ตอนที่ 21
กับดัก!
เคร้ง เคร้ง เคร้ง
“เอ่อ…”
“…”
“นี่มันอะไรกันครับ”
เอ่ยถามเสียงเบาพลางมองคนตรงหน้าที่กำลังง่วนอยู่กับการล่ามผม!
อ่านไม่ผิดหรอก เขากำลังล่ามผมจริงๆ หลังจากกลับเข้ามาในห้องคุณจักรวาลก็ไล่ให้ผมไปอาบน้ำก่อน พอออกมาจากห้องน้ำเท่านั้นแหละ เขาก็ดึงผมขึ้นมาบนเตียงก่อนจะเอาโซ่ล่ามออกคล้องกับปลอกคอตามด้วยเอาปลายไปยึดติดไว้กับเสาเตียงฝั่งที่ผมนอน
เกิดอะไรขึ้นกันล่ะเนี่ย!
“หมาน้อยที่ไม่จงรักภักดีต่อเจ้านายของตัวเองก็ต้องโดนแบบนี้แหละ”
“หา?”
“ถ้าตอนฉันเข้าไปอาบน้ำหรือว่าหลับแล้วนายเกิดย่องออกไปหาเพื่อนสนิทของนายขึ้นมาฉันจะทำยังไง ล่ามไว้แบบนี้จะได้ไม่ต้องกังวล”
“ดะ…เดี๋ยวก่อนนะครับ ทำไมผมต้องย่องออกไปหาไอ้เฟี้ยวด้วยล่ะ”
“จะไปรู้เหรอ เผื่อนายอาจจะอยากกอดปลอบใจเพื่อนนายอีก”
กอด?
แสดงว่าเห็นสินะ ตอนที่ไอ้เฟี้ยวดึงผมไปกอดเมื่อตอนเย็นนั่นน่ะ แต่แค่เพื่อนกอดเพื่อนมันผิดมากถึงขั้นต้องมาล่ามและกักขังอิสรภาพกันขนาดนี้เลยเรอะ!
“ผมไม่ทำแบบนั้นหรอกครับ ปล่อยผมเถอะนะ นะ…”
สองมือยื่นไปจับแขนเขาแล้วเขย่ามันเบาๆ เผลอทำแก้มป่องพร้อมกะพริบตาปริบๆไปด้วยอย่างลืมตัว
ตายห่าล่ะ ติดนิสัยพวกน้องๆที่ชอบทำท่าแบบนี้เวลาอ้อนผมมาเสียแล้วสิ
เมื่อรู้สึกตัวว่าได้ทำท่าทาวบ้าๆออกไป ผมก็รีบปล่อยมือออกจากแขนเขาพร้อมเขยิบถอยหลังไปจนติดหัวเตียง สายตานิ่งๆที่จ้องมองกลับมาเมื่อกี้มันทำผมประหม่าชะมัดเลย บ้าจริง! เสียงหัวใจมันชักจะดังเกินไปแล้วนะ!
พรึ่บ!
“คะ…คะ…คะ…คุณจะทำอะไรครับ”
ถามเสียงสั่นในทันทีที่เขาทิ้งตัวโน้มลงมาคร่อมผมไว้ สองแขนวางอยู่ข้างตัวผมเพื่อปิดกันทางหนีและล็อกผมเอาไว้ในอาณัติ
“ทำปลอกคอ”
“ปะ…ปลอกคอ? หมายความว่ายังไงครับ ที่คอผมก็มีแล้วนี่ไง”
ชี้ไปที่คอของตัวเองซึ่งใส่ปลอกคอที่เขาให้ไว้อยู่ตลอดเวลา คนที่โรงเรียนพากันจ้องปลอกคอผมกันตาแทบจะถลนเชียวล่ะ แต่ว่าไม่มีใครกล้าเข้ามาถามหรอก ส่วนไอ้เฟี้ยว…ผมว่ามันไม่ได้สนใจเลยด้วยซ้ำ
“ไม่ใช่อันนี้”
ตอบหน้านิ่งก่อนจะใช้มอข้างหนึ่งรวบข้อมือผมทั้งสองข้างไปจับไว้แล้วยกขึ้นเหนือหัวผม ด้วยความตกใจผมร้องเสียงหลงออกมา พยายามจะบิดข้อมือตัวเองออก แต่ยิ่งบิด แรงบีบจากเขาก็ยิ่งมากขึ้น
คิดจะทำอะไรกันแน่ฟะ! กูกลัวจนฉี่จะราดแล้วนะโว้ยยย
“คะ…คุณ อื้อ!”
เสียงที่ต้องการจะเปล่งออกมาหายไปเสียดื้อๆ ร่างกายสะดุ้งเฮือกกับสัมผัสร้อนชื้นที่ใบหู ผมเกร็งปลายเท้าแน่น อยากจะดิ้นหากแต่ก็ถูกร่างกายกำยำนี่นั่งทับขาเอาไว้จนไม่สามารถขยับได้เลย ลิ้นร้อนๆของเขาไล่เลียที่ใบหูไปทีละจุด
หน้าท้องบิดเกร็งจนแทบจะปล่อยเสียงครางออกมา ผมพยายามอย่างมากที่จะกลั้นเสียงพวกนั้นเอาไว้และเรียกสติตัวเองตลอดเวลาในใจ มืออีกข้างที่ว่างอยู่ของเขาปลดเอากระดุมเสื้อของผมออกจนหมด ก่อนจะเลื่อนเข้าไปลูบไล้ผิวกายภายในที่กำลังสั่นเทิ้ม
ทำไมกัน…ทั้งที่คิดว่าตัวเองจะต้องกลัวสัมผัสนี้มากๆ แต่มันกลับไม่ใช่ ปฏิเสธไม่ได้ว่าผมกำลังรู้สึกดีกับทุกสิ่งที่เขาทำและภาวนาให้มันมากขึ้นกว่านี้ไปเรื่อยๆ เกิดอะไรขึ้นกับระบบความคิดของผมกันแน่ กำลังถูกคุกคามทางเพศอยู่แท้ๆ ทำไมถึงไปรู้สึกอบอุ่นกับสัมผัสของเขาได้เล่า!
“อื้อ…”
สุดท้ายผมก็กลั้นเสียงไหวไม่ไหวเมื่อคุณจักรวาลไล่ริมฝีปากลงต่ำมายังแผงอก เขาพรมจูบตั้งแต่ไหปลาร้าลงไปเรื่อยๆจนถึงหน้าท้อง ลมหายใจร้อนระอุที่เป่ารดร่างกายผมตอนนี้ทำให้สมองพล่าเลือนไปหมด
เสียงจูบไปตามจุดต่างๆของร่างกายดังก้อนไปทั่วทั้งห้อง เขาจูบไล่จากหน้าท้องกลับขึ้นมาอีกครั้งจนถึงซอกคอ ปลายจมูกซุกไซร้ไปมา ไม่รู้ว่าเขาปล่อยข้อมือของผมให้เป็นอิสระตั้งแต่เมื่อไห่ ทว่าผมกลับไม่ใช้อิสระในตรงนี้ผลักเขาออกอย่างที่ตั้งใจในตอนแรก สิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆกลายเป็นผมโอบกอดเขาเอาไว้แน่นราวกับกลัวว่าช่วงเวลาแห่งความสุขนี้จะหมดไป
“อ๊ะ…”
ร้องออกมาเบาๆเพราะเจ็บที่ต้นคอเหมือนถูกกัด บีบไหล่ที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของคุณจักรวาลเพื่อระบายความอึดอัดที่เกิดขึ้น
ไม่นานเขาก็ถอนใบหน้าออกมาจากซอกคอ มือหนาเอื้อมไปจับท้ายทอยผมไว้แล้วดันขึ้นให้เงยหน้าสบตากับเขา เป็นครั้งแรกที่ผมเห็นภาพของตัวเองสะท้อนอยู่ในแววตาคู่นี้ เด็กผู้ชายที่นัยน์ตาละห้อยและแก้มระเรื่อคนนั้นคือผมจริงๆน่ะเหรอ?
“คุณ…”
“จูบได้ไหม”
เสียงทุ้มเอ่ยถาม ใบหน้าของเราอยู่ใกล้กันมาก น่าแปลกที่ผมรู้สึกว่าน้ำเสียงที่เขาเปล่งออกมามันช่างเซ็กซี่เหลือเกิน
ผมไม่ตอบเป็นคำพูด ค่อยๆยื่นหน้าขึ้นไปอีกจนริมฝีปากเราสัมผัสกันเบาๆ ทันที่มันสัมผัสกัน แรงกดจากฝ่ามือของเขาที่ท้ายทอยก็แรงขึ้น ริมฝีปากถูกบดขยี้อย่างเร่าร้อนและรุนแรงจนผมหายใจไม่ทัน ร่างสูงดันผมจนชิดกำแพง ขณะที่ผมเลื่อนมือขึ้นมาโอบรอบคอเขาไว้แทน
“อ้าปาก”
เสียงนุ่มทุ้มสั่งอีกครั้ง ผมอ้าปากเล็กน้อยตามที่เขาบอก เรียวลิ้นอ่อนนุ่มแทรกผ่านเข้ามาทันที ร่างกายผวาเฮือก เหมือนลิ้นของผมถูกดูดเข้าไปในปากของเขา
ไม่ไหวแล้ว… ผมควบคุมตัวเองไม่ได้เลย
“อ่า…”
เราถอนจูบออกจากกันอย่างอ้อยอิ่ง สองมืออบอุ่นประคองใบหน้าของผมเอาไว้ มือที่เคยโอบรอคอเขาตกมาอยู่ข้างตัวเพราะไร้เรี่ยวแรง
จะ…จูบเมื่อกี้มัน…
จูบกระชากวิญญาณชัดๆ!
“นายทำให้ฉันต้องอดทนเป็นครั้งที่สองแล้วนะ”
ไม่เข้าใจที่เขาพูด ผมขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนที่ความสงสัยจะถูกคลายลงเมื่อต้นขารู้สึกได้ถึงอะไรแข็งๆดันมาโดนเข้า
ผมเลื่อนสายตาไปตรงจุดที่รู้สึก ก่อนที่ลมร้อนจะแผ่กระจายไปทั่วทั้งร่างกาย รีบเสมองไปทางอื่นด้วยหัวใจเต้นรัว
“หึ…ฉันจะอดทนครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายแล้วนะ”
ว่าพลางดึงผมเข้าไปกอด ดันหัวให้ซบลงกับแผงอกอบอุ่น ไม่เคยคิดเลยว่าการจูบกันเมื่อกี้จะทำให้คุณจักรวาลเกิดอารมณ์ทางเพศจนส่วนนั้นแข็งตัวขึ้นมาได้ เพราะพวกเราต่างก็เป็นผู้ชายด้วยกันทั้งคู่ ผมจึงไม่เคยคิดว่าเราจะมีอารมณ์พวกนี้ร่วมกัน แต่ผมคิดผิด…
คุณจักรวาลในตอนนี้สำหรับผมแล้ว…ดึงดูดให้เข้าหายิ่งกว่าผู้หญิงเสียอีก!
“อย่าให้ฉันเห็นใครสัมผัสนายอีก เพราะฉันไม่ใช่พวกความอดทนสูงนัก เข้าใจหรือเปล่า”
“ครับ”
แบบนี้ให้รู้เรื่องที่ถูกไอ้เฟี้ยวจูบไม่ได้เด็ดขาด แค่กอดยังโดนขนาดนี้เลย ถ้ารู้ว่าถูกจูบไปแล้วล่ะก็…ไม่อยากจะคิดภาพเลย
โซ่ แส้ กุญแจมือมาครบแหงๆ!
“นายน่ะ เป็นของฉัน”
“…”
“ของของฉัน ฉันไม่ยกให้ใครทั้งนั้น จำไว้ให้ดีล่ะ”
ผมยิ้มกว้าง ค่อยๆยกแขนขึ้นกอดเขากลับ ซุกหน้าลงกับอกกว้างมากขึ้น หัวใจพองโตเหมือนถูกอัดอากาศเข้าไปข้างใน…
ตาแก่ขี้หวงเอ๊ย
“ผมเข้าไปจอดในโรงเรียนเลยนะครับ เพราะบอสกับนายน้อยกำชับมาเด็ดขาดว่าต้องส่งให้ถึงโรงเรียน”
พี่เข้มหันมาบอกด้วยสีหน้าหนักใจเมื่อมาถึงจุดที่เคยส่งผมลงจากรถอย่างทุกที
“ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ”
“ไอ้เจ้าบ้าสองคนนั่นมันกังวลกันขนาดนี้เลยหรือไง”
“เออน่า เพื่อความปลอดภัย”
ผมตบบ่าเพื่อนคนแรกในชีวิตอย่างไอ้เฟี้ยวเบาๆ มันเอาแต่บ่นไม่หยุดหลังจากถูกคุณอวกาศบังคับให้มาโรงเรียนพร้อมผม
ตอนแรกพวกเรานัดกันว่าจะคุยเรื่องการหาสถานที่แห่งความทรงจำกันต่อ แต่คุณอวกาศกลับมาบอกในตอนเช้าว่ามีธุระสำคัญต้องไปทำกะทันหัน แพลนเลยเปลี่ยนกลายเป็นว่าพวกเราต้องมาโรงเรียนกันตามปกติ ส่วนคุณอวกาศก็ไปทำธุระ และคุณจักรวาลจะจัดการลิสต์รายชื่อสถานที่เหล่านั้นเอง ตอนเย็นคอยเริ่มประชุมกันอีกที
“กูไปเข้าห้องน้ำก่อน มึงไปรอที่โรงอาหารละกันนะ”
“เออๆ จะแดกไรอ่ะ เดี๋ยวกูสั่งไว้ให้”
“มึง”
“ฮะ?”
ร้องเสียงด้วยตกใจเมื่อมันชี้มาที่ผม ห้ามบอกเด็ดขาดว่าจะแดกกู! กูขนลุก!
“กูจะบอกว่าแล้วแต่มึง ทำไมต้องตกใจด้วยวะ”
“อ้อเหรอ เออๆ เดี๋ยวกูสั่งให้ละกัน มึงไปขี้เหอะ”
“แค่ฉี่เฟ้ย!”
โป๊ก!
“โอ๊ย!”
มันเขกหัวผมอีกแล้ว ไอ้เพื่อนเวร! ผมง้างเท้าขึ้นหมายจะเตะมันกลับ แต่ไอ้เฟี้ยวก็กระโดดหลบวิ่งหนีไปทางห้องน้ำได้ก่อน ฝากไว้ก่อนเหอะมึง!
ผมเดินเข้ามาในโรงอาหารก่อน ทุกสายตายังคงจับจ้องมาเหมือนเดิม การจากไปของอาจารย์มารีอาทำให้บรรยากาศในโรงเรียนเปลี่ยนไปมาก มันหดหู่เสียจนผมอดคิดไม่ได้ว่าไอ้เฟี้ยวมันจะโอเคหรือยัง ถึงแม้ว่าตั้งแต่เช้ามามันจะทำตัวเป็นปกติก็เถอะ แต่ในใจลึกๆของมันกำลังคิดอะไร ผมเองยังดูไม่ออก อาจเพราะเรายังไม่สนิทกันมากพอก็ได้
“ต่อไปก็ซื้อน้ำ”
วางจานข้าวสองจานลงบนโต๊ะพร้อมกระเป๋านักเรียนก่อนจะเดินไปทางร้านน้ำ ไอ้เฟี้ยวมันตกส้วมตายหรือเปล่า ผมยืนต่อแถวรอซื้อข้าวตั้งนานแต่มันก็ยังไม่กลับมาสักที
“น้ำเปล่าสองขวดครับ”
รับน้ำมาพร้อมกับส่งเงินให้ก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะ ถ้ารออีกห้านาทีแล้วมันยังไม่มาผมจะไปตามแล้วนะ เมื่อเช้าก็ดันลืมแลกเบอร์กันเสียด้วยสิ
“หือ?”
ผมรีบวางขวดน้ำลงบนโต๊ะแล้วหยิบกระดาษโน้ตแผ่นเล็กๆที่วางอยู่ใต้จานข้าวขึ้นมาอ่าน เมื่อกี้ยังไม่มีเลยนี่หว่า แสดงว่าเพิ่งจะมีคนเอามาวางสินะ
‘มาที่โรงยิมเก่าหลังโรงเรียน กูมีอะไรจะให้มึงดู เฟี้ยว’
“ไอ้เฟี้ยว?”
ขมวดคิ้วมุ่นทันที เล่นห่าอะไรของมันกันวะ ถ้ามาแล้วทำไมไม่เดินไปหาผมแล้วไปพร้อมกันเลยล่ะ โอ๊ะ! หรือมันจะหาไม่เจอคิดว่าผมไปที่อื่นเลยเขียนโน้ตทิ้งไว้แทน แสดงว่าคงเป็นเรื่องสำคัญมากเลยไม่สามารถรอผมได้
ผมวางกระดาษลงที่เดิมแล้วเอาจานทับไว้ก่อนจะวิ่งไปที่โรงยิมเก่าทันที ไม่ได้หยิบอะไรติดตัวมาเลยสักอย่างเพราะอยากรู้ว่าไอ้เฟี้ยวมันจะให้ผมดูอะไร ไม่แน่ว่าอาจเจอหลักฐานอะไรเกี่ยวกับการตายของอาจารย์มารีอาก็ได้ ที่หายไปนานคงเพราะมาหาเบาะแสแน่ๆ
“แฮ่ก! แฮ่ก!”
หอบแฮ่กจนลิ้นห้อย ผมยืนมองโรงยิมเก่าที่ไม่ได้ใช้งานมานานหลายปีและอยู่ห่างจากตัวตึกของโรงเรียนมาค่อนข้างไกล ประตูของโรงยิมเปิดแง้มอยู่เล็กน้อย ไอ้เฟี้ยวคงมาถึงแล้วแน่ๆ
ผมรีบดันประตูให้เปิดกว้างกว่าเดิมแล้วเดินเข้าไป ข้างในเต็มไปด้วยเบาะเก่าๆและพวกอุปกรณ์กีฬาที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว มีฝุ่นและหยากไย่เกาะเต็มไปหมด
“ไอ้เฟี้ยว! กูมาแล้ว อยู่ไหนวะ”
เงียบ…
“ไอ้เฟี้ยว! เฮ้ยยย! อยู่ไหนวะ มึงจะให้กูดูอะไร เอามาดิ!”
เงียบ…
ชะ…ชักไม่ดีแล้วสิ มาคิดอีกทีคนอย่างไอ้เฟี้ยวไม่น่าจะนัดผมมาในที่เปลี่ยวๆแบบนี้หรอก เพราะตัวมันเองอาจกำลังตกเป็นเป้าของไอ้คุณกวินทร์นั่นและจะโดนเล่นงานเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่มีทางที่มันจะเลือดนัดในสถานที่ไม่ใช้งานแบบนี้ เพราะเสี่ยงที่มันอาจจะถูกลอบทำร้ายได้
บัดซบเอ๊ย! ทำไมไม่คิดให้เร็วกว่านี้วะไอ้ไทม์!
ปัง!
“!!!”
หันหลังกลับไปมองต้นเสียงอย่างรวดเร็ว ผมวิ่งพรวดไปที่ประตูของโรงยิมที่จู่ๆก็ปิดลง ไม่ว่าจะพยายามดันให้มันเปิดออกเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผล
“ไม่ขยับเลยนี่หว่า เฮ้ยยย! มีใครอยู่ไหม มีคนติดอยู่ข้างใน เฮ้!”
บ้าชะมัด ผมน่าจะระวังตัวให้มากกว่านี้ ดันหลงกลกับดักง่ายๆแบบนี้ ฉลาดแต่เรื่องในตำราเรียนจริงๆเลยนะมึง!
“เสียงอะไรวะ”
ผมแนบหูลงกับประตูเมื่อได้ยินเสียงเหมือนมีอะไรสักอย่างถูกเท ก่อนที่จมูกจะเริ่มได้กลิ่นแปลกๆที่พอจะเดาได้ว่ามันคือกลิ่นอะไร
“นะ…น้ำมัน?”
ระ…หรือว่า…!
จะเผาทั้งเป็นกันเลยเรอะ!!!
บับเบิ้ลบิวชวนคุย :
มาอัพแล้วจ้า เริ่มต้นตอนด้วยความหวานล้ำของท่านจักรวาลและน้องไทม์ ไม่รู้ว่าตาแก่ขี้หวงคนนี้ต้องอดทนไปอีกนานแค่ไหน แต่เชื่อเถอะว่าเมื่อถึงเวลาที่ไม่ต้องอดทนแล้ว น้องไทม์ของเราคงได้นอนติดเตียงไปสามวันแน่ๆ 5555+ ต่อไปก็มาตามดูกันว่าใครจะมาช่วยน้องไทม์ได้ทันเวลาบ้าง ฉลาดแต่เรื่องในตำราจริงๆนั่นแหละนายเอกคนนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ธุระสำคัญที่อวกาศต้องไปทำคืออะไรกันนะ? ติดตามต่อตอนหน้าจ้า จุ๊บๆๆๆๆ