อกันแทบทุกวัน  ปากกัดตีนถีบและต่อสู้กับความจนมาอย่างยาวนานเหลือเกิน
เคยจนชนิดที่แทบจะขูดขี้ไคลตัวเองออกมากินด้วยซ้ำ!
“อดทนหน่อยนะไทม์  อีกไม่นานครอบครัวเราคงจะดีขึ้น”
“ผมบอกแล้วไงว่าผมจะออกจากโรงเรียนแล้วมาช่วยทำงาน  แต่แม่ก็ไม่ยอม”
“หน้าที่ของลูกคือเรียนหนังสือต่างหากล่ะ  เรื่องอื่นไม่ต้องสนใจหรอกนะ”
แม่ย้ำคำเดิมๆอีกครั้ง
ผมทำได้แค่ถอนหายใจโดยไม่สามารถทำอะไรให้ดีกว่านี้ได้เลย  ไม่เข้าใจจริงๆ  ทั้งที่จนชนิดที่ขอทานยังยอมก้มกราบ  แล้วทำไมแม่ถึงยังอยากจะส่งเสียให้ผมเรียนอีก  ทั้งที่ถ้าให้ผมออกมาทำงานหาเงิน  พวกเราอาจจะพอลืมตาอ้าปากกันได้แท้ๆ
“ทำตามที่แม่แกพูดแล้วรีบๆไปนอนได้แล้ว  พรุ่งนี้ต้องไปเรียนแต่เช้าไม่ใช่หรือไง”
“เข้าใจแล้ว”
ว่าแล้วก็ลงมือจ้วงข้าวคลุกเกลือแสนอร่อยเหาะต่อไป
ผมน่ะ…สำนึกในบุญคุณที่พ่อกับแม่เลี้ยงดูผมมาอยู่เสมอ  แม้ว่าในบางครั้งจะอดน้อยใจชีวิตตัวเองไม่ได้ว่าทำไมถึงเป็นอย่างนี้  ผมไม่เคยได้ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ  ไม่เคยไปกินข้าวที่โรงอาหาร  มื้อกลางวันที่โรงเรียนอันแสนวิเศษที่สุดก็คือข้าวกับไข่ดาว   ลำบากหน่อยก็มีแค่ข้าวเปล่าๆไป
คงสงสัยล่ะสิว่าทำไมพวกเราถึงได้ลำบากนักทั้งที่ผมมีทั้งพ่อและแม่อยู่ครบ  นั่นก็เพราะพวกเรา…
“พี่จ๋า!!!  กินข้าวเสร็จหรือยัง  ไปเล่านิทานให้ฟังหน่อยสิ”
“พี่จ๋าๆๆ”
“พี่จ๋า”
“พี่จ๋าๆๆๆ”
“พี่จ๋า!!!”
ใช่แล้ว  นั่นก็เพราะ…
ครอบครัวเรามีกันทั้งหมดแปดคน  และผมยังมีน้องเล็กๆที่ต้องดูแลอีกตั้งห้าคนยังไงล่ะ!!!
 
ติ๊งต่อง….
“เฮ้อ  เรียนเสร็จสักที”
ทันทีที่ออดบอกเวลาเลิกเรียนดังขึ้น  นักเรียนในห้องก็พากันเดินออกจากห้องไปราวกับรอเวลานี้มานาน
ผมไม่มีเพื่อนหรอก  ตะเพื่อนร่วมห้อง  ร่วมชั้น  หรือเพื่อนสนิทก็ไม่มีสักคน  เพราะว่าผมจนมาก  มากเกินไปจนไม่มีใครอยากจะคบค้าสมาคมด้วย  นักเรียนในโรงเรียนนี้ส่วนใหญ่จะเป็นพวกมีฐานะปานกลางไปจนถึงขั้นรวยเว่อร์  ถึงผมจะเรียนดีจนได้ทุน  แต่กิจกรรมหลายๆอย่างของโรงเรียนก็ต้องใช้เงินทำให้พ่อกับแม่ต้องทำงานหนักอยู่ดี  แต่ถึงอย่างนั้นค่าใช้จ่ายมันก็ไม่พอหรอก  คนหาเงินเข้าบ้านมีแค่สองคน  แต่คนรอใช้เงินรวมแล้วมีตั้งแปดคน
แบบนี้ให้ประหยัดแค่ไหนก็ไม่พออยู่ดีนั่นแหละ
เลิกคิดมากแล้วรีบกลับบ้านไปดูพวกน้องๆดีกว่า!
“ใครกันน่ะ   อะไรกัน  ว้าว…”
เสียงโหวกเหวกดังระงมมาจากนอกห้องเรียน  แต่ใครจะไปสนใจกันล่ะ  ยังไงก็คงไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับผมอยู่แล้วล่ะ
ถ้าให้เปรียบตัวเองกับสิ่งมีชีวิตอย่างอื่นล่ะก็…ผมคงเป็นประเภทปรสิตที่ชอนไชอยู่ในส่วนลึกไร้ซึ่งคนมองเห็นนั่นแหละนะ
ตึก…
ขณะที่กำลังจะก้าวเท้าออกจากห้อง  ก็มีร่างของใครบางคนมาดักเอาไว้ที่ประตูทางออกเสียก่อน  ผมชะงัก  ค่อยๆมองไล่จากปลายเท้าไปจนถึงศีรษะของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าในตอนนี้
ผู้ชายในชุดสูทสีดำ  ใส่แว่นดำตัวโตมหึมาสองคนกำลังยืนจ้องหน้าผมอยู่  พะ…พวกนี้เป็นใครกันล่ะเนี่ย!!!
“เอ่อ…ชะ…ช่วยถอยหน่อยได้ไหมครับ  ผมจะ…”
“คนนี้เหรอ…”
ยังไม่ทันจะพูดจบประโยค  เสียงจองใครบางคนก็ดังแทรกเข้ามาเสียก่อน
ชายชุดดำทั้งสองเบี่ยงตัวหลบเพื่อเปิดทางให้ผู้ชายคนหนึ่งได้ก้าวเข้ามาประชันหน้ากับผมแทน…
ผู้ชายผมสีดำสนิทยาวระต้นคอ  นัยน์ตาสีดำเรียบนิ่งเสียจนน่ากลัว ดูไม่ออกเลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่  รูปร่างสูงโปร่งทำเอาผมตัวเตี้ยไปเลยเมื่อเทียบกับเขา
“คนนี้แหละครับบอส”
“อืม…ก็พอใช้ได้”
“เอ่อ  ขอโทษนะครับ  ผมไม่รู้ว่าพวกคุณเป็นใคร  แต่ว่า…ช่วยหลีกทางหน่อยได้ไหม  พอดีผมรีบน่ะ”
“…”
ยังคงไร้การตอบรับจากผู้ชายตรงหน้า  เขาเอาแต่ยืนสองมือล้วงกระเป๋าจ้องผมนิ่งอย่างพินิจพิจารณาไม่ยอมขยับไปไหน
ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแต่มายืนจ้องจนตาแทบจะถลนแบบนี้มันน่าอึดอัดนะเฟ้ย!
“เอายังไงดีครับบอส”
 
“หยิบหมอนี่มา  ถือเสียว่าขัดดอก”
 
“ได้ครับ”
หมับ! หมับ!
“ฮะ…เฮ้ย!  เดี๋ยวก่อน  พวกคุณเป็นใครกันเนี่ย  ปล่อยผมนะ!”
ร้องโวยวายเสียงดังเมื่อชายชุดดำทั้งสองตรงเข้ามาหิ้วปีกผมกันคนละข้างจนตัวลอยขึ้นจากพื้น  ตกลงนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ใครก็ได้ช่วยอธิบายให้ผมฟังที!!!
 
 
บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
มาเปิดบทนำทิ้งไว้ก่อนจ้า  ตอนเขียนรักนี้สีน้ำทะเล  รู้สึกว่าเขียนให้นายเอกจนมากแล้วนะ  พอมาเจอเรื่องนี้เข้าไป…จนได้อีก  จนยิ่งกว่าจน  จนจ๊นจนเลยล่ะ 5555+  เอาเป็นว่าขอฝากลูกชายในเรื่องนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของนักอ่านทุกคนด้วยน้า  มาร่วมลุ้นไปกับความรักของพวกเขาในครั้งนี้กันเถอะ!!!


หัวข้อ: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพบทนำ + ตอนที่ 1 (02/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 02-08-2017 17:07:02
ตอนที่ 1
ขัดดอก

“อ๊ากกกกก  ปล่อยผมนะ  ใครก็ได้ช่วยด้วย  ช่วยผมด้วยครับ  ผมถูกลักพาตัว  อ๊ากกกกกก!”
ร้องตะโกนขอความช่วยเหลือสุดชีวิตเมื่อถูกหิ้วร่างออกมาจากห้องเรียนแบบไม่แคร์สายตาใคร
ทุกคนในโรงเรียนทำได้แค่ยืนมองตาปริบๆแล้วกระซิบกระซาบกันด้วยสีหน้าหวาดกลัวเท่านั้น  ไม่มีใครคิดจะเข้ามาช่วยผมเลยสักคนเหรอเนี่ย!!!
“นี่…ระวังอย่าให้บาดเจ็บนะ”
ผู้ชายที่ถูกเรียกว่าบอสและเอาแต่เดินล้วงกระเป๋ากางเกงตามหลังเอ่ยขึ้น  ดวงตาที่มองผมเป็นประกายราวกับว่าผมเป็นของหายากที่ต้องคอยดูแลและทะนุถนอม
“ครับบอส!”
“ก็บอกว่าให้ปล่อยไงเล่า  จะพาผมไปไหนเนี่ย  อ๊ากกกกก!”
ร้องจนคอหอยจะแหอยู่แล้วก็ยังไม่มีใครเข้ามาช่วยผมสักคน  ผมหันสายตาไปยังบรรดาคนที่ยืนมองอยู่  แต่พวกเขาก็ทำได้แค่มอง  พอเจอผมหันไปสบตาด้วยก็รีบหลบตากันเป็นแถว
ทำไมกันล่ะ…
ทั้งที่คนพวกนี้อาจจะอุ้มผมไปฆ่าก็ได้  แล้วทำไม…
ถึงยังยืนเฉยกันอยู่อีก
ไม่มีใครคิดที่จะแจ้งตำรวจเพื่อช่วยเหลือผมเลยสักคนหรือไง  หรือเพราะผมมันจน  เลยไม่มีใครเห็นว่าชีวิตของผมมันมีค่า
เพราะแบบนั้นสินะ…
“หยุดก่อน”
น้ำเสียงเรียบนิ่งของผู้ชายคนเดิมดังขึ้น  ไอ้ตัวโตสองคนที่กำลังหิ้วผมอยู่จึงหยุดเดินแล้วปล่อยผมลงกับพื้น  แต่ก็ยังคงล็อกแขนผมเอาไว้อย่างเหนียวแน่นกันหนี
“แก้มเลอะนะ”
อีกฝ่ายเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าผมแล้วก้มหน้าลงมาเล็กน้อยจนใบหน้าอยู่ในระดับเดียวกัน  ก่อนจะใช้นิ้วโป้งของตัวเองเกลี่ยเข้าที่แก้มให้อย่างอ่อนโยน
“เรียบร้อย  ค่อยน่ารักหน่อย”
ว่าพลางใช้นิ้วเกาที่คางผมไปมาเบาๆ  เล่นเอาเกือบจะเคลิ้มหลับกันไปเลยทีเดียว  ทำไมไอ้วิธีปฏิบัติของหมอนี่มันคุ้นๆฟะ
เหมือน…
เวลาผมเกาคางไอ้ตูบหมาแถวบ้านเลยแฮะ
“ไปได้แล้วล่ะ”
ออกคำสั่งอีกครั้ง  ผมถูกหิ้วปีกอีกรอบ  คราวนี้มุ่งตรงยาวไปทางรถยนต์คันหรูหราที่ติดฟิลม์ดำมิดชิด  ยะ…อย่าบอกนะว่า
จะเอาผมไปยิงทิ้งในรถนั่นน่ะ!!!
“เชิญครับ”
แม้การพูดจาจะดูเหมือนให้เกยีรติและนอบน้อม  แต่เอาเข้าจริงพวกมันสองคนก็จับผมยัดเข้าไปในรถแบบไม่ใยดีอยู่ดี   สรุปว่าจะมีใครสักคนบอกผมได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น  ตอนนี้จับต้นชนปลายอะไรไม่ถูกเลยเฟ้ยย!
หมับ!
“นอนสิ”
“ดะ…เดี๋ยว!”
ร่างสูงที่ตามขึ้นรถมานั่งข้างๆทีหลังไม่ฟังคำคัดค้านอะไร  เขาเอื้อมมือมาจับหัวผมแล้วกดให้นอนลงบนตักหน้าตาเฉย!
ทำอะไรของมันวะเนี่ยยย!
ลูบ…ลูบ…
เพราะไม่อาจสู้แรงอันมหาศาลของเขาได้  ผมเลยจำใจต้องนอนตักเขาต่อไปแบบนั้นก่อนที่มือหนาจะเริ่มลูบหัวผมเบาๆ
สัมผัสของเขาบางเบาจนความกลัวในตอนแรกค่อยๆจางหายไป…
“กลับบ้านเลยไหมครับบอส”
เจ้าตัวโตสองตัวที่ไปนั่งประจำตำแหน่งคนขับหนึ่งคนและนั่งคู่คนขับอีกหนึ่งคนหันมาถาม  ผมเหลือบตามองเจ้าของตักที่หนุนอยู่ตอนนี้ว่าเขากำลังทำสีหน้าแบบไหนอยู่  แต่ปรากฏว่า…
ไอ้สีหน้าเรียบนิ่งตายด้านเหมือนคนไม่มีความรู้สึกนี่มันอะไรกันฟะ!  เป็นตุ๊กตาหรือไง
“กลับเลย  คงหิวแล้วสินะ”
ประโยคที่สองเขาก้มลงมาพูดกับ  ทั้งที่น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาฟังดูอ่อนโยนมากแท้ๆ  แต่ดวงตาของเขากลับเรียบนิ่งเป็นเส้นตรง  ราวกับคนที่ไม่มีอะไรสะท้อนออกมาจากในแววตาเลย
“เอ่อ  คือ…”
“นายจะได้รู้ทุกอย่างเมื่อไปถึงบ้านฉัน  ไม่ต้องกังวลหรอก”
เสมือนอ่านใจได้
เขาก้มลงมาตอบคำถามที่ผมยังไม่ทันจะได้ถามเสียด้วยซ้ำ  ฝ่ามือร้อนนั้นยังคงลูบหัวผมต่อไปคล้ายกับต้องการให้ผมคลายกังวลลง
ตกลงมันคือเรื่องอะไรกันแน่ก็ไม่รู้หรอกนะ  แต่…
โดนลูบหัวในรถที่มีแอร์เย็นเฉียบแบบนี้นี่มัน…
ง่วงแฮะ

ครืด…ครืด…
เอ๊ะ…?
เสียงอะไรน่ะ  เสียงเหมือนเหล็กหรืออะไรสักอย่างครูดไปกับพื้น  ยิ่งกว่านั้น…ทำไมรู้สึกแขนและขาทั้งสองข้างมันหนักจนยกไม่ขึ้นกันนะ
ทำไม…
“ตื่นแล้วเหรอ”
“!!!”
เสียงที่ดังขึ้นทำให้ผมต้องรีบลืมตาโพล่งขึ้นมาดูด้วยตกใจ  และยิ่งเห็นสภาพของตัวเองในตอนนี้ก็บอกเลยช็อกหนักเข้าไปอีก
นี่มันอะไรก๊านนนนน!
“คุณทำอะไรผม!”
“ก็แค่กันหนีน่ะ”
ตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน
กันหนีบ้าบออะไรกันฟะถึงขั้นต้องล่ามโซ่ทั้งมือทั้งเท้าแบบนี้!!!  ใช่แล้ว  ไอ้เสียงครืดๆคราดๆที่ผมได้ยินมันคือเสียงโซ่ที่เขาเอามาล่ามแขนและขาผมไว้กับขาเตียงในห้องที่เหมือนห้องนอนนี้อีกทีจนขยับไปไหนไม่ได้
ทำไมในหัวมีละครเรื่องจำเลยรักแวบเข้ามา   ไม่นะ….
“ผมไม่เข้าใจ  คุณทำกับผมแบบนี้ทำไม  ปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะ  ไม่งั้นจะแจ้ง…”
“สิบล้าน”
“ฮะ?”
“พ่อกับแม่นายเป็นหนี้ฉันอยู่สิบล้าน”
“อะไรนะ!!!”
พ่อกับแม่เนี่ยนะจะเป็ฯหนี้สิบล้าน  ตั้งแต่เกิดมาเงินหมื่นยังไม่เคยจับเลยเถอะ  ถ้าพ่อแม่ไปกู้เงินมาสิบล้านจริงป่านนี้ผมได้กินข้าวกะเพราะไก่ไปแล้ว  ไม่มาทนกินข้าวคลุกเกลือหรอกโว้ยยยย!
“คุณโกหก!”
“ฉันพูดจริง  เมื่อเช้าพ่อกับแม่นายขี่มอเตอร์ไซค์มาเฉี่ยวกับรถของฉันจนสีถลอก  ค่าทำสีรถใหม่น่ะ…สิบล้าน”
“อะไรนะ!!!”
รถมึงหุ้มทองหรือว่าเหาะได้เหมือนไอรอนแมนหรือไง  แค่ค่าทาสีใหม่ทำไมตั้งสิบล้าน!!!
“มันคือรถนำเข้าที่ในโลกนี้มีเพียงสามคันเท่านั้น  และคันที่สามก็อยู่ที่ฉัน…”
“สะ…สามคันในโลก  ไม่จริง…”
เคราะห์จะซ้ำกรรมจะซัดอะไรนักหนา  ทุกวันนี้กูยังจนไม่พออีกหรือไง  ต้องจนถึงขั้นเอาใบตองมาห่มแทนเสื้อผ้าเลยไหมสวรรค์ถึงจะพอใจ!
โธ่เว้ยยย!
“เพราะงั้นพ่อกับแม่นายเลยเสนอให้ฉันเอาตัวนายมาขัดดอกไปก่อนเป็นเวลา 100 วัน  ระหว่างนี้ฉันจะไม่ทำอันตรายใดๆพ่อกับแม่ของนายทั้งสิ้น  และจอรอจนกว่าสองคนนั้นจะหาเงินสิบล้านเป็นค่าทำสีรถมาคืนฉัน”
เขาตอบด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง  ไอ้ที่เคยบอกก่อนหน้านี้ว่าเขาดูอบอุ่นนั่นช่วยลืมไปทีเถอะนะ  เพราะความจริงแล้วเขามันโหดร้าย!
ภายใต้ใบหน้าเรียบนิ่งของเขามันมีปิศาจซ่อนอยู่!!!
“ไม่!  ผมไม่เชื่อเรื่องนี้เด็ดขาด  หรือถึงมันจะเป็นเรื่องจริงผมก็ไม่ยอมมาเป็นตัวขัดดอกอะไรทั้งนั้น  ปล่อยผมเดี๋ยวนี้!”
ตะโกนลั่นพลางพยายามดึงข้อมือของตัวเองออกมาจากโซ่ล่าม  แต่ทว่ามันก็แข็งเกินไป  และผมก็ไม่มีแรงมากพอที่จะกระชากโซ่ตรวนเหล็กเหล่านี้ให้ขาดเหมือนในหนังด้วย
“มันคือเรื่องจริง  ถ้านายไม่เชื่อเรื่องนั้นฉันมีข้อพิสูจน์  แต่ว่า…”
“แต่อะไร!”
“ฉันมีทางเลือกให้นายแค่สองทาง  หนึ่ง…นายต้องยอมมาเป็นตัวขัดดอก  และฉันจะได้เป็นเจ้าของนายหนึ่งร้อยวันจนกว่าพ่อกับแม่ของนายจะหาเงินมาใช้หนี้  กับสอง…”
“…”
“ฉันจะส่งน้องๆของนายทั้งห้าคนไปขายแรงงานที่ประเทศเพื่อนบ้าน   อย่างน้อยคงจะพอขัดดอกไปได้หนึ่งร้อยวัน”
“ไอ้เลว!!!”
ผมลุกพรวดจะพุ่งเข้าใส่เขาอย่างเหลืออด  ทว่าโซ่ที่ตรึงผมเอาไว้ทำให้ผมไม่สามารถทำอย่างที่ใจคิดได้
ร่างสูงเดินไปนั่งกอดอกที่โซฟาฝั่งตรงข้ามกับเตียงด้วยใบหน้าที่นิ่งไร้ความเป็นมนุษย์!!!
“แล้ว…จะเอายังไงล่ะ  จะให้ฉันเอาน้องๆของนายมาขัดดอก  หรือ…”
“…”
“นายจะยอมเป็นตัวขัดดอกเสียเอง”


บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
มาอัพตอนที่สองต่อแล้วจ้า  ไม่รู้จะลงเอยกันยังไงจริงๆนะคู่นี้  พระเอกของเราคิดอะไรอยู่ในหัวกันแน่ไม่มีใครสามารถเดาได้เลย  แถมเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย  มีหลากหลายอารมณ์อยู่ภายใต้ใบหน้าเรียบนิ่งไร้แววตานั่นอีก…  ท่าทางนายเอกเรื่องนี้จะเจอศึกหนักไม่น้อยเลย  มาเอาใจช่วยไทม์กันด้วยนะค้า *O*





หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพบทนำ + ตอนที่ 1 (02/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 02-08-2017 19:43:42
นี่จะไม่ให้เจอหรือถามพ่อแม่ก่อนซักคำเลยใช่ไหมว่าเป็นเรื่องจริงหรือเปล่าอ่ะ
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพบทนำ + ตอนที่ 1 (02/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 03-08-2017 09:03:27
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพบทนำ + ตอนที่ 1 (02/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: sirin_chadada ที่ 03-08-2017 09:12:11
เวลา 100 วัน กับเงิน 10 ล้านนี่จะหาได้จากไหน ถ้าหาได้จริงก็คงไม่ต้องกินข้าวกับเกลือมาตลอดหรอก
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพบทนำ + ตอนที่ 1 (02/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: cheezett ที่ 03-08-2017 09:29:30
กินข้าวกับเกลือ มีน้องยั้วเยี้ยเต็มไปหมด เงิน10ล้านจะหามาได้ใน100วัน? พูดเหมือน100บาท
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพบทนำ + ตอนที่ 1 (02/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 03-08-2017 10:29:59
100 วัน ก็สามเดือนฝ่าๆ แลก 10 ล้าน
ข้อเสนอค่อดคุ้ม ออกจะบ้าดีเดือดด้วยซ้ำ
รีเควสโลด พิซซ่ากะอาหารหรูๆ ทุกวัน
ชอบๆๆ
 :hao7:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพบทนำ + ตอนที่ 1 (02/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 03-08-2017 11:32:22
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพบทนำ + ตอนที่ 1 (02/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 03-08-2017 11:40:55
จะหาเงินมาจากไหน ลำพังข้าวจะกินยังไม่พอยาไส้ o22
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพบทนำ + ตอนที่ 1 (02/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥lvl♀‘O’Deal2♥ ที่ 03-08-2017 12:00:15
100 วันนิเผาเลยไหม้ 5555
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพบทนำ + ตอนที่ 1 (02/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 03-08-2017 12:08:56
ยังไงๆ ทำสีถึง 10 ล้าน ไม่น่าใช่
จนกรอบกินข้าวกับเกลือ หาเงินที่ไหนได้
ซื้อล๊อตเตอรี่ถูกรางวัลที่หนึ่งก็ไม่พอ

บอส นี่เคยเจอไทม์ มาก่อนหรือเปล่า  o18
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพบทนำ + ตอนที่ 1 (02/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 03-08-2017 18:40:21
แล้วจะหาทันหรอ สิบล้านภายใน 100 วันอ่ะ
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพบทนำ + ตอนที่ 1 (02/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: catka12 ที่ 03-08-2017 20:48:00
 :a5: 10ล้านใน 100วันนนน  :katai1:  :katai1:  :katai1:
แอบมาตามคะ...รอออ  :hao3:  o13
หัวข้อ: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 2 (04/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 04-08-2017 10:38:44




ตอนที่ 2

ความจริงที่ต้องยอมรับ

 

“เรื่องแบบนี้…”

“…”

“ใครมันจะไปยอมเชื่อง่ายๆกันเล่า!  ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้เลยนะไอ้พวกเลว!”

ว่าแล้วก็แยกเขี้ยวขู่ฟ่อๆใส่เขาอีกครั้ง  แต่คนที่นั่งกอดอยู่ไม่ได้มีทีท่าจะสะทกสะท้านแต่อย่างใด  ซ้ำยังตวัดขาขึ้นมานั่งไขว่ห้างอย่างสบายอารมณ์ไปอีก

กูเกลียดมึง  ไอ้หน้ามึน!

“คิดถูกจริงๆที่ล่ามเอาไว้  ดุเหมือนกันนะเรา”

“เจอแบบนี้ใครจะไปสงบสติอารมณ์อยู่ได้ล่ะเฟ้ย  ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ  แน่จริงปล่อยสิวะ!”

“ฉันจะยอมปล่อยก็ต่อเมื่อนายกลงที่จะอยู่ที่นี่”

“ไม่!!!”

“เพราะ?”

“เพราะฉันจะกลับไปหาพ่อกับแม่แล้วก็น้องๆไงเล่า!!!”

แหกปากคุยกับมันจนคอหอยผมจะพังอยู่แล้วนะเนี่ย  ตกลงว่าวันนี้ผมจะได้กลับบ้านหรือเปล่านะ  พวกมันจับตัวผมมาทำไมกันแน่

ให้ตายสิ  จะร้องไห้แล้วนะโว้ยยย

“ถ้าเป็นเรื่องนั้นล่ะก็…เสียใจด้วยนะ  นายไม่มีที่ให้กลับไปแล้วล่ะ”

“หมาย…หมายความว่ายังไง”

“…”

“แกทำอะไรกับพ่อแม่และน้องๆของฉัน!!!”

ผมเบิกตากว้างตะโกนลั่น  พุ่งตัวเข้าใส่มันแม้ว่าจะติดโซ่พวกนี้อยู่ก็ตาม  ข้อมือเริ่มแดงและเป็นรอยถลอกจากการออกแรงดึงของตัวเอง

“ฉันไม่ได้ทำ  แต่ดูเหมือนว่าพ่อกับแม่ของนายจะเคยไปกู้หนี้นอกระบบมา  และพวกนั้นก็เก็บดอกโหดมากด้วย  ถ้าวันไหนที่พ่อแม่ของนายไม่จ่ายเงินค่าดอกให้มัน  วันนั้น…ตาย”

“โกหก…”

ตึก…ตึก…ตึก…

ร่างสูงลุกขึ้นจากโซฟาตรงมาหาผม  เขาค่อยๆย่อตัวนั่งชันเข่าอยู่ตรงหน้า  มือหนาเอื้อมมาจับที่ปลายคางผมไว้แล้วดันให้เงยขึ้น  แววตาว่างเปล่าไร้ซึ่งสิ่งสะท้อนใดๆจ้องมองผม…

“ถ้าคิดว่าฉันโกหกล่ะก็…ฉันจะสงเคราะห์พานายไปดูให้เห็นกับตาเอง  ว่านาย…ไม่มีที่ให้กลับไปอีกแล้ว”

 

“ไม่จริง…”

“…”

“นี่มัน…เกิดอะไรขึ้น”

“…”

“พ่อ! แม่!  หนึ่ง! สอง! สาม! สี่! ห้า!  อยู่ไหนน่ะ!  อย่าเล่นแบบนี้สิ!!!”

ผมวิ่งพล่านไปทั่วทั้งบ้าน  บ้านของผมเป็นบ้านชั้นเดียว  ทีมีพื้นที่หน้าบ้านเป็นทั้งห้องรับแขก  ห้องครัว  และห้องนอนของพ่อกับแม่  ส่วนผมและน้องๆอีกห้าคนจะนอนด้วยกันในห้องด้านในที่พื้นที่ขนาดหนึ่งเสื่อเท่านั้น  ส่วนห้องน้ำก็อยู่ด้านหลังสุด  แต่ว่าตอนนี้…

บ้านที่ถึงแม้จะเล็กแต่ก็เป็นบ้านที่เต็มไปด้วยความสุขของผมมัน…

เละ…

ทุกอย่างในบ้านพังพินาศหมดเลย  ข้าวของถูกรื้อทิ้ง  กระจกหน้าต่างของบ้านถูกทุบจนแตก  ประตูบ้านหลุดกระเด็น

ไม่เหลือแล้ว  ในบ้านผมไม่มีอะไรเหลือเลย!!!

“พ่อ  แม่  ออกมาเถอะ  ผมกลับมาแล้วนะ  ฮึก…”

ผมทรุดตัวนั่งลงกลางบ้าน  น้ำใสๆรื้นขึ้นรอบดวงตา  ทุกคนไปไหนกันหมด  น้องๆของผมล่ะ  พวกเขายังปลอดภัยดีหรือเปล่า

“เชื่อฉันหรือยังล่ะ”

“ทำไม…”

“…”

“ทำไมต้องเกิดเรื่องแบบนี้ด้วย  ครอบครัวผมไปไหน  ครอบครัวของผมล่ะครับ  ฮือ…”

ผมเงยหน้ามองเขาที่มายืนอยู่ข้างๆทั้งน้ำตา  อีกฝ่ายเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อเห็นผมร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายแบบนั้น

หมับ…

ไม่มีคำพูดใดๆหลุดออกมาจากปากเขา  นอกจากอ้อมแขนที่ดึงผมเข้าไปกอด   เขาลูบหลังและหัวผมเบาๆด้วยความอ่อนโยน

อะไรกันหมอนี่…

เป็นคนยังไงกันแน่นะ

“ครอบครัวของผม…พวกเขาปลอดภัยไหมครับ”

ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมถามเขาไปแบบนั้น  อย่างน้อยขอแค่ทุกคนยังมีชิวิตอยู่  ผมกำพร้อมที่จะออกตามหาและพาพวกเขากลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง

“พวกเขา…”

“…”

“ปลอดภัย”

“จริงเหรอครับ!!!”

ผมดันตัวเขาออกห่างแล้วมองหน้าอย่างดีใจ  ทุกคนปลอดภัยจริงๆเหรอ  พวกเขายังมีชีวิตอยู่บนโลกนี้เหมือนผมใช่ไหม…

“ใช่  ตอนแรกที่พ่อกับแม่นายขับรถมาชนรถฉัน  พวกเขาขับหนีโดยไม่คิดจะรับผิดชอบ  ฉันก็เลยขับตามมา  พอมาถึง  ก็เจอพวกทวงหนี้กำลังพังบ้านของนายและพวกน้องๆของนายก็ถูกจับเอาไว้  พ่อแม่ของนายขอให้ฉันช่วยแลกกับจะยอมชดใช้ที่ทำสีรถฉันถลอกให้  หลังจากได้ฉันช่วยเอาไว้  พวกเขาก็ตกลงว่าจะชดใช้ค่าเสียหายให้  เพียงแต่พวกเขาไม่มีเงิน  ก็เลยจะขอเอาตัวลูกชายคนโตมาขัดดอกไว้ก่อน  จะให้ทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น  ฉันดูจากสภาพพ่อแม่ของนายในตอนนั้นแล้วคงไม่มีเงินชดใช้ฉันในทันทีแน่ๆก็เลยตกลง  แล้วก็ไปรับตัวนายมาไงล่ะ”

“ถะ…ถ้าอย่างนั้น  แล้วตอนนี้…พ่อแม่กับน้องๆของผมอยู่ไหนล่ะ”

“ถ้าพ่อแม่นายล่ะก็ฉันไม่รู้หรอกนะ  คงจะไปพยายามหาเงินมาใช้หนี้อยู่ที่ไหนสักแห่ง  ส่วนน้องๆของนาย”

“…”

“ฉันพาไปเก็บไว้ในที่ปลอดภัยแล้วล่ะ”

เดี๋ยวนะ…

เก็บเหรอ  นี่เห็นน้องๆของผมเป็นตัวอะไรกันฟะ  ตั้งแต่ใช้คำว่าหยิบกับผมเมื่อตอนเย็นแล้วนะ!

“ที่ไหนครับ”

“ฉันบอกไม่ได้  พวกทวงหนี้พวกนั้นก็ถือเป็นกลุ่มแก๊งมาเฟียใหญ่ไม่ใช่น้อย  พวกมันอาจจะแค้นและส่งคนมาตามล่าตัวพ่อแม่กับน้องๆนายได้ทุกเมื่อ  ฉันจำเป็นต้องเก็บที่อยู่ของน้องๆนายไว้เป็นความลับ  แม้แต่ก็ให้รู้ไม่ได้”

“แต่ผมเป็นพี่ชายพวกเขานะ  ผมจะไปดูแลและปกป้องน้องๆของผมเอง!”

“ปกป้องงั้นเหรอ  หึ…อย่าพูดให้ขำหน่อยเลย  ตัวนายเอง…ลำพังแค่ปกป้องตัวเองยังทำไม่ได้เลยไม่ใช่เหรอ”

ริมฝีปากเย้ยหยันที่แสยะยิ้มออกมาอย่างดูถูกของเขากรีดหัวใจผมจนแทบคลั่ง  ใบหน้าเรียบนิ่งราวกับจะเปลี่ยนเป็นใบหน้าของปิศาจขึ้นมา

“คนขี้ขลาดที่ไม่มีแม้แต่ความกล้าจะส่งเสียงขอความช่วยเหลือจากคนในโรงเรียนแบบนาย  ปกป้องใครไม่ได้ทั้งนั้นแหละ”

“คุณ!”

“นายเป็นคนเดียวที่ไม่ได้อยู่ในช่วงเวลาที่พวกทวงหนี้มันบุก  เท่ากับว่าพวกมันไม่รู้จักนาย  ไม่รู้ว่าพ่อแม่ของนายยังมีลูกชายอีกคน  เพราะงั้นเป้าหมายของพวกมันตอนนี้   นอกจากพ่อแม่ของนายแล้วก็คือน้องๆทั้งห้าคนของนาย  เพื่อทำตามคำขอร้องของพ่อแม่ที่น่าสมเพชของนาย  ฉันถึงยอมช่วยพาเด็กพวกนั้นไปเก็บในที่ปลอดภัย  แต่ถ้านายยังยืนยันว่าจะไปเจอน้องๆของนายให้ได้  ฉันก็จะพาไป  และเมื่อถึงเวลานั้นหากเกิดอะไรขึ้น…”

“…”

“ไม่ว่าใครจะตายอยู่ตรงหน้า  ฉันก็จะไม่สน”

“ผม…”

เอายังไงดีล่ะ…   ผมควรตัดสินใจยังไงดี  ไม่มีอะไรเป็นหลักประกันได้เลยว่าเรื่องที่เขาพูดคือเรื่องจริง  และครอบครัวของผมยังมีชีวิตอยู่จริงๆ

ผม…

ผม…

“ผมก็แค่…อยากรู้ว่าน้องๆของผมยังมีความสุข…”

[พี่จ๋า!]

“!!!”

[พี่จ๋ารีบกลับมาเร็วๆนะ  พวกเราคิดถึงพี่จ๋ามากเลย!]

“ห้า!”

ผมคว้าโทรศัพท์ในมือเขาที่ชูหันหน้าจอมาตรงหน้าเข้ามาถือไว้เอง  มันคอคลิปวิดีโอที่มีน้องๆทั้งห้าคนของผมอยู่ครบ

[วันนี้มีคนน่ากลัวบุกมาที่บ้านด้วย  สี่กลัวมากเลยค่ะ]

[สามก็กลัว]

[สองด้วย]

[หนึ่งก็กลัวครับ]

[แต่ว่า…พ่อกับแม่บอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง  เพราะพี่ชายหน้าจิ้งจอกจะเป็นคนดูแลพวกเราเอง]

พี่ชายหน้าจิ้งจอก?

ผมเหลือบตาขึ้นมองเจ้าของโทรศัพท์ที่ยืนตีหน้านิ่งเหมือนเดิมเป๊ะๆก่อนที่ภาพของจิ้งจอกจะซ้อนทับอยู่กับใบหน้าของเขา

อ่า…

นาสินะ  พี่ชายหน้าจิ้งจอก…

ฮ่าๆๆๆๆๆ

[พี่ชายหน้าจิ้งจอกบอกว่าให้เป็นเด็กดีอยู่ที่นี่  ถ้าพวกเราอยู่ที่นี่จะไม่มีใครทำร้ายพวกเราได้  เขาบอกว่าพี่จ๋าต้องไปช่วยพ่อแม่ทำงาน  อาจไม่ได้เจอกันสักพักให้พวกเราอดทนรอ  พวกเราจะรอพี่จ๋านะ  จะเป็นเด็กดี  ไม่ดื้อไม่ซน  พี่จ๋าตั้งใจทำงานนะครับ]

“หนึ่ง…”

[ที่นี่มีของกินดีๆ  มีของเล่นเยอะแยะ  เตียงก็กว๊างกว้าง  สองชอบมากเลยค่ะ]

“สอง…”

[มีสระว่ายน้ำด้วยนะครับ  พี่สาวที่คอยดูแลบอกว่าจะสอนผมว่ายน้ำด้วยล่ะ]

“สาม…”

[ที่นี่เหมือนสวรรค์เลย  สี่อยากให้พี่จ๋ามาเห็นเร็วๆจังค่ะ]

“สี่…”

[พี่จ๋าไม่ต้องห่วงนะ  ถึงจะไม่มีพี่จ๋าคอยเล่านิทานให้ฟังก่อนนอน  แต่ว่า…พวกเราก็จะหลับให้ได้  ที่ผ่านมาพี่จ๋าคอยดูแลพวกเรามาเยอะแล้ว  จนกว่าพี่จ๋าและพ่อแม่จะกลับมา  พวกเราจะดูแลกันและกันอย่างดีที่สุด  พี่จ๋าไม่ต้องห่วงนะครับ]

“ห้า…ฮึก!”

[คุณหนูๆทั้งหลาย  ได้เวลาทานข้าวเย็นแล้วนะคะ  มาเถอะค่ะ]

เสียงหวานใสเสียงหนึ่งแทรกเข้ามาก่อนที่พวกน้องๆจะร้องตะโกนกันอย่างดีใจที่จะได้กินข้าว

[รีบกลับมาไวๆนะพี่จ๋า  บ๊ายบาย]

กล้องขยับออกให้ผมได้เห็นพวกเขาทั้งห้าคนพร้อมกัน  น้องๆของผมโบกมือยิ้มแย้มอย่างสดใส  เป็นรอยยิ้มที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนจริงๆ

“ทุกคน…”

ผมเอาโทรศัพท์มากอดไว้แนบอก  ยังมีชีวิตอยู่จริงๆสินะ  แถมยัง…มีความสุขมากๆอีกด้วย

“คนที่ดูแลน้องๆของนายจะอัดคลิปเด็กๆส่งมาให้อาทิตย์ละหนึ่งครั้ง  เพื่อให้นายได้ดูความเป็นไปของพวกเขาได้  ฉันช่วยนายได้แค่นี้แหละ”

น้ำเสียงนิ่งต่ำโทนเดียวตลอดเอ่ยขึ้น

ผมไม่ตอบรับ  ไม่มองหน้า  ได้แต่กอดโทรศัพท์มือถือเครื่องนี้เอาไว้แล้วเปิดคลิปของน้องๆดูซ้ำไปซ้ำมา

อยากจะบอก…แต่ก็พูดไม่ออก…

ขอบคุณนะครับ

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพตอนที่สองต่อแล้วน้า  น้องไทม์เริ่มจะรู้สึกดีกับท่านจักรวาลหน้าจิ้งจอกของเราขึ้นมานิดๆแล้วรึเปล่านะ  อยากให้ถึงโมเม้นต์หวานหยดย้อยของคู่นี้เร็วๆจังเลย  แต่ว่า…ท่านจักรวาลดูมีลับลมคมนัยยังไงๆอยู่น้า  เบื้องหลังความจริงทั้งหมดของเรื่องนี้คืออะไรกันแน่  แลวน้องไทม์ของเราจะเป็นยังไงต่อไป  ฝากติดตามกันด้วยนะค้า ^^
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 2 (04/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 04-08-2017 11:45:30
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 2 (04/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 04-08-2017 13:22:53
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 2 (04/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 04-08-2017 13:36:40
ก็โออยู่นะ น้องๆ สุขสบายขนาดนี้
ต้องขอบคุณพี่หน้าจิ้งจอกหน่อยล่ะ
10 ล้านใน 100 วัน  ยอมขัดดอกไปก่อนละกัน
ไม่แน่ เกิดพี่หน้าจิ้งจอกเปลี่ยนใจ น้องอาจไม่ต้องใช้เงินคืนก็ได้
 :mew1:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 2 (04/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 04-08-2017 17:11:58
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์และทุกคนที่ติดตามอ่านเรื่องนี้นะคะ 

จะพยายามอัพบ่อยๆให้ได้อ่านกันแบบไม่ขาดตอนจ้า   จุ๊บๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 2 (04/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-08-2017 21:36:08
หน้านิ่งซะขนาดนี้ เด็กทำไมมองเป็นหน้าจิ้งจอกได้นะเนี่ย  :m20:

แต่หน้าจิ้งจอกทำดีนะเรื่องพาน้องๆไปอยู่ห่างไกลพวกมาเฟีย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 2 (04/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 04-08-2017 22:43:24
ไม่ใช่นี่เป็นเรื่องที่ท่านจักรวาลกุขึ้นมาเพื่อที่จะดึงนายเอกของเรามาไว้ใกล้ๆ ตัวหรอกนะ
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 2 (04/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: whistle ที่ 05-08-2017 00:16:48
มีเบื่องหลังด้วยสินะ
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 2 (04/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: angel_Z4 ที่ 05-08-2017 06:59:31
ช่างสรรหาชื่อมาเรียกจริงๆเจ้าพวกเด็กน้อย
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 2 (04/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: weedear ที่ 05-08-2017 08:45:27
น่าติดตาม
หัวข้อ: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 3 (05/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 05-08-2017 14:15:48


ตอนที่ 3

เจ้าหมาน้อย?

 

ตลอดทางบนรถเพื่อกลับไปยังคฤหาสน์ของคุณจักรวาล ( รู้ชื่อแล้ว ) ผมและเขาต่างก็ไม่มีใครพูดอะไร  อีกฝ่ายเอาแต่นั่งไขว่ห้างกอดอกมองไปนอกรถ  ส่วนผมก็กำลังคิดทบทวนเรื่องทั้งหมดอยู่ในหัว  สิ่งที่อยากรู้มากที่สุดในตอนนี้ก็คือ…

พ่อกับแม่ของผมอยู่ที่ไหนกันแน่

แล้วเวลาแค่หนึ่งร้อยวัน  พวกท่านจะไปเอาเงินสิบล้านมาจากไหน

“ถึงแล้วครับบอส”

ชายชุดดำทั้งสองคนที่ดูแล้วคงเป็นบอดี้การ์ดของเขาเอยขึ้นพร้อมกับลงมาเปิดประตูรถให้  คุณจักรวาลลงไปก่อน  ขณะที่ผมกำลังจะเปิดประตูฝั่งตัวเอง หนึ่งในบอดี้การ์ดของเขาก็มาเปิดให้เสียก่อน

“เชิญครับ”

เอ่อ…ตัวขัดดอกอย่างผมทำไมได้รับการปฏิบัติที่ดีขนาดนี้นะ  ไม่เห็นจะเหมือนในละครที่เคยดูเลย

“ขะ…ขอบคุณครับ”

ไปไม่เป็นเลยกู

ต้องปฏิบัติตัวยังไงเวลาอยู่ที่นี่กันนะ

ใช่แล้ว  ผมตกลงจะยอมเป็นตัวขัดดอกอยู่ที่หนึ่งร้อยวันจนกว่าพ่อกับแม่จะกลับมา  หวังว่าคงไม่ได้โดนเขาไล่ให้ไปรีดไถหรือว่าฆ่าฟันใครตามประสาแก๊งมาเฟียหรอกนะ

“ไปเอาโซ่มาซิ  ฉันจะพาหมาไปเดินเล่น”

คุณจักรวาลออกคำสั่งกับบอดี้การ์ดของตัวเอง  พวกเขารับคำสั่งเดินเข้าไปในบ้าน  ส่วนผมก็ได้แต่ยืนเกร็งตัวแข็งทื่อ  ไม่รู้จะทำอะไรต่อดี

“มาแล้วครับบอส”

โซ่สำหรับคล้องกับปลอกคอหมาถูกส่งถึงมือคุณจักรวาลก่อนที่เขาจะไล่บอดี้การ์ดทั้งสองคนให้ไปที่อื่น  ที่ตรงนี้จึงเหลือแค่ผมกับเขายืนกันอยู่สองคน

อ่า…แล้วไหนหมาที่เขาจะพาไปเดินเล่นล่ะ?

“มานี่…”

ส่งเสียงเรียกผม  ผมรีบวิ่งอ้อมรถไปหาเขาเพราะตอนแรกยืนกันคนละฝั่งฟากของรถ  ช่วงเวลาหนึ่งร้อยวันนี้  แค่ทำตัวดีๆอยู่ในโอวาทของเขาก็คงไม่มีอะไร  ผมจะพยายามช่วยงานเขาทุกอย่างเพื่อตอบแทนที่เขาช่วยน้องๆของผมไว้แล้วกัน

“หลับตา”

“ครับ?”

“หลับตา”

เขาย้ำคำเดิมอีกครั้งเมื่อผมวิ่งไปหยุดอยู่ตรงหน้าตามที่เขาสั่ง  ถึงจะกังวลว่าเขาคิดจะทำอะไร  แต่ผมก็ค่อยๆหลับตาลงตามคำสั่งที่ได้รับ

คะ…คงไม่ได้จะยิงผมทิ้งเพระเปลี่ยนใจหรอกนะ

กริ๊ง  กริ๊ง

เสียงบางอย่างคล้ายกับเสียงกระดิ่งดังขึ้น  ผมรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างถูกสวมลงบนคอ  หลังจากนั้นก็เหมือนมีอะไรหนักๆมาถ่วงเอาไว้อีกที

อะ…อะไรกันวะเนี่ย!!!

“ลืมตาได้”

ทันทีที่ลืมตาเมื่อได้รับอนุญาต  ผมก็ตกใจจนแทบช็อกเพราะตอนนี้ผมกำลังถูกล่ามโซ่อีกแล้ว!!!

พูดให้ถูกก็คือผมถูกสวมปลอกคอสีดำสนิทและมีกระดิ่งห้อยอยู่ตรงกลางหนึ่งอันประหนึ่งสร้อยคอเลยทีเดียว  ส่วนตรงห่วงด้านหน้าก็ถูกสายโซ่ล็อกเอาไว้อีกที

นะ…นี่มัน…!

ดะ…เดี๋ยวนะ  พาหมาไปเดินเล่นแล้วไหงถึงเอาโซ่มาคล้องคอผมล่ะเว้ย!!!

อย่าบอกนะว่า…

“ไปเดินเล่นกัน  เจ้าหมาน้อย”

กู-ไม่-ใช่-หมา!!!

อยากจะตอบกลับไปแบบนั้น  ทว่ากลับถูกอีกฝ่ายกระตุกโซ่และเดินนำไป  ผมจำใจต้องเดินตามเขาไปทางสวนหย่อมขนาดใหญ่ของคฤหาสน์ที่มีไฟสีส้มติดประดับประดาอยู่ตามต้นไม้อย่างสวยงาม  ทุกอย่างจะดูดีกว่านี้ถ้าผมไมได้กำลังถูกจูงเหมือนหมาตัวหนึ่งแบบนี้!

“คุณจักรวาลครับ  คือว่า…ผมไม่ใช่…”

“นายเป็นหมา”

“ครับ?”

“หนึ่งร้อยวันที่ฉันจะได้เป็นเจ้าของนาย  นายต้องอยู่ที่นี่ในฐานะหมาน้อยของฉัน”

“อะไรนะ!!!”

“ทุกคนในนี้จะปฏิบัติกับนายอย่างดีเพราะนายคือหมาน้อยของฉัน  หน้าที่ของนายมีแค่จงรักภักดีกับฉันเท่านั้น  ห้ามไปเชื่องกับคนอื่นเด็ดขาดล่ะ”

เขาหยุดเดินและหันกลับมามองผมด้วยแววตาจริงจังตอนพูดประโยคนี้

ไม่เอาแบบนี้สิเว้ย!  จะให้ไปเป้ฯคนใช้ คนสวน คนขับรถหรืออะไรก็ได้  กูทำได้ทั้งนั้น  แต่ต้องไม่ใช่เป็นหมาสิฟะ!!! 

“ที่สำคัญ…ปลอกคอนั่นคอสิ่งเตือนใจว่านายมีเจ้าของแล้ว  ห้ามถอดออกและไปกระดิกหางใส่ใครเด็ดขาด  เข้าใจไหม”

“ไม่เข้าใจ!”

“…”

“คุณจักรวาล  ถึงคุณจะเป็นผู้มีพระคุณพ่วงด้วยเจ้าหนี้ก็ตาม  แต่คุณก็ไม่มีสิทธิมาทำกับผมมแบบนี้นะ  จู่ๆจะให้ผมมาเป็นหมางั้นเหรอ  ผมก็มีศักดิ์ศรีความเป็นคนเหมือนกันนะ!!!”

ตะโกนใส่เขาอย่างเหลืออด

ขอทีเถอะ  ไอ้ท่าทางมึนๆเหมือนไมได้รับรู้ความรู้สึกของคนอื่นเขาเลยแบบนี้น่ะ!  ช่วยเลิกๆมันจะได้ไหม

“เป็นหมาของฉันไม่ดีตรงไหน  ฉันดูแลอย่างดีเลยนะ”

“ถึงจะดูแลอย่างดีก็เถอะ  แต่จะมี่คนสติดีๆที่ไหนเขาจะอยากเป็นหมากันบ้างล่ะครับ”

กระตุก!

“อ๊ะ!”

ผมร้องเสียงหลงเมื่อโซ่จูงถูกกระตุกอย่างแรงจนเซถลาเข้าหาคุณจักรวาล  เขาเอาโซ่ตวัดอ้อมวนไปด้านหลังผมเพื่อมัดตัวผมเอาไว้  ปลายโซ่ก็ม้วนเข้ากับมือของตัวเอง  ดึงผมเข้าหาจนแทบจะสิงร่างเขาอยู่รอมร่อ

“ฉันต้องการให้นายเป็นเจ้าหมาน้อย”

ร่างสูงก้มหน้าลงมาใกล้  ลมหายใจร้อนระอุของเขาเป่ารดแก้มจนเริ่มรู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมา

“ก็บอกแล้วไงว่า…!”

เสียงถูกกลืนหายกลับลงไปในคอจนหมด  ผมยืนตัวแข็งเป็นหินสองตาเบิกกว้างเมื่อคุณจักรวาลยื่นหน้าเข้ามาจนปลายจมูกชนกัน  แถมเขายังกดมันลงมา  อีกเพียงนิดเดียวปากของพวกเราก็จะประกบกันแล้ว!

“อย่าพยศนักสิ  ขี้เกียจปราบนะ”

“อะ…ออกไปห่างๆได้ไหมครับ”

“เป็นหมาน่ะ  ต้องอ้อนเจ้านายรู้ไหม”

“ไม่มีทาง…!”

อ๊ากกกกก  จะเงยหน้าขึ้นตอบโต้แบบเสียงดังฟังชัดก็ไม่ได้  เพราะถ้าเงยขึ้นไปเมื่อไหร่มีจูบแน่ๆ  ใครจะอยากจูบกับผู้ชายกันเล่า!

“ไม่เป็นไร  ไว้ฉันอ้อนนายเองก็ได้”

พูดจบ  เขาก็เปลี่ยนทิศทางของจมูก  เอามาคลุกเคล้าคลอเคลียเกลี่ยแก้มผมไปมาแทน  เดี๋ยวนะเฮ้ย!  แบบนี้ใครกันแน่ที่สมควรจะเป็นหมา!

“ยะ…หยุดนะครับ”

พยายามเบี่ยงตัวหลบ  แต่ก็หนีไปไหนไม่ได้เพราะร่างกายถูกโซ่รัดเอาไว้แน่น  ปลายจมูกของเขาเลื่อนต่ำมาซุกไซร้ที่ซอกคอแทน

ผะ…ผมจะไม่มีแรงยืนต่อแล้วนะเว้ย  ทำบ้าอะไรกันวะเนี่ย!

“ทีนี้…จะอ้อนฉันได้หรือยัง”

“ฮะ?”

“ถ้านายไม่เป็นคนอ้อนเอง  ฉันก็จะอ้อนต่อนะ”

เขาหยุดการกระทำอันอุกอาจของตัวเองเพื่อกระซิบที่ข้างหูผม  และเพราะมัวแต่อึ้ง ทึ่ง (เสียว) กับสิ่งที่เขาเพิ่งจะพ่นออกมาก็เลยไม่ได้ตอบกลับไปในทันที  ทำให้คุณจักรวาลเริ่มการกระทำอันรุกล้ำร่างกายของผมอีกครั้ง  เพียงแต่คราวนี้มันเลื่อนต่ำลงยิ่งกว่าเดิม!

จะ…จะถึงหน้าอกผมแล้ว!

“โอเคครับ!”

“…”

“ผะ…ผมจะยอมเป็นหมาน้อยให้คุณ  ผมจะอ้อนคุณเอง  เพราะงั้น…คุณเลิกอ้อนผมเถอะนะ”

มันรู้สึกแปลกๆยังไงก็ไม่รู้  ในช่องท้องวูบหวามราวกับลำไส้ถูกวาร์ปหายไปที่อื่นเลย

หะ…หัวใจก็เต้นแรงอีกต่างหาก

“ก็แค่นี้”

คุณจักรวาลยอมผละตัวออกไปในที่สุด  เขาคลายโซ่ที่รัดตัวผมอยู่ออกให้แล้วจูงผมเดินเล่นในสวนต่อไปราวกับว่าผมเป็นหมาน้อยของเขาจริงๆ

เอาวะ  ก็ดีกว่าต้องมาโดนอ้อนแบบเมื่อกี้ละกัน  หัวใจผมจะวายเอา

“พรุ่งนี้ฉันจะให้คนขับรถไปส่งนายที่โรงเรียน  และตอนเย็นก็จะไปรับด้วยเหมือนกัน  นายห้ามไปที่อื่นก่อนได้รับอนุญาตจากฉัน  หลังเลิกเรียนต้องขึ้นรถที่ไปรับกลับบ้านทันที  เข้าใจหรือเปล่า”

“ครับๆ”

ตกลงผมเป็นหมาหรือเป็นลูกเขาเนี่ย  เฮ้อ!

“เข้าใจง่ายๆก็ดี”

คุณจักรวายหยุดเดินอีกครั้ง  เขาเงยหน้ามองท้องฟ้าที่มืดสนิท  ไม่มีดาวแม้สักดวง  แววตาที่เหมือนทอดมองไปยังที่ที่ไกลแสนไกลของเขาให้ความรู้สึกหนาวเย็นสุดขั้วหัวใจ

บางครั้งก็ดูอ่อนโยน  แต่บางครั้งก็ดูน่ากลัว

ผมไม่รู้เลยว่าผู้ชายคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่  และเหตุผลที่ทำไมเขาถึงดูแลลูกหนี้สิบล้านอย่างผมดีขนาดนี้…

ผมอยากจะเชื่อใจเขานะ  แต่ว่า…คงเพราะเราเพิ่งเจอกันวันนี้  ผมถึงยังรู้สึกระแวงเขาอยู่ตลอดเวลา

“นายคิดว่า…ฉันจะทำได้ไหม”

“ทำอะไรเหรอครับ?”

จู่ๆก็พูดขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย  ใครมันจะไปเข้าใจฟะ

คนถามหยุดแหงนหน้ามองฟ้าแล้วหันกลับมามองผมแถม  นัยน์ตาว่างเปล่าจ้องผมนิ่ง  สีตาของเขาดำสนิทจนน่ากลัว…

“ปกป้องคนสำคัญน่ะ”

“…”

“คนอย่างฉัน  จะทำได้หรือเปล่า”

เอิ่ม…มันเป็นประโยคคำถามที่ต้องการคำตอบจริงเหรอ  มันคล้ายกับว่าเขากำลังตั้งคำถามกับตัวเองมากกว่า  ดูเหมือนคุณจักรวาลจะมีเรื่องกังวลอยู่ในใจไม่น้อยเลย

อะไรกันนะ

จะอะไรก็ไม่รู้หรอก  แต่ว่า…ตอนนี้ผมเป็นหมาของเขานี่นา  หมาที่ต้องจงรักภักดีกับเขาในข่วงเวลาหนึ่งร้อยวันนี้  เพราะงั้น…ผมจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด   อย่างน้อยก็เพื่อที่เขาจะได้ช่วยดูแลน้องๆของผมต่อไปจนกว่าพวกทวงหนี้พวกนั้นจะเลิกตามล่าเรา

หมับ…

“ทำได้สิครับ”

ผมจับมือหนาขึ้นมาแนบแก้ม  แผ่ฝ่ามือของเขาออกแล้วเอาหน้าถูไปถูมา  ก็เป็นหมานี่นะ  จะพูดอะไรมากก็คงไม่ได้

“อย่ากังวลไปเลย  เจ้านาย…”

“…”

“เพราะว่าบนโลกนี้น่ะ  จะไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่า…”

“…”

“จักรวาลอีกแล้วล่ะครับ”

ผมยิ้มจนตาหยี  ขณะที่อีกฝ่ายเบิกตากว้างมองผมตัวแข็งทื่อ

ไม่รู้เลยว่าคำพูดของตัวเองจะช่วยให้เขาคลายความกังวลได้บ้างหรือเปล่า  สิ่งที่ผมคิดตอนนี้มีเพียงแค่…

ทำให้ดีที่สุด  ในหนึ่งร้อยวันนับจากนี้

 

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาแล้วจ้า  ตามมาติดๆกับตอนที่สาม  ตอนนี้มีความละมุนสุดๆ  น้องหมากับเจ้านาย…ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่าจักรวาลอีกแล้ว  โอ๊ยยยยยยย   น้องไทม์กำลังโปรยเสน่ห์ให้ท่านจักรวาลหรือเปล่าเนี่ย  อย่าดูถูกทาสหมาเชียวนะ  หลงรักคลั่งไคล้ขึ้นมาแล้วไม่มีทางปลอดให้รอดพ้นเงื้อมมือไปแน่นอน  เอาเป็นว่า  มาตามเอาใจช่วยน้องไทม์กันต่อไปนะค้า
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 3 (05/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 05-08-2017 16:30:29
น่ารักกันแบบมึนๆ
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 3 (05/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 05-08-2017 19:24:48
พูดได้ดี
เจ้านายต้องปกป้องคนสำคัญได้อยู่แล้ว
“เพราะว่าบนโลกนี้น่ะ  จะไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่า…จักรวาล
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 3 (05/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 05-08-2017 20:26:40
รอติดตามต่อค่ะ
มีเส่น่ห์มาก ไทม์
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 3 (05/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 05-08-2017 23:39:23
ดาเมจกันรุนแรงมาก โอ้ย ไม่ดีกับใจน้อยๆ
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 3 (05/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 06-08-2017 00:56:48
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 3 (05/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 06-08-2017 02:10:55
ตามลุ้นจักรวาลของหมาน้อยด้วยคน
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 3 (05/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Veesi3 ที่ 06-08-2017 11:02:51
ชื่อเรื่องวาบหวิว แต่เรื่องน่ารักมากกกกก
หัวข้อ: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 4 (06/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 06-08-2017 15:06:07


ตอนที่ 4

การกลั่นแกล้ง

 

“จะ…จะให้ผมนอนตรงนี้จริงๆเหรอครับ”

หลังจากที่ยืนให้กำลังใจคุณจักรวาลมาพักใหญ่  ฝนก็เทกระหน่ำลงมาซะงั้น  ผมกับเขาเลยรีบพากันกลับเข้ามาในคฤหาสน์  แล้วเขาก็ลากผมกลับมาที่ห้องๆเดิมที่ผมตื่นมาในตอนแรกแล้วเจอว่าตัวเองกำลังโดนล่ามโซ่อยู่นั่นเอง

ทันทีที่มาถึง  เขาก็บอกว่าที่นี่คือห้องนอนส่วนตัวของเขา  และผม…จะต้องนอนกับเขาที่นี่!         

ความจริงผมก็ไม่ได้คิดมากอะไรเรื่องที่ต้องนอนห้องเดียวกับเขาหรอกนะ  เพราะเราก็ผู้ชายทั้งคู่  แต่อีกใจหนึ่งมันก็รู้สึกแปลกๆที่ต้องมานอนกับคนที่โตกว่า  ปกติผมจะนอนแต่กับน้องๆเท่านั้น

“ใช่  นายเป็นหมาน้อยของฉันนะ  ก็ต้องนอข้างๆฉันสิ”

“แต่ผมว่ามันจะดูเป็นการรบกวนเกินไปหรือเปล่าครับ  นี่มันเตียงส่วนตัวของคุณเลยนะ”

อีกอย่าง…ฐานะของผมในตอนนี้ก็ไม่ได้ต่างไปจากพ่อบ้านแม่บ้านหรือว่าคนรับใช้คนอื่นๆของเขาเลย  เผลอๆจะต่ำเตี้ยกว่าเสียด้วยซ้ำ

“ไม่เป็นไร  ฉันไม่ถือ”

เขาตอบเนิบๆก่อนจะตรงเข้ามาเอาโซ่ล่ามออกจากปลอกคอให้  จริงสิ…ตกลงผมต้องสวมไอ้ปลอกคอนี่ไว้ตลอดเวลาเลยเหรอ

แบบนี้เท่ากับว่ากลายเป็นหมาเต็มตัวเลยสินะ  ฮึก…

“ไปอาบน้ำได้แล้วล่ะ  เดี๋ยวฉันจะให้คนเอาชุดมาให้”

“จริงด้วย  เสื้อผ้าของผม…”

“คนของฉันเอามาให้เรียบร้อยแล้ว  พ่อแม่ของนายเป็นคนจัดให้เอง  มีอะไรจะถามอีกไหม?”

“มะ…ไม่มีแล้วครับ”

“ถ้างั้นก็ไปอาบน้ำได้แล้ว  ฉันจะไปเคลียร์งานที่ห้องทำงานก่อน”

“ครับ”

ผมรับคำก่อนจะเดินไปทางห้องน้ำที่เขาชี้บอกเมื่อครู่

แค่เหยียบย่างก้าวเท้าเข้ามาผมก็ขนลุกซู่  นี่น่ะเหรอห้องน้ำคนรวย  ใหญ่กว่าบ้านผมหลายเท่าเลยนะเนี่ย  แทบจะเตะบอลเล่นในห้องน้ำได้เลยด้วยซ้ำ

“อะ…อ่างอาบน้ำ  มีอ่างด้วยเหรอวะเนี่ย”

วิ่งตรงไปที่อ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ซึ่งมีน้ำอุ่นโรยด้วยกลีบกุหลาบอยู่ก่อนแล้ว  ฮะฮ้า… สดชื่นชะมัดเลย  กลิ่นก็หอมอีกต่างหาก

น่าอิจฉาจังแฮะ  คุณจักรวาลใช้ชีวิตหรูหราแบบนี้มาตลอดเลยสินะ  ไหนๆก็ไหนๆแล้ว  ร้อยวันจากนี้ขอใช้ชีวิตความเป็นหมาให้คุ้มหน่อยเถอะ

“ย้ากกกก!”

ตู้มมมม!

ผมแก้ผ้าตัวเองก่อนจะตั้งหลักแถวๆหน้าประตูห้องน้ำแล้วพุ่งกลาวกระโดดลงอ่างประหนึ่งว่ามันคอสระว่ายน้ำ  แต่อันที่จริงความกว้างและใหญ่ของมันก็เกือบจะเท่าสระว่ายน้ำอยู่แล้วล่ะนะ

พ่อครับ  แม่ครับ   รีบกลับมาเร็วๆนะ

 

ภายในห้องทำงานขนาดใหญ่  จักรวาลกำลังนั่งเซ็นเอกสารที่ลูกน้องของเขาเอามาให้  ที่โต๊ะทำงานของเขามีรูปของชายสูงวัยคนหนึ่งตั้งอยู่

“บอสครับ  เมื่อสักครู่ทาง V.9 รายงานมาว่าคุณอวกาศจะบินกลับมาในอีกสามวันครับ”

“กลับ?”

“…”

“หมอนั่นรู้เรื่องแล้วสินะ”

“ใช่ครับ  จะเอายังไงดีครับบอส  จะให้คุณอวกาศเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย  หรือจะให้ผมกันเขาออกไปครับ” 

คำถามของอีกฝ่ายทำให้จักรวาลหยุดนิ่งคิด  ก่อนจะเบนสายตาไปมองรูปชายสูงวัยที่ตั้งอยู่กลางโต๊ะด้วยสายตาขบคิด

“ท่านไม่ต้องเป็นห่วง  ลูกๆของท่าน  ผมจะปกป้องให้ได้ครับ”

เขาเอ่ยเสียงเรียบกับรูปถ่ายนั้น  สายตาที่เย็นยะเยือกเหมือนน้ำแข็งคู่นั้นช่างน่าพิศวงเหลือเกิน

“เตรียมคนไปรอรับคุณอวกาศที่สนามบิน  ถ้าเขามาถึงให้พามาพบฉันทันที  ห้ามพาไปที่ไหนก่อนเด็ดขาด”

“แต่ว่าคุณอวกาศบอกเอาไว้ว่าถ้ามาถึงจะขอไปเห็นหน้าว่าที่เจ้าสาวของบอสก่อนนะครับ”

“ไม่จำเป็น  ถ้าเขาขัดคำสั่ง  ฉันอนุญาตให้ใช้ไม้แข็งได้”

“ครับบอส”

จบการรายงานของวันนี้  จักรวาลลงมือเซ็นเอกสารอีกครั้ง  ขณะที่ในหัวกำลังคิดเรื่องบางเรื่องอยู่  เขากำลังเตรียมพร้อมรับมือปัญหาใหญ่ที่กำลังจะตามมาในไม่ช้า

ปัญหาที่อาจพลิกชีวิตของใครหลายคนได้ในครั้งเดียว…

 

“เดี๋ยวจอดตรงป้ายรถเมล์ข้างหน้าเลยนะครับ  ไม่ต้องขับไปถึงหน้าโรงเรียน  ผมเดินเองได้”

บอกคนขับรถพร้อมกับชี้จุดที่ต้องการจะลงให้ดู  ขืนให้ขับรถคันใหญ่หรูหราขนาดนี้ไปส่งถึงหน้าโรงเรียนมีหวังแตกตื่นกันหมดแน่ๆ

“แต่ว่า…บอสสั่งเอาไว้…”

“เชื่อผมเถอะครับ  เดินอีกไม่ถึงร้อยเมตรก็โรงเรียนผมแล้ว  ไม่เป็นไรหรอก”

“แต่…”

“ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น  ผมจะบอกคุณจักรวาลเอง  ขอบคุณมากนะครับที่มาส่ง”

ผมเอ่ยขอบคุณคนขับรถก่อนจะรีบเปิดประตูรถลงมาแล้วเดินต่อไปเอง

สรุปว่าเมื่อคืนคุณจักรวาลก็ไม่ได้กลับมานอนที่ห้อง  แม่บ้านที่เอาเสื้อผ้ามาให้ผมบอกว่าเขามีงานต้องทำและต้องออกไปข้างนอกกะทันหัน  ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนเช้าที่ออกมาโรงเรียน  ผมก็เลยยังไม่ได้เจอเขาเลยสักครั้ง

ซุบซิบๆๆๆๆๆ

นั่นปะไร  ซื้อหวยทำไมไม่ถูกแบบนี้บ้างวะ!  ไม่สิ  ผมเคยมีเงินซื้อหวยเสียที่ไหน  แต่ก็นั่นแหละ  ผมเหลือบตามองไปรอบๆ  พวกนักเรียนและครูอาจารย์ทั้งหลายที่เห็นผมพากันซุบซิบพูดถึงเรื่องเมื่อวานยกใหญ่

คิดถูกจริงๆนั่นแหละที่ไม่ให้คนขับรถของคุณจักรวาลมาส่งถึงหน้าโรงเรียน

“กูว่าแม่งต้องไปติดหนี้มาเฟียมาแน่เลยว่ะ  สงสัยเม่อวานคงโดนอุ้มไปซ้อม  พวกเราอย่าไปเข้าใกล้เลยว่ะ  เดี๋ยวจะโดนหางเลขไปด้วย”

สาบานกับกูว่าพวกมึงกระซิบกันแล้วไอ้เหี้ย!   ได้ยินเต็มสองรูหูเลยเหอะ

“คงจะรอดมาได้อย่างหวุดหวิดแน่ๆเลย  น่ารังเกียจเนอะ  ไม่รู้ว่าจะแอบค้ายาหรือเป็นส่งยาหรือเปล่า”

เดี๋ยวนะครับแม่สาวน้อย  กูแค่เป็นหนี้เว้ย  ไมได้เป็นลูกกระจ๊อกให้พวกมาเฟีย!  ที่สำคัญ…ถึงกูจะจนแต่กูก็ไม่เคยคิดที่จะเรื่องผิดกฏหมาย!

“จนแล้วยังจะเลวอีก  อย่าไปเข้าใกล้เลยพวกเรา”

และอีกสารพัดคำด่าที่ทุกคนต่างก็ติ๊ต่างคิดกันเอาเองว่าผมจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้  ให้ตายสิ  นี่มันหนักกว่าเมื่อก่อนอีกนะเนี่ย ก่อนหน้านี้ผมก็แค่เป็นบุคคลไร้ตัวตนที่ไม่มีใครสนใจ  ทว่าตอนนี้ทุกคนกลับพากันสนใจเรื่องของผม  เพียงแต่…

ประเด็นที่ถูกทำให้สนใจแม่งโคตรจะเลวร้ายเลย!

แค่ถูกมาเฟียมาอุ้มไปวันเดียว  กลับมาอีกทีผมแทบจะกลายเป็นอาชญากรในสายตาของทุกคนไปแล้ว

กว่าจะเดินมาถึงห้องได้ก็เล่นเอาหนาชาไปหมด  ชาเพราะต้องทนกับคำด่าคำดูถูกมากมายที่ไม่มีมูลความจริง  ทั้งห้องเงียบกริบทั้งที่ตอนแรกยังส่งเสียงคุยกันจ้อกแจ้ก  ทุกสายตาหันมาจับจ้องที่ผมเพียงนเดียวราวกับผมเป็นตัวประหลาด

ผมก้มหน้าก้มตา  ไม่สบตาใครทั้งสิ้นเพื่อจะเดินไปที่โต๊ะของตัวเอง  เอาวะ!  อดทนอีกไม่กี่เดือนที่นั้นก็จะจบมอหกแล้ว  ผมต้องทำได้…  ต้องทำได้…

พลั่ก!

โครม!!!

“อั้ก!”

ขาของใครบางคนยื่นมาสกัดผมไว้จังหวะที่กำลังจ้ำอ้าวไปที่โต๊ะ  ผมสะดุดขานั้นจนหน้าทิ่มล้มลงไปกับพื้น  โชคร้ายที่ตรงหน้าผมมีเก้าอี้ของใครไม่รู้ตั้งอยู่ด้วย  คางก็เลยไปกระแทกเข้ากับมันเต็มๆจนรับรู้ได้ถึงกลิ่นคาวเลือดภายในปาก

“โอ๊ะ!  โทษที  พอดีกูเมื่อยขากะทันหัน”

‘เฟี้ยว’  หัวโจกประจำโรงเรียน  เที่ยวมีเรื่องต่อยตีกับคนอื่นไปทั่ว  แต่เพราะแม่เป็นเจ้าของโรงเรียนนี้และบวกกับมันมีหน้าที่ดีมากก็เลยเป็นหนุ่มฮอตคนหนึ่งของโรงเรียน  ต่อให้มันทำเหี้ยแค่ไหนคนก็มองว่าเป็นเรื่องดีตลอด

และครั้งนี้ก็เหมือนกัน…

“เลือดออกด้วยว่ะ  อ่อนแอฉิบหาย  ฮ่าๆๆๆ”

บรรดาลูกกระจ๊อกของไอ้เฟี้ยวพากันหัวเราะสมหน้าผม  เมื่อพวกนี้เริ่มปฏิบัติการกลั่นแกล้งใคร  ร้อยทั้งร้อยจะไม่มีใครสามารถทนได้เกินเจ็ดวัน  พอเข้าวันที่แปดจะต้องลาออกกันไปทุกราย  ที่ผ่านมาเพราะผมใช้ชีวิตแบบไร้ตัวตนมาตลอดก็เลยไม่เคยตกเป็นเป้า  แล้วทำไมจู่ๆ…

ผมเลือกที่จะไม่สนใจทั้งที่คนทั้งห้องกำลังรุมหัวเราะใส่ผม  แต่ยังไม่ทันที่จะยันตัวลุกขึ้นมาได้  ก็มีก้อนกระดาษกลมๆก้อนหนึ่งถูกปามาจากใครสักคนในห้องโดนเข้าเต็มๆหัวผม

ป้อก!

ป้อก!

ป้อก!

ป้อก! ป้อก! ป้อก!

เมื่อมีคนแรกทำ  คนอื่นๆก็เริ่มทำตาม  ผมกำกระเป๋านักเรียนไว้แน่น  พยายามข่มความโกรธเพราะไม่อยากจะสร้างปัญหาให้ชีวิตไปมากกว่านี้  แค่เท่าที่เป็นอยู่ก็นักหนาพอแล้ว  ถ้าผมไม่ตอบโต้  พวกเขาอาจจะเลิกราไปเองก็ได้

พลั่ก!!!

“เฮ้ยย!  โทษทีๆ  กูหยิบผิดว่ะ  กะจะหยิบชอล์ก  แต่เสือกหยิบผิดเป็นแปรงลบกระดาน”

ติ๋ง…

น้ำสีแดงสดไหลย้อยจากหัวลงมาข้างแก้ม  คนที่ปาแปรงลบกระดานใส่หัวผมเมื่อกี้ก็คือ ‘โชเล่’  ลูกน้องคนสนิทของไอ้เฟี้ยว  ความจริงฐานะที่บ้านมันเองก็เข้าขั้นจนไม่ต่างจากผมนักหรอก  แต่เพราะมันเลียแข้งเลียขาเก่ง  ไอ้เฟี้ยวก็เลยให้มันเป็นลูกน้องคนสนิท  พอมีบารมีของไอ้เฟี้ยวคุ้มหัวอยู่  มันก็เลยทำกร่างกับคนอื่นไปทั่วและไม่เคยกลัวใครนอกจากไอ้เฟี้ยวคนเดียว

“พอได้แล้ว!  กูไม่อยากไล่บี้ลูกหมาที่จนตรอก  แค่นี้มันก็กลัวจนตัวสั่นแล้ว”

ไอ้เฟี้ยวตะโกนขึ้น  เมื่อหัวโจกออกคำสั่ง  คนอื่นๆก็พร้อมจะหยุด  ผมไม่รู้เหตุผลเลยว่าทำไมจู่ๆถึงกลายเป็นเป้าให้ไอ้เฟี้ยวเล่นงาน  หรือเป็นเพราะเรื่องที่ผมถูกมาเฟียอุ้มไปเมื่อวาน?  ไม่สิ  ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลยสักนิดเดียว

ผมเดินมาถึงโต๊ะของตัวเองในที่สุด  จัดการถลกชายเสื้อขึ้นจนถึงหัวเพื่อซับเลือดเพราะตัวผมไม่มีผ้าเช็ดหน้าหรือกระดาษทิชชู่ติดตัว  อ๊ะ  จะว่าไป…ผมไมได้เอาข้าวกลางวันมานี่นา  เพราะไม่ได้อยู่บ้านของตัวเองก็เลยลืมไปหมด  เงินก็ไม่มีติดตัวสักบาท  แบบนี้ก็หมายความว่ากลางวันนี้ผมจะต้อง…

…อดข้าวอีกแล้วสินะ

 

ออด….

“เอาล่ะ  ได้เวลาพักทานข้าวแล้ว  เจอกันคาบบ่ายนะทุกคน”

อาจารย์ประจำวิชาบอกเลิกชั้น  ตลอดทั้งคาบเช้า  ผมรู้สึกได้ว่าตัวเองถูกมองและนินทาอยู่ตลอดเวลา  เลือดที่หัวแห้งไปแล้วก็จริง  แต่ที่ไหลลงมาเปื้อนในตอนแรกมันแห้งเกรอะกรังติดใบหน้าอยู่  ส่วนชายเสื้อก็มีแต่เลือดติดเต็มไปหมด  แน่นอนว่าไม่มีอาจารย์คนไหนกล้าถามหรือช่วยเหลือผมเพราะกลัวอำนาจของไอ้เฟี้ยวกันทั้งนั้น

ทุกคนในห้องพากันลุกเดินออกไปเพื่อซื้อข้าวกินที่โรงอาหาร  ส่วนคนที่เอาข้าวมากินเองก็หยิบกล่องข้าวสวยๆที่ข้างในมีกับข้าวน่าอร่อยออกมา  มีเพียงผมเท่านั้นที่ยังนั่งนิ่ง  บนโต๊ะว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย  ชักจะหิวแล้วสิ  ไม่น่าลืมเลยเรา  เฮ้อ!!!

เผละ!!!

ความคิดยังไปไม่ถึงไหน  ไอ้เฟี้ยวเจ้าเก่าเจ้าเดิมก็เดินเอาสปาเก็ตตี้มาเทลงบนโต๊ะนักเรียนของผม

มึงไม่คิดจะให้กูได้พักหายใจหายคอบ้างเลยหรือไงวะ! หาเรื่องแม่งตลอดวันเลย!

“กูบริจาคให้  คนจนๆอย่างมึงคงไม่เคยแดกสินะ  เอาซิ  แดกเลย  แดกให้อร่อยด้วยนะมึง”

“แดกเลยๆๆๆๆๆ!!!!!”

บรรดาลูกกระจ๊อกของมันเริ่มส่งเสียงเชียร์   ผมกำหมัดแน่น  กัดฟันระงับความโกรธจนเส้นเลือดตรงขมับปูดบวม 

“รออะไรล่ะวะ  นี่อาหารชั้นเลิศเลยนะเว้ย  กูอุตส่าห์เอามาบริจาคให้มึงแทนที่จะเอาไปทิ้งขยะ  มึงก็ควรจะขอบคุณกูแล้วรับไว้ด้วยความดีใจไม่ใช่หรือไง”

ดวงตาสั่นไหวเงยหน้ามองคนพูด  คำถามมากมายถูกส่งผ่านทางสายตา  ผมอยากรู้ว่ามันมีเหตุผลอะไรถึงต้องทำกับผมแบบนี้  ทว่าสายตาที่มองกลับมามันเต็มไปด้วยความสะใจ  ราวกับว่ามันกำลังระบายความโกรธอะไรสักอย่างใส่ผม

“แดกเลยๆๆๆ”

“แดกสิวะ!”

ไอ้โชเล่ตรงเข้ามาบีบแก้มผมจนปากห่อกันเป็นรูปตัวโอ  มืออีกข้างของมันหยิบสปาเก็ตตี้ขึ้นมา  ผมรู้ชะตากรรมตัวเองแล้วว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นในไม่ช้านี้

ทำไม…

ทำไมชีวิตกูต้องเจอเรื่องแบบนี้ด้วย!!!

“เอ้า!  แดกเข้าไปซะ!!!”

“!!!”

ผมหลับตาปี๋  นึกน้อยใจในชะตากรรมของตัวเองจนแทบไม่อยากจะอยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว…

หมับ…

 

“ถ้าแกยังกล้าแตะต้องหมาน้อยของฉันอีกแม้แต่ปลายเส้นผม   ฉันจะฆ่าแก”

 

เสียงที่ดังขึ้นทำให้ผมต้องรีบลืมตาขึ้นมอง  มือของไอ้โชเล่ที่บีบแก้มผมอยู่ในตอนแรกถูกมือของใครบางคนบีบอาไว้อีกทีจนมันต้องปล่อยมืออกจากหน้าผมอย่างรวดเร็ว  มีเสียงกร๊อบดังตามมาพร้อมๆกับใบหน้าของไอ้โชเล่ที่เหยเกก่อนจะร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด

“คะ…คุณจักรวาล”

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพตอนที่สี่แล้วจ้า  พระเอกก็ไม่ค่อยต่างอะไรกับตำรวจ  ชอบโผล่มาจอนจะจบเรื่องอยู่เรื่อย 5555+  ชีวิตของน้องไทม์ช่างน่าสงสารซ้ำซ้อนเสียเหลือเกิน  แต่ว่านะ…ทำไมจู่ๆเฟี้ยวถึงได้กลั่นแกล้งน้องไทม์ขึ้นมาล่ะ?   อย่ามองข้ามตัวละครเฟี้ยวตัวนี้เด็ดขาด  ไม่แน่ว่านานๆไปนักอ่านอาจจะหลงรักเฟี้ยวก็ได้นะ  ขอบคุณที่ติดตามกันนะค้า >__<
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 4 (06/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 06-08-2017 15:19:48
 :m16:


 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 4 (06/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 06-08-2017 15:21:39
จักรวาล ใส่ไอ้เล่หนักๆ  :z6: :z6: :z6:
มันทำเกินไปแล้ว เล่นถึงเลือด
แล้วจะให้หมาน้อยกินอาหารที่เทบนโต๊ะเรียนด้วย
เขาไม่ใช่หมาจริงๆนี่ งั้นเล่กินก่อนละกัน  :hao3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
     
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 4 (06/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 06-08-2017 18:25:21
ก็คงอีกนานกว่าจะคิดว่าเฟี้ยวน่ารัก แต่ตอนนี้เอาเปลือกทุเรียนไปก่อนเลย // ปาใส่รัวๆ
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 4 (06/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 06-08-2017 21:58:38
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 4 (06/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 06-08-2017 22:14:16
นายเอกรันทดได้อีก
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 4 (06/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 06-08-2017 22:14:52
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 4 (06/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: SiHong ที่ 07-08-2017 00:35:28
 :pig4:
หัวข้อ: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 5 (07/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 07-08-2017 12:37:17


ตอนที่ 5

หมาน้อยของจักรวาล

 

ไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลยว่า  คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมในตอนนี้จะเป็นคุณจักรวาลจริงๆ  ด้านหลังเขามีบอดี้การ์ดยืนประกบอยู่สองคน  และดูเหมือนว่าที่ด้านนอกก็จะมีอยู่อีก (ขนมากี่คนวะเนี่ย?)  นักเรียนในห้องพากันแตกฮือออกเป็นสองฝั่ง  ไอ้โชเล่รีบวิ่งไปหลบอยู่ข้างหลังของไอ้เฟี้ยวด้วยท่าทีหวาดกลัว  มือข้างหนึ่งห้อยโตงเตงสีหน้าเจ็บปวด

กระดูกข้อมือยังอยู่ดีใช่ไหม?

“ดูเหมือนว่าหมาน้อยของฉันจะบาดเจ็บนะ”

ร่างสูงโค้งตัวลงมาหาผมที่นั่งจ๋องอยู่บนเก้าอี้

มือข้างหนึ่งแตะเข้าที่หัวผมอย่างแผ่วเบาตรงบริเวณที่ถูกไอ้โชเล่ปาแปรงลบกระดานใส่

“คุณ…มาได้ยังไงครับ”

“แม่บ้านโทรมาบอกว่านายไม่ได้เอาปิ่นโตที่เขาทำไว้ให้มา  อีกอย่าง…ฉันไม่คิดว่านายจะมีเงินติดตัวก็เลยรีบประชุมให้เสร็จเพื่อมาหานายนี่แหละ”

คำพูดที่เหมือนผมเป็นคนสำคัญคนหนึ่งของเขาทำให้หัวใจอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก  เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นที่ต้องการของใครสักคน…

“แต่เรื่องนั้นช่างมันก่อน  บอกฉันได้ไหมว่าทำไมนายถึงบาดเจ็บ”

สิ้นคำถามของคุณจักรวาล  ผมก็เหลือบตามองคนทั้งห้องที่เป็นต้นเหตุของเรื่องเมื่อเช้าทั้งหมด  ทุกคนดูมีสีหน้าหวาดกลัว  นัยน์ตาสั่นระริกราวกับกำลังอ้อนวอนขอให้ผมปกป้องพวกเขา

“คือ…”

“บอกมา  ฉันจะจัดการทุกคนที่บังอาจมาแตะต้องหมาน้อยของฉัน”

แววตาที่เคยว่างเปล่าของเขา  บัดนี้ดูน่ากลัวและจ้องเขม็งไปยังคนในห้องทีละคนๆ  ทำเอาบางคนถึงกับเข่าอ่อนร่ำไห้ขอชีวิตออกมา

“ผะ…ผะ…ผมขอโทษ  ผมไม่ได้ตั้งใจ  ผมแค่ทำตามที่คุณเฟี้ยวสั่งเท่านั้น  เพราะถ้าไม่ทำผมก็ต้องถูกเขม่นแทน  ผมขอโทษ!”

คนที่เป็นคนเริ่มปากระดาษใส่ผมเป็นคนแรกยกมือไหว้ท่วมหัว  คุณจักวาลผละออกจากผมเดินเข้าไปหามันด้วยท่าทีเย็นยะเยือกสุดๆ

หมับ!

ลำคอของมันถูกเขาบีบไว้ด้วยมือเดียว  มันค่อยๆลุกขึ้นตามจังหวะแขนของเขา  แต่จากสีหน้าที่ดูเจ็บปวดของมันแล้ว  ดูท่าคงไม่ใช่การจับคอกันธรรมดาแน่

แบบนี้มันบีบคอชัดๆ!

“ผมขอโทษ  ฮึก…อย่าฆ่าผมเลย  ผมขอโทษ…”

“แก…ทำอะไรหมาน้อยของฉัน”

“ผม…ผม…”

“คุณจักรวาล!  พอเถอะครับ  อย่าให้เป็นเรื่องใหญ่เลย  ผมไม่ได้เป็นอะไรสักหน่อย”

ตะโกนห้ามพลางตั้งท่าจะลุกขึ้นไปรั้งเขาเอาไว้  ทว่าบอดี้การ์ดทั้งสองคนของเขากลับกดตัวผมให้นั่งลงที่เดิมจนขยับไปไหนไม่ได้

ไอ้พวกบ้าเอ๊ย!  เจ้านายพวกมึงกำลังจะฆ่าคนตายอยู่รอมร่อแล้วยังทำใจเย็นอยู่อีกเรอะ!

“ตอบมา…”

“…”

“แกทำอะไรหมาน้อยของฉัน!!!”

อย่าว่าแต่ทุกคนสะดุ้งเลย  ตัวผมเองก็สะดุ้งกับเสียงตวาดอันทรงพลังของเขาเหมือนกัน  ความน่ากลัวแผ่รังสีกระจายออกมาจากตัวคุณจักรวาล…

“ผม…ผม…คร่อก!”

ยังไม่ทันได้ตอบคำถาม  มันก็กลัวจนเป็นลมสลบไปเสียก่อน  คุณจักรวาลมองร่างนิ่งของมันต่อไม่ถึงสามวินาทีก็โยนกระเด็นไปที่มุมห้องราวกับมันเป็นแค่ขยะชิ้นหนึ่ง

สาบานได้เลยว่าเขาในตอนนี้ดูน่ากลัวต่างจากปกติมากถึงมากที่สุด  ดูโหดเหี้ยม  ร้ายกาจ  เหมือนปิศาจในคราบของมนุษย์…

“ถ้ามีใครยอมบอกว่าแผลที่หัวของหมาน้อยเป็นฝีมือใคร  ฉันจะไว้ชีวิต”

พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ!

เพียงคำพูดประโยคเดียว  คนทั้งห้องก็พร้อมใจกันชี้นิ้วไปที่ไอ้โชเล่ที่ยังยืนตัวสั่นอยู่ข้างหลังไอ้เฟี้ยว  มันเบิกตากว้างจนลูกตาแทบถลนก่อนจะตะโกนลั่นออกมา

“ไอ้พวกเหี้ย!  ทำไมโยนความผิดให้กูคนเดียวล่ะวะ  คนที่หัวเราะสนุกสนานตอนแกล้งมันก็พวกมึงด้วยไม่ใช่หรือไง!”

“แต่คนที่ปาแปรงลบกระดานใส่หัวไทม์จนหัวแตกก็คือมึงนะ!”

“ไอ้จ๋อง!  ไอ้คนทรยศ!”

“ออกไปให้หมด”

การเถียงกันถูกหยุดลงด้วยคำสั่งนิ่งๆของคุณจักรวาล  บอดี้การ์ดทั้งสองที่ได้ยินคำสั่งนั้นจัดการไล่ทุกคนในห้องออกไปก่อนจะปิดประตูล็อคห้องเรียบร้อย  และแยกย้ายกันไปยืนเฝ้าประตูหน้าคนหนึ่ง  ประตูหลังคนหนึ่ง  ตรงหลังห้องเลยเหลือแค่ผม  คุณจักรวาล  ไอ้เฟี้ยว  และไอ้โชเล่

จะว่าไป  ตั้งแต่ที่คุณจักรวาลปรากฏตัวขึ้น  ไอ้เฟี้ยวก็เงียบไปเลย  มันเอาแต่ยืนจ้องหน้าเขาราวกับมีความแค้นกันมาแต่ชาติปางก่อน

หรือผมจะคิดไปเองนะ?

“ดะ…ได้โปรดไว้ชีวิตผมด้วย  ผมไม่รู้จริงๆว่าไอ้ไทม์…”

“…”

“เอ่อ…คุณไทม์…”

มันเปลี่ยนสรรพนามเรียกผมเมื่อเจอสายตาดุดันของคุณจักรวาลเข้าไป  ทำไมกันนะ…ทั้งที่สิ่งที่เขาทำทั้งหมดมันก็เพื่อผม  แต่ผมกลับรู้สึกว่าเขาน่ากลัวเกินไป…

“ผมไม่รู้ว่าคุณไทม์เป็นคนของท่านจักรวาล ผมมันโง่  ผมต้องขออภัยจริงๆครับ!”

“ไม่ใช่คนของฉัน”

“ครับ?”

“หมาน้อยต่างหาก”

“…”

“หมอนี่คือหมาน้อยของจักรวาล  แกได้แตะต้องสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับฉันไปแล้ว  แกคิดว่าฉันสมควรจะปล่อยให้แกมีชีวิตรอดมาทำร้ายหมาน้อยของฉันอีกงั้นเหรอ?”

“ผะ…ผม…”

“คนอย่างฉัน  ไม่เคยไว้ชีวิตใครก็ตามที่ทำร้ายสิ่งสำคัญของฉัน  จำใส่หัวไว้ซะ”

น้ำเสียงที่เย็นชืดเหมือนซากศพนั้นสร้างความผวาให้ผมไปด้วย  ผมนั่งกำหมัดแน่น  ลุ้นจนตัวเกร็งว่าเขาจะทำอะไรไอ้โชเล่

ถึงผมจะเกลียดมันมากในสิ่งที่มันทำกับผม  แต่ว่า…ผมก็ไม่เคยต้องการให้มันตาย  ไม่ได้ต้องการให้มันชดใช้ในสิ่งที่มันทำไว้ด้วยความตายเสียหน่อย!

“ไว้ชีวิตผมด้วย  ได้โปรดไว้ชีวิตผมด้วย!!!”

ตึก…

“ถ้าแกกล้าแตะต้องคนของฉันก็ลองดู”

สิ่งที่น่าเหลือเชื่อยิ่งกว่าการที่คุณจักรวาลกำลังย่างสามขุมเข้าไปหาไอ้โชเล่ก็คือไอ้เฟี้ยวที่เดินมาดักหน้าไว้ต่างหาก!

มันเข้าไปยืนประชันหน้ากับคุณจักรวาลแบบตาต่อตาฟันต่อฟันอย่างไม่เกรงกลัว!

“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนาย  ถอยไป”

“ไอ้โชเล่เป็นคนของฉัน  ถ้าคิดจะทำอะไรมัน  ก็ข้ามศพฉันไปก่อน”

“เฟี้ยว…”

หือ???

ผมขมวดคิ้วมุ่นเมื่อคุณจักรวาลเรียกชื่อไอ้เฟี้ยวออกมา  แบบนี้ก็เท่ากับว่า…สองคนนี้รู้จักกันงั้นเหรอ!!!

“เอาสิ  จัดการฉันเลย!!  คนที่ออกคำสั่งให้แกล้งไอ้ไทม์ก็คือฉันเอง!”

“อะไรนะ?”

“ทุกสิ่งที่แกให้ความสำคัญ  ไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์  หรือว่าสิ่งของ  ฉันจะทำลายมันให้หมด”

“ฉันไม่อยากเป็นศัตรูกับนาย  ถอยไปแล้วส่งตัวมันมาให้ฉัน”

“ไม่มีทาง”

ทั้งสองคนยังคงจ้องตากันต่อไม่ลดละ  ผมมองหน้าคุณจักรวาลสลับกับไอ้เฟี้ยวด้วยความสงสัยมากๆว่าพวกเขารู้จักกันใช่หรือเปล่า  แต่ในสถานการณ์แบบนี้คงไม่ใช่เวลาที่จะมาถามหรอก

ก๊อกก๊อกก๊อก!

“ใครอยู่ข้างในน่ะ  เปิดประตูเดี๋ยวนี้นะ  ทำอะไรกัน!”

เสียงนี้มัน…

“อาจารย์มารีอา!”

ไอ้โชเล่ตะโกนขึ้น  พอได้ยินชื่อของอาจารย์มารีอา  คนสองคนที่ทำท่าเหมือนจะพุ่งเข้าห้ำหั่นกันในตอนแรกก็ดูสงบลงไปเยอะ   พวกเขาผละตัวออกจากกันก่อนที่คุณจักรวาลจะหันไปมองหน้าบอดี้การ์ดที่ยืนเฝ้าประตูหน้าไว้เป็นเชิงบอกให้เปิดประตู

แอ๊ด…

เมื่อประตูห้องเปิดออก  ร่างของอาจารย์มารีอาก็พุ่งเข้ามาทันที

“เฟี้ยว!  กะแล้วเชียว  นี่เธอก่อเรื่องอีกแล้วใช่…”

อาจารย์มารีอาเงียบไปหลังจากที่เดินดุ่มๆเข้ามาถึงตัวไอ้เฟี้ยวแล้วทำให้เห็นหน้าคนที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามมันไปด้วย  เธอนิ่งชะงักไปราวกับหุ่นยนต์ถูกถอดแบต

“จักรวาล…”

“มารีอา…สบายดีนะ”

“อะ…อื้ม  ฉัน…สบายดี”

เธอตอบกลับด้วยเสียงและใบหน้าที่เศร้าเหมือนคนกำลังจะร้องไห้แต่พยายามกลั้นเอาไว้  ไอ้เฟี้ยวที่ยืนอยู่ด้านหลังเธออีกทีมองหน้าเธอสลับกับคุณจักรวาลด้วยแววตาที่อัดแน่นไปด้วยความโกรธ

“ขอโทษที่มารบกวน  ฉันแค่มารับหมาน้อยของฉัน  กำลังจะกลับแล้วล่ะ”

“หมาน้อย?”

เธอทวนคำ  คุณจักรวาลไม่ตอบ  แต่เดินตรงเข้ามาฉุดผมให้ลุกขึ้นก่อนจะอุ้มพาดบ่าในทันที!

เดี๋ยวนะเฮ้ย!  มาอุ้มกูแบบนี้ได้ยังไงฟะ!!!

“ปะ…ปล่อยผมลงนะครับ!”

“วันนี้ฉันจะยอมปล่อยไป   แต่อย่าให้ฉันรู้ว่ามีใครรังแกหมาน้อยของฉันอีก  เพราะถ้ามีครั้งหน้า…พวกแกเตรียมบอกลาโลกนี้ได้เลย”

คุณจักรวาลพูดทิ้งท้ายไว้  เขาโฟกัสไปทางไอ้เฟี้ยว  ไอ้โชเล่เป็นพิเศษ  แต่แน่นอนว่าคนอื่นๆที่ยืนอยู่หน้าห้องก็ได้ยินไปด้วย

“กลับ”

ออกคำสั่งกับบรรดาบอดี้การ์ดก่อนจะเดินนำไปเป็นคนแรก  ผมเงยหน้ามองอาจารย์มารีอาที่ยังมองตามมาอยู่ด้วยความอยากรู้แบบสุดๆ

มันต้องมีอะไรแน่ๆ

ระหว่างคุณจักรวาล  ไอ้เฟี้ยว  และอาจารย์มารีอา…

พวกเขาทั้งสามคนรู้จักกัน!

 





หลังจากที่จักรวาลและพวกออกไปแล้ว  ทั้งห้องก็จกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง  มารีอายังคงยืนนิ่งราวกับวิญญาณหลุดออกจากร่างไป

“ไอ้โชเล่  ปิดประตูห้องแล้วแล้วรออยู่ข้างนอก  อย่าให้ใครเข้ามาได้”

“ได้สิ”

โชเล่ที่เข่าอ่อนทรุดอยู่กับพื้นไปในตอนแรกรับคำแล้วรีบลุกขึ้นไปปิดประตูห้องไว้ตามคำสั่งของเฟี้ยว  ทั้งห้องเหลือแค่เขาและมารีอาสองคน

ความเงียบเข้าเกาะกินนานร่วมนาที…

“เขา…มาได้ยังไง”

หญิงสาวหันมาถามเด็กหนุ่มที่กระโดดขึ้นนั่งบนโต๊ะเรียนอย่างสบายอารมณ์   เหมือนกับว่าก่อนหน้านี้ไมได้มีอะไรเกิดขึ้น

“มันก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่ามารับหมาของมัน  จะสนใจทำไม”

“ฉันไม่คิดว่าคนอย่างจักรวาลจะมารู้จักกับเด็กคนนั้นได้น่ะสิ”

“เรื่องนั้นฉันก็ไม่รู้  แต่ที่แน่ๆ…สำหรับจักรวาล…หมอนั่นต้องสำคัญสุดๆ”

“เจ็บแฮะ…”

มารีอาพึมพำ  หยาดน้ำใสๆไหลออกมาจากดวงตาคู่สวย  เฟี้ยวหน้าเสียเมื่อหญิงสาวตรงหน้าเริ่มร้องไห้หนักขึ้น

หมับ!

“ยัยบ้า  อย่ามาร้องไห้ตรงนี้นะ”

เขาลุกขึ้นไปหาเธอ  มารีอาสูงแค่หน้าอกของเขาเท่านั้น  หญิงสาวปาดน้ำตาทิ้ง  ทว่ามันก็ไหลลงมาอีก  เฟี้ยวขยี้ผมตัวเองอย่างหัวเสียก่อนจะยกมือขึ้นจับหัวของเธอไว้แล้วดันให้ซบลงที่แผงอกเบาๆ

“ห้ามสั่งน้ำมูกเด็ดขาดล่ะ”

ฟืด!!!

“ยัยบ้า!  ก็บอกว่าอย่าสั่งน้ำมูกไงเล่า!”

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพตอนที่ห้าแล้วค่า  ความสัมพันธ์ระหว่างจักรวาล  มารีอาและเฟี้ยวเป็นยังไงกันนะ  ดูเหมือนว่าในโรงเรียน  ไม่สิ  ในโลกนี้จะมีแค่เฟี้ยวเท่านั้นที่กล้าต่อกรกับจักรวาล  ไม่รู้ว่าเฟี้ยวจะมีแผนร้ายอะไรในหัวอีก  แต่ดูท่าคนซวยคงจะหนีไม่พ้นน้องไทม์ของพวกเราแล้วล่ะ   มาเอาใจช่วยพวกเขากันต่อไปนะค้า

หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 5 (07/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 07-08-2017 15:09:09
 :L2: :pig4: :L2:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 5 (07/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 07-08-2017 16:22:17
 :hao7: :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 5 (07/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 07-08-2017 18:17:17
เหมือน จักรวาล เฟี้ยว มารีอา รู้ตัวตนจริงของไทม์กันหมด  ยังไง :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 5 (07/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 07-08-2017 19:18:55
มารีอาเป็นอาจารย์ไม่ใช่เหรอ ทำไมปล่อยให้เด็กนักเรียนพูดแบบนั้นกับตัวเองที่มีสถานะเป็นอาจารย์  :m28:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 5 (07/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 07-08-2017 20:21:23
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 5 (07/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 07-08-2017 20:38:55
เอ๊ะๆ ซับซ้อนแล้วอะ
หัวข้อ: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 6 (08/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 08-08-2017 13:41:12


ตอนที่ 6

ตัวตนที่แท้จริง

 

“ฉันจะขับรถเอง  พวกนายทุกคนกลับไปรอที่บ้าน”

“แต่ว่าบอส…”

“อย่าขัดคำสั่ง”

คุณจักรวาลที่ยักแบนผมอยู่บนบ่าเอ่ยย้ำอีกครั้ง  บอดี้การ์ดทั้งหมดจำต้องรับคำสั่งแต่โดยดี   หาไม่หัวอาจจะหลุดออกจากคอได้

“เอากุญแจรถมอเตอร์ไซค์มา”

“นี่ครับ”

เมื่อไหร่จะสนทนากันเสร็จสักทีเนี่ย  จับกูห้อยหัวจนเลือดจะไหลลงหัวตายแล้วเฟ้ย!

คุณจักรวาลเดินจ้ำอ้าวข้ามไปยังถนนอีกฝั่ง  ก่อนจะวางผมลงบนฟุตบาตรริมถนนอย่างเบามือ  ข้างๆเรามีรถช้อปเปอร์สีดำคันใหญ่จอดอยู่

“ใส่ซะ”

หมวกกันน็อกที่มีอยู่เพียงอันเดียวถูกส่งมาให้  ผมรับมาถือไว้อย่างงงๆแต่ก็ยังไม่ได้ใส่มัน

“แล้วของคุณล่ะ”

“นายเห็นหรือเปล่าว่ามันมีกี่ใบ”

“ถ้างั้นคุณใส่เถอะ  คุณเป็นคนขับนี่!”

“ฉันบอกให้นายใส่”

น้ำเสียงและสีหน้าที่นิ่งพอๆกันทำให้ผมไม่กล้าปฏิเสธ  รีบยัดหัวเข้าไปในหมวกกันน็อคก่อนที่คนตรงหน้าจะอารมณ์ฉุนเฉียวมากไปกว่านี้

คุณจักรวาลขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์และสตาร์ทรถรอผมที่กำลังตะเกียกตะกายขึ้นไปซ้อนท้ายเขาอยู่อย่างทุลักทุเล  รถเตี้ยๆคันเล็กๆไม่มีขับหรือไงฟะ  ไอ้คันนี้มันทำมาให้พวกคนตัวสูงๆขายาวๆชัดๆ!!!

หมับ!

“เหยียบตรงนั้นแล้วขึ้นมา”

อีกฝ่ายที่คงทนสมเพชผมไม่ไหวเอื้อมมือมาจับแขนผมไว้ข้างหนึ่งเพื่อจะช่วยดึงขึ้นไป  สาบานทีว่ากูกำลังจะขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ไม่ได้ปีนตึกใบหยก!  ทำไมถึงดูลำบากลำบนขนาดนี้

ตุ้บ!

ขึ้นมาได้ในที่สุด…

“เกาะแน่นๆล่ะ”

“ครับ!”

สิ้นคำสั่งของเขา  ผมก็เอนตัวลงพิงกับแผ่นหลังกว้างนั้นแล้วจับชายเสื้อไว้แน่น  กะว่าถ้าหงายหลังตกลงไปจริงๆ  อย่างน้อยคงกระชากเสื้อเขาขาดติดมือลงไปด้วยได้  แม้ว่ามันจะไม่ได้ช่วยอะไรผมเลยก็ตามที

“เดี๋ยวก็ตกหรอก”

“เอ๊ะ…ครับ?  เหวอออ!”

แขนทั้งสองข้างถูกดึงไปด้านหน้าเพื่อให้ผมกอดเอวเขาเอาไว้  ด้วยความตกใจก็เลยคิดจะชักแขนกลับแต่เสียงเรียบนิ่งแกมดุก็ดังขึ้นเสียก่อน

“ถ้าเอาแขนออกไปนายโดนตีแน่”

หมับ!

กอดต่ออย่างรวดเร็ว…

รถเคลื่อนตัวออกไปแล้ว  ผมเอนหัวซบบ่าเขาเพราะไม่รู้จะเอาหัวไปวางตรงไหนดีเนื่องจากลักษณะรถเป็นแบบเอนไปหาคนขับ  แถมยังโดนบังคับให้กอดเอวเขาไว้อีก  ให้ตายสิ  รู้สึกแปลกๆยังไงก็ไม่รู้  ทำไมต้องมาอยู่ในโหมดมุ้งมิ้งแบบนี้กับเขาด้วยนะ

เอ๊ะ  เดี๋ยวก่อนสิ  เหมือนผมจะลืมอะไรไปอย่างนะ  ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเลิกเรียนเลยนี่หว่า  เท่ากับว่าผมกำลังโดดเรียนวิชาที่เหลือ!!!

อ๊ากกกก!  กูเรียนที่นี่ได้เพราะเป็นนักเรียนทุนนะเว้ยยย  จะมาโดดเรียนแบบนี้ได้ยังไงกันเล่า  เดี๋ยวก็โดนเอาทุนคืนกันพอดี!

“เอ่อ  คุณจักรวาลครับ  คือว่าผมต้องกลับไปโรงเรียน…”

“ฉันให้ลูกน้องจัดการให้แล้ว  นายได้ลากลับบ้านครึ่งวัน”

“งะ…งั้นเหรอครับ”

รอบคอบดีจริงๆ  ป่านนี้ทั้งโรงเรียนคงแตกตื่นกันแย่แล้ว  ถ้าตัดภาพตอนนี้จะเป็นยังไงนะ…

โรงเรียนที่เต็มไปด้วยชายชุดดำ…

บรื๋อออ  แค่คิดก็สยองแล้ว!

รถยังคงเคลื่อนตัวต่อไป  อยากรู้จริงๆว่าเขากำลังจะพาผมไปไหนกันแน่  ยิ่งไปกว่านั้น…ไอ้เฟี้ยว  อาจารย์มารีอา แล้วก็คนๆนี้…  ผมมั่นใจว่าพวกเขาจะต้องรู้จักกัน  แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะเป็นรูปแบบไหนนั้น  ผมยังเดาไม่ออกเลย

เฮ้ออ  ช่างมันเหอะ  จะไปคิดเรื่องของคนอื่นให้รกสมองทำไม  อย่าลืมหน้าที่ของตัวเองสิไอ้ไทม์! 

 

‘หมาน้อยของจักรวาล’

 

จู่ๆคำพูดของเขาก็แวบเข้ามาในหัว   ละ…ละ…แล้วทำไมต้องใจเต้นด้วยวะ! เป็นหมาไม่เห็นจะน่าดีใจตรงไหนเลย!

เอี๊ยด!!!

รถจอดที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่งห่างจากโรงเรียนมาประมาณสิบกิโลเท่านั้น  เวลาเที่ยงๆแดดร้อนๆแบบนี้ปกติไม่มีใครเขามานั่งที่นี่กันหรอกนะ  แต่ยังดีที่มันพอจะมีร่มเงาของต้นไม้ที่เขาปลูกไว้พอให้หลบแดดได้อยู่บ้าง

“ลงไป”

“ครับ”

ผมรีบปีนลงจากรถตามที่เขาบอกก่อนจะถอดหมวกแล้วส่งคืนให้เขา

“รออยู่ที่นี่ก่อน  เดี๋ยวฉันมา”

“ทะ…ที่นี่เหรอครับ!”

“ไม่ต้องทำหน้าตกใจแบบนั้นก็ได้  ฉันไม่ทิ้งนายไว้หรอก”

มือหนายื่นมาแตะหัวผมก่อนจะยีมันเบาๆ  หลายครั้งที่เขาทำให้ผมรู้สึกอบอุ่น  ราวกับว่าตัวเองกำลังถูกดูแล  แต่พอนึกถึงสถานะหมาน้อยที่เป็นอยู่ในตอนนี้แล้วภาพความฝันที่มโนขึ้นมาเองมันก็แตกสลายหายไปในพริบตา

ก็แค่หมาเท่านั้นแหละ!

บรืน!

รถเคลื่อนตัวกลับเข้าถนน  ผมยืนมองเขาจนลับสายตาก่อนจะถอนหายใจออกมาเต็มแรง  ยืนรอไปก็เมื่อยขาเปล่าๆ  หาที่นั่งร่มๆรอเขาก็แล้วกัน

ผมเดินตรงไปนั่งที่โคนต้นไม้ใหญ่ซึ่งร่มเงาของมันมีมากพอที่จะนั่งหลบแดดกันได้สองคน  แม้ว่ามันจะไม่ได้อยู่ติดบึงน้ำซึ่งเป็นจุดที่วิวสวยที่สุดของที่นี่ก็เถอะ  ไม่อยากเชื่อเลยว่าภายในเวลาสองวันจะมีเรื่องมากมายเกิดขึ้นกับผมขนาดนี้  ซ้ำยังเปลี่ยนแปลงชีวิตผมครั้งยิ่งใหญ่อีกด้วย

“พ่อกับแม่ไปอยู่ที่ไหนกันนะ  อยากรู้จัง”

เงินสิบล้านบาทกับเวลาแค่หนึ่งร้อยวัน  ผมยังคิดไม่ออกเลยว่าพ่อแม่จะไปเอาเงินมากมายขนาดนั้นมาจากที่ไหน  แล้วถ้าหากว่าพอครบกำหนดพวกท่านยังหาเงินมาให้ไม่ได้  ชะตากรรมของผมและน้องๆทั้งห้าจะเป็นยังไงต่อไป  พวกเราจะถูกส่งไปขายประเทศเพื่อนบ้านเพื่อใช้หนี้ไหมนะ

ยิ่งคิดก็ยิ่งเครียดโว้ยยยย!

อีกอย่าง  ดูจากท่าทางของไอ้เฟี้ยวในวันนี้แล้ว  มันคงไม่ปล่อยให้ผมได้อยู่อย่างสงบสุขในโรงเรียนเหมือนเดิมชัวร์ๆ  ถึงนักเรียนคนอื่นจะกลัวอิทธิพลของคุณจักรวาลเลยอาจจะไม่ร่วมมือด้วย  แต่ลำพังแค่ไอ้เฟี้ยวคนเดียวมันก็จัดการผมได้สบายอยู่แล้วล่ะ

เกิดเป็นกูนี่มีเรื่องให้ปวดกบาลไม่เว้นวันจริงๆ!

หมับ…

ขณะกำลังคิดอะไรเพลินๆ  มือของใครบางคนก็เอื้อมมาปิดตาผมไว้จากด้านหลัง  ถึงจะยังไม่เห็นหน้า  แต่กลิ่นน้ำหอมที่เป็นเอกลักษณ์นี้ก็ทำให้ผมรู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร

“คุณจักรวาล”

“รู้ด้วยเหรอ”

“ไม่รู้ก็แปลกแล้วล่ะครับ”

ร่างสูงเอามือออกก่อนจะเดินมาทิ้งตัวนั่งลงข้างๆผมแทน  เขายื่นถุงกระดาษบางอย่างส่งให้  มันส่งกลิ่นหอมยั่วยวนแบบสุดๆ

“อะไรครับ”

“มื้อกลางวัน”

ผมยิ้มกว้างรีบรับมาเพราะกำลังหิวจนแทบจะเชือดควายกินได้ทั้งตัว  ข้างในมีแฮมเบอร์ชิ้นใหญ่ยักษ์กับเฟร้นฟรายที่ทั้งชีวิตผมไม่เคยได้กินมาก่อน  กับน้ำโค้กหนึ่งแก้ว

“ขะ…ของผมจริงๆเหรอครับ”

“อืม  กินสิ”

“ขอบคุณมากนะครับ!”

แทบจะยกมือไหว้ท่วมหัวเขา  ผมแกะแฮมเบอร์เกอร์นั้นกินอย่างเอร็ดอร่อย  รสชาติของมันหวานหอมจนผมไม่รู้จะบรรยายยังไงดี  ความอร่อยของมันทำให้น้ำตาผมร่วงกราวลงมาเป็นสาย

“ร้องไห้ทำไมน่ะ?!”

“กะ…ก็มันอร่อยมากเลยนี่ครับ  ผมไม่เคยได้กินของดีๆแบบนี้มาก่อนเลย  ขอบคุณมากนะครับ  มันอร่อยมากจริงๆ”

ตอบเขาขณะที่ในปากยังคงเคี้ยวตุ้ยๆ  แสดงว่าที่บอกให้ผมรอที่นี่ก่อนคงเพราะไปซื้อของอร่อยพวกนี้มาให้ผมกินสินะ

คนอย่างเขา…ไม่อยากจะเชื่อว่าจะเป็นคนใส่ใจคนอื่นมากขนาดนี้

“อย่าร้องนะ  ฉันไม่อยากเห็นหมาน้อยของฉันร้องไห้”

นิ้วมือเรียวปาดน้ำตาออกให้  ผมนั่งนิ่งมองการกระทำที่ดูอ่อนโยนของเขาแล้วแอบปลื้มอยู่ในใจ  ถ้าเป็นหมาให้แล้วเขาจะอ่อนโยนด้วยขนาดนี้ล่ะก็…ตัดสินใจถูกแล้วล่ะไอ้ไทม์ที่ยอมเป็นหมา!

“ทำไมต้องทำปากยื่นแบบนั้นด้วยล่ะครับ  คุณทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ยิ่งกกว่าผมอีกนะ”

“ก็นายร้องไห้นี่”

“อุ๊บ!”

ผมปิดปากกลั้นขำ  กะอีแค่ผมร้องไห้ เขาถึงกับต้องทำปากยื่นปากยาวตีหน้าเศร้าเหมือนจะร้องตามเนี่ยนะ  ทำตัวเหมือนพวกผู้ชายที่แพ้น้ำตาผู้หญิงไปได้

“เลิกหัวเราะแล้วรีบกินต่อได้แล้ว  จะได้ทำแผล”

“ทำแผล?”

“นั่นไง”

คุณจักรวาลชี้ไปยังแพ้ที่หัวของผม  พอมองไปข้างๆตัวเขก็พบว่ามีถุงยาวางอยาอีกหนึ่งถุงด้วย  นะ…นี่เขา…

ไปซื้อยาสำหรับทำแผลมาด้วยงั้นเหรอ?

“ขอบคุณมากนะครับ”

“นายขอบคุณฉันอีกแล้วนะ  เลิกพูดคำนี้สักที”

“ก็คุณดีกับผม…”

“แต่เมื่อกี้ตอนอยู่ในห้อง  สายตาของนายที่มองมาทางฉันยังดูเหมือนกลัวฉันอยู่เลยไม่ใช่เหรอ”

“คุณเห็น…”

“ก็ฉันมองนายอยู่ตลอด”

เอิ่ม…ทำไมเขิน?

ผมหันหน้าหนีเขาไปอีกทางเมื่อรู้สึกได้ถึงความร้อนผ่าวที่แก้ม  ใจเย็นไว้ไอ้ไทม์  เขาอาจจะหมายความว่าตอนนั้นเขาหันมามองมึงพอดีก็ได้  มันคงไม่ได้มีความหมายอะไรลึกซึ้งหรอก!

สงบเข้าไว้  สงบ…สติ…สงบ…สติ…

แต่ว่า…เพราะคำพูดของเขา  ทำให้ผมนึกถึงเหตุการณที่เกิดในห้องเรียนก่อนหน้านี้ขึ้นมาทันที   สีหน้าและสายตาน่ากลัวของคุณจักรวาล…ผมยังจำมันได้ดี

ช่างแตกต่างกับคนที่นั่งอยู่ข้างๆผมตอนนี้เหลือเกิน

ราวกับเป็นคนละคนเสียด้วยซ้ำ  แต่ก็ไม่ใช่  พวกเขาเป็นคนๆเดียวกัน  ไม่ว่าจะเป็นคุณจักรวาลที่ดูโหดร้าย  หรือคุณจักรวาลที่ดูอ่อนโยนในตอนนี้   ทั้งสองคน…คอคนเดียวกัน  แล้วทำไม…

ตัวตนที่แท้จริงของเขา  คือแบบไหนกันแน่นะ?

จะบ้าตาย  เขาทำผมสับสนชะมัดเลย!

ผมสะบัดหัวตัวเองไปมาเพื่อไล่ความคิดฟุ้งซ่านทั้งหลายให้ออกไปจากหัว  ก้มหน้าหยิบเฟร้นฟรายขึ้นกินบ้าง  เอาล่ะ  โฟกัสแค่เรื่องกินก็พอไอ้ไทม์!

“อ้า….”

งั่ม!

ผมอ้าปากค้าง  ตั้งใจว่าจะกินเฟร้นฟรายในมือทว่ามันกลับถูกคนข้างๆช่วงชิงเอาไปอย่างง่ายดาย!

คุณจักรวาลที่จู่ๆก็ก้มลงมาชิงเอาเฟร้นฟรายในมือผมไปกินนั่งเคี้ยวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ทั้งที่เขาเพิ่งจะแย่งผมกินไปหยกๆ!

“ทำไมไม่หยิบชิ้นใหม่เอาล่ะครับ  มีตั้งเยอะนะ”

“ฉันอยากให้นายป้อน”

“หา?”

“เร็วสิ  เอาอีก  อ้า…”

“นี่คุณ…”

คิดสภาพสิ  ผู้ชายตัวโตๆหน้านิ่งๆมาทำตัวเป็นเด็กสามขวบ  อ้าปากรอให้เราป้อนอาหารให้…

โธ่เว้ยยยย!  อะไรคือจู่ๆผมก็รู้สึกว่าเขาโคตรน่ารักขึ้นมาล่ะเนี่ย!

“หิวแล้ว  อ้า…”

“นี่ครับ”

แล้วผมก็ต้องหยิบเฟร้นฟรายป้อนเข้าปากเขาจนได้  แถมเมื่อกี้ดันใส่เฟร้นฟรายเข้าปากเขาลึกไปหน่อย  ปลายนิ้วก็เลยไปโดนริมฝีปากเขานิดหนึ่งด้วย

ร้อนเลยแฮะ…

ทำไมมันร้อนอย่างนี้วะ!!!

ยิ่งไปกว่านั้น…

“ทำไมต้องจ้องหน้าผมเวลากินด้วยล่ะครับ”

“เรื่องของฉัน”

เออ!  เรื่องของมึง   แต่กูที่เป็นคนถูกจ้องเนี่ยทำอะไรไม่ถูกแล้วเหอะ!

“อ้า…”

ไม่ไหว…

ผมเอาชนะผู้ชายคนนี้ไม่ได้เลย!

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพตอนที่หกแล้วจ้า  เอาไปเลยสิบคะแนนเต็มกับความน่ารักตะมุตะมิของท่านจักรวาล  อยากจะวาร์ปเข้าไปในนิยายแล้วป้อนอาหารเองมากๆ  ตกลงใครจะเป็นหมาน้อย  ใครจะเป็นทาสหมากันแน่นะเนี่ย  อิจฉาน้องไทม์จริงๆที่มีคนอย่างท่านจักรวาลคอยอยู่ข้างๆแบบนี้  มาช่วยกันตามลุ้นตามเชียร์คู่นี้ต่อไปด้วยนะคะ ^3^
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 6 (08/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ommanymontra ที่ 08-08-2017 15:35:37
 :3123: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 6 (08/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 08-08-2017 15:46:33
เป็นจักรวาลที่เอาแต่ใจได้มุ้งมิ้งจริงๆ 555
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 6 (08/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-08-2017 18:34:21
หวานๆกันนะตอนนี้  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 6 (08/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 08-08-2017 21:40:30
เข้ามาอ่านกันเยอะๆน้า  ฝากติดตามด้วยจ้าาา

 :mew1:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 6 (08/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 08-08-2017 22:18:16
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 6 (08/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 08-08-2017 23:18:07
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 6 (08/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 09-08-2017 00:55:01
ตามๆ
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 6 (08/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 09-08-2017 01:18:19
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 6 (08/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 09-08-2017 09:34:05
ุคุณจักรวาลใจดีกับหมาน้อยมาก
มากแบบรถอ้อยคว่ำแล้ววววววววว
 :hao7:
หัวข้อ: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 7 (09/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 09-08-2017 09:38:41


ตอนที่ 7
กัดไม่ปล่อย
 
“นี่…”
“…”
“ที่ตรงกลางนายจะเอาไว้เล่นฟุตบอลหรือไง”
เสียงเอื่อยเฉื่อยเอ่ยถามพลางมองไปยังที่ว่างตรงกลางระหว่างตัวเองและผม
ทำไงได้ล่ะ   ก็วันนี้เขาทำให้ผมรู้สึกแปลกๆไม่เป็นตัวของตัวเองทั้งวันจนไม่กล้าจะนอนใกล้ๆเลยเนี่ย   ผลก็เลยออกมาว่าผมเขยิบไปนอนอีกฝั่งจนแทบจะตกเตียงโดยเว้นระยะห่างจากเขามามากโข
“ก็…”
“เขยิบมา  เดี๋ยวก็ตกหรอก”
ไม่ได้แค่ออกคำสั่ง  แต่เขายังเอื้อมมาดึงแขนผมอีกต่างหาก  เพียงออกแรงแค่ครั้งเดียว  ตัวผมก็พุ่งเข้าหาเขาอย่างง่ายดาย
นี่กูแรงน้อยหรือมึงมันแรงควายกันแน่ฟะ!
“แบบนี้ก็ใกล้ไปนะผมว่า  เดี๋ยวคุณจะนอนไม่สบาย”
“เลิกพูดแล้วนอนได้แล้ว”
“อ๊ะ เดี๋ยว  เหวอ!”
เป็นอีกครั้งที่ผมต้องร้องเหวอให้กับการกระทำของเขา!
คุณจักรวาลผลักผมให้นอนลงบนท่อนแขนเขาที่กางยื่นออกไปโดยที่ผมนอนตะแคงหันหลังให้เขา   แผ่นหลังชนกับแผงอกกว้างแบบแนบสนิท
ปะ…แป๊บนะ  ขอตั้งสติแป๊บหนึ่ง!
นอนท่านี้มันเสียวสันหลังยังไงชอบกล
“ฝันดีนะ  หมาน้อยของฉัน”
ปลายคางมนเกยเข้ากับหัวของผม  มืออีกข้างที่ว่างพดผ่านลำตัวคล้ายกับจะกอดผมกรายๆ  ในห้องเงียบและมืดสนิท  แสงไฟจากด้านนอกส่องสว่างพอให้เห็นเพียงรำไรเท่านั้น
ฟี้…ฟี้…
เสียงลมหายใจของเขาดังสม่ำเสมออยู่เหนือหัว  ท่าทางจะหลับไปแล้วแน่ๆ  ดูเขาจะเหนื่อยๆ  แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังอุตส่าห์รีบทำงานและไปหาผมที่โรงเรียน  ช่วยเหลือผมที่กำลังถูกรังแกเอาไว้  พาผมออกมากินข้าวข้างนอก  ทำแผลให้
ไม่เข้าใจเลยว่าการเป็นหมามันทำให้ผมสบายไดขนาดนี้เลยเหรอ
คิดไปก็เท่านั้น  สิ่งที่ต้องคิดตอนนี้คือทำยังไงผมถึงจะหลับ!  เล่นมานอนกอดกันเหมือนผัวเมียแบบนี้ใครมันจะไปหลับลงวะ!
ไม่สิ  ก็ไอ้คนด้านหลังผมมันหลับไปแล้วนี่นา
เวรกรรมเลยมาตกอยู่ที่กู  ใจเต้นแรงขนาดนี้จะไปหลับได้ยังไงกันเล่า  อ๊ากกกก!
 
“ตายแล้วคุณไทม์  เป็นอะไรไปคะเนี่ย  ทำไมขอบตาคบ้ำเป็นหมีแพด้าอย่างนี้ล่ะคะ”
‘ป้าจี’  แม่บ้านที่คอยดูแลเรื่องอาหารการกินและเตรียมเสื้อผ้าให้พุ่งเข้ามาถามด้วยความเป็นห่วง  ผมนั่งโงนไปโงนมาอยู่ที่โต๊ะอาหารมาได้พักใหญ่แล้ว
จะให้บอกยังไงล่ะว่าเม่อคืนแทบไม่ได้นอนเพราะไอ้คุณจักรวาลมันกอดแน่นไม่ยอมปล่อย!
“ผมคิดเรื่องเรียนมากไปหน่อยนะครับป้า”
“ไม่เอานะคุณไทม์  ถึงจะรักเรียนมากแค่ไหนแต่ก็ต้องมีพักผ่อนกันบ้าง  นี่ถ้าคุณไทม์ไม่สบายขึ้นมา  มีหวังป้าโดนนายท่านดุแย่”
“ผมจะระวังแล้วกันนะครับ”
ได้แต่ยิ้มแหยๆกลับไป  ป้าจียกข้าวต้มกุ้งมาวางไว้ตรงหน้า  มันส่งกลิ่นหอมฟุ้งยัวน้ำลายผมโคตรๆ  รู้สึกเหมือนอยู่ในความฝันเลย  ผมกำลังจะได้กินกุ้งเหรอเนี่ย!
“ทานสิคะ  เดี๋ยวจะได้ไปโรงเรียน”
“ขอบคุณมากนะครับ  น่าอร่อยมากเลย”
ว่าแล้วก็ลงมือจ้วงกินเหมือนคนตายอดตายอยากมาหลายปี
เพียงแค่คำแรกเข้าปาก  ผมก็แทบจะร้องตะโกนออกมาด้วยความดีใจว่า…โอ้  สวรรค์!   รสชาติของกุ้งมันเป็นแบบนี้นี่เอง  อร่อยจนหยุดกนไม่ได้เลย!
“อ๊ะ  นายท่านมาพอดีเลย  จะรับข้าวต้มด้วยไหมคะ  เดี๋ยวป้าไปตักให้”
“ไม่เป็นไร  ฉันมาเพาะมีเรื่องจะคุยกับหมาน้อยนิดหน่อย  เดี๋ยกว็จะไปแล้ว”
“ค่ะ  งั้นเดี๋ยวป้าไปในครัวก่อน  ถ้าคุณไทม์ต้องการอะไรเพิ่มเรียกป้าได้เลยนะคะ”
“อ๋อ  ครับ  ขอบคุณมากนะครับป้าจี”
ป้าจีเดินกลับเข้าไปในครัว  ในห้องอาหารเลยเหลือแค่ผมกับคุณไทม์
วันนี้เขาก็ใส่ชุดสีดำอีกแล้ว  ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันจนถึงตอนนี้  ผมเห็นเขาใส่แต่เสื้อผ้าสีดำ  เวลาไปทำงานก็จะเป็นเชิ้ตสีดำ  กางเกงดำ สูทดำ  รองเท้าดำ  เวลานอนก็จะเป็นชุดนอนสีดำ  แต่งตัวอย่างคนกับไว้ทุกข์
“คุณมีอะไรกับผมเหรอครับ”
“ของนาย”
พูดพลางส่งซองสีน้ำตาลขนาดเท่าซองจดหมายมาให้  ผมรับมาอย่างงงๆก่อนจะเปิดดูข้างใน
“นี่มัน…!”
“เงินเดือนของนาย  จะได้ไม่ต้องเอาข้าวจากที่บ้านไปกิน  แล้วก็เผื่อมีกิจกรรมอะไรที่โรงเรียนหรือว่านายอยากได้อะไร”
“แล้วทำไมคุณต้องให้ผมด้วยล่ะครับ  แถมยังเยอะขนาดนี้อีก!”
แบงก์พันเป็นปึกๆ…
เกิดมาไม่เคยจับเงินเยอะขนาดมาก่อนเลยให้ดิ้นตายเหอะ!
“ฉันให้ก็เพราะนายเป็นหมาน้อยของฉัน”
“แต่นั่นมันก็เพราะผมมาเพื่อขัดดอกหนี้สิบล้านไม่ใช่เหรอครับ!”
ลูกหนี้ที่มาเพื่อขัดดอกแต่กับได้เงินรายเดือนจากเจ้าหนี้เยอะแยะบนโลกนี้มันมีซะที่ไหนกันเล่า!
“ฉันไม่ชอบตอบคำถามซ้ำๆหรืออธิบายอะไรมากมายนะ  เอาเป็นว่ารับไว้  นายจะไม่ได้ถูกใครดูถูกอีก  เพราะฉันคงไม่ว่างไปช่วยนายได้ทุกครั้ง”
“แต่ว่า…มันเยอะเกินไปนะครับ”
“…”
“ถ้าคุณยืนยันที่จะให้ผมจริงๆล่ะก็…”
ผมหยิบเงินในซองออกมาจนเกือบหมด  เหลือไว้แค่สามใบเท่านั้น
“ผมขอแค่นี้ก็พอครับ”
“แน่ใจนะ”
“ครับ   ไว้ถ้าผมมีเรื่องจำเป็นต้องใช้จ่ายจริงๆผมจะบอกคุณ  แต่ว่าตอนนี้น่ะ…ผมขอแค่นี้ก็พอ  นะครับ  นะ…”
ตอนท้ายแอบเล่นเสียงอ้อนเล็กน้อย  ผมเพิ่งอายุแค่สิบแปดและยังไม่จบชั้นมัธยมปลาย  จะให้มีเงินรายเดือนใช้เป็นแสนๆแบบนั้นคงไม่ไหว!
“ก็ได้ๆ ไม่ต้องมาทำเสียงอ้อนหรอก”
คุณจักรวาลพยักหน้ารับ  เขายอมรับเงินที่เหลือคืนไปก่อนจะมองหน้าผมสลับกับข้าวต้มที่อยู่บนโต๊ะ
“เอ่อ…กินด้วยกันไหมครับ  เดี๋ยวผมไปตักให้”
ถามพร้อมกับลุกขึ้นเตรียมจะไปตักข้าวต้มมาให้เขา  แต่คุณจักรวาลกลับดักผมด้วยการเอามือข้างหนึ่งเท้าไว้กับโต๊ะ  ส่วนมืออีกข้างเท้ากับพนักเก้าอี้ที่ผมนั่งอยู่  จนผมต้องทิ้งตัวลงนั่งอีกรอบ  ร่างสูงก้มหน้าเข้ามาใกล้
“ไม่ต้อง  สำหรับฉัน…”
“…”
“แค่นี้ก็พอ”
แผล่บ…
“!!!”
ดวงตาทั้งสองเบิกกว้าง  ร่างกายแข็งเป็นหินด้วยตกใจกับการกระทำอันไม่คาดคิดของอีกฝ่าย!  ผมเหลือบตามองคุณจักรวาลที่แลบลิ้นให้ผมดูเล็กน้อย  ตรงปลายลิ้นเขามีเม็ดข้าวจากข้าวต้มที่ผมกินอยู่  มันจะไม่น่าตกใจเลยถ้าไอ้เม็ดข้าวนั่นเขาไม่ได้ใช้ลิ้นมาเลียมันไปจากตรงมุมปากของผม!
กูแค่กินข้าวติดปากหน่อยเดียว  มึงเล่นกันอย่างงี้เลยเรอะ!
“แล้วเจอกัน”
มือหนายีหัวผมเบาๆก่อนจะเดินออกไป  ทิ้งเอาไว้เพียงร่างที่ไร้วิญญาณเพราะสัมผัสที่ได้รับอย่างกะทันหันนั้นมันยังไม่จางหายไป
คล้อยหลังเขาไปแล้ว  ผมยกมือขึ้นปิดหน้าที่ร้อนฉ่าของตัวเอง  สะ…เสียงหัวใจ  เสียงหัวใจมันดังจนเหมือนจะระเบิดเลย!
ที่สำคัญ…มุมปากตรงที่ลิ้นของเขาสัมผัสก็…
“บ้าเอ๊ย…”
ทำไมผมควบคุมตัวเองไม่ได้เลย
 
“จอดที่เดิมใช่ไหมครับคุณไทม์”
“ครับพี่เข้ม”
ตอบรับคนขับรถที่มาส่ง  พี่เข้มเป็นคนขับรถที่คุณจักรวาลให้มาคอยรับส่งผมทุกวัน  รูปร่างหน้าตาพี่เขาเข้มสมชื่อจริงๆนะ
ผมลงจากรถแล้วเดินต่อไปโรงเรียนเหมือนปกติ  จะไม่ปกติก็ตรงที่ผมยังสลัดเรื่องเมื่อเช้าออกไปจากในหัวไม่ได้เลย  คิดยังไงก็ไม่เข้าใจ  ทำไมคุณจักรวาลถึงทำแบบนั้นกับผม  หรือเพราะเขาเห็นว่าผมเป็นน้องหมาจริงๆ   แต่เฮ้ย!  ยังไงผมก็ผู้ชายนะ  มาทำอะไรแบบนั้นกับผู้ชายด้วยกันมันไม่ออกจะแปลกไปหน่อยหรือไง
ไม่หน่อยสิ
แปลกมากกกกกกกกกเลยต่างหาก!
ซุบซิบๆๆๆๆ
อ่า…
อย่างที่คิดไว้เลย  ทันทีที่ผมก้าวเท้าเข้ามาในโรงเรียน  นักเรียนคนอื่นๆรวมถึงครูอาจารย์ก็พากันถอยห่างและกระซิบกระซาบกัน  แต่ไม่มีใครกล้าทำอะไรไปมากกว่านั้น  บางทีเรื่องที่ผมเป็นหมาน้อยของคุจักรวาลอาจจะแพร่ไปทั่วแล้วก็ได้
ตกลงมันดีหรือไม่ดีกันนะ  ปฏิกิริยาตอบกลับแบบนี้จากทุกคนน่ะ
ไม่สิ  ไม่เหมือนเดิม  ผมรู้สึกว่าสายตาที่พวกเขามองมามันแปลกไป  ไม่ใช่ความหวาดกลัวหรือสมเพชเหมือนทุกที   ให้ตายสิ  สังหรณ์ใจแปลกๆอีกแล้ว!
ฟิ้ววววว~~
แปะ!
“โอ๊ะ!”
อะไรบางอย่างลอยมาแปะเข้าที่หน้าผมอย่างจังจนต้องหยุดเดิน  ผมหยิบเอากระดาษที่ลอยมาจากไหนก็ไม่รู้ออกจากหน้า  ก้มมองดูเนื้อหาที่อยู่ในกระดาษอย่างสนใจ
 
‘ขายตัว!  ไอ้ไทม์ชั้นมอหกขายตัวให้เจ้าพ่อคนดังแลกเงิน  มีเสี่ยกระเป๋าหนักมากมายแห่ซื้อตัวมันในราคา XXX,XXX ต่อคืน’
 
“นี่มัน…”
ในกระดาษไมได้มีแค่เนื้อหาที่หมายถึงผมเท่านั้น  แต่ยังมีภาพที่ตัดต่อผมกับผู้ชายอีกมากมายกำลังมีอะไรกันรวมอยู่ด้วย!
ฟิ้ววววว~~
กระดาษอีกแผ่นที่เนื้อหาเหมือนกันเป๊ะปลิวมาตามลมหยุดอยู่ตรงปลายเท้าอีกแผ่น  ผมก้มลงเก็บมันขึ้นมาก่อนจะขยำกระดาษทั้งสองแผ่นนั้นทิ้ง  แต่ทว่า…
ฟิ้วววววว~
มีกระดาษปลิวมาอีกหนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า…!  ไม่สิ!  กระดาษมากมายที่เนื้อหาเหมือนกันหมดปลิวว่อนอยู่บนฟ้า  กระจายไปทั่วทั้งโรงเรียน!!!
ผมเงยหน้ามองไปด้านบน  ซึ่งข้างหน้าคือตึกเรียนที่มีดาดฟ้าอยู่  และบนดาดฟ้านั่นก็…
ไอ้เฟี้ยว!!!
มันกำลังโปรยกระดาษพวกนี้ลงมาจากบนดาดฟ้า  ต่อให้ผมไล่เก็บเท่าไหร่ก็คงเก็บไม่หมดอยู่ดี  ดูท่าจะมีพิมพ์มาเยอะ
จะเล่นกันแบบนี้ใช่ไหม  มึงกะจะกัดกูไม่ปล่อยเลยสินะ!!!
 
‘ขายตัวด้วยแหละ’
‘ที่แท้ก็ขายตัวให้คุณจักรวาล’
‘ทุเรศ’
‘น่ารังเกียจ’
‘ขยะแขยงชะมัด’
‘คนแบบนี้  ไม่น่ามาอยู่โรงเรียนเดียวกับพวกเราเลย’
‘น่าจะตายไปซะ  รกโลก’
 
ไม่ใช่นะ…
เข้าใจผิดแล้ว…
มันไม่ใช่เรื่องจริงสักหน่อย!!!
 
 
บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
มาอัพตอนที่เจ็ดต่อแล้วจ้า  ความร้ายกาจของเฟี้ยวยังคงไม่หมดแค่นี้  ไม่รู้ว่าน้องไทม์จะสามารถรับมือได้หรือเปล่า  หรือว่าท่านจักรวาลจะเป็นฮีโร่พิทักษ์น้องไทม์โผล่มาช่วยไว้อีก  อยากรู้จริงๆเลยนะว่าเพราะอะไรเฟี้ยวถึงเกลียดท่านจักรวาลและกกลั่นแกล้งรังแกน้องไทม์ขนาดนี้?
ตอนหน้าห้ามพลาม  การปรากฏตัวของตัวละครสำคัญอีกหนึ่งคนในเรื่อง…จะเป็นใครนั้นต้องรอติดตามจ้า
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 7 (09/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 09-08-2017 09:53:41
อ้าวๆๆๆ
ใครบังอาจคิดร้ายแล้วกัดไม่ปล่อยกันนี่
คุณจักรวาลมาจัดการอีกรอบทีครับ
ไม่สงบก็ย้ายน้องไปโรงเรียนอื่นเลย
เด๋วเถอะ!!!
 :hao3:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 7 (09/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 09-08-2017 10:07:03
ควรเก็บกระดาษพวกนั้นไปแจ้งความนะ ไม่น่าโง่แบบวิ่งหนีไปร้องไห้งี้ แต่ก็ไม่แน่แหะ ='=
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 7 (09/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 09-08-2017 11:41:55
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 7 (09/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 09-08-2017 13:45:46
กัดไม่ปล่อยเลยนะ เก็บกระดาษเป็นหลักฐานฟ้องข้อหาหมิ่นประมาทซะเลยดีไหม
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 7 (09/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-08-2017 14:31:17
หมาบ้า กัดไม่ปล่อย เฟี้ยวชั่ว
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 7 (09/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 09-08-2017 14:57:31
กับหมาน้อยนี่ตะมุตะมิ น่ารัก ขี้อ้อนจัง แต่กับคนอื่นนี่ เหมือนจะฆ่าคนได้ตลอดเลยนะ
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 7 (09/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 09-08-2017 17:27:31
เหมือนมีปมผูกไว้เยอะ?
รอๆ
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 7 (09/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: aurusma ที่ 09-08-2017 21:58:56
เฟี้ยวนี่รู้จักอะไรกับจักรวาลใช่มั้ยอ่ะ ดูไม่กลัวเลย
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 7 (09/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-08-2017 00:04:18
 :serius2: :serius2: :serius2:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 7 (09/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 10-08-2017 04:47:02
อิเฟี้ยววววว (กระโดดเตะขาคู่)
หัวข้อ: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 8 (10/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 10-08-2017 11:01:02


ตอนที่ 8
ประกาศสงคราม
 
สนามบิน
ชายหนุ่มผมสีทองในชุดสีขาวตัดกับผิวเดินคุยโทรศัพท์เป็นที่จับตามองของคนในสนามบินด้วยความหล่อดูดีและฟีโรโมนในตัวที่มีมากล้น  ทำให้เขาค่อนข้างเด่นแม้จะไม่ได้ตั้งใจให้เด่นก็ตาม  ด้านหลังเขามีชายชุดดำเดินเข็นกระเป๋าตามมาอยู่สามคน   
“พี่!  ยู้ฮู!”
‘อวกาศ’  โบกไม้โบกมือเรียกชายหนุ่มที่แต่งตัวสีตรงกันข้ามกับเขาทุกอย่างด้วยความดีใจ  ชายหนุ่มที่ถูกตะโกนเรียกหันกลับมามองสีหน้านิ่ง  สองมือกอดอกไม่แสดงท่าทีอะไร
“อายุยี่สิบหกแล้วนะ  เลิกทำตัวเป็นเด็กสักที”
“อะไรเนี่ยพี่  เจอหน้าผมก็บ่นเลยนะ  น้องชายคนเดียวกลับมาทั้งที  พี่ต้องยิ้มกว้างๆสิ  ยิ้มแบบเนี้ย  เนี่ย!”
อวกาศทำท่าฉีกยิ้มปากกว้างให้ดู  ยามที่พวกเขาทั้งคู่ยืนคู่กัน  มันช่างดูแตกต่างหากแต่ก็ลงตัวกันอย่างไม่น่าเชื่อ
จักรวาลที่เปรียบเหมือนตัวแทนของสีดำ
อวกาศที่เปรียบเหมือนตัวแทนของสีขาว
“ไหนตอนแรกบอกอีกสามวันถึงจะกลับไม่ใช่หรือไง  กำหนดการกลับก็ต้องมะรืนสิ”
“ก็ใช่  แต่ผมอยากมาเจอหน้าพี่สะใภ้เร็วๆก็เลยรีบเคลียร์งานกลับมา  ครึ่งปีที่ผ่านมาผมยอมงดเที่ยวก็เพื่อรอเวลาจะมาแสดงความยินดีกับพี่แล้วก็พี่สะใภ้เลยนะ”
“ไร้สาระ”
“ด่าอีกละ”
“ถ้ามีเวลามานั่งห่วงเรื่องพวกนี้  นายควรจะเลิกทำตัวเป็นเพลย์บอยเสเพลแล้วมาช่วยงานฉันได้แล้ว  ยังมีธุรกิจอีกมากมายที่นายต้องเรียนรู้ในฐานะผู้สืบทอด”
“ไม่เอาน่าพี่  เจอหน้าทีไรพูดแต่เรื่องงาน  อีกอย่างนะ…พี่เป็นพี่  ผมเป็นน้อง  พี่ต่างหากที่ต้องเป็นผู้สืบทอดอันดับหนึ่ง”
“ต้องให้ฉันบอกอีกกี่ครั้ง  ว่าสมบัติทุกอย่างที่มี…มันจะเป็นของนาย”
จักรวาลพูดด้วยสีหน้าจริงจัง  อวกาศเบ้หน้า  เขาไม่ค่อยชอบจะพูดเรื่องงานหรือสมบัติอะไรพวกนี้สักเท่าไหร่  เพราะตั้งแต่เด็กจนโต  จักรวาลเอาแต่ทำตัวเหมือนปู่โสมเฝ้าทรัพย์  ทำราวกับว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ในสมบัติพวกนั้นทั้งที่เป็นพี่คนโต
“ไม่เอาอ่ะ  ไม่คุยกับพี่ละ  ผมไปดีกว่า”
“จะไปไหน  ฉันมารอรับนายไปที่บริษัท  วันนี้มีประชุมผู้ถือหุ้นทั้งหมด”
“เฮ้ย!  อะไรกันพี่  ผมเพิ่งบินมาจากอเมริกาเลยนะ  ใจคอจะไม่ให้ได้พักผ่อนกันเลยหรือไง  ผมไม่ได้เข้าบริษัทแค่วันเดียวมันคงไม่ระเบิดตัวเองตายหรอก”
“นายจะทำชะล่าใจไม่ได้  อย่าลืมสิว่ามีใครบ้างที่จ้องจะฮุบบริษัทและกิจการทั้งหมดของนายอยู่!”
“ของเรา”
“…”
“พี่เลิกทำเหมือนตัวเองเป็นคนนอกสักทีได้ไหม  ผมไม่เข้าใจเลยว่าพี่เป็นอะไร  เราเป็นพี่น้องกันนะ  สมบัติทุกอย่างของพ่อเราก็ต้องแบ่งกันสิ”
“ทำตามที่ฉันสั่ง”
“ไม่!”
อวกาศยืนยัน  ตั้งแต่เด็กๆแล้ว  จักรวาลจะคอยทำตามทุกอย่างที่เขาต้องการ  แม้แต่ของรักของหวงหรือของเล่นชิ้นโปรด  ถ้าหากอวกาศต้องการ  จักรวาลก็จะยกให้อย่างไม่ลังเล  ชายหนุ่มเฝ้าเก็บความสงสัยมาตลอด  เขาไม่รู้เลยว่าทำไมพี่ชายของตัวเองจะต้องยอมเสียสละทุกอย่างให้ถึงขนาดนี้ด้วย จะว่าเป็นพี่ชายที่รักน้องมันก็ให้อารมณ์กันคนละแบบ  มันเหมือนกับ…
ทาส…
ทาสที่ยอมสละได้แม้แต่ชีวิตเพื่อเจ้านายของตัวเอง
“วันนี้ผมจะไม่เข้าบริษัทเด็ดขาด  แต่ผมจะไปในที่ที่ผมอยากจะไป  เชิญพี่ไปประชุมคนเดียวได้เลย”
“อวกาศ!  เดี๋ยวสิ  อวกาศ!”
เจ้าของเรือนผมสีทองไม่สนใจฟังเสียงเรียก  เขาเดินผิวปากอย่างอารมณ์ดีไปยังประตูทางออก  ตรงไปขึ้นแท็กซี่ที่จอดเรียงรายเพื่อรับผู้โดยสารอยู่
“ไปโรงเรียนทวีรัตนรามครับ”
บอกกับแท็กซี่ก่อนจะหยิบเอาหูฟังขึ้นมาฟังเพลง  รอยยิ้มสนุกสนานผุดขึ้นเต็มใบหน้าของเขา
 
หมับ! หมับ! หมับ!
ผมก้มลงเก็บใบปลิวพวกนั้นแล้วยัดใส่กระเป๋าจนแทบจะรูดซิปไม่ได้  แต่ไอ้เวรเฟี้ยวมันก็ยังไม่หยุดโปรยกระดาษพวกนี้ลงมาสักที!
ไม่รู้เลยว่าตัวเองต้องทนอยู่ในสภาพนี้ไปอีกนานเท่าไหร่  เหตุผลที่โดนหมายหัวก็ยังไม่เข้าใจ  แล้วแบบนี้ผมจะสามารถใช้ชีวิตอย่างสงบสุขในหนึ่งร้อยวันเพ่อรอพ่อกับแม่กลับมาได้หรือเปล่า  จะให้เอาแต่วิ่งโล่ไปฟ้องคุณจักรวาลก็ไม่ได้  แค่นี้เขาก็เหนื่อยมากพอแล้ว  ผมไม่ต้องการเป็นภาระของเขไปกว่านี้หรอกนะ
 
‘น่ารังเกียจ’
‘ขยะแขยงชะมัด’
‘เมื่อไหร่จะลาออกไปสักทีนะ’
 
อดทนไว้ไอ้ไทม์  อดทนไว้   เดี๋ยวเวลาผ่านไปเรื่องพวกนี้ก็จะเงียบไปเอง  แล้วทุกอย่างก็จะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ
ปกติ…
“ไงวะไอ้ไทม์!  เมื่อคืนไอ้เจ้าพ่อนั่นจัดให้มึงกี่ดอกล่ะ!!!”
ไอ้เฟี้ยวตะโกนเสียงดังลั่นมาจากบนดาดฟ้า…
“ไม่ไหวแล้วโว้ยยยย!”
ผมกำหมัดแน่นพร้อมเงยหน้าตะโกนขึ้นฟ้าอย่างสุดจะทน  ก่อนจะวิ่งเข้าไปในตึกเรียนโดยมีเป้าหมายคือดาดฟ้า!!!
รังแกกูกลั่นแกล้งกูยังพอทน  แต่คราวนี้นอกจากมึงจะทำให้คนอื่นเข้าใจกูผิดๆแล้วมึงยังทำให้คุณจักรวาลถูกเข้าใจผิดไปด้วยอีก  เรื่องนี้เท่านั้นที่กูยอมไม่ได้!!!
ตึกๆๆๆๆๆ
ผมวิ่งขึ้นบันไดไปดาดฟ้าแบบลืมตาย  เป็นไงก็เป็นกัน  ถ้าจะตายวันนี้ก็ตายให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย  แต่อย่างน้อยผมก็ขอปกป้องชื่อเสียงของคุณจักรวาลก่อนตายก็แล้วกัน!
ปัง!!
เสียงเปิดประตูดาดฟ้าดังสนั่นหวั่นไหว  ไอ้เฟี้ยวที่ยืนจังก้ารออยู่ก่อนแล้วหุบยิ้มก่อนจะขมวดคิ้วมองมาที่ผมอย่างแปลกใจ
“นี่มึงโกรธกูจนเหงื่อออกเยอะขนาดนี้เลยเหรอวะ  อย่างกับคนตากฝน”
“กูวิ่งขึ้นบันไดมาเหงื่อก็เลยออกเว้ย!”
“วิ่งขึ้นบันได?”
“เออ!”
“มึงวิ่งหาพ่อมึงเหรอ  ในเมื่อลิฟต์ก็มี”
สิ้นประโยคนั้น  ผมก็ทรุดตัวลงนั่งแบบหมดแรงในทันที
จริงด้วย  ผมลืมไปเลยว่าที่โรงเรียนมีลิฟต์ให้ใช้ด้วย  มัวแต่โกรธจนขาดสติก็เลยลืมรีบวิ่งขึ้นบันไดมาซะงั้น
“ระ…เรื่องนั้นช่างมัน  ที่กูขึ้นมาก็เพราะต้องการจะขอให้มึงหยุด”
“หยุดอะไร”
มันเดินย่างสามขุมมาทิ้งตัวนั่งยองๆลงตรงหน้าผม  ยอกตามตรงว่ากูล่ะเสียดายหน้าตาหล่อๆของมึงฉิบหาย  นี่ถ้าไม่เหี้ยไม่เลวแม่งคงฮอตสุดๆไปเลยล่ะ
“มึงจะแกล้งกูกูไม่ว่า  จะใส่ร้ายกูแค่ไหนก็ได้  กูทนได้  แต่มึงอย่า…มายุ่งกับคุณจักรวาล  เขาเป็นคนดี”
“หึ!  คนดีงั้นเหรอ  นี่มึงคงรักคงบูชามันมากเลยสินะ  ถึงได้โกรธแทนจนกล้าบุกเข้าถ้ำเสือมาคนเดียวแบบนี้”
“มันเรื่องของกู”
“งั้นนี่ก็เรื่องของกูเหมือนกัน!  ถ้ามึงไม่อย่างถูกกระทืบตายเหมอนหมาข้างถนนกฌไสหัวออกไปซะ  กูให้เวลามึงสามสิบวินาที”
ดวงตาแข็งกร้าวจนมองผมอย่างโกรธจัด
ไอ้เฟี้ยวตอนนี้มีแต่ความโกรธ  เกลียด  อัดแน่นอยู่เต็มหัวใจของมัน  ไม่เข้าใจเลย  ทำไมมันถึงตั้งแง่เกลียดคุณจักรวาลได้ขนาดนี้
“กูไม่ไป”
“!!!”
“กูจะไม่ไปไหนทั้งนั้นจนกว่ามึงจะยอมหยุด!”
เชื่อว่าถ้าคนในโรงเรียนได้มาเห็นผมตะคอกไอ้เฟี้ยวกลับไปแบบนี้คงต้องใจช็อกจนตาตั้งกันเป็นแถวแน่ๆ  เพราะตัวผมเองยังตกใจตัวเองเลย  นี่มันถือเป็นการปฏิวัติตัวเองครั้งยิ่งใหญ่เลยเนี่ย  ที่ผ่านมาโดนจิ๊กโก๋วัยประถมแซวผมยังรีบเผ่นเลย
ให้ตายสิ  ต้องโดนไอ้เฟี้ยวซ้อมตายเป็นผีเฝ้าดาดฟ้าแน่ๆ
หลังจากถูกผมตะคอกกลับพร้อมจ้องตาด้วยอย่างไม่เกรงกลัว  ไอ้เฟี้ยวก็นิ่งไป  มันเอาแต่จ้องผมกลับ  ต่างคนต่างจ้องกันจนลูกตาแทบหลุดออกมาจากเบ้า
อย่า  อย่าคิดว่าผมจะเล่นมุกปลากัดนะ  มันล้าสมัยแล้ว!
พรึ่บ!
ไอ้เฟี้ยวลุกขึ้นหันหลังให้แล้วเดินไปทางระเบียงของดาดฟ้า  ผิดกลับที่คาดการณ์ไว้อย่างสิ้นเชิง   ตอนแรกผมคิดว่ามันจะใช้หมัดทะลวงปากผมไม่ยั้งเสียอีก
“วันนี้กูอารมณ์ดี  ไม่อยากกระทืบใคร  มึงรีบไสหัวไปดีกว่าไอ้ไทม์  ก่อนที่กูจะเปลี่ยนใจ”
“มึงก็รับปากมาก่อนสิว่าจะไม่แกล้ง ไม่สิ  มึงจะแกล้งกูก็ได้  แต่มึงต้องไม่เอาคุณจักรวาลเข้ามาเกี่ยว!”
“ทำไมกูต้องรับปากหมารับใช้อย่างมึงด้วย  คนไร้ค่ายิ่งกว่าเศษขยะในโลกอย่างมึงไม่มีค่าพอให้กูต้องไปรับปากอะไรด้วยหรอกนะ”
มันตอบกลับโดยไม่แม้แต่จะหันมามองหน้าคู่สนทนาอย่างผมเสียด้วยซ้ำ
คำก็ขยะ  สองคำก็เศษขยะ
ในสายตามันผมคงยิ่งกว่าธุลีดินอีกสินะ  แปลกใจชะมัด  ปากเหมือนอมเหี้ยเอาไว้ทั้งฝูงอย่างมันทำไมถึงเป็นลูกของท่านผอ.ได้
“กูขอร้อง”
“…”
“มึงจะแกล้งกูยังไงก็ได้  จะทำให้กูอับอายแค่ไหนกูก็จะไม่ปริปาก  แต่ขอแค่คุณจักรวาลเท่านั้น  อย่ายุ่งกับเขา”
“เดี๋ยวนะ  ขอร้องงั้นเหรอ  นี่มึงยกระดับตัวเองขึ้นมากล้าขอร้องกูตั้งแต่เมื่อไหร่!”
ไอ้เฟี้ยวหันกลับมามองหน้าผมในที่สุด  สายตาของมันที่มองมาเต็มไปด้วยความดูถูกและเหยียดหยาม  มันทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นแค่ขยะจริงๆ
“ให้กูทำอะไรก็ได้  กูยอมทั้งนั้น”
“อะไรก็ได้ทั้งนั้นเหรอ”
“…”
“…”
ผมกัดฟันแน่น  มือสองข้างก็กำเข้าหากันจนเส้นเลือดปูด   ค่อยๆยืนขึ้นทั้งที่ร่างกายสั่นเทิ้มเต็มไปด้วยความโกรธ  แต่ก็ต้องระงับไว้เพราผมยังต้องพึ่งพิงทุนการศึกษาของโรงเรียนนี้อยู่
“อืม”
“หึ!  ก็ดี   ถ้างั้นเอาแบบนี้นะ  เพื่อแลกกับการที่กูจะไม่แตะต้องไอ้จักรวาลสุดรักสุดยูชาของมึง  มึง!  กับพ่อแม่ของมึง  ต้องมากราบตีนกู”
“!!!”
“ในเมื่อไอ้จักรวาลมันมีค่ามากสำหรับมึง  ถึงขั้นที่มึงกล้ามีปากมีเสียงและบุกขึ้นมาหากูถึงที่นี่เป็นครั้งแรก  มึงก็ต้องเอาอะไรที่สำคัญสำหรับมึงพอๆกันมาแลก  ซึ่งนั่นก็คือ…พ่อแม่มึง”
“…”
“ว่าไงเล่า  ถ้ามึงยอมให้พ่อแม่มึงมากราบตีนกู  กูก็จะยอมหยุด”
“หนึ่ง…”
“หืม?  พึมพำอะไรวะ”
“สอง…”
ผมค่อยๆนับเลขออกมา  เสียงนับเลขลอดผ่านไรฟันที่ผมกัดมันไว้แน่นด้วยความโกรธ  ไม่ไหว…  ผมทนไอ้เวรที่อยู่ตรงหน้านี้ต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว
“สาม!  ย้ากกกกก!”
“เฮ้ยๆ  จะทำอะไรวะ  ว๊ากกกกก!”
พลั่ก!!!
บาทาทั้งสองข้างประทับเข้ากลางอกไอ้เฟี้ยวแบบเต็มๆเน้นๆจนเจ้าตัวหงายหลังตึงไปคลุกฝุ่นอยู่กับพื้น  ผมรีบลุกขึ้นไปคร่อมตัวมันเอาไว้  สองมือกระชากคอเสื้อมันขึ้นแล้วดึงเข้ามาใกล้
“ไม่เคยมีใครสอนมึงหรือไงว่าอย่ามาเล่นถึงพ่อแม่ของคนอื่นเขา!”
ผมตะโกนใส่หน้ามันอย่างเหลืออด  ที่เสื้อของไอ้เฟี้ยวมีรอบบาทาขาคู่ของผมประดับอยู่  เจ้าตัวยังดูอึ้งๆเหมือนสติจะยังกลับมาไม่ครบถ้วน
“กูจะไม่หนีอีกแล้ว  กูขอประกาศสงคราม!”
“…”
“กูจะทำให้มึงรู้ว่า…เศษขยะไร้ค่าอย่างกู  ก็กลายเป็นขยะรีไซเคิลได้เหมือนกัน!!!”
ผลักอกมันทิ้งท้ายก่อนจะวิ่งหนีออกมาด้วยความคับแค้นใจที่เดือดพล่านอยู่ในอก  หลังจากนี้จะเป็นยังไงก็ช่าง  อย่างน้อยๆวันนี้ผมก็ได้แก้แค้นไอ้เฟี้ยวด้วยตัวผมเอง!
จงตราตรึงลูกถีบขาคู่ของกูไว้ในสมองมึงซะ  ไอ้สวะเอ๊ย!!!
 
หลังจากที่ร่างเล็กวิ่งหนีหายกลับลงไปทางบันไดตามเดิม  เฟี้ยวที่ยังนอนหงายอยู่กับพื้นเพราะตกใจในสิ่งที่อีกฝ่ายทำ  มันเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายของเขาสุดๆ
“ขยะรีไซเคิลงั้นเหรอ  ฮะๆ”
ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ ยิ่งคิดถึงหน้าตาคนพูดที่โกรธจนหน้าแดงหูแดงแล้วก็ยิ่งขำ  เขาค่อยๆยันตัวลุกขึ้นมานั่ง  ก้มมองเสื้อของตัวเองที่มีลวดลายรองเท้าของคนตัวเล็กประดับอยู่
“ถีบแรงเหมือนกันฮะ”
เขาปัดรอยเศษทรายที่ติดมากับรองเท้าของไทม์ออก  แต่รอยเท้าที่เปื้อนอยู่มันก็ไมได้จางไปง่ายๆ  เป็นครั้งแรกที่มีคนกล้าทำกับเขาถึงขนาดนี้  ที่ผ่านมาแค่เพราะอำนาจเงินที่เขามีก็ทำให้เขายิ่งใหญ่ได้โดยไม่ต้องกลัวใคร  คิดไม่ถึงเลยว่า…
ผู้ชายมืดมนตัวเล็กๆที่ไม่เคยอยู่ในสายตาเขามาก่อนอย่างไทม์จะกล้าทำถึงขนาดนี้
แปะๆๆๆๆ
เสียงปรบมือดังมาจากประตูดาดฟ้า  เฟี้ยวเบนสายตาไปมองก็พบกับบุคคลไม่ได้รับเชิญในชุดสีขาวสว่างตัดกับเส้นผมสีทอง
“ตั้งใจว่าจะมาเซอร์ไพรส์แท้ๆ  ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอของดี  มีคนกล้าทำร้ายร่างกายนายด้วย  ต้องใจกล้าขนาดไหนนะถึงทำแบบนี้ได้”
“แก…”
“อะไรกันๆ  เพื่อนเล่นสมัยเด็กที่ไมได้เจอตั้งหลายปีกลับมาทั้งที  ไม่ยิ้มต้อนรับแล้วโผเข้ามากอดหน่อยเหรอ”
“ไสหัวไปซะ”
“เอ่อ…พูดจริงพูดเล่นเนี่ย  พูดแบบนี้ฉันเสียใจนะ”
“ออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้   ไอ้อวกาศ…”
 
 
บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
มาอัพตอนที่แปดแล้วจ้า  เอ้า! จุดพลุฉลองให้กับความใจกล้าของน้องไทม์เร็วเข้า 5555  ในที่สุดก็ลุกขึ้นสู้ด้วยตัวเองเป็นสักที  จะว่าไป…ถ้าไม่มีเฟี้ยว  บิวคิดว่าน้องไทม์ของเราก็คงไม่กล้าที่จะสู้กับคนอื่นยามที่ตัวเองถูกรังแกหรอกเนอะ  รู้จักปกป้องสิ่งสำคัญ  ปกป้องคนที่รักด้วยตัวเอง  บางทีตัวละครเฟี้ยวอาจจะเป็นตัวช่วยในการสอนเรื่องนี้ให้กับน้องไทม์ก็ได้  คนที่เอาแต่วิ่งหนีและเรื่องที่จะดึงตัวเองออกมาจากสังคมอย่างน้องไทม์  กำลังจะเปลี่ยนแปลงไปทีละนิดแล้วววว
ในที่สุดตัวละครก็ออกกันมาจนครบ!  น้องไทม์  จักรวาล  เฟี้ยว  มารีอา และอวกาศ  คนเหล่านี้มีความสัมพันธ์กันแบบไหนนะ?

หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 8 (10/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 10-08-2017 13:04:31
กระโดดถีบเลย55555สะใจ แต่เฟี้ยวคงไมได้เกลียดไทม์หรอกแต่ชอบแกล้ง
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 8 (10/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 10-08-2017 13:18:50
ทำไมจักรวาล ถึงให้อวกาศถือครองสมบัติทั้งหมด ??????
แล้วพี่สะใภ้ที่อวกาศว่า คือไทม์ ใช่ปะ

อืมมมม.....ให้รู้สึกว่าเฟี้ยวไม่ถูกกับจักรวาล
แต่กับไทม์แค่แกล้ง เพราะจักรวาลมายุ่งกับไทม์
พ่อแม่ไทม์ โดนคนของเฟี้ยวแกล้งด้วยเหรอ

อวกาศ คิดไรกับเฟี้ยวปะ
แต่เฟี้ยวคิดไรกับไทม์มั้ยนะ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 8 (10/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 10-08-2017 18:14:43
มาลองเดาๆกันดูน้าว่าตัวละครในนี้เขามีความสัมพันธ์กันแบบไหนบ้างค่า  ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านและติดตามเรื่องนี้อยู่นะคะ ^^
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 8 (10/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 10-08-2017 18:15:06
กระโดดถีบเลยแหะ ว่าแต่จะสู้เขาได้จริงๆ หรือ
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 8 (10/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: iceman555 ที่ 10-08-2017 18:29:27
อวกาศมาปราบเฟี้ยวสินะ  :z1: :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 8 (10/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: netich ที่ 10-08-2017 23:54:54
 :katai5: :katai5:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 8 (10/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 10-08-2017 23:56:40
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 8 (10/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 11-08-2017 04:32:26
 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 8 (10/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 11-08-2017 09:38:38
ไทม์เยี่ยม กล้าหือกับเฟี้ยวก็ถือว่าตำแหน่งสะใภ้ ผ่าน!
อวกาศจัดเฟี้ยวที จะได้หายซ่ากับบไทม์
จัดเบาๆ นะ
 :mew3:

 
หัวข้อ: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 9 (11/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 11-08-2017 10:23:06


ตอนที่ 9

ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อน

 

ออด…

ช่วงพักกลางวันมาถึงสักที  ผมรีบลุกจากที่นั่งตรงไปยังโรงอาหารด้วยความลัลล้าเป็นครั้งแรกในชีวิต  เพราะว่าวันนี้…ผมมีเงินซื้อข้าวในโรงอาหารกินเหมือนเพื่อนคนอื่นๆด้วยล่ะ!  ไม่อยากจะเชื่อเลย  ความฝันสูงสุดในชีวิตเป็นจริงแล้ว  ฮึก… (ฝันว่าอยากนั่งกินข้าวที่ซื้อจากโรงอาหารของโรงเรียนดูสักครั้งก่อนตาย…)

ไอ้เฟี้ยวไม่ได้มาเข้าเรียนเลยในช่วงเช้า  แอบกังวลนิดหน่อยว่ามันคงไม่ได้ตายคาดาดฟ้าเพราะลูกถีบขาคู่ของผมหรอกนะ  ถ้ามันตายขึ้นมาก็เท่ากับว่าผมจะต้องกลายเป็นฆาตกรน่ะสิ  ไม่ได้การละ  แดกข้าวเสร็จเมื่อไหร่ต้องขึ้นไปดูสักหน่อย 

การปรากฏตัวของผมในโรงอาหารสร้างความแตกตื่นให้แก่ผู้คนที่พบเห็นเป็นอย่างมาก  คือกูแค่มาซื้อข้าวแดกไหม  ทำไมพวกมึงต้องทำหน้าตาตื่นตกใจเหมือนเจอหมีควายมาซื้อข้าวด้วยฟะ!

“เอา…อันนี้  อันนี้  อันนี้  แล้วก็อันนี้ครับ!”

“เยอะขนาดนี้กินหมดเหรอพ่อหนุ่ม”

“หมดสิครับ  หมดแน่นอน”

ผมยิ้มกว้างตอบแม่ค้ากลับไป  รสชาติอาหารอย่างอื่นนอกจากเมนูไข่กับเกลือ  มันจะอร่อยขนาดไหนกันนะ  แค่คิดก็น้ำลายสอแล้ว

“นี่จ้ะ”

ผมส่งเงินที่มีจ่ายเป็นค่าอาหารไป   โอ้…นี่แหละชีวิตที่ใฝ่ฝัน  ใช้เงินซื้อของกินที่อยากกินได้โดยไม่ใช่แค่ยืนมอง

อ๊ากกกก  ที่สุดในชีวิตจริงๆเลยโว้ยยย

แทบกลั้นนำตาไว้ไม่อยู่  ผมเดินถือจานข้าวไปนั่งยังโต๊ะที่ว่างอยู่  จ้องมองมันอยู่นานไม่ยอมกินเพราะอยากจะจารึกช่วงเวลาอันมีค่านี้เอาไว้

ข้าวมื้อแรกในโรงอาหารของกู…

อยากจะร้องไห้ด้วยความดีใจ  ฮือออออ

 

หนึ่งนาทีผ่านไป…

เคร้ง!

“ฮ้า!!!  อิ่มจังเลยยยยย”

ช้อนถูกวางลงในจานเมื่อข้าวคำสุดท้ายถูกตักเข้าปาก  ข้าวในโรงอาหารของโรงเรียนนี่มันเป็นอะไรที่พระเจ้าประทานจริงๆเลย!

เพราะมัวแต่สนใจเรื่องกินเลยไม่ได้มองรอบตัว  ทว่าพอกินเสร็จผมถึงจะเริ่มสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแหม่งๆจนต้องหันมองไปรอบๆ  ทุกสายตาต่างจ้องมาที่ผมด้วยแววตาอึ้ง ทึ่ง  ราวกับผมเป็นตัวประหลาด

ดูจากใบหน้าและท่าทางแล้ว  คงกำลังอึ้งกับสกิลในการกินขั้นเทพของผมอยู่ล่ะสินะ  ภายในหนึ่งนาทีผมสามารถสวาปามเอาข้าวในจานที่พูนประหนึ่งอาหารหมูหมดได้

แฮะแฮ่ม!  ทำไมรู้สึกภูมิใจ  หึๆๆๆ

“เอ่อ…”

เสียงหวานใสดังขึ้นข้างตัว  หันกลับไปมองก็พบว่าเป็นอาจารย์มารีอา  เธอส่งยิ้มให้ผมอย่างใจดี

“ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหมจ๊ะ”

“อ่อ…ได้ครับๆ  คุยได้ครับ”

“งั้นเชิญทางนี้จ้ะ”

เธอผายมือเชิญผมให้เดินตามเธอไป  ผมคว้ากระเป๋ารีบเดนิตามเธอไปด้วยความสงสัย  ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นเธอจะเข้ามาคุยหรอสนใจผมเลย  แล้ววันนี้ทำไม…

อาจารย์มารีอาเดินนำมายังสวนหย่อมของนักเรียนที่มีนักเรียนมานั่งอยู่ก่อนแล้วประปราย  พวกเรานั่งอยู่ที่ม้านั่งหินอ่อนใต้ต้นไม้ติดกับกำแพงของตึกเรียน  เธอเอาแต่ยิ้มมองผมมาตลอดทาง  แต่ว่า…ยิ้มของเธอมันดูเศร้าๆชอบกล

หรือผมจะคิดมากไป?

“อาจารย์มารีอามีอะไรกับผมเหรอครับ?”

“เข้าเรื่องทันทีเลยนะ”

“กะ…ก็มันสงสัย”

ตอบกลับไปตามตรง  เธอนั่งอยู่ที่ม้าหินฝั่งตรงข้าม  ไอ้บรรยากาศแสนน่าอึดอัดชวนให้อ้วกนี่มันคืออะไร  ผมไม่ชอบเวลาที่ต้องเจอกับความรู้สึกแบบนี้เลยจริงๆ

“ครูขอถามตรงๆเลยนะจ๊ะ   ไทม์…เธอ…เป็นอะไรกับจักรวาลเหรอ”

“ครับ?”

“เอ่อ  คือครูแค่สงสัยน่ะจ้ะ  ปกติเธอเป็นเด็กเงียบๆ  ไม่ค่อยคบหากับใคร  แล้วยังเป็นนักเรียนทุนอีกด้วย  ครูเลยคิดไม่ถึงว่าเธอจะรู้จักกับเขาได้”

“เรื่องนั้น…”

จะว่ายังไงดีล่ะ  ให้บอกเรื่องเป็นหนี้สิบล้านจนต้องมายอมเป็นตัวขัดดอกก็คงไม่ได้  อีกอย่าง…ผมเองก็อยากรู้ความสัมพันธ์ของอาจารย์  ไอ้เฟี้ยว  แล้วก็คุณจักรวาลเหมือนกัน

“แลกกันได้ไหมล่ะครับ”

“จ๊ะ?”

“ผมจะบอกว่าทำไมผมถึงรู้จักกับคุณจักรวาลได้  แต่อาจารย์เองก็ต้องเหมือนกัน”

“บอกอะไรเหรอ?”

“ความสัมพันธ์ของอาจารย์  คุณจักรวาล  แล้วก็ไอ้เฟี้ยว”

เธอนิ่งไปเล็กน้อยเมื่อผมพูดจบประโชค  ก่อนจะค่อยๆคลี่ยิ้มออกมา  รอยยิ้มที่ดูอ่อนโยนเหมือนนางฟ้านั่น…

สวยจริงๆ

“ได้สิ  ครูจะบอก”

“งั้นก็ตกลงครับ  ผมน่ะ…รู้จจักกับเขาได้ก็เพราะ…”

“…”

“งานน่ะครับ”

“งาน?”

“พ่อกับแม่ผมได้งานใหม่เป็นคนงานในบ้านของคุณจักรวาล  เขาเมตตาพ่อกับแม่ผมมากก็เลยพลอยเมตตาผมไปด้วย  มันก็แค่นั้นแหละครับ”

“เมตตา  จักรวาลน่ะเหรอ…”

อาจารย์มารีอาตีหน้ายุ่ง  ดูเธอจะแปลกใจมากๆที่ผมบอกว่าคุณจักรวาลมีเมตตา

อ่า….นั่นสินะ  ดูจากลุกค์และนิสัยภายนอกที่เขาแสดงออกกับคนอื่นๆแล้ว  คงไม่มีใครเชื่อหรอกว่าเขาจะมีคำว่าเมตตาฝังอยู่ในหัวสมอง

“ก็แค่นี้แหละครับ  ไม่มีอะไรมากเลย  ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมทุกคนจะต้องตกใจกันด้วย  เอล่ะ  แต่อาจารย์เล่าบ้างแล้วนะครับ”

ผมตัดบทแล้วโยนซีนต่อไปส่งให้อาจารย์ทันที

ปกติก็ไม่ใช่คนโกหกอะไรเก่งอยู่แล้ว  ถ้าขืนยังให้แถสดต่อไปเรื่อยๆมีหวังโดนจับได้แหงๆ

“ความจริง…พวกเราเป็นเพื่อนเล่นสมัยเด็กกันน่ะ”

“เพื่อนเล่น?!”

“ครูไม่แน่ใจว่าเธอรู้จักเขาหรือยัง  น้องชายของจักรวาลที่ชื่ออวกาศ  เขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นกับครูมาตลอด  แล้วก็เป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็กด้วย  เพราะเมื่อก่อนพวกเราเคยอยู่บ้านข้างๆกัน  สมัยที่ครูกับอวกาศอายุสิบขวบ  จักรวาลก็อายุสิบเก้า  เขาเป็นเหมือนพี่ชายที่ต้องคอยดูแลน้องๆ”

“เดี๋ยวครับ!”

ผมแทรกกลางขณะที่เธอกำลังเล่าถึงความหลังด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุข

“จ๊ะ?”

“แล้ว…ไอ้เฟี้ยวเงาะนั่นล่ะครับ  มันมาเกี่ยวอะไรด้วย”

“เขาเป็นน้องชายของครูเองจ้ะ”

“น้องชาย!”

ให้ตายสิ  นี่คงเป็นเรื่องที่พีคสุดๆสำหรับผมแล้วล่ะ

ห่ามๆอย่างไอ้เฟี้ยวเป็นน้องชายของอาจารย์มารีอา!  นี่มึงไปเอาดีเอ็นเอใครมาไว้ในตัววะเนี่ยย!

“ตอนนั้นเฟี้ยวเพิ่งจะสองขวบ  แต่ว่าครู  อวกาศ  แล้วก็จักรวาลต่างก็ช่วยกันเลี้ยงเขาเหมือนเป็นพี่น้องกันจริงๆมาตลอด  พวกเราสี่คนสนิทกันมาก  จักรวาลที่ถึงจะไม่ค่อยพูดหรือแสดงอาการอะไรนัก  แต่เขาก็มักจะคอยปกป้องเราสามคน  ที่เฟี้ยวสนใจศิลปะการต่อสู้ก็เพราะได้จักรวาลนี่แหละเป็นคนสอน  เมื่อก่อนเด็กคนนั้นอ่อนแอแล้วก็ขี้แยจะตาย  เพราะงั้น…เฟี้ยวเลยรักและนับถือจักรวาลเหมือนพี่ชานแท้ๆคนหนึ่ง”

เอิ่ม…นึกภาพไอ้เฟี้ยวอ่อนแอและขี้แยไม่ออกเลยให้ตายเหอะ  แถมยังที่ว่ามันสนิทกับคุณจักรวาลมากๆอีก  จากเหตุการณล่าสุดที่ทั้งคู่เจอกัน  มันไม่เหลือเค้าของคนที่เคยผูกพันกันมาก่อนเลยนะ

“จนกระทั่งพออายุยี่สิบสอง  ทั้งครูและอวกาศต่างก็เรียนจบมหาวิทยาลัย   อวกาศต้องไปเรียนต่อด้านบริหารที่อเมริกาตามที่จักรวาลวางแผนไว้ให้  ส่วนครูก็มาเป็นครูอยู่ที่โรงเรียนของคุณแม่ทันทีที่เรียนจบ  เฟี้ยวเองก็เพิ่งจะอายุสิบสี่  ความสัมพันธ์ของพวกเราค่อยๆห่างกันไปเรื่อยๆ  ช่วงนั้นจักรวาลคนที่หายหน้าไปมากที่สุด  เขาไม่ติดต่อใครเลยแม้แต่อวกาศก็ตาม  คนในบ้านของเขาบอกว่าเหมือนเขากำลังตามหาใครอยู่เพราะเคยได้ยินเขาสั่งการกับลูกน้อง  แต่ครูเองก็ไม่รู้อะไรมากหรอกจ้ะ  ในตอนนั้นครูก็มัวแต่สนุกกับการเป็นครูด้วย  เลยไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่พวกเราสี่คนเริ่มห่างกันแล้วเท่าที่ควร”

“จากที่ฟังๆมาก็ดูไม่มีอะไรร้ายแรงนี่ครับ  แล้วทำไม…ไอ้เฟี้ยวเงาะมันถึงแสดงท่าทางเหมือนโกรธเกลียดคุณจักรวาลขนาดนั้นล่ะครับ”

“เรื่องนั้น…”

พอถึงตรงนี้  สีหน้าของอาจารย์มารีอาก็เปลี่ยนเป็นคนละคน  ดวงตาคู่สวยรื้นขึ้นด้วยน้ำใสๆ

“อะ…อาจารย์!”

“ขะ…ขอโทษจ้ะ  ครูทำให้ตกใจสินะ”

เธอรีบหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตาออก  ตายห่าล่ะ  เกิดมีใครมาเห็นเข้าจะคิดว่าผมรังแกอาจารย์ไหมเนี่ย

“พอคิดว่าเพราะอะไรเฟี้ยวถึงต่อต้านจักรวาลขึ้นมา  ครูก็อดรู้สึกผิดไม่ได้”

“ทะ…ทำไมเหรอครับ”

“เรื่องมันเริ่มต้นมาจาก…สองปีก่อน…ที่ครูกับจักรวาลหมั้นกัน”

“หมั้นกัน!”

ผมทวนคำพูดนั้นด้วยความตกใจ

หมั้นกันนี่ก็หมายความว่า…

อาจารย์มารีอา…เป็นว่าที่เจ้าสาวของคุณจักรวาล!

 

ตึกๆๆๆๆๆๆๆ

เสียงฝีเท้าหนักๆย่ำไปบนพื้นบ่งบอกถึงความโกรธของเจ้าของฝีเท้านั่นได้เป็นอย่างดี  ร่างสูงในชุดอาภรณ์สีขาวเดินถมึงทึงไปยังห้องประชุมของบริษัทที่ตอนนี้คงกำลังมีการประชุมใหญ่กันอยู่

“เข้าไม่ได้นะครับคุณอวกาศ  ตอนนี้บอสกับผู้บริการคนอื่นกำลังประชุมอยู่ครับ”

“ถอยไป!”

“เข้าไม่ได้จริงๆครับ”

“บอกให้ถอยไป!!!”

พลั่ก!

ยามที่เฝ้าอยู่หน้าประตูถูกผลักจนกระเด็น  อวกาศจัดการเปิดประตูเข้าไป  การประชุมทั้งหมดหยุดชะงัก  จักรวาลหันมามองหน้าน้องชายที่หุนหันเดินเข้ามาด้วยวามแปลกใจ

“มีอะไร  ไหนบอกว่าจะไม่มา…”

พลั่ก!!!

พูดยังไม่ทันจบประโยค  หมัดเน้นๆของอวกาศก็พุ่งเข้าใส่หน้าเขาจนเซไปกระแทกกับโต๊ะที่ประชุม  ผู้บริหารคนอื่นๆต่างแตกฮือกันด้วยความตกใจ

“นาย…”

“หมายความว่ายังไง”

“กำลังพูดเรื่องอะไร”

“ที่ว่านายถอนหมั้นกับมาเรียตั้งแต่หนึ่งปีก่อนมันหมายความว่ายังไง!!!”

เป็นครั้งแรกที่อวกาศโกรธจนสติหลุดและตวาดได้เสียงดังขนาดนี้  จักรวาลถอนหายใจเบาๆก่อนจะหันไปหาผู้บริหารคนอื่นๆ  ส่งยิ้มอย่างใจเย็นไปให้

“วันนี้ประชุมแค่นี้ก่อนแล้วกันครับ  ไว้ยังไงผมจะนัดประชุมใหม่  ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้ตกใจกัน  ไปส่งพวกเขาที”

ตอนท้ายหันไปสั่งการกับเลขา  เมื่อทุกคนออกจากห้องประชุมไปจนหมด   บรรยากาศมาคุภายในห้องก็ก่อตัวทันที

“รู้แล้วเหรอ”

“ใช่  ถ้าผมไม่ได้ไปที่โรงเรียนเพราะตั้งใจจะไปแสดงความยินดีกับเธอ  ผมก็คงไม่รู้เรื่องนี้   ว่าพี่ถอนหมั้นเธอมาตั้งหนึ่งปีแต่กลับปิดผมเอาไว้เป็นความลับ!”

“ฉันไม่ได้ปิด  ฉันแค่คิดว่ามันเป็นเรื่องของฉัน”

“พี่จะว่าผมเสือกงั้นสิ!”

“ฉันรู้ว่าสำหรับนาย  มารีอาเป็นเพื่อนสนิทที่…”

“เธอไม่ใช่แค่เพื่อนสนิท”

“…”

“มาเรียคือนางฟ้าของผม  พี่  แล้วก็เฟี้ยว  เธอคือคนที่พวกเราสามคนต่างสัญญาว่าจะปกป้องและทำทุกอย่างเพื่อให้เธอมีความสุข  อย่าบอกนะว่าพี่ลืมคำสัญญานี้ไปแล้ว!”

“ฉันไม่ได้ลืม”

“แล้วทำไม…!”

“แต่สำหรับฉัน…จะไม่มีอะไรสำคัญไปกว่านายและ…”

“…”

“หน้าที่ที่ฉันต้องทำ”

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพตอนที่เก้าแล้วจ้า  ในที่สุดความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็เปิดเผย  ช่างอีนุงตุงนังซับซ้อนซ่อนเงื่อนเสียเหลือเกิน  ที่แท้ว่าที่เจ้าสาวของท่านจักรวาลที่อวกาศพูดถึงก็คือมารีอานี่เอง  แต่เอ๊ะๆๆๆ  ทำไมเขาถึงถอนหมั้นกับเธอกันล่ะ  สิ่งที่จักรวาลกำลังทำอยู่คืออะไรกันแน่  เขามีเป้าหมายอะไรหรือเก็บงำความจริงอะไรไว้หรือเปล่านะ?  ถ้าอยากรู้ก็ต้องติดตามกันต่อไปจนกว่าจะจบเน้ออออ

หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 9 (11/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 11-08-2017 11:14:28
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 9 (11/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 11-08-2017 11:30:09
 :call:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 9 (11/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 11-08-2017 11:50:08
ที่ถอนหมั้นก็คงเพราะว่าอวกาศชอบมารีอาซินะไม่ต้องสงสัย
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 9 (11/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 11-08-2017 11:59:02
เด๋วๆ
มารีอาชอบเฟี้ยว หรือเฟี้ยวชอบมารีอา
หรือมารีอารักจักรวาลกันแน่
ที่แน่ๆ มารีอาคือนางฟ้าของอวกาศ
และตอนนี้มารีอาคืออดีตคู่หมั้นจักรวาล
...ตูมึน
 :hao4:
เชียร์น้องไทม์เว้ย น้องไทม์น่ารัก
 :mew3:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 9 (11/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 11-08-2017 12:03:20
 :hao4: :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 9 (11/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 11-08-2017 19:34:30
 :impress2:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 9 (11/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 11-08-2017 19:43:58
 :a12: :a12: นอนรอตอนต่อไปดีกว่า
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 9 (11/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 11-08-2017 20:17:53
อวกาศชอบอาจารย์ใช่มะ คุณพี่จักรวาลเลยยอมถอยเพื่อน้อง
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 9 (11/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-08-2017 20:43:36
อวกาศ น่าจะชอบมารีอาเกินเพื่อน
พอจักรวาลถอนหมั้น เลยโกรธแทน
แต่อวกาศ ไม่รู้หรือ หมั้น-ถอนหมั้นเป็นเรื่องของคนที่หมั้นกัน
ทำไมต้องโกรธขนาดชกหน้าพี่ชายตัวเอง
ถามกันดีๆก็ได้ ทำให้สงสัยโกรธเพราะอะไรกันแน่
โกรธเพราะไม่บอก หรือโกรธเพราะจักรวาลทำให้มารีอาเสียใจ

เฟี้ยวเป็นน้องชายมารีอา แต่ชื่อไม่ไปทางเดียวกันเลย
แล้วทำตัวเป็นอันธพาลในโรงเรียน ทั้งที่พี่เป็นครู แปลกมากกกก
แล้วพี่ไม่รู้หรือว่าน้องทำตัวเกเร ไม่น่าไม่รู้นะ  :m16:
เฟี้ยวโกรธจักรวาล เพราะถอนหมั้นพี่สาวตัวเองหรือเปล่า
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 9 (11/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 12-08-2017 07:19:52
ความเดาล้วนๆ อวกาศชอบมารีอา เฟี้ยวชอบจักรวาล จักรวาลชอบไทม์ 
หัวข้อ: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 10 (12/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 12-08-2017 10:48:06


ตอนที่ 10

ถูกชะตา

 

“จะแวะที่ไหนก่อนไหมครับคุณไทม์”

พี่เข้มเอ่ยถามเมื่อผมเดินมาขึ้นรถที่จอดรออยู่ไม่ไกลจากโรงเรียน  เลยส่ายหน้าไปเพื่อเป็นการปฏิเสธ  ในหัวยังคิดถึงเรื่องที่อาจารย์มารีอาเล่าอยู่

 

‘สองปีก่อน  ครูกับจักรวาลหมั้นกัน  ความจริงมันก็ไม่ใช่การหมั้นที่เกิดจากความรักของคนสองคนเลย  มันเป็นการหมั้นทางธุรกิจมากกว่า  บรรดาผู้บริหารในบริษัทที่จักรวาลบริหารอยู่ตอนนี้  ต่างเห็นพ้องต้องกันว่าถ้าจักรวาลได้เป็นดองกับตระกูลของครู  จะทำให้ความสัมพันธ์ด้านธุรกิจมั่นคงขั้น  เพราะฝั่งคุณปู่คุณย่าของครูท่านเป็นเจ้าของกิจการอสังหาฯขนาดใหญ่  และเพื่อบริษัท  จักรวาลก็เลยมาขอหมั้นกับครู  ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รักครูก็ตาม’

‘แล้วอาจารย์ทำไมถึงยอมหมั้นล่ะครับ  ก็ในเมื่ออาจารย์ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรกับบริษัทพวกนั้นอยู่แล้ว  อาจารย์เป็นอาจารย์นะครับ’

‘ที่เธอพูดมาก็ถูก  แล้วเธอคิดว่าเป็นเพราะอะไรกันล่ะ  ทำไมผู้หญิงคนหนึ่งถึงยอมรับหมั้นกับผู้ชายคนหนึ่งได้’

‘…’

‘…’

‘รัก…ใช่ไหมครับ’

‘จ้ะ  ครูรักเขามาตลอด  แอบรักเขามาตั้งแต่เด็กๆแล้วล่ะ แต่เขาไม่เคยมองครูมากกว่าความเป็นน้องสาวเลย  ตอนที่ได้หมั้นกัน  ครูดีใจมาก  และคิดว่าคงทำให้เขารักครูได้ไม่ยากเพราะเราผูกพันกันมาตั้งแต่เด็ก  แต่ก็ไม่ใช่  หนึ่งปีให้หลังเขามาขอถอนหมั้นกับครู  ไม่ว่าครูจะถามเหตุผลแค่ไหนก็ไม่เคยได้รับคำตอบ  เขาเลือกที่จะเงียบและค่อยๆเย็นชามากขึ้น  จนในที่สุด…เราก็ไม่ได้เจอหน้ากันอีกเลย  เพิ่งจะได้กลับมาเจอก็วันที่เขามารับเธอที่นี่นั่นแหละ’

‘ถ้างั้น  สาเหตุที่ไอ้เฟี้ยวมันเกลียดคุณจักรวาลก็…’

‘เด็กคนนั้นโกรธที่จักรวาลไม่ยอมพูดอะไรเลย  ไม่บอกเหตุผลและยังทำเย็นชากับทุกคน  แรกๆเขก็ไม่ได้โกรธหรอกนะ  พยายามไปหาและถามเหตุผล  แต่กลับถูกจักรวาลเฉยชาใส่และไล่กลับมา  ตั้งแต่วันนั้น…เฟี้ยวเลยตั้งตัวเป็นปรปักษ์กับจักรวาลมาโดยตลอด  อะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับจักรวาล  เด็กคนนั้นจะพาลเกลียดไปเสียหมด’

 

และเพราะเรื่องเล่านั้น  ทำให้ผมพอจะรู้สาเหตุที่ตัวเองถูกมันแกล้งซ้ำแล้วซ้ำเล่าแล้วล่ะ  มันคงเห็นว่าคุณจักรวาลดีและให้ความสำคัญกับผม  ในขณะที่กับอาจารย์มารีอานั้น  เขาทำเฉยชาจนเธอต้องเจ็บปวด  ความแค้นที่มีก็เลยทำให้มันมาลงที่ผมเพราะต้องการเอาคืนคุณจักรวาล

แต่ว่านะ  ยิ่งฟังก็ยิ่งไม่เข้าใจ  การกระทำของเขามีแต่เรื่องชวนปวดหัวทั้งนั้น  ผมเดาไม่ออกเลยว่าเขากำลังคิดอะไร  คนๆนี้ลึกลับและชวนพิศวงจนบางครั้งผมก็อดกลัวไม่ได้  ตัวเขาเปรียบเหมือนเขาวงกต  ที่อาจจะทำให้เรานึกสนุกอยากจะหาทางออกให้เจอ  แต่ใครจะไปรู้ล่ะ  ว่าถ้าหลงเข้าไปในนั้นแล้ว  เราอาจจะหาทางออกมาไม่เจอก็ได้

“พี่เข้มครับ  ผมถามอะไรหน่อยสิ”

“ครับคุณไทม์”

“คุณจักรวาลเนี่ย  เขาเป็นคนยังไงเหรอครับ”

“บอสเหรอ  บอสก็เป็นคนที่จริงจังนะครับ  เท่าที่ผมเห็นบอสมา  บอสจะทำงานอย่างหนักมาก  ทำทุกอย่างเพื่อให้กิจการเจริญก้าวหน้า  ทั้งที่คนในบริษัทและที่บ้านต่างก็ลือกันว่าบอสไม่คิดที่จะรับช่วงต่อ  แต่ทำทุกอย่างเตรียมไว้ให้กับคุณอวกาศที่เป็นน้องชาย  ขนาดโดนลอบฆ่าไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง  แต่บอสก็ยังไม่เคยคิดที่จะหนีเลยนะ”

“ลอบฆ่าเหรอครับ!  ทำไมล่ะ?”

“ยิ่งสูงก็ยิ่งหนาว  จุดที่บอสยืนอยู่ในตอนนี้คอจุดที่อันตรายที่สุด  มีคนมากมายต้องการโค่นล้มบอส  แต่ผมคิดว่าอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้บอสยังยืนอยู่ในจุดนี้ก็คงเป็นเพราะต้องการตามหาตัวคนที่คิดจะฮุบกิจการให้เจอมากกว่า  เพราะถ้าบอสวางมือตอนนี้แล้วให้คุณอวกาศขึ้นรับทุกอย่างแทน  คนที่จะตกเป็นเป้าก็จะกลายเป็นคุณอวกาศทันที”

หมายความว่า…ยอมเป็นอันตรายเองเพื่อปกป้องน้องชายงั้นเหรอ?

ยอมที่จะตกเป็นเป้าไปจนกว่าจะตามล่าหาตัวคนที่คิดลอบฆ่าเจอ  คนเป็นพี่ต้องทำถึงขนาดนั้นเลยเหรอ?  ถ้าทำเพื่อรักษาบริษัทของครอบครัวตัวเองผมก็พอเข้าใจได้  แต่ว่านี่…ทำทั้งๆที่ถ้าจับตัวคนคิดลอบฆ่าได้ตัวเองก็จะวางมือจากบริษัทเนี่ยนะ?

มันจะเสียสละเกินไปไหม

ไม่ให้ความรู้สึกของพี่ชายที่ทำเพื่อนน้องเลยสักนิด  กลับกัน…ผมรู้สึกเหมือนเขาไม่ต่างอะไรจากบอดี้การ์ดของเขาเองเลย

เหมือนบอดี้การ์ดของคุณอวกาศมากกว่า

อ่า…คิดมากเอาเองอีกแล้วสินะ  เขาอาจจะรักน้องชายเขามากจริงๆก็ได้

“พ่อของผมทำงานกับบอสมาตั้งแต่รุ่นคุณพ่อของบอสเล่าให้ฟังว่า  หลังจากที่นายท่านเสียชีวิตไปเมื่อหกปีก่อน  บอสก็ต้องทำหน้าที่และบริหารทุกอย่างแทนนายท่าน  จากที่เคยใจดีกับคนอื่นๆก็เริ่มเย็นชาจนในที่สุดก็ไม่มีใครเคยเห็นบอสยิ้มอีกเลย  แต่ผมเข้าใจนะครับ  สิ่งที่บอสกำลังเผชิญทำให้บอสต้องเข้มแข็ง  บอสต้องดูแลและปกครองคนอีกนับร้อยนับพันที่ทำงานให้กับบริษัท  หนำซ้ำชีวิตของบอสก็ยังแขวนอยู่บนเส้นด้ายตลอดเวลาอีก  การที่ต้องแบกรับอะไรไว้มากมายขนาดนั้น  ผมคิดว่ามันคงไม่ง่ายเท่าไหร่นัก”

“นั่นสินะครับ”

เรื่องเล่าจากพี่เข้มทำให้ผมคิดถึงวันนั้นขึ้นมา  วันที่คุณจักรวาลพาไปเดินเล่นแล้วเงยหน้ามองฟ้าด้วยแววตาที่ว่างเปล่าแต่กลับแฝงความเศร้าเอาไว้

ที่ผ่านมาเขาคงเหนื่อยมามาก  แต่บอกใครไม่ได้  เขาแบกรับทุกสิ่งทุกอย่างไว้ด้วยตัวเอง  รวมถึงรู้ตัวมาตลอดว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตรายและสามารถตายได้ทุกเมื่อ  ถ้าหากว่าผมเป็นคุณจักรวาล  ต่อให้มีเงินทองใช้ตลอดเวลาแต่มั่นใจได้เลยว่าผมคงไม่ไหวจริงๆ

ผมไม่ได้เข้มแข็งขนาดนั้น…

 

ทันทีที่กลับมาถึงคฤหาสน์  ผมก็ตรงดิ่งไปที่ห้องนอนก่อนเพื่อจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้ารอกินข้าวพร้อมคุณจักรวาล   เรื่องที่ได้รับรู้มาในวันนี้ทำให้ผมเริ่มมองเขาในแง่ดีขึ้นมาอีกนิดหน่อย  อย่างน้อยเขก็ไม่ใช่เจ้าพ่อใจคอโหดร้ายอย่างที่ผมคิด

“หือ?”

คะ…คุณจักรวาล!

ขยี้ตาตัวเองแรงๆและเพ่งมองไปที่เตียงนอนอีกที  ร่างสูงในชุดสีดำนอนแผ่หลาอยู่บนเตียงทว่าหลับสนิท  ผมค่อยๆย่องเข้าไปใกล้เพราะกลัวว่าเขาจะตื่น

คุณจักรวาลนอนหลับตานิ่ง  ที่แก้มมีรอยฟกช้ำเหมือนคนถูกต่อย  ไปมีเรื่องกับใครมาหรือเปล่านะ?  เขาในตอนนี้ดูเหนื่อยอ่อนมากๆ  ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกสงสารเขาขึ้นมา

ยวบ…

ผมขึ้นไปนั่งบนเตียง  เขยิบเข้าไปใกล้เขาเพื่อจะนั่งมองใบหน้านี้ใกล้ๆ

“เหนื่อยมากไหมครับ”

อะไรดลใจให้ถามออกไปแบบนั้น  ผมเอื้อมมือไปสัมผัสเส้นผมสีดำนุ่มของเขาอย่างเบามือ  อยากจะให้เขาได้นอนพักแบบนี้นานๆ  จนกว่าเขาจะหายเหนื่อยและรู้สึกดีขึ้น

“คุณรู้ไหม  บางครั้ง…คนเราก็ไม่จำเป็นต้องแบกรับอะไรไว้คนเดียวหรอกนะครับ  ปากเราก็มี  พูดขอความช่วยเหลือเสียบ้างในยามที่เราเหนื่อยจนทนไม่ไหว  อย่าแบกโลกเอาไว้บนบ่า  แม้ว่าคุณจะชื่อจักรวาลก็ตาม”

“…”

“แต่ก็นะ  คนขี้ขลาดและเอาแต่หนีมาตลอดอย่างผม  มาบอกคุณเรื่องนี้ก็คงดูไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่  เพราะลำพังตัวเองก็เต็มกลืนแล้ว”

“…”

“งั้นเอาแบบนี้  ในฐานะหมาน้อยของจักรวาล  ผมจะคอยอยู่ข้างๆคุณ  ยามที่คุณเหนื่อย  ผมจะคอยเติมพลังให้  ยามที่คุณท้อ  ผมก็จะคอยเป็นแรงใจให้  ยามที่คุณล้า  ผมก็จะให้คุณนอนหนุนตักจนกว่าคุณจะรู้สึกดีขึ้น”

“…”

“ผมจะเป็นทุกอย่างเพื่อคุณ”

“…”

“ขอบคุณนะครับ  เจ้านาย”

แผล่บ…

เหนือความคาดคิดของตัวเองด้วยก็ตรงที่ผมก้มลงไปเลียแก้มเขาเหมือนหมาจริงๆนี่แหละ!!!

พอเลียเสร็จผมก็นั่งนิ่งตกใจกับกับการกระทำของตัวเองอยู่พักหนึ่งก่อนจะตัดสินใจวิ่งออกไปตั้งหลักที่นอกห้อง  หัวใจแทบจะหลุดออกมาจากอกเลยทีเดียว

กะ…กูทำบ้าอะไรลงไปวะเนี่ย!!!

 

ตึกๆ!  ตึกๆ!  ตึกๆ!

“เจ้าเด็กนั่น…”

จักรวาลที่ไม่ได้หลับแต่อย่างใด  เขาแค่นอนพักสายตาเท่านั้นลืมตาขึ้นมาเมื่อร่างเล็กวิ่งออกจากห้องไปแล้ว  มือข้างหนึ่งของชายหนุ่มยกขึ้นปิดใบหน้าที่ขึ้นริ้วสีแดงของตัวเองเอาไว้

หมับ!

แต่แค่เอามือปิดหน้าไม่สามารถช่วยระบายความรู้สึกในใจได้  เขาเอื้อมมือไปคว้าหมอนของไทม์มากอด  ก่อนจะซุกหน้าลงเพื่อสูดกลิ่นหอมอ่อนๆที่ติดอยู่

“ให้ตายสิ  ทำบ้าอะไรเนี่ยเรา”

แม้จะบอกกับตัวเองอย่างนั้น  แต่เขาก็ยังไม่เลิกฟัดหมอนของไทม์สักที…

 

ตึกๆๆๆๆๆๆๆๆ

ปึก!

“โอ๊ยยย!”

ร้องลั่นเมื่อร่างพุ่งเข้าชนกับใครบางคนที่เปิดประตูออกมาจากห้องข้างๆพอดี  ผมหงายหลังล้มตึงประหนึ่งวิ่งชนรถบรรทุก

“โอ๊ะ!  โทษทีๆ  เป็นอะไรไหม”

คนที่ผมชนเอ่ยถาม  เสียงผู้ชายงั้นเหรอ?  แถมยังไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วย  ใครกันนะ?

ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงด้วยความอยากรู้  เพียงวินาทีแรกที่ผมและเขาสบตากัน  ความรู้สึกบางอย่างก็เดือดพล่านอยู่ในใจ  ผมสีทองสว่างในชุดสีขาวทำให้เขาเหมือนเทวดาไม่มีผิด  ผู้ชายคนนี้…ใครกัน?

“ขอโทษนะ  เจ็บมากหรือเปล่า”

“อ๊ะ  มะ…ไม่ครับ  ไม่เจ็บ  ผมต่างหากที่ต้องขอโทษเพราะวิ่งไม่ดูทาง  ขอโทษนะครับ”

“ลุกขึ้นมาก่อนมา”

เขายื่นมือมาจับแขนช่วยดึงผมขึ้น  แปลกจัง… ในใจผมมันรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกเพียงแค่มองรอยยิ้มของเขา  มือที่จับแขนผมอยู่ตอนนี้ก็เหมือนกัน…

เป็นความรู้สึกที่ผมไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลย

“เอ…เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า?”

“หมายถึงผมกับคุณเหรอครับ”

“ใช่”

“คิดว่าไม่น่าจะเคยนะครับ  ผมไม่รู้จักคุณ”

“แปลก  ทำไมแวบหนึ่งเมื่อกี้ฉันรู้สึกคุ้นเคยกับนายนะ”

ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่คิดแบบนั้นเหรอเนี่ย  แต่เขาเองก็คิดเหมือนกัน  มันจะเป็นไปได้ยังไง  พวกเราแทบจะเป็นคนแปลกหน้าของกันและกันเลยด้วยซ้ำ

ไม่เข้าใจแฮะ

“จริงสิ  ลืมแนะนำตัวไปเลย  ฉันชื่ออวกาศนะ   เป็นน้องชายของพี่จักรวาล  แล้วนายล่ะ?”

“อวกาศ?”

“…”

“งะ…งั้นคุณก็คือคุณอวกาศ  น้องชายของคุณจักรวาลเหรอครับ!”

ผมรีบดึงแขนออกจากเขาแล้วทรุดตัวลงนั่งยกมือไหว้ท่วมหัว  งานงอกแล้วไง  เดินชนใครไม่ชนเสือกมาชนน้องชายคุณจักรวาลเนี่ยนะ!

เป็นรอยบุบสลายตรงไหนไหมวะ

“เฮ้ย!  อย่าทำแบบนี้สิ  ลุกขึ้นๆ  มาไหว้ฉันทำไม”

“ผะ…ผะ…ผมขอโทษที่เดินไม่ดูทางก็เลยชนคุณเข้า  ขอโทษจริงๆครับ”

“รู้แล้วๆ  ก็บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร  ลุกขึ้นมาเถอะน่า”

“แต่…”

“ถ้านายไม่ลุกฉันจะโกรธนะ”

พรึ่บ!

ลุกทันทีทันใด

คุณอวกาศหัวเราะ  มือข้างหนึ่งวางลงบนหัวผมก่อนจะก้มหน้าลงมาหา

“ชื่ออะไรน่ะเรา”

“ทะ…ไทม์ครับ!”

“ไทม์?  อ๋อ!  เด็กที่เพิ่งมาอยู่ใหม่สินะ  พี่เล่าให้ฉันฟังบ้างแล้วล่ะ  มิน่าถึงวิ่งออกมาจากห้องพี่  งั้น…ยินดีที่ได้รู้จักนะ”

เขายิ้มกว้างมากขึ้นไปอีก  เหมือนมีดอกไม้งอกงามขึ้นมารอบตัวผมในตอนนี้เลย  เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึก…อยากจะหยุดช่วงเวลานี้เอาไว้

ความอบอุ่นและรู้สึกปลอดภัยเวลาอยู่ใกล้เขา  มันเป็นเพราะอะไรกัน…

ถูกชะตางั้นเหรอ?

ไม่สิ  ผมมั่นใจว่ามันเป็นความรู้สึกที่มากกว่านั้น  อะไรบางอย่างในใจมันบอกกับผมว่าคนๆนี้แตกต่างออกไป

ไม่เข้าใจเลยจริงๆ

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพตอนที่สิบแล้วจ้า  เรื่องราวเริ่มเข้มข้นขึ้นแล้ว  ในที่สุดอวกาศและน้องไทม์ก็ได้เจอกัน  ความรู้สึกแปลกๆที่เกิดขึ้นในใจของสองคนนี้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอมันเพราะอะไรกันนะ?   ไหนจะการกระทำของจักรวาลอีก  อะไรทำให้เขายอมเอาชีวิตตัวเองเข้าเสี่ยงเพียงเพื่อต้องการจะรักษาทุกสิ่งทุกอย่างไว้ให้อวกาศเท่านั้น?  และเหตุผลที่เขาถอนหมั้นกับมารีอาคืออะไร?  เรื่องราววุ่นๆทั้งหมดจะลงเอยแบบไหน  ติดตามกันต่อไปนะค้า

#เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก  ติดแฮชแท็กนี้มาเม้ามอยกันในทวิตเตอร์ได้น้า  แลกเปลี่ยนความร็สึกหลังอ่านจบในแต่ละตอนกันค่ะ  หรือใครมีข้อสันนิษฐานในเรื่องนี้ยังไงบ้างก็เอามาพูดคุยกันได้น้า  อย่าปล่อยให้แฮชแท็กร้างกันนะคะ  สงสารหนุ่มๆในเรื่อง T^T
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 10 (12/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 12-08-2017 11:26:58
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 10 (12/08/60) #หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 12-08-2017 20:20:45
 :katai5:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 10 (12/08/60) #หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-08-2017 20:36:56
 :hao4: :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 10 (12/08/60) #หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 12-08-2017 21:39:52
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 10 (12/08/60) #หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-08-2017 23:28:07
อวกาศ ไทม์ เคยเจอกันตอนเด็กๆหรือเปล่า
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 10 (12/08/60) #หน้า3
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 13-08-2017 06:07:31
จักรวาลทำทุกอย่างเพื่อน้องจริงๆ คราวนี้มีหมาน้อยมาช่วยทำให้ผ่อนคลายขึ้นแล้วนะ :กอด1:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 9 (11/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: YounIn ที่ 13-08-2017 10:40:42
จักรวาลคิดทำไร แปลกๆ เสียสละทุกอย่าง เพราะอะไร หาอะไร รอไ
หัวข้อ: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 11 (13/08/60) #หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 13-08-2017 12:29:06


ตอนที่ 11
หมดความอดทน
 
“เอ่อ…”
“…”
“คือ…”
“…”
“พะ…พวกเราลงมือกินข้าวกันดีกว่าไหมครับ”
ไม่ใช่อะไรนะ  มันเป็นเวลาร่วมสิบห้านาทีแล้วที่ผม  คุณจักรวาล  และคุณอวกาศมานั่งจ๋องอยู่ที่โต๊ะอาหาร  ตรงหน้าเรามีอาหารอร่อยๆมากมายเพื่อเป็นการต้อนรับการกลับมาของคุณอวกาศ  ทว่า…บรรยากาศมันไม่ค่อยเหมาะกับการปาร์ตี้สักเท่าไหร่  เพราะผู้ชายสองคนที่นั่งประกบข้างผมอยู่ในตอนนี้เอาแต่เงียบกันน่ะสิ!
ไม่รู้มาก่อนเลยว่าพวกเขากำลังทะเลาะกันอยู่  ถ้ารู้กูคงไม่มานั่งแทรกกลางอยู่ตรงนี้  ฮึก…
“นายหิวเหรอ  เอาสิ  กินเลย  เดี๋ยวฉันกินเป็นเพื่อน”
หัวขาวอ้าปากพูดขึ้นบ้าง  แต่เขาก็พูดและตักกับข้าวใส่จานให้ผมแค่คนเดียว
“เอ่อ…”
“กินสิ  หรือว่าอยากให้ฉันป้อนนนน”
ผมเหลือบมองหัวดำที่นั่งกอดอกนิ่งแต่แผ่รังสีความเย็นยะเยือกเป็นวงกว้างเสียเหลือเกิน  ทำเอาขนแขนสแตนอัพหมดเลย
“มะ…ไม่เป็นไรครับ  ผมกินเองได้  ขอบคุณมากเลยครับ”
“นายนี่มัน…น่ารักจริงๆเลยน้า  ยิ่งเวลาทำหน้าตาอึกอักแบบนี้ก็ยิ่งน่ารักกกกก”
หมับ!
“เหวอออ!”
ผมร้องเสียงหลงด้วยตกใจที่จู่ๆก็ถูกคุณอวกาศดึงเข้าไปกอด  เขาเอาแก้มมาถูไถกับหน้าผมไปมาเหมือนผมเป็นตุ๊กตาตัวหนึ่ง
อ๊ากกกกก  ยังไงกูก็ผู้ชายนะโว้ย  อย่ามาทำอะไรบัดสีอย่างนี้กับคนเพศเดียวกันจะได้ไหมวะ!
หมับ!
“ปล่อย”
“คะ…คุณจักรวาล”
ซีกด้านขวาถูกหัวดำกระชากเข้าหา เขาตีมือคุณอวกาศที่จับแขนผมอยู่ให้ปล่อยแล้วดึงไปกอดไว้เอง
“หมอนี่เป็นหมาน้อยของฉัน”
“อย่าทำหวงไปหน่อยเลยน่า  ทีเมื่อก่อนเวลาผมอยากได้อะไร  ต่อให้มันเป็นของของพี่  พี่ก็จะยกให้ทันทีไม่ใช่เหรอ”
ความฉิบหายมาเยือนแล้วไง
ผมหันซ้ายหันขวามองหน้าสองคนพี่น้องที่ปล่อยออร่าทำลายล้างแบบสุดๆออกมาจากตัว  คนหนึ่งก็ตีหน้านิ่งแต่นัยน์ตาน่ากลัว  ส่วนอีกคนก็ทำยิ้มแป้นทว่าดูกวนตีนมากกว่า
ใครก็ได้บอกผมที  สองคนนี้ทะเลาะอะไรกันเนี่ย!!!
“นายจะบอกว่าอยากได้หมอนี่งั้นเหรอ?”
“ถ้าใช่แล้วจะยกให้ไหมล่ะ”
คุณอวกาศตวัดวงแขนมาโอบรอคอผมแล้วดึงเข้าหา  หากแต่คุณจักรวาลก็ยังไม่ได้ปล่อยมือออกไป  ท่าทางการยักคิ้วของคนหัวขาวมันช่างกวนบาทาจริงๆ
“นายก็รู้ว่าไม่มีอะไรบนโลกนี้ที่ฉันให้นายไม่ได้”
คุณจักรเอ่ยน้ำเสียงจริงจังก่อนจะปล่อยมือออกจากผมแล้วลุกออกจากห้องอาหารไป
ดะ…เดี๋ยวสิเฮ้ย  ทำแบบนี้หมายความว่ายังไง  จะบอกว่ายกผมให้คุณอวกาศแทนงั้นเหรอ!  ก่อนจะตัดสินใจอะไรช่วยถามความสมัครใจของคนอื่นเขาหน่อยมันจะตายหรือไงฟะ!
“ฮะๆ  เป็นแบบนี้ทุกที”
ทันทีที่หัวดำเดินพ้นประตูไป  คนหัวขาวก็ปล่อยผมเป็นอิสระ  เขาเอนตัวพิงไปกับพนักเก้าอี้ด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย
“ไม่ว่าฉันจะอยากได้อะไร  ต้องการอะไร  ต่อให้เป็นของรักของหวงของพี่มากแค่ไหน  เขาก็ยอมยกให้ฉันได้แบบไม่มีลังเล”
“นั่นก็เพราะคุณจักรวาลรักคุณมากไม่ใช่เหรอครับ”
“นายคิดงั้นเหรอ?”
“…”
“นายคิดว่าการกระทำของพี่  มันเหมือนสิ่งที่พี่น้องทำให้กันจริงๆหรือไง”
น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาราวกับคนอัดอั้นและอยากจะร้องไห้
“ฉันไม่เข้าใจ  ฉันเป็นน้องเขานะ  ขัดใจฉันบ้างก็ได้  โมโหใส่ฉันบ้างก็ได้  เขาทำให้ฉันรู้สึกเหมือนฉันไม่ใช่น้องชายของเขา  แต่เป็นผู้มีพระคุณหรืออะไรสักอย่างที่เขาต้องยอมเสียสละทุกอย่างให้แม้กระทั่งชีวิต  ทำไมล่ะ  แค่ขัดใจฉัน  แค่พูดคำว่าไม่ได้กับฉันบ้างมันยากนักเหรอ”
“คุณอวกาศ…”
“ที่ฉันต้องการไม่ใช่อำนาจหรือว่าเงินทองที่พี่กำลังสร้างให้สักหน่อย  ฉันต้องการครอบครัวต่างหาก  ในเมื่อตอนนี้คนเดียวที่ฉันเหลืออยู่และพอจะเรียกได้ว่าครอบครัวก็มีแค่พี่  ทำไมไม่เข้าใจฉันบ้างเลย”
จะว่ายังไงดีล่ะ  ผมเข้าใจสิ่งที่คุณอวกาศกำลังรู้สึกนะ  เขาเองก็คงเหงาและอ้างว้างมาก  ในเมื่อพี่ชายเพียงคนเดียวที่อยากจะสนิทด้วยและคอยดูแลกันเหมือนพี่น้องทั่วๆไป  กลับมาทำตัวเหมือนเป็นทาสและยกเอาเขาไว้เหนือหัวแบบนี้  ไม่แปลกเลยที่เขาจะรู้สึกว่าตัวเองอยู่ตัวคนเดียว
เท่ากับว่าไอ้ที่ทำยียวนกวนประสาทไปเมื่อกี้ก็แค่ต้องการจะแกล้งคุณจักรวาลเท่านั้นเหรอ  อยากจะได้ยินคำว่า ‘ไม่ได้’  จากปากพี่ชายสักครั้งเท่านั้นสินะ
“ขอโทษนะ  ต้องให้นายมาคอยฟังอะไรแบบนี้จนได้”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ  ถ้าเมื่อไหร่ที่คุณอวกาศเครียดหรือต้องการเพื่อนคุย  ก็เรียกหาผมได้เลยนะ  ผมอาจจะอยู่ที่นี่ในฐานะหมาน้อยของคุณจักรวาลก็จริง  แต่ผมก็คิดว่าตัวเองเป็นคนงานของที่นี่คนหนึ่ง คุณอวกาศเป็นเจ้านาย   เพราะงั้นก็เรียกใช้ผมได้ทุกเมื่อเลยครับ”
“อยู่เป็นเหมือนกันนะเรา”
มือหนาเอื้อมมาจับหัวผมแล้วโยกไปโยกมา
แปลกจัง  พออยู่กับคนๆนี้แล้วผมรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นนั่งที่เอาแต่นั่งยิ้มรอให้เขาเอ็นดู
“นายตามพี่จักรวาลไปเถอะ  ป่านนี้คงกังวลแย่แล้ว  ท่าทางเขาหวงนายใช่ย่อย”
“ไม่มีอะไรหวานแหววอย่างที่คิดหรอกครับ  ผมก็แค่หมานั่นแหละ”
ว่าพลางชี้ไปที่ปลอกคอ
มันคือเครื่องยืนยันว่าผมเป็นแค่หมาเท่านั้นจริงๆ
“อ่า…มีการแสดงความเป็นเจ้าของด้วยเหรอ”
“ก็บอกแล้วไงครับว่าเรื่องจริงมันไม่ได้หวานแหววขนาดนั้น”
“เจอของสนุกๆไว้แก้เบื่อแล้วสิ”
“คุณอวกาศ!”
หมับ!
“อย่าทำหน้ายู่แบบนั้นสิ  ไม่มีอะไรหรอกน่า”
“อ๊ากก  อย่าหยิกแก้มผมสิครับ  ผมเจ็บนะ”
มู่หน้าใส่เขาหลังจากที่ถูกยืดแก้มทั้งสองข้างออกจนแทบจะย้วยติดพื้น  เป็นพี่น้องที่ให้นิสัยต่างกันสุดขั้วเลยแฮะ
ความรู้สึกเวลาที่ได้อยู่ใกล้ๆก็ยังต่างกันอีกด้วย
 
สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครกินมื้อเย็นสักคน  ผมรีบกลับมาหาคุณจักรวาลที่ห้องเพราะกลัวเขาจะเข้าใจผิดคิดว่าผมจะเปลี่ยนเจ้านายจริงๆ  ความจริงคุณอวกาศก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร  เวลาอยู่ใกล้ก็รู้สึกอบอุ่นปลอดภัยดี  เพียงแต่ว่า…
ผมอยากอยู่กับคุณจักรวาลมากกว่า
ตะ…แต่เรื่องนี้บอกให้เขารู้ไม่ได้หรอกนะ!
แอ๊ด…
“ขะ…ขออนุญาตนะครับ”
เงียบ…
ไม่มีเสียงตอบรับจากคนข้างใน  พอเดินเข้าไปก็พบร่างสูงที่นั่งเก๊กขรึมอ่านหนังสืออยู่ตรงโซฟาข้างเตียง  เขาไม่เปรยตามองผมเสียด้วยซ้ำ
“คุณจักรวาล”
“…”
“คุณจักรวาลครับ”
“…”
อ้าวเฮ้ย!  ไหงมาโกรธผมแบบนี้เล่า!
ความอึดอัดเข้าครอบงำทันที  ผมยืนมองซ้ายมองขวาด้วยไม่รู้จะทำยังไงดี  โดนโกรธแน่ๆเลย  แต่มันเรื่องอะไรกันล่ะ  ก็คนที่ทิ้งผมไว้แล้วทำท่าเหมือนจะยกผมให้คนอื่นง่ายๆมันคือเขาเองไม่ใช่หรือไง!  คนที่ควรเป็นฝ่ายโกรธคือผมมากกว่านะ
“มาทำอะไร”
“ครับ?”
“ห้องนายอยู่ข้างๆไม่ใช่เหรอ”
“ข้าง?”
“…”
“นะ…นั่นมันห้องของคุณอวกาศไม่ใช่เหรอครับ!”
“ใช่  แล้วทำไมไม่ไปล่ะ มาห้องนี้ทำไม”
“นี่คุณ!  พูดอะไรออกมาน่ะครับ  ผมจะไปห้องคุณอวกาศทำไมกัน  ในเมื่อผมเป็นหมาของคุณนะ!”
ช่วยบอกผมทีว่ามันเกิดอะไรขึ้น  ไหงไปๆมาๆกลายเป็นผมที่ต้องมาเถียงกับเขาเรื่องนี้แทนล่ะ!
“หมาที่พอเห็นคนอื่นก็กระดิกหางใส่ไม่สนใจเจ้านายน่ะเหรอ”
กะ…กระดิกหางใส่!
กูไปทำแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ!
คุณจักรวาลยังคงนั่งอ่านหนังสือและทำเฉยชาใส่ผมต่อไป  ได้…จะเล่นกันแบบนี้ใช่ไหม  อย่างนี้ต้องเจอท่าไม้ตาย!
ผมวิ่งไปเปิดลิ้นชักตู้ที่ตั้งอยู่ตรงหัวเตียงแล้วหยิบเชือกจูงออกมา  เอาตัวล็อกมาเกี่ยวไว้กับห่วงที่ปลอกคอของตัวเอง  ส่วนปลายอีกข้างก็เอาไปผูกไว้กับขาเตียงฝั่งใกล้กับโซฟา  เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย  ผมก็ค่อยๆคลานสี่ขาเข้าไปหาเขา
“หงิงๆ~~”
ร้องครางเหมือนหมาที่มาอ้อนเจ้านาย  คุณจักรวาลละสายตาจากหนังสือมองผมที่นั่งทับเข่าเอาหน้าซบกับหน้าตักเขาอยู่อย่างตกใจ
“ทำอะไร”
“อย่าโกรธผมเลยนะครับเจ้านาย  ถ้าผมทำอะไรให้โกรธผมขอโทษนะ  นะๆๆๆ”
ถูไถหน้ากับหัวเข่าของเขาพลางช้อนตามองปริบๆ
“ผมเป็นหมาน้อยของจักรวาลเท่านั้น  แล้วก็จงรักภักดีกับคุณคนเดียวด้วย  ผมไม่มีทางไปเป็นหมาน้อยของคนอื่นได้หรอก  เชื่อผมเถอะนะ”
กูลงทุนกลายร่างเป็นหมาอ้อนมึงสุดตัวขนาดนี้  ถ้าจะทำใจแข็งโกรธกูต่อนี่ก็จะไม่ง้อแล้วนะเฟ้ย!
ว่าแต่…ผมจำเป็นต้องทำขนาดนี้เพียงเพราะหนี้สิบล้านจริงๆน่ะเหรอ?
ผมทำไปเพราะ…หนี้พวกนั้นจริงๆใช่ไหม?
“นี่นาย”
ในที่สุดก็มีเสียงตอบรับกลับมาบ้าง  คุณจักรวาลก้มหน้ามาหาผม  มือข้างหนึ่งเลื่อนมาจับที่ปลอกคอก่อนจะ…
กึก…
ปลดโซ่ล่ามนั้นออก
“ทำแบบนี้มันอันตรายนะ”
“อันตราย?   คุณหมายถึงอะไร  เหวอ!!!”
เอาอีกละ!
จะรอให้กูพูดจบก่อนก็ไม่ได้  เมื่อตอนในห้องอาหารคนน้องก็ทำกูร้องเหวอไปทีหนึ่งละ  พอขึ้นมาบนห้องก็เป็นคนพี่อีก!
ที่ผมร้องเหวอก็เป็นเพราะจู่ๆคุณจักรวาลก็ฉุดผมขึ้นไปนั่งคร่อมอยู่บนตักเขา!  ย้ำนะว่านั่งคร่อม!  ตอนนี้ผมอยู่ในสภาพหันหน้าเข้าหันคุณจักรวาล  ส่วนล่างของเราเสียดสีกันเล็กน้อยด้วยท่าที่ผมนั่งในตอนนี้มันไม่ค่อยจะโอเคเท่าไหร่เลย!
“ปะ…ปล่อยผมนะครับ  นั่งท่านี้มันค่อนข้างจะ…”
“เงียบน่า”
ใกล้ไปแล้ว…
เสียงของเขาที่ตอบกลับมามันแผ่วเบาและเซ็กซี่จนหัวใจแทบจะระเบิด  ลมหายใจร้อนๆที่สัมผัสได้ทำให้ผมรู้เลยว่าเราใกล้กันมาก…
“นึกว่าคืนนี้จะไม่ได้นอนกอดหมาน้อยซะแล้ว”
“อ๊ะ…”
ร่างกายถูกดึงเข้าหาด้วยอ้อมกอด  ลำตัวของผมถูกบีบรัดจากวงแขนแกร่งของเขา  คุณจักรวาลเกยคางลงบนบ่าของผม 
เราแทบไม่มีช่องว่างระหว่างกันเลย
“คุณ…”
“ถึงได้บอกไง  ว่าที่นายทำเมื่อกี้น่ะ…อันตราย”
“…”
“เพราะฉันใกล้จะหมดความอดทนแล้ว”
หมดความอดทน?
เดี๋ยวก่อนนะ  อดทนเรื่องอะไรไม่ทราบ!  ใครก็ได้ช่วยยืนยันกับผมที  ว่าในคืนนี้ร่างกายของผมจะปลอดภัย!
 
 
บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
มาอัพตอนที่สิบเอ็ดแล้วจ้า  อุ๊ยตายว้ายกรี๊ดมากๆ  ท่านจักรวาลของเรากำลังจะหมดความอดทนแล้วรึ O_o  แล้วถ้าหมดความอดทนจริงๆตั้งใจจะทำอะไรกับน้องไทม์กันแน่  ดูท่าว่างานนี้คงมีศึกชิงนายกันแน่นอนเลย  เพราะอวกาศเองก็เหมือนจะมีแผนสนุกๆอยู่ในใจ  ช่างเป็นคู่พี่น้องที่กลืนกินกันไม่ลงจริงๆ  รักใครเชียร์ใครก็ให้กำลังใจคนนั้นกันไปน้า
#เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก  ติดแฮชแท็กนี้ในทวิตเตอร์เพื่อพูดคุยกันได้ค่า
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 11 (13/08/60) #หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 13-08-2017 14:26:09
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 11 (13/08/60) #หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: Lemon_Tea ที่ 13-08-2017 17:10:28
หมาน้อยไม่รอด ถูกตีตราเป็นเจ้าของสักวันแน่
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 11 (13/08/60) #หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 13-08-2017 17:30:20
หมาน้อยอ้อนอย่างนี้อันตรายต่อตัวเองนะ อิตาจักรวาลนี่ก็ยังไง เอะอะจะสละให้น้องตลอด :angry2: แล้วยังมาทำเป็นงอนหมาน้อยอีก
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 11 (13/08/60) #หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: DeShiWa ที่ 13-08-2017 19:36:04
มาให้กำลังใจจ้า

หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 11 (13/08/60) #หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 13-08-2017 20:46:33
 :m25: :m25: คนแก่น้ำหมากกระฉูด กับท่าทางของท่านจักรวาล
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 11 (13/08/60) #หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 13-08-2017 21:13:58
หมาน้อยน่ารักอ่ะ
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 11 (13/08/60) #หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 14-08-2017 03:46:13
 :impress2:
หัวข้อ: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 12 (14/08/60) #หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 14-08-2017 11:30:18


ตอนที่ 12
เล่นงาน
 
‘ถ้าเป็นเด็กผู้หญิง  นายก็ต้องแต่งงานกับเธอ’
‘แล้วถ้าเป็นเด็กผู้ชายล่ะครับ’
‘ฉันให้นายตัดสินใจเองก็แล้วกัน  ขออย่างเดียว…ดูแลเด็กคนนั้น…ให้ดีที่สุด’
‘ครับ  ผมสัญญา’
 
พรึ่บ!!!
ท่ามกลางความมืดในยามค่ำคืน  ร่างสูงสะดุ้งตื่นขึ้นด้วยใบหน้าอาบเหงื่อ  เขาหันไปมองร่างเล็กที่นอนหลับคุดคู้อยู่ข้างกายก่อนจะยกมือกุมขมับแล้วบีบมันไว้แน่น  หน้าตาบ่งบอกถึงความเครียดได้เป็นอย่างดี
‘เอายังไงดี’
“งืม…อย่าสิครับ  คุณจักรวาล  มันจักจี้นะ  ฮะๆๆ”
ฉ่า!!!
ใบหน้าของชายหนุ่มวัยสามสิบห้าร้อนฉ่าเหมือนถูกเอาไปเข้าเตาอบมา  เขาเลื่อนมือขึ้นมาปิดใบหน้าแดงก่ำของตัวเอง
‘ฝันถึงอะไรกันแน่นะเจ้าเด็กนี่’
“อืมมม  ตรงนั้นไม่ได้  อื้ม…”
‘ขอร้องล่ะ  หยุดละเมออะไรบ้าๆสักทีได้ไหม’
 
“ขอพะแนงไก่กับไข่ดาวครับ”
เช้านี้ผมตื่นสายนิดหน่อย  ก็เลยตัดสินใจมากินข้าวที่โรงอาหารของโรงเรียนแทน  เมื่อเช้าพอตื่นมาผมก็เจอคุณจักรวาลที่ตื่นก่อนตั้งนานแล้วนั่งอ่านหนังสืออยู่ตรงโซฟา  แต่แปลกตรงที่…
หน้าตาเขาเหมือนคนอดหลับอดนอนทั้งคืนมากๆ  ทั้งที่เราก็เข้านอนพร้อมกันนะ  แถมพอผมถามเขาว่านอนไม่กลับเหรอ  เขากลับบอกว่าหลับสนิทดีมาก
คนหลับสนิทที่ไหนขอบตาดำคล้ำแบบนั้นกันหว่า?
“นี่จ้า”
รับจานข้าวมาแล้วเดินไปหาโต๊ะนั่ง  เมื่อวานนี้สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้มีอะไรน่ากลัวเกิดขึ้น  หลังจากที่เขาพูดว่าใกล้จะหมดความอดทนนั้น  คุณจักรวาลก็แค่กอดผมต่ออีกสักพักก็สั่งให้ผมไปอาบน้ำนอนเลย  อ๊ะ  ไม่สิ  เหมือนเขาจะยังพึมพำอะไรบางอย่างข้างหูผมก่อนจะปล่อยตัวไปด้วย  แต่ฟังแล้วไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไรผมก็เลยไม่ได้ใส่ใจนัก  รู้สึกเขาจะพูดว่า…
 
‘แต่ฉันจะอดทนให้ได้  จนกว่าจะถึงวันนั้น’
 
ประมาณนี้แหละ  ผมจำไม่ได้ทั้งหมดหรอก  และคิดว่ามันคงไม่เกี่ยวกับผมแต่เขาน่าจะเครียดเรื่องงานไม่ก็เรื่องคุณอวกาศมากกว่าเลยไม่ได้เซ้าซี้ถามอะไรเขาต่อ
“จริงสิ  เดี๋ยวต้องไปส่งรายงานที่โต๊ะอาจารย์ก่อนเข้าเรียนด้วยนี่นา”
นึกขึ้นได้แบบนั้นผมก็รีบจ้วงข้าวในจานกินอย่างรวดเร็ว  เช้านี้อาจารย์ประจำวิชาภาษาไทยนัดให้นักเรียนเอารายงานที่ให้เมื่ออาทิตย์ก่อนไปส่งก่อนแปดโมง  ถ้าแปดโมงแล้วใครยังไม่ส่วนจะถูกตัดสิทธิ์ในการส่งงาน  ก็คือจะไม่ได้คะแนนรายงานเล่มนั้น  รวมถึงถูกตัดคะแนนความประพฤติอีกด้วย  โชคดีที่ผมเร่งทำจนเสร็จตั้งแต่สองวันแรกที่ได้รับมอบหมายงาน  ก็เลยไม่ต้องมาตาลีตาเหลือกทำในตอนใกล้จะถึงวันเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ
หลังจากกินเสร็จ  ก่อนแปดโมงประมาณยี่สิบนาทีผมก็เดินตรงไปที่ห้องพักครู  แต่เมื่อไปถึงผมก็แทบจะม้วนตัวกลับออกมาทันทีเมื่อเจอไอ้เฟี้ยวกำลังนั่งคุยกับอาจารย์มีอาอยู่ที่โต๊ะของอาจารย์
ลำพังเจอแค่อาจารย์มารีอายังไม่เท่าไหร่  แต่ไอ้เฟี้ยวเนี่ยสิ…
ทั้งสองคนรับรู้ถึงการมาของผม  อาจารย์มารีอาส่งยิ้มหวานให้อย่างใจดีเหมือนเคยซึ่งผมก็ส่งยิ้มกลับ  ต่างจากไอ้เฟี้ยวที่แยกเขี้ยวใส่ทันทีที่เห็นหน้า  ผมรีบเบือนหน้าหลบสายตาของมันเพราะไม่ได้อยากมองสักเท่าไหร่
กูก็เกลียดมึงพอๆกับที่มึงเกลียดกูนั่นแหละ!
ผมวางรายงานของตัวเองลงบนโต๊ะของอาจารย์ฉวีผ่อง ( ชื่ออาจารย์ผู้สอน )  ที่ไม่รู้ไปอยู่ไหน  บนโต๊ะมีรายของเพื่อนคนอื่นๆอยู่ด้วย  แสดงว่าทำเสร็จส่งทันกันเยอะเหมือนกันนะเนี่ย  แต่ยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับผมนี่นา
รีบออกไปจากที่นี่ดีกว่า  รังสี ‘กูเกลียดมึงๆ’  แผ่นออกมาจากตัวไอ้เฟี้ยวจนผมจะอ้วกอยู่แล้ว
หันไปยิ้มให้อาจารย์มารีอาอีกรอบ  รีบเดินดุ่มๆออกจากห้องแบบไม่เหลียวหลังกลับไปอีก  การมาโรงเรียนในแต่ละวันของผมไม่ต่างอะไรกับการมาสนามรบเลย  ต้องเตรียมพร้อมตั้งรับการจู่โจมของไอ้เฟี้ยวอยู่ตลอดเวลา
จะตายเอา!
ว่าแล้วก็รีบเดินไปให้ถึงห้องเรียนดีกว่า  อยู่ในห้องน่าจะปลอดภัยกว่ามาเดินอยู่คนเดียวแบบ…
เพี๊ยะ!!!
…นี้
แม้แต่ในความคิดของตัวเอง  ผมก็ยังไม่สามารถคิดให้จบได้ในครั้งนี้
“อ๊ากกก เจ็บ!”
หันไปมองหน้าคู่กรณีที่วิ่งเข้ามาตบหัวผมจากด้านหลัง  ทำเอากะโหลกปวดร้าวไปเลย  ไอ้เหี้ยเอ๊ย!
“ไอ้เฟี้ยว!”
“เออ  กูเอง”
มันยักคิ้วหลิ่วตาด้วยท่าทางกวนตีนสุดๆ  พอดูดีๆแล้ว…ไอ้ห่านี่สูงพอสมควรเลย
“มีอะไร”
“เปล่า  กูแค่วิ่งมาทักทาย”
การตบกบาลชาวบ้านจนหัวเกือบทิ่มดินของมึงนั่นคือการทักทายเรอะ!!!
“เอาเป็นว่า…วันนี้กูอารมณ์ดี  กูงดแกล้งมึงหนึ่งวันแล้วกันนะ”
“กูต้องกราบขอบคุณมึงไหม?”
“แหมๆๆ  ตั้งแต่ประกาศสงครามกับกู  ดูมึงจะกล้าขึ้นมากเลยนะ”
“ที่กูกล้าลุกขึ้นมาสู้ได้แบบนี้มันก็เพราะมึงนั่นแหละ”
…เพราะมึงรังแกกู
อยากจะต่อให้จบประโยคอยู่เหมือนกัน  แต่ต้องรักษามาดเอาไว้  ให้มันรู้ไม่ได้หรอกว่าตอนนี้ภายในใจมันกำลังสั่นสู้…
“แปลว่ากูเป็นผู้มีพระคุณของมึงน่ะสิ”
“!!!”
ผมตกใจชะงักฝีเท้าและเผลอถอยหลังจนล้มลงก้นจ้ำเบ้า
จะไม่ให้ตกใจได้ยังไงล่ะเว้ย  จู่ๆไอ้คนที่เดินคุยกันอยู่ข้างก็ก้าวมาดักหน้าอย่างกะทันหัน  ซ้ำยั้งก้มหน้าลงมาจนผมที่เดินอยู่เกือบจะพุ่งจูบปากมัน!!!
“ทำบ้าอะไรวะเนี่ย!  ยื่นหน้าเข้ามาทำไม”
“กูแค่เวทนามึงที่ต้องเงยหน้าคุยกับกูตลอด  ก็เลยก้มหน้าลงไปหาเองเฉยๆ  มึงนั่นแหละ  ตกใจเหี้ยไรวะ  หงายหลังเชียว”
จะว่าไปถ้าว่ากันตามจริงสิ่งที่มันทำก็ไมได้ผิดปกติอะไรหรอก  เพียงแต่ระยะหลังมานี้  ผมรู้สึกว่าผู้ชายด้วยกันมันไม่ค่อยน่าไว้ใจ
“เรื่องของกู  ถอยไป”
ผมยันตัวลุกขึ้นแล้วเดินเลี่ยงออกมา  พยายามจะก้าวขายาวๆเพื่อทิ้งห่างจากไอ้เฟี้ยว  แต่ก็มาสำเหนียกได้ในตอนหลังว่าตัวเองโคตรจะขาสั้น!
เกิดมาเป็นกูแม่งโคตรมีกรรม
เสียงจ้อกแจ้กจอแจเงียบสงัดเมื่อผมก้าวเข้ามาในห้องพร้อมกับไอ้เฟี้ยว  ทุกสายตามองมาด้วยความสนอกสนใจปนสงสัยว่าผมกับมันเดินมาด้วยกันได้ยังไง  อย่าว่าแต่ทุกคนงงเลย  ผมเองก็งงว่าเรื่องมันเป็นแบบนี้ได้ยังไง
“ท่าทางทุกคนจะตกใจนะ”
คนด้านหลังก้มลงมากระซิบ
ก็แหงล่ะเว้ย!  มึงที่เคยเป็นตัวตั้งตัวตีในการกลั่นแกล้งกูกลับมาเดินตามกูต้อยๆเนี่ยนะ  ใครไม่ตกใจก็บ้าแล้ว!
ผมเลิกสนใจไอ้เฟี้ยวและคนอื่นๆ  เดินเข้าไปนั่งประจำที่ของตัวเองเงียบๆเหมือนทุกที  ไอ้เฟี้ยวเองก็เดินแยกไปนั่งที่ของมันที่มีไอ้โชเล่นั่งรออยู่  บรรดาเพื่อนในห้องรีบกรูเข้าไปยิงคำถามใส่มันประหนึ่งปนกลเลยทีเดียว
ยังไงผมก็ไม่ไว้ใจมันหรอก  การที่มันมาทำญาติดีกับผมจะต้องมีแผนร้ายอะไรในใจแน่ๆ  มันโกรธแค้นคุณจักรวาลมาก  ไม่มีทางที่จะเลิกเกลียดผมง่ายๆแน่นอน  สิ่งผมต้องระวังมากที่สุดก็คือคอยจับตาดูว่ามันจะมาไม้ไหน!
ก่อนหน้านี้มันเล่นงานผมแบบตรงๆไม่อ้อมค้อมเลยสักครั้ง  ไม่ว่าจะครั้งแรกทีได้คุณจักรวาลมาช่วยได้ทัน  หรือครั้งที่สองที่ผมลุกขึ้นสู้ด้วยตัวเอง  ไม่ได้การละ  ผมกังวลเรื่องนี้ซะจนหัวตื้อไปหมดแล้ว  มันคงไม่ได้กำลังเล่นสงครามประสาทกับผมใช่ไหม
“อาจารย์ฉวีวรรณมาแล้ว!”
เพื่อนคนหนึ่งในห้องตะโกนบอก  ทุกคนรีบแยกย้ายกันนั่งที่เพราะเป็นอันรู้กันดีว่าอาจารย์โหดแค่ไหน
ในมืออาจารย์หอบรายงานกองโตมา  ผมยิ้มปริ่มอย่างสบายใจเพราะส่งงานไปเป็นที่เรียบร้อย  ขณะที่เพื่อนในห้องบางคนหน้าเสียกันเป็นแถว  ไม่ต้องเดาก็รู้…
ยังไม่ได้ส่งรายงานชัวร์ๆ
“คนที่ฉันเรียกชื่อ   ออกมายืนหน้าห้องด้วยนะ”
อาจารย์มองนักเรียนลอดแว่นตาก่อนจะค่อยๆเอ่ยเรียกชื่อนักเรียนออกไปทีละคน  ไม่รู้ว่าคนที่ถูกเรียกออกไปคือพวกที่ส่งรายงานแล้วหรือว่ายังไม่ได้ส่ง  แต่ถ้ามีชื่อผมด้วยล่ะก็  แสดงว่าต้องเป็นพวกที่ส่งแล้ว  เพราะผมส่งไปแล้วนี่
“นายกาลเวลา”
“ครับ!”
มีชื่อผมแฮะ
แสดงว่าพวกที่ถูกเรียกออกไปคอพวกที่ส่งแล้ว  และพวกที่นั่งอยู่คือพวกที่ยยังไม่ส่งงั้นเหรอ
แต่เอ…ทำไมพวกที่ถูกเรียกออกไปถึงมีจำนวนน้อยกว่าเยอะเลยล่ะ  นี่มันคนทำรายงานส่งทันกันแค่นี้เองเหรอ?
“รู้ใช่ไหมว่าฉันเรียกพวกเธอออกมาทำไม”
คนอื่นๆพากันพยักหน้ารับหน้าจ๋อย  เดี๋ยวก่อนนะ  ส่งงานแล้วทำไมต้องทำหน้าจ๋อยกันด้วยล่ะ  ตกลงที่ถูกเรียกออกมายืนตรงนี้มันเรื่องอะไรกันแน่
“พวกเธอจะต้องถูกตัดคะแนนในส่วยของรายงานที่ส่งไม่ทันยี่สิบคะแนน  รวมถึงคะแนนความประพฤติอีกสิบคะแนน  สำนึกในความไม่รับผิดชอบของตัวเองกันด้วยล่ะ”
“ตัดคะแนน?”
“…”
“เดี๋ยวก่อนนะครับอาจารย์!  ตัดคะแนนอะไรเหรอครับ”
“คะแนนรายงานที่พวกเธอไม่ได้ส่งกับคะแนนความประพฤติไง  ตามที่ตกลงกันไว้ว่าถ้าพวกเธอส่งไม่ทันจะต้องถูกตัดคะแนน”
“แต่ว่าเมื่อเช้าผมเอาไปส่งแล้วนะครับ  ผมไปส่งเองกับมือถึงบนโต๊ะของอาจารย์เลย”
ผมรีบบอกความจริง  อาจารย์ฉวีวรรณขมวดคิ้วมุ่นอย่างแปลกใจ
“จริงเหรอ?  แต่ครูหาของเธอไม่เจอนะ”
อาจารย์เดินกลับไปที่กองรายงาน  ผมรีบเดินตามไปติดๆและจัดการรื้อรายงานทั้งหมดเพื่อหาของตัวเอง
“เป็นยังไง  เจอไหม”
“คือว่า…”
ไม่จริง  เป็นไปไม่ได้  ในกองรายงานพวกนี้ไม่เห็นมีรายงานของผมอยู่เลย!
ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมหันไปมองไอ้เฟี้ยว  มันเองก็กำลังมองมาที่ผมอยู่เหมือนกัน  ตสายตาของมันนิ่งเสียจนผมไม่รู้ว่ามันกำลังคิดอะไร
“คือว่าอะไร  เจอไหม?”
“ไม่…ไม่เจอครับ”
“กาลเวลา  ครูว่าเธอเลิกแก้ตัวด้วยการโกหกแบบนี้แล้วยอมรับแบบลูกผู้ชายดีกว่าว่าไม่ได้ทำมาส่ง”
“ผมส่งแล้วจริงๆนะครับ!”
“ฉันไม่คิดเลยนะว่านักเรียนทุนที่เรียนดีมาตลอดอย่างเธอจะเป็นแบบนี้ไปได้  บางทีอาจต้องมีกาพูดคุยกันใหม่เรื่องทุนของเธอ”
“ไม่นะครับ…”
“ไปนั่งที่ได้แล้ว  ฉันจะเริ่มการสอน  และงานในครั้งนี้…เธอ-ไม่-ได้-ส่ง”
คำตัดสินใจของอาจารย์ถือเป็นที่สุด
ผมหันไปสบตากับไอเฟี้ยวอีกครั้ง  ไม่มีทางที่รายงานของผมมันจะหายไปเองได้เพราะมันไม่มีขา  การที่มันหายไปแบบนี้ก็คิดได้แค่อย่างเดียวคือ…
มีคนเอามันไป
และคนเดียวที่ผมสงสัยก็คือ…คนที่อยู่ในห้องพักครูตอนผมไปส่งรายงาน
ไอ้เฟี้ยว!!!
 
 
บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
มาอัพตอนที่สิบสองต่อแล้วจ้า  น้องไทม์ของเรามีชื่อจริงว่ากาลเวลานะเออ  แต่ตอนนี้น้องโดนแกล้งอีกแล้วล่ะ  ใครกันนะที่แอบเล่นงานน้องโดยการเอารายงานไปแบบนี้   ตอนแต่งฉากเริ่มของตอนนี้ก็อดยิ้มไม่ได้  รู้สึกชอบคาแรกเตอร์ของท่านจักรวาลที่เวลาปกติจะดูมีมาดขรึมและเย็นชา  ในขณะที่พออยู่กับน้องไทม์สองคนก็จะมีอ้อนนิดๆ  หื่นหน่อยๆ  แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่อยู่คนเดียวนี่จะหมดมาด  เก๊กแตกขึ้นมาทันที 555
 
#เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก  ติดแฮชแท็กนี่ในทวิตเตอร์มาพูดคุยกันได้จ้า  เหงามากเลย  ไม่มีคนเม้ามอยด้วย 5555

หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 12 (14/08/60) #หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: jimmyjimmy ที่ 14-08-2017 14:53:50
สงสาร กาลเวลา ของ จักรวาล โดนแกล้งอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 12 (14/08/60) #หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 14-08-2017 19:15:59
ทำไมไม่บอกว่ามารีอาเป็นพยานได้
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 12 (14/08/60) #หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 14-08-2017 20:31:14
 :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 12 (14/08/60) #หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 14-08-2017 21:48:42
อยากตบกบาลเฟี้ยวอ่ะ แกล้งตลอดเป็นเด็กงัย :z6:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 12 (14/08/60) #หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 14-08-2017 22:09:46
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 12 (14/08/60) #หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: sosi ที่ 15-08-2017 00:06:33
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 12 (14/08/60) #หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 15-08-2017 04:56:14
หวังว่า "เฟี้ยว" แกล้ง "ไทม์" มาก ๆ นี่ ไม่ใช่ว่า ท้ายสุดแล้วจะกลายเป็น "หลงรักไทม์" นะ คนแก่สงสัยนิ  :hao4 :hao4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 12 (14/08/60) #หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 15-08-2017 06:45:32
ตยกะโหลกบักเฟี้ยวที
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 12 (14/08/60) #หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: Januarysky ที่ 15-08-2017 09:43:15
เฟี้ยวนี่ยังไง ชอบแกล้งกาลเวลาอยู่เรื่อย
คุณจักรวาล จัดการที
 :mew1:
หัวข้อ: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 13 (15/08/60) #หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 15-08-2017 11:21:56


ตอนที่ 13
การรวมตัวที่น่าเหลือเชื่อ (1)
 
“เดี๋ยวก่อนครับอาจารย์”
ช่วงเสี้ยวนาทีสุดท้ายก่อนที่อาจารย์จะกลับเข้าไปนั่งในโต๊ะ  ไอ้เฟี้ยวก็เอ่ยเสียงเรียกขึ้น  ส่วนผมน่ะเหรอ  ยังยืนนิ่งช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่เลยล่ะ
ผมน่าจะไหวตัวให้มากกว่านี้หน่อย  รู้ทั้งรู้ว่าไอ้เฟี้ยวมันจ้องเล่นงานแต่ยังโง่ไปส่งงานต่อหน้ามันแบบนั้นอีก  เท่ากับส่งปลาย่างไปให้แมวชัดๆ
“มีอะไร”
“ไอ้ไทม์มันส่งรายงานแล้วจริงๆครับ”
“หือ!”
ร้องเหวอหนักมาก
ผมและคนอื่นๆต่างหันไปทางไอ้เฟี้ยวด้วยลักษณะอาการเดียวกันคือคาดไม่ถึง!  ใครจะไปคิดว่าคนที่กำลังช่วยพูดให้ผมตอนนี้จะเป็นมัน!
มึงจะมาไม้ไหนกันแน่วะเนี่ย!
“เธอหมายความว่ายังไง”
“ตอนมันเข้าไปส่งรายงานที่โต๊ะของอาจารย์  ผมกับพี่  เอ่อ…ผมกับอาจารย์มารีอาก็นั่งคุยกันอยู่ในห้องพักครูด้วย  พวกเราเป็นพยานได้ว่ามันเอาไปส่งแล้วจริงๆ  ถ้าไม่เชื่ออาจารย์ลองไปถามอาจารย์มารีอาดูก็ได้นะ”
“แน่ใจนะว่าเธอไม่ได้มองผิด”
“แน่ใจครับ”
“งั้นเหรอ  เอาแบบนี้แล้วกัน  ช่วงพักฉันจะลองกลับไปค้นที่โต๊ะดูอีกครั้ง  เผื่อมันจะตกหล่นอยู่แถวไหน  และถ้ามีรายงานของเธออยู่จริงๆ  ฉันก็ต้องขอโทษด้วยที่เข้าใจเธอผิดไป”
“ไม่เป็นไรหรอกครับอาจารย์  ขอบคุณมากนะครับ!”
ผมยกมือไหว้ขอบคุณอาจารย์อย่างดีใจ  ไม่แน่บางทีไอ้เฟี้ยวมันอาจจะไม่ได้แกล้งผม  แต่อาจารย์อาจจะเผลอทำหล่นตอนเดินแบกรายงานพวกนี้มาที่นี่ก็ได้
แค่หามันให้เจอก็พอเท่านั้นสินะ
“มึงติดหนี้กูครั้งหนึ่งแล้วนะ”
เพราะการจะเดินไปที่โต๊ะของผมจะต้องเดินผ่านโต๊ะของไอ้เฟี้ยวก่อน  จังหวะที่เดินผ่านมันเลยพูดขึ้นมาลอยๆ  แต่ผมรู้ดีว่ามันเจาะจงพูดกับใคร
อีกสามวันโลกจะต้องแตก  น้ำจะต้องท่วมโลกแน่ๆ  เพราะวันนี้ได้เกิดปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติขึ้นนั่นก็คือการที่ไอ้เฟี้ยวช่วยเหลือผม!
 
“ไม่มี!!!”
“ใช่”
“หมายความว่ายังไงครับที่ว่าไม่มี”
ผมถามอาจารย์ฉวีวรรณเสียงร้อนรน  ไอ้เฟี้ยวที่ไม่รู้ทำไมถึงตามมาด้วยเองก็พลอยหน้าเสียไปด้วย
“ฉันหาจนทั่วโต๊ะแล้วนะ  แต่ไม่มีรายงานของเธอจริงๆกาลเวลา”
“แต่ว่าผม…”
“มันส่งแล้วจริงๆนะครับอาจารย์!  เรียกอาจารย์มารีอามาสอบถามก็ได้  พวกเราเห็นมันส่งกับตา  แล้วจะไม่มีได้ยังไง”
“แล้วพวกเธอจะให้ฉันทำยังไง  นี่ฉันก็หาจนทั่วแล้วแต่มันไม่มี  แน่ใจนะว่าไม่ไดส่งผิดโต๊ะ”
“ผม…”
“แน่ใจครับ!  เพราะผมจ้องมันตลอดเวลาตั้งแต่มันเดินเข้ามาจนกระทั่งส่งงานเสร็จแล้วก็เดินออกไป  ขอโทษนะครับ  ผมขอช่วยหาแล้วกัน”
ไอ้เฟี้ยวร่ายยาวเป็นชุดก่อนจะเดินอ้อมไปที่หลังโต๊ะอาจารย์แล้วลงมือค้นหารายงานของผมด้วยสีหน้าจริงจัง
ทั้งที่เจ้าของรายงานคือผมแท้ๆ  แต่ผมกลับทำได้แค่ยืนนิ่งๆ  ทำอะไรไม่ถูก  เพราะถ้าหารายงานไม่เจอผมก็ไม่รู้แล้วว่าควรทำยังไงต่อไปดี  ยิ่งไปกว่านั้น…ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคนทีเป็นเดือดเป็นร้อนเรื่องรายงานนี้มากกว่าใครถึงกลายเป็นไอ้เฟี้ยวไปได้
เป็นครั้งแรกเลยที่มีเพื่อนร่วมห้องเป็นกังวลในเรื่องที่เกี่ยวกับผมขนาดนี้…
ผมเกลียดมัน  ผมเกลียดไอ้เฟี้ยว  เกลียดจนมั่นใจมากว่าชาตินี้จะไม่มีวันญาติดีกับมันได้  แต่ภาพที่มันกำลังพยายามหารายงานให้ผมสุดฤทธิ์อยู่ตอนนี้มันช่าง…ทำให้ผมรู้สึกดีเหลื่อเกิน  กับคนที่ใช้ชีวิตเพียงลำพังในโรงเรียนมาตลอดอย่างผม…
มีคนกำลังเป็นเดือดเป็นร้อนแทนผมอยู่ด้วยล่ะ   ถ้าพ่อกับแม่รู้เรื่องนี้  ต้องดีใจมากแน่ๆ
“ฮึก…”
เสียงสะอื้นถูกปล่อยออกไปด้วยกลั้นไม่อยู่  ผมรีบยกมือขึ้นปาดน้ำตาทิ้งขณะที่รับรู้ได้ว่าสายตาของไอ้เฟี้ยวและอาจารย์กำลังจ้องมา
“เฮ้ย!  เดี๋ยวสิวะ  ยังหาไม่ทั่วเลย  มันอาจจะไปหล่นอยู่ตรงไหนก็ได้  กูจะหาให้เจอเอง  มึงอย่ามาบ่อน้ำตาแตกตอนนี้ได้ไหม”
อยากจะบอกมันว่าไม่ใช่  กูไม่ได้ร้องไห้เพราะรายงานหายสักหน่อย  แต่ร้องไห้เพราการกระทำของมึงต่างหาก!
“ขอโทษนะคะอาจารยฉวีฉวรรณ”
“อ้าว  อาจารย์มารีอา  สอนเสร็จแล้วเหรอคะ”
“ค่ะ  พอดีฉันได้รับข้อความจากเขาน่ะค่ะ  เรื่องที่กาลเวลามาส่งรายงานเมื่อเช้า”
‘เขา’ ที่ว่าคงหมายถึงไอ้เฟี้ยวล่ะสินะ  ยิ่งทำให้ผมแปลกใจเข้าไปใหญ่ว่าทำไมมันถึงช่วยผมขนาดนี้  ไม่ใช่ว่าเกลียดผมที่เป็นคนของคุณจักรวาลมากจนอยากจะแกล้งทุกๆวันเหรอ?
“ฉันยืนยันได้นะคะว่าเขามาส่งแล้วจริงๆค่ะ  แต่ทำไมรายงานถึงหายไปได้นั้นตรงนี้ฉันไม่ทราบจริงๆ  แต่กาลเวลาเป็นเด็กดี  เป็นนักเรียนทุนมาตลอด  เขาไม่มีทางที่จะไม่ทำงานส่งหรอกค่ะ  ฉันว่าเรามาหาวิธีใหม่ดีกว่าไหมคะ  อย่างน้อยก็ให้ความเป็นธรรมกับเขาที่มาส่งงานแล้วจริงๆ”
นางฟ้า…
นางฟ้าชัดๆ
ผมมองอาจารย์มารีอาตาเยิ้ม  ไม่เคยถูกใครช่วยเหลอและยืนหยัดอยู่ข้างผมอย่างในวันนี้มาก่อน  ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมก็จะสู้ด้วยตัวเองทั้งนั้น  ล้มเอง  ลุกเอง  ทำทุกอย่างเพียงลำพังเพราะเอาแต่คิดว่าตัวเองไร้ค่าและไมเป็นที่ต้องการของใคร
“เอาอย่างนี้  ฉันจะให้เวลาเธอกลับไปทำรายงานมาส่งภายในวันพรุ่งนี้ก่อนแปดโมงเหมือนเดิม  ถ้าเธอทำมาส่งทัน  ฉันจะไม่หักคะแนนความประพฤติ  แต่คะแนนรายงานคงต้องให้แค่ครึ่งเดียวเท่านั้น  ไมอย่างนั้นนักเรียนคนอื่นที่ไม่ได้ทำมาส่งในวันนี้จะครหาฉันได้”
“แบบนั้นได้ไหมจ๊ะกาลเวลา”
อาจารย์มารีอาหันมายิ้มหวานถามผม
“ได้ครับ!  พรุ่งนี้ผมจะรีบทำมาส่ง  ขอบคุณมากครับ!”
“หมดเรื่องแล้วก็แยกย้ายกันสักที  ฉันจะได้ไปกินข้าวบ้าง  อาจารย์มารีอาไปกินข้าวด้วยกันไหมคะ”
“อ๋อ  ได้ค่ะ  กำลังจะไปอยู่เหมือนกันค่ะ”
“เอ่อ…อาจารย์มารีอาครับ”
ผมร้องเรียกเธอหลังจากที่เธอสนทนากับอาจารย์ฉวีวรรณจบ  ใบหน้าหวานล้ำหันมามองผมอย่างอ่อนโยน
“ขอบคุณมากนะครับที่มาช่วยผม”
“พูดอะไรอย่างนั้นล่ะ  ก็ครูเห็นว่าเธอมาส่งรายงานแล้วจริงๆนี่นา  ยังไงก็ยินดีด้วยนะจ๊ะ”
“ขอบคุณครับ”
ผมยิ้มกว้างออกมาอย่างดีใจ  การได้รับความช่วยเหลือจากอาจารย์ในโรงเรียนและเพื่อนร่วมห้องมันให้ความรู้สึกดีอย่างนี้นี่เองสินะ
ความรู้สึกที่ว่า…ไม่ได้โดดเดี่ยว  ไม่ได้โดนทอดทิ้ง…
หมับ!
“มานี่กับกูแป๊บ”
ไอ้เฟี้ยวที่หลุดจากฉากไปนานเข้ามาคว้าแขนผมแล้วพาเดินออกจากห้องพักครูไปอย่างรวดเร็ว  บางทีมึงอาจจะลืมไปนะว่ามึงขายาวแต่กูขาสั้น  ลากเอาๆแบบนี้มึงแบกกูไปเลยเถอะ!
ไม่นานก็มาถึงสวนหย่อม  ทำไมต้องพามาในที่ลับตาคนแบบนี้ด้วย  คงไม่ใช่ว่ามันคิดจะทำร้ายผมแล้วเอาศพซ่อนไว้แถวนี้หรอกนะ!
โป๊ก!
“โอ๊ย!  ตบหัวกูทำไมวะ”
“ทำตาโตมองหน้ากูเหมือนกูจะฆ่ามึงงั้นแหละ  คิดพิลึกอะไรในหัวอีกล่ะ”
มะ…มันรู้ทันด้วยแฮะ
“แล้วมึงลากกูมาที่นี่ทำไมล่ะ”
“กูแค่จะถามมึงว่า…ไปรับปากเรื่องส่งรายงานให้ทันภายในพรุ่งนี้ก่อนแปดโมงน่ะ   มึงทำได้เหรอ”
“ทำไมล่ะ  ก็แค่ทำทั้งคืน…”
“…”
“เดี๋ยวสิ  จะว่าไปรายงานที่ส่งไปกูใช้เวลาทำสองคืนเลยนี่หว่า  ฉิบหายล่ะ!!!”
ยังไงก็ไม่มีทางทำทันในคืนเดียวแน่ๆ  ไหนจะหาข้อมูล  ตัดแปะรูป  เรียบเรียงข้อมูลใหม่หมดให้เป็นไปตามแนวทางและความเข้าใจของตัวเอง  รวมถึงหาบทความเปรียบเทียบจากกูรูชื่อดัง…
งานงอกแล้วไงไอ้ไทม์   จะไปทำทั้วหมดทันภายในคืนเดียวได้ไงวะ!!!
“นี่แน่ะ!  ผลของการไม่คิดก่อนตัดสินใจ  มึงมันชอบลนลาน  เป็นไงล่ะ  งานเข้าจนได้”
ไอ้เฟี้ยวมะเหงกใส่ผมเบาๆพลางบ่น  ทำไงได้วะ  ตอนนั้นมันดีใจจนไม่ทันได้คิดว่ารายงานนี้มันอภิมหึมามหาเยอะขนาดไหน
“เอาไงดีอ่ะ  ทำไม่ทันแน่เลยว่ะ”
ผมเงยหน้ามองมันอย่างจนปัญญา  แล้วนี่ทำไมสุดท้ายกลายเป็นผมต้องมายืนปรึกษากับมันเรื่องนี้ด้วยล่ะ  วันนี้มีแต่อะไรๆน่าเหลือเชื่อเกิดขึ้นกับผมแฮะ
“งั้นเอางี้  มึงคงต้องติดหนี้บุญคุณกูอีกครั้งแล้วล่ะ”
“หมายความว่าไง…”
“คืนนี้กูจะช่วยมึงทำรายงานเอง”
“หา!!!”
“กูอยู่นี่  ไม่ต้องหา”
ว่าพลางใช้มือข้างหนึ่งมากดปากผมที่อ้าออกกว้างเพราะตกใจในสิ่งที่มันพูดให้ปิดลงตามเดิม
“อย่าเข้าใจผิดล่ะ  กูก็แค่อยากให้มึงติดหนี้กูเยอะๆ  พอมึงติดหนี้กูมากๆ  มึงก็จะได้สำนึกในบุญคุณกูไง”
“สุดท้ายก็มีแผนชั่วในใจ”
โป๊ก!
“โอ๊ย!  ตบอีกทำไมเนี่ย”
สมองกูจะหลุดออกมาก็เพราะมึงตบเอาๆนี่แหละไอ้เหี้ย!
“หมั่นไส้”
“มึงจะตบทุกคนที่มึงหมั่นไส้เลยหรือไง!”
“ก็เปล่า  กูตบแค่มึง”
“ไอ้…!”
“เพราะมึงพิเศษกว่าใครไง”
ประโยคสุดท้ายมันพูดพร้อมกับโน้มหน้าเข้ามาใกล้เหมือนเมื่อเช้า  ทำเอาคำด่าที่ผมกำลังจะพ่นออกไปถูกดูดกลับเข้าไปในคอ
มะ…ไม่  แบบนี้มันไม่ปกติแน่ๆ  ไอ้เฟี้ยวมันจะผิดปกติมากเกินไปแล้ว!!!
 
หลังเลิกเรียน
“นี่…ไอ้ไทม์”
“อะ…อืม”
“อธิบายให้กูฟังเดี๋ยวนี้  ว่าไอ้สองตัวนี่มาได้ยังไง”
ไอ้เฟี้ยวเปรยตามองไปตรงหน้าผมกับมัน  คุณจักรวาลและคุณอวกาศคอสองคนที่มันพูดถึงนั่นเอง!
“กะ…ก็แบบว่า…คุณจักรวาลเคยสั่งเอาไว้ว่าถ้ามีความจำเป็นต้องไปที่ไหนก่อนกลับบ้านจริงๆก็ต้องรายงานก่อน  กูเลยส่งข้อความไปบอกเรื่องที่จะไปทำรายงานที่ห้องมึงวันนี้  แล้ว…ก็เป็นอย่างที่เห็น  อ๊ะ!  แต่สำหรับคุณอวกาศกูไม่รู้นะ”
ผมส่ายหัวดิก  ตอนออกจากประตูโรงเรียนมาแล้วเจอสองคนนี้ยืนหล่ออร่ากระจายอยู่ด้วยกันก็โคตรจะตกใจอ่ะ  ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าความหน้าตาดีของผมเขาทำให้พวกผู้หญิงในโรงเรียนแอบกรี๊ดกันอยู่เบาๆ
“ฉันขอตามมาเองแหละ  พอดีเห็นพี่รีบร้อนร้นออกจากห้องทำงาน  พอถามว่าจะรีบไปไหนเขาก็บอกว่าจะรีบมาหานายที่นี่  ฉันเลยตามด้วย  เรื่องก็มีเท่านี้แหละ”
“แล้ว…แล้วมาทำไมเหรอครับ  ผมแค่ไปทำรายงานเท่านั้นเอง  ถ้าเสร็จแล้วจะรีบกลับ…”
“ไปทำที่บ้านก็ได้  จำเป็นต้องไปทำที่อื่นด้วยหรือไง”
“เรื่องนั้น…”
“ฉันเสนอไปเองแหละ  ถ้าอยากให้ฉันช่วยทำก็ต้องไปทำที่ห้องฉันเท่านั้น  เพราฉันจะไม่ไปเหยียบบ้านพวกแก!”
“งั้นก็ไม่ต้อง  ฉันจะช่วยนายทำเอง  กลับ”
คุณจักรวาลคว้าแขนผมแล้วออกแรงดึงจะพาไปที่รถ  ทว่าแขนอีกข้างกลับถูกไอ้เฟี้ยวคว้าเอาไว้จนขยับไปไหนต่อไม่ได้
“อย่ามาเผด็จการแถวนี้สิวะ  ไม่รู้หรือไงว่ารายงานนี้มันสำคัญกับไอ้ไทม์มากแค่ไหน  นอกจากฉันที่เรียนห้องเดียวกับมันและเข้าใจเรื่องรายงานเล่มนี้ดี  ก็ไม่มีใครเหมาะที่จะช่วยมันทำรายงานไปมากกว่านี้แล้วล่ะ”
“ปล่อย”
คุณจักรวาลไม่ได้ฟังที่ไอ้เฟี้ยวพูดเลย  เขาจ้องเขม็งไปที่มือของมันที่จับแขนผมอยู่  เล่นเอาคนกลางอย่างผมเสียวสันหลังวาบ
พวกมึงอย่ามาวางมวยกันแถวนี้   กูขอล่ะ!
“แกนั่นแหละที่ต้องปล่อย  ทำตัวเป็นเจ้าชีวิตมันแบบนี้  ไม่เห็นแก่ตัวไปหน่อยหรือไง  วัยของมันจำเป็นต้องมีเพื่อนที่โรงเรียน  ได้ไปเที่ยว  ได้ไปสังสรรค์เฮฮา  แกจะเอาแต่ขังมันไว้ในกรงทองที่มึงสร้างให้แบบนี้  ไม่กลัวว่าสักวันมันจะอึดอัดจนแหกกรงหนีออกมาบ้างหรือไง”
“ฉันบอกให้ปล่อยมือ”
“สุดท้ายไม่ว่าจะกับใครก็ตาม  แกมันก็เลือกกี่จะทำตามใจตัวเองโดยไม่สนว่าการตัดสินใจของแกจะทำให้ใครต้องเจ็บปวดบ้าง”
“ปล่อย!!!”
หมับ!
“เหวออออ!”
“สต๊อปครับผม!”
คุณอวกาศกระชากตัวผมจนหลุดออกจากการเกาะกุมทั้งของคุณจักรวาลและไอ้เฟี้ยวให้ไปหลบอยู่ข้างหลังตัวเองก่อนจะกางแขนออกกันทั้งสองคนเข้าห้ำหั่นใส่กัน
เมื่อกี้มันอะไร  ออร่าน่ากลัวจากตัวคุณจักรวาลนั่น!
กูจะฝันร้ายไหมเนี่ย
“เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลามากไปกว่านี้  ผม…”
หันไปทางคุณจักรวาล
“ฉัน…”
หันไปทางไอ้เฟี้ยว
“ขอตัดสินใจว่า…พวกเราจะไปช่วยไทม์ทำรายงานกันที่ห้องของเฟี้ยวกันทั้งสี่คนเลย   วู้วววววววว!”
“อะไรนะ!!!”
ผม  คุณจักรวาลและไอ้เฟี้ยวตะโกนออกมาพร้อมกัน
กะ…การรวมตัวที่น่าเหลือเชื่อพวกนี้มันหมายความว่ายังไงกันแน่  อ๊ากกก  ปวดหัวเว้ย!
 
 
บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
มาอัพตอนที่สิบสามแล้วจ้า  น้องไทม์เจอศึกหนักแล้วสิ  แบบนี้ไม่ต่างอะไรกับการจับเสือสามตัวมาอยู่ถ้ำเดียวกันเลย  ลำพังคุณอวกาศยังไม่เท่าไหร่  แต่ท่านจักรวาลกับเฟี้ยวเนี่ยสิ  จ้องจะแง่งๆใส่กันทุกวินาทีขนาดนั้น   ดูท่าการทำรายงานในค่ำคืนนี้คงมีเรื่องชวนปวดหัวไม่น้อยเลย  เอาเป็นว่ามาคอยให้กำลังใจน้องไทม์กันเถอะ!
 
#เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก  ติดแฮชแทกนี้ในทวิตเตอร์มาพูดคุยกันได้นะคะ  อยากจะด่าเฟี้ยว  อยากจะบอกรักท่านจักรวาล  อยากจะสันนิษฐานเรื่องราว  หรืออยากจะอวยคู่ไหนก็มาเม้ามอยกันได้ตามสบายเลยจ้า
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 13 (15/08/60) #หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 15-08-2017 15:02:16
 :m20:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 13 (15/08/60) #หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 15-08-2017 19:11:41
 :mew1:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 13 (15/08/60) #หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 15-08-2017 19:21:52
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 13 (15/08/60) #หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 15-08-2017 20:33:26
ช่วยกันทำรายงานด้วยกันทั้งสี่คน  :laugh: :laugh: :laugh:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 13 (15/08/60) #หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 15-08-2017 22:07:33
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 13 (15/08/60) #หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 15-08-2017 22:27:20
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 13 (15/08/60) #หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 16-08-2017 19:25:42
 :ruready
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 13 (15/08/60) #หน้า4
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 16-08-2017 22:31:12
เฟี้ยวเราขอโทษที่ตัดสินเฟี้ยวว่าเป็นคนแกล้งไทม์ :o11: พ่อคนดีศรีสังคมอุตส่าห์ช่วยไทม์ทำรายงานอีก
หัวข้อ: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 14 (18/08/60) #หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 18-08-2017 11:08:09


ตอนที่ 14

การรวมตัวที่น่าเหลือเชื่อ (2)

 

แกร๊ก…

“เข้ามาสิ  ห้องรกหน่อยนะ  กูไม่ค่อยได้จัด”

ไอ้เฟี้ยวไขกุญแจแล้วเดินนำเข้าไปในห้อง  แต่พวกผมยังไม่มีใคร ‘กล้า’ เดินตามมันเข้าไปสักคน

“เอ้า!  ไม่เข้ามากันวะ  ต้องให้กูปูพรมแดงเชิญหรอไง”

“ดะ…เดี๋ยวนะ  ฉันก็พอจะรู้มาบ้างว่านายออกมาอยู่คนเดียวแล้ว  แต่…ที่นี่จริงๆเหรอ”

คุณอวกาศถามด้วยใบหน้าตกใจจริงๆ  ผมเองก็ตกใจไม่น้อยไปกว่าเขาหรอก

จะไม่ให้ตกใจได้ยังไง  ในเมื่อห้องที่ไอ้เฟี้ยวพามาเนี่ย  เล็กกว่าบ้านผมอีก!  แถมรอบๆยังเป็นป่าขึ้นรถร้าง  มีห้องเช่าตั้งอยู่แค่สามห้องเท่านั้น  ห้องแรกคอห้องของไอ้เฟี้ยว  ส่วนอีกสองห้องของใครผมไม่รู้  ด้านในมีพื้นที่แค่ขนาดหนึ่งเสือ  พอให้นั่งและนอนเท่านั้น!

“ใช่   ทำไมเหรอ”

“แล้วมันจะอัดกันเข้าไปหมดเหรอเนี่ยตั้งสี่คน!”

“ฉันถึงบอกไงว่าแกสองคนไม่จำเป็นต้องมา”

ไม่เข้าใจๆๆๆๆๆ

ไม่เข้าใจอย่างแรง!  ไอ้เฟี้ยวทีเป็นถึงลูกชายของผอ. ทำไมถึงมาอยู่ห้องซอมซ่อเล็กเท่ารูมดแบบนี้ฟะ!

ผมมองเข้าไปข้างใน  ที่มุมห้องมีกระเป๋าเสื้อผ้าตั้งอยู่ใบหนึ่ง  และพัดลมตัวเล็กๆหนึ่งตัวกับโต๊ะเขียนหนังสือที่มีหนังสือเรียนวางอยู่นิดหน่อย  ไม่ว่าจะคิดจนหัวแทบแตกยังไงผมก็ไม่เข้าใจอยู่ดี  คนระดับไอ้เฟี้ยวทำไมถึงมีสภาพแบบนี้ไปได้

“มึง…ไม่ได้แอบซ่อนกล้องไว้ตรงไหนใช่ไหม”

“จะบ้าหรือไง  นี่แหละห้องกู  พอดีงานพิเศษที่ทำอยู่ตอนนี้มันได้เงินน้อยน่ะ  ก็เลยต้องประหยัดนิดหน่อย”

“แบบนี้ไม่เรียกว่านิดหน่อยแล้ว  ไปทำที่บ้านฉันดีกว่า  ไป”

คุณอวกาศคว้าแขนไอ้เฟี้ยวแต่มันสะบัดออกทันที  ท่าทางมันจะไม่ได้ล้อเล่นแฮะ  ที่นี่คือห้องที่มันอาศัยอยู่จริงๆ

ดูท่าแล้ว…จะไม่ได้มีแค่ผม  คุณจักรวาล  หรือว่าคุณอวกาศแล้วล่ะที่มีบางสิ่งในใจ  ไอ้เฟี้ยวเองก็เหมือนกัน

“น่าๆ  พวกเรามาช่วยกันทำรายงานเถอะนะครับ  ก่อนที่จะเสียเวลาไปมากกว่านี้  ไหนๆก็มาแล้ว  นะครับ”

“ถ้านายว่ายังงั้น…ก็ได้”

คุณอวกาศตอบตกลงเป็นคนแรก  เขาเดินตามเข้าไปนั่งใกล้ๆไอ้เฟี้ยวที่นั่งเปิดพัดลมรออยู่ก่อนแล้ว  ผมหันไปหาอีกหนึ่งหนุ่มที่เอาแต่ยืนเงียบตั้งแต่มาถึง

เขามองไปรอบๆด้วยสีหน้านิ่งแต่ก็เหมือนจะคิดอะไรอยู่ในใจ  ก่อนที่สายตานั้นจะไปหยุดอยู่ที่ไอ้เฟี้ยวซึ่งกำลังกัด เอ๊ย  ทะเลาะกับคุณอวกาศอยู่ข้างในเพราะมันไม่ต้องการนั่งใกล้เขา  ทว่าคนหัวขาวก็กวนเหลือทน  เอาแต่เบียดจนอีกฝ่ายไปจนมุมเข้ากับกำแพงห้อง

“มีอะไรเหรอครับ”

“เปล่า”

ก็รู้อยู่แล้วล่ะนะว่าเขาจะต้องตอบแบบนี้  แต่ก็ยังอยากจะถาม  ผมแค่อยากรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ก็เท่านั้นเอง

“แกจะมาเบียดฉันทำไมวะเนี่ย!”

“ก็ห้องมันแคบนี่  เราก็ต้องนั่งเบียดกันไว้สิ  จริงไหมไทม์”

“เอ่อ…”

อย่าโยนขี้มาทางนี้สิเฟ้ยยยย!

“ลงมือทำได้แล้ว  เดี๋ยวจะไม่ทัน”

“นั่นสิ  ถ้างั้นผมขอโน้ตบุ๊คหน่อยครับ”

คุณจักรวาลส่งโน้ตบุ๊คที่ผมขอยืมของเขามาใช้ในวันนี้ให้  ผมลงมือเรียบเรียงทุกอย่างใหม่หมดทันที  ยังดีที่พอจะจำจากการทำครั้งก่อนได้คร่าวๆบ้าง

“งั้นฉันจะจัดการเรื่องหาบทความเปรียบเทียบเอง”

“ขอบคุณนะครับ”

ผมเอ่ยขอบคุณเขา  คุณจักรวาลเปิดโน้ตบุ๊คอีกเครื่องขึ้นมาแล้วลงมือทำ  ไอ้เฟี้ยวจัดการรื้ออุปกรณ์สำหรับทำบอร์ดขนาดเล็กออกมาเพื่อจะทำบอร์ดให้  ส่วนคุณอวกาศก็นั่งตัดรูปภาพเพื่อจัดการทำในส่วนของรูปภาพประกอบรายงาน

ทุกคนกำลังตั้งหน้าตั้งตาทำอย่างขะมักเขม้น  พอมองภาพพวกเขาสามคนที่กำลังพยายามอย่างเต็มที่เพื่อช่วยเหลือผมแล้วมันก็อดตื้นตันไม่ได้  มีแต่คำว่า ‘ทำไมกันนะ’  ‘เพราะอะไรกันล่ะ’  เต็มหัวผมไปหมด  อยากจะรู้เหตุผลที่พวกเขาต้องคอยช่วยผมขนาดนี้…

ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมีวันนี้ได้

กว่าจะรู้ตัวอีกที…รอบตัวผมก็มีพวกเขาเสียแล้ว

“เฮ้ย!  ตาเขหรอไงวะ  ตัดให้มันตรงๆดิ”

ไอ้เฟี้ยวที่ต้องทำงานคู่กับคุณอวกาศเพราะเขาเป็นคนคอยตัดรูปให้บ่นเสียงดังพลางส่งรูปที่เพิ่งได้รับมาจากคนข้างๆคืนกลับไป

“ทำไงได้ล่ะ  ก็ไฟในห้องนายมันสลัวซะขนาดนี้  ฉันไม่ตัดเอานิ้วตัวเองก็บุญแค่ไหนแล้ว”

“อย่ามาอ้าง!  แก่แล้วก็ไปตัดแว่นใส่เหอะ  หัดยอมรับอายุตัวเองซะบ้าง!”

“ปากดีแบบนี้ต้องโดนจูบสั่งสอนแล้วมั้งครับ”

“มึงเข้ามากูถีบ!”

ไอ้เฟี้ยวง้างขาขึ้นกะถีบเต็มที่จริงๆ  คุณอวกาศรีบยกมือโบกธงขาวขึ้นยอมแพ้  ผมเหลือบตามองทั้งสองคนที่กัดกันไปมาแล้วแอบยิ้มคนเดียว

คุณอวกาศ…ปกติก็เป็นคนกวนๆอย่างนี้อยู่แล้ว  แต่ผมไม่เคยเห็นเขากวนใครแล้วดูมีความสุขมากๆแบบนี้มาก่อน   

ส่วนไอ้เฟี้ยว…ทั้งที่ปากมันด่าฉอดๆไม่หยุดและดูไม่มีความเคารพคุณอวกาศที่แก่กว่าเลย  แต่ผมกลับมองว่าสิ่งที่ทั้งสองแสดงต่อกันมันทำให้รู้ได้เลยว่าพวกเขาสนิทกันมากแค่ไหน  และไอ้เฟี้ยวเองก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นเยอะเวลาถูกคนหัวขาวกวนตีนใส่

“ทั้งสองคน…สนิทกันจังเลยนะครับ”

ผมเอ่ยออกไปพร้อมกับยิ้มกว้าง  คำถามของผมทำเอาไอ้เฟี้ยวที่กำลังจะแปะรูปลงบนฟิวเจอร์บอร์ดชะงักกึก

“มึงใช้ตาปลามองเหรอไอ้ไทม์  กูกับไอ้เวรนี่เนี่ยนะ!”

“นายช่างเป็นคนที่ตาถึงจริงๆ  รู้ได้ยังไงว่าพวกเราสนิทกันมาก”

“ก็บอกว่าอย่ามาแตะตัวกูไงเล่า!”

ไอ้เฟี้ยวผลักคุณอวกาศออกแล้วะเขยิบหนีไปจนติดกำแพงห้องในที่สุด  บางทีผมไม่ควรถามอะไรออกใช่ไหม…

พอหันไปมองทางคนหัวดำบ้าง  เขาไม่พูดไม่มองอะไรใครทั้งนั้น  เอาแต่จ้องไปที่โน้ตบุ๊คอย่างตั้งใจ  นั่งอยู่ข้างๆผมแท้ๆเลยนะ  แต่ทำไมรู้สึกเหมือนนั่งคนเดียวชอบกล  คุณจักรวาลคงกลืนไปกับความมืดเรียบร้อยแล้วล่ะสิ

จะเงียบอะไรเบอร์นั้นฟะ!

เอาล่ะๆ  เราเองก็เลิกสนใจคนอื่นได้แล้ว  ตั้งใจทำในส่วนของตัวเองให้เสร็จเร็วๆก็พอ  ทุกคนอุตส่าห์ยอมอดหลับอดนอนมาช่วยขนาดนี้  ผมจะให้พวกเขาเหนื่อยฟรีไม่ได้!

“ว่าแต่…ห้องน้ำอยู่ไหนเหรอ ในนี้มันมีแค่ห้องนี้ห้องเดียวเองนี่  แล้วเวลาอาบน้ำเข้าห้องน้ำล่ะ?”

“ที่นี่ไม่มีห้องน้ำ  แต่ข้างหลังมีคลองกับท่าน้ำ  เวลาอาบน้ำก็อาบน้ำในคลองนั่นแหละ  ส่วนห้องน้ำ…จะฉี่ตรงไหนก็ได้  แต่ถ้าจะขี้…ก็ต้องขุดหลุมเป็นหลังเอา”

“ถามจริง?”

คุณอวกาศเสียงดังขึ้นด้วยไม่อยากเชื่อว่ามันจะเป็นเรื่องจริง  ผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน  ให้ตายสิ!  ยังไงก็ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรคนรวยๆอย่างไอ้เฟี้ยวถึงมาอยู่ที่นี่!

มีแต่เครื่องหมายคำถามแปะเต็มหน้าไปหมดแล้ว!

 

ตีสี่…

เจ้าของเรือนผมสีดำสนิทลืมตาตื่นขึ้นมาในความมืด  ข้างๆเขามีไทม์นอนคุดคู้อยู่  เลยไปนอนก็เป็นอวกาศที่หลับสนิท  ทว่า…คนที่ควรจะนอนอยู่ข้างๆเขากลับหายไป  ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าประตูห้องเปิดแง้มอยู่เล็กน้อย  ค่อยๆยันตัวลุกขึ้นออกจากห้องไป

จักรวาลเดินอ้อมไปด้านหลังห้องพัก  ก้าวเท้าไปอย่างช้าๆตรงไปทางท่าน้ำที่มีเสียงเหมือนมีใครกำลังอาบน้ำอยู่  ชายหนุ่มเดินมาหยุดยืนอยู่ด้านหลังคนที่กำลังตักน้ำจากในคลองขึ้นราดตัวอย่างเงียบเชียบ  ทำให้อีกฝ่ายไม่รู้ถึงการมาของเขา

ดวงตาสีดำสนิทจ้องมองไปยังร่างกายของคนตรงหน้า  ก่อนที่ความทรงจำบางอย่างจะย้อนกลับเข้ามาในหัว

เหตุการณ์ที่เขาบังเอิญได้ไปเห็นมันเข้าเมื่อสิบกว่าปีก่อน…

ตึก…ตึก…ตึก…

ร่างสูงเดินเข้าไปใกล้  สายตาไม่ละไปจากแผ่นหลังของอีกฝ่ายเลย  สิ่งที่เขาเห็น  ยิ่งตอกย้ำให้เขานึกถึงเรื่องราวในวันนั้น  หัวใจของชายหนุ่มเจ็บปวดไม่น้อยเมื่อนึกถึงมัน  เสียงร้องไห้  ร่างกายที่สั่นเทา  เลือดสีแดงสด…

ทุกอย่างชัดเจนในความทรงจำ

“นี่”

“ไอ้เหี้ย!!!!  ตกใจหมด!”

เฟี้ยวสบถเสียงดังลั่นพลางสะดุ้งโหยง  เขาเงยหน้ามองจักรวาลที่จู่ๆก็โผล่พรวดมายืนข้างๆอย่างตกใจ

“นั่งด้วยคนสิ”

“ไม่”

“จะนั่ง”

“แล้วจะถามทำแมวอะไรฟะ!”

ว่าพลางเขวี้ยงค้อนทางสายตาใส่อย่างหงุดหงิด  จักรวาลทิ้งตัวนั่งลงข้างๆเฟี้ยว  จุ่มขาลงไปในคลอง  ต่างฝ่ายต่างก็เงียบจนบรรยากาศอันน่าอึดอัดเข้ากลืนกิน

“ถ้าแกจะออกมาเพื่อนั่งจ้องหน้าฉันล่ะก็…ไสหัวกลับเข้าไปซะ”

“จะไม่ญาติดีกันจริงๆใช่ไหม”

“กับคนที่ทำให้พี่สาวฉันต้องเสียใจอย่างแก  ไม่จำเป็น”

“นายรู้ได้ยังไงว่ามารีอาเสียใจ”

“เรื่องแบบนี้ยังต้องถามอีกเหรอวะ  ถูกถอนหมั้นแบบนั้น  มีใครที่ไหนจะไม่เสียใจบ้าง!”

จักรวาลแสยะยิ้ม  ยิ่งทำให้คนข้างๆโมโหเข้าไปใหญ่เพราะคิดว่าเขาไม่เคยเสียใจในสิ่งที่ตัวเองทำลงไปเลย

“นายยังเด็ก”

“หา?”

“นายยังเด็กเกินกว่าที่จะรับรู้ได้ว่าโลกใบนี้ความจริงแล้วมันโหดร้ายแค่ไหน  สิ่งที่เห็น  บางทีมันอาจเป็นเพียงภาพลวงตาก็ได้  ฉันน่ะ…”

“ฉันอะไร”

“ไม่เคยลืมคำสัญญาในวันนั้นหรอกนะ”

จักรวาลสบตาเฟี้ยวอย่างจริงจัง

คำว่า ‘สัญญาในวันนั้น’  ทำให้เขาเงียบไป   เพราะในใจยังคงจำมันได้ดี

“หุบปาก”

“ฉัน…”

“บอกให้หุบปาก!!!”

“จะปกป้องนาย”

 

‘ฉันจะปกป้องนายเอง  ไม่ต้องกลัวนะ’

 

“จะไม่ให้ใครทำร้ายนายได้อีก”

“บอกให้หุบปาก!!!!!  หยุดพูดสิเว้ย  หยุด!!!”

“ฉันสัญญา”

 

‘จะไม่ให้ใครทำร้ายนายได้อีก  ฉันสัญญา’

 

“พอได้แล้ว!”

“…”

“พอ…”

หมับ…

จักรวาลดึงเฟี้ยวเข้ามากอดแนบแน่น  ฝ่ามือไล้ไปเบาๆบนแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยความหลังอันเจ็บปวดของคนในอ้อมกอดเขา

 

“…”

หลังต้นไม้ใหญ่ไม่ไกลจากท่าน้ำ  ไทม์ยืนเอามืออุดปากตัวเองไว้แน่น  ร่างกายสั่นเทิ้มด้วยตกใจกับสิ่งที่เห็น

ไม่ใช่เพราะเห็นจักรวาลกอดเฟี้ยว

แต่เป็นเพราะ…

สิ่งที่เขาเห็นบนแผ่นหลังของเฟี้ยวต่างหาก

‘หมอนั่น…ที่แผ่นหลัง…’

รอยแผลเป็นที่เกิดจากการ…

…ถูกทารุณ

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  ต้องขออภัยที่หายไปถึงสองวันเต็มๆ  มีธุระต้องจัดการนิดหน่อยค่า  แต่วันนี้กลับมาละ  ตอนนี้เริ่มเปิดปมดราม่าแล้วนะคะ  เฟี้ยวเองก็มีความหลังที่แสนเจ็บปวดเหมือนกัน  ดูเหมือนว่าจักรวาลจะรู้อะไรบางอย่าง  ยิ่งไปกว่านั้น…เหตุผลที่แท้จริงของการถอนหมั้นมารีอาคืออะไรกันแน่  พระเอกของเราจะสามารถปกป้องคนสำคัญของเขาทั้งหมดไว้ได้หรือเปล่า  และแผลเป็นที่หลังของเฟี้ยว...ใครเป็นคนทำ?  ติดตามกันต่อไปน้า

#เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก  แฮชแท็กเงียบมากมาย  ติดแฮชแท็กในทวิตเตอร์มาพูดคุยสันนิษฐานกันได้นะคะ ^^

หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 14 (18/08/60) #หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 18-08-2017 14:39:35
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 14 (18/08/60) #หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-08-2017 16:52:52
ใครทำร้ายหลานเฟี้ยว แล้วทำไมจักรวาลถึงถอนหมั้นมารีอา  หรือว่า มารีอาทำร้ายเฟี้ยว มึนตึบ คนแก่งง  :really2: :really2: :really2:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 14 (18/08/60) #หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 18-08-2017 17:33:09
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 14 (18/08/60) #หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-08-2017 21:18:49
ปมเต็มไปหมด
ทำไมทั้งเฟี้ยวทั้งมารีอาเห็นไทม์ส่งงาน แล้วงานหายไปไหน 
มีคนจ้องทำร้ายไทม์อีกหรือ หรือมารีอาเป็นคนเอางานไทม์ไป 
หรือเฟี้ยวเป็นคนเอางานไปเอง เพื่อจะได้ช่วยไทม์ทำงาน 

ใครทำร้ายเฟี้ยว
ทำไมเฟี้ยวต้องออกจากบ้าน
มารีอาทำไมไม่ช่วยน้อง

ทำไมจักรวาลต้องทำทุกอย่างเพื่ออวกาศ

จักรวาลรับปากใคร ที่ต้องดูแลเด็กที่ไม่รู้ว่าเป็นหญิงหรือชาย ใช่ไทม์หรือเปล่า

ไทม์ได้ทุนการศึกษาจากใคร
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 15 (19/08/60) #หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 19-08-2017 12:20:39


ตอนที่ 15

มาเป็นเพื่อนกันนะ

 

หมับ!

“อ๊ะ! อุ๊บ!”

“ชู่…”

มือหนาอุดปากผมที่ตกใจจนเกือบจะเผลอร้องตะโกนออกมาเอาไว้  คุณอวกาศที่ไม่รู้ว่าตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่ส่งเสียงชู่พร้อมเอานิ้วชี้แตะปากตัวเองไว้เป็นเชิงบอกให้ผมเงียบ  ผมพยักหน้ารับรู้  เขาจึงเอามือออก

“ไปข้างในกันเถอะ”

พูดพลางยิ้มหวานก่อนจะเดินนำผมเข้าไป  ท่าทางแบบนั้นแสดงว่า…

เขาก็รู้เรื่องงั้นเหรอ?

ทันทีที่กลับเข้ามาข้างใน  คุณอวกาศก็ทิ้งตัวลงนั่งพิงกำแพง  เงยหน้ามองกำแพงห้องด้วยรอยยิ้ม  ทว่ายิ้มของเขามันแตกต่างไปจากทุกที  ดูเศร้าๆยังไงก็ไม่รู้

“เอ่อ…”

“นายเห็นแล้วสินะ   แผลเป็นที่หลังของหมอนั่น”

“ครับ”

“ไม่ถามเหรอว่าไปโดนอะไรมา  หรือ…ฉันรู้เรื่องนี้หรือเปล่า”

ผมสบตาเขานิ่ง  นึกย้อนไปถึงแผลเป็นที่ค่อนข้างน่ากลัวตรงแผ่นหลังของไอ้เฟี้ยวที่มีมากมายนับไม่ถ้วน  ผิวเนื้อของมันแทบจะไม่มีส่วนที่เรียบเนียนเลยด้วยซ้ำ

“ผม…”

“…”

“อยากรู้ครับ”

“นั่นสินะ”

“แต่…”

“แต่?”

“ผมอยากได้ยินเรื่องทั้งหมดจากปากไอ้เฟี้ยวเองมากกว่าฟังจากคนอื่น  ตัวผมน่ะ…ที่ผ่านมามักจะถูกคนอื่นมองข้ามจนแทบจะกลายเป็นคนไร้ตัวตนในโลกไปเลยก็ว่าได้  ไม่เคยมีเพื่อน  ไม่เคยคุยกับใครนอกจากคนในครอบครัว  ไม่เคยสัมผัสความรู้สึกพิเศษเวลามีคนตั้งใจทำอะไรให้หรือลงมือทำอะไรสักอย่างเพื่อช่วยผม”

“…”

“แต่ว่าวันนี้…ไอ้เฟี้ยวมันทำให้ผมเข้าใจได้อย่างหนึ่งว่า…การมีเพื่อนเนี่ย  มันดีจริงๆเลยนะ  จริงอยู่ที่ตอนแรกผมเกลียดมันมาก  แล้วก็ยังไม่เคยลืมสิ่งแย่ๆที่มันทำไว้กับผม  ทั้งที่คิดแบบนั้นอยู่แท้ๆ  ไม่รู้ทำไมผมถึงอยากเป็นเพื่อนกับมันนัก” 

“ถ้าเป็นเรื่องนั้น  ฉันคิดว่าฉันรู้นะ”

“จริงเหรอครับ?”

ผมพุ่งเข้าหาคุณอวกาศ  ไปนั่งจ๋องอยู่ตรงหน้าเขาพลางยื่นหน้าเข้าหาอย่างรอฟังคำตอบ

สำหรับคนที่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนค่อนข้างแย่อย่างผม  ถ้ามีใครสักคนให้คำปรึกษาในเรื่องพวกนี้ได้ล่ะก็…คงดีไม่น้อยเลยล่ะ

“นายเนี่ยน้า~  เอางี้…เดี๋ยวพี่ชายคนนี้จะอธิบายให้ฟังเอง”

มือหนาเอื้อมมาสัมผัสแก้มผมทั้งสองข้างก่อนจะกดลงมาจนปากจู๋  ผมปัดมือเขาออกแล้วจัยแก้มตัวเองไว้  เจ็บนิดๆแฮะ

“คุณอวกาศครับ  ทำไมชอบทำเหมือนผมเป็นเด็กอยู่เรื่อยเลยล่ะ”

“นั่นสิ  ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน  พอมองนายทีไร  ฉันจะเห็นนายเป็นเด็กตัวเล็กๆตลอดเลย”

“อ๊ะ  ไม่เอาครับ  ผมยุ่งหมดแล้ว”

ต่อจากแก้มก็เป็นหัวงั้นเหรอ  ผมกลายเป็นอนุบาลในสายตาเขาไปแล้วใช่ไหม!

“โอเค  ไม่แกล้งแล้ว  ที่ฉันบอกว่าฉันรู้ว่าเป็นเพราะอะไรก็คือ…นายน่ะ  สัมผัสได้เหมือนกันไงล่ะ”

“สัมผัสได้?  สัมผัสอะไรเหรอครับ”

“เรื่องที่ว่าความจริงแล้วเจ้าหมอนั่น…เป็นเด็กดี”

“หมายถึงไอ้เฟี้ยวเหรอครับ?”

“ใช่แล้ว  ถ้าว่ากันตามจริงเลยเนี่ย  ตัวฉัน  พี่จักรวาล  มาเรีย  เอ่อ…หมายถึงมารีอาน่ะ  แล้วก็เฟี้ยว  พวกเราเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เล็กๆนะ  ครอบครัวของมารีอากับเฟี้ยวย้ายมาอยู่บ้านข้างกันตั้งแต่เจ้านั่นเพิ่งเกิดมาได้แค่สามเดือนเอง  คุณพ่อของฉันกับคุณพ่อของเฟี้ยวเป็นเพื่อนที่เจอกันที่สนามกอล์ฟก็เลยสนิทกัน  แน่นอนว่ามันทำให้พวกฉันสนิทกันไปด้วย  ตอนนั้นพวกเราสามคนเลยได้รับหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงของเฟี้ยวบ่อยๆ  ทั้งเปลี่ยนผ้าอ้อม  ชงนม  หรือว่าคอยอุ้มเวลาร้องไห้  โดยเฉพาะพี่จักรวาล  คงเป็นเพราะตอนนั้นเป็นพี่คนโตที่สุดล่ะมั้ง  ก็เลยต้องคอยดูแลน้องๆ  คอยให้เฟี้ยวขี่คอ  เอาหมอนั่นใส่กระเป๋าสำหรับอุ้มเด็กเวลาพวกเราไปเที่ยวกัน  จนหลายคนเข้าใจผิดคิดว่าพี่จักรวาลเป็นคุณพ่อวัยใสเลยนะ  ฮ่าๆๆๆ”

อ่า…คิดภาพไม่ค่อยออกเลย  คุณจักรวาลในโหมดมุ้งมิ้งแบบนั้น

แต่เท่านี้ผมก็พอจะเข้าใจได้แล้วว่าพวกเขาสนิทกันมากแค่ไหน  มันไม่ใช่แค่เพื่อนเล่นสมัยเด็กธรรมดา  พวกเขาเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกัน…

“น่าเสียดายนะครับ  ทั้งที่สนิทกันขนาดนั้น  แต่ว่าตอนนี้กลับ…”

“ก็นะ  ไม่มีใครรู้เลยว่าพี่จักรวาลคิดอะไร  แม้แต่ฉันที่เป็นน้องชายแท้ๆยังเข้าไม่ถึง  คนอะไร  ลึกลับจนน่ากลัว”

ข้อนี้เห็นด้วยเลย!

“เพราะงั้น…เชื่อฉันสิ  เฟี้ยวน่ะเป็นเด็กดีแน่นอน  เพราะพวกฉันเลี้ยงเขามากับมือ  แค่ไม่ได้คลอดออกมาเองกับไม่มีน้ำนมจากเต้าให้กินเท่านั้นเอง”

“ครับ  ผมเชื่อคุณ”

ถ้าเป็นคนที่คุณอวกาศเชื่อมั่นแบบนั้น  ผมเอง…ก็จะเชื่อเหมือนกัน

“เสียงฝีเท้า  สองคนนั้นคงกำลังจะเข้ามา  รีบไปนอนเร็วเข้า  อย่าให้พวกนั้นรู้ว่าเราแอบตามออกไป”

คุณอวกาศผลักผมกลับไปนอนที่เดิม  ส่วนตัวเองก็รีบไถลกลับเข้าที่ก่อนที่ประตูห้องจะเปิดออก  เสียงฝีเท้าของพวกเขาเข้ามาใกล้  ข้างกายผมรับรู้ได้ว่าคุณจักรวาลทิ้งตัวลงนอนข้างๆแล้ว  หะ…ให้ตายสิ  ผมเกร็งไปแล้ว  พวกเขาจะรู้ไหมนะว่าความจริงผมกับคุณอวกาศตื่นอยู่!

“เด็กไม่ดีต้องถูกลงโทษนะ”

เสียงทุ้มต่ำกระซิบเบาๆที่ข้างหู

ผมกำมือแน่นจนแทบลืมหายใจ  ขะ…เขารู้จริงๆด้วย!  แล้วไอ้ที่ว่าต้องถูกลงโทษมันหมายความว่ายังไง  คงไม่สั่งให้คนมากระทืบผมแล้วเอาศพไปถ่วงน้ำหรอกใช่ไหม!

“พึมพำอะไรวะ คนจะนอน”

ไอ้เฟี้ยวตะโกนด่ามาตามสายลม  เอ๊ะ?  ผมนึกว่าสองคนนี้จะปรับความเข้าใจแล้วญาติดีกันแล้วเสียอีก  สรุปว่ายังทะเลาะกันอยู่เรอะ!

มีแต่เรื่องไม่เข้าใจทั้งนั้นเลยวุ้ย  เฮ้อ!

 

“นี่ครับรายงาน”

ผมยื่นรายงานส่งให้อาจารย์ฉวีวรรณที่วันนี้นั่งรออยู่ที่โต๊ะของตัวเองเรียบร้อย  อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่ารายงานของผมจะไม่หายอีกเป็นรอบที่สองล่ะนะ

“ดีมาก  จบเรื่องกันสักทีนะ”

“ขอบคุณมากนะครับอาจารย์”

ผมยกมือไหว้อาจารย์ก่อนจะเดินกลับออกมา  ไอ้เฟี้ยวที่นั่งจ๋องรออยู่ตรงเก้าอี้ระเบียงทางเดินรีบลุกขึ้นมาหา

“เป็นไงวะ  เรียบร้อยดีไหม”

“อื้ม  ไม่มีอะไรน่าห่วงแล้วล่ะ”

ผมบอกมันพร้อมยิ้มกว้าง  เมื่อเช้าคุณจักรวาลกับคุณอวกาศมาส่งพวกเราที่โรงเรียนก่อนจะรีบไปทำงานต่อเพราะเห็นว่ามีประชุมด่วนกะทันหัน  รู้สึกว่าผู้บริหารอีกคนที่มีหุ้นในบริษัทเป็นอันดับสองรองจากตระกูลของพวกคุณจักรวาลกำลังจะกลับมาจากฝรั่งเศสหลังจากไปดูงานที่นั่นมาถึงสามเดือน

แต่แปลกอยู่เรื่องหนึ่งคือ…สีหน้าคุณจักรวาลที่รู้ว่าผู้บริหารอีกคนกลับมา  แวบหนึ่งที่ผมสังเกตเห็นว่าเขาทำหน้าตาน่ากลัวมากๆ  มีเรื่องอะไรระหว่างพวกเขาหรือเปล่านะ

“หมดเรื่องวุ่นวายสักทีนะมึง  ไปหาอะไรแดกกันดีกว่า  กูหิวละ”

“ได้สิ  แต่…กูขอเลี้ยงนะ”

“กูไม่แดกข้าวกับเกลือนะบอกไว้ก่อน”

มันหรี่ตามองผมพลางชี้หน้าคาดโทษไว้ก่อน  เราพากันเดินไปที่โรงอาหารท่ามกลางสายตานักเรียนมากมาย  ผมว่าผมชักจะชินกับมันแล้วล่ะ  ทุกคนเอาแต่มอง มอง มอง แล้วก็มอง  เห็นผมเป็นหมีแพนด้าสะพายกระเป๋ามาเรียนหนังสือหรือไง!

“คนมองใหญ่เลยว่ะ”

“เพราะมึงมาเดินกับกูไง  ยังมีหน้ามาพูด”

“เออว่ะ  แล้วทำไมกูต้องมาเดินกับมึงด้วยเนี่ย”

“จะไปรู้มึงเรอะ”

กูเองก็งงเถอะ  รู้ตัวอีกทีก็เดินกับไอ้เวรนี่ได้โดยรู้สึกอึดอัดหรือว่าเกลียดขี้หน้าเหมือนในตอนแรกแล้ว

ไอ้เฟี้ยวยังคงทำตัวร่าเริงเหมือนปกติต่างจากเมื่อคืน  ใครเดินผ่านแล้วมนเกิดหมั่นไส้เขาขึ้นมากะทันหัน  มันก็ยังคงหันไปเตะก้นเขาดื้อๆ  ทำตัวอันธพาลตามเดิมที่เคยทำทุกวัน  จะต่างก็แค่มันไม่ได้มาทำตัวอันธพาลใส่ผมก็เท่านั้น

“ถ้ากินเสร็จแล้ว  ไปดาดฟ้ากับกูหน่อยได้ป่ะ”

“ดาดฟ้า?  มึงจะกระโดดถีบขาคู่กูอีกหรือไง”

“ว่าไปนั่น  กูแค่มีเรื่องจะคุยเฉยๆ”

“ฮันแน่  หรือว่าจะสารภาพรัก  ตกหลุมรักกูแล้วล่ะสิ”

ยังมีหน้ามายิ้มแป้นใส่อีก

ผมผลักหน้ามันที่ยื่นมาใกล้ให้ออกห่าง  การกระทำของผมกับมันเหมือนคู่รักกำลังหยอกล้อกันไปมายังไงก็ไม่รู้  ดูสายตาของพวกสาวๆที่มองมาสิ…

วิ้งวับเป็นรูปหัวใจเชียว!

“ไม่มีทาง”

“กูจะคอยดู”

“ไอ้หลงตัวเองเอ๊ย!”

ไม่ไหวจะเคลียร์กับมันแล้วจริงๆ  ผมวิ่งไล่เตะไอ้เฟี้ยวไปจนถึงโรงอาหาร  มันเอาแต่ล้อว่าผมจะต้องตกหลุมรักมันแน่ๆอยู่นั่นแหละ  พูดห่าอะไรไม่เกรงใจบรรดาแฟนคลับมึงเลยนะ  เดี๋ยวพวกก็แห่กันมารุมสกำกูแย่!

 

สุดท้ายผมก็ลากไอ้เฟี้ยวขึ้นมาบนดาดฟ้าด้วยกันหลังจากกินข้าวเสร็จจนได้  หลายวันมานี้ผมไม่เห็นไอ้โชเล่มาตามติดไอ้เฟี้ยวเหมือนทุกทีเลย  ว่าจะถามมันอยู่เหมือนกันว่าไอ้บ้านั่นหายไปไหน  แต่ก็มัวแต่วุ่นๆเรื่องรายงานเลยลืมไปเสียสนิท

“แล้วไง  พากูขึ้นมาที่นี่มีเรื่องอะไรเหรอ”

ถามพลางเดินไปที่ระเบียง  ไอ้เฟี้ยวทอดสายตามองไปไกล  ผมกำมือแน่น  หัวใจเต้นระทึกด้วยสิ่งที่ต้องการจะพูดต่อไปนี้  สำหรับคนอื่นมันอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร  แต่สำหรับคนอย่างผม…

มันเป็นเรื่องที่ใหญ่และยากมาก!

“คือว่า…”

จะ…จะเริ่มพูดยังไงดีล่ะ  ในหัวผมมันปั่นป่วนไปหมดแล้ว  ทั้งที่คิดว่าตัวเองเปลี่ยนไปแล้วแท้ๆนะ  พอเอาเข้าจริงๆก็กลัวจนปากแทบไม่ขยับเลย!

ใจเย็นๆไว้ไอ้ไทม์  เชื่อมั่นในสิ่งที่คุณอวกาศบอกสิ  เชื่อมั่นในตัวเอง  มึงต้องทำได้!

ทำได้…

“ว่า?”

“กะ…กูจะพูดแค่ครั้งเดียวเท่านั้นนะ  มึงตั้งใจฟังให้ดีล่ะ”

ไอ้เฟี้ยวหันกลับมามองผมด้วยสีหน้าแปลกใจ  สองขาก้าวเข้าไปหามัน  แต่ละก้าวสั่นไหวจนความมั่นใจเลยหายไปทีละนิด…

“มึง…กับ…กู”

เงยหน้ามองมันไปด้วย  สาบานได้ว่าผมรู้สึกเหมือนหัวใจจะหยุดเต้นเลย  เกิดมาไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลยให้ตายสิ!

“พวกเรา…”

“…”

“พวกเรา…”

ต้องพูดได้…ต้องพูดออกไปได้แน่ๆ…

ภาพที่ไอ้เฟี้ยวช่วยเหลือผมไว้ย้อนกลับเข้ามาในหัว  ภาพแผลเป็นที่แผ่นหลังของมัน  ภาพรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่ผมกับมันวิ่งไล่เตะกันเมื่อเช้า…

ทุกๆอย่าง  ผมอยากจะ…ให้มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นตลอดไป

“เรา…”

“…”

“มาเป็นเพื่อนกันนะ!”

“…”

ในที่สุดก็กลั้นใจพูดออกไปจนได้  ผมหลับตาปี๋ไม่กล้าแม้แต่จะลืมตามองดูสีหน้าของไอ้เฟี้ยวในตอนนี้  ในใจแอบกลัวว่ามันอาจจะปฏิเสธผมก็ได้  เพราะคนอย่างผมน่ะ…มันไร้ตัวตนแล้วก็ไม่มีค่านี่นา  ใครจะอยากมาเป็นเพื่อนด้วยกันล่ะ

เวลาผ่านไปเกือบนาทีแต่ยังไม่ได้รับคำตอบจากตรงหน้า  ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมองมันที่ยืนก้มหน้ามองผมนิ่ง  ความเงียบที่เหมือนเป็นคำตอบกรายๆทำเอาขอบตาร้อนผ่านขึ้นมา

“ฮะๆ   ฮะๆ….”

แค่นหัวเราะออกมาเสียงสั่น  กะแล้วเชียว  ไม่ได้ผลสินะ   ผมมันได้ใจเกินไปที่พอเห็นมันทำดีด้วยก็คิดจะอยากเป็นเพื่อน  ไม่เจียมตัวเอาซะเลย

“คงไม่ได้สินะ    ขอโทษด้วยที่จู่ๆมาพูดอะไรแบบนี้  กูคงดีใจมากไปหน่อยพอมึงทำดีด้วย  ลืมไปเลยว่าคนอย่างกูไม่เหมาะที่จะมีเพื่อนเหมือนคนอื่นเขาหรอก”

“…”

“เอาเป็นว่า…ลืมไปซะนะ  คิดซะว่ากูไม่ได้พูดอะไรแล้วกัน”

ผมเงยหน้าขึ้นเพื่อไม่ให้น้ำตามันไหลออกมา  ยิ้มแห้งๆให้กับอีกฝ่ายที่ยังยืนเงียบอยู่ก่อนจะหันหลังให้มัน  เตรียมจะออกจากดาดฟ้า

ไม่เป็นไร  ไม่เป็นไรหรอกไอ้ไทม์  ก็แค่กลับไปอยู่แบบเดิมเท่านั้น  การอยู่คนเดียวเป็นเรื่องที่มึงเคยชินอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง

หมับ!

ขณะที่กำลังจะก้าวขา  แขนก็ถูกคว้าแล้วกระชากให้หันกลับไปจากคนด้านหลัง  ทันทีที่หันกลับไป  ไอ้เฟี้ยวก็โน้มหน้าลงมา  และ…

“อุ๊บ!”

ประกบปากจูบผมทันที!

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพตอนที่สิบห้าแล้วจ้า  ในที่สุดน้องไทม์ของเราก็มีความกล้าขึ้นมาอีกนิดหนึ่งแล้ว!  ที่สำคัญกว่านั้นดูเหมือนว่าเฟี้ยวจะเริ่ม ‘รุก’ น้องไทม์ซะแล้วสิ  แต่อย่างว่าละนะ  ทั้งจริงใจ  ใสซื่อ  แล้วก็เชื่องอย่างน้องไทม์  ใครบ้างอยู่ใกล้แล้วจะไม่หวั่นไหว ยิ่งหนุ่มๆในเรื่องของเราแต่ละคนมีปมหลังฝังใจกันทั้งนั้น  งานนี้คงต้องปล่อยให้น้องไทม์ได้ใช้หัวใจตัดสินหน่อยล่ะ  ว่าใครกันแน่คือคนที่อยู่ในหัวใจ >___<

#เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก  ติดแฮชแท็กนี้พูดคุยกันในทวิตเตอร์ได้น้า  จุ๊บๆๆๆ

หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 15 (19/08/60) #หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 19-08-2017 17:22:32
 :haun4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 15 (19/08/60) #หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 19-08-2017 19:53:05
อ้าวๆ..........ที่ผ่มาเฟี้ยวแกล้งไทม์ เพราะชอบหรอกรึ   o22  o22  o22
แล้วอยู่ๆมาจูบไทม์  :z3: :z3: :z3:

ทำไม จักรวาลหน้าเครียดๆล่ะ ที่หุ้นส่วนอีกคนกลับมาจากฝรั่งเศส
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
     
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 15 (19/08/60) #หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 19-08-2017 22:44:09
คนแก่อึ้ง ตกลงมีแต่คนหลงรักหลานไทม์กันทุกคนเลยหรอ ไม่เบา ๆ เลย หลานไทม์  :z1: :z1:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 15 (19/08/60) #หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 20-08-2017 00:01:05
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 15 (19/08/60) #หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 20-08-2017 04:11:50
พี่จักรวาลไม่ปล่อยแกไว้แน่ เฟี้ยวเอ้ย
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 15 (19/08/60) #หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: ShadeoftheMoon ที่ 20-08-2017 07:41:02
น้องไทม์เปิดฮาเร็มสะดีมั้ยจ้ะ เสน่ห์แรงจริงๆ เลย
หัวข้อ: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 16 (20/08/60) #หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 20-08-2017 11:43:20


ตอนที่ 16
คำขอร้องของมารีอา
 
“นี่  พี่!          ทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วยล่ะ  พี่!”
อวกาศที่ตามจักรวาลมาที่บริษัทด้วยร้องถามเสียงดัง  แต่อีกฝ่ายไม่ตอบ  เขาจ้ำอ้าวเดินไปยังห้องประชุมด้วยใบหน้าน่ากลัว
“พี่!”
ปัง!
ประตูห้องประชุมถูกเปิดออกอย่างแรง  คนที่นั่งอยู่ด้านในพากันสะดุ้งตกใจ  มองมายังคนที่เป็นคนเปิดมันซึ่งก็คือจักรวาล  เขากวาดสายตาไล่มองไปทีละคนจนกระทั่งถึงคนที่เขาตั้งใจมาเจอ  ชายหนุ่มท่าทางภูมิฐานอายุไล่เลี่ยกับเขานั่งอยู่ตรงตำแหน่งฝั่งตรงข้ามกับเก้าอี้ประธาน
มันคือเก้าอี้ของรองประธานนั่นเอง!
“ไง…จักรวาล  ไม่ได้เจอกันตั้งนาน  สบายดีนะ”
“อืม  กลับมาจนได้สินะ”
อวกาศที่ยืนอยู่ข้างๆหันมองพี่ชายสลับกับ ‘กวินทร์’ รองประธานหรือมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับเขาเพราะเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของน้องชายคุณพ่อเขานั่นเองด้วยความสงสัย
“ทิ้งให้บริหารบริษัทคนเดียวตั้งสามเดือน  ในฐานะรองประธานฉันเองก็รู้สึกผิดไม่น้อยเลย  อ้อ  ยินดีต้อนรับกลับมานะอวกาศ  เรียนจบแล้วใช่ไหม”
“ครับ  ว่าแต่…ผมเพิ่งรู้นะว่าพี่กวินทร์ไปดูงานที่ฝรั่งเศสตั้งสามเดือน”
“ก็นะ  จู่ๆก็ถูกท่านประธานส่งไป  ถึงจะยังงงๆแต่ก็ขัดไม่ได้หรอก”
“งั้นเหรอครับ”
อวกาศยิ้มเจื่อน  เขารู้สึกได้ว่าบรรยากาศในตอนนี้มันช่างกดดันเหลือเกิน  สายตาที่จักรวาลจ้องมองไปยังชายผู้นั้นก็น่ากลัวราวกับกำลังจ้องคนที่เกลียด
“พี่…”
“นายกลับไปก่อน  ฉันจะอยู่ประชุม”
“อ้าว  ทำไมล่ะ  ให้ผมอยู่ด้วย…”
“ตอนนี้นายยังไม่มีสิทธิ์อะไรในบริษัทนี้ทั้งนั้น  ออกไปซะ”
เขาหันกลับมาสั่งเสียงเข้ม  เน้นย้ำคำว่าไม่มีสิทธิ์เป็นครั้งแรก
“ครับ”
ยอมรับคำสั่งแต่โดยดี  จักรวาลรีบผลักตัวอวกาศออกมาจากห้องประชุมและปิดประตูทันที  ชายหนุ่มยืนนิ่งขบคิดถึงการกระทำที่หน้าสงสัยของพี่ชายด้วยไม่เข้าใจ
“แปลก?  ปกติเอาแต่พูดกรอกหูว่าบริษัทนี้คือของเรา  แล้วทำไมวันนี้…ถึงพูดแบบนั้นนะ?”
ยิ่งไปกว่านั้น  สายตาที่จักรวาลมองกวินทร์  ยังไงๆมันก็แดสงออกถึงความเกลียดชังมาเกินไป  เขาไม่เคยเห็นพี่ชายเป็นแบบนี้มาก่อน
หรือในช่วงที่เขาไปเรียนต่างประเทศ  จะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น?
พอคิดแบบนั้นอวกาศก็ยิ่งกังวล  เขาไม่ใช่คนโง่ที่จะไม่รู้อะไรเลยว่ายิ่งบริษัทเติบโตมากขึ้นเท่าไหร่  การแข่งขันและความต้องการของผู้คนก็จะมากขึ้น  แน่นอนว่าตำแหน่งประธานที่ใหญ่ที่สุดนั้นจะต้องมีแต่คนต้องการจะได้  จักรวาลเลยต้องทำตัวแข็งนอกจนผู้คนพากันหวาดกลัวแบบนี้
ครืด…ครืด…
‘มาเรีย’
“ฮัลโหล”
ชายหนุ่มกดรับสายที่โทรเข้ามา  ปลายสายเงียบไปอึดในก่อนจะตอบกลับเสียงอ่อน
[อวกาศเหรอ  มาเจอกันหน่อยได้ไหม]
“ได้สิ  ที่ไหนล่ะ”
หญิงสาวบอกสถานที่นัดแก่เขา  อวกาศกดวางสายแล้วรีบไปยังที่นัดหมายทันที  เขาเก็บความสงสัยทั้งหมดเอาไว้ก่อน  และตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าจะต้องสืบดูให้ได้ว่าจักรวาลกำลังพยายามจะทำอะไร!
 
อวกาศมาถึงร้านอาหารที่นัดกับมารีอาไว้ในที่สุด  หญิงสาวในชุดสีขาวบริสุทธิ์นั่งรอเขาอยู่ก่อนแล้ว  ชายหนุ่มชะงักไป  แววตาที่มองไปยังเธออ่อนโยนราวกับกำลังมองหญิงสาวอันเป็นที่รัก  เธอยังดูบอบบางและน่าทะนุถนอมไม่เปลี่ยนเลย
“มาเรีย”
“อ๊ะ มาแล้วเหรอ”
มารีอายิ้มหวานออกมาอย่างมีความสุข  เธอดีใจจริงๆที่ได้เจอเขาหลังจากที่ไม่ได้เจอกันมาตั้งหลายปี
“ขอโทษที่มาช้านะ  รถติดนิดหน่อย”
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ  ฉันก็เพิ่งมาถึงไม่นานหรอก   ดื่มน้ำก่อนสิ  ฉันสั่งน้ำฝรั่งที่นายชอบเตรียมไว้ให้แล้วล่ะ”
อวกาศพยักหน้ารับแล้วยกน้ำฝรั่งที่อยู่ตรงหน้าขึ้นดื่มอย่างกระหายจนหมดแก้วก่อนจะเอ่ยถามอีกฝ่าย
“แล้ว…ที่เรียกมามีอะไรหรือเปล่า  คงไม่ใช่แค่อยากเจอหน้าฉันแน่ๆใช่ไหม”
“คือ…”
“หลังจากที่ถูกเธอปฏิเสธจนตัดสินใจไปเรียนต่อตามที่พี่จักรวาลบอก  นี่เป็นครั้งแรกเลยสินะ ที่พวกเราได้กลับมาพบกัน”
“อวกาศ…”
หญิงสาวสบตาเขาด้วยความเศร้าสร้อย  นัยน์ตาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด  เห็นแบบนั้นอวกาศก็รีบโบกไปโบกมือพูดแก้สถานการณ์ทันที
“เฮ้ยๆ แต่ฉันไม่ได้คิดอะไรแล้ว  เธอไม่ต้องกังวลหรอรู้สึกผิดหรอกนะ”
“ขอโทษนะ  ทั้งที่ทำร้ายจิตใจของนายไปแบบนั้น  แต่วันนี้กลับเรียกนายออกมาพบ”
“ไม่เอาน่า  ฉันเองก็อยากเจอเธออยู่เหมือนกัน  ถ้าเธอไม่โทรมา  ฉันก็ต้องไปหาเองอยู่ดีนั่นแหละ”
มารีอายิ้มอ่อน  ใบหน้าของเธอดูไม่มีความสุขเลยแม้แต่นิดเดียว  กลับกัน…อวกาศรู้สึกได้ว่าคนตรงหน้ามีเรื่องกังวลอยู่ในใจ
“มาเรีย  มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”
“อวกาศ…คือฉัน…”
“ร้องไห้ทำไมน่ะ?”
“ขอโทษ   ขอโทษนะ”
เธอไม่ตอบ  เอาแต่ร้องไห้จนคนในร้านพากันหันมามอง  อวกาศลุกขึ้นไปหาเธอออย่างร้อนรน  เขางงไปหมดแล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ  ฉันไม่รู้จริงๆว่าเขาเป็น…. ฮือ…”
“มาเรีย  ใจเย็นๆก่อน  นี่มันเรื่องอะไร  เกิดอะไรขึ้น  บอกฉันสิ  ใครทำอะไรเธอ  บอกฉัน!”
“อวกาศ  สัญญากับฉัน  ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม  อย่าดึงเฟี้ยวเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้เด็ดขาด  อย่าให้น้องชายของฉันต้องมาเกี่ยวด้วย  เข้าใจไหม”
“ฉันไม่เข้าใจ  เธอหมายถึงอะไรกันแน่”
“ฉัน…ฉันบอกนายไม่ได้  ฉันรักเขา  ฉันหักหลังเขาไม่ได้   แต่ฉันก็ทำร้ายนายไม่ได้เหมือนกัน  ฮือ…”
“มาเรีย…  เธอพูดถึงใคร  พี่จักรวาลเหรอ?”
หญิงสาวส่ายหน้า เธอดึงมือชายหนุ่มมาจับไว้แน่น
“อย่าดึงเฟี้ยวเข้ามาเกี่ยวเด็ดขาด  กันเขาออกไป   และ…ปกป้องเด็กคนนั้นให้ได้”
“เด็กคนนั้น?  ใครล่ะ?”
“ความทรงจำของพวกเราสี่คน”
“???”
“ไปที่นั่น  แล้วหามันให้เจอ   ฉันช่วยนายได้แค่นี้เท่านั้น”
“เดี๋ยวสิ  ฉันยังไม่เข้าใจอะไรเลย  มา…!”
“ขอโทษนะอวกาศ…”
“เธอ…หรือว่า…ในน้ำ….”
ตุ้บ!
ร่างของชายหนุ่มร่วงลงกับพื้น  ยาสลบในน้ำฝรั่งออกฤทธิ์  มารีอาค่อยๆทิ้งตัวลงนั่งข้างๆเขา  ลูบไปเส้นผมอย่างแผ่วเบา
“ขอโทษนะที่ทำกับนายแบบนี้  แต่นอกจากนายแล้วฉันก็ไม่ไว้ใจใครอีก  ความผิดที่ฉันได้ทำลงไป  ฉันชดใช้ให้นายได้แค่นี้จริงๆ  เพราะไม่ว่ายังไง…ฉันก็ทำใจหักหลังเขาไม่ลง  เพราะงั้น…สานต่อที่เหลือแทนฉันที  ดูแลเฟี้ยวแทนฉัน  ปกป้องเด็กคนนั้นเอาไว้ให้ได้  เด็กคนนั้น…สำคัญสำหรับนายที่สุด  จำไว้นะ”
“…”
“ถ้าเป็นนาย  จะต้องทำได้แน่  ยังไงนายก็ยังมีเขาคนนั้นคอยปกป้องอยู่  เขาจะทำทุกอย่างเพื่อนายและเด็กคนนั้น  หามันให้เจอนะ  เมื่อนายหามันเจอ  ความจริงทุกอย่างก็จะปรากฏ  ขอโทษที่ทำให้เรื่องมันยุ่งยากแบบนี้  แต่ฉันไม่เข้มแข็งพอที่จะทรยศเขา  ฉันขอโทษ”
เธอร้องไห้ออกมาจนแทบขาดใจ  ความทรงจำวัยเด็กที่ได้ร่วมทุกข์  ร่วมสุข  ร่วมหัวเราะไปกับอวกาศ  จักรวาลและเฟี้ยวฉายย้อนเข้ามาในหัวเป็นฉากๆ
 
‘เจอตัวอวกาศแล้ว!  จักรวาล  เฟี้ยว  ฉันหาเขาเจอแล้วล่ะ!’
 
“ขอบคุณนะ  ที่เคยรักฉัน  ฉันดีใจมากจริงๆที่ได้รับความรักจากนาย”
 
“มะ…มะ…มึง!  มึงทำอะไรวะ!”
ผมผลักให้ไอเฟี้ยวออกห่าง  สองมือขึ้นจับริมฝีปากของตัวเองเอาไว้  หัวใจเต้นระทึกจนแทบจะระเบิดออกมาอยู่แล้ว
กะ…กูถูกจูบ…
ถูกจูบโดยผู้ชาย!!!
“จูบไง  ถามแปลกนะมึง”
“กูรู้ว่าจูบ  แล้วมึงมาจูบกูทำไมเล่า!”
“ก็…จูบแห่งมิตรภาพน่ะ”
“หา?”
ร้องเสียงหลงพลางมองหน้ามันที่ให้คำตอบมาง่ายๆเหมือนมันเป็นเรื่องปกติ  แต่ปกติจริงๆคือผู้ชายเขาไม่จูบกันเองไม่ใช่เหรอฟะ!!!
“มันก็เหมือนเวลาฝรั่งเขาทักทายกันไง  มึงไม่เคยเห็นเหรอ”
“เม้าท์ทูเม้าท์เลยเนี่ยนะ!”
“ก็เออ  ทำไมวะ ถึงจะจูบกัน  แต่ถ้าไม่ได้คิดอะไรมันก็จะกลายเป็นจูบธรรมดาไม่ใช่หรือไง”
“ยิ่งฟังยิ่งงง  สรุปมึงจูบกูทำไมกันแน่?”
ไอ้เฟี้ยวไม่ตอบ  มันเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มพลางกรอกตาไปมา  อารมณ์เหมือนเด็กแอบกินขนมในห้องเรียนแล้วถูกจับได้ประมาณนั้น
“กูว่ารีบไปห้องเรียนกันดีกว่า  ชั่วโมงแรกจะเริ่มแล้ว  เดี๋ยวเข้าห้องสายนะเว้ย”
ไอ้เฟี้ยวตัดบท  มันรีบวิ่งออกจากดาดฟ้าทิ้งให้ผมยืนงงอยู่คนเดียวเพราะยังไม่ได้คำตอบ  แบบนี้มันหมายความว่ายังไงกันล่ะเนี่ย  สรุปเมื่อกี้ที่ผมถูกจูบ…
มันเพราะอะไรกันล่ะ!
 
เรียนมาจนถึงคาบที่สี่  ไอ้เฟี้ยวยังคงทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งที่มันเพิ่งจะจูบผมไปเมื่อเช้า  แต่พอเห็นเจ้าตัวการทำตัวปกติอย่างนั้นแล้วผมก็เลยไล่บี้ถามต่อไม่ลง  กะ…ก็ถ้ามันทำตัวปกติ  ผมเองก็ต้องทำได้เหมือนกัน
ลืมจูบนั่นไปซะไอ้ไทม์!
วี้หว่อๆๆๆ
“หือ?”
นักเรียนในห้องพากันแตกฮือเมื่อมีเสียงไซเรนรถตำรวจกำลังเข้ามาในโรงเรียน  ผมกับไอ้เฟี้ยวหันมามองหน้ากันก่อนที่จะรีบวิ่งออกไปเกาะระเบียงดูว่ามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น  อาจารย์คนหนึ่งเดินออกไปหาตำรวจสองคนที่รถมาจากรถ  สีหน้าของตำรวจดูเคร่งเครียด  ทว่าเมื่อพูดคุยกันไปสักพักอาจารย์คนนั้นก็หน้าถอดสีไปเลย
เกิดอะไรขึ้นกันนะ?
อาจารย์ท่านนั้นคุยกับตำรวจต่ออีกสักพักก็เดินนำตำรวจขึ้นมาทางตึกที่พวกผมเรียนอยู่  ไม่นานนักก็ขึ้นมาถึงชั้นของพวกผมและกำลังตรงมาทางนี้  พวกนักเรียนพากันซุบซิบด้วยสงสัยว่ามีเรื่องอะไรกันแน่  จนกระทั่ง…
อาจารย์คนนั้นพาตำรวจมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าผมกับไอ้เฟี้ยว!
“มึงไปสร้างเรื่องอะไรมาป่ะเนี่ย”
ผมเงยหน้าถามคนข้างๆอย่างตกใจ  มันมะเหงกใส่หัวผมหนึ่งทีเต็มแรง
“มึงจะบ้าหรือไง  ถึงกูจะอันธพาลชอบแกล้งคนอื่นแต่กูก็ไม่ได้เลวถึงขั้นจะสร้างเรื่องถึงตำรวจหรอกเว้ย!”
“ขอโทษนะครับ  คุณคือคุณเฟี้ยว  น้องชายของคุณมารีอาใช่ไหมครับ”
ตำรวจเอ่ยถาม  ไอ้เฟี้ยวพยักหน้ารับก่อนจะหันไปถามอาจารย์ที่เป็นคนเดินนำตำรวจขึ้นมา
“มีอะไรเหรออาจารย์”
“คือว่า…คือ…”
“คืออย่างนี้ครับ  มีคนพบศพของพี่สาวคุณผูกคอตายอยู่ในตึกร้าง  เบื้องต้นยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเป็นการฆ่าตัวตายหรือฆาตกรรม  ตอนนี้เราต้องการพาตัวคุณไปยืนยันศพเพราะเราไม่สามารถติดต่อผอ.ของโรงเรียนนี้ที่ว่าเป็นแม่ของคุณมารีอาได้  คุณสะดวกไปไหมครับ”
“ดะ…เดี๋ยวนะ  คุณตำรวจพูดว่าอะไรนะ   พะ…พี่สาวผม?”
ไอ้เฟี้ยวถามเสียงสั่น  ส่วนผมได้ตาเบิกตากว้างตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน
“ผมรู้ว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะทำใจ  แต่เพื่อให้เราทำการสืบสวนต่อไปได้  ผมจำเป็นต้องสอบถามอะไรกับคุณนิดหน่อยเพื่อสืบหาสาเหตุการตายของคุณมารีอาต่อไปนะครับ”
“ไม่จริง   พี่สาวผมจะตายยังไง  ไม่มีทาง!!!”
“ไอ้เฟี้ยว”
“มึงบอกเขาไปสิไอ้ไทม์   ว่าพี่สาวกูเป็นคนดี  พี่น่ะ…พี่ต้องไม่ตายสิเว้ย!  ผิดคนแล้ว!!!”
ไอ้เฟี้ยวอาละวาดยกใหญ่  นี่มันเรื่องอะไรกัน…
อาจารย์มารีอา…ตายแล้วงั้นเหรอ?
เกิดอะไรขึ้นกันแน่…
 
 
บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
มาอัพตอนต่อไปแล้วจ้า  เรื่องราวเริ่มเข้มข้นขึ้นแล้ว  มารีอา…นางฟ้าของทุกคนจากโลกใบนี้ไปพร้อมกับ ‘ความลับ’ บางอย่างที่เธอเก็บเงียบเอาไว้  แต่แน่นอนว่าบนโลกนี้ไม่มีอะไรทีเป็นความลับเสมอไป  ทางเดียวที่จะรู้ได้ว่าอะไรคือสิ่งที่เธอรู้มาก็คือ…จะต้องหาสถานที่ที่เธอบอกให้เจอ  มาติดตามกันว่าอวกาศจะทำสำเร็จหรือไม่  และใครคือคนที่มารีอารักจนไม่สามารถหักหลังได้  รวมถึง…’เด็กคนนั้น’ ที่เธอพูดถึง  ทำไมจักรวาลถึงต้องคอยปกป้องอวกาศและเด็กคนนั้น  ตัวจริงของจักรวาลคือใครกันแน่?  ติดตามกันไปเรื่อยๆแล้วมาร่วมลุ้นไปด้วยกันนะคะ
ไว้อาลัยให้แก่นางฟ้าของทุกคน  แต่งไปก็ร้องไห้ไป  สงสารผู้หญิงคนนี้เหลือเกิน…
#เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก  ติดแฮชแท็กนี้มาพูดคุยกันในทวิตเตอร์ได้น้า
 
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 16 (20/08/60) #หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 20-08-2017 11:56:04
เห้ยๆ.......มารีอา ผูกคอตาย
มันน่าสงสัย ผูกเอง หรือใครทำเสมือนว่าผูกเอง  :katai1: :katai1: :katai1:

ความลับที่มารีอาให้อวกาศหา ยังไงๆ แล้วจะหาเจอเหรอ
บอกมาเลยก็ได้ทำไมไม่บอ ลึกลับซับซ้อนซะจริง

มันต้องมีการแย่งผลประโยชน์กันแน่ๆ
แล้วที่จักรวาลเคยบอกว่าทุกอย่างเป็นของอวกาศ
แต่ต่อหน้ากวินทร์ พูดอีกอย่าง
หรทอตัวปัญหาคือกวินทร์ กับพ่อของกวินทร์
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 16 (20/08/60) #หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 20-08-2017 15:02:59
ไหนๆ ก็จะฆ่าตัวตายแล้วทำไมต้องทำให้เรื่องมันยุ่งยากด้วย ไม่อยากพูดหรือหักหลังใครแต่ก็ห่วงอีกฝ่าย ก็ทำไมไม่แอบเขียนบอกเป็นจม.แทนก็ได้ บอกที่ซ่อนกับอวกาศให้ไปเอาดีกว่ามาพูดแบบมีลับลมคมในแล้วอีกฝ่ายตีความไม่ได้ แบบนี้มันก็เหมือนไม่ได้ช่วยอะไรเลย แล้วที่ชิงฆ่าตัวตายไปก่อนนี่มีจม.ลาตายด้วยไหม ถ้าไม่มีเดี๋ยวคนอื่นก็สงสัยจักรวาลอีก
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 16 (20/08/60) #หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 20-08-2017 15:30:24
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 16 (20/08/60) #หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: Walkaduck ที่ 20-08-2017 19:36:50
แง มาเรีย ทำไมเธอทำแบบนี้???  ตอนนี้รู้สึกว่าปมเพิ่มเข้ามาหลายอย่างมาก แล้วก็ต้องรอลุ้นว่าจะเฉลยเมื่อไหร่ โห้ยยยยยย
รอติดตามอยู่นะคะ สู้ๆค่ะ
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 16 (20/08/60) #หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 20-08-2017 19:38:28
ปมเริ่มเยอะขึ้นแล้วอ่ะ
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 16 (20/08/60) #หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 20-08-2017 19:44:00
งง ตึ้บบบบ

 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 16 (20/08/60) #หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 20-08-2017 20:32:03
 :sad11:  :sad11: อาไรมันจะซับซ้อนขนาดนั้น
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 16 (20/08/60) #หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 21-08-2017 01:08:12
โห ผูกเงื่อนเข้าไปอีก พี่มาเรีย
หัวข้อ: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 17 (21/08/60) #หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 21-08-2017 09:48:04


ตอนที่ 17

น้ำตาของเขา…

 

ผมและไอ้เฟี้ยวนั่งรถตำรวจมาที่เกิดเหตุด้วยกัน  ระหว่างทางผมส่งข้อความบอกเรื่องทั้งหมดกับคุณจักรวาลและคุณอวกาศไป  เนื่องจากไอ้เฟี้ยวอยู่ในโหมดที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้  อาจารย์เลยขอให้ผมมาด้วยเพื่อจะได้คอยอยู่ข้างๆช่วยเหลือมัน

ตลอดทางคนข้างตัวผมเอาแต่นั่งเงียบ  แต่แววตาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด  มันนั่งบีบขาตัวเองไว้แน่นจนเส้นเลือดที่มือปูดบวม  ผมเองก็ได้แต่ภาวนาขอให้เป็นการเข้าใจผิด  ขอให้ศพที่เจอไม่ใช่อาจารย์  เพราะถ้าเป็นอาจารย์จริงๆ  จะไม่ได้มีแค่ไอ้เฟี้ยวกับผอ.เท่านั้นที่เสียใจ  แต่ยังมี…

ใบหน้าของคุณจักรวาลกับคุณอวกาศแทรกเข้ามาในความคิด

เกือบหนึ่งชั่วโมงกว่าจะมาถึงบ้านร้างที่เกิดเหตุ  มีชาวบ้านมายืนมุงดูกันอยู่มากมาย  ตำรวจช่วยกันพื้นที่เพื่อให้ผมและไอ้เฟี้ยวได้แทรกไทยมุงเข้าไป  ด้านในมีรถปอเต๊กติ๊งและตำรวจอีกจำนวนหนึ่งยืนสำรวจที่เกิดเหตุอยู่  ใกล้กันมีผ้าสีขาวผืนยาวคุมร่างของใครบางคนเอาไว้

“นั่นครับ”

ตำรวจชี้ไปยังผ้าสีขาวผืนนั้น  ผมเอื้อมมือไปจับมือไอ้เฟี้ยวเอาไว้  บีบเบาๆเป็นการให้กำลังใจก่อนที่มันจะเดินตัวสั่นเข้าไปใกล้

“พร้อมนะครับ”

ไอ้เฟี้ยวพยักหน้ารับคำถามของตำรวจอีกนาย  ผ้าสีขาวถูกเปิดออกเผยให้เห็นร่างของผู้ตายที่อยู่ด้านใน  เพียงเสี้ยววินาทีที่ได้เห็นใบหน้าของศพ  ไอ้เฟี้ยวก็ทรุดลงกับพื้นอย่างหมดแรง

“พี่!  พี่!”

ผมกัดฟันแน่น  ไม่อาจเก็บน้ำตาแห่งความสงสารของตัวเองไว้ได้  ไอ้เฟี้ยวโผเข้ากอดศพของอาจารย์มารีอา  น้ำตามากมายหลั่งไหลออกมา

“ทำไม   ทำไมเป็นแบบนี้ เกิดอะไรขึ้นกับพี่กันแน่  พี่!!!”

“มาเรีย!”

“มารีอา!”

เสียงคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง  คุณจักรวาลและคุณอวกาศที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเหงื่อวิ่งพรวดเข้ามาอย่างรวดเร็ว  พวกเขายืนอึ้ง  สายตาแห่งความเจ็บปวดจ้องมองไปยังร่างที่ไร้วิญญาณของอาจารย์มารีอา

“ไม่จริง”

คุณอวกาศพึมพำ เขาเดินโซซัดโซเซไปทรุดอยู่ปลายเท้าของเธอ   สองมืออันสั่นเทาเอื้อมไปแตะขานั้น

“ทำแบบนี้ทำไมยัยบ้า!”

ผมละสายตาจากทั้งสองหันมามองคนที่ยืนนิ่งอยู่ข้างๆบ้าง  คุณจักรวาลยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่  เขาไม่พูดหรือแสดงสีหน้าอะไร  ทว่าผมกลับสัมผัสได้จากแววตาของเขาว่าเขากำลังเสียใจมากแค่ไหน

ตึก…ตึก…ตึก…

ร่างสูงหันหลังกลับ  ค่อยๆเดินออกไปจากที่เกิดเหตุ  ผมมองเขาสลับกับไอ้เฟี้ยวและคุณอวกาศ  ก่อนจะตัดสินใจวิ่งตามคุณจักรวาลออกไป  ยังไงคุณอวกาศก็ต้องคอยอยู่กับไอ้เฟี้ยวแน่ๆ  เขาคงไม่ปล่อยให้มันอยู่คนเดียวหรอก

คุณจักรวาลเดินกลับมาที่รถของตัวเอง  ผมรีบวิ่งสุดชีวิตเข้าไปหาเขาก่อนที่เขาจะเปิดประตูขึ้นรถได้ทัน  ดูเหมือนว่าเมื่อกี้เขาจะไม่ได้สังเกตเห็นผมเลยสินะ

“นาย…”

“…”

“อยู่ด้วยเหรอ”

“คุณจะไปไหนครับ  ผมไปด้วยได้ไหม”

“อืม”

พอได้รับอนุญาต  ผมก็รีบเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับแล้วขึ้นไปนั่งทันที  อาการใจลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแบบนี้  ปล่อยให้ไปคนเดียวคงไม่ดีแน่

ร่างสูงเปิดประตูรถตามขึ้นมาก่อนจะขับออกไป  มือที่จับพวงมาลัยอยู่แน่นกำแน่นเสียจนผมกลัวว่าพวงมาลัยจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ  นัยน์ตาสีดำของเขาดำเข้มจนแทบมองไม่เห็นสิ่งที่สะท้อนอยู่ในนั้น  เขา...อาจจะกำลังร้องไห้อย่างบ้าคลั่งอยู่ภายใน

 

คุณจักรวาลขับรถออกมานอกเมือง  สองข้างทางเริ่มมีแต่ทุ่งหญ้าและต้นไม้  รถบนถนนเริ่มน้อยลงทุกที  ตลอดทางพวกเราเอาแต่นั่งเงียบ  ผมทำได้แค่ลอบมองเขาเป็นระยะๆเท่านั้น  ในหัวก็คิดหาสาเหตุการตายของอาจารย์ไปด้วย  ล่าสุดที่เจอคือเมื่อวานที่เธอมาช่วยยืนยันเรื่องรายงานให้กับผม  ตอนนั้นเธอยังดูปกติดีทุกอย่าง  ยิ้มแย้มแจ่มใส  แล้วทำไม…

หรือเมื่อคืนจะมีอะไรเกิดขึ้น  อะไรบางอย่างที่อาจเลวร้ายถึงขั้นทำให้อาจารย์ตัดสินใจปลิดชีวิตของตัวเอง

อ๊ากกกก  คิดยังไงก็คิดไม่ออก  ผมไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลยนี่นา  ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของใครทั้งสิ้น  แล้วผมจะไปเดาหรือปะติดปะต่อเรื่องได้ยังไงกันล่ะ  ที่เข้ามาในวงวนของพวกเขาทั้งสี่คนได้ก็เพราะมาขัดดอกต่างหาก

เอี๊ยด!

รถเลี้ยวเข้ามาจอดสนิทในบ้านหลังหนึ่ง  เป็นเพียงบ้านหลังเล็กๆที่รอบๆเต็มไปด้วยต้นไม้ดอกไม้ที่ถูกปลูกเรียงรายไว้อย่างสวยงาม  คุณจักรวาลเปิดประตูรถเดินเข้าไปข้างในบ้าน  ผมรีบตามเขาไปติดๆชนิดที่แทบจะสิงร่างเลยก็ว่าได้

ที่นี่ที่ไหนกันนะ  บ้านใครกัน?

“คุณ…”

“ขอโทษนะ  ฉันขออยู่คนเดียวหน่อย”

พูดโดยไม่มองหน้าผมก่อนจะเดินเข้าไปในห้องที่มีอยู่เพียงห้องเดียวตรงหน้า  เล่นพูดมาแบบนี้แล้วผมจะเซ้าซี้ต่อได้ยังไงล่ะ

ผมเดินไปนั่งที่โซฟาตรงส่วนของห้องรับแขก  บ้านหลังนี้เป็นบ้านชั้นเดียว  มีห้องนอนเพียงห้องเดียว  ไม่เล็กเกินไปและไม่ใหญ่เท่าคฤหาสน์ที่เขาอยู่  แต่ผมว่ามันดูสวยและอบอุ่นดีมากๆเลยล่ะนะ  เป็นแบบนี้แล้ว…ผมจะทำอะไรต่อไปดี

อยากโทรหาไอ้เฟี้ยวว่าเป็นยังไงบ้างแต่ก็ไม่มีเบอร์มัน (ยังไม่ได้แลกเบอร์กัน)  ส่วนคุณอวกาศผมก็ยังไม่กล้าโทรไปรบกวนเขาสักเท่าไหร่เพราะคงอยู่ในช่วงเศร้าเสียใจ  ตั้งใจจะตามมาอยู่ข้างๆคุณจักรวาลแต่กลับทำได้แค่นั่งจ๋องรออยู่นอกห้อง…

สุดท้ายก็ทำอะไรเพื่อใครไม่ได้เลย

ผมไม่รู้จริงๆว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น  ทำไมผมที่ไม่น่าจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเขาเลยถึงมาอยู่ตรงนี้ได้  เรื่องที่เกิดขึ้นราวกับมีคนจัดวางมัน  แต่จะเป็นไปได้ยังไงล่ะ  ในเมื่อมันคือชีวิตจริงไม่ใช่การ์ตูน  การตายของอาจารย์มารีอาเองก็เป็นเรื่องจริงเช่นกัน

ในห้องที่เขาเข้าไปยังคงเงียบกริบ  ผมลุกจากโซฟาเดินสำรวจไปเรื่อยเพราะไม่รู้จะทำอะไรดี  ที่ห้องรับแขกมีตู้โชว์เล็กๆตั้งอยู่ด้วย  ผมไล่ดูรูปปั้นต่างๆที่ถูกวางโชว์อยู่ในตู้กระจกก่อนจะลองเปิดลิ้นชักที่มีอยู่ด้านล่างสุดของตู้ดู

“นี่มัน…”

ข้างในมีเพียงอัลบั้มรูปวางอยู่หนึ่งอัลบั้ม  ผมสองจิตสองใจว่าจะเปิดมันดูดีไหม?

“ขะ…ขออนุญาตนะครับ”

ป้องมือพูดเสียงเบาหันไปทางห้องของคุณจักรวาล  ถือซะว่าขออนุญาตไปแล้วก็แล้วกันนะ!

ในที่สุดผมก็เปิดอัลบั้มรูปนี้ออกดู  สีของรูปเริ่มจะเป็นสีเหลืองหน่อยๆบ่งบอกถึงความเก่าของมัน  ผมเพ่งมองดูคนที่อยู่ในรูปว่าเป็นใคร…

อืม…เด็กผู้ชายอายุน่าจะยังไม่ถึงยี่สิบคนหนึ่งกำลังอุ้มเด็กที่ท่าทางจะยังไม่ถึงขวบดีอยู่ในกระเป๋าสำหรับใส่เด็กที่ด้านหน้า  และที่แขนทั้งสองข้างก็ยังอุ้มเด็กผู้ชายกับเด็กผู้หญิงอายุประมาณวัยประถมไว้อีกข้างละคน  ที่แขนซ้ายเป็นเด็กผู้หญิงผมยาวยิ้มหวานน่ารัก  ส่วนที่แขนขวาก็เป็นเด็กผู้ชายที่กำลังแหกปากร้อง  ที่หัวของเด็กคนนี้มีผ้าพันแผลพันอยู่ด้วย

บาดเจ็บเหรอ?

“แต่เอ๊ะ?  ดูๆไปแล้ว  ผู้ชายคนนี้…”

ผมเพ่งมองมันอีกที  ใบหน้าของคุณจักรวาลเคลื่อนทับลงที่ใบหน้าของเด็กผู้ชายคนนี้!

“คุณจักรวาลงั้นเหรอ?  ถ้างั้น…เด็กผู้หญิงในรูปก็…อาจารย์มารีอาสินะ  ส่วนเด็กผู้ชายที่กำลังร้องไห้และเหมือนจะบาดเจ็บที่หัวคนนี้ก็คงจะเป็นคุณอวกาศ  และ…”

เด็กน้อยตรงกลาง…

…ไอ้เฟี้ยว

ผมไล่เปิดดูไปทีละรูป  ทั้งหมดเป็นรูปของพวกเขาทั้งสี่คน  ท่าทางคงจะสนิทกันมากเลยทีเดียว  คุณจักรวาลเมื่อก่อนเองยังดูยิ้มง่ายและอ่อนโยนกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้มากนัก ทุกๆรูป  สายตาของคุณจักรวาลที่มองน้องๆทั้งสามคนมันดูอบอุ่นและเต็มไปด้วยความรัก

“อ๊ะ…”

ผมสะดุดกับรูปใบสุดท้ายในอัลบั้ม  ไม่ใช่รูปของพวกเขาทั้งสี่คน  หากแต่เป็นรูปของผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง  เธอสวยมาก  มากเหลือเกิน  ดวงตากลมโตกับนัยน์ตาสีน้ำตาลสวย  ผมสีดำขลับยาวสยายตัดกับสีผิวที่ขาวผ่อง  ถึงรูปมันจะเก่าไปบ้างแล้วแต่ผมมั่นใจว่าเธอต้องสวยมากแน่ๆ  ใครกันนะ?

ไม่รู้ทำไมผมถึงละสายตาไปจากรูปของผู้หญิงคนนี้ไม่ได้เลย  ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกอบอุ่นข้างในหัวใจ  รอยยิ้มของเธอที่ยิ้มตอนมองกล้องนั้นดูอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความรัก  ราวกับว่าที่เธอมองจริงๆไม่ใช่กล้องแต่เป็นคนที่อยู่ด้านหลังกล้องต่างหาก

คนที่ถ่ายรูปนี้ให้เธอ…

เผาะ…

“!!!”

มือข้างหนึ่งยกขึ้นจับที่ใบหน้าของตัวเองอย่างแปลกใจ  ทะ…ทำไมกัน  น้ำตา…มันไหลลงมาได้ยังไง

ครุ่นคิดอยู่ในหัว  แปลกใจในน้ำใสๆที่ไหลออกมาจากดวงตาอย่างไม่มีเหตุผล  ผมไม่ได้อยากจะร้องไห้สักหน่อย  ยังไม่ได้คิดเรื่องอะไรเลยด้วยซ้ำ  แล้วเพราะอะไร  แค่มองรูปของผู้หญิงคนนี้  ทำไมน้ำตาของผมจะต้องไหลออกมาด้วยนะ…

 

หลังจากเก็บรูปพวกนั้นเข้าที่เดิม  ผมก็เดินมาที่ห้องครัวเพื่อหาดูว่ามีอะไรพอจะทำกินได้บ้าง  อย่างน้อยก็อยากจะเตรียมอาหารไว้ให้เขาไม่ว่าเขาจะกินหรือไม่ก็ตาม  โชคดีที่มีข้าวสารและไข่ไก่อยู่  พวกเครื่องปรุงทุกอย่างก็มีพร้อม  ราวกับว่าปกติมีคนมาที่นี่บ่อยครั้งเลยมีเตรียมเอาไว้

ผมตัดสินใจที่จะทำข้าวผัด  เพราะอีกไม่กี่นาทีก็จะมืด  คุณจักรวาลหายเข้าไปอยู่ในห้องนั้นคนเดียวสี่ชั่วโมงแล้ว  ผมไม่กล้าแม้แต่จะไปเคาะประตูเรียกเขาเสียด้วยซ้ำ  อัลบั้มรูปเมื่อกี้มันบอกผมหมดแล้วว่าคุณจักรวาลรักและผูกพันกับอาจารย์มารีอามากแค่ไหน

ถึงจะไม่ใช่ในฐานะคนรัก  แต่พวกเขาก็ยังผูกพันกันในฐานะของพี่น้อง…

ไม่นานนักข้าวผัดที่ตั้งใจทำก็เสร็จ  ฟ้ามืดไปเมื่อประมาณสิบนาทีก่อน  ใกล้จะหนึ่งทุ่มแล้ว  ไม่รู้ตอนนี้ทางไอ้เฟี้ยวกับคุณอวกาศจะเป็นยังไงบ้าง  ขนาดทางนี้ยังแทบจะไม่รอดเลย  หมกตัวในห้องนานขนาดนั้น  จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้

เดินถือจานข้าวไปที่ห้องคุณจักรวาลอีกครั้ง  ผมทำใจอยู่เกือบนาทีก่อนจะตัดสินใจเคาะประตูเรียก  ทว่าไม่มีเสียงตอบกลับมาเลย  ทุกอย่างเงียบกริบราวกับในบ้านหลังนี้มีแค่ผมคนเดียว

เอิ่ม…อย่าทำแบบนี้สิเฮ้ย  ใจไม่ดีแล้วนะเนี่ย!

ผมวางจานข้าวลงกับพื้นก่อนจะเคาะประตูและตะโกนเรียกเขาเสียงดังขึ้น  ไม่ไหว  ไม่มีเสียงตอบกลับมาเลย  คงไม่ได้เสียใจมากเสียจนฆ่าตัวตายตามไปหรอกนะ!

ความคิดนี้ทำให้ผมกลัวสุดขีด  ถ้าเขาฆ่าตัวตายขึ้นมาผมอาจถูกสงสัยว่าเป็นฆาตกรก็ได้สินะ!  อ๊ะ  ไม่สิ  ไม่ใช่เวลาจะมาคิดอะไรแบบนี้นะไอ้ไทม์!

“คุณจักรวาล!  คุณจักรวาล!”

เอาไงดีวะ  ยังเงียบอยู่เลย  เสียงผมดังขนาดนี้เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่ได้ยิน  คนหน้าหมู่บ้านยังได้ยินเลยมั้ง

“ถ้าคุณไม่ตอบผมขออนุญาตเข้าไปนะครับ!”

เงียบ…

เอาวะ!  เปิดเข้าไปเลยแล้วกัน  ขอถือวิสาสะหน่อยนะเจ้านาย!

แอ๊ด…

โชคดีที่ประตูไม่ได้ล็อก  ภายในห้องมืดจนมองแทบไม่เห็นอะไร  แต่แสงไฟจากในห้องรับแขกที่ส่องเข้ามาทำให้ผมมองเห็นได้ลางๆว่าคนที่ผมกำลังเป็นห่วงอยู่ตอนนี้นั่งอยู่ตรงไหน   คุณจักรวาลนั่งพิงเตียงอยู่ที่พื้นด้านล่างในสภาพหมดอาลัยตายอยากสุดๆ  แขนทั้งสองข้างทิ้งดิ่งอยู่ข้างลำตัว  นัยน์ตาเหม่อลอยไม่รู้ว่ามองตรงไหน

จึก…

“อ๊ะ…”

ผมเลื่อนมือขึ้นกุมหัวใจของตัวเอง  ทำไมมันถึงรู้สึกเจ็บจี๊ดๆข้างใน  เพราะคุณจักรวาลงั้นเหรอ?  เพราะว่าเขากำลังเจ็บปวด  ผมถึงได้เจ็บปวด…งั้นเหรอ?

“คุณจักรวาล”

เดินเข้าไปหาเขาช้าๆ  อีกฝ่ายไม่ได้รับรู้ถึงการมาของผมเลย  เขายังคงนั่งนิ่งราวกับเป็นเพียงแค่หุ่นยนต์ที่หมดอายุการใช้งาน

ผมคุกเข่าลงข้างๆเขา  กลิ่นคาวเลือดอ่อนๆโชยมาแตะจมูก  พอลองมองหาที่มาของกลิ่นก็เจอเข้ากับหลังมือของคุณจักรวาลที่เต็มไปด้วยแผลถลอกและมีเลือดอาบ  นี่เขา…ระบายความเจ็บปวดด้วยวิธีนี้ใช่ไหม?

หมับ…

ผมโผเข้ากอดร่างสูงไว้แน่น  โน้มศีรษะของเขาให้ซบลงกับอก  เอนหัวซบลงบนหัวของเขาอีกที  ไม่อยากเห็นเขาทำร้ายตัวเองแบบนี้เลย

“ไม่เป็นไรนะครับ  ไม่เป็นไรนะ…”

“…”

“ถ้าเจ็บปวด  ก็ร้องออกมาเถอะครับ  ผมสัญญาว่าจะไม่ไปไหน  ผมจะอยู่ข้างๆคุณตรงนี้ในฐานะหมาน้อยของคุณ”

“…”

“อย่าเจ็บปวดคนเดียวอีกเลย  คุณจักรวาล”

“ไทม์เหรอ”

ในที่สุดก็มีเสียงตอบกลับมา  ผมพยักหน้าทั้งน้ำตา  ยังคงกอดเขาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

“ครับ  ผมเอง  ผมอยู่นี่นะ  ผมอยู่กับคุณ   คุณได้ยินผมไหม”

“งั้นเหรอ  นายอยู่ตรงนี้จริงๆสินะ”

“อื้ม!  ผมเอง  ผมตัวจริงไม่ใช่ภาพลวงหน้าแน่นอน”

“ฉัน…”

“…”

“ฉันน่ะ…ทำพลาดไป”

“ครับ?”

“ฉันปกป้องยัยนั่นไว้ไม่ได้  แค่น้องสาวคนเดียวฉันยังดูแลไม่ได้  เพราะความโกรธมันบังตา  เพราะทิฐิและความเชื่อมั่นในตัวเองมากเกินไปของฉันทำให้ฉันมองข้ามความจริง!”

รู้สึกได้ว่าเสื้อตรงบริเวณหน้าอกเปียกชื้นขึ้น

ร้องไห้…คุณจักรวาลกำลังร้องไห้

“ทั้งที่ฉันน่าจะรู้จักยัยนั่นดีกว่าใคร  ฉันต้องรู้จักนิสัยของน้องสาวดีกว่าใคร  แต่ฉันกลับ…โธ่เว้ย!”

“พอครับ!  พอแล้ว!  ไม่เอา  อย่าทำร้ายตัวเองนะครับ  พอเถอะ!”

ผมคว้าแขนเขาที่ตั้งท่าจะต่อยพื้นอีกแล้วเอาไว้  ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าเขากำลังพูดถึงอะไร  รู้แค่นอกจากความเสียใจเรื่องการตายของอาจารย์มารีอาแล้ว  คนๆนี้ยัง…

รู้สึกผิดต่อเรื่องบางอย่างอีกด้วย

“พี่ขอโทษ  พี่ขอโทษนะมารีอา…”

หมับ…

วงแขนแกร่งเลื่อนขึ้นกอดผมแน่นจนต้องแอ่นตัวขึ้นจนปวดกระดูกไปหมด  ผมกัดฟันระงับความเจ็บปวดจากแรงกอดอันมหาศาลของเขา  ค่อยๆกอดอีกฝ่ายกลับเพื่อปลอบประโลม

เป็นครั้งแรกเลยที่ผม…

ได้เห็นน้ำตาของเขา

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  เป็นการสูญเสียครั้งสำคัญของหนุ่มๆในเรื่องกันเลยก็ว่าได้สำหรับการตายของมารีอา  แต่เชื่อเถอะค่ะว่านี่จะเป็นจุดเปลี่ยนของทุกคน  เธอจะต้องไม่ตายเปล่า  ความบาดหมางระหว่างจักรวาล  อวกาศ  และเฟี้ยวจะต้องค่อยๆลดลง  ไม่แน่ว่าบางทีน้องไทม์ของเราอาจเป็นคนๆนั้นที่จะมาเชื่อมโยงพวกเขาเข้าด้วยกันอีกครั้ง  และเอาความผูกพันในช่วงวัยเยาว์กลับคืนมาก็ได้  เพราะเมื่อไม่มีมารีอา  เพียงคนเดียวที่จะประสานร้อยร้าวที่เคยเกิดขึ้นได้ก็มีแค่น้องไทม์เท่านั้น  เห็นด้วยมั้ยคะ?

หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 17 (21/08/60) #หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 21-08-2017 16:00:24
ผู้หญิงสวยวัยกลางคน
ที่ไทม์มองแล้วน้ำตาไหล
เป็นแม่ไทม์ ใช่มั้ย
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 17 (21/08/60) #หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 21-08-2017 16:06:53
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 17 (21/08/60) #หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: Roman chibi ที่ 21-08-2017 18:16:26
เศร้า อยากรู้ว่ามาเรียฆ่าตัวตายทำไม ไหนว่ารักพระเอก แต่ไปรักคนอื่นแทนแล้วบอกว่าหักหลังไม่ได้ แล้วผู้หญิงสวยในรูปเป็นแม่ไทม์ใช่ไหม  :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 17 (21/08/60) #หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: kunt ที่ 21-08-2017 18:49:41
หวังว่าจะไม่เป็นการตายโง่ๆ หวังใจจริงๆ กลัวว่ามันจะเป็นการตายโง่ๆ ที่เห็นว่า เออ ถ้าจะโง่ขนาดนี้ก็ตายไปเถอะ หวังใจจริงๆ อย่าเป็นการตายโง่ๆ ให้เราหวั่นใจนะ อย่าเลยนะ
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 17 (21/08/60) #หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 21-08-2017 22:28:20
 o22
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 17 (21/08/60) #หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 21-08-2017 22:44:44
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 17 (21/08/60) #หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 21-08-2017 23:04:01
 :กอด1: :กอด1: :กอด1:  คนแก่กอดด้วยคนดิ
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 17 (21/08/60) #หน้า5
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 21-08-2017 23:16:16
 :hao5:
หัวข้อ: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 18 (22/08/60) #หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 22-08-2017 11:03:04


ตอนที่ 18

ความจริงที่ถูกปิดบัง (1)

 

“ไทม์…”

เสียงทุ้มดังขึ้น  ผมละสายตาจากอาหารเช้าที่กำลังทำไปมองต้นเสียง  คุณจักรวาลที่เพิ่งตื่นนอนเดินเข้ามาหา

“นายเป็นคนทำแผลให้ฉันเหรอ”

ชูมือทั้งสองข้างที่พันแผลไว้เรียบร้อยให้ดู  เมื่อคืนหลังจากที่เขาระบายทุกอย่างออกมาทั้งน้ำตาก็ผล็อยหลับไปทั้งอย่างนั้น  ผมต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะแบกคนตัวโตเท่าตึกอย่างเขาขึ้นไปนอนบนเตียงได้

“ใช่ครับ  เมื่อคืนหลังจากที่คุณหลับไปผมก็ลองหาพวกกล่องยาสามัญประจำบ้านดู  โชคดีที่มีทุกอย่างครบ  ผมเลยเอาไปทำแผลให้น่ะครับ”

“ขอบใจนะ”

ผมยิ้มรับแล้วลงมือทำอาหารต่อ  ไม่รู้ว่าเขาจำเรื่องเมื่อคืนได้บ้างหรือเปล่า  ท่าทางที่เหมือนคนจิตหลุดไปชั่วขณะแบบนั้น  เขาอาจจะจำไม่ได้ก็ได้

“จริงสิ”

“ฮะ!  ครับๆ”

เพราะจู่ๆเขาก็โพล่งขึ้นมาอีกรอบ  ผมเลยเผลอขานรับเสียงดังด้วยตกใจ  จะทำเสร็จไหมนะ  ไอ้มื้อเช้าเนี่ย!

“เรื่องเมื่อคืน…นายไม่เป็นไรนะ”

“ครับ?”

“ถึงฉันจะจำได้ไม่หมด  แต่ว่า…ดูเหมือนฉันจะกอดนายแรงมาก  เจ็บหรือเปล่า”

“อ๋อ  เรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอกครับ  สบายมาก”

ที่ไหนกันล่ะ!

หลังจากทำแผลให้เขาเสร็จ  ผมก็เอายาทาแก้ปวดเมื่อยมานวดตัวต่อ  ตอนนี้หลังผมระบมไปหมดเลย  ไม่รู้ว่าถูกกอดหรือโดนงูเหลือมรัดกันแน่

“งั้นเหรอ  นายรีบไปอาบน้ำเถอะ  เราจะกลับกันแล้ว”

“เอ๊ะ  แต่มื้อเช้า…”

“ทิ้งไปเลย  ฉันไม่หิว  อีกอย่าง…ต้องรีบกลับไปจัดการเรื่องงานศพของมารีอาด้วย  ตอนนี้ไม่มีใครติดต่อคุณป้าได้สักคน  อวกาศเลยโทรตามฉันให้กลับไปช่วยจัดการ”

“อ๋อ  ได้ครับ  คุณจักรวาลไปอาบก่อนเลย  ผมขอเคลียร์ตรงนี้ก่อน”

ร่างสูงพยักหน้ารับก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้อง  อาจารย์มารีอาตาย  ส่วนผอ.ก็มาหายตัวไปอีก?  เรื่องมันชักจะไม่ชอบมาพากลแล้วสิ

 

เกือบสองชั่วโมงในการเดินทางกว่าผมและคุณจักรวาลจะมาถึงคฤหาสน์  บรรดาคนรับใช้ต่างรีบออกมาต้อนรับเจ้านาย  พวกบอดี้การ์ดก็ยังคงทำหน้าที่ประจำจุดต่างๆเหมือนเคย  คุณจักรวาลเดินตรงไปที่ห้องรับแขกของบ้านโดยมีผมวิ่งตามเหมือนหมาเดินตามเจ้าของไม่มีผิด

“อวกาศ”

“พี่!”

คุณอวกาศร้องเรียก  ข้างๆเขามีไอ้เฟี้ยวที่นั่งหมดอาลัยตายอยาก  สภาพไม่ต่างจากคุณจักรวาลเมื่อคืนสักเท่าไหร่  ดวงตาบวมแดงเพราะผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก

“คุณป้าติดต่อมาหรือยัง”

“ยังเลยครับ  เฟี้ยวเองก็ติดต่อแม่ตัวเองไม่ได้  ครั้งสุดท้ายที่เจอเห็นบอกราวๆอาทิตย์ก่อน”

“ฉันจะส่งคนออกตามหาเอง  แล้ว…เรื่องงานศพของมารีอาล่ะ”

“ผมตั้งใจจะเป็นเจ้าภาพเองครับ  เพียงแต่ตอนนี้ทางตำรวจยังไม่ให้เอาร่างของมาเรียมาทำพิธีเพราะต้องรอตรวจสอบสาเหตุการตายและทำการชันสูตรอีกครั้ง  แต่เบื้องต้นสาเหตุมาจากการขาดอากาศหายใจแน่นอน”

“เข้าใจแล้ว  งั้นรอฉันที่นี่  ฉันจะไปสั่งพวกลูกน้องให้ออกตามหาคุณป้า”

แล้วก็เดินออกจากห้องไปอย่างรีบร้อน  ถ้าเป็นทุกที  ไอ้เฟี้ยวคงลุกขึ้นมาอาละวาดเป็นหมาบ้าใส่คุณจักรวาลไปแล้ว  ไม่นั่งเงียบแบบนี้หรอก

“ไอ้เฟี้ยว”

ผมเดินไปนั่งลงข้างๆมัน  สงสารเพื่อนก็สงสาร  แต่จนปัญญาไม่รู้จะช่วยยังไงเหมือนกัน  เรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นมันรวดเร็วราวกับพายุถล่มใส่โดยที่ไม่มีใครตั้งรับมันทันเลย

“มันไม่ใช่ความฝันว่ะ”

“…”

“ทุกอย่างที่เกิดขึ้น  ไม่ใช่ความฝัน  ทั้งที่กูภาวนาให้มันเป็นแค่ฝันร้ายเท่านั้น!”

คิดไม่ถึงเลยว่านอกจากจะได้เห็นน้ำตาเจ้าพ่ออย่างคุณจักรวาลแล้ว  ยังจะได้มาเห็นน้ำตาของอันธพาลบ้าระห่ำอย่างไอ้เฟี้ยวอีกคน

“กู…”

“…”

“ไม่มีอะไรจะพูดเลย   ไม่รู้ว่าต้องปลอบยังไงดี   กู…”

หมับ…

“อยู่นิ่งๆแล้วกัน”

มันพึมพำแค่นั้นหลังจากดึงผมเข้าไปกอดแล้วก็เงียบเสียงไป  ผมเลยทำได้แค่อยู่นิ่งๆตามที่มันสั่ง  ความจริงยังปวดหลังอยู่นะ  แต่ถ้าสะบัดตัวออกตอนนี้ไอ้เฟี้ยวคงเสียใจยิ่งกว่าเดิม

เอาวะ  ทนๆไปก่อน  มันคงไม่ระบมไปมากกว่านี้แล้วล่ะ

 

เนิ่นนานเหลือเกินที่ผมนั่งนิ่งให้ไอ้เฟี้ยวก่อนโดยมีคุณอวกาศนั่งมองอยู่ตลอดเวลา  สีหน้าของเขาที่มองมาเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ในใจ  ถ้าอาจารย์มารีมารู้ว่ามีคนที่รักและเสียใจกับการจากไปของอาจารย์มากขนาดนี้  ผมคิดว่าเธอต้องดีใจแน่ๆ

“พี่  มาแล้วเหรอ”

พลั่ก!

พอได้ยินว่าคุณจักรวาลมาแล้ว  ผมก็เผลอผลักไอ้เฟี้ยวออกอัตโนมัติ  จนฝ่ายที่ถูกผลักส่งสายตางุนงงมาให้

กะ…กูขอโทษ  มือมันไปเอง…

คุณจักรวาลเปรยตามองมาทางผมแต่ไม่ได้พูดอะไร  เขาเดินไปนั่งที่โซฟาฝั่งตรงข้าม  บรรยากาศรอบตัวตอนนี้ราวกับกำลังจะประชุมใหญ่อะไรสักอย่าง…

“คนของฉันกำลังออกกระจายกันตามหาคุณป้าอยู่ อีกไม่นานคงได้เรื่อง”

“โล่งอกไปหนึ่งเรื่องแล้วสินะ”

“มีเรื่องอื่นอีกงั้นเหรอ?”

นั่นสิ  ยังมีเรื่องวุ่นวายเรื่องอื่นอีกเรอะ!

“ความจริง  ก่อนที่มาเรียจะตาย…เธอโทรนัดให้ผมออกไปหา  พวกเราได้เจอกันก่อน”

“อะไรนะ!!!”

ไอ้เฟี้ยวตะโกนขึ้นเสียงดัง  มันแทบจะพุ่งหลาวเข้าไปหาคุณอวกาศด้วยความเร็วแสง

“แกเจอพี่สาวฉันก่อนหน้าที่เธอจะผูกคอตายงั้นเหรอ  แล้วทำไมแกถึงไม่ห้ามเธอ  ทำไมแกถึงดูไม่ออกว่าเธอมีเรื่องทุกข์ใจอะไร!!”

“ไอ้เฟี้ยว  ใจเย็นสิเว้ย!”

โฉบเข้าไปล็อกคอมันกลับมานั่งที่เดิม  ตอนอาจารย์มารีอายังมีชิวิตอยู่ก็กัดกันแทบตายอยู่แล้ว  นี่มาเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก…

วายวอดแน่ๆ

“ดูออกสิ!  มาเรียร้องไห้แทบจะขาดใจขนาดนั้นทำไมฉันจะดูไม่ออกเล่า!”

“ร้องไห้?  มารีอาร้องไห้ทำไม”

คุณจักรวาลเป็นฝ่ายถามบ้าง  ผมต้องเอาขาพาดทับหน้าตักไอ้เฟี้ยวเอาไว้อีกทีเพื่อกักขังมันไว้ไม่ให้ลุกไปอาละวาดใส่คุณอวกาศอีก

“ผมก็ไม่เข้าใจหรอก  เธอเอาแต่ร้องไห้แล้วก็บอกให้ผมดูแลเฟี้ยว  อย่าให้เฟี้ยวมาเกี่ยวกับเรื่องนี้  แล้วก็…”

คนพูดชะงักไป  เขาเปรยตามองมาทางผมแวบหนึ่งก่อนจะหันกลับไป

“แล้วก็อะไร?”

“เปล่าๆ  ไม่มีอะไรครับ  หลังจากนั้นมาเรียเอาแต่ร้องไห้  พร่ำบอกขอโทษ  บอกว่าช่วยผมได้เท่านี้เพราะรักเขามากจนหักหลังไม่ได้อะไรสักอย่าง  เธอร้องไห้พูดไปผมเลยจับใจความไม่ค่อยได้น่ะ  ไม่รู้ด้วยว่าเธอหมายถึงใคร  หรือว่าเรื่องอะไร”

“รักเหรอ  พี่รักใคร?”

ไอ้เฟี้ยวทวนคำอย่างสงสัย  แต่ละคนมีเครื่องหมายคำถามแปะอยู่บนใบหน้าตัวเท่าบ้าน

“และที่สำคัญอีกอย่าง…”

เว้นช่องไฟอีกแล้ว!

ผมล่ะอยากจะวิ่งเข้าไปทุบกบาลเขาจริงๆเลย  ทำไมต้องพูดไปเว้นไปให้คนอื่นเขาอยากรู้ด้วยวะเนี่ย!

“ก่อนที่ผมจะบอกว่ามาเรียพูดอะไรอีก  พี่จักรวาล…บอกความจริงมาดีกว่าว่ามันเกิดอะไรขึ้น  ผมมั่นใจว่าพี่ต้องรู้แน่ๆว่าสิ่งที่มาเรียบอกผมไว้มันคืออะไร”

สายตาทั้งสามคู่เบนไปทางคุณจักรวาลแทน  เขาไม่มีปฏิกิริยาร้อนรนหรือกระวนกระวายอะไรเลย  กลับมานิ่งสนิทเป็นน้ำแข็งขั้วโลกเหมือนเดิมแล้วเหรอ

“ฉันจะจัดการทุกอย่างเอง  นายบอกสิ่งที่มารีอาบอกนายมาให้หมดแล้วอยู่เฉยๆซะ”

“ไม่”

“อวกาศ!”

“พี่ปิดบังความจริงมามากเกินไปแล้ว  เรื่องนี้มันไม่ได้มีแค่พี่เป็นตัวละครหลักอีกต่อไปตั้งแต่วินาทีแรกที่มาเรียตาย  ผม…”

“ฉันด้วย!  ถึงพี่จะสั่งเสียไว้ว่าให้กันฉันออกไปก็เถอะ  แต่ถ้ามันเกี่ยวข้องกับการตายของพี่  ต่อให้เอานรกมาฉุด   ก็หยุดฉันไม่ได้”

ไอ้เฟี้ยวแทรกขึ้น

“ก็…ตามนั้น”

คุณอวกาศปิดท้าย  ดูเหมือนทุกคนจะเกี่ยวข้องหมดเลยนะ  แล้วผมล่ะ…

มานั่งทำอะไรตรงนี้  เฮ้อ!

“เลือกเอาแล้วกันว่าพี่จะบอกความจริงทั้งหมดแล้วให้พวกผมร่วมด้วย  หรือเลือกที่เก็บงำเอาไว้ตามเดิม  ถ้าเป็นอย่างนั้น  ผมจะจัดการเรื่องนี้…คนเดียว”

“อย่านะ!  นายทำแบบนั้นไม่ได้”

“ทำไม”

“มันอันตราย”

“ก็ดี  ยิ่งอันตรายยิ่งดี  ผมจะได้รู้สักทีว่าที่ผ่านมาพี่ต้องเจอกับอะไรบ้าง  ในขณะที่ให้ผมใช้ชีวิตอยู่ในโลกสวยงามที่พี่สร้างให้  แต่พี่กลับต้องเผชิญเรื่องที่อันตรายอยู่ในโลกความจริง  ผมไม่ใช่เด็กแล้วนะ  ผมโตแล้ว  โตพอที่จะเข้าใจเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น”

“ใช่  และฉันก็มั่นใจว่า…จะต้องเกี่ยวข้องกับการที่จู่ๆแกก็ถอนหมั้นพี่ใช่ไหม”

ความอึดอัดกระจายไปทั่วทั้งห้อง  งานเข้าคุณจักรวาลแบบเต็มสตรีม  ความกดดันพุ่งเป้าไปที่เขา

“หือ?”

ผมขมวดคิ้วมุ่นมองคุณอวกาศที่ลอบมองมาทางผมอยู่เรื่อย  แต่พอผมหันไปเห็นเขาก็จะกลบเกลื่อนทำเป็นมองคุณจักรวาลเหมือนเดิม

อะไรของเขากันนะ?

“ว่าไงครับ  จะบอกหรือไม่บอก”

“…”

“…”

“…”

“…”

“ตกลง”

“เยส!”

“แต่มีข้อแม้”

“ว่ามาเลยครับ”

“ห้ามทำอะไรโดยพลการเด็ดขาด  ไม่ว่าจะเจอเบาะแสหรืออะไรไม่ชอบมาพากลก็ตาม  ต้องมาบอกฉันก่อนเท่านั้น  ขอแค่นี้  จะให้สัญญาได้ไหม”

คุณอวกาศหันมาสบตากับไอ้เฟี้ยวราวกับกำลังปรึกษากันผ่านทางสายตา  สนิทกันถึงขั้นมองตาก็รู้ใจเลยสินะคู่นี้

“ได้  พวกเราสัญญา”

“ห้ามผิดสัญญาเด็ดขาด นายด้วย…ไทม์”

“เอ๊ะ?  ผมด้วยเหรอครับ”

“…”

ไม่ตอบคำถาม  หากแต่เขาเอาแต่จ้องผมนิ่ง  สรุปเรื่องพวกนี้มันเกี่ยวอะไรกับกูล่ะเนี่ย  เหมือนว่าผมจะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเขาเลยนะ  แล้วทำไม…

ไม่เข้าใจวุ้ย!

“กะ…ก็ได้ครับ  ผมสัญญา”

“พอใจแล้วนะพี่  ถ้างั้นก็บอกความจริงมาได้แล้ว”

“คนรักที่มารีอาพูดถึงน่ะ  คือกวินทร์”

“อะไรนะ!!!”

คุณอวกาศโพล่งออกไปเสียงดัง  ขณะที่คนข้างตัวทำสีหน้าครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะอ้าปากหวอเหมือนนึกอะไรออก

“เดี๋ยวนะ  กวินทร์ที่ว่าเนี่ย  ใช่ลูกพี่ลูกน้องของพวกแกที่เมื่อก่อนเคยมาที่นี่เหมือนกันหรือเปล่า”

“ใช่  มันนั่นแหละ”

“พี่หมายความว่ายังไง  มาเรียกับพี่กวินทร์เนี่ยนะ  ได้ไงอ่ะ?”

มีแต่ผมสินะที่ไม่รู้ว่ากวินทร์ที่พวกเขาพูดถึงคือใคร?

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  ในที่สุดท่านจักรวาลก็ยอมเปิดปากออกมาบ้างแล้ว  งานนี้จะยอมบอกทุกอย่างแบบหมดเปลือกหรือเปล่าน้า  ติดตามกันต่อตอนหน้าค่ะ  มาม่ากำลังจะหมดแล้ว  ต่อไปพวกเขาจะเริ่มค้นหาความจริงเรื่องอะไรกันบ้าง  มาเอาใจช่วยหนุ่มๆกันด้วยเน้ออออ >___<

หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 18 (22/08/60) #หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 22-08-2017 11:16:16
 :call:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 18 (22/08/60) #หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 22-08-2017 11:59:44
 :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 18 (22/08/60) #หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 22-08-2017 12:28:50
ค้างคาอ่ะ
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 18 (22/08/60) #หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 22-08-2017 15:31:09
 :call: :call: :call: :call: :call:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 18 (22/08/60) #หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 22-08-2017 18:46:11
 :a5:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 18 (22/08/60) #หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: ่jum ที่ 22-08-2017 19:51:51
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 18 (22/08/60) #หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 22-08-2017 20:45:23
แล้วไงต่อเนี่ย
เรื่องซับซ้อนมาก
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 18 (22/08/60) #หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 22-08-2017 23:56:15
หลายปมเหลือเกิน  :a5:
หัวข้อ: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 19 (23/08/60) #หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 23-08-2017 10:00:46


ตอนที่ 19

ความจริงที่ถูกปิดบัง (2)

 

“ฉันถอนหมั้นกับมารีอาเพราะเรื่องนี้  คนที่เธอรักและแอบคบมาตั้งแต่สมัยเรียนมหา’ลัยก็คือไอ้กวินทร์”

“เพราะพี่นอกใจสินะ  แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้ด้วยล่ะ”

“เข้าใจผิดแล้ว  จะเรียกว่าการนอกใจไม่ได้   เพราะฉันกับมารีอาไม่เคยรักกัน  การหมั้นหมายนั้นเกิดขึ้นเพราะธุรกิจล้วนๆ”

“ถ้าอย่างนั้นทำไม…!”

“เพราะฉันไม่ไว้ใจ”

“ไม่ไว้ใจ?  หมายถึงมาเรียเหรอ?”

“อืม  หลังจากที่รู้เรื่องที่มารีอาแอบคบกับไอ้กวินทร์อยู่  ฉันก็ส่งคนไปสืบเรื่องความสัมพันธ์ของสองคนนี้จนรู้ความจริงว่าพวกเขาแอบคบกันมานานและมารีอาก็รักหมอนั่นมาก  เพื่อเป็นการป้องกันและตัดไฟตั้งแต่ต้นลม  ฉันเลยต้องถอนหมั้นเธอ  ไม่ให้เธอมีสิทธิ์หรือข้องเกี่ยวอะไรกับที่นี่อีก”

เดี๋ยวก่อนนะ  ผมงงไปหมดแล้ว  เรื่องมันคงไม่ใช่แค่อาจารย์มารีอาไปรักกับญาติของพวกเขาแทนแน่ๆ

“ป้องกันอะไร  ทำไมพูดเหมือนพี่ฉันเป็นตัวอันตราย”

“นั่นก็เพราะ…ไอ้กวินทร์คือคนที่จ้องเล่นงานฉันและอวกาศ  มันกับพ่อของมันต้องการที่จะฮุบเอาบริษัทและทุกๆอย่างไปเป็นของตัวเอง  เหมือนเมื่อสิบแปดปีก่อนที่พวกมันวางแผนกำจัดพวกเราทิ้ง  โชคดีที่รอดมาได้  และสิบแปดปีต่อมา  พวกมันก็คิดจะกำจัดพวกเราอีกครั้ง”

“อะไรนะ…”

“หอกข้างแคร่ของมันตอนนี้ก็คือนาย  เพราะนายจะต้องขึ้นเป็นประธานคนต่อไป  มันคิดหาทางเล่นงานนายอยู่ตลอดเวลาเพราะตามพินัยกรรม  นายจะได้รับทุกอย่างครึ่งหนึ่งจากทรัพย์สมบัติทั้งหมดของคุณพ่อเมื่ออายุครบยี่หกปี”

“ยี่สิบหก…ก็อีกแค่สองเดือนน่ะสิ  แล้วทำไมเป้าหมายของมันถึงพุ่งเป้ามาแค่ที่ผมคนเดียว?  อีกครึ่งหนึ่งที่เหลือคุณพ่อยกให้พี่ใช่ไหมล่ะ”

คุณจักรวาลเงียบไป  ตามหลักแล้วคนเป็นพี่ชายจะต้องสืบทอดตำแหน่งที่สูงที่สุดไม่ใช่เหรอ  แล้วไหงตระกูลนี้ถึงโยนมาให้ลูกชายคนเล็กแทนฟะ?

“เอาเป็นว่านายตกอยู่ในอันตรายตลอดเวลา  ฉันในตอนนี้อยู่ในฐานะผู้จัดการมรดกทุกอย่างแทนจนกว่าจะถึงวันที่นายจะได้รับทุกอย่างตามที่พินัยกรรมกำหนด  เพราะแบบนี้…ก่อนที่จะถึงวันนั้น  ฉันจะต้องเปิดโปงไอ้กวินทร์กับพ่อของมัน  แล้วก็จับพวกมันส่งเข้าคุกให้ได้เสียก่อน  เพราะถ้านายอายุครบยี่สิบหกเต็มเมื่อไหร่  ฉันจะไม่มีสิทธิ์ในบริษัทอีก  และมันจะทำให้ฉันทำงานยากขึ้น”

“เดี๋ยวนะพี่  หมายความว่ายังไงที่ว่าพี่ไม่มีสิทธิ์  พี่เป็นพี่ชายผมนะ  เป็นลูกคนโตของพ่อ!”

“นายไม่ต้องสงสัยมากนักจะได้ไหม  รู้แค่ว่าไอ้กวินทร์ไม่ใช่คนดี  คุณพ่อบอกให้ฉันระวังมันสองคนพ่อลูกมาตลอด  แต่จนแล้วจนรอดก็หาหลักฐานมาเอาพวกมันเข้าคุกไม่ได้สักที  ที่ทำได้ก็มีแค่ระวังตัวเอง  และคอยดูแลปกป้องทุกอย่างที่ควรจะเป็นของนายเอาไว้ให้ได้  แต่ว่า…พอฉันรู้ความจริงเรื่องของมารีอา  ไม่ว่าเธอจะรู้เห็นความชั่วที่มันก่อหรือไม่  ฉันก็จำเป็นต้องป้องกันเอาไว้ก่อน  เพราะถ้าเธอยังเข้าออกบ้านนี้ได้ในฐานะคู่หมั้นของฉัน  ฉันกลัวว่าเรื่องที่อยู่ของนายจะถูกเปิดเผย”

“ที่อยู่?  พี่หมายถึงอะไร”

“เฟี้ยว  มารีอาบอกนายหรือเปล่าว่าอวกาศไปเรียนต่อที่ไหน”

“อือ  บอกว่าไปอเมริกา”

“ฮะ?  ใช่ที่ไหนกันล่ะ  ฉันไม่ได้ไปอเมริกาสักหน่อย”

คุณอวกาศแย้งทันที

เข้าใจล่ะ  ประเทศที่คุณจักรวาลส่งคุณอวกาศไปเรียนต่อจริงๆแล้วไม่ใช่อเมริกาแต่เป็นที่อื่นอย่างนั้นสินะ  หลังจากนั้นพอคุณอวกาศไปแล้วเขก็หลอกทุกคนว่าคุณอวกาศไปอเมริกา  เพื่อให้พวกของคนที่ชื่อกวินทร์เข้าใจแบบนั้น  และพวกมันอาจจะส่งคนไปตามหาคุณอวกาศตามแผนลวงที่คุณจักรวาลวางไว้ด้วยก็ได้

“อย่างนี้นี่เอง  พอแกรู้ว่าพี่แอบคบกับหมอนั่นก็เลยตัดสินใจถอนหมั้นเพื่อป้องกันความลับทุกอย่างรวมถึงซ่อนที่อยู่ของหมอนี่ไม่ให้ใครรู้”

“อืม  แต่ฉันก็เพิ่งมารู้ตัวว่าฉันทำพลาดไปก็ตอนที่ได้เห็นร่างไร้วิญญาณของมารีอา  ฉันทิฐิและกังวลเกินไปจนลืมคิดไปว่าคนอย่างเธอ…จะไม่มีวันทำร้ายอวกาศและฉันแน่นอน…”

แสดงว่าที่เขาพูดออกมาเมื่อคืนคงจะหมายถึงเรื่องนี้สินะ  เพราะเป็นห่วงคุณอวกาศมากไปจนทำให้ความไว้ใจที่เคยมีให้อาจารย์มารีอาสั่นคลอน  ความสัมพันธ์ดีๆที่เคยมีต่อกันจึงเริ่มเปลี่ยนไป

“งั้นที่พี่ไม่ยอมบอกเหตุผลกับพวกเราว่าเพราะอะไรถึงถอนหมั้นก็เพราะ…ไม่อยากให้รู้เรื่องที่มาเรียไปคบกับคนที่พยายามคิดฆ่าพวกเราใช่ไหม”

“ใช่  รวมถึงตัวมารีอาเองก็ด้วย  ฉันไม่เคยบอกเธอว่าฉันรู้เรื่องนี้  ถ้าฉันไม่เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับการหาหลักฐานมาจัดการพวกมัน  ฉันก็คงจะมองเห็นเนื้อแท้ของมารีอามากกว่านี้  และคงจะปกป้องเธอไว้ได้ทัน  มารีอาน่ะ…ตายเพราะฉัน  เพราะฉันทอดทิ้งเธอ  รู้ทั้งรู้ว่าไอ้กวินทร์มันเลวร้ายขนาดไหน  แต่ฉันยัง…ฉันเป็นคนปล่อยมือมารีอา  เป็นคนผลักดันเธอเข้าไปสู่ความตาย”

“แล้วตกลง…มันมาเกี่ยวกับการตายของพี่ได้ยังไง  ทำไมพี่ต้องมาร้องไห้กับหมอนี่แล้วก็บอกขอโทษด้วย  พี่ไปทำอะไรมา?”

ไอ้เฟี้ยวจี้ถามต่อ  ถึงตรงนี้คุณจักรวาลหันไปทางคุณอวกาศที่หน้าถอดสีไปเมื่อรู้ความจริง

“ตานายแล้วล่ะ  ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันเรื่องอะไรกันแน่”

“พี่เล่าจบแล้วเหรอ?”

“อืม”

“แน่ใจนะว่าเรื่องที่ปิดบังผมไว้มีแค่นี้”

พี่น้องจ้องตากันไม่ลดละ  จะว่าไปผมยังมีเรื่องสงสัยอยู่นะ  นั่นก็คือเหตุผลที่ทำไมคุณจักรวาลต้องยอมทำทุกอย่างเพื่อคุณอวกาศขนาดนี้  ยอมทำทั้งที่ไม่มีอะไรเป็นของตัวเองเลย  เขาไม่พูดถึงมรดกในส่วนที่เขาควรจะได้ในฐานะลูกชายคนโตเสียด้วยซ้ำ  มันหมายถึงเขาไม่ได้อะไรเลยหรือเปล่า?  นี่แหละที่อยากรู้  แต่ถ้าถามเดี๋ยวจะโดนหาว่าเสือกเรื่องครอบครัวคนอื่นอีก

ท่องไว้นะไอ้ไทม์  มึงมาเพื่อขัดดอกเฉยๆ!

“แน่ใจ”

“โอเค   งั้นผมจะเล่าเรื่องที่มาเรียมาบอกกับผมเลยแล้วกัน  ไม่สิ  เรียกว่าเล่าคงไม่ได้  ต้องบอกว่าเธอทิ้งปริศนาบางอย่างไว้ให้มากกว่า”

“ปริศนาเหรอ?”

ไอ้เฟี้ยวทวนคำ  คุณอวกาศเลยหันหน้ามาหามันแทน

“ใช่  เธอบอกว่า…ให้ไปที่…ความทรงจำของพวกเราทั้งสี่คน  ให้ไปที่นั่นแล้วหามันให้เจอ  เธอบอกเธอช่วยได้แค่นี้  จากนั้นฉันก็สลบไปเลยเพราะมารีอาวางยาฉันในน้ำฝรั่งที่เธอให้ฉันดื่ม”

มะ…มีวางยาด้วยเรอะ!

อาจารย์มารีอาเป็นสายลับปลอมตัวมาหรือเปล่าเนี่ย  ทำไมต้องทำอะไรลึกลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนแบบนี้ด้วย

“สถานที่แห่งความทรงจำของพวกเราทั้งสี่คนงั้นเหรอ…”

ไอ้เฟี้ยวลูบคางอย่างใช้ความคิด

“ถ้าไปที่นั่นแล้วเราจะเจออะไร”

“ผมก็ไม่รู้  แต่เธอบอกให้ไป  บางทีถ้าเราหาที่นั่นเจอได้  เราก็อาจจะได้คำตอบ”

“ปัญหาก็คือ…ไอ้สถานที่ที่ว่ามันคือที่ไหนเนี่ยสิ”

ไอ้เฟี้ยวแทรกเข้ามาอีก  ผมได้แต่นั่งเงียบเพราะช่วยคิดไปก็เท่านั้น  ไม่ได้รู้เลยว่าพวกเขามีความทรงจำเรื่องอะไรกันบ้าง

ความจริงกูควรแยกตัวกลับห้องไปนอนมากกว่าสินะ

“ไม่แน่นะ  มารีอาอาจจะเพิ่งมารู้ถึงความชั่วของไอ้กวินทร์  ก็เลยมาเพื่อขอโทษ… ไม่สิ  ทำไมยัยนั่นต้องขอโทษด้วย  ในเมื่อยัยนั่นไม่ได้ทำอะไร…”

คุณจักรวาลพูดค้างไว้  เขา  คุณอวกาศและไอ้เฟี้ยวต่างมองหน้ากันไปมาก่อนจะเอ่ยประโยคถัดไปขึ้นมาพร้อมกันด้วยเสียงเบามากๆ…

“หรือจะทำไปแล้ว”

อาจเป็นไปได้  การที่อาจารย์มาร้องไห้และพูดขอโทษก่อนจะทิ้งปริศนาเรื่องที่ซ่อนของบางสิ่งเอาไว้แบบนี้  คงคิดเป็นอย่างอื่นไม่ได้

“ไม่แน่นะ  พี่อาจจะเผลอทำอะไรลงไปแล้วมารู้ทีหลังว่าสิ่งที่ทำนั้นไปเอื้อประโยชน์ให้ไอ้กวินทร์และกำลังจะทำให้พวกแกสองคนต้องเดือดร้อน  ก็เลยรู้สึกผิดมากๆ  บวกกับไม่ว่ายังไงก็รักไอ้เวรนั่นจนหักหลังบอกความจริงทุกอย่างกับพวกแกไม่ลง   เลยใช้วิธีเอาอะไรบางอย่างที่อาจจะเป็นประโยชน์ต่อพวกแกไปเก็บไว้ที่อื่น  และทำได้แค่มาบอกใบ้สถานที่นั้นเพื่อให้พวกแกค้นหาให้เจอ  ถ้าเจอ…ไอ้กวินทร์ก็จบ  แต่ถ้าหาไม่เจอ…”

“อยู่ที่โชคของพวกเราเท่านั้น”

คุณอวกาศพึมพำหน้าเครียด

“แต่ไหนแต่ไรพี่เป็นคนใจอ่อนอยู่แล้ว  เธอบูชาเรื่องความรักแล้วก็วาดฝันเรื่องพวกนี้ไว้ตั้งแต่เป็นเด็ก  ไอ้นิทานปรัมปราพวกนั้นทำให้พี่มองไม่เห็นโลกความเป็นจริง  พอรู้ความจริงทุกอย่างก็เลยช็อกและเสียใจมาก  แต่ความรักที่เธอบูชามาตลอดก็ไม่ได้หมดไป  สุดท้าย…พี่เลยตัดสินใจชดใช้ความผิดด้วยวิธีนี้  ฉันไม่เคยคิดว่าพี่จะอ่อนแอและลุกขึ้นสู้ไม่เป็น  ไม่สิ  ฉันผิดเองที่คำนวณจิตใจของพี่สาวตัวเองพลาดไป  ยัยนั่นไม่ได้เข้มแข็งเลยสักนิด  อ่อนแอจนปล่อยให้คลาดสายตาไม่ได้เหมือนเดิม”

“มึงคิดแบบนั้นเหรอ”

หลังจากที่นั่งเงียบเป็นตัวประกอบฉากคอยบรรยายอย่างเดียวอยู่นานผมก็ตัดสินใจพูดออกไปบ้าง  ไม่รู้หรอกนะว่าก่อนที่อาจารย์จะตัดสินใจฆ่าตัวตาย  เธอคิดเหมือนอย่างที่ผมคิดในตอนนี้หรือเปล่า  แต่สิ่งหนึ่งที่ผมมั่นใจมากๆเลยก็คือ…

เธอรักพวกเขามาก  เหมือนที่พวกเขารักเธอ

“สำหรับกูนะ  กูคิดว่าอาจารย์มารีอาเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งที่สุดเลยล่ะ  และกูจะไม่มีวันเชื่อว่าอาจารย์ฆ่าตัวตายจนกว่าเรื่องทุกอย่างจะจบลง  คนที่อ่อนโยนใจดีอย่างอาจารย์เนี่ยนะจะฆ่าตัวตาย  แค่คิดกูก็ทำใจเชื่อไม่ลงแล้ว  แล้วมึงล่ะ  มึงเป็นน้องชายเธอ  คุณจักรวาล  คุณอวกาศเองก็เป็นเพื่อนสมัยเด็กของเธอ  ไม่มีใครจะรู้จักอาจารย์มารีอาดีเท่าพวกคุณสามคนอีกแล้ว  เชื่อมั่นในตัวเธอกันหน่อยสิ  เธอรักพวกคุณมากแค่ไหน  คงจะรู้ดีอยู่แก่ใจกันนะ”

คำพูดของผมทำให้ทั้งสามคนเงียบไป

ยิ่งนึกถึงรอยยิ้มที่อ่อนโยนของอาจารย์  ผมก็ยิ่งไม่อยากเชื่อว่าคนอย่างเธอจะฆ่าตัวตาย  การที่เธอทำให้เรื่องมันยุ่งยากด้วยการบอกใบ้ที่ซ่อนของบางอย่างให้แทนที่จะบอกสถานที่ไปเลยตรงๆมันต้องมีเหตุผล  เพราะว่าเธอ…

อ่อนโยนและใจดีกว่าใคร

เธอรักคุณกวินทร์  และก็รักเพื่อนสมัยเด็กของเธอด้วย  อาจารย์มารีอาต้องคิดทำอะไรบางอย่างแน่ๆ  แต่ว่าบางที…

มันอาจจะไม่ได้เป็นไปตามที่เธอหวัง  ทุกอย่างถึงได้จบลงแบบนี้

“มึงพูดถูก  พี่น่ะ…แค่มดยังไม่กล้าเหยียบ  ยุงก็ยังไม่กล้าตบ  แล้วพี่จะมาฆ่าตัวตายได้ยังไง”

“นั่นสิ  มาเรียที่เคยโดนผู้หญิงในห้องแกล้งตอนเรียนมัธยม  แต่พอจับได้ว่าใครทำเธอกลับออกมาขอโอกาสให้ผู้หญิงพวกนั้นได้เริ่มต้นใหม่  ไม่มีทางที่เธอจะแก้ไขปัญหาด้วยวิธีนี้แน่ๆ”

“งั้นเราต้องหาให้เจอ  อะไรบางอย่างที่มารีอาซ่อนมันเอาไว้ในสถานที่แห่งความทรงจำของพวกเราทั้งสี่คน”

สิ้นคำพูดของคุณจักรวาล  ทั้งสามคนก็ยกมือขึ้นกุมขมับอีกครั้ง

“นั่นแหละปัญหา  สถานที่แห่งความทรงจำ  มันคือที่ไหนกันนะ?”

ท่าทางไอ้เฟี้ยวจะเครียดเอามากๆเลย  ผมไม่เคยเห็นมันทำสีหน้าจริงจังแบบนี้มาก่อนเลย  ปกติเห็นแต่ทำหน้าอันธพาลหาเรื่องชาวบ้านไปทั่ว

“ลองนึกดูสิครับ  ว่ามีที่ไหนที่พวกคุณสี่คนเคยไปด้วยกันตอนเด็กๆบ้างหรือเปล่า  แบบ…ที่ที่ไปเที่ยวเล่นด้วยกันบ่อยๆ  หรือว่า…ที่ที่เคยมีเหตุการณ์ดีๆร่วมกัน”

ผมเสนอความคิดบ้าง  ขืนให้พวกเขาคิดกันเองคงได้แต่นั่งกุมขมับกันทั้งวันชัวร์ๆ

“จริงด้วย  สมแล้วที่เป็นนักเรียนทุนไอ้ไทม์  มึงแม่งหัวดีฉิบหาย”

“นั่นชมใช่ไหม”

“แต่ถ้าพูดถึงที่แบบนั้นล่ะก็…มันเยอะมากเลยไม่ใช่เหรอ”

คุณอวกาศมองหน้าไอ้เฟี้ยวสลับกับคุณจักรวาลราวกับต้องการถามความเห็น

“ถึงจะเยอะแค่ไหนเราก็ต้องไปมันทุกที่  เดี๋ยวฉันจะไปนั่งลิสต์สถานที่ที่พวกเราเคยไปด้วยกันเมื่อตอนเด็กๆทั้งหมดมา  แล้วเราจะแบ่งกันไปตามที่นั้นๆ”

“แบ่งยังไงล่ะครับ”

“นาย…ไปกับเฟี้ยว”

“เฮ้ย!  ทำไมฉันต้องไปกับมันวะ!”

“เพราะนายกับฉันเลือดร้อนพอกัน  ขืนไปด้วยคงตีกันตายก่อนหาสถานที่นั้นเจอแน่”

เออ  อันนี้เห็นด้วยล้านเปอร์เซ็นต์เลย

“งั้นฉันไปกับไอ้ไทม์ก็ได้  แล้วพวกแกก็ไปกันสองคน”

“ไม่ได้”

“ทำไมวะ”

“หมอนั่นเป็นหมาน้อยของฉัน”

มาอีกแล้ว  บรรยากาศมาคุสุดจะอันตราย

ไอ้เฟี้ยวถลึงตาใส่คุณจักรวาลจนแทบจะพุ่งเข้าไปขย้ำคนตรงหน้าอยู่รอมร่อ

“โอเคๆ  เอาตามนี้ก็ได้  นายไปกับฉันนั่นแหละ”

“แต่…!”

“ถ้าอยากจะแก้แค้นให้มาเรีย  ก็ต้องเชื่อฉัน”

ไอ้เฟี้ยวอ้าปากค้าง  มันลังเลว่าจะเถียงต่อไปดีหรือไม่  แต่สุดท้ายก็ยอมหุบปากลงด้วยท่าทางหงุดหงิด

โอ้มายก็อด  เป็นครั้งแรกที่เห็นไอ้เวรนี่เถียงแพ้!  ปรบมือรัวๆให้คุณอวกาศ

“อีกอย่าง  จนกว่าเรื่องทั้งหมดจะจบลง  นายต้องย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่นะ”

“เรื่องอะไรวะ!”

“เพราะพวกเรายังไม่รู้ว่ามาเรียฆ่าตัวตายหรือถูกฆ่าปิดปาก  นายที่เป็นน้องชายของยัยนั่นย่อมถูกหมายหัวไปด้วยแน่ๆ  ถ้าหากสิ่งที่มาเรียซ่อนไว้เป็นเหมือนกระสุนเงินทำลายไอ้กวินทร์จริงๆ แล้วเราก็ยังไม่รู้ว่าพวกมันรู้ถึงเรื่องนี้หรือเปล่า  ถ้าหากมันรู้  ความเป็นไปได้อย่างแรกที่พวกจะทำก็คือ…ไปหานาย”

“อวกาศพูดถูก  พวกมันอาจจะคิดว่ามารีอาเอาอะไรมาฝากไว้กับนาย  ถ้าเป็นแบบนั้นก็เท่ากับว่านายตกอยู่ในอันตราย  อยู่ที่นี่จะปลอดภัยที่สุด”

สาบานทีว่าผมเป็นตัวละครในนิยายรัก  ไปๆมาๆนี่มันนิยายสืบสวนแอคชั่นชัดๆเลยนะเฟ้ยยยย!

“ถ้างั้นก็ตามนี้  วันนี้ดึกมากแล้ว  ผมว่าพวกเราแยกย้ายกันดีกว่าครับ  พรุ่งนี้ค่อยมาประชุมเร่องนี้กันใหม่”

หมับ!

“จับแขนกูทำไม!”

คนข้างตัวผมสะดุ้งโหยงพลางโพล่ถามเสียงดังลั่นเมื่อถูกคุณอวกาศตรงเข้ามาคว้าแขน  คู่นี้เองก็ทะเลาะกันใช่ย่อยเหมือนกันนะเนี่ย

“พาไปนอนไง”

“ที่ไหน!”

“แน่นอนว่า…ห้องฉันเอง”

ตอบด้วยใบหน้ายิ้มแป้นที่ดูแล้วกวนเบื้องล่างสุดๆ

“กูไม่ไป!”

“คงจะไม่ได้หรอก   เพราะมาเรียบอกให้ฉันคอยปกป้องนาย  ฉะนั้น…ฉันก็จะขอปกป้องดูแลนายอย่างใกล้ชิดตามคำสั่งที่ได้รับมา”

“แต่กูไม่…!  อ๊าก!  ปล่อยนะเว้ยไอ้อวกาศ  ไอ้เหี้ย!  กูบอกให้ปล่อย!”

ไอ้เฟี้ยวยื้อเอาไว้สุดแรงจนร่างกายร่วงลงไปกองกับพื้น  แต่ถึงอย่างนั้นคุณอวกาศก็ยังไม่ยอมปล่อยแขนมันและลากมันไปทั้งๆอย่างนั้น  เสียงโวยวายของไอ้เฟี้ยวเริ่มทิ้งห่างไปเรื่อยๆ…

ชะ…โชคดีนะมึง  อย่าฆ่ากันตายคาห้องล่ะ  เฮ้อ!!!

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  ในที่สุดท่านจักรวาลก็ยอมเปิดปากบอกอะไรออกมาบ้างเนอะ  แต่ดูเหมือนจะยังมีความลับเหลืออยู่แฮะ  ไม่ใช่แค่ท่านจักรวาลเท่านั้น  แต่ยังมีอวกาศอีกคน  แล้วสถานที่แห่งความทรงจำที่ว่านั่นคือที่ไหนกันแน่  พวกเขาจะรวมตัวกันเป็นทีมเวิร์กที่ดีได้หรือเปล่า?  ทีมน้องไทม์กับท่านอวกาศน่ะยังไม่ค่อยน่าห่วงเท่าไหร่  แต่อวกาศกับเฟี้ยวเนี่ยสิ  ไปที่ไหนฉิบหายที่นั่นแน่นอน 5555+  ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาจะสามารถสืบเรื่องราวการตายของมารีอาได้สำเร็จมั้ยนะ?  เธอฆ่าตัวตายจริงๆ  หรือเป็นการฆ่าปิดปาก?  มาเอาใจช่วยพวกเขาต่อไปด้วยนะคะ

หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 19 (23/08/60) #หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 23-08-2017 11:21:12
ให้ทายจักรวาลเป็นลูกบุญธรรมแน่เลย อวกาศ เอ๊ะ!! ยังไง ๆ อยู่นะอย่าบอกว่ารักเฟี้ยวนะ
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 19 (23/08/60) #หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 23-08-2017 12:34:29
อือ......จักรวาลพูดเรื่องกระสุนเงิน
ให้ความรู้สึกว่ากวินทร์เป็นมนุษย์หมาป่า ไม่ก็แวมไพร์ผีดูดเลือดไปเลย

หักมุมจริงๆ ที่ว่ามารีอารักกับกวินทร์
ชื่อกวินทร์โผล่ปุ๊บรับบทเด่นเลยแฮะ

ให้สงสัยอวกาศ แอบชำเลืองมาที่ไทม์เป็นระยะ นั่นหมายความว่าไง
ไทม์ มีส่วนในเรื่องนี้ด้วยรึ
หรืออวกาศ แอบชอบเฟี้ยวอยู่  :hao3:
ส่วนเฟี้ยว แอบชอบไทม์  :hao3:

จักรวาล ไทม์  :กอด1: :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 19 (23/08/60) #หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 23-08-2017 12:52:53
 :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 19 (23/08/60) #หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 23-08-2017 17:03:56
 :-[
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 19 (23/08/60) #หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: rogerr ที่ 23-08-2017 19:38:52
 :katai1: ปมเยอะมาก ไทม์มีความสัมพันธ์ อะไรกับครอบครัวจักรวาลกันแน่
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 19 (23/08/60) #หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 23-08-2017 21:08:42
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 19 (23/08/60) #หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 23-08-2017 21:46:11
ลุ้นระทึก ค่อยๆคลายปมไปเรื่อยๆ :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 19 (23/08/60) #หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 23-08-2017 23:49:33
แยกกันไปสืบเป็นคู่ จะได้เรื่องหรือป่าวหว่า  o18 o18
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 19 (23/08/60) #หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 24-08-2017 04:27:49
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 19 (23/08/60) #หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 24-08-2017 05:25:25
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 19 (23/08/60) #หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 24-08-2017 12:25:03
ชอบอวกาศกับเฟี้ยวมาก
หัวข้อ: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 20 (24/08/60) #หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 24-08-2017 13:12:37


ตอนที่ 20

รอยแผลเป็น

 

Special Part

“ก็บอกว่าไม่นอนกับมึงไงเล่า  ปล่อยกูนะไอ้อุกบาต!”

“อวกาศเฟ้ย  นี่ยังไม่เลิกเรียกฉันแบบนี้อีกเรอะเจ้าเด็กบ้า”

ฉึก!

“อ๊ากกกก  อย่าดึงผมสิวะ  เจ็บนะเว้ยไอ้อุกบาต!  ไอ้เศษดาวเคราะห์!  ไอ้…!”

ปัง!

เพราะมัวแต่สรรหาคำมาด่ามันเลยไม่ได้มองเลยว่าถูกลากเข้ามาในห้องเป็นที่เรียบร้อย  ทุกอย่างในห้องยังคล้ายๆแบบเดิม  เปลี่ยนก็แค่บางอย่างที่ต้องให้ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นตามอายุ  ภาพความทรงจำในอดีตฉายทับซ้อนขึ้นมาภายในห้อง

 

‘ไชโย  อาบน้ำกัน  ไชโย!’

‘ชอบอาบน้ำขนาดนั้นเลยเหรอเรา  หืม?’

‘ชอบฮะ  โดยเฉพาะอาบกับอวกาศ  ผมชอบมากเลย’

‘ถ้างั้นนายก็ต้องเชียร์ฉันเรื่องมาเรียเข้าใจหรือเปล่า’

‘มะ…ไม่มีทาง!  มารีอาต้องเป็นเจ้าสาวของผมคนเดียว’

‘ว่าไงนะ เจ้าเด็กบ้า  พี่น้องกันแต่งงานกันไม่ได้รู้ไว้ซะด้วย!’

‘อ๊ะ!  อย่ามาเล่นหัวนะ  ไอ้ผู้ใหญ่นิสัยไม่ดี!’

‘เด็กแก่แดด  นี่แน่ะๆๆๆ’

‘อ๊าก  อย่านะๆ  อย่าจักจี้เซ่   อ๊าก  ฮ่าๆๆๆ’

 

ความทรงจำในวันวานไหลย้อนมาเป็นเดจาวู   จะ…จะว่าไป…เคยเกิดเรื่องแบบนั้นเหมือนกันนี่นา  เพราะเจ้าบ้านั่นชอบพี่  พวกเราก็เลยเถียงกันเป็นประจำ  และยิ่งมันรู้ว่าผมเป็นพวกบ้าจี้  พอเถียงไม่ชนะก็ชอบจักจี้ผมเป็นการแก้แค้นแทน  แน่นอนว่าผมที่ตอนนั้นอายุแค่สิบขวบไม่มีทางสู้มันที่อายุสิบแปดได้เลย

“แปลกนะ  ตอนกลับมาแรกๆ  ฉันไม่เคยเห็นความทรงจำอะไรในห้องนี้เลย  แต่พอนายเข้ามาด้วย  เรื่องราวมากมายผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดเลย”

“ใครจะไปสนใจเรื่องพวกนั้นกัน  ฉันจำไม่ได้หรอก”

ผมเงยหน้ามองมันที่ยืนมองไปยังจุดที่พวกเราเคยทะเลาะกันตรงทางเข้าห้องน้ำ  ท่าทางมันจะกำลังเห็นเร่องเดียวกับผมแฮะ

“ดีจริงๆเลยนะ  ช่วงเวลานั้น”

“บัดซบมากกว่า”

“นี่นาย…อย่ามาขัดกันจะได้ไหม”

เบ้ปากใส่มัน  ผมไม่อยากจะนึกถึงเรื่องราวในอดีตอีกแล้ว  ทั้งหมดก็แค่เรื่องที่เคยผ่านมา  และมันก็จะผ่านไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ให้ตายสิ  ไม่อยากจะนอนร่วมกับไอ้บ้านี่เลย  ผมอยากจะนอนห้องเดียวกับไอ้ไทม์มากกว่า  จะดีแค่ไหนกันถ้าคืนนี้ได้นอนกอดร่างกายเล็กๆนั่น  แต่ความฝันทั้งหมดเป็นอันต้องดับวูบลงเพราะไอ้ควายถึกข้างตัวผมนี่แหละ!

คิดแล้วเกลียดมันจริงๆ!

“ขอโทษนะ”

ไอ้อวกาศเอ่ยเสียงเบา  มันทิ้งตัวนั่งลงข้างผม  แผ่นหลังพิงราบไปกับประตูห้องด้วยท่าทางอ่อนแรง

“ห้องนี้น่ะ  ไม่ได้มีแค่เรื่องราวของฉันกับนาย  แต่มันยังมีเรื่องราวของมาเรียอยู่ด้วย  ฉันต้องบ้าตายแน่ๆถ้าเข้ามาในห้องที่เต็มไปด้วยยัยนั่นคนเดียว”

“แก…”

“อย่างน้อยก็แค่คืนนี้  คืนนี้คืนเดียวก็ได้  อยู่กับฉันนะ”

ผมเบิกตากว้างมองไอ้อวกาศที่หันมาพูดประโยคนั้นด้วยน้ำเสียงและใบหน้าแสนเศร้า  แววตาละห้อยเหมือนลูกหมากลัวจะโดนทิ้งมันหมายความว่ายังไงฟะ!

“ได้ไหม?”

“เฮ้ยๆๆ  ไม่ต้องยื่นหน้ามาใกล้กูขนาดนี้ได้  พูดตรงนั้นก็ได้ยินเฟ้ย!”

ผลักหน้ามันให้ออกห่างด้วยขยะแขยงจนขนลุกเกรียว  ถ้าไอ้บ้านี่เป็นไอ้ไทม์ก็คงดี ผมคงไม่รอช้าที่จะอุ้มมันขึ้นเตียงแล้วจับฟัดไปมาตามใจชอบ

อ๊ากกกกกก

คิดถึงหน้าหมอนั่นแล้วหัวใจเต้นแรงชะมัด  ผมเป็นอะไรไปเนี่ย  ทำไมไม่ว่าไอ้ไทม์จะทำอะไร  ในสายตาต้องมองเห็นเป็นเรื่องน่ารักไปเสียหมด  เมื่อก่อนไม่เห็นจะเคยเป็นแบบนี้เลย!

ไม่สิ…

เคยเป็นอยู่ช่วงหนึ่งตอนที่เราแอบรักพี่ก่อนจะยอมตัดใจนี่หว่า

ดะ…เดี๋ยวก่อนนะ   แอบรัก…ความรู้สึก…  ยะ…อย่าบอกนะว่าเรา…!

“ฉิบหายล่ะ  ไม่มีทาง”

ผมทึ้งหัวตัวเอง  อยากจะบ้าตายสุดๆ  ไอ้ไทม์เนี่ยนะ…  กับไอ้ไทม์เนี่ยนะ!!!  ผู้ชายกับผู้ชายมันจะไปให้กำเนิดอะไรออกมาได้ล่ะฟะ

อยากจะร้องไห้จริงๆ

“พึมพำอะไรตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”

“นี่…”

“ว่า?”

“มึง…เคยมีแฟนเป็นผู้ชายหรือเปล่า”

“หา?”

“ตอบมาเหอะน่า!”

“จะไปเคยได้ไงเล่า  ฉันไม่ได้มีรสนิยมแบบนั้นสักหน่อย”

มันรีบออกตัวปฏิเสธทันควัน  นั่นสิ  ไอ้อวกาศพูดถูก  ทั้งผมและมันต่างก็ไม่ไดมีใครมีรสนิยมชอบผู้ชายด้วยกัน  แล้วทำไม… ทำไม…

 

‘ฮะๆๆ ฮ่าๆๆๆ’

 

“อ๊ากกกกก  อย่ามาหลอกหลอนกันนะเฟ้ยยย!”

ผมร้องตะโกนลั่น  ในหัวมันมโนภาพอะไรออกมาก็ไม่รู้  เป็นภาพไอ้ไทม์ในชุดคลุมอาบน้ำสุดเซ็กซี่กำลังหัวเราะระรี้ระริกอย่างเชิญชวน

จึกๆ

“เป็นไรอ่ะ”

คนข้างตัวจิ้มจึกๆเข้าที่ไหล่ผม  สีหน้าที่มองมากังวลอย่างเห็นได้ชัด  มาคิดๆดูแล้ว  เพราะมัวแต่เสียใจเรื่องการตายของพี่ก็เลยลืมไปเลยว่าก่อนหน้านี้ผมเพิ่งจะ…

จูบไอ้ไทม์ไป

จะ…จูบทำเหี้ยอะไรวะนั่น!  ตัวผมเองยังไม่รู้ตัวเลย  มารู้ตัวอีกทีก็…ดึงคนตัวเล็กตรงหน้าเข้ามาจูบเสียแล้ว

ไม่นะ  มันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่!!!

“สวรรค์คงลงโทษอันธพาลอย่างกูแล้วสินะ”

“เดี๋ยวนะ  นายพูดอะไร  ฉันไม่เข้าใจ”

“แล้วฉันจะเอาหน้าที่ไหนไปเจอบรรพบุรุษตอนตายล่ะ  พวกท่านคงไม่ให้อภัยในการกระทำอันโง่เขลาครั้งนี้ของฉันแน่ๆ”

หมับ!

“สติ!  ตั้งสติก่อนนะเฟี้ยว  ฉันรู้ว่านายเสียใจเรื่องมาเรียมาก  แต่นายจะปล่อยให้ความเสียใจพวกนั้นมาครอบงำจิตใจไม่ได้  ดึงสติกลับมาเดี๋ยวนี้!”

“อภัยให้กับตัวตนของผมด้วยนะพี่”

“เฟี้ยว!  ใจเย็นๆนะ  มองหน้าฉัน  นี่ฉันเองอวกาศ  พี่ชายข้างบ้านสุดหล่อที่นายชื่นชมไง!”

“ฉัน…ฉัน…”

“เฟี้ยว!”

“โธ่เว้ย!  เลิกเขย่าสักทีได้ไหมวะ  สมองกูจะไหลออกมาทางรูจมูกแล้วเนี่ย”

ผมสะบัดมือไอ้อวกาศที่โวยวายอย่างรำคาญ  ขอกูคิดอะไรคนเดียวหน่อยไม่ได้หรือไง  เท่าที่อยู่ในหัวตอนนี้ก็จะบ้าตายแล้วโว้ย!

“ลองตะคอกได้ล้านเดซิเบลขนาดนี้คงไม่เป็นอะไรแล้วสินะ”

“แหงล่ะ  กูแค่คิดอะไรนิดหน่อยเฉยๆ”

“ถ้างั้นเราไปอาบน้ำกันดีกว่า  จะได้รีบนอน  ยังมีเรื่องที่ต้องจัดการอีกเยอะ”

“หือ  เรา?  อาบน้ำ?  หมายความว่าไง”

ผมเขยิบตัวถอยห่างจากไอ้คนหัวขาวที่เริ่มแสยะยิ้มอย่างมีเลศนัยออกมา  จำได้ว่าตอนเด็กๆเคยมีครั้งหนึ่งที่มันแกล้งเอากางเกงในผมไปสวมหัวตุ๊กตาหมีของพี่แล้วหลอกให้ผมถ่ายรูปคู่ตุ๊กตาตัวนั้นก่อนจะเอาไปพี่ดู  ตอนนั้นผมไม่ได้สังเกตว่าบนหัวตุ๊กตามีกางเกงในผมอยู่  พอพี่กับไอ้จักรวาลเห็นก็เลยพากันหัวเราะยกใหญ่…

เป็นความอับอายที่ไม่เคยลืม

“ก็หมายความว่าเราสองคนจะอาบน้ำด้วยกันไง  ไหนๆก็ไม่ได้อาบด้วยกันมาตั้งหลายปีละ  ฉันอยากจะรู้เหมือนกันว่าเฟี้ยวน้อยจะโตขึ้นแค่ไหนแล้ว”

สายตาวิปริตเลื่อนมาที่เป้าผมก่อนจะแลบลิ้นเลียริมฝีปากของตัวเองอย่างน่าสยดสยอง  ผมรีบกุมเป้าเอาไว้ด้วยสองมือก่อนจะยกขาขึ้นเตรียมถีบมันเต็มที่

“มีต้องเลยนะ  มึงอยากอาบก็ไปอาบ  เพรากูจะอาบคนเดียว!”

“ไม่เอาน่า  เอาเฟี้ยวน้อยกับอวกาศน้อยมาทักทายกันหน่อยสิ  พวกมันไมได้เจอกันมานานแล้วนะ  ทีตอนเด็กๆยังเล่นกันประจำเลย”

“ฝันไปเหอะมึง!  เด็กก็ส่วนเด็กสิเฟ้ย  ตอนนี้โตเท่าควายแล้ว  จะมาทำแบบเดิมได้ยังไง”

“แต่ฉันอยากเห็นเฟี้ยวน้อยของนายนี่นา”

ยัง  มึงยังไม่เลิกจ้องเป้ากูอีกเรอะ!

ผมรีบลุกขึ้นเพราะไม่อยากอยู่ใกล้ในรัศมีที่มันสามารถเอื้อมมือมาหาได้อีกต่อไป  จากนี้มันคือลิสต์บุคคลอันตรายที่ไม่ควรเข้าใกล้อันดับหนึ่งของผม!

หมับ!

“อย่านี้สิ  ยังคุยกันไม่จบเลยนะ”

“อย่ามาจับ  เหวอออ!”

“เฮ้ยยย!”

ทั้งผมและไอ้อวกาศต่างร้องเสียงหลงด้วยกันทั้งคู่  เมื่อจังหวะที่ผมหันกลับมาเพื่อปัดมือมันออกนั้นดันเสียหลักขาพันกันจนแรงโน้มถ่วงส่งผลให้ล้มลงไปข้างหน้าทับเข้ากับร่างของไอ้อวกาศเต็มๆ!

“!!!”

ดวงตาของผมเบิกกว้างจนแทบจะถลนออกมา  อย่า….!  อย่าเพิ่งคิดว่าปากของพวกเราประกบกันเหมือนในละคร มันไม่ใช่แบบนั้น  เพราะมัน…

หนักกว่านั้น!

“ไหนบอกไม่อยากดูอวกาศน้อยของฉันไง  แต่กลับจู่โจมเองแบบนี้เลยเนี่ยนะ  เร่าร้อนไม่เบาเลยนี่นา”

เสียงกวนประสาทดังขึ้นจนเส้นเลือดในสมองผมเต้นตุบๆแทบจะระเบิด

ตรงหน้าผมตอนนี้คือเป้า… ย้ำนะว่าเป้า!  ของไอ้อวกาศที่หงายหลังไปกับพื้น   มันใช้แขนข้างหนึ่งเท้ากับพื้นเพื่อเอนตัวขึ้นมาดูผมที่ล้มลงแล้วใบหน้าฝังเข้ากับเป้าของมันแบบพอดิบพอดี…

“อย่างน้อยก็ขออาบน้ำทำให้อวกาศน้อยให้หอมๆหน่อยเถอะ  วันนี้วุ่นวายมาทั้งวัน  มันน่าจะมีกลิ่นหน่อยๆแล้วล่ะ”

“พูดบ้าอะไรวะไอ้เวรเอ๊ย!”

พลั่ก! โป้ก!

“โอ๊ย!”

ร่างสูงที่ถูกผมลุกขึ้นมาเต็มแรงหงายหลังหัวโขกกับกำแพงเสียงดังสนั่น  ด้วยความตกใจ  ผมรีบพุ่งเข้ามามันด้วยความเป็นห่วงทันที

ทำไม…ต้องเป็นห่วงเรื่องหัวมันขนาดนี้ด้วยนะ  เมื่อกี้ตอนที่มันร้องโอ๊ยแล้วเอามือกำหัว  หัวใจผมตกวูบไปที่ตาตุ่มเลยล่ะ  ถ้าจำไม่ผิด  รู้สึกเหมือนไอ้จักรวาลจะเคยพูดอะไรบางอย่างไว้กับผม  อะไรกันนะ…

คิดให้ออกสิวะ  คิดให้ออก!

“เจ็บจัง…”

ตอนนั้น…ใช่ตอนที่เล่นปีนต้นไม้กับไอ้อวกาศแต่มันพลาดจนตกลงมาหรือเปล่า  ใช่แล้ว…  ตอนนั้นมันหัวไปฟาดกับพื้นถึงจะไม่แรงมากแต่ไอ้จักรวาลก็ดุเสียจนมันซึมไปหลายวัน

 

‘เฟี้ยว  จำไว้นะ  อย่าชวนอวกาศเล่นอะไรที่อันตรายอีก  โดยเฉพาะที่หัวของเขา  นายต้องระวังอย่าให้หัวเขาไปกระแทกหรือกระทบกระเทือนเด็ดขาด  เข้าใจไหม?’

 

นึกออกแล้ว!  หลังจากทีไอ้จักรวาลบอกกับผมแบบนั้น  ผมก็ไม่กล้าชวนไอ้อวกาศเล่นอะไรที่อันตรายอีกเลย  พวกเราแทบจะเล่นพ่อแม่ลูกกับพี่อยู่แต่ในบ้านเสียด้วยซ้ำ  ตั้งแต่นั้นหัวของไอ้อวกาศก็เป็นสิ่งที่ผมพยายามหลีกเลี่ยงมากที่สุดจนกลายเป็นความระแวงไปเลย

“อ่า…ปวดหัวแฮะ”

การระลึกความหลังจบลงแค่นั้น  ผมรีบฉุดตัวมันให้มานอนลงที่ตักก่อนจะตีแก้มมันเบาๆเพื่อเรียกสติ

“เฮ้!  ยังได้ยินเสียงฉันไหม  เฮ้!”

“บ้าน่า   ไม่ได้เป็นอะไรหรอก  แค่ปวดหัวน่ะ”

“กระแรกแรงมากหรือเปล่า  ไปหาหมอไหม  เดี๋ยวฉันไปตามไอ้จักรวาลให้”

“ไม่ต้องหรอก  แค่นี้ก็วุ่นวายพอแล้ว  เดี๋ยวสักพักก็หายเองแหละ”

“แน่ใจนะ”

“อื้ม  อย่าห่วงไปเลย  ฉันอึดอยู่แล้ว”

“ยังจะมาเล่นอีกเหรอมึง”

ผมง้างมือกะจะมะเหงกใส่หน้าผากมันเสียหน่อย  แต่ก็หยุดตัวเองไวได้ทัน ขืนซ้ำไปอีกทีมันอาจจะไปเฝ้ายมบาลก็ได้

“เจ็บตรงไหน  ขอกูดูหน่อย”

“ข้างหลัง”

มันชี้ไปที่ด้านหลังศีรษะของตัวเอง  ดวงตาที่ปิดสนิทคู่นั้นดูราวกับคนนอนหลับที่กำลังเจอฝันร้ายยังไงก็ไม่รู้

ทำไมต้องหลับตาปี๋ขนาดนั้นด้วยวะ  เจ็บมากเลยหรือไง?

“ขอกูดูหน่อย”

ผมบอกพร้อมกับพยายามพลิกตัวมันโดยลืมไปเสียสนิทว่าถ้าจะดูหัวด้านหลังของมันโดยที่มันนอนอยู่บนตักของผมนั้น  สภาพของพวกเราจะต้องออกมาเป็นแบบนี้…

ไอ้อวกาศพลิกตัวเป็นนอนคว่ำลงบนตักของผมแทน  ใบหน้าของมันซุกลงตรงช่องว่างของขาพอดิบพอดี!

คะ….ใครมาเห็นเข้าตอนนี้เข้าใจผิดตายห่าเลย!

เอาวะ  ยังไงคนที่ทำให้มันเจ็บก็คือผม  ถ้าหัวไม่บวมปูดหรือว่ามีเลือดออกก็คงไม่เป็นไร  อ๊ะ.. แต่ถ้ามีเลือดคั่งหรือว่าช้ำในล่ะ?

“หือ?”

ผมหรี่ตามองสิ่งที่เห็นหลังจากที่แหวกเส้นผมด้านหลังของคนที่นอนอยู่ออกดูเพื่อจะหาร่องรอยของการบุบสลาย  แต่สิ่งที่เจอกลับสร้างความแปลกใจให้ผมมากกว่านั้น

“มีอะไรเหรอ  อย่าบอกนะว่าหัวฉันแตก”

“เปล่าๆ  แต่ว่า…”

“อะไรเหรอ”

“แก…เคยประสบอุบัติเหตุ  หรือว่าเป็นโรคร้ายอะไรจรต้องพาตัดมาก่อนหรือเปล่า”

“…”

“ว่าไงวะ”

“บ้าสิ  จะไปเคยได้ยังไง  คนอย่างฉันหล่อและแข็งแรงมาตั้งแต่เด็ก  ไม่เคยมีเรื่องแบบนั้นหรอก”

ไอ้อวกาศตอบน้ำเสียงปกเหมือนทุกที  แปลว่าไม่ได้โกหก  แล้วถ้างั้น…

ผมแหวกเส้นผมของมันออกดูอีกรอบ  สายตาจับจ้องไปที่เนินเนื้อนูนที่แปลกไปจากส่วนอื่นๆ  ไม่ผิดแน่ๆ  มันคือรอบแผลเป็น…

รอยแผลเป็นจากการผ่าตัด!

Special  Part  End.

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  สำหรับใครที่จิ้นและเชียร์คู่นี้คิดว่าคงจะยากสักหน่อย  เพราะท่าทางเฟี้ยวจะตกหลุมเสน่ห์น้องไทม์เข้าไปแบบไม่รู้ตัวซะแล้ว 55555+  ขณะที่อวกาศก็ยังคงกวนๆต่อไป  ไม่รู้ว่าไม่ได้คิดอะไรกับเฟี้ยวจริงๆหรือเป็นพวกทึ่มและซื่อบื้อไม่รู้ใจตัวเองแบบเฟี้ยวกันแน่เนอะ =..=  ตอนนี้เซอร์วิสแฟนๆคู่นี้เต็มๆ  ตอนหน้าพบกับหมาน้อยและจักรวาลจ้า

#เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก  ติดแฮชแท็กนี้มาพูดคุยกันในทวิตเตอร์ได้น้า

หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 20 (24/08/60) #หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 24-08-2017 13:44:37
อวกาศเคยผ่าตัดสมองมาก่อนหรา เป็นอะไรอ่ะ :hao4: :a5:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 20 (24/08/60) #หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 24-08-2017 13:58:18
 :hao3: :hao3: :hao4: :hao4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 20 (24/08/60) #หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 24-08-2017 17:50:32
 :hao6:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 20 (24/08/60) #หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 24-08-2017 18:48:25
เฟี้ยว มีรอยเฆี่ยนตีที่หลัง
อวกาศ มีรอยผ่าตัดที่สมองด้านหลัง
มันยังไงกัน  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 20 (24/08/60) #หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 24-08-2017 19:21:34
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 20 (24/08/60) #หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 24-08-2017 21:36:16
คนแก่สงสัยว่าหลานอวกาศ สระผมเองปะ หรือเข้าร้านสระผม ถึงได้ไม่รู้ว่าหัวตัวเองมีแผลเป็น  :ruready :ruready
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 20 (24/08/60) #หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 24-08-2017 22:47:31
เงื่อนงำเยอะจัง
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 20 (24/08/60) #หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 24-08-2017 23:07:44
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 20 (24/08/60) #หน้า6
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 25-08-2017 09:20:38
อื้มมม เบื้องหลังที่ซับซ้อน
จักวารเพียงคนเดียวที่รู้เรืองทั้งหมด
แต่มันกำลังค่อยๆเปิดเผยสินะ
หัวข้อ: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 21 (25/08/60) #หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 25-08-2017 11:28:26


ตอนที่ 21

กับดัก!

 

เคร้ง  เคร้ง เคร้ง

“เอ่อ…”

“…”

“นี่มันอะไรกันครับ”

เอ่ยถามเสียงเบาพลางมองคนตรงหน้าที่กำลังง่วนอยู่กับการล่ามผม!

อ่านไม่ผิดหรอก  เขากำลังล่ามผมจริงๆ  หลังจากกลับเข้ามาในห้องคุณจักรวาลก็ไล่ให้ผมไปอาบน้ำก่อน  พอออกมาจากห้องน้ำเท่านั้นแหละ  เขาก็ดึงผมขึ้นมาบนเตียงก่อนจะเอาโซ่ล่ามออกคล้องกับปลอกคอตามด้วยเอาปลายไปยึดติดไว้กับเสาเตียงฝั่งที่ผมนอน

เกิดอะไรขึ้นกันล่ะเนี่ย!

“หมาน้อยที่ไม่จงรักภักดีต่อเจ้านายของตัวเองก็ต้องโดนแบบนี้แหละ”

“หา?”

“ถ้าตอนฉันเข้าไปอาบน้ำหรือว่าหลับแล้วนายเกิดย่องออกไปหาเพื่อนสนิทของนายขึ้นมาฉันจะทำยังไง  ล่ามไว้แบบนี้จะได้ไม่ต้องกังวล”

“ดะ…เดี๋ยวก่อนนะครับ  ทำไมผมต้องย่องออกไปหาไอ้เฟี้ยวด้วยล่ะ”

“จะไปรู้เหรอ  เผื่อนายอาจจะอยากกอดปลอบใจเพื่อนนายอีก”

กอด?

แสดงว่าเห็นสินะ  ตอนที่ไอ้เฟี้ยวดึงผมไปกอดเมื่อตอนเย็นนั่นน่ะ  แต่แค่เพื่อนกอดเพื่อนมันผิดมากถึงขั้นต้องมาล่ามและกักขังอิสรภาพกันขนาดนี้เลยเรอะ!

“ผมไม่ทำแบบนั้นหรอกครับ  ปล่อยผมเถอะนะ  นะ…”

สองมือยื่นไปจับแขนเขาแล้วเขย่ามันเบาๆ  เผลอทำแก้มป่องพร้อมกะพริบตาปริบๆไปด้วยอย่างลืมตัว

ตายห่าล่ะ  ติดนิสัยพวกน้องๆที่ชอบทำท่าแบบนี้เวลาอ้อนผมมาเสียแล้วสิ

เมื่อรู้สึกตัวว่าได้ทำท่าทาวบ้าๆออกไป  ผมก็รีบปล่อยมือออกจากแขนเขาพร้อมเขยิบถอยหลังไปจนติดหัวเตียง  สายตานิ่งๆที่จ้องมองกลับมาเมื่อกี้มันทำผมประหม่าชะมัดเลย  บ้าจริง!  เสียงหัวใจมันชักจะดังเกินไปแล้วนะ!

พรึ่บ!

“คะ…คะ…คะ…คุณจะทำอะไรครับ”

ถามเสียงสั่นในทันทีที่เขาทิ้งตัวโน้มลงมาคร่อมผมไว้  สองแขนวางอยู่ข้างตัวผมเพื่อปิดกันทางหนีและล็อกผมเอาไว้ในอาณัติ

“ทำปลอกคอ”

“ปะ…ปลอกคอ?  หมายความว่ายังไงครับ  ที่คอผมก็มีแล้วนี่ไง”

ชี้ไปที่คอของตัวเองซึ่งใส่ปลอกคอที่เขาให้ไว้อยู่ตลอดเวลา  คนที่โรงเรียนพากันจ้องปลอกคอผมกันตาแทบจะถลนเชียวล่ะ  แต่ว่าไม่มีใครกล้าเข้ามาถามหรอก  ส่วนไอ้เฟี้ยว…ผมว่ามันไม่ได้สนใจเลยด้วยซ้ำ

“ไม่ใช่อันนี้”

ตอบหน้านิ่งก่อนจะใช้มอข้างหนึ่งรวบข้อมือผมทั้งสองข้างไปจับไว้แล้วยกขึ้นเหนือหัวผม  ด้วยความตกใจผมร้องเสียงหลงออกมา  พยายามจะบิดข้อมือตัวเองออก  แต่ยิ่งบิด  แรงบีบจากเขาก็ยิ่งมากขึ้น

คิดจะทำอะไรกันแน่ฟะ!  กูกลัวจนฉี่จะราดแล้วนะโว้ยยย

“คะ…คุณ  อื้อ!”

เสียงที่ต้องการจะเปล่งออกมาหายไปเสียดื้อๆ  ร่างกายสะดุ้งเฮือกกับสัมผัสร้อนชื้นที่ใบหู  ผมเกร็งปลายเท้าแน่น  อยากจะดิ้นหากแต่ก็ถูกร่างกายกำยำนี่นั่งทับขาเอาไว้จนไม่สามารถขยับได้เลย  ลิ้นร้อนๆของเขาไล่เลียที่ใบหูไปทีละจุด

หน้าท้องบิดเกร็งจนแทบจะปล่อยเสียงครางออกมา   ผมพยายามอย่างมากที่จะกลั้นเสียงพวกนั้นเอาไว้และเรียกสติตัวเองตลอดเวลาในใจ  มืออีกข้างที่ว่างอยู่ของเขาปลดเอากระดุมเสื้อของผมออกจนหมด  ก่อนจะเลื่อนเข้าไปลูบไล้ผิวกายภายในที่กำลังสั่นเทิ้ม

ทำไมกัน…ทั้งที่คิดว่าตัวเองจะต้องกลัวสัมผัสนี้มากๆ  แต่มันกลับไม่ใช่  ปฏิเสธไม่ได้ว่าผมกำลังรู้สึกดีกับทุกสิ่งที่เขาทำและภาวนาให้มันมากขึ้นกว่านี้ไปเรื่อยๆ  เกิดอะไรขึ้นกับระบบความคิดของผมกันแน่  กำลังถูกคุกคามทางเพศอยู่แท้ๆ  ทำไมถึงไปรู้สึกอบอุ่นกับสัมผัสของเขาได้เล่า!

“อื้อ…”

สุดท้ายผมก็กลั้นเสียงไหวไม่ไหวเมื่อคุณจักรวาลไล่ริมฝีปากลงต่ำมายังแผงอก  เขาพรมจูบตั้งแต่ไหปลาร้าลงไปเรื่อยๆจนถึงหน้าท้อง  ลมหายใจร้อนระอุที่เป่ารดร่างกายผมตอนนี้ทำให้สมองพล่าเลือนไปหมด

เสียงจูบไปตามจุดต่างๆของร่างกายดังก้อนไปทั่วทั้งห้อง  เขาจูบไล่จากหน้าท้องกลับขึ้นมาอีกครั้งจนถึงซอกคอ  ปลายจมูกซุกไซร้ไปมา  ไม่รู้ว่าเขาปล่อยข้อมือของผมให้เป็นอิสระตั้งแต่เมื่อไห่  ทว่าผมกลับไม่ใช้อิสระในตรงนี้ผลักเขาออกอย่างที่ตั้งใจในตอนแรก  สิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆกลายเป็นผมโอบกอดเขาเอาไว้แน่นราวกับกลัวว่าช่วงเวลาแห่งความสุขนี้จะหมดไป

“อ๊ะ…”

ร้องออกมาเบาๆเพราะเจ็บที่ต้นคอเหมือนถูกกัด  บีบไหล่ที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของคุณจักรวาลเพื่อระบายความอึดอัดที่เกิดขึ้น

ไม่นานเขาก็ถอนใบหน้าออกมาจากซอกคอ  มือหนาเอื้อมไปจับท้ายทอยผมไว้แล้วดันขึ้นให้เงยหน้าสบตากับเขา  เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นภาพของตัวเองสะท้อนอยู่ในแววตาคู่นี้  เด็กผู้ชายที่นัยน์ตาละห้อยและแก้มระเรื่อคนนั้นคือผมจริงๆน่ะเหรอ?

“คุณ…”

“จูบได้ไหม”

เสียงทุ้มเอ่ยถาม  ใบหน้าของเราอยู่ใกล้กันมาก  น่าแปลกที่ผมรู้สึกว่าน้ำเสียงที่เขาเปล่งออกมามันช่างเซ็กซี่เหลือเกิน

ผมไม่ตอบเป็นคำพูด  ค่อยๆยื่นหน้าขึ้นไปอีกจนริมฝีปากเราสัมผัสกันเบาๆ  ทันที่มันสัมผัสกัน  แรงกดจากฝ่ามือของเขาที่ท้ายทอยก็แรงขึ้น  ริมฝีปากถูกบดขยี้อย่างเร่าร้อนและรุนแรงจนผมหายใจไม่ทัน  ร่างสูงดันผมจนชิดกำแพง  ขณะที่ผมเลื่อนมือขึ้นมาโอบรอบคอเขาไว้แทน

“อ้าปาก”

เสียงนุ่มทุ้มสั่งอีกครั้ง  ผมอ้าปากเล็กน้อยตามที่เขาบอก  เรียวลิ้นอ่อนนุ่มแทรกผ่านเข้ามาทันที  ร่างกายผวาเฮือก  เหมือนลิ้นของผมถูกดูดเข้าไปในปากของเขา

ไม่ไหวแล้ว…  ผมควบคุมตัวเองไม่ได้เลย

“อ่า…”

เราถอนจูบออกจากกันอย่างอ้อยอิ่ง  สองมืออบอุ่นประคองใบหน้าของผมเอาไว้  มือที่เคยโอบรอคอเขาตกมาอยู่ข้างตัวเพราะไร้เรี่ยวแรง

จะ…จูบเมื่อกี้มัน…

จูบกระชากวิญญาณชัดๆ!

“นายทำให้ฉันต้องอดทนเป็นครั้งที่สองแล้วนะ”

ไม่เข้าใจที่เขาพูด  ผมขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนที่ความสงสัยจะถูกคลายลงเมื่อต้นขารู้สึกได้ถึงอะไรแข็งๆดันมาโดนเข้า

ผมเลื่อนสายตาไปตรงจุดที่รู้สึก  ก่อนที่ลมร้อนจะแผ่กระจายไปทั่วทั้งร่างกาย  รีบเสมองไปทางอื่นด้วยหัวใจเต้นรัว

“หึ…ฉันจะอดทนครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วนะ”

ว่าพลางดึงผมเข้าไปกอด  ดันหัวให้ซบลงกับแผงอกอบอุ่น  ไม่เคยคิดเลยว่าการจูบกันเมื่อกี้จะทำให้คุณจักรวาลเกิดอารมณ์ทางเพศจนส่วนนั้นแข็งตัวขึ้นมาได้  เพราะพวกเราต่างก็เป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่  ผมจึงไม่เคยคิดว่าเราจะมีอารมณ์พวกนี้ร่วมกัน  แต่ผมคิดผิด…

คุณจักรวาลในตอนนี้สำหรับผมแล้ว…ดึงดูดให้เข้าหายิ่งกว่าผู้หญิงเสียอีก!

“อย่าให้ฉันเห็นใครสัมผัสนายอีก  เพราะฉันไม่ใช่พวกความอดทนสูงนัก  เข้าใจหรือเปล่า”

“ครับ”

แบบนี้ให้รู้เรื่องที่ถูกไอ้เฟี้ยวจูบไม่ได้เด็ดขาด  แค่กอดยังโดนขนาดนี้เลย  ถ้ารู้ว่าถูกจูบไปแล้วล่ะก็…ไม่อยากจะคิดภาพเลย

โซ่ แส้ กุญแจมือมาครบแหงๆ!

“นายน่ะ  เป็นของฉัน”

“…”

“ของของฉัน  ฉันไม่ยกให้ใครทั้งนั้น  จำไว้ให้ดีล่ะ”

ผมยิ้มกว้าง  ค่อยๆยกแขนขึ้นกอดเขากลับ  ซุกหน้าลงกับอกกว้างมากขึ้น  หัวใจพองโตเหมือนถูกอัดอากาศเข้าไปข้างใน…

ตาแก่ขี้หวงเอ๊ย

 

“ผมเข้าไปจอดในโรงเรียนเลยนะครับ  เพราะบอสกับนายน้อยกำชับมาเด็ดขาดว่าต้องส่งให้ถึงโรงเรียน”

พี่เข้มหันมาบอกด้วยสีหน้าหนักใจเมื่อมาถึงจุดที่เคยส่งผมลงจากรถอย่างทุกที

“ไม่เป็นไรครับ  ผมเข้าใจ”

“ไอ้เจ้าบ้าสองคนนั่นมันกังวลกันขนาดนี้เลยหรือไง”

“เออน่า  เพื่อความปลอดภัย”

ผมตบบ่าเพื่อนคนแรกในชีวิตอย่างไอ้เฟี้ยวเบาๆ  มันเอาแต่บ่นไม่หยุดหลังจากถูกคุณอวกาศบังคับให้มาโรงเรียนพร้อมผม

ตอนแรกพวกเรานัดกันว่าจะคุยเรื่องการหาสถานที่แห่งความทรงจำกันต่อ  แต่คุณอวกาศกลับมาบอกในตอนเช้าว่ามีธุระสำคัญต้องไปทำกะทันหัน  แพลนเลยเปลี่ยนกลายเป็นว่าพวกเราต้องมาโรงเรียนกันตามปกติ  ส่วนคุณอวกาศก็ไปทำธุระ  และคุณจักรวาลจะจัดการลิสต์รายชื่อสถานที่เหล่านั้นเอง  ตอนเย็นคอยเริ่มประชุมกันอีกที

“กูไปเข้าห้องน้ำก่อน  มึงไปรอที่โรงอาหารละกันนะ”

“เออๆ  จะแดกไรอ่ะ  เดี๋ยวกูสั่งไว้ให้”

“มึง”

“ฮะ?”

ร้องเสียงด้วยตกใจเมื่อมันชี้มาที่ผม  ห้ามบอกเด็ดขาดว่าจะแดกกู!  กูขนลุก!

“กูจะบอกว่าแล้วแต่มึง  ทำไมต้องตกใจด้วยวะ”

“อ้อเหรอ  เออๆ  เดี๋ยวกูสั่งให้ละกัน  มึงไปขี้เหอะ”

“แค่ฉี่เฟ้ย!”

โป๊ก!

“โอ๊ย!”

มันเขกหัวผมอีกแล้ว  ไอ้เพื่อนเวร!  ผมง้างเท้าขึ้นหมายจะเตะมันกลับ  แต่ไอ้เฟี้ยวก็กระโดดหลบวิ่งหนีไปทางห้องน้ำได้ก่อน  ฝากไว้ก่อนเหอะมึง!

ผมเดินเข้ามาในโรงอาหารก่อน  ทุกสายตายังคงจับจ้องมาเหมือนเดิม  การจากไปของอาจารย์มารีอาทำให้บรรยากาศในโรงเรียนเปลี่ยนไปมาก  มันหดหู่เสียจนผมอดคิดไม่ได้ว่าไอ้เฟี้ยวมันจะโอเคหรือยัง  ถึงแม้ว่าตั้งแต่เช้ามามันจะทำตัวเป็นปกติก็เถอะ  แต่ในใจลึกๆของมันกำลังคิดอะไร  ผมเองยังดูไม่ออก  อาจเพราะเรายังไม่สนิทกันมากพอก็ได้

“ต่อไปก็ซื้อน้ำ”

วางจานข้าวสองจานลงบนโต๊ะพร้อมกระเป๋านักเรียนก่อนจะเดินไปทางร้านน้ำ  ไอ้เฟี้ยวมันตกส้วมตายหรือเปล่า  ผมยืนต่อแถวรอซื้อข้าวตั้งนานแต่มันก็ยังไม่กลับมาสักที

“น้ำเปล่าสองขวดครับ”

รับน้ำมาพร้อมกับส่งเงินให้ก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะ  ถ้ารออีกห้านาทีแล้วมันยังไม่มาผมจะไปตามแล้วนะ  เมื่อเช้าก็ดันลืมแลกเบอร์กันเสียด้วยสิ

“หือ?”

ผมรีบวางขวดน้ำลงบนโต๊ะแล้วหยิบกระดาษโน้ตแผ่นเล็กๆที่วางอยู่ใต้จานข้าวขึ้นมาอ่าน  เมื่อกี้ยังไม่มีเลยนี่หว่า  แสดงว่าเพิ่งจะมีคนเอามาวางสินะ

 

‘มาที่โรงยิมเก่าหลังโรงเรียน  กูมีอะไรจะให้มึงดู  เฟี้ยว’

 

“ไอ้เฟี้ยว?”

ขมวดคิ้วมุ่นทันที  เล่นห่าอะไรของมันกันวะ  ถ้ามาแล้วทำไมไม่เดินไปหาผมแล้วไปพร้อมกันเลยล่ะ  โอ๊ะ!  หรือมันจะหาไม่เจอคิดว่าผมไปที่อื่นเลยเขียนโน้ตทิ้งไว้แทน   แสดงว่าคงเป็นเรื่องสำคัญมากเลยไม่สามารถรอผมได้

ผมวางกระดาษลงที่เดิมแล้วเอาจานทับไว้ก่อนจะวิ่งไปที่โรงยิมเก่าทันที  ไม่ได้หยิบอะไรติดตัวมาเลยสักอย่างเพราะอยากรู้ว่าไอ้เฟี้ยวมันจะให้ผมดูอะไร  ไม่แน่ว่าอาจเจอหลักฐานอะไรเกี่ยวกับการตายของอาจารย์มารีอาก็ได้  ที่หายไปนานคงเพราะมาหาเบาะแสแน่ๆ

“แฮ่ก!  แฮ่ก!”

หอบแฮ่กจนลิ้นห้อย  ผมยืนมองโรงยิมเก่าที่ไม่ได้ใช้งานมานานหลายปีและอยู่ห่างจากตัวตึกของโรงเรียนมาค่อนข้างไกล  ประตูของโรงยิมเปิดแง้มอยู่เล็กน้อย  ไอ้เฟี้ยวคงมาถึงแล้วแน่ๆ

ผมรีบดันประตูให้เปิดกว้างกว่าเดิมแล้วเดินเข้าไป  ข้างในเต็มไปด้วยเบาะเก่าๆและพวกอุปกรณ์กีฬาที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว  มีฝุ่นและหยากไย่เกาะเต็มไปหมด

“ไอ้เฟี้ยว!  กูมาแล้ว  อยู่ไหนวะ”

เงียบ…

“ไอ้เฟี้ยว!  เฮ้ยยย!  อยู่ไหนวะ  มึงจะให้กูดูอะไร  เอามาดิ!”

เงียบ…

ชะ…ชักไม่ดีแล้วสิ  มาคิดอีกทีคนอย่างไอ้เฟี้ยวไม่น่าจะนัดผมมาในที่เปลี่ยวๆแบบนี้หรอก  เพราะตัวมันเองอาจกำลังตกเป็นเป้าของไอ้คุณกวินทร์นั่นและจะโดนเล่นงานเมื่อไหร่ก็ได้  ไม่มีทางที่มันจะเลือดนัดในสถานที่ไม่ใช้งานแบบนี้  เพราะเสี่ยงที่มันอาจจะถูกลอบทำร้ายได้

บัดซบเอ๊ย!  ทำไมไม่คิดให้เร็วกว่านี้วะไอ้ไทม์!

ปัง!

“!!!”

หันหลังกลับไปมองต้นเสียงอย่างรวดเร็ว  ผมวิ่งพรวดไปที่ประตูของโรงยิมที่จู่ๆก็ปิดลง  ไม่ว่าจะพยายามดันให้มันเปิดออกเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล

“ไม่ขยับเลยนี่หว่า  เฮ้ยยย!  มีใครอยู่ไหม  มีคนติดอยู่ข้างใน  เฮ้!”

บ้าชะมัด  ผมน่าจะระวังตัวให้มากกว่านี้  ดันหลงกลกับดักง่ายๆแบบนี้  ฉลาดแต่เรื่องในตำราเรียนจริงๆเลยนะมึง!

“เสียงอะไรวะ”

ผมแนบหูลงกับประตูเมื่อได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรสักอย่างถูกเท  ก่อนที่จมูกจะเริ่มได้กลิ่นแปลกๆที่พอจะเดาได้ว่ามันคือกลิ่นอะไร

“นะ…น้ำมัน?”

ระ…หรือว่า…!

จะเผาทั้งเป็นกันเลยเรอะ!!!

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  เริ่มต้นตอนด้วยความหวานล้ำของท่านจักรวาลและน้องไทม์  ไม่รู้ว่าตาแก่ขี้หวงคนนี้ต้องอดทนไปอีกนานแค่ไหน  แต่เชื่อเถอะว่าเมื่อถึงเวลาที่ไม่ต้องอดทนแล้ว  น้องไทม์ของเราคงได้นอนติดเตียงไปสามวันแน่ๆ 5555+  ต่อไปก็มาตามดูกันว่าใครจะมาช่วยน้องไทม์ได้ทันเวลาบ้าง  ฉลาดแต่เรื่องในตำราจริงๆนั่นแหละนายเอกคนนี้  ยิ่งไปกว่านั้น  ธุระสำคัญที่อวกาศต้องไปทำคืออะไรกันนะ?  ติดตามต่อตอนหน้าจ้า  จุ๊บๆๆๆๆ

หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 21 (25/08/60) #หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 25-08-2017 11:44:58
ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่เอะใจ..
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 21 (25/08/60) #หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 25-08-2017 11:50:32
โหดดดดด ไปช่วยน้องเร็ว!!
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 21 (25/08/60) #หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 25-08-2017 15:01:40
 :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 21 (25/08/60) #หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 25-08-2017 21:50:44
 :ling1:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 21 (25/08/60) #หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 25-08-2017 22:59:07
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 21 (25/08/60) #หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 26-08-2017 00:54:47
 :เฮ้อ: คนแก่ละหนักใจ ไมหลานไทม์เซ่ออีกแล้วอ่ะ หลงกลคนเขาไปทั่ว เมื่อไหร่จะทันคนกับเขาเสียทีนะ
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 21 (25/08/60) #หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 26-08-2017 07:21:35
ใครจะฆ่าไทม์อ่ะ โคตรโหดร้ายเลย o22
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 21 (25/08/60) #หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 26-08-2017 09:42:42
โหดเกินไปแล้ว
หัวข้อ: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 22 (26/08/60) #หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 26-08-2017 12:19:10

ตอนที่ 22

การเจรจา

 

ก๊อกก๊อกก๊อก

“เข้ามา”

ร่างสูงอนุญาต  เขากำลังนั่งไล่สถานที่ต่างๆที่จะลองไปเพื่อค้นหาสิ่งที่มารีอาซ่อนเอาไว้  แม่บ้านคนหนึ่งเปิดประตูเข้ามา

“คุณกวินทร์มาขอพบค่ะ”

ชายหนุ่มวางปากกาลงทันทีที่ได้ยินชื่อนั้น  ร้อยวันพันปีตั้งแต่โตมา  คนๆนั้นก็ไม่เคยมาเหยียบที่นี่อีกเลย  แล้ววันนี้เขามาทำไมกัน?

“ให้รอที่ห้องรับแขก  เดี๋ยวฉันออกไป  แล้วสั่งคนในบ้านทุกคนให้ไปรวมกันอยู่ตึกเล็ก  ห้ามใครเข้ามาเพ่นพ่านในตึกใหญ่จนกว่าคุณกวินทร์จะกลับไป”

“ค่ะบอส”

เธอรับคำก่อนจะเดินกลับไปทำตามที่เขาสั่งทุกอย่าง  จักรวาลเก็บสมุดที่จดรายชื่อสถานที่ลงในลิ้นชักแล้วล็อกมันอย่างดี   นานแล้วที่เขาไม่ได้เผชิญหน้ากับกวินทร์ตรงๆ  ครั้งล่าสุดก็คงจะเป็น…

มือหนาเลื่อนขึ้นจับที่หัวไหล่ของตัวเองซึ่งมีรอยแผลเป็นจากการถูกกระสุนเฉี่ยวอยู่  เขาจำเหตุการณในวันนั้นได้ไม่เคยลืม  มันคือการประกาศตัวเป็นศัตรูอย่างเปิดเผยครั้งแรกของชายที่ชื่อ…กวินทร์

จักรวาลเดินมาถึงห้องรับแขกที่มีกวินทร์นั่งเอกเขนกอยู่บนโซฟารออยู่  ทันทีที่ทั้งสองเผชิญหน้ากัน  อีกฝ่ายก็เหยียดยิ้มร่าไม่มีการวางฟอรมในฐานะรองประธานอีกต่อไป

“มาทำไม”

“ไม่เอาน่า  คุณอย่าทำเป็นไม่รู้หน่อยเลยว่าผมมาทำไม”

“…”

“SD การ์ดอยู่ที่ไหนครับ”

“ฉันไม่เข้าใจว่าแกพูดถึงเรื่องอะไร”

“ผมลืมไป  ว่าระหว่างพวกเรามันไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากากเข้าหากัน  งั้นผมจะขอพูดตรงๆเลยแล้วกันนะครับ  เอา SD การ์ดที่จะเป็นหลักฐานทำลายพวกผมได้มาหน่อยครับ”

กวินทร์แบมือไปตรงหน้าจักรวาลพร้อมยิ้มหวาน  ทั้งคู่อายุเท่ากันและถูกส่งให้เรียนโรงเรียนเดียวมาตลอดตั้งแต่เด็กๆ   พวกเขาเคยเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาตลอดจนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเมื่อสิบแปดปีก่อนขึ้น  ทุกอย่างจึงเปลี่ยนไป…

“ฉันไม่มีของแบบนั้น”

“อย่าทำแบบนี้สิครับ  คุณน่าจะรู้ดีนะว่าเพราะอะไรผมถึงยังปล่อยให้คุณมีชีวิตรอดเป็นหอกข้างแคร่คอยทิ่มตำผมตลอดเวลาแบบนี้  เรามาเจรจากันดีๆดีกว่านะครับ  ถ้าคุณเอา SD การ์ดมาให้ผมได้  ผมจะคุยกับคุณพ่อขอให้คุณมาเป็นมือขวาของผม  เราจะร่วมมือกันชิงเอาทุกอย่างที่ควรจะเป็นของพ่อผมคืน  และจะมีคนตายเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกแค่สองคนเท่านั้นคือไอ้อวกาศกับเด็กคนนั้น  แน่นอนว่าผมจะให้สัญญาเรื่องความปลอดภัยของคุณ  ผมจะไม่ทำร้ายคุณเด็ดขาด  ตกลงไหมล่ะครับ”

“อย่าพูดให้ขำหน่อยเลย  รอบกระสุนที่ไหล่ฉันก็ฝีมือแกไม่ใช่หรือไง”

“นั่นน่ะผมแค่ล้อเล่นเฉยๆเองนะ  เพราะถ้าเอาจริง…มันคงไม่โดนไหล่คุณหรอก  แต่มันจะโดนตรงนี้…”

กวินทร์เขยิบเข้าไปใกล้  ทำมือเป็นรูปปืนแล้วจ่อไปที่หน้าอกข้างซ้ายของจักรวาล

“ปิ้ว!  ทะลุหัวใจคุณไปตั้งแต่สิบปีก่อนแล้วล่ะครับ”

“งั้นแกก็พลาดแล้วล่ะที่ไม่ฆ่าฉันให้ตายตั้งแต่ตอนนั้น”

“…”

“เพราะเท่ากับว่าแกเปิดโอกาสให้ฉันเป็นฝ่ายฆ่าแก”

นัยน์ตาจริงจังที่แสนเย็นยะเยือกจ้องเขม็งไปที่กวินทร์  อีกฝ่ายยกมือสองข้างขึ้นยอมแพ้ก่อนจะแค่นหัวเราะออกมาเล็กน้อย

“โอเคครับๆ  ไม่เจรจาแล้วก็ได้  แต่แหม  แอบเสียใจเหมือนกันนะเนี่ย  คุณกะเล่นผมถึงตายเลยเหรอ”

“ถ้าการฆ่าแกมันจะสามารถหยุดคนชั่วอย่างแกกับพ่อแกได้  ฉันก็จะทำ”

“เฮ้อๆ สรุปว่าการเจรจาครั้งนี้ไม่เป็นผล”

ว่าพลางทิ้งตัวลงนั่งไปบนโซฟาอีกครั้ง  เขายกแขนขวาขึ้นดูนาฬิกาข้อมือก่อนจะแสยะยิ้มร้ายออกมา

“จะได้เวลาแล้วสินะ”

“หมายความว่ายังไง”

ครืด…ครืด…

บทสนทนาถูกขัดด้วยมือถือในกระเป๋ากางเกงของจักรวาลที่สั่นขึ้นมา  กวินทร์ปรายตามองไปยังมือถือเครื่องนั้น  แววตาและรอยยิ้มร้ายกาจบนใบหน้าของเขาทำจักรวาลที่มองดูอยู่รู้สึกกังวลขึ้นมา  เขารีบหยิบมือถือออกมาดู  คนที่โทรเข้ามาคือเฟี้ยว

“แกทำอะไร”

“ลองรับดูสิครับ  เดี๋ยวสายตัดไปก่อนผมไม่รู้นะ”

“ฮัลโหล”

ชายหนุ่มข่มความโกรธจนอยากจะตะบันหน้าอีกฝ่ายเอาไวแล้วกดรับโทรศัพท์

[ไอ้จักรวาล  แย่แล้ว!  ไอ้ไทม์หายไป]

“อะไรนะ!”

[ฉันมาหามันที่โรงอาหารแต่ก็ไม่เจอ  เจอแต่กระเป๋านักเรียนกับมือถือมันตั้งทิ้งไว้บนโต๊ะ  ถามใครก็ไม่มีใครเห็นมันเลย]

“เข้าใจแล้ว  โทรหาอวกาศ  ให้หมอนั่นไปหานายที่โรงเรียน  ฉันจะส่งสถานที่ที่ไทม์อยู่ในตอนนี้ไปให้”

[แกรู้ได้ไงว่ามันอยู่ที่ไหน]

“ฉันจะส่งไปเดี๋ยวนี้  แค่นี้ก่อนแล้วกัน”

จักรวาลกดวางสายแล้วกดเป็นแอพพลิเคชั่นบางอย่างจากในมือถือ  มันแสดงถึงสถานที่อยู่ของใครบางคน  เขากดโหลดข้อมูลที่อยู่ตรงนั้นก่อนจะส่งเป็นข้อความให้ทั้งเฟี้ยวและอวกาศ

“ไม่สนุกเลยแฮะ  คิดไม่ถึงว่าคุณจะติดเครื่องติดตามไว้ที่ตัวเด็กคนนั้นด้วยแบบ…”

ตุ้บ!

“แกคิดจะทำอะไร”

ร่างสูงพุ่งเข้าหากวินทร์ด้วยความเร็ว  มือข้างหนึ่งบีบเข้าที่คอของเขาแล้วดันจนติดกับพนักโซฟา  ใบหน้าเกรี้ยวกราดที่นานๆทีจะได้เห็นของจักรวาลทำให้คนที่ตกเป็นรองอยู่ในตอนนั้นยิ้มร่าอย่างพอใจ

“ถึงผมจะคิดเสมอว่าคุณเป็นเทวดา  แต่ว่านะ…สองมือของคุณไม่สามารถปกป้องคนสองคนได้พร้อมกันหรอก”

“ฉันถามว่าแกคิดจะทำอะไร!!!”

“อั้ก!”

แรงบีบที่คอหนักขึ้นจนกวินทร์เผลอจิกเล็บเข้ากับโซฟาด้วยความเจ็บปวด  แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังแค่นหัวเราะออกมาได้

“นี่เป็นทางเลือกสุดท้ายที่ผมจะเสนอให้คุณ  อวกาศกับกาลเวลา  คุณจะเลือกให้ใครมีชีวิตอยู่ต่อ  ผมเมตตาคุณได้แค่นี้นะ”

“ฉันไม่เลือก”

“…”

“เพราะฉันจะปกป้องเอาไว้ให้ได้  ไม่ใช่แค่สมบัติพวกนี้  แต่รวมถึงสองคนนั้นด้วย”

“แน่ใจเหรอครับ  ว่าจะทำได้”

ครด…ครืด…ครืด…

มือถือของจักรวาลสั่นขึ้นอีกครั้ง  กวินทร์เหยียดยิ้มร้ายอย่างผู้กุมชับอีกครั้ง

“ฮัลโหล  เจอไทม์ไหม”

[จะ…จะว่าเจอก็เจอ  แต่ว่า….]

“แต่ว่าอะไร เกิดอะไรขึ้น!”

[พิกัดที่แกส่งมาว่าเป็นที่อยู่ของไอ้ไทม์ตอนนี้  คือโรงยิมเก่าของโรงเรียนที่ไม่ได้ใช้งานมาหลายปีและรอวันรื้อทิ้ง  แต่ว่าตอนนี้…ที่นี่ถูกไฟ้ไหม้]

“อะไรนะ…”

[บอกฉันสิว่าแกโกหก  ไอ้ไทม์ต้องไม่ได้อยู่ที่นี่  มันจะอยู่ที่นี่ได้ยังไงในเมื่อตอนนี้ไฟมันลามไปทั่วแล้ว!!!]

“แก!!!”

พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!

จักรวาลระดมปล่อยหมัดใส่หน้ากวินทร์ไม่ยั้งจนอีกฝ่ายเลือดกบปาก  สองมือของชายหนุ่มบีบคอเขาไว้แน่น  ความโกรธที่ไม่สามารถดับได้ง่ายๆกำลังเผาผลาญจิตใจเขาให้มอดไหม้…

“ไม่รีบไปตอนนี้มันจะดีเหรอครับ  เด็กคนนั้นสำคัญกับคุณไม่ใช่หรือไง  อีกอย่าง…ต่อให้คุณฆ่าผมตายตรงนี้  ก็ไม่ได้ทำให้ไอ้อวกาศและกาลเวลาปลอดภัยขึ้นเลย”

“…”

“ผมยังมีโจ๊กเกอร์เหลืออยู่นะครับ  ไพ่ตายใบสุดท้ายของผม”

“ภาวนาให้หมาน้อยของฉันปลอดภัยเถอะ   เพราะถ้าเด็กคนนั้นเป็นอะไรไป  ฉันฆ่าแกแน่”

“คุณฆ่าผมไม่ได้หรอก”

ใบหน้าที่เคยยิ้มยั่วโมโหมาตลอดแปรเปลี่ยนเป็นจริงจัง  ทั้งสองต่างก็ต้องตากันไม่ลดละ   บรรยากาศตึงเครียดตลบอบอวลไปทั่วห้อง

“คนเดียวบนโลกนี้ที่ผมไม่เคยคิดจะฆ่าก็คือคุณ  และคนเดียวที่คุณอยากจะฆ่าให้ตายแต่ก็ทำไม่ได้ก็คือผม  เราสองคนต่างรู้เหตุผลดีว่าเพราะอะไร”

“งั้นแกควรได้รู้เอาไว้  บนโลกนี้มีหลายสิ่งที่ทำให้มนุษย์เจ็บปวดได้มากกว่าความตาย”

“…”

“ถ้าหมาน้อยของฉันเป็นอะไรไป  ฉันจะทำให้แกกับพ่อของแกได้ลิ้มรสความเจ็บปวดพวกนั้นเสมือนตายทั้งเป็น  พวกแกจะต้องสูญเสียทุกสิ่ง  ฉันจะทำให้พวกแกพังพินาศจนแทบไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อ  และถึงแม้ว่าพวกแกจะอยากตายแค่ไหนแต่ก็ไม่สามารถตายได้  ความตายจะกลายเป็นสิ่งที่แกสองคนพ่อลูกเรียกหาและต้องการมากที่สุด  จำไว้ให้ดี”

จักรวาลพูดทิ้งท้ายเอาไว้แค่นั้นก็รีบวิ่งออกไป  กวินทร์ขยับตัวนั่งและจัดเสื้อผ้าใหม่  เขายกมอขึ้นลูบมุมปากของตัวเองก่อนจะหัวเราะออกมา

“หมัดหนักไม่เปลี่ยนแฮะหมอนั่น”

ว่าพลางหยิบสร้อยคอที่มีจี้เป็นล็อคเก็ตกลมๆออกมาและเปิดดูสิ่งที่อยู่ด้านใน

รูปถ่ายวัยเด็กของเด็กผู้ชายสองคนที่กำลังกอดคอกันและยิ้มกว้างอย่างมีความสุข

“เมื่อไหร่จะเข้าใจสักทีนะครับ  ว่าสำหรับผมแล้ว  ไม่ว่าใครจะต้องตายเพราะเรื่องพวกนี้ผมก็ไม่สน  เพราะคนเดียวที่ผมไม่อยากให้ตายมีแค่คุณ”

ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่  เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาติดต่อหาใครบางคน

“เริ่มแผนต่อไปได้เลย”

 

“แค่กๆ!  แค่กๆ!”

ควันไฟเริ่มทำให้ผมสำลัก  ตอนนี้มองไปทางไหนก็เจอแต่ควันและเปลวไฟเท่านั้น  ไม่มีเสียงจะตะโกนขอความช่วยเหลือใครแล้วด้วยสิ

อ้าปากทีก็กลืนควันเข้าไปจนจะหายใจไม่ออกแล้วเนี่ย

“เอายังไงดี  จะต้องมากลายเป็นไทม์ย่างอยู่ที่นี่เรอะ”

น่าแปลกที่ในเวลาแบบนี้  คนเดียวที่ผมนึกถึงกลับเป็นคุณจักรวาล  ความสัมพันธ์ของพวกเราเริ่มดีขึ้นเมื่อคืนเองนะ  ทำไมต้องมาเกิดเรื่องบ้าๆตอนนี้ด้วย

“คุณจักรวาล  ผมขอโทษ  ผมมั่นโง่เอง  ทั้งโง่ทั้งซื่อบื้อ  โดนหลอกมาย่างสดกับแผนตื้นๆแบบนั้น ทั้งที่คุณก็เตือนให้ผมระวังแล้ว”

ความจริงคือผมไม่คิดต่างหากว่าตัวเองจะตกเป็นเป้า  เพราะผมไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับพวกเขาเลยนี่นา  เป็นแค่ลูกหนี้ขัดดอกเฉยๆเอง  ทำไมต้องมาโดนหมายหัวไปด้วยจนตอนนี้ก็ยังไม่เข้าใจเลย

“แค่กๆ  แค่กๆ”

ไม่ไหวแฮะ  แสบจมูกไปหมดแล้ว  โรงยิมนี้เก่าและโทรมมากด้วย  ถ้าขืนไฟยังลุกลามต่อไปแบบนี้  อีกไม่นานมันต้องถล่มลงมาแน่เลย

กึกๆ  กึกๆ

เสียงที่ดังขึ้นเหนือหัวเรียกความสนใจจนผมต้องเงยหน้าขึ้นมอง  คานเหล็กจากบนหลังคามันกำลังจะร่วงลงมา

“เย้ย!”

โครม!!!

สะ…เส้นยาแดงผ่าแปด

ผมกระโดดหลบคานเหล็กที่ถล่มลงมาได้อย่างเฉียดฉิว  แต่ควันไฟที่สูดเข้าไปมากมายนั้นเริ่มทำให้ร่างกายอ่อนล้า  นัยน์ตาพล่าเลือนไปทีละนิด  ถึงอย่างนั้นผมก็ยังคงประคองตัวเองให้ยืนไว้  ยังไงผมก็ไม่ยอมตายที่นี่แน่ๆ  ผมยังมีเรื่องอีกมากมายที่จะต้องทำ  ไหนจะที่สัญญากับพวกน้องๆไว้ว่าจะไปรับ  ไหนจะความฝันที่อยากจะเป็นทนายความอีก  ผมยังไม่ได้ทำเรื่องพวกนั้นเลยนะ!

พรึ่บ!

“อ๊ะ! ร้อน!”

ไฟด้านในเริ่มลามไปทั่วจนแทบจะไม่เหลือที่ให้ผมยืน  เพราด้านในมีเบาะรองเก่าๆที่เป็นเชื้อเพลิงอย่างดีอยู่เต็มไปหมดจึงทำให้ไฟยิ่งโหมกระหน่ำ

ทำยังไงดี  ผมจะทำยังไงดี  จะออกไปจากที่นี่ได้ยังไง!

ตึง!  ตึง!  ตึง!

เสียงบางอย่างดังก้องขึ้นภายในโรงยิม  ผมมองไปรอบๆ  ไม่สามารถหาที่มาของเสียงได้ว่าเกิดจากอะไร  ฟังดูเหมือนมีใครกำลังจะพังอะไรสักอย่าง  ให้ตายสิ  ควันไฟพวกนี้ทำผมแสบตาจนเริ่มจะมองอะไรไม่เห็นแล้ว

กึกกึก  กึกกึก

“!!!”

สะ…เสียงแบบนี้อีกแล้ว  หรือว่าคานเหล็กทีเหลือกำลังจะถล่มลงมาอีก!

ผมเงยหน้าขึ้นมอง  แต่อย่างที่บอกว่าควันไฟทำให้ผมแสบตาจนมองเห็นทุกสิ่งไม่ชัด  หนำซ้ำตอนนี้ไม่เหลือพื้นที่ให้ผมหลบไปได้อีกแล้ว

ไม่เอานะ  ผมยังไม่อยากตายสักหน่อย  ผมยังอยากอยู่กับเขา  อยากอยู่กับคุณจักรวาลให้นานกว่านี้  อย่างน้อยก็จนกว่าเรื่องราวร้ายๆพวกนี้จะผ่านไป  ผมอยากจะเป็นกำลังใจให้กับเขา

เขา…ที่คอยปกป้องคนอื่นมาตลอด

ผมแค่อยากจะทำอะไรเพื่อเขาบ้างก็เท่านั้น

กึกกึก!  กึกกึก!

“ไม่ไหวแล้วล่ะครับคุณจักรวาล  ขอโทษที่อยู่เป็นหมาน้อยของคุณต่อไปไม่ได้แล้ว”

กึกกึก!

โครม!!!

ลาก่อน…นะครับ

 

 



บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นท่านจักรวาลตบะแตกขนาดนี้  ช่างเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดเหลือเกิน ศัตรูก็ดูท่าว่าจะมีมันสมองและพละกำลังสูสีกันซะด้วย  แบบนี้งานหินชัดๆ  เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไปกันนะ  น้องไทม์จะปลอดภัยหรือเปล่า?  แล้วกวินทร์ล่ะ  เขามีเหตุผลอะไรถึงทำให้เขาไม่อยากฆ่าจักรวาล  และจักรวาลก็ไม่สามารถฆ่าเขาได้แม้จะอยากฆ่าให้ตายแค่ไหนก็ตาม  มีอะไรผูกมัดพวกเขาสองคนเอาไว้หรือเปล่านะ?

หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 22 (26/08/60) #หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 26-08-2017 13:25:55
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 22 (26/08/60) #หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 26-08-2017 13:45:27
 :m8: :m8: :m8:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 22 (26/08/60) #หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 26-08-2017 18:29:22
 :sad4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 22 (26/08/60) #หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 26-08-2017 18:43:45
 :katai1:ค้างอีกแล้ว
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 22 (26/08/60) #หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: lek2512 ที่ 26-08-2017 19:37:51
 :serius2: :serius2:ค้างอย่างแรง  คืนนี้จะนอนหลับไหม  อร๊ายยยย
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 22 (26/08/60) #หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 26-08-2017 22:36:48
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 22 (26/08/60) #หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 26-08-2017 23:37:16
 :call: :call: ขอให้รอด ๆ สาธุ
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 22 (26/08/60) #หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: muiko ที่ 27-08-2017 00:04:38
อย่าเป็นไรน้าไทม์
นี่กวิน คิดไรกะจักรวาลรึเปล่าเนี่ย
 :hao4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 22 (26/08/60) #หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: buathongfin ที่ 27-08-2017 07:39:39
เฮ้อ เหนื่อยลุ้น หลายปมเหลือเกิน
หัวข้อ: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 23 (27/08/60) #หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 27-08-2017 10:57:53


ตอนที่ 23

เบาะแส

 

‘ลืมตาเถอะ  ลูกรักของแม่  ได้เวลาตื่นแล้วนะคะ…’

 

สะ…เสียงใคร?

 

‘มันยังไม่ถึงเวลาของลูก  กาลเวลา…กลับไปได้แล้ว’

 

ลูก?  หมายถึงผมงั้นเหรอ  คุณเป็นใคร  เสียงใครกันแน่  ไม่ใช่เสียงแม่ผมสักหน่อย  แล้วทำไมถึงเรียกผมว่าลูกล่ะ

 

‘กาลเวลา  ลูกแม่…’

‘ลูกแม่…’

 

“ไอ้ไทม์  ไอ้ไทม์!”

“!!!”

ผมลืมตาโพล่ง  ลมหายใจหอบถี่ราวกับไปแข่งวิ่งมาราธอนมา  เสี้ยววินาทีที่ลืมตาขึ้นมานั้น  เสียงหวานๆที่เรียกชื่อผมยังดังก้องอยู่ในหู

“มึงฟื้นแล้ว เฮ้ย! ไอ้ไทม์ฟื้นแล้ว”

หันไปทางต้นเสียง  ไอ้เฟี้ยวดึงมือผมไปจับไว้  สีหน้าของมันแสดงถึงความดีใจสุดๆก่อนที่คุณอวกาศจะเดินตามมายืนข้างๆมันอีกที

“ไอ้เฟี้ยว  คุณอวกาศ  ที่นี่…”

“โรงพยาบาล  มึงหลับไปสองวันเต็มๆเลยรู้หรือเปล่า  หมอบอกว่ามึงสำลักควันไฟมากเกินไป  โชคดีจริงๆที่รอดตายมาได้  กูนึกว่าจะตายห่าโดยย่างสดไปซะแล้ว”

สำลักควันไฟ…โดนย่างสด?

คำบอกเล่าของไอ้เฟี้ยวทำให้เรื่องราวบางอย่างค่อยๆกลับเข้ามาในความคิด  จริงด้วยสิ ผมหลงกลกับดักบ้าๆของพวกคนเลวจนเกือบโดนย่างสดอยู่ในโรงยิมเก่านี่หว่า  แล้วถ้างั้นทำไม…

“กูรอดมาได้ยังไง?”

นี่แหละที่สงสัย

ไอ้เฟี้ยวไม่ตอบ  มันพยักพเยิดปางฝั่งตรงข้ามของตัวเอง  ผมหันกลับไปมองตามสายตาของไอ้เฟี้ยวก็พบว่าข้างเตียงพักฟื้นของผมมีอีกเตียงหนึ่งตั้งอยู่  และบนเตียงก็…

“คุณจักรวาล!”

หัวใจหล่นวูบไปที่ตาตุ่ม  คุณจักรวาลนอนนิ่งอยู่บนเตียงข้างผม  ที่หัวของเขามีผ้าพันแผลพันเอาไว้  ตามแขนตามขาและลำตัวก็เช่นกัน

“หมายความว่าไงไอ้เฟี้ยว  ทำไมคุณจักรวาลถึงบาดเจ็บ”

“เจ้าบ้านั่น…พอตามมาถึงที่โรงยิมแล้วรู้ว่าไฟมันลามไปทั่วจนไม่มีใครเข้าไปช่วยมึงได้  มันก็บ้าเลือด  พุ่งเข้าไปถีบประตูเล็กๆที่ด้านหลังห้องเก็บของของโรงยิมอีกทีเพื่อจะบุกเข้าไป  ทั้งที่ประตูนั้นเต็มไปด้วยไฟที่ลุกลาม  แต่มันก็ไม่สน  พอเอาน้ำราดตัวจนเปียกได้ก็ฝ่าความร้อนถีบประตูจนพังแล้วก็เข้าไปช่วยมึงออกมานั่นแหละ”

เล่ามาซะเห็นภาพ

แสดงว่าเสียงที่ผมได้ยินเหมือนมีใครกำลังจะพังอะไรเข้ามาในตอนนั้นก็ไม่ได้คิดไปเอง  แต่เป็นคุณจักรวาลที่กำลังเสี่ยงชีวิตเพื่อเข้ามาช่วยผม

“กูไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างใน  เพราะพอจะตามเข้าไปก็มีคานเหล็กถล่มลงมาจนไฟลุกปิดทางออก  ไอ้อวกาศเลยบอกให้กูช่วยกันเอาน้ำมาดับไฟตรงประตูที่หมอนั่นพังเข้าไปให้ได้  เพราะเชื่อว่ามันจะต้องพามึงกลับออกมาทางเดิม  สักพักก็มีเสียงเหมือนมีอะไรถล่มด้านใน  ไม่นานมึงในสภาพสลบเหมือดก็ถูกมันที่เลือดโชกและตามตัวมีร่องรอยของการโดนไฟลวกอุ้มออกมา  พอส่งมึงให้ไอ้อวกาศปุ๊บ  มันก็ล้มลงไปเลย  จนป่านนี้ก็ยังไม่ฟื้น”

ผมยกมือขึ้นคลำไปตามหัวและใบหน้าของตัวเองบ้าง  แต่ปรากฏว่าไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนใดๆ  จำได้ว่าก่อนที่จะหมดสติไป  คานเหล็กด้านบนกำลังจะถล่มลงมาอีก  เท่ากับว่าการที่ผมไม่มีบาดแผลใดๆเลยก็เพราะ…

คุณจักรวาลมาช่วยผมไว้ได้ทัน  เอาตัวเองบังตัวผมไว้และถูกคานเหล็กติดไฟร้อนๆพวกนั้นถล่มทับแทนสินะ…

“ทำไม…”

“ไอ้บ้านั่น…บ้าจริงๆ  ทั้งบ้า  ทั้งโง่”

“เพราะกู   เพราะความโง่ของกูคุณจักรวาลถึงต้องเจ็บตัวแบบนี้  ทั้งหมดเป็นเพราะกู!”

ผมร้องไห้ออกมาอย่างบ้าคลั่ง  ความรู้สึกผิดแล่นปราดไปทั่วหัวใจ  ยิ่งเห็นสภาพของเขาที่มีบาดแผลไปทั่วทั้งตัวแบบนี้ผมก็ยิ่งเจ็บ

เจ็บเหมือนใจจะขาดอยู่แล้ว

“อย่าคิดแบบนั้นสิ  พี่จักรวาลต้องคิดอย่างดีแล้วก่อนที่จะเข้าไปช่วยนาย”

“ผมขอโทษนะครับคุณอวกาศ  ที่ทำให้พี่ชายของคุณต้องเป็นแบบนี้”

“ไม่ต้องกังวลหรอกน่า  เจ้าพี่บ้าของฉันหัวแข็งยิ่งกว่าเหล็กพวกนั้นอีก  ที่ยังไม่ฟื้นก็แค่เหนื่อยและพักผ่อนไม่เพียงพอเท่านั้นแหละ  ส่วนแผลที่โดนไฟลวกพวกนั้น  พอแผลแห้งหมั่นทานยาทายาตามที่หมอสั่งก็ไม่มีอะไรแล้ว  โชคดีที่ชุดพวกนั้นเปียกน้ำ  ก็เลยไม่ได้ลวกถึงผิวหนังอะไรมาก  ยังไงก็ไม่เสียโฉมหรอก”

คุณอวกาศร่ายยาวก่อนจะปิดท้ายด้วยการส่งยิ้มให้ผมอย่างใจดี  ถึงอย่างนั้นถ้าจะไม่ให้ผมกังวลก็คงเป็นไปไม่ได้  เพราะเขาต้องบาดเจ็บก็เพื่อช่วยคนโง่อย่างผม

ทำไมต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อลูกหนี้ขัดดอกอย่างผมขนาดนี้ด้วย  กลัวไม่ได้เงินสิบล้านที่ติดไว้งั้นเหรอ?

“ไหนๆนายก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว  ฉันมีเรื่องสำคัญจะบอกนายสองคน”

“เรื่องอะไร?”

ไอ้เฟี้ยวรีบถามทันที

“ก่อนที่พี่จะสลบไป  พี่ส่งสิ่งนี้ให้กับฉัน”

คุณอวกาศหยิบบางอย่างออกมาจากในกระเป๋ากางเกง  มันคือปากกาสีทองหรูดูแพงโคตรๆ  ก่อนที่จะได้อ้าปากถามอะไรต่อ  เขาก็จัดการกดตรงปลายปากกาเสียก่อน  เสียงบทสนทนาดังออกมาจากปากกานั่น!

นะ…นี่มัน…เครื่องอัดเสียง?!

ผมกับไอ้เฟี้ยวมองหน้ากันเพราะเสียงของคนๆหนึ่งในบทสนทนานั้นมันคือเสียงของคุณจักรวาล  และอีกคนก็ดูท่าว่าจะเป็นคุณกวินทร์  พวกเราสามคนนิ่งเงียบฟังสิ่งที่ถูกอัดไว้อย่างตั้งใจ

 

‘มาทำไม’

‘ไม่เอาน่า  คุณอย่าทำเป็นไม่รู้หน่อยเลยว่าผมมาทำไม SD การ์ดอยู่ที่ไหนครับ”

‘ฉันไม่เข้าใจว่าแกพูดถึงเรื่องอะไร’

‘ผมลืมไป  ว่าระหว่างพวกเรามันไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากากเข้าหากัน  งั้นผมจะขอพูดตรงๆเลยแล้วกันนะครับ  เอา SD การ์ดที่จะเป็นหลักฐานทำลายพวกผมได้มาหน่อยครับ’

‘ฉันไม่มีของแบบนั้น’

‘อย่าทำแบบนี้สิครับ  คุณน่าจะรู้ดีนะว่าเพราะอะไรผมถึงยังปล่อยให้คุณมีชีวิตรอดเป็นหอกข้างแคร่คอยทิ่มตำผมตลอดเวลาแบบนี้  เรามาเจรจากันดีๆดีกว่านะครับ  ถ้าคุณเอา SD การ์ดมาให้ผมได้  ผมจะ…’

 

กริ๊ก!

คุณอวกาศกดปิดส่วนที่เหลือไม่ยอมให้ฟังต่อ  เขาเก็บมันใส่กระเป๋ากางเกงตามเดิมก่อนจะยิ้มแป้นใส่

“ปิดทำไมวะ  เมื่อกี้เหมือนมันยังพูดไม่จบไม่ใช่หรือไง”

“ไม่มีอะไรหรอก  ที่เหลือมันก็แค่ทะเลาะกันไปมาน่ะ  สาระสำคัญมีแค่เรื่องที่ฉันให้พวกนายฟังเท่านั้น”

“แน่ใจนะ  ไม่ใช่ว่ามีอะไรมากกว่านั้นแล้วคิดที่จะปกปิดหรือไง”

“ไม่มีๆ  มีแค่นั้นจริงๆ”

ดูเหมือนไอ้เฟี้ยวจะไม่ค่อยเชื่อใจคุณอวกาศ  มันหรี่ตามองเขาอย่างจับผิด  ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์มาจับผิดใครทั้งนั้นแหละ  สิ่งที่ผมคิดมีแค่เรื่องเดียวคืออยากให้คุณจักรวาลฟื้นขึ้นมาไวๆ  เพราะถ้าเขายังไม่ยอมตื่น  ผมก็ไม่สบายใจสักที

“แล้วยังไง  สรุปว่าไอ้สาระสำคัญที่ให้ฟังเนี่ย  มันคืออะไร  ไอ้ SD การ์ดนั่นน่ะเหรอ”

“ใช่  ฉันคิดว่ามันอาจจะเป็นสิ่งที่มาเรียซ่อนเอาไว้”

“แกกำลังจะบอกว่า…พี่มี SD การ์ดที่สามารถเป็นหลักฐานทำลายพวกมันได้เก็บไว้กับตัวและเอาไปซ่อนไว้ในที่ปลอดภัยสินะ”

“ถูกต้อง  ถ้าการที่ไอ้กวินทร์มันลงทุนมาตามหาเองแบบนี้แสดงว่าต้องเป็นหลักฐานที่สำคัญมาก  ถึงขนาดน็อกพวกมันได้ในครั้งเดียวแน่ๆ”

“แบบนี้ก็ต้องรีบหาให้เจอสิครับ  ยิ่งจัดการพวกเขาได้เร็วเท่าไหร่  ทุกคนก็จะยิ่งปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น  จากเหตุการณ์คราวนี้ผมมั่นใจเลยว่าพวกมันทำได้ทุกอย่างไม่เกี่ยงวิธีแน่ๆ”

ผมออกความเห็นไปบ้าง  แม้ในใจจะยังมีคำถามมากมายว่าเล่นงานกูไปแล้วได้เหี้ยอะไรก็เถอะ…

สมบัติติดตัวก็ไม่มี  ชาติตระกูลก็ไม่มี  ถึงฆ่าผมได้ก็คงได้เงินไปไม่ถึงร้อยบาทหรอก  แล้วถ้างั้นพวกมันมีเหตุผลอะไรถึงมาเล่นงานผมกันนะ?

ให้ตายสิ  ยิ่งคิดเรื่องนี้ก็ยิ่งปวดหัว  ไม่เห็นจะเข้าใจเลย!

“แต่นายฟื้นก็ดีแล้ว  ฉันให้คนคอยเฝ้าอยู่หน้าห้องตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง  มีอะไรก็เลี้ยงพวกนั้นได้  ส่วนนาย  ฉันฝากดูแลพี่จักรวาลด้วย  พอดีฉันมีเรื่องต้องจัดการนิดหน่อย  แล้วกะว่าจะแวะไปที่บ้าน  ดูว่าพี่จักรวาลลิสต์รายชื่อสถานที่แห่งความทรงจำพวกนั้นไปถึงไหนแล้ว”

“ได้ครับ  ไม่ต้องเป็นห่วง”

“อย่าฝืนล่ะ  แล้วก็ไม่ต้องโทษตัวเองด้วย”

มือหนายื่นมาลูบหัวผมเบาๆก่อนจะออกจากห้องไป  ไอ้เฟี้ยวมองตามจนเหลียวหลัง  ท่าทางมันจะยังสงสัยไม่เลิกแฮะ

“มึงสงสัยคุณอวกาศใช่ไหม”

“อือ  กูว่าเหมือนมันมีอะไรปิดบัง  ตั้งแต่เรื่องพี่แล้ว  ท่าทางมันจะยังบอกอะไรไม่หมด  ที่สำคัญเลยก็คือ…ไอ้เครื่องอัดเสียงเมื่อกี้  มันต้องมีอะไรต่อจากนั้นแน่ๆ”

“คิดมากน่า  มึงคงไม่คิดว่าคุณอวกาศจะเป็นพวกเดียวกับพวกนั้นแล้วทำร้ายพี่ชายตัวเองหรอกนะ”

“ไม่ใช่เฟ้ย  กูแค่แปลกใจ”

“เรื่อง?”

“มึงไง”

“หา?”

ผมชี้เข้าหาตัวเอง  มันกำลังจะบอกว่าสงสัยคิดว่าผมเป็นคนร้ายวางเพลิงย่างสดตัวเองใช่ไหม!

โป๊ก!

“โอ๊ย!  อะไรวะ  เขกหัวกูอีกแล้ว”

“ดูหน้ามึงก็รู้  กูไม่ได้สงสัยว่ามึงเป็นคนร้ายวางเพลิงย่างสดตัวเอง  แต่กูกำลังสงสัยและแปลกใจว่าทำไมไอ้กวินทร์มันถึงเลือกทำร้ายมึง  จะบอกว่าเพื่อใช้เป็นตัวล่อไอ้จักรวาลงั้นเหรอ?  ถ้าเป็นแบบนั้นเผาไอ้อวกาศไม่ง่ายกว่าหรือไง  แบบนั้นน่าจะทำมันตายทั้งเป็นมากกว่า”

“กูก็สงสัยเรื่องนี้เหมือนกัน  แต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก”

“งั้นเดี๋ยวกูมา”

“ไปไหน?”

“สะกดรอยตาม!”

“ตาม?  ตามใครวะ?”

“ตามป้ามึงมั้ง!  ก็ต้องตามไอ้อวกาศสิเว้ย  กูอยากรู้ว่ามันกำลังคิดจะทำอะไรอยู่  มึงอยู่คนเดียวได้ใช่ไหม”

“อ่อ…ได้ๆ  ไม่เป็นไร”

“งั้นกูไปนะ”

มันจบบทสนทนาอย่างรวดเร็ว  รีบเปิดประตูวิ่งตามคุณอวกาศออกไป  ระหว่างที่ผมยังรักษาตัวอยู่ที่นี่คงต้องอาศัยมันช่วยตามสืบเรื่องพวกนี้ก่อนแล้วล่ะ

ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง  ผมค่อยๆยันตัวลุกขึ้น  แม้จะไม่ได้บาดเจ็บอะไรแต่การหลับไปสองวันเต็มๆก็ทำเอาเบลอไปเหมือนกัน  กว่าจะขยับตัวลงจากเตียงเดินไปหาคุณจักรวาลได้นี่แทบคลานกันเลยทีเดียว

“คุณจักรวาล  ได้ยินเสียงผมไหมครับ”

“…”

“นอนนานเกินไปแล้วนะ  รีบๆตื่นสักทีสิ  ผมมีเรื่องจะถามคุณมากมายเลย”

“…”

“ทำไมล่ะครับ  ทำไมถึงช่วยคนอย่างผม  ทำไมต้องเอาชีวิตที่แสนมีค่าของตัวเองมาเสี่ยงกับคนไร้ค่าอย่างผมด้วย  ทั้งที่ผม…แม้แต่ตัวผมเอง  ที่ผ่านมาผมยังไม่เคยมองว่าตัวเองมีค่าเลยด้วยซ้ำ  ทั้งที่คิดแบบนั้นมาตลอดชีวิต  แต่ว่า…แต่ว่า…”

“…”

“เพราะคุณ  คุณทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองมีค่าขึ้นมา  ทำให้ผมอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อเพื่อสร้างคุณค่าในตัวเองให้มากกว่านี้  ฮึก!  ผมจะ…จะไม่ยอมแพ้อีกแล้วนะครับ  จะไม่ยอมถอดใจและยอมตายง่ายๆอีก  เพราะชีวิตของคุณอยู่ในนี้  ในตัวผม”

ผมเลื่อนมือขึ้นจับที่หัวใจของตัวเอง  ใบหน้าซีดเซียวยังคงหลับสนิทไร้การเคลื่อนไหว  ในเวลาแบบนี้ก็ยังทำได้แค่ร้องไห้เท่านั้น

รีบๆตื่นขึ้นมาเถอะนะครับ  จะได้มาสั่งสอนหมาน้อยไม่เอาไหนตัวนี้ของคุณไงล่ะ…

 

“เจอแล้วล่ะๆๆๆ”

เสียงร้องตะโกนดังลั่นห้องจนผมตกใจสะดุ้งตื่น  เผลอหลับไปตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันหว่า?

“อ้าว  อยู่คนเดียวเหรอไทม์  เฟี้ยวล่ะ?”

คุณอวกาศผู้เป็นเจ้าของเสียงตะโกนนั้นถามพลางมองไปรอบๆ  ผมเผลอหลับไปบนเก้าอี้ข้างเตียงคุณจักรวาลตอนไหนก็ไม่รู้  สงสัยคงร้องไห้จนหลับไปแหงๆ

“อยู่นี่”

คนถูกถามถึงเปิดประตูตามเข้ามา  ท่าทางมันเหมือนคนอดหลับอดนอนมาทั้งคืนเลย  อย่าบอกนะว่าสะกดรอยตามคุณอวกาศทั้งคืนเลยน่ะ

“นายไปไหนมาเหรอ”

“ธุระของฉัน  ว่าแต่แกเหอะ  ได้อะไรบ้าง”

“จริงสิ  ดูเหมือนว่าพี่จะลิสต์รายชื่อสถานที่ต้องไปเสร็จแล้วนะ  นี่ไง”

คุณอวกาศกางกระดาษแผ่นหนึ่งให้ดู  มีรายชื่อสถานที่ต่างๆเขียนไล่ลำดับลงมา  ยะ…เยอะขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย

“ต้องใช้เวลากี่วันกว่าจะไปหมดทุกที่ฟะ  ไหนจะต้องหาอีกว่าพี่เอา SD การ์ดพวกนั้นซ่อนไว้ที่ไหนในสถานที่นั้น  ไม่ใช่เวลาเป็นเดือนเลยหรือไง”

“ถึงจะนานแค่ไหนก็ต้องหา   ระหว่างที่พี่จักรวาลยังไม่ฟื้น  ฉันกับเฟี้ยวจะเป็นคนไปตามหาก่อน  ช่วงนี้นายคอยดูแลเขาอย่างใกล้ชิดแล้วกันนะ  อ้อ  งดไปโรงเรียนชั่วคราวด้วย”

“ได้ครับ  พวกคุณสองคนต้องระวังตัวด้วยนะ   ถ้ามีอะไรจะให้ผมช่วยก็ติดต่อมาเลยนะครับ”

“งั้นพวกฉันไปก่อนนะ  แล้วเจอกัน”

“เฮ้ย!  อะไรวะ  จะไปเลยเหรอ!”

“ทุกนาทีตอนนี้มีค่า  ไม่รู้ว่าพวกนั้นมันจะเริ่มเคลื่อนไหวอีกเมื่อไหร่  ถ้าอยากชนะ  เราต้องนำมันก้าวหนึ่งเท่านั้น” 

คุณอวกาศสบตาไอ้เฟี้ยวอย่างจริงจัง  จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับผมทำให้ผมอดเป็นห่วงพวกเขาไม่ได้เลย  ถ้าเกิดอันตรายอะไรขึ้นในช่วงที่คุณจักรวาลยังไม่ฟื้นล่ะจะทำยังไง?

แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว

“เออๆ  ไปก็ไป  ไว้กูจะโทรหานะ”

“อืม  ดูแลตัวเองกันด้วย”

ทั้งสองคนพยักหน้ารับก่อนตะเดินตรงไปที่ประตู  มาเร็วเคลมเร็วกันฉิบหาย  แต่อย่างว่าล่ะ  ชีวิตของทุกคนแขวนอยู่บนเส้นด้ายที่มองไม่เห็นด้วยกันทั้งนั้น

“ไทม์…”

เสียงทุ้มแต่แหบพร่าดังขึ้น  สองคนที่กำลังจะเปิดประตูออกไปชะงัก  ผมเบิกตากว้าง  หันกลับไปมองต้นเสียงที่คุ้นเคยด้วยความดีใจ

ร่างสูงค่อยๆขยับเปลือกตาขึ้น  ริมฝีปากซีดขยับขึ้นลงเหมือนต้องการจะพูดอะไรต่อ  คุณอวกาศและไอ้เฟี้ยวรีบวิ่งกลับมาล้อมเตียงของคุณจักรวาลไว้

“พี่!  พี่ฟื้นแล้ว!”

“คุณจักรวาลครับ  คุณจักรวาล!”

“ไทม์…”

“ครับ  ผมอยู่นี่”

หัวใจเต้นรัวเมื่อชื่อแรกที่เขาเอ่ยถึงคือผม  ก็รู้อยู่หรอกว่าไม่ใช่เวลาจะมาดีใจหรือว่าเขินอายตอนนี้  แต่ว่า…

เขาเรียกชื่อผมเลยนะ!  เรียกหาผมเป็นคนแรกเลยด้วย!

“ไม่ใช่…”

“หา?”

ท่าทางคุณจักรวาลจะเปล่งเสียงลำบาก อาจเพราะหลับไปสามคืนเต็มๆและยังบาดเจ็บอีก  เสียงเลยคอนข้างแหกผากและคอคงจะแห้งมากๆ  พวกเราต่างลุ้นจนตัวโก่งว่าเขาต้องการจะพูดอะไร

“ไทม์…”

ก็บอกว่าอยู่นี่ไงเล่า!

“แคปซูล”

เอิ่ม… พวกเราสามคนเงยหน้ามองกันทันทีที่มีอีกประโยคตามมาต่อจากชื่อของผม  ไม่สิ  ผมชักไม่มั่นใจแล้วว่าเขาเรียกชื่อผมจริงหรือเปล่า?

“สะ…สถานที่แห่งความทรงจำของพวกเรา”

“…”

“ไทม์แคปซูลไงล่ะ…”

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  เข้าใกล้ความจริงเข้าไปทุกทีแล้ว  ท่าทางการได้หลับไปสามวันเต็มๆจะทำให้คุณจักรวาลนึกอะไรขึ้นมาได้  พวกเขาจะสามารถตามหา SD การ์ดนั้นเจอก่อนพวกของกวินทร์ไหมนะ?  แล้วอวกาศกำลังปิดบังอะไรอยู่กันแน่  เห็นทีคงต้องส่งไม้ต่อให้เฟี้ยวช่วยตามไขความจริงของเรื่องนี้ให้พวกเราแล้วล่ะ

ต่อไปเป็นการตอบคำถามนักอ่านหลายคนมากๆ  ที่หลังจากอ่านตอนที่แล้วจบแล้วต่างก็คิดกันว่ากวินทร์แอบรักจักรวาล 55555+ จนตอนนี้หลายคนเริ่มงุนงงและคิดว่าเป็นรักหลายเส้า  ไม่ใช่นะคะไม่ใช่  ยังคงตามพล็อตเดิมที่วางไว้คือรักสามเส้าเท่านั้น  จะเป็นใครก็คงไม่ต้องบอกเนอะ  ชัดเจนอยู่แล้ว  โฮะๆๆๆ

 

หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 23 (27/08/60) #หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 27-08-2017 14:18:57
ถ้ากวินทร์ไม่ได้หลงรักจักรวาลก็อาจจะเป็นไปได้ว่าทั้งคู่เป็นพี่น้องพ่อแม่เดียวกัน แต่โดนแยกกันเลี้ยงคนละที่แล้วจักรวาลไม่รู้
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 23 (27/08/60) #หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 27-08-2017 19:13:56
 :z3:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 23 (27/08/60) #หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 27-08-2017 19:45:08
 :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 23 (27/08/60) #หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 27-08-2017 20:51:39
ยิ่งอ่านยิ่งลุ้น
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 23 (27/08/60) #หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 27-08-2017 20:56:10
มีปมให้ต้องแก้เพิ่มอีกแล้ว เยอะจังไอ้ปมเนี่ย  :เฮ้อ:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 23 (27/08/60) #หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 27-08-2017 22:50:47
ถ้ากวินทร์ไม่ได้หลงรักจักรวาลก็อาจจะเป็นไปได้ว่าทั้งคู่เป็นพี่น้องพ่อแม่เดียวกัน แต่โดนแยกกันเลี้ยงคนละที่แล้วจักรวาลไม่รู้

ก็คิดว่ากวินทร์ ชอบจักรวาลเหมือนกัน
แต่พอมีรูปคู่ในล็อกเก็ต
ก็น่าสงสัยที่ว่าเป็นพี่น้องกัน
โอ๊ย.........ปมเยอะสุดๆ

ไทม์แคปซูล
สี่คนเคยขุดดิน ฝังไทม์แคปซูล เก็บของไว้ด้วยกันสินะ :hao3: :hao3: :hao3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 23 (27/08/60) #หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 28-08-2017 08:27:54
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 23 (27/08/60) #หน้า7
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 28-08-2017 09:54:12
พอจะเดาอะไรๆได้บ้างละ
แต่ว่านะ จะต้องเจ็บตัวกันอีกเยอะเท่าไหร่น้าา
หัวข้อ: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 24 (28/08/60) #หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 28-08-2017 13:12:31


ตอนที่ 24

ไทม์แคปซูลแห่งความทรงจำ

 

“เอ่อ…อย่าบอกนะครับ  ว่าสถานที่แห่งความทรงจำที่ว่านั่นก็คือ…”

“…”

“ในสวนบ้านนี้”

ตัดภาพไปยังสถานที่ตรงหน้าของผมตอนนี้  ไม่คิดเลยว่าจะอยู่ใต้จมูกนิดเดียวเอง  สวนบ้านของคุณจักรวาลเนี่ยนะ!!!

“ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้นนะ”

คุณอวกาศยิ้มแห้งเหือด  จะบอกอะไรให้ว่าพวกบ้าสามคนนี้มันลืมเรื่องไทม์แคปซูลที่เคยฝังไว้เมื่อตอนเด็กๆไปซะสนิทเลยล่ะ!  พอคุณจักรวาลที่ฟื้นขึ้นมาเมื่อวานพูดถึงเรื่องนี้ก็เลยถึงบางอ้อกันเป็นแถบๆ

อาจารย์มารีอาครับ  อาจารย์ตั้งความหวังกับคนพวกนี้มากไปแล้ว  เฮ้อ!

“แล้ว…ยังไงล่ะครับ  ฝังไทม์แคปซูลกันไว้ตรงไหนเหรอ  จะได้ช่วยกันขุดขึ้นมาเร็วๆ”

ไม่มีเสียงตอบรับจากเลขหมายที่ผมเรียก

ความเงียบทำให้ผมต้องหันกลับไปมองพวกเขาทีละคน  แต่ละคนต่างก็เสมองกันไปคนละทางทั้งที่ข้างแก้มมีเหงื่อเม็ดเป้งหยดติ๋งๆ

“ล้อเล่นใช่ไหมครับ”

“…”

“ไม่มีใครจำได้เลยเรอะว่าฝังไว้ที่ไหน!”

ขะ…ขอเอฟเฟกตฟ้าผ่าหน่อยเถอะ  กูล่ะอยากจะร้องไห้!  อุตส่าห์รู้แล้วว่า SD การ์ดนั้นน่าจะถูกซ่อนอยู่ในไทม์แคปซูล  ทั้งที่รู้ถึงขนาดนี้แล้วแท้ๆแต่พวกเขากลับ…!

จำไม่ได้ว่ามันฝังไว้ที่ไหน…

“ตะ…แต่ว่ากูมีวิธีหานะ!”

ไอ้เฟี้ยวที่เอาแต่ยืนทำหน้าเจื่อนมาตั้งแต่ต้นพูดขึ้นมา  ผมรีบหันไปมองมันอย่างมีความหวังขึ้นมาทันที  อย่างน้อยก็มีวิธีหาสินะ  ค่อยยังชั่ว  นับว่ามันยังพึ่งพาได้บ้าง  แบบนี้สิถึงจะเรียกว่าเพื่อนกู!

“ขุดกันเถอะ”

ไม่ใช่แค่ไอ้เฟี้ยวเท่านั้น  แต่คุณจักรวาลและคุณอวกาศเองก็ทำเหมือนกัน  ทั้งสามคนหยิบพลั่วออกมาชูตรงหน้าผม ( ก่อนหน้านี้เอาไปแอบไว้ตรงไหนของร่างกายฟะ! )

“ไอ้เฟี้ยว…”

“กะ…กูเตรียมมาเผื่อมึงด้วยนะ”

“แบบนี้มันช่วยอะไรได้ล่ะเฟ้ย!”

ผมตวาดลั่นพลางดึงพลั่วจากมือมันมาถือไว้  ให้ตายสิ คนพวกนี้ไม่มีความละเอียดอ่อนกันเลย  ไทม์แคปซูลแห่งความทรงจำในวัยเด็กของตัวเองกันแท้ๆ  แต่กลับไม่มีใครจำได้เลยแบบนี้  ที่ผ่านมาอาจารย์มารีไปฝึกวิชารับมือพวกเขาจากสำนักไหนกันนะ  อยากไปฝึกบ้างจังเลย

“ให้ทำไงได้วะ  ก็คนมันจำไม่ได้นี่หว่า  ตอนนั้นกูเพิ่งจบชั้นอนุบาลด้วยซ้ำ  ถ้าจะโทษล่ะก็  โทษไอ้สองคนนี้นี่  แม่งโตกว่ากูอีก  เสือกจำไม่ได้”

“ฉันเองตอนนั้นก็เพิ่งจะสิบสี่เองนะ”

คุณอวกาศเสริมต่อ  สุดท้ายสายตาของทุกคนก็มองไปยังคนที่โตที่สุดในตอนนั้น

“ตอนนั้นแกอายุยี่สิบสี่ไม่ใช่หรือไง”

คนถูกโบ้ยหันหน้าหนี  หลังจากที่ตื่นขึ้นมาแล้วเขาก็ฟื้นตัวได้รวดเร็วอย่างน่าประหลาด  เมื่อเช้าเลยทำเรื่องขอออกจากโรงพยาบาลในทันที

“คุณจักรวาลนึกอะไรไม่ออกเลยเหรอครับ”

“ไม่  จำได้แค่ว่าจู่ๆวันนั้นยัยนั่นก็วิ่งเข้ามาโวยวายบอกให้ฝังไทม์แคปซูลกันเถอะ”

“ใช่ๆ  ฉันเองก็ถูกลากมาร่วมด้วย  ตอนนั้นกำลังนอนกลางวันสบายใจอยู่เลย  อารมณ์มันเลยครึ่งหลับครึ่งตื่น  จำอะไรไม่ค่อยได้”

“ส่วนกูไม่ต้องพูดถึง  อายุเท่านั้น  จำได้แค่ว่าพี่มาบอกให้เอาของที่ชอบที่สุดไปฝังดินไว้แล้ว  แล้วอีกยี่สิบปีต่อมามันจะงอกขึ้นมาจากพื้น  ออกดอกออกผลเหมือนผลไม้ให้ได้เก็บ”

“ละ…แล้วมึงใส่อะไรลงไป”

ไอ้เฟี้ยวทำหน้านึกก่อนจะยักไหล่อย่างไม่สนใจ

“ไม่รู้ว่ะ  ความคิดตอนหกขวบใครจะไปจำได้”

“แล้วพวกคุณสองคนล่ะครับ  ฝังอะไรลงไปเหรอ”

“ฉะ…ฉันว่าเราลงมือขุดเลยดีกว่านะ  เดี๋ยวจะมืดค่ำซะก่อน”

คุณอวกาศเปลี่ยนเรื่อง เขารีบตรงไปที่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งแล้วลงมือขุดอย่างจริงจัง  อยากรู้จริงๆว่าฝังอะไรลงไป!

“นั่นสิ  งั้นเดี๋ยวกูไปขุดตรงนั้นละกัน”

ไอ้เฟี้ยวแยกออกไปอีกทาง  เหลือแค่ผมกับคุณจักรวาลที่ยืนมองหน้ากันอยู่  เขาฝังอะไรลงไปนะ  คนนิสัยแบบนี้กับไทม์แคปซูล…

อืม…จินตนาการไม่ออกเลยแฮะ

“ไหวแน่นะครับ  ผมว่าคุณไปพัก…”

“ฉันไหว  ไม่ต้องกังวล”

มือหนาวางลงบนหัวผมก่อนจะเดินไปลงมือขุดดินที่อีกจุด  ทั้งสามคนแยกกันขุดหาไทม์แคปซูลอย่างขะมักเขม้น  ผมเองก็ต้องทำอย่างเต็มที่เหมือนกัน!

 

สามชั่วโมงผ่าน

เคร้ง!

“มะ…ไม่ไหวแล้ว  เหนื่อยฉิบหาย  มือกูพองหมดแล้วเนี่ย”

ไอ้เฟี้ยวโยนพลั่วทิ้งลงกับพื้นหลังจากที่ช่วยกันขุดดินในสวนมาสามชั่วโมงเต็มๆ  ไอ้ครั้นจะให้พวกบอดี้การ์ดหรือคนในบ้านมาช่วยคุณจักรวาลก็ไม่ยอมเพราะไม่อยากให้ใครรู้เรื่องไทม์แคปซูลนี้นอกจากพวกเรา

“ฉันเพิ่งรู้นะว่าสวนในบ้านมันกว้างขนาดนี้  เอาไว้เดินสวนสนามกันหรือไง”

คุณอวกาศที่ใช้มือข้างหนึ่งเท้าต้นไม้ไหวบ่นอุบ  หน้าเขาแดงแปร๊ดเพราะแดดที่ร้อนจัด  เสื้อผ้าที่ใส่อยู่ก็ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ

ผมหันไปทางคุณจักรวาลที่เป็นคนที่ไม่ได้บ่นอะไร  เขายังขุดหามันอยู่  ทว่าใบหน้าเริ่มจะซีดเซียวอาจเพราะเพิ่งฟื้นและยังบาดเจ็บอยู่ก็เป็นได้  ไม่ได้การล่ะ  ขืนปล่อยไว้แบบนี้ต้องหามเข้าโรงพยาบาลอีกรอบแน่ๆ  คนอื่นๆเองก็เริ่มจะเหนื่อยแล้วด้วย  เอายังไงดีนะ  มันต้องมีวิธีหาที่ง่ายกว่านี้สิ  วิธีดีๆที่ไม่สุ่มขุดไปเรื่อยแบบนี้!

อ๊ะ!  จริงสิ  ลมเรื่องนั้นไปเลย

“จะว่าไป  ไทม์แคปซูลพวกนี้ถูกฝังไว้กี่ปีแล้วเหรอครับ”

“ก็…เกือบๆสิบสองปีได้แล้วล่ะ  ทำไมเหรอ”

“ถ้าการที่ SD การ์ดถูกนำมาซ่อนไว้ในไทม์แคปซูลที่ฝังลงไปเมื่อสิบสองปีก่อน  แสดงว่าอาจารย์มารีอาจำที่ที่ฝังเอาไว้ได้และขุดมันขึ้นมาอีกครั้งเพื่อเอา SD การ์ดใส่ลงไป  ถูกไหมครับ”

“จริงด้วย  ตามทฤษฎีก็น่าจะเป็นแบบนั้นนะ  นายคิดอะไรออกเหรอ”

คุณอวกาศถามต่อ  ผมยิ้มกว้าง  คิดวิธีง่ายๆที่จะหาไทม์แคปซูลได้แล้ว!

“เฮ้ย!  จะไปไหนน่ะไอ้ไทม์”

ไอ้เฟี้ยวตะโกนเรียก  ผมไม่สนใจที่จะตอบคำถามในตอนนี้  วิ่งวุ่นไปทั่วสวนเพื่อหาที่ฝังไทม์แคปซูลของพวกเขา

ต้องมีสิ  ต้องมีแน่ๆ  ยังไงก็ต้องหาให้เจอ!

กึก!

ผมหยุดกึก  ชะงักฝีเท้ามองไปยังเบื้องหน้าก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าของอีกสามคนตามหลังมา  ใช่จริงๆด้วย…  เป็นอย่างที่คิดจริงๆ

“มีอะไรเหรอไทม์”

คุณจักรวาลดึงผมให้หันกลับไป  ทุกคนดูจะตกใจกับท่าทางของผมมาก  นิ้วมือสั่นระริกชี้ไปยังจุดที่คาดว่าไทม์แคปซูลฝังอยู่

“เจอ…แล้วล่ะครับ”

“มึงรู้ได้ยังไงว่าเป็นที่นี่”

“ก็ดูจากที่ทุกคนเอาแต่ขุดตรงบริเวณใต้ต้นไม้กันทั้งนั้น  ผมเลยคิดว่าบางทีพวกคุณอาจจะจำได้ลางๆว่ามันถูกฝังไว้ใต้ต้นไม้  และถ้าหากอาจารย์มารีอาเพิ่งจะขุดเอาไทม์แคปซูลขึ้นมาเพื่อซ่อนไว้ SD การ์ดไว้  บนดินที่ถูกขุดก็จะต้องมีร่องรอยของการขุดใหม่ๆหลงเหลืออยู่  แต่ไม่ว่าจะมองดูใต้ต้นไม้ต้นไหนในสวนนี้ก็ไม่มีร่องรอยที่ว่าเลย  ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวก็มีแค่ต้นไม้ที่เป็นจุดฝังไทม์แคปซูลอาจจะถูกโค่นทิ้งไปแล้ว  พอคิดแบบนั้น  ผมก็เลยวิ่งหาตรงสนามหญ้าโล่งๆแทน  จนมาเจอตรงนี้ยังไงล่ะครับ”

“จะว่าไป…จำได้ว่าตรงกลางสนามเมื่อก่อนจะมีต้นไม้ต้นใหญ่ๆอยู่ด้วยนี่นา”

“ใช่  แต่ตอนหลังก็โค่นทิ้งไปเพราะพ่อต้องการพื้นที่จัดงานเลี้ยงส่งที่นายจบมัธยมปลาย”

“งั้นก็หมายความว่า…ไทม์แคปซูลอยู่ตรงนี้ใช่ไหม!”

ไอ้เฟี้ยวตะโกนอย่างดีใจ  มันรีบพุ่งเข้าไปขุดเป็นคนแรก  ไม่ถึงนาทีก็หยุดขุด  มันวางพลั่วลงข้างตัวก่อนจะหยิบกล่องบางอย่างขึ้นมา

ผม  คุณจักรวาล  และคุณอวกาศต่างไปนั่งล้อมหลุมนั้นเอาไว้เป็นวงกลม  กล่องเหล็กขนาดใหญ่ที่เปรอะเปื้อนไปด้วยดินและมีสนิทขึ้นถูกเปิดออก   ด้านในมีถุงผ้าสีขาวที่ถูกปากกาเมจิกสีดำเขียนชื่อของแต่ละคนเอาไว้

“ดูทีละถุงแล้วกันนะ”

ถุงแรกถูกไอ้เฟี้ยวหยิบขึ้นมา  เป็นถุงของคุณจักรวาลนั่นเอง  ผมตื่นเต้น  ใจจดใจจ่ออยากจะรู้มากว่าเขาฝังความทรงจำอะไรลงไป!

พรึ่บ…

ของข้างในถูกเทออกมาจนหมด  ไม่มีใครพูดอะไรออกมานานเกือบนาทีเมื่อเห็นของข้างในนั้น  ขนาดเจ้าตัวที่เป็นคนใส่ของเหล่านี้ลงไปเองยังทำหน้าตาบอกบุญไม่รับเหมือนพวกเราเลย

“นี่พี่…ฝังของพวกนี้ลงไปงั้นเหรอ”

“ดูเหมือนจะใช่นะ”

“ไม่ต้องมาดูเหมือนเลย! คนเอามาใส่ถุงแล้วฝังไว้มันก็แกเองไม่ใช่เรอะ!”

ไอ้เฟี้ยวหันไปตวาดแว้ดๆใส่  พลางชี้ไปยังสิ่งของอันเป็นความทรงจำของคุณจักรวาล  มะ…ไม่ไหว  ไม่ไหวแล้ว

“ฮ่าๆๆๆๆๆ”

ผมทิ้งตัวลงนั่งจนแทบหงายหลัง  เอามือกุมท้องขำออกมาจนน้ำตาเล็ด  สมกับเป็นคุณจักรวาลจริงๆ  ไอ้ความเฉยชาไร้ซึ่งความละเอียดอ่อนแบบนี้น่ะ  ฮ่าๆๆๆ

“ขำอะไร”

คนถูกทำถามเสียงเข้ม  ผมใช้นิ้วปาดน้ำตาที่หางตาออกก่อนจะหยิบของต่างๆที่ถูกเทออกมาจากถุงผ้าขึ้นมาทีละชิ้น

“ลูกอมที่ละลายจนเหลือแต่เปลือก  ปากกาที่ไม่มีฝาปิด  ยางลบใช้แล้ว  ไม้บรรทัดหักครึ่ง  ไม้จิ้มฟัน  ไฟแช็ก  มีกระทั่งไม้แคะหู  อ่อ  เหมือนจะใช้แล้วด้วยนะ  ฮ่าๆๆๆๆ  ผมล่ะเชื่อเลย  ของพวกนี้คือความทรงจำของคุณเหรอครับ”

“ดูยังไงก็ขยะชัดๆ”

ไอ้เฟี้ยวแทรกขึ้น

“ทำไงได้  ยัยนั่นมาบอกกะทันหันแล้วก็จะเอาให้ได้  ฉันเลยกวาดเอาทุกอย่างที่อยู่ใกล้ตัวและพอจะหยิบได้ใส่ลงไปในถุงก่อนน่ะ”

“กูว่าเปิดอันต่อไปดีกว่า  ถุงนี้มีแต่ขยะ  พี่คงไปเอาของสำคัญมาไว้ในถุงขยะแบบนี้หรอก”

ว่าแล้วก็โยนถุงแห่งความทรงจำของคุณจักรวาลกลับลงไปในหลุมก่อนจะหยิบอีกใบขึ้นมาเทออกดู  ของคุณอวกาศแล้วสินะ

กุกกักๆๆๆ

ของข้างในถูกเทออกมาจนหมด  ความเงียบไม่ต่างจากของคุณจักรวาลเกิดขึ้นอีกครั้งก่อนที่เจ้าของสิ่งของทั้งหมดจะรีบคว้าเอาพวกมันไปกอดอย่างหวนแหน

“อยู่ที่นี่นี่เอง  คิดถึงที่สุดเลย  ตอนไปเรียนต่อก็นั่งนึกอยู่เอาไปไว้ที่ไหน  คิดว่าจะหายไปแล้วซะอีก”

“ไอ้โรคจิต!!!”

ไอ้เฟี้ยวตะเบ็งเสียงออกมาอีกครั้ง  ของที่คุณอวกาศเอาฝังลงไปก็คือซีดีโป๊และหนังสือโป๊ทั้งหมด  ที่หน้าปกเป็นภาพผู้หญิงแก้ผ้านอนอ้าซ่าจนเห็นถึงลำไส้

ไม่อยากจะเชื่อ  คุณอวกาศสะสมของพวกนี้ตั้งแต่อายุสิบสี่เลยเรอะ!

“พวกแกสองคนมันเฮงซวยจริงๆ  เห็นการฝังไทม์แคปซูลของพี่เป็นเรื่องเล่นๆหรือไงถึงได้ฝังของแบบนี้ลงไป!”

“ก็มาเรียบอกให้ฝังของล้ำค่านี่นา  แล้วของพวกนี้ก็ล้ำค่ามากสำหรับฉัน”

“ทุเรศ”

สองคำสั้นๆที่ออกมาจากปากและใบหน้าบึ้งตึงของไอ้เฟี้ยว  คุณอวกาศดึงเอาถุงผ้าของตัวเองมาจากมือไอ้เฟี้ยวแล้วเก็บของสิบแปดบวกทั้งหลายใส่ลงไปใหม่ก่อนจะเอากอดไว้แนบอก

“แล้วของมึงอ่ะ”

“ฉันเปิดให้เอง”

“เฮ้ย!”

คุณอวกาศแย่งเอาถุงต่อไปที่เขียนชื่อไอ้เฟี้ยวไว้มาเปิดออก  ทำไมมันดูบางๆเหมือนไม่มีอะไรเลยหว่า

“แน่ใจนะว่าข้างในมีของเนี่ย  เบาเหมือนไม่มีอะไรเลย”

“บอกแล้วไงว่ากูจำไม่ได้ว่าฝังอะไรลงไป”

มันตอบจริงจัง  คุณอวกาศลงมือเปิดปากถุงออกกว้างก่อนจะเอามือล้วงลงไปควานหาจนทั่วถุง  นั่นถุงผ้าหรือกระเป๋าสี่มิติ  ล้วงซะนาน!

“อะไรล่ะเนี่ย  มีไอ้นี่ใส่อยู่อย่างเดียว”

คุณอวกาศลวงหยิบบางสิ่งออกมาแล้วยื่นไปตรงกลางเพื่อให้ทุกคนได้เห็นพร้อมๆกัน  เราต่างก็ชะโงกมองสิ่งที่อยู่ในมือนั้น

“ทะ…ทะ…ทำไม!”

ไอ้เฟี้ยวหงายหลังตึง  มือและเสียงอันสั่นเทาชี้ไปที่รูปถ่ายในมือของคุณอวกาศ

ใช่แล้ว  สิ่งที่มันเอาฝังลงไปในไทม์แคปซูลก็คือรูปถ่าย  แต่ว่า…

“ทำไมนายถึงฝังรูปฉันล่ะ?”

คนในรูปถ่ายหรือก็คือคุณอวกาศหันไปถามไอ้เฟี้ยวที่ตอนนี้หน้าแดงก่ำลามไปจนถึงใบหู  รูปคุณอวกาศที่ดูแล้วน่าจะอยู่ในช่วงอายุสิบสี่นั่นแหละถูกฝังเอาไว้เป็นความทรงจำที่ล้ำค่าของไอ้เฟี้ยว…

เดี๋ยวก่อนนะ  ก่อนหน้านี้มันบอกว่าอาจารย์มารีอาหลอกมันว่าถ้าเอาของฝังดินลงไปแล้วมันจะงอกขึ้นมาจากดิน  ออกดอกออกผลสินะ  นะ…นี่หรือว่า  เจ้าบ้านั่น…

ผมหันไปมองไอ้เฟี้ยวด้วยไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่กำลังคิด  คงไม่หรอกมั้ง  ตอนฝังของพวกนี้มันเพิ่งจะอายุแค่หกขวบเอง  อาจจะทำลงไปเพาะไม่รู้อิโหน่อิเหน่ก็ได้  มันคงไม่ได้คิดว่าถ้าฝังรูปคุณอวกาศลงไปแล้วจะมีคุณอวกาศงอกออกมาจากพื้นหลายๆคนหรอก

“จะไปรู้ได้ไงเล่า  ตอนนั้นฉันยังเด็กอยู่เลยนะ  ก็คงหยิบมั่วๆนั่นแหละ”

“อย่าบอกนะว่าฉันเป็นสิ่งมีค่าสำหรับนาย  ชอบฉันขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย”

“ถ้าจะละเมอก็ไปนอนเลยเฟ้ย!”

พลั่ก!

ไอ้เฟี้ยวยกเท้าถีบคุณอวกาศจนกระเด็น  ไม่มีใครรู้ได้หรอกว่าเด็กชายเฟี้ยวในวัยหกขวบตอนนั้นคิดอะไรอยู่ถึงได้เลือกฝังรูปคุณอวกาศลงในไทม์แคปซูล

อาจจะชอบมากจนเห็นเป็นสิ่งล้ำค่า  หรือไม่ก็…

เกลียดจนอยากจะฝังให้ตายทั้งเป็น  เหอะๆๆ

“ของมารีอา”

ระหว่างที่ไอ้เฟี้ยวและคุณอวกาศกำลังทะเลาะกัน  และผมที่ต้องกลายมเป็นกรรมการจำเป็น  คุณจักรวาลก็หยิบเอาถุงผ้าของอาจารย์มารีอาไปเปิดออกดู  สิ่งที่ถูเทออกมาจากในนั้นหยุดการกระทำของทุกคน

“นี่มัน…”

ผม  คุณจักรวาล  คุณอวกาศ  และไอ้เฟี้ยวต่างก็ยื่นไปหยิบจดหมายที่มีชื่อของแต่ละคนเขียนเอาไว้ขึ้นมา  การที่เขียนจดหมายไว้ให้สามคนนั้นก็พอจะเข้าใจได้อยู่ แต่ว่าทำไม…

ถึงมีจดหมายถึงผมด้วยล่ะ?

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วนะคะ  ไชโยกันเร็ว!!  ในที่สุดพวกเขาก็ตามหาไทม์แคปซูลเจอแล้ววว  แต่สิ่งที่อยู่ในนั้นกลับเป็นจดหมายถึงพวกเขาทั้งสี่คนแทน  แล้ว SD การ์ดไปอยู่ที่ไหนกันล่ะ?  แต่ว่า…คิดไม่ถึงจริงๆว่าเด็กชายเฟี้ยวจะฝังรูปคุณอวกาศของเราลงไป 55555+  อยากรู้จังว่าตอนนั้นเด็กชายเฟี้ยวคิดอะไรอยู่ถึงได้เลือกที่จะฝังรูปนี้  เหนือสิ่งอื่นใด…  คุณอวกาศคะ  เอ็งหื่นมาตั้งแต่ตอน ม.ต้นเลยเรอะ 55555

หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 24 (28/08/60) #หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 28-08-2017 18:54:01
 :ruready
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 24 (28/08/60) #หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 28-08-2017 19:40:04
ต่อค่ะ รอต่อ ของมาเรีย
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 24 (28/08/60) #หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 28-08-2017 20:04:46
เฮ้อ........ของที่คุณจักรวาล อวกาศ และเฟี้ยวฝัง  o22 o22 o22
เป็นของที่น่าฝังจริงๆ

ไทม์ บางครั้งดูมีหัวคิด ฉลาด แต่ตอนที่ถูกหลอกให้ไปหลังรร.
ดูหลอกง่ายยังกับเด็กประถม
แล้วทำไมมีจม.ถึงไทม์ด้วย  :katai1: :katai1: :katai1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 24 (28/08/60) #หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 28-08-2017 21:27:41
หมองของหลานไทม์ใช้ได้ในยามคับขันจริง ๆ เลย  o13
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 24 (28/08/60) #หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 28-08-2017 22:10:05
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 24 (28/08/60) #หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: armize ที่ 28-08-2017 22:27:00
สนุกๆๆ
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 24 (28/08/60) #หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 28-08-2017 23:23:01
ลุ้นขึ้นเรื่อยๆ คลายปมทีละน้อย
หัวข้อ: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 25 (29/08/60) #หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 29-08-2017 12:06:30


ตอนที่ 25

ส่วนลึกของความทรงจำ

 

‘ถึงอวกาศ…

กว่านายจะได้อ่านจดหมายฉบับนี้  ฉันคงหนีนายไปไกลแล้วล่ะ  ขอโทษด้วยนะที่ตัดสินใจอย่างกะทันหัน  แต่ไม่ว่าจะคิดอีกสักกี่ครั้ง  ฉันก็อยากสร้างครอบครัวที่มีความสุขกับคนๆนี้  ถึงเขาจะทำผิด  และฉันก็มีส่วนทำให้เขารู้ถึงตัวตนของเด็กคนนั้นจนเหตุการณ์มันเริ่มเลวร้าย  แต่ว่า…ฉันก็ยังรักเขา  และฉันคงทนไม่ได้ถ้าเห็นเขาต้องชดใช้กรรมโดยการเข้าคุกหรือตายจากไป  กวินทร์เขาน่าสงสารมากนะ  เขาไม่สามารถหลุดพ้นจากพ่อของตัวเองได้  ฉันอยากจะช่วยเหลือเขา  SD การ์ดที่ฉันทิ้งเอาไว้ให้  จะทำให้กวินทร์หลุดออกจากการเป็นรองประธานได้  รวมถึงเอาผิดผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริงอย่างพ่อของเขา  ผู้ชายคนนี้น่ากลัวมาก  นายห้ามไว้ใจเขาเด็ดขาด  หวังว่านี่คงจะพอชดใช้การกระทำโง่ๆที่ฉันได้ทำลงไปนะ  ขอโทษที่ทำให้เด็กคนนั้นต้องมาเจอกับเรื่องอันตราย  แต่หลังจากนี้มันจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้วล่ะ  ฉันจะเกลี้ยกล่อมกวินทร์  เราจะไปเริ่มต้นกันใหม่ในที่ที่ไม่มีใครรู้จักเรา  ที่เหลือก็แค่ให้พวกนายเอา SD การ์ดไปให้กับตำรวจ  เรื่องก็จะจบ  ฝากที่เหลือด้วยนะ

และที่สำคัญอีกอย่าง…ฝากดูแลน้องชายของฉันด้วย  เขาไม่เหลือใครอีกแล้วนอกจากพวกนาย  ถ้าชาตินี้มีจริง  ขอให้พวกเราได้เกิดมาเป็นเพื่อนรักกันอีกนะ  ช่วงเวลาที่ได้ใช้ร่วมกันมา  ฉันมีความสุขมากจริงๆ   มารีอา  ไม่สิ  มาเรีย…

ปล.  เรื่อง SD  การ์ดนั้น…’

 

“ยัยบ้า  นี่สินะ  คือความตั้งใจจริงของเธอ”

อวกาศกัดฟันแน่นหลังอ่านจดหมายจบ  ทั้งที่เธอตั้งใจจะไปสร้างครอบครัวที่ความสุขแท้ๆ  แต่ทำไมเรื่องราวถึงกลับตาลปัตรกลายเป็นว่าเธอต้องมาตายอย่างน่าเวทนาด้วย!

“เธอจะไม่ตายฟรี  ฉันสัญญา”

ไฟแค้นกำลังลุกโชนในใจของเขา  อวกาศกดจดหมายลงแนบอก  ปล่อยให้น้ำตาแห่งความเสียใจไหลพรากลงมา

 

‘ถึงเฟี้ยว…น้องรักของพี่

เริ่มยังไงดีล่ะ  พี่ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งจะต้องมาเขียนจดหมายถึงนายแบบนี้  พี่รู้นะว่าตอนนี้นายคงกำลังร้องไห้อยู่  ผิดหวังกับการตัดสินใจของพี่ใช่ไหม  ขอโทษที่คิดและตัดสินใจทุกอย่างโดยไม่ได้ปรึกษานายเลย  เพราะถ้าพี่ปรึกษานาย  นายก็คงต้องห้ามพี่แน่ๆ  ขอโทษนะที่ทิ้งนายไปแบบนี้  ทั้งที่สัญญาว่าจะดูแลนายตลอดไป  แต่พี่ไม่สามารถทิ้งเขาไปได้จริงๆ  คนที่รู้ว่าเขาเจ็บปวดมากแค่ไหนมีแค่พี่เท่านั้น  พี่เป็นพี่สาวที่ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆ  สุดท้ายก็เอาแต่ความต้องการของตัวเอง  เพราะอย่างนี้แหละ  พี่ถึงอยากจะขอร้องนายเรื่องหนึ่ง  ลืมพี่สาวแย่ๆคนนี้เถอะนะ นายจะได้เริ่มต้นใหม่  อย่าโกรธจักรวาลกับอวกาศอีกเลย  ถ้าตอนนี้นายรู้เหตุผลแล้วว่าทำไมจักรวาลถึงถอนหมั้นพี่  ใครไม่ได้ยืนอยู่ในจุดที่เขายืน  คงไม่มีวันเข้าใจว่าเขาต้องเจ็บปวดและทรมานมากแค่ไหน  จักรวาลรักนายมาก  เขาเลี้ยงนายมาตั้งแต่เด็กๆ  พี่เชื่อว่านายรู้ดี  อย่าทิฐิอีกเลย  ให้โอกาสสองคนนั้นได้กลับมาอยู่เคียงข้างนายเหมือนเดิม  เพราะพี่ไม่สามารถกลับไปยืนเคียงข้างนายได้อีกแล้ว  ไม่ว่าจะวันนี้หรือเมื่อก่อน  พี่ทำได้แค่เฝ้ามองอยู่ห่างๆ  ร้องไห้เวลาที่เห็นนายถูกทารุณ  ไม่มีความกล้าที่จะเข้าไปปกป้องนายเลย  แต่พวกเขาทำได้  นายจะต้องปลอดภัย  พี่เชื่อสักวันนายจะกลับมายิ้มและเป็นเด็กดีเหมือนเดิม  ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา  ขอบคุณที่คอยมอบความรักให้พี่  การมีนายเป็นน้องชาย  คือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของพี่เลย   รัก…มารีอา

ปล.  เรื่อง SD  การ์ดนั้น…’

 

“ใครอยากจะเป็นแค่น้องชายของเธอกัน  เล่นขี้โกงแบบนี้ได้ยังไง  คิดว่าจดหมายฉบับนี้มันแทนตัวเธอได้เรอะ”

เฟี้ยวที่เดินแยกมาอ่านจดหมายของตัวเองอีกทางร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด  จดหมายฉบับนี้ยิ่งทำให้เขามั่นใจว่าพี่สาวของเขาไม่ได้ฆ่าตัวตาย!

“ฉันจะตามล่าคนที่มันฆ่าเธอให้ได้  มันจะต้องได้รับโทษอย่างสาสมที่มาพรากเธอไปจากฉัน!  โธ่เว้ย  อ๊าก!!!”

เขาอาละวาด  เฟี้ยวปล่อยหมัดลงไปบนสนามครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อระบายความโกรธแค้นในใจ  ราวกับร่างกายของเขากำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

เพียงแค่คิดว่ามารีอาไมได้อยู่บนโลกใบนี้แล้วจริงๆ  เขาจะไม่ได้เจอเธออีกต่อไปแล้ว  ความปวดร้าวก็แล่นปราดไปทั่ว

“ฉันคิดถึงเธอ  คิดถึงเธอจริงๆ”

 

‘ถึงพี่จักรวาล

เป็นครั้งแรกเลยสินะที่ฉันเรียกนายว่าพี่  เมื่อก่อนนายจะดุฉันตลอดเวลาเพราะต้องการให้ฉันเรียกนายว่าพี่เหมือนกับอวกาศและเฟี้ยว  แต่นั่นก็เพราะ  ฉันไม่ได้ต้องการเป็นแค่น้องสาวของนาย  ก็เลยไม่เคยเรียกจนกระทั่งมันติดปากไปในที่สุด  สำหรับนาย…ฉันคงไม่ต้องเขียนอธิบายอะไร  เพราะนายรู้ดีหมดทุกอย่างอยู่แล้ว  แต่น่าตกใจเหมือนกันนะ  ไม่คิดเลยว่านายจะเก็บงำความจริงทุกอย่างมาถึงสิบแปดปี  ทั้งที่อีกนิดเดียวทุกอย่างก็จะเรียบร้อยและเป็นไปตามที่นายกับคุณลุงคาดการณ์ไว้  แต่ฉันกลับทำมันพังเละไม่เป็นท่า  ขอโทษด้วยนะ  แต่ว่า…กวินทร์ไม่ใช่คนเลว  นายรู้ดีใช่ไหม  และต้องเป็นคนที่รู้ดีที่สุดแน่ๆ  เขาอาจจะไม่ได้สนใจว่าอวกาศกับเด็กคนนั้นจะอยู่หรือตาย  แต่ตราบใดที่นายยังอยู่  เขาจะไม่มีวันทำเรื่องที่เสี่ยงต่อความปลอดภัยของนายไปด้วยเด็ดขาด  กวินทร์ในตอนนี้ไม่ต่างอะไรจากหุ่นเชิด  ฉันต้องการปลดปล่อยเขาออกมา  หลังจากรู้ความจริงว่าเป้าหมายของกวินทร์กับพ่อคือสมบัติทั้งหมดของคุณลุงรวมถึงการฆ่าทายาทที่เหลืออยู่  ฉันก็ตัดสินใจแล้วว่าจะต้องหยุดเขาให้ได้  ฉันเก็บรวบรวมหลักฐานทุกอย่างที่จะสามารถโค่นล้มพวกเขาเอาไว้ใน SD การ์ด  รอจนถึงเวลาที่เหมาะสมเพื่อส่งมอบมันให้กับนาย  ขอโทษที่ชดใช้ให้ได้แค่นี้  ทั้งที่ฉันทำเรื่องเลวร้ายที่สุดเอาไว้  ตัวตนของเด็กคนนั้นถึงได้ถูกเปิดเผยแบบนี้…

แต่ว่า…อย่างฉันก็จะทำได้เหมือนกันใช่ไหม  ปกป้องสิ่งสำคัญ  ปกป้องคนที่ฉันรัก  ฉันไม่สามารถทนเห็นกวินทร์ต้องรับโทษใดๆได้  ฉันจะไปหาเขา  ไปเกลี้ยกล่อมเขาสักครั้งแล้วเราจะไปเริ่มต้นใหม่ด้วยกัน  ถ้าเรื่องทั้งหมดจบลงด้วยดีแล้ว  นายช่วยให้อภัยเขาได้ไหม   ฉันเองก็ไม่รู้ว่าอะไรผูกมัดระหว่างนายกับกวินทร์เอาไว้  แต่คนๆนั้น…คือเพื่อนรักที่ดีที่สุดของนายใช่ไหมล่ะ  ถ้ามีโอกาสได้ปรับความเข้าใจกันและเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมก็คงดี  ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา  ขอบคุณที่คอยปกป้องน้องสาวเอาแต่ใจคนนี้   สิบแปดปีที่ผ่านมา…ฉันมีความสุขมากจริงๆ  รัก…มารีอา

ปล.  เรื่อง SD  การ์ดนั้น…’

 

“เพื่อนรัก…งั้นเหรอ”

จักรวาลขยำจดหมายทิ้งก่อนจะเอนตัวพิงกับต้นไม้  เงยหน้ามองท้องฟ้าที่ใกล้จะมืดเต็มที่  นัยน์ตาเหม่อลอยอัดแน่นไปด้วยความทรงจำแสนเศร้าบางอย่าง

“ขอโทษนะ  แต่ฉันลืมมันไปหมดแล้วล่ะ”

ไม่มีใครรู้เลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่  ความเฉยชาที่แผ่ความเยือกเย็นจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้นั้น  เป็นตัวช่วยอย่างดีในการที่เขาจะปิดใจของตัวเองไม่ให้ใครเข้าได้อีก

 

‘ผมบอกคุณแล้วไงว่าอย่าไปมีเรื่องกับใครอีก  เวลาที่คุณต่อยคนพวกนั้น  มือของคุณก็เจ็บด้วยนะ  ผมไม่อยากเห็นคุณต้องเจ็บตัวอีกแล้วนะ’

‘แต่พวกนั้น…ว่านาย’

‘แล้วยังไงล่ะครับ  ผมไม่ได้สนใจสักหน่อย มือนี้น่ะ…ไม่เหมาะจะทำร้ายใครหรอกนะ  มันเหมาะจะเอาไว้ปกป้องสิ่งสำคัญมากกว่า’

‘ปกป้อง…สิ่งสำคัญ?’

‘อ่ะ  เสร็จแล้ว  สงสัยหลังจากนี้ผมคงต้องพกพลาสเตอร์มาทุกวันแล้วล่ะ  ไปครับ  กลับบ้านกัน’

 

“เด็กสองคนนั้น  ตายไปสิบแปดปีแล้ว”

 

‘ถึงกาลเวลา

จะเริ่มยังไงดีล่ะ  คงงงสินะว่าทำไมถึงมีจดหมายถึงเธอด้วย  อาจเป็นเพราะ…ครูรู้สึกว่าเรามีอะไรหลายๆอย่างคล้ายกันก็ได้  และตอนนี้เธอเองก็คงจะรู้เรื่องของกวินทร์กับครูไม่มากก็น้อย ไม่รู้ทำไมนะ  แต่ครูคิดว่าถ้าเป็นเธอ  จะต้องทำให้เจ้าวายร้ายพวกนั้นกลับมารวมตัวกันได้อีกแน่  ครูเป็นต้นเหตุทำให้ความสัมพันธ์ของสามคนนั้นต้องเปลี่ยนไป  และครูก็ไม่มีความสามารถมากพอที่จะดึงทุกคนกลับมาหากันอีกครั้ง  คงจะดีไม่น้อยถ้าเธอทำให้พวกเขากลับมามีกันและกันเหมือนเดิมได้  มิตรภาพของสามคนนั้น…ไม่ควรจะมาจบลงง่ายๆเพราะความงี่เง่าของครู  ฝากด้วยนะจ๊ะ  ครั้งหน้าถ้าได้เจอกันอีก  หลังจากวันเวลาช่วยเยียวยาบาดแผลในใจของทุกคนไปแล้ว  ครูหวังว่าครูจะได้เห็นเธอกับสามคนนั้นกำลังหัวเราะด้วยกันนะ

และอีกอย่างที่อยากจะบอกมากๆ  วันนั้น…ที่ครูเล่าถึงความสัมพันธ์ของพวกเราให้เธอฟัง  ขอโทษด้วยนะที่โกหกและทำเหมือนยังรักจักรวาลอยู่  เป็นความจริงที่ครูเคยรักเขา  แต่ครูถูกปฏิเสธและอกหักเป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่ ม.ปลาย แล้วล่ะ  หลังจากนั้นพอขึ้นมหาวิทยาลัยก็ได้กวินทร์มาช่วยปลอบ  เขาดีกับครูมากจนสุดท้ายครูก็แพ้ความดีของเขาและเราก็แอบคบกันมาโดยตลอด  เพราะเขาบอกว่าในสมัยรุ่นคุณพ่อมีเรื่องบาดหมางกัน  ทำให้รุ่นลูกไม่ค่อยถูกกันไปด้วย  กวินทร์เลยอยากขอเวลาพิสูจน์ตัวเองทำให้สองครอบครัวกลับมาคืนดีกันก่อน  ถึงจะค่อยเปิดตัวว่ากำลังคบกับครู  แล้วครูก็โง่เชื่อในสิ่งที่เขาพูด  พอมีเรื่องหมั้นกับจักรวาลเพื่อความสัมพันธ์ทางธุรกิจเข้ามา  เขาก็ขอให้ครูรับหมั้นไปก่อนเพื่อธุรกิจ  และเขาจะเป็นคนมาบอกความจริงกับจักรวาลเอง  แต่ขอเวลาสักหน่อย

ไม่อยากเชื่อว่าความรักจะทำให้ครูตาบอดเชื่อในทุกสิ่งที่เขาพูด  เขาหลอกให้ครูทำเรื่องเลวร้ายมากมายโดยอ้างว่าเพราะเขาอยากจะให้สองครอบครัวคืนดีกัน  และจะได้เปิดเผยความสัมพันธ์ของพวกเราเร็วๆ  กว่าครูจะมารู้ว่าทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องโกหกและครูถูกหลอกใช้  ก็สายไปแล้ว  ทั้งที่ถูกหลอกถึงขนาดนั้น  แต่ครูกลับเกลียดเขาไม่ลง  ตัดใจก็ไม่ได้  ครูไม่อยากเชื่อว่าที่ผ่านมา  เรื่องของครูกับเขาจะเป็นเรื่องโกหกไปด้วย  ที่เขาบอกรักครู  ทำดีกับครู  ครูรู้สึกได้จริงๆว่ามันไม่ใช่คำโกหก  เพราะอย่างนั้น  ครูถึงอยากจะลองเชื่อหัวใจตัวเองดูสักครั้ง  ครูอยากไปมีชีวิตใหม่กับกวินทร์  ไปสร้างครอบครัวที่อบอุ่นเหมือนในฝันด้วยกัน  เราจะช่วยกันตั้งชื่อลูกที่กำลังจะเกิดมา  จะเลี้ยงเขาให้โตมาเป็นเด็กที่ใจดีมีรอยยิ้มให้กับทุกคน  แล้วสักวันหนึ่ง  ครูจะพาเด็กคนนั้นมาหาเธอดูนะ  พอถึงวันนั้น…ช่วยเรียกครูว่าพี่สาวได้ไหม  คงจะดีมากๆถ้าเราได้เจอกันในฐานะพี่น้องไม่ใช่ครูกับนักเรียน

กาลเวลา…จำคำครูไว้นะ  ผู้คนที่อยู่รอบตัวเธอตอนนี้   พวกเขาไว้ใจได้  ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น  ครูอยากให้เธอเชื่อใจพวกเขา  และรักษามิตรภาพที่มีอยู่เอาไว้ให้ดี  เชื่อมโยงพวกเขาเขาด้วยกัน  แล้วพวกเขาจะใช้ชีวิตอยู่ต่อเพื่อปกป้องเธอ  เชื่อครูนะ

ปล.  เรื่อง SD  การ์ดนั้น…ครูเก็บมันไว้ในตู้นิรภัยของธนาคารแห่งหนึ่งด้วยชื่อของเธอ  แค่ไปแจ้งชื่อแล้วขอเปิดตู้นิรภัยทุกอย่างก็จะจบลง  แต่ตู้นิรภัยจะเปิดได้นอกจากกุญแจที่พนักงานถืออยู่แล้วยังต้องมีรหัสผ่านด้วย  ซึ่งรหัสผ่านนั้น  กาลเวลา…ครูได้บอกเธอไปแล้วนะ’

 

“รหัสผ่าน?   บอก?   มะ…เมื่อไหร่วะ!”

ทำไมสุดท้ายงานถึงมาเข้าที่ผมคนเดียวอีกแล้วล่ะ  รหัสผ่านอะไร  ไม่เห็นจะเคยรู้เรื่องมาก่อนเลย!

เนื้อความในจดหมายก็แปลกๆ  เรื่องอะไรต้องให้ผมมาเป็นตัวกลางเชื่อมโยงสามคนนั้นเข้าหากันด้วยล่ะ  เดี๋ยวพอผมขัดดอกและใช้หนี้สิบล้านหมด  ผมก็จะเป็นไทแล้ว  ทุกอย่างจะกลับคืนสู่ปกติ  ไม่มีอะไรต้องข้องเกี่ยวกับพวกเขาอีก  เดิมทีตั้งแต่แรกพวกเราก็ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกันอยู่แล้ว  แต่ว่าพักหลังมานี้  ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเหมือนผมถูกลากเข้าไปเอี่ยวแบบงงๆ

ทั้งโดนหมายหัว  โดนทำร้าย  จะยังไงก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมผมถึงต้องซวยไปด้วย!

ไม่สิ  เรื่องความซวยของตัวเองเอาไว้ก่อน  สิ่งที่ต้องคิดตอนนี้คือรหัสผ่านเปิดตู้นิรภัยนั่น  ถ้าสามารถเปิดตู้แล้วเอา SD การ์ด  ออกมาได้  ทุกอย่างก็จะจบ   ผมจะต้องคิดให้ออกว่าอาจารย์บอกรหัสผ่านพวกนั้นกับผมตอนไหน!

อ๊ากกกก  ใครจะไปรู้ฟะ  เคยคุยกันแค่ไม่กี่ครั้งเอง  ไม่มีอะไรที่บอกถึงตัวเลขเลยสักนิด  แบบนี้ผมจะไปหารหัสผ่านมาจากไหนกันล่ะ  โอ๊ยย  อยากร้องไห้ชะมัด

“ไงมึง  รหัสผ่านเปิดตู้คืออะไรอ่ะ”

ไอ้เฟี้ยวที่เดินตาแดงก่ำเข้ามาหาเอ่ยถาม  คุณอวกาศกับคุณจักรวาลที่แยกกันไปคนละทางก็กำลังเดินเข้ามาหาผมเหมือนกัน

“มาเรียทิ้งท้ายไว้ในจดหมายเรื่อง SD การ์ด  ดูเหมือนรหัสผ่านยัยนั่นจะบอกนายไว้ใช่ไหม”

“รหัสอะไรอ่ะ  บอกมาสิ  พวกเราจะได้ไปเปิดตู้กัน”

“คะ…คือ…”

“…”

“ผมไม่รู้”

“ไม่รู้?  หมายความว่ายังไง”

“อาจารย์มารีอาก็ทิ้งท้ายแบบนั้นไว้ในจดหมายของผมเหมือนกันครับ  แต่สาบานได้ว่าเธอไม่ได้บอกรหัสผ่านกับผมแน่นอน”

ในจดหมายเองก็ไม่มีอะไรที่เป็นตัวเลขอยู่เลย  หรือรหัสผ่านเปิดตู้นิรภัยจะไม่ใช่ตัวเลข?

“ปกติรหัสผ่านพวกนี้จะต้องเป็นตัวเลขอย่างเดียวหรือเปล่าครับ”

“ใช่  ยิ่งพวกตู้นิรภัยตามธนาคารจะนิยมใช้เป็นตัวเลขอย่างเดียว  ทำไมเหรอ”

คุณอวกาศตอบ  ผมนิ่งคิด  ถ้าที่อาจารย์มารีอาบอกเป็นความจริงว่าได้บอกรหัสผ่านกับผมแล้ว  ก็เป็นไปได้ว่ารหัสผ่านพวกนั้นอาจจะซ่อนอยู่ในจดหมายฉบับนี้!  ไม่แน่ว่าสิ่งที่เธอเขียนมา  จะสามารถแปลงเป็นตัวเลขได้อะไรเทือกนั้น

เอ่อ…กูดูหนังมากไปไหมเนี่ย!

“ในจดหมายไม่มีรหัสผ่านอะไรเขียนไว้เลยครับ  แล้วอาจารย์ก็ไม่เคยบอกรหัสอะไรกับผมตรงๆด้วย  ผมเลยคิดว่าเบาะแสการหารหัสอาจจะอยู่ในจดหมายของผม”

“จะว่าไป  ยัยนั่นชอบพวกนิยายนักสืบหรือเรื่องลึกลับมาตั้งแต่เด็กๆแล้วนี่นา  ให้ตายสิยัยพี่บ้า  หน้าสิ่วหน้าขวานขนาดนี้ยังจะเล่นอีก”

“จริงด้วย  ฉันนึกออกแล้ว  ตอนวันเกิดอายุสิบแปดของฉัน  ยัยนั่นเซอร์ไพรส์และให้ของขวัญด้วยกันเอาของขวัญไปใส่ไว้ในตู้เซฟ  แล้วก็เขียนจดหมายอวยพรให้พร้อมกับบอกว่ารหัสเปิดตู้เซฟอยู่ในการ์ดอวยพรแล้ว  กว่าฉันจะตีข้อความพวกนั้นออกมาเป็นตัวเลขได้ก็เกือบตาย”

“จริงเหรอครับ!  แล้วตอนนั้นคุณอวกาศตีข้อความพวกนั้นออกได้ยังไงครับ”

“เรื่องนั้น…โทษทีนะ  จำไม่ได้แล้วล่ะ”

“แล้วจะพูดทำไมวะเนี่ย  ไม่ได้ช่วยอะไรเลย!!!”

“ทำไงได้เล่า  ตอนนั้นมาเรียคอยบอกใบ้อยู่ตลอดมันเลยไขออกได้ง่ายๆ  ฉันเลยไม่สนใจจะจำมันเท่าไหร่น่ะ  ที่พอจะจำได้ก็มีแค่…เหมือนยัยนั่นตั้งใจจะสอนให้ฉันเข้าใจอะไรบางอย่าง  เลยใช้วิธีนั้นเพื่อสอนฉัน”

ยิ่งฟังก็ยิ่งงง  ถ้าการจะหารหัสเจอต้องใช้วิธีเดียวกับที่คุณอวกาศว่ามาจริงๆ  หมายความว่า…มีบางสิ่งที่อาจารย์ต้องการจะสอนผมซ่อนอยู่ในจดหมายฉบับนี้งั้นเหรอ  ผมต้องหามันให้เจอเพื่อเอามาตีเป็นตัวเลขสินะ

อะไรกันล่ะ  อะไรกันที่อาจารย์อยากจะสอนผม!

ผมเปิดจดหมายขึ้นอ่านอีกครั้ง  ดวงตาเพ่งมองเพื่อหาว่าอะไรคือสิ่งที่เธอต้องการสอน  ยังจะมาทำตัวเป็นอาจารย์แม้แต่ในเวลาแบบนี้เนี่ยนะ  เชื่อเขาเลยจริงๆ!

ครืด…ครืด…

มือถือของใครบางคนสั่น  คุณจักรวาลผู้เป็นเจ้าของมือถือนั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับ  ผมเลิกสนใจเขาแล้วลงมือหารหัสผ่านต่อ  ต้องหาให้เจอ  ยังไงก็ต้องหาให้เจอ!

“เจออะไรบ้างไหม”

“ยังเลยครับ  ผมไม่รู้ว่าอาจารย์ต้องการสอนอะไรผม”

“นักเรียนทุนหัวกะทิอย่างมึงยังมีอะไรที่พี่ต้องสอนอีกหรือไงวะ”

“มันอาจจะไม่ใช่เรื่องในตำราเรียนก็ได้นะ”

ผมเงยหน้ามองคุณอวกาศที่เสนอความคิดออกมา  ถ้าไม่ใช่เรื่องในตำราเรียน  ก็ต้องเป็นเรื่องอื่น  เรื่องไหนนะ  มีเรื่องไหนที่ผมยังต้องเรียนรู้อีกกันแน่!

“ทางตำรวจโทรมา”

การหารหัสผ่านเป็นอันหยุดชะงัก  ทุกคนหันไปหาคุณจักรวาลที่สีหน้าเหมือนกำลังช็อกเรื่องอะไรสักอย่าง

“มีอะไรพี่  ทำไมทำหน้าแบบนั้น”

“ตำรวจที่ดูแลคดีของมารีอาโทรมาบอกว่าได้ผลชันสูตรจากทางโรงพยาบาลมาแล้ว”

“แล้วไงวะ  ทำไมต้องทำหน้าตาน่ากลัวด้วย  มีเรื่องอะไรหรือเปล่า”

“นั่นสิครับคุณจักรวาล  ตำรวจว่ายังไงเหรอครับ”

คุณจักรวาลมองหน้าผม  ไล่ไปที่ไอ้เฟี้ยวและคุณอวกาศที่ละคน  ก่อนจะเอื้อนเอ่ยประโยคที่เปรียบเหมือนหอกแหลมเสียดแทงหัวใจของพวกเราทุกคน

 

“ผลการชันสูตรบอกว่า…มารีอาตั้งท้องได้สามเดือน”

 

นี่มัน…

เรื่องโหดร้ายอะไรกัน

 

 

บับเบิ้วบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  ต้องบอกก่อนว่าเป็นการฝืนสังขารมากๆสำหรับการปั่นตอนนี้และมาอัพให้นักอ่านได้อ่านกัน  เพราะเมื่อวานบิวไม่ค่อยสบาย  พอตกกลางคืนไข้ขึ้นจนต้องนอนซมลุกไปไหนไม่รอด TOT  ตั้งใจว่าวันนี้คงจะนอนทั้งวันเพราะไม่น่าจะลุกมาแต่งนิยายไหวแล้ว  แต่พอเปิดอ่านคอมเม้นต์จากนักอ่านที่รออ่านตอนต่อไปก็เลยมีแรงฮึดขึ้นมา  เมื่อเช้าเลยลุกอาบน้ำสระผมกินยาอัดไปสองเม็ดและนอนพักต่ออีกนิดหน่อยจนอาการเริ่มดีขึ้น  พอจะลุกขึ้นมานั่งไหวก็เลยรีบมาปั่นตอนนี้ให้ได้อ่านกัน  เดี๋ยวจะขอตัวไปนอนพักละ  จะได้หายเร็วๆ  พรุ่งนี้จะได้มาปั่นต่อ 5555+

สำหรับตอนนี้หวังว่าจะได้รู้อะไรหลายๆอย่างแล้วนะคะ  เรื่องความสัมพันธ์ของจักรวาลและกวินทร์นั้น  หลายคนตีว่าเป็นการแอบรักบ้างล่ะ  เป็นพี่น้องบ้างล่ะ  แต่ความจริงคือเป็น “เพื่อนรัก”  นะคะ  แล้วเพราะอะไรความสัมพันธ์ของเพื่อนรักคู่นี้ถึงได้แตกหักลง  รวมถึงการตายของมารีอา  แน่นอนแล้วว่าเธอไม่ได้ฆ่าตัวตายเพราะสิ่งที่เธอตั้งใจคือการไปจากทุกคนพร้อมกวินทร์และลูกน้อยในท้องของเธอ  แต่กลับมาเกิดเรื่องน่าเศร้าแบบนี้ขึ้นเสียก่อน  เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป  ต้องติดตามน้า >___<

หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 25 (29/08/60) #หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 29-08-2017 13:07:42
ดราม่าหนักขึ้นเรื่อยๆ
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 25 (29/08/60) #หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 29-08-2017 18:03:35
อ้าวววว..........จักรวาล กับกวินทร์ เพื่อนรักกัน  :ling3:

รหัส ที่มารีอาให้กับไทม์
ใช่คำว่ากาลเวลา หรือเปล่า

คนที่ฆ่ามารีอา เป็นกวินทร์ หรือพ่อของกวินทร์
ถ้าเป็นกวินทร์ นายฆ่าเมีย ฆ่าลูกเลยนะ
รอตอนใหม่
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
ปล.ไรท์ดูแลสุขภาพ กินอาหารให้ครบหมวดหมู่ ออกกำลังกาย พักผ่อน ให้เพียงพอด้วยนะ  :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 25 (29/08/60) #หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 29-08-2017 18:17:15
สงสารมารีอากับลูกจัง
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 25 (29/08/60) #หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 29-08-2017 19:57:29
ในจม.ไทม์ก็บอกอยู่กลายๆ ว่าจะพาลูกมาหาก็น่าจะรู้แล้วว่าท้องนะ
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 25 (29/08/60) #หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 29-08-2017 20:18:13
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 25 (29/08/60) #หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 29-08-2017 21:48:27
โอ้ววววว ท้องง!
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 25 (29/08/60) #หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 29-08-2017 22:27:43
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 25 (29/08/60) #หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 30-08-2017 00:44:08
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 25 (29/08/60) #หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 30-08-2017 00:56:33
 :really2: :really2: คนแก่มึนตืบ
หัวข้อ: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 26 (30/08/60) #หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 30-08-2017 15:02:07





ตอนที่ 26

ความลับของสายเลือด

 

“หลับให้สบายนะมาเรีย  เธอกับลูกคงกำลังมองพวกเราจากบนฟ้าใช่ไหม”

ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์แล้วหลังจากที่ทางตำรวจโทรมาบอกผลชันสูตร  พวกเราเลยนำร่างของอาจารย์มารีอามาทำพิธีทางศาสนาต่อไป  และวันนี้ก็เป็นวันที่ทุกคนจะร่วมกันส่งอาจารย์มารีอากับลูกน้อยไปสวรรค์

“หลานของฉันจะเป็นผู้หญิงหรอผู้ชายกันนะ  ถ้าเป็นผู้ชายต้องแข็งแรงเหมือนกัน  แต่ถ้าเป็นผู้หญิงก็ต้อง…ขี้แยเหมือนเธอใช่ไหม  ไม่สิ  เหมือนพี่ใช่ไหม”

ไอ้เฟี้ยวที่เดินเอาดอกไม้จันทน์เข้าไปวางเป็นคนต่อไปเอ่ยเสียงสั่น  สภาพจิตใจของทุกคนตอนนี้บอบช้ำมาก  ตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมาพวกเราแทบจะนอนกันที่วัดเลยด้วยซ้ำ  ลืมแม้กระทั่งว่าต้องลืมหารหัสผ่านเพื่อเปิดตู้นิรภัย

“ฉันไม่ได้แค่ปกป้องเธอเอาไว้ไม่ได้  แต่ฉันยัง…ปกป้องลูกของเธอไว้ไม่ได้อีกด้วย  ขอโทษนะ”

คุณจักรวาลเป็นคนเดียวที่หลังเกิดเรื่องเขาแทบไม่พูดกับใครเลย  ถามคำก็ตอบคำ  ถ้าไม่มีใครคุยกับเขา  เขาก็จะเงียบเสียจนเหมือนไม่ได้ยืนอยู่ตรงนั้นด้วย  แต่ผมคิดว่าคงเป็นเพราะเขาเสียใจมากที่สุดนั่นแหละ

คุณจักรวาลเหมือนหุ่นยนต์เข้าไปทุกวันๆแล้ว

“หลับให้สบายนะครับอาจารย์  ไม่มีอะไรต้องห่วงแล้วนะครับ  สิ่งที่อาจารย์ขอให้ผมทำ  ถึงมันจะดูยากมากๆแล้วผมก็ไม่มั่นใจด้วยว่าตัวเองจะทำได้หรือเปล่า  แต่ผมจะทำครับ  เพราะมันคือภาพที่อาจารย์อยากเห็นมากที่สุดใช่ไหมล่ะ”

ภาพของผู้ชายสามคนนี้…กำลังหัวเราะร่วมกันอีกครั้ง

ผมหันกลับไปหาทั้งสามคนที่ยืนรออยู่ด้านหลังก่อนจะเดินตามไปยืนข้างๆคุณจักรวาล  ไอ้เฟี้ยวร้องไห้สะอึกสะอื้นกลั้นน้ำตาไม่อยู่  คุณอวกาศเองก็ขอบตาแดงก่ำเพราะพยายามกลั้นน้ำตาเต็มที่  ส่วนคนข้างๆผม  แม้ว่าจะไม่มีน้ำตาเลยสักหยด  แต่ไม่รู้ว่าทำไม  ผมถึงสัมผัสได้ว่าเขากำลังเจ็บ…เจ็บจนแทบจะยืนไม่ไหวแลวด้วยซ้ำ

หมับ…

สอดมือเข้าประสานกับมือของเขาแล้วบีบมันเบาๆ  ทว่าคนถูกจับมือกลับไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าผมจับมือเขาอยู่  แค่นี้ก็เป็นหลักฐานได้แล้วว่าเขาเสียใจกับการจากไปของอาจารย์มารีอามากแค่ไหน

ผมเงยหน้ามองควันไฟจากการเผาที่ลอยขึ้นสู่อากาศ  ถ้าตอนนี้อาจารย์กำลังยิ้มอยู่ก็คงจะดี  ไม่ใช่แค่อาจารย์  แต่ผมยังอยากเห็นรอยยิ้มของสามคนข้างๆผมอีกด้วย

“!!!”

ชะงักไปเล็กน้อย  หรี่ตาเพ่งมองไปยังฝั่งตรงข้ามที่ไม่มีคน  ใครบางคนยืนหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่และกำลังมองดูควันที่ลอยขึ้นฟ้าด้วยสีหน้าเศร้า  เหมือนเขาจะร้องไห้อยู่ด้วย

ใครกันนะ?  ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย  คนรู้จักของอาจารย์เหรอ  แต่งตัวดูดีซะด้วย  น่าจะเป็นคนมีฐานะไม่เบา  แต่ว่า…งานศพคราวนี้พวกคุณจักรวาลไม่ได้บอกหือเชิญใครมานี่นา  มีแค่คนของที่บ้านคุณจักรวาลและบ้านอาจารย์มารีอาเท่านั้นที่รู้

งั้นผู้ชายคนนั้น…

“…”

การแอบมองเป็นอันจบลงเมื่อเขาหันมาเห็นว่าผมกำลังจ้องเขาตาไม่กะพริบอยู่พอดี  แว่นกันแดดสีดำถูกหยิบขึ้นมาใส่เพื่อปิดบังใบหน้าก่อนที่เขาจะหันหลังเดินกลับออกไปทางหลังวัด

มางานวันเผาของอาจารย์แล้วร้องไห้เสียใจแบบนั้นคงจะไม่ใช่คนไม่ดีหรอก  บางทีอาจจะเป็นเพื่อนหรือคนรู้จักของอาจารย์ที่ทราบเรื่องเข้าก็เลยมาก็ได้

 

“นายเข้าไปพักผ่อนในห้องก่อนแล้วกันนะ  ฉันต้องเข้าไปที่เคลียร์งานที่บริษัท  ไม่ได้เข้าไปอาทิตย์หนึ่งคงวุ่นวายน่าดู”

“ให้ผมไปด้วยไหมพี่”

“ไม่ต้อง”

พูดแค่นั้นก็ให้คนรถออกรถทันที  ระดับความเย็นชาอัพสกิลขึ้นเป็นร้อยเท่าเลยแฮะ  แค่อยู่ในรัศมีใกล้ๆ  ยังไม่ทันจะสบตากับเขาตรงๆก็สัมผัสถึงความเย็นยะเยือกได้เลยอ่ะ

สาบานนะว่าเป็นคน  ไม่ใช่น้ำแข็งขั้วโลก!

“ถ้างั้นนายก็ไปพักเถอะ  เหนื่อยมาทั้งอาทิตย์แล้ว”

ว่าพลางส่งยิ้มอย่างใจดีมาให้  เวลาแบบนี้ยังอุตส่าห์จะฝืนยิ้มได้อีกนะ  สำหรับผม…ถึงจะเสียใจเรื่องการตายของอาจารย์มารีอาแค่ไหน  แต่คงเพราะเพิ่งรู้จักกันไม่นานและพูดคุยกันไม่บ่อย  เลยไม่มีความผูกพันให้ต้องเจ็บปวดมากมาย  ต่างจากพวกเขา…

ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ในใจกำลังทรมานขนาดไหน?

ผมเดินแยกเข้าห้องของตัวเอง  เหมือนไม่ได้กลับมาสักสิบชาติเลย  ทำไมกันนะ  ทั้งที่เป็นห้องนอนขนาดเท่าสนามฟุตบอลแบบที่ฝันมาตลอดแท้ๆ  แต่ผมกลับไม่มีความสุข  กลับกัน  ห้องนอนเล็กๆที่ต้องนอนเบียดกับน้องๆยังมีความสุขมากกว่า

อย่างน้อยก็มีเสียงหัวเราะ…

“ไม่ได้ๆ  ไม่ใช่เวลาจะมาท้อนะไอ้ไทม์  ต้องนั่งหารหัสผ่านในจดหมายให้เจอ  เรื่องทุกอย่างจะได้จบสักที”

ว่าแต่…จดหมายอยู่ไหนล่ะ?

ผมล้วงหาในกระเป๋ากางเกงตัวที่ใส่อยู่แต่ก็ไม่มี  วิ่งไปหาที่ลิ้นชักทุกชั้นก็ไม่เจอ  ตายห่าล่ะ  อาทิตย์ที่ผ่านมามัวแต่ยุ่งเรื่องงานศพเลยลืมเรื่องจดหมาย  เอาไปไว้ไหนแล้ววะกู

อ๊ากกกกกกก

“เดี๋ยวก่อน  รู้สึกว่าวันนั้น…”

นึกย้อนไปถึงวันที่คุณจักรวาลบอกพวกเราถึงผลชันสูตรของอาจารย์มารีอาที่ตำรวจโทรมาแจ้ง  วันนั้นทั้งผมและคุณอวกาศต่างก็ตกใจจนเผลอปล่อยจดหมายของตัวเองลงพื้น  แล้วจากนั้น...

 

‘รีบไปกันเหอะ  เดี๋ยวกูเก็บเอง!’

 

ไอ้เฟี้ยว!

จริงด้วย  วันนั้นไอ้เฟี้ยวเก็บจดหมายของคุณอวกาศกับผมไว้ให้แล้วรีบวิ่งตามพวกเรามาเพื่อไปโรงพยาบาล  แปลว่าจดหมายคงอยู่ที่มันสินะ  โล่งอก  นึกว่าจะทำหายไปแล้วซะอีก

พอคิดออกว่าใครคือคนเอาจดหมายไป  ผมก็รีบตรงไปที่ห้องของไอ้เฟี้ยว  เคาะประตูอยู่นานสองนานทว่าทุกอย่างกลับเงียบกริบ  ไม่มีใครออกมาเปิดประตูให้ผมเลยสักคน

หือ…เมื่อกี้ก็เดินตามๆกันมาอยู่นี่หว่า  ทั้งคุณอวกาศแล้วก็ไอ้เฟี้ยว  หายไปไหนแล้วล่ะ?

ก๊อกก๊อกก๊อก

“ไอ้เฟี้ยว  คุณอวกาศครับ  มีใครอยู่ไหม”

เงียบ…

ขมวดคิ้วมุ่น  ลองบิดลูกบิดประตูดูก็พบว่ามันไม่ได้ล็อก  ภายในห้องไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆอยู่เลยนอกจากยุง  ไปไหนกันกันล่ะเนี่ย

“ขออนุญาตนะครับ”

พูดเองเออเองเสร็จสรรพ  ผมเข้าไปในห้องแล้วจัดการรื้อหาจดหมายด้วยตัวเอง  ขอถือวิสาสะค้นหน่อยห้องหน่อยนะครับคุณอวกาศ  แต่สาบานว่าผมจะไม่แตะต้องของมีค่าใดๆเลย

ไล่เปิดไปที่ละลิ้นชัก  ไอ้เฟี้ยวน่าจะเก็บไว้ในห้องนี่แหละ  เพราะมันไม่ได้พกจดหมายอะไรติดตัวเลยช่วงที่จัดงานศพ  ต้องรีบหาให้เจอ  ทุกคนเองก็กำลังพยายาม  ผมจะมาทำตัวเป็นตัวถ่วงของพวกเขาไม่ได้  ที่ผ่านมาก็สร้างเรื่องเดือดร้อนมามากพอแล้วล่ะ

“อยู่ไหนนะ”

ผมไล่ยกนิตยสารที่วางอยู่ด้านบนสุดของชั้นทีละเล่มเผื่อไอ้เฟี้ยวมันจะเอาสอดไว้ด้านใน  ขณะที่กำลังจะยกเล่มสุดท้ายขึ้นดู   ความซวยก็สำแดงฤทธิ์ให้ข้อศอกผมไปชนเข้ากับรูปปั้นพีกาซัสที่ไว้ตั้งโชว์จนรวงลงไปตรงซอกด้านหลังของชั้นวางตู้นี้

ฉิบหายล่ะ  จะแตกไหมเนี่ย!

ผมรีบลุกขึ้นชะโงกผ่านตู้เพื่อไปส่องด้านหลังว่าผลงานที่สร้างสรรค์ไว้เป็นไงบ้าง  หนี้จะเพิ่มขึ้นจากสิบล้านเป็นเท่าไหร่กันฟะ  ฮืออ  อยากจะร้องไห้

“อ๊ะ  นั่น…”

สายตาเหลือบไปเห็นบางอย่างถูกแปะติดไว้กับด้านหลังของชั้นวาง  ผมล้วงมือลงไปแล้วจัดการดึงเทปกาวที่เป็นตัวยึดมันเอาไว้ออก

“นี่มัน…ใช่ปากกาอัดเสียงได้ที่คุณอวกาศไปเปิดให้ฟังตอนนั้นไหมนะ”

รูปร่างถูกอย่างเหมือนเป๊ะหมด  แล้วทำไมต้องเอามาซ่อนไว้ในที่ลับตาขนาดนี้ด้วยล่ะ  อย่างกับไม่อยากให้ใครมาเจอมันงั้นแหละ ( แต่กูก็ยังตามเสือกจนเจอได้เนอะ  เทพจริงๆ! )

คำพูดในวันนั้นของไอ้เฟี้ยวย้อนกลับเข้ามาในหัว  ดูเหมือนว่าครั้งก่อน  คุณอวกาศจะกดปิดไม่ให้ผมและไอ้เฟี้ยวได้ฟังต่อสินะ  ถ้าอย่างนั้น…

ผมกลืนน้ำลายลงคอ  สายตาจับจ้องไปที่ปากกาเจ้าปัญหา  นิ้วโป้งค่อยๆเบื่อนไปที่ส่วนปลายของมัน

“ขะ…ขออนุญาตอีกครั้งนะครับ”

 

Special  Talk

ไอ้ไทม์เดินดุ่มๆตรงดิ่งกลับเข้าไปในห้อง  ผมบิดขี้เกียจไปมาตั้งใจว่าจะไปพักสักหน่อยเหมือนกัน  ทว่าคนข้างๆกลับมีสายเรียกเข้ามาเสียก่อน

“นายไปก่อนเลยนะ  เดี๋ยวฉันตามไป”

“อ่า…อือ”

ผมพยักหน้ารับแล้วแกล้งเปิดประตูเดินเข้าห้องไป  ก่อนจะค่อยๆกลับออกมาใหม่  ไอ้อวกาศเดินไปคุยโทรศัพท์อยู่ที่ห้องรับแขก  ผมย่องไปยืนหลบอยู่หลังกำแพงเพื่อแอบฟังบทสนทนา

นับวันยิ่งเหมือนคนโรคจิตนะกูเนี่ย   

“จริงเหรอ  รู้ผลแล้วใช่ไหม  ได้ๆ  เดี๋ยวผมจะรีบไป  ขอบคุณหมอมากนะครับ”

หมอ?

ยังไม่ทันได้ตั้งคำถามกับตัวเอง  เสียงฝีเท้าของมันที่กำลังเดินตรงมาทางนี้ทำให้ผมต้องวิ่งหลบเข้าไปในห้องน้ำสำหรับแขก  รอจนเสียงฝีเท้าเริ่มห่างออกไป  ถึงเปิดประตูกลับออกมาอีกครั้ง

ปฏิบัติการสะกดรอยตามรอบที่สอง!

รอบก่อนที่ผมสะกดรอยตามมันนั้นไม่ค่อยจะได้เรื่องอะไรเท่าไหร่  เพราะมันแค่กลับมาที่บ้านแล้วก็หายเข้าไปในห้องของจักรวาลกับไอ้ไทม์อยู่นานสองนานก่อนจะกลับออกมาพร้อมถุงกระดาษ  แต่เพราะวันนั้นมันบอกว่าจะไปหาลิตส์สถานที่แห่งความทรงจำผมเลยไม่ได้สนใจอะไร  เสร็จจากนั้นมันก็กลับไปโรงพยาบาลที่สองคนนั้นพักรักษาตัวอยู่  แต่โชคร้ายว่าดันมาคลาดกันตรงทางเข้าเพราะมีคนแก่มาสะดุดล้มตรงหน้าผมพอดีเลยต้องช่วยพยุง  ทำให้วันนั้นผมไปถึงที่ห้องช้ากว่ามันไงล่ะ

“พี่ๆๆ  ไปด้วยๆ”

ผมโบกรถมอเตอร์ไซค์ที่ขับผ่านมาพอดี  ก่อนจะบอกให้เขาค่อยๆขับรถตามรถของคุณอวกาศไป  โดยทิ้งระยะห่างให้มากที่สุดเพื่อไม่ให้โดนจับได้

วันนี้แหละ  กูจะต้องรู้ให้ได้ว่ามึงมีเรื่องอะไรปิดบังอยู่!

“ผัวมีชู้เหรอน้อง”

“อะไรนะพี่”

“พี่ถามว่าผัวมีชู้เหรอ  ร้อยทั้งร้อยให้ขับรถตามคันหน้าไปนี่ผัวมีชู้ทั้งนั้น”

ถ้าไม่ติดว่าแม่งขับรถอยู่และผมก็ซ้อนท้ายมันนะ  พ่อจะยกเท้าถีบให้ตกรถไปนอนวัดพื้นเล่นๆเลย!

“หน้าตาผมดูเหมือนมีมดลูกเหรอพี่”

“เอ้า!  สมัยนี้มีหรือไม่มีมดลูกก็เป็นผัวเป็นเมียได้ทั้งนั้นแหละน้อง   เมียพี่ยัง XXX ใหญ่กว่าพี่เลย!”

แปลว่ามึงก็เป็นสินะ…

“เออๆ  ไม่ต้องพูดเยอะหรอกพี่  ขับตามไปดีๆอย่าให้คลาดแล้วกัน”

“เชื่อมือพี่ได้เลย  พี่เจอมาเยอะ!”

กูจะบ้าตาย!  แต่ก็ช่างเหอะ  อธิบายไปก็เสียเวลาเปล่าๆ  จะคิดไงก็เรื่องของแม่งละกัน

หลังจากขับรถตามมาได้เกือบสี่สิบนาทีก็มาถึงที่หมาย  โรงพยาบาลที่สองคนนั้นพักรักษาตัวรอบก่อนนี่หว่า  มาทำอะไรที่นี่วะ?

“อ่ะพี่  ไม่ต้องทอน”

ผมยัดแบงก์ห้าร้อยใส่มือมันแล้วรีบวิ่งตามไอ้อวกาศเข้าไปด้านในเพราะกลัวจะคลาดกันอีก  มันเดินขึ้นบันไดเลื่อนไปที่ชั้นสอง  โชคดีที่วันนี้คนค่อนข้างเยอะ  ผมเลยอำพรางตัวหลบหลังคนนู้นคนนี้เพื่อไม่ให้มันเห็นผมด้วย  แม้ว่าพวกเขาจะมองผมด้วยสายตาไม่ไว้ก็เถอะ

เล่นมาย่อตัวหลบอยู่ข้างหลังชาวบ้านเขา  ใครไม่ตกใจก็แปลกแล้วล่ะ

“กำลังรออยู่เลย  เชิญครับ”

ผู้ชายในชุดยูนิฟอร์มหมอประจำโรงพยาบาลคนหนึ่งเดินออกมาต้อนรับมันก่อนจะผายมือเชิญเข้าไปในห้องห้องหนึ่ง  ผมรีบตามไปยืนแอบฟังอยู่ที่หน้าห้อง  โชคเข้าข้าฉิบหายที่พวกมันไม่ได้ปิดประตูให้สนิท  เลยพอมีช่องแง้มๆให้ผมได้ยินบทสนทนาง่ายขึ้น

“ว่ายังไงครับหมอ  ผลออกมาเป็นยังไง”

“ผมไม่รู้นะครับว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่คุณอวกาศ  เราเองก็เรียนด้วยกันมาตั้งแต่ชั้นมัธยม  และผมก็รู้จักพี่จักรวาลด้วย”

บทสนทนาของพวกเขาทำเอาหัวใจเต้นระทึก  มันต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ

“แต่ว่า…พอลองตรวจดีเอ็นเอจากสิ่งของทั้งสองชิ้นกับเลือดของคุณแล้ว  มีหนึ่งคนที่มีสายเลือดเดียวกับคุณ  และอีกคนไม่ใช่”

“ใคร?  บอกผมมาเถอะครับ”

“คนที่ชื่อกาลเวลา  กาลเวลามีสายเลือดเดียวกับคุณครับ”

“!!!”

“หรือถ้าจะพูดภาษาง่ายๆเลยก็คือ…เด็กคนนั้นเป็นน้องชายแท้ๆของคุณ”

ไม่จริง…

มันเรื่องบ้าอะไรกันวะเนี่ย!  หายความว่ายังไงทีไอ้ไทม์เป็นน้องชายแท้ๆของไอ้อวกาศ  แล้วไอ้จักรวาลล่ะ?

มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ

 

ขณะเดียวกัน  ไทม์ที่เพิ่งฟังบทสนทนาทั้งหมดที่ถูกอัดไว้จบก็ทิ้งตัวนั่งลงกับพื้นอย่างหมดแรง  สองมืออันสั่นเทายกขึ้นปิดปากตัวเองเอาไว้

“มันเรื่องอะไรกัน”

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  ต้องขอโทษจริงๆที่วันนี้มาอัพช้า  เพราะเมื่อคืนบิวไข้ขึ้น  หนาวสั่นจนนอนไม่ได้เลย  ห่มผ้าตั้งสามผืน  ใส่ชุดสองชั้น  เรียกได้ว่าทรมานสุดๆ TOT   วันนี้เลยนอนทั้งวัน  รอจนอาการดีขึ้นถึงลุกมาปั่นและอัพตอนนี้ให้ได้อ่านกันค่ะ  เรื่องราวเริ่มจะคลี่คลายไปทีละนิดแล้วน้า  สุดท้ายแล้วใครจะเป็นคนเจ็บปวดที่สุดกันนะ?

หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 26 (30/08/60) #หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 30-08-2017 15:33:33
ก็นึกๆอยู่นะ ตอนที่พ่อฝากฝังให้จักรวาลดูแล
แล้วเมื่อจักรวาล พาไทม์มาก็ไม่ได้ปฏิบัติเหมือนลูกหนี้สักนิด

งั้นก็รู้กันหมดทุกคนแล้วว่าไทม์เป็นน้องอวกาศ

ผู้ชายที่มาแอบดูงานเผาศพมารีอา น่าจะเป็นกวินทร์สินะ
ถ้าดูว่าเศร้าโศก เขาอาจไม่ได้เป็นคนลงมือฆ่า
น่าจะเป็นตัวพ่อที่สั่งการ
        :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 26 (30/08/60) #หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 30-08-2017 15:52:43
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 26 (30/08/60) #หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 30-08-2017 17:33:17
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 26 (30/08/60) #หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 30-08-2017 23:16:36
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 26 (30/08/60) #หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 31-08-2017 04:16:20
 :mew5:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 27 (31/08/60) #หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 31-08-2017 19:03:59
ตอนที่ 27

เรื่องราวในอดีต (1)

 

“ยะ…ใหญ่ฉิบหาย”

ผมมองตึกตรงหน้าซึ่งเป็นบริษัทที่คุณจักรวาลเป็นประธานบริหารอยู่ในตอนนี้  เคยได้ยินแต่ชื่อเท่านั้น  เป็นครั้งแรกที่ได้มาเห็นจริงๆ  มันใหญ่และดูหรูหราจนแค่ไม่ยืนมองแบบนี้ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองบังอาจมากเกินไปแล้วเลย

วันนี้คุณจักรวาลไปประชุมที่เชียงใหม่  จะกลับมาตอนเย็นๆ  ส่วนไอ้เฟี้ยวกับคุณอวกาศ  ตั้งแต่หายไปเมื่อวานผมก็ไม่ได้เจอทั้งสองคนอีกเลย  แต่คิดว่าคงจะออกไปด้วยกันแน่ๆ  เมื่อหนทางสะดวกขนาดนี้  ผมเลยตัดสินใจที่จะค้นหาความจริงที่สงสัยด้วยตัวเองก็เลยปีนกำแพงคฤหาสน์หลบสายตาพวกบอดี้การ์ดทั้งหลายหนีออกมานี่แหละ

สถานที่ที่ตั้งใจคือบริษัทแห่งนี้  และเป้าหมายก็คือรองประธาน!

จำได้ว่าคุณกวินทร์คนนั้นเป็นรองประธานอยู่ที่นี่  แต่ผมไม่เคยเห็นหน้าค่าตาเขามาก่อนเลยกะจะมาติดต่อขอพบให้เป็นเรื่องเป็นราว  เพราะผมมีเรื่องสำคัญที่อยากจะถามเขา  หลังจากได้ฟังบทสนทนาทั้งหมดนั่นแล้ว

“เอาวะ!”

ผมจับสายกระเป๋าสะพายของตัวเองไว้แน่น  กระชับให้มั่นแล้วก้าวฉับๆเดินเข้าไป  แต่ทว่า…

ปึง!

“อ๊ากกก”

สองมือจับหน้าผากด้วยความเจ็บปวด  หันซ้ายหันขวาหันหน้าหันหลังเพื่อหาทางออก  ประตูที่นี่รูปร่างแปลกตาสุดๆ  แล้วผมจะออกไปได้ยังไงล่ะฟะ  ถูกขังอยู่ตรงกลางเฉย

“คิกๆๆ”

มีเสียงหัวเราะดังมาจากด้านหลัง  พอหันไปมองก็พบว่าเป็นพนักงานกลุ่มหนึ่งกำลังยืนขำความโง่ของผมอยู่  ที่ทำได้คือการส่งยิ้มแห้งๆกลับไปให้พวกเธอเท่านั้น

“ดันข้างหน้าแล้วค่อยๆเดินไปสิจ๊ะหนุ่มน้อย”

“ขะ…ขอบคุณครับ”

“คิกๆๆ  เด็กๆนี่น่ารักจังเลยนะเธอ”

“แถมยังน่าหม่ำอีกด้วย”

ผะ…ผมได้ยินน้า!

ด้วยความกลัวจะถูกสาวๆปู้ยี่ปู้ยำ  ผมรีบผลักบานกระจกด้านหน้าแล้วค่อยๆเดินตามที่พวกเธอบอก  ในที่สุดผมก็หลุดพ้นจากประตูวงกตนั้นมาได้

รีบไปหาคุณกวินทร์ก่อนจะถูกพี่สาวพวกนี้ลากไปทำมิดีมิร้ายดีกว่า  สายตาที่พวกเธอใช้มองผมแม่งโคตรไม่น่าไว้ใจ!

“เดี๋ยวค่ะๆ  จะไปไหนคะ”

ขณะที่กำลังจะเดินไปขึ้นลิฟต์เพื่อไปยังชั้นของผู้บริหาร  พนักงานที่อยู่ตรงเคาน์เตอร์คนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาหาผมไว้

“เอ่อ  ครับ  เรียกผมเหรอ?”

“ใช่ค่ะ  จะไปไหนคะ”

“ผมมาหาคุณกวินทร์น่ะครับ”

“คุณกวินทร์?  หมายถึงท่านรองประธานเหรอคะ”

“ใช่ครับๆ”

“แล้วได้นัดไว้ไหมคะ?”

“นัด?”

เวรล่ะสิ  แค่จะมาหากันต้องมีนงมีนัดไว้ก่อนด้วยเรอะ!  ทีผมกับไอ้เฟี้ยวยังไม่เห็นต้องนัดกันเลยนี่หว่า

“ถ้าไม่ได้นัดก็เข้าพบไม่ได้นะคะ  เชิญค่ะ”

“เอ่อ  แต่ผมมีธุระสำคัญจริงๆนะครับ”

“จะสำคัญแค่ไหนก็ไม่ได้ค่ะ เชิญค่ะ”

“แค่แป๊บเดียวเองครับ  นะครับ!”

“ไม่ได้จริงๆค่ะ  ดิฉันต้องทำตามกฎ  เชิญค่ะ”

“แต่…!”

“รปภ.!  มาพาตัวผู้ชายคนนี้ออกไปด้วย  แล้วอย่าให้เข้ามาได้อีกนะ”

“เฮ้ย!”

ผมผงะไปอย่างตกใจเมื่อรปภ.ร่างยักษ์สองคนตรงดิ่งเข้ามาทางผม  นี่ผมเป็นแค่เด็กมัธยมอายุสิบแปดนะเฟ้ยย   ไม่ใช่ฆาตกรหนีการจับกุม  ต้องทำกันขนาดนี้เลยหรือไง!

หมับ!

“อ๊ากก  ปล่อยผมนะ!  ผมมีธุระกับคุณกวินทร์จริงๆ  ไม่ได้จะมาก่อเรื่องอะไร  ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ!”

ไม่ไหวแฮะ  พี่ล่ำบึ้กสองคนนี้ไม่สะเทือนเลยอ่ะ  สุดท้ายผมก็ถูกหิ้วปีกขึ้นมาได้สำเร็จ  อุตส่าห์ถ่อมาจนถึงที่นี่แล้ว  จะไม่ได้อะไรกลับไปสักอย่างเลยเนี่ยนะ  กะแล้วเชียว  คนอย่างผม  ถ้าไม่มีสามคนนั้นก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย…

ติ๊ง!

เสียงลิฟต์ดังขึ้นก่อนจะปรากฏร่างของใครบงคนในชุดสูทดูดีเดินออกมา  รปภ.ที่หิ้วปีกผมอยู่รีบปล่อยก่อนจะทำความเคารพคนที่ออกมานั้น  ผมเพ่งตามองสำรวจมบหน้าเขาเพราะรู้สึกเหมือนจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

ร่างสูงเดินผ่านผมไปอย่างไม่ได้สนใจก่อนจะหยุดกึกหลังจากเดินเลยผมไปได้ประมาณสามก้าว  สมองทำการประมวลใบหน้าของผู้คนมากมายที่ผมเคยได้เจอมาเพื่อเสาะหาว่าคนๆนี้เป็นใคร  ทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนเคยเห็นเขามาก่อน  เห็นที่ไหนนะ…ที่ไหน…

“โอ๊ะ!  จริงด้วย  ที่วัดไง!”

ทันทีที่ผมโพล่งออกไป  ตัวเขาที่จู่ๆก็หยุดนั้นหันกลับมาด้วยสีหน้าแปลกใจเช่นกัน

“คือท่านรองประธานคะ  คุณคนๆนี้จะมาขอพบท่านให้ได้  แต่ว่าไม่ได้นัดไว้  ดิฉันก็เลยจะเชิญออกไปน่ะค่ะ  ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้วุ่นวาย”

ผู้หญิงที่เข้ามาดักผมไว้ในตอนแรกรีบออกมาอธิบาย  ส่วนผมน่ะตกใจตาแทบถลนที่เธอเรียกผู้ชายคนนี้ว่ารองประธาน!

แปลว่า…คนที่ไปยืนร้องไห้สีหน้าเศร้าอยู่หลังต้นไม้ตอนวันเผาอาจารย์มารีอาก็…คุณกวินทร์งั้นเหรอ!

“ผมจัดการเองครับไม่เป็นไร  เขาเป็นแขกของผม”

“คะ?”

“ถ้าวันหลังเขามาอีกช่วยต้อนรับเขาอย่างดีด้วยนะครับ”

คุณกวินทร์ส่งยิ้มหวานให้กับพนักงานสาวคนนั้น  เธอรีบพยักหน้ารับก่อนจะหันมาก้มหัวขอโทษผมยกใหญ่

“ต้องขออภัยจริงๆนะคะที่เสียมารยาท  ดิฉันไม่ทราบว่าคุณเป็นแขกของท่านรองประธาน  ขออภัยจริงๆค่ะ”

“มะ…ไม่เป็นไรครับ  ไม่ต้องขอโทษผมหรอก  อีกอย่าง…”

ผมเองก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองเป็นแขกคนสำคัญ  เหอะๆ

“ขึ้นไปคุยกันที่ห้องของผมดีกว่าครับ  คุณอุตส่าห์มาถึงที่นี่  คงเป็นเรื่องสำคัญมากสินะ”

“เอ่อ…ครับ!  สำคัญ…มากๆ”

แอบสั่นเล็กน้อยแม้ว่าเขาจะกำลังยิ้มให้ก็ตาม  พอคิดว่าคนๆนี้คือคนที่เกือบจะย่างสดผมทั้งเป็นแล้วก็อดกลัวไม่ได้  ไม่อยากเชื่อเลยว่าผู้ชายท่าทางใจดีแบบนี้จะอำมหิตถึงขนาดสั่งฆ่าคนได้ลงคอ

ตลอดทางที่อยู่ในลิฟต์จนขึ้นมาถึงชั้นบนสุดคือชั้นยี่สิบสี่  ผมและเขาไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลย  ดูเหมือนว่าชั้นบนจะเป็นห้องสำหรับผู้บริหารระดับสูงๆเท่านั้น  โลกของคนมีเงินช่างแตกต่างกับโลกของผมราวกับอยู่คนละโลกเลย

“เชิญครับ”

“ขะ…ขอบคุณครับ”

ถึงปากจะขอบคุณ  แต่ผมก็เดินเอาหลังชิดประตูและหน้าหันไปทางเขาอย่างหวาดระแวงกลัวว่าถ้าหันหลังให้เมื่อไหร่แล้วจะถูกลอบทำร้ายจากด้านหลังเหมือนในละคร

“หึๆ…”

อีกฝ่ายขำออกมาเบาๆกับท่าทางของผม  เออ!  กูยอมรับว่าสารรูปในตอนนี้คงดูตลกมาก  แต่ทำไงได้ล่ะ  สิ่งที่มึงก่อร่างสร้างเอาไว้กับกูแม่งโคตรน่ากลัว  ขี้กูหดหมดแล้วเนี่ย  คิดผิดคิดถูกฟะที่บุกมา!

“จะดื่ม…”

“ไม่ครับ  ผมไม่ขอดื่มหรือกินอะไรทั้งนั้น”

กันมึงใส่ยาพิษให้กูแดก!

“โอเคครับ  แบบนั้นก็ได้”

ว่าพลางเดินมานั่งที่โซฟาฝั่งตรงข้ามกับผม  ได้เวลาคุยกันอย่างจริงจังแล้วสินะ  หลังจากที่วันนี้ผมโชว์ตลกไปหลายรอบมากๆ

“แล้ว…คุณมีอะไรจะคุยกับผมเหรอครับ”

“ก่อนจะเข้าเรื่องที่ผมตั้งใจจะมาคุย  ผมขอถามอีกเรื่องหนึ่งก่อน  เพราะผมไม่คิดว่าคนที่ผมเห็นที่วัดในวันนั้นกับคุณกวินทร์คือคนๆเดียวกัน  พอได้รู้  ผมถึงสงสัยขึ้นมา  ทำไมคุณ…ที่เป็นผู้ต้องสงสัยหลักสำหรับพวกผมว่าจะเป็นคนสั่งฆ่าอาจารย์มารีอาถึงได้ไปที่นั่น  แถมยัง…ดูเหมือนจะเสียใจมากๆอีกด้วย”

แปะๆๆๆ

“สุดยอดเลยนะครับ  ตรงประเด็นดีจัง  เพราะแบบนี้นี่เอง  จักรวาลถึงได้สนใจคุณนัก”

จะเอ่ยชื่อนั้นขั้นมาทำแมวอะไรล่ะเฟ้ย  ยิ่งเฮี้ยนๆอยู่  เดี๋ยวก็มาจริงๆหรอก!

“ได้โปรดตอบมาด้วยครับ  เพราะผมและคุณคงไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากากคุยกัน  คุณเป็นใคร  คิดจะทำอะไร  และผมเป็นใคร  มาที่นี่ทำไม  พวกเราต่างก็รู้กันอยู่แล้ว”

“นั่นสินะครับ  งั้นเอาใหม่  เมื่อกี้คุณถามผมว่า  ทำไมคนที่ตกเป็นผู้ต้องสัยว่าฆ่ามารีอาอย่างผมถึงไปที่วัดนั้นด้วยท่าทางเศร้าๆใช่ไหม”

“ครับ”

“แล้ว…ถ้าผมบอกว่า…ผมไม่ใช่ฆาตกรล่ะ  ถ้าผมจะบอกว่า…ผมไม่เคยคิดที่จะฆ่าเธอเลย  คุณจะเชื่อหรือเปล่า”

สีหน้าที่ยิ้มตลอดเวลาของเขาเหมือนต้องการจะปกปิดความรู้สึกที่มีอยู่ในใจจริงๆไม่ให้เขารู้  ผมเงียบและไม่ได้ตอบกลับในทันที  จ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขาเพื่อค้นหาความจริงที่ซ่อนอยู่

ผู้ชายคนนี้สินะครับที่อาจารย์รัก…

“ว่ายังไงล่ะครับ  เชื่อ…”

“ผมเชื่อครับ”

“ครับ?”

เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นแววตาของเขาเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกขึ้นมาแวบหนึ่ง  ดูเขาจะแปลกใจในคำตอบของผมมากๆ

ทำไมกันนะ  ผมถึงรู้สึกว่าไอ้นิสัยที่ทำเป็นยิ้ม  สวมหน้ากากแห่งรอยยิ้มเพื่อปกปิดความรู้สึกที่แท้จริงมันเหมือนนิสัยของใครบางคน  ใช่…เหมือนคุณจักรวาล  ถึงวิธีการจะแตกต่างกันเพราะคุณจักรวาลไม่เคยยิ้มแต่เลือกที่จะปล่อยออร่าแห่งความเยือกเย็นออกมาแทน  ทว่า...สิ่งที่พวกเขาต้องการซ่อนเอาไว้ต่างก็เหมือนกัน  คือการซ่อนความรู้สึก...

“ทำไมถึงเชื่อผมล่ะครับ  ถ้าคุณรู้อยู่แล้วว่าผมเป็นใครและมีเป้าหมายอะไร  คุณไม่น่าจะเชื่อผมนะ”

“นั่นก็เพราะ…คุณคือคนที่อาจารย์มารีอารัก”

“…”

“ผมอาจจะไม่ได้เชื่อคุณร้อยเปอร์เซ็นต์  แต่ผมเชื่อในการตัดสินใจของอาจารย์มารีอาพันเปอร์เซ็นต์เลยต่างหาก”

ถ้าหาก…ถ้าหากผมทำรายหน้ากากแห่งรอยยิ้มนี้ได้  ความจริงที่เขาเก็บงำเอาไว้จะถูกเปิดออกมาไหมนะ

“เฮ้อๆ  เป็นเด็กหนุ่มที่รับมือยากจริงๆเลยนะครับ  ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้เจอกันตรงๆ  คิดว่าจะเป็นเด็กหนุ่มทั่วไปเสียอีก  ที่ไหนได้…มีเสน่ห์ไม่เบาเลย”

“เอาเป็นว่าเรื่องของอาจารย์มารีอาผมเคลียร์แล้ว  ขอเข้าเรื่องต่อไปเลยแล้วกันนะครับ”

ไม่ไหวๆ  คนๆนี้นอกจากจะมีลักษณะคล้ายกับคุณจักรวาลแล้ว  นิสัยบางอย่างก็ยังเหมือนกันอีกด้วย  ใครกันแน่ที่รับมือยาก!

ผมสูดลมหายใจเข้าปอดเพื่อเรียกสติและสมาธิให้กลับคืนมาอีกครั้ง  ล้วงหยิบปากกาด้ามนั้นในกระเป๋าออกมาแล้วกดเปิดบทสนทนาเหล่านั้นให้เขาฟัง  แรกๆคุณกวินทร์ก็ดูตกใจ  แต่พอผ่านไปสักพักเขาก็แค่นหัวเราะออกมาอย่างชอบใจแทน  เป็นไบโพล่าร์หรือเปล่าวะหมอนี่

กึก!

พอบทสนทนาทั้งหมดจบลงผมก็กดปิดและเก็บมันลงกระเป๋าตามเดิม  ยังไงวันนี้ก็จะต้องรู้ในสิ่งที่สงสัยให้ได้!

“สมกับเป็นหมอนั่นจริงๆนะครับ  อัดเสียงไว้ซะด้วย  แล้ว…คุณอยากรู้เรื่องอะไรเหรอ  ที่มาหาผมก็คงเพราะสิ่งที่ถูกอัดไว้พวกนี้สินะ  มันเกี่ยวข้องกับคุณโดยตรงเลยนี่”

“หา?”

“ทำไมต้องทำหน้าตกใจด้วยล่ะครับ  คุณกำลังสงสัยไม่ใช่หรือไงว่าทำไมผมต้องทำร้ายคุณ  แล้วทำไมผมถึงต้องให้จักรวาลเลือกระหว่างคุณกับอวกาศ”

คะ…คนๆนี้  เข้าใจผิดไปถึงไหนแล้วล่ะนั่น!

“คุณเข้าใจผิดแล้วล่ะครับ”

สองมือยกห้ามให้เขาหยุดคิดเองเออเองไปมากกว่านี้

“จริงอยู่ที่ผมแปลกใจและสงสัยไม่น้อยว่าผมไปมีเอี่ยวอะไรด้วยทั้งที่ผมเป็นเพียงแค่ลูกหนี้ขัดดอกสิบล้านเฉยๆ  แต่ว่า…เพราะบอกคุณไปก่อนหน้านี้แล้วนี่ครับ  ว่าผมเชื่ออาจารย์มารีอาพันเปอร์เซ็นต์น่ะ  เพราะแบบนั้น…ผมถึงมั่นใจและเชื่อใจว่าคนที่อยู่รอบตัวผมตอนนี้  ทั้งคุณจักรวาล  คุณอวกาศ  แล้วก็ไอ้เฟี้ยว  พวกเขาเป็นพันธมิตรกับผมไม่ใช่ศัตรู”

“…”

“ถ้าเมื่อไหร่ที่เขาพร้อม  ผมเชื่อว่าคุณจักรวาลจะบอกเรื่องทุกอย่างกับผมเอง”

ตอบออกไปอย่างแน่วแน่

เอาจริงๆเมื่อวานผมก็ตกใจมากเลยล่ะตอนฟังเสียงที่ถูกอัดไว้จบ  แต่หลังจากนั้นก็เจอจดหมายที่อาจารย์มารีอาเขียนถึงไว้ถูกสอดไว้ในนิตยสารเล่มที่ผมทำหล่นไปหลังตู้  พออ่านจดหมายของอาจารย์อีกครั้งผมก็เริ่มคิดได้  ไม่ว่าอะไรก็ตามที่คุณจักรวาลกำลังปิดบังเอาไว้  เมื่อเทียบกับการที่เขายอมตายได้เพื่อผม  และทำทุกสิ่งได้เพื่อคุณอวกาศกับผม  มันก็ไม่มีอะไรที่ผมต้องกังวลหรือกลัวเลย

ให้ตายสิ…

สุดท้ายแล้วก็ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่าจักรวาลจริงๆ

ครอบงำแม้กระทั่งหัวใจของผมเลยสินะ…

“ในเมื่อคุณคิดแบบนั้น  แล้วคุณมาหาผมทำไม”

“สิ่งที่ผมสงสัยน่ะ  มันคือเรื่องนี้ต่างหาก”

ผมหยิบปากกาออกมาอีกครั้งแล้วกดฟังเรื่องทั้งหมดใหม่  ก่อนจะหยุดมันเอาไว้ตรงจุดที่ผมสงสัย  มองไปทางคุณกวินทร์ที่เริ่มทำหน้าแปลกใจแล้วว่าผมอยากรู้อะไรกันแน่

 

‘คุณฆ่าผมไม่ได้หรอก  คนเดียวบนโลกนี้ที่ผมไม่เคยคิดจะฆ่าก็คือคุณ  และคนเดียวที่คุณอยากจะฆ่าให้ตายแต่ก็ทำไม่ได้ก็คือผม  เราสองคนต่างรู้เหตุผลดีว่าเพราะอะไร’

“นี่ต่างหากล่ะครับ  คือสิ่งที่ผมอยากจะรู้”

อีกฝ่ายเงียบไปราวกับคิดไม่ถึงว่าเรื่องที่ทำให้ผมกล้าถ่อมาหาศัตรูถึงที่นี่จะเป็นเรื่องของคุณจักรวาลเสียอย่างนั้น

ทำไงได้ล่ะ  ประโยคนี้มันวนเวียนซ้ำไปซ้ำมาในหัวของผมไม่หยุดเลยนี่นา  เรื่องของผมน่ะจะเป็นยังไงก็ช่างเถอะ  เพราะยังไงผมก็รู้ว่าคุณจักรวาลเป็นคนดี  เขาคอยปกป้องคนอื่นมากมายในขณะที่ตัวเองไม่มีใครคอยปกป้องเลย  เพราะแบบนั้น…ผมถึงอยากทำอะไรเพื่อเขาบ้าง  อยากให้เขาเปิดใจของตัวเองออกมาให้มากกว่านี้!

“จะช่วยตอบผมได้ไหมครับ  ว่ามันหมายถึงอะไร”

“ทำไม…คุณถึงอยากรู้เรื่องนี้ล่ะครับ  ถึงรู้ไปมันก็ไม่ได้ช่วยอะไรได้เลยไม่ใช่เหรอ”

“มันอาจจะไม่ได้ช่วยอะไรผมเลยก็จริง  แต่ว่า…ถ้าหากคุณคือต้นเหตุที่ทำให้คุณจักรวาลปิดตายความรู้สึกของตัวเองแล้วกลายร่างเป็นหุ่นยนต์แบบนี้  ผมก็อยากจะรู้ครับ  เพราะผมไม่ต้องการให้คุณจักรวาลอยู่ในสภาพของหุ่นยนต์ตลอดไป  ผมอยากเห็นเขายิ้ม  เห็นเขาหัวเราะเวลาที่เขามีความสุข  ร้องไห้เวลาที่เจ็บปวด  อยากเห็นความรู้สึกข้างในจริงๆของเขาไม่ใช่หน้ากากเฉยชาอย่างในทุกวันนี้ครับ!”

“คุณนี่…ถ้ามารีอาไม่ได้เพิ่งตายไป  ผมคงคิดว่าเธอกลับชาติมาเกิดเป็นคุณแล้วนะครับ  เพราะแบบนี้เองสินะ  มารีอาถึงบอกว่าพบโอเอซิสใหม่ของสามคนนั้นแล้ว”

“หา?”

อันนี้ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่  กรุณาอย่าพูดอะไรที่ฟังแล้วตัวเองเข้าใจอยู่คนเดียวสิเฟ้ย!

“เอาเถอะ  เรื่องนี้ผมยอมแพ้  ถ้าคุณอยากรู้  ผมก็จะเล่าให้ฟัง  หวังว่ามันจะช่วยให้คุณกระชากหน้ากากเฉยชาของหมอนั่นออกมาได้นะ  แต่ว่า…”

“อย่ามีแต่ได้ไหมครับ  พอมีคำว่าแต่ทีไรผมเสียวสันหลังทุกที”

“ฮะๆๆ  ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกครับ  ผมแค่จะบอกว่า…ผมคงเล่าได้แค่เหตุผลที่ทำให้ทั้งผมและจักรวาลไม่สามารถฆ่ากันได้ก็เท่านั้น  ไม่สิ  คงมีแค่ผมที่ไม่ว่าจะยังไงก็ไม่เคยคิดฆ่าเขา  เหมือนที่ผมไม่เคยคิดฆ่ามารีอานั่นแหละ  แต่สำหรับหมอนั่น…คงอยากฆ่าผมจนตัวสั่นแล้ว”

อีกแล้ว  วูบหนึ่งที่นัยน์ตาคู่นั้นสั่นไหวราวกับกำลังเจ็บปวดเมื่อคิดว่าตอนนี้คุณจักรวาลคงอยากจะฆ่าเขามากๆ

ระหว่างสองคนนี้…อะไรกันนะที่ผูกมัดพวกเขาเอาไว้!

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  วันนี้อาการไม่สบายดีขึ้นมาก  ต่างจากเมื่อวานที่พอกินอะไรเข้าไปก็อ้วกออกหมดเลยค่ะ  ถึงเมื่อวานจะไม่มีไข้  แต่เล่นกินอะไรแล้วอ้วกออกหมดก็ไม่ไหวเหมือนกัน  นอนท้องร้องด้วยความหิวโหยทั้งคืน TOT  จะตื่นมากินก็กลืนอะไรไม่ลงเพราะอ้วกจนแสบคอไปหมด  ขอบคุณนักอ่านทุกคนที่เป็นห่วงนะค้า

สำหรับตอนนี้นั้น  เป็นการเผชิญหน้ากันตรงๆครั้งแรกระหว่างน้องไทม์กับกวินทร์เลย  ชายหนุ่มผู้สวมหน้ากากแห่งรอยยิ้ม  แท้จริงแล้วตัวตนของเขาเป็นยังไงกันแน่?  แต่นับว่าเป็นความก้าวหน้าอีกขั้นของน้องไทม์เลยนะคะคือสามารถเชื่อใจคนอื่นได้แล้ว!  รู้ทั้งรู้ว่ามีเรื่องเกี่ยวกับตัวเองที่ยังไม่รู้รวมอยู่ด้วย  ตแกลับเลือกที่จะเชื่อใจท่านจักรวาลคนนั้นเพื่อรอวันที่เขาพร้อมจะบอกทุกอย่างด้วยตัวเอง  หนำซ้ำสิ่งที่สนใจจริงๆกลับเป็นเรื่องของท่านจักรวาลแทนซะนี่  เอ๊ะๆ  มีแต่เรื่องของเขาเต็มหัวใจไปหมดแบบนี้มันยังไงๆอยู่น้า  หลงเสน่ห์ผู้ชายเงียบขรึมเข้าแล้วใช่ม้ายยยยย  เอาล่ะ!  ตอนหน้ามาพบกับอดีตของจักรวาลกับกวินทร์กันเถอะ!  อะไรคือเหตุผลที่ผูกมัดพวกเขาเอาไว้กันนะ?
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 27 (31/08/60) #หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 31-08-2017 23:12:00
ยิ่งอ่าน ก็มีแต่ปมมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็อยากจะอ่านไปเรื่อย ๆ  :mew4: :mew4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 27 (31/08/60) #หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 31-08-2017 23:30:26
ความซับซ้อนเอยจงซับซ้อนยิ่งขึ้น
สนุกค่าาา หนูชอบ
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 27 (31/08/60) #หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 31-08-2017 23:31:55
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 27 (31/08/60) #หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 01-09-2017 01:54:59
 :serius2:่
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 27 (31/08/60) #หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 01-09-2017 02:58:59
 :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 27 (31/08/60) #หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 01-09-2017 06:09:05
รอตอนต่อๆค่ะ กำลังเข้มข้นเลย :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 27 (31/08/60) #หน้า8
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 01-09-2017 08:52:30
ลึกลับซับซ้อนจัง :เฮ้อ:
หัวข้อ: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 28 (01/09/60) #หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 01-09-2017 11:12:02


ตอนที่ 28

เรื่องราวในอดีต (2)

 

สามสิบห้าปีก่อน

ชายวัยกลางคนสองคนเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องห้องหนึ่งพร้อมกัน  ในมืออุ้มเด็กน้อยน่ารักน่าชัง  คนหนึ่งอายุได้เพียงสี่เดือน  อีกคนอายุได้เพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น  เขาทั้งสองต่างก็ส่งยิ้มให้กันพร้อมกับชะเง้อมองเด็กในอ้อมแขนของอีกฝ่าย

“หลานชายผมใช่ไหมพี่   หน้าตาน่ารักจังเลย”

‘ไกรศร’ บุตรชายคนที่สองของตระกูล ‘อสังหา’ เอ่ยชมหลานชายของตัวเอง  ถึงแม้หลังจากวันที่หลานชายคนนี้คลอดได้ไม่นาน  เขาจะได้ไปเยี่ยมหลานและพี่สะใภ้ที่บ้านก็ตาม  แต่นั่นมันก็ตอนที่เด็กน้อยเพิ่งลืมตาดูโลกได้แค่หนึ่งอาทิตย์เท่านั้น  เวลาผ่านไปจนเด็กคนนี้อายุสี่เดือน  หน้าตาก็เริ่มน่ารักน่าชังมากขึ้น

“ลูกของแกก็ใช่ย่อยซะเมื่อไหร่  หน้าเหมือนแกตอนเด็กๆเปี๊ยบ”

“ฮ่าๆๆ  ก็เจ้านี่มันเชื้อผมนี่นา”

‘ไกรเทพ’ บุตรชายคนที่หนึ่งของตระกูลยิ้มหยอกล้อกับลูกของน้องชายบ้าง  แต่เด็กน้อยเพิ่งอายุได้เพียงหนึ่งเดือนจึงยังไม่ค่อยจอบสนองกลับมากนักต่างจากลูกของเขาที่นอนลืมตาอยู่ในอ้อมแขนนิ่ง  แต่ก็มียิ้มตอบกลับบ้างตามประสาเด็กน้อย

“เข้าไปหาคุณพ่อกันเถอะครับ”

แล้วสองหนุ่มก็พากันเปิดประตูเข้าไปหาชายสูงวัยคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนรถเข็นในสภาพไม่ค่อยจะมีเรี่ยวแรง  มีพยาบาลคอยประกบอยู่ตลอดเวลา

“คุณพ่อครับ  พวกเรามาแล้ว”

ไกรเทพตรงเข้าไปหาผู้เป็นพ่อ  ทั้งสองนั่งพับเพียบลงกับพื้นตรงหน้าบิดาเพื่อให้ชายสูงวัยที่อยากเห็นหน้าหลานใจจะขาดได้เห็นหลานทั้งสองอย่างชัดเจน

“หลานปู่…”

เสียงแห้งแหบพร่าเอ่ยขึ้นอย่างดีใจ  น้ำตาปริ่มดีใจที่ได้เห็นเด็กน้อยทั้งสองคนเสียที  เพราะร่างกายอ่อนแอทำให้ไม่สามารถออกไปไหนได้  จึงต้องรอให้ลูกๆหาเวลาว่างมาหาเอง  การได้เห็นหน้าหลานชายทั้งสองคนในวันนี้จึงทำให้เขามีความสุขมาก

“คนไหนชื่ออะไรกันบ้างล่ะ”

“ลูกชายของผมชื่อจักรวาลครับพ่อ”

ไกรเทพตอบเป็นคนแรก  บิดายิ้มรับและรู้สึกว่ามันเป็นชื่อที่ดีทีเดียว

“ส่วนลูกผมชื่อกวินทร์ครับ  เป็นชื่อของพี่ชายภรรยาที่เสียไป  ภรรยาผมรักพี่ชายมาก  เธอเลยอยากตั้งชื่อลูกให้เหมือนชื่อของพี่ชายน่ะครับ”

“อื้อ  ก็ดีนะ  พี่ชายของเมียแกก็เป็นคนดี  ใจดีแล้วก็มีเมตตา  เมื่อก่อนพ่อเคยเจอเขาตามงานอยู่เหมือนกัน  พนักงานรักเขากันทั้งนั้น”

“ครับ  ผมก็หวังจะให้กวินทร์โตมาเป็นเด็กแบบนั้นเหมือนกัน  แม่เขาก็ใจดี  รักโลก  รักสัตว์  รักทุกอย่างบนโลกใบนี้เลย  ถ้าเด็กคนนี้ได้เชื้อแม่มา  ผมคงมีความสุขมาก”

“เชื่อเมียแกคนเดียวได้ยังไง  ต้องได้เชื่อแกด้วยสิ  แกมันเป็นคนรักพี่รักพ่อ  รู้จักตอบแทนบุญคุณคนที่เขาดีกับแก  นั่นน่ะ  ข้อดีของแกเลยนะ  ต้องให้เจ้ากวินทร์มันสืบทอดนิสัยนี้ของแกไปด้วย”

ไกรเทพเอ่ยชมน้องชาย  เขารักและเอ็นดูน้องชายคนนี้มาก  พอๆกับน้องชายของเขาที่รักและเคารพพี่ชายของตัวเองมากกว่าใคร  สายสัมพันธ์ของพี่น้องจึงแน่นแฟ้นและไม่มีทางตัดขาดกันได้  มันคือสิ่งที่พวกเขาคิดมาตลอด

“ว่าแต่  แกไม่โกรธพ่อใช่ไหมไกรศร  ที่ยกทรัพย์สมบัติเกือบทั้งหมดให้เป็นของพี่แกรวมถึงตำแหน่งประธานบริหารน่ะ”

“ไม่เอาน่าคุณพ่อ  ทำไมถามแบบนี้ล่ะครับ  ถึงพี่จะเป็นประธาน  แต่รองประธานก็คือผมอยู่ดี  อีกอย่าง…พี่ก็ไม่ได้มาแย่งไปสักหน่อย  แต่เพราะพระเจ้าท่านทรงเลือกแล้วว่าพี่ชายผมควรจะได้  ถึงได้ดลบันดาลให้พี่ชายมีลูกได้ก่อนผมยังไงล่ะครับ”

ไกรศรยิ้มไปพูดไป  ไม่ได้มีความแค้นหรือความไม่พอใจใดๆที่ตำแหน่งผู้สืบทอดกลายเป็นของพี่ชาย  เพราะก่อนหน้านี้คุณพ่อของพวกเขาได้ประกาศเอาไว้แล้วว่าคนที่มีทายาทก่อนจะได้รับมรดกและตำแหน่งประธานบริหารไป  สองพ่อลูกยิ้มให้กันโดยไม่ทันได้สังเกตเลยว่าไกรเทพเริ่มหน้าซีดเผือด  เหมือนเขากำลังปิดบังอะไรเอาไว้!

 

พลั่ก!

“โอ๊ย!”

‘กวินทร์’  เด็กน้อยวัยหกขวบเรียนอยู่ชั้นอนุบาลสามร้องลั่นเมื่อถูกเพื่อนที่ตัวใหญ่กว่าแกล้งผลักจนล้ม  ที่หัวเข่าถลอกมีเลือดไหลซิบออกมา

“ฮ่าๆๆ สมน้ำหน้า  ไอ้ตุ๊ด  แบร่ๆๆ  ไอ้ตุ๊ด!”

“ฮึก… ผม…ผมไม่ใช่ตุ๊ดนะ  ฮึก…”

กวินทร์สะอึกสะอื้น  เขาตัวเล็กกว่าเด็กรุ่นเดียวกันและยังบอบบางอ้อนแอ้นจึงมักถูกล้อเลียนว่าเป็นตุ๊ดอยู่เสมอ  เป็นเพราะเขาชอบอยู่กับแม่มาก  จึงมักติดนิสัยอ่อนโยนและนิสัยทั่วไปของผู้หญิงมาพอสมควร

“ไม่ใช่ตุ๊ดแล้วทำไมใช้ผ้าเช็ดหน้าสีชมพูล่ะ!”

“ก็…ก็…คุณแม่บอกผมว่าสีชมพู  ฮึก…เป็นสีของความอ่อนโยน  ฮึก  นี่ครับ”

“ลูกแหง่ติดแม่นี่หว่า  ว้ายๆ ลูกแหง่ติดแม่  ไอ้ตุ๊ดติด…!”

พลั่ก!!!

ร่างของเด็กตัวโตที่กำลังล้อเลียนกวินทร์ปลิวไปไกลด้วยลูกกระโดดถีบคาขู่ของเด็กน้อย ‘จักรวาล’ ที่ไม่รู้มาตั้งแต่เมื่อไหร่

“จะ…จักรวาล”

“ไอ้จักรวาลมา  เผ่นเว้ย!”

บรรดาเด็กน้อยขาโจ๋ทั้งหลายรีบวิ่งหนีทันทีเมื่อจักรวาลมาถึง  เป็นอันรู้กันว่าใครก็ตามที่มาแกล้งให้กวินทร์  ญาติผู้น้องของเขาต้องร้องไห้จะต้องโดนตามเอาคืนเป็นสิบเท่า

“ขอโทษที่ฉันมาช้านะวินนี่  เจ็บไหม”

“อื้อ  ไม่เป็นไรครับ  ขอบคุณนะครับที่มาช่วยผมอีกแล้ว”

“โอ๋ๆ  ไม่ร้องนะ  วินนี่แสนมาดแมน”

เด็กน้อยผมสีดำขลับเหมือนนัยน์ตาวางมือลงบนเส้นผมสีน้ำตาลนุ่มของกวินทร์  น้ำตาที่เคยไหลก่อนหน้านี้หยุดไหลในทันที

“ผมแมนเหรอครับ”

“แมนสิ  เพราะนายไม่เคยวิ่งหนีพวกที่มาแกล้งนายเลยไงล่ะ  ถึงจะสู้ไม่ได้แต่ก็ไม่เคยหนี  วินนี่น่ะแมนสุดๆไปเลย” 

“จักรวาลก็เก่งสุดๆไปเลยเหมือนกันครับ”

“อื้ม  ฉันต้องเก่งเพื่อจะได้ปกป้องนายจากพวกเด็กเกเรไง  คุณพ่อกับคุณอาบอกว่าพวกเราเป็นพี่น้องกัน  เราเกิดไล่ๆกัน  แล้วตอนนี้เราก็เรียนชั้นเดียวกัน  เพราะงั้นพวกเราเลยกลายเป็นเพื่อนกันไปด้วย”

“สรุป…พวกเราเป็นอะไรกันครับ  ผมชักจะงงแล้ว”

“เดี๋ยวก่อนนะ  ขอฉันนึกก่อน”

จักรวาลทำแก้มป่อง  ย้อนคิดถึงคำพูดของผู้ใหญ่ที่เขาพยายามท่องจำมาเพราะอยากจะให้ตัวเองดูเป็นผู้ใหญ่ในสายตาของเด็กน้อยตรงหน้า

“เอาเป็นว่า…พวกเราเป็นเพื่อนรักกันดีไหม”

“เพื่อนรัก…เหรอครับ  ดีครับ  ผมชอบ  ได้เป็นเพื่อนกับจักรวาล  ผมมีความสุขที่สุดในโลกเลย”

เด็กน้อยทั้งสองต่างก็ยิ้มให้กัน  มิตรภาพเล็กๆของเด็กที่ยังไม่รู้เดียงสาค่อยๆก่อตัวขึ้น  ไม่มีใครคาดคิดหรอกว่า…พวกเขากำลังจะพบกับจุดเปลี่ยนครั้งยิ่งใหญ่  และต้องเผชิญชะตากรรมที่แสนเจ็บปวดตลอดไป

 

พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!

“ฉันบอกแล้วไงว่าวินนี่ไม่ใช่ตุ๊ด!  อย่าให้ฉันได้ยินพวกแกนินทาเพื่อนฉันแบบนี้อีกนะ!”

จักรวาลวัยสิบเอ็ดปีเรียนอยู่ ป.5 ตวาดลั่น  รอบกายเขาคือเพื่อนร่วมชั้นเรียนหลายสิบคนที่นอนคลุกฝุ่นเพราะถูกเขาลากมาซ้อมด้วยเหตุผลที่ว่าเขาบังเอิญไปได้ยินคนพวกนี้นินทาและพูดถึงกวินทร์ในทางไม่ดี

“จักรวาล!  ทำอะไรน่ะครับ”

“วะ…วินนี่”

ผู้ก่อเหตุลนลาน  แต่ก็ไม่รู้จะปกปิดความผิดยังไงดีเพราะซากของคนที่โดนกระทืบยังนอนโรงโอดครวญเต็มพื้น

“อีกแล้วเหรอครับ”

“ก็…”

“มากับผม”

กวินทร์ตรงเข้าไปคว้าแขนของเพื่อนรักเจ้าอารมณ์แล้วพาเดินออกมาจากที่เกิดเหตุ  ตรงดิ่งไปใต้อาคารที่ไม่มีคนก่อนจะนั่งลงบนโต๊ะหินอ่อน

“ผมบอกคุณแล้วไงว่าอย่าไปมีเรื่องกับใครอีก  เวลาที่คุณต่อยคนพวกนั้น  มือของคุณก็เจ็บด้วยนะ  ผมไม่อยากเห็นคุณต้องเจ็บตัวอีกแล้วนะ”

“แต่พวกนั้น…ว่านาย”

คนถูกดุตอบอ้อมแอ้มพลางจ้องหน้าอีกฝ่ายที่กำลังแกะพลาสเตอร์ปิดรอยถลอกจากการต่อยตรงหลังมือให้เขา

“แล้วยังไงล่ะครับ  ผมไม่ได้สนใจสักหน่อย มือนี้น่ะ…ไม่เหมาะจะทำร้ายใครหรอกนะ  มันเหมาะจะเอาไว้ปกป้องสิ่งสำคัญมากกว่า”

“ปกป้อง…สิ่งสำคัญ?”

“อ่ะ  เสร็จแล้ว  สงสัยหลังจากนี้ผมคงต้องพกพลาสเตอร์มาทุกวันแล้วล่ะ  ไปครับ  กลับบ้านกัน”

กวินทร์ส่งยิ้มเหมือนทุกที  เขามักจะเป็นแบบนี้เสมอ  เอาแต่ยิ้มไม่ว่าจะโดนใครนินทาว่าร้ายขนาดไหนก็ตาม

“ถ้างั้น!”

“ครับ?”

“ถ้าสองมือของฉัน  เหมาะที่จะเอาไว้ปกป้องสิ่งสำคัญมากกว่า  งั้นฉัน…ก็จะเอาไว้ปกป้องนาย”

“จักรวาล…”

“ก็เราเป็นเพื่อนรักไม่ใช่หรือไง”

ว่าพลางผลักไหล่อีกฝ่ายแก้เก้อ  รู้สึกเขินๆที่ต้องมาพูดคำว่าเพื่อนรักตรงๆแบบนี้

“สองมือของคุณ  จะเอาไว้ปกป้องผม  งั้น…สองมือนี้ของผม  ก็จะเอาไว้รักษาคุณเหมือนกัน  ถ้าหากคุณต้องทำร้ายคนอื่นเพื่อปกป้องผมจนบาดเจ็บกลับมาล่ะก็…ผมจะคอยรักษาให้เอง  แต่ความจริง…ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะห้ามมากกว่า   ผมไม่อยากให้คุณต้องมาทำร้ายใครเพื่อผมหรอก  แต่ก็…ขอบคุณมากนะครับ”

กวินทร์ทำท่าตะเบ๊ะแบบตำรวจใส่จักรวาล  อีกฝ่ายรีบทำกลับก่อนที่ทั้งสองจะวิ่งแข่งกันไปที่รถซึ่งคนขับรถที่บ้านมาจอดรอรับด้วยเสียงหัวเราะ

 

“ฮึก  แม่…แม่ครับ”

กวินทร์ในวัยสิบสี่ปีเรียนอยู่ชั้นม.สอง ร้องไห้อย่างหนัก  เขาสวมชุดสีดำอยู่ในงานศพแม่ของตัวเองที่กินยาฆ่าตัวตายเมื่อคืนก่อน

“วินนี่…”

จักรวาลที่มาร่วมงามพร้อมกับครอบครัวเดินมานั่งลงข้างๆเขา  ค่อยๆยกแขนขึ้นโอบบ่าเพื่อนรักเอาไว้ด้วยความสงสารสุดหัวใจ

กวินทร์รักและสนิทกับแม่ของตัวเองมากแคไหนทุกคนในตระกูลต่างรู้กันทั้งนั้น  การจากไปของเธอในครั้งนี้จึงสะเทือนใจเขาเป็นอย่างมาก

“ทำไมแม่ต้องทิ้งผมไปด้วย  แล้วจากนี้ผมจะอยู่ยังไงล่ะครับ  ฮือ…”

“วินนี่…”

“ผมคิดถึงแม่  แม่กลับมาหาผมเถอะนะ  ตื่นขึ้นมาเถอะครับ  ฮืออออ”

เผาะ!

เป็นครั้งแรกในชีวิตของเด็กหนุ่มที่ชื่อจักรวาล…เขาร้องไห้!  ยิ่งเห็นว่าตอนนี้กวินทร์กำลังเสียใจแทบตายขนาดไหน  เขาก็ยิ่งเจ็บปวดและเสียใจพอๆกัน  อย่าว่าแต่สองมือเลย  ตอนนี้ต่อให้เขามีสิบมือ  เขาก็ทำอะไรเพื่อคนๆนี้ไม่ได้เลย

“เสียใจด้วยนะไกรศร  พี่เสียใจด้วยจริงๆ”

“ครับพี่  สงสารก็แต่กวินทร์  เด็กคนนี้รักแม่มาก  ตั้งแต่เมียผมตายไปก็ไม่ยอมกินยอมนอน  เอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว  ผมกลัวลูกจะเป็นอะไรไปอีกคนครับ”

ไกรศรยกมือขึ้นปิดปากกลั้นเสียงสะอื้นและหยาดน้ำตาของตัวเอง

“แกยังมีพี่นะ  พี่จะไม่มีวันทิ้งแก  จำที่คุณพ่อบอกก่อนท่านจะจากไปได้ไหม  หน้าที่ของพี่คือการดูแลแกให้ดีที่สุด  ไม่ใช่แค่การบริหารบริษัทเท่านั้นที่คุณพ่อฝากฝังไว้  แต่ยังมีแก  มีเจ้ากวินทร์  ที่คุณพ่อรักและเป็นห่วง  พี่จะไม่ทิ้งพวกแกเด็ดขาด  ไอ้น้องรัก”

ไกรเทพดึงตัวน้องชายเข้ามากอดแนบแน่น  เขาเสียใจกับน้องชายจนไม่รู้จะพูดปลอบใจยังไงดี  แม้แต่เหตุผลว่าทำไมเมียของน้องชายถึงฆ่าตัวตายเขาก็ยังไม่กล้าถาม  เรื่องละเอียดอ่อนขนาดนั้น  ถ้ารื้อฟื้นกันตอนนี้ก็มีแต่จะทำให้ทุกๆฝ่ายเจ็บปวด

 

“แน่จริงก็ตามจับให้ทันสิวินนี่  ฮ่าๆๆๆ”

“เดี๋ยวสิครับจักรวาล  คุณขี้โกงนี่!”

“เอ้า เร็วๆๆ  เต่าจะกัดขาแล้วนั่น  วิ่งเร็งเข้า  ฮ่าๆๆๆ”

ปึก!

จักรวาลในวัยสิบหกปีเรียนอยู่ชั้น ม.4 ชนเข้ากับใครบางคน  ไม่สิ  เรียกว่าชนคงไม่ถูก  ตอนนี้เขากำลังโดนนักเรียนช่างที่ไหนสักที่ล้อมเอาไว้มากกว่า

“พวกแกเป็นใคร”

“คนนี้ใช่ไหม”

“ใช่ๆ  ไอ้เวรนี่แหละพี่ที่มันมายุ่งกับเมียผม!”

“หา?”

ชายหนุ่มร้องเสียงหลงทันที  กวินทร์ที่เพิ่งวิ่งมาถึงกะพริบตาปริบๆอย่างตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น  จักรวาลที่หันไปเห็นเพื่อนรักพอดีรีบพุ่งเข้าไปฉกตัวเขามายืนหลบด้านหลังทันที

“เฮ้ย!  มึงน่ะ  ได้ข่าวว่ามายุ่งกับเมียน้องชายกูเหรอ  หน้าตาก็ดีนี่หว่า  ไม่มีปัญญาหาเมียเองแล้วหรือไงวะ!”

“เมียน้องแก?  ใคร?”

“ก็น้องพรีมหัวหน้าเชียร์รีดเดอร์โรงเรียนเราไง!”

คู่กรณีที่แท้ที่เอาแต่หลบอยู่หลังพี่ชายตัวโตชะโงกหัวออกมาพูดก่อนจะหลบเข้าไปอีกครั้ง  เพราะเขารู้กิตติศัพท์กาต่อสู้ของจักรวาลดีว่าเก่งแค่ไหนเลยไม่กล้าบุกเดี่ยวมาจัดการด้วยตัวเอง  ต้องให้พี่ชายที่เรียนโรงเรียนช่างและมีพวกอยู่เยอะเข้ามาจัดการให้แทน

“หรือว่าจะหมายถึงคนที่เอาช็อกโกแลตมาให้คุณเมื่อวานครับ?”

“อ๋ออออ”

“เห็นไหมพี่  มันยอมรับแล้ว!”

“เฮ้ย!  ฉันแค่ร้องอ๋อเฉยๆ  ยอมรับตรงไหนวะ”

พอโดนตะคอกใส่  เจ้าคู่กรณีจอมขี้ขลาดก็สะดุ้งโหยงกระโดดเข้าหลบหลังพี่ชายอีกรอบ  ถ้าเป็นผู้หญิงคนนั้นจักรวาลจำได้เพราะว่าเธอมาตามตื๊อเขาอยู่หลายรอบ  เมื่อวานพอโดนดักเอาช็อกโกแลตให้ เขาก็ปฏิเสธไปอย่างจริงจังแบบไร้เยื่อใยและไร้มารยาทสุดๆไปว่า

 

‘ขอโทษนะ  รสนิยมของฉันไม่ใช่ผู้หญิง’

 

“แต่เมียน้องกูบอกว่าโดนมึงตามตื๊อไม่หยุด  อย่างนี้จะว่ายังไง”

“ไม่ได้ตื๊อ  ไม่เคยตื๊อ”

“มึงจะบอกว่าเมียน้องกูโกหกงั้นสิ”

“ถ้าบนหัวพวกแกไม่มีเขางอก  ก็น่าจะมองความจริงออกได้ไม่ยากหรอก”

“ว่าไงนะ!!!”

“จักรวาล  อย่ามีเรื่องเลยนะครับ  บอกพวกเขาไปเถอะว่าความจริงแล้วน้องพรีมต่างหากทีเป็นคนตามตื๊อคุณมาตลอด  ไม่ใช่…”

“หุบปากไปไอ้ตุ๊ด  มึงอย่าเสือก!”

“ว่าไงนะ!!!”

พลั่ก!!!

หมัดไปไวกว่าความคิด  พอเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มลามปามมาด่าถึงกวินทร์  จักรวาลก็สติขาดผึง  ตบะแตกพุ่งเข้าใส่ต่อสู้กันนัวเนียกับพวกเด็กช่างที่ยกกันมาเกือบสิบคน  ชาวบ้านละแวกนั้นต่างพากันถอยหนีและโทรแจ้งตำรวจ

“จักรวาลครับ  พอเถอะ!  มันอันตราย  จักรวาล!”

เสียงของกวินทร์ไปไม่ถึงจักรวาลอีกแล้ว  แต่ทว่า  ขณะที่จักรวาลกำลังซัดกันตัวต่อตัวอยู่กับพี่ชายของคู่กรณีนั้น  หนึ่งในพรรคพวกของเขาก็ย่องมาทางด้านหลัง  ในมือมีมีดปอกผลไม้เล่มใหญ่ถืออยู่  กวินทร์เบิกตากว้างพลางร้องลั่น

“จักรวาล  ระวังครับ!!!”

ฉึก!!!

ไม่ใช่แค่ร้องเตือน  หากแต่เขายังพุ่งเข้าไปรับมีดเล่มนั้นแทนจักรวาลอีกด้วย!  เกิดเสียงร้องโวยวายขึ้นทันทีเมื่อสถานการณ์เริ่มรุ่นแรงขึ้น  พวกเด็กช่างที่เห็นว่ากวินทร์ร่างชุ่มโชกไปด้วยเลือดต่างก็พากันวิ่งหนีชุลมุน

“วินนี่!!!”

ตุ้บ!

จักรวาลหันกลับมารับร่างของเพื่อนได้ทัน  มีดเล่มใหญ่ปักเข้าเต็มๆท้องของกวินทร์   เลือดสีแดงสดที่ไหลนองอยู่เต็มที่ทำให้จักรวาลหน้าซีดตัวสั่นอย่างหวาดกลัว  กลัวว่าเพื่อนรักที่ดีที่สุดในชีวิตคนนี้จะเป็นอะไรไป

“วินนี่…วินนี่  ฉันขอโทษ…”

“นะ…ในที่สุด   ผม…กะ…ก็…ปก…ป้อง  คะ…คุณ…ได้”

กวินทร์ยิ้มอ่อน  น้ำตาไหลพรากเพราะเจ็บปวดกับบาดแผลที่ได้รับเหลือเกิน  แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ดีใจที่จักรวาลปลอดภัย  ที่ผ่านมามีแต่จักรวาลที่เป็นฝ่ายเจ็บตัวเพื่อคอยปกป้องเขามาตลอด  ไม่ว่าจะตอนที่วิ่งเข้ามารับเขาที่กำลังจะตกจากต้นไม้จนตัวเองเป็นฝ่ายแขนหักต้องใส่เฝือกเป็นอาทิตย์ๆแทน  หรือแม้แต่พุ่งเข้ามาเอาตัวบังเขาที่วิ่งออกไปจับลูกแมวกลางถนนจนรถที่ขับมาพอดีเกือบชน  แต่โชคดีที่เบรกได้ทันจึงไม่มีใครเป็นอะไร

ภาพความช่วยเหลือและการถูกปกป้องจากจักรวาลมาตลอดฉายย้อนมาในหัวของเขาเต็มไปหมด   คนๆนี้ไม่ใช่แค่เพื่อนรัก  แต่ยังเป็นเพื่อนแท้  และเพื่อนตายของเขาอีกด้วย

“อย่าพูดแบบนี้สิ  ฉันไม่ได้ต้องการให้มันเป็นแบบนี้  ฉัน…”

“ผม…ไม่เป็นไรหรอกครับ”

“จะไม่เป็นไรได้ยังไง  เลือดออกขนาดนี้!”

“จะ..จริงๆนะ  ก็เพราะน่ะ…เป็น…วะ…วินนี่สุดมาดแมน  มะ…ไม่ใช่…เหรอ…ครับ…”

“วินนี่…”

“…”

“วินนี่!”

“…”

“วินนี่!!!”

จักรวาลร้องตะโกนออกมาเสียงดังลั่นเมื่อร่างในอ้อมแขนแน่นิ่งไปแล้ว  เหตุการณ์ในวันนี้  กลายเป็นฝันร้ายที่จะฝังใจเขาไปตลอดชีวิต

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  อาการป่วยหายดีแล้วน้า  ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้วค่ะ  ตอนนี้เฉลยเรื่องราวความสัมพันธ์ของจักรวาลและกวินทร์แล้วเนอะ  เพราะอะไรทำไมต่างฝ่ายถึงฆ่ากันไม่ได้  กวินทร์ที่ได้รับการช่วยเหลือและปกป้องจากจักรวาลมาตลอด  และจักรวาลที่ได้กวินทร์เสี่ยงชีวิตเข้ามาช่วยเขาเอาไว้จนตัวเองเกือบตายนั้น  ทั้งหมดกลายเป็นสิ่งผูกมัดพวกเขาเอาไว้  เพราะได้กวินทร์ช่วยเอาไว้  จักรวาลถึงไม่สามารถลบความรู้สึกที่ว่า  “การที่เขายังมีชีวิตอยู่มาจนถึงทุกวันนี้นั้น  ต้องแลกมาด้วยการเสี่ยงชีวิตของกวินทร์แทน”  แล้วทำไมกันนะ  ทั้งที่พวกเขาสองคนก็เป็นเพื่อนที่รักกันดี  แถมพ่อของพวกเขาก็เป็นพี่น้องที่รักกันมากอีกต่างหาก  แล้วอะไรคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้พี่น้องฆ่ากันเองเพื่อแย่งชิงสมบัติกันล่ะ?

ต้องติดตามกันไปเรื่อยๆน้า  กำลังเข้มข้นเลยเชียววว

หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 28 (01/09/60) #หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 01-09-2017 15:52:26
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 28 (01/09/60) #หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 01-09-2017 19:57:24
 o22
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 28 (01/09/60) #หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 01-09-2017 23:40:23
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 28 (01/09/60) #หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 01-09-2017 23:50:42
 :m28:
หัวข้อ: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 29 (02/09/60) #หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 02-09-2017 12:04:39
ตอนที่ 29
คนที่ควรไว้ใจ…คือใคร?

Special  Part
ไอ้ไทม์คือน้องชายของไอ้อวกาศ  งี้ก็ต้องเป็นน้องชายของไอ้จักรวาลด้วยน่ะสิ!  เฮ้ย ไม่ๆๆๆ  เมื่อกี้หมอเขาก็บอกอยู่ว่าหนึ่งในสองของสิ่งของที่เอาไปตรวจดีเอ็นเอนั้น  มีเพียงคนเดียวที่มีสายเลือดเดียวกับไอ้อวกาศก็คือไอ้ไทม์
“เฮ้ย!  แบบนี้ก็แปลว่าไอ้จักรวาลไม่ใช่… อุ๊บ!”
ผมยกมือขึ้นอุดปากตัวเอง  ฉิบหายแล้วไง  ดันลืมตัวพูดออกมาเสียงดังซะงั้น  ต้องรีบหนีก่อนทีไอ้คนด้านในมันจะจับได้ว่าผมแอบตามมา
หมับ!
“จะรีบไปไหนเหรอเด็กนิสัยไม่ดี”
มะ…ไม่ทัน
ค่อยๆหันไปมองพร้อมส่งยิ้มแห้งให้อีกฝ่าย  ไอ้อวกาศส่งยิ้มหวานอาบยาพิษกลับมา  ทำเอาขนหัวลุก  อยากหายตัวได้โว้ยยย!
“คุณอวกาศ  นั่น…”
“น้องชายผมเองครับ  ไม่เป็นไรหรอก  พวกเด็กวัยอยากรู้อยากเห็นก็แบบนี้แหละ  เดี๋ยวผมจัดการเองครับ  ขอบคุณมากที่ช่วยเป็นธุระให้ในหลายๆเรื่อง  อ้อ…แล้วเรื่องนี้ก็…”
“เข้าใจแล้วครับ  ความลับสินะ”
“ครับผม   งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ  แล้ววันหลังจะมาเยี่ยม”
“แล้วเจอกันครับ”
บอกลากันเสร็จผมก็ถูกมันลากถูลู่ถูกังไปทางลานจอดรถ  ตอนนี้ทำได้แค่ปล่อยตัวให้มันลากไปก่อน  ขอคิดหาวิธีเอาตัวรอดแป๊บหนึ่ง  ใครจะไปคิดว่าความลับที่มันแอบปิดเอาไว้จะเป็นเรื่องยุ่งยากแบบนี้ล่ะฟะ  ถ้ารู้แต่แรกกูจะไม่เสนอมาเสือกเด็ดขาดเลย  ไม่อยากไปวุ่นวายด้วยสักหน่อย!
“ขึ้นรถสิ”
“ทำไมฉันต้องไปกับแกด้วย”
ถามเสียงกวนพลางลอยหน้าลอยตาอย่างไม่สลด  จะให้มันสังเกตเห็นไม่ได้ว่ากำลังกังวลถึงขีดสุด  ได้มารู้เรื่องแบบนี้ของครอบครัวคนอื่นเข้าใครมันจะไปกังวลบ้างล่ะเว้ย
“บอกให้ขึ้นไปก็ขึ้นไปเถอะน่า”
“ไม่ขึ้นเว้ย!”
“เฟี้ยว”
“ทำไม”
“ขึ้นรถ”
“ก็บอกว่า…!”
หมับ! ตึง!
“อ๊ากกกกก เจ็บๆๆ ทำเหี้ยไรวะไอ้อวกาศ  โอ๊ย!”
ผมร้องลั่นเมื่อข้อมือทั้งสองข้างถูกมันจับไขว้ไปด้านหลังและตรึงเอาไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว  ก่อนที่มืออีกข้างของมันจะกดเข้าที่ลำคอด้านหลังพร้อมกับดันตัวผมไปกระแทกกับรถอย่างแรง
สัตว์…จุก!
“อย่าให้ต้องใช้กำลังน่า  นายสู้ฉันไม่ได้ตั้งแต่เด็กๆแล้วจำไม่ได้หรือไง”
“มึงแม่งยังซาดิสท์ไม่เลิกเลยนะ!”
“ฉันเป็นแบบนี้เฉพาะกับนายเท่านั้นแหละ  เพราะนายมันพยศเกินจนต้องใช้กำลังมาปราบไงล่ะ”
มันกระซิบตอบที่ข้างหู  โธ่เว้ย!  ขยับไม่ได้เลยสักนิด  ตัวแม่งก็พอๆกันแถมยังดูบอบบางกว่าเสียด้วยซ้ำ  เอาแรงไปซุกไว้ส่วนไหนของร่างกายกันแน่วะ!
“ทีนี้จะขึ้นรถดีๆได้หรือยัง  คุณนักสืบจิ๊กโก๋”
“จิ๊กโก๋พ่อมึงสิ!”
ตึง!
“โอ๊ย!”
“อย่าเล่นถึงพ่อ”
กลายเป็นไอ้อวกาศโหมดดาร์กโดยสมบูรณ์แล้วสินะ  ปกติจะสวมมาดคุณชายอยู่ตลอดเวลา  คนเดียวบนโลกที่ได้เห็นโหมดดาร์กของมันก็มีแค่ผมนี่แหละ
ครั้งแรกก็เมื่อตอนอยู่ ป.5
ดันบังเอิญไปเห็นตอนแม่งดูคลิปปลุกใจเสือป่าแล้วช่วยตัวเองไปด้วยเข้า  จากนั้นก็ถูกมันใช้โหมดดาร์กข่มขู่ให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับมาโดยตลอด  รู้สึกวันนั้นมันจะถูกพวกรุ่นพี่ผู้หญิงที่โรงเรียนเข้ามายั่วยวนพยายามที่จะมีอะไรกับมัน  แต่ไอ้อวกาศก็เอาตัวรอดมาจนได้ ทว่าที่โดนปลุกอารมณ์ไว้มันยังค้างอยู่  เลยต้องดูคลิปพวกนั้นแล้วช่วยตัวเองไปด้วย  ตอนนั้นผมยังเด็กเลยไม่ค่อยเข้าใจว่าหลังจากถูกปลุกอารมณ์แล้วถ้าไม่ได้ต่อจนจบมันจะทรมานยังไง  พอโตมาตอนนี้ถึงได้เข้าใจ  เข้าใจดีโคตรๆเลยด้วย
“เออๆ  รู้แล้ว  ขอโทษๆ  ไม่ได้ตั้งใจ  มันพลั้งปาก”
“ตกลงจะขึ้นรถได้แล้วใช่ไหม”
“กูมีทางเลือกหรือไงล่ะ  ถามเหมือนมีทางเลือกให้”
มองค้อนใส่มันหนึ่งทีด้วยหางตา  ไอ้อวกาศยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจที่เป็นฝ่ายชนะอีกตามเคยก่อนจะยอมปล่อยให้ผมเป็นอิสระ
จังหวะนี้แหละ!
ตึง!!!
เอี๊ยด!!!
สองเท้าเบรกจนหน้าเกือบทิ่ม  พอมันปล่อยให้ผมเป็นอิสระปุ๊บก็กะใส่เกียร์หมาโกยแน่บเต็มที่  แต่อีกฝ่ายคงรู้ทัน  ไอ้อวกาศยกขาข้างหนึ่งแล้วใช้เท้ายันไว้กับรถของตัวเองเพื่อปิดทางหนีของผมเอาไว้  ปัญหาของการเป็นเพื่อนสมัยเด็กกันก็คือมันรู้สันดานของผมดีกว่าใครนี่แหละ!
ปัง!
สุดท้ายจึงต้องขึ้นมานั่งบนรถของมันแต่โดยดี  เจ้าของรถเดินตามขึ้นมาก่อนจะสตาร์ทรถขับพุ่งออกไปทันที

ตลอดทางไอ้อวกาศเงียบไม่พูดอะไรเลย  ทั้งที่ปกติจะพูดจนลิงหลับแท้ๆ  ความผิดปกติทางปากของมันทำให้ผมอดห่วงไม่ได้เลยต้องลอบมองมันบ่อยๆ  จะเป็นอะไรไหมวะเนี่ย  หมายถึงกูเนี่ยจะเป็นไรไหม  นั่งรถมากับคนที่จิตใจไม่คงที่แบบนี้  คงไม่ขับพากูแหกโค้งลงไปนอนวัดพื้นที่ไหนหรอกนะ!
“ฉันหล่อล่ะสิ  จ้องเอาๆอยู่ได้”
“หา?”
“จะว่าไป  นายเองเคยบอกเหมือนกันนี่นะ  ว่าโตขึ้นอยากจะเป็นแบบฉัน  มีคนอย่างฉันเป็นไอดอลเนี่ย  มันจะดีเหรอ”
“พูดอะไรวะ  ไมเห็นเข้าใจ”
เอาเรื่องที่พูดไปเพราะความเป็นเด็กแบบนั้นมาคุยตอนนี้ทำไมฟะ  พูดไปกูก็จำไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ  ว่าแต่มันกำลังจะพาผมไปไหนเนี่ย  ยิ่งดูยิ่งห่างไกลจากตัวเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ
“จะไปไหน”
“ที่เกิดเหตุน่ะ”
“ที่เกิดเหตุ?”
“อุบัติเหตุเมื่อสิบแปดปีก่อน  ที่มาของ…รอยแผลเป็นบนหัวฉันไง”
ดวงตาเบิกกว้างขึ้นจนจะเท่าไข่ห่าน  ถึงจะยังยิ้มอยู่  แต่นี่เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกว่ารอยยิ้มของไอ้อวกาศมันเศร้าจนอยากจะร้องไห้ตาม
หมายความว่า…รอยแผลเป็นที่ผมเห็นตอนนั้น…มีสาเหตุมาจากอุบัติเหตุจริงๆเหรอเนี่ย 

ขับรถต่อมาอีกสองชั่วโมงกว่าๆก็มาถึงทางโค้งแห่งหนึ่ง  พวกเราออกจากตัวเมืองมาไกลมากๆ  ขึ้นเขามาได้พักใหญ่ๆแล้ว  ไอ้อวกาศจอดรถตรงข้างทางติดกับริมถนน  ตรงหน้าพวกเราคือทางโค้งที่มีป้ายเขียนว่า ‘ทางโค้งอันตราย  เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งโปรดระวัง’ คนข้างตัวมองไปข้างด้วยแววตาเลื่อนลอย  ระ…หรือว่าที่ตรงนี้ก็คือ…
ผมเปิดประตูลงจากรถเป็นคนแรก  ตรงไปจนถึงทางโค้งที่ข้างหน้าเป็นหน้าผาสูงชัน  ด้านล่างเป็นแม่น้ำไหลเชี่ยวพอสมควร  มองจากตรงนี้ลงไปยังเสียวสันหลังฉิบหาย  ถ้าตกลงไปจากความสูงระดับนี้มีแต่ตายกับตายแน่ๆ  ไม่สิ  คนในรถยังรอดมาได้เลยนี่หว่า  ปาฏิหาริย์มากๆ!
หมับ!
“เฮ้ย!  ทำไรวะ!”
ร้องเสียงหลงด้วยตกใจที่จู่ๆก็ถูกไอ้อวกาศจู่โจม  สองแขนโอบรอบคอกอดผมไว้จากด้านหลัง
“ขอบใจนะ  ที่นายยอมมาด้วย  เพราะถ้าฉันมาที่นี่คนเดียว  คงกลัวจนก้าวขาลงจากรถไม่ได้แน่ๆ”
จากที่ตั้งใจจะผลักมันออก  พอได้ยินน้ำเสียงสั่นเครือแบบนั้นเลยผลักออกไม่ลง  ผมยืนนิ่ง  ทิ้งมือลงข้างลำตัวให้อีกคนกอดเป็นที่พึ่งพิงชั่วคราว
“ดูเหมือนว่าฉันจะประสบอุบัติเหตุกับคุณพ่อที่นี่เมื่อตอนแปดขวบ  ผลจากอุบัติเหตุคราวนั้นทำให้สมองของฉันได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนักจนต้องผ่าตัด  ฉันกลายเป็นเจ้าชายนิทราไปสามเดือนเต็ม  พอฟื้นขึ้นมาก็จำอะไรไม่ได้เลย  แต่เพราะยังเด็กอยู่  ถึงจะจำอะไรไม่ได้  แค่ถูกใส่ความจำใหม่ไปซะก็สิ้นเรื่อง  คุณพ่อกับพี่จักรวาลคงเริ่มต้นนับหนึ่งให้ความทรงจำของฉันใหม่ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมา  เพราะแบบนี้เอง  ฉันถึงมีความทรงจำแค่ตอนที่ได้เจอมาเรียกับนายแล้วจนถึงปัจจุบันนี้  แต่ว่านั่นก็ไม่ได้ทำให้ฉันเอะใจหรือสงสัยอะไร  คิดง่ายๆว่าที่จำอะไรไม่ได้เพราะตอนนั้นคงเด็กเกินก็เท่านั้น”
“…”
“ความทรงจำใหม่เกี่ยวกับคุณแม่คือท่านป่วยตายไปตั้งแต่ตอนฉันยังเล็กๆ  นอกนั้นทุกอย่างเหมือนเดิมหมด  มีแค่เรื่องของคุณแม่คนเดียวที่ถูกเปลี่ยน  ไม่สิ  ยังมีเรื่องของเด็กคนนั้นด้วย”
“ไอ้ไทม์เหรอ?”
พอเป็นเรื่องเกี่ยวกับไอ้ไทม์ทีไรผมอดไม่ได้ที่จะสนใจทุกที
“ตอนที่นายผลักหัวฉันไปชนประตูวันนั้นน่ะ  จู่ๆก็มีภาพฉันกำลังนอนกอดท้องของคุณแม่อยู่แวบเข้ามา  ฉันคิดว่าตัวเองคงจินตนาการภาพเอาเอง  แต่พอนายทักเรื่องแผลเป็นขึ้นมา  ฉันถึงได้เริ่มสงสัย  บวกกับวันที่มาเรียมาหาฉันก่อนจะเกิดเรื่อง  วันนั้นเธอพูดอะไรแปลกๆเอาไว้ด้วย”
อย่างที่ผมคิดจริงๆ  ไอ้อวกาศไม่ได้บอกทุกอย่างที่มาเรียพูดกับมันให้ทุกคนฟังทั้งหมด  แต่จะว่าไป  พี่สาวผมเป็นครูสอนภาษาหรือตำรวจสายลับกันแน่  รู้ลึกรู้ลึกจริงไปหมดทุกเรื่องเลย!
“เธอบอกให้ฉันดูแลเด็กคนนั้นให้ดี  เด็กคนนั้นสำคัญกับฉันมาก  ตอนแรกฉันก็ไม่เข้าใจ  แต่พอกลับมาเห็นหน้าของไทม์  ฉันก็นึกย้อนไปถึงความรู้สึกในครั้งแรกที่ได้เจอกับเด็กคนนั้น  ตอนนั้นฉันไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงรู้สึกรักและเอ็นดูเด็กคนนี้มากนัก  มันถูกชะตาเหมือนเคยเจอกันมาก่อน  พอเอาความรู้สึกส่วนตัวมารวมกับเรื่องที่มาเรียพูดไว้  ภาพที่แวบเข้ามาในหัว  กับเรื่องแผลเป็น  ฉันเลยตั้งใจที่จะสืบเรื่องนี้อย่างจริงจัง  วันที่ฉันกลับไปเอาลิตส์สถานที่จากในห้องของพี่ ฉันก็เอาของที่สามารถใช้ตรวจดีเอ็นเอได้ของพี่กับไทม์ไปให้หมอช่วยตรวจด้วย  ความจริงก็ไม่ได้อยากจะตรวจดีเอ็นเอของพี่หรอกนะ  แต่ว่า…บางครั้งเขาทำให้ฉันรู้สึกเหมือนเป็นเจ้านายมากกว่าน้องชาย  พอรู้ตัวอีกที  ฉันก็ส่งตรวจดีเอ็นเอของเราทั้งสามคนไปแล้ว”
ผมยังคงเงียบฟังมันเล่าเรื่องทุกอย่าง  ถึงจะไม่เข้าใจว่ามันจะยืนกอดผมแบบนี้ไปจนกว่าจะพูดจบหรือเปล่าก็เถอะ
แค่ไม่มีใครขับรถผ่านมาเห็นตอนนี้ก็พอ  เดี๋ยวจะเข้าใจผิดคิดว่ามีคู่รักวิปริตมายืนพลอดรักกันริมหน้าผา!
“โรงพยาบาลที่พวกเราไปกันมาเมื่อกี้  เป็นโรงพยาบาลที่ทำสัญญาไว้กับตระกูลของฉัน  ถ้ามีใครในตระกูลป่วยหรือต้องการการรักษาก็จะไปที่โรงพยาบาลนี้ที่เดียว  ฉันเลยให้หมอคนเมื่อกี้ที่เป็นเพื่อนกันช่วยสืบดูว่าเมื่อสิบปีก่อนฉันได้เข้ามาทำการรักษาที่นี่บ้างหรือเปล่า  แต่เพราะข้อมูลทุกอย่างมันเป็นความลับที่ไม่สามารถเปิดเผยได้  กว่าจะกล่อมให้หมอนั่นใจอ่อนยอมช่วยได้ก็เกือบตายเหมือนกัน  สุดท้ายพอมันช่วยค้นข้อมูลให้ก็เลยเจอเข้าเต็มๆ”
“…”
“สิบแปดปีก่อนฉันเข้ารับการรักษาและอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นเวลาเกือบสี่เดือนจากอุบัติเหตุทางรถยนต์  ฉันลองค้นหาข่าวของเหตุการณ์อุบัติเหตุคราวนั้นจากในหนังสือพิมพ์และสื่อต่างๆเท่าที่พอจะหาได้  จนเจอว่าในวันนั้นมีหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของที่นี่ทำข่าวไว้  เพราะพวกสื่อใหญ่ๆถูกสั่งไม่ให้ทำข่าวนี้เด็ดขาด  คิดว่าบางทีอาจจะเป็นคุณพ่อนั่นแหละที่ใช้อำนาจเงินเข้าควบคุมไว้  พอลองอ่านเนื้อหาข่าวจากหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นพวกนั้น  ปรากฏว่าวันที่เกิดอุบัติเหตุ  ในรถคันนั้นมีเพียงฉันกับพ่อ”
“สิบแปดปีก่อนเหรอ  ทำไมฉันคุ้นๆกับไอ้คำว่าสิบแปดปีก่อนนี่จัง”
“พี่เคยพูดไว้ไม่ใช่เหรอ  ว่าสิบแปดปีก่อน  คุณอากับพี่กวินทร์เคยคิดฆ่าล้างตระกูลฉันเพื่อแย่งชิงสมบัติ”
“เออว่ะ  จริงด้วย”
ตามฆ่ากันมายาวนานขนาดนี้เลยเหรอวะตระกูลนี้  ไอ้สมบัติพวกนั้นมันมีค่ามากถึงขั้นตอบฆ่ากันไม่จบไม่สิ้นเลยเหรอ  กูล่ะงงใจ!
“…”
ความเจ็บที่ไหล่ทำให้ผมเริ่มรู้สึกตัวว่ากำลังถูกคนด้านหลังกอดรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ  ทว่าวงแขนของมันสั่นเทา  ไม่ใช่แค่แขนสิ  ทั้งตัวมันเลยต่างหาก
“ปะ…เป็นอะไรวะ”
“ฉัน…”
“หรือว่า…มีเรื่องอะไรอีก”
“ฉันไม่รู้   ฉันไม่รู้ว่า…ควรจะ…ไว้ใจใครดี”
“แกหมายความว่ายังไง”
“เฟี้ยว…ถ้าเป็นนาย  นายจะทำยังไง”
โอ๊ย!  เจ็บเว้ย  คนหรืองูเหลือมวะเนี่ยที่กอดผมอยู่  แต่ในเวลาแบบนี้จะตะคอกบอกให้มันปล่อยก็คงใจร้ายเกินไป  ผมไม่เคยเห็นไอ้อวกาศเป็นแบบนี้มาก่อนเลย
“ความจริงแล้ว  ช่วงงานศพของมาเรีย  คุณอาโทรเรียกให้ฉันเข้าไปพบ”
“อะไรนะ!  คุณอาที่แกว่านี่คือ…พ่อของไอ้คนที่ชื่อกวินทร์ใช่ไหม!”
“อืม  คุณอาบอกว่าถึงเวลาที่ฉันต้องรู้ความจริงสักที  ท่านบอกว่า…พี่จักรวาลไม่ใช่พี่ชายของฉัน  ไม่ใช่ลูกแท้ๆของพ่อกับแม่  แต่ท่านก็ไม่รู้ว่าพี่จักรวาลเป็นใครมาจากไหนกันแน่  แล้วทำไมคุณพ่อถึงรับมาเลี้ยงและบอกใครต่อใครว่าเป็นลูก  แรกๆทุกอย่างก็เป็นไปได้ด้วยดี  สองครอบครับต่างมีความสุขกันจนกระทั่งเรื่องราวเมื่อสิบแปดปีก่อนถือกำเนิดขึ้น”
“…”
“รถคันที่ฉันกับพ่อเกิดอุบัติเหตุนั้น  คุณอาบอกว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุ  แตเป็นการถูกตัดสายเบรกต่างหาก”
“ฆะ…ฆาตกรรมเหรอ”
“ใช่  และคนที่ทำเรื่องทั้งหมดก็คือ…”
ไม่ๆๆๆ  อย่าเอ่ยชื่อนั้นนั้นออกมาเด็ดขาดเลยนะ!
“พี่จักรวาล”
“…”
“คุณอาบอกว่าพี่จักรวาลต้องการทุกสิ่งทุกอย่างของคุณพ่อ  ก็เลยวางแผนฆ่าคุณพ่อและฉันให้ตายไปพร้อมๆกันเพื่อที่ตัวเองจะได้รับทุกอย่างในฐานะลูกชายคนเดียวที่เหลืออยู่”
“แล้วแกก็เชื่อเหรอ!  มันอาจจะกุเรื่องขึ้นมาเพื่อยุให้แกกับไอ้จักรวาลแตกคอกันก็ได้!”
“แน่นอนว่าฉันไม่เชื่อ!  ฉันบอกคุณอาว่ายังไงพี่ก็ต้องเป็นพี่ของฉันแน่ๆ  แต่…สุดท้ายพอผลดีเอ็นเอออกมา  พี่กลับ…ไม่ใช่สายเลือดเดียวกับฉัน  คำพูดของคุณอาที่บอกว่า…คิดดูให้ดีสิ  ทำไมวันนั้นบนรถถึงได้มีแค่ฉันกับพ่อ  มันจะบังเอิญเกินไปหรือเปล่าที่ไม่มีพี่จักรวาลไปด้วย   ฉันไม่รู้จะทำยังไง  คำพูดพวกนี้ลอยอยู่ในหัวซ้ำไปซ้ำมาไม่รู้จบสักที”
แรงบีบรัดแน่นขึ้นตามอารมณ์สับสนในใจของคนพูด  ก็พอเข้าใจความรู้สึกของมันในตอนนี้อยู่หรอกนะ 
“ฉันอยากจะเชื่อใจพี่  แต่ว่า…ฉันก็สับสน  คุณอากับพี่กวินทร์มีสายเลือดเดียวกับฉัน  ไทม์ก็มีสายเลือดเดียวกับฉัน  คำว่าคนที่มีสายเลือดเดียวกันจะฆ่ากันเองทำไมทำให้ฉันยิ่งกลัว  กลัวว่าตัวเองจะไม่ไว้ใจพี่อีกต่อไป”
ความเปียกชื้นที่ซึมผ่านเนื้อผ้ากระทบกับแผ่นหลังบ่งบอกได้ว่าตอนนี้ไอ้อวกาศกำลังเจ็บปวดมากแค่ไหน  มันคงมั่นใจมากว่ายังไงไอ้จักรวาลกับมันก็จะต้องมีสายเลือดเดียวกันแน่นอน  เชื่อมั่นมาตลอด  ทั้งที่คิดแบบนั้น  แต่พอผลตรวจออกมา  ทุกอย่างมันกลับตรงกันข้ามไปหมด  ไม่แปลกที่จะทำให้สับสนได้ถึงขนาดนี้
แล้วผมล่ะ…ผมคิดยังไงกับเรื่องที่มันเล่ามา  ถ้าไอ้จักรวาลคือคนต้องการสมบัติทั้งหมดจริงๆ  แล้วมันจะบุกเข้าไปช่วยไอ้ไทม์ในโรงยิมเพื่ออะไร  ในเมื่อไอ้ไทม์คือทายาทอีกคน…  ปล่อยให้โดนย่างสดตายไปซะแล้วตามมายิงไอ้ตัวข้างหลังผมทิ้งทีหลังก็จะได้ทุกอย่างไปครอบครอง  มันน่าจะสมเหตุสมผลมากกว่า
แต่ว่า…เรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อนมันก็น่าสงสัยจริงๆนั่นแหละ  ทำไมวันนั้น…ไอ้จักรวาลถึงไม่ได้อยู่บนรถด้วยกันนะ?


บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
มาอัพแล้วจ้า  ไหงเรื่องกลายมาเป็นแบบนี้ไปได้!  อุบัติเหตุครั้งใหญ่เมื่อสิบแปดปีก่อนกลับไม่ได้มีท่านจักรวาลอยู่ด้วย?!  ระหว่างคุณอาที่เป็นสายเลือดเดียวกันกับพี่ชายคนละสายเลือดอย่างจักรวาล  อวกาศจะตัดสินใจเรื่องนี้ยังไงกันนะ  ถ้าหลายสิ่งหลายอย่างพุ่งเป้าไปที่จักรวาลว่าเป็นคนที่ไม่สมควรไว้ใจ  แล้วที่ผ่านมา  อะไรคือเป้าหมายของเขากันล่ะ?  ตัวตนที่แท้จริงของจักรวาลคือใคร  พ่อแม่ที่แท้จริงของเขา  เหตุผลที่ถูกนำเข้ามาอยู่ในตระกูลในฐานะลูกชายคนโตคืออะไร  ติดตามกันต่อไปน้า 
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 29 (02/09/60) #หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 02-09-2017 15:42:31
หักมุมเยอะไปนะคะ สมองตามไม่ทันละจ้า 555
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 29 (02/09/60) #หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 02-09-2017 16:44:02
พ่อกวินทร์โกหกอวกาศ เพื่อเสี้ยมให้แตกแยกกัน
จักรวาล จะวางแผนฆ่าพ่อ ฆ่าอวกาศทำไม
จักรวาลไม่มีสายเลือดเดียวกับอวกาศ

และจักรวาลก็พร่ำพูดกับอวกาศตลอด
ว่าต่อไปสมบัติทั้งหลายเป็นของอวกาศ
จนอวกาศยังพูดว่าพี่พูดแบบนี้ทำไม พี่กันน้องกันแท้
ถ้าจักรวาลอยากเอาเป็นของตัวเอง จะพูดทำไม
ไม่พูดแล้วฮุบเลยดีกว่าเห็นๆ เพราะเป็นพี่คนโตได้สมบัติอยู่แล้ว

ที่่แท้ตอนเด็กๆ จักรวาลสนิทกับกวินทร์
แลกปกป้องกวินทร์มาตลอด
แม่กวินทร์ คับแค้นใจอะไร ถึงกินยาฆ่าตัวตาย
ตอนคลอดกวินทร์ พ่อกวินทร์ก็รักใคร่แม่กวินทร์นี่นะ
หรือตอนหลังพ่อกวินทร์เปลี่ยนไป มีเมียน้อยหรือเปล่า
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 29 (02/09/60) #หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 02-09-2017 17:11:12
รอตอนต่อไปค่ะ
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 29 (02/09/60) #หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 02-09-2017 18:16:00
รอตอนต่อไป :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 30 (02/09/60) #หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 02-09-2017 18:36:47


ตอนที่ 30

หมาน้อยถูกลงโทษ

 

“ผมเล่าให้คุณฟังได้เท่านี้แหละครับ”

“เดี๋ยวสิครับ!  แล้วตกลงเด็กที่ชื่อวินนี่ตายหรือเปล่า!”

กำลังลุ้นจนตัวเกร็งจะมาตัดจบแบบนี้ได้ยังไงล่ะ!

“เอ่อ   ลืมไปหรือเปล่าครับ  วินนี่คนนั้นก็คือผมนะ  ในเมื่อผมยังนั่งอยู่ตรงหน้าคุณแล้วผมจะตายได้ยังไง”

“โอ๊ะ!  จริงด้วย”

ลืมไปเลยว่าเรื่องที่กำลังฟังมันคือเรื่องระหว่างเขากับคุณจักรวาล  อินจัดเสียจนนึกว่ากำลังนั่งฟังนิยายแนวเพื่อนรักเพื่อนตายอะไรเทือกนั้น

“คุณนี่แปลกคนจริงๆ  เอาเป็นว่าผมบอกในสิ่งที่คุณอยากรู้เรียบร้อยแล้วนะครับ”

“แล้วถ้างั้น  ทำไมจักรวาลกับวินนี่ถึงแตกหักกันในตอนหลังได้ล่ะครับ  ในเมื่อสนิทกันถึงขนาดตายแทนกันได้แล้วแท้ๆ”

ผมยังจี้ถามไม่เลิก  ก็มันอยากรู้นี่นาว่าทำไมเด็กสองคนนั้นถึงต้องกลายมเป็นศัตรูกัน  อ๊ะ… ผมลืมไปอีกแล้วสินะว่าเด็กสองคนนั้นก็คือคุณจักรวาลกับคนที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้

“เรื่องนั้นไว้รอถามจักรวาลเองดีกว่าครับ  ถ้าผมเล่าเองหมดจะกลายเป็นแย่งซีนหมอนั่นเอา”

“ก็ได้ครับ  อย่างน้อยผมก็ได้รู้สาเหตุแล้วว่าทำไมพวกคุณถึงฆ่ากันไม่ได้”

“จักรวาลคงอยากฆ่าผมจนตัวสั่นแล้วล่ะครับ  แต่เพราะเรื่องนั้น  หมอนั่นก็เลยทำไม่ได้สักที  เรื่องยื้อแย่งสมบัติถึงได้คาราคาซังมานานถึงสิบแปดปีแบบนี้”

“แล้วถ้าวันหนึ่งคุณจักรวาลเขาได้ขึ้นมาล่ะครับ  หากเขาพร้อมจะทำลายกำแพงที่เรียกว่าบุญคุณนั่นเพื่อออกมาฆ่าคุณ  คุณจะทำยังไง”

“เป็นคำถามที่ดีจังนะครับ  นั่นสิ  ถ้าถึงเวลานั้น…ผมจะทำยังไงดีนะ  เพราะสำหรับผม…ต่อให้เขากำลังจะเอาปืนลั่นไกใส่อยู่ตรงหน้า  ผมคงทำได้แค่ทิ้งปืนในมือของตัวเองแล้วปล่อยให้เขาทำในสิ่งที่อยากทำ  ในเมื่อมันไม่ใช่ว่าผมฆ่าเขาไม่ได้  แต่เป็นเพราะผมไม่เคยคิดฆ่าเขาเลย  สิ่งที่อยู่ในใจของผมกับจักรวาลมันต่างกัน”

คนๆนี้…คุณจักรวาลคงสำคัญมากๆสำหรับเขาเลยสินะ  รู้อยู่เต็มอกว่าถูกอีกฝ่ายเกลียดจนอยากจะฆ่า  แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะอยากฆ่าอีกฝ่ายกลับเลย  เพราะได้รับการปกป้องดูแลมาตลอด  ถึงจะเจ็บปวดทีต้องกลายมาเป็นศัตรูกันแค่ไหน  แต่ก็ยังตัดขาดมิตรภาพที่มีให้กันมานานไม่ได้สักที

“แต่ถ้าวันนั้นมันมาถึงจริงๆ  ผมก็อยากจะรู้เหมือนกัน  ว่าถ้าไม่มีผมอยู่บนโลกนี้แล้ว  เขาจะรู้สึกยังไง  ถ้าไม่ได้ยินเสียงของผมอีกแล้ว  ไม่ได้เห็นหน้าผมอีกแล้ว  หรือบางทีนึกอยากจะต่อยหน้าผมขึ้นมาแต่ก็ไม่สามารถทำแบบนั้นได้อีกแล้ว  อยากรู้จริงๆว่าหมอนั่นจะรู้สึกยังไง”

“คุณ…”

“เอาล่ะ!  หมดเวลาสำหรับการถามตอบกันแล้ว  ถึงผมจะคิดว่าคุณเป็นเด็กดีก็ตาม  แต่ยังไงซะ  เป้าหมายของผมก็ยังเหมือนเดิม  คือการเอาทุกสิ่งที่ควรจะเป็นของพ่อผมคืน  และ…”

“…”

“จักรวาลต้องปลอดภัย  โดยที่คุณกับอวกาศคือคนที่ผมเลือกว่าต้องตายแทนเขา”

คุณกวินทร์จ้องมาที่ผมด้วยใบหน้าจริงจัง  เป็นคนดีจริงๆอย่างที่อาจารย์มารีอาตัดสินใจเลือกเขานั่นแหละ  แต่…

เล่นมาจ้องเอาชีวิตคนอื่นเขาแบบนี้มันใช้ได้ที่ไหนกันล่ะ!  ผมก็รักชีวิตของผมเหมือนนะโว้ย  ยังไม่ได้เป็นหมออย่างที่ฝัง  แถมยังทำสถิติกินแฮมเบอร์ร้อยชิ้นรวดไม่ได้เลย!  ใครจะมายอมตายง่ายๆกันล่ะ

“จริงสิ  ก่อนจะส่งคุณกลับ  ผมขอถามอะไรคุณหน่อย”

“ถ้าตอบได้ผมก็จะตอบนะ  อ้อ!  แต่ถ้าจะถามเรื่อง SD การ์ดล่ะก็…บอกเลยครับว่าไม่รู้”

ยังหารหัสผ่านไม่ได้เลย!

“ไม่ใช่เรื่องนั้นหรอก  ผมแค่อยากถามว่า…คุณไม่อยากรู้เรื่องชาติกำเนิดของตัวเองบ้างเลยเหรอ”

“…”

“…”

“…”

“ฮะๆๆ  หมดคำถามแล้วล่ะครับ  แต่ถ้าอยากรู้ขึ้นมาจนทนไม่ไหวล่ะก็…พ่อกับแม่บุญธรรมของคุณ…มีคำตอบนะ” 

“ถึงพวกท่านจะรู้แต่ผมก็ไม่คิดจะดึงพวกท่านเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้หรอกครับ  อีกอย่าง…คุณคงลืมไปว่าผมเป็นนักเรียนทุน  ถึงบางครั้งจะโชว์โง่ไม่ทันคนไปบ้าง  แต่ก็ไม่ใช่ว่าผมจะจับต้นชนปลายอะไรไม่ถูก  เรื่องบางเรื่อง  ผมก็ไม่ได้พูดออกมาจนหมด  และเลือกที่จะเก็บมันไว้ในสมอง  อย่ามาดูถูกกันดีกว่าครับ  สิบแปดปีที่เกิดมาความจนทำให้ผมเข้มแข็งทั้งร่างกายแล้วก็จิตใจ  ถ้าจะให้เปรียบล่ะก็…เหมือนวัชพืชไงครับ”

“…”

“คุณจะเหยียบย่ำสักเท่าไหร่ก็ได้  จะเข้ามาทางไหนก็เชิญ  ผมจะไม่ล้มให้คุณเห็นง่ายๆหรอก  ตราบใดที่ผมยังมีสามคนนั้นคอยหนุนหลังอยู่”

“นี่ถือเป็นการประกาศสงครามกันเลยหรือเปล่าครับ”

“ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ  แต่ผมไม่ได้รู้สึกแบบนี้มาแล้ว ความรู้สึกที่ว่าต้องชนะให้ได้ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ตามนั่นน่ะ  ผมสัมผัสมันครั้งสุดท้ายก็ต้องแข่งขันคณิตศาสตร์ระดับประเทศเมื่อสมัย ม.ต้น  ขอบคุณมากนะครับคุณกวินทร์  ที่ทำให้ผมรู้สึก…’เอาจริง’ ขึ้นมา”

สายตานิ่งจนน่ากลัวจ้องไปที่อีกฝ่าย  คุณกวินทร์แค่นยิ้มออกมาราวกับเจอเรื่องสนุกถูกใจ  โหมดเอาจริงเป็นโหมดที่ผมไม่ค่อยได้เอาออกมาใช้เท่าไหร่นัก  เพราะลำพังโหมดปกติของตัวเองผมก็สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อยู่แล้ว  อย่างที่บอก…

ผมเป็นนักเรียนทุนที่เข้าขั้นอัจฉริยะ

“ผมจะรอดูว่าเวลาคุณเอาจริงมันจะเป็นยังไง”

“SD การ์ดนั่น  ผมจะหามันให้เจอภายในสามวัน  และจะหยุดคุณกับพ่อของคุณให้ได้  จะต้องไม่มีใครตายเพราะเรื่องนี้อีกไม่ว่าจะเป็นคุณอวกาศ  หรือผม”

ถ้าเป็นเรื่องที่ต้องใช้สมองล่ะก็…โหมดเอาจริงของผมไม่มีวันทำพลาดแน่ๆ  ก่อนที่เรื่องราวจะบานปลายลุกลามไปมากกว่านี้  จะต้องหยุดสองพ่อลูกคู่นี้ให้ได้!

โครม!!!

บทสนทนาถูกหยุดเพราะประตูห้องทำงานของคุณกวินทร์ถูกอะไรบางอย่างกระแทกจนปลิวอัดกับกำแพงด้านใน  พอหันไปมองตรงทางเข้าก็เจอกับร่างสูงในชุดดำที่โคตรคุ้นเคย!  งานบรรลัยมาเยือนแล้วไงไอ้ไทม์!

“นี่ๆ  ทำแบบนี้อย่าลืมจ่ายค่าซ่อมประตูให้ผมด้วยนะ”

เจ้าของห้องถอนหายใจพลางมองประตูของตัวเองที่นอนตายอย่างสงบตาละห้อย  ผมรีบลุกขึ้นจากโซฟาตรงเข้าไปหาคนที่กำลังย่างสามขุมเข้ามา  ใบหน้าถมึงทึงกวาดตามองไปรอบห้องก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ผมซึ่งเดินมาตรงหน้าเขาพอดี 

“ได้ข่าวว่าหมาน้อยของฉันหนีมาเที่ยวเล่นแถวนี้  ฉันเลยมารับ”

“พอดีผมเห็นหมาน้อยของคุณกลายเป็นหมาหลงทางอยู่ข้างล่างน่ะ  ก็เลยรับมาดูแลชั่วคราวเพราะคิดว่าเดี๋ยวเจ้าของจะต้องมารับแน่ๆ”

“เอ่อ  คือว่าคุณจักรวาลครับ…”

กริ๊ก!

“หือ”

ก้มมองดูทันทีว่าเขาเอาอะไรมาติดตรงปลอกคอ  โซ่ล่ามนั่นเอง…

นี่กะจะล่ามกันตั้งแต่ตรงนี้เลยเรอะ!!!

“กลับ”

“คะ…ครับ”

โหมดเอาจริงก็โหมดเอาจริงเหอะ  สู้โหมดดาร์กของผู้ชายคนนี้ไม่ได้อยู่ดี  แค่สายตาก็ชนะขาดลอยแบบไม่ทิ้งฝุ่นแล้ว

ผมเดินก้มหน้าจ๋อยตามหลังเขาที่จับโซ่แบบพาดข้ามบ่าตัวเองไว้แล้วเดินนำ  พนักงานในบริษัทต่างก็หันมามองก่อนจะปิดปากหัวเราะคิกคักกันยกใหญ่  กูนะกู  ไม่น่าหาเรื่องเลย  อยากรู้นักว่าเขารู้ได้ยังว่าผมอยู่ที่นี่!

“ต่อไปนี้  ถ้าหมาน้อยของฉันมาเที่ยวเล่นที่นี่อีก  ห้ามให้เข้ามาเพ่นพ่านเด็ดขาดไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น”

คุณจักรวาลเดินเข้าไปหาพี่พนักงานตรงเคาน์เตอร์คนเมื่อเช้า  เธอหน้าเหวอพร้อมมองมาทางผมเหมือนต้องการจะถามว่า ‘ฉันควรทำยังไงดีคะ’  ประมาณนั้น

“เข้าใจหรือเปล่า”

“ตะ…แต่เมื่อเช้าท่านรองประธานบอกว่าถ้าเขามาอีกให้ต้อนรับอย่างดีเพราะเป็นแขกของท่านรองประธานนะคะ”

“รองประธานกับฉัน  เธอจะฟังใคร”

“ฟะ…ฟังท่านประธานค่ะ”

“ก็ดี  บอกทุกคนตามนี้ด้วย  ถ้ามีครั้งหน้าที่หมาน้อยของฉันก้าวเข้ามาในบริษัทนี้ได้อีก  ฉันจะไล่ออกให้หมดทุกคน”

“คุณจักรวาล!  ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้ก็ได้นี่ครับ!”

“ถ้านายไม่อยากให้คนพวกนี้ต้องเดือดร้อนตกงานกันเพราะนาย  ก็อย่าคิดจะมาที่นี่อีกเป็นครั้งที่สองเด็ดขาด”

เขาพูดโดยไม่มองหน้าผม  พนักงานทุกคนต่างผงกหัวรับคำเขาอย่างเกรงกลัวก่อนจะกลับไปทำงานประจำที่ของตัวเอง

เผด็จการ!  เอาแต่ใจ!  บ้าอำนาจ!

“ไปได้แล้ว”

“อ๊ะ!”

แทบสะดุดล้มหน้าทิ่ม!  คุณจักรวาลกระตุกโซ่แล้วออกแรงดึกให้ผมเดินตามต่อ  ผมหันไปยกมือขอโทษพวกพี่ๆพนักงานที่ต้องมาซวยไปด้วย  แบบนี้ให้ตายก็คงมาที่นี่อีกไม่ได้แน่ๆ  แต่ผมก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องมาแล้วนี่นา  เรื่องที่อยากรู้ก็ได้รู้ไปหมดแล้วด้วย

“ขึ้นไป”

ก้าวขึ้นรถไปอย่างว่าง่ายสุดๆ  จนกว่าเขาจะกลับเข้าสู่โหมดปกติ  ผมจะไม่แสดงอาการต่อต้านใดๆเด็ดขาด  ดูทรงแล้วถ้าตบะแตกขึ้นมาคงอาละวาดไม่ยั้งแน่ๆ

“โล่งอกไปทีนะครับที่ปลอดภัยคุณไทม์”

“ครับ?”

ผมมองไปทางพี่เข้มที่ทำหน้าที่เป็นคนขับรถให้คุณไทม์วันนี้  เขามองผมผ่านกระจกมองหลังก่อนจะส่งยิ้มให้

“ตอนที่บอสเช็คดูแล้วรู้ว่าคุณไทม์อยู่ที่นี่น่ะ  บอสตกใจแล้วก็เป็นห่วงมากเลยนะครับ  ถึงขนาดทิ้งการประชุมแล้วนั่งเครื่องบินส่วนตัวตรงกลับมาที่นี่ทันทีเลย  ข้าวก็ยังไม่ได้กินตั้งแต่เช้าเลยนะครับ”

สิ้นคำบอกเล่าของพี่เข้ม  ผมหันไปมองคุณจักรวาลที่เอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความรู้สึกผิด  จะบ่ายสามแล้วแต่ก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยเพราะเป็นห่วงผมสินะ

“คุณ…”

“เงียบน่า”

เขาพูดแทรก  พอดูดีๆแล้วที่เสื้อผ้าของเขาค่อนข้างเปียกชุ่มเลยทีเดียว  มันทำให้จินตนาการออกเลยว่าเขาวิ่งเต้นวุ่นวายขนาดไหนเมื่อรู้ว่าผมไปอยู่ในห้องของคุณกวินทร์แบบนั้น

“ขอโทษนะครับ  ที่ทำให้คุณเป็นห่วง”

“…”

“คุณจะลงโทษผมยังไงก็ได้นะครับ  จะตีก็ได้  จะเอาแส้หวด  เอาหวายมาตี  หรือจะจับไปโบยแบบในละครก็ได้   ผมรู้สึกไม่ดีจริงๆที่สร้างความเดือดร้อนให้คุณอีกแล้วทั้งที่คุณเพิ่งจะหายดีจากการช่วยผมคราวก่อน”

ผมก้มหน้าสลด  น้ำตาค่อยๆไหลเพราะความรู้สึกผิดมันอัดแน่นจนแทบระเบิด  เขาต้องเหนื่อยเพื่อคนอย่างผมมามากแค่ไหนแล้ว  รับปากไปตั้งหลายครั้งว่าจะดูแลตัวเอง  จะไม่สร้างเรื่องให้  แต่สุดท้ายผมมันก็ตัวสร้างปัญหาทุกที

“ผม…”

ครืด….

สิ่งที่จะพูดถูกหยุดด้วยเสียงอะไรบางอย่าง  พอหันไปมองก็พบว่ามีอะไรก็ไม่รู้กำลังค่อยๆเลื่อนเข้าหากันตรงด้านหลังเบาะคนขับ  ลักษณะมันคล้ายๆบานประตูของเซเว่น  แต่ในรถเป็นกระจกสีดำทึบแทน  ไม่นานมันก็เลื่อนเข้าหากันจนสุด  กลายเป็นว่าตอนนี้ผมมองไม่เห็นพี่เข้มแล้วเพราะถูกกั้นไว้ด้วยกระจกดำนี่!

“เอ่อ  คุณจักรวาล  นั่น…อุ๊บ!”

พอหันหน้ากลับมาหาคนข้างตัวเพื่อจะถามว่าไอ้สิ่งนั่นมันคืออะไรกันแน่  กลายเป็นว่าผมถูกจู่โจมจูบจากเขาแทน!

“อื้อ…”

ทุบอกเขาเบาๆเพื่อส่งสัญญาณเตือนว่ากำลังจะขาดอากาศหายใจตาย  คุณจักรวาลถอนริมฝีปากออกไปเล็กน้อยแต่ก็ยังใกล้กันมากจนรับรู้ได้ถึงลมหายใจอยู่   

“นี่คือการลงโทษหมาที่ไม่ชอบหนีเที่ยว”

“ลงโทษเหรอ?”

“อืม  แลบลิ้นออกมาสิ”

หัวใจสั่นไหวจนแทบจะระเบิด  สองมือเกาะบ่าเขาไว้ทั้งที่ร่างกายกำลังสั่นเหมือนถูกแผ่นดินไหว  ไม่รู้ทำไมผมถึงได้มองว่านัยน์ตาเย็นชาของคุณจักรวาลตอนนี้แม่งโคตรเซ็กซี่เลย

“เร็วสิ”

“คะ…ครับ”

ค่อยๆแลบลิ้นออกมาตามที่เขาบอก  ร่างสูงแสยะยิ้มเล็กน้อยอย่างพึงพอใจก่อนที่เขาจะแลบลิ้นของตัวเองออกมาบ้าง

วูบ…!

ทันทีที่ปลายลิ้นของผมกับเขาสัมผัสกัน  ภายในร่างกายก็วูบไหวเหมือนมีอุโมงค์ที่มองไม่เห็นมาดูดเอาเครื่องในผมไปจนหมด  ลิ้นร้อนแทรกผ่านริมฝีปากเข้ามาก่อนจะตวัดคว้านไปทั่วโพรงปาก  ผมออกแรงบีบบ่าแกร่งมากขึ้นแถมยังนั่งตัวแข็งทื่อเพราะไม่รู้ว่าควรจะตอบสนองยังไง

โชคดีนะที่กระจกของรถคันนี้ติดฟิลม์ดำเหมือนกัน  ไม่งั้นคนข้างนอกคงเห็นหมดว่าเรากำลังทำอะไรกัน

“อ๊ะ…”

เผลอปล่อยเสียงอันน่าอายออกเมื่อปลายนิ้วโป้งของคุณจักรวาลสัมผัสเข้ากับยอดอก  แรงบดขยี้ทำให้สมองพร่าเบลอจนประคองสติต่อไปไม่ไหว  ผมแอ่นตัวขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับเงยหน้าขึ้นอย่างลืมตัวเมื่อเขาไล่ริมฝีปากต่ำลงมาที่ซอกคอ

“อื้อ…!”

ลำตัวบิดเกร็ง  ความเย็นจากปลายลิ้นที่กระทบกับยอดอกทำเอาต้องหลับตาปี๋แล้วโอบกอดร่างสูงไว้แน่นขึ้น  แม้ว่าทุกการกระทำจะเป็นการทำผ่านสาบเสื้อ แต่ผมก็แทบคลั่งในสัมผัสที่อ่อนหวานและนุ่มนวลนี้

“คุณจักรวาล…”

รู้สึกได้ว่าปลายยอดมันถูกเขาดูดกลืนและครอบครองไปแล้ว  ผมแอ่นลำตัวเข้าหาเขามากขึ้นราวกับว่าสิ่งที่ได้รับมาตอนนี้มันยังไม่พอ

ตุ้บ…

กว่าจะรู้ตัวอีกที  ร่างกายก็เอนลงนอนกับเบาะรถโดยมีคุณจักรวาลทาบทับอยู่ด้านบนแล้ว  เขายังคงวุ่นวายอยู่กับการครอบครองยอดอกของผมอยู่  ไม่คิดมาก่อนเลยว่าร่างกายของผู้ชายจะมีความรู้สึกเวลาที่ถูกดูดหน้าอกด้วย!  ผมคิดว่าส่วนนี้จะอ่อนไหวง่ายเฉพาะกับร่างกายของผู้หญิงเสียอีก

“อ๊ะ…”

สะดุ้งเล็กน้อยเพราะตอนนี้เสื้อถูกถลกขึ้นมากองอยู่ตรงคอผมหมดแล้ว  ตามเนื้อตัวถูกเขาดูดจนเป็นรอยจ้ำแดงๆเต็มไปหมด  ลิ้นร้อนลากชิมไปทั่วร่างกาย  บอกไม่ถูกเลยว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นตอนนี้มันคืออะไร  รู้แค่ว่าผมอึดอัดช่วงล่างของตัวเองเหลือเกิน!!!

“อื้อ…”

ราวกับคุณจักรวาลอ่านใจผมได้  มือหนาจัดการปลดซิปกางเกงยีนส์ของผมออกแล้วสอดมือผ่านด่านสุดท้ายเข้าไปจับสิ่งที่อยู่ด้านในซึ่งเหมือนจะเริ่มแข็งตัวขึ้นมา

อะไรกัน…

ทำไมผมถึงยังปล่อยให้เขาทำอยู่  สิ่งที่พวกเรากำลังทำอยู่ตอนนี้มันเริ่มเข้าใกล้คำว่า ‘เซ็กส์’ มากขึ้นทุกทีไม่ใช่หรือไง

ทำไม…

“อื้อ!”

ในหัวขาวโพลนเมื่อส่วนนั้นถูกครอบครองด้วยฝ่ามือร้อน  บีบเคล้นสลับหนักเบาจนผมลืมสิ้นทุกสิ่ง  เสียงลมหายใจของอีกฝ่ายดังแรงขึ้นเรื่อยๆ

ต้องการ…ผมต้องการมากกว่านี้…

“ไทม์  ฉัน…”

ก๊อกก๊อกก๊อก

“บอสครับ  ถึงบ้านแล้วครับผม”

ไอ้พี่เข้ม!!!

ทั้งผมและคุณจักรวาลต่างก็มองหน้ากันด้วยแววตาตื่นตระหนกเมื่อกระจกรถถูกเคาะด้วยฝีมือของคนขับ  สักพักอีกฝ่ายก็เริ่มหัวเราะออกมา  ท่าทางของเขาทำให้ผมเริ่มหัวเราะออกมาบ้าง  ผมกับเขาหันมาสบตากันอีกครู่ก่อนที่เขาจะก้มมองน้องชายของผมที่อยู่ในมือเขาอีกรอบ

“เกือบไปแล้วสินะ  ฉันต้องไอดังคุกๆแน่ๆ”

“หะ…หา?  หมายความว่ายังไงครับ”

“อดทนอีกแค่สองปีเท่านั้น  ต้องทนได้สิ”

“คุณจักรวาล  คุณพูดอะไรครับ  ผมไม่เข้าใจ”

เขาละสายตามามองหน้าผมอีกรอบแต่ก็ไม่ยอมตอบ  สุดท้ายก็จับเจ้าน้องชายที่กำลังตื่นตัวเต็มที่ของผมกลับเข้าไปที่เดิม  รูดซิปปิดและดึงตัวผมให้ขึ้นนั่งตามปกติ  ส่วนตัวเองก็จัดการเสื้อผ้าหน้าผมใหม่ให้เรียบร้อยเหมือนในตอนแรก

อ่า…ไอ้ความรู้สึกทีเหมือนเสียดายมันคืออะไรกันฟะ!

ที่แน่ๆตอนนี้คือ…กูเกลียดมึง  ไอ้พี่เข้ม!!!

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

ยู้ฮูวววว  วันนี้อัพสองตอนเลย  ดีใจกันม้ายยยยย  แบบว่าโซ้ยมาม่าและปริศนาความจริงกันมาหลายตอนแล้ว  มาโซ้ยขนมหวานกันบ้างเถอะ 555+  ถ้าท่านจักรวาลจะโมโหและเป็นห่วงจนน้องไทม์โดนลงโทษแบบนี้ล่ะก็…ขอเชิญน้องไทม์ทำให้บ้าเลือดแบบนี้บ่อยๆเลยเจ้าค่ะ  โฮะๆๆๆๆ  อีกนิดเดียวแท้ๆ  ถ้าพี่เข้มผู้ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวไม่มาเคาะกระจกซะก่อนล่ะก็  ท่านจักรวาลผู้ยิ่งใหญ่ของเราคงได้เข้าไปนอนในคุกละ ( ยังอุตส่าห์เล่นมุกไอดังคุกๆด้วยนะ 55555 )  ถึงเนื้อถึงตัวกันขนาดนี้  เมื่อไหร่จะสารภาพความในใจกันตรงๆสักทีก็ไม่รู้  ( ขณะที่คู่นี้เริ่มหวานมากขึ้น  ทางด้านคุณอวกาศและเฟี้ยวยังเป็นโหมด SM อยู่เลย  รุนแรงประหนึ่งว่าถ้าจะขืนใจกันทีอาจต้องมีการจับทุ่มให้หลังหัก 5555 )

ตอนหน้ากลับมาพบกับคู่ SM นะคะ  ว่าท้ายที่สุดแล้ว  การตัดสินใจของอวกาศจะเป็นยังไง  แต่อย่าเพิ่งลงเรือคู่นี้กันมากนักนะคะ  เฟี้ยวยังไม่ได้สารภาพความรู้สึกกับน้องไทม์เลยยยยย  ให้โอกาสพระรองสายห่ามคนนี้ทำคะแนนจึ๋งนึง =..=

หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 30 (02/09/60) #หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 02-09-2017 19:45:35
พาร์ทนี้หวานจัง :hao5:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 30 (02/09/60) #หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 02-09-2017 20:09:09
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 30 (02/09/60) #หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 02-09-2017 20:41:24
 :a5: :haun4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 30 (02/09/60) #หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 02-09-2017 23:10:01
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 30 (02/09/60) #หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: padthaiyen ที่ 03-09-2017 01:29:53
เกือบแล้สเกือบโดนกินแล้วหมาน้อย
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 30 (02/09/60) #หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 03-09-2017 06:50:27
 :hao6:
หัวข้อ: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 31 (03/09/60) #หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 03-09-2017 11:59:41

ตอนที่ 31

การต่อสู้ของพี่น้อง

 

Special  Talk :

“อ่า  ลุกค์นี้ไม่ผ่านแฮะ”

“หือ?”

ส่งเสียงร้องไปอย่างงงๆเมื่อจู่ๆคนที่ตอนแรกกอดผมแน่นแถมยังตัวสั่นเหมือนลูกหมาผละอ้อมกอดออกไป  พอหันกลับไปดูก็พบว่าสีหน้าของมันเป็นปกติมากๆ  ไม่มีท่าทางเหมือนคนร้องไห้เลยสักนิด!  อ้าวเฮ้ย  แล้วที่มันเปียกๆตรงหลังกูนี่อะไรฟะ

“แก…ไม่ได้ร้องไห้เหรอ”

“หา?  เปล่าสักหน่อย  แค่อยากลองดูว่าถ้าฉันพูดแบบเมื่อกี้แล้วจะดูเป็นยังไงน่ะ  แต่มันดูแย่ชะมัด  ไม่แมนเลยว่าไหม”

“ดะ…เดี๋ยวนะ  หมายความว่าไงวะ  เอาให้เข้าใจหน่อยดิ!”

โป๊ก!

“โอ๊ย!  เจ็บนะเฟ้ย!”

ผมยกมือลูบหน้าผากที่โดนมะเหงกป้อยๆ  ไอ้บ้านี่กลับมาใช้ความรุนแรงเป็นกิจวัตรแบบเมื่อก่อนแล้วหรือไง

“นายคิดว่าฉันจะคิดแบบที่พูดไปเมื่อกี้จริงๆหรือไง  สำหรับฉันน่ะ  ถึงพี่จะไม่ใช่สายเลือดเดียวกันก็ตาม  แต่หัวใจของฉันยอมรับไปแล้วว่าเขาคือพี่ชาย  มันจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง”

แอบยิ้มเล็กน้อยให้กับความคิดนี้  น่าแปลกที่ผมกลับสบายใจอย่างบอกไม่ถูกพอรู้ว่าไอ้เวรนี่มันไม่ได้คิดระแวงสงสัยไอ้จักรวาลจริงๆ

“แล้วถ้าอาของแกพูดความจริงล่ะ”

“ไม่มีทาง”

“…”

“ฉันอยู่กับพี่ทั้งมาชีวิต  ถึงพี่จะมีความลับเยอะแยะราวกับทั้งตัวถูกสร้างมาจากเขาวงกต  แต่ว่าฉัน…รู้จักเขาดีพอ  ก็พี่น้องกันนี่เนอะ  ฮ้า!  อากาศตรงนี้ดีจริงๆ  ฉันเคยตกลงไปจากความสูงระดับนี้ด้วยเหรอเนี่ย  น่าตกใจชะมัด”

ไอ้อวกาศชะโงกหน้าไปมองข้างล่าง   น่าสงสารคุณอาของมันเหมือนกันนะ  ถ้ารู้ว่าไอ้ที่พยายามเสี้ยมให้พี่น้องแตกคอกันเองมันไม่เป็นผล  จะทำหน้ายังไงนะ  ตาแก่นั่นรู้จักผู้ชายที่ชื่ออวกาศน้อยไปซะแล้ว  คนอย่างหมอนี่  ถึงภายนอกจะดูเป็นคุณไม่เอาไหนดีแต่กะล่อนไปวันๆก็เถอะ  ถ้าเอาจริงขึ้นมาก็น่ากลัวไม่แพ้พี่ชายอย่างไอ้จักรวาลหรอก

“พูดถึงเรื่องอุบัติเหตุนั่น  ฉันเองก็ไม่ได้เชื่อที่อาแกบอกหรอกนะ  แต่…อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเหตุการณ์ในวันนั้น  ไอ้จักรวาลถึงไม่ได้อยู่บนรถด้วย  หรือวันนั้นมีแค่แกกับพ่อที่จะไปไหนด้วยกันสองคน?”

“โทษทีนะ  ถึงจะรู้ความจริงเรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อน  ก็ใช่ว่าความทรงจำที่หายไปมันจะกลับมาด้วย  ฉันยังจำอะไรไม่ได้ทั้งนั้นนั่นแหละ”

“เวร  งั้นจะเอาไง  ถ้าเรื่องนี้ไม่กระจ่าง  ยังไงก็คงสบายใจร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ได้อยู่ดี”

“ไม่ต้องห่วง  ฉันมีแผน”

“แผนอะไรวะ”

“เดี๋ยวก็รู้  ไปกันเถอะ”

“ไปไหน?”

“นายนี่มันเด็กขี้สงสัยจริงๆ  ถามมันหมดเสียทุกอย่าง”

“เอ้า!  ก็กูคือคนที่ถูกลากไปนู่นไปนี่นะเว้ย  กูก็ต้องถามสิวะ”

ขนาดถามมึงยังไม่ค่อยจะตอบเลยเถอะ

“ว่าแต่  ถ้ามึงไม่ได้ร้องไห้  แล้วทำไมเสื้อข้างหลังกูถึงเปียกอ่ะ”

“อ๋อ  เรื่องนั้น…”

“…”

“น้ำลายน่ะ  ฉันอยากให้มันดูเหมือนจริงเลยพยายามบีบน้ำตาแต่ว่ามันก็ไม่ยอมไหล  เลยใช้น้ำลายซะเลย  ง่ายดี” 

มันตอบพร้อมส่งยิ้มแป้นเหมือนไม่ได้ทำอะไรผิดเลยสักนิด  ต่างจากผมที่พอรู้ว่าให้น้ำที่มันเปียกหลังอยู่ตอนนี้คือน้ำลายของมันก็รีบถอดเสื้อแล้วเขวี้ยงใส่หน้ามันทันที

“ไอ้เหี้ย! สกปรกเว้ย!”

“อะไรเนี่ย  น้ำลายฉันสะอาดน่า”

“บรื๋อออ  ขนลุก!”

ผมลูบแขนตัวเองไปมา  เดาความคิดไอ้บ้านี่ไม่ออกเลยจริงๆ  เกิดบนโลกมนุษย์แน่เหรอวะ  นิสัยประหลาดขนาดนี้น่าจะเกิดมาจากดาวอื่นมากกว่า!

“ทำไรอ่ะ”

ถามอย่างกังวล  ไอ้อวกาศถอดเสื้อของตัวเองออกมาก่อนจะยื่นมันให้กับผม

“ใส่ซะ”

“ไม่!”

“ไม่อยากให้ใครเห็นไม่ใช่หรือไง  นั่นน่ะ…”

คำพูดของมันทำให้ผมนึกขึ้นมาได้เรื่องแผลเป็นข้างหลังของตัวเอง  เลยรับเสื้อมันมาแล้วใส่ทันที  ละ…หลวมนิดหน่อยแฮะ  มันตัวใหญ่กว่าผมอีกเหรอเนี่ย!

“รู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ”

“คิดว่าพวกเรารู้จักกันมากี่ปีฮะ  เรื่องของนายฉันรู้หมดนั่นแหละ”

“ขี้เสือกน่ะสิไม่ว่า”

“ปากดีแบบนี้มันน่าโดนเตะให้เลือดกบปากสักทีเนอะว่าไหม”

“เตะปากตัวเองไปสิ”

ถลึงตาใส่มันก่อนจะเดินไปขึ้นรถ  กลายเป็นว่าเรื่องของผมไม่ได้มีแค่ไอ้จักรวาลที่รู้  แต่ยังมีแล้วก็ไอ้อวกาศด้วยสินะ พูดถึงแผลเป็น…

คนที่ทำให้เกิดแผลเป็นนี้บนตัวผม  ยังหาไม่เจอเลยนี่…

“ไม่ต้องกังวลหรอก  คุณป้าต้องปลอดภัย”

ไอ้อวกาศที่เดินตามขึ้นมานั่งประจำที่คนขับเอ่ยขึ้น  มันเอนตัวพิงซบกับพวงมาลัยรถพลางหันมาจ้องหน้าผม

“ฉันไม่ได้กังวล”

“หน้านายมันฟ้องนะ”

“…”

“ถ้าตัดไม่ขาดก็ไม่ต้องฝืนหรอก  เกลียดไม่ลงก็กลับไปรักท่านเหมือนเดิมซะ  ไม่เห็นต้องทิฐิเลย”

“ฉันไม่ได้ทิฐิ  แล้วฉันก็เกลียดผู้หญิงคนนั้น  ที่เป็นห่วงก็เพราะเป็นแม่ของมารีอาเท่านั้นแหละ”

“โกหกไม่เก่งเหมือนเดิมเลยนะนาย”

“อย่ามาจุ้น”

“โทษทีนะ  แต่คำพูดเหน็บแนมเจ็บๆของนายทำอะไรฉันไม่ได้หรอก  เพราะฉันชินกับปากหมาๆของนายแล้ว  หรือจะเรียกว่ามีภูมิต้านทานก็ได้”

“นี่…”

“หื้ม?”

“จะจ้องหน้ากูอีกนานไหม”

สุดท้ายผมก็หมดความอดทนถามออกไปในที่สุด   เล่นเอาแต่จ้องหน้าไม่ยอมสตารทรถสักทีแบบนี้เมื่อไหร่จะกลับบ้านล่ะเฟ้ย!

“ถึงปากจะหมาขึ้นแต่ไอ้หน้าตาน่ารักๆของนายนี่ยังเหมือนตอนเด็กๆเปี๊ยบ”

“ไม่มีผู้ชายคนไหนดีใจกับคำว่าน่ารักหรอกโว้ย!”

“อะไรกัน ทีเมื่อก่อนล่ะมาอ้อนให้อุ้มถามว่าผมน่ารักไหมๆแทบทุกวัน”

“นะ…นั่นมันตอนเด็กๆไม่ใช่หรือไงฟะ!”

เมื่อไหร่จะเลิกเอาเรื่องเก่าๆมาพูดสักที  ขุดมาแต่ละเรื่องมีแต่เรื่องน่าอายทั้งนั้น!

“คร้าบๆ  ตอนเด็กก็ตอนเด็ก  แต่ฉันก็ไม่ได้รังเกียจหรอกนะถ้านายในตอนนี้จะอ้อนฉันเหมือนเมื่อก่อน”

ไม่พูดเปล่า  มันยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้  จนผมต้องเป็นฝ่ายเขยิบหน้าหนี  แต่ก็หนีไม่ได้เยอะหรอก  อยู่บนรถแคบๆแบบนี้

“มึงนี่ถ้าจะเครียดมากนะ  ให้กูพาไปรับยาที่ช่องสอง…”

“ลองจูบกันไหม”

“หา?!!!!”

ร้องเสียงหลงพลางหันขวับไปมองมันอย่างตกใจ  จู่ๆพูดเหี้ยอะไรออกมาวะนั่น!  รู้สึกเหมือนนั่งแดกข้าวอยู่ดีๆแล้วมีระเบิดจากไหนไม่รู้ถูกทิ้งลงมากลางวงเลย!

“ล้อเล่นน่ะ  คาดเข็มขัดได้แล้ว  ฉันจะออกรถ”

“อะ…อือ”

อะไรของมันวะ  ทิ้งระเบิดไว้แล้วมาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น  ผมลอบมองไอ้อวกาศที่หยิบเอาเสื้อเชิ้ตหลังรถมาใส่ไปก่อน  สีหน้าทุกอย่างยังดูปกติ  แสดงว่าเมื่อกี้มันคงจะพูดเล่นจริงๆ  แต่ว่านะ…เรื่องจูบนี่มันใช่เรื่องที่ควรเอามาพูดเล่นหรือไง!

พูดถึงจูบ  เราเองก็จูบกับไอ้ไทม์ไปแล้วนี่หว่า

อ่า…พอคิดถึงจูบนั่นแล้ว…

‘อยากจูบอีกจังแฮะ’

 

เงียบ…

วังเวง…

โค ตะ ระ เงียบบบบ!

ผมนั่งหลังตรง  เขาชิดกันแล้ววางมือไว้บนหน้าขาของตัวเองอีกทีโดยไม่กล้าเอ่ยปากพูดอะไรออกมาเลย  ขณะที่คุณจักรวาลเองก็นั่งกอดอกมองอะไรไปเรื่อยเปื่อย  พวกเรานั่งข้างๆกันก็จริงแต่ไม่มีใครพูดอะไรเลย  แม้แต่จะสบกล้ายังไม่กล้าเลยด้วยซ้ำ

ทำไงได้ล่ะ  พอคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นบนรถเมื่อกี้แล้วมันอายนี่หว่า!

อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกไว้ที่ไหนแล้วเนี่ย!  แค่คิดว่าเมื่อกี้ตรงนั้นของผมถูกมือของเขาสัมผัสแบบเต็มๆ  หน้ามันก็ขึ้นสีและร้อนฉ่าจนควบคุมไม่ได้แล้ว

“เอ่อ…”

“เอ่อ…”

เวร!  พอจะพูดดันมาพูดพร้อมกันอีก!

ผมกับคุณจักรวาลมองหน้ากันอย่างตกใจด้วยคิดไม่ถึงว่าจะมาส่งเสียงพร้อมกันแบบนี้  ไอ้อาการประหม่าเหมือนคนกำลังมีความรักแบบนี้มันช่างเป็นอาการที่รับมือยากเสียจริง!

ควบคุมก็ไม่ได้  ปล่อยเลยตามเลยก็ไม่ได้  มีแต่ความรู้สึกที่ไม่เข้าใจอัดแน่นอยู่เต็มไปหมดเลย

“คะ…คุณจักรวาลจะพูดอะไรเหรอครับ”

“นายพูดก่อนเลย”

“ลืมไปแล้วครับ”

“ฉันก็ลืมไปแล้วเหมือนกัน”

และความเงียบก็เข้าครอบงำอีกครั้ง  ได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มนาฬิกาที่กำลังเดิน  ขืนอยู่แบบนี้ต่อไปต้องอึดอัดตายแน่ๆ  จะมีใครเข้ามาช่วยทำลายความเงียบได้บ้างมั้ยฟะ!  ไม่งั้นผมจะระเบิดตัวเองตายในอีกสามวินาทีแล้วนะ!

“ยะฮู้!  อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเลยเหรอเนี่ย”

“คุณอวกาศ!  ไอ้เฟี้ยว!”

โฮ!  ผมแทบจะบินเข้าไปกอดพวกเขาสองคนด้วยความดีใจที่โผล่มาในเวลาแบบนี้พอดี  สองคนที่โดนผมตะโกนเรียกชื่อด้วยน้ำเสียงร่าเริงสุดกู่ขนาดนั้นต่างก็ชะงักอยู่ตรงทางเข้าห้องรับแขก  ก่อนที่ไอ้เฟี้ยวจะหรี่ตามองอย่างจับผิด

“มึงดูดี๊ด๊ามากเลยนะที่พวกกูกลับมา  มีอะไรหรือเปล่า”

“เปล๊า!  ไม่มี้ไม่มี”

ปฏิเสธเสียงสูง    ซ้ำท่าทางยังลุกลี้ลุกลนเหมือนคนกำลังปิดบังอีก  ให้ตายเถอะ  แบบนี้มันเท่ากับบอกเขาชัดๆเลยไม่ใช่หรือไงว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น!

“น่าสงสัยโคตรๆ  มึงปิดบังอะไรกูอยู่ใช่ไหม”

“จะ…จะ…จะ…จะไปมีได้ยังไงกันล่ะ  มึงมากคิดไปแล้ว”

“คิดมาก!”

ไอ้เฟี้ยวกับคุณอวกาศแก้คำให้พร้อมกัน  ทางที่ดีผมควรจะหยุดพูดแล้วอยู่เฉยๆต่อไปดีกว่า  ไม่งั้นโดนเค้นเอาความจริงจนหมดเปลือกแน่ๆ

“ไปไหนมา”

คนข้างๆช่วยดึงความสนใจไปแทนได้ทันท่วงที  ผมลอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก  เกือบไปแล้วไหมล่ะ  สายตารีดเอาความจริงของไอ้เฟี้ยวแม่งโคตรน่ากลัว!

“พี่…มานี่หน่อยสิ”

คุณอวกาศกวักมือเรียกพี่ชายตัวเอง  ร่างสูงย่นคิ้วเล็กน้อยราวกับกำลังสงสัยว่าอีกฝ่ายจะเรียกให้เข้าลุกไปหาทำไม  แต่สุดท้ายก็ยอมลุกเดินเข้าไปหาโดยไม่ถามอะไรอยู่ดี  ผมหันไปมองไอ้เฟี้ยวพลางส่งคำถามผ่านทางสายตาว่า ‘มีเรื่องอะไรหรือเปล่า’

ไม่รู้สิ  มันสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแปลกๆชอบกล…

พลั่ก!!!

“เฮ้ยยย!”

ทั้งผมและไอ้เฟี้ยวต่างก็ร้องตะโกนขึ้นมาพร้อมกันอย่างตกใจ  ทันทีที่คุณจักรวาลเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าคุณอวกาศ  เขาก็ปล่อยหมัดเน้นๆลงบนหน้าพี่ชายจนอีกฝ่ายเซถลาไป!

“คุณอวกาศทำไม…!”

พลั่ก!

ไม่มีการพูดจาใดๆอีก  คุณอวกาศกระโดดถีบเข้าเต็มๆท้องของคุณจักรวาลจนเขาหงายหลังล้มตึงลงไป  ก่อนที่คนหัวขาวจะพุ่งตามเข้าไปนั่งคร่อมแล้วซัดใบหน้าของคนหัวดำแบบไม่ยั้ง!

“ไอ้เฟี้ยว  มันเรื่องอะไรกันวะ”

“กูก็ไม่รู้  ยืนงงอยู่กับมึงเนี่ย!”

“พวกเขาทะเลาะกันเหรอ”

“ต่อยกันขนาดนี้มันคงแสดงความรักต่อกันมั้งไอ้ฟาย!”

“เอ้า…!”

โดนด่าอีกกู  แล้วจะทำยังไงดีวะเนี่ย  ยังจับต้นชนปลายอะไรไม่ถูกเลยด้วย  ไม่สิ  ต้องบอกว่าผมกำลังตกใจถึงขีดสุดเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่สองคนนี้ทะเลาะกันถึงขั้นลงไม้ลงมือ

พลั่ก!

โอ๊ะ!  คุณจักรวาลต่อยคุณอวกาศกลับล่ะ  ผมเบิกตากว้าง  ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆว่าเขาจะสวนกลับไปด้วย!

“หึ!”

คนน้องแสยะยิ้ม  ดูท่าทางสนุกสนานเหลือเกินที่พี่ชายสวนกลับไปแบบนี้  จากที่เคยเป็นฝ่ายพุ่งเข้าใส่อย่างเดียว  ตอนนี้กลายเป็นว่าพวกเขาสู้กันนัวเนียแบบไม่มีใครยอมใคร  โดยมีผมและไอ้เฟี้ยวยืนเป็นสักขีพยานอยู่ไม่ไกล

พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!

ผลัวะ! พลั่ก! ผลัวะ!

หมัดแล้วหมัดเล่าที่ทั้งคู่ต่างประเคนใส่กันไม่ยั้ง  จะดูไร้สาระไปไหมถ้าผมจะบอกว่าภาพที่พวกเขาสู้กันมันช่างดูดีราวกับภาพวาดเหลือเกิน!

คนหนึ่งก็สวมชุดสีดำปกคลุมไปทั่วร่างกาย  ส่วนอีกคนก็ถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยสีขาว…

“ไอ้ไทม์  เราสั่งพิซซ่ามากินกันดีไหม  กูหิวมากเลยตอนนี้”

“มันไม่น่าจะใช่เวลามากินมั้งมึง  เขาจะฆ่ากันตายแล้วนะนั่นน่ะ”

“ไม่ต้องห่วงพวกมันหรอก  นี่เป็นวิธีปรับความเข้าใจตามประสาพี่น้อง”

“หา?”

“เชื่อกูเหอะน่า  เดี๋ยวพอแม่งหมดแรงมันก็เลิกอาละวาดกันเองล่ะ”

แล้วไอ้เฟี้ยวก็เดินไปนั่งเอกเขนกบนโซฟาอย่างสบายใจเฉิบ  ปล่อยให้สองพี่น้องต่อสู้กันต่อไปแบบไม่มีใครยอมใคร  ใบหน้าของพวกเขาฟกช้ำและแตกเลือดจนผมอดเป็นห่วงไม่ได้  ถ้าจะปรับความเข้าใจกันจริงๆก็ใช้ภาษามนุษย์คุยกันไม่ได้หรือไงฟะ!  เล่นกันแบบนี้ถ้าบาดเจ็บรุนแรงขึ้นมามันคุ้มเสียที่ไหน!

…………………………..

…………………

…………..

ตุ้บ! ตุ้บ!

เวลาผ่านไปนานเสียจนพิซซ่าที่ไอ้เฟี้ยวโทรสั่งมาส่งเรียบร้อย  และมันก็กำลังนั่งแดกอย่างเอร็ดอร่อย  สองร่างสูงที่สภาพสะบักสะบอมจนแทบยืนไม่อยู่ต่างก็ร่วงไปนอนหงายเก๋งอยู่บนพื้นพร้อมกัน  ผมอยากจะเข้าไปช่วยพยุงพวกเขาแต่ไอ้เฟี้ยวก็สั่งไม่ให้เข้าไปยุ่งเด็ดขาดถ้าอยากให้สองคนนั้นเปิดใจคุยกันได้  เลยทำได้แค่นั่งจ๋องอยู่บนโซฟามองพวกเขาเท่านั้น

“แฮ่ก!  แฮ่ก!  นานแล้วนะ  ที่ไม่ได้สู้กับพี่แบบนี้”

“ใช่  นายแข็งแกร่งขึ้นมาก”

“เอาล่ะ  ทีนี้ก็ได้เวลาคุยกันสักที”

หมับ!

ผมสะดุ้งตัวเกร็งเมื่อคุณอวกาศที่นอนแผ่หลาอยู่ข้างๆคุณจักรวาลยันตัวลุกนั่งแล้วใช้สองมือดึงคอเสื้ออีกฝ่ายราวกับจะมีเรื่องกันอีกครั้ง!

“บอกมา  สิบแปดปีก่อน  ทำไม…พี่ถึงไม่ได้อยู่บนรถกับผมและพ่อ”

“เริ่มแล้วสินะ”

ไอ้เฟี้ยวยัดพิซซ่าคำสุดท้ายเข้าปากก่อนจะเหยียดยิ้มและหมุนตัวหันไปให้ความสนใจกับพวกเขาสองคน

สิบแปดปีก่อนอะไรกัน…

หมายถึงเรื่องที่คุณจักรวาลเคยพูดไว้ตอนที่บอกเรื่องของกวินทร์น่ะเหรอ?

“วันนั้น…พี่อยู่ที่ไหนกันแน่”

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  ความจริงทั้งหมดของเมื่อสิบแปดปีก่อนกำลังจะถูกเปิดเผยแล้ว!  สุดท้ายแผนการเสี้ยมให้พี่น้องแตกคอกันเองก็ไม่ได้ผล  นี่สินะคือการเชื่อใจกันของพี่น้อง  แม้ว่าจักรวาลจะไม่เคยบอกอะไรกับเขาก็ตามที  แต่อวกาศก็พร้อมที่จะเชื่อใจพี่ชายของเขาโดยไม่มีข้อแม้  ถึงสุดท้ายแล้วจะต้องมีเลือดตกยางออกกันนิดหน่อยเพื่อปรับความเข้าใจกันตามประสาลูกผู้ชายก็เถอะ 55555+

มารอดูกันว่าความจริงที่ซ่อนอยู่ของเหตุการณ์เมื่อสิบแปดปีก่อนคืออะไรกันแน่  ในวันนั้น…จักรวาลอยู่ที่ไหน???

​มีเรื่องใหม่มาแนะนำด้วยนะคะ  ใครสนใจตามไปอ่านได้นะ  "SEX(Y)ีักโคตรแซ่บ!"  (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61699.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61699.0))
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 31 (03/09/60) #หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 03-09-2017 15:49:28
เล่าเลย นี่อยากรู้ต็มแก่เหมืนกัน
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 31 (03/09/60) #หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 03-09-2017 17:17:34
รอรอ
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 31 (03/09/60) #หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: Isunn ที่ 03-09-2017 20:19:19
 :hao3:  ต่อยกันเสร็จ จักรวาลคงไปให้ไทม์ทำแผล แล้วจากนั้น ๆ ๆ ๆ  :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 31 (03/09/60) #หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 03-09-2017 22:06:22
ตอนแรกนึกว่าจะมีดราม่าจักรวาลกับอวกาศ ฮ่วยยยย กลับตาลปัตรซะงั้น พี่น้องเค้าเคลียร์กันเจ็บดีเนอะ เฟี้ยวก็ชิลล์เกิ้น :laugh:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 31 (03/09/60) #หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 03-09-2017 23:20:07
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 31 (03/09/60) #หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 04-09-2017 00:01:47
ปูเสื่อรอ  เป็ปซี่พร้อม ข้าวโพดคั่วพร้อม รอคนแต่งโพส   :katai4: :katai4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 31 (03/09/60) #หน้า9
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 04-09-2017 08:02:13
 o18
หัวข้อ: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 32 (04/09/60) #หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 04-09-2017 12:03:29


ตอนที่ 32

ความจริงเมื่อสิบแปดปีก่อน!

 

“ถ้านายถามฉันแบบนี้  แสดงว่าไปตามสืบมาหมดแล้วสินะ”

“แล้วการที่พี่ให้ปากกานั้นกับผม  ไม่ใช่เพราะพี่ต้องการจะบอก ‘ความจริง’ ที่พี่ปิดบังเอาไว้หรือไง”

คำว่าปากกาที่คุณอวกาศพูดออกมาทำให้ผมสะดุ้งโหยงตามลักษณะนิสัยของผู้มีความผิด  ลืมไปเลยว่าตอนนี้ไอ้ปากกานั่นมันก็ยังนอนแอ้งแม้งอยู่ในกระเป๋าของผม…

ตะ…ต้องหาโอกาสเอามันกลับไปเก็บแล้ว!

“ถ้างั้น…นายก็รู้แล้วสิ  ว่า…”

คุณจักรวาลพูดค้างไว้  นัยน์ตาสีดำมองเลยมาทางผมที่กำลังหันซ้ายหันขวาเพื่อคิดหาทางออกว่าจะเอาปากกากลับไปไว้ในห้องตามเดิมยังไงดี

“อื้ม  ผมรู้แล้ว”

“มะ…มองผมกันทำไมเหรอครับ”

พอเริ่มรู้สึกตัวว่ากำลังกลายเป็นที่สนใจของสายตาทั้งสามคู่ผมก็เริ่มเหงื่อตก  กำลังจะเล่าเรื่องเมื่อสิบแปดปีก่อนกันไม่ใช่เหรอ  การที่พร้อมใจกันมองหน้าผมในเวลาแบบนี้คงไม่ได้คิดว่าผมคือคนร้ายเมื่อสิบแปดปีก่อนหรอกนะ!!!

โป๊ก!

“โอ๊ย!  ทำอะไรวะไอ้เฟี้ยว!”

“เขกให้ความคิดเพี้ยนๆของมึงหลุดออกมาจากหัวไง  ทำหน้าแบบนี้แสดงว่ากำลังคิดว่าพวกกูคิดว่ามึงคือคนร้ายเมื่อสิบแปดปีก่อนใช่มะ”

“ระ…รู้ได้ไงวะ”

“มันแปะอยู่บนหน้ามึงไงไอ้ฟาย!”

นับวันมันยิ่งสถุนกับผมมากขึ้นเรื่อยๆแฮะ

“สิบแปดปีก่อนกูกับมึงยังไม่เกิดเลยมั้ง!   เผลอๆยังเป็นวุ้นอยู่ในท้องแม่ด้วยซ้ำ  ไม่มีใครเขาคิดแบบนั้นหรอกเฟ้ย”

“เออเนอะ  กูยังไม่สิบแปดปีเต็มเลยนี่หว่า  เหลืออีกตั้งสี่เดือน”

ผมชู้นิ้วขึ้นมาสี่นิ้ว  งั้นก็รอดพ้นจากการถูกเป็นผู้จ้องสงสัยแล้วสินะ  โล่งอกไปที  นึกว่าถูกพวกเขาสงสัยคิดว่าเป็นคนร้ายไปเสียแล้ว  ฟู่!!!

“แล้วตกลงยังไง  แกพร้อมจะเล่าหรือยัง”

ไอ้เฟี้ยวหันกลับไปโฟกัสที่คุณจักรวาลต่อ  เขายังนอนแผ่หลาอยู่ที่เดิมโดยมีคุณอวกาศนั่งรอฟังคำตอบอยู่ข้างๆ

“สิบแปดปีก่อน  ในวันนั้น…ฉันอยู่ที่โรงแรม”

 

สิบแปดปีก่อน

ก๊อกก๊อกก๊อก

“เข้ามา”

ประตูห้องทำงานของไกรเทพถูกเปิดออก   จักรวาลในวัยสิบเจ็ดย่างสิบแปดปีเดินเข้าเพราะถูกแม่บ้านไปตามที่ห้อง

“คุณท่านเรียกผมเหรอครับ”

“บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกคุณพ่อ  ฉันเป็นพ่อของนายนะ”

“แต่คุณหญิงไม่ได้อยู่ที่นี่…”

“คุณแม่”

“…”

“จักรวาล  ต้องให้ฉันบอกกี่รอบกันว่านายคือลูกของฉันกับเสียงพิณ  ลืมสายเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในตัวนายไปซะ  เสียงพิณรักนายมาก  นายก็รู้ไม่ใช่เหรอ”

“ครับ”

ชายหนุ่มรับคำ  เขารู้ดีว่าเสียงพิณรักเขามากแค่ไหน  แต่นั่นก็เพราะ…เธอคิดว่าเขาคือลูกชายแท้ๆของเธอจริงๆ  เธอไม่เคยรู้เลยว่า…เด็กที่เธอเลี้ยงมาตั้งแต่แรกเกิด  ให้นม  ให้ความรัก  จะไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันกับเธอเลย

แค่คิดเรื่องนี้…จักรวาลก็เจ็บปวดใจจนอยากจะร้องไห้

“และที่ฉันเรียกนายมาวันนี้ก็เพราะ…เรื่องที่เคยบอกไว้เมื่อสามเดือนก่อนนั่นแหละ”

“รู้ตัวคนทำแล้วเหรอครับ?”

“ยังไม่แน่ใจเท่าไหร่  แต่ก็…เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว”

ไกรเทพตอบด้วยสีหน้าลำบากใจสุดๆ  จักรวาลเองก็เช่นกัน

 

ย้อนกลับไปสามเดือนก่อน  ไกรเทพตรวจพบว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นในบริษัท  ทั้งการยักยอกทรัพย์  และพยายามดิสเครดิตชื่อเสียงของเขาในฐานะประธานบริหารด้วยการเอาชื่อเขาไปอ้างทำเรื่องเสียหายจนต้องมานั่งแถลงข่าวกันยกใหญ่  เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ไกรเทพรู้ว่ามีผู้ไม่หวังดีต่อบริษัท  เขาปิดเรื่องทุกอย่างไว้เป็นความลับโดยบอกให้รู้แค่จักรวาลและคนสนิทที่เขาสั่งให้ไปตรวจสอบเรื่องนี้ว่าเป็นฝีมือของใคร  แม้แต่ไกรศรน้องชายเขาก็ไม่ได้บอก  เพราะหากมีอันตรายอะไรเกิดขึ้น  น้องชายของเขาจะได้ไม่ต้องโดนหางเลขไปด้วย

ทว่าขณะเดียวกัน  ในช่วงวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันหยุดพักผ่อนของครอบครัว  จักรวาลเล่นวิ่งไล่จับกับ ‘อวกาศ’ น้องชายวัยแปดขวบซึ่งกำลังซนได้ที่เหมือนทุกครั้ง  ตอนนั้นเอง  เขาบังเอิญหันไปเห็นคนแปลกหน้าที่ไม่ใช่คนในบ้านรอบเข้ามาและตรงไปยังห้องอ่านหนังสือของเสียงพิณ  แน่นอนว่าในห้องนั้นไม่มีใครนอกจากเธอเพียงคนเดียว!

“อวกาศ  ไปตามคุณพ่อมานะ   บอกให้คุณพ่อตามพี่ไปที่ห้องอ่านหนังสือของคุณแม่เดี๋ยวนี้”

จักรวาลที่เห็นท่าไม่ดีรีบบอกน้องชาย  อวกาศแปลกใจกับท่าทางร้อนรนของเขาแต่ก็ไม่ได้ถามอะไร  รีบวิ่งไปหาไกรเทพที่ในวันหยุดแบบนี้เขาจะชอบไปนั่งแต่งสวนอยู่กับพวกคนสวนเป็นประจำ

พอเด็กน้อยหายเข้าไปในสวนแล้ว  จักรวาลก็รีบออกตัววิ่งไปที่ห้องอ่านหนังสือ  ในใจภาวนาขอให้หญิงสาวที่กำลังตั้งท้องอ่อนๆอยู่ตอนนี้ปลอดภัย!

ผ่างงง!

“คุณแม่!”

เขาตะโกนเรียกเธอทันทีที่เปิดประตูห้องเข้าไปได้  เสียงพิณที่เผลออ่านหนังสือจนหลับไปสะลึกสะลือขึ้นมาอย่างงงๆ  เธอฉีกยิ้มหวานเมื่อเห็นว่าเป็นลูกชายคนโตสุดที่รัก

“จักรวาล  มีอะไรเหรอลูก  ทำหน้าตาน่ากลัวเชียว”

ชายหนุ่มไม่ตอบ  เขาเดินตรงไปยังหน้าต่างของห้องที่ถูกเปิดทิ้งไว้ก่อนจะชะโงกคอมองออกไปข้างนอก  สายตาปะทะเข้ากับชายแปลกหน้าคนดังกล่าวที่กำลังจะปีนกำแพงบ้านนี้  มันหันมามองเขาพร้อมแสยะยิ้มน่าขนลุก  ในมือถือมีดปลายแหลมเอาไว้   จักรวาลตกใจจนตัวแข็งทื่อ  แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรมากไปกว่านี้  ไกรเทพที่อุ้มอวกาศด้วยมาด้วยก็มาถึงเสียก่อน

“เสียงพิณ!  จักรวาล!  เกิดอะไรขึ้น”

“คุณคะ  มีเรื่องอะไรกันเหรอคะ  ฉันงงไปหมดแล้ว”

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน  จู่ๆอวกาศก็วิ่งหน้าตั้งไปตามผมบอกว่าจักรวาลให้ตามมาที่นี่  ผมก็นึกว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณ  แต่คุณไม่เป็นไรใช่ไหม”

“ไม่ค่ะ  ฉันอ่านหนังสือแล้วเผลอหลับไป  ตื่นอีกทีก็ตอนที่จักรวาลเปิดประตูมาตะโกนเรียกฉันเสียงดังนี่แหละค่ะ”

เสียงพิณเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง  จักรวาลที่ยืนมองจนชายแปลกหน้าคนนั้นปีนกำแพงหายออกไปแล้วหันกลับมาให้ความสนใจกับทุกคนก่อนจะตั้งคำถามกับหญิงสาวเพียงคนเดียวในนี้

“คุณแม่ครับ  ก่อนจะหลับไป  คุณแม่ได้เปิดหน้าต่างเอาไว้หรือเปล่า”

“แม่จำได้ว่าไม่ได้เปิดนะ  กำลังสงสัยอยู่เลยว่าใครเข้ามาเปิด”

“มันแน่ๆ!”

ความกลัวเข้าเกาะกินจิตใจของชายหนุ่มทันที  ถ้าเมื่อครู่เขามาช้าไปกว่านี้อีกนิด  เสียงพิณอาจถูกทำร้ายไปแล้วก็ได้!

“จักรวาล  เกิดอะไรขึ้นกันแน่   เล่าให้พ่อฟังเดี๋ยวนี้”

 

หลังจากนั้นไกรเทพจึงส่งเสียงพิณที่ตอนนั้นกำลังตั้งท้องได้สองเดือนไปอยู่ที่อื่นเพื่อความปลอดภัย  เพราะเริ่มแน่ใจแล้วว่ามีคนจ้องที่จะทำร้ายเธอ  แม้จะยังไม่รู้สาเหตุว่าเป็นเพราะอะไรก็ตาม   จนตอนนี้ผ่านมาสามเดือนแล้ว  เสียงพิณก็ยังไม่ได้กลับมาอยู่ที่บ้าน  จักรวาลและอวกาศจึงมีโอกาสได้เจอเธอแค่นานๆครั้งเท่านั้น  ไกรเทพจำเป็นต้องทำเพื่อรักษาความปลอดภัยของเธอกับลูกในท้องจนกว่าเขาจะจัดการกับคนที่คิดร้ายกับครอบครัวเขาได้!

“ใครเหรอครับ”

“ไกรศร…”

“ครับ?”

“หลายเดือนมานี้มีเงินหมุนเวียนเข้าออกในบัญชีของไกรศรเกือบพันล้าน  ทั้งที่ตำแหน่งของเขาไม่มีทางจะมีเงินหมุนเวียนในบัญชีได้ขนาดนั้น   แม้แต่ฉันเองก็ยังไม่มีทางเลย  เพราะมันเป็นเงินของบริษัท  นำมาใช้เรื่องส่วนตัวได้ก็จริง  แต่ไม่ใช่ทั้งหมด”

“ตรวจสอบดีแล้วเหรอครับ  มันอาจจะมีอะไรผิดพลาดก็ได้  คุณอาไกรศรเป็นน้องชายของคุณพ่อนะครับ  แล้วยัง…”

“…”

“วินนี่อีก…”

ไกรเทพพยักหน้ารับรู้  เขาเองก็ลำบากใจไม่แพ้กันเมื่อผู้ต้องสงสัยกลายเป็นน้องชายสุดที่รักแบบนี้

“ฉันภาวนาขอให้มันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด  แต่พอคิดว่าบางทีไกรศรอาจจะรู้ว่านายไม่ใช่ลูกแท้ๆของฉันกับเสียงพิณ  มันก็อดคิดไม่ได้ว่าเขาอาจจะโกรธและคิดว่าฉันทำไปเพื่อแย่งมรดกมาจากเขาก็ได้”

“แต่ผมไม่คิดแบบนั้น  คุณอารักคุณพ่อมาก  รักผม  รักอวกาศ  สองครอบครัวรักใคร่กันดีมาตลอด  ถึงจะรู้ความจริงเรื่องนี้ผมว่าถ้าเป็นคุณอาจะต้องเข้ามาคุยเรื่องนี้ตรงๆและปรับความเข้าใจกันได้ด้วยดีแน่นอน  ไม่มีทางเป็นเหตุผลนี้หรอกครับ”

“ก็จริงนะ  ไกรศรไม่ใช่คนไม่มีเหตุผลแบบนั้น  อีกอย่าง  เขาไม่เคยหวังสมบัติหรืออยากจะได้มรดกอะไรอยู่แล้ว  น้องชายฉันเป็นคนดีขนาดไหน  ฉันเป็นพี่ย่อมรู้ดีที่สุด”

“ครับ”

พวกเขาต่างเรียกความเชื่อมั่นในตัวของไกรศรกลับมาด้วยตัวเอง  จักรวาลระบายยิ้มออกมาอย่างโล่งใจเมื่อดูท่าว่าไกรศรจะหลุดจากการเป็นผู้ต้องสงสัยในใจของไกรเทพแล้ว  เขาเป็นพวกกวินทร์  ไม่อยากให้เพื่อนรักรู้ว่าพ่อของตัวเองกำลังถูกสงสัยอยู่

 

“ฮัลโหลวินนี่  ฉันมาถึงแล้ว  นายอยู่ที่ไหนน่ะ”

[ผมรออยู่ที่ห้อง2501ครับ  คุณขึ้นมาเลยนะ]

“โอเค  เดี๋ยวเจอกัน”

จักรวาลกดวางสาย  เก็บมือถือใส่กระเป๋าแล้วเดินตรงไปที่ลิฟต์ของโรงแรมห้าดาวกลางกรุง  วันนี้เขามีนัดกับกวินทร์ที่ส่งข้อความมานัดตั้งแต่เมื่อคืน  เพราะวันนี้อีกฝ่ายไม่ได้มาโรงเรียนด้วย  เมื่ออดเป็นห่วงไม่ได้  พอเลิกเรียนเลยรีบมาตามนัด

“ว่าแต่  ทำไมหมอนั่นต้องนัดมาโรงแรมหรูๆแบบนี้นะ  หรือว่าจะค้างคืน?”

คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยขณะกำลังเดินไปยังห้องที่กวินทร์รออยู่  พวกเขามักไปเที่ยวเล่นจนเปิดโรงแรมนอนค้างคืนด้วยกันเป็นประจำอยู่แล้ว  ครั้งนี้จักรวาลจึงไม่ได้สงสัยอะไรมากนัก

ก๊อกก๊อกก๊อก

ยืนรออยู่ไม่นานกวินทร์ก็เดินออกมาเปิดประตู  จักรวาลยิ้มกว้างทันทีที่เห็นว่าเพื่อนรักยังปกติดีไม่ได้มีไข้ตรงไหน

“เข้ามาสิครับ  ผมสั่งอาหารไว้เพียบเลย”

“มีปาร์ตี้เหรอ?  วันสำคัญอะไรหรือเปล่า”

“กินก่อนสิครับ  เดี๋ยวผมจะบอกว่าวันอะไร”

จักรวาลพยักหน้ารับ  เขาวางกระเป๋าลงบนโซฟาก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งตาม  หลังจากวันที่คุยกับไกรเทพล่าสุดเรื่องที่ไกรศรคอผู้ต้องสงสัยก็ผ่านมาสองเดือนแล้ว  ทุกอย่างยังไม่คืบหน้าเพราะดูเหมือนคราวนี้คนที่ยักยอกเงินในบริษัทจะเปลี่ยนวิธีและใช้การฟอกเงินเข้าช่วยแทน  ขณะเดียวเรื่องการดิสเครดิตของไกรเทพยังคงมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ  จนคู่ค้าหลายรายพากันถอนตัวเพื่อให้เวลาไกรเทพได้จัดการกับปัญหานี้ก่อน

“หน้าตาคุณดูเครียดๆนะครับ”

“อืม  ที่บริษัทคุณพ่อมีปัญหาเยอะน่ะ  ฉันอยากจะช่วย  แต่ก็ยังเด็กเกินไปเลยช่วยอะไรไม่ได้เลย”

“นั่นสินะครับ  พวกเรายังเด็ก  ก็เลยช่วยอะไรพวกคุณพ่อไม่ได้สักอย่าง”

“ว่าแต่นายเถอะ  แผลหายดีแล้วแน่นะ”

สายตามองไปยังช่วงท้องซึ่งเป็นจุดที่กวินทร์โดนแทงเพื่อช่วยชีวิตเขา  อีกฝ่ายระบายยิ้มอ่อนโยนก่อนจะเอื้อมมือมาแตะที่แก้มของจักรวาล

“ผมไม่เป็นไรหรอกครับ  แผลนี้คือสิ่งยืนยันว่าการที่คุณยังมีชีวิตอยู่ตรงหน้าผมเป็นเพราะผมรับเอาความตายมาจากคุณ”

“วินนี่…”

“ผมล้อเล่นครับ  ผมเต็มใจเข้าไปช่วยเอง  เพราะถ้าปล่อยให้คุณเป็นอะไรไป  ผมคงมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้”

“ฉันก็เหมือนกัน  วันนั้นฉันนึกว่านายจะตายซะแล้ว”

“แล้วถ้าผมตายล่ะครับ”

“…”

“ถ้าวันหนึ่ง…ผมตายขึ้นมา  คุณจะทำยังไง”

“ทำไมพูดอะไรน่ากลัวแบบนั้น  ไม่เอาแล้ว  ไม่คุยเรื่องแบบนี้ดีกว่า”

จักรวาลปัดมือกวินทร์ออกแล้วยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นมาดื่มทีเดียวหมดแก้ว   กวินทร์ยังคงยิ้มกว้างมองคนตรงหน้าที่หยิบนู่นนี่นั่นเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย  จนกระทั่ง…

ตุ้บ…

ร่างสูงของจักรวาลฟุบหลายหลังลงไปกับโซฟา  เขาหลับสนิทด้วยฤทธิ์ยาที่ผสมอยู่ในเครื่องดื่มและอาหารจำนวนมากนี้  กวินทร์ที่รอเวลาให้ยาออกฤทธิ์ลุกขึ้นไปช้อนร่างของเพื่อนสนิทขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนแล้วพาเดินไปที่เตียง  จัดท่าทางการนอนก่อนจะห่มผ้าให้เพื่อความอบอุ่น

“ขอโทษนะครับที่ต้องทำแบบนี้  แต่ผมยอมให้คุณตายไม่ได้”

“…”

“เพราะคุณคือเพื่อนคนแรกและคนเดียวที่ผมมี  ผมจะปกป้องคุณเหมือนที่คุณคอยปกป้องผมมาตลอด”

“…”

“ขออย่างเดียว   ถ้าตื่นขึ้นมาแล้ว  อย่าเกลียดผมเลยนะครับ”

กวินทร์เอ่ยเสียงสั่นเครือพร้อมน้ำตาที่ไหลพรากออกมา  มือถือในกระเป๋าของจักรวาลสั่นขึ้น  เขาลุกขึ้นไปหยิบมันออกมาเปิดดูที่หน้าจอ

 

‘คุณพ่อ’

 

“คุณลุงกับลูกของคุณลุงน่ะ   หายไปซะ  ผมไม่ต้องการใครอีกแล้วนอกจากจักรวาล”

แววตาที่เคยอ่อนโยนมาตลอดแปรเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น  นิ้วมือเรียวเลื่อนขึ้นไปที่ปุ่มสีแดงตรงหน้าจอโทรศัพท์

ติ๊ด!

กดตัดสายทิ้งและปิดเครื่องไปทันที…

 

วิ้ง…วิ้ง…

แสงแดดยามเช้าทแยงเข้าตาชายหนุ่มที่นอนหลับอุตุมาตั้งแต่เมื่อคืน  เขายกมือขึ้นบังแสงนั้นไว้ก่อนจะค่อยๆยันตัวลุกขึ้น  ในหัวมึนงงเพราะฤทธิ์ยา  พอมองไปรอบๆก็พบว่าในห้องนี้เหลือเพียงแค่เขาคนเดียว

“วินนี่?”

เอ่ยเรียกชื่อเพื่อนทว่าไม่มีเสียงตอบกลับ  ร่างสูงลุกขึ้นเดินเซไปทั่วห้อง  แต่ไม่ว่าจะตรงระเบียงหรือในห้องน้ำก็ไม่ปรากฏร่างของคนที่ตามหาเลย

“ไปไหนนะ  อ้า…ทำไมปวดหัวแบบนี้  หลับไปตอนไหนนะเรา”

ตุ้บ!  ติ๊ด!

[ข่าวด่วนค่ะ]

จักรวาลที่เดินไปนั่งปุลงบนโซฟาสะดุ้งอย่างตกใจเพราะดันนั่งทับรีโมทพอดี  ทีวีที่อยู่ตรงหน้าจึงคิดขึ้นพร้อมกับข่าวด่วนที่นักข่าวกำลังรายงานล่าสุด  ชายหนุ่มไม่ได้สนใจ  เขาหยิบกระเป๋าขึ้นมาหามือถือของตัวเองก่อนจะพบว่ามันปิดเครื่องอยู่

“เราปิดเครื่องด้วยเหรอ?”

จำอะไรไม่ได้สักอย่าง  จักรวาลกดเปิดเครื่องเพื่อจะโทรบอกไกรเทพว่าเขามาค้างกับกวินทร์จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง  จังหวะที่กำลังสะพายกระเป๋าเพื่อจะออกจากห้องนั้นเอง  เสียงที่ดังออกมาจากในทีวีทำให้เขาต้องหยุดชะงัก!

[เกิดอุบัติเหตุรถยนต์พุ่งตกหน้าผานะคะ  ทราบชื่อว่าเป็นนักธุรกิจใหญ่กับลูกชายวัยแปดขวบ  คุณไกรเทพ  อสังหา  และลูกชายคนเล็ก  คุณอวกาศ  อสังหาค่ะ!]

ตุ้บ!!!

กกระเป๋าสะพายร่วงหล่นไปบนพื้น  ดวงตาทั้งสองเบิกกว้างขึ้น  เขาหันกลับมาทางทีวีอีกครั้งเพื่อดูเนื้อความในข่าว  ในข่าวบอกว่าขณะนี้ทั้งไกรเทพและอวกาศถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว  ทั้งสองบาดเจ็บหนักและอาการเป็นตายเท่ากัน!

ครืด…ครืด…

มือถือในมือสั่นขึ้น  จักรวาลหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นเบอร์ของกวินทร์  บางอย่างทำให้เขาฉุกใจคิดมองยังเครื่องดื่มและอาหารบนโต๊ะ  มีเพียงส่วนที่เขากินไปเท่านั้น  ไม่มีอะไรที่กวินทร์แตะเลยแม้แต่อย่างเดียว  แม้กระทั่งน้ำในแก้วของเขาเอง!

ติ๊ด!

จักรวาลกดรับสายด้วยหัวใจที่บอบช้ำเกินจะทนไหว

“ฮัลโหล”

[ตื่นแล้วเหรอครับ  เป็นยังไงบ้าง  มึนหัวหรือเปล่า]

“ฝีมือนายกับคุณอาใช่ไหม”

[คุณพูดเรื่องอะไรเหรอครับ  ผมไม่เข้าใจ]

“ฉันถามว่าฝีมือนายกับพ่อของนายใช่ไหม!!!”

เป็นครั้งแรกที่จักรวาลตวาดใสกวินทร์ครั้งนี้  ปลายสายที่ถูกตวาดชะงักไปอย่างตกใจก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ  ทว่ามันก็ไม่ได้ร่าเริงและสดใสเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว

[ผมกับคุณพ่อแค่ทวงทกสิ่งที่ควรจะเป็นของเราคืน]

“อะไรนะ”

[คนพวกนั้นแย่งชิงมันไปอย่างเลือดเย็น  พวกเขาจะต้องสูญเสียเหมือนที่ผมกับคุณพ่อสูญเสียไป] 

“นายพูดอะไร สูญเสียอะไร!”

[จักรวาล…มาอยู่กับผมดีกว่านะครับ  มาร่วมมือกัน  ผมสัญญาว่าคุณจะปลอดภัย  เราจะเป็นเพื่อนจนวันตาย]

จักรวาลกัดฟันแน่น  ความโกรธ  ความผิดหวัง  ความเจ็บช้ำที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลยในตอนนี้ก่อเกิดเป็นไฟแค้นในใจ  ภาพรอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่เขากับกวินทร์เคยมีร่วมกันมาฉายย้อนกลับเข้ามาในหัว  นั่นยิ่งทำให้เขาคุ้มคลั่งจนแทบจะบ้า

[ให้ผมไปรับนะครับ]

“ไม่”

[อย่าทำแบบนี้สิครับ  พวกเรายังมีความฝันร่วมกันอีกหลายอย่าง  คุณจำได้ไหม  เราอยากจะแต่งงานมีครอบครัวอยู่บ้านใกล้ๆกัน  ให้ลูกๆของพวกเราสนิทกันรักกันเหมือนพวกเรา  คุณจำไม่ได้เหรอ  ไม่อยากทำให้ฝันนั้นเป็นจริงแล้วเหรอครับ]

“รู้อะไรไหม”

[…]

“วินนี่ของฉัน…ตายไปตั้งแต่วันที่หมอนั่นเข้ามารับมีดแทนฉันแล้วล่ะ”

[…]

“หมอนั่นตายเพื่อฉันไปแล้ว  เพราะฉะนั้น…สักวัน…”

[…]

“ฉันจะฆ่านาย  เพื่อแกแค้นให้วินนี่”

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า!  ในที่สุดความจริงเมื่อสิบแปดปีก่อนก็เปิดเผยสักที!!!  เหตุผลที่จักรวาลไม่ได้อยู่บนรถด้วยก็เพราะกวินทร์นั่นเอง  แต่เอ๊ะ???  สองพ่อลูกที่เคยแสนดีคู่นั้นทำไมถึงกลายมาเป็นศัตรูที่ร้ายที่สุดไปได้  อะไรคือสิ่งที่พวกเขาสูญเสียไปกันแน่?  จะว่าไปก็แอบสงสารกวินทร์เหมือนกันนะ  ทำทุกอย่างเพียงเพราะไม่อยากให้จักรวาลต้องตายไปด้วย  แต่สุดท้ายก็ถูกเกลียดและไม่ได้รับการให้อภัยจากเพื่อนรักอีกเลย  สุดท้ายแล้วเรื่องราวของพวกเขาจะจบลงเช่นไร  ติดตามกันต่อไปน้า >___<

หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 32 (04/09/60) #หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 04-09-2017 12:35:41
เหตุผลของผู้ใหญ่ที่มักทำให้ลูกๆ ต้องมีส่วนร่วมและเจ็บปวดไปตามๆ กัน
แต่เราว่ามันต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่ๆ ทำไมจากที่รักกันพี่น้องต้องมาฆ่าเพื่อสมบัติจริงหรือ
หรือมีอะไรมากกว่านั้นกันแน่
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 32 (04/09/60) #หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 04-09-2017 16:18:23
 :hao3: :hao3: :hao3:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 32 (04/09/60) #หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 04-09-2017 19:49:14
เพราะรู้ว่าพี่ชายเอาจักรวาล มาหลอกว่าเป็นหลานคนแรก
เพื่อเอาตำแหน่งประธาน บริหารบริษัท ตามที่พ่อบอก
ไกรศรเลย เข้าใจว่าพี่ชายจะฮุบบริษัท เลยลงมือกับไกรเทพ ใช่มั้ย

แต่ก็ไม่เข้าใจทำไมไกรเทพต้องทำแบบนั้น
มันก็หลอกลวงจริงๆ เพราะจักรวาลไม่ใช่ลูกจริงๆของตัวเอง
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 32 (04/09/60) #หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 04-09-2017 19:55:44
เจ็บกันเข้าไปอีก โอยยยย
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 32 (04/09/60) #หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 04-09-2017 20:33:00
มันต้องมีอะไรมากกว่านั้น เช่นเสียงพิณเคยตั้งท้องแต่ตลอดออกมาแล้วเด็กไม่รอด ไกรสรเลยหาเด็กคนอื่นมาแทน ทำนองนี้มั้ย
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 32 (04/09/60) #หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 04-09-2017 23:12:44
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 32 (04/09/60) #หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 04-09-2017 23:25:14
คนแก่ปวดหัว ปวดตับ  o12
หัวข้อ: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 33 (05/09/60) #หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 05-09-2017 11:15:16


ตอนที่ 33

ทายาทอีกคน

 

“เอ่อ…นี่แกกับมัน  เป็นแค่เพื่อนกันแน่นะ  ทำไมฟังเรื่องของพวกแกแล้วฉันขนลุกชอบกล”

ไอ้เฟี้ยวลูบไล้ท่อนแขนของตัวเองพลางมองไปทางคุณจักรวาลด้วยสีหน้าพะอืดพะอม  จนคนถูกมองต้องเบือนหน้าหนี

“แค่เพื่อนสิ  จะมากกว่านั้นได้ยังไง”

“งั้นแสดงว่าที่พี่รอดมาได้ก็เพราะพี่กวินทร์สินะ”

คุณอวกาศที่นั่งฟังเงียบมาตลอดพูดขึ้นบ้าง

“อืม  หลังจากนั้นฉันก็รีบไปหานายกับคุณพ่อที่โรงพยาบาล  โชคดีที่รอดชีวิตกันทั้งคู่ถึงแม้ว่าจะบาดเจ็บหนัก”

“ผมเลยสูญเสียความทรงจำในช่วงตั้งแต่เกิดจนถึงแปดขวบไปก็เพราะเรื่องนี้เลยใช่ไหม”

“สูญเสียความทรงจำ?”

ผมมองพวกเขาด้วยความตกใจ  หมายความว่ายังไง  คุณอวกาศเคยสูญเสียความทรงจำด้วยเหรอ?

“ตอนประสบอุบัติคราวนั้นทำให้สมองของอวกาศได้รับการกระทบกระเทือนมาก  ความทรงจำก็เลยหายไปหลังจากผ่าตัดและนอนเป็นเจ้าชายนิทราอยู่สามเดือนน่ะ”

“มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอเนี่ย”

พยักหน้ารับคำอธิบายของคุณจักรวาล  ไม่อยากเชื่อเลยว่าช่วงชีวิตของพวกเขาจะพบกับเรื่องน่าปวดหัวและวุ่นวายขนาดนี้  ผมเคยคิดว่าตัวเองเกิดมาลำบากที่สุดในโลกแล้วนะเพราะจนโคตรจน  แต่เอาเข้าจริง  ชีวิตของผมกลายเป็นชีวิตของคนปกติธรรมดาไปเลย  ดูมีความสุขกว่าพวกเขาเป็นไหนๆ

“แล้ว…คุณป้าล่ะ  แม่ของสองคน… เอ่อ  ฉันหมายถึงแกสองคน”

หมายถึงสองคนนั้นแล้วมองหน้ากูทำไมฟะ!

“พอคุณพ่อฟื้นขึ้นมาก็บอกฉันว่า  คืนที่เกิดเหตุมีคนแอบบุกเข้าไปในบ้าน  ลอบวางยาคนในบ้านทั้งหมดโยใส่ยานอนหลับไว้ในอาหาร  โชคดีที่คุณพ่อรู้สึกตัวขึ้นมากลางดึก  เลยรีบพาอวกาศขับรถหนีออกมา  แต่พวกมันก็ยังขับรถตามมาไล่ล่าอยู่  ระหว่างนั้นคุณพ่อก็เลยติดต่อหาคุณแม่  ให้คุณแม่หนีไปและที่ซ่อนตัวที่ปลอดภัยสำหรับตัวเองและลูกในท้องซะ  ถ้าคุณพ่อปลอดภัยรอดไปได้  จะเป็นฝ่ายตามหาคุณแม่เอง  และพอรอดชีวิตมาได้  คุณพ่อก็ตามหาคุณแม่แบบพลิกแผ่นดินแต่ก็ไม่เคยเจอ  จนท่านเสียไป  ฉันก็รับหน้าที่ตามหาต่อ  ทั้งคุณแม่  และ…ลูกในท้อง”

คำว่าลูกในท้องคุณจักรวาลมองมาทางผม  ท่าทางเหมือนจะมีงานเข้ากูแฮะ

“คุณลุงออกจะกว้างขวาง  แถมยังมีลูกน้องมีอิทธิพลตั้งเยอะ  เป็นไปได้ยังไงที่จะหาคุณป้ากับไอ้ทะ…  กับลูกในท้องไม่เจอ”

“เป็นไปได้สิ”

คำตอบของคุณจักรวาลเรียกความสนใจจากพวกเราทุกคนได้เป็นอย่างดี

“เพราะมันคือความต้องการของคุณแม่”

“พี่หมายความว่ายังไง”

“คุณแม่ไม่ได้หนีไปแค่สองคนกับลูกในท้อง  แต่ยังมีสองสามีภรรยาคนสนิทที่คุณแม่คอยช่วยเหลือมาตลอดตามไปดูแลด้วย  ดูเหมือนว่าหลังจากที่คลอดเด็กในท้องออกมา  ไม่กี่วันคุณแม่ก็เสียชีวิตด้วยร่างกายอ่อนแอ  ก่อนเสีย  คุณแม่ฝากฝังเด็กคนนั้นไว้กับคนสนิทว่า…จนกว่าจะอายุสิบแปด  ห้ามพาเด็กคนนั้นมาพบคุณพ่อหรือว่าฉันเด็ดขาด”

“ทำไมวะ!  ถ้าพามาเจอตั้งแต่แรกเรื่องก็น่าจะจบหรือเปล่า  ป่านนี้คงรับมรดกกันสบายใจเฉิบไปแล้ว”

ไอ้เฟี้ยวทักท้วงขึ้น  ผมก้มหน้าเงียบ  หัวใจสั่นสะท้านพอๆกับร่างกายที่กำลังสั่นไหวอยู่ในตอนนี้  ความจริงที่แม้ว่ายากจะยอมรับเพียงใด  แต่มันก็คือความจริง  กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ผมแล้ว…

“เพราะสิ่งที่คุณแม่อยากมอบให้เด็กคนนั้นไม่ใช่เงินมรดกที่คุณพ่อทิ้งไว้ให้  แต่เป็น…ชีวิตของคนธรรมดา  ชีวิตที่ไม่ต้องแก่งแย่งชิงดีกับใคร  ชีวิตที่ไม่ต้องตกอยู่ในความหวาดกลัวทุกๆวัน  ชีวิตที่เหมือนเด็กคนอื่นทั่วไป  นั่นคือสิ่งที่คุณแม่อยากให้เด็กคนนั้นได้สัมผัส  สิบแปดปีที่ท่านซ่อนเด็กคนนั้นเอาไว้   คือช่วงเวลาของชีวิตอิสระที่อยากให้ลูกของท่านได้พบกับความสุขจริงๆ  คนที่รับดูแลเขาไว้บอกกับฉันแบบนี้ในวันที่พวกเขาติดต่อมาเพื่อคืนเด็กคนนั้นให้”

ผมรู้สึกได้ว่าตอนนี้สายตาของทุกคนกำลังจ้องมาที่ผม  ทำไมล่ะ  มองผมกันทำไม  ที่ตัวผมไม่มีอะไรน่าสนใจสักหน่อย  หยุดมองกันได้แล้ว…

พอสักที…

“ไทม์…”

“อ่า…ผม…ง่วงนอนจังเลย  ขะ…ขอตัวไปนอน…”

“นายรู้แล้วใช่ไหม”

คำถามแบบตรงประเด็นของคุณจักรวาลเจาะเข้ากลางใจจนแทบทรุด  ผมกำมือแน่น  พยายามแค่นยิ้มออกมาด้วยใบหน้าใสซื่อ

“รู้?   รู้อะไรเหรอครับ  ผมไม่เข้าใจ”

เกร๊ง!

สองตาเบิกกว้างเมื่อเห็นสิ่งที่คุณจักรวาลโยนมาตรงหน้า  ผมรีบเปิดกระเป๋าสะพายของตัวเองออกดูก็พบว่ามันไม่ได้อยู่ในกระเป๋า!

ปะ…ปากกาไปอยู่ที่คุณจักรวาลตั้งแต่เมื่อไหร่!

“มันตกอยู่ในรถหลังจากที่นายลงไปแล้ว  คิดว่าคงจะหล่นลงมาตอนที่พวกเรา...”

เขาพูดค้างเอาไว้  ผมพอจะรู้ว่าเขากำลังหมายถึงตอนที่พวกเรากำลังทำอะไรแบบนั้นกันสินะ!

“ตอนที่พวกเราอะไรวะ  พูดออกมาให้หมดดิ  กูอยากรู้!”

อยากเสือกล่ะสิไม่ว่าไอ้เฟี้ยว!

“นายฟังเสียงที่อัดไว้ข้างในหมดแล้วเหรอ”

คราวนี้เป็นคุณอวกาศบ้างที่ถามผม  เขาลุกขึ้นเดินเข้ามาใกล้อย่างช้าๆ  สองมือเอื้อมมาแตะตัวผมเบาๆ

“ก็ไม่เห็นอะไรนี่ครับ  ถึงจะฟังแล้วแต่ผมก็ไม่ได้สนใจมันสักหน่อย  ที่ไปหาคุณกวินทร์วันนี้เพราะผมสนใจเรื่องสาเหตุที่ว่าทำไมเขาถึงกับคุณจักรวาลถึงฆ่ากันไม่ได้ต่างหาก  ไอ้เรื่องที่เกี่ยวกับผมน่ะผมไม่…!”

หมับ!

ร่างกายถูกคนหัวขาวดึงเข้าไปกอดไว้แนบแน่น  สิ่งที่อยากจะพูดหายไปจากสมองในชั่วพริบตา  ความรู้สึกคุ้นเคย  ความรู้สึกอบอุ่นยามอยู่ใกล้คุณอวกาศที่ผมเคยหาเหตุผลไม่ได้  วันนี้…ผมรู้เหตุผลนั้นแล้ว

“ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะ”

“คุณอวกาศพูดอะไรน่ะครับ  ผมไม่เห็นจะเข้าใจ…”

“ไทม์”

“…”

“ไว้จบเรื่องแล้ว  ไปหาคุณพ่อกับคุณแม่ด้วยกัน  ดีไหม”

ร่างกายของผมสั่นหนักขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว  แต่ยิ่งมากขึ้นเท่าไหร่  คุณอวกาศก็ยิ่งกอดผมแน่นมากขึ้นเท่านั้น

ไม่ไหว…

เรื่องแบบนี้…ผมตั้งรับไม่ทันจริงๆ  ถึงจะพอปะติดปะต่อเรื่องราวได้ตั้งแต่แรกแล้ว  แต่ว่า…ทั้งที่พยายามไม่คิด  หลอกตัวเองมาตลอดว่าต้องไม่ใช่  แล้วทำไม…ทำไม…

ผมหนีมันไม่ได้เลยสินะ

ชะตาชีวิตของตัวเอง

หมับ!

“อ๊ะ!”

“ให้เวลาไอ้ไทม์หน่อยดีกว่า  แกน่ะมากับฉัน”

“เฮ้ย!  เดี๋ยวสิเฟี้ยว  ฉันยังคุยกับน้องไม่…อุ๊บ!”

“หุบปากแล้วตามกูมาเถอะไอ้สันขวาน!”

ไอ้เฟี้ยวอุดปากและรั้งตัวคุณอวกาศที่ทำท่าจะพุ่งกลับเข้ามาหาผมอีกรอบเอาไว้ก่อนจะลากไปทางห้องนอนของพวกเขาเอง

ในห้องเหลือแค่ผมกับคุณจักรวาล…อีกแล้ว

“มีอะไรอยากจะถามหรือเปล่า”

“แล้วคุณมีอะไรจะบอกผมไหมล่ะครับ”

นาทีนี้จะอะไรผมก็คงต้องฟังทั้งนั้น  ไม่ใช่ว่ารังเกียจหรือโกรธกับความจริงที่ได้รับรู้หรอกนะ  แต่เรื่องบางเรื่อง  มันต้องใช้เวลาในการยอมรับ  ผมที่เคยคิดว่าตัวเองเป็นเด็กกำพร้ามาตลอดเพราะพ่อกับแม่บอกว่าเก็บผมมาเลี้ยง  ไม่เคยรู้แม้กระทั่งว่าแม่ที่แท้จริงตายหลังจากคลอดผมเพียงแค่ไม่กี่วัน  แบบนี้มันไม่ต่างอะไรกับ…

…ผมเป็นคนฆ่าแม่ของตัวเอง

เพราะผมเกิดมา  แม่เลยต้องจากไป

“เรื่องหนี้สิบล้านบาท  ฉันโกหก”

“ครับ”

“ที่เอาตัวนายมาขัดดอกก็ด้วย  ฉันโกหก”

“ครับ”

“น้องๆของนายไม่ได้ถูกมาเฟียตามล่า ฉันโกหก”

“ครับ”

“พ่อแม่บุญธรรมของนายตอนนี้ไม่ได้ไปทำงานหาเงินใช้หนี้ที่ไหน  ฉันโกหก”

“ครับ”

“ทุกคนอยู่ด้วยกันในเซฟเฮ้าส์  ฉันจำเป็นต้องซ่อนตัวพวกเขาไว้เพื่อความปลอดภัย”

“ครับ”

พูดอะไรไม่ออกแล้วจริงๆ  ผมทำได้แค่ยืนก้มหน้าตัวสั่นแล้วตอบรับในทุกๆอย่างที่เขาพูดออกมา  ไม่มีอะไรจริงเลยตั้งแต่ต้น…

ผมไม่ใช่ลูกขัดดอกสิบล้าน

ไม่มีหนี้สิบล้านอะไรทั้งนั้น…

“แต่ที่ยังไม่บอกความจริง  เพราะฉันอยากให้นายได้ใช้ชีวิตเด็กมัธยมปลายธรรมดาๆอย่างที่คุณแม่ต้องการจนกว่าจะอายุครบสิบแปดปีเต็ม  ฉันตั้งใจจะบอกความจริงกับนายตอนนั้น  แต่เพราะพวกมันรู้เรื่องการมีอยู่ของทายาทอีกคนเสียก่อน  ทุกอย่างเลยวุ่นวายกว่าที่ฉันคิด”

“ครับ”

พูดอะไรมากกว่านี้ไม่ได้เลยหรือไง  ผมไม่ได้อยากจะพูดแค่นี้สักหน่อย  มีเรื่องอีกมากมายที่ผมอยากจะถามเขา  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของพ่อที่แท้จริง  หรือว่าแม่ที่แท้จริง  ในหัวของผมสับสนไปหมด  เหมือนตัวเองถูกดึงเข้าสู่โลกที่ไม่คุ้นเคย

อย่างกับคนละมิติ…

“ไทม์…”

ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ร่างสูงเข้ามาประชิดตัวผมขนาดนี้  รู้ตัวอีกทีเขาก็มายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว  ฝ่ามือที่เต็มไปด้วยรอยถลอกตอนสู้กับคุณอวกาศเมื่อกี้เลื่อนขึ้นประคองใบหน้าของผมเอาไว้

“ฉันอาจจะปิดบังความจริงทุกอย่างเอาไว้เพราะมันยังไม่ถึงเวลา  แต่ว่า…”

“…”

“ความรู้สึกที่ฉันแสดงออกไป…กับนาย  มันคือความจริง”

“…”

“ฉันปิดบังมันเอาไว้ไม่ได้  ไม่ว่าจะเป็นความห่วงเวลาที่นายหายไปจากสายตา   ความหวงเวลาที่มีคนอื่นเข้าใกล้นาย   หรือแม้แต่ความหึง  เวลาที่นายให้ความสนใจคนอื่นมากกว่าฉัน”

นัยน์ตาที่ไม่เคยสะท้อนภาพใดออกมาตอนนี้มีภาพของผมสะท้อนอยู่

“ไว้ใจฉันได้ไหม”

“…”

“ให้โอกาสทุกคนที่นี่  ในฐานะครอบครัวที่แท้จริง  ได้หรือเปล่า”

วงแขนแกร่งตวัดตัวผมเข้าไปกอด  ฝ่ามือใหญ่กดศีรษะให้ซบลงตรงแผ่นอกกว้าง  ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไปทั้งนั้น  หลับตาลงซึมซับความอบอุ่นที่ไหลผ่านมาทางผิวหนังของเขา  ความปลอดภัยที่ได้รับมาตลอดจากคนๆนี้  ยิ่งทำให้ผมแน่ใจแล้วว่า…

การตกหลุมรักใครสักคน  มันเป็นยังไง

 

Special  Talk :

“นายจะลากฉันมาทำไมเนี่ย  ไม่เห็นเหรอว่าฉันกำลังคุยกับน้องชายฉันอยู่!  น้องชายเลยนะ!   น้องชายที่พลัดพรากจากกันมาถึงสิบแปดปี!”

“ยังไม่สิบแปดเฟ้ย  อีกสี่เดือนต่างหาก”

“นั่นแหละ!”

คนถูกลากมาสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมเมื่อมาถึงห้อง  มันตั้งท่าจะเปิดประตูกลับออกไปอีก  ผมรีบพุ่งเข้าไปกระโดดเกาะหลังมันเอาไว้แล้วลากมันกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง

“ก็บอกว่าให้เวลาไอ้ไทม์มันหน่อยไงเล่า!  เรื่องแบบนี้ไม่มีใครตั้งรับทันภายในสามนาทีหรอกเว้ย!  ไม่ใช่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนะไอ้ฟาย!”

“แต่…!”

“ไอ้ไทม์มันต้องเข้าใจแน่นอน  แค่ให้เวลามันคิดอะไรบ้าง  มึงอย่าไปเร่งมันสิวะ”

ผมพูดเสียงอ่อนลง  เข้าใจอยู่หรอกว่ามันอยากจะคุยกับไอ้ไทม์เพราะดีใจที่น้องชายร่วมสายเลือดเพียงคนเดียวยังมีชีวิตอยู่  แต่ผมเองก็เข้าใจไอ้ไทม์ด้วยเหมือนกัน  มันคงตกใจไม่น้อยที่จู่ๆดันกลายมาเป็นทายาทอีกคนของตระกูลอสังหาซะงั้น

“แค่จะห้ามฉันนี่…ต้องเกาะหลังกันเป็นชัตเตอร์แบบนี้เลยเหรอ”

“เฮ้ย!”

รีบกระโดดลงจากหลังมันทันที  ไอ้อวกาศบิดข้อไปมาจนมีเสียงกระดูกดังกร๊อบ

“โอ๊ะ! ลดน้ำหนักบ้างนะเฟี้ยว   นายเกือบทำฉันหลังหัก”

“งั้นหักจริงๆไปเลยเป็นไง!”

พลั่ก!

ผมกระโดดถีบมันจนกระเด็นด้วยความหมั่นไส้  อีกฝ่ายร้องโอดครวญพยุงตัวมานั่งที่เตียงใบหน้าเหยเกแสดงถึงความเจ็บปวด

“เจ็บนะ!  เพิ่งสู้กับพี่มาหมาดๆ  ยังไม่ทันหายดีเลย”

“อยากปากแมวก่อนทำไม”

“ถ้าฉันปากแมวนายก็ปากหมาแล้วล่ะ”

“ดี!  ปากในปากกูจะได้กัดแมวในปากมึงให้ตายไปเลย!”

“แต่ก่อนที่หมาในปากนายกับแมวในปากฉันจะมากัดกันได้  นายกับฉันต้องจูบกันก่อนนะ  ไม่งั้นอะไรต่อมิอะไรที่อยู่ในปากจะมาเจอกันได้ยังไง”

เจ็บแล้วยังม่ออีกนะมึง!

ผมหรี่ตามองมันแบบจนปัญญาที่จะเถียงด้วย  เดินไปที่ตู้ยาซึ่งจะมีอยู่ในห้องทุกห้องของคฤหาสน์นี้  หยิบเอาอุปกรณ์ทำแผลออกมาแล้วลากเก้าอี้ตรงโต๊ะเครื่องแป้งไปนั่งตรงปลายเตียง

“ทำอะไรอ่ะ”

“ซักผ้ามั้ง”

“ห้องซักผ้าอยู่เรือนเล็กนะ”

“ไอ้อวกาศ…”

เรียกชื่อมันลอดไรฟัน  เส้นเลือดตรงขมับเต้นปุดๆพร้อมจะระเบิดลงได้ทุกเมื่อ

“คร้าบๆ  ไม่กวนแล้วก็ได้”

มันพูดเสียงอ่อนแล้วเขยิบมาอยู่ตรงหน้าผมแต่โดยดี  ดีนะที่ผมกับมารีอาคนละเพศกัน  ถ้าเป็นผู้ชายแบบมันสองคนแล้วต้องต่อยกันแทบจะตายห่าไปข้างกว่าจะเคลียร์กันได้แบบนี้คงไม่ไหว

“แน่ใจนะว่าพวกมึงต้องกันเพื่อปรับความเข้าใจ  ไม่ได้จะฆ่ากันจริงๆ”

บ่นไปพลางกดสำลีที่ชุบแอลกอฮอล์มาแล้วลงบนคิ้วที่แตกเลือดของอีกฝ่าย  ไอ้อวกาศร้องจ๊ากทันทีที่แผลถูกสัมผัส

“เบาๆหน่อยสิ!  ใช้มือหรือใช้เท้าเนี่ย  พี่ต่อยยังเจ็บน้อยกว่าเลย!”

“เกิดมากูเคยทำแผลให้ใครที่ไหน  อย่าบ่นมากได้ไหมวะ!”

“นายก็เบามือหน่อยสิ  มีใครเขากดสำลีลงบนแผลเต็มแรงแบบนายบ้าง  เขาต้องค่อยๆเช็ดรอบปากแผลก่อน  จากนั้นก็แตะๆลงไปบนแผลเบาๆ  ไม่ใช่ทิ่มเอาๆแบบนี้  เป็นผู้ชายแล้วยังจะแรงช้างอีก  รู้งี้ไปอ้อนให้น้องชายสุดที่รักของฉันทำแผลให้ก็ดี  ไม่สิ  ป่านนี้คงทำแผลให้พี่อยู่แน่ๆ  เฮ้อออ!”

แล้วแม่งก็ไม่เลิกบ่น

ผมหยุดทำแผลชั่วคราวเพื่อรอให้มันบ่นให้เสร็จก่อน  ไม่แน่คิดจะทำตั้งแต่แรกเล้ยยย  ปล่อยให้น้องเน่าไปพร้อมแผลก็ดีหรอก  ฮึ่ย!

“เสร็จยัง”

“อะไรเหรอ?”

“มึงอ่ะ  บ่นเสร็จยัง  ถ้าเสร็จแล้วกูจะได้ทำแผลต่อ”

ผมมองไปที่สำลีในมือ  ไอ้อวกาศรีบเม้มปากแน่นก่อนจะพยักหน้า  มันคงเริ่มรับรู้ได้ถึงความไม่สบอารมณ์โคตรๆของผมแล้วสินะ

“อ๊ะ!”

คนตรงหน้าหลับตาปี๋ทั้งที่ยังไม่ทันได้กดสำลีลงไปด้วยซ้ำ  ท่าทางที่เหมือนกลัวเจ็บของมันทำให้ผมชะงัก

 

‘เขาต้องค่อยๆเช็ดรอบปากแผลก่อน  จากนั้นก็แตะๆลงไปบนแผลเบาๆ  ไม่ใช่ทิ่มเอาๆแบบนี้’

 

คำพูดของมันแทรกเข้ามาในหัว  โธ่โว้ยยยย!  น่ารำคาญฉิบหาย!

ผมไล่ซับเลือดรอบปากแผลทั้งหมดออกก่อนจนใบหน้าเริ่มสะอาดสะอ้าน  จากนั้นก็หยิบสำลีอีกก้อนชุบกับเบตาดีนแล้วแตะลงบนแผลอย่างเบามือที่สุด  ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆจนใกล้จะเสร็จ  ไม่รู้ว่าไอ้อวกาศมันลืมตาขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่  แต่ตอนนี้คนกวนตีนที่สุดในศตวรรษอย่างมันกำลังมองผมพลางยิ้มเหมือนพอใจอะไรสักอย่าง

“ยิ้มเหี้ยอะไร”

“มือเบาเหมือนกันนะเรา”

“เพราะมีคนน่าเบื่อคนหนึ่งมันโวยวายก่อนหน้านี้น่ะสิ”

ถ้าไม่ติดว่าเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก  กูคงไม่เสียเวลามานั่งทำแผลให้หรอก  เรื่องของกูรึก็ไม่ใช่  ต่อยแม่งก็ต่อยกันเอง  เฮ้อ!

ตุ้บ…!

“เฮ้อ…เหนื่อยจัง”

“ถ้าจะนอนก็หงายหลังนอนลงไปบนเตียงสิเฟ้ย  ไหล่กูไม่ใช่หมอน!”

“ไม่เอา  ขออยู่แบบนี้ก่อน  ฉันเหนื่อยจริงๆนะ”

“ให้ตายสิ  ลำบากกูตลอดนะมึง”

ผมบ่น  แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ผลักไอ้อวกาศที่โน้มตัวมาด้านหน้าเพื่อเอาหัวซบกับไหล่ผมออก  มือข้างหนึ่งที่สำลีค้างไว้  อีกข้างก็ถือขวดเบตาดีน

คืนนี้กูจะทำแผลเสร็จไหมเนี่ย

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  ดูเหมือนว่าคู่ท่านจักรวาลและน้องไทม์ของเราจะก้าวหน้าขึ้นมาอีกขั้นแล้ววววว  ขณะที่คู่ SM นั้น…  แม้จะมีโมเม้นต์บ้าง  แต่ยังดูเป็นเพื่อนสมัยเด็กกันมากกว่าอยู่นะคะ  ดูได้จากดีกรีความปากหมาของเฟี้ยวไม่ได้ลดลงเลย 55555+  น้องไทม์ไม่ใช่คนโง่  มีมันสมองอัจฉริยะขนาดนั้นมีเหรอที่จะปะติดปะต่อเรื่องราวเองไม่ได้  แต่แค่ไม่พูดหรือให้ความสนใจก็เท่านั้น  บางทีคงต้องให้เวลาหรือไม่ก็ให้ท่านจักรวาลคอยให้ความคุ้นเคยกับน้อง  หึๆๆๆ =..= ( อย่าลืมเอาข้าวผัดกับโอเลี้ยงไปเยี่ยมคุณจักรวาลในคุกนะคะ 5555 )

เรื่องนี้อาจจะเน้นหนักเรื่องปมปริศนาไปสักหน่อย  เพราะส่วนตัวเป็นคนแต่งนิยายที่ในเรื่องไม่มีอะไรนอกจากรักๆใคร่ๆฮาๆไม่ค่อยเป็น  อย่างน้อยต้องเล่นปมนู่นนี่นั่นให้ในเรื่องมีจุดพีคจุดลุ้นบ้าง  แต่ยอมรับว่าเรื่องนี้ใส่ปมเยอะไปหน่อยและค่อนข้างหนัก อาจทำให้นักอ่านที่ต้องการเข้ามาเสพความฟินจิ้นกระจายต้องผิดหวังไปบ้าง  บิวต้องขอโทษด้วยนะคะ  จะพยายามปรับปรุงให้ดีขึ้นทั้งในเรื่องนี้และเรื่องต่อๆไป  แต่ยังไงก็ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและติดตามกันน้า  แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะไม่ตรงใจอย่างที่หวังกันไว้แต่ก็ยังตามอ่านกันอยู่  ต้องขอบคุณมากจริงๆค่ะ!  พบกันในตอนต่อไปเน้ออออ

ตอนนี้มีเรื่องใหม่ด้วยนะคะ  ปมไม่หนักเท่าเรื่องนี้แน่นอน  สบายกว่าเยอะมาก 5555  ตามไปอ่านกันได้น้า  เรื่อง  “SEX(Y)รักโคตรแซ่บ!”  http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61699.0 (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61699.0) จ้า

หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 33 (05/09/60) #หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 05-09-2017 13:55:05
 :a5:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 33 (05/09/60) #หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 05-09-2017 14:32:48
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 33 (05/09/60) #หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 05-09-2017 14:52:46
 :L2: :L2:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 33 (05/09/60) #หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: JustWait ที่ 05-09-2017 14:53:25
 :pig4:
หัวข้อ: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่34 (05/09/60)#หน้า10(วันนี้อัพ2ตอนนะคะ33-34)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 05-09-2017 17:51:46


ตอนที่ 34

การมีอยู่ของจักรวาล…ตัวตนของเขาคือใคร?

 

“เดี๋ยวสิครับ  จะทำอะไรเหรอ”

“ไม่ทำอะไรหรอกน่า  แค่อยากกอดเฉยๆ”

ร่างสูงที่จับแขนผมไว้เพื่อจะดึงเข้าหาแต่ถูกผมรั้งตัวเอาไว้เสียก่อนมองด้วยสายตาออดอ้อนนิดๆ  อยากจะขยี้ตาตัวเองชะมัด  ผมไม่ได้เห็นภาพมโนเอาเองใช่ไหม  คนอย่างคุณจักรวาลเนี่ยนะจำมาทำสายตาลูกหมาน้อยแบบนี้!

ตื่นๆๆ ต้องตื่นเดี๋ยวนี้

“นะ…”

มะ…ไม่ใช่ฝันด้วยล่ะ

เจอไม้นี้เข้าไปมีเหรอที่ผมจะรอด  อ่อนยวบยาบตั้งแต่สายตาหมาน้อยนั่นมองแล้ว!  สุดท้ายก็ปล่อยตัว  (และปล่อยใจ) ให้เขาดึงเข้าไปกอดง่ายๆ

คุณจักรวาลอ้าข้าออกเพื่อให้ผมเข้าไปนั่งอยู่ระหว่างกลาง  วงแขนแกร่งโอบกอดผมไว้  ส่วนผมก็เอนตัวพิงราบไปกับอกกว้างอันอบอุ่น  เราพากันเข้ามาในห้องแล้ว  ความจริงเมื่อกี้ได้ยินเสียงโครมครามดังมาจากในห้องคุณอวกาศด้วย  ผมกะจะเคาะประตูถามว่าเกิดอะไรขึ้นแต่คุณจักรวาลก็ห้ามเอาไว้และบอกให้ไปสองคนนั้นไป

เกิดกัดกันตายคาห้องจะทำยังไงล่ะเนี่ย!

“กอดแน่นไปแล้วนะครับ”

“เป็นเพราะฉันกำลังดีใจน่ะ”

“ดีใจ?”

“ไม่ต้องปิดบังอีกแล้ว  ไม่ต้องอดทนอีกแล้ว”

ไม่พูดเปล่า  ปลายจมูกซุกซนยังไล้ไปทั่วแก้มและลำคอของผมจนหัวใจที่เคยสงบไปแล้วก่อนหน้านี้เต้นรัวขึ้นมาอีกครั้ง

ยิ่งเขากอดผมแน่นมากขึ้นเท่าไหร่  ผมก็ยิ่งอยากเข้าใกล้เขามากขึ้นเท่านั้น

อยากรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับคนๆนี้  อยากจะรู้ทั้งหมดที่เป็นเขา

“คุณจักรวาล  ผมถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ”

เงยหน้าพลางช้อนตามองคนด้านหลัง  คนถูกมองก้มลงมาใกล้  เอาสันจมูกโด่งๆมาถูไถกับแก้มผมจนจักจี้ไปหมด 

จะคุยกันรู้เรื่องไหมฟะเนี่ย  เล้าโลมไม่หยุดเลยวุ้ย!

“ว่ามาสิ”

ว่ามาสิอะไรล่ะ!  ยังไม่เลิกวุ่นวายกับร่างกายผมเลยเนี่ย!  แต่ดูท่าห้ามไปก็คงไม่ฟัง  ผมเลยต้องปล่อยเลยตามเลยให้เขาก่อกวนต่อไป  ขออย่างเดียว  อย่าเพิ่งล้วงหรือสะกิดอะไรตอนนี้ละกัน  ถ้าแค่หอมนู่นหอมนี่ผมยังพอจะทนไหว

“จริงๆแล้วคุณเป็นใครกันแน่เหรอครับ”

“…”

“ถ้าคุณไม่ใช่ลูกชายคนโตของตระกูลอสังหา  แล้วคุณ…เป็นใครเหรอครับ”

“อยากรู้เหรอ”

“อยากสิครับ!  คุณรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับผม  เกี่ยวกับคุณอวกาศแล้วก็ครอบครัวนี้  แต่ว่าพวกเรา…ไม่มีใครรู้เรื่องของคุณเลย  มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอครับ  ครอบครัวเดียวกันแท้ๆ…”

ประโยคหลังผมพึมพำเบาๆจนแทบจะไม่ได้เปล่งเสียงออกมา  มือหนาเลื่อนมาเชยคางผมขึ้นจนเราสบตากัน

“จูบก่อนแล้วจะบอก”

“คะ…ครับ?!”

ไหงมาลงเอยแบบนี้ได้ล่ะ!

ผมมุ่ยหน้าใส่เขาที่เหยียดยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์  คนหน้าตายอย่างคุณจักรวาลมีโหมดเจ้าเล่ห์แบบชาวบ้านเขาด้วยเรอะ!

“ว่าไงล่ะ  ไม่อยากรู้แล้วเหรอ”

“ขะ…ขี้โกง!”

“ถ้าไม่รีบจูบเดี๋ยวฉันเปลี่ยนใจนะ”

เขาเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้กว่าเดิม  ทั้งรอยยิ้ม  ทั้งสายตา  ทุกอย่างล้วนแต่เจ้าเล่ห์ไปหมด  ผะ…ผู้ชายคนนี้อันตรายจริงๆ  เขามีหลากหลายนิสัยอยู่ในคนๆเดียวได้ยังไงกัน!

“ก็ได้!”

ผมรับปาก  สายตาเลื่อนไปที่ริมฝีปากกระจับสีชมพูอ่อนๆของเขา  กะ…ก็เคยจูบไปตั้งหลายรอบแล้วไม่ใช่เหรอ  จะมาตื่นเต้นอะไรอีกล่ะไอ้ไทม์!

บอกตัวอย่างนั้นแท้ๆ  แต่หัวใจมันไม่หยุดสั่นเลยเนี่ยสิ  คิดเสียว่าคุณจักรวาลคือหุ่นจำลองในห้องวิทย์ก็แล้วกัน!  ถ้าเพื่อการศึกษาผมคงผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ไม่ยาก!  เอาล่ะ…

หุ่นจำลอง…

หะ…หุ่นจำลอง…

หะ…หะ…หุ่น…หุ่น…

หุ่นบ้าอะไรหล่อเซ็กซี่แล้วก็ยั่วยวนขนาดนี้ล่ะโว้ยยยยยย!

“เร็วสิ”

“อย่าเร่งสิครับ!”

ตั้งสติใหม่อีกครั้ง  ผมพลิกตัวกลับไปนั่งหันหน้าเข้าหาเขาแทน  สองมือค่อยๆประคองใบหน้าหล่อวัวตายควายล้มนี้เอาไว้…

ไม่ใช่แค่วัวกับควายแล้วล่ะที่จะตาย  กูเองก็จะตาย  ฮืออออ!

“อะ…อื้ม!”

สุดท้ายผมก็หลับหูหลับตายื่นหน้าเข้าไปจุ๊บปากเขาได้สำเร็จ  นะ…นึกว่าจะต้องตายซะแล้ว  ถ้าคืนนี้ผมมีความสุขมากแบบนี้  วันพรุ่งนี้ผมจะตายหรือเปล่า?

“แบบนั้นไม่เรียกว่าจูบสักหน่อย”

“จะไม่เรียกว่าจูบได้ยังไง  ปากผมก็แตะปากคุณแล้วนี่”

“อ้าปาก”

“ครับ?”

“อ้าปาก  แลบลิ้นออกมาด้วย”

อะ…เอาแบบนี้อีกแล้วเหรอ  จะจูบแบบผู้ใหญ่สินะ  หัวใจผมต้องเต้นแรงจนหลุดออกมจากอกแล้วก็จากโลกนี้ไปอย่างไม่สงบแน่ๆเลย

“เร็วสิ”

อ๊ากกกก  อย่ามาส่งเสียงแหบพร่าเซ็กซี่ใส่กันแบบนี้นะโว้ยยยย! ได้โปรดเอาคุณจักรวาลคนเดิมที่หน้าตาย  เย็นชา  แล้วก็เงียบขรึมกลับมาที  โหมดรุกแรงแบบนี้ผมรับไม่ไหว  หัวใจจะวายเอา!

“เร็ว”

“อะ…อ้า…”

ปฏิเสธไม่ได้อีกแล้ว  หลังจากอ้าปากไปไม่ถึงสามวินาที  การรุกรานที่ร้อนแรงก็เกิดขึ้น  ผมตวัดวงแขนโอบรอบคอเขาเอาไว้เพื่อใช้เป็นตัวยึดไม่ให้หมดแรงจนหงายหลังไปเสียก่อน  ปลายลิ้นร้อนเกี่ยวพันจนผมเริ่มใช้สติแยกไม่ได้แล้วว่าอันไหนลิ้นของผม  อันไหนลิ้นของเขา

“อ่า…”

“หึ  ทำหน้าเหมือนเสียดายเลยนะ”

“ปะ…เปล่าสักหน่อย!”

เขาแกล้งผมอีกแล้วอ่ะ  โอ๊ยยยย  เมื่อไหร่ผมจะเอาชนะผู้ชายคนนี้ได้บ้างนะ!

“ตามสัญญา  ฉันจะบอกว่าฉันเป็นใคร”

“จริงเหรอครับ”

ดีใจเหมือนถูกหวย  ในที่สุดผมก็จะได้รู้อะไรเกี่ยวกับคุณจักรวาลบ้างแล้ว  ไม่ใช่ว่าไม่ไว้ใจหรือว่าสงสัยอะไร  ผมแค่…อยากรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับคนที่ผมรู้สึกดีๆด้วย  ถึงจะยังพูดได้ไม่เต็มปากว่ามันคือความรักหรือไม่  แต่ที่ผมมั่นใจจนสามารถตะโกนบอกคนทั้งโลกได้เลยก็คือ…

ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีผู้ชายคนนี้

“บอกมาสิครับ  ผมอยากฟัง  ผมอยากรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับคุณ”

แขนที่โอบรอบคอเขาไว้โอบแน่นขึ้นกว่าเดิมพร้อมกับโน้มตัวพิงซบกับอกแกร่ง  แทบไม่มีช่องว่างระหว่างร่างกายของเราเลย

“ตระกูลของฉัน…เป็นตระกูลบอดี้การ์ดที่รับใช้ตระกูลอสังหามาตั้งแต่รุ่นปู่ทวดของคุณปู่นาย  ลูกหลานของตระกูลที่เกิดมา  ถ้าเป็นผู้ชายก็จะต้องรับหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดคุ้มครอมและดูแลลูกหลานของตระกูลอสังหาด้วยชีวิตโดยไม่มีข้อแม้  แต่ถ้าเป็นผู้หญิง  ก็จะต้องตามไปคอยรับใช้และไม่มีสิทธิ์ได้มีครอบครัวหากไม่ได้รับการอนุญาตจากเจ้านายหรือก็คือคนในตระกูลของอสังหาที่ผู้หญิงในตระกูลของฉันไปรับใช้อยู่ในตอนนั้น”

ผมผละตัวออกมาจากเขา  มองคุณจักรวาลด้วยตกใจกับสิ่งที่เขาเล่ามาทั้งหมด  ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะยังมีเรื่องแบบนี้อยู่บนโลกด้วย!  ไอ้พวกสายเลือดของข้ารับใช้ที่จงรักภักดีถวายได้แม้แต่ชีวิตนั่นน่ะ!

“พวกเรารับใช้ตระกูลของนายมาหลายร้อยปีจนมาถึงรุ่นของฉัน  ถึงจะอยากปฏิเสธแต่ก็ทำไม่เคยได้ ความจงรักภักดีที่บรรพบุรุษของตระกูลฉันมีต่อบรรพบุรุษของตระกูลนายมันสืบทอดกันมาทางสายเลือด  ตระกูลอสังหาเองก็แตกออกเป็นตระกูลย่อยๆอีกเยอะแยะ  แน่นอนว่าคนจากตระกูลของฉันก็ตามไปรับใช้จนตอนนี้แต่ละคนต่างกระจัดกระจายออกไปไม่รู้ว่าใครอยู่ที่ไหนบ้าง  และคนที่ได้มารับใช้คุณพ่อของนายก็คือ…พ่อแท้ๆของฉันเอง”

เป็นคำสัญญาและการรับใช้มาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษเลยเหรอเนี่ย  ผมไม่ค่อยเข้าใจเรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่เลยแฮะ  แต่ดูเหมือนสำหรับตระกูลที่แท้จริงของคุณจักรวาลมันจะสำคัญมาก  เพราะแบบนี้เอง เขาถึงได้ทำทุกอย่างเพื่อคุณอวกาศและทุ่มเทอย่างเต็มที่ในการตามหาและปกป้องผมให้ปลอดภัย  โดยไม่สนใจเลยว่าตัวเองจะอยู่หรือตาย

ภาพเหตุการณ์ที่เขาช่วยผมซ้ำแล้วซ้ำเล่า  ความเป็นห่วงที่เขาแสดงออกทุกครั้งที่ผมหายไปฉายซ้ำไปซ้ำมาในหัว

“พ่อกับแม่แท้ๆของฉันแต่งงานอยู่กินกันโดยอยู่ภายใต้การดูแลและปกครองของคุณพ่อนาย  จนกระทั่ง…คุณแม่ของนายตั้งลูกคนโต  และแม่ของฉันก็ตั้งท้องฉันในเวลาไล่เลี่ยกัน  จนถึงเดือนที่เป็นกำหนดคลอด  เกิดอุบัติเหตุกับคุณแม่ของนาย  ท่านตกบันไดทำให้มีอาการตกเลือดต้องเข้ารับการผ่าตัดอย่างเร่งด่วน  ในตอนนั้นเปอร์เซ็นต์การเสียชีวิตมีสูงทั้งแม่และลูก  ขณะเดียวกันแม่ก็เจ็บท้องจะคลอดฉันพอดี  คืนเดียวกันนั้น  ผู้หญิงสองคนได้ให้กำเนิดลูกชายออกมาพร้อมๆกัน  แต่ว่า…”

“…”

“ลูกชายของคุณแม่นายเสียชีวิตตั้งแต่ในครรภ์แล้ว  การผ่าตัดทำไปเพื่อช่วยรักษาชีวิตของคุณแม่นายเท่านั้น  พอคุณพ่อของนายรู้ว่าลูกเสียไปแล้ว  ท่านเสียใจมากและไม่รู้จะบอกเรื่องนี้กับคุณแม่และคุณปู่ของนายยังไง  ทั้งสองเฝ้ารอคอยหลานชายคนแรกด้วยความหวัง  แต่ว่า…หลังจากคลอดฉันได้แค่เพียงหนึ่งวัน  แม่ก็มีอาการตกเลือดและช็อก  แม่จากไปอย่างกะทันหัน  ตอนนั้นคุณแม่ของนายยังไม่ฟื้นเพราะร่างกายอ่อนเพลียมาก  พ่อของฉันที่มีหน้าที่รับใช้ทำทุกอย่างเพื่อตระกูลอสังหาจึงได้เสนอให้คุณพ่อของนายรับใช้ไปเป็นลูก  สมอ้างฉันกับคุณแม่และคุณปู่ของนายเพื่อไม่ให้พวกเขาต้องเสียใจหากได้รู้ว่าลูกชายคนแรกที่เฝ้ารอจากไปแล้ว  เพื่อไม่ให้คุณแม่ของนายต้องเจ็บปวด  คุณพ่อของนายเลยตกลงรับข้อเสนอนั้น  พอคุณแม่ของนายฟื้นขึ้นมา  ฉันก็ได้กลายเป็นหลานชายคนแรกของตระกูลอสังหาในทันที  โดยท่านเข้าใจว่าแม่ที่แท้จริงของฉันกับลูกในท้องไม่รอด  การสลับตัวลูกของตระกูลข้ารับใช้กับตระกูลอสังหาเกิดขึ้นในวันนั้นนั่นแหละ”

ทำไมกันนะ  ทำไมผมถึงต้องร้องไห้ออกมาด้วย  ผมไม่เข้าใจตัวเอง  รู้แค่ว่าสงสารคนๆนี้เหลือเกิน  ชีวิตของเขาถูกกำหนดโดยพ่อของเขามาตั้งแต่ต้น  ไม่ได้เห็นหน้าแม่ที่แท้จริงและคงโทษว่าเป็นความผิดของตัวเองมาตลอดที่ทำให้แม่ต้องตาย  ความรู้สึกนี้ผมเข้าใจดีว่ามันเจ็บปวดมากแค่ไหน  เจ็บจนแทบไม่อยากจะมีชีวิตต่อไปเลยล่ะ

“หลังจากนั้นพอฉันโตพอที่จะรับรู้อะไรได้  พ่อของฉันกับคุณพ่อของนายก็บอกความจริงว่าฉันเป็นใคร  และขอให้ฉันช่วยเก็บเรื่องทั้งหมดไว้เป็นความลับ  อาจจะเพราะสายเลือดของข้ารับใช้ที่ไหลเวียนอยู่ในตัวฉันล่ะมั้ง  ฉันปฏิเสธอะไรไม่ได้เลยนอกจากทำตามคำสั่ง  พ่อเองก็เฝ้าบอกฉันอยู่ทุกวันว่าฉันเกิดมาเพื่อทดแทนบุญคุณของทุกคนในตระกูลอสังหาโดยเฉพาะครอบครัวของนาย  แม้กระทั่งวาระสุดท้ายในชีวิตพ่อ  คำสั่งเสียสุดท้ายของพ่อก็ยังเป็น…”

“…”

“จงมอบชีวิตของแกให้คุณชายทั้งสองซะ  สานต่อความจงรักภักดีที่มีมาตั้งแต่บรรพบุรุษต่อไป  อย่าทำให้พ่อผิดหวังล่ะ”

“คุณชายทั้งสอง…หรือว่าจะหมายถึง…ผมกับคุณอวกาศ”

“ใช่แล้ว  หมายถึงหมาน้อยตรงหน้าฉันนี่แหละ”

แววตาอ่อนโยนที่เต็มไปด้วยความเศร้าของเขาจ้องมองมาที่ผม  มือหนาเลื่อนขึ้นปาดน้ำออกให้  แต่มันไม่มีประโยชน์  น้ำตาของผมไหลออกมาเรื่อยๆโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหลเลย

“ผม   ฮึก…ผมจะช่วยคุณยังไงดี  ฮือ…ผมทำอะไรได้บ้างเหรอครับ”

สองมือเปลี่ยนมาจับมือของเขาที่จับแก้มผมเอาไว้อีกที  เอนหน้าซบลงร้องไห้เหมือนคนบ้า

เขาไม่เคยได้รับความรักจากแม่ที่แท้จริง  ไม่ได้อยู่กับครอบครัวของตัวเอง  ไม่เคยได้ใช้คำว่าพ่อลูกกับพ่อของตัวเองเลยสักครั้ง  สิ่งที่พ่อของเขาทำและปลูกฝังมาตลอดคือให้คุณจักรวาลจงรักภักดีกับตระกูลอสังหา  ไม่ได้รับอิสระให้คิด  ไม่ได้รับการอนุญาตให้ตัดสินใจ  ชีวิตของเขาถูกบงการมาตั้งแต่เกิดจนถึงวันนี้โดยที่เขาไม่สามารถหนีมันไปได้เพราะทุกสิ่งคือสายเลือดข้ารับใช้ที่ไหลเวียนอยู่ในตัว

“ร้องไห้ทำไมหมาน้อยของฉัน  ไม่เป็นไรหรอกนะ  ฉันไม่เป็นอะไร”

“จะไม่เป็นไรได้ยังไงล่ะครับ  นี่มันชีวิตของคุณนะ!”

“ชีวิตของฉันมีไว้เพื่อนายกับอวกาศ  แค่พวกนายสองคนปลอดภัยและมีความสุข  ฉันก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว”

“ไม่  ไม่  ผมไม่ได้ต้องการแบบนี้  ผมไม่ได้อยากให้คุณมอบชีวิตให้  คุณอวกาศเองก็คงไม่ต้องการแบบนั้น  ถ้าผมจะมีความสุขโดยที่คุณต้องยอมเสียสละอิสรภาพของตัวเองล่ะก็…ผมขอมีความทุกข์ไปจนตายดีกว่า”

“เด็กโง่”

ร่างสูงดึงผมเข้าไปกอด  มือหนาลูบหัวเบาๆเหมือนต้องการจะปลอบโยนให้หยุดร้องไห้

“นายคิดว่าที่ฉันอยู่มาจนถึงตอนนี้  มันเป็นเพราะสายเลือดของฉันที่ต้องตามรับใช้ตระกูลของนายงั้นเหรอ”

“ก็คุณบอกว่า…”

“ลืมไปแล้วหรือไง  นายเป็นคนพูดมันออกมาเองนะ”

“…”

“จะไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่าจักรวาล”

“…”

“คนที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นแบบฉัน  นายคิดว่าจะยอมก้มหน้ารับคำสั่งที่สืบทอดกันมาของตระกูลง่ายๆทั้งที่ไม่เต็มใจเหรอ  ไม่มีวันเสียหรอก”

อ้อมกอดแน่นและอุ่นขึ้น  มันทำให้ผมโหยหาและเขยิบตัวเองเข้าไปใกล้เขากว่าเดิม  ไม่อยากให้มีช่องว่างระหว่างเรา  ไม่อยากอยู่ไกลจากเขา  แค่เซนติเมตรเดียวก็มากเกินไปแล้วสำหรับผม

“ที่ยอมรับมัน  เพราะว่าฉันรักคุณแม่ของนายต่างหาก  ยังไงน้ำนมจากอกแม่หยดแรกที่ฉันได้รับ  ก็มาจากคุณแม่ของพวกนายจริงๆ  คนที่นอนกอดฉัน  เล่านิทานให้ฉันฟัง  และเลี้ยงดูฉันมาเป็นอย่างดีก็คือท่าน  ถึงท่านจะไม่รู้ว่าฉันเป็นใคร  และถ้าได้รู้ขึ้นมาความรักที่เคยให้ฉันมันอาจจะเปลี่ยนไปก็ได้  แต่ความคิดที่ว่า…ท่านเป็นแม่ของฉัน  มันไม่ได้เปลี่ยนไปเลย  อวกาศก็เหมือนกัน  ฉันเลี้ยงเขามาตั้งแต่เกิด  ดูแลเขาในฐานะพี่ชายมาตลอด  สำหรับฉัน…เจ้านั่นเป็นน้องชายจริงๆไปแล้วล่ะนะ”

ผมยิ้มให้กับความคิดของเขา  ไม่แปลกเลยว่าทำไมคุณอวกาศถึงรักและเคารพเขามากขนาดนี้  ถึงจะรู้ว่าไม่ใช่พี่ชายสายเลือดเดียวกัน  แต่มันไม่ได้ทำให้ความรักความนับถือที่คุณอวกาศมีต่อคุณจักรวาลในฐานะน้องชายกับพี่ชายเปลี่ยนแปลงไปเลยสักนิดเดียว

“และตัวนาย  อาจจะต่างกันตรงที่ฉันไม่ได้เลี้ยงนายมาเหมือนตอนเลี้ยงอวกาศ  ไม่ได้เห็นการเติบโตของนายเหมือนอวกาศ  แต่…อะไรบางอย่างในตัวนาย  ทำให้ฉันละสายตาไปไม่ได้  เหมือนกับว่า…คนที่ฉันเฝ้ารอมาตลอด  ในที่สุดก็มาอยู่ตรงหน้าฉันเสียที  จะให้ปล่อยไปก็คงไม่ได้  มีทางเดียวคือต้องทำให้เป็นของฉันซะ  ความคิดบ้าๆพวกนี้วนเวียนในหัวฉันไม่หยุดเลยรู้หรือเปล่า”

ปลายนิ้วร้อนเชยคางผมขึ้น  คำพูดของเขาทำเอาใบหน้าร้อนฉ่าด้วยความอาย  จู่ๆพูดอะไรออกมาเนี่ย!  เมื่อกี้ยังดราม่าอยู่เลยไม่ใช่เรอะ

“เตรียมใจไว้เถอะ  พอนายอายุยี่สิบเมื่อไหร่  ฉันจะทำให้เป็นของฉันทั้งตัวแล้วก็หัวใจ”

“ถ้างั้นก็ต้องรอไปอีกสองปีสี่เดือนนะครับ  ส่วนตอนนี้…”

“…”

“เอาแค่หัวใจไปก่อนแล้วกัน”

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพอีกตอนแล้วจ้า  วันนี้เอาไปสองตอนเลยยยยย  และแล้วตัวตนที่แท้จริงของจักรวาลก็ได้รับรู้กันสักทีเนอะ   แหมๆๆ สองตระกูลเขาผูกพันกันมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษเชียวนะ! (ยิ่งใหญ่มาก =..=) ความเหงา  ความอ้างว้างที่จักรวาลทนรับมันมาตลอดเพราะพ่อที่แท้จริงสนใจเพียงหน้าที่ที่สืบทอดกันมาในตระกูลเท่านั้น  เริ่มมลายหายไปเพราะได้หมาน้อยที่ปล่อยให้คลาดสายตาไปไหนไม่ได้มาครอบครองสมใจ  แน่นอนว่าเขาจะได้รับการเติมเต็มส่วนที่ขาดไปเหล่านั้นจากอวกาศและกาลเวลา  แม้ตามศักดิ์จริงสองคนนั้นจะเป็นเจ้านายที่เขาไม่อาจขึ้นไปเทียบชั้นได้  หากแต่เมื่อฟ้าลิขิตมาแล้วว่าจักรวาลเหมาะสมที่จะอยู่ในตระกูลอสังหา  ทุกสิ่งย่อมเปลี่ยนแปลงได้  เรื่องสมัยบรรพบุรุษก็ปล่อยให้เป็นของบรรพบุรุษไปสิเนอะ 55555+  แค่จับเจ้านายทำเมียซะก็ดองกันได้แล้วจริงมั้ย =.,=

แม้ว่าไกรเทพจะมีความจำเป็นที่ต้องเอาจักรวาลมาสมอ้างว่าเป็นลูกเพราะไม่ต้องการให้เสียงพิณรู้ความจริงที่ว่าได้สูญเสียลูกชายคนแรกไปแล้ว  รวมถึงไม่อยากให้คุณพ่อของตัวเองต้องผิดหวัง  แต่ความจริงที่ว่า  การตัดสินใจโดยไม่ได้คิดหน้าคิดหลังรวมถึงคิดถึงผลเสียที่จะตามมาก่อนนั้นของเขาก็ทำให้เขาได้มรดกมาอย่างไม่ชอบธรรมก็ไม่อาจหลีกหนีได้  แต่ที่แน่ๆ  สาเหตุที่ทำให้พ่อของกวินทร์เคียดแค้นและชิงชังจนถึงขั้นพี่น้องต้องฆ่ากันเองจะมีสาเหตุมาจากเรื่องนี้จริงๆน่ะเหรอ?  หรือมีอะไรมากกว่านั้นกันแน่นะ?

ต่อไปก็แค่หารหัสผ่านเปิดตู้นิรภัยให้เจอ  จัดการกวินทร์กับพ่อด้วยท่าไม้ตาย(SDการ์ด) ซะ  ทุกอย่างก็จะลงเอยด้วยดี  แต่ว่า…มันจะง่ายอย่างที่คิดหรือเปล่าน้า  จะต้องมีการสูญเสียอะไรอีกมั้ย  ติดตามเอาใจช่วยพวกเขาต่อไปด้วยนะคะ  ขอบคุณนักอ่านทุกคนมากๆที่ยังตามอ่านกันมาจนถึงตอนนี้ค่า  จุ๊บๆๆๆ

หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่34 (05/09/60)#หน้า10(วันนี้อัพ2ตอนนะคะ33-34)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 05-09-2017 22:02:19
 :pighaun:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่34 (05/09/60)#หน้า10(วันนี้อัพ2ตอนนะคะ33-34)
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 05-09-2017 22:22:04
 :-[ :-[ :-[
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่34 (05/09/60)#หน้า10(วันนี้อัพ2ตอนนะคะ33-34)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 05-09-2017 23:52:33
 :katai2-1: :katai2-1: ดี ๆ ลง 2 ตอนรวดเดียว แถมเฉลยปมให้อีก คนแก่ชอบ  :m4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่34 (05/09/60)#หน้า10(วันนี้อัพ2ตอนนะคะ33-34)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 06-09-2017 05:27:59
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่34 (05/09/60)#หน้า10(วันนี้อัพ2ตอนนะคะ33-34)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 06-09-2017 08:45:43
 :z1:
หัวข้อ: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่35 (06/09/60)#หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 06-09-2017 13:11:10

ตอนที่ 35

ความในใจของเฟี้ยว

 

“อะไรกันๆ  เพิ่งจะได้เปิดอกคุยความจริงกันแท้ๆ  ทำไมวันนี้พวกเราถึงไม่ได้อยู่ด้วยกันล่ะ!”

คุณอวกาศโวยวายและพยายามที่จะพุ่งเข้ามากอดผมอีกครั้ง  หลังจากที่เช้ามาเขารีบมาหาผมที่ห้องเพราะอยากจะคุยถึงเรื่องทั้งหมดด้วยกัน  แต่วันนี้ผมกับไอ้เฟี้ยวดันตัดสินใจว่าจะไปโรงเรียนกันน่ะสิ

หยุดมาเป็นอาทิตย์แล้ว  ถ้าขืนนักเรียนทุนอย่างผมยังหยุดต่อไปล่ะก็มีหวังหมดสิทธิ์สอบถูกตัดออกจากทุนเรียนฟรีแน่ๆ!

“เพราะกูกับมันยังเป็นนักเรียนอยู่น่ะสิถามได้!”

ไอ้เฟี้ยวเข้ามาฉกตัวผมให้ไปหลบอยู่ด้านหลังมันแล้วใช้มือข้างดึงดันหน้าคุณอวกาศไว้ไม่ให้เข้าใกล้ผมได้  อันที่จริงเขาขอให้ผมเรียกเขาว่าพี่อยู่หรอกนะ  แต่ว่า…

ผมไม่ชินก็เลยขอเรียกคุณอวกาศแบบเดิมดีกว่า!

“ไทม์…”

ตึกๆๆๆๆๆๆ

เหมือนหมาเห็นเจ้านายทันที  พอคุณจักรวาลที่เดินตามลงมาทีหลังส่งเสียงเรียกปุ๊บ  ผมก็เดินดุ๊กดิ๊กๆเข้าไปหาเขาปั๊บ

“ตั้งใจเรียนนะ”

“ครับ!”

รับคำพร้อมกับยิ้มแฉ่งให้เขาจนเห็นฟันครบสามสิบสองซี่  ร่างสูงอมยิ้มน้อยๆก่อนจะโน้มหน้าลงมาหอมแก้มผมฟอดใหญ่

โอ๊ยยยยย  ความสุขจนหัวใจแทบระเบิดแบบนี้มันคืออะไรกัน!

“เดี๋ยวนะ!  ทำไมพี่ชิงหอมแก้มน้องชายผมแบบนี้ล่ะ!  หมายความว่าไงเนี่ย!”

“นั่นสิ!  มาทำตัวหวานแหววเหมือนผัวออกมาส่งเมียไปทำงานแบบนี้ได้ไงวะ!”

“ทะ…ทะ…ทั้งสองคน  ใจเย็นๆก่อนนะ…”

“แล้วยังไง  ก็แค่พี่ชายหอมน้องชายก่อนไปโรงเรียน   ไม่เห็นจะแปลก”

คุณจักรวาลตอบกลับได้หน้านิ่งมาก  แต่ดูเหมือนคำตอบของเขาจะไม่เป็นที่ยอมรับสักเท่าไหร่  คุณอวกาศมองหน้าผมสลับกับพี่ชายของตัวเองอยู่พักหนึ่งก่อนดึงแขนเขาเข้ามาใกล้แล้วยื่นหน้าเข้าไปหา

จะ…จะทำอะไรล่ะนั่น

“งั้นพี่ก็หอมผมบ้างสิ  ผมก็น้องชายพี่ไม่ใช่หรือไง  อ่ะๆ  หอมสิ  หอมๆๆๆ”

ไม่พูดเปล่า  คุณอวกาศยังทำแก้มป่องยื่นหน้าเข้าไปใกล้ริมฝีปากของคุณจักรวาลจนอีกฝ่ายต้องยกมือขึ้นมาปิดปากเอาไว้พร้อมเบือนหน้าหนีด้วยสีหน้าพะอืดพะอม

“จะอ้วก…”

“เห็นมะ!  ทีกับผมพี่จะอ้วกซะงั้น  ทำไมกับไทม์ถึงหอมได้ล่ะ!”

“เด็กมันน่ารัก”

กลายเป็นผมเสียเองที่ตกใจ  ไม่คิดว่าคนอย่างเขาจะพูดอะไรแบบนี้ออกมาด้วย!  ตายครับ  ตายสงบศพสีชมพูฟรุ้งฟริ้งเลย  อ๊ากกกก!

“พวกนายไปได้แล้วล่ะ  เดี๋ยวฉันจัดการเจ้าบ้านี่เอง”

“ผมไม่ได้บ้านะ  พี่ก็หอมผมบ้างสิ  แบบนี้มันไม่ยุติธรรมเลย  ไทม์ก็ไม่ยอมให้ผมหอม  ส่วนพี่ก็ไม่ยอมหอมผม  นี่ไม่มีใครรักผมเลยใช่ไหมเนี่ย!”

จะว่าไปก็แอบน่าสงสารอยู่เหมือนกันนะ  ผมยังไม่คุ้นเคยกับคุณอวกาศแม้ว่าเขาจะเป็นพี่ชายแท้ๆพ่อแม่เดียวกันกับผมก็ตาม  พอเขาเข้ามาใกล้พุ่งเข้าใส่จะมากอด  ร่างกายมันก็วิ่งหนีไปโดยอัตโนมัติ  ต่างจากเวลาที่อยู่กับคุณจักรวาล  มันเพราผมคุ้นเคยกับเขาดีอยู่แล้วและความสัมพันธ์ของเรามันก็ไม่ได้อยู่ในรูปแบบของพี่น้องด้วย  ถึงจะรู้สึกผิดกับคุณอวกาศ  แต่ผมคงต้องขอเวลาอีกสักพักจริงๆนั่นแหละ

“ไปเถอะไอ้เฟี้ยว”

ผมหันไปสะกิดไอ้เฟี้ยวที่เอาแต่ยืนนิ่งไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่คุณจักรวาลหอมแก้มผม  ไม่สบายหรือเปล่านะ?

“อ๊ะ  เดี๋ยว  อย่าเพิ่งไป  พี่ปล่อยคอเสื้อผมก่อนดิ๊!”

เพราเสียงเรียกของคุณอวกาศ  ทั้งผมและไอ้เฟี้ยวเลยหยุดเดิน  แต่ยังไม่ทันจะได้หันกลับไป  ร่างสูงของเขาก็พุ่งเข้ามาทางไอ้เฟี้ยวด้วยความเร็วแสง  ก่อนจะดึงมันให้หันกลับไปและ…

ฟืดดดด!

หอมแก้ม!!!

ผมยืนตะลึงตึงๆสองตาเบิกกว้างด้วยตกใจสุดขีด  คุณอวกาศที่เพิ่งหอมแก้มไอ้เฟี้ยวไปหมาดยืนยิ้มร่าโดยหารู้ไม่ว่าชะตากำลังจะขาดในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้  ผมค่อยๆหันไปทางคุณจักรวาลเพื่อขอความช่วยเหลือ  แต่เขากลับทำเพียงแค่ส่งซิกให้ผมถอยหลังหลบฉากไปเท่านั้น  เพราะเขาเองก็ถอยหลังไปเรียบร้อยแล้ว

“เพราะพี่จักรวาลหอมไทม์ไปแล้ว   ฉันในฐานะพี่ชายอีกคนของบ้านก็เลยมาหอมนายแทน  จะได้เท่าเทียมกันทุกคน  ดีไหมล่ะ”

ยัง…ยังไม่หนีอีกเรอะ!

“ไอ้อวกาศ…”

“จ๋าจ้ะ  หรือว่าอยากให้หอมอีกข้าง  มามะ  พี่ชายคนนี้พร้อม…อั้ก!!!”

“ไปตายซะไอ้ตาแก่โรคจิต!!!”

ร่างของคุณอวกาศลอยละลิ่วล่องลมกลับไปหาคุณจักรวาลที่วิ่งออกมารับไว้ได้ทัน  ไม่คิดเลยว่าไอ้เฟี้ยวมันจะแรงเยอะขนาดนี้  เตะทีเดียวไกลเป็นลี้อ่ะ…

 

ตลอดทางมาโรงเรียนไอ้เฟี้ยวยังเอาแต่ตีหน้าบึ้งไม่คุยกับผมสักคำ  บรรยากาศมาคุจนแค่จะหายใจผมยังไม่กล้าเลย  เมื่อเช้ายังอารมณ์ดีอยู่เลยแท้ๆ  ทำไมจู่ๆถึงดูน่ากลัวขึ้นมาได้ล่ะ เป็นแบบนี้เล่นเอาผมไปไม่เป็นเลย

“ตอนเย็นผมมารับเวลาเดิมนะครับ”

“ครับพี่เข้ม”

ผมและไอ้เฟี้ยวพากันลงจากรถเดินเข้าโรงเรียนไปท่ามกลางความเงียบอึมครึม  หรือจะโกรธที่โดนคุณอวกาศหอมแก้มนะ  ไม่สิ  ก่อนจะโดนหอมมันก็เริ่มมีสีหน้าไม่ปกติแล้วนี่นา   เอาไงดีนะ  ลองถามดูดีไหม?

“เอ่อ…”

สุดท้ายผมก็ทนความอึดอัดนี้ไม่ไหวต้องส่งเสียงออกไป  ไอ้เฟี้ยวหยุดเดินเมื่อได้ยินผมส่งเสียงเรียก  มันเดินนำหน้าผมเล็กน้อย  ผมก็เลยหยุดยืนอยู่ข้างหลังมัน  พวกเรายังคงเป็นจุดสนใจของบรรดานักเรียนคนอื่นๆอยู่  แต่ดูเหมือนจะไม่มากเท่าเมื่อก่อน  เพราะพอผมกลายเป็นเพื่อนสนิทกับไอ้เฟี้ยว  ทุกคนเลยไม่กล้าเข้ามายุ่งมากนัก  มากสุดทำได้เพียงแค่มองเท่านั้น

“มึง…เป็นอะไรหรือเปล่า  โมโหเรื่องคุณอวกาศเหรอ”

“ไอ้เวรนั่น  สักวันฉันต้องฆ่ามันแน่”

“อะจึ๋ย!!!”

ผมสะดุ้ง  โกรธถึงขั้นวางแผนจะฆ่ากันเลยเรอะ  คุณอวกาศ…ต้องรีบเช่ายานจากนาซ่าหนีไปดาวอื่นแล้วล่ะครับ!

“ไอ้เฟี้ยว  มึงเป็นอะไรวะ  ทำไมจู่ๆก็อารมณ์ไม่ดี”

“หงุดหงิด”

“ฮะ?”

“โดนแย่งไปจนได้  หงุดหงิดโว้ยยย!”

จู่ๆมันก็ตะโกนออกมาเสียงดัง  พวกนักเรียนที่กำลังเดินผ่านกันอย่างสบายอารมณ์ต่างพากันตกใจวิ่งไปยืนกอดกันเป็นกระจุกเดียว

“อะไรของมึงวะ  ใจเย็นๆก่อน  คนอื่นเขาตกใจกันหมดแล้ว”

“ช่างหัวมันสิ  กูไม่สน”

“ไอ้เฟี้ยว!  เป็นเหี้ยอะไรของมึงเนี่ย  มีอะไรก็พูดคุยกันตรงๆสิวะ  เป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ!”

เริ่มจะหมดความอดทนแล้วนะเฟ้ย!  โตจนจะจบม.ปลายอยู่แล้วยังเอาแต่ใจทำตัวเป็นเด็กอยู่อีก  ใครจะมานั่งตามใจมันได้ตลอดวะ!

“เออ!  กูมันเป็นได้แค่เพื่อน  ทำอะไรลงไปมันก็ได้แค่เพื่อนเท่านั้นแหละ!”

“อ้าวเฮ้ย!  เดี๋ยวสิวะ!  อะไรของมึงเนี่ย  ไอ้เฟี้ยว!”

ผมตะโกนเรียกพร้อมกับวิ่งตามมันที่พอพูดเสร็จก็วิ่งพรวดเข้ามาในตึกเลย  แต่ไม่ว่าจะเรียกเท่าไหร่มันก็ไม่ยอมหยุด  ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งขึ้นบันไดไปทางดาดฟ้าจนผมที่วิ่งตามเริ่มจะเหนื่อยหอบ

ทำไมกูต้องมาเล่นวิ่งไล่จับตั้งแต่วันแรกที่กลับมาเรียนแบบนี้ด้วย  โฮ!!!

ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ  สีหน้าของไอ้เฟี้ยวที่ตะโกนใส่ผมเมื่อกี้เหมือนคนกำลังจะร้องไห้เลย  มันดูเจ็บปวดจนผมไม่สามารถปล่อยเอาไว้ได้  ยังไงก็เพื่อนกันนี่นา  มันเป็นเพื่อนคนแรกของผม  เป็นเพื่อนคนสำคัญ…

“แฮ่ก  แฮ่ก…”

แต่ถึงจะบอกว่าสำคัญก็เถอะนะ  วันหลังช่วยวิ่งหนีไปที่ที่มันไม่ต้องขึ้นบันไดจะได้ไหมฟะ  กูเหนื่อยนะเนี่ย!!!

“ไอ้เฟี้ยว!  มึงทำอะไรน่ะ!”

พลั่ก!

ผมตรงเข้าไปปัดบุหรี่ในมือมันทิ้งทันที  ไฟแช็กที่มันกำลังจะจุดไฟผมก็แย่งเอามาถือไว้  ร่างสูงหันมามองด้วยแววตาหงุดหงิด

“เอาคืนมา  ของกู”

“ไม่!  มึงจะสูบบุหรี่ไม่ได้นะ  มันไม่ดี  ไม่รู้หรือไง”

“รู้  แต่มันเรื่องของกู”

“ไม่!”

“ไอ้ไทม์!!!”

“ทำไมต้องสูบด้วยวะ  มีเรื่องอะไรมึงก็บอกกูมาสิ  เอามาลงกับบุหรี่แบบนี้มันช่วยอะไรมึงได้หรือไง”

“กูไม่ได้สูบประจำหรอกน่า  แค่เฉพาะเวลาเครียดๆ”

มันตอบเสียงอ่อนลงเมื่อเห็นว่าผมแทบจะร้องไห้อยู่รอมร่อเพราะมันกำลังจะทำร้ายตัวเองด้วยการสูบบุหรี่

“เออๆ  ครั้งนี้กูไม่สูบก็ได้  พอใจยัง”

“แน่นะ”

“อือ  เลิกทำหน้าแบบนั้นได้แล้วน่า  ผู้ชายเขาไม่ร้องไห้เรื่องแบบนี้กันหรอกเฟ้ย”

มือหนากดลงบนหัวผมเบาๆ  พอเห็นว่าไอ้เฟี้ยวคนเดิมเริ่มจะกลับมาผมก็ยิ้มออก  แต่ก็ยังอดห่วงไม่ได้ว่ามันมีเรื่องอะไรไม่สบายใจกันแน่

“มึงเป็นอะไรวะ  ถูกใครแย่งอะไรไปเหรอ”

“หา?”

“ก็เมื่อกี้ที่มึงพูด…”

“ถามออกมาหน้าซื่อแบบนี้ได้ไงวะ  ไปต่อไม่ถูกเลยกู”

ไอ้เฟี้ยวทรุดตัวนั่งยองๆกับพื้น  สองมือขยุ้มหัวตัวเองจนผมต้องตามลงไปนั่งฝั่งตรงข้ามมันแล้วรั้งแขนมันเอาไว้

ขืนปล่อยให้ขยุ้มต่อไปหัวคงหลุดติดมือมาแหงๆ

“ว่าไงล่ะ  โดนแย่งอะไรไป  ให้กูไปเอาคืนมาให้ไหม”

มันไม่ตอบ  แต่ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองผมแทน  ตั้งแต่ได้เป็นเพื่อนกันและลองเปิดใจรับนิสัยของมันดู  ผมได้รู้ว่าความจริงไอ้เฟี้ยวไม่ใช่คนก้าวร้าวรุนแรงอะไรเลย  ออกจะน่ารักแบบเด็กผู้ชายทั่วไปเสียด้วยซ้ำ  ส่วนที่ทำนักเลงไปแบบนั้น  คิดว่าคงอยากจะให้คนอื่นมองว่าตัวเองเข้มแข็งนั่นแหละ ด้วยอะไรหลายๆอย่างที่เคยเจอมา  บางทีโชคชะตาก็บีบให้เราต้องกลายเป็นอีกคนที่ไม่อยากเป็นได้เหมือนกัน

“มึงเอามาคืนกูไม่ได้หรอก”

“รู้ได้ไง  มึงบอกกูมาก่อนสิ  กูสัญญาว่าจะพยายามช่วยมึงเต็มที่เลย”

“เฮ้อๆ ปวดหัววุ้ย!  บอกว่าไม่ได้ก็ไม่ได้สิวะ”

“แล้วมันเพราะอะไรกันล่ะ!  ยังไม่ได้ลองเลยแล้วจะรู้ได้ยังไง  มึงบอกว่าโดนแย่งไปใช่ไหม  งั้นก็ไปแย่งกลับมาสิ!  ถ้าเป็นของของมึง  มึงก็แค่ไปแย่งกลับมาให้ได้  ลูกผู้ชายเขาไม่ถอดใจกันง่ายๆหรอกนะไอ้เฟี้ยว!”

เป็นครั้งแรกเลยที่ได้มาคุยอะไรกับมันเป็นจริงเป็นจังอย่างนี้  ให้ความรู้สึกเหมือนเพื่อนที่กำลังให้คำปรึกษาเรื่องชีวิตวัยรุ่นกันเลย

ความฝันอันสูงสุดในชีวิต!

“อยากจะทำอย่างนั้นอยู่หรอก  แต่ยังไงก็คงแย่งมาไม่สำเร็จ”

“เพราะ?”

“หนึ่ง…คนที่แย่งของกูไป  เจอก่อน  สอง…คนที่แย่งของกูไป  ดีกว่ากูหลายขุม  สาม…คนที่แย่งของกูไป  มีความเป็นลูกผู้ชายกว่ากูเยอะ  และสี่…”

ข้อสุดท้ายไอ้เฟี้ยวพูดค้างไว้  มันใช้สองมือยันไว้กับพื้นแล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้จนผมหงายลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้ากับพื้น

“สี่คือ…เพราะมึงชอบมันไง  ไอ้ไทม์”

แววตาเศร้าจับจ้องมาที่ผมไม่ละไปไหน  หนึ่งนาทีที่ตกอยู่ในความเงียบ  ผมมองหน้าไอ้เฟี้ยวโดยที่ในหัวกำลังประมวลทุกสิ่งทุกอย่างที่มันพูดออกมา

เดี๋ยวก่อนนะ…

มะ…มันหมายความว่ายังไงฟะเนี่ย!

“มึงเคยถามกูก่อนหน้านี้ใช่ไหม  ว่ากูจูบมึงเพราะอะไร  นั่นน่ะ…ไม่ใช่จูบมิตรภาพอะไรหรอกนะ  แต่เป็นเพราะ…กูอยากจูบมึง”

“อะ…ไอ้เฟี้ยว…”

“ตอนแรกกูก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมกูต้องอยากจูบมึงด้วย  ไม่ใช่แค่จูบ  แต่กูยังกอดมึง  อยากดูแลมึง  อยากอยู่ใกล้ๆมึง  อยากทำทุกอย่างร่วมกับมึง  แม้แต่เรื่องอย่างว่ากูก็จินตนาการว่ากูอยากทำกับมึง!”

“เฮ้ยยยย!”

อะ…อะ….ไอ้ข้อหลังกูว่ามันชักจะน่ากลัวเกินไปแล้วนะ

“กูไม่เข้าใจและไม่รู้เหตุผล  ได้แต่ถามตัวเองว่าทำไมๆ  พอมีคำตอบที่เป็นไปได้ออกมากูก็ปฏิเสธตัวเองตลอดว่าต้องไม่ใช่ๆ  กูเหรอจะชอบมึง  กูเป็นเกย์หรือไง  คำถามพวกนี้วนเวียนในหัวจนกูแทบจะเป็นบ้าตาย  แต่สุดท้าย…พอเห็นท่าทีของมึงกับไอ้จักรวาลเมื่อเช้า  ตรงนี้…แม่งเจ็บว่ะ”

ไอ้เฟี้ยวทุบลงไปตรงหน้าอกของซ้ายของตัวเองพร้อมกับยิ้มออกมาทั้งน้ำตา  น้ำตาที่ไหลออกมาของมันเหมือนมีไม้หน้าสามมาตีแสกหน้าผมจนเจ็บไปหมด

“ทุกเรื่องที่กูปฏิเสธมาตลอด  พุ่งเข้าตอกย้ำจนกูตั้งรับไม่ทัน  แต่ในที่สุด…กูก็รู้ตัวสักที  ที่กระวนกระวายเรื่องของมึง  ที่อยากสัมผัสมึงตลอดเวลามันก็เพราะ…กูชอบมึง”

“…”

“ชอบจริงๆนะ”

น้ำเสียงสั่นเครือบีบหัวใจของผมจนแทบจะร้องไห้ตาม  ไอ้เฟี้ยวถอยหลังกลับไปนั่งที่เดิม  สองมือปิดหน้าตัวเองเอาไว้เพราะคงไม่อยากให้ผมเห็นสภาพของมันในตอนนี้

“ไอ้เฟี้ยว   กู…”

“อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้ได้ไหมวะ  กูขอล่ะ”

“…”

“จะตอบรับหรือจะปฏิเสธความรู้สึกของกูก็ตาม  เอาไว้ค่อยบอกได้ไหม  อย่างน้อยก็…แค่กลับไปคิดทบทวนก็ยังดี” 

คำขอของมันทำให้ผมไม่กล้าปฏิเสธ  ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจแล้วว่าคำตอบจะออกมาเป็นยังไง  แต่เจอคำขอร้องนี้เข้าไป  สิ่งที่ผมทำได้มีเพียงตอบรับกลับไปเบาๆเท่านั้น

“อืม…”

ทำไมกลายเป็นแบบนี้ไปได้  คนอย่างไอ้เฟี้ยวเนี่ยนะชอบผม?  เมื่อไหร่?  และเพราะอะไร  ตลอดมามันดีแต่กลั่นแกล้งผมแท้ๆ  แล้วเอาเวลาตอนไหนมาแอบชอบฟะ!

“ขอกูอยู่คนเดียวหน่อยนะ  มึงไปเข้าห้องเรียนเหอะ”

“อืม…”

ผมลุกขึ้นเดินตรงไปทีประตูดาดฟ้า  พอหันกลับไปมองไอ้เฟี้ยวอีกทีก็เห็นว่ามันฟุบหน้าลงกับเข่า  แผ่นหลังกว้างสั่นสะท้านทว่ากลับไม่มีเสียงสะอื้นใดๆเล็ดลอดมา  การที่มันพยายามอดกลั้นแบบนี้ยิ่งทำให้ผมเจ็บปวดไปด้วย

ขอโทษนะ  กูขอโทษ…

 

“ก็นะ  กะแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้เลยรีบซิ่งรถตามมาดู”

ทันทีที่ไทม์ออกจากดาดฟ้าไปแล้ว  เจ้าของเรือนผมสีทองในชุดสีขาวที่แอบอยู่ตรงชั้นสองของดาดฟ้าอีกทีก็ปรากฏขึ้น  เขาทิ้งตัวนั่งห้อยขาลงมา  เฟี้ยวที่พอจะรู้อยู่แล้วว่าอวกาศแอบอยู่ตรงนั้นเงยหน้าขึ้นมองแขกไม่รับเชิญด้วยใบหน้าหงุดหงิด

“เสือก”

“ทำได้ดีมากเลยนะ  ในที่สุดก็สารภาพออกไปสักที”

“แต่ดูท่าจะอกหักแน่ๆ  พี่ชายมึงทำคะแนนนำไปถึงขอบโลกแล้ว”

“เห…นายคิดแบบนั้นเหรอ  แต่ฉันไม่คิดแบบนั้นหรอกนะ”

“…”

“อย่างน้อยๆหลังจากที่ถูกสารภาพไปอย่างกระทะหันแบบนั้น  วันนี้ทั้งวันไทม์คงเอาแต่คิดเรื่องของนายแน่นอน~”

อวกาศยิ้มหวาน  เพียงแค่คิดว่าวันนี้ทั้งวันในหัวของไทม์จะต้องมีแต่เรื่องของเขา  ใบหน้าของเฟี้ยวก็ร้อนผ่าวก่อนจะขึ้นริ้วสีแดงด้วยความเขิน

“แต่ยังไงฉันก็เชียร์พี่ชายฉันอยู่ดีนะ”

“ตกลงมึงอยู่ข้างใครกันแน่ฮะ!!!”

“ทำไงได้ล่ะ  ถ้าฉันเชียร์นายแล้วนายเกิดสมหวังขึ้นมาจริงๆ  คราวนี้จะกลายเป็นฉันน่ะสิที่ถูกแย่ง”

“นี่มึง…มาเพื่อจะพูดเรื่องอะไรกันแน่”

เส้นเลือดตรงขมับของเฟี้ยวสั่นพั่บๆ  รู้สึกเหมือนกำลังโดนยั่วโมโหจนลืมความเสียใจก่อนหน้านี้ไปซะสนิท

“ฉันแค่มาเพื่อจะบอกว่า…”

ตุ้บ!

ร่างสูงกระโดดลงจากชั้นสองมาอยู่ตรงหน้าของเฟี้ยวพอดี แม้จะไม่ใช่ความสูงที่มากมายอะไร  แต่ถ้ากระโดดผิดท่าขึ้นมาก็มีสิทธิ์บาดเจ็บได้เหมือนกัน

“ฉันก็ไม่ยอมให้ไทม์แย่งนายไปหรอกนะ  แค่นี้แหละ”

อวกาศยื่นหน้าไปกระซิบที่ข้างหูก่อนจะเดินผิวปากกลับออกจากดาดฟ้าไปอย่างอารมณ์ดี  ทิ้งให้เฟี้ยวนั่งยกมือขึ้นลูบหูที่ร้อนผ่าวขึ้นเพราะลมหายใจของอีกฝ่ายกระทบกับใบหู

“ถ้าจะละเมอก็กลับไปนอนเหอะไอ้เวร”

พึมพำเบาๆตามหลังก่อนจะทิ้งตัวนอนหงายลงไปบนพื้น  สายตาจับจ้องไปยังท้องฟ้าที่มีเมฆอยู่เล็กน้อย  ใบหน้ายิ้มแย้มของไทม์ที่นานทีปีหนจะได้เห็นลอยเด่นอยู่บนนั้น...

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  พักเรื่องปริศนาแล้วมาสานต่อเรื่องรักๆใคร่ๆของพวกเขาบ้างเนอะ!  ในที่สุดเฟี้ยวเงาะของเราก็สารภาพรักเสียที!  ขณะเดียวกันคุณอวกาศก็ดูเหมือนจะเริ่มรู้สึกตัวเกี่ยวกับเรื่องของเฟี้ยวขึ้นมาบ้างแล้ว  ( แม้ว่าดูทรงแล้วคุณพี่อวกาศอาจจะต้องเหนื่อยหน่อยก็ตามถ้าคิดจะปราบพยศพ่อเฟี้ยวเงาะนะ 5555+ )  หลังจากนี้เรื่องราวความรักของพวกเขาทั้งสี่คนจะลงเอยในรูปแบบไหนกันนะ  ติดตามตอนต่อไปได้เล้ยยยยย!

หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่35 (06/09/60)#หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 06-09-2017 14:40:33
เอาแล้วๆๆๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่35 (06/09/60)#หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 06-09-2017 15:16:36
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่35 (06/09/60)#หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 06-09-2017 20:10:00
 :hao5:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่35 (06/09/60)#หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 06-09-2017 21:42:09
 :z6: ใช่ท่านี้ปะ ที่หลานเฟี้ยวใช้กับหลานอวกาศ  :m26:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่35 (06/09/60)#หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 06-09-2017 22:58:03
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่35 (06/09/60)#หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 07-09-2017 06:59:06
 o22
หัวข้อ: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่36 (07/09/60)#หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 07-09-2017 18:33:52
ตอนที่ 36

สิ่งที่ต้องการจะสอน…รหัสผ่านที่ซ่อนอยู่ในจดหมาย!

 

“เฮ้อ…”

ถึงไอ้เฟี้ยวจะบอกว่าให้เข้าห้องเรียนก่อนก็เถอะ  แต่เพิ่งถูกสารภาพอะไรแบบนั้นมาใครมันจะไปมีอารมณ์เรียนกันล่ะ!

ผมหลบมานั่งคนเดียวอยู่ที่ข้างสนามฟุตบอล  ในสนามมีพวกชมรมฟุตบอลฝึกซ้อมกันอยู่  จะเอายังไงต่อดี  เรื่องของไอ้เฟี้ยวอัดแน่นอยู่เต็มรอบหยักในสมองเลย  ผมไม่ต้องการทำให้มันเสียใจหรือว่าเจ็บปวด  แต่จะให้โกหกก็คงไม่ได้อีกนั่นแหละ

สุดท้ายไม่ว่าจะเลือกทางไหนยังไงมันก็ต้องเจ็บอยู่ดีไม่ใช่หรือไงฟะ  อ๊ากกกกก!

“ครูตาฝาดไปหือเปล่าเนี่ย  นักเรียนทุนกำลังโดดเรียนงั้นเหรอ”

“เอ๊ะ?  อะ…อาจารย์”

‘อาจารย์เปรม’  อาจารย์สอนพละและเป็นโค้ชของชมรมฟุตบอลเดินเข้ามาทัก  เขาทิ้งตัวนั่งลงข้างๆผมเพื่อมองนักเรียนในชมรมฝึกซ้อม

“ไม่ต้องห่วง  ครูไม่บอกใครหรอก”

เป็นครั้งแรกที่ผมได้คุยกับอาจารย์  ปกติเวลาถึงวิชาพละ  ผมมักจะปลีกตัวไปนั่งอ่านหนังสือเสมอๆเพราะไม่ได้เข้าร่วมกลุ่มหรือจับคู่กับใคร  ถึงจะไม่ได้คะแนนในชั่วโมงเรียนแต่ผมก็กวาดเอาคะแนนสอบได้หมด  ก็เลยไม่ค่อยมีปัญหาสักเท่าไหร่

“พักหลังเห็นนายสนิทกับเฟี้ยวดีนะ  หมอนั่นเป็นยังไงบ้างล่ะ  เรื่องครูมารีอา”

“แรกๆก็เสียใจเป็นปกตินั่นแหละครับ  ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว”

ทั้งโรงเรียนยังร่วมไว้อาลัยให้อาจารย์มารีอากันอยู่เพราะยังคงผูกริบบิ้นสีดำติดเอาไว้ที่ข้อมือ  พวกคุณกวินทร์ก็เงียบหายไปเลย  บางทีอาจกำลังวางแผนอะไรอยู่ก็เป็นได้

“ครูคิดไปเองหรือเปล่า  นายเปลี่ยนไปเยอะเลยนะ”

“ผมเหรอครับ?”

“ก่อนหน้านี้เอาแต่ทำหน้านิ่งอยู่แต่กับหนังสือเรียน  ถึงจะโดนใครแกล้งหรือว่านินทายังไงก็ไม่เคยโกรธ  สีหน้าของนายไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น   แต่ตอนนี้ครูว่ามันไม่เหมือนเดิมเลย  นายแสดงออกทางสีหน้ามากขึ้นกว่าเมื่อก่อนจนเหมือนเป็นคนละคน   ถ้าครูมารีอายังอยู่จะต้องดีใจแน่ๆ”

“อะ…อาจารย์มารีอาเกี่ยวอะไรด้วยเหรอครับ”

ถามออกไปเพราะไม่เข้าใจจริงๆ

คำพูดของอาจารย์เปรมทำให้ผมนึกถึงตัวเองเมื่อก่อนหน้าที่จะได้เจอกับคุณจักรวาลและคนอื่นๆ  ผมเป็นแค่เด็กนักเรียนธรรมดาทั่วไป ออกไปทางอัจฉริยะมากก็เก็บตัวมากทำนองนั้น  เพราะความที่เข้ากับคนยากและไม่คิดที่จะเข้าหาใครก่อนด้วย  ทำให้ผมตกเป็นเป้านิ่งและถูกแกล้งเป็นประจำ  ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่เคยแสดงสีหน้าหรือต่อว่าใครเลย  ไม่เคยให้ใครรู้ว่าโกรธ  ไม่เคยให้ใครรู้ว่ากลัว  ไม่เคยเปิดใจให้กับใครเลย…

เวลาโดนแกล้ง  ผมคิดเอาง่ายๆว่าพอพวกมันเบื่อ  พวกมันจะเลิกแกล้งผมเอง  ไม่เคยรู้ว่าการกระทำแบบนั้นจะยิ่งทำให้คนอื่นๆไม่ชอบหน้า  ผมไม่เคยพึ่งพาใคร  เพราะความจนทำให้ผมพึ่งพาเป็นแค่ตัวเองเท่านั้น  ไม่คิดจะขอความช่วยเหลืออย่างจริงจังและจริงใจกับใครเลยสักคน  แม้แต่อาจารย์ประจำชั้นอย่างอาจารย์มารีอา  ผมก็ไม่เคยคิดจะขอความช่วยเหลือ

พอมาคิดๆดูแล้ว…ผมเป็นพวกไร้มนุษยสัมพันธ์สุดๆไปเลยแฮะ

“เธอกังวลมากน่ะสิ  เรื่องของนายน่ะ”

“เอ๊ะ…”

“ทุกครั้งที่มีการประชุมคุณครู  เธอมักจะพูดเรื่องของนายด้วยความกังวลเสมอ  เพราะไม่ว่าเธอจะพยายามเข้าหาแค่ไหน  แต่นายก็ไม่เคยเปิดใจให้เลย  อาจารย์มารีอาน่ะ…อยากจะให้นายเรียนที่นี่อย่างมีความสุขและจบออกไปพร้อมกับรอยยิ้ม  เป็นครูที่ดีและคิดถึงนักเรียนมากจริงๆเลยนะ”

“นั่นสินะครับ”

จะว่าไป  เหมือนจะเคยมีเรื่องธรรมนองนี้เกิดขึ้นอยู่เหมือนกัน  อาจารย์มารีอาได้เป็นอาจารย์ประจำชั้นของผมสามปีรวดตั้งแต่ ม.4 จนถึงปัจจุบัน  เธอคอยเข้าหาและพยายามถามถึงปัญหาต่างๆว่าเพราะอะไรทำไมผมถึงอยากอยู่คนเดียวมากกว่ามีเพื่อน  แต่ผมไม่เคยสนใจที่จะตอบคำถามของเธอก็เลยเมินเธอมาตลอด  จนในความทรงจำแทบจะไม่มีเรื่องของเธอเลย  เพราะสำหรับผมในตอนนั้น…มนุษย์น่ะเชื่อใจไม่ได้  ถ้าไม่มีผลประโยชน์ต่อกันก็จะไม่มีทางที่ใครจะมาจริงใจกับเรา  ผมคิดแบบนั้นมาตลอดถึงได้หลีกหนีการเข้าใกล้มนุษย์ทุกวิถีทาง   และปล่อยให้พวกนั้นรังแกจนกว่าจะพอใจ

“ทั้งที่ครูคนอื่นต่างก็บอกให้เธอเลิกยุ่งกับนาย  นายเป็นเด็กอัจฉริยะ  เรียนดี  และมีสมองเป็นอาวุธ  ยังไงก็เอาตัวรอดได้แน่ๆ  แต่เธอก็ไม่เคยฟังใครเลย  เอาแต่นั่งคิดหาทางว่าทำยังไงนายถึงจะเข้ากับเพื่อนๆในห้องได้ดีนะ  ถึงขนาดเคยมาขอร้องให้ฉันชวนนายเข้าชมรมฟุตบอลเลยล่ะ  แต่ดูเหมือนนายจะไม่สนใจ  ฮ่าๆๆ”

“อ๋อ  ตอนนั้นน่ะเอง”

ไอ้ใบเชิญให้เข้าชมรมที่สอดอยู่ในล็อกเกอร์เมื่อตอน ม.5   ผมไม่ได้สนใจก็เลยขยำมันทิ้งขยะไปอย่างไม่ใยดี  เหอะๆ

“แต่ก็นะ  ดูเหมือนตอนนี้ในที่สุดนายก็เข้าใจความหมายของการอยู่ร่วมกันกับคนอื่นแล้วนี่  ถึงจะไม่ได้มีเพื่อนเยอะแยะและสนิทกับเพื่อนในห้องอย่างที่ครูมารีอาหวัง  แต่แค่ตอนนี้  นายมีใครสักคนที่เรียกว่าเพื่อนได้อย่างเต็มปาก  เป็นมิตรภาพที่แท้จริงของนาย  ครูมารีอาก็คงสบายใจแล้วล่ะ”

เพื่อน…มิตรภาพ…งั้นเหรอ

หน้าของไอ้เฟี้ยวลอยเข้ามาเป็นคนแรก  ผมอาจจะให้มันเป็นมากกว่านั้นไม่ได้  แต่ถ้ามีใครถามว่าเพื่อนที่ดีที่สุดของผมคือใคร  มิตรภาพที่แท้จริงของผมมีไหม  ผมคงกล้าพูดได้อย่างเต็มปากว่าคือไอ้เฟี้ยว

“ขอบคุณนะครับอาจารย์  ได้คุยกับอาจารย์แบบนี้ผมสบายใจขึ้นเยอะเลย”

“ยังไงฉันก็เป็นครูนะ  ถ้าสามารถเป็นครูที่ใส่ใจลูกศิษย์ได้ตลอดเวลาอย่างครูมารีอาคงจะดีไม่น้อย  ไม่แน่ว่าการที่นายมานั่งเหม่ออยู่ตรงนี้  อาจเป็นครูมารีอาลิขิตไว้เพื่อให้ฉันได้พูดคุยกับนายก็ได้”

“ที่ผ่านมาผมคงทำให้พวกอาจารย์เป็นกังวลมาก  รวมถึงทำเรื่องเสียมารยาทไปหลายเรื่องด้วย  ต้องขอโทษด้วยนะครับ”

“เจ้าเด็กโง่!  การอบรมสั่งสอนลูกศิษย์ให้เข้าใจถึงการใช้ชีวิตน่ะ  มันก็เป็นงานอย่างหนึ่งของอาจารย์เหมือนกันนะ”

อาจารย์เปรมยีหัวผมเล่นเหมือนที่ชอบทำกับเด็กคนอื่นๆก่อนจะวิ่งเข้าไปหาพวกนักเรียนที่ตะโกนเรียกอยู่ในสนาม 

“จริงสิ  แล้วเด็กที่ชื่อโชเล่  ที่สนิทกับเฟี้ยวน่ะ  นายเจอเขาบ้างหรือเปล่า  หมอนั่นขาดเรียนเป็นเดือนแล้วนะ  ไม่มีใครติดต่อเขาได้เลย  ถ้านายเจอเขาหรือเฟี้ยวสามารถติดต่อได้ก็ฝากบอกให้มาโรงเรียนด้วยนะ  ไม่งั้นจะหมดสิทธิ์สอบ  ตอนนี้ครูเป็นครูประจำชั้นชั่วคราวของห้องนายอยู่  ถ้าหมอนั่นมีปัญหาอะไรให้มาปรึกษาครูได้เลย”

“ไอ้โชเล่เหรอครับ?”

จะว่าไป…ก็ไม่ได้เจอมันเลยแฮะ  เพราะผมช่วงีน้ก็มีแต่เรื่องวุ่นวายด้วยเหมือนกัน  กว่าจะหาเวลามาโรงเรียนได้นี่แทบกระอักเลือด

“ใช่  เห็นครูฉวีวรรณบอกว่าเจอหมอนั่นอยู่ครั้งหนึ่งตอนหนึ่งวันก่อนที่ครูมารีอาจะเสียใจนะ  รู้สึกหมอนั่นจะเดินออกมาจากห้องพักครูพอดี  ครูฉวีวรรณคิดว่าคงจะเข้าไปส่งรายงาน  แต่พอตรวจรายงานจริงๆกลับไม่มีของหมอนั่นเลย  เลยคิดว่าตัวเองอาจจะตาฝาดไปเองก็ได้  เพราะสุดท้ายวันนั้นหมอนั่นก็ไม่ได้มาเรียน”

หมายถึงวันที่รายงานของผมหายจนไอ้เฟี้ยวต้องมาช่วยทำด้วยน่ะเหรอ?  แต่วันนั้นไอ้โชเล่มันไม่ได้มาเรียนไม่ใช่เหรอ  ในห้องก็ไม่มีใครเจอมันเลยนี่หว่า

“โอเคครับ  ถ้าผมเจอมันแล้วจะบอกให้”

“ขอบใจมาก  นายเองก็เหมือนกัน  มีอะไรไม่สบายใจมาปรึกษาครูได้นะ”

“ครับผม!”

ผมรับคำมองอาจารย์เปรมที่ถูกพวกนักเรียนดึงเข้าไปเล่นฟุตบอลด้วยกัน

ความจริงแล้วพวกอาจารย์ก็ไม่ได้เลวร้ายหรือเห็นแก่ตัวกันไปทุกคนสินะ  ผิดที่ผมเองไม่เคยคิดเปิดใจให้อาจารย์หรือว่าใครคนไหน  คิดเพียงแค่ว่า…นี่มันโลกของผม  ในโลกของผมก็ควรจะมีแค่ผมก็พอแล้ว  แต่ความจริงมันไม่ใช่อย่างนั้น  ผมไม่สามารถใช้ชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้เพียงลำพัง

จริงไหมครับ  อาจารย์มารีอา…

 

 ‘ซึ่งรหัสผ่านนั้น  กาลเวลา…ครูได้บอกเธอไปแล้วนะ’

 

จู่ๆเนื้อความในจดหมายที่อาจารย์มารีอาเขียนไว้ให้ก็แวบเข้ามาในหัว  ผมยกมือขึ้นกุมขมับเพราะรู้สึกเจ็บจี๊ดขึ้นมา

 

‘ที่พอจะจำได้ก็มีแค่…เหมือนยัยนั่นตั้งใจจะสอนให้ฉันเข้าใจอะไรบางอย่าง  เลยใช้วิธีนั้นเพื่อสอนฉัน’

 

ต่อด้วยคำพูดของคุณอวกาศที่เป็นตัวช่วยในการหารหัสที่ซ่อนอยู่ในจดหมายและไขมันออกมาให้เป็นตัวเลข!

 

‘อาจารย์มารีอาน่ะ…อยากจะให้นายเรียนที่นี่อย่างมีความสุขและจบออกไปพร้อมกับรอยยิ้ม’

‘แต่เธอก็ไม่เคยฟังใครเลย  เอาแต่นั่งคิดหาทางว่าทำยังไงนายถึงจะเข้ากับเพื่อนๆในห้องได้ดีนะ  ถึงขนาดเคยมาขอร้องให้ฉันชวนนายเข้าชมรมฟุตบอลเลยล่ะ’

 

ระ…หรือ…หรือว่า…สิ่งที่อาจารย์มารีอาต้องการจะสอนผมก็คือ…

 

‘ดูเหมือนตอนนี้ในที่สุดนายก็เข้าใจความหมายของการอยู่ร่วมกันกับคนอื่นแล้วนี่’

‘แต่แค่ตอนนี้  นายมีใครสักคนที่เรียกว่าเพื่อนได้อย่างเต็มปาก  เป็นมิตรภาพที่แท้จริงของนาย  ครูมารีอาก็คงสบายใจแล้วล่ะ’

 

นี่สินะ…รหัสผ่าน  ในที่สุดผมก็รู้แล้วว่ารหัสผ่านที่ซ่อนอยู่ในจดหมายฉบับนั้นคืออะไร!!!

“ไอ้ไทม์ระวัง!!!”

พลั่ก!

ปัง!!!

“กรี๊ดดดดด!!!”

“เฮ้ย!  นั่นใครน่ะ!  หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน  ผมที่ถูกผลักจนกระเด็นออกไปอีกทางยันตัวลุกขึ้นมามองคนที่ผลักผมเมื่อกี้ด้วยความตกใจ  เพราะเขากำลังนอนจมกองเลือดอยู่ตรงหน้า!

ดูเหมือนว่าจะมีคนบุกเข้ามาในโรงเรียนเพื่อลอบทำร้ายผมด้วยการซุ่มยิง  แต่คนๆนี้มาเห็นเข้าก็เลยร้องเตือนพร้อมผลักผมให้หลบจนตัวเองโดนยิงแทน  อาจารย์เปรมที่เห็นเหตุการณ์กำลังวิ่งตามคนร้ายไป  ขณะที่พวกนักเรียนพากันกรีดร้องอย่างตกใจ

“ไม่นะๆ  ไม่ๆๆๆ”

ผมคลานเข่าเข้าไปหาผู้ช่วยชีวิตที่ยังนอนคว่ำหน้านิ่งไม่ไหวติง  เขาต้องไม่ตาย  ต้องไม่มีใครตายเพราะผมสิ!

ตุ้บ…

จัดการพลิกร่างผู้ช่วยชีวิตให้นอนหงายเพื่อจะดูว่าเขาเป็นใคร  ทันทีที่เห็นใบหน้านั้นชัดๆเต็มสองตาผมก็ตะโกนลั่นออกมาทันที

“ไอ้โชเล่!!!”

ลูกกระจ๊อกของไอ้เฟี้ยวนี่นา!  ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ  หมอนี่หายหน้าหายตาไปไม่มาโรงเรียนอีกเลยนับตั้งแต่วันที่โดนคุณจักรวาลจัดการไปคราวก่อน  แล้ว…แล้วทำไม…

“ไอ้ไทม์!  เกิดอะไรขึ้นวะ  ฉันได้ยินเสียงคนร้องโวยวายว่ามีคนถูก…เฮ้ย!  ไอ้โชเล่!”

ไอ้เฟี้ยวที่เพิ่งมาพุ่งเข้าใส่ผมอย่างตกใจเมื่อเห็นสภาพของไอ้โชเล่ในตอนนี้  มันยังไม่ได้สติเลย  มันจะได้หรือเปล่า  ไม่นะ   ผมไม่อยากให้ใครตาย  ผมไม่อยากให้มีใครต้องมาตายหรือบาดเจ็บเพราะผมอีกแล้ว!!!

“ไอ้โชเล่มันช่วยกู  มัน..ผลักกู  แล้ว…แล้วมันก็ยิงโดน…เลือด…ไม่…”

“ไอ้ไทม์!  ใจเย็นก่อน!  อย่าเพิ่งสติหลุด!”

“แต่…แต่…”

ไม่ไหว   ผมควบคุมตัวเองไม่ได้เลย  เลือดของไอ้โชเล่ที่เปรอะเปื้อนอยู่เต็มมือเป็นการตอกย้ำว่าผมทำให้คนอื่นเดือดร้อนอีกแล้ว

“ครูโทรตามรถพยาบาลแล้ว  เดี๋ยวรถพยาบาล…”

“ใครจะไปรอรถพยาบาลกันเล่า!  เฮ้ย!  ใครเอารถมาบ้าง  กูถามว่าใครเอารถมาบ้าง!”

“ผะ…ผะ…ผมครับ”

“ดี  งั้นมึงขับ  เอารถมึงไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้”

“เอ๊ะ  แต่…”

“ไม่มีแต่!  เร็วสิวะ!”

“ครับๆ  ทางนี้ครับ”

นักเรียนชายผู้เป็นเจ้าของรถรับคำแล้วรีบวิ่งนำไปที่รถของตัวเอง  ไอ้เฟี้ยวจัดการเอาร่างของไอ้โชเล่ขึ้นหลัง  ส่วนผมก็หยิบเอากระเป๋าของตัวและไอ้เฟี้ยวติดมือไปด้วยโดยคอยระวังกันไม่ให้ไอ้โชเล่ตกลงมา

“ไอ้ไทม์!  ติดต่อสองคนนั้นให้ไปเจอกันที่โรงพยาบาลเลยนะ  กูว่าเรื่องนี้ไอ้กวินทร์ต้องมีเอี่ยวแน่ๆ!”

“อะ…อืม!”

ถึงจะตอบรับไปแบบนั้น  แต่สายตาของผมที่วิ่งตามมันอยู่ด้านหลังก็พุ่งความสนใจไปที่เสื้อนักเรียนของไอ้โชเล่ที่ตอนนี้กลายเป็นสีแดงและชุ่มโชกไปด้วยเลือดอย่างเดียว

เอี๊ยด!!!

“ชะ…เชิญครับคุณเฟี้ยว”

“ขึ้นไปเลยมึง”

ผมเปิดประตูรถด้านหลังให้มัน  รอจนมันและไอ้โชเล่ขึ้นไปเรียบร้อยก็ปิดประตูรถให้ก่อนจะตามขึ้นไปนั่งที่เบาะคู่กับคนขับ

“ไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด  เหยียบให้มิดไปเลย”

“แต่ถ้าแบบนั้นก็จะโดนเรื่องตรวจจับความเร็ว…”

“กูบอกให้เหยียบมิดไปเลย!!!”

“คะ…ครับๆๆๆๆ  ผมจะเหยียบให้มิดเลยครับ!”

เจ้าของรถลนลานด้วยท่าทางหวาดกลัว  ผมหันกลับไปมองไอ้เฟี้ยวที่ประคองไอ้โชเล่เอาไว้แล้วอดรู้สึกผิดไม่ได้  เหมือนกับว่าผมเป็นต้นเหตุทำให้เพื่อนของมันต้องบาดเจ็บ…

“ไอ้เวรนี่  หายไปตั้งนานติดต่อก็ไม่ได้  โผล่มาอีกทีทำไมเกิดเรื่องวะ”

“กูขอโทษนะ  เพราะกูแท้ๆ…”

“ไม่ใช่เพราะมึงหรอก  ทั้งหมดเพราะไอ้ชั่วพวกนั้นต่างหาก  กูต้องรู้ให้ได้ว่ามันลอบเข้ามาในโรงเรียนได้ยังไง  คราวก่อนที่เผาโรงยิมก็ทีหนึ่งแล้ว  ความปลอดภัยของโรงเรียนจะหละหลวมขนาดนั้นเลยเหรอ”

ไอ้เฟี้ยวตั้งข้อสันนิษฐานขึ้นมามากมาย  ไม่รู้ว่าอาจารย์เปรมที่วิงตามคนร้ายไปจะจับมันได้หรือเปล่า  ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น  สายตาของผมก็เหลือบไปเห็นบางอย่างแถวๆฝ่ามือของไอ้โชเล่เข้าโดยบังเอิญ

นั่นมัน…

ภาพรอยแผลจากการถูกไฟไหม้เพราะเข้าไปช่วยผมตามผิวหนังของคุณจักรวาลแวบเข้ามาในหัว  เหมือน…เหมือนรอยแผลเป็นจากการถูกไฟไหม้จริงๆนั่นแหละ!

แต่ว่า…ถ้าจำไม่ผิด  เมื่อก่อนที่ข้อมือไอ้โชเล่ไม่เคยมีแผลเป็นแบบนี้นี่นา  แสดงว่าเป็นแผลที่เพิ่งเกิดได้ไม่นานงั้นเหรอ?  ไปโดนอะไรมากันแน่นะ

“ไอ้ไทม์  เป็นอะไรไป”

“ฮะ?  อ๋อ  เปล่าๆ  ไม่มีอะไร”

ผมบอกปัดแล้วหันหน้ากลับมาทางเดิม  สมองกำลังใช้ความคิดอย่างหนักถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด

 

‘เห็นครูฉวีวรรณบอกว่าเจอหมอนั่นอยู่ครั้งหนึ่งตอนหนึ่งวันก่อนที่ครูมารีอาจะเสียใจนะ  รู้สึกหมอนั่นจะเดินออกมาจากห้องพักครูพอดี’

 

ทะ…ทำไมอยู่ๆถึงคิดถึงคำพูดนี้ของอาจารย์เปรมขึ้นมาฟะ!

 

‘ไม่ไหวแล้วล่ะครับคุณจักรวาล  ขอโทษที่อยู่เป็นหมาน้อยของคุณต่อไปไม่ได้แล้ว’

 

ภาพเหตุการณ์ตอนที่กำลังจะถูกย่างสดเองก็ฉายซ้ำกลับเข้ามาในหัวสลับกับรอยแผลเป็นที่เกิดจากไฟไหม้ตรงฝ่ามือของไอ้โชเล่…

ผมกำลังคิดบ้าอะไรอยู่เนี่ย!  คิดไม่ดีต่อผู้มีพระคุณที่เสี่ยงชีวิตช่วยผมงั้นเหรอ  อีกอย่างไม่มีเหตุผลอะไรที่มันจะต้องทำร้ายผมแบบนั้นสักหน่อย  คนที่ทำเรื่องทั้งหมดคือคุณกวินทร์ต่างหาก!  แต่ว่า…แต่ว่า…

อ๊ากกกกก!  ผมจะทำยังไงดี  สลัดความสงสัยที่มีอยู่ในหัวไปไม่ได้เลย!

ท่าทางผมคงจะต้อง…สืบเรื่องนี้สักหน่อยแล้ว  ไม่งั้นคงไม่สามารถพูดคุยกันได้อย่างสนิทใจกับไอ้โชเล่แน่ๆ ยังไงมันก็คือเพ่อนของไอ้เฟี้ยว  ผมไม่อยากทำอะไรที่เป็นการทำให้มันลำบากใจทั้งนั้น  พอคิดได้แบบนี้ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดพิมพ์บางอย่างลงไป…

ติ๊งติ๊ง…

เสียงไลน์แจ้งเตือนดังมาจากเบาะหลัง  เจ้าของไลน์ล้วงหยิบมือถือออกมาจากในกระเป๋ากางเกงก่อนจะเงยหน้ามองผมที่กำลังมองมันผ่านทางกระจกมองหลังอยู่ก่อนแล้ว

เราต่างสบตากันอยู่พักใหญ่  ใบหน้าของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยคำถามมากมาย  แต่พอเจอสายตาเอาจริงเอาจังของผมเข้าไป  มันก็ทำได้แค่ถอนหายใจอย่างหงุดหงิดก่อนจะพิมพ์ข้อความตอบกลับมา

 

‘ชุมชนใต้สะพาน  สุดซอยตรงข้ามที่ทิ้งขยะ’

 

เอาล่ะ…

“จอดรถด้วยครับ”

“ฮะ??”

“จอดรถครับ!”

เอี๊ยดดดด!

ทันทีที่รถจอดสนิท  ผมก็เปิดประตูลงจากรถเพื่อไปยังที่ที่หนึ่งทันที  ไอ้เฟี้ยวนั่งหน้าเครียดมองผมผ่านทางกระจก  แต่ผมก็ส่งยิ้มกว้างให้มันเพราไม่อยากให้ไม่สบายไปมากกว่านี้  ส่งยิ้มให้จนกระทั่งรถเคลื่อนตัวออกไปจนลับสายตา…

“พี่ครับๆ  จอดด้วย”

โบกเรียนกวินมอเตอร์ไซค์ที่ขับผ่านมาพอดี  ถ้าสิ่งที่ผมคิดมันถูกต้อง…   ไม่ใช่ความปลอดภัยของโรงเรียนหละหลวมหรือพวกคุณกวินทร์เก่งกาจจนสามารถลอบเข้ามาในโรงเรียนได้หรอก  พวกเขาไม่ได้เก่งขนาดนั้น!!!

“ไปชุมชนใต้สะพานครับ”

ผมจะไม่ยอมอยู่เฉยๆรอเป็นเป้านิ่งให้ใครมาจัดการอีกแล้ว   เพื่อพ่อแม่ที่แท้จริง  เพื่ออาจารย์มารีอา  และเพื่อหยุดเรื่องทั้งหมดเอาไว้ให้ได้…

เวลาผมเอาจริงมันเป็นยังไง  คุณจะได้รู้เดี๋ยวนี้แหละ  คุณกวินทร์!!!

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  หลังจากปล่อยให้ตัวเองถูกทำร้ายและเป็นฝ่ายถูกตามล่ามานาน  ในที่สุดน้องไทม์ก็เริ่มจะโต้ตอบกลับและเป็นฝ่ายบุกบ้างแล้ว!  แถมยังรู้รหัสผ่านที่ซ่อนไว้ในจดหมายแล้วอีกด้วย  มันคืออะไรกันแน่นะ?  แม้ว่าไทม์จะไม่เก่งเรื่องเข้าสังคม  ไม่เก่งเรื่องบู๊บุ๋น  แต่เรื่องใช้สมองล่ะขอให้บอก นักเรียนทุนอัจฉริยะคนนี้ไม่มีพลาด!  เรื่องราวใกล้มาถึงบทสรุปเต็มทีแล้ว  โชเล่จะมีเอี่ยวอะไรด้วยจริงๆหรือเปล่านะ???
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่36 (07/09/60)#หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 07-09-2017 22:36:46
พอเคลียร์เรื่องจักรวาล มางงกับเรื่องโชเล่ต่อ :serius2:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่36 (07/09/60)#หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 07-09-2017 22:55:35
มาอีกแล้ว ปมเนี่ย ขยันมาจังเลย คนแก่มึน  :really2:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่36 (07/09/60)#หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 07-09-2017 23:32:50
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่36 (07/09/60)#หน้า10
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 08-09-2017 02:43:19
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่37 (08/09/60)#หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 08-09-2017 18:45:50
ตอนที่ 37

บทลงโทษของหมาน้อย

 

Special  Talk :

ตึกๆๆๆๆๆๆๆ

เสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา  ผมที่นั่งรอดูอาการของไอ้โชเล่อยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉินเงยหน้ามองเจ้าของเสียงฝีเท้านั่น  ไอ้จักรวาลกับไอ้อวกาศวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา

“ไทม์ล่ะ  เป็นยังไงบ้าง  บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

ยิงคำถามใส่ผมไม่ยั้งทันที  นี่ถ้ามันรู้ว่าไอ้ไทม์ตัดสินใจทำอะไรลงไปแล้วล่ะก็มีหวัง…

องค์ลงโรงพยาบาลแตกแน่ๆ

“ไอ้ไทม์ไม่อยู่ที่นี่หรอก”

“ไม่อยู่?  ไปไหน?”

ไอ้ไทม์นะไอ้ไทม์  ทิ้งระเบิดไว้ให้กูแล้วก็หายต๋อม  ผมเหลือบมองไอ้สองคนที่เริ่มจะกลายเป็นเงาดำส่งสายตาถมึงทึงมาให้ผมมากขึ้นทุกที  ถ้าไม่บอกเหตุผลว่าไอ้ไทม์หายไปไหนสงสัยกูคงได้กลายเป็นคนไข้ฉุกเฉินอีกรายแน่ๆ

“ก่อนที่กูจะบอกว่าไอ้ไทม์มันหายหัวไปไหน  พวกมึงช่วยสงบจิตสงบใจและท่องเอาไว้ว่าห้ามอาละวาดเด็ดขาด  ตกลงไหม”

“พูดแบบนี้ยิ่งทำให้ไม่อยากตกลง”

“ไอ้อวกาศ”

ค้อนขวับใส่คนพูดทันที  ยังไงซะตอนนี้ที่ทำได้มีแค่ต้องเชื่อมั่นในตัวไอ้ไทม์เท่านั้น  พวกมีมันสมองอัจฉริยะคิดอะไรในหัวกันแน่นี่เดาใจยากชิบเป๋ง!

“ฉันสัญญา”

“ไอ้จักรวาลตกลงละ  มึงอ่ะ”

“ก็ได้ๆ  รีบบอกมาได้แล้วว่าน้องชายฉันอยู่ที่ไหน”

ผมลากพวกมันสองคนให้ออกห่างมาจากประตูหน้าห้องฉุกเฉิน  ไปยืนกระจุกตรงประตูหนีไฟแทน  ข้อสันนิษฐานทุกอย่างของไอ้ไทม์ที่พิมพ์บอกผมในไลน์ถูกอธิบายให้พวกมันฟังจนหมด  รวมถึงสิ่งที่มันต้องการให้พวกผมทำหากสิ่งที่มันคิดถูกต้องด้วย

จะออกหัวหรือออกก้อยก็คงต้องเสี่ยงกันสักตั้งล่ะนะ

ไอ้ไทม์…หวังว่ามึงจะคิดถูก!

Special  Talk  End.

 

“จอดตรงนี้เลยครับพี่”

ผมสะกิดบอกวินมอเตอร์ไซค์เมื่อมาถึงโรงพยาบาลที่ไอ้โชเล่พักรักษาตัวอยู่  เมื่อชั่วโมงก่อนไอ้เฟี้ยวโทรมาบอกแล้วล่ะว่ามันปลอดภัยดี  กระสุนไม่โดนจุดสำคัญแต่ที่เลือดออกเยอะเพราโดนเส้นเลือดเข้าพอดี  คงต้องให้นอนพักที่โรงพยาบาลสักอาทิตย์แล้วค่อยกลับไปพักรักษาตัวต่อที่บ้าน  หลังเสร็จธุระที่ไปทำผมเลยนั่งวินตามมาสมทบกับทุกคนนี่แหละ

ในโรงพยาบาลยังคงเต็มไปด้วยคนไข้เหมือนเคย  ผมรีบขึ้นลิฟต์ตรงไปยังห้องพักฟื้นของไอ้โชเล่  ป่านนี้คุณจักรวาลกับคุณอวกาศคงมากันแล้ว  หวังว่าจะจะไม่โกรธที่ผมทำอะไรลงไปโดยพลการนะ  ไม่อยากจะคิดภาพบทลงโทษจากคุณจักรวาลเลย  เหอะๆ

ก๊อกก๊อกก๊อก

เคาะสักหน่อยตามมารยาท  คนเดินมาเปิดประตูห้องคือคุณอวกาศ  ทันทีที่เห็นผมก็ยิ้มทักทาย  บรรยากาศในห้องไม่ได้อึมครึมอย่างที่กังวลในตอนแรก  แสดงว่าไอ้เฟี้ยวคงบอกทุกอย่างให้พวกเขารู้แล้วสินะ  รวมถึงสิ่งที่ผมต้องการให้พวกเขาร่วมมือด้วย!

“มาแล้วเหรอมึง  หน้าสิ่วหน้าขวานยังจะห่วงเรื่องสอบอีกนะไอ้เวร!”

ไอ้เฟี้ยวที่นั่งอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยเอ่ยปากด่าเป็นคนแรก  ผมยิ้มแห้งๆแล้วรีบสาวเท้าไปยืนข้างๆมัน  ไอ้โชเล่ที่กำลังดูทีวีอยู่ก็หันมาส่งยิ้มให้

“เป็นไงบ้าง  ขอบใจมากเลยนะที่ช่วยกู”

“เฮ้ย  ไม่เป็นไร  เจอแบบนั้นเป็นใครใครก็ต้องช่วย”

“เขาเรียกไม่เจียมกะลาหัว  ช่วยจนตัวเองเกือบตายเองแบบนี้  มันใช่เรื่องซะที่ไหน”

ไอ้เฟี้ยวตบเข้าเต็มๆกบาลของคนนอนป่วย  ผมหัวเราะที่เห็นทั้งสองคนยังเข้ากันได้ดี  แต่ยังไม่ทันจะได้อ้าปากพูดอะไรต่อ  คุณจักรวาลที่เอาแต่นั่งเงียบอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนโซฟากลับพูดแทรกขึ้นมา

“เด็กคนนี้เป็นเพื่อนนายใช่หรือเปล่าเฟี้ยว”

“เออ  เพื่อนฉันเองแหละ  แต่หายหัวไปเป็นเดือนๆติดต่อก็ไม่ได้  โผล่มาอีกทีเสือกหาเรื่องตายซะงั้น  ทำไมวะ  ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วเรอะ  รันทดมากเลยดิมึง”

“ไม่ใช่แบบนั้น  ช่วงที่หายไปกูหนีหนี้น่ะ  พ่อดันไปเป็นติดหนีพนันไว้แล้วหนีไป  พวกมันเลยมาตามทวงกับกูจนต้องหนีหัวซุกหัวซุน  ข้าวยังไม่มีจะกินเลย”

ไอ้โชเล่เล่าถึงสิ่งที่เจอมาตลอดในช่วงที่หายไปให้ฟัง  ผมเหลือบมองคุณจักรวาลที่ยืนจ้องหน้าผมอยู่ก่อนแล้ว  แววตาเขาดูโกรธๆอยู่นะ  แต่จากการที่เขาไม่ผลีผลามทำอะไรออกมา  แสดงว่าเขายอมตกลงและเชื่อในสิ่งที่ผมบอก

“แล้วทำไมมึงไม่มาหากูวะ”

“ไปหามึงแล้วได้อะไร  ปีใหม่ที่ผ่านมามาม่าซองเดียวยังต้องแบ่งกันแดกตอนจัดปาร์ตี้เลย  จำไม่ได้หรือไง”

“อะ…เอ่อว่ะ  ลืมไป  กูก็ถังแตกเหมือนกัน”

ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าบนโลกนี้จะไม่ได้มีแค่ผมที่ยากจนถึงขั้นขดเกลือกิน  ไอ้สองคนนี้ก็เหมือนกันเหรอเนี่ย  รู้สึกเหมือนได้เจอพวกพ้องจนอยากจะเข้าไปกอดเลย

“งั้นเอาแบบนี้สิ  ไหนๆเด็กคนนี้ก็เป็นเพื่อนกับเฟี้ยว  แถมยังช่วยชีวิตไทม์ไว้อีก  พี่ก็รับอุปการะเพิ่มไปอีกคนเลยเป็นไง”

คุณอวกาศเสนอไอเดีย  ผมลอบยิ้มเมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้  ปกติเคยคิดว่าตัวเองแค่เป็นฉลาดเฉยๆนะ  แต่จากรเองนี้ผมชักจะเริ่มหลงตัวเองและคิดว่าตัวเองอัจฉริยะมากกว่าแค่ฉลาดแล้วสิ  หึๆ

“อย่าดีกว่าครับ  ผมเกรงใจ  อีกอย่าง…ผมจะเป็นภาระเปล่าๆ”

“สำหรับคนที่ช่วยชีวิตหมาน้อยของฉันเอาไว้  ไม่มีคำว่าภาระหรอก”

ต่อด้วยคุณจักรวาลที่เดินเข้ามาโอบไหล่ผมเอาไว้  สีหน้าของไอ้โชเล่ยังมีความลังเลอยู่  ผมเลยหันไปส่งซิกให้ไอ้เฟี้ยวเพื่อส่งไม้ต่อให้กับมัน

“เอาน่า  อย่าคิดมากเลยไอ้โช  บ้านพวกมันรวยจะตาย  มีมึงเพิ่มมาอีกสักคนขนหน้าแข้งคงไม่ร่วงหรอก  อีกอย่างกูเองก็อยู่ที่นั่นเหมือนกัน  อยู่กันสามคนจะได้ช่วยกันติวหนังสือเตรียมสอบขึ้นมหาวิทยาลัยด้วยไง”

“คนอย่างมึงพูดเรื่องติวหนังสือด้วย  ขนลุกว่ะ”

“อุ๊บ!”

คนด้านหลังกลั้นขำแทบไม่ทัน  แน่นอนว่าไอ้เฟี้ยวส่งสายตาปลิดชีพไปให้คุณอวกาศทันทีที่ได้ยินเขาหลุดหัวเราะออกไป

ตอนแรกผมนึกว่าสองคนนี้สนิทกันแบบลูกพี่กับลูกน้องเสียอีก  แต่ฟังจากวิธีการพูดคุยแล้ว  พวกเขาเป็นเพื่อนกันแบบปกติทั่วไปมากกว่า  แสดงว่าตอนนี้ไอ้เฟี้ยวเองก็คงลำบากใจไม่น้อยเลยสินะ  ที่ทุกอย่างดันมาลงเอยแบบนี้…

“กูเห็นด้วยนะ  มาอยู่ด้วยกันเถอะ  ที่ผ่านมาไอ้เฟี้ยวเองก็เป็นห่วงมึงมาตลอดด้วย  อย่าทำให้มันเป็นห่วงอีกเลย”

“แต่…กูเคยทำไม่ดีกับมึงนะ  เคยแกล้งมึงไว้ตั้งเยอะ”

“เรื่องนั้นก็หายกันกับที่มึงช่วยกูไง”

ผมชี้ไปที่บาดแผลตรงช่วงเอวของมัน  ไม่ใช่แค่จบเรื่องแย่งชิงสมบัติบ้าๆนี่เท่านั้น  แต่เพื่อเป็นการปลดปล่อยไอ้โชเล่ออกมาจากสิ่งที่พันธนาการมันเอาไว้  ผมจะต้องทำเรื่องนี้ให้สำเร็จให้ได้  อย่างน้อยก็…เพื่อไอ้เฟี้ยว

ยิ่งเห็นสายตาความเป็นห่วงที่มันแอบมอบไอ้โชเล่บ่อยๆผมยิ่งกังวล  ไอ้เฟี้ยวคงไม่อยากจะสูญเสียคนรอบตัวมันไปอีกแล้ว  ไม่ว่าจะชั่วจะดียังไง  ไอ้โชเล่ก็คือเพื่อนของมันอยู่ดี  และผมจะช่วยเอาไว้ให้ได้!

“มาเหอะมึง  มาอยู่ด้วยกัน  จะไปตกระกำลำบากคนเดียวอีกทำไม  อย่างน้อยที่บ้านพวกมันก็มีข้าวให้แดกนะ”

“ไอ้เฟี้ยว…”

“อย่ามาทำตาหวานซึ้งใส่กู  เดี๋ยวพ่อกระทืบซ้ำ!”

“ไอ้เชี่ย! หมดกันโหมดซาบซึ้งของกู”

ทั้งสองเถียงกันไปหัวเราะกันไป  เป็นภาพที่จะทำให้มีความสุขมากกว่านี้ถ้าหากมันไม่ได้มีเบื้องหลังที่ซับซ้อน…

“ถ้างั้นก็ตกลง  ขอบคุณมากนะครับคุณจักรวาล  คุณอวกาศ”

“เอ๊ะ?  ฉันแนะนำตัวกับนายแล้วเหรอว่าชื่ออวกาศ  ถึงจะเป็นน้องของพี่จักรวาลแต่ปกติฉันไม่ค่อยออกงานสังคมก็เลยไม่ค่อยมีคนรู้จัก  แต่นายกลับรู้จักฉันแบบนี้นี่แสดงว่าร็อะไรมาเยอะเลยสิท่า”

“เอ่อ…”

“ไม่สิๆ  ฉันหมายถึงคงจะเคยเห็นฉันที่ไหนมาก่อนใช่ไหม”

“ชะ…ใช่ครับ  ผมเคยได้ยินชื่อเสียงของคุณอวกาศมาบ้างก็เลยคิดว่าน่าจะใช่  เห็นเรียกคุณจักรวาลว่าพี่ด้วย”

“นั่นสินะ”

คุณอวกาศยิ้มหวาน  ขณะที่ผมแอบสังเกตปฏิกิริยาของไอ้โชเล่ไปด้วย  มันดูร้อนรนมากเหมือนถูกไล่บี้ถามแบบนั้น

เอาล่ะ…ต่อไปก็ตาผมสินะ

“แต่ว่าก่อนอื่น  กูมีเรื่องบางอย่างต้องบอกมึงก่อนนะ”

“เรื่องอะไรเหรอ”

“ถ้ามึงจะมาอยู่ด้วยกันจริงๆ  มึงต้องเตรียมพร้อมที่จะเจอเรื่องอันตราย”

ผมเริ่มเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้มันฟังทันที  ทั้งความจริงที่ผมเป็นทายาทอีกคนและคุณจักรวาลไม่ใช่อสังหาที่แท้จริง  รวมถึงที่โดนจ้องเล่นงานไล่ฆ่าเพื่อชิงสมบัติ  กับการซุ่มยิงในวันนี้ที่เป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นฝีมือของพวกคุณกวินทร์ด้วย

“มะ…มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ  ตอนแรกกูคิดว่าเป็นพวกนักเลงต่างถิ่นมาลอบทำร้ายมึงซะอีกนะ”

“แล้ว…มึงโอเคหรือเปล่าที่จะอยู่ด้วยกันต่อไป  เพราะมึงอาจโดนหางเลขไปด้วยนะ”

“กูโอเค!  ไอ้เฟี้ยวอยู่ได้กูก็ต้องอยู่ได้  อีกอย่าง…เพื่อตอบแทนที่คุณจักรวาลกับคุณอวกาศเมตตาผม  ผมเองก็จะช่วยปกป้องไอ้ไทม์ด้วยเหมือนกันครับ”

“ก็ดี  ฉันจะได้สบายใจว่ามีคนคอยช่วยดูแลหมาน้อยของฉันเพิ่ม”

“ครับ  ผมจะดูแลอย่างดีเลย!”

ไอ้โชเล่รับคำอย่างดีใจ  ส่วนผมก็อดยิ้มไม่ได้ที่ทุกอย่างเป็นไปอย่างสวยงาม  ตอนนี้คุณคงคิดว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนการที่คุณวางเอาไว้แล้วสินะ…คุณกวินทร์!

เป็นแบบนี้ก็ดี  ผมจะหงายไพ่ในมือจนหมดเพื่อให้คุณได้เห็นและรู้การเคลื่อนไหวทุกอย่างของพวกเรา  ไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นแบบนี้มานานแล้วสิ  ผมจะสอนให้คุณได้รู้สำนึกเองว่าการหลอกใช้ความไว้เนื้อเชื่อใจของคนอื่นมันจะส่งผลร้ายยังไง!!!

 

“อ๊ะ…เดี๋ยวสิครับคุณจักรวาล  ผมยังไม่ได้อาบ…”

“ไม่เดี๋ยวแล้ว  นายต้องถูกลงโทษที่ขัดคำสั่งฉัน”

ร่างสูงผลักผมลงบนเตียงแล้วทาบทับลงมาจู่โจมริมฝีปากด้วยความร้อนแรง  บดขยี้ความวาบหวามเข้ามาในโพรงปากจนผมตั้งรับไม่ทัน  ก็พอจะเดาได้อยู่หรอกนะว่ากำลังโกรธมากแค่ไหน  แต่คิดไม่ถึงว่าจะจัดการชำระโทษกันทันทีที่มาถึงแบบนี้!

“แฮ่ก  แฮ่ก  แฮ่ก”

สูดอากาศเข้าปอดอย่างเต็มที่เพราะเกือบขาดอากาศหายใจตาย  คุณจักรวาลกระชากเสื้อนักเรียนของผมออกแบบไม่แกะกระดุมเลยสักเม็ด  ทำแบบนี้มันเสียดายของนะครับ  กระดุมขาดหมดแล้วไม่เห็นหรือไง!

“อื้อ…”

ตุ่มไตถูกครอบครองให้เกิดความรู้สึก  เผลอลืมแอ่นตัวรับสัมผัสที่เต็มไปด้วยความปรารถนาอันแรงกล้านั้น  สองมือกอดก่ายร่างแกร่งเอาไว้

ถึงจะเตรียมใจรับบทลงโทษเอาไว้แล้ว  แต่พอมาเจอเข้าจริงๆมันก็รู้สึกแปลกๆอยู่นะ  ขืนเป็นแบบนี้บ่อยๆสมองผมต้องใช้การไม่ได้แน่ๆ  เขาชอบทำให้ผมลืมทุกสิ่งที่กำลังคิดเพราะสัมผัสอันเร่าร้อนของตัวเอง!

“อ๊ะ!  คุณจักรวาลครับ  ตรงนั้นไม่เอา…”

ชึบ  ชึบ

มีเรอะที่อีกฝ่ายจะฟังผม  ส่วนอ่อนไหวถูกมือหนากอบกุมเอาไว้พร้อมกับขยับไปมาตามขนาดของมันจนอดไม่ไหวต้องส่งเสียงครางออกมาอย่างน่าอาย  โคนขาถูกลิ้นร้อนไล่เลียและดูดดุนจนเกิดรอยแดงไปทีละจุด  เหมือนว่าวันนี้จะโกรธมากกว่าครั้งไหนๆเลยแฮะ

“อื้อ…!”

ไอ้ความรู้สึกทีเหมือนมีอะไรกำลังจะทะลักออกมาจากร่างกายคืออะไรกันนะ?  ผมยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองเอาไว้เพราะตอนนี้ขาทั้งสองข้างถูกดันกลับมาจนเกือบถึงหน้าอก  บั้นท้ายยกลอยขึ้นเล็กน้อยขณะที่อีกมือของเขายังคงง่วนอยู่กับจุดอ่อนไหวของผม  จมูกซุกซนก็เริ่มทำหน้าที่ก่อกวนเนินเนื้อบริเวณบั้นท้ายทันที

นะ…นะ…นี่มัน…

มันจะมากเกินไปแล้วนะ!

“คุณจักรวาล  ผะ…ผมไม่ไหว  อื้อ…!!!!”

เหมือนวิญญาณถูกกระชากออกจากร่าง  ความอุ่นจากของเหลวบางอย่างพุ่งทะยานขึ้นเปรอะเปื้อนเต็มหน้าท้อง  ผมหอบแฮ่กแม้ว่าร่างกายจะรู้สึกดีมากแค่ไหนก็ตาม  ปรือตามองร่างสูงที่อยู่เหนือร่างผมตอนนี้  เขากำลังเหยียดยิ้มร้ายกาจราวกับเป็นคนละคน

“คุณ…”

“ไม่พอสินะ”

ไม่รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร  หากแต่ผมกำลังบิดกายเข้าหาเขาอย่างลืมตัว  เหมือนบางสิ่งยังไม่ถูกเติมเต็มและมีเพียงเขาเท่านั้นที่จะมอบสิ่งนั้นให้ผมได้…

“ผม…ต้องการ”

ยิ่งมองร่างกายที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของเขาหัวใจก็ยิ่งเต้นรัว  อยากจะแนบชิดกับเขาให้มากกว่านี้

“ไม่”

“…”

“นี่คือบทลงโทษสำหรับหมาน้อยที่ไม่เชื่อฟังคำสั่งของฉัน  คืนนี้นายจะต้องนอนทรมานด้วยความต้องการที่ไม่ถูกปลดปล่อยไปทั้งคืน  และถ้าไม่อยากจะรู้สึกทรมานแบบนี้อีกจนกว่าจะอายุยี่สิบ   อย่าคิดจะหาเรื่องใส่ตัวด้วยการทำตัวเป็นนักสืบบ้าๆอีก”

“ใจร้าย…”

ผมเบะปากเมื่อเริ่มเข้าใจแล้วว่าร่างกายต้องการอะไร  และเขาลงโทษผมด้วยวิธีไหน  แบบนี้มันโหดร้ายที่สุด!  เป็นผู้ชายเหมือนกันก็น่าจะเข้าใจสิว่าเวลาอารมณ์มันค้างเติ่งนั้นทรมานแค่ไหน!

“ครั้งนี้ฉันจะยอมร่วมมือด้วยและเล่นไปตามแผนของนาย  แต่จะไม่มีครั้งหน้าอีก  ถ้านายยังขืนทำอะไรบุ่มบ่ามไม่ห่วงชีวิตตัวเองอีกล่ะก็…ครั้งหน้าฉันจะลงโทษให้นายคลั่งมากกว่านี้อีก  ถ้าไม่เชื่อก็ลองดู”

“ไอ้คุณจักรวาลบ้า!  ไอ้คนใจร้าย!”

“เป็นเด็กดีล่ะหมาน้อย”

อีกฝ่ายอมยิ้มอย่างชอบใจในท่าทางของผมก่อนจะลุกขึ้นเดินเข้าห้องน้ำไป  ทิ้งให้ผมในสภาพเกือบล่อนจ้อนนอนหายใจรวยรินด้วยความต้องการที่ยากจะดับ

ถ้าจะลงโทษกันด้วยวิธีนี้  ฆ่ากันซะเลยยังจะดีกว่า!

อ๊ากกกก  แล้วผมจะทำยังไงกับเจ้าส่วนนั้นที่มันไม่ยอมสงบลงสักทีดีล่ะ!

 

ภายในห้องพักฟื้นที่มืดสนิท  โชเล่ที่หลับพักผ่อนอยู่บนเตียงตื่นขึ้นมาเสียงโทรศัพท์  เขาไม่ได้ให้ใครอยู่เฝ้าโดยอ้างว่าเกรงใจทุกคนจึงขอให้กลับไป  มือหนาเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ที่หัวเตียงมากดรับสาย

“ฮัลโหลครับ”

[ทุกอย่างราบรื่นดีหรือเปล่า]

“ครับ  ผมกำลังจะได้เข้าไปอยู่ในบ้านอสังหาแล้ว”

[ง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ?]

“ครับ  รู้สึกจะไว้ใจเพราะผมช่วยชีวิตไอ้ไทม์…”

[…]

“เอ่อ…คุณไทม์ไว้”

โชเล่เปลี่ยนคำพูดเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเคยถูกลงโทษจนเกือบตายเพราะดันเผลอหลุดปากเรียกไทม์ว่า ‘ไอ้’ ก่อนหน้านี้

[ยังไงก็อย่าเพิ่งชะล่าใจไป  จับตาดูพวกมันเอาไว้ด้วย  ไม่แน่ว่าเราอาจจะโดนซ้อนแผนก็ได้ ระวังเอาไว้ก่อน]

“รับทราบครับ”

[อีกอย่าง…เตรียมตัวดึงหมอนั่นมาเป็นพวกได้แล้วนะ  ฉันจะส่งคลิปนั้นไปให้]

“ครับ”

[ไม่มีอะไรเจ็บปวดไปกว่าการโดนทำร้ายจากคนที่ไว้ใจและเชื่อใจมากที่สุดแล้วล่ะ  หึๆ…]

ปลายสายแค่นหัวเราะก่อนจะกดตัดสายไป  โชเล่วางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมก่อนจะทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง  เตรียมที่จะเริ่มแผนการต่อไป

 

 

บับเบิ้ลบิววชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  และแล้วโชเล่ก็เป็นสายจริงๆซะด้วย!  แต่ดูท่าทางคนสั่งการก็จะฉลาดไม่เบา  สุดท้ายแล้วเกมนี้ใครจะเป็นผู้ชนะกันแน่  แล้วคนที่โชเล่จะต้องไปดึงเข้ามาเป็นพวกคือใครกันนะ?  หรือพวกเขาจะมีไพ่ตายอะไรอยู่ในมือ!!!  น้องไทม์จะให้สมองอัจฉริยะของตัวเองจัดการกับปัญหานี้ได้หรือไม่?  แต่ที่แน่ๆถ้ายังทำอะไรผลีผลามอีกคงโดนลงโทษจนครั่นเนื้อครั่นตัวไปทั้งคืนชัวร์ๆ  แค่นี้ก็สงสารน้องจะแย่แล้ววว  แต่คุณจักรวาลพอลงโทษน้องเสร็จก็รีบเข้าห้องน้ำเลยนะ  ไปทำอะไรกันหว่า  โฮะๆๆๆๆ

ตอนนี้เปิดพรีฯเรื่องนี้แล้วนะคะ  รายละเอียดอยู่ในลิงก์นี้เลยจ้า  https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScEYLhiSnY4Cmc5Jn13oevviMUkD1vnD11ZbkJeF6Vphg_SBA/viewform?usp=sf_link#response=ACYDBNiPlgZE7nWgf1s4ZHRktVrblJj5nEZlo-6_4zTZXgWFl_L_Xw3P04GCBkY   (https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScEYLhiSnY4Cmc5Jn13oevviMUkD1vnD11ZbkJeF6Vphg_SBA/viewform?usp=sf_link#response=ACYDBNiPlgZE7nWgf1s4ZHRktVrblJj5nEZlo-6_4zTZXgWFl_L_Xw3P04GCBkY)

ใครอยากได้อาวุธทำลายล้างต้องไม่พลาดเล่มนี้เพราะ…หนาปาหัวหมาตายมากค่ะ 555555+

ภายในเล่มนอกจากเนื้อหาหลักแล้วจะมีตอนพิเศษอีก 8 ตอน  แบ่งเป็น 2 Part คือช่วงที่น้องไทม์เรียนจบมัธยมปลายและขึ้นมหาวิทยาลัยเรียบร้อย  กับหลังจากเรียนจบแล้วโดยไม่คิดจะรับสืบทอดตำแหน่งทายาทเพราะต้องการจะเป็นหมอค่ะ  นอกจากนั้นก็จะมีตอนพิเศษของอวกาศและเฟี้ยวด้วยอีก 2 ตอน ( แต่เนื้อเรื่องส่วนใหญ่ของสองคนนี้จะอยู่ในเล่มมินิสเปฯ "จะรุกจนกว่าจะรัก" ของแถมสำหรับ 100 ท่านแรกที่โอนเงินจ้า )

      คำเตือน : หนังสือเล่มหนาปาหัวหมาตายอนาถมากค่ะ ????


       รายชื่อตอนพิเศษ

     - เมื่อผมต้องมีรักทางไกล 3 ตอนจบ (จักรวาลxไทม์)
     - เมื่อผมกลายเป็นหมอแต่สามีดันขี้หึง!  3 ตอนจบ  (จักรวาลxไทม์)
     - ทำไมผมต้องออกเดตกับมัน 2 ตอนจบ (อวกาศxเฟี้ยว เรื่องราวก่อนเฟี้ยวจะไปเรียนต่อ จุดเริ่มต้นของเล่มมินิสเปฯ)
     - ทิ้งท้ายฟินๆกับ "2ปีที่เฝ้ารอ" คืนวันเกิดอายุครบ 20 ปี ของน้องไทม์!

     
     พิเศษสำหรับนักอ่านที่สั่งซื้อเข้ามา  จะได้รับสิทธิ์ร่วมลุ้นหมอนไดคัทขนาด 24 นิ้ว  รูปจักรวาล  น้องไทม์ อวกาศ  และเฟี้ยว  ไปนอนกอดเลยจ้าาาา  ( มีลายละ 2 ใบ  สุ่มแจก  คนละ 1ใบ/1ลาย  จะมีผู้โชคดีได้ไปนอนฟัดเหวี่ยงให้หนำใจ 8 คน จ้า )

     สุ่มแจกเข็มกลัดลายหนุ่มๆอีก 30 รางวัล ด้วยนะคะ ( ทั้งสิ้น 30คน/1ชิ้น )


     และเผื่อนักอ่านจะกังวลว่าเปิดพรีฯแล้วจะอัพต่อจนจบมั้ย  ขอย้ำว่าอัพต่อจนจบนะคะ!  แต่จะอัพแค่เฉพาะเนื้อหาหลักเท่านั้น  ซึ่งไม่ต้องห่วงเลยว่าจะค้างคา  เนื้อหาหลักจะเฉลยปมครบถ้วนทุกอย่างจ้า  ยกเว้นตอนพิเศษที่ขอสงวนไว้ให้กับนักอ่านที่สั่งซื้อเข้ามาเท่านั้นจ้า


       รายละเอียดเพิ่มเติมอื่นๆอย่างหน้าปก  จะมาอัพเดตอีกครั้งหลังจากลงตอนสุดท้ายของเรื่องนี้เรียบร้อยนะคะ ^^

 
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่37 (08/09/60)#หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 08-09-2017 18:54:17
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่37 (08/09/60)#หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 08-09-2017 21:26:20
จะดึงใครเข้ามาเป็นพวก !!?
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่37 (08/09/60)#หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 08-09-2017 22:02:35
 o12 โชเล่เป็นสายหรอ กลับตัวกลับใจยังทันนะหลาน  :z6:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่37 (08/09/60)#หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 08-09-2017 22:47:23
o12 โชเล่เป็นสายหรอ กลับตัวกลับใจยังทันนะหลาน  :z6:

ก็คิดอยู่ โชเล่แปลกๆ
ที่พูดแบบรู้จัก จักรวาลกับอวกาศ
และดูมันไม่เข้าที จักรวาลน่าจะคิดไว้แล้วและ
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่37 (08/09/60)#หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 08-09-2017 22:58:14
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่38 (09/09/60)#หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 09-09-2017 08:40:00


ตอนที่ 38

เปิดใจคุยกัน

 

ก๊อกก๊อกก๊อก

ผมมาเคาะประตูห้องของคุณอวกาศแต่เช้า  หลังจากที่เมื่อคืนงอนคุณจักรวาลเลยนอนหันหลังให้เขาทั้งคืน  แม้ว่าเขาจะพยายามสะกิดเรียกผมทั้งคืนก็เถอะ  แต่เล่นมาทำให้อารมณ์ค้างแล้วหนีไปแบบนั้นใครมันจะไม่โกรธบ้างล่ะ!

กว่าจะเอาขันติเข้าลูบจนน้องชายยอมสงบลงได้ผมแทบขาดใจตายเลยนะบอกก่อน!

ก๊อกก๊อกก๊อก

“ครับๆ  มาแล้วครับบบ”

แอ๊ด…

“ฮ้าววว  ไทม์เองเหรอ  มีอะไรหรือเปล่า  มาเคาะแต่เช้าเลย”

คุณอวกาศในสภาพหัวกระเซอะเซิงปิดปากหาวพร้อมเอ่ยถาม  ผมชะเง้อมองไปข้างในก็เห็นไอ้เฟี้ยวนอนแหกแข้งแหกขาหมุนรอบทิศเป็นนาฬิกาอยู่บนเตียง

“หมอนั่นนอนดิ้นนะ  เลยเที่ยงคืนทีไรฉันก็ถีบลงมานอนข้างล่างทุกที”

“นะ…น่าสงสารจังนะครับ”

ดูจากท่านอนของไอ้เฟี้ยวแล้วพอจะเดาได้อยู่ว่าที่นอนของพี่ชายผมคนนี้จะต้องเป็นบนพื้นแน่ๆ  เสียงกรนของมันดังสนั่นประหนึ่งเสียงภูเขาไฟระเบิดมาก

คะ…คุณจักรวาลนอนหลับได้ยังไงวะเนี่ย  นับถือเลย!

“แล้วมีอะไรเหรอ  ปกติไม่เคยมาเคาะห้องแต่เช้าแบบนี้นี่”

“อ้อใช่  ผมมีเรื่องจะถามน่ะครับ”

“เรื่อง?”

“รหัสผ่านที่อาจารย์มารีอาเขียนไว้ในการ์ดอวยพรวันเกิดคุณอวกาศตอนนั้นน่ะ  ขอโทษนะครับ  หรือว่าวิธีไขรหัสในตอนนั้นจะเป็น…”

ซุบซิบๆๆๆๆๆๆ

ผมเขย่งเท้าขึ้นไปกระซิบถามที่ข้างหูของเขา  บอกถึงวิธีไขรหัสที่คิดว่าน่าจะเป็นไปได้มากที่สุดออกมาสองวิธี

“ใช่ๆๆ  ใช่เลย  วิธีที่สองนั่นแหละ  ฉันจำได้แล้ว”

“จริงเหรอครับ!”

“ว่าแต่  นายรู้ได้ยังไง”

“ก็ไอ้เฟี้ยวบอกว่าอาจารย์มารีอาชอบอะไรแนวๆนี้  แล้ววิธีพวกนี้ก็เป็นวิธีเบื้องต้นในการตั้งรหัสลับตามแบบนิยายนักสืบด้วย  อีกอย่างอาจารย์มารีอาต้องการให้พวกเราได้ SD การ์ดไป  ผมเลยคิดว่าเธอไม่น่าจะใช้วิธีการตั้งรหัสที่ซับซ้อนอะไรนักน่ะครับ”

“แล้วนายรู้เหรอว่ามาเรียต้องการสอนอะไรนายจากในจดหมายนั่น”

“ครับ  ผมรู้แล้ว!”

ผมยิ้มกว้าง  มั่นใจมากๆว่าจะต้องใช่สิ่งที่อาจารย์มารีอาอยากจะสอนผมแน่นอน  เพราะคนอย่างผม…ข้อเสียเพียงอย่างเดียวเมื่อก่อนนี้ก็มีแต่…

เรื่องนั้นเท่านั้น!!!

“ถ้างั้นรอเดี๋ยว  ฉันไปอาบน้ำก่อน  เราจะไปธนาคารแล้วเอา SD การ์ดออกมาด้วยกัน”

“ครับ”

หมับ…

“เก่งมากน้องชายของพี่”

มือหนากดลงบนหัวก่อนจะยีมันเบาๆ  รอยยิ้มอบอุ่นถูกส่งมาให้  คำพูดที่อ่อนโยนของเขาค่อยๆซึมซับลงในหัวใจ  ทลายกำแพงที่ปิดกั้นอยู่ไปทีละนิดๆ…

ผมเอง…หวังไว้เหมือนกันว่าสักวันจะเรียกคุณอวกาศว่า ‘พี่’ ได้เต็มปากเสียที

 

เป็นครั้งแรกที่ผมออกมาข้างนอกกับคุณอวกาศตามลำพังสองคน  ทิ้งให้ไอ้เฟี้ยวที่ยังหลับไม่ตื่นกับคุณจักรวาลที่สะกิดผมทั้งคืนและเพิ่งได้นอนในตอนเช้าให้อยู่เฝ้าบ้าน  อันที่จริงผมมีเรื่องอยากจะถามคุณอวกาศอีกเรื่องหนึ่งด้วยล่ะ  ก็เลยหาเรื่องออกมากับเขาแค่สองคนนั้น

“มองอะไร  หน้าฉันมีอะไรติดเหรอ”

คนรู้ตัวว่าถูกมองหันไปมาถามขณะที่รถจอดติดไฟแดงอยู่  ออร่าของเขาเปล่งปลั่งจนไม่สามารถมองด้วยตาเปล่าได้เลยจริงๆ  คนๆนี้น่ะ…

เป็นพี่ชายของผมจริงๆน่ะเหรอ  ทำไมฟีโรโมนของเรามันไม่เท่ากันเลยล่ะ!

“ผมมีเรื่องอยากจะถาม…ได้ไหมครับ”

“สำหรับน้องชายคนเดียวของพี่  ได้เสมอทุกเรื่องครับ”

“ผมอยากรู้ว่า…ว่า…”

“ว่า…?”

“คุณอวกาศชอบไอ้เฟี้ยวหรือเปล่าครับ!”

“…”

สิ้นคำถามที่ผมกลั้นใจถามออกไปจนได้  อีกฝ่ายก็แน่นิ่งไปเลย  เขามองผมแบบไม่ขยับแม้กระทั่งเปลือกตาอยู่เกือบสิบวินาที…

“คิดว่าไม่นะ”

“ฮะ?!!!”

ระ…รอลุ้นคำตอบอยู่ตั้งนาน  ทำไมตอบแบบตัดความหวังกันอย่างนี้ล่ะครับ!  อุตส่าห์คิดว่าจะมีคนดีๆเข้ามาดูแลไอ้เฟี้ยวแล้วเชียว  นี่ผมคาดการณ์ผิดไปงั้นเหรอ?

“ทำไมต้องทำเสียงตกใจด้วยล่ะ เฟี้ยวเป็นผู้ชายนะ  ฉันเองก็ผู้ชาย  จะไปคิดอะไรแบบนั้นได้ยังไง”

“ตะ…แต่คุณอวกาศทำท่าทางเหมือนชอบ…”

“ก็ชอบน่ะสิ”

“เอ้า!”

“แต่แบบน้องชายต่างหากล่ะ  เหมือนที่ชอบนายไง  ฉันกับเจ้านั่นรู้จักกันมาหลายปีนะ  ฉันเห็นเจ้านั่นมาตั้งแต่ยังแบเบาะด้วยซ้ำ  จะรักจะห่วงมันก็ไม่แปลกไม่ใช่เหรอ”

ก็จริงแฮะ

ผมยกมือขึ้นเกาหัวตัวเอง  เริ่มจะเอนเอียงไปทางเหตุผลของคนข้างๆ  ถึงอย่างนั้นก็ยังรู้สึกแปลกๆอยู่ดีเพราะบางอย่างในความคิดมันบอกว่าเขาต้องชอบไอ้เฟี้ยวเกินกว่าคำว่าพี่น้องแน่ๆ!

“ท่าทางนายจะสงสัยน่าดูเลยนะว่าฉันรู้สึกยังไง”

“งั้นผมข้อถามอีกสองข้อ  แค่สองข้อเท่านั้นครับ!”

“ฮะๆ  ได้ๆ  ถามกี่ข้อก็ได้จนกว่านายจะหายสงสัยนะ”

รถเริ่มเคลื่อนตัวเมื่อสัญญาณเปลี่ยนเป็นไฟเขียว  ไม่แน่ว่าบางทีคุณอวกาศอาจจะแค่ไม่รู้ตัวก็ได้ว่าชอบไอ้เฟี้ยวเกินกว่าพี่น้องไปแล้ว  ถ้าผมลองจี้จุดดูอาจจะทำให้เขารู้สึกตัวขึ้นมาบ้างก็ได้!

“ถ้า…ถ้าหากมีคนมาจีบไอ้เฟี้ยวล่ะครับ”

“หืม…แบบนั้นก็ดีสิ  หมอนั่นจะได้ขายออกสักที  มาเรียคงดีใจถ้าน้องชายจะมีแฟนแล้วเริ่มออกเดตแบบเด็กผู้ชายทั่วไป”

มะ…ไม่ไหว  คำถามนี้คงยังไม่จี้จุดพอ!  เอาใหม่ๆ  คิดหาคำถามที่มันจี้ใจแบบตรงประเด็นไปเลยดีกว่า!

“งั้น…ถ้าไอ้เฟี้ยวจะไปจากที่นี่ล่ะครับ!”

“…”

“ถ้าจะไม่ได้เจอกันอีก  ไม่ได้เกี่ยวข้องกันอีกต่อไป…ล่ะครับ?”

เอี๊ยด!!!

“เหวอออ!”

ร้องเสียงหลงพร้อมกับใช้สองมือยันที่ไปคอนโทรลด้านหน้ากันตัวเองหัวทิ่มไปกระแทกกระจกรถเข้า  คุณอวกาศที่จู่ๆก็เบรกรถกลางถนนจนเกิดเสียงบีบแตรดังลั่นถนนจากรถคันอื่นๆหันมามองหน้าผมด้วยสีหน้าหวาดหวั่น

อะ…ออกรถก่อนได้ไหม  เดี๋ยวคันหลังจะด่าพ่อเอานะ

“คะ…คุณอวกาศ  เป็นอะไรเหรอครับ”

ปี๊นๆๆๆ!

ตายๆๆๆ ตายแน่ๆ  คันหลังบีบแตรใหญ่แล้ว!!!

“เมื่อกี้…หัวใจมัน…เจ็บแปล๊บขึ้นมาล่ะ”

“ครับ?”

“พอคิดว่าถ้าเจ้านั่นหายไปจากสายตา  ถ้าจะไม่ได้เจอกันอีก  มันก็…เหมือนจะทนไม่ได้แฮะ  ทำไมกันนะ…”

ปี๊นๆๆๆๆๆๆ!

“ผมพอจะรู้นะครับว่ามันเป็นเพราะอะไร  แต่ตอนนี้คุณอวกาศช่วยขับรถต่อก่อนได้ไหมครับ  คันหลังเขาบีบแตรใหญ่แล้วนะ”

“ทำไมฉันถึงรู้สึกแบบนี้ได้ล่ะ ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เห็นจะเป็นเลย  อุตส่าห์คิดว่าถ้าเด็กคนนั้นได้เจอผู้หญิงที่ดีก็จะดีใจด้วยแท้ๆ  แต่กลับทนไม่ได้ถ้าจะไม่ได้อยู่ด้วยกันอีกซะงั้น  โอ๊ยยย!  ความคิดในหัวฉันมันตีกันยุ่งไปหมดเลย!  ฉันทางซ้ายบอกว่านายก็แค่เป็นห่วงในฐานะของพี่ชาย  แต่ฉันทางขวากลับบอกว่านายมีความรู้สึกพิเศษกว่านั้นเลยขาดเด็กคนนั้นไม่กว่า  แล้วฉันควรจะเชื่อตัวฉันทางซ้ายหรือทางขวาดีล่ะ  ว่าไงล่ะไทม์  ฉันควรเชื่อทางไหนดี”

ปี๊นๆๆๆๆๆ

คุณอวกาศหันมาเขย่าตัวผมจนอ้วกแทบพุ่งด้วยความเวียนหัว  ถ้ารู้ว่ายิงคำถามแบบนั้นไปแล้วเขาจะสติแตกขนาดนี้ผมจะไม่ถามเด็ดขาดเลย!

“ตั้งสติก่อนครับคุณอวกาศ!!!”

นะ…เหนื่อยชะมัด

 

Special  Talk :

ก๊อกก๊อกก๊อก

“งืมมม  แจ้บๆๆๆ”

ก๊อกก๊อกก๊อก!!!

“โว้ยยยย!  ใครกันวะ!  คนจะหลับจะนอนนะเฟ้ย!”

ผมตวาดกลับไปอย่างอารมณ์เสีย  เวลาโดนปลุกตอนนอนทีไรมักจะมีความดันต่ำกว่าชาวบ้านเขาจนหงุดหงิดทุกที 

ก๊อกก๊อกก๊อก!

ยัง…ยังไม่เลิกเคาะอีก!

“โธ่เว้ยยย!”

ลุกขึ้นไปกระชากประตูเปิดออกอย่างหมดความอดทน  อ้าปากเตรียมจะว้ากใส่คนมาเคาะทว่าพอคนมาเคาะคือไอ้จักรวาลผมก็สงบปากสงบคำทันที

“มีอะไรวะ”

“ไทม์อยู่หรือเปล่า”

“ไม่อยู่เว้ย  ฉันนอนอยู่คนเดียวจนกระทั่งแกมาเคาะประตูเหมือนคนบ้าเนี่ย”

ยีหัวตัวเองด้วยความหงุดหงิดขณะที่อีกฝ่ายชะเง้อมองเข้าไปข้างในเหมือนจะไม่เชื่อว่าไอ้ไทม์ไม่ได้อยู่ในห้องนี้

“นี่  ไอ้ไทม์ไม่ใช่หมากระเป๋านะจะได้ซ่อนเอาไว้ได้โดยที่แกไม่เห็น  บอกว่าไม่อยู่ก็ไม่อยู่สิฟะ”

“แล้วอวกาศล่ะ”

“จะว่าไปก็ไม่เห็นแฮะ  สงสัยตื่นก่อนฉันล่ะมั้ง”

“หรือจะไปด้วยกัน…”

ไอ้จักรวาลลูบคางสันนิษฐาน  สีหน้ามันดูกังวลมากๆ  ถ้าพวกมันไปด้วยกันจริงๆแล้วมันจะยังไงล่ะเฮ้ย  ยังไงแม่งก็พี่น้องกัน  จะห่วงอะไรนักหนา!

“ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม  จะนอนต่อ!”

“ไปกินข้าว”

“หา?”

“อาบน้ำแล้วลงไปกินข้าวเช้าได้แล้ว”

“ไม่  จะนอน!”

ปฏิเสธทันทีพร้อมกับปิดประตูกระแทกหน้า  แต่ยังไม่ทันจะปิดสนิท  ไอ้จักรวาลก็สอดมือเข้ามาแล้วดันประตูเปิดออกได้ทัน

อะ…ไอ้เชี่ย!  แรงควายชิบ!

“ฉันมีเรื่องจะคุยกับนาย  อาบน้ำแล้วลงไปเจอกันที่ห้องอาหาร”

“สามชั่วโมง”

“สิบนาที”

“ฮะ?!!!”

“ฉันให้เวลานายสิบนาที  เร็วๆเข้าล่ะ”

แล้วก็ปิดประตูให้เสร็จสรรพ

ผมยกเท้าเตะอัดเข้ากำแพงเพื่อระบายอารมณ์  ไอ้นิสัยเผด็จการด้วยหน้านิ่งๆนั่นโคตรหมั่นไส้เลย!

พอไอ้ไทม์ไม่อยู่ใกล้ๆก็อารมณ์เสียง่ายจนพาลใส่คนอื่นเขาหมดเลยสินะ  ไอ้พวกติดแฟนเอ๊ย!!!

 

สิบนาทีผ่านไป  ผมลงมานั่งจ๋องตรงข้ามกับไอ้จักรวาลที่ห้องอาหารเรียบร้อย  แม่บ้านต่างพากกันยกข้าวเช้ามาเสิร์ฟให้ก่อนจะพากันออกไป  บรรยากาศน่าอึดอัดชวนให้สะอิดสะเอียนพวกนี้มันคืออะไรกัน  ไอ้ไทม์ทนอยู่กับคนที่มีออร่าชวนสยดสยองตลอดเวลาแบบไอ้จักรวาลได้ยังไงกันวะ!

“แล้วไง  มีเรื่องอะไรจะคุย”

“ได้ยินมาว่านายสารภาพรักกับหมาน้อยของฉัน”

อึก!

ไม่น่าถามมันเลย  ตรงเข้าประเด็นอัดเข้าลิ้นปี่กูเสียจุก  ใครจะไปคิดว่ามันจะคุยกับผมเรื่องนี้ล่ะ  ที่สำคัญคือแม่งรู้ได้ยังไง!

“ใครบอกแก”

“อวกาศ”

ไอ้เวรนั่น!  กลับมามึงตายคาตีนกูแน่!

ผมผ่อนลมหายใจออกมา  วางช้อนข้าวลงในจานเพราะหมดอารมณ์จะกินต่อ  ท้าวแขนข้างหนึ่งลงกับโต๊ะแทน  ยังไงก็จะคุยเรื่องนี้ให้ได้ใช่ไหม  จ้องกันไม่วางตาเลย!

“อือ  ฉันบอกชอบไอ้ไทม์ไป  แล้วจะทำไม”

“หมาน้อยเป็นของฉัน”

ย้ำเข้าไป!  เรื่องนั้นไม่ต้องบอกก็รู้อยู่แล้วล่ะโว้ยยย  พวกมึงเล่นหวานแหววกันซะขนาดนั้น  คนตาบอดมันยังสัมผัสได้เลยว่าเป็นอะไรกัน!  แล้วตาดีๆเห็นเต็มสองลูกตาอยากกูจะดูไม่ออกได้ไง!

“แกอยากจะพูดอะไรกันแน่  ถ้าจะมาแสดงความเป็นเจ้าของไอ้ไทม์ล่ะก็ไม่ต้อง  ฉันรู้ดีว่าความเป็นไปได้มันมีมากแค่ไหน”

“ฉันไม่ยกให้หรอกนะ  ต่อให้เป็นนายก็ตาม”

“จะเยาะเย้ยกันหรือไง  หรือจะประกาศสงคราม!”

ผมเริ่มขึ้นเสียงอย่างเหลืออด  แค่อกหักกูก็เต็มกลืนแล้วเหอะ  ยังต้องมาเจอไอ้เวรนี่ไล่บี้ด้วยคำพูดพวกนี้อีก  หงุดหงิดโว้ยยย!

“เปล่า  ฉันแค่มีข้อเสนอ”

“ข้อเสนอ?”

“ถึงฉันจะไม่ยกหมาน้อยให้นาย  แต่เพราะเป็นนายอีกนั่นแหละ  ฉันถึงเลิกกังวลไม่ได้สักที”

“ขะ…ขออีกรอบได้ไหม  ไม่ค่อยเข้าใจว่าแกหมายถึงอะไร”

คุยกับไอ้คนบ้านนี้ทีไรกูล่ะปวดหมองทุกที!  ขนาดมันไม่ได้ใช้โค้ดลับมาคุยนะ  ยังรู้สึกเหนื่อยที่ต้องคอยแปลไทยเป็นไทยเลย

“ถ้าจะให้พูดตรงๆเลยก็คือ  ฉันจะยกอวกาศให้นาย  เพราะงั้นตัดใจจากหมาน้อยซะ”

“ฮะ?!  อะไรนะ!”

ขออีกทีซิ   เผื่อหูกูจะฟังผิดไป…

“เอาอวกาศไป  แล้วตัดใจจากหมาน้อยซะ”

“กะ…กะ…แกจะบ้าเรอะ!  ฉันกับไอ้อวกาศเนี่ยนะ  เอาสมองหรือรังไข่คิดกันแน่!  นึกภาพฉันกับมันอี๋อ๋อกันเหมือนที่แกกับไอ้ไทม์ทำแล้วไม่สยองบ้างหรือไงฟะ!”

ทันทีที่ผมพูดจบ  ไอ้จักรวาลก็นิ่งไปเหมือนกำลังนิ่งอะไรบางอย่างก่อนจะยกมือขึ้นปิดปากตัวเองแล้วหันหน้าหนีไปอีกทางทันที

“ขนลุกสินะ”

“อะ…อืม  สุดๆเลย”

มันตอบกลับด้วยสีหน้าพะอืดพะอม  ทุกวันนี้ขนาดอยู่ด้วยกันแทบจะทั้งวันยังเกือบจะฆ่ากันตายวันละหลายๆรอบเลย  เอาอะไรคิดที่จะให้ผมกับมันเป็นมากกว่านั้น…

ส่งให้มาฆ่ากันชัดๆเลย!

“ฉันขอปฏิเสธเรื่องไอ้อวกาศ  ส่วนเรื่องไอ้ไทม์…ถ้าคำตอบของมันคือไม่  ฉันจะตัดใจเอง  แกไม่ต้องมาเสือก”

“หมาน้อยยังไม่ได้ให้คำตอบเหรอ?”

“อือ  ฉันขอไว้เองล่ะ  ว่าอยากให้มันไปคิดทบทวนดูสักหน่อย”

“…”

“ไงล่ะ  กังวลล่ะสิ  ฮ่าๆๆ”

ผมหัวเราะอย่างสะใจที่ได้เห็นสีหน้ากังวลของอีกฝ่ายเป็นครั้งแรก

“ใช่  ฉันกังวล”

“…”

“เพราะนายคือเพื่อนคนแรกของไทม์  เด็กคนนั้นต้องไม่อยากทำให้นายเสียใจแน่ๆ  พอเป็นแบบนี้แล้วฉันก็กังวลจริงๆนั่นแหละ  สำหรับไทม์…นายสำคัญไม่น้อยไปกว่าใครเลย”

อะ…ไรของมัน  จู่ๆมาพูดแบบนี้  แล้วผมควรตอบว่ายังไงดีล่ะ  ทั้งที่อยากจะแย่งไอ้ไทม์มาแท้ๆเลยนะ  แต่เพราะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าคนตรงหน้าเป็นผู้ชายที่ดีเยี่ยมแค่ไหน  มันทำให้ผมไม่อยากจะดึงคนที่ตัวเองรักลงมาจากฟ้าเลย

ถึงไม่ได้มาครอบครอง  แต่ถ้าได้เห็นมันยิ้มแย้มอยู่บนฟ้าตลอดไปก็คงจะดี

“ถ้าแกรู้จักไอ้ไทม์ดีขนาดนั้น  งั้นแกก็น่าจะรู้นะ  ว่ามันไม่มีทางหันมามองฉันแน่นอน  ยังไงซะ  คนที่ไอ้ไทม์รักและต้องการจริงๆก็มีแค่แก  ถ้ารู้อยู่แล้วก็อย่ากังวลอะไรที่มันไม่จำเป็นแบบนี้เลย  หัวเสียเปล่าๆ”

“ขอพูดอีกครั้งนะ  ถึงฉันจะขนลุกเวลาจินตนาการภาพนายกับอวกาศกำลังอี๋อ๋อกันแบบคนรัก  แต่ว่า…”

“…”

“ฉันคิดว่าพวกนายเหมาะสมกันจริงๆ”

“…”

“อวกาศสามารถปราบพยศของนายได้  และหมอนั่นก็สามารถปกป้องนายได้ดีกว่าใครเหมือนกัน  พอๆกับนายที่เป็นเพียงคนเดียวที่หมอนั่นเชื่อฟังและยอมหยุดเวลาบ้าเลือดขึ้นมา  ปกติอวกาศไม่ยอมให้ใครทำร้ายได้แม้แต่ปลายผมหรอกนะ  แต่กับนาย…ไม่ใช่แค่ยอมเท่านั้น  อวกาศแทบจะไม่กล้าหือเวลาที่นายเอาจริง  ฉันคิดว่าไม่มากก็น้อยที่หมอนั่นกำลังสนใจนายอยู่”

“อย่าพูดอะไรชวนอ้วกตอนกินข้าวได้ไหม”

ยังไงผมก็ไม่มีทางยอมรับเด็ดขาด  กับไอ้อวกาศเนี่ยนะ…

มองไม่เห็นอนาคตอันสดใสเลยแม้แต่นิดเดียว

 

โป๊ก!

‘โอ๊ย!  ไอ้ผู้ใหญ่รังแกเด็ก  ฉันจะไปฟ้องแม่  คอยดูนะ!’

เด็กเกเรคนหนึ่งที่กำลังแกล้งเฟี้ยวอยู่แต่อวกาศมาเห็นเข้าพอดีเลยจัดการดีดหน้าผากเป็นการสั่งสอนไปชี้หน้าเขาทั้งน้ำตา  ตรงที่ถูกดีดมีรอยแดงเป็นจ้ำ

‘ไปเลยนะ  ไอ้ฟ้องเลย  แล้วจำไว้ว่าอย่ามารังแกน้องฉันอีก  ถ้าครั้งหน้าฉันเห็นนายกับเพื่อนๆของนายรังแกน้องฉันล่ะก็  พ่อจะเอาหนังยางมาดีดจุ๊ดจู๋ให้บวมเป็นไข่ช้างเลย!’

อวกาศในวัยสิบห้าขู่เด็กพร้อมกับทำท่าดีดหนังยางใส่จนเด็กเกเรทั้งหลายวิ่งหนีไปคนละทาง  เฟี้ยวในวัยเจ็ดขวบที่ถูกผลักจนล้มหัวเข่าถลอกนั่งร้องไห้อยู่บนพื้น  เด็กหนุ่มเดินเข้าไปนั่งยองๆลงตรงหน้าก่อนจะอุ้มเฟี้ยวขึ้นมานั่งบนตักโดยที่ตัวเขานั่งชันเข่าเอาไว้

‘เจ็บล่ะสิ’

‘ครับ  เลือดออกด้วย’

เด็กน้อยเบะปาก  ชี้ไปที่แผลซึ่งมีเลือดซิบออกมาอย่างเจ็บปวด  อวกาศเห็นอย่างนั้นก็อดยิ้มเอ็นดูไม่ได้  เขาก้มลงเป่าเพี้ยงลงที่แผลของเฟี้ยวเหมือนที่จักรวาลชอบทำให้เขาสมัยเป็นเด็ก

‘โอมเพี้ยง! ความเจ็บปวดจงมาอยู่ในร่างกายของพี่แทนเดี๋ยวนี้’

‘ถะ…ถ้าแบบนั้นพี่อวกาศก็เจ็บแทนเฟี้ยวล่ะสิ’

‘ไม่เห็นเป็นไรเลย  แค่เฟี้ยวของพี่ไม่เจ็บก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ’

เขายีหัวเด็กน้อยก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้  เมื่อปลายจมูกชนกัน  อวกาศก็จัดสั่นหน้าไปมา  หยอกล้อเฟี้ยวด้วยจมูกของตัวเองจนเด็กน้อยเริ่มยิ้มออก

‘เฟี้ยวรักพี่อวกาศที่สุดเลย’

‘โอ๊ะ!  นายกำลังรัดคอฉันนะ’

อวกาศหัวเราะลั่นเมื่อถูกกอดแต่กลายเป็นรัดคอจนหายใจไม่ออกแทน  เขาลุกขึ้นยืนพร้อมกับอุ้มเด็กน้อยเอาไว้ในอ้อมแขนด้วย  ใบหน้าเล็กๆเอนซบลงบนบ่าแกร่ง

‘เฟี้ยวจะเข้มแข็งแบบพี่อวกาศกับพี่จักรวาลให้ได้เลยครับ  จะได้ปกป้องพี่สาวได้’

‘ดีมาก!  ถ้าเป็นนายต้องทำได้แน่นอน  หรือถึงแม้สุดท้ายนายจะไม่สามารถแข็งแกร่งขึ้นได้  พี่ก็จะคอยปกป้องนายเอง  ปกป้องตลอดไปเลย’

‘แต่พี่สาวกับพี่จักรวาลเคยบอกว่า…ก่อนหน้านั้นพี่อวกาศต้องแก้ศูนย์ให้หมดทุกตัวก่อนนะครับ  ถึงจะปกป้องคนอื่นได้’

‘อะไรนะ!  นี่สองคนนั้นเอาเรื่องน่าอายแบบนั้นมาเล่าให้นายฟังด้วยเหรอ  คอยดูเถอะ  กลับไปล่ะน่าดู!’

 

ปกป้อง…งั้นเหรอ…

จู่ๆเรื่องในวัยเด็กก็แวบเข้ามาในหัว  ให้ตายสิ  ยุ่งยากชะมัดเลยเจ้าบ้านั่น!

 



 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า   เป็นการเปิดใจคุณกันครั้งแรกถึงความรู้สึกที่อวกาศและเฟี้ยวมีให้กัน  แม้ว่าแต่ละหนุ่มดูท่าทางแล้วจะยังไม่รู้ใจตัวเอง  แต่การถูกถามแบบนี้ก็คงสะกิดความรู้สึกลึกๆในใจได้ไม่มากก็น้อย  คู่นี้ยังคงต้องลุ้นกันไปยาวๆ ( แต่ถ้าอยากรู้บทสรุปจริงๆต้องไม่พลาดเล่มมินิสเปฯ “จะรุกจนกกว่าจะรัก” ที่มีแค่ 100 เล่มเท่านั้นนะคะ!/เรื่องเนียนขายของนี่ขอให้บอก 5555 )

ในที่สุดตอนหน้า น้องไทม์ก็จะได้ SD การ์ดเจ้าปัญหามาครอบครองแล้ว  เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไปต้องติดตามน้า  อีกอึดใจเดียวก็จะจบแล้วจริงๆ  รู้สึกใจหายหน่อยๆแฮะ  T__T

เรื่องนี้เปิดพรีแล้วนะคะ  รายละเอียด https://writer.dek-d.com/Bb9-/writer/viewlongc.php?id=1681164&chapter=38 (https://writer.dek-d.com/Bb9-/writer/viewlongc.php?id=1681164&chapter=38)  มีของรางวัลให้ร่วมลุ้นร่วมสนุกด้วยน้า  ตอนพิเศษสุดฟินอัดแน่นเต็มเล่มแน่นวลลลลล!

หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่38 (09/09/60)#หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 09-09-2017 09:27:58
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่39 (09/09/60)#หน้า11(วันนี้อัพ2ตอน38-39จ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 09-09-2017 14:07:12


ตอนที่ 39

ติดกับ…!

 

“นี่ครับ  กุญแจสำหรับเปิดตู้นิรภัย”

นายธนาคารประจำตู้นิรภัยส่งมอบกุญแจสำหรับเปิดตู้ให้ผมหลังจากเดินพาผมกับคุณอวกาศมาจนถึงตู้นิรภัยที่อยู่ด้านในสุด  เขาเดินกลับออกไปรอตรงประตูเพื่อให้ผมได้เปิดตู้นำของข้างในออกมา

“พร้อมนะครับ”

คุณอวกาศพยักหน้ารับ  ผมเสียบกุญแจเข้าไปในรูก่อนจะหมุนจนมีเสียงดังกริ๊กออกมา  ทว่ายังไม่สามารถเปิดได้จนกว่าจะใส่รหัสผ่าน

“แน่ใจใช่ไหมว่ารหัสผ่านจะถูกต้อง  ตู้พวกนี้สามารถใส่รหัสได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้นนะ  ถ้าใส่ผิด  มันจะล็อกอัตโนมัติ   และเราจะไม่มีทางเอาของข้างในออกมาได้อีกเลย”

“ผมแน่ใจครับ”

ส่งยิ้มให้กับพี่ชายขี้กังวลก่อนจะเลื่อนนิ้วไปยังปุ่มกดรหัสแล้วจัดการกดรหัสที่ได้มาทั้งลงไป

 

2  9  9  4  1  1  1  8

 

กริ๊ก!

ร่างสูงยิ้มกว้างอย่างดีใจเมื่อประตูของตู้นิรภัยเด้งออกมา  ผมรีบเปิดมันออกแล้วหยิบของที่ใส่ไว้ข้างในมาตรวจเช็ค

ซองเอกสารสีน้ำตาลถูกใส่เอาไว้  พอเปิดดูก็พบว่ามีจดหมายอยู่สองฉบับหนึ่ง  ฉบับหนึ่งจ่าหน้าซองถึงผม  ส่วนอีกฉบับ…

“คุณอวกาศครับ…”

ผมยื่นซองจดหมายอีกฉบับให้เขาดู  พอเห็นชื่อที่จ่าอยู่หน้าซองแล้วเขาก็ยิ้มอ่อนๆออกมา

“ถ้ามีโอกาสค่อยให้แล้วกันนะ”

จดหมายอีกฉบับที่อาจารย์มารีอาเขียนใส่เอาไว้…จ่าหน้าซองถึงคุณกวินทร์

ผมเก็บมันลงในซองสีน้ำตาลตามเดิม  แหวกซองเอกสารดูว่ามีอะไรอยู่อีก  ห่อพลาสติกอันเล็กๆถูกใส่เอาไว้ด้วย  และแน่นอน…ข้างในของมันคือ SD การ์ดเจ้าปัญหา!

“ในที่สุดก็ได้มาสักที”

คุณอวกาศเอาไปถือไว้  สีหน้าของเขาดูโล่งอกและสบายใจมากเมื่อรู้ว่าทุกอย่างใกล้จะจบลงแล้ว  ผมเองก็เหมือนกัน  ถ้าสามารถหยุดเรื่องเลวร้ายพวกนี้ได้โดยไม่มีใครต้องตายอีกคงจะดีไม่น้อย

อีกอย่างผมเอง…อยากจะช่วยพังทลายกำแพงใหญ่ในใจของคุณจักรวาล  กำแพงที่ถูกสร้างขึ้นมาเพราะ…คุณกวินทร์

 

“ว่าแต่  รหัสที่นายใส่ลงไปคืออะไรเหรอ”

คุณอวกาศถามขึ้นขณะที่กำลังขับรถตรงกลับไปบ้านกัน  ผมยิ้มพิมพ์หากแต่ไมได้ตอบคำถามนั้นเพราะกำลังแกะจดหมายที่อาจารย์มารีอาเขียนถึงผมออกอ่านดู

 

‘ถึงกาลเวลา

ถ้าเธอได้อ่านจดหมายฉบับนี้  แสดงว่าเธอสามารถหารหัสผ่านได้แล้ว  และคงรู้สินะว่าครูตั้งใจจะสอนอะไรให้กับเธอ  ยังมีอีกหลายเรื่องที่ครูยังไม่ได้อธิบายให้เธอฟัง  เพราะคิดว่าเธอสมควรจะได้รู้ต่อเมื่อมันถึงเวลาเท่านั้น  และตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้ว  ถ้าเธอพาตัวเองและคนอื่นๆมาจนถึงที่ซ่อนของ SD การ์ดได้  แสดงว่าความลับเรื่องสายเลือดที่แท้จริงของเธอคงถูกเปิดเผยเรียบร้อย  ครูดีใจด้วยนะ  ในที่สุดเธอก็ได้เจอครอบครัวจริงๆสักที

เธอคงสงสัยมาตลอดว่าอะไรคือความผิดที่ครูได้ทำลงไปจนถึงขั้นไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้  ในจดหมายฉบับที่แล้ว  ครูบอกไว้แล้วใช่ไหมว่าหลังจากอกหักจากจักรวาลก็ได้กวินทร์เข้ามาปลอบใจ  ความอ่อนโยนใจดีจากก้นบึ้งในหัวใจของเขาทำให้ครูตกหลุมรักในที่สุด  แม้ว่าเบื้องหน้าเขาจะสวมหน้ากากที่ร้ายกาจแค่ไหนก็ตาม  แต่ครูรู้ดีว่าเขาไม่ใช่คนใจร้าย  ไม่สิ  ต้องบอกว่าเขาไม่ได้อยากใจร้ายถึงจะถูก  กวินทร์หลอกใช้ความเชื่อใจของครูให้คอยรายงานความเคลื่อนไหวต่างๆภายในบ้านอสังหา  โดยทำให้ครูคิดว่าเขาต้องการคิดหาวิธีที่จะทำให้ทั้งสองบ้านคืนดีกัน  ครูทำตามที่เขาบอกทุกอย่าง  คอยรายงานเรื่องต่างๆภายในบ้านเท่าที่ครูจะสืบรู้มาได้  รวมถึง…เรื่องของเธอ

การมีอยู่ของทายาทอีกคนถือเป็นความลับที่ถูกปกปิดมาตลอดสิบแปดปีเพื่อความปลอดภัยของเธอเอง  แต่ครูกลับบอกเรื่องให้กวินทร์รู้  ทำให้ตัวตนของทายาทอีกคนถูกเปิดเผย  แม้จะยังไม่รู้ว่าทายาทอีกคนคือใคร  แต่การที่ได้รู้ว่าอสังหายังมีทายาทคนอื่นนอกเหนือจากอวกาศมันก็เพียงพอแล้วที่จะตามหาว่าทายาทอีกคนคือใครและอยู่ที่ไหน  ตอนแรกครูรู้จักเธอในฐานะนักเรียนทุนและนักเรียนในชั้นของครูเท่านั้น  สนใจเธอก็เพราะเธอเข้ากับเพื่อนคนไหนไม่ได้เลย  ครูไม่เคยรู้ว่าทายาทอีกคนที่จักรวาลและกวินทร์ตามหากันจนแทบจะพลิกแผ่นดินอยู่ใกล้แค่เอื้อม  จนเมื่อจักรวาลบุกมาที่โรงเรียนเพื่อรับตัวเธอในวันนั้น   ทำให้ครูรู้ได้ในทันทีว่าทายาทอีกคนจะต้องเป็นเธออย่างแน่นอน

คืนนั้นครูตั้งใจจะไปบอกกับกวินทร์เรื่องของเธอ  เพราะอยากให้เขาไปบอกจักรวาลว่าเธออาจจะเป็นทายาทอีกคนก็ได้  คิดว่าถ้าได้รับการช่วยเหลือจากกวินทร์แล้ว  ความบาดหมางที่เคยมีระหว่างสองครอบครัวจะหมดไป  แต่ว่า…มันกลับไม่เป็นแบบนั้น  ครูไปหากวินทร์โดยที่เขาไม่รู้ว่าครูจะไป  เลยได้ยินเขาสั่งลูกน้อยให้ควานหาตัวทายาทอีกคนต่อไป  ถ้าเจอแล้วให้ฆ่าทิ้งได้ในทันที  สิ่งที่ได้ยินทำให้ครูสับสนมาก  แต่ก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ต่อไปเพราะครูอยากรู้ว่าจริงๆแล้วเขากับพ่อต้องการจะทำอะไรกันแน่  และในที่สุดครูก็ได้รู้  พวกเขาไม่ได้ต้องบการคืนดีกับอสังหา  แต่พวกเขาต้องการทำลายและแย่งชิงทุกสิ่งไปเป็นของตัวเอง  ครูเสียใจและรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุทำให้ทายาทอีกคนต้องตกอยู่ในอันตราย  หนำซ้ำทายาทคนนั้นยังเป็นนักเรียนของครู  เป็นน้องชายแท้ๆของอวกาศ  ความผิดที่ได้ทำลงไปสร้างความเดือดร้อนและอันตรายให้กับเธอมาก  ครูต้องขอโทษด้วยจริงๆ

ครูหวังว่าเรื่องราวทุกอย่างจะจบลงด้วยดี  ถ้าเป็นเธอในตอนนี้  เธอที่สามารถรู้ได้ถึงสิ่งที่ครูต้องการจะสอน  จะต้องทำได้อย่างแน่นอน  เพราะเธอไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป  เลิกสงสัยและกังวลว่าเธอมาทำอะไรที่นี่  ทำไมต้องมาอยู่ในจุดๆนี้ด้วย  ครูเชื่อว่าทั้งหมดคือโชคชะตา  จักรวาล  อวกาศ  กวินทร์  รวมถึงเฟี้ยว  พวกเขาล้วนมีบาดแผลในจิตใจ  การมาของเธออาจจะมาเพื่อช่วยลบล้างบาดแผลเหล่านั้นก็ได้  เพื่อหยุดความแค้นที่ยืดเยื้อมาหลายสิบปี  บางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอต้องเข้ามาพัวพันกับพวกเขาทุกคน  ว่าไหมล่ะ?

สุดท้าย…จดหมายอีกฉบับที่ครูเขียนให้กับกวินทร์  ครูแค่เขียนเผื่อขึ้นมาว่าทุกสิ่งไม่ได้เป็นไปอย่างที่ครูหวัง  ถ้าหาก…ครูไม่ได้อยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว  ฝากเธอเอาจดหมายฉบับนั้นไปให้กับเขาหน่อยนะ  และขอร้องล่ะ  ช่วยปลดปล่อยเขาออกมาจากพ่อของเขาที  ครูไม่อยากให้กวินทร์ต้องกลายเป็นหุ่นเชิดลงมือทำความชั่วทุกอย่างแทนพ่อของเขาอีกแล้ว  ถือว่าครูขอร้อง  ช่วยคนที่ครูรักด้วยนะ  กาลเวลา.’

 

ผมพับจดหมายเก็บลงกระเป๋าทันทีเมื่ออ่านจบ  ดูเหมือนจะมีภารกิจอันใหญ่หลวงและหนักอึ้งรออยู่  กลายเป็นคนแบกโลกทั้งใบไปแล้วสิเรา  เฮ้อ!

ที่เคยถามตัวเองมาตลอดว่าทำไมชีวิตผมต้องกลายมาเป็นแบบนี้  หลังจากอ่านจดหมายของอาจารย์มารีจบผมคิดว่าผมพอจะรู้คำตอบแล้วนะ  ไม่ใช่แค่มาสานต่อสิ่งที่อาจารย์มารีอาเคยทำตลอดมาเท่านั้น  แต่ผมยังต้องมาเพื่อปลดปล่อยพวกเขาจากอะไรก็ตามที่พันธนาการพวกเขาเอาไว้ให้ไม่ได้มีความสุข

นี่ก็เป็นหน้าที่ของนักเรียนทุนหรือไงฟะ!

แต่พอมาคิดๆดูแล้ว  ระหว่างพวกเขาสี่คนกับผม…  เหมือนว่าจะมีผมแค่คนเดียวนะที่ไม่ได้มีปมดราม่าอะไรในชีวิตเลยนอกจากความยากจนที่เจอมาตลอดชีวิต  รวมถึงเรื่องสายเลือดที่แท้จริงอะไรนั่น  มันเป็นแค่ความจริงที่ถูกปิดบังเอาไว้เพื่อรอวันเปิดเผย  ไม่ใช่อดีตแสนเศร้าอะไรสำหรับผมเลย  อาจเพราะผมเกิดทีหลังสุด  ไม่เคยได้รับรู้เรื่องราวอะไรมาก่อนเหมือนพวกเขาที่ผ่านมันมาด้วยความเจ็บปวด

เพราะงั้นพระเจ้าเลยโยนหน้าที่ปลดปล่อยพวกเขามาให้ผมสินะ!

แบบนี้มันโยนขี้ให้กันเห็นๆเลย  เฮ้อออออออออออออออออออ!

“แล้วตกลงฉันจะได้รู้ไหมเนี่ยว่ารหัสผ่านมันคืออะไร”

“เอาไว้ให้คุณอวกาศเป็นแฟนกับไอ้เฟี้ยวก่อนแล้วกันนะครับ  ผมถึงจะบอก”

“เฮ้ๆ  แบบนั้นฉันก็ไม่มีทางได้รู้ไปตลอดชีวิตน่ะสิ  นายคิดว่าการจีบหมอนั่นมันง่ายนักหรือไง  เจอหน้ากันทีแทบจะกระโดดกัดหูฉันอยู่แล้ว  ลืมเรื่องนี้ไปได้เลย”

คุณอวกาศส่ายหน้าปฏิเสธท่าเดียว  ทั้งที่อยู่ไม่ได้แน่ๆหากไม่มีมัน  แต่ก็ยังจะปากแข็งอีกนะคนเรา

“อย่าลืมสิครับว่าอะไรคือสิ่งที่ไอ้เฟี้ยวมันฝังลงไทม์แคปซูล”

“ไทม์แคปซูลเหรอ?”

อีกฝ่ายขมวดคิ้วเล็กน้อยเพื่อใช้ความคิด  ก่อนจะอ้าปากหวอเมื่อถึงบางอ้อ

“รูปฉัน!”

“ใช่  ผมคิดว่าถึงไอ้เฟี้ยวมันจะจำไม่ได้ว่าตอนเด็กๆมันคิดอะไรอยู่  แต่การที่มันฝังรูปคุณอวกาศเอาไว้ก็แปลได้อย่างเดียวว่า…”

“…”

“มันต้องชอบคุณมากๆ!  เลยหวังว่าถ้าฝังรูปคุณลงไปแล้วจะมีคุณงอกออกมาจากพื้นไงครับ”

“เจ้านั่นจะคิดอะไรน่ารักขนาดนี้ได้เลยเหรอ”

“ความคิดของเด็กมันก็ใสซื่อและตรงไปตรงมาแบบนี้แหละ”

ผมเสี้ยมต่อ  ลอบมองปฏิกิริยาของคุณอวกาศไปด้วยว่าเป็นยังไง  ผลปรากฏว่าเขายกมือขึ้นมาเกาจมูกตัวเองเบาๆพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่  ทั้งแก้มทั้งหูแดงเถือกเหมือนไปอาบเลือดมา

นะ…นี่คิดไปถึงขั้นไหนแล้วล่ะเนี่ย

“เอาเป็นว่า…จะลองดูสักตั้งแล้วกันนะ”

เยส!

ผมแอบหันไปยิ้มคนเดียวอย่างดีใจที่ทุกอย่างสำเร็จตามต้องการ  บนโลกนี้ไม่มีใครเหมาะสมกับเพื่อนของผมเท่าพี่ชายของผมอีกแล้ว  ไม่แน่ว่าบางทีที่ไอ้เฟี้ยวมันมาตกหลุมรักผมได้  คงเพราะผมเป็นน้องชายของคุณอวกาศ  บางอย่างในตัวผมอาจจะเหมือนกับเขาทำให้มันคิดว่ามันชอบผม  ทั้งที่จริงแล้ว  คนที่มันชอบจริงๆคือคุณอวกาศต่างหาก  เพราะไม่ว่าจะตีลังกาคิดยังไงผมก็คิดไม่ออกจริงๆว่าไอ้เฟี้ยวมันเอาเวลาไหนไปชอบผม  ที่ผ่านมานอกจากรังแกกันก็เพิ่งมาญาติดีกันไม่กี่เดือนเอง  แถมช่วงที่ญาติดีก็เป็นช่วงพีคสุดของชีวิต  มีแต่เรื่องเต็มไปหมด  ยังไงๆวันเวลาแค่นั้นก็ไม่มีทางทำให้มันตกหลุมรักผมได้แน่นอน!

ถ้าไอ้บ้านั่นรู้ตัวเร็วๆก็คงจะดีล่ะนะ

 

ตึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

เจ้าของฝีเท้าเร่งจังหวะการเดินให้เร็วขึ้นจนแทบจะกลายเป็นการวิ่งอยู่แล้ว  ผมที่ขาสั้นเพราะส่วนสูงน้อยกว่าแทบจะกระโดดเป็นจิงโจ้เพื่อจะเดินตามเขาให้ทันเลยทีเดียว

ทันทีที่กลับมาถึงบ้าน  คุณอวกาศก็จ้ำอ้าวเดินตรงไปที่ห้องรับแขกตามคำบอกเล่าของแม่บ้านว่าไอ้เฟี้ยวและคุณจักรวาลนั่งคุยกันอยู่ในห้องนั้น  พอตัดสินใจว่าจะลองจีบอย่างจริงจังดูสักตั้ง  อีกฝ่ายก็ดูจะมีไฟและแรงฮึกเหิมขึ้นมามากกว่าปกติจนอดหวั่นใจไม่ได้ว่าไอ้เฟี้ยวมันจะเล่นด้วยหรือเปล่า

“เฟี้ยว!”

พูดไม่ทันขาดคำ  พอวิ่งมาจนถึงห้องรับแขกคุณอวกาศก็ตะโกนเรียกชื่อคนที่อยากพบด้วยเสียงอันดังลั่น  ไอ้เฟี้ยวที่กำลังดูรายการตลกพลางหัวเราะร่าหันกลับมามองอย่างงงๆ

หมับ!

“เฮ้ย!  อะไรของมึงเนี่ย  ปล่อยนะเว้ย!”

เพื่อนรักสะบัดตัวให้หลุดจากการเกาะกุมของคนหัวขาวยกใหญ่  ทว่าคุณอวกาศก็กอดมันแน่นไม่ยอมปล่อย  เขาก้าวขาข้ามพนักพิงของโซฟาไปนั่งเบียดกับไอ้เฟี้ยวก่อนจะใช้มือจับเข้าที่หน้าของอีกฝ่ายให้หันกลับมาทางตัวเอง

“ฉันชอบนาย”

“ฮะ!!!”

คนถูกสารภาพตรงๆระเบิดเสียงตกใจออกมาดังลั่น  คุณจักรวาลที่กำลังนั่งอ่านเอกสารอะไรอย่างเงยหน้ามองผมพลางส่งคำถามผ่านทางสายตาทำนองว่า ‘เกิดเรื่องอะไรขึ้น’

“เป็นแฟนกันเถอะ”

“มึงจะบ้าเรอะ!  ไปโดนใครดักตีหัวตอนออกไปข้างนอกมาหรือไงฮะ!”

ไอ้เฟี้ยวหน้าตาจริงจัง  มันจับหัวคุณอวกาศพลิกซ้ายพลิกขวาเพื่อหาร่องรอยของการบุบสลาย

ผมยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองฉาดใหญ่  ความเครียดสูบฉีดขึ้นสมองแบบเฉียบพลัน  ใช้อะไรคิดถึงได้จู่โจมไอ้เฟี้ยวมันแบบนี้!  ยิ่งพุ่งเข้าใส่มันก็ยิ่งหนีกันพอดีน่ะสิ  จากท่าทางของมันแล้วไม่ได้มีวี่แววว่าจะรู้ใจของตัวเองเลยด้วย!

“ฉันพูดจริงๆนะ  ตอนนี้ฉันรู้ตัวแล้วว่าฉันคิดยังไงกับนายกันแน่  แค่เห็นหน้านายมันก็เหมือนมีลูกศรลึกลับพุ่งปักเข้ามากลางหัวใจของฉันเลย”

อึก!

เหมือนจะไม่ใช่แค่ผมที่ยกมือขึ้นมาปิดปากกลั้นของเหลวบางอย่างที่ทำท่าจะพุ่งออกมาจากคอ  คุณจักรวาลถึงกับวางเอกสารลงแล้วลุกขึ้นไปสูดอากาศอยู่ตรงหน้าต่างเลยทีเดียว

“กูว่าไม่ใช่ละ  มันไม่ได้โดนดักตีหัวหรอก  แต่แบบนี้ผีเข้าชัวร์ๆ ไอ้ไทม์!  ไอ้จักรวาล  ตามหมอผีที่เก่งที่สุดในโลกมาดิ๊  กูว่าแม่งโดนเขมือบวิญญาณไปแล้วแน่ๆ!”

“ก็บอกว่าไม่ใช่ไง!”

คุณอวกาศตวาดเสียงดัง  ท่าทางจริงจังของเขาทำให้ไอ้เฟี้ยวถึงกับไปต่อไม่ถูก  มันนั่งนิ่งไม่ขยับหากแต่แววตาเต็มไปด้วยความสับสน

“เฟี้ยว  มองหน้าฉันสิ  มองหน้าฉันแล้วลองละทิ้งทุกอคติที่นายมี  ถ้าตรงนี้ไม่มีใครนอกจากเราสองคน  ถ้าฉันกับนายไม่ใช่เพื่อนเล่นสมัยเด็กของกันและกัน…”

“…”

“แล้วนายจะชอบฉันได้ไหม”

อ่า…

รู้สึกเหมือนกำลังถูกทุ่งดอกไม้กันออกจากฉากยังไงก็ไม่รู้สิ  นี่ผมกับคุณจักรวาลมายืนทำบ้าอะไรอยู่ในห้องนี้กันนะ  พอหันไปมองร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างแล้วก็เห็นว่าเขายกมือขึ้นปิดหน้าพร้อมกับสั่นหัวไปมาคนเดียว

ผมเข้าใจๆ

เรากำลังมีความรู้สึกแบบเดียวกันนั่นก็คือ…

…อายแทน

“กูว่ามึงไม่สบายหนักมากไปแล้วนะ  ตั้งสติแล้วไปหาข้าวแดกจากนั้นก็ตามด้วยยา  โอเค๊?  กูไปล่ะ”

ไอ้เฟี้ยวผลักมือคุณอวกาศทั้งสองข้างออกก่อนจะกระโดดข้ามพนักโซฟาแล้ววิ่งออกจากห้องไปทางสวนด้านนอกทันที

“นี่ฉัน…อกหักแล้วใช่ไหม”

พึมพำเสร็จก็ก้มหน้าคอตกด้วยท่าทางสุดแสนจะเวทนา  ท่าทางจะเจองานหินแล้วล่ะคุณอวกาศ  ไอ้เฟี้ยวมันไม่มีทีท่าจะรู้ใจตัวเองเลยสักนิด

เฮ้ออออออออ!!!

 

Special  Talk :

ตุ้บ!

ขาอ่อนแรงจนทรุดลงไปนั่งกับพื้นหญ้าทันทีที่วิ่งออกมาถึงสนาม  ผมยกมือขึ้นปิดใบหน้าที่ไม่รู้ว่าทำไมถึงร้อนผ่าวขึ้นมาเอาไว้   หัวใจ….หัวใจก็เหมือนกัน  เต้นแรงจนเหมือนจะระเบิดออกมาเลย  ผมกำลังจะตายใช่หรือเปล่าเนี่ย!

“ไอ้เวรนั่น…พูดบ้าอะไรออกมาฟะ”

กินยาไม่ได้เขย่าขวดหรือไง  ทำไมจู่ๆท่าทีก็เปลี่ยนไป  แววตาจริงจังกับมือที่อุ่นจนเหมือนจะร้อนนั่น…

มันกลายเป็นแบบนี้ไปได้ยังไงล่ะเนี่ย  อ๊ากกกก!  ไม่เข้าใจเลยโว้ยยยย

คนที่ผมชอบคือไอ้ไทม์ต่างหาก!  ชอบรอยยิ้มที่สดใส  ชอบความใจดีที่มีต่อคนอื่นๆ  ชอบนิสัยใส่ใจคนรอบข้าง  ชอบความไม่ยอมแพ้ต่อเรื่องเลวร้าย  ชอบความกล้าเผชิญหน้ากับทุกสิ่งของมัน  ชอบ…ชอบ…

ภาพหลอนอะไรในหัวกูกันล่ะเนี่ยยยย!  ทุกอย่างที่ทำให้กูชอบมันคือไอ้ไทม์ไม่ใช่เหรอเฟ้ยยยย  แล้วไหงกลายเป็นหน้าไอ้อวกาศลอยขึ้นมาแทนได้ฟะ!

ติ๊งติ๊ง

เสียงไลน์ที่ดังขึ้นทำให้ผมเลิกประสาทเสียกับตัวเองชั่วคราว  หยิบมือถือออกมาดูก็พบว่าเป็นข้อความจากไอ้โชเล่

 

‘ทำอะไรอยู่’

ผมพิมพ์ตอบกลับไปว่า ‘ขี้อยู่’  สักพักมันก็ส่งไลน์กลับมาอีก

 

‘มึงกับกูเป็นเพื่อนกันมาหลายปีใช่ไหม  มึงเชื่อใจกูหรือเปล่า’

ขมวดคิ้วเล็กน้อยกับคำถามนี้  แต่ก็ตอบกลับในสิ่งที่มันถามไปว่า ‘อือ  เชื่อ  ทำไมวะ’

 

‘ไอ้เฟี้ยว…มาอยู่กับกูเหอะ  กูหวังดีกับมึงจริงๆนะ’

มาถึงประโยคนี้ผมเลือกที่จะเงียบไม่ตอบ  เพราะอยากจะรู้ว่ามันจะพิมพ์อะไรกลับมาอีก  ทว่าคราวนี้ที่ส่งกลับมาไม่ใช่ข้อความอย่างที่คิด  แต่เป็น…

คลิปวิดีโอ!

 

“นี่มัน…”

 

[เฟี้ยว  ช่วยแม่ด้วย  พวกมันบอกว่าจะปล่อยแม่ไปถ้าหากลูกเอาของที่พวกมันต้องการมาให้  ช่วยแม่ด้วยนะลูก  แม่กลัวเหลือเกิน  กรี๊ด!!!  อย่าทำฉันนะ  อ๊ะ!]

[เพี๊ยะ!!!]

 

ใบหน้าของผู้หญิงวัยกลางคนที่ว่ากันตามจริงคือตอนนี้เธออยู่ในฐานะ ‘แม่’ ของผมหันไปตามแรงตบของผู้ชายร่างใหญ่คนหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นคนคอยเฝ้าเธอ  ร่างกายที่เคยขาวสะอาดหมดจดแม้ว่าผิวหนังจะเริ่มย้วยลงไปตามวัยตอนนี้มีแต่รอยถลอกจากการถูกเชือกมัด

มือที่ถือโทรศัพท์ไว้กำแน่น  ใบหน้าของมารีอาแทรกเข้ามาในห้วงความคิด

ติ๊งติ๊ง

 

‘มีมึงคนเดียวที่จะช่วยผอ.ด้วย  ไอ้เฟี้ยว…มาอยู่กับกูเหอะเพื่อน’

 

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

วันนี้มาอัพสองตอนรวดเลยยยยยย  ยิ่งทุกอย่างใกล้เฉลยหมดเท่าไหร่  ยิ่งตอกย้ำว่าเรื่องนี้มันใกล้จะจบแล้วจริงๆนะทุกคนนนน  ฮือออออ  ใจหายจริงๆเลย  อยู่กับเรื่องนี้มาประมาณสี่สิบวันได้แล้ว  แปลว่านักอ่านก็อยู่กับบิวมาสี่สิบวันแล้วเหมือนกันเนอะ 5555+  คู่อวกาศxเฟี้ยวยังคงต้องตามลุ้นกันต่อไป  เพราะดูท่าเฟี้ยวนี่เจ้าพ่อแห่งความซึนเดเระเลย =..=  คุณอวกาศเจองานหินจริงๆแหละ

มีหลายคนเคยสงสัยว่า  ไทม์ไม่เด่นเลย  ไทม์เหมือนเป็นตัวประกอบ เหมือนไม่ใช่นายเอก  บิวขออธิบายไว้ในตอนนี้เลยแล้วกันเนอะว่าจุดประสงค์ของการสร้างตัวละครไทม์ขึ้นมาให้เป็นนายเอกนั้น  ไม่ได้จำเป็นว่าโลกในนิยายจะต้องหมุนรอบตัวไทม์ค่ะ  สำหรับเรื่องนี้บิวให้ไทม์เป็นนายเอกจริง  แต่ตัวเด่นของเรื่อง  ปม  รวมถึงเรื่องราวมากมายจะเน้นไปทางจักรวาลเป็นพิเศษ  รองลงมาก็คือตัวละครหนุ่มๆคนอื่นในเรื่อง  ส่วนไทม์จะเป็นคนที่เข้ามาช่วยฉุดพวกเขา  โดยเฉพาะจักรวาลออกมาจากความเจ็บปวดที่ทุกข์ทรมานกันมานานค่ะ  ในส่วนนี้ตัวไทม์จึงไม่เคยต้องมีความหลังอันแสนปวดร้าวเหมือนคนอื่นๆเขา  ไม่ได้อยู่ในอดีตที่ต้องเจอกับเรื่องเลวร้าย  ปมเดียวของไทม์คือเรื่องชาติกำเนิดที่แท้จริงเท่านั้น  ก่อนหน้านี้ที่ไม่ได้อธิบายเพราะอยากจะรอให้ถึงตอนนี้ก่อน  ตอนที่จดหมายฉบับที่สองของมารีอาถูกเปิด  ไทม์อาจจะดูไม่เด่นเพราะไม่มีปมอะไรเน้นหนักไปทางไทม์เหมือนคนอื่นๆก็จริง  แต่เพราะอย่างนี้   น้องถึงเป็นเพียงคนเดียวในเรื่องที่จะช่วยหนุ่มๆทุกคนได้  หลังจากที่ไม่มีมารีอาแล้วค่ะ ^__^   

เรื่องนี้เปิดพรีแล้วนะคะ  รายละเอียด https://writer.dek-d.com/Bb9-/writer/viewlongc.php?id=1681164&chapter=38 (https://writer.dek-d.com/Bb9-/writer/viewlongc.php?id=1681164&chapter=38) ตามนี้เลยยย  มีของรางวัลให้ร่วมลุ้นร่วมสนุกด้วยน้า  ตอนพิเศษสุดฟินอัดแน่นเต็มเล่มแน่นวลลลลล!
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่39 (09/09/60)#หน้า11(วันนี้อัพ2ตอน38-39จ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 09-09-2017 17:15:32
มีปมเพิ่มมาอีกละ  :เฮ้อ:

ถึงเฟี้ยวทำทีไม่มีอะไรตอนอวาศสารภาพรัก
แต่ใจหวั่นไหวไปแล้ว  :hao3:

โชเล่ มีแผนดึงเฟี้ยวไปอยู่กับฝ่ายกวินทร์สินะ  :z3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่39 (09/09/60)#หน้า11(วันนี้อัพ2ตอน38-39จ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 09-09-2017 18:32:44
 :pig4: :pig4: :pig4:
รอตอนต่อไป :hao6:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่39 (09/09/60)#หน้า11(วันนี้อัพ2ตอน38-39จ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 09-09-2017 22:02:28
อย่าไปนะเฟี้ยว ไม่นะ จะดึงเฟี้ยวไปเป็นพวกดิ
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่39 (09/09/60)#หน้า11(วันนี้อัพ2ตอน38-39จ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 10-09-2017 00:46:56
ปมมีเพิ่มอีกแล้วหละ หลายปมแล้วนะ แต่หลานคนแต่งบอกว่าเรื่องไกล้จบแล้ว  :a5:
ไงช่วยคลายปมตอนละปม สองปมนะ อย่าคลายตอนจบที่เดียว คนแก่ตามมิทัน  :m26:
หัวข้อ: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่40 (10/09/60)#หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 10-09-2017 10:35:17


ตอนที่ 40

ไม่มีทางเลือก

 

“ยังไม่หายโกรธอีกเหรอ”

ร่างสูงเข้าประชิดตัวทันทีที่เข้ามาในห้องนอน  ผมดันตัวคุณจักรวาลให้ออกห่างแล้วเดินไปนั่งกอดอกอยู่ตรงปลายเตียง

เมื่อคืนทำเอาไว้เจ็บแสบ  ให้ตายก็ไม่ยกโทษให้ง่ายๆหรอก!

“หมาน้อย…”

เขาไม่ยอมแพ้  ตามมานั่งยองๆลงบนพื้นตรงหน้า  สองแขนวางขนาบข้างตัวผมเหมือนจะเป็นการกอดอยู่กรายๆ

ไม่! ไม่! ไม่!

ห้ามใจอ่อน  เชิดหน้าต่อไปไอ้ไทม์!  ต้องสั่นสอนให้ได้รู้สำนึกเสียบ้างว่าใครเป็นนายใครเป็นทาส!  คุณจักรวาลต้องเป็นทาสหมาน้อยอย่างผมเท่านั้น!

“ดีกันนะ”

อย่านะ  ห้ามใจอ่อนเด็ดขาด  ห้ามมองด้วย!

อ๊ากกกกกก!  ทำไมการบังคับตัวเองไม่ให้มองใบหน้าหล่อๆที่กำลังทำตาละห้อยชูนิ้วก้อยไปมามันยากอย่างนี้!

ผมหลับตาเชิดหน้าเม้มปากจนแก้มป่องด้วยความทรมานที่ต้องแกล้งโกรธเขาต่อไป ( หารู้ไม่ว่ามันทำให้คนมองอยากจะฟัดเสียให้ได้ )

หมับ!

“เหวอออ  คะ…คุณจักรวาลจะทำอะไรครับเนี่ย!”

ร้องลั่นเมื่อถูกแบกพาดบ่าเดินตรงไปทางห้องน้ำ  กะอีแค่งอนนิดๆหน่อยๆถึงกับจะจับกดน้ำให้ตายเชียวเรอะ  จะใจร้ายเกินไปแล้วนะ!

“จะอาบน้ำให้”

“อะไรนะ!!!”

“อาบน้ำด้วยกัน  โอเคไหม”

“ใครจะไปโอเคกันล่ะครับ  ปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะ”

ตุ้บตั้บๆๆๆๆ

ผมทุบหลังคนแรงเยอะกว่าเพื่อจะให้เขาปล่อย  แต่หมัดที่กระทบกับหลังของเขาคงเปลี่ยนได้กับหมัดตุ๊กตา  ไม่ได้มีทีท่าว่าจะทำให้ร่างสูงนี้สะเทือนเลยแม้แต่น้อย

“ฉันจะทำความสะอาดให้นายทุกซอกทุกมุมเอง  หึๆ…”

ไม่…

ไม่น้า!  อ๊ากกกกกก!

 

Special  Talk :

ผมกลับขึ้นมาบนห้องหลังจากที่พอไปดูในห้องรับแขกแล้วพบว่าไม่มีใครอยู่เลย  ไอ้อวกาศนอนซึมกะทือขดตัวเป็นดักแด้อยู่ที่เตียงฝั่งของตัวเอง  เห็นสภาพเหมือนคนใกล้ตายของมันแล้วหงุดหงิดเป็นบ้าเลย!

ตุ้บ…!

“เฮ้!”

“…”

ไม่มีการตอบรับจากบุคคลที่ผมเรียก

คนอุตส่าห์มานั่งอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆยังจะทำเมินกันเรอะ!

“หูหนวกหรือไง  ไม่ได้ยินที่เรียกเหรอ”

“ไม่ได้ชื่อเฮ้สักหน่อย  ชื่ออวกาศต่างหาก”

มันตอบกลับเสียงเบาเหมือนพึมพำอะไรในลำคอคนเดียว

“เลิกทำปากจู๋กับเอานิ้วมาจิ้มกันมาแล้วลุกขึ้นมาคุยดีๆจะได้ไหม!”

“คุยเหรอ  คุยอะไรล่ะ   นายจะมาคุยกับคนที่ไม่ได้ชอบทำไม”

ไม่พูดเปล่า  มันยังพลิกตัวหันหลังให้ผมอีก  นี่คิดจะวัดความอดทนกันใช่ไหม  เดี๋ยวก็พ่อจับหักคอจิ้มน้ำพริกเสียเลย!!!

“ฉันบอกให้หันมาคุยกันไง  จะเป็นแบบนี้ไปตลอดชีวิตเหรอฮะ!”

“ถ้ายอมคุยด้วยแล้วนายจะชอบฉันไหมล่ะ”

“อย่ามาพูดจาเป็นเด็กนะ  แกอายุยี่สิบหกแล้วนะเฟ้ย!”

“แต่ยี่สิบหกก็เจ็บปวดกับความรักเป็นนะ…”

มันพึมพำอีกแล้ว  ไม่พอยังดึงเอาผ้าห่มมาคุมโปงหนีผมอีก!

เส้นเลือดตรงขมับเต้นตุ้บๆ  ไอ้เวรนี่คงอยากจะเจ็บตัวมากเลยสินะถึงมาใช้วิธีนี้เล่นสงครามประสาทกับผม  แค่สารภาพรักไม่พอยังมาประท้วงด้วยวิธีเฮงซวยแบบนี้อีก  ผมควรเริ่มหักข้อกระดูกส่วนไหนของร่างกายมันก่อนดีนะถึงจะสาแก่ใจ

หมับ…

“เฮ้ยยย!”

แบบไม่ทันได้ตั้งตัว  ไอ้อวกาศสอดมือออกมาจากผ้านวมแล้วดึงตัวผมให้ล้มนอนลงบนเตียงก่อนจะเอาผ้านวมผืนใหญ่คลุมตัวมันกับผมเอาไว้อีกที  เผลอแป๊บเดียวผมก็ถูกมันจับคร่อมเอาไว้เสียแล้ว!

งามไส้เลยไอ้ห่าเอ๊ย  ดันเปิดช่องว่างให้มันซะได้!

“มึงจะทำอะไร”

ถามออกไปในความมืดเพราะผ้านวมหนามากจนไม่สามารถมีแสงสว่างใดเล็ดลอดออกมาได้  แถวลำคอรับรู้ได้ถึงลมหายใจร้อนๆของอีกฝ่ายที่เหมือนว่าจะกำลังซุกหน้าลงมา

พรึ่บ!

ขนแขนขนขาขนทุกส่วนในร่างกายพากันลุกพรึ่บพรึ่บอย่างพร้อมเพรียง  การจู่โจมอย่างกะทันหันทำให้ผมตกใจจนตัวแข็งทื่อเป็นหุ่นยนต์ไปเลย

แผล่บ…

“!!!”

ดวงตาเบิกกว้างเมื่อปลายลิ้นของไอ้อวกาศตวัดเข้ากับลำคอ  พอจะปล่อยหมัดใส่ปรากฏว่าข้อมือถูกอีกฝ่ายกดลงกับเตียงไว้แน่นจนขยับไม่ได้  ส่วนล่างก็ถูกมันทับเอาไว้จนขยับไม่ได้พอกัน  ผมในตอนนี้เหมือนคนเป็นอัมพาตไม่มีผิด!

ระ…แรงแม่งเยอะโคตรๆ!

ที่ผ่านมาไม่เคยเอาจริงเลยสินะไอ้หมอนี่…

“ฉันต้องทำยังไง  นายถึงจะชอบฉันเหรอ”

“ปล่อยกู”

“ไม่ปล่อย  ถ้าปล่อยนายก็หนีฉันไปน่ะสิ”

มันตอบเสียงอ่อน  น้ำเสียงเจือไปด้วยความเศร้าจนใจผมอ่อนยวบยาบ  เมื่อวานยังดีๆอยู่เลย  ทำไมวันนี้พอกลับมาถึงได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยล่ะ  ไอ้ไทม์พูดอะไรกับมันตอนออกไปข้างนอกด้วยกันหรือไง?!

“นี่…ฉันชอบนายจริงๆนะ  พอรู้ตัวว่าชอบนายเข้าแล้ว  มันก็ชอบจนแทบจะเป็นบ้าเลย”

ปลายจมูกโด่งซุกไซร้ซอกคอผมไปมา  มือที่เคยกดล็อกข้อมือผมเอาไว้เลื่อนขึ้นมาสอดนิ้วประสานเข้ากับฝ่ามือของผมแทน

น่าแปลกที่ผมประสานมือตอบกลับไป…

“ขอโทษนะ”

“…”

“กูไม่รู้ว่าตอนนี้กูรู้สึกยังไง  ชอบหรือไม่ชอบมึงกันแน่  สิ่งเดียวที่กูรู้คือในใจกูยังมีไอ้ไทม์อยู่  แต่ว่า…”

ในความมืดนั้น  ผมหันหน้าไปหาไอ้อวกาศที่กำลังพรมจูบลำคอผมอย่างหลงใหล  พอหันไปแบบนั้นเลยทำให้ใบหน้าของเราอยู่ใกล้กันจนลมหายใจต่อลมหายใจ  ปลายจมูกแนบชิดแม้จะมองไม่เห็นหน้ากันก็ตาม

“แต่ว่าอะไร…”

“กูดีใจ  ที่มึงชอบกู”

ผมตอบสิ่งที่คิดออกไป  เรื่องที่อยากจะคุยกับมันก็คือเรื่องนี้นั่นแหละ  ผมไม่อยากทำร้ายความรู้สึกของมันด้วยการทำเป็นไม่สนใจในสิ่งที่มันพูด  ถึงจะยังตอบรับไม่ได้แต่อย่างน้อยถ้าได้บอกในสิ่งที่คิดออกไปตรงๆก็คงจะเป็นการให้เกียรติในความรู้สึกที่อีกฝ่ายมอบให้มากกว่า

และเพราะว่าเป็นมัน…

มันที่สำคัญกับผมไม่น้อยไปกว่าใคร

“ให้ตายสิ  พูดแบบนี้ทำเอาอยากจูบเลยนะ”

“ถ้าจูบมึงตายคาตีนกูแน่”

ผมสวนกลับในทันที  ถึงอย่างนั้นใบหน้าที่ใกล้กันขนาดนี้  ริมฝีปากของเราจึงไม่น่าจะห่างกันมากเท่าไหร่

อืม…

ก็ทำให้ใจเต้นหน่อยๆเหมือนกัน

“อ้า!  อยากจะบ้าตาย  ไปไหนไม่รอดแล้วสิเรา”

สิ้นคำ  ไอ้อวกาศก็ทิ้งตัวทาบทับลงมา  น้ำหนักมันทุ่มลงมาเต็มๆบนร่างกายของผม  ฝังใบหน้าลงกับซอกคอข้างเดิม  ความเงียบทำให้ผมได้ยินเสียงหัวใจที่เต้นแรงของมันอย่างชัดเจน

ผมกับไอ้อวกาศ…

จินตนาการไม่ออกจริงๆนั่นแหละ

 

แอ๊ด…

“ในที่สุดมึงก็มา  กูดีใจนะที่มึงตัดสินใจแบบนี้”

ไอ้โชเล่ที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมจะกลับบ้านเรียบร้อยและกำลังนั่งรอผมอยู่บนเตียงผู้ป่วยเอ่ยอย่างดีใจเมื่อผมเปิดประตูเข้ามา

“มึงจะพากูไปพบมันใช่ไหม   ไอ้กวินทร์นั่น…”

“แน่นอนเพื่อน!  ถ้ามึงทำตามที่เขาบอก  ยังไงก็ต้องช่วยผอ.ออกมาได้แน่ๆ”

“กูถามจริงๆนะ  มึงมาทำงานให้มันได้ยังไง”

ผมเปิดประเด็นเข้าเรื่อง  เมื่อเช้าผมตื่นก่อนใครในบ้าน  รีบอาบน้ำแต่งตัวแล้วชิ่งออกมาก่อนจะมีใครเห็น

“พ่อกูเป็นลูกค้าประจำของบ่อนคุณกวินทร์น่ะ  เมื่อก่อนนานๆทีก็จะให้กูไปรับจ๊อบพิเศษเสิร์ฟน้ำให้พวกลูกค้าในบ่อนไรงี้  จากนั้นก็มีจ้างทำอย่างอื่นบ้างเล็กๆน้อยๆ  ล่าสุดพ่อกูเสือกติดหนี้หลายล้าน  กูเลยต้องทำอะไรที่มันมากกว่าแค่รับจ๊อบอย่างที่ผ่านมา”

“ขโมยรายงานไปซ่อน  เขียนโน้ตให้ไอ้ไทม์ไปที่โรงยิมแล้วย่างสดมันโดยหลอกว่าเป็นกู  พวกนั้น…ฝีมือมึงใช่ไหม”

ไอ้โชเล่นิ่งไป  สังเกตได้ว่าแววตามันสั่นกลัวอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน

“อะ…อือ  กูจำเป็นต้องทำตามคำสั่ง  ไม่งั้นเขาจะฆ่าพ่อกู”

“กูเข้าใจ”

ผมพยักหน้ารับ  นึกเจ็บใจที่ก่อนหน้านี้ผมไม่ได้สนใจมันเท่าที่ควร  เลยไม่รู้ว่าไอ้กวินทร์มันกำลังจะทำให้เพื่อนผมกลายเป็นอาชญากรโดยที่มือของตัวเองไม่ต้องแปดเปื้อน

“พร้อมหรือยัง  กูจะพามึงไปหาคุณกวินทร์”

“อือ  ไปเลย”

ตอบกลับหน้านิ่ง  อีกไม่นานทุกอย่างจะต้องจบลง!!!

 

ไอ้โชเล่พาผมมาแถวชุมชนที่ยังไม่ค่อยเจริญเท่าไหร่นัก  โดยที่ท้ายชุมชนมีโรงงานร้างที่เหมือนกับว่ากำลังรอวันรื้อทิ้ง  หากแต่พอสังเกตดีๆจะเห็นว่ามีผู้ชายท่าทางน่ากลัวกระจายตัวกันเฝ้าอยู่เป็นจุดๆ  มองด้วยสายตาแล้วน่าจะมีมากกว่าสิบคนแฮะ…

“ในนี้แหละมึง  หวัดดีครับพี่  ผมมาหาคุณกวินทร์”

ไอ้โชเล่ยกมือไหว้คนที่ยืนเฝ้าประตู  มันจ้องมองมาด้วยสายตาน่ากลัวก่อนจะตรงเข้ามาค้นตัวไอ้โชเล่และผมอย่างละเอียดยิบเพื่อตรวจหาอาวุธ

ประตูถูกเปิดให้เข้าไปเมื่อตรวจแล้วไม่พบอาวุธใดๆ  สิ่งแรกที่เห็นคือผอ.ในสภาพไม่ได้สติและตามเนื้อตัวมีรอยฟกช้ำจากการถูกทำร้าย  ผมเผ้ากระเซอะกระเซิงดูราวกับเป็นคนละคร  ไม่ไกลมีไอ้กวินทร์กำลังนั่งมองผมอยู่ก่อนแล้ว

รอยยิ้มเทพบุตรนั่นสินะที่ทำให้มารีอาหลงใหล  ทุเรศสิ้นดี!

“คิดไม่ถึงเลยนะครับว่าคุณจะตัดสินใจมาร่วมมือกับผมแบบนี้”

มันเอ่ยทักอย่างสุภาพพร้อมยิ้มที่แค่ดูก็รู้ว่าเสแสร้งแกล้งทำ  มันกำลังสวมหน้ากากแห่งรอยยิ้มแบบที่ไอ้ไทม์เคยบอกเอาไว้จริงๆ

“ใครบอกว่ากูจะร่วมมือกับมึง!”

“หือ…พูดแบบนี้หมายความว่ายังไงเหรอครับ  เพื่อนรักของคุณไม่ได้บอกเหรอว่าผมต้องการให้คุณทำอะไรหากคุณอยากให้คุณแม่ของคุณปลอดภัย”

“บอกนะครับ  ผมบอกมันไปแล้ว!  ไอ้เฟี้ยว!  พูดอะไรของมึงวะ  ไม่ใช่ว่ามาเล่นนะเว้ย!”

“กูไม่ได้บอกสักคำว่ากูจะยอมร่วมมือด้วย”

“เอ้า!  แล้วมึงขอให้กูพามาที่นี่ทำไมวะ”

ไอ้โชเล่ร้องเสียงหลงทันที  ผมจ้องเขม็งไปที่ไอ้กวินทร์ซึ่งเอาแต่นั่งไขว่ห้างยิ้มแย้มได้อย่างน่าตบ  ไอ้เหี้ยนี่มันมีอะไรดีกันนะ  ทำไมพี่ถึงได้หลงรักคนอย่างมัน!

คนอย่างมันที่ทำให้พี่กับหลานของผมต้องตาย!!!

“ที่กูมาก็เพื่อจะบอกว่า…กูไม่มีวันหักหลังสามคนนั้น!”

“คุณเฟี้ยวครับ  ผมให้โอกาสคุณคิดทบทวนดูอีกทีนะ  มันไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่จะจงรักภักดีต่อพวกเขา  ผมแค่ต้องการให้คุณเอา SD การ์ดมาให้  ไม่ได้ให้คุณไปฆ่าใครสักหน่อย  SD การ์ด  แลกกับชีวิตแม่ของคุณนะครับ”

“ยังไงก็ไม่  กูไม่มีวันหักหลังเพื่อนเหมือนอย่างมึง!!!”

ไอ้กวินทร์ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินประโยคนี้  แต่แค่แป๊บเดียวมันก็กลับมาตีหน้าแป้นนั่งยิ้มแย้มเหมือนเดิม

“คุณนี่มันดื้อด้านจริงๆเลยนะครับ  เห็นทีผมคงต้องสั่งสอนให้ได้รู้สำนึกซะแล้วว่าการพยศแบบนี้มันไม่ได้ช่วยรักษาชีวิตของคุณเลย”

“เดี๋ยวครับคุณกวินทร์!  ให้ผมลองพูดกับมันก่อนนะครับ  ผมจะเกลี้ยกล่อมมันเอง  อย่าเพิ่งทำอะไรมันเลยนะครับ  ผมขอร้อง!”

ไอ้โชเล่ถลาเข้าไปกราบแทยเท้าไอ้กวินทร์  มันแสยะยิ้มมองเพื่อนผมด้วยแววตาสมเพชก่อนจะส่งซิกให้ลูกน้องของมันคนหนึ่งมาลากตัวไอ้โชเล่ออกไป

“ไม่!  ไม่!  คุณกวินทร์ผมขอร้อง  อย่าทำอะไรมันเลยนะครับ  ให้ผมพูด…อั้ก!”

ร่างของไอ้โชเล่ล้มลงกับพื้นเมื่อถูกทุบเข้าที่ท้ายทอยอย่างจัง  มันเงยหน้ามองผมด้วยสีหน้าเจ็บปวดแต่ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้เพราะถูกเหยียบหลังเอาไว้

“ไอ้เลว!!!”

พลั่ก!!!

ทันทีที่ผมถลาจะเข้าไปจัดการไอ้กวินทร์  ลูกน้องของมันสามคนก็พุ่งเข้าใส่ผม  เสยหมัดตรงปลายคางจนหงายหลังคลุกฝุ่นอยู่กับพื้น  เพียงแค่พริบตาเดียว  สหบาทาทั้งหลายก็มะรุมมะตุ้มจนร่างกายปวดร้าวไปหมด  ผมเหลือบมองไปทางไอ้โชเล่ที่พยายามตะเกียกตะกายจะเข้ามาหา  แต่ตัวมันเองก็กำลังถูกซ้อมอยู่เช่นกันเลยไม่สามารถช่วยอะไรได้

ผมยกแขนขึ้นป้องกันหัวเอาไว้  ตีนใครสักคนกระทืบเข้าเต็มๆท้องจนจุกเสียด  กลิ่นคาวเลื่อนคะคลุ้งไปทั่วโพรงปาก  บ้าเอ๊ย!  ทั้งที่อยากจะช่วยให้ไอ้โชเล่มันรอดไปได้ก่อนแท้ๆ  แต่กลับต้องมาโดนซ้อมปางตายทั้งคู่แบบนี้

พลั่ก! พลั่ก! ตุ้บ! ตั้บ!

“ไอ้เฟี้ยว!  ไอ้...อั้ก!!!”

มึงก็เลิกวอนหาเรื่องด้วยการเรียกชื่อกูได้แล้วไอ้โชเล่!!!

“พอ…”

เพียงคำสั่งเดียวนิ่งๆของไอ้กวินทร์  พวกลูกน้องหน้าตัวเมียทั้งหลายของมันก็พากันหยุด  สภาพของผมตอนนี้แต่ยังหายใจอยู่ได้ก็ถือว่าบุญแล้ว

ตึก…ตึก…ตึก…

ร่างสูงของไอ้กวินทร์เดินเข้ามาหา  ผมทิ้งตัวนั่งลงยองๆตรองหน้าผมที่นอนคว่ำหน้าอย่างหมดสภาพอยู่บนพื้น

หมับ!

“อั้กกก!”

ร้องออกมาเบาๆ   มือหนาจิกหัวผมแล้วดึงไปด้านหลังเพื่อให้เงยหน้าขึ้นมองมัน  ไม่ไหว…  ร่างกายผมไม่มีเรี่ยวแรงเหลือจะต้านทานมันแล้ว

“เห็นแก่ที่คุณเป็นน้องชายของผู้หญิงที่ผมรัก  ผมจะให้โอกาสคุณคิดทบทวนอีกครั้งนะครับ  SD การ์ด  แลกกับชีวิตของคุณ”

“กะ…กู…ไม่กลัว…ตาย”

“งั้นเหรอครับ  คุณไม่กลัวตายสินะ  แบบนี้ยิ่งดีใหญ่  ในเมื่อคุณไม่กลัวตายผมก็จะไม่ฆ่าคุณ  แต่…”

มันเว้นจังหวะ  หันไปส่งซิกกับลูกน้องของมันอีกคนที่ยืนเฝ้าผอ.อยู่  มันพยักหน้ารับคำสั่งทางสายตาของเจ้านายก่อนจะหยิบมีดออกมา  จิกหัวผอ.ให้หงายไปข้างหลังแล้วเอาปลายมีดจี้ไปที่ลำคอ!

“มึง…!”

“ว่ายังไงล่ะครับ  ถ้าคุณไม่ทำตามที่ผมต้องการ  ผมจะฆ่าแม่คุณซะ”

“ไอ้เลว…”

“ผมจำเป็นต้องเลวครับ  บนโลกนี้ไม่มีที่ยืนให้กับคนดีหรอก”

ไอ้กวินทร์เหยียดยิ้ม  สองมือผมกำหมัดแน่น  อยากจะซัดคนที่อยู่ตรงหน้าสักครั้งแต่ก็ทำไม่ได้  ความแค้นที่มีต่อมันสุมอยู่ในอกจนผมจะบ้าอยู่แล้ว!

“คุณไม่มีทางเลือกแล้วนะครับ  ถ้าอยากช่วยชีวิตแม่ของคุณกับมารีอา  คุณต้องเอา SD การ์ดมาให้ผมเท่านั้น”

“แล้ว…แล้วกูจะมั่นใจได้ยังไง  ว่าหลังจากได้ของไปแล้ว  มึงจะปล่อยกูกับแม่จริงๆ”

“คนอย่างผมคำไหนคำนั้นอยู่แล้วครับ  คุณไม่ได้มีผลประโยชน์หรือสร้างผลเสียอะไรให้กับผม  จะอยู่หรือตายก็ค่าเท่ากัน  แต่ถ้าคุณอยากจะอยู่…คุณก็มีแค่ทางเลือกเดียวคือเอา SD การ์ดมาซะ”

ผมมองหน้ามันสลับกับผอ.และไอ้โชเล่ที่กำลังปรือตาบวมเป่งเพราถูกชกมองมาทางผม  ใบหน้ายิ้มแย้มของมารีอาแวบเข้ามาในหัว

ฉัน…จะช่วยแม่ของเธอให้ได้

“ตกลง”

“เป็นคำตอบที่น่าพอใจมากเลยครับ”

“อีกสองวันกูจะเอา SD การ์ดมาให้  และมึงต้องปล่อยตัวแม่กู”

“ผมสัญญาครับ”

มันยิ้มหวานก่อนจะปล่อยมือออกจากหัวของผมแล้วเดินกลับไปนั่งที่เดิม  ลูกน้องที่เอามีดจี้คอผอ.อยู่ก็เก็บมีดไปเหมือนกัน

“ส่งแขกด้วย”

ไอ้กวินทร์สั่งลูกน้อง  ผมกับไอ้โชเล่ถูกหิ้วปีกลากออกไปจากโรงงานด้วยสภาพไม่ต่างจากหมาข้างถนนที่ถูกรถทับ

เจ็บใจชะมัด…

สุดท้ายกูก็ยังแข็งแกร่งไม่พอ!

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  สรุปแล้วนี่คือการตัดสินใจของเฟี้ยวจริงๆเหรอเนี่ย!  จะหักหลังน้องไทม์จริงๆน่ะเหรอ!  เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไปนั้นต้องติดตามนะคะ  กำลังเข้มข้นเลย  พลาดไม่ได้แล้วน้า  ขณะที่เรื่องรบยังคงวุ่นวาย  เรื่องรักของทั้งสองคู่เองก็ไม่ได้ราบรื่นเช่นกัน  รักใครเชียร์ใครก็ให้กำลังใจกันไปเนอะ  ที่สำคัญก็คือ…อย่าลืมมาเปย์หนุ่มๆกันน้า!  ตอนพิเศษอัดแน่นความฟินทั้งเล่มกำลังรออยู่วววว!

เรื่องนี้เปิดพรีแล้วนะคะ  รายละเอียด https://writer.dek-d.com/Bb9-/writer/viewlongc.php?id=1681164&chapter=38 (https://writer.dek-d.com/Bb9-/writer/viewlongc.php?id=1681164&chapter=38) ตามนี้เลยยย  มีของรางวัลให้ร่วมลุ้นร่วมสนุกด้วยน้า  ตอนพิเศษสุดฟินอัดแน่นเต็มเล่มแน่นวลลลลล!
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่40 (10/09/60)#หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 10-09-2017 13:53:48
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่40 (10/09/60)#หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: tangtey59 ที่ 10-09-2017 19:17:34
เรื่องนี้สนุกดีค่ะ นายเอกฮาดี
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่40 (10/09/60)#หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 10-09-2017 22:52:34
มาถึงตอนนี้คนแก่ก็เดาไม่ออก ว่าโชเล่เป็นคนดี หรือไม่ดีฟะ  :m28:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่40 (10/09/60)#หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: yowyow ที่ 10-09-2017 23:34:30
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่40 (10/09/60)#หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 11-09-2017 06:19:13
มาถึงตอนนี้คนแก่ก็เดาไม่ออก ว่าโชเล่เป็นคนดี หรือไม่ดีฟะ  :m28:


โชเล่เป็นคนเทาๆค่ะ ทำเพราะอยากได้เงินอยากช่วยพ่อ ไม่ได้สนว่าไทม์จะอยู่หรือตาย แต่ว่าก็เห็นเฟี้ยวเป็นเพื่อน เลยรักและเป็นห่วงไม่อยากเห็นเพื่อนโดนทำร้ายค่า
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่40 (10/09/60)#หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: patee ที่ 11-09-2017 07:13:43
รอลุ้นต่อคะ  :katai1:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่40 (10/09/60)#หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 11-09-2017 12:00:40
เฟี้ยวไม่มีทางหักหลังไทม์แน่ๆ เราว่าเฟี้ยวต้องบอกจักรวาลกับอวกาศแน่เพื่อที่ซ้อนแผนเอาของปลอมไปให้อะไรแบบนั้นชัวร์เลย
หัวข้อ: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่41 (11/09/60)#หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 11-09-2017 12:13:29


ตอนที่ 41

หลุมพราง…

 

“เป็นไงบ้างพี่  ใน SD การ์ดมีอะไรเหรอ”

คุณอวกาศเดินเข้าไปถามคุณจักรวาลที่เอา SD การ์ดออกมาตรวจสอบข้อมูลดูว่ามีอะไรอยู่บ้าง  เมื่อวานมัวแต่วุ่นวายเรื่องส่วนตัวกันเลยลืมตรวจสอบไปเสียสนิท  เมื่อเช้าพอตื่นมาคุณจักรวาลเลยรีบเอามาตรวจสอบที่ห้องรับแขก

“เยอะเลยล่ะ  คิดไม่ถึงว่ามารีอาจะหาข้อมูลพวกนี้มาได้”

“มีข้อมูลอะไรอยู่บ้างเหรอครับ”

ผมถามด้วยความอยากรู้  ตอนนี้ต่อให้อยากรู้ว่าอาจารย์มารีอาใช้วิธีอะไรในการหาข้อมูลพวกนี้แค่ไหนก็คงไม่มีทางได้รู้  เพราะคนที่จะตอบเธอไม่อยู่บนโลกนี้แล้ว…

“บันทึกการปลอมแปลงบัญชีของบริษัทตลอดสิบแปดปี  หลักฐานการฟอกเงินโดยเอาเงินทีได้ไปแลกเปลี่ยนเป็นทองคำกับพวกรถยนต์นำเข้าหรูๆ  รวมถึง…บ่อนการพนัน”

“บ่อน?  พวกนั้นเปิดบ่อนการด้วยเหรอครับ?”

“ไม่แน่ใจว่าเป็นบ่อนเล็กหรือว่าใหญ่  แต่คงไม่ใช่แบบถูกกฎหมายแน่ๆ  เพราการสร้างบ่อนถูกกฏหมายจำเป็นต้องยื่นเรื่องขอสัมปทานคาสิโนเสียก่อน  และต้องใช้เงินอย่างมหาศาลเลยล่ะ  ลำพังแค่ยักยอกเอาไปคงพอแค่ยื่นเรื่องขอสัมปทานเท่านั้น  แต่คงไม่มีเงินเหลือไปสร้างหรือว่าปรังปรุงคาสิโนอะไร”

“เข้าใจละ  ถ้าเราตรวจสอบจนรู้ได้ว่าใครคือคนที่ได้เงินไปจากการยักยอกและฟอกเงิน  รวมถึงใครเป็นเจ้าของบ่อน  ก็จะจัดการตัวพ่อได้ใช่ไหมพี่”

คุณจักรวาลพยักหน้ารับแนวคิดของคุณอวกาศ  ตัวพ่องั้นเหรอ…  จะว่าไป…

“ในจดหมายของอาจารย์ที่เขียนถึงผม  เหมือนเธอต้องการให้ผมช่วยคุณกวินทร์จากการเป็นหุ่นเชิดของพ่อเขานะครับ  ผมอยากรู้ว่า…พ่อของคุณกวินทร์เป็นใคร  และเป็นคนยังไง  พอจะมีข้อมูลไหมครับ”

“ในระบบของบริษัทมีข้อมูลทุกอย่างนะ  แต่มันก็ไม่มีอะไรนอกจากประวัติส่วนตัวทั่วไปและความสามารถพิเศษ  อีกอย่าง…พ่อของหมอนั่นน่ะ…”

คุณจักรวาลเงียบไป  ผมกับคุณอวกาศมองหน้ากันด้วยความรู้สึกไม่ค่อยดีนัก  จะต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่ๆ

“คุณอาไกรศรประสบอุบัติเหตุจนเดินไม่ได้มาสิบแปดปีแล้ว  ช่วงก่อนจะเกิดเรื่องกับครอบครัวของพวกเราได้ไม่กี่เดือนหรอก”

“จริงเหรอพี่!  ทำไมผมไม่เคยรู้เลยล่ะ!”

“เพราะหลังจากเกิดเรื่องระหว่างเรากับเขาก็เป็นศัตรูกันอย่างเปิดเผยมากขึ้นเพียงแต่ไม่แสดงออกให้คนนอกรับรู้เท่านั้นเอง  คุณพ่อเลยไม่อยากให้นายรับรู้อะไรทั้งนั้น”

สิบแปดปี…เดินไม่ได้ถึงสิบแปดปี  แถมยังเป็นช่วงก่อนจะเกิดเรื่องกับครอบครัวของผมในตอนนั้นอีก  แปลว่าคือช่วงเวลาแค่ไม่กี่เดือนก่อนที่คุณกวินทร์จะเปลี่ยนไปและกลายเป็นหุ่นเชิดให้พ่อของเขามาตลอดสินะ?!

เดี๋ยวก่อน  อาจารย์มารีอาเคยเขียนไว้ในจดหมายเกี่ยวกับผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริงว่าคือพ่อของคุณกวินทร์ นั่นอาจจะเพราะคนที่สั่งการให้ทำทุกอย่างจริงๆคือพ่อของเขาแต่คุณกวินทร์คอยออกหน้าแทน  ประมาณว่าพ่อคือที่ปรึกษาในการทำเรื่องเลวร้ายทั้งหมดหรือเปล่า?  ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงมันก็ไม่น่าจะใช่เรื่องแปลกอะไร  ในเมื่อความแค้นครั้งนี้จุดเริ่มต้นคือสองพ่อลูกนั่นเริ่มลงมือก่อน  แล้วทำไมอาจารย์ถึงต้องใช้คำว่าผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริงล่ะ?

“ไทม์…คิดอะไรออกงั้นเหรอ”

ผมเงยหน้ามองคุณจักรวาลที่ส่งเสียงเรียก  มีบางอย่างแปลกๆแฮะ  การแก้แค้นอสังหาไม่ได้ดูเหมือนเป็นการอยากแก้แค้นของคนเป็นพ่อเพียงคนเดียว  แต่ตัวคุณกวินทร์เองก็ดูเต็มใจและอยากที่จะแก้แค้นเหมือนกัน

มันอะไรกันแน่นะ  เหตุผลที่ทำไมอาจารย์ถึงบอกว่าพ่อของคุณกวินทร์คือผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมด  และคุณกวินทร์เป็นเพียงหุ่นเชิด!

“อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับพ่อของคุณกวินทร์…คืออะไรเหรอครับ”

“รถคว่ำ  ตอนนั้นคุณพ่อเองก็รีบไปที่โรงพยาบาลเหมือนกัน  มีอะไรหรือเปล่า”

“สาเหตุที่รถคว่ำล่ะครับ”

“เกิดจากความประมาทน่ะ  ดูเหมือนจะมีการเบรกกะทันหันทำให้รถคว่ำ  คุณอาไกรศรเป็นคนขับรถไม่เก่งอยู่แล้ว  แต่วันนั้นรู้สึกว่าจะขับรถเอง  ไม่ได้ให้คนขับรถขับให้เหมือนทุกครั้ง”

ผมคิดภาพในวันเกิดอุบัติเหตุครั้งนั้นตามที่คุณจักรวาลเล่า  แต่มันยังมีบางอย่างคาใจ  อะไรบางอย่างติดอยู่ในหัวของผม!

“เรื่องสาเหตุของอุบัติเหตุ  คนที่ยืนยันคือใครเหรอครับ”

“จากพวกตำรวจแล้วก็ฝ่ายพิสูจน์หลักฐานในที่เกิดเหตุ  มีเอกสารยืนยันให้คุณพ่อดูตอนที่คุณพ่อไปสถานีตำรวจเพื่อตามเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น”

“มีอะไรหรือเปล่าไทม์  นายสงสัยอะไรเหรอ”

“ครับ  มีบางอย่างที่ผมสงสัย”

ตอบคำถามคุณอวกาศก่อนจะเรียบเรียงเรื่องราวทุกอย่างในหัวใหม่อีกครั้ง  หุ่นเชิด…ทำไมอาจารย์มารีอาถึงบอกว่าคุณกวินทร์เป็นเพียงหุ่นเชิด…

“วันที่ไปสถานีตำรวจ  มีใครไปบ้างเหรอครับ”

“มีฉันกับคุณพ่อแค่สองคน  ตอนนั้นคุณอายังอยู่ที่โรงพยาบาล  ส่วนกวินทร์ก็เฝ้าคุณอาตลอดไม่ไปไหน  คุณพ่อเลยอาสาตามเรื่องให้เอง  ตกลงนายคิดอะไรอยู่กันแน่”

อย่างนี้นี่เอง  เท่ากับว่าคนที่เห็นเอกสารยืนยันการเกิดอุบัติเหตุของคุณไกรศรในวันนั้นมีเพียงคุณพ่อกับคุณจักรวาลเท่านั้น

เข้าใจล่ะ… แบบนี้เองสินะ  เพราะงั้นอาจารย์มารีอาถึงได้ใช้คำว่าหุ่นเชิดกับคุณกวินทร์  ถ้าทุกอย่างเป็นไปอย่างที่ผมคิด  ก็จะลงล็อกพอดีว่าทำไมหลังจากนั้นคุณกวินทร์ถึงเปลี่ยนไป  และเข้าพวกกับพ่อของตัวเองเพื่อแก้แค้นอสังหา!

“คุณจักรวาล  คุณอวกาศ  ผมมีเรื่องจะขอให้ช่วยครับ”

ผมมองหน้าทั้งสองคนอย่างจริงจัง  ความจริงของอุบัติเหตุคราวนั้นที่ถูกปิดตายเอาไว้  ผมนี่แหละจะเป็นคนเปิดเผยมันเอง!

จะไม่มีหุ่นเชิดที่ถูกชักใยอีกต่อไป…

 

ปี๊น! ปี๊น!

เสียงบีบแตรดังสนั่นหวั่นไหวจนพวกเราสามคนที่กำลังนั่งสุมหัวคุยกันถึงเรื่องทั้งหมดต้องรีบวิ่งออกมาดู  แม่บ้านคนหนึ่งวิ่งหน้าตั้งเข้ามาด้วยท่าทางตกใจ

“บะ…บอสคะ  นายน้อย หน้า…หน้าบ้านค่ะ…”

“ใจเย็นๆครับป้าหอม  เกิดอะไรขึ้นเหรอ”

ผมเข้าไปแตะไหล่ป้าหอมเบาๆเพื่อให้เธอสงบลง แต่ดูแล้วไม่น่าจะได้ผล  สีหน้าเธอดูตกใจจนหน้าซีดไปสั่นไปหมด

“บอสครับ!  แย่แล้วครับ!”

ยังไม่ทันที่ป้าหอมจะได้อธิบาย  บอดี้การ์ดที่คอยเฝ้ารอบๆบ้านคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาเสียก่อน  มีอะไรกันอีกล่ะเนี่ย

“มีอะไร”

“เมื่อกี้มีรถตู้เอา…เอา…”

“เอาอะไร”

“เอาคุณเฟี้ยวกับ…ใครอีกคนก็ไม่รู้มาโยนทิ้งที่หน้าบ้านครับ”

“อะไรนะ!!!”

คราวนี้เป็นเสียงของคุณอวกาศ  เขารีบวิ่งฝ่าทุกคนออกไปทางหน้าบ้านอย่างร้อนรน  ผมกับคุณจักรวาลรีบวิ่งตามไปติดๆ  ยังไม่ทันจะถึงประตูรั้วใหญ่  บอดี้การ์ดสองคนก็แบกร่างไร้สติของไอ้เฟี้ยวกับ…

ไอ้โชเล่!!!

ทั้งสองคนถูกบอดี้การ์ดแบกเข้ามาในสภาพไม่น่าดู  ตามเนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำจากการถูกทำร้าย  มีเลือดไหลซึมเสื้อผ้าออกมา  แขนของไอ้เฟี้ยวห้อยโตงเตงลงข้างตัว  บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเจ้าของร่างไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆอีกแล้ว 

ตุ้บ…

“ไทม์!”

คุณจักรวาลรีบเข้ามาประคองผมที่ล้มทั้งยืนเมื่อเห็นสภาพของไอ้เฟี้ยว  น้ำตามากมายหลั่งไหลออกมา  ขณะที่ร่างของไอ้เฟี้ยวถูกส่งต่อให้คุณอวกาศ

“ตามหมอมา!  โทรตามหมอที่เก่งที่สุดมาเดี๋ยวนี้!!!”

คุณอวกาศตะโกนลั่น  เหล่าแม่บ้านกับบอดี้การ์ดรีบพากันกดโทรศัพท์ยกใหญ่  ผมไม่คิดว่ามันจะเป็นถึงขนาดนี้   ผม…

“ใจเย็นๆนะ  เฟี้ยวจะต้องไม่เป็นอะไร”

“เพราะผม…เพราะผมครับ”

ผมหันไปจับตัวคนข้างๆ  ไม่สามารถหยุดน้ำตาเอาไว้ได้อีกแล้ว

“มันไม่ใช่เพราะนาย  อย่าคิดแบบนั้น”

“ฮึก…อะ…ไอ้เฟี้ยว…ตะไม่เป็นไรใช่ไหมครับ  ฮึก…”

“ไม่เป็นไร  หมอนั่นจะต้องปลอดภัย  ฉันสัญญา”

คุณจักรวาลกอดผมไว้แน่น  กดศีรษะให้ซบลงกับอกแกร่งขณะที่ผมกำลังร้องไห้แทบขาดใจ  ภาพไอ้เฟี้ยวที่เต็มไปด้วยบาดแผลยังติดตาอยู่เลย

“เข้าไปข้างในกันเถอะ  ไปดูเฟี้ยวกัน”

ร่างสูงพยุงผมที่แข้งขาอ่อนแรงให้เข้าไปในบ้าน  เฟี้ยวถูกพาตัวไปที่ห้องนอนส่วนตัวของคุณอวกาศ  ส่วนโชเล่ถูกพาไปที่ห้องรับรองแขกเพื่อรอหมอมา  พวกเราสามคนมานั่งเฝ้าเฟี้ยวอยู่ที่ห้องโดยที่คุณอวกาศกำลังถอดเสื้อผ้าของมันออกเพื่อเช็ดล้างคราบเลือดที่ติดตัว

“เด็กคนนี้อึดจะตาย  ไม่เป็นอะไรง่ายๆหรอกนะ”

ถึงจะพูดกับผมด้วยรอยยิ้มแบบนั้น  แต่มือของคุณอวกาศที่กำลังถือผ้าไล่เช็ดเลือดให้ไอ้เฟี้ยวนั้นสั่นจนคนมองอย่างผมรู้สึกได้

หมับ…

“ฉันทำเอง”

“ไม่เป็นไรครับ  ผมทำเองได้”

“นายไม่ไหวหรอก  มือสั่นขนาดนี้  ถ้าสะเทือนมากๆอาจจะทำให้เฟี้ยวเจ็บแผลมากขึ้นก็ได้”

พอเจอเหตุผลนี้เข้าไป  คุณอวกาศเลยต้องยอมปล่อยให้คุณจักรวาลเป็นคนเช็ดเลือดออกให้แทน  ถึงคุณจักรวาลจะดูนิ่งที่สุดเมื่อเห็นสภาพของไอ้เฟี้ยว  แต่สายตาของเขาที่มองไปยังร่างไร้สตินั้นดูทรมานกว่าคนนอนเจ็บเองหลายร้อยเท่า

กูขอโทษ  ไอ้เฟี้ยว  กูขอโทษ…

 

“เรียบร้อยแล้วนะคะ  พยายามอย่าให้แผลโดนน้ำนะ  จะได้หายเร็วๆ”

“ครับผม  ขอบคุณมากนะครับ”

พยาบาลคนสวยฉีกยิ้มหวานก่อนจะเก็บอุปกรณ์ทำแผลทั้งหมดเดินออกจากห้องไป  ไอ้โชเล่ที่มองตามหลังเธอจนมาเจอกับผมที่ยืนอยู่ตรงประตูพอดีร้องทัก

“อ้าวไอ้ไทม์  มาเยี่ยมกูเหรอ”

“ห้องมึงอยู่ห่างจากห้องกูไปแค่สิบก้าวเองนะ  พูดเหมือนกูมาไกลเพื่อมาหามึงเลย”

ผมแค่นหัวเราะ  เดินเข้าไปลากเก้าอี้มานั่งข้างๆมันที่นอนแบ็บอยู่บนเตียง  หลังจากวันที่มันกับไอ้เฟี้ยวถูกซ้อมปางตายก็ผ่านมาสองวันแล้ว  วันนี้เข้าวันที่สองพอดี  ไม่อยากเชื่อว่าพวกมันจะรอดตายมาได้  หมอบอกว่าที่หมดสติไปเป็นเพราะเหนื่อยมากทั้งคู่  บาดแผลที่ได้รับมาไม่ได้ทำให้พวกมันหมดสติหรือใกล้ตายแต่อย่างใด

รู้สึกอยากจะทวงน้ำตาที่เสียไปคืนมามากๆ  วันนั้นพอหมอมาตรวจอาการทำแผลและฉีดยาให้เสร็จ  ไม่ถึงสองชั่วโมงมันสองคนก็ฟื้นลุกขึ้นมาคุยปร๋อ  แถมยังแดกเก่งกว่าปกติอีกต่างหาก  เล่นเอาพวกผมสามคนงงเป็นไก่ตาแตกไปเลย

แต่ว่า…พอไอ้โชเล่ฟื้นขึ้นมา  คำถามแรกที่ออกมาจากปากมันก็คือไอ้เฟี้ยวอยู่ที่ไหน  ปลอดภัยดีหรือเปล่า  มันทำให้ผมรู้ได้ว่าถึงความเหี้ยที่มันทำไว้กับผมจะเป็นเรื่องจริงก็ตาม แต่ความเป็นเพื่อนที่มันมอบให้กับไอ้เฟี้ยวนั่นก็มาจากใจของมันด้วยเช่นกัน

แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่ผมจะให้อภัยในการกระทำของมัน  อาจจะไม่สามารถเป็นเพื่อนกันได้อย่างสนิทใจเหมือนผมกับไอ้เฟี้ยว  แต่อย่างน้อยผมก็ไม่คิดแค้นในสิ่งที่มันเคยทำไว้กับผมก็แล้วกัน  สำหรับคนที่ให้ใจกับเพื่อนรักของผมอย่างมัน  แค่ทำเป็นลืมๆเรื่องที่มันสร้างเอาไว้ซะทำไมผมจะทำไม่ได้

"ว๊ากกกก  กูบอกว่าไม่ต้องไง  กูเช็ดตัวเองได้  ออกไปเว้ยยย!”

“อะ…อีกแล้วสินะ”

ไอ้โชเล่นหันมาทำหน้าเจื่อนใส่ผมทันทีเมื่อได้ยินเสียงโวยวายของไอ้เฟี้ยวดังออกมาจากห้องของมัน  นั่นก็เพราะตั้งแต่ไอ้เฟี้ยวฟื้นขึ้น  คุณอวกาศก็คอยเฝ้าและดูแลอย่างดีถึงเจ้าคนเจ็บจะออกไปไล่แค่ไหนก็ไม่เคยท้อ

ช่างมีความพยายามเป็นเลิศเหลือเกินนะพี่ชายผม!

“แล้วมึงดีขึ้นหรือยัง  ขยับตัวได้ใช่ไหม”

“สบายมาก  กูกับไอ้เฟี้ยวเจอแบบนี้กันประจำอยู่แล้ว”

“แล้วจำไม่ได้เลยเหรอว่าเป็นพวกโรงเรียนไหนที่มาดักทำร้ายพวกมึง”

“ไม่ว่ะ  มันมากันเยอะแล้วก็เร็วมาก  กระทืบเสร็จก็ยังอุตส่าห์เอาพวกกูมาส่งถึงที่อีก  จิตใจดีฉิบหาย”

ผมพยักหน้ารับในสิ่งที่มันเล่าและไม่คิดจะถามอะไรอีก  สักพักก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆกำลังตรงมาที่ห้องนี้  ไอ้เฟี้ยวในสภาพเอผ้าหลุดลุ่ยวิ่งพรวดเข้ามากระโดดขึ้นเกาะไอ้โชเล่บนเตียงราวกับคนหนีตาย

“พวกมึงช่วยกูด้วยดิ  ไอ้อวกาศแม่งจะลวนลามกูอีกแล้ว!”

“เฟี้ยว!  นายจะวิ่งหนีทำไมเนี่ย  ฉันแค่จะเช็ดตัวให้เฉยๆเองนะ”

คู่กรณีวิ่งตามมาติดๆ  ในมือถือผ้าชุบน้ำอยู่  ทว่าไอ้คนหนีมาก็ไม่ยอมจะออกไปเช่นกัน  มันดันไอ้โชเล่ให้มาช่วยบังตัวเองเอาไว้

“เช็ดตัวบ้านป้ามึงสิ!  มึงเอาแต่เช็ดตรงหัวนมกูอย่างเดียว  สะกิดไปมาอยู่ได้เป็นนาที  อย่าคิดว่ากูรู้ไม่ทันความคิดมึงนะไอ้พวกชอบกินเด็ก!”

อึก!

คำด่าของมันทำเอาผมสะดุ้งไปด้วยหน่อยๆ  นึกถึงคุณจักรวาลขึ้นมาทันที  อย่างคุณอวกาศอายุยี่สิบหกยังโดนเรียกว่าไอ้พวกชอบกินเด็ก  แล้วคุณจักรวาลที่อายุสามสิบห้ากับผมที่อายุเกือบจะสิบแปดล่ะ…

พรากผู้เยาว์เห็นๆเลยนี่หว่า

“ไม่เอาน่า  ที่ฉันสนใจจุดนั้นของนายเป็นพิเศษเพราะมันอมชมพูน่ารักจนอดใจไม่ไหวต่างหาก”

“เห็นไหมล่ะ!  อ๊ากกกก  กูขยะแขยง  ขนลุกโว้ยยย!”

มันยังคงหลบข้างหลังไอ้โชเล่ต่อไป  โดยที่คุณอวกาศก็พยายามเกลี้ยกล่อมให้มันกลับออกไปหาเขา  ไม่เห็นหนทางความรักของคู่นี้เลยแฮะ

“อวกาศ  เลิกเล่นได้แล้ว  ไปเปลี่ยนชุด  ฉันต้องการให้นายไปที่บริษัทกับฉัน”

ความวุ่นวายเป็นอันต้องสะดุดเมื่อคุณจักรวาลในชุดสูทดูดีเตรียมพร้อมไปบริษัทเข้ามาห้ามทัพ  ผมเหลือบมองเขาเล็กน้อยด้วยรู้ดีว่าเขากำลังจะไปไหนและทำอะไร

“ไหงงั้นอ่ะ  ทำไมผมต้องไปด้วยล่ะพี่  ปกติก็ไปคนเดียวได้ไม่ใช่เหรอ”

“มันเป็นเรื่องด่วน  และนายควรได้เรียนรู้เพราอีกไม่นานนายจะต้องเข้ามาช่วยฉันทำงาน”

“โห…พี่อ่ะ  ไม่ไปไม่ได้เหรอ  ผมจะอยู่กับเฟี้ยว…”

“กูอยู่คนเดียวได้!  มึงไสหัวไปเลยนะไอ้เวร!”

“อย่ามางอแง  ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้แล้ว  ฉันให้เวลาสิบนาที”

“สิบนาที!  สิบนาทีผมยังไม่ได้ถอดกางเกงในเลยมั้งพี่”

“แค่เปลี่ยนเสื้อผ้าทำไมจะต้องถอดกางเกงในด้วย?”

คุณจักรวาลย้อนถาม  เออนั่นสิ  แค่เปลี่ยนเสื้อผ้าจะถอดกางเกงในทำไม

สุดท้ายเมื่อไม่สามารถขัดคุณจักรวาลได้  คนหัวขาวก็เดินกระทืบเท้าปึงปังไปทางห้องตัวเองอย่างหงุดหงิด  คงจะอารมณ์เสียเพราอดอยู่ลวนลามไอ้เฟี้ยวมากกว่า…

“ฉันไปนะ  พวกนายอยู่กันได้ใช่ไหม”

“ได้ครับ”

ผมตอบรับ  เขาอ้าปากทำท่าจะพูดอะไรสักอย่างแต่มือถือดังขัดขึ้นเสียก่อนเลยกดรับสายแล้วเดินไปอีกทาง  ในห้องเหลือแค่ผม  ไอ้เฟี้ยว  กับไอ้โชเล่แล้ว

“งั้นกูขออาบน้ำห้องมึงหน่อยแล้วกันนะไอ้โช  ห้องกูเละเป็นสนามรบเลย”

“เออๆ  ตามสบายเลย”

ไอ้เฟี้ยวเดินเข้าห้องน้ำไปอีกคน  ได้ยินเสียงรถของคุณจักรวาลขับออกจากบ้านไปแล้ว  พอไม่มีคุณอวกาศบ้านนี้เงียบไปเลยแฮะ  ปกติจะต้องมีเสียงไอ้เฟี้ยวตะโกนด่าและไล่เขาดังลั่นไปทั่ว

ครืด…ครืด…

มือถือของไอ้โชเล่สั่นเบาๆ  มันละสายตาจากทีวีที่กำลังดูไปกดรับสาย  ไม่ถึงสามวินาทีหลังจากรับสาย  มันก็เสียงดังขึ้นมาเรียกความสนใจจากผมที่กำลังจะเดินกลับห้องของตัวเองจนต้องนั่งลงบนเก้าอี้ใหม่อีกครั้ง

“ว่าไงนะ  นี่พ่ออยู่ไหน  หายไปไหนมาตั้งหลายเดือน  รู้ไหมพ่อทิ้งผมให้เจอกับอะไรบ้าง!”

ยังคงโวยวายมันหยุด  มันคุยสายต่ออีกไม่ถึงนาทีก็ลุกพรวดขึ้นจากเตียง ผมรั้งแขนมันเอาไว้ก่อนที่มันจะออกไป

“มึงจะไปไหน”

“ไปหาพ่อ  พ่อกูโทรมา”

“พ่อมึงที่ว่าหนีไปเพราะเป็นหนี้พนันเหรอ”

“ใช่  ตอนนี้พ่อกูกลับมาแล้ว  อยู่ที่บ้าน  กูจะรีบไปหาพ่อ  ให้กูไปเหอะ”

มันแกะมือผมออกแล้วเดินต่อ  แต่ยังไม่ถึงไหนก็ทรุดเสียก่อน  ผมรีบเข้าไปพยุงมันขึ้นด้วยความเป็นห่วง

“ไม่ไหวหรอก  มึงเพิ่งหายเจ็บนะ”

“แต่กูเป็นห่วงพ่อ”

ผมลังเล  มองใบหน้าที่ซีดเซียวของไอ้โชเล่สลับกับความคิดในหัวว่าจะเอายังไงดี

“งั้นเดี๋ยวกูไปเป็นเพื่อน ให้มึงไปคนเดียวมีหวังเป็นลมตายกลางทางก่อนเจอพ่อแน่ๆ”

“จริงเหรอวะ  ขอบใจมากนะ!”

มันยิ้มกว้างอย่างดีใจ  ผมค่อยๆพยุงไอ้โชเล่ไปที่หน้าบ้านเพื่อเรียกแท็กซี่ขึ้น  บอดี้การ์ดที่เฝ้าอยู่เปิดทางให้  หากผมไม่ได้เรียกใช้พวกเขาจะไม่กล้าเข้ามาถามหรือวุ่นวายอะไรทั้งนั้น

 

ไม่นานนักก็มาถึงชุมชนใต้สะพาน ไอ้โชเล่ให้แท็กซี่จอดที่ทางเข้าแล้วเดินเข้าไปข้างในกับผมแค่สองคน  บรรยากาศค่อนข้างจะคุ้นเคยเล็กน้อย  แหงล่ะสิ  เพราะผมเคยมาที่นี่แล้วครั้งหนึ่งเพื่อตรวจสอบบางอย่างนี่นา!

“นี่แหละบ้านกู”

“พ่อมึงอยู่ข้างในสินะ”

มันพยักหน้ารับแล้วจัดการเปิดประตูรั้วเตี้ยๆของบ้านตัวเอง  ส่วนผมก็ยังทำหน้าที่พยุงมันเข้าไปข้างในอยู่   เมื่อเข้ามาถึงในบ้านที่มืดและเงียบสนิทไร้สิ่งมีชีวิตได้  ผมก็กวาดตามองไปรอบๆเพื่อหาพ่อของไอ้โชเล่

“ไหนพ่อมึงวะ”

“…”

ไม่มีเสียงตอบรับจากคนที่ผมเรียก  ไอ้โชเล่แกะมือผมออกแล้วเดินไปทิ้งตัวนั่งพิงกำแพงอยู่ตรงหน้าผม

“ไอ้โช  ไหนพ่อมึงวะ”

ถามย้ำอีกครั้ง  ทว่าอีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมตอบ  มันแค่นหัวเราะเหมือนคนบ้าจนผมต้องขมวดคิ้วพลางคิดในใจ ‘โดนกระทืบจนสมองเพี้ยนไปแล้วหรือเปล่า’

“ไอ้ไทม์  มึงคุ้นๆกับไอ้นั่นหรือเปล่า”

มันชี้ไปยังโต๊ะวางหนังสือเตี้ยๆเหมือนโต๊ะญี่ปุ่นจนมุมห้อง  ผมนิ่งไป  รู้ว่าสิ่งที่มันกำลังชี้ให้ผมดูคืออะไร  ในเมื่อครั้งก่อนตอนมาที่นี่คนเดียว  ผมเห็นมันไปเรียบร้อยแล้ว

“นั่นมัน…”

แสร้งทำเป็นตกใจแล้วเดินไปหยิบสิ่งนั้นขึ้นมาดู

“รายงานของกู…”

“ใช่  คนที่แอบเข้าไปขโมยมันน่ะ  กูเอง”

“มะ…มึงหมายความว่ายังไงวะ   ทำไมมึงต้องขโมยรายงานของกูด้วย”

“เรื่องนี้กูทำของกูเอง  ไม่มีใครสั่งหรอก  กูทำเพราะหมั่นไส้ไอ้หน้าตาไม่สนใจโลกของมึงไง”

แค่เพราะไม่ชอบหน้าตาที่ไม่สนใจโลกของกูถึงกับทำให้กูต้องทำรายงานใหม่ทั้งเล่มเนี่ยนะ  ไอ้บ้านี่…เป็นเด็กประถมหรือไงฟะ!

“แล้วก็นั่น…”

คราวนี้ชี้ไปที่ตะกร้าผ้าซึ่งมีเสื้อผ้าจำนวนหนึ่งใส่อยู่  นั่นผมก็ตรวจสอบแล้วเหมือนกัน  ถึงได้มั่นใจว่ามันคือคนที่คิดจะย่างสดผมที่โรงยิมในวันนั้น!

“กลิ่นน้ำมัน?  รอยไหม้?”

ผมเดินไปหยิบเสื้อตัวที่อยู่บนสุดขึ้นมาดู  ทำสีหน้าตกใจมองไปทางคนที่กำลังหัวเราะที่แผนการของตัวเองสำเร็จได้ด้วยดี

“หรือว่ามึง…”

“เออ  กูเองที่เป็นคนเผาโรงยิมเพื่อฆ่ามึง”

“ทำไมวะ!  เกลียดกันถึงขั้นจะฆ่ากันให้ตายเลยเหรอ  มึงยังเด็กอยู่เลยนะไอ้โช  ทำไมถึงคิดทำเรื่องเหี้ยได้ขนาดนี้แล้วล่ะ!”

“คนจนอย่างกู  ทำได้ทุกอย่างเพื่อความอยู่รอด  ถ้ามึงตายได้  พ่อกูก็จะปลอดภัย  ชีวิตกูกับพ่อก็จะดีขึ้น!”

“หมายความว่ายังไง  มึงไม่ได้ทำทั้งหมดนี้ด้วยตัวมึงเองแต่มีคนสั่งงั้นเหรอ!”

“หึๆ”

“หรือว่า  คนที่มึงทำงานให้ก็คือ…คุณกวินทร์!”

ไอ้โชเล่แสยะยิ้มหนักขึ้นไปอีก  ผมเหลือบตามองไปทางด้านหลังเล็กน้อยเพราะได้ยินเหมือนเสียงฝีเท้าคนกำลังใกล้เข้ามา

“เดาแม่นสมกับที่เป็นนักเรียนทุนอัจฉริยะจริงๆ”

“กูจะบอกคุณจักรวาลกับคุณอวกาศเรื่องนี้  อะไรก็ตามที่มึงคิดจะทำจะไม่มีวันสำเร็จ  อั้ก!!!”

ความเจ็บปวดที่ท้ายทอยรุนแรงมากจนร่างกายทรุดลงไปกับพื้น  มือข้างหนึ่งยกขึ้นกุมจุดที่โดนทำร้ายเอาไว้ก่อนจะหันไปมองหน้าคนทำ

พลั่ก!!!

เพียงเสี้ยววินาทีที่เห็นใบหน้าของคนที่ทำร้ายผม  อีกฝ่ายก็ยกเท้าเตะเข้าที่ใบหน้าอีกครั้ง…

“อะ…ไอ้เฟี้ยว”

แล้วผมก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย…

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  เรื่องราวดำเนินมาถึงจุดเดือดแล้ว!  แผนการของกวินทร์จะสำเร็จอย่างที่เขาต้องการจริงๆหรือเปล่า?  แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับน้องไทม์ที่ถูกทำร้ายจนหมดสติกันล่ะ?  สรุปแล้วเฟี้ยวแปรพรรคจริงๆเหรอเนี่ยยยยย~!!!  ตามลุ้นกันได้ต่อในตอนหน้าจ้า

เรื่องนี้เปิดพรีแล้วนะคะ  รายละเอียด https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1681164&chapter=38 (https://writer.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1681164&chapter=38) ตามนี้เลยยย  มีของรางวัลให้ร่วมลุ้นร่วมสนุกด้วยน้า  ตอนพิเศษสุดฟินอัดแน่นเต็มเล่มแน่นวลลลลล!

 

รายชื่อตอนพิเศษในเล่ม

 

     - เมื่อผมต้องมีรักทางไกล 3 ตอนจบ (จักรวาลxไทม์)

     - เมื่อผมกลายเป็นหมอแต่สามีดันขี้หึง!  3 ตอนจบ  (จักรวาลxไทม์)

     - ทำไมผมต้องออกเดตกับมัน 2 ตอนจบ (อวกาศxเฟี้ยว เรื่องราวก่อนเฟี้ยวจะไปเรียนต่อ จุดเริ่มต้นของเล่มมินิสเปฯ)

     - ทิ้งท้ายฟินๆกับ "2ปีที่เฝ้ารอ" คืนวันเกิดอายุครบ 20 ปี ของน้องไทม์!


     100 คนแรกที่โอนเงินจะได้รับมินิสเปฯ “จะรุกจนกว่าจะรัก” ฟรี! ( เรื่องของอวกาศXเฟี้ยว ) มีจำนวนจำกัดแค่ 100 เล่มเท่านั้นจ้า
 

พิเศษสำหรับนักอ่านที่สั่งซื้อเข้ามา  จะได้รับสิทธิ์ร่วมลุ้นหมอนไดคัทขนาด 24 นิ้ว  รูปจักรวาล  น้องไทม์ อวกาศ  และเฟี้ยว  ไปนอนกอดเลยจ้าาาา  ( มีลายละ 2 ใบ  สุ่มแจก  คนละ 1ใบ/1ลาย  จะมีผู้โชคดีได้ไปนอนฟัดเหวี่ยงให้หนำใจ 8 คน จ้า )

 

     สุ่มแจกเข็มกลัดลายหนุ่มๆอีก 30 รางวัล ด้วยนะคะ ( ทั้งสิ้น 30คน/1ชิ้น )

 

     และเผื่อนักอ่านจะกังวลว่าเปิดพรีฯแล้วจะอัพต่อจนจบมั้ย  ขอย้ำว่าอัพต่อจนจบนะคะ!  แต่จะอัพแค่เฉพาะเนื้อหาหลักเท่านั้น  ซึ่งไม่ต้องห่วงเลยว่าจะค้างคา  เนื้อหาหลักจะเฉลยปมครบถ้วนทุกอย่างจ้า  ยกเว้นตอนพิเศษที่ขอสงวนไว้ให้กับนักอ่านที่สั่งซื้อเข้ามาเท่านั้นจ้า
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่41 (11/09/60)#หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 11-09-2017 14:07:29
เฟี้ยวทำได้ไง :katai1: :katai1: :katai1:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่41 (11/09/60)#หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-09-2017 14:29:58
อ่านแล้วขัดใจไทม์ ไม่เข้าใจความโลกสวยของไทม์จริงๆ
ที่เสนอตัวออกไปกับโชเล่ เหอะๆๆ

แล้วตัวร้ายอย่างโชเล่ก็ทำให้ไทม์รู้เรื่องรายงานที่หายไป
เรื่องไฟไหม้เผาโรงยิมเพื่อฆ่าไทม์ก็มาจากโชเล่
ก็ย้อนไปที่ไทม์โดนจม.หลอกที่ว่าเฟี้ยวนัด  ก็มาจากโชเล่อีกสินะ

แต่เฟี้ยวนี่นะที่ทำร้ายไทม์  :katai1: :katai1: :katai1:
เพื่อเข้าถึงโชเล่ หรือเปล่า
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่41-42 (11/09/60)#หน้า11(วันนี้อัพ2ตอนจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 11-09-2017 17:30:00


ตอนที่ 42

อดีตที่แสนเจ็บปวดของเฟี้ยวและเหตุผลของการแก้แค้น

 

Special  Talk :

“ไหนพวกมันบอกว่าแค่เอา SD การ์ดไปให้ก็พอไม่ใช่หรือไง  แล้วข้อความของมึงมันหมายความว่ายังไง!”

ผมชูข้อความที่ได้รับจากไอ้โชเล่เมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนให้ดู  ตอนที่กำลังอาบน้ำ  จู่ๆก็ได้รับข้อความนี้จากมัน

 

‘เปลี่ยนแผน  คุณกวินทร์ต้องการให้เอาตัวไอ้ไทม์ไปให้พร้อม SD การ์ด  กูกำลังจะหลอกมันไปที่บ้าน  มึงตามมาช่วยกันจับตัวมันส่งให้คุณกวินทร์ด้วย’

 

“ไม่รู้เหมือนกัน  อยู่ๆทางนั้นก็โทรมาบอกแบบนี้  จะให้กูทำไงวะ  ถ้าไม่ทำตาม  ที่ชีวิตแม่มึง  ชีวิตพ่อกู  แล้วไหนจะชีวิตมึงกับกูอีก  กูไม่เป็นคนดีพอถึงขนาดจะเอาชีวิตมาแลกกับไอ้ไทม์หรอกนะ”

“แล้วไงอ่ะ  ถ้ากูตามมาไม่ทันป่านนี้มันคงแจ้นไปบอกไอ้สองคนนั้นให้กลับมาฆ่ามึงไปแล้ว  จะทำอะไรไม่ดูสังขารตัวเองเลยนะ”

ผมโวยวายพลางมองมันที่เริ่มหน้าซีด  เพิ่งฟื้นจากการถูกซ้อมปางตายมาแค่สองวันเสือกทำเก่งออกมาข้างนอก  น่าจะปล่อยให้แม่งตายไปเลยจริงๆ!

“เออน่า  เดี๋ยวสักพักก็จะมีคนมารับพวกเรา  คุณกวินทร์สั่งให้ลูกน้องมารับแล้ว ว่าแต่มึงเหอะ  ได้มาหรือเปล่า  SD การ์ดนั่น”

“อือ  อยู่ในโน้ตบุ๊คของไอ้จักรวาล  พวกมันคงดูข้อมูลหมดแล้วล่ะ”

“แล้วมึงได้เช็คหรือเปล่าว่ามันได้โหลดข้อมูลลงคอมพ์ไว้ไหม”

“เช็คแล้ว  ไม่มี  ข้อมูลทั้งหมดอยู่ใน SD การ์ดที่ตัวกูเพียงอย่างเดียวเท่านั้น”

ไอ้โชเล่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก  ผมก้มลงมองร่างไม่ได้สติของไอ้ไทม์  พอจะก้มลงไปจัดท่าทางของมันให้ดีหน่อย  เสียงเครื่องยนต์ของรถกลับดังขึ้นเสียก่อน

“สงสัยจะมากันแล้ว  มึงแบกไอ้ไทม์คนเดียวไหวไหม”

“ไหว  มึงเหอะ  สภาพร่อแร่ใกล้ตายแบบนี้ยังจะไปอีกเหรอ  กูไปคนเดียวดีกว่า”

“จะบ้าเหรอวะ  กูจะปล่อยให้มึงไปคนเดียวได้ยังไง  ถ้าปากหมาจนโดนกระทืบมาอีก  อย่างน้อยก็จะได้แบ่งตีนกันคนละครึ่ง”

คำพูดของมันทำเอาผมโกรธเกลียดมันไม่ลงจริงๆสักที  คนนอกที่ไม่รู้  เวลามองผมกับไอ้โชเล่ที่อยู่ด้วยกันมักจะคิดว่าผมเป็นลูกพี่และไอ้โชเล่เป็นลูกกระจ๊อกที่คอยเลียแข้งเลียขา  แต่ความจริงไม่ใช่เลย   หลังจากที่ผมเริ่มทำตัวเกเรมีเรื่องกับชาวบ้านไปทั่วเพื่อป้องกันตัวเองจากความเจ็บปวดในอดีตและตัดสินใจออกมาจากบ้านผอ.  ก็ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้หรือคบค้าสมาคมกับผมอีก  ทว่ามันกลับไม่ใช่แบบนั้น  ไอ้โชเล่เป็นคนเดียวที่เดินเอาซาลาเปามาแบ่งครึ่งให้ผมในตอนพักเที่ยง  เพราะผมออกมาจากบ้านผอ.แค่ตัว  ไม่ได้มีเงินติดมาเลยสักบาท  แม้ว่ามารีอาจะเอาเงินมาให้ผมก็ไม่รับ  ช่วงนั้นเลยอดอยากแทบจะทุกวัน  จนได้ไอ้โชเล่นี่แหละเข้ามา

มันไม่กลัว  ไม่รังเกียจผม  แถมยังเอาข้าวกลางวันของตัวเองที่บางวันก็ไม่ได้มีกินเหมือนกันมาแบ่งให้อีก  ตั้งแต่วันนั้นมาพวกเราเลยเป็นเพื่อนกัน  ก่อนจะเริ่มสร้างเครือข่ายลูกน้องต่างๆเพื่อคุมโรงเรียน  ไม่มีใครรู้หรอกว่าสำหรับผมแล้ว  ไอ้โชเล่คือเพื่อนสนิทคนแรกต่างหาก…

 

เป็นเวลากว่าชั่วโมงในการเดนิทางจากบ้านไอ้โชเล่กลับมายังโรงงานร้างที่ถูกซ้อมคราวก่อน  อีกไม่ถึงชั่วโมงพระอาทิตย์ก็จะตกดินแล้ว  ผมก้มมองร่างเล็กที่ยังคงหลับสนิทอยู่ในอ้อมกอด  เมื่อรถเลี้ยวเข้ามาจอดสนิทอยู่ที่ประตูทางเข้า  ก็มีคนเข้ามาฉุดกระชากไอ้ไทม์ออกไปจากผมทันที

“เฮ้ย!  จะทำอะไรวะ!”

หมับ!

“ไอ้เฟี้ยว! อย่า…”

ไอ้โชเล่รั้งตัวผมเอาไว้พลางพยักพเยิดไปที่เอวของบรรดาชายชุดดำทั้งหลายที่ยืนล้อมอยู่   โอ้โห… แค่เด็กอายุสิบแปดสามคนมา  พวกมึงถึงกับเล่นของแข็งอย่างปืนกันเลยเรอะ!

เป็นผู้ใหญ่ฉิบหาย!

“ขอบใจที่เตือนกู”

“เออ  มึงอย่าเพิ่งห้าวให้มาก  หมัดกับลูกปืนความเร็วมันต่างกันเห็นๆอยู่แล้ว”

ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่ไอ้โชเล่กระซิบกลับมา

“เฮ้ย!  กระซิบอะไรกันวะ  ลงไปได้แล้ว  นายรออยู่”

“ครับพี่ๆ  พวกผมจะลงเดี๋ยวนี้แหละ   ไปเร็วไอ้เฟี้ยว”

ไอ้โชเล่ดันหลังผมให้ลงจากรถก่อนจะตามลงมาติดๆ  ผมมองตามไอ้ไทม์ที่หิ้วปีกเข้าไปข้างในด้วยความเป็นห่วง

แม่งยิ่งบอบบางเหมือนจะหักเป็นสองท่อนอยู่  พวกมึงช่วยจับกันเบาๆไมได้หรือไงฟะ!

“เข้าไป”

ไอ้ยักษ์เฝ้าประตูคนหนึ่งพูดพร้อมกับผลักผมกับไอ้โชเล่ให้เดินเข้าตามไปข้างใน  วันนี้นอกจากไอ้กวินทร์กับผอ.ที่ถูกจับมัดไว้กับเก้าอี้แล้ว  ยังมีชายแก่สูงวัยรูปร่างท้วมนั่งอยู่บนรถวิลแชร์อีกหนึ่งคนเพิ่มมาด้วย  หรือว่านั่น…

“ทุกคนออกไปให้หมด  ถ้ามีอะไรผมจะเรียกเข้ามาเอง”

บรรดาชายชุดดำนับสิบคนที่อยู่ด้านในพากันออกไปรอข้างนอกและปิดประตูให้เมื่อได้รับคำ  ผมกระหยิ่มยิ้มในใจเมื่อข้างในมีแค่มันคนเดียว

ถ้าจัดการคงไม่ยาก…

ตาแก่อีกคนอยู่บนรถเข็นคงทำอะไรไม่ได้หรอก

กึก…

“อย่าคิดจะทำอะไรบ้าๆเลยนะครับคุณเฟี้ยว”

ปากกระบอกปืนถูกหันมาทางผม  ไอ้รำยะเอ๊ย  มีปืนก็ไม่บอกกูตั้งแต่แรก  ปล่อยให้ดีใจเก้ออยู่ตั้งนาน!

“ไหนล่ะครับ  SD การ์ดของผม”

มันแบมือข้างหน้า  ไอ้โชเล่ดันผมให้เดินเข้าไปใกล้พร้อมกับมันที่เดินตามหลังมาแบบติดๆด้วย  ข้างๆไอ้กวินทร์มีไอ้ไทม์ที่ยังไม่ฟื้นถูกจับนั่งอยู่บนเก้าอี้

มันหลับจริงๆหรือเปล่าวะเนี่ย!

“อยู่นี่”

ผมล้วงหยิบ SD การ์ดที่ยัดใส่ไว้ในกางเกงในออกมา  ดีแค่ไหนที่มันไม่รอดผ่านรูทวารกูเข้าไปข้างใน  เฮ้อ!

“นะ…นี่คุณเก็บของสำคัญของผมไว้…เอ่อ…ตรงนั้น?”

“เออสิ  ก็เวลากูซ่อนบุหรี่ตอนไปโรงเรียนกูก็ซ่อนตรงนี้แหละ  ถึงได้รอดพ้นฝ่ายปกครองมาได้ไง  มึงเองก็ควรรู้ไว้ว่าที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับซ่อนของสำคัญคือในกางเกงใน”

ชี้ไปที่เป้าของมัน  นับว่าผมใจดีมากเลยนะ  ปกติไม่เคยบอกเรื่องดีๆแบบนี้กับใครต่อหรอก

“เอามันออกจากซองนั่นแล้วส่งแค่ SD การ์ดมาให้ผมก็พอครับ”

“ทำไมไม่เอาไปทั้งซองล่ะวะ  ต้องมากงมาแกะอะไรอีก”

ทำท่าจะยัดใส่มือมันทั้งสอง  แต่อีกฝ่ายกลับชักมือกลับ  สีหน้าบ่งบอกได้ว่ารังเกียจจนแทบไม่อยากจับ

“เอาแค่ SD การ์ดพอครับ”

“มึงก็เลิกเล่นได้แล้ว  ส่งให้คุณกวินทร์ไปสิวะ”

ไอ้โชเล่เร่ง  ผมเบ้หน้าก่อนจะแกะเอา SD การ์ดออกมาแล้วยื่นส่งให้มัน  ผอ.วันนี้ก็ยังถูกทำให้หลับเหมือนเคยสินะ

“จริงสิ”

ชักมือที่กำลังจะส่งของให้กลับมาอีกรอบ  คนที่ยื่นมือมารับอย่างมันเริ่มชักสีหน้าไม่พอใจ  ปากกระบอกปืนถูกหันมาทางผมอีกครั้ง

ชายสูงวัยที่นั่งอยู่บนรถเข็นด้านหลังไอ้กวินทร์อีกทีไม่หือไม่อือหรือมีส่วนร่วมใดๆเลย  ราวกับว่าเขากำลังคอยสังเกตทุกอย่างที่เกิดขึ้นอย่างเงียบๆ

มันเองสินะ…

ผู้อยู่เบื้องหลังที่มารีอาบอก

“คุณคิดจะเล่นอะไรอีก  รีบส่งมาให้ผมได้แล้วถ้าไม่อยากเจ็บตัวเหมือนคราวก่อน”

“เดี๋ยวเซ่  คนเขาเพิ่งมาเองนะ  อย่างน้อยๆก็น่าจะคุยกันก่อนจริงไหมล่ะ”

“ไอ้เฟี้ยว!  เล่นเหี้ยอะไรของมึงอีกวะ”

“มึงน่ะหุบปากแล้วไสหัวไปนั่งตรงมุมโน้นเลยไป”

ผมชี้ไปที่มุมๆหนึ่งก่อนจะกระโดดปุขึ้นไปนั่งบนลังไม้เก่าๆที่วางซ้อนอยู่ในโรงงาน  หน้าที่ของผมตอนนี้คือต้องถ่วงเวลาให้ได้มากที่สุด  จำนวนคนข้างนอกคงใช้เวลาไม่น้อยเลย…

“คุณคิดจะทำอะไรกันแน่  ไม่อยากช่วยแม่ของคุณแล้วหรือไง”

“ใช่ๆๆๆๆ  เรื่องนี้แหละที่กูอยากจะพูด”

ผมยิ้มกว้าวเมื่อนึกออกแล้วว่าจะเอาเรื่องอะไรมาคุยเพื่อถ่วงเวลาดี  ไอ้กวินทร์เริ่มหุบยิ้ม  รู้สึกเหลือเกินที่ทำให้บุรุษผู้สวมหน้ากากแห่งรอยยิ้มเอาไว้ตลอดเวลาอย่างมันหุบยิ้มได้

หึ…สะใจว่ะ!

“คุณอยากจะพูดอะไร”

มันขยับตัวเดินมายืนตรงหน้าผม  แต่ก็ไม่วายถือปืนค้างไว้เตรียมพร้อมลั่นไกใส่หัวผมอยู่ตลอดเวลา  ไอ้สันขวานเอ๊ย!  ถ้าปืนลั่นขึ้นมากูศพไม่สวยแน่ๆ

“ก็นะ  ถึงมึงจะเป็นคนที่พี่รัก  แต่เรื่องบางอย่างพี่คงไม่บอกให้มึงรู้อยู่แล้ว  โดยเฉพาะ…เรื่องอดีตของกู”

“คุณหมายถึงอะไร”

“หึๆ”

ผมแสยะยิ้ม  ยันตัวลุกขึ้นยืนบนลังไม้นั้นก่อนจะถอดเสื้อของตัวเองออกแล้วหันหลังให้มันดู

ความเจ็บปวดในอดีตที่ผมปิดตายมันเอาไว้!

“หลังคุณ…!”

“น่ากลัวใช่ไหมล่ะ  กูให้มึงทายว่าใครเป็นคนทำมัน”

“…”

“ติ๊กต่อกๆๆๆๆๆ”

ผมเอียงหัวไปมาพร้อมกับแกว่งนิ้วไปด้วย  ไอ้กวินทร์ทำท่านึกอยู่พักหนึ่งก็เบิกตากว้างขึ้นราวกับว่ารู้แล้วว่าเป็นฝีมือของใคร

“หรือว่า…”

ขวับ!

มันหันไปทางผอ.ที่หลับสนิทด้วยยาอยู่บนเก้าอี้

“ทายถูกด้วยนี่  เก่งนี่หว่า”

แปะๆๆๆๆ

ตบมือให้มันพร้อมกับหัวเราะร่วน  ทิ้งตัวลงนั่งยองๆบนลังไม้อีกรอบโดยไม่ได้ใส่เสื้อกลับ  ไม่คิดเลยว่าจะต้องมาเปิดเผยอดีตอันน่าทุเรศของตัวเองในเวลาแบบนี้  ให้ตายสิ!

“หมายความว่าไงวะไอ้เฟี้ยว  ทำไมผอ.ต้องทำร้ายมึงด้วย!  ผอ.เป็นแม่มึงไม่ใช่เหรอ!”

ไอ้โชเล่ที่ร่วมฟังทุกอย่างอยู่ด้วยเอ่ยถามอย่างแปลกใจ  แผลเป็นที่เกิดจากการโดนเฆี่ยนตีจนแตกเลือด  โดนเอาเตารีดร้อนๆทาบทับกลางแผ่นหลัง…

ความทรงจำที่เจ็บปวดและน่ารังเกียจพวกนั้นถูกฝังอยู่ในรอยแผลเป็นพวกนี้…

“เพราะกูไม่ใช่ลูกแท้ๆของยัยแก่นั่นน่ะสิ”

“อะไรนะ!”

ไอ้โชเล่ตกใจ  ส่วนไอ้กวินทร์ก็ดูจะตะลึงกับความจริงนี้ไม่น้อย  นอกจากตัวผอ.เอง  ผม  มารีอา  ไอ้จักรวาลและไอ้อวกาศ  ไม่มีใครรู้เรื่องนี้ทันนั้น

“กูเป็นลูกของคนใช้ในบ้านหลังนั้น  แต่ว่าพ่อตายตั้งแต่แม่ยังไม่คลอด  พอแม่คลอดกูออกมาก็ตายไปอีกคน  ตอนนั้นพ่อ… กูหมายถึงคุณผู้ชาย  สามีของยัยแก่นี่สงสารเลยรับกูไปเป็นลูกบุญธรรม  โดยบอกคนอื่นๆว่ากูเป็นลูกชายคนเล็ก  แรกๆทั้งสองคนก็เลี้ยงดูกูด้วยความรักแหละนะ  กูเป็นเด็กที่ถูกเลี้ยงมาอย่างดี  มีความสุขในทุกๆวัน  จนคุณผู้ชายมาจากไปอย่างกะทันหันด้วยอุบัติเหตุเครื่องบินตก  ยัยแก่นี่ที่ปกติเป็นแค่แม่บ้านคอยออกงานสังคมต้องขึ้นรับตำแหน่งบริหารโรงเรียนรวมถึงกิจการอื่นๆอีกมากมายของคุณผู้ชายอย่างไม่เต็มใจ  ไม่รู้วิธีการทำงาน  ไม่มีวิธีรับมือกับความกดดันต่างๆ  สุดท้ายก็เครียดจนกลายเป็นโรคประสาทอ่อนๆ  แล้วพวกมึงคิดว่าคนที่จะกลายเป็นที่ระบายความเครียดได้ดีที่สุดในตอนนั้นจะเป็นใครกันล่ะ”

ผมมองหน้าไอ้โชเล่สลับกับไอ้กวินทร์ที่นิ่งไป  ยิ่งคิดถึงเรื่องความพวกนั้น  ผมก็ยิ่งเกลียดในชะตาชีวิตของตัวเอง

“ใช่  คนที่กลายเป็นที่ระบายรองรับอารมณ์ความเครียดทั้งหมดของยัยแก่คนนั้นก็คือกู!!!  กูที่เพิ่งจะขึ้นชั้นประถมได้ไม่นาน  กูที่ไม่สามารถสู้หรือต่อต้านอะไรได้  กูที่ทำได้แค่ร้องไห้อ้อนวอนกราบตีนมันเพื่อขอให้มันอย่าทำร้ายกู!  กูที่อ่อนแอคนนั้นนั่นแหละคือผู้โชคร้าย!  และเพราะแบบนี้…มันเลยทำให้กูได้รู้ความจริงว่ากูไม่ใช่ลูกของพวกเขา  เวลาอาการกำเริบทีไร  ชาติกำเนิดที่แท้จริงของกูก็จะถูกขุดเอาออกมาพูดขณะที่แส้เส้นใหญ่กำลังฟาดลงบนหลังกู”

ตะโกนออกมาเสียงดังลั่นโดยมีน้ำตาแห่งความโกรธเกลียดเอ่อล้นมารอบดวงตา  ยิ่งมองไปที่ผอ.ในตอนนี้  ผมก็ยิ่งแค้น  แต่ทั้งที่แค้นขนาดนั้นแท้ๆ  ผมกลับเจ็บใจมากกว่าที่ไม่ว่าจะยังไงก็เกลียดยัยแก่คนนี้จริงๆจังๆไม่ได้สักที!!!

ในหัวมันจดจำแค่ภาพที่เธอและสามีของเธอเลี้ยงดูผมมาเป็นอย่างดีด้วยความรักเท่านั้น

บัดซบจริงๆ…

“เพราะงั้นพอเริ่มขึ้นมัธยม  กูเลยเริ่มเกเร  พยายามทำตัวเองให้แข็งแกร่งเพื่อที่สักวันหนึ่งกูจะได้หลุดพ้นออกมาจากนรกขุมนั้น!  แล้วสุดท้ายกูก็ทำสำเร็จ  วีรกรรมที่กูทำ  ความฉิบหายต่อชื่อเสียงที่กูก่อทำให้ยัยแก่ไล่กูออกจากบ้าน  ตั้งแต่นั้นมา…ตัวตนที่กูเป็นอยู่ทุกวันนี้เลยกลายเป็นสิ่งเดียวที่จะปกป้องกูจากมารร้ายในคราบมนุษย์อย่างผู้หญิงคนนั้น!!!”

ระเบิดอารมณ์ออกไปอย่างเต็มที่  ช่วงเวลาที่ถูกทรมานทั้งร่างกายและจิตใจทำให้ผมหวาดกลัวจนแทบสูญเสียความเป็นคน  แม้ว่าในช่วงเวลานั้นจะมีมือของไอ้จักรวาลยื่นเข้ามาเพื่อปกป้องผมก็ตาม  แต่สิ่งที่เคยถูกกระลงไปแล้ว  มันยังคงฝังแน่นอยู่ในจิตใจ…

ลบยังไงก็ไม่มีวันหายไปหรอก  เหมือนรอยแผลเป็นพวกนี้ยังไงล่ะ

“แล้วยังไง  คุณต้องการจะสื่ออะไรถึงได้เล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง”

“หน้าตามึงก็ดูฉลาดนะ  แต่เอาเข้าจริงมึงแม่งโง่ฉิบหาย!”

“ว่าไงนะ”

“กูเล่าขนาดนี้แล้วยังไม่เข้าใจเหรอ”

เอียงคอถามมันพร้อมกับส่ายหัวอย่างระอา  เสียเวลาดราม่าไปเปล่าๆจริงเลยกู!

“เอางี้  มึงกับกูมายื่นหมูยื่นแมวกัน กูจะบอกว่าเรื่องที่กูเล่านั้นกูต้องการจะสื่ออะไรกันแน่  แลกกับ…”

“…”

“บอกกูมาว่าอะไรคือสิ่งที่ทำให้มึงแค้นพวกอสังหาได้มากมายขนาดนี้  ทั้งที่มึงเองก็เป็นอสังหาเหมือนกัน”

“มันก็แค่เมื่อก่อนครับ  ผมเปลี่ยนนามสกุลมาสิบแปดปีแล้วไม่รู้หรือไง”

“แต่ความจริงที่มึงคือสายเลือดของอสังหามันไม่ได้ถูกเปลี่ยนไปด้วยสักหน่อย”

ผมสวนกลับไปทันที  ไอ้กวินทร์ชะงักเมื่อเจอตอกกลับด้วยคำพูดแบบนี้  ยังไงผมก็ยังต้องถ่วงเวลาต่อ  ดราม่าของตัวเองก็เกลี้ยงแล้ว  ที่เหลือก็คงแค่ต้องไล่บี้ให้มันเล่าความแค้นของตัวเองออกมาให้ได้!

“ผมไม่มีอะไรจะต่อรองกับคุณทั้งนั้น  รีบส่ง SD การ์ดมาดีกว่า”

“ไม่เอาน่า  ไหนๆก็จะได้ทุกอย่างไปเป็นของตัวเองแล้วไม่ใช่เหรอ  ก็แค่บอกเหตุผลมาเท่านั้นเอง  เห็นแบบนี้แต่กูก็ชอบเสือกเรื่องชาวบ้านเหมือนกันนะ”

“ถ้าผมบอกคุณจะเลิกก่อกวนแล้วส่งของให้ผมใช่ไหม”

“แน่นอน  สาบานด้วยเกียรติของหัวหน้าลูกเสือสำรองเมื่อตอนประถมเลยเอ้า!”

ผมชูสามนิ้วขึ้นเพื่อเป็นการปฏิญาณตน  สายตาเหลือบมองไปทางประตูเป็นระยะๆ  ทำไมชักช้ากันนักวะ!

“ตกลง  ผมจะบอก  ก็ดีเหมือนกัน  คุณจะได้รู้ถึงความชั่วที่พวกอสังหามันทำไว้กับครอบครัวผม  บางทีมันอาจจะทำให้พวกคุณเลิกเข้าข้างคนผิด”

สีหน้าและแววตาที่เจ็บปวดของมันทำให้ผมชักจะอยากรู้จริงๆแล้วว่าเหตุผลที่ทำให้เกิดสงครามแย่งชิงสมบัติในตระกูลนี้คืออะไรกันแน่!

“สามสิบห้าปีก่อน  ก่อนที่คุณปู่จะเสียไป  ท่านได้ตั้งข้อกำหนดขึ้นมาว่า…ในบรรดาลูกชายสองคนของท่าน  ใครที่สามารถมีทายาทสืบสกุลได้ก่อน  จะได้รับมรดกส่วนมากและตำแหน่งผู้บริหารไป  ตอนนั้นคุณพ่อของผมไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้เลย  ท่านไม่เคยอยากได้สมบัติ  และคิดว่าถึงคุณลุงจะเป็นคนได้ไปก็ไม่เป็นไร  ดังนั้น…เมื่อคุณป้าให้กำเนิดลูกชายคุณแรกตามเงื่อนไขของคุณปู่  คุณลุงจึงได้มรดกไป  และแน่นอน  คุณพ่อของผมดีใจกับพี่ชายมาก  เพราะท่านรักและเทิดทูนคุณลุงสุดชีวิต  คุณปู่เลี้ยงให้พี่น้องรักและช่วยเหลือกันมาตลอด  ทุกอย่างเหมือนจะจบลงด้วยดีจนกระทั่ง…”

“…”

“ตอนที่ผมอายุได้สิบเจ็ดปี  คุณพ่อก็ได้รู้ความจริงเรื่องที่จักรวาลไม่ใช่ลูกของคุณลุง  คุณป้าแท้งลูกก่อนถึงกำหนดคลอดทำให้ความหวังที่จะได้รับมรดกของคุณลุงพังทลายเลยต้องไปเอาจักรวาลมาเป็นลูกเพื่อรับมรดก  คุณลุงได้มรดกไปอย่างไม่ชอบธรรม  พอรู้เรื่องนี้เข้า  คุณพ่อก็มาบอกกับผม  แต่พวกเราคุยและตกลงกันแล้วว่าไม่เป็นไร  คุณพ่อและผมพร้อมให้อภัยเพราะมันคือเรื่องในอดีต  อีกอย่าง  ตลอดมาตั้งแต่คุณลุงรับมรดกไป  ก็ดูแลเราสองพ่อลูกอย่างดีมาตลอด  ไม่เคยต้องลำบากหรือน้อยหน้าใคร  ทั้งที่คิดเอาไว้แบบนั้น  แต่คุณลุงกลับ…ผู้ชายคนนั้นกลับคิดฆ่าพ่อของผมเพื่อกำจัดคนที่จะได้ส่วนแบ่งจากมรดกทั้งหมดออกไป!!!!”

ไอ้กวินทร์ตะโกนกร้าวด้วยความโกรธจัด  ไม่หลงเหลือร่องรอยของหน้ากากแห่งรอยยิ้มอีกแล้ว

“คุณพ่อที่น่าสงสารของผม…คุณพ่อที่รักและเทิดทูนบูชาพี่ชายยิ่งกว่าอะไรถูกวางแผนฆ่าด้วยการตัดสายเบรกรถคันที่คุณพ่อใช้จนท่านประสบอุบัติเหตุและพิการเดินไม่ได้มาจนถึงทุกวันนี้!!!”

มันชี้ไปยังพ่อของตัวเองที่นั่งมองอยู่บนรถเข็น

คำว่า ‘หุ่นเชิด’ ที่พี่บอกกับไอ้ไทม์ย้อนมาในหัวทันทีเมื่อผมได้สบตากับตาแก่นั่นแบบเต็มๆ

“คุณเข้าใจแล้วใช่ไหมว่าทำไมผมถึงอภัยให้กับพวกอสังหาไม่ได้  พวกเขาชั่วร้ายเกินกว่าที่ผมจะให้อภัยได้!  ใช้วิธีขี้โกงเอามรดกไปยังไม่พอ  ยังคิดจะฆ่าคุณพ่อที่แสนดีของผมอีก  แล้วคุณจะให้ผมทำยังไง  จะให้ผมอยู่เฉยๆนั่งรอวันที่พวกขเจะส่งคนมาฆ่าคุณพ่อของผมอีกงั้นเหรอ  ไม่มีวันหรอก!”

โครม!!!

ประตูที่ถูกปิดไว้อย่างสนิทลอยละลิ่วเข้ามากระแทกกับกำแพงด้านในจนฝุ่นตลบ  ผมผิวปากและเหยียดยิ้มกว้างต้อนรับผู้มาใหม่  ท่ามกลางสายตาตกใจของไอ้กวินทร์ที่หันไปมองเงาดำทะมึนตรงประตูนั้น…

“ที่แท้ก็เพราะแบบนี้นี่เอง”

“จะ…จักรวาล!”

“ฮ้าๆ!  เจ้าพวกข้างนอกน่ารำคาญชะมัด  ตอแยไม่เลิกเลยต้องจัดหนักจนได้  ทั้งที่กะจะแค่ให้ได้หลับพักผ่อนกันเฉยๆเองนะ”

“เสียงนี้มัน…อวกาศ!”

สิ้นเสียงตะโกนอย่างตกใจของไอ้กวินทร์  ไอ้จักรวาลกับไอ้อวกาศก็ปรากฏตัวขึ้นที่ประตู!

คนหัวดำยืนเอามือล้วงกระเป๋าข้างหนึ่ง  ส่วนอีกข้างถือซองเอกสารบางอย่าง  ร่างกายไร้ซึ่งรอยขีดข่วน

ส่วนคนหัวขาวเดินปิดปากหาวเข้ามาก่อนจะยืดเส้นยืดสายบิดขี้เกียจไปมาและ…

“โอ๊ะ!  เฟี้ยว  นายปลอดภัยดีสินะ  ที่รักของฉัน”

มันใช่เวลาไหมเนี่ยไอ้หน้าวอก!!!

“นี่มันหมายความว่ายังไง  ทำไมพวกคุณถึงมาอยู่ที่นี่…!”

“มันจบแล้วครับ”

อีกเสียงหนึ่งที่ดังขึ้นนั้นทำให้ไอ้กวินทร์ตกใจยิ่งกว่า  มันหันกลับไปมองไอ้ไทม์ที่เงยหน้าขึ้นมาหลังจากแกล้งทำเป็นสลบมาตลอดเวลาด้วยดวงตาเบิกกว้าง

“คุณ…!”

“คุณกับพ่อของคุณ…แพ้แล้วครับ”

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

วันนี้มาอัพสองตอนอีกแล้วววววว  ในที่สุดเรื่องราวก็จะคลี่คลายลงสักที!!!  รู้สึกชอบฉากเปิดตัวจักรวาลและอวกาศเหลือเกิน  มากันได้เท่ทุกท่วงท่ามากๆ 5555  อดีตอันแสนเจ็บปวดของเฟี้ยวเองก็น่าสงสารใช่ย่อย  นี่สินะคือสาเหตุที่ทำให้ต้องก้าวร้าว  มันก็เพื่อปกป้องหัวใจที่อ่อนแอของตัวเองไม่ให้ถูกทำร้ายได้อีกนั่นเอง  รวมถึงกวินทร์  ดูท่าสิ่งที่เขาได้รับรู้มากับเรื่องจริงจะถูกบิดเบือนจนเกิดเป็นความแค้นเผาไหม้ในจิตใจ  มารอติดตามกันนะคะว่าสุดท้ายแล้วน้องไทม์จะสามารถเปิดเผยความจริงได้หรือไม่?!  แล้วคนที่อยู่เบื้องหลังคอยชักใยให้กวินทร์กลายเป็นหุ่นเชิดจะใช่ไกรศรหรือเปล่า…

เรื่องนี้เปิดพรีแล้วนะคะ  รายละเอียดดูได้ที่ https://writer.dek-d.com/Bb9-/writer/viewlongc.php?id=1681164&chapter=38 (https://writer.dek-d.com/Bb9-/writer/viewlongc.php?id=1681164&chapter=38)  มีของรางวัลให้ร่วมลุ้นร่วมสนุกด้วยน้า  ตอนพิเศษสุดฟินอัดแน่นเต็มเล่มแน่นวลลลลล!
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่41-42 (11/09/60)#หน้า11(วันนี้อัพ2ตอนจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 11-09-2017 18:08:08
 :call:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่41-42 (11/09/60)#หน้า11(วันนี้อัพ2ตอนจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 11-09-2017 18:49:50
นั่นไงเฟี้ยวไม่ใช่ลูก ถึงถูกทรมาน

ว่าแต่พ่อกวินท์ แกล้งทำเป็นว่าถูกพ่ออวกาศตัดเอ็นที่ขา
เพื่อให้กวินท์แค้นพ่ออวกาศใช่มะ
รอความจริงเปิดเผย  :z3: :z3: :z3:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่41-42 (11/09/60)#หน้า11(วันนี้อัพ2ตอนจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 11-09-2017 19:10:44
 :pig4: :pig4: :pig4:
รอตอนต่อไป :hao7: :hao7: :hao7:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่41-42 (11/09/60)#หน้า11(วันนี้อัพ2ตอนจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 11-09-2017 22:19:13
ถ้าพ่อของอวกาศ กับพ่อของกวินทร์ ต่างฝ่ายต่างโดนเสียมให้ทะเลาะกัน แล้วไผฟะเป็นคนเสียม ย้ยผอ. หรอเปล่าหว่า  :m28:
หัวข้อ: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่43 (12/09/60)#หน้า11
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 12-09-2017 13:00:48
ตอนที่ 43
หุ่นเชิด

“คุณไทม์!”
“ครับ  ผมเอง”
สีหน้าของคุณกวินทร์เริ่มซีดเผือดไปด้วยความตกใจ  เหตุผลที่ทำให้เขาแค้นอสังหาทำให้ผมยิ่งสงสารเขามากยิ่งขึ้น
เข้าใจแล้วล่ะครับอาจารย์  ว่าทำไมอาจารย์ถึงทั้งรักและสงสารผู้ชายคนนี้
“ฉันจัดการทุกอย่างตามที่นายบอกแล้วนะ  เป็นอย่างที่นายพูดมา…ทุกอย่าง”
คำว่า ‘ทุกอย่าง’ คุณจักรวาลเน้นหนักและเหลือบมองไปทางคุณไกรศรเป็นพิเศษ  เขายังคงนั่งนิ่งไม่ยอมพูดจา  หากแต่สายตาก็หวาดมองพวกเราไม่ละไปไหนเช่นกัน
“เอาล่ะ!  ทีนี้ก็ตามสัญญา  มึงบอกเหตุผลของมึงมาแล้ว  กูก็จะบอกให้มึงรู้ว่าทำไมกูถึงเล่าอดีตของกูให้มึงฟัง”
ไอ้เฟี้ยวกระโดดปุลงมาจากลังไม้ไปยืนรวมกับคุณจักรวาลและคุณอวกาศ  ผมเดินตามไปสมทบทีหลังขณะที่ในหัวกำลังประมวลเรื่องที่กำลังจะพูดทั้งหมด
“อย่างที่บอก  ยัยแก่นั้นทารุณฉันเอาไว้เยอะ  แถมยังไม่ใช่แม่ที่แท้จริงของฉันอีก  แล้วแบบนี้แกยังคิดว่าฉันจะยอมทำทุกอย่างเพื่อช่วยคนแบบนั้นงั้นเหรอ?”
“คุณกำลังจะบอกว่า…”
“ฉันไม่เคยคิดจะช่วยตั้งแต่แรกแล้ว”
ไอ้เฟี้ยวแสยะยิ้มสะใจ  มันดูมีความสุขมากเมื่อได้เห็นหน้าที่เริ่มถอดสีไปของอีกฝ่าย
“ทั้งหมดมันเป็นแผนของน้องชายสุดที่รักของผมเองล่ะครับพี่กวินทร์”
คุณอวกาศเดินเข้ามาโอบไหล่ผมเอาไว้  สายตาของคุณกวินทร์เบนมาที่ผมในทันที  วันนี้ทุกอย่างจะต้องจบลง  ผมจะไม่ยอมให้ญาติพี่น้องมาเข่นฆ่ากันเองอีกต่อไปแล้ว
“คุณพลาดไปตรงที่คิดส่งไอ้โชเล่เข้ามานั่นแหละครับ  วิธีที่ให้มันเข้ามาช่วยชีวิตผมเพื่อให้เกิดความไว้วางใจมันใช้ไม่ได้ผล  เพราะถ้าเป็นไอ้โชเล่ตัวจริง  คนอย่างมันที่เคยแกล้งผมเอาไว้มากมาย  ไม่มีทางเอาชีวิตของตัวเองมาเสี่ยงเพื่อผมหรอก  นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผมสงสัยว่าการมาของไอ้โชเล่ที่หายไปเป็นเดือนจะต้องมีเบื้องหลัง”
ผมเริ่มอธิบายถึงเรื่องราวที่ผ่านมา  สิ่งที่ผมคิด  สิ่งที่ผมทำลงไปเพื่อหาทางป้องกันและรับมือกับเขา
“รอยแผลเป็นที่เกิดจากการถูกไฟคลอกตรงฝ่ามือไอ้โชเล่ยิ่งตอกย้ำข้อสงสัยของผม  พอทำการตรวจสอบในบ้านของมันดูก็เจอเข้ากับรายงานและเสื้อผ้าที่มีกลิ่นน้ำมันกับรอยไหม้  ผมเลยมั่นใจว่าไอ้โชเล่จะต้องทำงานให้กับคุณแน่นอน  เพียงแต่สิ่งที่ผมยังไม่รู้คือเหตุผลที่ว่าทำไมมันถึงมาทำงานให้กับคุณได้ต่างหาก  ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมสนใจอยู่แล้ว  จุดต่อไปที่ผมพยายามหาคำตอบคือ…ทำไมถึงเป็นไอ้โชเล่  และเมื่อคิดทบทวนดูแล้ว  เพียงคนเดียวในหมู่พวกเราที่ไอ้โชเล่เกี่ยวข้องด้วยก็คือ…”
“กูไง”
ไอ้เฟี้ยวโบกมือร่าด้วยท่าทางอารมณ์ดีสุดๆ  สำหรับมันเอง…เรื่องราวในอดีตของมันเป็นครั้งแรกที่ผมได้รับรู้  ตอนที่มันบอกว่าจะทำตามแผนการของผมโดยไม่มีทีท่าลังเลเลยนั้น  ผมก็ยังแปลกใจอยู่ว่าเพราะอะไร  ทั้งที่มันน่าจะห่วงความปลอดภัยของท่านผอ.มากกว่าแท้ๆ  แต่เพราะแผนการที่วางเอาไว้ยังไงก็สามารถช่วยท่านผอ.ได้  ผมเลยไม่ติดใจอะไร  แต่คิดไม่ถึงจริงๆ…ว่าแผลเป็นมากมายที่แผ่นหลังของมันจะมาจากเรื่องนี้…
“ในเมื่อกูคือคนเดียวที่เกี่ยวข้องกับไอ้โชเล่  ไอ้ไทม์ถึงคิดขึ้นมาได้ว่าเป้าหมายต่อไปอาจจะเป็นกู  แค่ยังไม่รู้ว่าพวกมึงวางแผนคิดจะทำอะไรก็เท่านั้น  จนกระทั่งวันที่มึงให้ไอ้โชเล่มันส่งคลิปนั้นมาให้กูนั่นแหละ”
“การส่งคลิปมันทำให้พวกคุณรู้แผนการทั้งหมดของผมเลยอย่างนั้นเหรอ”
คุณกวินทร์ย้อนถาม  ยิ่งใกล้ถึงจุดที่จะเปิดเผยเรื่องราวมากขึ้นเท่าไหร่  ผมก็ยิ่งกังวลใจมากขึ้นเท่านั้น  ไม่รู้ว่าเขาจะแบกรับความจริงหลังจากนี้ไหวหรือเปล่า…
“นั่นเพราะว่าคุณติดกับแล้วยังไงล่ะครับ  ผมบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าผมรู้แล้วว่าไอ้โชเล่ทำงานให้กับคุณ  และเป้าหมายต่อไปก็คือไอ้เฟี้ยว  เพียงแต่ยังไม่รู้เหตุผลว่าเพราะอะไร  จนเมื่อคุณติดกับส่งคลิปของท่านผอ.มา  ความจริงก่อนหน้านี้ผมคิดไว้แล้วล่ะว่าไม่แน่บางทีท่านผอ.อาจจะถูกคุณจับตัวเอาไว้  เพราะขนาดคุณจักรวาลที่มีอิทธิพลมากกระจายคนออกตามหาจนแทบพลิกแผ่นดินในประเทศไทยแต่ยังไม่พบ  ความเป็นไปได้เลยมีเพียงอย่างเดียวคือจะต้องมีคนซ่อนตัวท่านผอ.เอาไว้  และเมื่อมีคลิปนั้นส่งเข้ามา  ทุกอย่างก็ลงล็อก  ท่านผอ.คือเหยื่อล่อที่จะเรียกตัวไอ้เฟี้ยวออกไป  พอคิดแบบนี้แล้ว ทุกอย่างมันก็ง่ายนิดเดียวครับ”
“ที่เหลือกูก็แค่ทำเป็นยอมเพื่อให้ไอ้โชเล่พากูมาหามึง”
“แต่คนอย่างที่พี่กวินทร์เองก็ฉลาดไม่น้อย  ถ้ายอมง่ายๆก็อาจจะถูกสงสัยได้ว่ามีการซ้อนแผนเกิดขึ้น  ไทม์เลยให้เฟี้ยวแสดงละครว่ายอมต่อหน้าเด็กที่ชื่อโชเล่  แต่พอมาเจอพี่จริงๆก็ให้ยืนยันว่าจะไม่หักหลังใครเด็ดขาด  เพื่อให้มีการข่มขู่เกิดขึ้นจนเฟี้ยวยอมจำนนแบบไม่มีทางเลือก  พี่จะไม่ได้ไม่เอะใจและคิดว่าที่เฟี้ยวยอมทำตามก็เพราะต้องการจะช่วยคุณป้า”
คุณอวกาศอธิบายต่อ
“แต่ว่านั่นเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่สำหรับการสันนิษฐานครั้งนี้ของผม  ผมไม่คิดว่าคุณจะลงมือกับไอ้เฟี้ยว  ที่คิดไว้ก็แค่คุณอาจจะหาเรื่องข่มขู่  ทำยังไงก็ได้เพื่อบีบให้ไอ้เฟี้ยวหมดหนทางให้มากที่สุด   ผมยอมรับว่าวันที่ไอ้เฟี้ยวถูกเอาโยนทิ้งไว้หน้าบ้านด้วยสภาพแบบนั้น  ผมทั้งโกรธและเกลียดตัวเองที่ชะล่าใจมากเกินไปจนทำให้ไอ้เฟี้ยวต้องเกือบตายแบบนั้น”
“กูบอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร  เมื่อไหร่มึงจะเลิกโทษตัวเองสักทีเนี่ย  ที่โดนวันนั้นมันแค่จิ๊บๆ  ตอนไปตีกับโรงเรียนอีกยังหนักกว่านี้อีก”
ไอ้เฟี้ยวหันมาว่าเข้าให้อีกรอบ  คุณกวินทร์ที่ได้ยินแบบนั้นก็หัวเราะออกมาเบาๆ
“งั้นเหรอ  ทั้งหมดก็เพื่อทำให้ผมคิดว่าตัวเองกุมจุดอ่อนของคุณเฟี้ยวเอาไว้สินะ”
“เออสิ  กูถึงได้ยอมโดนซ้อมขนาดนั้นไง  ทั้งหมดก็เพื่อให้วันนี้มาถึง  วันที่กูจะได้เห็นความพินาศย่อยยับของมึงด้วยตาทั้งสองข้างของกูเอง!”
“หลังจากนั้นก็แค่รอเวลาให้ถึงวันที่ต้องส่งมอบ SD การ์ด  ผมกับพี่จักรวาลทำทีเป็นออกจากบ้านไปเพื่อเปิดโอกาสให้เด็กคนนั้นทำตามแผนที่เตรียมไว้นั่นคือหลอกล่อไทม์ออกจากบ้านเพื่อจะจับตัวมาให้คุณ  ไม่สิๆ  ความจริงผมกับพี่ก็ออกจากบ้านไปทำธุระกันจริงๆนั่นแหละ  เกือบตามมาไม่ทันเลยด้วยซ้ำ”
คำบอกเล่าของคุณอวกาศทำให้ผมแปลกใจในทันที
“เดี๋ยวนะครับ พวกคุณสองคนไปด้วยกันเหรอ  ผมนึกว่ามีใครคนหนึ่งคอยแอบสะกดรอยตามพวกเรามาจนถึงที่นี่เสียอีก”
“เปล่านะ  ฉันกับพี่ไปด้วยกันเพราะพี่แยกไปสถานีตำรวจเพื่อจัดการเอกสารที่นายบอก  ส่วนฉันก็ไปโรงพยาบาลเพื่อขอเอกสารพวกนั้นเหมือนกัน  พอแยกกันไปเสร็จแล้วถึงค่อยมาเจอกันทีหลังน่ะ”
คุณอวกาศตอบกลับ  เดี๋ยวนะ  ถ้าพวกเขาไม่ไดมีใครตามมาตั้งแต่ต้น  แล้วพวกเขารู้ได้ยังไงล่ะว่าพวกผมถูกพาตัวมาที่นี่  ในเมื่อพวกเราโดนยึดมือถือไปหมด?
“กูก็คิดว่าหนึ่งในพวกมึงคอยตามอยู่ห่างๆแล้วค่อยส่งสถานที่ไปบอกให้อีกคนที่ไปทำเรื่องเอกสารตามมาสมทบเสียอีก สรุปว่าไม่ใช่?”
คุณอวกาศส่ายหน้าปฏิเสธคำคาดการณ์ของไอ้เฟี้ยว
“ถ้างั้น…พวกคุณสองคนรู้ได้ยังไงล่ะครับว่าพวกเราอยู่ที่นี่”
ผมถามออกไป  เกิดความเงียบขึ้นก่อนที่ไอ้เฟี้ยวที่ทำท่าเหมือนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จะเป็นคนส่งเสียงก่อน
“จริงด้วย  จะว่าไปครั้งก่อนที่ไอ้ไทม์มันถูกหลอกไปย่างสดที่โรงยิม  ไอ้จักรวาล  ตอนนั้นแกอยู่ที่บ้านแท้ๆ  แล้วแกส่งสถานที่ที่ไอ้ไทม์อยู่มาให้ฉันได้ยังไงวะ”
สายตาทุกสายตาเบนไปทางคุณจักรวาลที่เอาแต่ยืนเงียบทันที  ครั้งนั้น…คนที่รู้ว่าผมอยู่ที่ไหนคือเขาหรอกเหรอ?  ผมหลงคิดว่าเป็นไอ้เฟี้ยววิ่งวุ่นตามหาผมจนเจอเสียอีกนะ
“นั่นสิ  ตอนที่ผมกับพี่ไปเจอกันตรงสถานที่นัด  คนที่เป็นคนจับรถพามาที่นี่ก็คือพี่นี่หว่า  ผมนึกว่าพี่ได้รับโลเคชั่นอะไรจากพวกนี้เลยตามมาจนถูก  แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่  ถ้างั้น…พี่รู้ได้ยังไง?”
คุณอวกาศถามขึ้นมาอีกคำถาม  พอโดนไล่จี้เข้ามากๆร่างสูงที่ทำท่าเหมือนไม่อยากจะตอบก็ผ่อนลมหายใจออกมาแรงๆก่อนจะชี้มาที่ผม!
ไม่สิ…
จุดที่เขาชี้คือ…
“ปลอกคอ?”
ผมทวนคำเมื่อก้มมองสิ่งที่คุณจักรวาลชี้นิ้วมา  ปลอกคออันนี้มันทำไมหว่า?
“ในกระดิ่งนั่น  ฉันติดเครื่องส่งสัญญาณเอาไว้  มันเชื่อมต่อกับมือถือของฉัน  ไม่ว่านายจะอยู่ส่วนไหนบนโลกใบนี้  ฉันก็จะหานายจนเจอ”
“จริงเหรอครับ!”
เอ่อ…แค่เรื่องนี้เท่านั้น  สาบานได้ว่าผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยจริงๆ!
แบบนี้แสดงว่าที่ผ่านมาเขาคอยดูแลผมมาตลอด  เพื่อความปลอดภัยของผม  ที่บังคับให้ใส่ปลอกคออันนี้เอาไว้และห้ามถอดก็เพราะเขาจะได้รู้ว่าผมอยู่ที่ไหน
ผม…
อยู่ในสายตาของเขาตลอดมา  ทุกวินาที…
“สมกับเป็นคุณเลยนะจักรวาล  ผมคิดว่าที่คุณตามตัวคุณไทม์ได้เป็นเพราะสัญญาณจากมือถือเสียอีก  ก็เลยจัดการปิดเครื่องไป  ไม่คิดเลยว่าตัวส่งสัญญาณจริงๆจะเป็นปลอกคอนั่น”
คุณกวินทร์มองมาที่ปลอกคอซึ่งผมกำลังจับมันอยู่ในตอนนี้  พอคิดว่าที่ผ่านมาผมได้รับการดูแลจากเขามาตลอด  หัวใจมันก็เต้นแรงแม้จะรู้ดีว่าไม่ใช่เวลามาดีใจก็ตาม
“แล้วยังไงครับ  จากนี้จะเอายังไงต่อเหรอ  เอา SD การ์ดไปให้ตำรวจงั้นสิ”
“คุณกวินทร์ครับ  ผมขอถามคำถามกับคุณหน่อย  คุณรู้หรือเปล่าว่าใน SD การ์ดมีข้อมูลอะไรอยู่”
สิ้นคำถาม  ทั้งหมดก็หันมาจ้องหน้าผมอย่างพร้อมเพรียง  คงสงสัยนั่นแหละว่าทำไมผมถึงถามแบบนี้  แต่ว่า…ไม่รู้สิ  ผมจะคาใจมากถ้าหากไม่ได้ถามคำถามนี้กับเขา
“รู้สิ  คุณพ่อบอกว่ามันเป็นหลักฐานปลอมที่คุณลุงให้หัวหน้าฝ่ายบัญชีและคลังสินค้าปลอมแปลงขึ้นมาเพื่อใส่ร้ายคุณพ่อ  เป็นหลักฐานที่เหมือนจริงมากเพราะมีเงินถูกโอนเข้าบัญชีในชื่อของคุณพ่อทุกเดือน  โชคดีที่คุณพ่อรู้เรื่องนี้ก่อนเลยจ้างคนไปขโมยมันมาได้ทันก่อนที่คุณลุงจะใช้มันเพื่อเล่นงานคุณพ่อ  เพราะงั้น  เมื่อเล่นงานคุณพ่อด้วยหลักฐานปลอมพวกนี้ไม่ได้เลยหันมาตัดสายเบรกรถคุณพ่อเพื่อจะฆ่าคุณพ่อของผมแทนไงล่ะ  คุณถามเรื่องนี้ไปทำไม”
ทุกคนพร้อมใจกันอ้าปากค้างเมื่อฟังสิ่งที่คุณกวินทร์พูดมาจนจบ  กะแล้วเชียว…
ผู้ชายคนนั้น…ชักใยลูกชายของตัวเองมาตลอด!
“แล้วทำไม SD การ์ดที่พ่อของคุณน่าจะเก็บซ่อนเอาไว้เป็นอย่างดีถึงมาอยู่ที่อาจารย์มารีอาได้ล่ะครับ”
“เรื่องนั้น…คุณพ่อบอกว่าในวันก่อนที่เธอจะฆ่าตัวตาย  เธอมาเยี่ยมคุณพ่อของผมที่บ้านเหมือนทุกที  แต่ดูเหมือนตอนที่คุณพ่อเข้าห้องน้ำ  เธอบังเอิญทำเอกสารสำคัญของคุณพ่อที่วางอยู่บนโต๊ะคอมพ์หล่นก็เลยเจอ SD การ์ดเข้า  แต่คุณพ่อไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงเปิดดู  พอเห็นข้อมูลพวกนี้  มารีอาคงคิดว่าผมกับพ่อเป็นคนเลว  และที่ผ่านมาผมโกหกเธอมาตลอด  ความผิดหวังเสียใจต่อตัวผมทำให้เธอตัดสินใจฆ่าตัวตาย  แต่ในข้าวของของเธอตอนที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ  กลับไม่มี SD การ์ดอยู่เลย  คุณพ่อบอกว่าบางทีมันอาจจะถูกส่งต่อไปให้พวกจักรวาลแล้วก็ได้  ก่อนที่พวกคุณจะใช้มันมาทำลายคุณพ่อของผมอีกครั้ง  ผมเลยต้องทำทุกทางเพื่อให้มันกลับมาแล้วทำลายทิ้ง”
ให้ตายสิ…
ผมไม่เคยเห็นใครเลวเท่าพ่อของเขามาก่อนเลยจริงๆ!  ทั้งที่เป็นคุณพ่อแท้ๆ  แต่ทำไมเขาถึงเลือดเย็นทำกับลูกชายที่รักตัวเองมากได้ถึงขนาดนี้นะ!  ลูกชายที่เชื่อเขาทุกอย่างโดยไม่สงสัยอะไรเลย  เลว…เลวไม่มีที่เปรียบ!
“แล้วมึงก็เชื่อเหรอวะ!  มึงคบกับพี่มากี่ปี  มึงไม่มีหัวคิดเลยหรือไง!  แล้วอีกอย่างนะ  ถ้าหลักฐานพวกนี้มันเป็นหลักฐานปลอมที่ถูกสร้างขึ้นมาตั้งสิบแปดปีแล้ว  คนสมองดีจริงๆไม่มีใครเขาเก็บเอาไว้เป็นหอกข้างแคร่หรอกเฟ้ย!  มันต้องกำจัดทิ้งตั้งแต่ที่ได้มาแล้วเซ่!”
ไอ้เฟี้ยวระเบิดเสียงลั่นอย่างหมดความอดทน  ถ้าเป็นคนปกติทั่วไปคงจับพิรุธได้แบบไอ้เฟี้ยวนี่แหละ  แต่เพราะเป็นคุณกวินทร์  เขารักและเชื่อในสิ่งที่พ่อของเขาพูดทุกอย่างมากเกินไปจนไม่เคยคิดเลยว่าคำพูดที่ออกมาจากปากพ่อแท้ๆของตัวเองจะเป็นคำลวงทั้งหมด…
“คุณกำลังจะบอกอะไรผมกันแน่…”
“พี่กวินทร์  หลักฐานพวกนี้ไม่ใช่หลักฐานปลอมที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อทำลายคุณอาไกรศรหรอกนะครับ  แต่มันเป็นหลักฐานจริงที่มาเรียเป็นคนรวบรวมเอาไว้ทั้งหมด  เพื่อใช้มันต่อรองในการขอแลกกับตัวพี่นั่นแหละ”
“แลกกับผม  หมายความว่ายังไงอวกาศ…”
ในตอนนี้ผมเชื่อว่าทุกคนคงทำใจให้พูดความจริงออกมาได้ลำบากพอกัน  ถึงจะโกรธแค้นในการกระทำของคุณกวินทร์หลายๆเรื่อง  แต่เอาเข้าจริงก็อดสงสารไม่ได้  เพราะพวกเราอยู่ดีอยู่แก่ใจว่าเขาแค่ถูกหลอกใช้เหมือนหุ่นเชิดตัวหนึ่งเท่านั้น
“อาจารย์รู้ความจริงเรื่องที่ถูกคุณหลอกใช้ให้คอยรายงานความเลื่อนไหวในบ้านอสังหาก่อนที่เธอจะตายหลานเดือนครับ  เธอใช้เวลาที่มีในการหาหลักฐานทุกอย่างที่จะสามารถเอาผิดกับผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริงได้  ผู้หญิงตัวเล็กๆต้องเสี่ยงตายและทุ่มเทความพยายามมากมายขนาดนั้นเพียงเพื่อต้องการให้ผู้ชายที่เธอรักหลุดพ้นจากการเป็นหุ่นเชิดของ…”
“…”
“พ่อของเขาเอง”
ผมมองไปทางคุณไกรศรที่ยังไม่ขยับปากพูดอะไร  แต่สายตาที่เย็นชาและเยือกเย็นของเขากำลังจ้องมองผมกลับเช่นกัน
“ดะ…เดี๋ยวนะครับ  คุณไทม์พูดอะไร  คุณพ่อของผมทำอะไรงั้นเหรอ  หุ่นเชิดอะไรครับ  ผมไม่เข้าใจ”
“กูไม่ไหวแล้วโว้ยย!”
พลั่ก!
ไอ้เฟี้ยวปล่อยหมัดใส่หน้าคุณกวินทร์เต็มๆจนเขาล้มลงไป  มันตามไปคร่อมทับเอาไว้  กระชากคอเสื้อคุณกวินทร์จนเจ้าตัวต้องเด้งตัวตามขึ้นมา
“มึงช่วยโง่ให้มีลิมิตหน่อยได้ไหม!  พี่กูทำเพื่อมึงขนาดนี้!  ยอมทำเพื่อมึงจนตัวเองต้องถูกฆ่าตายอย่างเลือดเย็นมึงยังไม่เข้าใจอีกเหรอ  ฮะ!!!”
“ถูกฆ่าตาย?   มารีอาฆ่าตัวตายต่างหาก  เธอฆ่าตัวตายเพราะผิดหวังในตัวผมไม่ใช่หรือไง!”
“ไม่ใช่เว้ย!!!”
“…”
“พี่น่ะ…พี่กูน่ะ…เป็นผู้หญิงที่เข้มแข็ง!!!  ผู้หญิงที่ชื่อมารีอามีจิตใจที่เข้มแข็งมากแค่ไหนคนอย่างมึงไม่รู้เลยหรือไงไอ้เหี้ย!”
ไอ้เฟี้ยวง้างหมัดขึ้นอีกรอบ  เสียงกัดฟันระงับความโกรธของมันดังก้องไปทั่ว  หมัดลอยค้างอยู่กลางอากาศก่อนที่มันจะตัดสินใจต่อยลงไปบนพื้นแทน
“โธ่เว้ย!  ทำไมพี่กูต้องมาตายเพื่อคนโง่ๆอย่างมันด้วยวะ!  อ๊ากกกก!”
“เฟี้ยว  ใจเย็นๆก่อน”
คุณอวกาศรีบเข้าไปดึงตัวไอ้เฟี้ยวที่เริ่มบ้าคลั่งให้ออกห่างจากคุณกวินทร์ที่กำลังช็อก  เขาคงตกใจและไม่เข้าใจว่าพวกผมกำลังพูดถึงเรื่องอะไร
“อาจารย์มารีอาไม่ได้ฆ่าตัวตายหรอกนะครับ  แต่เธอถูกฆ่าตาย”
“อะไรนะ…”
“เธอถูกฆ่าตายเพื่อปิดปากไม่ให้ได้มีโอกาสแพร่งพรายความจริงที่เธอรู้มา  รวมถึงเพื่อจะเอา SD การ์ดจากเธอด้วย  แต่ว่าอาจารย์ก็เอามันไปซ่อนไว้เสียก่อน  และบอกที่ซ่อนของมันแค่กับพวกผมเท่านั้น  คนที่สั่งฆ่าเธอเลยไม่ได้อะไรกลับไปนอกจาก…ฆ่าเธอได้สำเร็จ  ไม่สิ  ไม่ใช่แค่ฆ่าเธอ  แต่ยังมี…”
ผมควรจะบอกไปดีไหมนะ  ดูท่าทางของเขาจะไม่ได้รู้เรื่องนี้เลยสักนิด  แต่ความจริงย่อมเป็นความจริง  แม้มันจะเจ็บปวดมากแค่ไหนก็ตาม
“ลูกในท้องของเธออีกด้วย”
ดวงตาของร่างสูงที่นั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่กับพื้นเบิกกว้าง  ทันทีที่ได้ยินคำว่า ‘ลูก’  เขาก็รีบคลานเข่าเข้ามาเขย่าขาผมทันที
“เดี๋ยวนะครับ  หมายความว่ายังไงที่ว่าลูก…  ลูกใคร  ใครมีลูกเหรอครับ”
“อาจารย์ครับ”
“…”
“อาจารย์ตั้งท้องได้สามเดือนตอนที่ถูกฆ่าตาย”
“ไม่จริง…ไม่จริงใช่ไหมครับ”
น้ำตาผมไหลลงมาเป็นทางด้วยความสงสารเขาจับใจ  มือของคุณที่จับขาผมไว้สั่นเทาเหลือเกิน…
“ทางตำรวจโทรมาบอกพวกเราถึงเรื่องนี้หลังจากชันสูตรศพของอาจารย์เพื่อหาสาเหตุการตาย  ครั้งแรกที่พวกเรารู้เรื่อง  ทุกคนเสียใจจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคนเลยล่ะครับ”
“มารีอา…ฆ่าตัวตายไปพร้อมกับลูกงั้นเหรอ…”
“ก็กูพูดอยู่หยกๆว่าพี่ไมได้ฆ่าตัวตาย  เมื่อไหร่มึงจะเลิกโง่สักทีเนี่ย!!!”
ไอ้เฟี้ยวปรี่จะเข้ามาจัดการคุณกวินทร์อีกรอบ  แต่คุณอวกาศห้ามเอาไว้ได้  สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสับสน  น้ำตาหลั่งไหลออกมาไม่หยุด
“อาจารย์น่ะ…ตั้งใจจะไปเริ่มชีวิตใหม่กับคุณและลูกในท้องนะครับ  เธอต้องการมีครอบครัวที่อบอุ่นร่วมกับคุณ  ผู้หญิงที่วางอนาคตเอาไว้อย่างสดใสแบบนั้น  ไม่มีทางจะฆ่าตัวตายได้หรอกครับ”
“นั่นเป็น…ความฝันของมารีอา  เธอบอกกับผมเรื่องนั้นอยู่ทุกวัน”
“ครับ  และเพื่อทำให้ฝันนั้นเป็นจริง  เธอถึงไม่กลัวแม้แต่ความตาย  รวบรวมหลักฐานทุกอย่างเท่าที่พอจะหาได้เพื่อช่วยปลดปล่อยคุณออกมา  ปลดปล่อยคุณจากคุณพ่อของคุณเอง"
"คุณพ่อเหรอ?  เป็นไปไม่ได้หรอกครับคุณไทม์ คุณพ่อรักและเอ็นดูมารีอามาก  แม้ว่าตอนแรกท่านจะไม่เห็นด้วยที่ผมจะจริงจังกับเธอเพราะเธอเป็นเพื่อนสนิทของจักรวาลกับอวกาศ  แต่ว่าสุดท้ายความดีของเธอก็เอาชนะใจคุณพ่อได้  ท่านเอ่ยปากบอกเองว่าถ้าผมเอาทุกอย่างกลับคืนมาได้เมื่อไหร่  ผมจะสามารถไปใช้ชีวิตอยู่ในที่ที่ผมต้องการกับเธอได้โดยที่คุณพ่อจะแสดงความยินดีด้วยจากใจจริง  แล้วทำไม…มีเหตุผลอะไรที่คุณพ่อจะต้องทำแบบนั้นล่ะครับ”
ไม่ไหวแล้ว…
คนๆนั้นยังมีความเป็นคนอยู่หรือเปล่า  เหยียบย่ำความรักบริสุทธิ์ที่ลูกของตัวเองมีให้อย่างไม่ปรานีแบบนี้ได้ยังไง!
“ทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องโกหกนะครับ พ่อของคุณไม่คิดจะยอมรับอาจารย์มารีอาที่เขามองว่าเป็นศัตรูมาตลอดเพราะเธอคือเพื่อนของอสังหาหรอกครับ  ไม่ใช่แค่นั้น  เรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับพ่อของคุณก็เหมือนกัน  มันไม่ใช่การถูกตัดสายเบรกเพื่อหวังฆาตกรรมอะไรทั้งนั้น  สาเหตุที่รถคว่ำในวันนั้นเกิดจากการเบรกอย่างกะทันหันทำให้ตัวรถพลิก  สิ่งที่คุณรู้มามันไม่ใช่ความจริงเลย”
“ไม่  ไม่มีทาง  คุณพ่อบอกผมเองว่าทางตำรวจบอกว่ารถถูกตัดสายเบรก!”
“แล้วคุณเคยไปขอดูเอกสารยืนยันจากกกองพิสูจน์หลักฐานที่สถานีตำรวจบ้างหรือเปล่าครับ”
“…”
“ไม่เคยเลยสินะ  เพราะคุณเชื่อมั่นในคำพูดของพ่อคุณ  ก็เลยไม่เคยคิดจะตรวจสอบอะไรเลย  คุณจักรวาล  ผมขอเอกสารทั้งหมดหน่อย”
คุณจักรวาลส่งซอกเอกสารทั้งสามซองให้กับผม  ผมเปิดดูและเลือกหยิบเอกสารส่งให้เขาไปเพียงสองซองเท่านั้น  เป็นอย่างที่ผมคิดจริงๆ  พ่อของเขาโกหกลูกชายตัวเองเรื่องอุบัติเหตุว่าเป็นการวางแผนฆาตกรรมโดยคุณพ่อของพวกผม  ด้วยเหตุผลนี้เอง  หลังจากนั้นคุณกวินทร์ถึงได้เปลี่ยนไปและเริ่มเข้าพวกกับพ่อของตัวเองเพื่อแก้แค้นอสังหา
“นี่มัน…”
“เอกสารยืนยันเรื่องอุบัติเหตุของพ่อคุณว่าเกิดจากการที่รถเบรกกะทันหันทำให้ตัวรถพลิกคว่ำ  ผมไม่รู้ว่ามันเป็นอุบัติเหตุจริงๆหรือพ่อคุณจงใจ  แต่ที่แน่ๆหลังเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้  เขาก็ใช้มันเป็นเครื่องมือหลอกให้คุณคิดว่าอสังหากำลังวางแผนกำจัดพ่อของคุณเพื่อมรดก  ส่วนเอกสารอีกแผ่น  มันคือเอกสารยืนยันว่าอาจารย์มารีอาถูกฆาตกรรมโดยที่เธอตั้งท้องอ่อนๆอยู่ครับ”
เขานิ่งไปสักพักเพื่ออ่านและตรวจสอบเอกสารทั้งหมดว่าเป็นของจริง  ใบหน้าที่เคยแต้มไปด้วยรอยยิ้มบัดนี้มีแค่รอยน้ำตา  คุณกวินทร์อ้าปากจะเปล่งเสียงร้องหากแต่มันไม่มีเสียงออกมา  มันคือผลข้างเคียงจากอาการช็อกนั่นเอง…
“และไม่ใช่แค่นั้น  ความจริงอีกอย่างที่พ่อของคุณปิดบังเอาไว้ก็คือ…”
ผมเงยหน้ามองไปที่คุณจักรวาลเพื่อส่งซิกให้เขาทำตามในสิ่งที่นัดกันเอาไว้  ใบหน้าเฉยเมยล้วงหยิบมีดพกขนาดเล็กในกระเป๋าของตัวเองออกมา  คุณกวินทร์มองตามด้วยสงสัยว่าอีกฝ่ายคิดจะทำอะไร
“ดูให้ดีนะครับ  ความจริงอีกเรื่องที่คุณควรได้รู้”
เฟี้ยว…ฉึก!
โครม!!!
เป็นอีกครั้งที่ดวงตาของผู้ชายตรงหน้าผมในตอนนี้เบิกกว้าง  เขานั่งตัวแข็งทื่อราวกับสิ่งที่เห็นคือภาพลวงตา  เมื่อคุณจักรวาลปามีดออกไปทางคุณไกรศร  เจ้าตัวที่น่าจะเดินไม่ได้มาตลอดสิบแปดปีเพราะอุบัติเหตุกลับกระโดดหลบมีดได้อย่างหน้าตาเฉย  รถเข็นกระจายไปอีกทางด้วยแรงกระโดดของชายสูงวัยคนนั้น
ความจริงก็คือความจริง  แม้ว่าจะเจ็บปวดเจียนตาย  เราก็ไม่อาจหนีมันพ้น…


บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
มาอัพแล้วจ้า  การถูกหลอกจากคนที่รักและเชื่อใจมันเจ็บปวดเหลือเกินนะคะ  ยิ่งคนๆนั้นเป็นพ่อด้วยแล้ว  เชื่อว่ากวินทร์ในตอนนี้คงหัวใจสบาย  เหมือนโลกทั้งใบของเขาถล่มลงไปต่อหน้าต่อตาเลยทีเดียว  ไม่ใช่แค่โกหกเพื่อปลูกฝังความแค้นลงในจิตใจของเขา  แต่ยังฆ่าลูกเมียของเขาได้อย่างเลือดเย็นอีก  แล้วเหตุผลของไกรศรล่ะ?  จากน้องชายที่แสนดี  คุณอาที่แสนน่ารัก  อะไรทำให้เขาเปลี่ยนไปได้ถึงขนาดนี้?!
เรื่องนี้เปิดพรีแล้วนะคะ  รายละเอียด https://writer.dek-d.com/Bb9-/writer/viewlongc.php?id=1681164&chapter=38 (https://writer.dek-d.com/Bb9-/writer/viewlongc.php?id=1681164&chapter=38)ตามนี้เลยยย  มีของรางวัลให้ร่วมลุ้นร่วมสนุกด้วยน้า  ตอนพิเศษสุดฟินอัดแน่นเต็มเล่มแน่นวลลลลล!
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่43 (12/09/60)#หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 12-09-2017 18:18:16
 :hao5:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่43 (12/09/60)#หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 12-09-2017 18:19:23
สงสารกวินทร์นะเสียทั้งเมียทั้งลูก ไหนจะโดนพ่อตัวเองหักหลังกันแบบนี้
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่43 (12/09/60)#หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 12-09-2017 18:44:44
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่43 (12/09/60)#หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 12-09-2017 19:16:22
“มึงช่วยโง่ให้มีลิมิตหน่อยได้ไหม"  คำคมของเฟี้ยว

กวินท์ ทำผิดมาตลอดเพราะโดนพ่อหลอก  :z6: :z6: :z6:
เสียเมีย เสียลูก  :z3: :z3: :z3:
      :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่43 (12/09/60)#หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 12-09-2017 22:09:35
พ่อของกวินทร์ทำกับลูกอย่างนี้ได้งัยเนี้ย เจ็บเพราะคนไว้ใจใกล้ตัวที่รักที่สุด
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่43 (12/09/60)#หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 12-09-2017 22:29:12
เจ็บโคตร ๆ สำหรับการกระทำของคนที่เราไว้ใจ  o12
หัวข้อ: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่44 (13/09/60)#หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 13-09-2017 06:27:01


ตอนที่ 44

จุดเริ่มต้นของการแก้แค้นและน้ำตาของจักรวาล

 

“พ่อของคุณไม่ได้เป็นอัมพาตหรือเดินไม่ได้  เขาแสร้งทำตัวให้น่าสงสารเพื่อแปรเปลี่ยนความเจ็บปวดในใจของคุณให้กลายเป็นความแค้น  หลอกใช้ความรักที่ลูกมีให้กับพ่อจัดการกับอสังหา  ที่ผ่านมาคุณเป็นเพียงแค่…หุ่นเชิดตัวหนึ่งของพ่อคุณเท่านั้น”

แม้จะลำบากใจที่ต้องพูดมากแค่ไหน  แต่เวลานี้ผมจำต้องบอกความจริงทั้งหมดให้เขารู้  ผมต้องการปลดปล่อยเขาออกมาจากความแค้นคลอดสิบแปดปีที่ผู้ชายคนนั้นใช้มันเป็นกรงเพ่อขังคุณกวินทร์เอาไว้  อย่างน้อยก็อยากจะทำตามคำขอร้องสุดท้ายของอาจารย์ให้สำเร็จ

“และนี่คือเอกสารทางการแพทย์ที่ยืนยันว่าพ่อของคุณไม่ได้เป็นอัมพาตแต่อย่างใดมาตลอดสิบแปดปีครับ”

คุณกวินทร์รับเอกสารซองสุดท้ายจากมือของผมไปเปิดอ่านดู  ก่อนจะเงยหน้าหันไปทางพ่อของตัวเองด้วยความผิดหวัง

“ไม่จริงใช่ไหมครับ  คุณพ่อ…”

เอ่ยถามพ่อตัวเองด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ  น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลพรากออกมาแทบเป็นสายเลือด

“เป็นความจริง”

“ในที่สุดก็ยอมเปิดปากสินะ”

คุณจักรวาลพึมพำขึ้น  นัยน์ตาน่ากลัวของเขาจ้องมองไปที่คุณไกรศรไม่กะพริบ

“ผู้หญิงคนนั้นมาหาฉันในวันที่ถูกฆ่าตายนั่นแหละ  เธอมาบอกว่ารู้ความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับฉันแล้ว  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ฉันไม่ได้พิการเดินไม่ได้  ดูเหมือนเธอจะบังเอิญมาเจอเข้าพอดีตอนที่ฉันจะเอื้อมหยิบหนังสือในห้อง  แล้วยังหลักฐานการยักยอกเงินบริษัท  การฟอกเงิน  บ่อนการพนัน  ไม่รู้ว่าเธอไปหามาจากไหน  แต่เธอเอาเรื่องนั้นมาขู่ฉันเพื่อขอให้ฉันปล่อยแกไป  บอกว่าถ้ายอมปล่อยให้แกได้ไปใช้ชีวิตอยู่กับเธอ  ก็จะช่วยเก็บเรื่องทั้งหมดเป็นความลับให้  แต่ขอให้หยุดการแก้แค้นไว้เพียงเท่านี้  อย่าทำร้ายแกหรือว่าอสังหาคนไหนอีกเลย  ทำไมฉันจะต้องยอมให้เด็กผู้หญิงรุ่นลูกมาข่มขู่แบบนี้ด้วย  แต่ว่าสุดท้ายฉันก็ยอมตกลงไป  เธอดูดีใจมากเพราะคิดว่าสามารถช่วยแกและพวกมันได้สำเร็จแล้วก็เลยกลับไปรอที่บ้านด้วยความดีใจเมื่อฉันบอกว่าจะให้แกติดต่อไปหลังจากที่ฉันสารภาพความจริงทั้งหมดกับแกเอง”

คุณไกรศรเปิดปากเล่าถึงเรื่องที่มีแต่เขาที่รู้เกี่ยวกับอาจารย์มารีอาให้พวกเราฟัง  ผู้หญิงที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้ชายทุกคนที่อยู่ที่นี่ตายเพราะอะไร  ตายได้ยังไง

วันนี้พวกเราจะได้รู้กันแล้ว…

“คืนนั้นฉันแอบเอามือถือแกส่งข้อความไปนัดให้เธอออกมาเจอที่ตึกร้างนั่นพร้อมกับบอกให้เอา SD การ์ดมาด้วย  แล้วเธอก็ไป  ลูกน้องที่ฉันส่งให้ไปดักอยู่ที่นั่นแล้วจัดการเธอซะลงมือทันทีที่เธอไปถึง  ฉันสั่งให้มันฆ่าเธอแล้วทำให้ดูเหมือนเป็นการฆ่าตัวตาย  แต่เรื่องกลับไม่เป็นอย่างที่คิดเพราะ SD การ์ดที่ฉันต้องการไม่ได้อยู่ที่ตัวของเธอด้วย  เป้าหมายเลยเบนเข็มไปที่พวกอสังหาแทน  แค่กล่อมแกนิดหน่อย  แต่งเรื่องอีกสักนิด  ที่เหลือฉันก็แค่อยู่เฉยๆรอให้แกจัดการเท่านั้นเอง”

“ไอ้เลวเอ๊ยยย!”

ไอ้เฟี้ยวทำท่าจะพุ่งเข้าใส่  แต่คุณอวกาศคอยรั้งเอาไว้  ผมก้มมองคุณกวินทร์ที่กำลังร้องไห้มองพ่อของตัวเองด้วยแววตาเจ็บปวด

“ทำไมล่ะครับพ่อ  ทำไมถึงทำแบบนี้  ทั้งที่ผมรักและทำทุกอย่างเพื่อพ่อ  แล้วทำไม…ทำไมต้องฆ่าเมียกับลูกผมด้วย  ฮือ…”

คำถามของคุณกวินทร์กรีดแทงหัวใจทุกคนที่ได้ยิน  น้ำเสียงที่เจือไปด้วยความอ้อนวอนขอความเห็นใจจากพ่อของตัวเองนั้นมันน่าสงสารจนผมแทบจะทนฟังไม่ได้

“ผมยอมพ่อทุกอย่างแล้ว  ผมทิ้งอนาคตที่เคยฝันเอาไว้  ผมสูญเสียเพื่อนที่ดีที่สุดอย่างจักรวาลไป  ผมต้องเกลียดญาติพี่น้องของตัวเอง  ต้องหลอกใช้ผู้หญิงที่ผมรัก  ทำทุกอย่างเพียงเพราะต้องการให้พ่อมีความสุขและไม่ต้องทุกข์ใจอีกต่อไป  แต่ว่าทำไม...ทำไมพ่อทำกับผมแบบนี้  พ่อฆ่าหลานของตัวเองได้ลงคอ  พ่อทำได้ยังไง  ฮึก…”

“คุณกวินทร์”

ทิ้งตัวลงนั่ง  ดึงเขามากอดเอาไว้ด้วยสงสารจับใจจริงๆ

“ใช่  ฉันมันเลว  ฉันเป็นคนจัดการทุกอย่าง  หลอกใช้แก  ฆ่าลูกฆ่าเมียแก  วางแผนฆาตกรรมพี่ชาย  ไล่ล่าเมียของเขาเพื่อตามฆ่าทายาททุกคน  ทุกอย่างฉันทำเองทั้งหมด  ทำเองโดยไม่ได้เกี่ยวกับแก  ทุกเรื่องมันไม่ได้เกี่ยวกับแกเลยแกเข้าใจไหม!!!”

ประโยคนี้ทำให้ผมต้องเงยหน้ามองเขาก่อนจะเริ่มคิดทบทวนเรื่องราวบางอย่างในหัวอีกรอบ

การยักยอกเงินทั้งหมด  ชื่อเจ้าของบัญชีที่ได้เงินไปก็คือคุณไกรศร…

การฟอกเงิน  รายชื่อของผู้ที่เกี่ยวข้องก็คือคุณไกรศร

เจ้าของบ่อนนั้น…ก็เป็นคุณไกรศร!

แม้ว่าคนออกหน้าตลอดมาส่วนใหญ่จะเป็นคุณกวินทร์ก็ตาม  หากแต่ถ้าวัดกันตามหลักฐานทุกอย่าง  คนที่เกี่ยวข้องและจะต้องรับผิดทั้งหมดมันคือคุณไกรศรคนเดียวเท่านั้น!!!

หมายความว่า…เขาตั้งใจใช้คุณกวินทร์เป็นหุ่นเชิดในการแก้แค้นทุกๆอย่าง  โดยที่เตรียมพร้อมเผื่อทุกอย่างพลาดด้วยการให้ตัวเองเป็นผู้รับผิดทั้งหมด  เพราะอย่างนั้น…หลักฐานที่ควรจะทำลายไปตั้งนานแล้วถึงได้ยังถูกเก็บไว้จนอาจารย์มารีอาสามารถเอามันมาได้อย่างนั้นสินะ  ผู้ชายคนนี้เอง…ก็เตรียมทุกอย่างไว้ปกป้องลูกชายของตัวเองแล้วเหมือนกันงั้นเหรอเนี่ย? 

“ผมไม่เข้าใจ  ทำไมคุณอาที่แสนใจดี  คุณอาที่คุณพ่อเล่าให้ฟังเสมอว่าเป็นน้องชายที่น่ารักถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้แหละครับ  ในเมื่อตอนนี้พี่กวินทร์รู้ความจริงแล้วว่าคุณพ่อของพวกผมไม่เคยคิดฆ่าคุณอาเลย  เพราะงั้น…ได้โปรดบอกความจริงได้ไหมครับ  เหตุผลที่ทำให้คุณอาต้องตามฆ่าพี่ฆ่าหลาน  เพื่อมรดกเฮงซวยพวกนี้จริงๆน่ะเหรอ!”

คุณอวกาศที่ยืนกอดรัดฟัดเหวี่ยงไอ้เฟี้ยวอยู่เพื่อกันไม่ให้มันพุ่งเข้าไปตะลุมบอนคุณไกรศรเอ่ยถามขึ้น  สุดท้ายแล้ว…คนที่กุมจุดเริ่มต้นของการแก้แค้นครั้งนี้เอาไว้ทั้งหมดก็มีแต่เขาคนเดียวเท่านั้น…

“พวกแกรู้ไหม  ว่าฉันรักและเคารพในตัวพ่อของพวกแกมากแค่ไหน”

พวกเราต่างหันมาสบตากัน  หรือว่าจุดเริ่มต้นจะมาจากเรื่องของ…คุณพ่อ?

“พ่อสอนให้เราสองคนพี่น้องรักและช่วยเหลือกันมาตลอด  สอนให้คนเป็นพี่คอยดูแลอย่าให้ใครมารังแกน้องได้เด็ดขาด  ตั้งแต่เด็กจนโต  ฉันถูกพี่ดูแลเป็นอย่างดี  ประคบประหงมเหมือนไข่ในหินจนฉันแทบไม่ต้องทำอะไรก็สบายไปทั้งชาติได้  การเอาใจใส่เป็นอย่างดีของพี่ทำให้ฉันรักและเชื่อในตัวเขาหมดหัวใจ  จะไม่มีอะไรมาทำลายความเป็นพี่น้องของเราได้  ฉันคิดแบบนั้นมาตลอด  จนกระทั่ง…กวินทร์  จนกระทั่งแม่ของแกฆ่าตัวตาย”

เรื่องราวเบนเข็มมาที่คุณกวินทร์อีก  ผมนึกย้อนไปถึงเรื่องราวที่คุณเคยกวินทร์เคยเล่าว่าตอนแม่ของเขาฆ่าตัวตายนั้นไม่มีใครรู้เหตุผล  และพ่อของเขาเองก็ไม่เคยบอกใคร  แต่หลังจากนั้นทั้งสองครอบครัวก็ยังดีต่อกันอยู่ไม่ใช่เหรอ?

“แกรักเมียแกมากไหม  กวินทร์  ไม่ต้องตอบฉันก็รู้ว่าแกรักเมียแกมาก  ยิ่งมีลูกด้วยกันก็ยิ่งรักมาก  ฉันเองก็เหมือนกัน  ฉันรักเมียฉันมาก  มากเหลือเกิน  มากจนฉันสามารถตายแทนเธอได้โดยไม่เสียดายชีวิต  แต่ว่า…ความรักที่ฉันมีให้เธอ  ยังไม่เท่าความรักและความเชื่อใจที่ฉันมีต่อพี่ไกรเทพ   ถึงสมบัติจะไม่ใช่ของฉัน  ฉันก็ไม่สนใจ  พี่ได้มันไปสิ  ฉันถึงจะมีความสุข  และเพราะความรักที่มีให้พี่มันมากเกินไปนี่แหละ  ฉันถึงทำเรื่องเลวร้ายที่สุดลงไป  เหตุผลที่แม่ของแกฆ่าตัวตายมันก็เพราะฉันคนนี้!!!  เพราะความรักที่ฉันมีต่อพี่ชายชั่วๆอย่างไอ้ไกรเทพ!”

หมายความว่ายังไงกัน…

จะบอกว่าการฆ่าตัวตายของแม่คุณกวินทร์คือจุดเริ่มต้นของการแก้แค้นยาวนานนี่น่ะเหรอ!!!  เรื่องราวมันเป็นยังไงกันแน่!

“ก่อนที่แม่ของแกจะฆ่าตัวตายได้เพียงหนึ่งอาทิตย์  เธอมาบอกกับฉันเรื่องที่ไอ้จักรวาลไม่ใช่ลูกของพี่  เธอบอกว่าเธอได้ยินพยาบาลที่ทำคลอดให้พี่เสียงพิณในวันนั้นคุยกันว่าพี่เสียงพิณแท้งตอนที่เธอไปหาหมอตามใบนัด  แล้วไอ้จักรวาลจะกลายมาเป็นลูกได้ยังไง  แต่ฉันไม่เชื่อแม่แก  ฉันคิดว่าเธอโกหกเพราะโกรธแค้นและอยากให้ฉันเป็นคนได้มรดก  พวกเราทะเลาะกันอย่างรุนแรงจนฉันเผลอพลั้งมือตบหน้าแม่แกไป  ฉันไม่ต้องการให้เธอให้ร้ายพี่ชายที่ฉันรัก  แม่แกเสียใจมากที่ฉันไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูด  ตลอดอาทิตย์นั้นฉันแกล้งทำเป็นเย็นชาไม่สนใจเธอเพื่อหวังว่าเธอจะคิดได้และมาขอโทษที่ใส่ร้ายพี่ชายกับพี่สะใภ้ของฉัน  แต่เรื่องกลับกลายเป็นว่าเธอฆ่าตัวตาย  ฆ่าตัวตายเพราะเสียใจที่ฉันไม่เชื่อใจเธอ!!!”

ไม่มีใครปริปากพูดอะไรออกไปได้เลยในตอนนี้  คนที่ช็อกกับเรื่องที่ได้ยินมากที่สุดคงจะเป็นคุณกวินทร์  เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รู้เหตุผลที่แม่ของตัวเองฆ่าตัวตาย

“และถึงแม้ว่าเธอจะฆ่าตัวตายไปแล้ว  ฉันก็ยังมั่นใจเรื่องที่เธอบอกเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดหรือไม่เธอก็โกหกมันขึ้นมา  เธอคงฆ่าตัวตายเพราะน้อยใจที่ฉันทำหมางเมินใส่  ฉันเชื่อใจพ่อของพวกแกมาตลอด  เชื่อโดยไม่คิดจะตรวจสอบด้วยซ้ำว่าเรื่องที่เมียของฉันพูดมันเป็นความจริงหรือเปล่า!”

เขาหันมาสบตากับพวกเราสามคนด้วยดวงตาแข็งกร้าว  ความแค้นในดวงตาฝังแน่นและเผาไหม้จิตใจแห่งความเป็นคนของเขาไปจนหมด

“แต่สวรรค์คงเห็นใจน้องชายโง่ๆอย่างฉันล่ะมั้ง  ตอนที่แกเข้าโรงพยาบาลเพราะรับมีดจากพวกอันธพาลแทนไอ้เด็กเหลือขอนั่น  ฉันไปเจอเข้ากับพยาบาลคนที่เมียฉันพูดถึง  เธอเข้ามาทักเพื่อแสดงความเสียใจเรื่องการตายของเมียฉัน  ก่อนจะบอกว่าครอบครัวฉันน่าจะพากันไปทำบุญบ้าน  หลานชายคนแรกก็ต้องมาตายเพราะพี่เสียงพิณแทน  แล้วนี่เมียฉันยังจะมาฆ่าตัวตายอีก  พอได้ยินแบบนั้นเข้า  ฉันถึงรู้ว่าเมียฉันไม่ได้พูดเรื่องโกหก  พอลองสืบดูอย่างจริงจังก็ต้องตกใจกับความจริงที่พบวาไอ้จักรวาลคือลูกของตระกูลข้ารับใช้อสังหาต่างหาก!”

เข้าใจแล้ว…

ผมพอจะรู้แล้วว่าทำไมเขาถึงแค้นมากมายขนาดนี้  ความเชื่อใจที่มีให้คุณพ่อของผมมากเกินไปทำให้ต้องสูญเสียผู้หญิงที่รักมากที่สุดไปอย่างไม่มีวันกลับ  และทั้งๆที่เชื่อมั่นแบบนั้นมาตลอด  พอได้มารู้ความจริงที่เป็นเหมือนต้นเหตุทำให้คนรักต้องฆ่าตัวตาย  ความรู้สึกที่เหมือนถูกหักหลังคงพุ่งเข้าทิ่มแทงจิตใจจนในที่สุดก็สูญสิ้นความเป็นมนุษย์ไป

เหลือเพียงไฟแค้นเผาวนอยู่รอบตัว…

“เป็นความจริงที่ผมไม่ใช่สายเลือดของอสังหา  แต่จุดประสงค์ที่คุณไกรเทพเอาผมมาเป็นลูกไม่ใช่เพื่อมรดกอะไรนั่น  คุณไกรเทพแค่ไม่ต้องการให้คุณเสียงพิณรู้ว่าเธอแท้งลูกไปแล้ว  ทั้งคุณพ่อทั้งภรรยา  ต่างก็เฝ้ารอที่จะได้เห็นหน้าทายาทคนแรกมาตลอดเก้าเดือน  ความกลัวที่จะต้องเห็นคนที่รักทั้งสองคนเสียใจทำให้คุณไกรเทพตัดสินใจผิดพลาดโดยการรับผมเข้ามาแทนที่ทายาทตัวจริงที่จากไป  คุณไกรเทพไม่เคยอยากได้สมบัติ  และคงคิดไม่ถึงด้วยว่าการตัดสินใจในครั้งนั้นของเขาจะทำให้คุณต้องสูญเสียผู้หญิงอันเป็นที่รักไป  ถ้ารู้…ผมมั่นใจว่าคุณไกรเทพยอมทำได้แม้ว่าจะต้องกราบขอโทษคุณหรอเอาชีวิตเข้าแลกก็ตาม”

คุณจักรวาลที่เงียบมาตลอดพูดในส่วนของตัวเองบ้าง  ผมไม่รู้เรื่องเลยว่าความผิดทั้งหมดมันเริ่มมาจากใคร  ทุกคนล้วนมีเหตุผลในการกระทำของตัวเอง  ต่างกันที่เวลาในการเลือกกระทำนั้นไม่ตรงกัน  กลายเป็นว่าโชคชะตาก่อให้เกิดความบาดหมางระหว่างพี่น้อง

คนหนึ่งกลัวที่จะต้องเห็นคนที่รักเสียใจจึงเลือกที่จะโกหก

อีกคนถูกความเชื่อใจทำร้ายจนกลายเป็นการถูกหักหลังอย่างไม่น่าให้อภัย

ไม่ว่าจะเป็นใคร…ต่างก็เจ็บปวดและหวาดกลัวเลยไม่ยอมหันหน้าเข้าหากันเพื่อพูดคุยกันด้วยความเข้าใจเหมือนเมื่อครั้งที่ยังรักและห่วงใยกันอยู่

“แล้วยังไงล่ะ  กลัวเมียจะเสียใจ  แล้วฉันล่ะ!  ฉันไม่เสียใจหรือไงที่ต้องสูญเสียเมียไปอย่างไม่มีวันกลับ!  กวินทร์ต้องกำพร้าแม่ตั้งแต่อายุแค่สิบสี่!  ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ชั่วๆคนนั้นมันเห็นแก่ตัว  เรื่องเลวร้ายพวกนี้คงไม่เกิดขึ้นกับฉันหรอก!”

“ผมเข้าใจครับ  ผมไม่รู้จะพูดยังไงดี  แต่ว่า…ได้โปรด  ให้อภัยคุณพ่อที่ขี้ขลาดคนนั้นของพวกผมด้วยเถอะครับคุณอา”

คุณอวกาศยกมือไหว้ก่อนจะก้มหัวจรดศีรษะลงกับพื้น  การกระทำของเขาสร้างความตกตะลึงให้กับทุกคนเป็นอย่างมาก

นั่นสินะ  การกระทำของคุณพ่ออาจจะไม่ได้ตั้งใจทำให้ใครต้องเดือดร้อนหรือเจ็บปวดก็จริง  แต่ไม่มีใครปฏิเสธได้ว่ามันไม่ส่งผลถึงคนอื่น  และยิ่งคนที่ได้รับผลจากกระทำนั้นไปเต็มๆคือน้องชายของคุณพ่อ  คือคุณอาของพวกผม  นั่นแปลว่าพวกผมมีส่วนต้องรับผิดชอบเช่นกัน

“ผมเอง…ก็ขออภัยด้วยเหมือนกันครับ  ผมอาจจะไมรู้เรื่องอะไรของทุกคนที่อยู่ที่นี่เลย  แต่ถ้ามันจะทำให้คุณไกรศรรู้สึกดีขึ้นบ้าง  แม้จะไม่ถึงขั้นให้อภัยคุณพ่อของพวกเราได้  แต่อย่างน้อย…ขอให้พวกเราได้กราบขอโทษด้วยเถอะครับ  ขอโทษแทนคุณพ่อ  ที่ไม่คิดไตร่ตรองว่าการกระทำพวกนั้นมันทำให้คุณไกรศรต้องทนทุกข์ทรมานมานานขนาดไหน”

ผมเขยิบตัวไปเคียงข้างคุณจักรวาล  ยกมือไหว้และก้มศีรษะจรดพื้นเหมือนอย่างที่พี่ชายทำ  ผมไม่ได้ต้องการเป็นทายาท  ไม่ได้ต้องการเงินทองมากมายที่คุณพ่อทิ้งไว้  สิ่งเดียวที่ผมต้องการ…คือชดใช้ความผิดที่คุณพ่อได้ก่อเอาไว้แทนเขา  แม้มันจะแทนกันไม่ได้  แต่ผมก็อยากจะทำอะไรบ้างเพื่อครอบครัวที่แท้จริงของผม!

“พวกคุณ…”

“…”

“คุณพ่อครับ  ทายาทของอสังหาทั้งสองคนยอมก้มหัวให้คุณพ่อแล้วนะครับ  หยุดความแค้นทั้งหมดเถอะนะ”

“พวกแกสองคน…พวกแกสองคนคิดว่าแค่ก้มหัวขอโทษแล้วทุกอย่างมันจะจบงั้นเหรอ!  ฉันต้องสูญเสียอะไรไปบ้างพวกแกรู้หรือเปล่า  สูญเสียเมียอันเป็นที่รัก  ทำลายความสุขของลูกผู้ชายเพียงคนเดียว  จมอยู่กับความแค้นไม่เคยยิ้มหรือหัวเราะออกมาจากใจจริงได้เลยสักวัน!  แค่พวกแกสองคนมาก้มหัวให้มันไม่สามารถชดใช้ในสิ่งที่ฉันเสียไปได้เลย  มันแทนกันไม่ได้เลย!!!”

คุณไกรศรตวาดลั่น  ความคับแค้นมากมายพรั่งพรูออกมาราวกับพายุ  ไม่ว่ายังไง…ผมก็ไม่สามารถหยุดความแค้นที่เขามีได้จริงๆ

“แล้วยังไงครับคุณพ่อ!  ต่อให้คุณพ่อแก้แค้นต่อไปคุณแม่ก็ไม่ฟื้นขึ้นมา  คุณลุงอาจจะผิดที่โกหกเรื่องทายาทคนแรก  แต่คุณพ่อรู้ดีอยู่แก่ใจว่าที่คุณแม่ฆ่าตัวตายมันเป็นเพราะคุณพ่อไม่ใช่คุณลุง!!!”

“หุบปากนะ!”

“…”

“แกอย่ามาโทษฉันนะไอ้ลูกทรพี!  คนพวกนั้นฆ่าแม่ของแก!  มันเป็นทายาทของคนที่ทำให้แม่แกต้องตายแล้วทำไมแกถึงยังไปอยู่ข้างพวกมันอีก!  แกไม่รักแม่ของแกหรือไง  แกไม่เจ็บแค้นกับความตายของแม่แกหรือยังไง!!!”

ผมกับคุณอวกาศยันตัวขึ้นมากจากก้มกราบ  ไอ้เฟี้ยวที่ยืนฟังอยู่ด้วยเริ่มหัวเสียเพราะท่าทางทุกอย่างจะไม่ลงเอยด้วยดีอย่างที่หวัง  ความเจ็บปวดที่อยู่ในใจของคุณไกรศรมันฝังรากลึกจนไม่มีใครลบมันออกได้แล้ว

“เลิกโทษคนอื่นได้แล้วครับพ่อ!  ยิ่งมาเห็นแบบนี้  ยิ่งโดนคุณพ่อทำร้ายด้วยตัวเองแบบนี้  ผมยิ่งเข้าใจแล้วว่าเพราอะไรคุณแม่ถึงฆ่าตัวตาย  มันก็เพราะคุณพ่อไม่เคยรักผมกับแม่ด้วยใจจริงเลย  คุณพ่อรักแต่ตัวเอง!  เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ  คุณพ่อทำได้ทุกอย่างโดยไม่สนใจเลยว่าใครจะรู้สึกยังไง!  คุณพ่อฆ่าลูกฆ่าเมียผมได้อย่างเลือดเย็น  ทำร้ายจิตใจคุณแม่เพียงเพราะต้องการให้คุณแม่ยอมแพ้และยอมรับความคิดของคุณพ่อเองไม่ใช่หรือไง!”

“ไม่ใช่!  ทั้งหมดมันเพราะพี่ชายชั่วๆนั่นต่างหาก  เพราะเรื่องทายาทคนแรก!  ใช่…ทายาทคนแรก  ทายาทคนแรกอย่างมันต่างหากที่ผิด!”

คุณไกรศรลุกขึ้นชี้ไปที่คุณจักรวาล  ทั้งสองยืนปะทะหน้ากันแม้ว่าจะยืนห่างกันอยู่พอสมควรก็ตาม  ทว่าอีกฝ่ายดูท่าจะสติหลุดไปเรียบร้อยแล้ว

“ถ้าไม่มีมัน  ถ้ามันไม่ได้เกิดมาในวันนั้นพอดี  พี่ก็คงไม่เลือกทางผิดเอามามันแทนลูกของตัวเองที่ตายไปแบบนี้  ขอเพียงแต่ไม่มีมัน…แค่ไม่มีมัน!”

“เฮ้ย!”

“คุณพ่ออย่านะครับ!”

ปัง! ปัง! ปัง!

สามนัดติดๆกับลูกกระสุนที่ออกมาจากปืนในมือของคุณไกรศรที่เขาล้วงหยิบออกมาจากด้านหลัง  ร่างสูงที่ถูกกระสุนพวกนั้นสาดใส่ค่อยๆทรุดลงกับพื้น  ผมกับคุณอวกาศรีบเข้าไปรับร่างของคุณกวินทร์เอาไว้ก่อนที่มันจะล้มลงกระแทกพื้น

“พี่กวินทร์!  พี่!”

แกร๊กๆๆ

ปืนในมือของคุณไกรศรดูเหมือนจะมีแค่สามนัดเท่านั้น  เขาโยนปืนทิ้งไปไกลพร้อมน้ำตาที่ไหลพรากเมื่อรู้ว่าคนที่ถูกยิงไม่ใช่คุณจักรวาลแต่เป็นคุณกวินทร์ที่กระโจนเข้ามารับลูกกระสุนแทน!

“กวินทร์ลูกพ่อ!!!!”

ร่างสูงวัยหมดแรงทรุดลงทั้งน้ำตา  ปากร้องเรียกหาแต่ลูกชายราวกับคนสติหลุด  ผมเงยหน้ามองคุณจักรวาลที่ยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่  ไม่มีแววตาตกใจให้เห็นเลยแม้แต่น้อย

“พี่กวินทร์  พี่ทำใจดีๆไว้นะ  ผมจะพาพี่ไปโรงพยาบาล”

คุณอวกาศพร่ำบอกทั้งน้ำตา  ขณะที่ผมเอื้อมมือไปกระตุกขากางเกงของคนที่ยังยืนนิ่งอยู่  หวังจะให้เขาก้มลงมองคุณกวินทร์ที่จ้องมองแต่เพียงเขาในตอนนี้

“ยะ…อย่างน้อย  ความฝัน…ของผม  กะ…ก็เป็นจริง…เรื่องหนึ่ง”

“พี่อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย  เก็บแรงไว้หายใจเหอะนะ!”

คุณกวินทร์ไม่ได้ฟังที่คุณอวกาศพูดเลย  สายตามองไปที่คุณจักรวาลซึ่งยืนนิ่งอยู่ทางด้านขวามือของเขาเท่านั้น

“คะ…คือผม…สามารถ  ปก…ปะ…ป้องคุณได้”

“…”

“ถึงคุณจะ…เกลียดผม   แต่ว่า…สะ…สำหรับผมแล้ว…”

“…”

“จักรวาล…เป็นเพื่อน…ที่ดีที่สุด…นะครับ”

“คุณจักรวาล  พูดอะไรบ้างสิครับ”

ผมส่งเสียงเรียกเขาดู  รู้สึกใจชื้นขึ้นหน่อยเมื่อร่างสูงมีปฏิกิริยาตอบโต้กลับด้วยการก้มหน้าลงมามองคุณกวินทร์

“เพื่อนที่กลายเป็นความชั่วไปแล้วอย่างแก  ตายไปซะก็ดี”

“คุณจักรวาล!”

“พี่!”

“ไอ้จักรวาล!”

“ฮะๆ…  นะ…นั่นสินะครับ  คนที่…ตัดสินใจกลายเป็น  คะ…ความชั่วเองก็  คะ…คือผม”

“ใช่  ไม่ว่าจะอ้างเหตุผลร้อยแปดยังไง  ต่อให้คุณอาจะสร้างเรื่องโกหกมากมายแค่ไหน  สุดท้ายคนที่จะตัดสินใจว่าจะเป็นความชั่วหรือไม่ก็คือตัวแกอยู่ดี”

สิ้นคำ  คุณจักรวาลก็หมุนตัวเตรียมจะเดินออกจากที่นี่ไป  ผมมองเขาสลับกับคุณกวินทร์ที่ยังคงยิ้มอยู่  เลือดมากมายหลังไหลออกมาจากบาดแผลและปากของเขา

“มา…รีอา  มะ…มารับผม  แล้วสินะ”

มือที่ชุ่มไปด้วยเลือดของคุณกวินทร์ยกขึ้นเล็กน้อย  ดวงตาของเขาทอดมองไปยังเพดานของโรงงานร้างนี้ราวกับว่าเขามองเห็นอาจารย์มารีอาจริงๆ

ตุ้บ…

“พี่กวินทร์!!!”

ผมเบิกตากว้างพร้อมคุณอวกาศที่แผดเสียงเรียกชื่อคนในอ้อมแขนออกมาดังลั่น  ดวงตาที่มองคุณจักรวาลด้วยความสุขเมื่อกี้ปิดสนิทลง  ริมฝีปากแย้มยิ้มเหมือนต้องการจะบอกว่า…เขามีความสุขดีจนวาระสุดท้ายของชีวิต

“ฝากหน่อยครับ”

ดันตัวคุณกวินทร์ส่งให้คุณอวกาศรับไว้ทั้งหมด  ผมเร่งฝีเท้าวิ่งตามคุณจักรวาลจนทัน  สองมือยันแผงอกแกร่งนั้นไว้ไม่ให้เขาเดินต่อ

แววตา…แววตาที่เยือกเย็นพวกนี้กลับมาอีกแล้ว

“พอ…พอสักทีเถอะครับคุณจักรวาล!”

“เป็นอะไรไปหมาน้อยของฉัน  ทำไมถึงร้องไห้แบบนี้ล่ะ”

มือหนาลูบแก้มผมเบาๆแล้วปาดน้ำตาออกให้  ท่าทางที่เหมือนหุ่นยนต์ถูกใส่แบตของเขาบีบหัวใจผมจนแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ  ทำไม…ทำไมเรื่องต้องจบลงแบบนี้ด้วย  ผมไม่ได้ต้องการให้มีใครตายสักหน่อย!

“ผมร้องแทนคุณไงล่ะ  ที่ผมร้องก็เพราะคุณไม่ยอมร้องไห้ยังไงล่ะครับ!”

“ร้องไห้?  ทำไมฉันต้องร้องไห้ด้วยล่ะ?  ร้องไห้ให้กับความชั่วแบบนั้น  มันไม่จำเป็นเลยนะ”

หมับ!

ผมปัดแขนเขาออกแล้วยื่นมือเขาไปบีบแขนเขาไว้แทน  เงยหน้ามองร่างสูงที่เริ่มจะไร้จิตวิญญาณเข้าไปทุกที

“คุณฟังผมนะคุณจักรวาล!  คุณฟังผมให้ดี!  คุณกวินทร์น่ะ…คุณกวินทร์เพื่อนรักที่สุดของคุณเขาตายแล้วนะครับ!” 

“…”

“เขาไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว  ไม่มีเขาอยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว!  หลังจากนี้…แม้ว่าคุณจะอยากเจอเขามากแค่ไหน  อยากได้ยินเสียงเขามากแค่ไหน  หรือว่าอยากจะต่อยหน้าเขาเพื่อลงโทษเวลาเขาทำผิดแค่ไหน  คุณก็จะไม่สามารถทำได้แล้วนะครับ”

“…”

“เพราะเขาไม่อยู่แล้ว  คุณกวินทร์ไม่อยู่แล้วจริงๆนะครับ”

ผมดึงตัวคุณจักรวาลเข้ามากอดไว้แน่น  แน่นจนกว่าร่างกายที่กำลังสั่นเทาของเขาอยู่ในตอนนี้จะหยุดสั่นลงได้…

“…”

ความเปียกชื้นที่ไหล่ทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของร่างที่อยู่ในอ้อมกอดตอนนี้   แววตาที่ยังคงไม่รับรู้อะไรของเขา  ใบหน้าที่ยังเรียบตึงไร้ความรู้สึกนั่นก็ด้วย  หากแต่…

น้ำตามากมายกำลังไหลอาบแก้มลงมา

 

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วนะคะ… วันนี้อัพเช้ามากๆเพราะเดี๋ยวบิวจะออกไปข้างนอกแล้วค่ะ  คงไม่ว่างทั้งวันเลย หลังจากแต่งตอนนี้จบ  ไม่มีความรู้สึกอะไรเกิดขึ้นในใจของบิวเลยนอกจากน้ำตาที่เปื้อนหน้ากับกระดาษทิชชู่กองโตเพราะแต่งไปก็ร้องไห้ไป  เป็นการฆ่าตัวละครตัวแรกที่ทำให้หัวใจเจ็บปวดที่สุดเลย  หวังว่ากวินทร์จะได้มีความสุขกับมารีอาและลูกอยู่ในสถานที่อันแสนสงบอย่างที่ทั้งคู่ต้องการเนอะ  ส่วนคนที่ยังอยู่ก็คงต้องดิ้นกันต่อไป  ไกรศรต้องจมอยู่กับความผิดและฝันร้ายที่เขาเป็นคนฆ่าลูกเองไปจนวันสุดท้ายของชีวิต  อีกตัวละครที่อดสงสารจับใจไม่ได้ก็คือจักรวาล  ตอนนี้เขาต้องกำลังทรมานมากแน่ๆ  มันไม่ใช่แค่การตายของเพื่อนรัก  หากแต่เพื่อนรักยังตายเพื่อปกป้องเขาอีก  น่าเสียดายที่ทั้งคู่ไม่มีโอกาสได้ปรับความเข้าใจกัน  ถ้าจักรวาลและวินนี่ในวัยเด็กสามารถแยกร่างออกมาพูดคุยได้   ทั้งสองคนอยากเห็นจักรวาลและกวินทร์ในวันนี้หัวเราะร่วมกันอีกครั้ง  แต่บางที…พระเจ้าก็ไม่ได้ให้โอกาสใครเป็นครั้งที่สอง  นั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไมคนเราถึงควรคิดและไตร่ตรองให้ดีก่อนที่จะทำอะไรสักอย่างลงไป  เพราเมื่อทำลงไปแล้ว  เราจะไม่สามารถกลับไปแก้ไขได้อีก  และมันอาจจะสายไปแล้วเหมือนเพื่อนสนิทคู่นี้ก็เป็นได้ค่ะ

เอาล่ะ  เรื่องราวดราม่าอันยาวนานเป็นอันจบลง  ตอนหน้ามาเติมน้ำตาลให้เลือดกันบ้างดีกว่าเนอะ!

เรื่องนี้เปิดพรีแล้วนะคะ  รายละเอียด https://writer.dek-d.com/Bb9-/writer/viewlongc.php?id=1681164&chapter=38 (https://writer.dek-d.com/Bb9-/writer/viewlongc.php?id=1681164&chapter=38)  มีของรางวัลให้ร่วมลุ้นร่วมสนุกด้วยน้า  ตอนพิเศษสุดฟินอัดแน่นเต็มเล่มแน่นวลลลลล!
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่44 (13/09/60)#หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 13-09-2017 08:04:03
เรื่องมันเกิดเพราะกลัวคนข้างเคียงที่เป็นที่รักเสียใจ
แต่ก็ไม่ใช่มีที่รักคนเดียว รอบข้างก็มีนี่น้องชายไง
เลยทำให้น้องชายที่รักพี่ชายสุดๆ เหมือนถูกหลอกลวง หักหลัง
ยิ่งมีเดิมพันเป็นสมบัติของตระกูล เลยแค้นสุดๆ

ว่าไปไอ้ข้อแม้ที่ว่ามีหลานคนแรกนี้
ทำให้เกิดฆ่าฟันกันในครอบครัวแต่ก็ยังคิดกันขึ้นมา
ไม่ต้องถึงหลานหรอก
ลูกนี่แหละแบ่งให้เท่าๆกันมันยุติธรรมกว่าเห็นๆ
มันก็จบเรื่องแล้ว ก็ลูกของตัวเองแท้ๆ ทำไมจะแบ่งให้ไม่ได้
โทษปู่ได้เลย เชอะส์ :fire: :fire: :fire:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่44 (13/09/60)#หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 13-09-2017 09:33:18
 :mew2: :mew2: :mew2:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่44 (13/09/60)#หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 13-09-2017 13:16:34
คลี่คลายซักที
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่44 (13/09/60)#หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 13-09-2017 13:56:15
จะโทษใครดีล่ะ เรื่องนี้เริ่มแค่ความหวังดีที่ไม่อยากให้คนรอบข้างต้องเสียใจ แต่ทำให้เกิดโศกนาศกรรมขึ้น
ในทางกลับกันถ้าพ่อของกวินทร์ได้เข้ามาพูดเรื่องนี้กับพ่อของอวกาศแต่แรกเรื่องแบบนี้ก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นนะ
แต่ก็อีกล่ะเพราะความเชื่อใจถึงไม่ได้ไปพูดคุยเรื่องนี้กับพ่อของอวกาศและพอมารู้ทีหลังมันก็เรื่องเจ็บปวดมากซินะ
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่44 (13/09/60)#หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: Soda.wine ที่ 13-09-2017 14:55:05
 :mew6: เรื่องมันเศร้า
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่44 (13/09/60)#หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 13-09-2017 18:11:16
 :sad4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่44 (13/09/60)#หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 13-09-2017 21:26:43
เรื่องมันเกิดเพราะกลัวคนข้างเคียงที่เป็นที่รักเสียใจ
แต่ก็ไม่ใช่มีที่รักคนเดียว รอบข้างก็มีนี่น้องชายไง
เลยทำให้น้องชายที่รักพี่ชายสุดๆ เหมือนถูกหลอกลวง หักหลัง
ยิ่งมีเดิมพันเป็นสมบัติของตระกูล เลยแค้นสุดๆ

ว่าไปไอ้ข้อแม้ที่ว่ามีหลานคนแรกนี้
ทำให้เกิดฆ่าฟันกันในครอบครัวแต่ก็ยังคิดกันขึ้นมา
ไม่ต้องถึงหลานหรอก
ลูกนี่แหละแบ่งให้เท่าๆกันมันยุติธรรมกว่าเห็นๆ
มันก็จบเรื่องแล้ว ก็ลูกของตัวเองแท้ๆ ทำไมจะแบ่งให้ไม่ได้
โทษปู่ได้เลย เชอะส์ :fire: :fire: :fire:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

จริงด้วยย ดราม่านี้ต้องโทษคุณปู่ 5555.

ที่จริงคือคุณปู่แก่ใกล้จะตายแล้วค่ะ อยากเห็นหน้าหลานก่อนตายสักหน่อยเลยใช้วิธีนี้ 5555

ป่านนี้คุณปู่บนสวรรค์คงนั่งกุมขมับ "ตูไม่คิดว่าเรื่องมันจะเแนแบบนี้"  5555
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่44 (13/09/60)#หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 14-09-2017 04:30:14
 :hao5: สงสารหลานกวินทร์จังเลย  :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่44 (13/09/60)#หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 14-09-2017 10:12:38
ตายแล้วจิงๆหรอ
หัวข้อ: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่45 (14/09/60)#หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 14-09-2017 12:14:50


ตอนที่ 45

คงเหลือแค่ความทรงจำ

 

[เพื่อนที่กลายเป็นความชั่วไปแล้วอย่างนาย  ตายไปซะได้ก็ดี]

[นั่นสินะครับ  คนที่…ตัดสินใจกลายเป็นความชั่วเองก็คือฉันเอง]

[ใช่  ไม่ว่าจะอ้างเหตุผลร้อยแปดยังไง  ต่อให้คนพวกนั้นจะสมควรตายมากแค่ไหน  แต่ว่า…สุดท้ายคนที่จะตัดสินใจว่าจะเป็นความชั่วหรือไม่ก็คือตัวนายอยู่ดี]

 

‘จะ…ใจร้ายจังเลยนะครับ  ทำไมพระเอกถึงเพื่อนพูดกับเพื่อนของตัวเองแบบนั้นล่ะ  จริงอยู่ว่าเขาคือตัวร้ายแล้วก็ทำความผิดมามาก  แต่ว่าเขาเป็นเพื่อนสนิทของพระเอกนะ  ทีค่ตายก็เพราะปกป้องพระเอกด้วย  อย่างน้อยวาระสุดท้ายของชีวิตก็น่าจะคืนดีกัน  ปรับความเข้าใจกัน  หรืออย่างน้อยพระเอกก็น่าจะให้อภัยเพื่อของเขา  ว่าไหมครับจักรวาล’

กวินทร์ในวัยสิบเจ็ดที่นอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเพราะสามวันก่อนเพิ่งจะเอาตัวเข้าไปรับคมมีดแทนจักรวาลจนเกือบตายเอ่ยขึ้นเสียงเศร้า  พวกเขาสองคนกำลังนั่งดูหนังที่ฉายอยู่ทางทีวีด้วยกัน

‘ไม่หรอก  นายจำประโยคที่พวกเขาคุยกันไม่ได้เหรอ  มันคือประโยคในหนังที่พวกเขาพากันไปดูเมื่อตอนยังเด็กๆไง’

จักรวาลอธิบาย  กวินทร์ทำท่านึกสักพักก็ยิ้มกว้างออกมา

‘จริงด้วย  เป็นประโยคในหนังที่พวกเขาพากันไปดูจริงๆด้วย  แล้วทำไม…พระเอกถึงเอาประโยคในหนังมาพูดล่ะครับ?’

‘ลองคิดดูให้ดีสิ  ประโยคพวกนั้นมาจากหนังที่พวกเขาไปดูตอนที่ยังเป็นเพื่อนรักกันดี  ช่วงเวลานั้นทั้งสองคนมีความสุขด้วยกันมากๆเลยใช่ไหมล่ะ  แสดงว่าการที่พระเอกพูดแบบนั้นออกมา  อาจจะหมายถึงการให้อภัยก็ได้นะ  เพราะยอมให้อภัยทุกๆอย่าง  ถึงได้พูดถึงความทรงที่แสนวิเศษของพวกเขาที่มีร่วมกันออกมาไง’

‘มิน่าล่ะ  ก่อนจะตาย  ตัวร้ายถึงยิ้มออกมาอย่างมีความสุขแบบนั้น  เป็นเพราะเขารู้สินะครับ  ว่าพระเอกให้อภัยเขา’

‘คิดว่าน่าจะใช่นะ  เป็นคำพูดที่มีแค่พวกเขาสองคนเท่านั้นที่รู้  ว่าความเป็นเพื่อนของพวกเขาจะไม่มีวันหายไป  แม้ว่าอีกคนจะตายจากไปแล้วก็ตาม’

‘ซึ้งจัง  ถ้าผมกับจักรวาลได้เป็นเพื่อนที่รักกันมากแบบในหนังเองนี้ก็คงจะดีนะครับ’

‘แต่ฉันไม่ขอตายแบบนั้นเด็ดขาดนะ  ฉันไม่อยากกลายเป็นความชั่วหรอก’

‘ผมก็ไม่ยอมให้คุณกลายเป็นความชั่วหรอกครับ  ฮะๆๆ’

ทั้งสองคนหัวเราะร่วมกันอย่างมีความสุข  การได้ดูหนังเรื่องนี้ด้วยกัน กลายเป็นอีกหนึ่งความทรงจำอันล้ำค่าที่พวกเขาจะไม่มีวันลืม…

 

เป็นเวลากว่าชั่วโมงแล้วที่คุณจักรวาลเอาแต่ยืนเหม่อออกไปนอกหน้าต่างภายในห้องนอน  หลังจากที่ตำรวจมาถึงสถานที่เกิดเหตุและจับตัวคุณไกรศรที่มีอาการคุ้มคลั่งไป  คุณกวินทร์ถูกนำส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิต  พร้อมกับผอ.ที่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วนเนื่องจากมีอาการอ่อนเพลีย  คุณอวกาศและไอ้เฟี้ยวอาสาไปให้ปากคำที่โรงพัก  ไอ้โชเล่ถูกจับไปในฐานะผู้ต้องหา  การที่เรื่องราวคลี่คลายลงคราวนี้ทำให้ตำรวจสามารถสาวไปถึงบ่อนการพนันของคุณไกรศรและการยักยอกทรัพย์อื่นๆ  เรียกได้ว่ามีคดียาวเป็นหางว่าว  หากต้องติดคุกคงไม่มีโอกาสได้ออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันอีก  ไหนจะเรื่องที่สั่งฆ่าปิดปากอาจารย์มารีอาและกักขังหน่วงเหนี่ยวผอ.

เป็นบทสรุปที่ไม่น่าจดจำสักเท่าไหร่เลย

“คุณจักรวาล…”

ผมเรียกเขาเป็นรอบที่รอยแล้วเห็นจะได้  แม้ว่าเขาจะไม่พูดอะไรออกมา  แต่ทุกคนรู้ดีว่าคนที่เสียใจที่สุดกับการจากไปของคุณกวินทร์ก็คือผู้ชายคนนี้นี่แหละ  ผมไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงพูดจาแบบนั้นในช่วงวินาสุดท้ายของชีวิตคุณกวินทร์  ทว่าเมื่อนึกย้อนไปถึงรอยยิ้มที่คุณกวินทร์ยิ้มออกมา  มันเป็นรอยยิ้มของความสุขราวกับว่าไม่มีอะไรให้เขาต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว

หรือจะมีโค้ดลับอะไรแฝงอยู่ในคำพูดของคุณจักรวาลกันนะ?

โค้ดลับที่หมายถึงการ…ให้อภัย

หมับ…

เมื่อไม่ได้รับการตอบรับ  ผมเลยเดินเข้าไปสวมกอดเขาจากด้านหลังแทน  ซบหน้าลงกับแผ่นหลังกว้างที่มองทีไรก็อดคิดไม่ได้ว่าเจ้าของแผ่นหลังนี้กำลังอ้างว้างมากแค่ไหนกันนะ?  ตั้งแต่วันแรกที่ได้เจอ  ทั้งแววตา  ทั้งร่างกายนี้  ทุกอย่างในตัวคุณจักรวาลมันเต็มไปด้วยความเศร้า

“ไทม์เหรอ…”

แทบร้องไห้เลยทีเดียวเมื่อเขาเรียกชื่อผมออกมา  ในที่สุด…ในที่สุดคุณก็ยอมรับรู้อะไรบ้างแล้ว  ผมนึกว่าคุณจะเสียใจจนไม่อาจเรียกตัวตนเดิมกลับมาได้แล้วเสียอีก

“ไม่เป็นไรนะครับ  ไม่เป็นไร”

“…”

“คุณกวินทร์จากไปแค่ร่างกายเท่านั้น  เขายังมีชีวิตอยู่ในใจของพวกเราทุกคน  เหมือนอาจารย์มารีอา  จะไม่มีใครลืมพวกเขาทั้งสองอย่างแน่นอนครับ  ผมเองก็จะไม่ลืม  คุณอวกาศก็ด้วย  ไอ้เฟี้ยวก็เหมือนกัน  และคุณเอง…”

“…”

“คุณจักรวาลเองก็จะไม่ลืมใช่ไหมล่ะครับ  ไม่ลืมน้องสาวที่น่ารักอย่างอาจารย์มารีอา  และเพื่อนที่ดีที่สุดอย่างคุณกวินทร์”

สิ้นคำ  ร่างสูงก็ค่อยๆหันกลับมาหา  ฝ่ามืออบอุ่นที่ผมชอบเวลาถูกสัมผัสประคองใบหน้าของผมเอาไว้

“แม้ว่ามันจะเหลือเพียงแค่ความทรงจำ  แต่เราก็เลือกที่จะจำเฉพาะเรื่องราวดีๆของพวกเขาได้ไม่ใช่เหรอครับ”

ขอร้องล่ะ  ขอให้เสียงของผมส่งไปถึงเขาที  ผมไม่ต้องการให้คนๆนี้จมอยู่กับความเจ็บปวดอีกต่อไปแล้ว  ที่ผ่านมาเขาแบกรับอะไรไว้หลายอย่างจนแทบจะลืมว่าความสุขคืออะไร  อย่างน้อย…หลังจากนี้ผมอยากจะเห็นเขามีแต่รอยยิ้มและความสุขตลอดไป

ผมรักเขามากเสียจนไม่อาจทนเห็นเขาเป็นทุกข์ไปมากกว่านี้แล้ว

“นายนี่…กลายเป็นหมาช่างพูดขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”

“อะ…เอ๊ะ?”

ตาฝาดไปหรือเปล่าหว่า  เมื่อกี้เหมือนจะเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นบนใบหน้าหล่อๆนี้  ทั้งที่เพิ่งเจอเรื่องราวเลวร้ายขนาดนั้นมาไม่กี่ชั่วโมงแท้ๆ  ไม่มีทางที่เขาจะยิ้มออกมาได้หรอก

ไม่สิ  ถ้าเขายิ้มได้จริงๆผมก็จะดีใจมาก  แต่ว่า…แต่ว่า…

เมื่อกี้เขายังเศร้าจนแม้แต่ต้นไม้ดอกไม้รอบๆบ้านนี้ยังพากันเหี่ยวเฉาตามเลย!

“ไม่ต้องห่วงหรอก  ฉันกับหมอนั่น…ไม่มีอะไรค้างคาใจกันอีกต่อไปแล้วล่ะ  ป่านนี้ไอ้เจ้าบ้านั่นเองก็คง…กำลังอ้อนเมียอยู่บนฟ้าล่ะมั้ง”

“บนฟ้า?”

งั้นที่ยืนเหม่อออกไปนอกหน้าต่างเมื่อกี้คือกำลังมองฟ้าอยู่งั้นเหรอ?  ให้ตายสิ  ผมรับมือกับความคิดของคุณจักรวาลไม่ได้เลย  พอคิดว่ากำลังจะเข้าใจเขาดีแล้ว  อีกฝ่ายก็เปลี่ยนท่าทีไปเป็นอีกคนจนผมตามไม่ทัน

ชาตินี้ทั้งชาติคงได้แต่เดินตามหลังเขาแน่ๆ!

“แล้วทำไมถึงดูเศร้าๆล่ะครับ  คุณทำผมใจไม่ดีมากเลยนะ”

“เรื่องนั้น…ก็เพราะมันมาแย่งซีนฉันน่ะสิ  จะตายทั้งทียังมาทำเป็นตายแบบเท่ๆด้วยการปกป้องฉันเนี่ยนะ  ตั้งแต่เด็กๆคนที่คอยดูแลและปกป้องมาตลอดมันคือฉันต่างหาก  พอมาคิดว่าเจ้าเปี๊ยกที่ฉันคอยดูแลมาตลอดพกลายมาเป็นคนปกป้องฉันเองแบบนี้มันก็อดช็อกไม่ได้น่ะ”

ระ…เรื่องนี้เองเหรอเนี่ย

เข่าผมแทบทรุด  ยังไงก็ไม่เข้าใจความคิดของคุณจักรวาลอยู่ดีนั่นแหละ  ผมที่มองออกแม้กระทั่งแผนการของคุณกวินทร์กลับไม่เคยเข้าใจความคิดของผู้ชายในอ้อมกอดคนนี้เลย!

ระบบความคิดของเขามันก็มีลักษณะเหมือนเขาวงกตไม่แตกต่างจากที่มาที่ไปของเขาเมื่อก่อนนี้หรอก!

หมับ!

“อ๊ะ!  ทำอะไรครับเนี่ย”

“กวินทร์มันได้ขึ้นไปอ้อนเมียมันบนฟ้าแล้ว  ฉันเอง…ก็ขออ้อนว่าที่ ‘เมีย’ ในอนาคตบ้างสิ”

เขาเน้นคำว่าเมียด้วยแววตากรุ้มกริ่ม  ก่อนจะอุ้มผมด้วยท่าเจ้าหญิงพาเดินไปที่เตียง  ดะ…ดะ…เดี๋ยวสิเฮ้ย!  เพิ่งผ่านวินาทีความเป็นความตายดราม่าน้ำตาท่วมจอมาไม่เท่าไหร่  ยังมีอารมณ์จะมาทำอะไรแบบนี้อยู่อีกเรอะ

“คะ…คุณจักรวาล  ไม่เอา  อื้อ…”

ฟังเสียเมื่อไหร่…

ริมฝีปากถูกครอบครองลิ้มรสและตักตวงราวกับอีกฝ่ายกระหายมันมานาน  ผมบิดตัวเร่า  พยายามดันคนจู่โจมออกไปแต่ไม่เป็นผล  ลิ้นร้อนแทรกผ่านมาชิมความหวานในปากจนผมแทบสิ้นสติ  เขาร้อนแรงและอ่อนโยนในเวลาเดียวกันได้ยังไง?

ที่สำคัญ…

จูบเก่งไปแล้วเฟ้ยยยย!

“ร่างกายนายสร้างมาจากน้ำตาลหรือไง  จะหวานเกินไปแล้วนะ”

พอถอนจูบออกไป  เสียงแหบพร่าทว่าเซ็กซี่โคตรก็กระซิบลงที่ข้างหู  ปลายลิ้นร้อนเลียวนใบหูของผมไปมาจนขนแขนลุกเกรียว

เดาใจไม่ถูกเลยวุ้ย  อยู่ในโหมดไหนอารมณ์ไหนกันแน่ผมชักไม่มั่นใจแล้วสิ

“ไหนบอกจะรอให้ผมอายุยี่สิบก่อนไม่ใช่เหรอ”

“ก็รออยู่นี่ไง”

ละริมฝีปากออกมาจากใบหูแล้วยันตัวขึ้นเล็กน้อยเพื่อสบตากับผมขณะคุย

เออ  ตาน่ะมองหน้าผม  ปากก็คุยกับผม  แต่มือเนี่ยสิ!

สะกิดไปมาที่ยอดอกจนมันเริ่มแข็งเป็นไตแล้ว!

“คุณจักรวาล…”

ส่งเสียงงอนๆออกไปพลางหลบสายตา  ผลักไปก็ไม่เขยื้อนอยู่ดี  เลยเปลี่ยนแผนทำเป็นงอนดูบ้าง  ริมฝีปากของเขาไม่ได้จู่โจมผมแล้วก็จริง  แต่นิ้วมือของเขาต่างหากที่จู่โจมยอดอกผมไม่หยุด

“ชอบไหม”

“มะ…ไม่”

“จะปฏิเสธก็ให้มันเต็มเสียงหน่อยสิ  ฉันรู้ว่านายชอบ  ตรงนี้ของนายมันบอกฉันหมดแล้ว”

“อ๊ะ…”

ร้องออกมาเบาๆเพราะยอดอกที่แข็งชูชันถูกบีบราวกับต้องการจะแกล้งกัน  ขืนเป็นแบบนี้ต่อไปผมต้องเกิดอารมณ์เหมือนในวันที่เขาลงโทษอีกแน่ๆ  ไม่เอาแล้วนะ  มันทรมานจะตายไปที่ร่างกายมีความต้องการแต่กลับไม่ได้รับการปลดปล่อยแบบนั้น

“ขอชิมหน่อยนะ”

“ไม่นะครับคุณจักร…อื้อ!”

อ๊ากกกกกกกกก

ทำไมผมห้ามอะไรเขาไม่เคยได้เลย!!!

ร่างกายหนาเลื่อนต่ำลงไปดูดดื่มส่วนที่แข็งตัวแทนการใช้นิ้ว  ริมฝีปากชื้นดูดดุนยอดอกผมผ่านสาบเสื้อจนเปียกชุ่ม  สลับข้างไปมาโดยที่ฝ่ามือร้ายลูบไล้ลำตัวสั่นระริกของผมไปทั่ว

แบบนี้มัน…จะทนไม่ไหวจริงๆแล้วนะ

“น่าอิจฉาชะมัด  ฉันเองก็อยากทำกับนายแบบนั้นเหมือนกันนะ”

“ฝันไปเหอะมึง  อย่างมึงเกิดใหม่ชาติหน้ากูยังไม่เอาเลย”

“คิดว่าคนอย่างฉันมีความอดทนสูงถึงขนาดจะให้นายรอดพ้นเงื้อมมือไปถึงชาติหน้าหรือไง  ยังไงชาตินี้ฉันก็ต้องทำให้นายเป็นของฉันให้ได้  ถึงจะต้องขืนใจก็ตาม”

“สันดานมึงนี่ชั่วแปลกพวกจริงๆเลยนะไอ้อวกาศ”

บทสนทนาที่ดังขึ้นภายในห้องทำให้ผมกับคุณอวกาศรีบผละออกจากกัน  พอลุกขึ้นนั่งได้สองมือก็หันไปคว้าหมอนมาวางบนตักเพื่อปิดบังเจ้าน้องชายที่ระงับอารมณ์ไม่ไหว  ดันเนื้อผ้าออกมา…

กูอยากร้องไห้โว้ยยยยย!

“พวกนาย…เข้ามาได้ยังไง”

“ประตูมันไม่ได้ปิดก็เลยเดินเข้ามา  วันหลังถ้าจะเอากันก็หัดปิดประตูซะบ้างนะ”

ขวับ…

คุณจักรวาลหันกลับมามองผมที่เข้ามาในห้องเป็นคนสุดท้ายทันที  กะ…ก็ผมไม่คิดว่าเขาจะทำอะไรแบบนั้นนี่นาเลยไม่ได้ปิด  ถ้ารู้ว่าจะทำคงปิดแถมลงกลอนเรียบร้อยไปแล้ว!  ใครจะอยากให้คนอื่นมาเห็นตอนที่กำลังถูกทำแบบนั้นกันล่ะ

“แล้ว…เข้ามาตรงนี้นานหรือยัง”

คนหัวดำถามต่อด้วยใบหน้าขึ้นสี

ผมดีใจนะที่รู้ว่าคุณยังมียางอายอยู่!

หมับ!

“ร่างกายนายสร้างมาจากน้ำตาลหรือไง  จะหวานเกินไปแล้วนะ”

คุณอวกาศหันไปโฉบตัวไอ้เฟี้ยวเข้ามากอดทำท่าเหมือนพวกนักเต้นลีลาศที่ฝ่ายหญิงจะต้องเอนตัวไปข้างหลังจนเหมือนจะล้ม  โดยที่ฝ่ายชายจะใช้วงแขนประคองรับน้ำหนักเอาไว้  หมายความว่าไอ้เฟี้ยวตอนนี้อยู่ในสถานะของฝ่ายหญิงสินะ

ไม่ๆๆ นั่นไม่ใช่เรื่องที่ผมต้องคิด ประเด็นคือสิ่งที่คุณอวกาศกำลังทำเพื่อล้อเลียนผมกับคุณจักรวาลต่างหากล่ะ!

“หะ…เห็นตั้งแต่ตอนนั้นเลยเหรอครับ”

ยกมือขึ้นปิดหน้าด้วยความอับอาย  ขาดแค่ฉากอุ้มมาที่เตียงเท่านั้นเอง  แต่ก็ยังดีที่พวกเขาไม่ได้ยินคุณจักรวาลเรียกผมว่า ‘เมีย’   ไม่งั้นถูกล้อตายเลย!

“ว่าแต่  ผู้ชายก็เป็นเมียได้ด้วยเหรอพี่”

“เฮ้ย!”  ผมเองแหละ

“ตกลงนายเข้ามาตั้งแต่ตอนไหนกันแน่อวกาศ”

“พวกกูเข้ามาในห้องและยืนอยู่ตรงนี้ตอนฉากน้ำตาลนั่น  แต่ยืนดูและยืนฟังอยู่หน้าห้องตั้งแต่แกเรียกไอ้ไทม์ว่าว่าที่เมียละ

ไอ้เฟี้ยวไขข้อข้องใจให้  แปลว่าเห็นตั้งแต่ต้นเลยนี่หว่า

โอ๊ยยยยย  เอาหน้าไปซุกไว้ไหนดี  ฮือๆๆๆๆ

“ฉันว่าพวกเรากลับห้องกันดีกว่านะ  ปล่อยให้สองคนนี้ทำอะไรแบบที่ผัวเมียควรจะทำกันไป  ส่วนนายกับฉันก็กลับไปทำอะไรแบบผัวเมียกันที่ห้อง…”

ไม่พูดเปล่า คุณอวกาศยังทำไม้ทำมือเอามือสองข้างมาประกบกันดังแปะๆอีกด้วย  นี่ก็เล่นไม่ได้ดูคู่ตัวเองเล้ยว่านิสัยเป็นยังไง

“ไอ้จักรวาล  ถ้าฉันจะขอหาอะไรมาอุดปากน้องชายแกสักนิดสักหน่อยจะได้ไหม”

“ฉันอนุญาต  เชิญ”

“จริงสิ  นี่ตำรวจเขาเอามาคืน  เป็นของที่ไอ้กวินทร์มันเอาติดตัวไว้ตลอดเวลา  แต่ตรวจสอบแล้วไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับคดีเลยก็เลยคืนมาให้  ฉันคิดว่าแกสมควรจะเป็นคนเก็บมันเอาไว้”

ไอ้เฟี้ยวโยนบางอย่างมาให้  คุณจักรวาลยกมือรับมันไว้ได้อย่างแม่นยำ

“ลองเปิดดูนะพี่  ผมว่าพี่ตอนยิ้มน่ารักกว่าตอนทำหน้านิ่งเยอะเลย”

หมับ!

“มึงน่ะไม่ต้องพูด  มากับกูเดี๋ยวนี้เลยไอ้แก่ตัณหากลับ!”

“เฮ้ย!  ดะ…ดะ…เดี๋ยวสิ  อย่ากระชากคอเสื้อกันแบบเน้!  อย่างน้อยขอแค่ดูดนมก็ยังดีนะ  เอาข้างเดียวก็ได้…!”

ปัง!

ตุ้บ! ตั้บ! พลั่ก! โครม! โครม!

“อ๊ากกกกก  เจ็บ!  อย่าโหดกับว่าที่ผัวในอนาคตแบบนี้สิเมียจ๋า”

ตึงงงง!

เกิดเสียงอึกทึกคึกโครมดังมาจากห้องคุณอวกาศทันทีที่ไอ้เฟี้ยวกระชากคอเสื้อเขาแล้วลากกลับไปที่ห้องก่อนจะปิดประตูเสียงดังลั่น  กำแพงห้องนั้นสั่นสะเทือนมาจนถึงกำแพงนี้  หวังว่าพรุ่งนี้พี่ชายผมจะยังมีชีวิตอยู่ดีนะ…

“อะไรเหรอครับ”

เลิกสนใจห้องข้างๆหันมาสนใจคนตรงหน้าแทน  คุณจักรวาลที่ก้มดูสิ่งที่ไอ้เฟี้ยวโยนมาให้ตลอดตั้งแต่ได้มาเหยียดยิ้มเล็กน้อยก่อนจะส่งสิ่งนั้นให้ผมดูบ้าง

ผมรับมาเปิดดู  สร้อยคอล็อกเก็ตที่ด้านในคือรูปเด็กผู้ชายสองคนกำลังกอดคอกันยิ้มแย้ม  แม้ว่ารูปจะเริ่มเป็นสีเหลืองเพราะเริ่มเก่าไปตามวันเวลา  แต่ใบหน้าของพวกเขาสองคนยังคงไม่เปลี่ยนไปจากปัจจุบันเท่าไหร่

คุณจักรวาลและคุณกวินทร์ในวัยเด็ก…

แปลว่า…คุณกวินทร์แขวนสร้อยคอนี้ติดตัวมาตลอดเลยสินะ

“พอเห็นรูปคุณที่ยิ้มแย้มแบบนี้แล้ว…เหมือนคุณมีฝาแฝดมากกว่าเลยนะครับ”

ในที่สุดก็มีโอกาสได้เห็น…ตัวตนของคุณจักรวาลก่อนหน้าที่จะกลายมาเป็นแบบนี้  ตัวตนที่เคยมีคุณกวินทร์เท่านั้นที่ได้สัมผัส

ดีใจจัง…

ผมอาจจะไม่เคยรู้จักคุณจักรวาลในแบบนั้นก็จริง  แต่…คุณจักรวาลที่เย็นชา  เงียบขรึม  ใจดี  อ่อนโยน  แถมยังหื่นนิดๆแบบนี้…

ก็ไม่เลวเหมือนกันนะ

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  คู่ SM ช่างขัดจังหวะการดื่มนมของคุณจักรวาลเสียจริง!  ทำแบบนี้เดี๋ยวพระเอกของเราก็ไม่โตกันพอดี 5555  แต่อย่างน้อยก็รู้สึกโล่งใจกันได้ที่จักรวาลและกวินทร์จากกันโดยไม่มีอะไรติดค้างในใจ  แม้จะไม่ได้ล่ำลากันด้วยคำพูดหวานซึ้งกินใจ  แต่พวกเขาทั้งคู่รับรู้ได้ด้วยจิตใจความเป็นเพื่อนที่สื่อถึงกัน  ว่ามิตรภาพของพวกเขาจะยังคงอยู่ตลอดไป  ตลอดไป  ตลอดไปเลยยยย!  ส่วนคุณอวกาศนั้น…มาเอาใจช่วยให้ให้ดูดนมเฟี้ยวอย่างที่ต้องการกันเถอะ 5555555+
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่45 (14/09/60)#หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 14-09-2017 13:02:42
 :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่45 (14/09/60)#หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 14-09-2017 19:19:52
 :impress2:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่45 (14/09/60)#หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 14-09-2017 21:05:24
จักรวาล พูดดีนี่  :katai2-1:
ขอเอาเวลามาอ้อน ว่าที่เมีย  อะร้างงงงง  :z3: :z3: :z3:

อวกาศ หื่นโคตรๆเลย
มีขอดูดนมเฟี้ยว ข้างเดียวก็ได้ อะจ๊ากกกกก  :a5: :a5: :a5:รอตอนใหม่
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่45 (14/09/60)#หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 14-09-2017 21:25:39
อ่านแล้วสำหรับคู่จักรวาลกับไทม์  :กอด1: :m25:
แต่กับคู่อวกาศกับเฟี้ยว  :beat: :z6: :laugh3:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่45 (14/09/60)#หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: Laliat ที่ 15-09-2017 01:57:30
 :oo1: จะมีมั้ย
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่45 (14/09/60)#หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 15-09-2017 11:00:42
อวกาศกับเฟี้ยวนี่ท่าจะยากนะเราว่า คงอีกนานแน่ๆ กว่าจะได้ดื่มนมน่ะ
หัวข้อ: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่46 (15/09/60)#หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 15-09-2017 11:18:07


ตอนที่ 46

‘พี่’ อวกาศ

 

“นอนนะลูกนะ  ไม่ต้องกังวลอะไรอีกแล้ว  พ่อคนนี้จะปกป้องลูกเอง  ฮือฮื้มมมม”

“หมอบอกว่าคุณอาไกรศรมีอาการทางประสาทและเอาแต่ร้องหาพี่กวินทร์  สุดท้ายเลยคิดว่าตุ๊กตาตัวนั้นคือลูกของตัวเอง  ผลจากการช็อกที่พี่กวินทร์ตายต่อหน้าต่อตา  ทำให้คุณอาไม่สามารถกลับมาเป็นอย่างเดิมได้อีกแล้ว”

คุณอวกาศที่ใบหน้าฟกช้ำเพราะถูกไอ้เฟี้ยวซ้อมเมื่อวานเอ่ยเสียงเศร้า  พวกเราพากันมองเข้าไปในห้องที่มีคุณไกรศรกำลังเห่กล่อมตุ๊กตาเด็กผู้ชายตัวหนึ่งในอ้อมแขนด้วยรอยยิ้ม

ไม่แน่ว่าบางที…โลกที่คุณไกรศรอยู่ในตอนนี้  อาจจะเป็นโลกที่สงบสุขดีแล้วก็ได้

“ถ้าคุณพ่อยังอยู่  ท่านต้องเจ็บปวดมากแน่ๆที่เห็นคุณอาเป็นแบบนี้”

นั่นสินะ  ในบรรดาพวกเราสามคน  คนที่รู้จักคุณไกรศรและอยู่กับเขามานานที่สุดก็คือคุณจักรวาล  ความผูกพันของเขาย่อมมีมากกว่าใคร

“ว่าแต่…ไอ้เฟี้ยวยังไม่มาอีกเหรอ  ไปนานจังเลยนะ”

“อย่าห่วงไปเลยน่า  เด็กคนนั้นเอง…ถ้าอยากจะใช้ชีวิตอยู่ต่อไปได้อย่างมีความสุขก็ต้องก้าวผ่านอดีตของตัวเองไปเหมือนกัน  เชื่อใจหมอนั่นเถอะนะ”

คุณอวกาศตบบ่าผมที่เอาแต่ชะเง้อคอมองหาไอ้เฟี้ยวอย่างให้กำลังใจ

วันนี้พวกเราสี่คนมาที่โรงพยาบาล  โดยที่พวกผมสามคนมาเยี่ยมคุณไกรศร  ส่วนไอ้เฟี้ยวก็ไปเยี่ยมผอ.ที่นอนพักรักษาตัวอยู่  มันบอกว่าถ้ายังไม่คุยกันให้รู้เรื่องก็คงก้าวข้ามอดีตไปไม่ได้  ถึงจะยังฝังใจแค่ไหนก็ตาม  แต่มันก็ต้องการจบเรื่องนี้ด้วยตัวเอง  เลยไม่ให้ใครไปเป็นเพื่อนสักคน

ในฐานะเพื่อน…ผมหวังว่ามันจะทำสำเร็จ

“นั่น…”

เสียงของคุณจักรวาลเรียกความสนใจได้  ผมมองตามนิ้วมือของเขาที่ชี้ไปอีกทาง  พอหันไปก็พบว่าเป็นไอ้เฟี้ยวเดินซึมเข้ามา  ใบหน้าของมันดูก็รู้ว่าเพิ่งร้องไห้มา!

ตึกๆๆๆๆๆๆ

ผมวิ่งเข้าหามันทันทีด้วยความเป็นห่วง  พอถึงตัวอีกฝ่ายก็โผเข้ากอดมันแน่น  ลูบแผ่นหลังมันเบาๆด้วยต้องการจะปลอบโยน  สิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณจักรวาลและคุณกวินทร์ทำให้ผมอยากจะพยายามยิ่งๆขึ้นไป  อยากจะรักษามิตรภาพของผมกับมันเอาไว้ให้นานที่สุด  และจะไม่มีวันจบลงด้วยความเศร้าแบบพวกเขาแน่นอน

“ไอ้ไทม์…”

“มึงทำดีที่สุดแล้ว  เก่งมาก”

“…”

“เก่งมากไอ้เฟี้ยว  เก่งที่สุดในโลกเลย”

“เออ  กูรู้แล้วว่ากูเก่ง   มึงเลิกสั่งขี้มูกใส่เสื้อกูสักทีเหอะ  เปียกหมดแล้วเนี่ย”

ไอ้เฟี้ยวดันผมที่ถูไถใบหน้ากับแผงอกของมันไปมาจนน้ำตาเปียกเสื้อไปหมด  ร่างสูงยิ้มกว้าง  สองมือประคองใบหน้าผมเอาไว้

“ขอบใจนะที่เป็นห่วงกู  แต่กูไม่เป็นอะไรจริงๆ  แค่รู้สึกโล่งใจเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่กูได้เปิดใจคุยกับผู้หญิงคนนั้น  เธอเสียใจเรื่องการตายของมารีอามาก  เลยคิดว่าคงเป็นเวรกรรมที่เคยทำไว้กับกูทำให้วันนี้เธอต้องเสียลูกสาวสุดที่รักไป  เป็นครั้งแรกที่ยัยแก่นั่นบอกขอโทษและขอให้ฉันอโหสิกรรมให้  เธออยากจะชดใช้ทุกอย่างที่เคยทำผิดพลาดไปและขอให้กูกลับไปเป็นลูกชายของเธออีกครั้ง”

“ละ…แล้วมึง…”

“แน่ล่ะว่ากูปฏิเสธไป  ช่วงที่ได้ออกมาอยู่ด้วยตัวเองคนเดียว  ถึงมันจะลำบากไปบ้าง  แต่กูภูมิใจมากกว่าถ้ากูจะสามารถสร้างทุกอย่างได้ด้วยสองมือของกูเอง  อีกไม่นานกูก็จะย้ายออกจากบ้านอสังหาเหมือนกัน  เรื่องทุกอย่างจบลงแล้ว  ไม่มีความจำเป็นที่กูต้องอยู่ที่นั่นอีก”

“แต่…!”

“เชื่อในการตัดสินใจของเฟี้ยวเถอะนะ”

คุณอวกาศแทรกขึ้น  ผมมองหน้าเขาด้วยไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงจะยอมปล่อยให้ไอ้เฟี้ยวออกไปตกระกำลำบากและใช้ชีวิตอยู่คนเดียวอีก  ถ้ารักมัน…ก็ต้องอยากให้มันอยู่ใกล้ๆและสุขสบายไม่ใช่เหรอ?

หมับ!

“หมดเวลาแตะตัวแล้ว”

วงแขนแกร่งตวัดรอบคอผมแล้วดึงเข้าหาเพื่อแยกออกจากไอ้เฟี้ยว  ไอ้บ้านี่ก็หึงไม่ดูเวล่ำเวลาเลยเว้ย!

“ถึงกูจะปฏิเสธเรื่องกลับไปอยู่กับยัยแก่นั่นในฐานะลูกชาย  แต่ว่า…กูสัญญาไว้แล้วว่าจะไปเยี่ยมบ่อยๆ  ถึงยังไงมารีอาก็คงอยากให้ฉันดูแลแม่ของเธอแทนเธอออยู่แล้วล่ะนะ”

“เมียฉันนี่ช่างมีจิตใจเข้มแข็งจริงๆเลย  มามะ…มาให้จูบ…อุ๊บ!”

“!!!”

ไม่ใช่แค่คุณอวกาศเท่านั้นที่เบิกตากว้างอย่างตะลึงตึงๆ  ผมกับคุณจักรวาลที่ยืนอยู่ด้วยก็ตกใจจนลูกตาแทบถลนออกมาจากเบ้าเช่นกัน!

ไอ้เฟี้ยวที่ถูกคุณอวกาศโผเข้ากอดดันหัวมันให้ซบลงกับไหล่กว้างเงยหน้าขึ้นมาจูบปากเขาที่กำลังทำปากจู๋หมายจะจูบแกล้งไอ้เฟี้ยวแบบทุกที  ทว่าคราวนี้มันไม่ใช่การแกล้งแล้วไง  เพราะเพื่อนผมมันยื่นหน้าเข้าไปจูบจริงๆ!

“ถือเป็นการจอบแทนเรื่องนั้นแล้วกัน”

ไอ้เฟี้ยวผละตัวออกห่างหลังจากจู่โจมจูบร่างสูงที่ช็อกจนตัวแข็งทื่อไปแล้ว  ทั้งมันและพี่ชายผมเริ่มจะหน้าแดงลามไปจนถึงใบหูไม่ต่างกัน

“ตะ…ตอบแทน…?”

“ยัยแก่นั่นบอกฉันหมดแล้ว”

“บอก?  เอ๊ะ?!  คุณป้าบอกหมดเลยเหรอ!”

ดูเหมือนสติของคุณอวกาศจะกลับมาแล้ว  เขาตะโกนถามไอ้เฟี้ยวเสียงดังลั่น  ใบหน้าตกใจปนอายๆราวกับถูกจับได้ในเรื่องที่ปิดบังมานาน

“อือ  เรื่องที่แก…ไปก้มหัวขอร้องท่ามกลางสายฝนเพื่อขอให้เธอหยุดทารุณฉันหลังจากที่ไอ้จักรวาลพาฉันหนีไปอยู่ที่บ้านอสังหาตอนนั้น”

“จริงเหรอครับคุณจักรวาล!”

เงยหน้าถามอีกคนที่น่าจะรู้เรื่องเหมือนกัน  คิดไม่ถึงเลยว่าคุณอวกาศจะทำถึงขนาดนั้นเพื่อไอ้เฟี้ยว?

“อืม  ถึงฉันจะเคยบอกเอาไว้ว่าจะปกป้องเฟี้ยวเองก็เถอะ  แต่ดูเหมือนว่าคนที่ลงมือทำไปแล้วจะเป็นอวกาศมากกว่านะ”

“อะ…อะไรกันเนี่ย  อุตส่าห์กำชับคุณป้าไว้แล้วเชียวว่าห้ามบอกเด็ดขาด!”

“แสดงว่าหลังจากนั้นที่แกไข้ขึ้นจนเกือบเป็นปอดบวมนอนซมอยู่หลายอาทิตย์ก็ไม่ใช่เพราะเดินตกสระน้ำสินะ”

ไอ้เฟี้ยวถามขึ้นอีกรอบ  คนถูกถามหน้าแดงยิ่งกว่ามะเขือเทศเสียอีก!  เขายกมือขึ้นเกาท้ายทอยมองนู่นมองนี่ไปเรื่อยเพื่อเลี่ยงที่จะสบตากับตนถามตรงๆ

“ทำไม…ต้องทำถึงขนาดนั้นด้วย”

“จู่ๆถามแบบนี้จะให้ฉันทำตอบว่ายังไงดีล่ะ”

“ตอบมาตามตรงสิวะ  ตอนนี้…ฉันอยากฟังความรู้สึกทั้งหมดของแก”

ทะ…ทนไม่ไหวแล้ว!

ไอ้ฉากหวานแหววพวกนี้ทำเอาผมต้องยกมือขึ้นมาปิดหน้าเอาไว้แต่เว้นช่องระหว่างนิ้วพอให้มองเห็นอยู่  บางทีความดีที่คุณอวกาศเคยทำไว้ในวัยเด็กอาจจะทำให้มันใจอ่อนยอมรับรักเขาก็เป็นได้!

“ถ้าเป็นเรื่องนั้น  เมื่อก่อนฉันแค่คิดว่าเพราะนายเป็นน้องชาย  และฉันเป็นพี่  ฉันก็ควรจะต้องปกป้องนายให้ได้ตามที่เคยสัญญาไว้  แต่มาวันนี้…ฉันคิดว่าตอนนั้นฉันคงเข้าใจผิดไป  ไม่ใช่เพราะความเป็นพี่น้องหรือสัญญาอะไรทั้งสิ้น  มันเป็นเพราะ…”

“…”

“ฉันชอบนาย  และคงจะชอบมาตลอด…ตั้งนานแล้ว”

ถ้าเป็นคนอื่น  เจอผู้ชายดูดีแถมยังอ่อนโยนขนาดนี้สารภาพรักเข้าคงจะยอมตกลงไปนานแล้ว  แต่เพราะเป็นไอ้เฟี้ยว  ผมถึงได้ลุ้นจนตัวโก่ง  บีบแขนคุณจักรวาลที่กอดคออยู่ตอนนี้แน่น

พรึ่บ…

หลังจากเงียบไปเกือบหนึ่งนาที  ไอ้เฟี้ยวก็ยกแขนขึ้นแล้วชี้นิ้วมาทางผม  ขอให้กูได้ยืนเป็นตัวประกอบเกินหนึ่งหน้ากระดาษบางได้ไหมฟะ!

“แต่ฉันชอบไอ้ไทม์”

“ไอ้เฟี้ยว!”

อย่าโยนขี้พร้อมระเบิดใส่หน้ากูตรงๆแบบนี้สิเว้ย!

“ถึงตอนนี้ก็ยังชอบอยู่ด้วย  ฉันเลยยังตอบรับความรู้สึกอะไรของแกไม่ได้ทั้งนั้น  แต่ว่า…จะลองเล่นเกมกันดูไหมล่ะ”

“เกม?”

“ทำให้ฉันลืมไอ้ไทม์ให้ได้  เปลี่ยนใจของฉันจากไอ้ไทม์ไปเป็นแก  กล้าหรือเปล่า?”

พูดแบบนี้ก็หมายความว่า…

ไอ้เฟี้ยวยอมเปิดโอกาสให้คุณอวกาศเดินหน้าจีบมันงั้นเหรอ?!

“ของรางวัลคืออะไร  เกมทุกเกมสิ่งที่ดึงดูดผู้เข้าแข่งขันก็คอของรางวัลนะ”

“แกอยากได้อะไรก็บอกมาเลย”

“ดี!  กล้าๆแบบนี้ฉันชอบ  ถ้าอย่างนั้น…หากฉันชนะเกมนี้…นายจะต้อง…”

คุณอวกาศเดินหน้าเข้าไปใกล้ไอ้เฟี้ยวก่อนจะก้มลงกระซิบบางอย่างที่ข้างหูของมัน  แต่ในฐานะผู้เสือกที่ดี  ผมเลยเงี่ยหูฟังจนได้ยินไปด้วย  หึๆ

“เป็นของฉันทั้งตัวและหัวใจ”

อะ…ไอ้ทั้งตัวที่ว่านี่หรือว่าจะหมายถึง…!

คำว่า ‘เมีย’ ของคุณจักรวาลแทรกเข้ามาในความคิดทันที  จริงอยู่ที่ผมเชียร์พวกเขานะ  แต่นึกสภาพไอ้เฟี้ยวในฐานะเมียไม่ออกจริงๆ  สงสัยคงจะเป็นเมียที่ห่ามและเถื่อนน่าดู

 

“พวกเรากำลังจะไปไหนกันเหรอครับ”

เอ่ยถามคุณจักรวาลเมื่อรถเริ่มไกลออกมาจากตัวเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ  หลังจากรอให้สองคนนั้นโชว์หวานกันในโรงพยาบาลจนเสร็จ  คุณจักรวาลก็สั่งให้ขึ้นรถและบอกว่ามีที่ที่ต้องการจะพาพวกเราไป  ตั้งแต่เรื่องทั้งหมดจบลง  ดูเหมือนว่าพี่เข้มจะงานน้อยลงไปเยอะเพราะไม่จำเป็นต้องมาขับรถให้แล้ว  ว่าที่สามี ( พูดคำนี้แล้วอยากจะกัดลิ้นตัวเองตาย ) ของผมจะทำหน้าที่เป็นสารถีให้เอง

“เดี๋ยวนายก็รู้”

หันไปมองคุณอวกาศกับไอ้เฟี้ยวที่เบาะหลัง  ทั้งสองยักไหล่เพราะไม่รู้เหมือนกัน  แอบสังเกตเห็นว่าพวกเขานั่งจับมือกันด้วย  ถึงจะทำเป็นนั่งหันหน้าออกนอกหน้าต่างไม่ได้สนใจกันก็เถอะ

บทจะหวานก็หวานกันไม่หยุดเลยนะคู่นี้!

เอี๊ยด!

รถยนต์จอดสนิทที่หน้าบ้านทรงไทยหลังหนึ่ง  ด้านหน้ามีชายชุดดำเฝ้าอยู่สองคน  พวกเขารีบเปิดประตูรั้วให้ทันทีที่เห็นว่าเป็นรถของคุณจักรวาล  พอเขาเปิดประตูลงไปผมและสองคนข้างหลังเลยรีบลงตามอย่างงุนงง

ที่ไหนกันหว่า?

“พี่จ๋า!”

ทันทีที่เสียงเรียกคุ้นเคยดังขึ้น  ผมก็หันขวับไปทางต้นเสียง  บรรดาน้องๆทั้งห้าคนของผมยิ้มกว้างอย่างดีใจก่อนจะเบียดกันวิ่งลงบันไดมาหาผมที่กำลังวิ่งเข้าไปหาเช่นกัน

“หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า”

ร้องเรียกชื่อพวกน้องๆแล้วโผเข้ากอดเด็กทั้งห้าไว้แน่นด้วยความคิดถึงจับใจ  น้ำตาไหลออกมาเมื่อเห็นว่าพวกเขาทั้งหมดสบายดี  แถมยังอ้วนจ้ำม่ำขึ้นอีกด้วย

“พี่จ๋ามาแล้ว  พวกหนูคิดถึงพี่จ๋ามากเลย”

“พี่ก็คิดถึงพวกเราเหมือนกัน   สบายดีใช่ไหม  เป็นเด็กดีหรือเปล่า”

“เป็นเด็กดีค่ะ!  พวกเราไปโรงเรียนกันทุกวันเลยด้วย”

“จริงเหรอ  ชอบโรงเรียนกันแล้วสินะ”

เมื่อก่อนทั้งห้าคนจะเกลียดกันไปโรงเรียนมากๆ  เพราะไม่เคยมีของน่ารักๆเหมือนเด็กคนอื่นทำให้รู้สึกด้อยกว่าตามประสาเด็กน้อย

“ชอบมากเลยครับ!”

“ชอบมากเลยค่ะ!”

“เก่งที่สุดเลย  น้องๆของพี่”

ผมดึงพวกเขาเข้ามากอดพร้อมๆกันอีกครั้ง  พอได้เห็นหน้าน้องทั้งห้าแบบนี้ทำให้ผมรู้สึกได้เลยว่าเรื่องร้ายๆมันจบลงแล้วจริงๆ  ผมได้ครอบครัวของผมกลับคืนมาแล้ว

“คุณไทม์…”

อีกสองเสียงดังขึ้น  พ่อกับแม่ยืนหน้าเศร้ามองผมอย่างกล้าๆกลัวๆ

“พ่อ!  แม่!”

โผเข้ากอดพวกท่านทันที  มันจบแล้วจริงๆ  เรื่องร้ายๆพวกนั้นจบแล้วจริงๆด้วย  ผมได้เจอพ่อกับแม่แล้ว  พ่อกับแม่ที่หาเลี้ยงและดูแลผมมาตลอด…

“ยะ…อย่าค่ะคุณไทม์  ตัวป้าสกปรก”

“นั่นสิครับ  ตอนนี้คุณก็รู้แล้วว่าคุณเป็นใคร  ได้โปรดอย่าทำแบบนี้เลยนะครับ  พวกเราไม่อยากให้คุณต้องแปดเปื้อนคนชั้นต่ำอย่างพวกเรา”

พ่อกับแม่ต่างก็ผลักผมออกก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งก้มหน้าแบ่งชนชั้นกับผมอย่างชัดเจน

“พ่อ…แม่…”

“อย่าเรียกแบบนี้อีกเลยค่ะ  เราสองคนไม่ใช่พ่อแม่ที่แท้จริง  เป็นแค่คนรับใช้จนๆที่คุณผู้หญิงคอยดูแลเป็นอย่างดีเท่านั้นนะคะ”

“ไม่  ไม่  ไม่   แม่อย่าทำแบบนี้สิ  พ่อด้วย  ผมไทม์ไง  ไทม์ลูกของพ่อกับแม่คนเดิมนั่นแหละ”

ผมนั่งลงตรงหน้าพวกท่านทั้งสอง  จับมือของหญิงชายคู่นี้แล้วเอามาแนบแก้ม  นี่ไง…พ่อกับแม่ของผม  แล้วจะบอกว่าไม่ใช่ได้ยังไง…

“คุณไทม์  อย่าทำแบบนี้เลยครับ  เดี๋ยวมือคุณจะสกปรก…”

“ฮึก…อย่าผลักไสผมเลยนะ  พ่อ…แม่  ฮือ…ผมน่ะ…เป็นลูกของพ่อกับแม่นะ  มือคู่นี้ที่หาเลี้ยงและดูแลผมมาตลอด  ต่อให้ตายผมก็จะไม่มีวันปล่อยมือสองคู่นี้ไปเด็ดขาด  ฮือ…”

ร้องไห้ออกมาด้วยความกลัว  จริงอยู่ว่าผมมีพ่อแม่ที่แท้จริง  และผมก็รู้สึกผิดที่ไม่เคยได้มอบความรักให้กับพวกท่านเลย  แต่ว่า…สำหรับพ่อกับแม่ที่เลี้ยงผมมาจนโตแบบนี้  ผมรักพวกท่านมากและไม่มีทางคิดว่าพวกท่านเป็นคนอื่นไปได้อย่างเด็ดขาด

“คุณไทม์…”

แม่เรียกชื่อผมเสียงสั่น

“แม่ก็รักผมใช่ไหม  พ่อก็รักผมใช่ไหม”

“…”

“ผมรักพ่อ  รักแม่  รักน้องๆ  ทุกคนคือครอบครัวที่ผมรัก  เหมือนที่ผมรักพี่ชายทั้งสองของผม  รักแม่เสียงพิณ  รักพ่อไกรเทพ  ทุกคนคือครอบครัวที่ผมรักมากที่สุด  ได้โปรดอย่าทิ้งผมไปเลยนะ   กลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมเถอะ”

“ตะ…แต่ว่า…”

“มาอยู่ด้วยกันเถอะครับ  คุณลุง  คุณป้า”

“คุณอวกาศ…”

“น้องชายผมรักพวกคุณมาก  สำหรับไทม์แล้วพวกคุณสองคนคือพ่อแม่ที่เลี้ยงดูมาจนเติบโต  แม้จะไม่ใช่ผู้ให้กำเนิด  แต่ว่า…ในฐานะที่พวกคุณเลี้ยงดูน้องชายของผมมาจนเราสองพี่น้องได้มีโอกาสกลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง  ผมอยากจะขอบคุณ…ขอบพระคุณมากๆเลยครับ”

คุณอวกาศเดินมานั่งลงข้างๆผมก่อนจะก้มหัวขอบคุณพ่อกับแม่จนศีรษะจรดพื้น  แม้ว่าจะดูทีเล่นทีจริงกับทุกเรื่องไปเสียหมด  แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องเป็นผู้ใหญ่  เขาก็สามารถเป็นผู้ใหญ่ที่ดีและน่าเชื่อถือได้ไม่แพ้คุณจักรวาล

“พี่ครับ…”

“ในที่สุดก็ยอมเรียกแล้วสินะไอ้น้องชาย”

‘พี่’ อวกาศเงยหน้าขึ้นมา  มือหนายีหัวผมอย่างเอ็นดู  ความอบอุ่นจากพี่น้องไหลผ่านจากฝ่ามือนั้นมาถึงตัวผม  ราวกับหัวใจถูกเติมเต็มไปด้วยความรักจากคนในครอบครัว…

“ฉันเห็นด้วยนะ  พวกนายสองคนต้องลำบากซ่อนตัวทายาทคนที่สองเอาไว้เกือบสิบแปดปี  เปิดเผยตัวตนของตัวเองและครอบครัวในที่แจ้งไม่ได้  ถึงได้ลำบากอดมื้อกินมื้อมาตลอด  แต่ถึงอย่างนั้น…พวกนายก็ไม่ทิ้งทายาทไป  ยังทำตามคำสั่งของคุณผู้หญิงด้วยความภักดี  สำหรับเรื่องนี้นั้น  ฉันเองก็ต้องขอขอบคุณเหมือนกัน”

คุณจักรวาลที่ยืนอยู่ด้านหลังก้มหัวลงเล็กน้อย  น้องๆทั้งห้าคนของผมถูกไอ้เฟี้ยวต้อนไปเล่นในสวนเพราะไม่ต้องการให้เด็กๆมารับรู้หรือเห็นอะไรที่พวกเขาไม่มีทางเข้าใจได้จนกว่าจะโต

“คุณจักรวาล…”

“ฉันรู้ว่าพวกนายคิดอะไร  ในฐานะที่จริงๆแล้วฉันเองก็ไม่ต่างไปจากพวกนายคือเป็นสายเลือดของตระกูลข้ารับใช้  แม้จะได้รับความรักความเมตตาจากคนในอสังหามากแค่ไหน  แต่ข้ารับใช้ก็คือข้ารับใช้  คำๆนี้เหมือนบ่วงที่คล้องคอคนอย่างพวกนายกับฉันเอาไว้จนบ้างครั้งก็ไม่สามารถรับความเมตตาเหล่านั้นได้จริงๆ”

ผมกับพี่อวกาศมองหน้ากันด้วยไม่เข้าใจในสิ่งที่คุณอวกาศพูด  แต่พ่อกับแม่ของผมกลับยิ้มกว้างและพยักหน้ารับราวกับเจอคนที่เข้าใจความรู้สึกของพวกเขา

“แต่เพราะมันคือความต้องการของทายาททั้งสองคน  อย่างน้อยพวกนายควรจะกลับเข้าไปอยู่ในเมืองเหมือนเดิม  ฉันจะจัดหาบ้านที่เหมาะสมและดีที่สุดให้  รวมถึงเงินและธุรกิจเพื่อให้พวกนายสามารถเลี้ยงตัวเองและเด็กห้าคนนั้นได้อย่างสุขสบายโดยไม่ต้องลำบากเหมือนที่ผ่านมา”

“ขะ…ขอบคุณมากเลยครับคุณจักรวาล  ขอบคุณจริงๆ”

พ่อยกมือขึ้นไหว้คุณจักรวาลท่าทางดีใจ  มะ…หมายความว่ายังไงกันแน่  ตกลงผมจะได้พ่อแม่และน้องๆกลับมาอยู่ด้วยหรือเปล่า?

“ไทม์  ฟังให้ดีนะ  ฉันเข้าใจว่านายอยากกลับไปอยู่กับครอบครัวเหมือนเดิม  และสำหรับนายสองคนนี้คือพ่อแม่ที่เลี้ยงดูมา  แต่ข้ารับใช้ก็คือข้ารับใช้  ถึงนายจะยกย่องให้พวกเขาเป็นพ่อแม่ด้วยใจจริง  พวกเขาก็รับไว้ไม่ได้  เพราะพวกเขาจะรู้สึกว่าตัวเองอกตัญญูต่อคุณผู้หญิงและคุณผู้ชาย  ถ้านายอยากตอบแทนพวกเขาจริงๆ  ก็ทำตามที่ฉันบอก  ถึงยังไงนายก็สามารถไปหาพวกเขาได้ทุกเวลาตามที่นายต้องการ  นายยังเป็นพี่ชายของเด็กห้าคนนั้นเหมือนเดิม  เพียงแต่…นายจะให้พวกเขาเข้ามาอยู่ในอสังหาในฐานะพ่อกับแม่ของนายไม่ได้  สำหรับข้ารับใช้อย่างพวกเรา  พ่อกับแม่ที่แท้จริงของนายสูงส่งมากรู้หรือเปล่า”

“ใช่แล้วค่ะคุณไทม์  พวกเราดีใจจริงๆที่คุณไทม์รักและให้เกียรติพวกเราได้เป็นพ่อกับแม่  แต่ไม่ว่ายังไง  พวกเราก็ไม่อาจตีตัวเสมอคุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายจริงๆค่ะ  ท่านทั้งสองมีบุญคุณล้นเหลือกับเราทั้งคู่  พวกท่านให้ยิ่งกว่าชีวิตแก่พวกเรา  ที่ผ่านมาข้ารับใช้ทุกคนจะเทิดทูนพวกท่านและลูกๆของพวกท่านเอาไว้เหนือหัว  พ่อแม่ที่แท้จริงๆของคุณไทม์น่ะ  เป็นคนที่วิเศษมากเลยนะคะ”

“แม่…”

“สำหรับผมคุณไทม์ยังเป็นลูกชายคนโตอยู่เสมอไม่เปลี่ยนแปลง  แต่ได้โปรดเข้าใจฐานะของพวกเราด้วยเถอะนะครับ  ในเมื่อตอนนี้คุณไทม์รู้ความจริงทุกอย่างแล้ว  ถ้าจะให้พวกเราทำเหมือนเดิม  พวกเราเองก็ลำบากใจเหมือนกัน  มันเหมือนกำลังล่วงเกินท่านทั้งสองที่ลาลับไปแล้ว  ถึงจะไม่ได้อยู่ร่วมกันในฐานะพ่อแม่ลูกเหมือนเมื่อก่อน  ก็ขอให้รู้เอาไว้ว่าพวกเรารักคุณไทม์มากจริงๆ  ไม่ใช่ในฐานะของข้ารับใช้กับเจ้านาย  แต่เป็นในฐานะพ่อแม่และลูกชายคนแรกของพวกเขา”

“พ่อ…”

ผมกลั้นน้ำตาแทบไม่อยู่  ปกติพ่อจะเป็นคนขี้โวยวายนิดๆและจะเข้มงวดกับผมเป็นพิเศษ  ผมไม่เคยเห็นพ่อในโหมดนี้เลยตั้งแต่เกิดมา  ไม่เคยได้ยินคำว่ารักจากปากของพ่อด้วยซ้ำ  นี่เป็นครั้งแรก…

“นั่นสินะ  ผมเข้าใจแล้วล่ะครับ  ไทม์…นายเองก็ควรเข้าใจพวกเขาด้วยนะ  อย่าทำให้พวกเขาต้องลำบากใจเลย”

“เรื่องนั้นผมรู้ครับ  แต่ว่า…”

พวกเขาเป็นพ่อแม่ของผมมาตลอดเลยนะ  ตลอดมา…

“จริงสิ  มีบางอย่างที่คุณผู้หญิงฝากให้ดิฉันเก็บเอาไว้มอบให้กับพวกคุณทั้งสามคนเมื่อถึงเวลาที่เหมาะที่ควร  ดิฉันคิดว่าตอนนี้คือเวลาที่เหมาะสมที่สุดแล้ว  รอสักครู่นะคะ  ดิฉันจะไปนำของเหล่านั้นมาให้”

แม่ก้มหัวลงเล็กน้อยก่อนจะวิ่งกลับขึ้นไปบนบ้าน  ผมได้แต่มองตามตาละห้อย  ถึงผมจะรักพ่อกับแม่มากแค่ไหน  แต่พวกเราก็ไม่อาจกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อยู่ดีสินะ

“มาแล้วค่ะ”

แม่วิ่งกลับลงมาพร้อมกล่องเหล็กขนาดใหญ่สามกล่อง  พะ…พวกนี้น่ะเหรอ  ของที่แม่เสียงพิณฝากไว้ให้กับพวกเรา

“นี่ของคุณจักรวาลค่ะ  ส่วนนี่ของคุณอวกาศ  และนี่…ของคุณไทม์”

“พวกนี้…”

“รหัสเปิดแม่กุญแจที่ล็อกไว้คือวันเกิดของพวกคุณเองค่ะ  ถ้าอย่างนั้นพวกเราขอตัวไปเตรียมของว่างไว้ให้คุณๆกับพวกเด็กๆก่อนนะคะ  เชิญตามสบายค่ะ”

พ่อกับแม่ส่งยิ้มพิมพ์ใจก่อนจะค่อยๆคลานเข่ากลับออกไป  เหลือไว้แค่พวกผมสามคนที่มองหน้ากันสลับกับกล่องเหล็กในมือ

ตึก…ตึก…ตึก…

พี่อวกาศเดินไปทิ้งตัวลงนั่งบนขั้นบันไดก่อนจะเริ่มหมุนรหัสเพื่อเปิดกล่อง  เห็นแบบนั้นคุณจักรวาลเลยแยกไปนั่งที่ใต้ต้นไม้ในสวนเพื่อเปิดของตัวเองบ้าง  ผมเลยลุกไปนั่งตรงโต๊ะมาหินเพื่อเปิดกล่องของตัวเองเช่นกัน

ของที่แม่เสียงพิณฝากไว้ให้…

คืออะไรกันนะ  ตื่นเต้นจัง

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  และแล้วคุณอวกาศก็ได้จู๊บบบบบจากเฟี้ยวมาครอบครอง (เดี๋ยวๆ ผิดประเด็น 5555 ) เอาใหม่  และแล้วน้องไทม์ก็เรียกคุณอวกาศว่าพี่ได้เต็มปากสักที  แม้จะไม่สามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมกับครอบครัวที่เติบโตมาได้  แต่เชื่อว่าน้องไทม์จะต้องมีความสุขกับครอบครัวที่แท้จริงและใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างดีเยี่ยม  ไกรศรเองก็ได้รับผลกรรมที่ตัวเองก่อไว้เหมือนกับผอ.ที่สุดท้ายก็ต้องสูญเสียแก้วตาดวงใจไปอย่างไม่มีวันกลับ  บางครั้งผลจากการกระทำของตัวเองก็ไม่ได้ส่งผลร้ายต่อเราแต่เป็นคนที่เรารักแทนเนอะ  ตอนหน้ามาดูกันว่าแม่เสียงพิณทิ้งอะไรไว้ให้กับลูกชายทั้งสามคน?  #แม่ก็คือแม่ #ความรักของแม่ยิ่งใหญ่เสมอ  หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมบิวเขียนความรู้สึกเกี่ยวกับแม่ลูกได้ลึกซึ้งยิ่งนัก  นั่นก็เพราะบิวเป็นแม่คนแล้วนะเออ 555  มีลูกชายวัยสี่ขวบกว่าซึ่งกำลังซนจนน่าจับล่ามด้วยโซ่แล้วเอาแส้ตี (เอ๊ะ?)  ตอนนี้อยู่ในช่วงขัดเกลาลูกชายให้เดินไปในเส้นทางสายวายแบบแม่มันอยู่ค่ะ  ก๊าก 555
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่46 (15/09/60)#หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: Toon_TK ที่ 15-09-2017 12:25:15
หมดเรื่องซักที
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่46 (15/09/60)#หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 15-09-2017 12:28:55
อยากรู้ว่าแต่ละคนจะได้อะไร :hao4: :hao4: :hao4:
หัวข้อ: ร่วมสนุกลุ้นรับหนังสือ "เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก"
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 15-09-2017 14:31:31
     สวัสดีค่า  อย่างที่รู้กันว่าตอนนี้เรื่องนี้ได้ทำการเปิดพรีออเดอร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว  ทว่ายังมีนักอ่านอีกหลายคนที่อยู่ในวัยเรียน  บางคนอยากเปย์แต่ไตงอกไม่ทันก็มี   วันนี้เลยมีกิจกรรมให้นักอ่านทุกท่านที่อยากได้หนังสือชุดนี้ไปครอบครองมาร่วมสนุกกันค่า
     หมดเขตร่วมสนุก  30 กันยายน 2560  หลังเที่ยงคืนเป็นต้นไป

     ได้รับหนังสือพร้อมกันกับนักอ่านที่สั่งซื้อนะคะคือหลังปิดพรีฯไม่เกิน 30 วันจ้า
     อนึ่ง ของรางวัลที่จะได้รับคือ : หนังสือ 2 เล่มจบ ( มีที่คั่นแถมให้เล่มละ 1อัน/ลาย + โปสการ์ด 1 ใบ ) ซึ่งในเล่มจะมีตอนพิเศษรวม 8 ตอน ไม่มีลงในเว็บจ้า
     สำคัญ ::: ของรางวัลที่ได้ไม่มีมินิสเปฯ นะคะ  เพระาเล่มสเปฯมีจำนวนจำกัดแค่ 100 เล่ม  สำหรับนักอ่านที่โอนเงิน 100 คนแรก จ้า ^__^

     นักอ่าน 1 ท่าน  สามารถร่วมสนุกได้ทุกช่องทางไม่จำกัดจ้า

     กิจกรรมคือ... "คอมเม้นต์บอกเล่าความรู้สึกที่มีต่อนิยายเรื่องนี้"  ไม่จำกัดบรรทัด  แล้วแต่จะคอมเม้นต์เลยจ้า  จะคอมเม้นต์เลยหรือรอให้บิวอัพจนจบก่อนก็ได้ไม่ว่ากันค่ะ  ส่วนช่องทางการร่วมกิจกรรมจะมีดังนี้...

     - คอมเม้นต์โดยต้องไม่ลืมกดอ้างอิงถึงโพสนี้นะคะ  จะได้รู้ว่าร่วมสนุกกันค่า ( คัดเลือดผู้โชคดี 2 ท่าน  ท่านแรกเลือกจากคอมเม้นต์ที่โดนใจบิวที่สุด  ท่านที่ 2 สุ่มจ้า )
     - ติดแฮชแท็ก #เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก  ในทวิตเตอร์แล้วบอกเล่าความรู้สึก ไม่จำกัดความยาวของตัวอักษรใดๆทั้งสิ้น ( คัดเลือดผู้โชคดีจากในส่วนนี้ 1 ท่านค่ะ )

     ไม่มีการร่วมกิจกรรมในเพจนะคะ  อยากจะให้เฉพาะนักอ่านที่ติดตามเรื่องนี้ได้ร่วมสนุกกันจริงๆเท่านั้น  บางครั้งในเพจอาจจะมีคนที่ไม่ได้ติดตามมาตั้งแต่ต้น  แต่อยากร่วมสนุกเพื่อฟลุ๊คได้อะไรแบบนี้มาร่วมกิจกรรมด้วย  เลยขออนุญาตงดเล่นกิจกรรมนี้ในเพจค่า ^_^

   

     ใครที่พลาดไปไม่ได้หนังสือบิวจะแจกโปสการ์ดของเรื่องนี้เป็นรางวัลปลอบใจค่า ( มีจำนวนจำกัด  หลังประกาศผลแล้วใครที่อยากได้โปสการ์ดบิวจะแจ้งรายละเอียดอีกครั้งว่าให้ติดต่อมาทางไหนอย่างไรเพื่อขอรับโปสการ์ดจ้า )

     กิจกรรมนี้ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ  ค่าจัดส่งทุกอย่างบิวออกให้ค่า  จุ๊บๆๆๆ
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่46 (15/09/60)#หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 15-09-2017 14:32:15
 :katai2-1:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่46 (15/09/60)#หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 15-09-2017 22:53:54
สมหวังไปสำหรับคู่จักรวาลกับหลานไทม์  คนแก่ยินดีด้วยจ้า  :mc4:
ส่วนอีกคู่ลูกผีลูกคนหรือเปล่านะ สำหรับคู่อวกาศกับหลานเฟี้ยว  :confuse:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่46 (15/09/60)#หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 16-09-2017 00:29:19
อะไรอยู่ข้างในนะ
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่46 (15/09/60)#หน้า12
เริ่มหัวข้อโดย: maxtorpis ที่ 16-09-2017 06:31:07
ชิบสุดๆ
หัวข้อ: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่47 (16/09/60)#หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 16-09-2017 11:25:01


ตอนที่ 47

ความรักจากแม่

 

“อะไรหว่า?”

อวกาศเปิดกล่องที่ได้รับมาออกดู  ลุ้นว่าสิ่งที่แม่ฝากไว้ให้คืออะไร…

แกร๊ก…

เขานิ่งไปนานเมื่อเห็นสิ่งที่ถูกบรรจุเอาไว้ในกล่อง  อัลบั้มรูปถูกใส่เอาไว้พร้อมกับเสื้อผ้าเด็กอ่อนที่ถูกซักรีดจนหอมเก็บเอาไว้อย่างดี  เมื่อเปิดอัลบั้มดูก็พบว่าเป็นรูปของเขาตั้งแต่คลอดที่โรงพยาบาลมาจนถึงตอนช่วงอายุแปดขวบก่อนจะเกิดโศกนาฎกรรมครั้งใหญ่กับครอบครัวอหังสา

เสื้อผ้าเด็กอ่อนที่อยู่ในกล่องตรงกับเสื้อผ้าที่เขาใส่ในรูปตอนเกิดที่โรงพยาบาล…

“คุณแม่…”

มือหนาลูบเสื้อขนาดเล็กที่ใหญ่กว่าฝ่ามือเขาไม่เท่าไหร่แผ่วเบา  น้ำใสๆเอ่อล้นขึ้นมารอบดวงตาก่อนจะสังเกตเห็นว่าที่ด้านใต้สุดมีซองจดหมายถูกแปะสก๊อตเทปติดเอาไว้  อวกาศรีบแกะมันออกมาเปิดอ่านด้วยรู้ว่าต้องเป็นจดหมายจากคุณแม่ของเขาแน่ๆ

 

‘ถึงอวกาศลูกรัก…

ในวันที่ลูกได้อ่านจดหมายฉบับนี้  ลูกของแม่จะมีอายุเท่าไหร่กันนะ  น่าเสียดายที่แม่ไม่มีโอกาสได้เห็นลูกเติบโตมาเป็นลูกผู้ชายเต็มตัว  แต่ถึงอย่างนั้น  แม่ก็มั่นใจว่าอวกาศจะต้องเลือกเดินไปในเส้นทางที่ถูกต้องเหมือนคุณพ่อและพี่จักรวาลแน่นอน  แม่ขอโทษนะ  ที่ทำหน้าที่แม่ให้ลูกได้แค่แปดปีเท่านั้น  ถึงมันจะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ  แต่แม่มีความสุขมากเหลือเกินกับการได้เป็นแม่ของลูก  การที่ลูกเกิดมาเป็นลูกของแม่  ไม่ต่างอะไรกับของขวัญที่พระเจ้าทรงประทานมาให้  ลูกเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของแม่  ความรักของแม่จะคงอยู่ตลอดไป  แม่รักลูกนะคะ  ถ้าทำได้…แม่เองก็อยากจะมีชีวิตอยู่ให้นานกว่านี้เหมือนกัน  อยากจะเป็นคนเตรียมเค้กวันเกิดให้ลูกทุกๆปี  ถึงรสชาติเค้กที่แม่ทำคุณพ่อของลูกจะบอกว่า ‘ห้ามทำอีกเป็นครั้งที่สอง’ ก็เถอะ  สุดท้ายนี้…อวกาศ…ในฐานะที่ลูกเป็นลูกชายคนกลาง  เป็นคนที่มีทั้งพี่ชายและน้องชาย  แม่อยากให้ลูกรักและเคารพพี่จักรวาล  ปกป้องและดูแลน้องกาลเวลา  ทำหน้าที่ของพี่ชายและน้องชายในเวลาเดียวกัน แม่เชื่อว่าตราบใดที่มีลูกอยู่  ความรักความผูกพันของพวกลูกสามคนจะไม่มีวันจางหายไป  เหมือนที่แม่เองจะไม่มีวันจากลูกไปไหน  ขอให้ระลึกเอาไว้เสมอ  ว่าแม่…จะอยู่ตรงนี้  สถิตอยู่ในหัวใจของลูก  ความตายพรากแม่ไปได้แค่ร่างกายเท่านั้น  แต่ไม่อาจพรากความรักที่แม่มีต่อลูกไปได้เลย  แม่รักลูกนะคะ  เด็กดีของแม่’

 

“ผมก็รักคุณแม่ครับ”

อวกาศเอาจดหมายขึ้นมาแนบอก  เรื่องราวทุกอย่างเกี่ยวกับเขาไม่เคยเลือนหายไปจากความทรงจำของผู้เป็นแม่เลย  ทุกอย่างในกล่องใบนี้อัดแน่นไปด้วยความรักและความห่วงใยที่เสียงพิณมีให้กับเขาตลอดมา

และมันจะมีอยู่ตลอดไป…

 

จักรวาลค่อยๆเปิดกล่องออกดูสิ่งที่อยู่ข้างใน  รอยเท้าและรอยมือของเด็กแรกเกิดที่ถูกทำใส่กรอบไว้อย่างดีถูกใส่ไว้นั้น  ที่กรอบเขียนชื่อเอาไว้ว่า ‘จักรวาลผู้เป็นที่รักยิ่ง’ ร่างสูงหยิบมันขึ้นมาดู  นัยน์ตาสั่นระริกคิดย้อนถึงความทรงจำเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก

 

‘คุณแม่ครับ  นี่อะไรเหรอครับ  เหมือนมือกับเท้าเลย’

จักรวาลสมัยอนุบาลตะโกนถามเสียงพิณที่กำลังปอกผลไม้เตรียมของว่างให้อยู่ในครัว  เธอรีบละจากสิ่งที่ทำวิ่งออกมาหาลูกชายที่กำลังให้ความสนใจกับรอยปั๊มเท้าและมือของตัวเองในวัยแรกเกิดอยู่

‘รอยเท้ากับรอยมือของจักรวาลไงคะ  แม่กับคุณพ่อทำเอาไว้ให้เอง’

‘แต่มันเล็กกว่ามือกับเท้าผมตั้งเยอะเลยนะครับ’

เด็กน้อยยังคงไม่เข้าใจ  แนบฝ่ามือของตัวเองลงบนฝ่ามือตรงรอยปั๊ม  ทว่ามันกลับเล็กกว่าขนาดจริงในตอนนี้หลายเท่า  เสียงพิณเห็นอย่างนั้นก็ยิ้มเอ็นดู  ทิ้งตัวนั่งยองๆลงข้างลูกชายแล้วอธิบายให้ฟัง

‘เพราะตอนนั้นจักรวาลเพิ่งเกิดยังไงล่ะคะ  ลูกตัวเล็กกว่าแขนของแม่อีกนะ  แต่พอวันเวลาผ่านไป  จักรวาลตัวน้อยของแม่ก็เติบใหญ่  ไม่แปลกทีขนาดมือและเท้าของลูกจะไม่เท่าเดิมค่ะ’

‘งั้นผมจะมีโอกาสมือใหญ่เท่าของคุณแม่ไหมครับ’

เด็กน้อยถามต่อพร้อมกับเอามือของเสียงพิณขึ้นมาทาบกับมือของตนเอง  แน่นอนว่ามือของจักรวาลย่อมเล็กกว่าอยู่แล้ว

‘มีสิคะ  แต่ว่า…ไม่ว่าสักวันมือนี้จะใหญ่กว่ามือของแม่หรือไม่ก็ตาม  สองมือคู่นี้ของแม่  ก็จะคอยดูแลและปกป้องจักรวาลตลอดไปนะคะ’

‘ครับ!’

 

“ยังอยู่อีกเหรอเนี่ย…”

ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองฟ้าเพื่อกลั้นน้ำตาก่อนจะหยิบอีกสิ่งที่ถูกเก็บไว้ในกล่องออกมาดูต่อ  มีสมุดพกรายงานผลการเรียนของเขาตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงม.6 เทอมหนึ่ง  ทุกเล่มถูกเก็บไว้ถุงพลาสติกเอาไว้อย่างดี   นอกจากนั้นก็ยังมีสมุดบันทึกเล่มใหญ่แต่เริ่มเก่าไปตามวันเวลาคืออีกสิ่งที่ถูกเก็บเอาไว้อีกด้วย  เขาหยิบมันขึ้นมาเปิดออกดู

“นี่มัน…”

จักรวาลยกมือขึ้นอุดปากพร้อมน้ำตาที่ไหลลงมาเป็นทาง  สมุดบันทึกเล่มใหญ่มีรูปของเขาตั้งแต่เริ่มเข้าเรียนอนุบาลติดเอาไว้มากมาย  พร้อมทั้งวันเวลาที่รูปนี้ถูกถ่ายและข้อความเล็กๆน้อยๆจากเสียงพิณ  แต่ละรูปเป็นรูปถูกแอบถ่ายทั้งสิ้น  เขาเปิดไล่ไปทีละหน้าจนถึงรูปสุดท้าย  เป็นรูปที่เขากำลังเดินกลับบ้านกับกวินทร์ในช่วงไม่กี่วันก่อนจะเกิดเหตุการณ์เลวร้ายขึ้น

พรึ่บ…

เปิดมาจนถึงหน้าสุดท้ายของสมุดบันทึก  มีจดหมายถึงจักรวาลถูกเขียนเอาไว้ในหน้าที่สุดท้ายพอดี

 

‘ถึงจักรวาลลูกรัก

ที่ผ่านมาลูกคงเจ็บปวดและเสียใจมาตลอดเรื่องที่ต้องปิดบังความจริงที่ตัวเองไม่ใช่ลูกของแม่เอาไว้ใช่ไหมคะ?’

 

จักวาลเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่ออ่านประโยคแรกจบ  หมายความว่าเสียงพิณรู้มาตลอดว่าเขาไม่ใช่ลูกแท้ๆของเธอ!

 

‘แม่เองก็ต้องขอโทษลูกด้วยที่ไม่เคยบอกเรื่องที่แม่รู้มาตลอดว่าจักรวาลไม่ใช่ลูกแท้ๆ  แต่ทั้งหมดเป็นเพราะว่าแม่กลัว  แม่กลัวว่าถ้าแม่บอกไปว่ารู้เรื่องแล้วลูกจะทิ้งแม่ไป  สำหรับแม่…วินาทีแรกที่ลูกรับเอาน้ำนมจากอกไป  วินาทีนั้นลูกคือลูกของแม่  แม่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะรักและดูแลลูกอย่างดีที่สุด  แม่ถึงต้องทำเป็นไม่รู้เรื่องทั้งที่ความจริงแม่รู้ว่าตัวเองแท้งตั้งแต่วันแรกที่ฟื้นขึ้นมาแล้ว  ไม่มีหมอคนไหนปิดบังความจริงกับคนไข้ได้ทั้งนั้น  แต่เพราะคุณพ่อพยายามเป็นอย่างมากเพื่อไม่ให้แม่ต้องเสียใจ  แม่ถึงแกล้งทำเป็นไม่รู้ต่อไป  จนเมื่อคุณพ่ออุ้มเด็กน้อยหน้าตาน่ารักน่าชังเข้ามาหาแม่เพื่อให้แม่ให้นมเขา  แม่บอกกับตัวเองว่าแม่จะเป็นแม่ให้เด็กคนนี้  ไม่ว่ายังไงเด็กคนนี้ก็คือลูกของแม่  นี่จะเป็นความจริงที่ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง’

 

“คุณแม่…”

น้ำตาหยดแล้วหยดเล่ารินไหลออกมา  เขาหลงคิดมาตลอดว่าความรักที่ได้รับจากเสียงพิณนั้นเป็นเพราะเธอคิดว่าเขาคือลูกแท้ๆ  หากวันใดที่เธอรู้ความจริง  ความรักที่เขาเคยได้รับคงจะสลายหายไปในพริบตา  มันคือความเจ็บปวดและความหวาดกลัวที่เกาะกินจิตใจของเขามาตลอดสามสิบห้าปี…  ไม่เคยคิดเลยว่าเสียงพิณจะรู้ความจริงทั้งหมดอยู่ก่อนแล้ว  หมายความว่าความรักความใส่ใจทั้งหมดที่เขาได้รับมาตลอดเป็นความรักจากหัวใจของเธอที่ตั้งใจมอบมันให้กับเขาจริงๆ

เขาได้รับความรักจากเธอในฐานะแม่จริงๆไม่ใช่เพียงภาพลวงตาที่เขาเฝ้าฝันถึง…

 

‘แต่เมื่อลูกโตมา  จากเด็กที่คอยอ้อนมาตลอดก็เลยห่างเหิน  นั่นคงเป็นเพราะลูกได้รู้ความจริงเรื่องสายเลือดของตัวเองแล้วเลยเกิดความรู้สึกต้อยต่ำขึ้นมา  จักรวาลไม่เคยให้แม่ไปหาที่โรงเรียนอีกเลยเวลามีกิจกรรมอะไร  แม่เลยต้องแอบไปแล้วถ่ายรูปลูกเก็บเอาไว้  แม้จะอยู่กันคนละที่แม่ก็ยังจ้างนักสืบให้คอยแอบถ่ายรูปลูกส่งมาให้  เพราะสำหรับแม่  ไม่ว่ายังไงจักรวาลก็คือลูกชายคนแรกอยู่ดี  ขอให้จำเรื่องนี้เอาไว้  ลูกไม่เคยเป็นคนอื่นสำหรับแม่  ไม่ใช่สายเลือดข้ารับใช้อะไรทั้งนั้น  แต่ลูกคือลูกของแม่เสียงพิณกับพ่อไกรเทพ  คือจักรวาล  อสังหา  ทายาทคนแรกของตระกูล  มันคือความจริงที่จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงนะคะ

เมื่อลูกได้อ่านจดหมายฉบับนี้แปลว่าเรื่องราวเลวร้ายทั้งหมดคงจบลงไปแล้ว  ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนแม่ก็หวังว่ามันจะมาจากความร่วมมือของพวกลูกสามคนพี่น้อง  อวกาศ…กาลเวลา  ทั้งสองคนคือน้องชายของลูกนะ  แม่ขอฝากน้องๆด้วย  ถึงยังไงแม่ก็เชื่อว่าจักรวาลจะเป็นพี่ชายที่ดีและชี้นำสิ่งที่ถูกต้องให้กับพวกเขาได้  อย่าจมปลักอยู่กับคำว่าสายเลือดที่แท้จริงอีกต่อไป  จำเอาไว้ว่าลูกคือ…จักรวาล  อสังหา  ลูกชายคนโตสุดที่รักของแม่ค่ะ’

 

รอยยิ้มจากหัวใจของจักรวาลปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรก  ราวกับว่าหินก้อนใหญ่ที่เคยถ่วงหัวใจของเขาเอาไว้ถูกยกออก  เขามองเลยไปทางอวกาศที่กำลังอ่านอะไรบางอย่างคล้ายจดหมายอยู่ตรงบันได  ก่อนจะเลื่อนสายตาต่อไปทางไทม์ที่กำลังเปิดกล่องของตัวเองออกดูเช่นกัน

“น้องชายเหรอครับ  เจ้าอวกาศก็พอจะใช่อยู่หรอก  แต่ว่าอีกคน…”

เขาอมยิ้มกับตัวเอง  จู่ๆก็รู้สึกเคอะเขินขึ้นมาเมื่อต้องพูดกับจดหมายของแม่แบบนี้

“ดูท่าผมคงทำตามสิ่งที่คุณแม่ต้องการไม่ได้ทั้งหมดแน่ๆ  เพราะกับเด็กคนนั้น…ให้เป็นแค่น้องชายคงไม่ได้จริงๆ  ที่อดทนอยู่ทุกวันนี้ก็แทบตายแล้วล่ะครับ”

จะให้กลับไปเป็นแค่พี่ชายคอยปกป้องน้องชายงั้นเหรอ…

เขาไม่มีความอดทนสูงถึงขั้นจะย้อนเวลากลับไปอยู่ในฐานะนั้นอีกแล้ว

 

ผมเปิดกล่องของตัวเองออกด้วยความลุ้นระทึก  แม่เสียงพิณฝากอะไรไว้ให้ผมกันนะ  หรือจะเป็นสมุดบัญชีเงินฝากมูลค้าหลายร้อยล้าน?

ไม่สิ  ผมไม่ได้ต้องการอะไรแบบนั้นสักหน่อย

“หือ?”

ข้างในมีเพียงไดอารี่สีฟ้าอ่อนเล่มเดียวเท่านั้น  ที่หน้าปกเขียนเอาไว้ว่า ‘ไดอารี่ลูกรัก’  พอเปิดหน้าแรกออกมาน้ำตาผมแทบร่วง  มันคือรูปถ่ายที่มีผู้หญิงหน้าตาสวยหวานคนหนึ่งที่ผมคิดว่าจะต้องเป็นแม่เสียงพิณแน่ๆ  และที่กอดแม่เสียงพิณอยู่ก็คงจะเป็นพ่อไกรเทพ  ข้างๆก็คือพี่อวกาศในวัยเด็ก  และคุณจักรวาลที่น่าจะเรียนอยู่มัธยมปลาย  โดยที่ท้องของแม่นูนขึ้นจากการตั้งครรภ์  อีกทั้งในมือของแม่ยังมี…

“ผลอัลตราซาวด์?”

ระ…หรือว่า…รูปของผม!

น้ำตาค่อยๆไหลออกมา  เพราะพ่อกับแม่เสียไปโดยที่ผมไม่เคยได้ใช้ชีวิตร่วมกับพวกท่านเลยสักคน  เลยคิดว่าคงไม่มีวันได้มีรูปถ่ายร่วมกับพวกท่านแน่ๆ  แต่ว่ารูปนี้…แม้ว่าผมจะไม่เกิดมาแต่รูปของเด็กที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างจากผลอัลตราซาวด์นั้นคือผมไม่ผิดแน่ๆ

รูปถ่ายครอบครัวของผม…

ผมเองก็เคยได้ถ่ายรูปกับพ่อและแม่เหมือนกันสินะ

“ฮึก…”

ไล่เปิดหน้าต่อไป  เป็นรูปแผ่นตรวจการตั้งครรภ์ที่มีผลออกมาว่ากำลังท้อง  แม่เสียงพิณใช้สก๊อตเทปอย่างดีแปะยึดมันเอาไว้กับไดอารี่พร้อมข้อความประกอบที่เขียนว่า ‘ยินดีต้อนรับลูกรักของแม่  แม่รอที่จะเห็นหน้าลูกไม่ไหวแล้วนะคะ’

หน้าต่อๆไปยังคงเป็นรูปของแม่เสียงพิณขณะตั้งท้องผมในอิริยาบถต่างๆ  มีรูปที่พี่อวกาศกำลังเอาหูแนบกับท้องของแม่เพื่อฟังเสียงผมที่อยู่ในท้องด้วย  แถมยังมีรูปตอนพ่อไกรเทพไม่สบาย  แม่เขียนข้อความบรรยายไว้ว่าพ่อแพ้ท้องแทนแม่เลยอาเจียนจนหมดแรง  แต่ละรูปที่ถูกติดเอาไว้ประกอบไดอารี่มีแต่รูปที่ทุกคนหัวเราะอย่างมีความสุขทั้งนั้น

 

‘ทุกคนต่างก็มีความสุขเพราะรู้ว่าอีกไม่นานจะได้พบหน้าลูกแล้ว’

 

ประโยคหนึ่งใต้รูปที่ทั้งสี่คนถ่ายด้วยกันอย่างยิ้มแย้มสร้างความสุขให้เกิดขึ้นมาในใจ  ผมเคยคิดว่าตัวเองเป็นส่วนเกินของอสังหาเพราะไม่เคยได้ใช้ชีวิตกับใครมาก่อนเลย  แต่พอได้มาเห็นรูปภาพพวกนี้  แม่เสียงพิณที่มีผมอยู่ในท้องทำกิจกรรมหลายอย่างร่วมกับทุกคน  มันให้ความรู้สึกเหมือนตัวผมเองก็ได้ทำสิ่งนั้นกับทุกคนเช่นกัน

ความรักที่แม่เสียงพิณมีให้ถูกถ่ายทอดออกมเป็นเรื่องราวผ่านไดอารี่เล่มนี้  อดรู้สึกผิดไม่ได้ที่เคยคิดว่าถึงจะมีคนอื่นเป็นแม่แทนแม่เสียงพิณก็ไม่เป็นไร  เพราะผมไม่เคยมีโอกาสได้อยู่กับท่าน  เลยคิดเอาเองว่าคงไม่ผิด  แต่มันไม่ใช่เลย…  ความจริงแล้วผมมีโอกาสได้อยู่กับแม่ตั้งเก้าเดือน  เก้าเดือนที่แม่อุ้มท้องและเอาใจใส่ผมด้วยความรัก

ผมขอโทษ…

ผมขอโทษที่เคยมองข้ามความรักข้อนี้ของแม่ไป  ขอโทษที่เอาแต่จมอยู่กับแม่ที่เลี้ยงผมจนโตเท่านั้น  ทั้งที่แม่เสียงพิณให้ชีวิตกับผม  และเฝ้ารอที่จะได้เห็นผมมาตลอดเก้าเดือน…

 

‘กาลเวลา…รู้ไหมคะว่าทำไมแม่ถึงตั้งชื่อลูกว่ากาลเวลา  เพราะแม่เชื่อมั่น  ว่าลูกจะต้องเป็นคนที่พัดเอาช่วงเวลาเลวร้ายออกไปจากทุกคน  และนำเอาช่วงเวลาที่แสนวิเศษกลับคืนมาอีกครั้ง  เก้าเดือนที่แม่รอคอยที่จะได้พบหน้าลูก  เป็นเก้าเดือนที่มหัศจรรย์ที่สุดสำหรับทุกคน  ทั้งคุณพ่อ  ทั้งแม่  พี่จักรวาล  และพี่อวกาศ   ทุกคนรอการมาของลูกอยู่นะคะ

สุดท้ายนี้…แม่อยากให้ลูกจำเอาไว้อย่างหนึ่งว่า  ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน  ครอบครัวก็คือครอบครัว  ความรักที่ทุกคนมีให้กับลูกจะเป็นเหมือนเกราะคอยปกป้องและคุ้มครองลูกให้ปลอดภัย  ขอให้เชื่อในความรักที่พวกเรามีให้กับลูกด้วยนะคะ  ชาตินี้แม่อาจจะบุญน้อยที่มีโอกาสเพียงแค่อุ้มท้องและคลอดลูกออกมาเท่านั้น  แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม  กาลเวลา…แม่จะรักและดูแลลูกต่อไป  แม้ร่างกายจะสลาย  แต่ความรักที่แม่กับคุณพ่อมีให้ลูกจะทำหน้าที่ดูแลลูกตลอดไป

ขอบคุณนะคะที่เกิดมา…

ขอบคุณที่ให้โอกาสแม่ได้เป็นแม่ของลูก…

วันที่ลูกเกิดมา…คือวันที่มีค่ามากที่สุดในโลกใบนี้

รัก…แม่เสียงพิณ

 

“วันที่มีค่าที่สุด   งั้นเหรอ…”

ผมเชื่อแล้วครับ  เชื่อในความรักของทุกคนในอสังหาที่มีให้กับผมแล้ว  เชื่อโดยไม่มีข้อแม้ใด…

“ผมจะไม่หนีจากอสังหาอีกแล้ว  จะไม่หนีจากสายเลือดของตัวเองและทุกคนในอสังหาอีก  ขอบคุณมากนะครับที่ทำให้ผมรู้ว่าผมมีค่ากับคนที่นี่มากแค่ไหน”

ของฝากจากแม่เสียงพิณ…

ของขวัญที่ทำให้ผมเข้าใจแล้วว่าจากนี้จะมีชีวิตต่อไปเพื่อใคร…

ผม  พี่อวกาศ  และคุณจักรวาลต่างก็เงยหน้ามองกันจากจุดที่นั่งของตัวเอง  ใบหน้าที่ผ่านการร้องไห้มาจองแต่ละคนมันดูออกได้ไม่ยากเลยว่าสิ่งที่ได้รับจากแม่เสียงพิณวิเศษแค่ไหน

พวกเรามองหน้ากันไปมาก่อนจะค่อยๆยิ้มให้กัน

ยิ้ม…จากหัวใจ

 

“ในที่สุดผมก็นึกออก  ตอนเห็นรูปแม่ในไดอารี่ก็คิดอยู่นานว่าคุ้นๆ  ที่แท้ก็คือคนๆเดียวกับรูปของผู้หญิงที่ผมเห็นในบ้านหลังนั้นคืนวันที่คุณจักรวาลพาผมไปตอนรู้ข่าวเรื่องอาจารย์มารีอาเสียชีวิต  จำได้หรือเปล่าครับ?”

หันไปถามร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างๆ  มิน่าล่ะวันนั้นผมถึงน้ำตาไหลออกมา  คงเพราะสายสัมพันธ์แม่ลูกที่มีทำให้ผมรู้สึกโหยหาผู้หญิงที่อยู่ในรูปจนร้องไห้

“นายเห็นรูปนั้นด้วยเหรอ?”

“ต้องขอโทษนะครับที่ถือวิสาสะค้นนู้นคนนี้  แต่ผมไม่รู้จำอะไรจริงๆเพราะตอนนั้นคุณเอาแต่หมกตัวอยู่ในห้องอย่างเดียวเลย”

“ช่างเถอะ  ยังไงสักวันนายก็ต้องรู้อยู่แล้ว  จะช้าหรือเร็วก็ต้องเห็นอยู่ดี”

“นั่นสินะครับ”

ผมและคุณจักรวาลยกมือไหว้สิ่งที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้งก่อนจะหันมายิ้มให้กันอย่างมีความสุข

“พี่!  ไทม์!  ถ้าชักช้าเดี๋ยวจะทิ้งไว้จริงๆแล้วนะ”

พี่อวกาศตะโกนเรียกจากตรงทางเข้า  ไอ้เฟี้ยวที่ยืนอยู่ข้างๆเขารีบพุ่งเข้าไปอุดปากเอาไว้เพราะสถานที่นี้ไม่สมจะใช้เสียงดัง

“ไปกันเถอะครับ”

ยื่นมือไปทางร่างสูง  เขาก้มมองมือของผมเล็กน้อยก่อนจะส่งมือมาให้  เราเดินจับมือกันไปหาพี่อวกาศที่กำลังดิ้นรนเอาชีวิตรอดจากเงื้อมมือของไอ้เฟี้ยวอย่างน่าสงสาร

 

ภายในวัดสำหรับที่เก็บโกศอันเงียบสงบ  ตรงมุมที่เคยมีเพียงโกศของ ‘นายไกรเทพ อสังหา’  บัดนี้มีโกศของ ‘นางเสียงพิณ  อสังหา’  ‘นางสายทอง  อสังหา’  ‘นายกวินทร์  อสังหา’  และ ‘นางสาวมารีอา  อสังหา’  เพิ่มเข้ามาอีก…

 

‘พ่อ  แม่  คุณอาสายทอง  คุณกวินทร์  และอาจารย์มารีอา  หวังว่าคงจะได้พบกันแล้วนะครับ  ช่วยมองดูพวกเราจากบนฟ้าตลอดไปด้วยนะ  ถ้าทุกคนได้พบกันแล้วยิ้มให้กันได้เหมือนในวันวานคงจะดีไม่น้อยเลย  ผมเอง…ก็จะพยายามนะครับ  ขอบคุณมากๆที่ให้ผมได้เกิดมาเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลอสังหา  สักวันเราคงได้พบกัน  พบกันในที่ที่ไกลแสนไกล…’

 

“มัวยืนเหม่ออะไรอีกวะไอ้ไทม์  ไปเร็วเข้า!”

“อื้อๆ”

ผมหันไปตอบรับไอ้เฟี้ยวที่เปิดกระจกรถออกมาตะโกนเรียกผมอีกครั้ง

“ไว้ผมจะมาหาใหม่นะครับ…ทุกคน”

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  ความรักของแม่นั้นยิ่งใหญ่เสมอจริงๆ  เรื่องไดอารี่ลูกรักที่เอามาเขียนนั้นเพราะส่วนตัวบิวทำไว้ให้ลูกชายเหมือนกันค่ะ 555+  เริ่มตั้งแต่แผ่นตรวจการตั้งครรภ์หน้าแรกเหมือนของน้องไทม์เลย =///////=  กะว่าจะให้เขาตอนอายุสิบแปดแหละ!  ในที่สุดอสังหาที่ลาลับไปแล้วทุกคนก็ได้มาอยู่รวมกันสักที  ถ้าพวกเขาได้พบและยิ้มให้กันเหมือนที่น้องไทม์หวังเอาไว้คงจะดีเนอะ  ตอนหน้าจะเป็นตอนสุดท้ายก่อนจะบทส่งท้ายแล้วนะคะ  จักรวาลจะมาพบกับนักอ่านเองเลยนะบอกก่อน!  ซึ่งหลังจากบทส่งท้ายจบลงจะมีตอนพิเศษให้ 1 ตอน คือ “วันจบการศึกษา” ของน้องไทม์กับเฟี้ยวนะคะ  จะเกิดอะไรขึ้นในวันนั้นต้องตามอ่านค่า

ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดน้า  ใจหายจริงๆนั่นแหละ  จะจบแล้วววว TT^TT
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่47 (16/09/60)#หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: Leenboy ที่ 16-09-2017 12:52:24
ตอนนี้อ่านแล้ว น้ำตาไหล :sad4:
หัวข้อ: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่47-48 (16/09/60)#หน้า13(วันนี้อัพ2ตอนจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 16-09-2017 17:45:01


ตอนที่ 48

หมาน้อยยั่วสวาท?

 

“โย่! มานั่งทำอะไรตรงนี้คนเดียววะ”

ผมเดินเข้าไปตบบ่าไอ้เฟี้ยวที่กำลังนั่งจ๋องเหม่ออยู่แถวๆจุดที่ขุดไทม์แคปซูลขึ้นมา  มันหันมามองเล็กน้อยก่อนจะขมวดคิ้วเหมือนกำลังคิดอะไร

“กูกำลังสงสัยว่า…ทำไมกูถึงเอารูปไอ้อวกาศฝังลงไปในไทม์แคปซูล”

“นั่นไม่ใช่เพราะมึงชอบพี่กูหรือไง”

“มึงจะบ้าเรอะ  กูเพิ่งอายุกี่ขวบเองฟะ  จะไปมีความรู้สึกรักชอบแบบนั้นได้ยังไง  อีกอย่าง…เหมือนกูลืมอะไรบางอย่างไป  แต่นึกเท่าไหร่แม่งก็นึกไม่ออก!”

“ลืมอะไรวะ”

“ถ้ากูรู้ว่าลืมอะไรแล้วมันจะเรียกว่าลืมเหรอฮะ”

มันมองค้อน  ก่อนจะนั่งจ้วงถอนหญ้าในสนามต่อไป  อีกไม่กี่วันพวกผมก็จะสอบปลายภาคกันแล้ว  นั่นหมายความว่าพวกเราทั้งสองคนกำลังจะเรียนจบชั้นมัธยมปลาย  ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำความฝันของตัวเองที่ตั้งใจไว้

“ว่าแต่  มึงเลือกมหา’ลัยที่ไหนไว้บ้างวะ”

“เชียงรายน่ะ  กูว่าที่นั่นบรรยากาศดี  เมืองก็น่าอยู่  ถ้าสอบติดก็อยากจะไปเริ่มต้นใหม่ที่นั่นแหละนะ  มึงล่ะ  มั่นใจหรือเปล่าเรื่องสอบชิงทุนไปเยอรมัน”

“ก็ยังเกร็งๆอยู่บ้างล่ะ  แต่กูจะพยายามทำให้เต็มที่  ถ้าได้ทุนนี้  กูก็จะสามารถเรียนจบได้โดยไม่ต้องใช้เงินของตระกูลเลยสักบาท  น่าภูมิใจจะตาย”

ว่าแล้วก็ทิ้งตัวนั่งลงข้างมัน  อีกไม่นานช่วงเวลาที่จะได้พูดคุยกันอย่างนี้กับไอ้เฟี้ยวก็จะไม่มีอีกแล้ว  เราต่างต้องแยกย้ายกันเพื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า

พอคิดแบบนั้นแล้ว…มันอดใจหายไม่ได้จริงๆ

“ไอ้ไทม์  ไหนๆก็ไหนๆแล้ว  เรื่องคำตอบที่กูสารภาพรักกับมึงไป  กู…ขอฟังมันตอนนี้เลยได้ไหม”

“อะ…อะ..อะ,,,อะ…อะ…อะไรวะ!”

“อะมึงจะเยอะไปไหม”

“ทำไมจู่ๆถึงอยากฟังล่ะ!  กูยังไม่ได้เตรียมใจเลยนะ!”

“มึงต้องเตรียมใจเหี้ยอะไร  มันต้องกูสิที่ต้องเตรียมใจโดนมึงปฏิเสธ”

“เรื่องนั้นมันก็ใช่  แต่ว่า…อ๊ะ!”

ยกมือขึ้นอุดปากแทบไม่ทัน  ตอบรับไปแบบนั้นก็แสดงว่าผมตั้งใจจะปฏิเสธมันน่ะสิ!  แม้ว่ามันจะเป็นคำตอบที่คิดไว้แต่แรก  แต่ผมตั้งใจว่าจะค่อยๆตะล่อมตอบมันแบบอ้อมค้อมที่สุดนะ  ไม่ใช่หักดิบตรงประเด็นเลยแบบนี้!

“อ่า…แปลว่ากูอกหักจริงๆแล้วสินะเนี่ย”

“ไอ้เฟี้ยว  คือกู…”

“รู้ไหม  เหตุผลที่กูแกล้งมึงก่อนหน้านี้  ความจริงไอ้จักรวาลก็มีส่วนทำให้กูหมั่นไส้มึงไปด้วยเพราะตอนนั้นกูยังไม่รู้ความจริงว่าทำไมมันถึงถอนหมั้นพี่  แต่ว่า…เหตุผลส่วนใหญ่ที่ทำกูเบนเข็มไปที่มึงแทนก็คือ…กูเกลียดพวกขี้แพ้”

“หา?”

“มึงในตอนนั้น  ทั้งที่ถูกคนอื่นรังเกียจตั้งมากมาย  โดนนินทาว่าร้ายสารพัด  แต่มึงก็ยังนิ่ง  นัยน์ตาที่เหมือนไม่สนใจใครบนโลกนี้เลยทำให้กูรู้สึกว่าถ้าทำให้คนที่มีแววตาแบบนั้นร้องไห้ได้จะสนุกแค่ไหน  หลังจากนั้นกูก็ตัดสินใจที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้มึงร้องไห้  แต่ไม่ว่าจะทำอะไร  มึงก็ไม่ยอมร้องไห้หรือ้อนวอนขอให้ใครช่วยเลย  ทั้งที่ไม่ขอให้ใครช่วย  ไม่แสดงความอ่อนแอออกมา  แต่ก็ไม่ยอมสู้กลับเหมือนกัน  นิสัยแบบนั้นคงมึงยิ่งทำให้กูหงุดหงิด  จนกระทั่ง…วันที่มึงฟิวส์ขาดมาประกาศสงครามกับกูนั่นแหละ  ลูกเตะของมึงเหมือนลูกดอกที่ปักเข้ากลางใจกูเลย   รู้ตัวอีกก็เอาแต่ตามมึงต้อยๆจนเรื่องทุกอย่างลงเอยแบบนี้ไปแล้ว”

“อ่า…งั้นเหรอ”

นั่นคือเหตุผลที่ทำให้มันชอบผมเหรอเนี่ย  หลงใหลในลูกเตะอ่ะนะ!

“โอเค!  เท่านี้กูแยกกับมึงได้อย่างสบายใจไม่มีอะไรติดค้างแล้ว  ได้บอกเหตุผลที่รังแกมึง รวมถึงเหตุผลที่ชอบมึง  แล้วยังได้คำตอบจากมึงอีก  เพราะงั้น…ต่อไปจะเป็นคำตอบของกูบ้าง  ที่มึงเคยขอกูเป็นเพื่อนในวันนั้นน่ะ  กูตกลง”

“…”

“เป็นเพื่อนกันเถอะ”

ไอ้เฟี้ยวยิ้มกว้างพร้อมกับยื่นมือมาให้  ผมพยักหน้ารับด้วยความดีใจ  ยื่นมือไปเช็คแฮนด์กับมันด้วยความปลาบปลื้ม  แม้จะเป็นมากกว่าเพื่อนไปไม่ได้  แต่สำหรับผม…เพื่อนเบอร์หนึ่งในใจก็มีแค่มันนี่แหละ!

“จะว่าไป…กูขอถามอะไรติดเรทนิดหนึ่งได้ป่ะ?”

“อะ…อะไรวะ…”

“มึงกับไอ้จักรวาล…ได้กันหรือยัง”

“เย้ย!  มึงถามอะไรเนี่ย”

ผละตัวออกห่าง  รับรู้ได้ถึงไอร้อนที่แผ่กระจายออกมาจากใบหน้า

“อย่าบอกนะว่าจนถึงขนาดนั้นแล้วมึงกับมันก็ยังไม่ได้กันน่ะ?”

“อะ…อือ!  คุณจักรวาลบอกว่าจะรออีกสองปี  ให้กูบรรลุนิติภาวะก่อน”

“ไม่อยากจะเชื่อ  แบบนี้ก็น่าสงสารมันแย่”

ไอ้เฟี้ยวส่ายหน้าไปมา  ท่าทางของมันดูราวกับกำลังสงสารคุณจักรวาลจับใจจริงๆ  ดะ…เดี๋ยวสิ  สงสารเรื่องอะไร  คุณจักรวาลของผมเป็นอะไรทำไมมันถึงต้องสงสารล่ะ!

“มึงหมายความว่าไงไอ้เฟี้ยว”

“เห็นแก่ความเป็นเพื่อน  ในฐานะที่กูเองก็มีความรู้สึกติดเรทกับมึงพอสมควรมึงกัน  กูย่อมเข้าใจความรู้สึกของไอ้จักรวาลดีกว่าใคร  มันอายุสามสิบห้าแล้วนะ  แก่จนจะเป็นลุงของมึงกับกูได้เลยด้วย  มึงคิดว่าคนที่อยู่มานานแบบนั้น  ได้มาอยู่ใกล้กับคนที่รักชอบกันอย่างมึงทุกวัน  มีเหรอวะที่มันจะไม่อยากทำเรื่องอย่างว่าด้วย”

“ตะ…แต่ว่าเขาเป็นคนบอกกูเองนะ…”

“เพราะมันให้ความสำคัญกับมึงไง  แล้วทั้งๆที่มันให้ความสำคัญกับมึงขนาดนั้น  มึงเองก็ควรให้ความสำคัญกับมันเหมือนกัน  จะเอาแต่รับอย่างเดียวไม่ได้”

“ยังไงวะ”

“เอาหูมานี่  กูจะบอกให้ว่าต้องทำไง  รับรองว่าไอ้จักรวาลจะโคตรมีความสุข  มันจะรักมึงหลงมึงคนเดียวและไม่มีวันเปลี่ยนใจไปจากมึงแน่นอน  กูฟันธง!”

“จริงเหรอ!”

ผมยิ้มอย่างมีความหวัง  เอียงหูเข้าหาไอ้เฟี้ยวเพื่อฟังคำแนะนำทั้งหมดของมัน  ถะ…ถึงมันจะดูยากและน่าอายไปสักนิด  แต่ถ้าเพื่อคุณจักรวาลล่ะก็…

ไอ้ไทม์สู้ตาย!!!

 

Special part :

“พี่!  พี่รู้หรือยังเรื่องที่เฟี้ยวของผมจะเลือกเรียนต่อที่มหา’ลัยในเชียงรายน่ะ!”

อวกาศพุ่งเข้ามาเขย่าแขนผมอย่างโอดครวญถึงในห้องทำงานเมื่อได้รับข่าวร้ายมาว่าเจ้าเฟี้ยวของมันจะไปเรียนต่อมหา’ลัยที่จังหวัดอื่น

อย่าว่าแต่ของมันเลย  หมาน้อยของผมเองยังเลือกสอบชิงทุนไปถึงเยอรมัน!

ใครกันแน่ที่น่าสงสารมากกว่ากัน

“มันเป็นอนาคตของหมอนั่นนะ  นายเลิกโวยวายแล้วหัดทำตัวให้เป็นผู้ใหญ่เสียมั่งสิ”

“แต่ผมไม่อยากอยู่ให้เฟี้ยวนี่!  ผมต้องขาดใจแน่ๆถ้าไม่ได้เห็นหน้าตาน่ารักๆของเขา”

“น่ารักงั้นเหรอ  วันๆเห็นเอาแต่ทำตาขวางใส่คนทั้งโลก  นายยังมองว่าน่ารักได้อีกเลย”

“น่ารักสำหรับผมแล้วกัน!  พี่อ่ะ  ช่วยคิดหน่อยสิว่าผมควรทำไงดี  ขืนแยกกันแบบนี้แล้วถ้าเกิดมีคนมาจีบเฟี้ยวล่ะ  ผมจะทำยังไง”

“นายกับหมอนั่นยังไม่ได้เป็นอะไรกันนะ  ถ้ามีคนมาจีบแล้วเฟี้ยวเกิดชอบพอจนตกลงคบกันจริงๆมันก็เป็นสิทธิ์ของเขาไม่ใช่หรือไง”

“ไม่มีทาง!  ผมจะส่งมือปืนไปเก็บทุกคนที่คิดจีบเมียผมเลยคอยดู!”

“จะเอาหมอนั่นทำเมียมันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ  พยศเสียขนาดนั้น”

“พยศแบบนี้แหละถึงจะมีรสชาติ”

ผมส่ายหน้าระอากับความบ้าอันล้นเหลือของอวกาศ  นับวันมันจะยิ่งหลงเจ้าเฟี้ยวมากขึ้นเรื่อยๆจนกู่ไม่กลับ  หายใจเข้าออกก็มีแต่เด็กคนนั้น…

ไม่สิ  ผมไม่มีสิทธิ์ไปว่ามัน  ตัวผมเองก็หลงเด็กจนโงหัวไม่ขึ้นอยู่เหมือนกัน

แค่คิดว่าต้องรออีกตั้งสองปีก็แทบจะขาดใจตายอยู่แล้ว  กลิ่นของหมาน้อยเวลาที่ได้นอนใกล้กันทำเอาผมเกือบขาดสติจับกดทำเมียให้รู้แล้วรู้รอดไปตั้งหลายครั้ง  ดีที่ยังยั้งชั่งใจไว้ได้  ไม่งั้นคงกลายเป็นตาลุงคลั่งเด็กโดยข้อหาพรากผู้เยาว์ชัวร์ๆ

“ฉันมีงานต้องเคลียร์  นายออกไปได้แล้ว  ในเมื่อไม่ได้คิดจะช่วยงานที่บริษัทเลยก็อย่ามาก่อกวนเวลาฉันทำงาน”

“เย็นชาที่สุดเลยอ่ะ  น้องชายสุดหล่อของพี่กำลังจะลงแดงเพราะเมียจะหนีไปที่อื่นนะ!”

ผมทำเป็นไม่สนใจแล้วเริ่มเคลียร์งานต่อทันที  อวกาศบ่นนู่นบนนี่ต่ออีกสักพักก็เดินกระทืบเท้าปึงปังอย่างขัดใจออกไป

ท่าทางจะยังมองโลกได้มากกว้างพอนะหมอนี่…

คงต้องให้เรียนรู้ด้วยตัวเองเสียบ้างแล้ว

 

นั่งทำงานต่ออีกจนมืดค่ำ  มองนาฬิกาอีกทีก็สามทุ่มแล้ว  ผมบิดขี้เกียจไปมาก่อนจะเก็บเอกสารทั้งหมดเข้าที่เตรียมอาบน้ำพักผ่อน  พรุ่งนี้ที่บริษัทมีประชุมผู้ถือหุ้นแต่เช้า  ผมต้องเตรียมประกาศเรื่องที่จะให้อวกาศเข้ามารับตำแหน่งรองประธานต่อจากกวินทร์  รวมถึงเตรียมตัวเรื่องการเปิดพินัยกรรมที่จะมาถึงในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้าด้วย

‘หมาน้อยจะนอนหรือยังนะ?’

คิดในใจก่อนจะเปิดประตูห้องเข้าไป  ข้างในมืดสนิทและได้ยินแค่เสียงแอร์  พอชะโงกดูบนเตียงก็เห็นว่าตรงที่นอนฝั่งหมาน้อยเอาผ้าห่มคุมโปงเอาไว้  ผมยิ้มเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหลับสนิทดีแล้ว  เดินเลี่ยงไปทางห้องน้ำเพื่อจะอาบน้ำพักผ่อนบ้าง 

ใช้เวลาอาบน้ำไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็กลับออกมา  ท่อนล่างพันผ้าขนหนูเอาไว้แค่ผืนเดียวส่วนบนหัวก็มีผ้าเช็ดผมผืนเล็กคลุมอยู่  ปกติหมาน้อยจะเอาชุดนอนแขวนไว้ให้นี่นา  วันนี้ไม่เห็นจะมี  หรือว่าลืม?  พอคิดแบบนั้นผมก็เดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อจะหยิบชุดนอนมาใส่  ทว่ายังไม่ทันจะได้หยิบอะไรทั้งนั้น  ร่างกายท่อนบนก็ถูกกอดรัดจากด้านหลัง!

“หมาน้อย?”

ร้องเรียกไปอย่างตกใจเมื่อก้มดูมือของคนที่กำลังลูบไล้ร่างกายผมไปมาแล้วเห็นว่าเป็นมือของคนรัก  ก่อนจะต้องสะดุ้งเพราะแผ่นหลังถูกปลายลิ้นเล็กๆไล่เลีย!

“เดี๋ยวก่อน  นายจะทำ…”

คำถามยังออกจากปากไม่ทันครบ  ร่างเล็กๆที่ผมเฝ้าทะนุถนอมก็ออกแรงดันผมไปที่เตียงก่อนจะขึ้นคร่อมเอาไว้  ทันทีที่ได้เห็นคนตัวเล็กเต็มสองลูกตา  ผมแทบจะพุ่งหลาวออกทางหน้าต่างด้วยคิดว่าที่เห็นคือตัวปลอม!

“ไทม์!  ทำไมแต่งตัวแบบนี้”

เอ่ยถามพลางมองสภาพของหมาน้อยขึ้นลงอย่างตกใจ  ร่างเล็กขึ้นคร่อมนั่งทับเจ้ามังกรของผมเอาไว้แบบพอดิบพอดี  มันจะไม่น่าตกใจเท่าไหร่ถ้าหมาน้อยของผมในตอนนี้ไม่ได้อยู่ในชุดผ้ากันเปื้อนสีม่วงผืนเดียว!

ใช่ครับ  ได้ยินไม่ผิดหรอก  ผ้ากันเปื้อนผืนเดียวจริงๆ  หนำซ้ำยังไม่ใส่กางเกงในอีก…

“คุณจักรวาล…มาทำกันเถอะครับ”

“ทำ?  ทำอะไรของ…อุ้ก!”

เสียงขาดเป็นห้วงๆเมื่อเจ้าส่วนนั้นถูกปลุกเร้าด้วยเรือนร่างแสนหวานตรงหน้า  หมาน้อยบดขยี้มันด้วยบั้นท้ายของตัวเองที่นั่งทับเอาไว้  ร่อนเอวส่ายไปมาด้วยใบหน้าแดงก่ำและร่างกายที่สั่นนิดๆ

เกิดอะไรขึ้นกันล่ะเนี่ย  ทำไมจู่ๆหมาน้อยที่แสนน่ารักถึงกลายเป็นหมาน้อยยั่วสวาทไปได้!

“ทำให้ผมเป็นของคุณที  ผมอยากเป็นของคุณ”

ดวงตาหวานปรือมองผมอย่างยั่วยวน  สติแห่งผิดชอบชั่วดีเส้นสุดท้ายในใจเกือบจะขาดผึงไปเลยทีเดียว

“อย่ามาพูดบ้าๆนะ  นายตอนนี้ยังไม่สิบแปดเลยด้วยซ้ำ”

พยายามห้ามและดันตัวร่างเล็กออก  แต่อีกฝ่ายไม่ยอม  ทาบทับร่างกายลงมาลากลิ้นเลียไปทั่วแผงอกจนเผลอแอ่นตัวรับความวาบหวามนี้  ส่วนล่างถูกบดเน้นจนเริ่มตื่นตัวดีดผึงเข้ารอยแยกตรงกลางบั้นท้ายของหมาน้อยจนสะดุ้ง

ให้ตายสิ  ไปกินไวอาก้าจากไหนมาหรือไง  ขืนยังไม่เลิกยั่วกันแบบนี้มีหวังผมได้จับทำเมียก่อนอายุยี่สิบแน่ๆ!

“ชอบไหมครับ”

ยังมีหน้ามาถามอีก!

ถ้าไม่ติดว่ารักมากล่ะก็จะจับมาตีก้นแรงๆสักที  ทั้งทีตัวเองกำลังกลับจนตัวสั่นแต่ยังมาทำอวดเก่งยั่วยวนผมอยู่ได้  คิดว่าวัดความอดทนกันด้วยิวธีนี้หรือไง

“ผมน่ะ…โตแล้วนะ  อีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะจบมัธยมแล้ว  เมื่อไหร่คุณจักรวาลจะเลิกมองผมเป็นแค่เด็กสักทีล่ะครับ  ที่บอกว่าจะรออีกสองปีเพราะผมในตอนนี้เด็กเกินไปใช่ไหม!”

“ไปกันใหญ่แล้วนะ”

“ถ้างั้นก็ทำสิ!”

“…”

“ทำกับผมแบบที่ผู้ใหญ่เขาทำกัน”

ผมชักจะโกรธจริงๆแล้วนะ!

หมับ!

ออกแรงแค่นิดเดียวผมก็สามารถพลิกสถานการณ์มาขึ้นคร่อมหมาน้อยได้แทน  ก้มลงมอบจูบที่เร่าร้อนกว่าทุกครั้งให้จนร่างเล็กต้องทุบอกเพื่อขออากาศหายใจ  ผมส่งลิ้นเข้าไปตักตวงความหวานในโพรงปากนิ่มและดูดเอาลิ้นเล็กๆนั้นเข้ามาในปากของตัวเอง  บีบขย้ำหน้าอกอย่างรุนแรง  ใช้ปลายนิ้วบดขยี้ปลายยอดสีอ่อนจนคนใต้ร่างเริ่มส่งเสียงคราง

“อ่า…อ๊ะ!”

ถอนจูบออกแล้วสร้างรอยแสดงความเป็นเจ้าของไว้ที่ลำคอขาว  จูบเน้นหนักไล้ไปตามจุดต่างๆของร่างกาย  ส่งฝ่ามือไปช่วยชักนำแกนกลางขนาดเล็กของหมาน้อยจนมันผงาดขึ้นมาสู้  ส่วนปลายชนเข้ากับส่วนปลายของมังกรผมพอดิบพอดี  รูดฝ่ามือขึ้นลงตามขนาดและความยาวที่ไม่มากเท่าไหร่  ครอบครองตุ่มไตสีสวยบนแผงอกเรียบด้วยริมฝีปาก  ระรัวลิ้นสร้างความรัญจวนชวนให้ขาดใจแก่ร่างเล็กนี้อย่างไม่รู้จบ

“อ๊ะ….อ๊า…”

เสียงครางยังคงดังอย่างต่อเนื่องขณะที่ผมเร่งความเร็วของมือ  หมาน้อยเผลอแอ่นสะโพกสวนกลับด้วยใบหน้าทรมาน  บ่งบอกว่าเขาต้องการมากกว่านี้  ต้องการไปถึงจุดสูงสุดในไม่ช้า…

“อื้อ!  คะ…คุณจักรวาล  ผม…ผม…อ๊า!!!”

ธารสีขาวขุ่นพุ่งกระจายออกมาเปื้อนเต็มมือ  ผมไม่รอให้ร่างเล็กได้พักหายใจ  จับหมาน้อยให้พลิกคว่ำลงโดยชันเข่าให้สะโพกโก่งขึ้นมา  สองมือบีบเค้นบั้นท้ายนั้นเต็มแรงก่อนจะใช้นิ้วปาดเอาน้ำแห่งความสุขทีทะลักออกมาจากตัวเขาเมื่อกี้มาลูบไล้ตรงทางเข้าสีหวานซึ่งไม่เคยผ่านการใช้งานมาก่อน

“คะ…คุณจักรวาล  จะทำอะไรเหรอครับ!”

อีกฝ่ายถามเสียงสั่นพอๆกับร่างกาย  ผมหัวเราะในลำคอเล็กน้อยก่อนจะตอบ

“จะทำให้นายกลายเป็นของฉันอย่างที่นายต้องการไง  ฉันจะทำมันเดี๋ยวนี้  และจะไม่มีทางหยุดเด็ดขาด”

แอบมองดูอีกฝ่ายที่หน้าเจื่อนไป  ผมใช้ปลายนิ้วชี้ลูบวนตรงปากทางปิดสนิทนั้นอีกครั้งก่อนจะฝังหน้าลงไป  ส่งลิ้นร้อนเข้าไปสำรวจก่อนเป็นอันดับแรก

“อ๊า!  คะ…คุณจักรวาล  อึก!”

การบีบรัดจากด้านในทำเอาเจ็บลิ้นไม่น้อย  ผมสอดมือเข้าไปด้านใต้เพื่อปลุกเร้าอารมณ์ส่วนนั้นให้เจ้าของร่างนี้อีกครั้ง  เกร็งลิ้นระรัวเข้าออกจนทั่วทั้งห้องดังก้องไปด้วยเสียงครางหวานๆ

“อื้อ…อ๊า  ผม…ผม…”

“ผมอะไรล่ะ  นายต้องการไม่ใช่เหรอ  นี่ไง  ฉันกำลังจะทำตามที่นายต้องการแล้ว  ทำไมถึงได้เสียงสั่นตัวสั่นทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แบบนั้น”

หยุดการกระทำอันอุกอาจชั่วคราว  จับหมาน้อยที่ตัวสั่นอย่างน่าสงสารให้นอนหงายขึ้น  ใบหน้าของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยหยาดน้ำตา

อ่า…ไม่ได้  จะใจอ่อนไม่ได้!

“ฮึก…กะ…ก็มัน…นะ…น่ากลัวกว่าที่คิด”

ความจริงมันก็ไมได้น่ากลัวเท่าไหร่หรอกถ้าผมแทบแบบค่อยเป็นค่อยไปและอ่อนโยน  แต่เมื่อกี้แค่ทำเพราะอยากจะสั่งสอนเด็กที่คิดว่าตัวเองโตแล้วคนนี้ก็เท่านั้นเอง

“ถ้างั้นนายก็คงจะเข้าใจแล้วสินะ  ว่าตัวนายในตอนนี้  ยังไม่พร้อมที่จะมีเรื่องเซ็กส์เข้ามาข้องเกี่ยว”

“แต่…ไอ้เฟี้ยวบอกว่าถ้าผมทำแบบนี้  คุณจักรวาลจะมีความสุข  มันบอกให้ผมทำตัวเป็นหมาน้อยยั่วสวาทและพลีกายให้คุณดู  คุณจะต้องมีความสุขกว่าใครเพราะว่าคุณเองก็อยากมีอะไรกับผม”

คำสารภาพจากปากหมาน้อยเล่นวะผมอยากจะวิ่งไปห้องอวกาศแล้วลากไอ้จอมแสบอย่างเฟี้ยวออกมากระทืบให้ไส้ไหล  แบบนี้เขาไม่เรียกคำแนะนำเพื่อผมแล้ว!  มันจงใจจะแกล้งให้ผมคลั่งตายชัดๆ  แสบนักนะไอ้หมอนี่  ดีล่ะ  เห็นทีผมคงต้องจัดการสั่งสอนมันเสียบ้างแล้ว

หมับ…

ผมจับขาหมาน้อยข้างหนึ่งแล้วยกขึ้นสูง  จรดริฝีปากไล่จูบตั้งแต่ปลายนิ้วเท้ามาจนถึงต้นขาเรียวเล็กน่ากัดให้จมเขี้ยว

“ฟังนะ  นายน่ะ…ค่อยๆเติบโตไปก็ดีอยู่แล้ว  ไม่ต้องมากังวลว่าฉันจะคิดยังไงหรอก  ไอ้เรื่องอยากมีอะไรกับนายฉันไม่ปฏิเสธ  แม้กระทั่งตอนนี้เองฉันก็อยากมีอะไรกับนายจะแย่  อยากกอดนาย  อยากเข้าไปในตัวนาย  อยากลิ้มรสทุกส่วนในร่างกายของนายว่ามันจะหวานสักแค่ไหน  แต่ว่า…”

“…”

“มันยังไม่ถึงเวลา  ไว้เวลานั้นมาถึงเมื่อไหร่ฉันรับรองเลยว่าจะสอนให้นายได้รู้จักรสชาติของผู้ชายอย่างแท้จริงชนิดที่ในหัวของนายจะไม่มีเรื่องของผู้ชายคนอีกอื่นนอกจากฉัน  เข้าใจไหม”

“ระ…รสชาติของผู้ชาย…เหรอครับ”

“เด็กโง่…”

ผมทิ้งตัวลงนอนข้างๆหมาน้อย  ดึงร่างเล็กให้มานอนซบแผงอกแล้วกอดเอาไว้แน่น

“ไม่ใช่แค่นายที่อดทน  ฉันเองก็อดทนเหมือนกันนะ”

“คุณจักรวาล…”

“อีกสองปี”

“…”

“ฉันรับรองเลยว่าอีกสองปีฉันจะไม่ทนอีกต่อไป”

“ครับ  ผมเองก็จะอดทนเหมือนกัน  อีกสองปี…ผมจะรอวันนั้น”

มาพูดจาน่ารักแบบนี้คิดจะร่นระยะเวลาจากสองปีเป็นตอนนี้แทนหรือไง!  มังกรของผมที่ถูกสะกิดไว้มันยังไม่หลับเลยนะ

“ผมรักคุณ  รักคุณมากที่สุดเลยครับ”

คำบอกรักจากเสียงเล็กๆงุ้งงิ้งเหมือนหมาน้อยทำให้หัวใจพองโตจนเก็บความสุขเอาไว้ไม่ไหว  เชยคางของอีกฝ่ายขึ้นเพื่อส่งมอบจูบแห่งความรักจากใจของผมให้

“ฉันก็รักนายเหมือนกัน  รักจนแทบทนไม่ไหวแล้ว”

“คุณ  อื้อ…”

ถึงตอนนี้จะยังทำได้แค่จูบกับแทะเล็มความหวานอีกนิดหน่อย  แต่เชื่อเถอะว่า  เมื่อช่วงเวลาแห่งการคืนความสุขให้ผมมาถึงเมื่อไหร่…

ผมจัดเต็มแบบไม่ให้นอนแน่!

แต่ก่อนอื่น…ต้องจัดการเจ้าเด็กแสบอย่างไอ้เฟี้ยวสักหน่อย  คิดจะลูบคมผู้ชายอย่างจักรวาบมันยังเร็วไปล้านปี…

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพเพิ่มอีกตอนแล้วจ้า!  ตอนนี้คุณจักรวาลมาเองเลยยยย  ใครอยากรู้ว่าคุณจักรวาลจะเล่นงานเฟี้ยวคืนยังไงต้องมาพลาดตอนพิเศษในเล่ม “ทำไมผมต้องออกเดตกับมัน” 2 ตอนจบ  เป็นตอนพิเศษของคู่ SM อวกาศXเฟี้ยว  นั่นเองค่าาาา  ใบ้ให้ว่าคู่นี้เขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่เร็วกว่าคู่หลักก็เพราะการเอาคืนของจักรวาลนั้นมันถึงใจอย่าบอกใคร 5555+  แน่นอนว่าคนที่ได้กับได้ไปเต็มๆก็คืออวกาศแต่เพียงผู้เดียว  เมียดุ  เมียเถื่อน เมียห่าม แค่ไหนก็บ่ยั่นนน  แต่เมียจะหนีไปเชียงรายเนี่ยสิ!  ต้องรอติดตามคู่นี้ในเล่มมินิสเปฯ จำนวนจำกัด 100 เล่ม  จ้า

น้องไทม์ของเรายังใสอยู่  คงอีกนานกว่าจะเปลี่ยนจาก ‘ใส’ มาเป็น ‘ไสย’  แต่มีครูดีอย่างจักรวาล  รับรอบว่าครบสองปีปุ๊บ!  ไสยๆชัวร์ค่า

 

ใครสนใจพรีออเดอร์หนังสือเรื่องนี้  https://writer.dek-d.com/Bb9-/writer/view.php?id=1681164 (https://writer.dek-d.com/Bb9-/writer/view.php?id=1681164)
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่47-48 (16/09/60)#หน้า13(วันนี้อัพ2ตอนจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 16-09-2017 18:11:15
 :hao6: :hao6: :hao6:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่47-48 (16/09/60)#หน้า13(วันนี้อัพ2ตอนจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: numay ที่ 16-09-2017 18:29:58
 :-[
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่47-48 (16/09/60)#หน้า13(วันนี้อัพ2ตอนจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 16-09-2017 18:44:03
โธ่ๆ........คำแนะนำของเฟี้ยว หมดกัน   :hao5: :hao5: :hao5:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่47-48 (16/09/60)#หน้า13(วันนี้อัพ2ตอนจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 16-09-2017 23:39:06
 :jul1: พูดไม่ออก ความดันขึ้น ระดับน้ำตาลในเลือดสูงผิดปกติ น้ำหมากกระฉูด ขอตัวไปเช็คน้ำหมากแป็ป  :pighaun: :jul1:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่47-48 (16/09/60)#หน้า13(วันนี้อัพ2ตอนจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: Jibbubu ที่ 17-09-2017 07:28:32
ทำไมตบะแข็งแบบนี้เนี่ยคุณจักรวาล
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่47-48 (16/09/60)#หน้า13(วันนี้อัพ2ตอนจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: Soda.wine ที่ 17-09-2017 07:42:45
โท่ นึกว่าจะได้แต่ที่ไหนได้ต้องทนรออีก 2 ปี น่าสงสารพี่จักรวาลจัง
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่47-48 (16/09/60)#หน้า13(วันนี้อัพ2ตอนจ้า)
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 17-09-2017 09:20:06
เฟี้ยวแกล้งพี่สามีเดี๋ยวโดนเอาคืนหนักแน่ :laugh:
หัวข้อ: [จบ]เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพบทส่งท้าย (16/09/60)#หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 17-09-2017 10:38:26


บทส่งท้าย

ไม่มีวันแยกจากกัน

 

เดือนหนึ่งแล้วสินะ  ที่ผมย้ายมาอยู่เยอรมันเพื่อเรียนต่อหลังจากสอบชิงทุนได้สำเร็จ  ส่วนไอ้เฟี้ยวก็ไปอยู่เชียงรายตามที่มันต้องการเพราะสอบติด  พวกเราต่างก็วุ่นวายกับการเป็นนักศึกษาโดยเฉพาะผมที่ต้องเรียนแพทย์  วันๆหนึ่งแทบจะไม่มีเวลาเลยด้วยซ้ำ  ในทุกๆวันทำได้แค่ส่งเมสเสจหาคุณจักรวาลเท่านั้น  ตัวเขาเองก็วุ่นวายเพราะแม้ว่าพี่อวกาศจะตกลงรับตำแหน่งรองประธานแต่ก็ไม่ได้เข้าไปช่วยงานที่บริษัทใหญ่  โดยเลือกจะดูแลธุรกิจในแถบภาคเหนือแทน  งานหนักเลยตกไปอยู่กับเขา

ผมเองก็อยากจะช่วยอยู่หรอกนะเพราะส่วนหนึ่งมันก็เป็นสิ่งที่ผมสมควรทำเพื่อสานต่อธุรกิจของครอบครัว  แต่…

คนมันอยากเป็นหมอมากกว่านี้นา!

มีสิ่งหนึ่งที่แปลกไปคือหลังจากวันที่ไอ้เฟี้ยวและพี่อวกาศไปออกเดตกัน ( เหมือนว่าไอ้เฟี้ยวจะพนันอะไรสักอย่างกับคุณจักรวาลเอาไว้  แล้วพอตัวเองแพ้เลยต้องทำตามคำสั่งของคนชนะซึ่งก็คือออกเดตกับพี่ชายผมนั่นเอง ) เอาเป็นว่าหลังจากวันที่ไปออกเดตกัน  พี่อวกาศตามติดไอ้เฟี้ยวนั่งกว่าเดิมเสียอีก  เหาฉลามยังยอมแพ้เลย  ขณะที่ไอ้เฟี้ยวแม้ว่าจะยังปากหมาซึนเดเระคงเส้นคงวา  แต่ผมรู้สึกได้หน่อยหนึ่งว่ามันดูอ่อนลงไปเยอะ

อยากรู้จังว่ามีอะไรเกิดขึ้นในวันเดตของพวกเขากันแน่

ติ๊ง!

เสียงไลน์เด้งทำให้ผมรีบคว้ามือถือมาเปิดดู  พี่อวกาศส่งรูปถ่ายคู่กับไอ้เฟี้ยวมาให้  ลืมบอกไปเลยว่าพี่ชายผมตัดสินใจตามไอ้เฟี้ยวไปเชียงรายล่ะ  วันที่ไอ้เฟี้ยวรู้ว่าพี่อวกาศจะตามมันไปด้วยก็คือวันที่ออกเดินทางนั่นแหละ  ที่นั่งข้างมันบนเครื่องคือที่นั่งของพี่อวกาศ  พอเจอกันบนเครื่องบินก็ทำเอามันแทบจะกระโดดออกทางหน้าต่างยอมเอาหัวโหม่งพื้นโลกตาย  หลังจากนั้นก็โทรมาบ่นใส่ผมอยู่เป็นชั่วโมงเพราะไม่ใช่แค่ตามไป  แต่ยังใช้อำนาจเงินจ้างให้คนที่พักอยู่ข้างห้องมันในตอนแรกย้ายออกไปเพื่อที่ตัวเองจะได้ย้ายเข้ามาอยู่แทน  วันดีคืนดีก็แอบปีนระเบียงหรือไมก็งัดประตูห้องไอ้เฟี้ยวเข้าไปหมายจะปล้ำมัน…

สงสารมันชะมัด  แต่พี่ผมท่าทางจะทั้งรักทั้งหลงมันมากกว่าหลังจากเดตคราวนั้น  ผมเลยไม่รู้จะช่วยยังไงจริงๆ  ได้แต่ภาวนาขอให้ไอ้เฟี้ยวมันรับรักพี่อวกาศแล้วเริ่มคบกันอย่างจริงๆจังๆสักที

“อาทิตย์หนึ่งแล้วสินะ  ไม่เห็นส่งข้อความมาเลย”

หมุนมือถือในมือไปมา  วันนี้ผมได้หยุดพักหนึ่งวันเลยมานั่งเฝ้ารอโทรศัพท์จากคุณจักรวาล  ทว่าอาทิตย์หนึ่งแล้วที่เขาหายไป  ไม่ไลน์  ไม่ส่งข้อความ  ไม่มีมิสคอลอะไรเลย  ผมเองก็ยุ่งๆ  พอว่างขึ้นมาทีก็กังวลกลัวว่าเขาจะยุ่งเหมือนกันเลยไม่กล้าติดต่อไปก่อน  เอายังไงดีล่ะ  คิดถึงจนจะบ้าตายอยู่แล้ว!

“หรือว่าจะมีคนอื่นไปแล้ว!”

พอคิดได้แบบนั้นไมเกรนแทบจะขึ้นสมอง  ในบริษัทมีพนักงานสาวสวยตั้งเยอะ  หรือถ้าเป็นพนักงานผู้ชายก็มีบอบบางร่างน้อยอยู่นับไม่ถ้วนเหมือนกัน  บางทีคุณจักรวาลอาจจะเหงาที่ผมไม่ได้อยู่ใกล้ๆก็เลยเผลอปันใจไปให้คนอื่น!

ไม่นะ!  ถ้าเขาทิ้งผมไปจริงๆแล้วผมจะทำยังไง…

เอาวะ!

ลองติดต่อไปเองก็ได้

ผมกดเลื่อนไปที่เบอร์ของคุณจักรวาลก่อนจะกดโทรออก  ขอร้องล่ะ  รับสายผมหน่อยนะครับ  อย่าทิ้งผมไปเลยนะ…

ครืด…ครืด…ครืด…ครืด…

เสียงโทรศัพท์สั่นดังมาจากที่ไหนสักที  ผมขมวดคิ้วมุ่นแปลกใจ  ในห้องพักนี้มีผมอยู่แค่คนเดียวแล้วมันจะดังมาจากไหนกันล่ะ  มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์แนบหูเอาไว้  สองเท้าก้าวเดินไปรอบๆเพื่อหาที่มาของเสียงโทรศัพท์จนมาหยุดอยู่ที่ประตูห้อง

เสียงมันดังมาจากหน้าห้องของผมนี่นา!

ปลายสายที่ผมโทรหายังคงไม่รับ  พอๆกับเสียงโทรศัพท์จากหน้าห้องที่เจ้าของเครื่องไม่ยอมรับสักทีเช่นกัน

ระ…หรือว่า…!

แอ๊ด!!!

“รู้ตัวเร็วกว่าที่คิดแฮะ”

“คะ…คุณจักร…อื้อ!!!”

ร่างสูงไม่รอให้ผมพูดจบ  เขาผลักผมไปในห้อง  ดันจนติดกำแพง  ปิดประตูห้องก่อนจะจู่โจ่มจูบเข้ามาแบบไม่ให้ได้ตั้งตัว

มะ…ไม่จริง  นี่ต้องเป็นภาพหลอนแน่ๆ  ผมคิดถึงเขามาเกินไปจนสร้างภาพลวงตาขึ้นมาใช่ไหม!

“ขอโทษที่หายไปทั้งอาทิตย์  ฉันเร่งติดต่องานและเคลียร์งานเอกสารทั้งหมดให้เสร็จเพื่อจะได้ลาพักร้อนมาหานายที่นี่ไง”

“ตะ…ตัวจริงเหรอครับ”

น้ำตารื้นขึ้น  ผมยกมือขึ้นสัมผัสแก้มของเขาอย่างโหยหา  พอรู้ว่าเป็นคุณจักรวาบตัวจริงแน่ๆก็โผเข้ากอดเขาแน่นด้วยความคิดถึงจับใจ

“ผมคิดถึงคุณมากเลย  ฮึก…”

“ฉันรู้…ฉันรู้”

“จูบหน่อยสิ”

“…”

“จูบผมหน่อยนะครับ”

“ไม่ต้องอ้อนก็จูบอยู่แล้ว”

คุณจักรวาลอุ้มผมขึ้นพาไปที่โซฟา  รสชาติจูบอันหอมหวานจากชายผู้เป็นที่รักดำเนินไปอย่างอ้อยอิ่งราวกับว่าผมและเขาต้องการให้ช่วงเวลานี้มีอยู่นานที่สุด…

ไม่ว่าพวกเราทุกคนจะอยู่ห่างกันไกลแค่ไหน  หรือแม้แต่อยู่กันคนละซีกโลก

แต่สายสัมพันธ์ของพวกเรา  ความรักที่พวกเรามีให้กัน…

จะเชื่อมโยงพวกเราทั้งสี่คนเอาไว้…ตลอดกัน

 

‘ผมรักคุณครับ  คุณจักรวาล’

 

เรื่องที่ไม่เคยมีใครรู้

ณ วันที่มารีอามาขุดไทม์แคปซูลขึ้นเพื่อซ่อนจดหมาย

หญิงสาวร่างบางมองซ้ายมองขวาเพื่อดูว่ามีคนหรือไม่  เมื่อทางสะดวกเธอก็รีบขุดเอาไทม์แคปซูลที่เคยฝังไว้เมื่อสมัยเด็กออกมา  ความทรงจำที่เคยมีร่วมกันกับจักรวาล  อวกาศ  และเฟี้ยวฉายซ้ำเข้ามาในหัว  มารีอายิ้มอ่อนโยน  ค่อยๆเทของที่อยู่ในถุงออกมาดูด้วยอยากรู้ว่าพวกเขาทั้งสามคนฝังอะไรเอาไว้

ถุงแรกคือของจักรวาล

“เอ๋?  ตาบ้านั่นฝังของแบบนี้เหรอเนี่ย”

หญิงสาวหงุดหงิดขึ้นมาทันที  การฝังไทม์แคปซูลเป็นอะไรที่มีค่ามากๆสำหรับมิตรภาพ  แต่ผู้ชายคนนั้นกลับเลือกฝังแต่ขยะลงไปล้วนๆ  มารีอาเบ้หน้าก่อนจะเก็บขยะดังกล่าวกลับเข้าไปในถุงตามเดิมแล้วเลือกเปิดของอวกาศเป็นคนถัดไป

“สะ…สมกับเป็นหมอนั่นจริงๆ  ของพวกนี้น่ะเหรอคือของล้ำค่าของนาย”

บรรดาซีดีโป๊และหนังสือโป๊มากมายถูกใช้เป็นของที่เอาฝังในไทม์แคปซูล  หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจแล้วเก็บพวกมันกลับเข้าที่เดิม  เปิดของเฟี้ยวเป็นคนต่อไป

“เอ๊ะ?”

ของที่เฟี้ยวในวัยหกขวบฝังเอาไว้คือรูปถ่ายเดี่ยวของเธอ  จักรวาล  และอวกาศ  พลันในหัวก็จำได้ว่าเธอเป็นคนบอกเขาเองว่าให้ฝังสิ่งที่มีค่าลงไป  แล้วอีกยี่สิบปีต่อมา  สิ่งที่เขาฝังจะออกดอกออกผล  งอกเงยขึ้นมาจากพื้นดิน

“เด็กคนนั้น…คงอยากให้พวกเราสามคนงอกออกมาจากพื้นสินะ  ความคิดเด็กน้อยแบบนี้น่ารักสมหับเป็นน้องชายของฉันจริงๆ”

คิดแล้วมันเขี้ยวขึ้นมา  ตั้งแต่เฟี้ยวเด็กๆ  มารีอาคลั่งไคล้และหลงใหลน้องชายของตัวเองมาก  เธอเป็นพี่สาวจำพวกมองน้องชายว่าน่ารักและเป็นเด็กอยู่ตลอดเวลา  เคยถึงขนาดแอบตามไปดูเฟี้ยวที่โรงเรียนอนุบาลเลยด้วย  แต่เรื่องแบบนี้เธอจะบอกให้ใครรู้ไม่ได้เด็ดขาดเลย

“โอ๊ะ  นึกอะไรดีๆออกแล้ว”

หญิงสาวยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อนึกบางอย่างออกมาได้  เธอเก็บเอารูปของตัวเองและจักรวาลใส่ไว้ในกระเป๋า  เหลือเพียงแค่รูปของอวกาศเอาไว้คนเดียว

“ถ้าเป็นนายจะต้องดูแลน้องชายที่น่ารักของฉันได้แน่ๆ  ฝากด้วยนะ”

แล้วก็ยัดรูปอวกาศใส่ลงไปในไทม์แคปซูลของเฟี้ยวตามเดิม  ถุงสุดท้ายที่เธอเปิดก็คือของตัวเธอเอง

ข้างในเป็นของขวัญวันเกิดปีแรกที่ได้รู้จักกับจักรวาลและอวกาศ  ทั้งสองคนให้กิ๊บรูปดอกไม้กับยางมัดผมลายดวงดาวเป็นของขวัญ  ส่วนของเฟี้ยวเป็นลูกอมเม็ดแรกที่เขาให้กับเธอเมื่อตอนเฟี้ยวอายุได้เพียงขวบกว่าๆ  เธอไม่เคยแกะมันกินเลยเพราะมันมีค่าต่อจิตใจมากเหลือเกิน

“คิดถึงจัง  ช่วงเวลาที่สงบและมีความสุขแบบนั้น”

น้ำใสๆรินไหลออกมา  นึกอยากย้อนเวลากลับไปเป็นเด็กอีกครั้งหนึ่ง  ไม่ต้องรับรู้เรื่องราวเลวร้ายอะไร  ได้เล่นสนุกกับเพื่อนและน้องชายไปวันๆ

“ไม่ได้นะ  จะร้องไห้ไม่ได้  ฉันต้องเข้มแข็ง  เพื่อกวินทร์  เพื่อนายสองคน  แล้วก็เพื่อนน้องชายแสนน่ารักของฉัน  ฮึ่ม!”

หญิงสาวตั้งมั่นกับตัวเอง  เธอยิ้มให้กับความทรงจำอันล้ำค่านั้นอีกครั้งก่อนจะเอาพวกมันใส่กระเป๋าที่ถือมาไปด้วย  เปลี่ยนของข้างในให้เป็นจดหมายสามฉบับแทนแล้วฝังของทุกอย่างลงไปในดินตามเดิม

“ถ้าหาเจอเร็วๆก็คงดีนะ”

มารีอาส่งยิ้มให้กับของพวกนั้นทิ้งท้าย  ก่อนจะกลับออกไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม  แววตาที่เต็มไปด้วยความหวังทอดมองไปยังท้องฟ้าไกล

“เอาล่ะ…ลุยเลยมารีอา  เธอต้องทำได้!”

 

THE  END

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพบทส่งท้ายแล้วจ้า!  ในที่สุดความจริงเรื่องรูปของอวกาศในไทม์แคปซูลของเฟี้ยวก็ถูกเฉลย!  นี่สินะคือสิ่งที่เฟี้ยวคาใจ 5555+  บางทีเฟี้ยวอาจจะจำได้ลางๆว่าฝังรูปของทั้งสามคนเอาไว้  แต่ไหงเหลือรูปของอวกาศแค่คนเดียว  มารีอา…เธอนี่แม่สื่อตัวยงเลย =..=  เหลือตอนพิเศษอีกหนึ่งตอนที่จะมาอัพให้ในวันพรุ่งนี้นะคะ

เอารายละเอียดการพรีออเดอร์มาบอกกันอีกครั้ง…!

หนังสือ 2 เล่มจบ (ในเล่มแถมที่คั่นเล่มละ 1อัน/1ลาย  และโปสการ์ดอีก 1ใบ)

ภายในเล่มมีตอนพิเศษที่ไม่ได้ลงในเว็บดังนี้

 รายชื่อตอนพิเศษ

 

     - เมื่อผมต้องมีรักทางไกล 3 ตอนจบ (จักรวาลxไทม์)

     - เมื่อผมกลายเป็นหมอแต่สามีดันขี้หึง!  3 ตอนจบ  (จักรวาลxไทม์)

     - ทำไมผมต้องออกเดตกับมัน 2 ตอนจบ (อวกาศxเฟี้ยว เรื่องราวก่อนเฟี้ยวจะไปเรียนต่อ จุดเริ่มต้นของเล่มมินิสเปฯ)

     - ทิ้งท้ายฟินๆกับ "2ปีที่เฝ้ารอ" คืนวันเกิดอายุครบ 20 ปี ของน้องไทม์!

 

พิเศษสำหรับ 100 ท่านแรกที่โอนเงิน  รับฟรีหนังสือเล่มมินิสเปฯ “จะรุกจนกว่าจะรัก” อวกาศXเฟี้ยว ค่ะ ( มีจำนวนจำกัดแค่ 100 เล่มเท่านั้น )

 

ใครสนใจพรีออเดอร์หนังสือเรื่องนี้คลิกที่ลิงก์นี้แล้วกรอกแบบฟอร์มเลยจ้า

 https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScEYLhiSnY4Cmc5Jn13oevviMUkD1vnD11ZbkJeF6Vphg_SBA/viewform?usp=sf_link (https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScEYLhiSnY4Cmc5Jn13oevviMUkD1vnD11ZbkJeF6Vphg_SBA/viewform?usp=sf_link)
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพบทส่งท้าย (16/09/60)#หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 17-09-2017 15:26:17
 :pig4: :pig4: :3123:
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพบทส่งท้าย (16/09/60)#หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 18-09-2017 06:00:50
 :hao5:
หัวข้อ: [จบแล้ว]เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพบทส่งท้าย+ตอนพิเศษ (17/09/60)#หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 18-09-2017 11:45:06


ตอนพิเศษ

งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา

 

“ครั้งสุดท้ายแล้วสินะ  ที่กูกับมึงจะได้ยืนมองวิวของโรงเรียนจากบนนี้”

ไอ้เฟี้ยวที่ท้าวคางมองลงข้างล่างเอ่ยถามขึ้น  ผมกับมันพากันขึ้นมาบนดาดฟ้าซึ่งเป็นสถานที่ที่พวกเราชอบมา  วันนี้เป็นวันจบการศึกษาของเด็กม.6 ทุกคน  ทางโรงเรียนจัดงานเลี้ยงให้ในตอนกลางคืนและมีพิธีรับประกาศนียบัตรในช่วงกลางวัน

วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับโกหก  ไอ้เฟี้ยวสอบติดมหาวิทยาลัยที่เชียงรายอย่างที่ใฝ่ฝัน  ขณะที่ผมเองก็สอบชิงทุนไปเยอรมันได้เหมือนกัน  อีกหนึ่งเดือนต่างคนต่างต้องแยกย้ายไปเริ่มต้นก้าวแรกสู่ความเป็นผู้ใหญ่  ผมจะไม่ได้เดินผ่านประตูโรงเรียนนี้กับไอ้เฟี้ยวอีกแล้ว  จะไม่ได้แย่งข้างกลางวันกันกิน  และคงไม่ได้มายืนมองดูนักเรียนคนอื่นๆจากบนนี้อีก… 

“ยังดีนะที่ไอ้โชมันเป็นเยาวชน  และพวกมึงเองก็ไม่ได้ติดใจเอาความกับมัน  ถึงมันจะต้องเรียนซ้ำชั้นอีกรอบเพราะก่อนหน้านี้ไม่มาเรียนเป็นเดือนๆ  แต่อย่างน้อยมันก็ยังไม่เสียอนาคตไป  ขอบคุณมากนะที่ยังสงสารเพื่อนเหี้ยๆของกูอยู่”

“ตอนแรกก็คิดว่าจะเอาเรื่องอยู่เหมือนกันแหละ  แต่พอเห็นมิตรภาพที่มันมีกับมึงอย่างจริงใจแล้ว  กูกลับรู้สึกดีมากกว่า  ที่ยังมีคนอื่นนอกจากพวกกูจริงใจกับมึงจริงๆ  อีกอย่าง…มันเองก็โดนพ่อหลอกเหมือนกัน  ทำทุกอย่างเพราะคิดว่าจะช่วยพ่อได้ทั้งที่จริงพ่อมันแค่ถูกจ้างให้เล่นละครหลอกแลกกับเงินที่จะเอาไปเล่นในบ่อนได้  คิดๆแล้วกูสงสารมันมากกว่า”

“เฮ้อ!  แต่ก็ถือว่าจบด้วยดีล่ะนะ  ช่วงเวลาที่สุขสงบแบบนี้  ทำเอาอดคิดไม่ได้เลยว่าที่ผ่านมาเป็นแค่ความฝันหรือเปล่า”

“นั่นสิ…”

ผมทอดสายตามองไปข้างล่างบ้าง   ในช่วงเวลาไม่กี่เดือน  ผมได้เรียนรู้อะไรมากมาย  จากผู้ชายตัวคนเดียวไม่สนใจใคร  ตอนนี้ผมกลับมีคนสำคัญเพิ่มเข้ามาในชีวิตอีกหลาย  เป็นคนสำคัญที่อยากจะปกป้องรอยยิ้มของพวกเขาเอาไว้ให้นานที่สุด

“ไอ้เฟี้ยว  ขอบใจนะที่เป็นเพื่อนกู”

“ไม่ต้องมาทำดราม่าเลยมึง  คนนิสัยแย่อย่างมึง  ถ้าไม่มีกูคอยเป็นเพื่อนเตือนสติมีหวังถูกดักกระทืบทุกวันๆแน่”

“อ๋อเหรอ  ไอ้คนนิสัยดี!”

“อย่างน้อยกูก็ไม่เคยทำสายตาเหมือนทุกคนเป็นเพียงธาตุอากาศแบบมึงก็แล้วกัน!”

“จะว่าไป  เดตะวันนั้นเป็นไงมั่งวะ  หลังจากนั้นก็ยุ่งๆเรื่องสอบปลายภาคกับสองชิงทุนก็เลยไม่มีโอกาสได้คุยเป็นจริงเป็นจังสักที”

ก่อนหน้าที่จะเริ่มสอบปลายภาค  ไอ้เฟี้ยวได้ออกเดตกับพี่อวกาศของผม  แถมยังเป็นเดตแบบค้างคืนอีกด้วย  ไม่รู้ว่าหลังจากเดตคราวนั้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่ดีขึ้นบ้างหรือเปล่า  แต่เท่าที่สังเกตพี่อวกาศ…

ผมว่ามันต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับสองคนนี้แน่ๆ  พี่ผมเล่นตามติดมันแทบจะยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยคิดดู!  ต่อให้ชอบมากแค่ไหนก็ไม่น่าจะตามหึงตามหวงขนาดนั้นเปล่าวะ?

“ไอ้ไทม์  มึงคิดว่าทำไมไอ้อวกาศถึงชอบกู”

คนถูกถามไม่ยอมตอบคำถามแต่กลับตั้งคำถามขึ้นใหม่แทนซะงั้น  แถมยังเป็นคำถามโลกแตกเหมือนไก่กับไข่อะไรเกิดก่อนกันอีกด้วย

“ทำไมไม่ถามเจ้าตัวเองวะ”

“กูแค่สงสัยว่าคนอย่างกูไปทำอะไรให้มันชอบได้  ปากก็หมา  นิสัยก็ห่าม  ชอบชกต่อยเป็นกิจวัตร  แล้วก็ไม่เคยเคารพมันเลย กูคิดเรื่องนี้หลายครั้งจนแทบจะเอาตีนขึ้นมาก่ายหน้าผากแล้วนะเว้ย  แต่คิดยังก็ไม่ได้คำตอบว่ะ  พอไม่ได้คำตอบ  มันเลยทำให้กูสับสน”

“สับสน?”

“มันชอบกูจริงๆหรือเปล่า  พอมีความคิดแบบนี้อยู่ในหัว  กูก็กลัวที่จะชอบมันกลับขึ้นมาทันทีเลย”

น้ำเสียงและสีหน้าของไอ้เฟี้ยวเศร้าลงทันตา

ถึงผมจะยังไม่ได้เข้าใจเรื่องความรักดีนักเพราะตัวเองก็เพิ่งเคยมีความรักเป็นครั้งแรกเหมือนกัน  แต่อย่างน้อยตอนนี้มีอย่างหนึ่งล่ะที่ผมบอกได้…

การที่มันเอาแต่คิดถึงเรื่องของพี่อวกาศ  นั่นไม่ได้แปลว่า…

…มันชอบเขามากๆ…ไปแล้วหรือไง?

 

Special  Part :

“ไปไหนของมันวะ  ไหนบอกว่าจะรออยู่หน้าห้องน้ำ”

หันมองซ้ายขวาเพื่อหาไอ้ไทม์   งานเลี้ยงตอนกลางคืนเริ่มแล้ว  และธีมการแต่งตัวคืนนี้ก็คือธีมสวมหน้ากาก  นักเรียนทุกคนที่มาเลยต้องสวมหน้ากากปิดบังใบหน้ามาทั้งนั้น  แต่พอดีผมดันปวดขี้ขึ้นมาก่อนจะเข้างานเลยชวนไอ้ไทม์มาเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อน  และทั้งๆที่มันบอกว่าจะยืนรออยู่หน้าห้องน้ำ  แต่พอออกมากลับไม่เจอแม้แต่เงา

หรือจะเข้าไปในงานแล้ว?

ให้ตายสิ  เป็นงานเลี้ยงที่น่าเบื่อชะมัดเลย  หน้ากากบ้าบออะไรแบบนี้มันมีแต่ในนิยายรักโรแมนติกเท่านั้นแหละ  ของจริงพอเอามาใส่แม่งคันหน้าฉิบหาย!  แถมยังเกะกะอีกต่างหาก  อย่าให้กูรู้เชียวว่าใครเป็นคนคิดธีม  พ่อจะเอาเท้ายันหน้าให้!

พลั่ก!

“อุ้ก!”

หมับ!

ทันทีที่หันหน้าไปอีกทางเพื่อจะเดินไปยังหอประชุมซึ่งเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยง  ใครบางคนจู่โจ่มต่อยเข้าที่หน้าท้องผมอย่างจังจนจุก  ก่อนที่ร่างกายจะถูกแบกด้วยฝีมือของไอ้คนที่ประทุษร้ายผม  มะ…มันจะพาผมไปไหนเนี่ย

ใครกันวะ!!!

อยากจะขยับร่างกายทว่ามันยังไม่หายจุก  ทั้งที่ต่อยแค่ทีเดียวแต่กลับทำผมจอดสนิทจนไม่มีแรง  คนที่มีพละกำลังมากมายขนาดนี้  นอกจากไอ้จักรวาลแล้วก็…

แอ๊ด…

“ไอ้อวกาศ!”

ตะโกนเรียกชื่อของคนที่กำลังแบกอยู่ทันทีอย่างมั่นใจ  เสียงประตูเปิดออกพอมองไปรอบๆก็พบว่ามันคือดาดฟ้าที่ผมกับไอ้ไทม์ชอบมาเป็นประจำ

ตุ้บ…

มันค่อยๆวางผมลงกับพื้นอย่างเบามือ  ผู้ชายหัวทองสวมชุดสีขาวกับหน้ากากขนนกสีขาวงั้นเหรอ…

“ทำไมถึงรู้ล่ะว่าเป็นฉัน…”

คนถูกจำได้ถอดหน้ากากออกพลางมองผมอย่างผิดหวังที่ถูกจับได้  มึงยังมีหน้ามาถามอีกเรอะ  สีขาวคือสัญลักษณ์ของมึงทั้งตัวขนาดนี้ใครไม่รู้ก็โง่แล้วไอ้ฟาย!

“เล่นบ้าอะไรวะ  ท้ารบเหรอ?”

“ขะ…ขอโทษจ้า  แค่คิดว่าถ้าขอให้มาด้วยกันดีๆคงจะไม่ยอมแน่ๆก็เลยใช้วิธีนี้”

อ่า…จริงด้วย  ตั้งแต่กลับจากเดตคราวนั้นผมก็เลี่ยงมันตลอดเลย  แถมยังย้ายออกมาจากบ้านอสังหาและกลับไปอยู่ห้องเช่ารูหนูของตัวเองเหมือนเดิมอีก  มันโทรมาก็ไม่รับสาย  ไลน์ก็ไม่อ่านไม่ตอบ  การกระทำของผมคงทำให้มันปวดใจมากเลยสินะ

“ไม่รู้หรอกนะว่าทำไมนายถึงต้องหลบหน้าฉันขนาดนี้ด้วย  ฉันก็แค่…อยากเจอ  อยากได้ยินเสียงบ้างก็เท่านั้น”

ไม่ไหว  ใบหน้าเศร้าตอนกำลังพูดของมันทำเอาใจอ่อนยวบยาบเลย  อุตส่าห์คิดว่าหัวใจแกร่งมากพอที่จะไม่เอนอ่อนให้มันอีกต่อไปแล้วเชียว

แบบนี้ก็เท่ากับว่า…แพ้ทางผู้ชายคนนี้หมดรูปเลยสิเรา

“กูแค่ยุ่งๆ  มึงมีอะไร”

“ของขวัญวันจบการศึกษา”

“หา?”

“หลับตาสิ  ฉันมีของขวัญจะให้”

ร่างสูงยิ้มแป้น  พอเห็นรอยยิ้มแบบนี้ทีไรปฏิเสธไม่ลงทุกที  ผมจำใจต้องหลับตาตามที่มันขอ  รู้สึกได้ว่าไอ้อวกาศเดินไปยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง  ผมเกร็งตูดหลบอัตโนมัติ  นึกถึงเรื่องราวในคืนวันออกเดตขึ้นมาทันที

ทุกจุดที่มันสัมผัส…

ทุกคำหวานที่มันบอกกับผม…

ต่อให้โดนรถบรรทุกชนจนสมองเสื่อมก็คงลืมไม่ลง

“เดินไปข้างหน้าสิ”

ผมออกเดินตามที่มันกระซิบบอกข้างหู  ลมเย็นๆจากบนดาดฟ้าเริ่มปะทะเข้ากับใบหน้า  มือหนาที่จับแขนผมไว้เพื่อพยุงให้เดินไปยังนุ่มนวลเหมือนเดิม

นุ่มนวลเหมือนในคืนนั้น…

อ๊ากกกกก  แล้วนี่กูจะคิดถึงเรื่องคืนนั้นอีกทำม๊ายยย!

“โอเค  ตรงนี้แหละ  หยุดเดินได้”

“มึงจะเล่นอะไรกันแน่”

“นับหนึ่งสองสามแล้วลืมตามองลงไปข้างล่างนะ”

“หนึ่งสองสาม”

“เจ๊ย!  ไม่เอาแบบนั้นสิ  ค่อยๆนับ  นับเร็วแบบนั้นมันไม่ตื่นเต้นหรอก”

“เรื่องมากจริงวุ้ย!”

ผมชักเสียงไม่พอใจใส่เล็กน้อยก่อนจะเริ่มนับเลขอย่างช้าๆตามที่มันบอก ( บ่นทุกรอบแต่ไม่เคยปฏิเสธสักครั้ง…)

“หนึ่ง…”

“…”

“สอง…”

“…”

“สาม…”

ค่อยๆลืมตาขึ้นมาแล้วมองลงไปข้างล่าง  แสงไฟสีส้มจากเปลวเทียนที่ถูกจุดเรียงกันเป็นรูปตัวอักษรพัดไหวเล็กน้อยตามแรงลม  เหมือนหัวใจจะหยุดเต้นหลังจากที่ค่อยๆไล่มองตัวอักษรไปทีละตัวจนครบและประกอบเป็นคำได้…

ไอ้บ้าเอ๊ย…แอบมาทำไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย

พรึ่บ…

กุหลาบขาวหนึ่งดอกถูกส่งมาตรงหน้า  ผมมองไล่ตั้งแต่กุหลาบไปเรื่อยๆจนถึงใบหน้าของคนให้  สุดท้ายมึงก็กะจะให้ทุกอย่างเป็นสีขาวไม่เว้นแม้กระทั่งดอกกุหลาบเลยสินะ…

“กุหลาบหนึ่งดอก  หมายถึงฉันจะมีแค่นายคนเดียว  รักนายแค่คนเดียว  ต้องการนายแค่คนเดียว  คิดถึงนายแค่คนเดียว  หลงใหลนายแค่คนเดียว  เฝ้ามองนายแค่คนเดียว  มีชีวิตอยู่เพื่อนายแค่คนเดียว  ทุกสิ่งที่ฉันจะทำต่อจากนี้…จะทำเพื่อนายแค่คนเดียว”

“…”

“ฉันรักนายนะเฟี้ยว  ยิ่งตอนนี้นายเป็นของฉันแล้วฉันก็ยิ่งรักนายมากขึ้น  มีแต่จะมากขึ้นทุกวันๆ  อย่าสงสัยในความรักที่ฉันมีให้นายได้ไหม”

“สงสัย?  หรือว่าไอ้ไทม์…!”

ไอ้เพื่อนทรยศ!  เอาเรื่องที่กูมาปรึกษาบอกมันหมดเลยใช่ไหม!

หมับ…

“เชื่อใจฉันได้ไหม  ทั้งหมดในตัวฉัน  ไม่ว่าจะร่างกายหรือว่าหัวใจ…”

ไอ้อวกาศจับมือผมขึ้นไปทาบตรงหน้าอกข้างซ้าย  สายตาหวานซึ้งจ้องมองลึกเข้ามาจนหัวใจเต้นระส่ำ

“มันจะเป็นของนายแค่คนเดียว”

ใบหน้าเจ้าเล่ห์ที่ผมเคยเกลียดนักเกลียดหนาเคลื่อนเข้ามาใกล้  น่าแปลกอีกแล้วที่ผมกลับไม่ยอมหันหน้าหนีจนกระทั่ง…

ริมฝีปากของมันทาบทับลงมา

ผมหลับตาลงรับจูบนี้แต่โดยดี  มือข้างหนึ่งดึงเอากุหลาบที่มันให้มาถือไว้

ไม่ใช่ว่าผมจะยอมรับรักมันหรอกนะ  ที่ยอมให้จูบ  ที่ยอมรับกุหลาบ  มันก็แค่…แค่ส่งท้ายที่เรียนจบเท่านั้นแหละโว้ยยยย!  (ซึนเดเระตัวพ่อ…)

Special  Part  End.

 

“จะเรียบร้อยดีไหมนะ  กังวลชะมัด”

ผมเดินวนไปมาเป็นหนูติดจั่นอยู่ในงานเลี้ยง  เป็นห่วงพี่อวกาศที่มาขอให้ช่วยหลบฉากเพื่อขอโอกาสอยู่กับไอ้เฟี้ยวสองคนหลังจากที่ผมเล่าเรื่องความกังวลของมันให้ฟังเมื่อตอนบ่าย  ไม่รู้ป่านนี้พี่ชายผมจะเป็นยังไงบ้าง  โดนไอ้เฟี้ยวซ้อมปางตายไปหรือยังนะ

[เอาล่ะครับ  ต่อไปจะเป็นการเต้นรำเปิดงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้  สาวๆหนุ่มๆคนไหนที่อยากจะร่วมกันเปิดฟลอร์ก็เชิญเดินเข้าไปขอคนที่คุณอยากจะเต้นรำด้วยให้มาเต้นรำด้วยกันได้เลยครับ!]

พิธีกรที่สวมหน้ากากไว้เหมือนกันเอ่ยขึ้น  บรรดานักเรียนชายหญิงต่างวิ่งวุ่นเข้าหากันเพื่อจับคู่  แม้ว่าจะไม่เห็นหน้าของอีกฝ่าย  แต่ทุกคนดูมีความสุขและสนุกสนานกับค่ำคืนนี้เอามากๆ

“เอ่อ…ขอโทษนะคะ”

เสียงหวานเอ่ยทัก  พอหันไปก็ผมว่าเป็นสาวน้อยร่างเล็กในชุดราตรีแสนสวย  หัวใจผมเต้นระทึกขึ้นมาทันที  เป็นครั้งที่มีผู้หญิงมาคุยด้วยแบบนี้!

“ถ้าฉันเดาไม่ผิด  เธอคงจะเป็น…กาลเวลาใช่ไหม”

หงึกๆๆๆ

ผมพยักหน้าตอบคำถามทันที  ยะ…อย่าบอกนะว่าเธอคนนี้จะมาขอผม…

ตะ…เต้นรำ…

“ถ้าไม่รังเกียจ  จะช่วยเต้นรำกับฉันได้ไหม”

ไม่จริงน่า!  เธอมาขอผมเต้นรำจริวๆเหรอเนี่ย!  เป็นใคร  ชื่ออะไร  เรียนจบจากห้องไหน!  นี่มันความใฝ่ฝันทั้งชีวิตของชายหนุ่มทุกคนเลยนะ!

หมับ!

“ต้องขอโทษด้วยนะสาวน้อย  แต่ว่าเด็กคนนี้เป็นคู่เต้นรำของฉัน”

“คะ…คะ…คะ…คุณจักรวาล!”

“งะ…งั้นฉันต้องขอโทษด้วยค่ะ  ฉันไม่รู้ว่าเขาจะพาคู่มาในงานเลี้ยงด้วย”

“เอ๋ เดี๋ยว  ไม่ใช่…”

ผมยื่นมืออกไปข้างหน้าเพื่อจะรั้งเธอเอาไว้จะได้อธิบาย  แต่สาวน้อยคนนั้นก็วิ่งหนีออกไปเสียก่อน  หมดกัน…คิดว่าจะมีช่วงเวลาดีๆแบบชายหนุ่มทั่วไปทิ้งท้ายก่อนจบมัธยมปลายเสียอีก

“นายนี่ไว้ใจไม่ได้จริงๆเลยนะ  คลาดสายตาเข้าหน่อยก็เตรียมกระดิกหางหาเจ้านายใหม่”

ร่างสูงที่โอบรอคอผมไว้แล้วดึงเข้าหาจนเอนซบกับแผงอกพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งอย่างไม่พอใจ  คนที่ควรจะไม่พอใจมันคือผมมากกว่า  ใครใช้ให้มากันล่ะเนี่ย!

“คุณเข้ามาได้ยังไงครับ  แล้วทำไมแต่งตัวแบบนี้”

ดำทั้งชุดทั้งเส้นผมทั้งหน้ากาก  จะเด่นสะดุดตาเกินไปแล้ว!  หนำซ้ำยังมียืนกอดผมเหมือนคู่รักอยู่กลางงานเลี้ยงแบบนี้อีก  คนอื่นเขามองหมดแล้วไม่เห็นหรือไง

“อย่าลืมสิว่าฉันเป็นใคร  คนอย่างจักรวาล…ไม่มีที่ไหนที่เข้าไม่ได้หรอก”

“ครับๆ  ผมลืมไปว่าคุณมันมีอำนาจล้นฟ้า”

“เรื่องนั้นช่างมัน  ดูท่าทางเมื่อกี้นายจะดีใจมากเลยนะที่เธอคนนั้นมาขอเต้นรำด้วย”

“ก็แหงสิครับ  ผมเป็นผู้ชายนะ  มีผู้หญิงมาขอเต้นรำด้วยแบบนั้นใครจะไม่ดีใจบ้าง  อีกอย่าง…อยู่มาจนสิบแปดปีเคยมีผู้หญิงเข้ามาทักผมแบบนั้นที่ไหน”

ว่าแต่…จะยืนกอดท่านี้อีกนานไหมเนี่ย  กลัวคนอื่นเขาไม่รู้เรอะว่าเป็นคู่รักกัน!

“ไม่ปฏิเสธซะด้วย  คิดจะยั่วให้ฉันหึงหรือไง”

“พูดอะไรของคุณครับ  แล้วก็นะ  ปล่อยผมได้แล้ว  คนเขามองมาที่เราเป็นจุดเดียวแล้วเนี่ย”

ถึงจะเขินที่ถูกมอง  แต่ต้องมาอยู่ในอ้อมกอดเขานานๆแถมยังได้กลิ่นตัวหอมๆชัดเจนแบบนี้มันทำให้ผมใจเต้นแทบจะระเบิดอยู่แล้ว  เกิดอดใจไม่ไหวกอดเขากลับหรือดีไม่ดีอาจถึงขั้นดึงเข้ามาจูบขึ้นมาจะว่ายังไง  แบบนั้นคนเขารู้กันทั้งโรงเรียนแน่ๆ!

“ไม่ปล่อย  ท่าทางฉันคงต้องหลงโทษหมาน้อยที่ไม่จงรักภักดีอย่างนายสักหน่อยแล้ว”

“คะ…คุณจะทำอะไร”

“ประกาศให้รู้กันไปเลย  ว่านายเป็นของใคร”

“อะไรนะ!”

พรึ่บ!

สิ้นคำ  คุณจักรวาลก็กระชากหน้ากากของผมออกตามด้วยของตัวเอง  ใบหน้าของเราสองคนปรากฏออกมาให้คนอื่นเห็นเต็มๆ  เกิดเสียงฮือฮาขึ้นทันใดเมื่อรู้ว่าผู้ชายสองคนที่ยืนกอดกันอยู่กลางงานคือผมกับเขา!

บ้าเอ๊ย!

“คุณคิดจะ  อื้อ!!!”

อึ้งรอบสอง!

ร่างสูงดึงผมเข้าไปจูบเอาดื้อๆ  เขาบีบแก้มผมแน่นจนต้องอ้าปากออกเพื่อรับเอาเรียวลิ้นของเขาเข้ามา  ไม่ไหว… ร่างกายมัน…ไม่มีแรงเลย  จูบของเขามันทั้งดุดันและเร่าร้อนเกินกว่าที่ผมจะต้านทานไว้ได้

หมับ!

“อื้อ!!!”

เคร้งงง!

อาหารบนโต๊ะถูกเขาใช้มือกวาดออกจนเกลี้ยงก่อนจะยกตัวผมให้ขึ้นไปนั่งบนนั้นแล้วระดมจูบต่อ  ไม่ว่าจะดิ้นเท่าไหร่ก็ไม่อาจสู้แรงมหาศาลของคุณจักรวาลได้เลย  สำคัญกว่านั้น…

ลิ้นของเขามันกำลังดูดวิญญาณของผมออกไป

สติ…

สติหายไปไหนแล้ว  กลับมาหาผมก่อน…

“หึ…”

ร่างสูงถอนจูบออกไปก่อนจะหัวเราะในลำคออย่างพึงพอใจ  ทว่าวิญญาณผมยังไม่กลับเข้าร่าง  ไม่เคยโดนเขาจูบร้อนแรงจนร่างกายร้อนวูบวาบขนาดนั้นมาก่อน  เรี่ยวแรงผมไม่เหลือแล้ว…

ตุ้บ…

คุณจักรวาลใช้วงแขนแกร่งรับร่างของผมที่หมดแรงเอาไว้ได้ทันก่อนจะช้อนขึ้นไปอุ้มในท่าเจ้าหญิง  นาทีนี้ทำได้แค่ซุกหน้าเข้าหาอกกว้างเพื่อซ่อนใบหน้าแดงก่ำจากนักเรียนคนอื่นๆเท่านั้น  ถะ…ถูกทุกคนเห็นจนได้!

“เท่านี้คงจะเข้าใจชัดเจนกันแล้วสินะว่าหมอนี่เป็นของใคร”

“…”

“ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย  แต่ถ้าใครหน้าไหนก็เข้ามายุ่งกับเมียของฉัน  ฉันจะทำให้ได้สัมผัสกับคำว่านรกของจริง”

แปะๆๆๆๆๆ

“เยี่ยมไปเลยพี่!  ฉากจูบเมื่อกี้ก็เร่าร้อนเด็ดสะระตี่สุดๆไปเลย”

เสียงของพี่อวกาศดังขึ้นก่อนจะมีเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาใกล้จุดที่ผมกับคุณจักรวาลยืนอยู่  รีบๆออกไปจากงานเลี้ยงกันสักทีจะได้ไหม  ผมอายจนไม่กล้าสู้หน้าใครเขาแล้ว!

“เกิดมาเคยอายอะไรกันบ้างไหมเนี่ย”

ต่อด้วยเสียงของไอ้เฟี้ยว  ยะ…อยู่กันครบเลยนี่หว่า!

“กลับกันเถอะ”

คุณจักรวาลพูดทิ้งท้ายแล้วเริ่มออกเดิน  ผมค่อยๆเลื่อนวงแขนขึ้นไปโอบรอคอเขาเอาไว้กันตก  เสียงซุบซิบมากมายดังระงมเหมือนเป็นการส่งพวกเราสี่คนออกจากงานเลี้ยง  ไหนๆก็วันสุดท้ายแล้ว  ถือว่าเป็นการจูบทิ้งทวนในโรงเรียนก็แล้วกัน!

“ว่าแต่…เรากลับเข้าไปจูบอย่างดูดดื่มต่อหน้าทุกคนแบบนั้นบ้างดีไหมที่รัก”

“ใครที่รักของมึง  แล้วก็ฝันไปเหอะว่ากูจะยอมจูบกับมึงต่อหน้าคนอื่นแบบนั้น”

“แปลว่าถ้าอยู่กันสองคนก็จูบได้ใช่ป่ะ!”

“มะ…ไม่ใช่เว้ย!”

ผมลอบยิ้มคนเดียวอย่างมีความสุข  การทะเลาะกันของพี่อวกาศและไอ้เฟี้ยวกลายเป็นสีสันอย่างหนึ่งในชีวิตของผมไปแล้ว

“อ๊ะ…”

ร้องออกมาเบาๆเมื่อรู้สึกว่ามีอะไรหนักๆกดลงมาที่หน้าผาก  พอลองเงยหน้าขึ้นดูก็พบกับใบหน้าเรียงตึงเป็นเสือยิ้มยากของคุณจักรวาลอยู่ใกล้ในระยะประชิดแม้ว่าเขาจะกำลังอุ้มผมเดินออกจากโรงเรียนก็ตาม

เมื่อกี้เขา…จูบหน้าผากงั้นเหรอ

“อื้อ…”

จูบที่สองเกิดขึ้นอีกครั้ง  ผมหลับตาลงอย่างมีความสุข   ช่างเป็นวันจบการศึกษาที่น่าจดจำเหลือเกิน!

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพตอนพิเศษแล้วจ้า  ส่งท้ายกันด้วยตอนนี้  จบจริงๆแล้วน้า  ไม่มีอะไรจะมาอัพเพิ่มอีกแล้วนอกจากสปอยตอนพิเศษในเล่มแต่ละตอนจ้า  คุณจักรวาลก็ยังคงเป็นคุณจักรวาล  เอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางของโลกเสมอ 5555  หึงแม้กระทั่งกับสาวน้อยตัวเล็กๆ  ขณะที่คุณอวกาศก็ละมุนเหลือเกิ๊นนนนน  ได้เมียซึนเดเระก็งี้แหละค่ะ  ทนไปนะเฮีย =..=

ขอบคุณสำหรับการติตตามมาจนถึงตอนนี้มากๆนะคะ  นิยายเรื่องนี้จะไม่ดำเนินมาถึงจุดนี้เลยถ้าไม่มีแรงสนับสนุนและกำลังใจจากนักอ่านทุกคน  หวังว่าจะมีความสุขกับการอ่านนิยายเรื่องนี้ไม่มากก็น้อยนะคะ  จะพยายามพัฒนาฝีมือต่อไปค่ะ

ติดตามผลงานอีกสองเรื่องของบิวได้นะคะ  มี

SEX(Y) รักโคตรแซ่บ! ( เรื่องนี้อัพไปได้สิบแปดตอนแล้วค่ะ )

Teacher Darling  “เด็กอ่อย”  ( จะเปิดเรื่องในวันพรุ่งนี้  รอติดตามได้จ้า )

 

บอกกันอีกครั้ง…!

หนังสือ 2 เล่มจบ (ในเล่มแถมที่คั่นเล่มละ 1อัน/1ลาย  และโปสการ์ดอีก 1ใบ)

ภายในเล่มมีตอนพิเศษที่ไม่ได้ลงในเว็บดังนี้

 รายชื่อตอนพิเศษ

 

     - เมื่อผมต้องมีรักทางไกล 3 ตอนจบ (จักรวาลxไทม์)

     - เมื่อผมกลายเป็นหมอแต่สามีดันขี้หึง!  3 ตอนจบ  (จักรวาลxไทม์)

     - ทำไมผมต้องออกเดตกับมัน 2 ตอนจบ (อวกาศxเฟี้ยว เรื่องราวก่อนเฟี้ยวจะไปเรียนต่อ จุดเริ่มต้นของเล่มมินิสเปฯ)

     - ทิ้งท้ายฟินๆกับ "2ปีที่เฝ้ารอ" คืนวันเกิดอายุครบ 20 ปี ของน้องไทม์!

 

พิเศษสำหรับ 100 ท่านแรกที่โอนเงิน  รับฟรีหนังสือเล่มมินิสเปฯ “จะรุกจนกว่าจะรัก” อวกาศXเฟี้ยว ค่ะ ( มีจำนวนจำกัดแค่ 100 เล่มเท่านั้น )

 

ใครสนใจพรีออเดอร์หนังสือเรื่องนี้คลิกที่ลิงก์นี้แล้วกรอกแบบฟอร์มเลยจ้า https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScEYLhiSnY4Cmc5Jn13oevviMUkD1vnD11ZbkJeF6Vphg_SBA/viewform?usp=sf_link#response=ACYDBNjWprgKpl9NaRRLJEYcihg7KUOdimUmXwsKGYWEWH_wMnidgEs0BeA (https://docs.google.com/forms/d/e/1FAIpQLScEYLhiSnY4Cmc5Jn13oevviMUkD1vnD11ZbkJeF6Vphg_SBA/viewform?usp=sf_link#response=ACYDBNjWprgKpl9NaRRLJEYcihg7KUOdimUmXwsKGYWEWH_wMnidgEs0BeA)
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพบทส่งท้าย+ตอนพิเศษ (17/09/60)#หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: Yara ที่ 18-09-2017 12:29:20
มาถึงตอนที่ 23 เราคิดว่า อวกาศ กับ ไทม์ เป็นพี่น้องกัน แล้วจักรวาลเป็นลูกบุญธรรมแล้วล่ะ
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพบทส่งท้าย+ตอนพิเศษ (17/09/60)#หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: fc_fic ที่ 18-09-2017 12:48:23
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพบทส่งท้าย+ตอนพิเศษ (17/09/60)#หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: titansyui ที่ 18-09-2017 16:38:03
 :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพบทส่งท้าย+ตอนพิเศษ (17/09/60)#หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: JokerGirl ที่ 18-09-2017 19:45:26
ชีวิตนี้ไทม์เพิ่งมีสาวเข้าหา มาขอเต้นรำแต่ก็โดนมารมาผจญ แต่ต้องให้อภัยพี่จักรวาลเค้านะ เค้าหึงคนรักของเค้า o18
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพบทส่งท้าย+ตอนพิเศษ (17/09/60)#หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: ♥►MAGNOLIA◄♥ ที่ 18-09-2017 19:58:49
จักรวาล ไทม์  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
อวกาศ เฟ้ยว  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
       :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพบทส่งท้าย+ตอนพิเศษ (17/09/60)#หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: areenart1984 ที่ 18-09-2017 23:11:16
หวานดุจดังรถขนอ้อยคว่ำ  :a5:
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพบทส่งท้าย+ตอนพิเศษ (17/09/60)#หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: silverrain ที่ 19-09-2017 09:29:29
สนุกมากค่ะ
 :pig4: :pig4:
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพบทส่งท้าย+ตอนพิเศษ (17/09/60)#หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: O-RA DUNGPRANG ที่ 19-09-2017 10:17:29
 o13 o13 o13 o13 o13
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพบทส่งท้าย+ตอนพิเศษ (17/09/60)#หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: little_munoi ที่ 21-09-2017 20:25:44
ดี๊ดี   แฮปปี้สุดๆ
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพบทส่งท้าย+ตอนพิเศษ (17/09/60)#หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: บีเวอร์ ที่ 21-09-2017 22:18:34
 :a5:คือว่า... เรากำลังสงสัยหรือว่าเราอ่านข้าม? ก็ไม่น่าใช้ ความลับของรหัสผ่านคืออะไร????

รหัสผ่านนนนนน!!!

อย่าเทเราทิ้งเลย :katai1:
เรากล้าพูดเลย ว่าเป็นเรื่องแรกที่เราอ่านในฉากที่มีคนตายได้น่าประทับใจขนาดนี้  :-[
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพบทส่งท้าย+ตอนพิเศษ (17/09/60)#หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: Charmy ที่ 23-09-2017 21:43:43
ชอบมารีอา
หัวข้อ: อวดหน้าปกจ้า
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 24-09-2017 20:12:33
(https://scontent.fbkk5-7.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/22007606_1456794611055953_5361136420630921087_n.jpg?_nc_eui2=v1%3AAeG3WZS-9vFucDj9s4Ilbv059sxpH--oc50bKhQJ0Chyur2g4DmJJZea0YpEwcFonnQ57-1PdKSG1kfM3A-L7KDSxtQwREYZyyn_wphCgKfRVw&oh=8c0130132422b9cd15ebafd290934a64&oe=5A43EF5E)

(https://scontent.fbkk5-7.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/22007567_1456794634389284_1461555552813213267_n.jpg?_nc_eui2=v1%3AAeFc58z7t-d3PqOOIN8Ul45n-kb22RkgHH8kxGRcHmC2X0tOTdx-1REoGQZNFzKokZL1xSh9SHx4BHblA1rGSTMoyFl2FP_3pvGpCMxMW_UJvw&oh=25bce5b248c0065422658190ba47efbb&oe=5A5261A8)


(https://scontent.fbkk5-7.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/21686447_1456799134388834_5525867758794799504_n.jpg?_nc_eui2=v1%3AAeGto-SjfOlyqAK-auPoMk0UlL3K4JlS84jcreyvQi8dnNtn8b7Q4JioYT4ydYubRq_kqPf5y57DUi6oPAv_2YyoXy7xIUmFdWRcxxvTSRqcSQ&oh=d3efe25193dda3cc7a812813b73a9c95&oe=5A4F3C12)


(https://scontent.fbkk5-7.fna.fbcdn.net/v/t1.0-9/21761820_1456799271055487_1560221690010826099_n.jpg?_nc_eui2=v1%3AAeFs8yp0Qnyg8SQ2cHREZRq3--aKjFVRLTnPQafTa50cGg8cs0rnmE7a2KwH99ZSwO5sF05bTGyw4nxeibMcs8Dj6nabjhxRbtC-X9GyEUCXPw&oh=6a2eb580abecb06b0edbf03e5efd5264&oe=5A53ABBB)

สนใจคลิก  https://goo.gl/forms/59wRJVMBTU1q2qh23 (https://goo.gl/forms/59wRJVMBTU1q2qh23)
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพบทส่งท้าย+ตอนพิเศษ (17/09/60)#หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: airicha ที่ 24-09-2017 20:36:45
 :m31: :pig4:
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพบทส่งท้าย+ตอนพิเศษ (17/09/60)#หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: aoihimeko ที่ 26-09-2017 06:30:45
ขอบคุณเรืองดีๆ
หัวข้อ: Re: ร่วมสนุกลุ้นรับหนังสือ "เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก"
เริ่มหัวข้อโดย: multiver ที่ 26-09-2017 21:29:23
     สวัสดีค่า  อย่างที่รู้กันว่าตอนนี้เรื่องนี้ได้ทำการเปิดพรีออเดอร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว  ทว่ายังมีนักอ่านอีกหลายคนที่อยู่ในวัยเรียน  บางคนอยากเปย์แต่ไตงอกไม่ทันก็มี   วันนี้เลยมีกิจกรรมให้นักอ่านทุกท่านที่อยากได้หนังสือชุดนี้ไปครอบครองมาร่วมสนุกกันค่า
     หมดเขตร่วมสนุก  30 กันยายน 2560  หลังเที่ยงคืนเป็นต้นไป

     ได้รับหนังสือพร้อมกันกับนักอ่านที่สั่งซื้อนะคะคือหลังปิดพรีฯไม่เกิน 30 วันจ้า
     อนึ่ง ของรางวัลที่จะได้รับคือ : หนังสือ 2 เล่มจบ ( มีที่คั่นแถมให้เล่มละ 1อัน/ลาย + โปสการ์ด 1 ใบ ) ซึ่งในเล่มจะมีตอนพิเศษรวม 8 ตอน ไม่มีลงในเว็บจ้า
     สำคัญ ::: ของรางวัลที่ได้ไม่มีมินิสเปฯ นะคะ  เพระาเล่มสเปฯมีจำนวนจำกัดแค่ 100 เล่ม  สำหรับนักอ่านที่โอนเงิน 100 คนแรก จ้า ^__^

     นักอ่าน 1 ท่าน  สามารถร่วมสนุกได้ทุกช่องทางไม่จำกัดจ้า

     กิจกรรมคือ... "คอมเม้นต์บอกเล่าความรู้สึกที่มีต่อนิยายเรื่องนี้"  ไม่จำกัดบรรทัด  แล้วแต่จะคอมเม้นต์เลยจ้า  จะคอมเม้นต์เลยหรือรอให้บิวอัพจนจบก่อนก็ได้ไม่ว่ากันค่ะ  ส่วนช่องทางการร่วมกิจกรรมจะมีดังนี้...

     - คอมเม้นต์โดยต้องไม่ลืมกดอ้างอิงถึงโพสนี้นะคะ  จะได้รู้ว่าร่วมสนุกกันค่า ( คัดเลือดผู้โชคดี 2 ท่าน  ท่านแรกเลือกจากคอมเม้นต์ที่โดนใจบิวที่สุด  ท่านที่ 2 สุ่มจ้า )
     - ติดแฮชแท็ก #เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก  ในทวิตเตอร์แล้วบอกเล่าความรู้สึก ไม่จำกัดความยาวของตัวอักษรใดๆทั้งสิ้น ( คัดเลือดผู้โชคดีจากในส่วนนี้ 1 ท่านค่ะ )

     ไม่มีการร่วมกิจกรรมในเพจนะคะ  อยากจะให้เฉพาะนักอ่านที่ติดตามเรื่องนี้ได้ร่วมสนุกกันจริงๆเท่านั้น  บางครั้งในเพจอาจจะมีคนที่ไม่ได้ติดตามมาตั้งแต่ต้น  แต่อยากร่วมสนุกเพื่อฟลุ๊คได้อะไรแบบนี้มาร่วมกิจกรรมด้วย  เลยขออนุญาตงดเล่นกิจกรรมนี้ในเพจค่า ^_^

   

     ใครที่พลาดไปไม่ได้หนังสือบิวจะแจกโปสการ์ดของเรื่องนี้เป็นรางวัลปลอบใจค่า ( มีจำนวนจำกัด  หลังประกาศผลแล้วใครที่อยากได้โปสการ์ดบิวจะแจ้งรายละเอียดอีกครั้งว่าให้ติดต่อมาทางไหนอย่างไรเพื่อขอรับโปสการ์ดจ้า )

     กิจกรรมนี้ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ  ค่าจัดส่งทุกอย่างบิวออกให้ค่า  จุ๊บๆๆๆ
สวัสดีครับพี่บิว อ่านมาตั้งแต่ตอนแรกๆแต่ไม่เคยมาคอมเมนท์เลย อะแหะๆ  :o8: :o8: แบบว่านิยายรออ่านในคลังมันล้นแท็บโทรศัพท์แล้ว แล้วนิยายที่ไม่ได้เอามาหมกไว้ก็มีเพียบและไหนจะภาระต่างๆอีกมากมาย อะแฮ่ม พอก่อน...
"คอมเมนท์บอกความรู้สึกกับนิยายเรื่องนี้" บอกเลยว่าที่เข้ามาอ่านเรื่องนี้นี่เพราะชื่อเรื่อง เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก ก็เลยรู้สึกแปลกๆ เอาคนไปขัดดอกหรอ?? เลยเข้ามาอ่านดูแล้วติดใจเลย 55 สำหรับผมที่ชอบแนวสืบสวน ลึกลับแบบนี้ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในเรื่องที่เขียนออกมาดีมากๆ ย้ำว่ามากๆ เรื่องหนึ่งเลยครับ ผมเป็นพวกชอบอ่านแนวดราม่าอยู่แล้วด้วยเจอแบบนี้เข้าเนี่ย บอกเลยว่าแทบตาย!! การวางพล็อตเรื่องก็ดีมาก จัดเป็นฉากๆอธิบายได้จินตนาการออกอย่างค่อนข้างละเอียด ใส่ใจทุกรายละเอียด การแสดงออกของตัวละครแต่ละคน ความรักที่พ่อแม่มีให้ลูก ความรักที่ลูกมีให้พ่อแม่ การอธิบายเรื่องราวต่างๆรวมถึงบทพูดคุยหรือข้อความที่ซึ้งๆนี่ . . . ผมเคารพเลย สุดยอดจริงๆครับ อยากโหวตเข้าเซ็งเป็ดอวอร์ดเหมือนกันนะครับเนี่ย 555 แล้วจะคอยติดตามเรื่องอื่นต่อๆไปครับ  :bye2: :bye2:
ปล.ปกติเวลาผมอ่านแล้วถ้าชอบจริงผมจะกดบวกเป็ดให้ทุกตอน แน่นอนว่าเรื่องนี้ผมกดให้ทุกตอนหลังจากอ่านแล้วนะครับ(ยกเว้นโพสท์กฎอ่านะ 55)
ปล.2 เรื่องการใช้คำพูดของตัวละครบางตัวในเรื่อง อย่างเช่นตอนที่เปิดอ่านจดหมายของคุณแม่สายพิณ การใช้คำพูดของแม่ บางครั้งมันก็จะดูแปลกๆหน่อยตรงที่ว่า แม่เขียนให้ลูกแล้วมีคะค่ะในประโยค มันตะหงิดๆยังไงไม่รู้สิ 555 แต่ก็แล้วแต่คนจะคิดอ่ะนะ 555
ปล.3(ปล.เยอะจริง :mew5:)ว่าด้วยเรื่องของชื่อเรื่อง "
เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก" ผมว่ามันจะดึงดูดพวกที่สนใจนิยายชื่อเรื่องแปลกแล้วสนใจมากกว่า(รวมถึงผมด้วย 555) ซึ่งมันทำให้คนอื่นนั้นไม่รู้ว่านี่เป็นนิยายเกี่ยวกับอะไร แบบว่า รักหวานแหวว หรือสืบสวนลึกลับ จึงสามารถดึงกลุ่มนักอ่านได้เพียงแค่บางกลุ่มเท่านั้น จึงอยากจะให้คำแนะนำตรงที่ชื่อเรื่องว่าควรจะดึงดูดผู้อ่านมากกว่านี้รวมถึงบอกแนวของนิยายไปกลายๆ อย่างเช่น . . . เออ . . . คิดไม่ออกเหมือนกันแหะ 5555 เอาเป็นว่าถือเป็นคำแนะนำละกันนะครับ ไม่ได้ดุหรือติหรือด่าว่าทอนะครับ แค่แนะนำเฉยๆ อย่าโกรธกันนะ 555
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพบทส่งท้าย+ตอนพิเศษ (17/09/60)#หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: mucan99 ที่ 28-09-2017 13:02:55
อารมณ์สนุกดี ชอบมากบอกเลย
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพบทส่งท้าย+ตอนพิเศษ (17/09/60)#หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: Timber ที่ 28-09-2017 14:30:06
เนื้อเรื่องดีนะ
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพบทส่งท้าย+ตอนพิเศษ (17/09/60)#หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: Timber ที่ 28-09-2017 14:33:46
ไม่มี NC หรอ หรือต้องรออีก 2 ปี 5555
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพบทส่งท้าย+ตอนพิเศษ (17/09/60)#หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: Bb nale ที่ 28-09-2017 23:20:44
น่ารักมาก เสียนำ้ตาให้ซะงั้น ขอบคุณมากสำหรับนิยายดีๆนะ
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพบทส่งท้าย+ตอนพิเศษ (17/09/60)#หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: Napa ที่ 29-09-2017 20:41:14
 :mew1: :mew1: :mew1:
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพบทส่งท้าย+ตอนพิเศษ (17/09/60)#หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: Gatjang_naka ที่ 30-09-2017 13:22:26
สนุกมากเลย
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพบทส่งท้าย+ตอนพิเศษ (17/09/60)#หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: sk_bunggi ที่ 07-10-2017 01:02:45
อ้ายยยยย อ่านจบแล้ว
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพบทส่งท้าย+ตอนพิเศษ (17/09/60)#หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: Maainmint ที่ 13-01-2018 19:06:34
ขอบคุณนะคะ
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพบทส่งท้าย+ตอนพิเศษ (17/09/60)#หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: mentholss ที่ 27-01-2018 19:03:15
 o13
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพบทส่งท้าย+ตอนพิเศษ (17/09/60)#หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: SmileCheek ที่ 28-04-2018 09:35:34
อยากอ่านตอนอายุไทม์ครบ20 ปี อ่า
หัวข้อ: Re: [จบแล้ว]เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพบทส่งท้าย+ตอนพิเศษ (17/09/60)#หน้า13
เริ่มหัวข้อโดย: CHanbel6104 ที่ 29-04-2018 08:52:51
เฟี้ยวนี้เป็นไครกันแน่....หึยยยยยยแกล้งไทม์จนช้ำไปทั้งตัวแล้ว...... :katai5: :katai1:
หัวข้อ: [จบแล้ว]เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI ประกาศ (26/05/61)#หน้า14
เริ่มหัวข้อโดย: WwW ที่ 26-05-2018 19:45:18
ประกาศลดล้างสต๊อกนิยายของบิวดังนี้นะคะ พอดีจะย้ายบ้านสิ้นเดือนนี้แล้ว หนังสือใหม่ในซีลค่ะ ขอแบบรวดเร็วเลยน้า วันจันทร์จะจัดส่งให้แล้วค่า

-เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก 2 เล่มจบ ปกติราคารวมส่งลทบ คือ 960 ลดเหลือ 830 รวมส่งลทบ มีเหลือแค่ 11 ชุดค่ะ (ไม่มีขอแถมใดๆแบบในรอบพรีน้า มีแค่หนังสือล้วนๆค่ะ)

สนใจสั่งซื้อินบ้อกเพจ https://www.facebook.com/bewjuliet/ (https://www.facebook.com/bewjuliet/)
หัวข้อ: Re: เมื่อผมถูกส่งไปขัดดอก YAOI อัพตอนที่ 2 (04/08/60)
เริ่มหัวข้อโดย: Musashi ที่ 01-03-2021 13:59:30
  ส่วนผมและน้องๆอีกห้าคนจะนอนด้วยกันในห้องด้านในที่พื้นที่ขนาดหนึ่งเสื่อเท่านั้น
ห๊ะ หนึ่งเสื่อนอนกัน6คน แมว6ตัวยังนอนไม่พอเลย