มาคุยกันก่อนนิดนึงดีกว่าเนอะ

krappom ใจจริงอยากเอามาเล่นให้หมดเล้าเลยแป๋ม ท่าจะมันส์ดี แต่กลัวเขียนเสร็จโดนอัปเปหิออกจากเล้านะซิ

ไต๋ nartch เอ่อ แบบว่าพี่ต่าย เนี่ยยังไงคงจะโดนฟางตีหัวลากเข้าบ้านก่อนจะถึงมือพวกพี่ๆค่ะ

pongsj ตอนไปเที่ยวหิ่งห้อยเยอะไม๊คะ อยากให้ได้ไปดูกันจริงๆ สวยมากๆเลย
tawada_j ขอให้ไม่เป็นเบาหวานนะค่ะ เพราะอาจต้องหวานต่อไปอีกพักนึง อิอิ
broncho ขอบคุณคุณม้าค่ะ อ่านกระทู้ที่เอามาลงแล้วก็เสียดายจริงๆค่ะ ไม่อยากให้เป็นแบบนี้เลย คงต้องให้คนที่นั่นแล้วเจ้าหน้าที่ของรัฐช่วยกันวางแผนให้ดีๆนะค่ะ ไม่งั้นรุ่นหลังๆก็จะไม่รู้จักหิ่งห้อยกันแล้วมั๊ง
snowblack พี่ว่านอกจากเบาหวานจะกินแล้ว โรคอ้วนจะถามหาด้วยป่าวค่ะน้อง อิอิ
BuzZenitH คิดไรอยู่เนี่ยตุ๊ดตู่ จะกลับที่พักท่าเดียว

GivesZaღIIsD อะไรตัวเอง ไปลงเหมียวๆของตัวเองซิ

SweetSerenade อยากได้พี่ต่ายต้องไปแย่งกะคนข้างบนๆก่อนนะคะ
christiyaturnm ไปสวีทแล้วกลับมาเล่าให้ฟังกันบ้างนะค่ะ

ben~ya เอาน้ำแข็งโปะตาให้ตาหายร้อนพอไหวไม๊ค่ะ
maabbdo อิจฉาโอมเหมือนกันทำไงดีล่ะ
mist โอเคจะเพิ่มความหวานกันต่อไป เพื่อคุณ mist จะได้ชีวิตหวานๆๆ
fellow ขอบคุณค่ะ ตามต่อไปนะคะ

มาดามกุ้ง สงสัยต้องมาหวานที่ปากช่องก่อนนะพี่กุ้ง บ้านนอกกว่าอีก
nOn†ღ รอเกาะขอบหน้าต่างได้เลยจ้า แต่ระวังตกลงมานะ แบบว่ามือสั่น

สาวตัวกลม moonlight เบื่อความหวานรึยังค่ะ
TIÄÑ-Šhªñ พี่เป็นอะไรเหรอค่ะ ไม่พูดซักคำ

nOn†ღ หาเจ้าบ่าวให้ได้แล้ว แต่เจ้าสาวจะชอบป่าวซิ อิอิ

punchnaja ขอบคุณค่า ตามกันต่อไปนะค่ะ
ไอ้หัวแห้ว พี่ขอโทษค่าริวไม่ได้ตอบ รักนะเด็กโง่ ตอบว่าไรดี กร๊ากกกก

ท่อมท่อม ไม่มาอ่านเราจะแกล้งงงงงง

ไต๋ จะมาต่อแล้วค่าพี่แอน
=@B@= ต้องตามต่อไปจ้าบี

aa_mm โอมมานรั่วนะค่ะ เหมือนคนแต่ง คริคริ

ไปอ่านต่อกันเลยดีกว่าค่า

************************
“พี่ต่ายยยย....”

“คร๊าบบบ.....”
พี่ต่ายตอบมาแค่นี้ครับแล้วก็ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ หันหน้าไปอมยิ้มด้านอื่น ผมเลยไม่พูดอะไรเลยครับ ได้แต่นั่งหน้าแดงอายอยู่แบบนั้น
มันดีมากๆครับได้นั่งเรือเงียบๆมีคนที่เรารักอยู่ใกล้ๆ ผมอยากมีเวทย์มนต์เสกให้ไม่มีคนอื่นนั่งอยู่บนเรือกับเราเลย มันคงเป็นส่วนตัวมากกว่านี้ แต่ตาทอมยกไว้ให้คนครับ เพราะถ้าเราพายเรือ หรือขับเรือกันเองก็ไม่มีเวลามาสวีท แล้วก็ดีไม่ดีจะได้ไปสวีทกันก้นคลองน่ะครับ
ผมเอาหัวซบไหล่พี่ต่ายอินไปกับบรรยากาศ น่าเสียดายครับทำไมขากลับรู้สึกว่ามาถึงเร็วจัง พอเริ่มเข้าเขตชุมชนผมดูนาฬิกาก็เกือบสามทุ่มแล้วครับ
ตอนที่เรากระโดดลงจากเรือ เจ้าทอมตะโกนแล้วยิ้มๆครับบอกมาว่า “วันหลังมาฮันนีมูนกันใหม่นะครับพี่ๆ”
ตะโกนครับ :เตะ1: ตะโกนเพราะคาดว่าคนที่อยู่บริเวณนั้นไม่ต่ำกว่า300 เมตรต้องได้ยินอย่างชัดเจน คนที่อยู่บนเรือมองหน้ากันยิ้มๆแล้วมองพวกผมแล้วก็ยิ้มๆ ผมก็ไม่รู้ว่าเค้ายิ้มเพราะนึกว่าเป็นคู่เค้าเองที่ทอมแซว หรือเค้ายิ้มให้คู่ของผม เหอๆๆ
พี่ต่ายไม่พูดอะไรครับมองผมที่อายหน้าแดงแล้วหัวเราะเบาๆ มือนึงจูงมือผมให้เดินตามอีกมือโบกไหวๆให้ทอมครับ แสบจริงๆเลยแต่ก็น่ารักดีครับน้องทอม ผมอยากจะหันไปด่าทอมเป็นที่ระลึกซะหน่อยแต่พี่ต่ายก็ลากผมไปแล้วครับ
พี่ต่ายจูงมือผมเดินไปหาผัดไทยกุ้งสดอร่อยๆทาน เราเดินชมความงามยามค่ำของร้านรวงในตลาดอัมพวา ผู้คนที่มาท่องเที่ยวยังมีอยู่มากมายจนเวลาเดินแทบจะไหลตามกันไปมากกว่า ส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนไทยเรานี่แหล่ะครับ ผมชอบร้านค้าที่ตกแต่งหน้าร้านได้น่าสนใจทำให้น่าเข้าไปซื้อของจริงๆครับ ผมซื้อโปสการ์ดทำมือสวยๆได้หลายใบเลย จนเกือบสามทุ่มครึ่งเราเริ่มเดินกลับที่พัก ค่อยๆเดินชมร้านไปอย่างช้าๆ ตามจังหวะหัวใจของเราที่มันไม่รีบครับค่อยเป็นค่อยไป
เดินเลียบฝั่งคลองต่อจากร้านกาแฟมา ก็มาเจอร้านขนมชั้นชื่อดัง ร้านตอง เพราะเขาเคยประกวดทำขนมชั้นจากกล้วยหอมจนได้รับรางวัลพระราชทานยอดเยี่ยมในปี 2546 อันนี้พี่ต่ายเล่าให้ผมฟังนะครับว่าเพื่อนที่ทำงานมาซื้อกินกันแล้วอร่อยมาก แต่ตอนที่เราไปถึงไม่มีแล้วครับมันหมด ผมเสียดายมากๆอยากซื้อไปฝากที่บ้านให้ได้ทานด้วยกัน
“เสียดายจังเลยพี่ต่ายเลยอดซื้อกลับบ้าน อดชิมด้วยอ่ะ ขายหมดตั้งแต่กี่โมงครับ”ผมหันไปถามคุณน้าเจ้าของร้านที่หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสมากๆ
“วันนี้หมดเร็วจ๊ะหมดตั้งแต่บ่าย3แล้ว มีคนมาเหมาไป100กล่อง” คุณน้าเจ้าของร้านบอกกับผมยิ้มๆ ดูๆธุรกิจนี้ถ้ามีฝีมือในการทำ แล้วขายจนดังก็ไม่เลวทีเดียวนะครับ
“นี่ถ้าเรามาซื้อตอนมาถึงก็ไม่ทันอยู่ดีเนอะพี่ต่าย ไม่เป็นไรไว้วันหลังมาใหม่ครับ แต่ก็เสียดายที่ไม่ได้ชิมอยู่ดี แฮะๆ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”ผมหันไปลาเจ้าของร้าน แต่คุณน้ากลับเรียกผมไว้
“เอาเศษขนมชั้นที่น้าตัดขอบไว้ให้คนชิมไปทานก็ได้นี่จ๊ะ เอาไม๊เพราะยังไงน้าก็ไม่ได้เอาไปทำอะไร”
แหะๆคือผมว่าคุณน้าจะบอกว่ายังไงก็ทิ้งอยู่ดีนะครับ ให้ไอ้คนอยากกินแบบผมไปคงจะดีกว่า อิอิ แล้วอย่างผมของฟรีแถมอร่อยๆด้วยมีเหรอจะปฎิเสธ

“ขอบคุณครับคุณน้า แต่เกรงใจจังเลย แหะๆ”แต่ก็เอานะครับ ไม่ใช่เกรงใจแล้วไม่เอา
เสียงพี่ต่ายหัวเราะหึๆ ยืนกอดอกยิ้มๆมองผมช่วยเจ้าของร้าน เอาเศษขนมชั้นใส่กล่องมาทานกัน ไม่พูดอะไรซักคำ ไม่ช่วยด้วยครับ
เจ้าของร้านบอกผมว่า “ขนมชั้นที่อร่อยต้องลอกออกกินเป็นชั้นๆได้” ลองลอกดูก็ได้จริงๆนะครับ มีตั้งหลายชั้นแน่ะ เนื้อเหนียวนุ่ม ได้ทั้งรสและกลิ่นของส่วนผสมต่างๆที่ใส่ลงไป รสไม่หวานจัด เห็นว่าขายกล่องละ 25 บาท ที่ผมก็ชิมไปใส่กล่องไป เป็นสีม่วงครับมาจากสีของดอกอัญชัญ อร่อยมากๆเลยครับ ใส่ได้เกือบเต็มกล่องเลยครับ
ผมยกมือไหว้คุณน้าอีกทีแล้วกลับออกมาแบบอิ่มจังตังค์อยู่ครบ พี่ต่ายเดินไปยิ้มไปเหมือนผมเลยครับ แต่ผมยิ้มเพราะได้ของกินฟรี แต่พี่ต่ายยิ้มเพราะอะไรผมก็ไม่รู้นะครับ :อิอิ1:
จนมาถึงหน้าบ้านพักเรายังไม่เข้าบ้านเพราะอากาศที่เย็นสบายและเงียบสงบเราก็เลยเห็นดีด้วยกันทั้งคู่ที่จะนั่งเล่นกันก่อน นั่งทานขนมชั้นกันไปเรื่อยๆจนพุงกาง นั่งกันนานไม่ได้ดูเวลาเลยครับ ผมกับพี่ต่ายนั่งห้อยขาที่ระเบียงหน้าบ้านเอาแขนเกี่ยวกันไว้ นั่งคุยกันไปเรื่อยๆเรื่องนู้นนี้ทั่วๆไป ลมพัดเย็นๆสบายไปอีกแบบแตกต่างกับอากาศที่เขาใหญ่ที่เย็นแบบเขา ผมเคลิ้มๆเอาตัวอิงพี่ต่ายไว้อารมณ์มันได้จริงๆครับมานโรแมนติคมั่กๆเลยครับ
“โอมชอบที่นี่ไม๊ครับ สนุกไม๊”พี่ต่ายถามผมแบบนี้ ถ้าผมบอกไม่ชอบวันหลังพี่ต่ายก็ไม่พามาเที่ยวซิใช่ไม๊ ผมเลยรีบพยักหน้าหงึกหงัก
“ชอบซิพี่ ผมชอบอะไรที่มันไทยๆ ชอบอะไรที่เรียบๆง่ายๆสบายๆสงบๆ แล้วพี่ต่ายชอบไม๊ครับ”อยากมีบ้านริมน้ำจังเลย จะได้มานอนคุยกันริมน้ำเย็นๆสบายๆ ชักเคลิ้มครับ เพ้อได้อีก
“งั้นวันหลังพี่พามาอีกนะ สำหรับพี่ที่ไหนมีโอมพี่ก็ชอบทั้งนั้นแหล่ะ”
น่าน.....ไม่ใช่แค่พูดหวานอย่างเดียวครับเอามือมาโอบเอวผมแล้ว พี่ต่ายรั้งตัวผมให้แนบชิดกับตัวพี่ต่าย ผมเอียงศีรษะพิงที่ไหล่พี่ต่ายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ทั้งที่เราอยู่ในที่สาธารณะบรรยากาศมันให้ครับ แต่ที่จริงก็แทบไม่มีใครผ่านแล้วครับ เรือก็แทบไม่มีพายกันแล้วเนื่องจากค่อนข้างดึก ส่วนคนเดินก็ไม่มีเหมือนกัน ตอนที่ผมมาก็ไม่เห็นน้องเดือนกับพี่กั้งสุดหล่ออะไรนั่นที่ว่าเป็นแฟนเค้าแล้วครับ เหมือนโลกนี้มันมีแค่เราสองคนเองครับ

เคยไม๊ครับที่ความเงียบไม่ทำให้เราอึดอัด เคยไม๊ครับที่ความเงียบแต่มันไม่เงียบเพราะเรารู้สึกว่าเราคุยกันในใจ ผมอยากหยุดเวลาไว้ตอนนี้ที่นี่ให้เรามีเรากันสองคน ออกห่างจากความย่งยากวุ่นวายทั้งมวล ผมกับพี่ต่ายกำลังดื่มด่ำกับอารมณ์สบายๆนี้ด้วยกันครับ เีสียงแมลงที่ร้องกันเบาๆส่งเสียงตามธรรมชาติทำให้รู้สึกเป็นเหมือนเพลงประกอบฉากครับ
ผมกับพี่ต่ายก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยอยู่กันสองต่อสองนะครับ แต่ผมว่าเปลี่ยนสถานที่อารมณ์มันก็เปลี่ยนนะครับ เหมือนชอบกินข้าวร้านนี้เป็นประจำเพราะบรรยากาศดี พอเปลี่ยนร้านมันก็ได้อีกอารมณ์ึนึง อาจมีอารมณ์ลุ้นๆนิดหน่อยด้วยซ้ำว่าอาหารจะอร่อยไม๊ พูดไปพูดมาผมชักงงเอง แต่ขณะที่ผมคิดอะไรเพลินๆครับ พี่ต่ายก้มหน้ามาสัมผัสริมฝีปากผมเบาๆ ผมสะดุ้งเงยหัวขึ้นมาด้วยความตกใจ มองหน้าพี่ต่ายที่ส่งยิ้มกรุ้มกริ่มกลับมา
“เอ๊ยพี่ต่าย...ทำไร..ไม่เอา...”ผมยังไม่ได้พูดโวยวายอะไรต่อครับ พี่ต่ายใช้สองมือประคองใบหน้าผมไว้แล้วเริ่มจูบพิศวาสรุนแรงครับ ทำเอาผมใจสั่นหวิวๆลมมันเย็นครับ ในขณะที่ผมคิดว่ากรูจะขาดใจคาจูบพี่ต่ายไม๊เนี่ยก็มีเสียงหนึ่งดังค่อยๆขึ้นมาในความเงียบ เสียงนี้ทำให้เราต้องผละออกจากกันอย่างไม่สบอารมณ์
+
+
+
+
+
+
+
+
+
+
“ผับๆๆๆๆ”

+
+
+
+
+
“เฮ้ยยยยยยยย.... ไม่เอา เว้ยยย”

ไม่ใช่นะครับ
ไม่ใช่เสียงผมแต่...................เป็นเสียงพี่ต่ายโวยวายขึ้นมาครับ
มันเริ่มอีกแล้วครับ สถานการณ์์ที่ไม่น่าจะเกิด ในเวลาที่ควรจะโรแมนติคสุดๆ ผมมองอาการของพี่ต่ายอย่างตกใจ ก็พี่ต่ายเต้นหยองแหยง กระโดดออกจากตัวผมไปเร็วมากครั้งแล้วเอามือปัดแขนขาใหญ่เลย ไปยืนกระโดดอยู่ใกล้ๆผมน่ะแหล่ะ แต่ตาก็สอดส่ายมองไปด้วยว่าไอ้เจ้าตัวก่อเหตุมันไปรึยัง ทีแรกไอ้ผมก็ตกใจนึกว่าเสียงแมลงอะไรที่บินมาแถวๆตัวเรา
มันเป็นแมลงสาบครับ ที่อยู่ดีๆก็บินจะมาแลนด์ดิ้งที่พี่ต่ายซะงั้น กร๊ากกกกกกกก
ตอนนี้พี่ต่ายหน้าซีดมากครับคงทนรังเกียจไม่ไหว ทำท่าทางขนลุกขนพองใหญ่เลยครับแบบว่าขยะแขยงมาก เจ้าแมลงสาบตัวดีมันก็สร้างวีรกรรมแล้วก็จากไปอย่างสง่างามครับ ส่วนผมน่ะหรือครับตอนนี้ลงไปนอนกลิ้งแล้วครับ

;
;
;
;
;
ไม่ใช่กลัวไปอีกคนนะครับแต่มันขำมากกกกถึงมากที่สุด
“กร๊ากกกกกกกก.......ไม่ไหวแระพี่....ตลกอ่ะกลัวแมลงสาบ”มันขำน่ะครับ นี่ล่ะนะเค้าบอกว่าผู้ชายที่แมนสุดๆอาจจะกลัวอะไรที่ไม่น่ากลัวสุดๆก็ได้(มีไม๊สุภาษิตนี้....ชักไม่แน่ใจ ฮ่าๆๆๆๆๆ)

“เงียบไปเลยโอม...ก็.......ก็พี่ไม่ชอบแมลงสาบบินนี่นา มันน่ากลัว มันไปรึยังโอม”พี่ต่ายหน้าแดงปนซีดเลยครับคงรู้แล้วล่ะซิว่าเวลาเสียฟอร์มต่อหน้าคนที่ตัวเองสนใจมันเป็นยังไง แต่ก็น่ารักไปอีกแบบดู
“แมลงสาบบินเป็นเรื่องธรรมชาติพี่ต่าย....กร๊ากกกกกกก”
ผมยังคงขำอย่างต่อเนื่อง ก็มันขำอ่ะ ผมเกือบขาดใจกับจูบเหรียญทองโอลิมปิคของพี่ต่ายไปแล้วนะ แต่ไม่บอกกันก่อนนี่นาว่าได้เหรียญทองกระโดด(หนี)สูงมาด้วย หุหุหุ
ผมเอามือไปจับมือพี่ต่ายไว้ แต่พี่ต่ายสะบัดมือผมแล้วครับเพราะผมไม่ยอมหยุดขำง่ายๆ ถ้าผมมองไม่ผิดผมว่าพี่ต่ายค้อนผมมาวงใหญ่
“พี่ไปอาบน้ำนอนก่อนนะไม่ไหวแล้วขยะแขยง โอมจะนอนหัวเราะอยู่นี่ก็ตามใจแล้วกัน”แล้วพี่ต่ายก็ทิ้งผมไปเลยครับเดินเข้าบ้านไปเลย สงสัยคงเขินสุดขีด หมดกันภาพพจน์พี่ต่ายมาดแมนของผม
ผมยังคงนอนหัวเราะอีกพักใหญ่ครับ ก็นอนเล่นๆคิดถึงตอนที่ผมเคยตดในลิฟท์ตอนที่รู้จักพี่ต่ายใหม่ๆแล้วก็ยังอดขำไม่ได้ครับ เทียบกันแล้วพี่ต่ายน่าจะอายน้อยกว่าผมนะเพราะเราสนิทกันขนาดนี้จนไม่น่าจะมีอะไรต้องอายกันอีกแล้ว แต่ก็เป็นความรู้ใหม่ว่าพี่ต่ายกลัวแมลงสาบ นานๆจะมีเรื่องที่ทำให้ผมดูแมนกว่าพี่ต่าย ฮ่าๆๆๆ
สงสัยผมจะเก็บเรื่องนี้เอาไว้ล้อได้อีกนานเลย ผมนั่งขำคนเดียวอยู่เป็นนาน จนลุกขึ้นเตรียมจะเข้าไปนอนตามพี่ต่าย พี่กั้งแฟนน้องเดือนก็เดินออกมาพอดีแล้วส่งยิ้มหล่อมาให้ผม มายิ้มให้ผมทำไมไปยิ้มให้น้องเดือนคนสวยซิ
“น้องโอมใช่ไม๊ครับ จะนอนแล้วเหรอครับ”มารู้ชื่อผมได้ไงเนี่ย
“ครับ.......พอดีพี่ต่ายเค้าอาบน้ำอยู่นะครับ ผมนั่งเล่นซักพักแล้วครับ นี่ผมกำลังจะตามขึ้นไป”ผมยิ้มนิดๆให้พี่กั้งไป แต่ดูๆท่าทางก็ใจดีนะครับก็เหมาะกับน้องเดือน แต่ก็อดเสียดายน้องเดือนอยู่ดี
“งั้นพี่ปิดบ้านแล้วนะครับ น้องโอมจะลงมาอีกไม๊”พี่กั้งเดินไปลากบานประตูที่เป็นบานเฟี้ยมทำท่าเตรียมพร้อมที่จะปิดประตู แต่ยังหันหน้ามาถามผม
“ไม่ออกไปแล้วครับพี่เดี๋ยวคงจะนอนแล้วครับ ขอบคุณครับพี่กั้ง ผมไปก่อนนะครับ แล้วเจอกันครับ”ผมหันมาบอกลาพี่กั้งไปนอนแล้วก็ขึ้นบ้านเข้าไปในห้องครับ
ถึงแม้ว่าพี่ต่ายจะดึงมุ้งมากางออกมาหมดจนเมื่อมองผ่านมุ้งจะเห็นพี่ต่ายนอนลางๆอยู่บนเตียง ผมก็ยังเห็นว่าพี่ต่ายนอนหลับไปแล้วครับประแป้งที่หน้าซะลายพร้อยเลย มีผ้าแพรห่มอยู่แค่เอว แต่นั่นยังไม่ทำให้ผมแปลกใจเท่าไหร่แต่ที่แปลกใจมากกว่าคือพี่ต่ายใส่เสื้อกล้ามนอนครับซึ่งปรกติจะไม่เคยเลยครับ ก็ดูซิครับหน้าต่างก็เปิดนิดเดียวลมก็ไม่เข้านะซิ พี่ต่ายคงจะร้อนจนทนไม่ไหว ผมเลยเดินไปเปิดหน้าต่างออกกว้างๆเอาขอหน้าต่างสับไว้ไม่ให้ลมพัดกระแทกปึงปัง ทำให้ลมเย็นๆจากแม่น้ำพัดเข้ามาครับ
แล้วผมก็อดที่จะยืนอ้อยอิ่งเปิดผ้าม่านออกชมจันทร์ไม่ได้ ก็พระจันทร์ทรงกลดคืนนี้สวยมากครับส่องแสงนวลเป็นรัศมีออกมา ท้องฟ้าโปร่งไร้เมฆจริงๆ ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่าแต่ทำไมพระจันทร์คืนนี้มันดวงใหญ่กว่าปกติก็ไม่รู้
ผมยืนมองกวาดตามองออกไปรอบๆ ข้างนอกหน้าต่างมีต้นลำพูอยู่ข้างๆบ้านครับ หิ่งห้อยนับร้อยบินอยู่ไม่น้อยทีเดียวเกาะตามกิ่งก้านยอดไม้ เปล่งแสงกระพริบวิบวับจากตัวของมันเหมือนกับจะแสดงโชว์ให้ผมดู ลมพัดมาเบาๆเย็นสบายจนผมยืนมองเพลินไปเลยครับ เพราะเวลาแค่ประมาณห้าทุ่มยังไม่ดึกจนเกินไปผมเลยไม่รู้สึกว่าง่วงอะไร ขณะที่ยืนคิดอะไรเพลินๆอยู่นั้น ก็รู้สึกถึงความอบอุ่นของร่างที่ทาบซ้อนขึ้นมาข้างหลังครับ
“คิดอะไรอยู่ครับโอม”พี่ต่ายลุกขึ้นมาตอนไหนไม่รู้ครับมายืนโอบเอวผมไว้หลวมๆเอาคางเกยอยู่บนศีรษะผม
“โอมอาบน้ำใหม่ไม๊ครับจะได้สบายๆตัว”พี่ต่ายชะโงกหน้ามาถามผมแล้วเอามือขยี้หัวผมเบาๆ
“ก็ว่าจะอาบน่ะพี่ แต่พอดีมาเปิดหน้าต่างเลยยืนชมจันทร์เพลินเลย”
“ไม่ง่วงเหรอ...หืมมมม..ปล่อยให้พี่นอนรออยู่คนเดียวตั้งนาน”
พี่ต่ายเริ่มเอามือยุกๆยิกๆครับ ลูบแขนลูบตัวผม ไม่รู้จะมายังไงกันอีกแต่ท่าทางชักไม่ได้การครับ รู้สึกเริ่มส่งสัญญาณแปลกๆ เป็นสัญญาณของการที่จะต้องเสียตัว หรือผมคิดไปเองอีกแล้ว พี่ต่ายยังไม่ได้พูดอะไรซักหน่อย
“ก็เริ่มนิดๆแล้วพี่ต่าย ผมว่าผมไปอาบน้ำก่อนดีกว่านะ”
ผมเอามือแกะมือพี่ต่ายออกจากตัว แต่แกะยากมากครับผมก็ดิ้นไปมาอยู่พักนึงเพื่อแสดงว่าผมไม่ได้ง่ายๆนะ แล้วพี่ต่ายก็จับตัวผมหมุนหน้ามาหาพี่ต่าย แล้วรวบตัวผมไว้แน่นจนท้องแทบจะติดกัน
“อย่าเพิ่งไป.....ขอลงโทษคนที่หัวเราะเยาะพี่ก่อน”

***************************
ไปแระ.....เจอกันอีกทีก็เมื่อไหร่เมื่อนั้นเนอะ
