จากทางเข้าเราต้องเดินกันไปไกลเหมือนกันครับเดินไปตามทางที่เป็นไม้เลียบคลองไปเรื่อย ข้างทางก็เป็นบ้านไม้ที่เปิดเป็นร้านขายของบ้าง เป็นโฮมสเตย์บ้าง ช่วงทางเดินแรกๆก็คึกคักเพราะเป็นร้านค้า แต่พอเดินไปอีกระยะก็จะเริ่มเงียบลงไม่ค่อยพลุกพล่านเท่าไหร่ เพราะเป็นบ้านของชาวบ้านที่อาศัยอยู่บ้าง
เป็นร้านขายภาพศิลปก็มี ของที่ระลึกเก๋ๆก็มาก ผมรู้สึกตื่นตาตื่นใจไปหมด ผมว่าบ้านไม้ริมน้ำมันคลาสสิคสำหรับผมมากๆ ระหว่างทางก็มีหลายที่ที่ผมนึกว่าพี่ต่ายจะแวะหยุดพัก โฮมสเตย์บางที่ผมว่าสวยมากๆเป็นบ้านโบราณเปิดไฟสว่างไสว เฟอร์นิเจอร์ไม้สวยๆ แต่พี่ต่ายก็ไม่แวะ ขัดใจจริงๆเลย
“พี่ต่ายเอาที่นี่เหอะ ผมชอบสวยดีอ่ะ.....นะๆ”
ผมหยุดยืนมองบ้านไม้หลังสวยอย่างถูกใจ อยากนอนที่นี่ซักคืนชอบบบบบ
“ไม่ได้โอม....พี่จองอีกที่ไว้แล้ว อีกอย่างนึงตรงนี้มันพลุกพล่านไปพี่ไม่ชอบ”
ผมก็หน้างอซิครับก็ผมชอบนี่นา
มันสวยเหมือนในหนังเลยบ้านสีขาวๆ โปร่งๆลมพัดโกรก ผมไม่ยอมเดินต่อยืนจ้องหน้าพี่ต่ายหน้างออยู่อย่างนั้น พี่ต่ายดึงมือผมยังไงผมก็ไม่ไป ก็อยากอยู่อ่ะ แอบเอากาวตราช้างยึดรองเท้าไว้ แล้วแอบเปลี่ยนเท้าตัวเองเป็นตีนตุ๊กแกด้วย
พี่ต่ายยืนมองหน้าผมส่ายหัวแกคงระอาในความดื้อของผม “ตกลงโอมจะนอนนี่ใช่ไม๊”
ผมพยักหน้าหงึกๆ คิดในใจว่าพี่ต่ายยอมแล้วYes! Yes! Yes! อิอิ ต้องอย่างนี้ซิพี่ต่าย แต่เอทำไมพี่ต่ายปล่อยมือผมล่ะ พีต่ายยิ้มให้ผมอีกครับ แต่.....ผมว่ามันเป็นยิ้มที่กวนประสาทผมมาก
“งั้นพี่ไปก่อนนะโอม เรียบร้อยแล้วไปหาพี่ที่.......แล้วกันพี่จะรออยู่ที่นั่น”
ไปแล้วครับพี่ต่ายเดินไปเลย เหอๆๆๆทิ้งผมเลยครับ ทิ้งเลยยยยย
ไม่มีเหลียวหลังเดินไปแบบสบายๆสุดๆ ทิ้งไอ้ตี๋หน้าจืดยืนอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น
ผมก็เอ๋อรับประทานซิครับแต่คนอย่างผมก็ไม่ยอมเสียฟอร์มง่ายๆก็ผมจะอยู่นี่นาก็ต้องได้อยู่ซิ ถ้าพี่ต่ายไม่ยอมอยู่ผมติดต่อเองก็ได้ฟะ เรื่องง่ายๆแค่นี้ผมก็จัดการเองได้
ผมเลยเดินเข้าไปติดต่อที่ด้านในครับ มีเด็กหนุ่มๆหน้าเหมือนมิวคนนึงนั่งอยู่ที่ห้องรับแขกท่าทางเป็นเจ้าหน้าที่ของที่นี่ ผมเกือบไปถามแล้วว่าโอ้ไปไหนแต่กลัวเค้าด่าเอาว่าบร้าหนังเกินเหตุ ผมเลยถามไปธรรมดาๆ
“ขอโทษครับไม่ทราบว่าผมอยากจะค้างคืนที่นี่น่ะครับห้องพักราคาเท่าไหร่”
“ห้องพักคืนล่ะ 800 ครับพี่”
“ ห้องน้ำอยู่นอกห้องนอน พร้อมอาหารเช้า แต่เป็นพัดลมนะพี่ พี่จะมาวันไหนครับ”
ผมนึกขำในใจ อิอิไม่แพงเท่าไหร่แฮะ แต่มาถามทำไมว่ะ ก็จะนอนคืนนี้ซิไม่งั้นจะมาถามทำแป๊ะเหรอไอ้น้องนี่
“คืนนี้ซิครับน้อง ไม่งั้นพี่จะมาถามทำไม”ผมตอบยิ้มๆแอบกวนตรีนมันในใจ หรือกวนไปแล้วก็ไม่รู้ อิอิ แต่น้องมันหัวเราะหึหึครับ หรือมันจะกวนกลับ
“พี่ครับพี่ต้องจองล่วงหน้าครับ walk in มาแบบนี้ไม่มีหรอกครับ ที่นี่มีไม่กี่ห้องบางทีเค้ามาเป็นกลุ่มไม่กี่คนก็เต็มแล้วครับ”
แป่วปะแด่วแป่ว ก็เต็มนะซิ แล้วทำไงดีล่ะ :m21:ไม่นึกว่าที่นี่จะเป็นที่นิยมขนาดนี้ แล้วผมจะบากหน้าไปเจอพี่ต่ายได้ยังไง ไม่น่าดื้อเลยตรู ผมบอกลาน้องพร้อมขอนามบัตรน้องเค้ามาด้วยเผื่อวันหลังมาใหม่
ผมเดินออกมาอย่างหงอยๆ แต่คนอย่างผมไม่ยอมแพ้ง่ายๆ ผมเลยเดินถามเลาะมาเรื่อยๆระหว่างทางจนผมเริ่มเหงื่อตก บางแห่งก็เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาตินั่งดื่มเหล้าอยู่ ผมคงอยู่ไม่ไหว
แต่ทุกที่ส่วนใหญ่จะพูดเหมือนกันที่ว่าผมต้องจองมาก่อนล่วงหน้า เพราะตลาดน้ำที่นี่เปิดแค่เสาร์อาทิตย์เพราะฉะนั้นศุกร์เสาร์ส่วนใหญ่จะเต็ม จนมาถึงบ้านอีกหลังหนึ่งครับเงียบๆเป็นบ้านที่ดูเป็นบ้านจริงๆ ค่อนข้างห่างจากกลุ่มร้านค้าออกมามากแล้ว
ผมมองซ้ายขวาหาใครก็ไม่เจอ ผมเหนื่อยมากแล้วครับอยากพักซักทีเมื่อไหร่ถึงจะได้ที่พักสักทีนึงก็ไม่รู้ ผมเลยไปนั่งตรงระเบียงข้างนอกที่มีเก้าอี้ให้นั่ง แล้วนั่งทุบสองขาที่เมื่อยล้า นั่งไปนานเลยครับก็ไม่มีใครออกมา ผมยังนึกในใจถ้าขโมยขึ้นบ้านจะรู้ตัวไม๊เนี่ย
ลมพัดมาตอนเย็นๆสบายมากๆเลยครับผมดูนาฬิกานี่ผมเดินมาเกือบครึ่งชั่วโมงเลยเหรอเนี่ยมิน่าเมื่อยขาเป็นบ้า นั่งไปนานๆชักเคลิ้มๆจะหลับซะให้ได้ ตาก็มองเรือที่แล่นผ่านไปมาในน้ำ เผลอรำพึงกับตัวเองออกมาเบาๆว่า
“มีใครอยู่ไม๊ครับ ผมเมื่อยแล้ว......มีที่ให้ผมนอนไม๊.... ผมโดนแฟนทิ้ง แฟนผมใจร้าย ฮือๆ"
ผมได้กลิ่นแป้งคุ้นๆลอยมาครับได้ยินเสียงไม้กระดานเอี๊ยดๆ แต่ก็ยังไม่คิดอะไรจนได้ยินเสียงที่ผมคุ้นๆแผ่วๆลอยมากับสายลม
“มีซิครับ....ที่พักสำหรับคนน่าสงสารโดนแฟนทิ้งแบบนี้ เหนื่อยไม๊ครับโดนแฟนทิ้ง”
แล้วก็มีเสียงเพลงร้องมาเบาๆครับ “เหนื่อยไม๊คนดีมีพี่เป็นแฟน ครองรัก บนความขาดแคลน ยากแค้น.....”
เสียงเพลงหายไปครับ แล้วก็มีจมูกโด่งๆกับปากแดงๆมาหอมแก้มผม ผมตกใจหันไปมอง อ้าว....พี่ต่ายเองครับหน้าตายิ้มกริ่ม ท่าทางจะดีใจสะใจสมใจเป็นพิเศษที่ผมเสียท่าได้ขนาดนี้
ผมอึ้งไปพักนึกสันดานเอ๊ยสัญชาติญาณของการรักษาหน้ายังไม่ออกมา ทำให้ตั้งตัวไม่ทันว่าในสถานการณ์ที่ผมแพ้แบบหมดรูปแบบนี้ผมควรจะทำยังไงให้เสียหน้าน้อยที่สุด ได้แต่เบิกตาโตอ้าปากค้างดูพี่ต่ายอยู่อย่างนั้น
ตอนนี้พี่ต่ายอาบน้ำเรียบร้อยแล้วครับใส่เสื้อกล้ามสีขาวอวดกล้ามสวย กางเกงขาสามส่วนสีขาว หน้านวลผ่อง ดวงตาหลังกรอบแว่นเป็นประกาย ปากแดงจัดน่าฟัดมากๆเลยครับ
ผมยกมือเสยผมตัวเองแล้วก็พบว่ามันเป็นก้อนเลยครับ สงสัยเป็นเพราะเดินไปเหงื่อตกไปเกาหัวไปด้วยความกลุ้มใจก็ตั้งหลายครั้ง เอามือลูบแก้มตัวเองที่พี่ต่ายเพิ่งขโมยหอมแก้มไปก็พบว่าหน้าเหนียวหนึบไปด้วยเหงื่อ ก้มดูเสื้อผ้าที่ใส่ก็ซกมกยับเยิน ผมได้แต่เศร้าใจคอตก
ถ้าผมเดินไปไหนกับพี่ต่ายตอนนี้คงเหมือนเด็กจรจัดกับนายแบบ จะหล่อไปไหนกันเนี่ยแฟนผม หล่อได้หล่อดีจนผมกลายสภาพเป็นไอ้กุ๊ยไปซะแล้ว
ผมต้องหยุดความคิดเพ้อเจ้อไร้สาระไปก่อนเมื่อพี่ต่ายพูดต่อไปว่า
“ว่าไงครับเหนื่อยไม๊ถูกแฟนทิ้ง”
พี่ต่ายนะพี่ต่ายทำไมต้องมาย้ำให้ผมได้อายด้วย ตอนนี้อาการเก่าเริ่มกำเริบโรคดันทุรังน่ะครับ ไอ้หน้าที่เสียไปแล้วก็ช่างมันไปตอนนี้ต้องเนียนๆทำตัวให้ดูดีมีราคาหน่อย
“ก็แฟนที่ทิ้งไปบอกให้ตามมาหา แต่เล่นเดินหนีไปก่อนไม่ยอมรอก็ต้องเหนื่อยซิครับ ไม่รู้ว่าแฟนจะเห็นใจคนเหนื่อยๆไม๊ซิ เมื่อยขาจะแย่อยู่แล้ว”
ต้องเปลี่ยนเรื่องบ้านพักไปครับพยายามให้พี่ต่ายลืมๆไปว่าผมไปงอแงอะไรไว้ อย่าไปพูดถึงมัน อิอิ
“มาครับพี่นวดให้ หรือว่าโอมจะไปอาบน้ำให้สบายเนิ้อสบายตัวครับจะได้ออกไปหาอะไรทานกัน”
พี่ต่ายไม่รอคำตอบจากผมแต่นั่งลงกับพื้น เริ่มต้นนวดขาผมด้วยความตั้งอกตั้งใจ ผมสะดุ้งเลยครับไม่นึกว่าพี่ต่ายจะทำจริงๆ แต่แอบดีใจอยู่อย่างนึงว่าพี่ต่ายคงลืมไปแล้วว่าทำไมผมมาช้า
“พี่ต่ายไม่ต้องหรอครับ ผมพูดเล่นๆเดี๋ยวก็หายเมื่อย ผมไปอาบน้ำก่อนดีกว่าเหนียวตัวจริงๆเลย อยากสระผมด้วย”พี่ต่ายส่งยิ้มสว่างไสวมาให้ผม
“ก็ได้ครับ โอมจะได้สบายใจอารมณ์ดี”
ผมกำลังจะยิ้มอารมณ์ดีตามที่พี่ต่ายบอกครับ
แต่พอพี่ต่ายพูดต่อ ผมก็ต้องหุบยิ้มทันที
“แล้วตกลงเป็นไงครับที่พักเรียบร้อยไม๊ พี่นึกว่าโอมจะมาเอาเสื้อผ้าเฉยๆแค่นั้นเอง แล้วกลับไปอาบน้ำที่บ้านนู้น”
คือผมอยากสารภาพว่าตอนที่ผมมานั่งพักก็เพราะผมเดินหาบ้านจนเหนื่อยแล้วก็เมื่อยขามากๆ ไม่ทันดูด้วยซ้ำว่าไอ้บ้านนี้มันเป็นบ้านที่พี่ต่ายมาจองไว้ ถ้าผมรู้ว่ามันก็สวยสงบเงียบดีไม่แพ้บ้านหลังที่ผมอยากพักตอนแรก มันก็คงไม่เกิดเรื่องให้เสียหน้าได้ แต่ตอนนี้ซิ เฮ้อ เอาว่ะตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จสร้างเรื่องกันหน่อย
“คือผมไปคิดไปคิดมาระหว่างเดินมาหาพี่ต่าย ผมไม่อยากให้พี่ต่ายเหงาน่ะ ผมก็ยอมเสียสละความชอบส่วนตัว ไหนๆพี่ต่ายก็เป็นคนพาผมมาที่นี่ก็ควรให้พี่ต่ายเป็นคนตัดสินใจ ให้เกียรติพี่ต่ายหน่อยจริงไม๊ครับ ผมก็เลยไม่พักที่นั่นดีกว่า”
ผมมองหน้าพี่ต่ายทำตาปริบๆ ทำเป็นซีเรียสนิดนึงจะได้ดูสมจริงหน่อย พี่ต่ายยิ้มๆครับ ผมพยายามบอกตัวเองว่ายิ้มเอ็นดูผมที่ผมเป็นคนรู้จักคิด ไม่ใช่ยิ้มรู้ทันผม ถึงแม้รอยยิ้มของพี่ต่ายจะดูยากไม่แพ้โมนาลิซ่าว่าตกลงแกในใจคิดยังไงกันแน่
“แล้วทำไมมาช้าล่ะครับ พี่รอตั้งนานจนไม่ไหวต้องไปอาบน้ำก่อนเนี่ยโอมถึงมา”
ผมน่ะอยากจะบอกพี่ต่ายว่าจะถามต่อแบบรู้ทันทำไมเนี่ยพี่ ก็รู้ๆอยู่ว่าผมเป็นคนยังไงจะแกล้งเชื่อหน่อยก็ไม่ได้ ผมก็ต้องแต่งเรื่องต่อไปนะซิจะให้ยอมรับผิดง่ายๆเป็นไม่มี ไหนๆก็เอาเขาไถไปแล้วก็ไถกันต่อไปแล้วกัน
“ก็บรรยากาศมันดีน่ะพี่ต่าย แล้วพวกร้านค้าก็น่าสนใจ ผมก็แวะดูร้านนู้นร้านนี้เรื่อยเปื่อยไป ก็เลยมาช้าไปหน่อย ทำไม....พี่ต่ายสงสัยอะไรเหรอ”
ท้ายๆประโยคผมทำเป็นเสียงขึงขังแบบทำนองว่าพี่ไม่เชื่อใจผมเหรอเหมือนคนหงุดหงิด ให้พี่ต่ายหยุดถามซะที แล้วท่าทางจะได้ผลครับ พี่ต่ายหัวเราะเบาๆ
“โอมคงเหนื่อยแล้วล่ะชมวิวจนเพลิน ไปอาบน้ำก่อนไปจะได้มีเวลาไปเดินเล่นกัน”
ในเมื่อพี่ต่ายตัดบทแบบนี้ถึงแม้จะแอบแดกดันผมนิดหน่อย แต่ผมจะรอช้าอยู่ใย ก็รีบไปเลยซิครับแต่ผมไม่รู้ห้องอยู่ไหนเลยฉุดพี่ต่ายให้ลุกขึ้นด้วย
“พี่ต่ายพาผมไปหน่อย ผมไม่รู้ว่าห้องไหน เสิ้อชุดไหนด้วยที่พี่ต่ายเตรียมมาให้ผม”
พี่ต่ายไม่มีอิดออดครับเดินจูงมือผมขึ้นบันไดบ้านไปชั้นสอง ผมอดแปลกใจไม่ได้ว่าทำไมบ้านเงียบจังไม่มีใครอยู่เลยเหรอ
“พี่ต่ายแล้วเจ้าของบ้านเค้าไปไหนน่ะพี่ ทำไมไม่มีใครเลยล่ะบ้านเงียบกริบเลย อย่างกับเป็นบ้านเราเองซะงั้น”
พี่ต่ายหันมามองผม แล้วบอกว่า”เจ้าของบ้านบอกไปธุระแป๊ปเดียวเดี๋ยวมา ส่วนห้องอื่นๆเค้าไปขี่จักรยานเที่ยวอยู่ ก็มีอีกแค่สองห้องเองโอม คงจะมาดึกๆน่ะเห็นเจ้าของบ้านบอกพี่แบบนั้นน่ะ เป็นฝรั่งน่ะเค้ามาอยู่กันหลายวันแล้ว กลับดึกๆทุกวัน”
อืมมม...มันเป็นแบบนั้นเองอย่างนี้ก็สบายเลยซิ เหมือนบ้านเราเอง อิอิ เป็นส่วนตัวดีมากๆ ห้องที่พี่ต่ายพาผมมาอยู่ด้านหน้าของบ้านครับเปิดหน้าต่างออกไปก็เป็นแม่น้ำพอดี พอเข้าไปผมก็เจอของชอบเลยครับก็คือเตียงครับ มันเป็นเตียงคู่ขนาดใหญ่ ฮ่าๆๆๆๆ
ไม่ใช่ครับ.....ผมไม่ได้ชอบที่มันใหญ่นะครับอย่าคิดเลยเถิดไปถึงเรื่องนั้น
แต่ที่ผมชอบก็คือมันเป็นเตียงแบบโบราณที่ผมชอบมานานแล้ว เตียงไม้สักมีเสาสี่ด้้าน ข้างบนห้อยคลุมด้วยมุ้งมันดูโรแมนติคดีครับ ผมชอบบบบบ
แสงอาทิตย์ยามเย็นส่องสว่างเข้ามาในห้องผ่านผ้าม่านลูกไม้สีขาวที่ปลิวไสวไปตามแรงลม ตอนนี้พระอาทิตย์เริ่มเคลื่อนลงต่ำแล้วครับผมอดที่จะออกมาชมทิวทัศน์ยามเย็นและยืนรับลมไม่ได้ แล้วก็หันมายิ้มกับพี่ต่ายที่ยังจับมือผมอยู่ไม่ได้ปล่อย
“ผมชอบจังครับพี่ต่าย”ผมหันไปยิ้มให้พีต่าย ที่ยืนยิ้มอยู่เหมือนกัน
“พี่กะแล้วว่าโอมต้องชอบ ก็พี่น่ะรู้ใจโอมที่สุดนะลืมไปแล้วเหรอ”
พี่ต่ายลูบหัวผมเบาๆด้วยความเอ็นดูผมเกือบโผเข้าไปกอดพี่ต่ายแล้วแต่เกรงใจที่ตัวเองซกมกอยู่เลยยั้งความคึกในใจไว้ก่อน
“แต่ตอนนี้โอมไปอาบน้ำนะครับ พี่เตรียมเสื้อผ้าไว้ให้แล้วนะ”พี่ต่ายส่งผ้าขนหนูมาให้ผมพร้อมเสื้อผ้าชุดใหญ่
ผมต้องท้วงไปว่า “พี่ต่ายผมเอาไปแต่ผ้าเช็ดตัวก็ได้เดี๋ยวค่อยออกมาแต่งตัวข้างนอก” แต่พี่ต่ายท้วงมาหน้าตาจริงจังมาก
“ไม่ได้หรอกโอมไม่ใช่บ้านเรา อีกอย่างเกิดคนอื่นมาเห็นเข้าพี่ไม่ยอมหรอก จะให้คนอื่นมาเห็นโอมไม่ใส่เสื้อได้ไงกัน”
ผมอดขำปนเขินครับที่พี่ต่ายหวงผม โอเคๆก็ได้ตามใจแฟนหน่อย แต่พอผมเห็นเสื้อผ้าที่พี่ต่ายเตรียมมาให้็ถึงกับงงครับ ก็เสื้อที่แกให้ผมมาเป็นเสื้อแขนยาวครับปิดไปถึงข้อมือ ถึงจะเป็นผ้าฝ้ายก็จริงแต่อากาศตอนนี้มันก็ค่อนข้างร้อนนะครับ กางเกงก็เป็นกางเกงเลขายาวปิดไปถึงตาตุ่ม มันจะมิดชิดไปไม๊พี่ ทีของพี่แต่งตัวอย่างกับอยู่ทะเลหน้าร้อน ทีของผมทำอย่างกับหน้าหนาวมันอะไรกันเนี่ย
“พี่ต่ายมันร้อนนะ ไม่ไหวพี่ต่าย ร้อนนนนน!!!!! จะเอาชุดแบบของพี่น่ะ”
ผมโอดครวญกับพี่ต่ายอีกครั้งจนได้ ถ้าไม่ติดว่าอายที่อายุมากแล้วจะลงไปนอนดิ้นพราดๆเหมือนเด็กเลยนะเนี่ย ทำไมมันช่างมีปัญหาไร้สาระแบบนี้ได้นะเนี่ย
“ไม่ได้หรอกพี่เห็นได้คนเดียว หวงแฟน ไปอาบน้ำเลยโอม!!!!”
พูดออกมาแบบนี้ สั่งออกมาแบบนั้นผมจะกล้าเถียงไม๊ ก็แฟนเค้าหวงขนาดนี้ก็ต้องจำยอมครับ หุบปากหน้างอคว้าเสื้อผ้าเข้าห้องน้ำไปอย่างเงียบๆ
ผมอาบน้ำเสร็จออกมาพี่ต่ายก็ไม่อยู่ที่ห้องแล้วครับ ผมส่องกระจกมองสภาพตัวเองแล้วก็ปลง เสื้อสีขาวแขนยาวถึงข้อมือคอเสื้อก็สูงถึงคอ ผมหงุดหงิดเลยแอบแกะกระดุมออกให้หมดแบะที่หน้าอกออกจนเห็นหน้าอกขาวๆโผล่มานิดหน่อยให้มีทางระบายอากาศ ทาแป้งเด็กที่พี่ต่ายเตรียมมาให้ทั่วตัวแล้วก็ค่อยสบายตัวหน่อย อาบน้ำแล้วก็จริงครับแต่อากาศก็ยังค่อนข้างร้อน ถึงจะมีลดพัดจากแม่น้ำมาให้ชื่นใจก็ยังร้อนๆอยู่ดี จะให้ผมแต่งตัวมิดชิดไปถึงไหนกันพี่ต่าย.....เฮ้อ.....
กางเกงผมก็คงทำอะไรไม่ได้ก็ต้องปล่อยไปกางเกงเลก็ได้ก็สบายดีเหมือนกัน ผมออกจากห้องมาได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของผู้หญิงและเสียงหัวเราะห้าวๆของพี่ต่ายแว่วๆมา ไหนๆๆๆใครมาคุยกะพี่ต่ายเนี่ย ผมรีบวิ่งลงมาข้างล่างเห็นชายหญิงสองคนนั่งหันหลังห้อยขาอยู่ที่ทางเดินริมน้ำ หันหน้ามาหัวเราะกันจนหัวจะติดกันอยู่แล้ว ใครฟะแอบมาตีท้ายครัวผม
“อะแฮ้ม เอ่อ แค่กๆๆๆๆ”กรูมาแล้ววววว สนใจกรูหน่อยยยยย
พี่ต่าย พี่ต่ายโว้ยยยยย หันมาสักที ผมแกล้งกระแอมกระไอดังๆอีกครั้ง ไม่หันครับ....สงสัยเสียงเรือยนต์ดังกลบ
“แฮ่มๆๆๆ....แค่กๆๆๆ”ไอจนเหมือนมีกระดูกมาติดคอแล้วนะหันมาดิพี่ต่ายยยยย ไม่หันมาครับขนาดผมเดินใกล้เข้ามาขนาดนี้
ผมเลยตัดสินใจบุกตะลุยทะลวงฟันโดยการยื่นหน้าเข้าไปแทรกตรงกลางระหว่างชายหญิงสองคน เสนอหน้าไปคุยกับเค้าด้วย “คุยอะไรกันครับน่าสนุกจัง”
*********************************************
TBC
ยังอยู่อัมพวานะค่ะ อย่าเพิ่งเบื่อไปก่อน