[เรื่องสั้น] ต่อยเองนักเลงพอ update ยกที่ 6 08.09.2018
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น] ต่อยเองนักเลงพอ update ยกที่ 6 08.09.2018  (อ่าน 5599 ครั้ง)

ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
เอาแล้วเด้อ จะหักมุมไปทางไหน ติดตามเลยค่ะะะะ  :katai5: วา อย่ามาแอบให้ความหวังขุนพล หมาโกลเด้นตัวใหญ่ๆ อบอุ่นๆ หลอกง่ายตัวนี้เด้อ  :hao5:

ออฟไลน์ ammriss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
(ต่อจากด้านบนจ้าาาา)


“เมื่อไม่กี่นาทีก่อน ไอ้นาวามันยังดูเขินกูอยู่เลยนะไอ้ฟ้อนต์!”

ไม่นึกไม่ฝันว่าจะมีวันนี้ วันที่ผมต้องมานั่งจับเข่าคุยกับไอ้รุ่นน้องบาสคนเกรียนคนเดิม

เรื่องที่มันยังคาใจผมอยู่นี้ ผมเอาไปปรึกษากับใครไม่ได้จริงๆ ไอ้ฉิมไอ้ฉัตรนี่รู้ไม่ได้เลย ถ้าได้ฟังพวกมันคง
หัวเราะผมตาย

นึกได้คนเดียวก็ไอ้รุ่นน้องตรงหน้านี่แหละ

“คือที่พี่เล่ามาทั้งหมดเนี่ย พี่ขุนสงสัยว่า พี่นาวาชอบพี่ใช่ป่ะ”

“เฮ้ย ชอบพ่อมึงดิ กูจะไปคิดอย่างนั้นได้ยังไง”

“ถ้าไม่ใช่พี่นาวาชอบพี่ขุน งั้นคงเป็นพี่ขุนทีชอบพี่นาวา ใช่ป่ะ”

“เฮ้ยยยยย หนักกว่าเดิมอีกไอ้สัด กูจะไปชอบมันได้ยังไงวะ!”

นี่คิดถูกหรือคิดผิดวะท่าคุยกับมันเนี่ยยยย

“เอ้า ถ้าพี่ไม่ชอบเค้าแล้วพี่จะมานั่งสงสัยให้คาใจทำไมวะ”

“พวกกูเป็นเพื่อนกันไง กูก็แค่ไม่เข้าใจ มันมีกูเป็นเพื่อนก็ดีอยู่แล้ว ทำไมมันต้องไปดีใจที่มีคนอื่นเป็นเพื่อนกัน

มันด้วย แบบ มันยังเขินกูอยู่เลย แต่อีกแปปมันก็ไปเขินกับคนอื่นด้วย!”

“แล้วนั่นไม่ใช่การชอบตรงไหน”

“ชอบอะไรวะ กูก็แค่อยากเป็นเพื่อนคนโปรดของมันอ่ะมึงเข้าใจป่ะ เพื่อนที่สำคัญันก็ต้องมีคนเดียวดิวะ”

“อะไรของพี่วะ ได้ข่าวว่าเพิ่งสนิทกันไม่กี่อาทิตย์ ก่อนหน้านี้ยังไม่ถูกกันเลยไม่ใช่ไง๊”

มันถาม

เออว่ะ ก็จริงของมัน

แล้วทำไมกูต้องมาคิดอะไรจริงจังเบอร์นี้วะ

ผมยังนั่งสงสัยในความคิดตัวเองในขณะที่อีกฝ่ายพูดขึ้นมา

“พี่ขุนนี่…ดูเป็นคนหวงเพื่อนเนอะ”

“… เหรอวะ”

“เออ ถ้าไม่ใช่หวงเพื่อนก็คงชอบแล้วแหละ”

“งั้นกูยอมเป็นคนขี้หวงก็ได้”

มันขำ “ถามจริง ตอนที่พี่เห็นพี่นาวาอยู่กับเพื่อนอีกคนพี่คิดยังไงวะ”

“ก็ไม่ได้คิดอะไร แค่สงสัยว่ามันคือใคร”

“แล้วตอนที่อีกคนเค้ามารับพี่นาวาที่ร้านขนมนี่พี่รู้สึกยังไงอะ”

“..จำไม่ได้แล้วว่ะ ก็แค่งงว่ามันมาจากไหนล่ะมั้ง อยู่ๆก็เดินเข้ามาเฉยเลย”

“แล้วตอนที่พี่นาวายิ้มให้เพื่อนเค้าคนนั้น พี่รู้สึกยังไง”

“ก็งงว่าอะไรของมัน เพื่อนคนนั้นสนิทมากมั้ย”

“อืมมม… ฟังดูแล้วพี่ก็คงแค่หวงเพื่อนจริงๆ ไม่ได้ชอบหรอกมั้ง”

“ใช่มั้ยล่ะ กูบอกมึงแล้ว”

“แต่อันนี้ด้านพี่นะ ส่วนด้านพี่นาวาผมไม่รู้ว่าคืออะไร”

“คืออะไร คืออะไรวะ?”

“คือ ผมไม่รู้ว่าพี่นาวาเขาคิดยังไงกับพี่ไง ฟังจากที่พี่เล่ามาเนี่ย ทั้งมาสอนหนังสือให้ทั้งๆที่ตัวเองก็งานยุ่ง ทั้ง

ปากร้ายใจดี ทั้งมีขงมีเขินแบบที่พี่เล่าอีก ฟังแล้วเหมือน…”

“เหมือน…”

“เหมือนพี่นาวาชอบพี่เลยว่ะ”

“เห้ย!! พ่อมึงเหอะ ก็แย่แล้ว คนอย่างไอ้นาวาเนี่ยนะจะมาชอบคนอย่างกู”

ทุกวันนี้จีบสาวไปทั่วยังไม่เห็นมีทีท่าว่าจะมีใครสักคนตอบรับ แล้วนี่คือมีคนมาชอบผมก่อน แถมคนคนนั้นยัง

เป็นไอ้นาวา เหอะ! ไม่มีทาง

“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้เว้ยพี่ขุน  ที่จริงผมก็ไม่รู้หรอก แค่ลองเดาๆเฉยๆ”

“แล้วชอบนี่มันจะอาการเหมือนไอ้นาวาเหรอวะ”

“ชอบหรอ … ก็เวลาที่เราชอบใคร เราจะอยากทำอะไรดีๆให้ ไม่ว่ามันจะยากแค่ไหน

แค่ได้อยู่ใกล้ๆเค้าก็มีความสุข เราจะยิ้มแบบไม่รู้ตัว

เวลาเห็นเค้ายิ้มให้คนอื่น หรืออยุ่ใกล้คนอื่น ก็จะหึง ไม่อยากให้อยู่ใกล้ใครเลยนอกจากเรา

เวลารู้ว่าเค้าชอบคนอื่นอยู่ หัวใจมันบีบจนเหมือนจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆเลย

แต่เหนือสิ่งอื่นใดคืออยากให้เค้ายิ้มได้ อยากให้เค้ามีความสุข

เนี่ยแหละ ความชอบที่ผมเคยรู้สึก”

“….โอ้โห คมบาดใจเลยว่ะมึง นี่แฟนมึงเป็นคนที่โชคดีมากเลยนะเนี่ย แค่กูฟังยังน้ำตาจะไหล”

“ไม่มีแฟนว่ะพี่”

“อ้าว แล้ว..?”

“รักข้างเดียวว่ะ อกหักมานานละ”

โห ไอ้สัด กูไปต่อไม่ถูกเลยนิ

คนเรามันบอกอะไรจะภายนอกไม่ได้เลยจริงๆ

ใครจะรู้ว่า เด็กกระโปกของสายชั้น คนที่ดูเกรียนไปวันๆ หน้าตาดูไม่ได้เรื่องไม่ได้ราวจะมีโมเม้นต์รักใครรักจริง

เจ็บจริงแบบนี้ด้วยวะ

แล้วดูกู…

กระโปกยังไงก็กระโปกยังงั้นเลย…

ผมตบบ่ามัน แต่มันปัดมือออก

“เห้ย เรื่องมันนานมาแล้วพี่ ผมทำใจได้ตั้งนานแล้ว บางคนทำให้ตายยังไงเค้าก็ไม่ใช่ของเราหรอก”

“ไอ้สัด มึงอย่าเศร้าน้า”

“เออ ไม่แซ๊ดๆ ไม่ใช่ทางผู้ชายลั้ลลาอย่างผมว่ะ” พูดประโยคนี้แต่หน้ามึงเหมือนจะแงๆแล้วอ่ะไอ้ฟ้อนต์

“เอาเรื่องของพี่เถอะ จากที่ผมฟังนะ ผมคิดว่าพี่นาวาอาจจะชอบพี่ก็ได้ แต่ผมก็ไม่แน่ใจ”

“อ้าว มึงไม่แน่ใจแล้วกูจะทำไงวะ”

“พี่อยากรู้ป่ะล่ะ”

“?”

“ผมมีวิธี”







ไอ้สัด

วิธีพ่อมึงเหรอ นั่นเรียกว่าวิธีที่ดีเหรอ!

ผมนึกย้อนไปถึงคำพูดในตอนนั้นของไอ้เด็กเวรที่ทำให้ผมต้องมายืนมึนอยู่ตรงนี้

“ถ้าพี่อยากรู้ พี่ก็แค่ลองทำเป็นว่าจีบๆพี่นาวาดูก็ได้ แล้วพี่ก็สังเกตปฏิกิริยาดู  ถ้าคนมันชอบอะนะ ปิดเท่าไหร่ก็

ปิดไม่อยู่หรอก ยังไงเค้าก็จะเผลอหลุดท่าทีออกมาที่ทำให้พี่รู้ว่าเค้าชอบพี่เหมือนกัน”

“มึงรู้ได้ไงว่าวิธีนี้มันใช้ได้ผล”

“เพราะเคยมีคนใช้วิธีนี้กับผมไง”


เงิบแดกเลยกู ตอนนั้นผมเลยไม่ตอบอะไรอีกนอกจากพยักหน้าแบบโง่ๆ พร้อมกับประโยคของมันที่ย้ำมาอีกว่า

“อย่าลืมทำนะพี่ แล้วมาบอกด้วย ผมอยากรู้”

จ้า มึงสั่งแต่กูทำไงไอ้สัด

แล้วไงต่อ?   ปกติก็เคยจีบแต่ผู้หญิง แถมยังจีบแบบโง่ๆด้วย

จีบผู้ชายนี่มันต้องทำยังไงวะ

ในใจก็นึกสงสัยตัวเอง …ปากผมก็ด่าวิธีไอ้ฟ้อนต์มันจังนะว่างี่เง่า บ้าบอคอแตก โน่นนี่

แต่ทำไมกูเสือกจริงจังกับวิธีมันจังวะ ห่านนนนนนนนนนนนนน

แต่…

เอาจริงป่ะ

ผมก็อยากรู้อ่ะ คนอย่างไอ้นาวาเนี่ยนะจะชอบผม

ถ้ามันเป็นไปได้และเป็นไปแล้วจริงๆ…

.

.

.

เชร้ดดดดดดดดดดดดดดด งานนี้ หล่อเลยกู!!!










tobecontinue.





เอ๊ะ อะไรยังไงน้าาาา :hao3:

เหมือนเดิมนะคะ ขอบคุณสำหรับทุกคอมเม้นเลยค่ะ รัก :3123:

ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
5555555555555555 จะรอดไหมขุน? เอาจริ๊งงงงงงงงงงงง  :z10:

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
เป็นห่วงขุน..แลดูใสซื่อเหลือเกิน 555  :z10: :z10: :z10:

ออฟไลน์ ammriss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
สวัสดีค่า มาต่อแล้วววววว :katai5:

ขอบคุณทุกคนที่ตามอ่านกันอยู่นะคะ  :impress2: :-[ตอนหน้าตอนจบแล้วค่ะ จะรีบมาต่อค่ะ





ยกที่ 5






ไม่รู้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายของผม

ด้วยความที่ช่วงนี้ที่โรงเรียนเริ่มวุ่นวายไปกับการเตรียมจัดงานกีฬาสี

การซ้อมบาสในตอนเย็นเลยถูกยกเลิกไปก่อนโดยปริยาย

ผมกับไอ้นาวาเลยไม่ได้เจอกันตอนเย็น นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ผมต้องมายืนอยู่ที่แห่งนี้




ม.6/3



กลับมาที่ห้องเดิม

“ว่าไง มีธุระอะไร”

โอ้โห ทักซะคนตั้งใจมาหานี่ใจฝ่อเลยครับ

“ไม่มีธุระแล้วมาหาไม่ได้เหรอ”

ไอ้นาวาเงียบ ก่อนจะหันมองผมด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย “มึงว่างนักเหรอ”

จึ้ก!

อู้ยยยย เจ็บแสบ นี่ไม่เจอกันแปปเดียวคำพูดมันรุนแรงขึ้นปะวะ

ผมไม่รู้จะตอบยังไงต่อ เลยยื่นขนมที่เก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงออกไปให้

”ให้”

ไอ้นาวาหลุบตาลงมองขนมข้างหน้าอย่างมึนงง “ให้กูทำไม”

“เห็นมันตกอยู่เลยเก็บมา เสียดาย”

“เอาดีๆดิ้”

ทำไมวันนี้มันโหดจังวะ ไม่ต้องมองหน้าดุกูขนาดนั้นก็ด้ายยยยยย

”ขนมห้องมันเหลือ เลยหยิบมาเผื่อ”

มันไม่ตอบอะไรอีก แต่พยักหน้าแล้วหยิบขนมที่ผมยื่นให้ไปแกะกินเลย

แหมมมมมมมมม แล้วทำเป็นเล่นตัวตั้งนาน

“อร่อยป่ะ” ผมถาม

“ก็… ดี”

ผมมองมันที่ยืนเคี้ยวขนมยูโร่คัสตาร์ดเค้กหงุบหงับไม่พูดไม่จาแล้วนึกขำ โถ พ่อคนปากแข็ง

ทำไมผมจะไม่รู้ว่ามันชอบขนมนี่จะตาย

ก็ผมสังเกตมันทุกวัน

”แล้วปกติมึงชอบกินอะไรอีกอ่ะ” ผมถามมัน

“ถามทำไม” มันเงยหน้าขึ้นมองผมแทนขนมที่อยู่ในมือ

“ก็จะได้ซื้อมาให้อีก”

“ไหนบอกอันนี้ของเหลือ”

เออว่ะ

“เอออออ กูถามก่อนก็ต้องตอบกูก่อนดิวะ”

“… โอริโอ้”

“ฮะ” มันพูดเสียงเบามากจนผมไม่ได้ยิน “มึงพูดว่าอะไรนะ”

“กูบอกว่าโอริโอ้”

“อ้อ…” ผมยิ้ม “ละมีอย่างอื่นที่ชอบอีกป่ะ”

“ไม่มีละ” มันเคี้ยวหงุบหงับ

”อ้าวเหรอ นึกว่ามีอีกอย่างนึงที่มึงชอบ”

“อะไร”

ผมยิ้ม “ก็กูไง”



……

ทุกอย่างนิ่งสงบ แม้กระทั่งเสียงลมหายใจผมเอง

ไอ้ห่า ขนาดผมเป็นคนเล่นมุกเองยังลุ้นจนเยี่ยวเล็ด  ไม่ต้องพูดถึงไอ้นาวาเลยครับ ยืนช็อคตาโตไปแล้ว

“ไอ้วา คือ กูล้อเล่น”

“ล้อเล่นเหี้ยไรของมึงเนี่ย กูกลับไปนั่งที่และ”

“เห้ยเดี๋ยวๆ” ผมรีบดึงแขนมันก่อนที่มันจะเดินกลับ

”ไอ้ขุน…”

“เรื่องสุดท้ายละ จริงๆ”

“ว่า”

ผมสูดหายใจเฮือกหนึ่ง

“กูขอไลน์มึงหน่อยได้ป่ะ”












ไหนวะ

ไหน

ทีท่าท่าทีที่ไอ้นาวามันจะชอบกู! ฮะ ได้ฟ้อนต์

เอาขนมไปให้ก็ด่า ขอไลน์ก็ทำท่าจะต่อย

อาการแบบนี้มองจากดาวนาเม็กก็รู้ว่าเกลียดกู ไอ้สัด!

แต่ถึงจะคิดอย่างนั้น แอพพลิเคชั่นในมือผมที่กำลังถูกใช้งานกลับเป็นแอพสีเขียวอย่าง “ไลน์” ซะงั้น

เอาน่า ก็อุตส่าห์ไฝว้ตั้งนานจนได้ไลน์มันมา ก็ต้องทำอะไรหน่อยมั้ย ไม่งั้นก็เสียแรงเปล่าสิวะ!

ไอ้ขุน มึงมันเก่งน่า เอาหน่อยเว้ยยยยยยยยยยยยยย

ถ้าอยากรู้ว่านาวามันคิดยังไงก็ต้องลองหน่อยล่ะวะ




.
.
.

ขุนพลคนน่ารัก: ดีจ้า




เอ๋อสัด

โอ้ย ก็ไม่รู้จะทักว่าอะไรนี่หว่า งัดภาษาmsnมาใช้หน่อยแล้วกัน














นี่มึงให้ไลน์ปลอมกูมาป่ะเนี่ยไอ้นาวา ผมนั่งรอข้อความตอบกลับจากมันนานมากจนรอไม่ไหว เลยละ

โทรศัพท์ ลุกขึ้นไปอาบน้ำ แต่งตัว จัดกระเป๋า  แวะมาดูก็ยังไม่มีข้อความ เลยวนกลับไปขี้อีกรอบ ออกมาไอ้

ไลน์เจ้าปัญหาก็ยังไม่เด้งแจ้งเตือนสักที!!!!!!

คนชอบกันเค้าตอบไลน์ช้าด้วยเหรอวะ

อ้อ …

สงสัยจะเขินอยู่

แน่ๆเลย …



……


……………

ช่างแม่ง ไม่รอแล้วโว้ยยยยย นอนดีกว่า!!!

ตื้อดึ่ง!!!

กำลังจะล้มตัวลงนอนเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นแจ้งเตือนในทันที

ปากว่าไม่สนใจแต่มือผมนี้เอื้อมไปคว้ามาเปิดดูอย่างว่องไว

ไอ้ห่า ตอบแล้วว่ะ


Nava: ชื่ออะไรของมึงเนี่ย



ไอ้เหี้ยๆๆ มันตอบแล้วว่ะ

แล้วนี่กูจะตื่นเต้นทำส้นตีนอะไรวะเนี่ย



ขุนพลคนน่ารัก: กลัวคนไม่รู้ว่าขุนพลไหน กูเลยเขียนว่าคนน่ารักเพิ่มไป จะได้รู้ว่าหมายถึงกู

ขุนพลคนน่ารัก: อิอิ

ขุนพลคนน่ารัก: sent a sticker


ส่งสติ๊กเกอร์ยืดบิดเขินอย่างกวนตีนไปสักหน่อย


Nava: แล้วมีอะไร


ไอ้ห่า ไม่ได้สนใจกูเล้ย


ขุนพลคนน่ารัก: จะมาเช็คดูว่านี่ไลน์จริงหรือไลน์ปลอม

Nava: ประสาท


ด่ากูตลอด


ขุนพลคนน่ารัก: ละนี่ทำไรอยู่วะ

Nava: คุยกับหมา

ขุนพลคนน่ารัก: หมาตัวไหนอ่ะ น่ารักเปล่า

Nava: หมาโง่

ขุนพลคนน่ารัก: โง่แต่ก็รักอะดิ




ไอ้ห่า เงียบเลย



ขุนพลคนน่ารัก: กูล้อเล่นจ้า




ไอ้นาวาไม่ตอบอะไรอีก  ส่งสติ๊กเกอร์มาก็ยังดี ห่านเอ้ย ทำไมชอบทำให้กูใจแป้วจังวะ

หรือมันจะยุ่งอยู่ อ่านหนังสือหรอ งั้นไม่กวนดีกว่ามั้งเนี่ย




ขุนพลคนน่ารัก: จริงๆกูล้อเล่น กูไม่ได้จะทักมาเพื่อดูหรอกว่าไลน์มึงจริงป่าว มึงไม่น่าโกหกกู

Nava: เออ

ขุนพลคนน่ารัก: กูทักมาบอกฝันดี



มันไม่ตอบ แค่อ่าน ผมเลยพิมต่อ




ขุนพลคนน่ารัก: ฝันดีนะมึง




Nava: อืม



ห่างเหินสัด แต่ไม่รู้ทำไม ผมถึงได้ล้มตัวลงนอนแล้วเปิดหน้าจอมือถือดูข้อความวนไปวนมาอย่างนั้น

นาวาในไลน์กับตัวจริงเหมือนกันเลยว่ะ นิ่งยังไงก็นิ่งยังงั้น

ว่าแต่ … พรุ่งนี้จะทักเรื่องไรดีวะ ไปหามันที่ห้องตอนไหนดี ช่วงเตรียมงามกีฬาสีมันจะเลิกดึกเปล่าวะ

ซื้อขนมไปให้มันอีกดีกว่า มันจะชอบคิทแคทมั้ยอ่ะ เห็นชอบพวกขนมหวาน น่าจะชอบอยู่นะ

เออ มันบอกว่าชอบโอรีโอ้ไง เดี๋ยวซื้อไปให้ด้วย

หรือว่าซื้อพวกน้ำผลไม้ดีวะ ดีต่อสุขภาพ

เอ๊ะ กูเริ่มคิดเยอะเกินไปแล้วป่ะเนี่ย ไอ้เหี้ยยยบบ พอๆ ฟุ้งซ่านสัด นอนเถอะไอ้ขุน!!!

ว่าแต่ตอนนี้ไอ้นาวามันจะนอนยังวะ…

โอ้ย พอ!!! นอน!!!!!














“มึงมานั่งด้วยทำไมเนี่ย!”

เสียงทุ้มดังขึ้นเหนือหัวผมทันทีที่เจ้าตัวเดินมาถึงโต๊ะอาหาร

”ก็วาชวนกูนั่ง” ผมยักคิ้วให้มันอย่างท้าทาย

“กูเปล่า”

ปึก!! โอ้โฮ กูสะดุดแรงงง ฮือ ไม่ช่วยกูแล้วยังหักหลังกูอีก

ผมเอื้อมมือไปตบบ่าไอ้วาสองสามที

“กูอ่านใจมึงออก ตอนมึงเห็นกูเดินผ่าน สายตามึงมันเว้าวอนชวนให้กูนั่งกินข้าวด้วย“

ผมแสร้งทำสีหน้าจริงจัง

“ไอ้นัทมึงนั่งลงกินข้าวเหอะ”

ไอ้นาวาหันไปบอกคนมาใหม่ที่ยืนฟึดฟัดอยู่ให้นั่งลงข้างๆมัน ก่อนจะหันไปพูดคุยกันนุ้งนิ้งๆเหี้ยไรไม่รู้ที่ผม

จับใจความไม่ได้

ยิ่งกว่าอากาศก็ผมเนี่ยแหละ

ไอ้ห่า มึงๆ กูอยู่นี่ สนใจกูหน่อย หล่อขนาดนี้ทำเมินกูไปได้ไง

ไม่รู้จะเรียกร้องความสนใจไอ้นาวายังไงผมเลยจิ้มลูกชิ้นในจานส่งให้ไอ้นาวาที่นั่งตรงกันข้าม

“อ่ะ กูให้”

ได้ผล ไอ้นาวาหันกลับมามองผมก่อนจะมองที่ปลายส้อมอย่างงงๆ

“ให้กูทำไม”

“มันเหลือ”

“เหลือเหี้ยอะไรมึงยังไม่ทันกินสักลูก”

“ก็วันนี้กูอิ่ม”

งงใจ กับอีแค่บอกว่า กูเห็นมึงชอบกิน กูก็เลยสั่งลูกชิ้นเพิ่มมาเผื่อมึง นี่มันพูดยากตรงไหนวะ

เข้าใจคำว่าปากหนักแล้วไอ้สัดเอ้ย พูดไม่ออก มันติดอยู่ที่ปาก

ไอ้นาวาไม่ตอบอะไร ผมเลยดันลูกชิ้นไปใส่จานมันแต่แล้วก็ต้องชะงัก

“อ่ะ ไอ้วา นี่กุ้งระเบิด ของที่มึงชอบบบบบมากกว่าลูกชิ้น”

ปึด!!

โห ไอ้เหี้ย

นี่มึงหยามกูเรอะ!!

พูดขนาดนี้มึงไม่หยิบลูกชิ้นกูไปปาให้หมาแดกเลยล่ะไอ้สัด!!!

ผมมองหน้าไอ้คนตรงข้ามด้วยความเคียดแค้น ชอบมากกว่าอะไรของมึ้งงง ก็เห็นๆกันอยู่ว่าไอ้นาวามันชอบ

กินลูกชิ้นมากกว่า ก็เห็นๆกันอยู่…

เออ เห็นๆกันอยู่เลย ตรงหน้าเลยเนี่ย

ไอ้นาวาหันไปงับกุ้งระเบิดจากช้อนไอ้นัทที่ยื่นมาให้ เห็นแล้วของจะขึ้น! ทำไมมึงต้องป้อนแบบนั้นอ่ะ ไอ้นาวา

มันมีมือมันก็จิ้มกินเองได้ปะวะ

ละไอ้วาเนี่ย ทีของมันนี่รับอย่างเต็มใจเลยนะ ทำไมของกูต้องปฏิเสธก่อนวะ

ไอ้ห่า โกรธ!!!!

ผมก้มลงกินก๋วยเตี๋ยวของตัวเองต่ออย่าง(พยายามจะ)ไม่สนใจก่อนจะนึกด่าไอ้คนที่นั่งข้างๆไอ้นาวาต่อในใจ

มันชื่อนัท เป็นเพื่อนสนิทของนาวา จำได้มั้ย คนที่หน้ามันคล้ายๆผมอ่ะ หน้าคล้ายกันแต่ไม่รู้มันไปเกลียดผม

มาจากชาติปางไหน เจอกูทีไรขัดกูตลอดดดดดดดดดดด

และกับไอ้นาวาเนี่ย เป็นเพื่อนรึเป็นห่าอะไรทำไมต้องหวงเบอร์นั้น คือกูเข้าไม่ถึงไอ้นาวาก็เพราะมึงไงไอ้เสลด

พังพอน

ผมเงยหน้าขึ้นอีกครั้งเพื่อมองดูคนตรงข้าม มาดูใกล้ๆอีกรอบรู้สึกว่าหน้ามันไม่เห็นจะเหมือนผมตรงไหนเลย

กูหล่อกว่าตั้งเยอะ!!!!

ผมพยักหน้าให้กับตัวเอง เออ กูหล่อกว่าตั้งเยอะ เพราะงั้นอย่าได้สนใจ อย่าได้แคร์ กูหล่อ กูรวย กูโง่ด้วย

มึงสู้กูได้ป่ะล่ะไอ้ขี้หมาแห้ง

“ไอ้วา เย็นนี้มึงอยู่ที่ไหนอะ”

ผมพูดขัดขึ้นเมื่อเห็นว่าไอ้สองตัวข้างหน้ามันพูดคุยกันไม่จบสักที

“เสือก”

“กูถามนาวา มึงชื่อนาวาหรอ ถึงได้ตอบกูอะ”

“แล้วมึงรู้ได้ไงว่ากูพูดกับมึง กูพูดลอยๆ ถ้ามึงจะรับก็รับไป”

ไอ้เหี้ยนั่นยักไหล่ทำหน้าทำตากวนตีนกูจนอยากจะลุกขึ้นไปตบหัวสักรอบ แม่ง

ไอ้นาวาเห็นท่าไม่ดีมันเลยพูดขัดขึ้นมาก่อน

“มีอะไร”

เปล่ากูแค่

“อยากเจอ”








เนี่ย พอกูตามใจปาก แม่งก็เงียบกันทั้งโต๊ะ

เป็นเหี้ยอะรายยยยยย อยากเจอเพื่อนบ้างไม่ได้หรอ กูติดเพื่อนไง ไม่ได้หรอวะ

“ก็ช่วงนี้ไอ้ฉิมไอ้ฉัตรมันไปเล่นแต่เกม ไม่มีเพื่อน” ผมให้เหตุผลเพิ่ม

“ก็ไปกับพวกมันดิ”

“ไม่เอา เบื่อเกมแล้ว”

ไอ้นาวาทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อ “เบื่อก็ดีแล้ว อย่าเล่นเยอะก่อนจะโง่ไปกวานี้”

“ไอ้สัดด่ากูตรงๆก็ได้” ผมตอบ ไอ้นาวาขำนิดหน่อย ก่อนจะตอบ

“มึงก็กลับไปอ่านหนังสือดิ”

”ก็เดี๋ยวอ่านนนนน เดี๋ยวแวะไปหามึงก่อนไง”

“จะมาทำไม”

“ไม่รู้”

“ไม่ต้องมา กลับบ้านไปมึงอ่ะ”

ไอ้นัทที่นั่งข้างๆได้ยินก็รีบพูดเกทับเพิ่มทันที “จริง อย่ามาให้เกะกะลูกตากูเลย”

“กูได้ไปหามึงเหรอ” ไอ้สัด

“ไปหาไอ้วาก็เหมือนไปหากูเพราะอยู่ด้วยกันตลอด”

บอกกูทีว่ามึงไม่ได้คิดจะเยาะเย้ยกู แต่มุมปากที่แสยะยิ้มขึ้นของมึงนี่กระแทกตากูเต็มๆ

มันอวดผมอ่ะ ทำไงดี อยากต่อยคน!!!

แต่ติดที่ว่าหมัดเบามากเลยไม่น่าจะคุ้มกับการแลกหมัด ขอด่าในใจต่อไปก่อนละกันนะ อิอิ

คนกาก2018จริงๆกู

“เสือก” เถียงต่อไม่ได้เลยด่าด้วยคำนี้ไป ไอ้นัทเปิดปากเหมือนจะด่าอะไรต่อแต่ผมไม่สนใจ หันไปถามไอ้วา

ต่อ

“สรุปคือมึงอยู่ไหน”

“มึงกลับบ้านไปเหอะ”

มันปฏิเสธผมมาอีกครั้ง ไอ้ห่า หลายรอบกูเริ่มคิดจริงแล้วนะ

“คือมึงไม่อยากให้กูเจอขนาดนั้นเลย”

ผมพูด ตั้งใจทำเสียงให้ปกติแต่ทำไมน้ำเสียงที่ออกมามันดูน้อยใจจังวะ

ผมไม่ได้งอนมันนะอย่าเข้าใจผิด!!!!

“เปล่า ก็ไม่ได้หมายความอย่างนั้น”

“แล้วทำไมต้องไล่ให้กูกลับบ้านตลอด”

“กูเปล่า”

“งั้นก็บอกมาว่ามึงอยู่ไหน”

“กูคงอยู่ที่ห้องมั้ง อาจจะมีคุยงานกีฬาสี”

“โอเค” ผมไม่ได้ถามอะไรต่อ ไม่ใช่ไม่อยากคุยครับ

ไอ้ห่า รำคาญ ทำไม คือกูไปคุยกับไอ้วาบนหัวมึงรึไงมึงถึงต้องส่งสายตากรีดแทงกูขนาดนั้นอ่ะ

“งั้นเดี๋ยวกูไปก่อนนะ” ผมลุกขึ้นยืมเต็มตัว “ไว้เจอกันตอนเย็น”

“มาทำไม! ไม่ให้มาโว้ยยยยยย กูไม่ให้เจอ ได้ยินมั้ยยย หยุดเดินหนีนะไอ้เหี้ยย” เสียงไอ้นัทดังตามหลัง

ผมยิ้มขำพร้อมเดินออกมาด้วยเสต็ปแดนซ์คอฟเว่อร์ ดีใจที่สามารถกวนตีนมันได้ สะใจโว้ยยยย















ตกเย็น


หลังจากที่แยกจากไอ้ฉิมไอ้ฉัตร ผมก็เดินมาอยู่หน้าห้องม.6/3 เรียบร้อย

ในหัวก็นึกย้อนถึงเหตุการณ์เมื่อกี้อย่างหงุดหงิด คำพูดของไอ้สองตัวนั้นวนมาอีกรอบ

“ไปไหนไม่บอกเพื่อนอะน้าาเดี๋ยวนี้ ใช่สิ พวกกูมันไม่สำคัญแล้วใช่มั้ย”

“ก็บอกไปแล้วไอ้สัดว่าจะกลับไปอ่านหนังสือ”

“ตอแหล”

“อ้าวไอ้เหี้ย กูจะขยันบ้างไม่ได้หรือไง”

“ขยันได้แต่อ่านหนังสือมึงต้องแดกโอรีโอ้ด้วยหรอ เห็นซื้อทีเป็นตะกร้า”

“กะกะ… ก็เออน่ะสิ กูต้องกินตอนอ่านหนังสือไง ไม่งั้นหลับ”

“อ่ะหรอๆ แล้วไป อย่าให้กูรู้นะว่ามึงไปติดสาวที่ไหนแล้วไม่บอกพวกกูววววววว”

ผมพยักหน้าแล้วรีบเดินแยกออกมา ไอ้สัดเอ้ย พวกมันจะทำหน้ายังไงวะถ้ารู้ว่าคนที่ผมติดไม่ใช่สาวที่ไหนแต่

เป็น…

“มีธุระอะไร”

หนุ่มน้อยหน้าตาน่ารักแต่ใจถึกยิ่งกว่าวัวบ้า

“ก็บอกไว้ตอนกลางวันแล้วว่าเจอกันตอนเย็น”

“เพื่อ” มันตอบเสียงแข็ง

“เป็นคนรักษาคำพูด เลยมาหา”

มันมองหน้าผมนิ่งๆ ”อะไรของมึงเนี่ย กูไม่ว่างมาเล่นด้วยหรอกนะ กูยุ่งอยู่”

เห็นสีหน้าเหนื่อยๆของมันแล้วผมเลือกไม่เถียงอะไรต่อ น่าจะเหนื่อยจริงครับ งานรองประธานสี แค่ชื่อก็รู้ว่า

ไม่น่าสบาย

“แล้วทำอะไรอยู่ล่ะ”

“คุมป้าย”

“มีอะไรให้กูช่วยเปล่า”

“ถามทำไม ถ้ามีจะช่วยเหรอ”

“อืม เดี๋ยวกูช่วย”

ผมตอบตามที่คิด ไอ้นาวานิ่งไปหน่อย ก่อนจะตอบ “ขอบใจ แต่ไม่ต้องหรอก”

“เห้ย ไม่ต้องเกรงใจ”

”เปล่า กลัวพัง”

ไอ้สัด! บอกกูทีว่าแค่จะตบมุก ไม่ได้ด่ากูจริงๆ

ทำเอาน้ำใจที่กูพกมาแกว่งเป็นชิงช้าสวรรค์เลยโว้ย

“ล้อเล่น”

ผมนี่แทบจะยกมือขึ้นปาดน้ำตา สงสัยมันเห็นผมจ๋อยไปเลยพูดขึ้นมา ผมยิ้มได้ก่อนจะล้วงกระเป๋าหยิบถุงโอริ

โอ้ที่แอบไปซื้อมาที่สหกรณ์โรงเรียน

“อะไร”

“เครื่องซักผ้ามั้งไอ้สัด”

ก็เห็นอยู่ว่าเป็นโอริโอ้มึงยังเสือกจะถาม

“ให้กูทำไม”

”หน้าโรงเรียนแจก”

มันนิ่ง เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง

น่ารักว่ะ

โอ้ย คิดเหี้ยไรของกูเนี่ย

“ทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ กูจะกลับบ้านไง และเค้าแจกหน้าโรงเรียน”

“แล้วไมไม่กลับบ้านล่ะ กลับมานี่ทำไม”

เออว่ะ โง่เลยกู

”เห็นโอริโอ้แล้วนึกถึงมึงอ่ะ เลยเดินย้อนเอามาให้”

มันรับไป “ขอบใจ” อมยิ้มนิดหน่อย

“ไม่เป็นไร”

“ไว้กูเลี้ยงคืนนะ”

“เห้ยไม่เป็นไร ไม่กี่บาทเอง”

มันหัวเราะขึ้นมา เอ้านั่น หัวเราะได้แล้ว

ว่าแต่ขำไรวะ

“ไหนบอกว่าเค้าแจกไง”

ตึ่งงง!

โง่ยิ่งกว่าควาย โดนหลอกนิดหน่อยก็หลุดแล้วกู เฮ้ออออ

วันหลังแแม่งไม่โกหกละ ยากชิบหาย ซื้อก็บอกว่าซื้อโว้ยยย

“เออ กูซื้อมาให้มึงเนี่ยแหละ แดกด้วย โอเค๊ แบบนี้พอใจยังครับ”

ผมขำต่อ เออดี ตอนกูบอกให้ขำแม่งไม่ขำ พอไม่อยากให้ขำนี่เสือกขำจัง

เอาวะ อย่างน้อยมันก็อารมณ์ดีขึ้น

“แล้ววันนี้เลิกกี่โมง”

“ดึกๆ”

“ดึกของมึงนี่กี่โมงละ ตีห้าเลยมั้ย”

“สองทุ่มพอไอ้สัด”

“อืม โอเค งั้นกูกลับก่อนนะ”

“เดี๋ยว”

ผมหยุด หันหลังกลับไปมอง

“ถามทำไมว่าเลิกกี่โมง” มันถามผม สายตาดูสงสัย

”ไม่ได้จะมารับมึงหรอก ไม่ต้องหวัง”

มันขมวดคิ้ว “หวังเหี้ยไรของมึงไอ้สัด กูแค่สงสัย กูไม่ได้หวังอะไรทั้งนั้นแหละ”

“เดี๋ยวๆ ใจเย็นมึง” ผมเดินเข้าไปหามัน

“กูถาม จะได้รู้ไงว่าตอนไหนมึงว่าง …” ผมยิ้ม “จะได้ทักไลน์มึงไปถูกเวลา”

ไอ้นาวานิ่ง ไม่ยอมตอบอะไร

“ทีนี้กูรู้เวลาที่มึงว่างแล้ว ก็ช่วยตอบกูด้วยนะ”



















นึกว่าเราจะคุยกันรู้เรื่องแล้วซะอีก

ที่ไหนได้

ไอ้สัดเอ้ย ตอบช้ากว่าเมื่อวานอี้กกกกกกกกกกก

ถามจริงมึงปาโทรศัพท์ไปนอกโลกแล้วป่ะเนี่ยไอ้สาดดดดดด กว่าจะตอบเหมือนมึงต้องขี่ยานอวกาศผ่าน

เนบิวลาและดาวอังคารเพื่อไปเอาโทรศัพท์มาตอบกูอ่ะ

ด่าในใจยังไม่ทันหมดเสียงแจ้งเตือนในไลน์ก็ดังขึ้นขัดความคิด

ตอบแล้วว่ะ !!






ขุนพลคนน่ารัก: มึงๆ อยู่ไหมจ๊ะ


Nava: ไม่อยู่


กวนตีนสมกับเป็นมัน


ขุนพลคนน่ารัก: นี่ใคร!!! ไอ้วาหายไปไหน มึงจับตัวมันไปใช่มั้ย!! เอาไอ้วากูคืนมานะ!!!!!!!


Nava: เพ้อเจ้อ



อ้าวก็มึงบอกว่าไม่อยู่เองอ่ะสัด



ขุนพลคนน่ารัก: ก็มึงตอบช้าจนกูเพ้อเลยเนี่ย


Nava: ขอโทษ ไปอาบน้ำมา



งุ้ยยยยยยย ขอโทษด้วยอ่ะ วันนี้ทำไมตอบกูน่ารักจังเลย



ขุนพลคนน่ารัก: ไม่ให้อภัยได้ไหม


Nava: เรื่องของมึง


ไอ้สัดกูขอถอนคำพูด น่ารักเหี้ยอะไร


Nava: มีอะไร ถ้าไม่มีจะได้ไปนอน


ขุนพลคนน่ารัก: รีบนอนจัง ไปนอนหรือไปทำอะไรบนเตียงเนี่ยยยย

Nava: ลามกไอ้สัด



ขุนพลคนน่ารัก: อ้าว กูจะบอกว่าไปเปลี่ยนผ้าปูเตียงหรอ มันลามกตรงไหน ขุนพลงงจังเลย


ไอ้นาวาเงียบไปแปปนึง คาดว่าตอนนี้มันคงนั่งหัวร้อนตาแดงอยู่บนเตียงแล้ว ฮ่าๆๆ สะใจว่ะ ได้ยั่วโมโห


Nava: สรุปว่าไม่มีอะไร แค่จะกวนตีนกู ใช่มั้ย



ขุนพลคนน่ารัก: เห้ยๆๆ อย่าเพิ่งนอน มีเรื่องจะถาม

Nava: ว่า



ขุนพลคนน่ารัก: มึงชอบเล่นเกมไหมอ่ะ

Nava: ถามทำไม


ขุนพลคนน่ารัก: ตอบมาเหอะน่า ไม่งั้นกูไม่เลิกกวนมึงนะ


Nava: ไม่ชอบ



ขุนพลคนน่ารัก: แล้วชอบดูหนังไหม


Nava: มีบ้าง


ขุนพลคนน่ารัก: ชอบฟังเพลงไหม


Nava: ชอบ



ขุนพลคนน่ารัก: แล้วชอบกูไหม





Nava: พ่อมึงเหอะไอ้สัด ไปกวนตีนคนอื่นไป



ขุนพลคนน่ารัก: โอ๋ววววววว ล้อเล่นๆๆๆๆนะ



ก็นึกว่าจะเผลอหลุด

แต่ลืมไปว่าไอ้วามันไม่ได้โง่แบบผม

ผมขำ นึกภาพไอ้นาวาหงุดหงิดออกเลย


ขุนพลคนน่ารัก: แล้วชอบฟังเพลงแนวไหนล่ะ


Nava: ก็เพลงสากล ฟังเรื่อยๆ ชิลๆหน่อย



ขุนพลคนน่ารัก: แบบไหน jason mraz งี้ป่ะ


Nava: ก็ฟังบ้าง แต่ไม่ค่อย ชอบแนว Calum Scott หรือ Ed Sheeran มากกว่า



มันดูตอบยาวขึ้น คิดว่าคงชอบฟังเพลงจริงๆ

ดีจังที่ผมเลือกชวนคุยถูกเรื่อง จะได้คุยกับมันนานๆหน่อย



ขุนพลคนน่ารัก: เห้ยๆ กูก็ชอบ Ed Sheeran เหมือนกัน โดยเฉพาะเพลง perfect”

Nava: อืม กูก็ชอบ แต่เพลงเก่าๆกูก็ชอบอย่าง Lego house …


แล้วหลังจากนั้นผมกับมันก็คุยกันต่อเรื่อง Ed Sheeran กันยาวจนอีกฝ่ายคงเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ ดู

ตัวเลขบนจอมือถือถึงได้รู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว


ไม่รู้ตัวเลยจริงๆ


ทำไมตอนคุยกับมัน เวลาถึงผ่านไปเร็วจังวะ



(ต่อด้านล่าง)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-08-2018 23:27:55 โดย ammriss »

ออฟไลน์ ammriss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
(ต่อ)


18.40 น.

ฟวย

ขึ้นชื่อว่าเป็นวิชาการงานตุ๊ดแต๋ว มึงยังกล้าทำตัวเป็นใหญ่ด้วยการสั่งงานกลุ่มให้นักเรียนมันทำล่วงเวลา

จนถึงทุ่มได้หรอวะ ได้หรอวะ!!!


ผมยืนหงุดหงิดอยู่ตรงหน้าห้องม.6/3 ที่เดี๋ยวนี้แม่งมาทุกวันยิ่งกว่าห้องตัวเอง

ตอนแรกไลน์บอกไอ้วาไว้ว่าจะมาสี่โมงครึ่ง ไอ้เวร ไอ้วิชาส้นตีน การงานอาชีพสอนถักกำไลเหี้ยไรเนี่ย สั่ง

ทำงานกลุ่มแต่เสือกส่งวันนี้ พ่อมึงเหอะ เลยทำให้พวกผมและเหล่าชายถึกบึกบึนทั้งหลายต้องนั่งหลังขดหลัง

แข็งช่วยกันถักกำไลข้อมือส่งจารย์มันไป กว่าจะเสร็จก็เวลานี้แหละครับ



ด้วยเวลาที่เริ่มจะมืดแล้ว หน้าห้อง6/3 นั้นเงียบจนเหมือนไม่มีคนอยู่

ว่าแต่ วันนี้ไม่มีประชุมหรอวะ?

ผมไขข้อสงสัยด้วยการเปิดประตูห้องเข้าไปก่อนจะพบกับความมืด และ…

ไอ้วาที่กำลังนั่งเท้าคางอ่านหนังสืออยู่

ไม่สิ ทำการบ้าน เพราะมือมันจับดินสอ

ผมกำลังจะเอ่ยปากทักแต่ก็ต้องหุบปากลงทันทีเมื่อเดินเข้าไปใกล้พอที่จะเห็นว่ามัน…

หลับอยู่

ไอ้เหี้ย

หลับค้างในท่าที่กำลังทำการบ้านเลย

ตายในหน้าที่จริงๆเว้ยไอ้นี่

ผมพยายามกลั้นขำ ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้างหน้ามันเพื่อสำรวจคนหลับข้างหน้า

ตลกดีว่ะ

หน้าตาตอนมันหลับตาพริ้มนี่ตลกจัง

แก้ม… น่าดึง

ผมคิดอยากหมั่นเขี้ยว ก่อนจะยื่นนิ้วออกไปจิ้มเบาๆที่แก้มใสข้างหน้า

เออ

นุ่มจริงโว้ย

“อืม…”

ไอ้คนข้างหน้าขยับตัว ผมสะดุ้ง รีบกลั้นหายใจ

ไม่รู้ทำไม ไม่อยากให้มันตื่นเลย

ขอนั่งอยู่ด้วยอีกหน่อย

โชคดีที่มันแค่ขยับตัว ผมเลยถือโอกาสก้มลงดูงานที่มันทำค้างไว้

การบ้านคณิต?

ผมค่อยๆดึงหนังสือแบบฝึกหัดมันออกมาเงียบๆ ก่อนจะพบว่ามันทำไปไม่ถึงครึ่ง

ไอ้ห่า ชิบหายและ จานแกโหดซะด้วย

กลับไปบ้านมันจะทำไหวไหมวะ ดูจากสภาพแล้วช่วงนี้ไอ้วามันน่าจะทำงานหนักพอตัวเลย

ผมเปิดดูคร่าวๆ การบ้านบทเดียวกับผมแหละ แต่ผมแค่ยังไม่ได้ทำ เพราะส่งอีกสองวันข้างหน้า

แต่ไม่รู้ว่าไอ้นาวาต้องส่งวันไหน

ก้มลงมองหน้าปัดนาฬิกาบอกเวลาเกือบทุ่ม

เอาวะ กลับบ้านดึกหน่อยจะเป็นไรไป

บ้านมันไม่หนีไปไหนหรอกโว้ยยยยยยย

ไม่รู้ว่าผีพระหรือคนดีที่ไหนเข้าสิง ทำให้ผมก้มหน้าลงทำการบ้านของไอ้วาต่อเงียบๆ ไอ้ห่า เรียนก็ไม่ค่อย

จะรู้เรื่อง ต้องเปิดหน้าเทียบหน้า ชาตินี้กูจะเสร็จไหมวะเนี่ยยยยย








19.45 น.

ผมทำการบ้านให้มันเสร็จไปสักพักแล้ว

แต่ถูกหรือผิดก็ไม่รู้นะ แล้วแต่ดวงของมึงแล้วกันไอ้วา กร๊ากกกกกก

ผมขำในใจ สภาพสมองผมเป็นยังไงคุณก็รู้ๆอยู่ ฮิฮิ

”ฟู่”ผมแกล้งเป่าลมใส่หน้ามัน เกลียดว่ะ อิจฉาหน้าใสๆ

ทำไมนักเลงอย่างมึงถึงต้องมีโครงหน้าอย่างนี้นะ

ทั้งตา จมูก ปาก

ไม่อยากจะยอมรับ

แต่แม่งก็น่ารักจริงๆ

ผมยังคงสำรวจหน้าของมันต่อไป อยากอยู่อย่างนี้อีกสักหน่อย ไม่อยากให้มันตื่นเลย

ตอนมันหลับแม่งโคตรดี เห็นแค่หน้า ไม่มีความกวนตีนผสม ไม่มีเสียงหงุดหงิดคอยไล่ผมให้ไปไกลๆ

”อือ”

ไอ้ชิบหาย มันจะตื่นแล้ว!

ผมรีบขยับเนื้อขยับตัวจัดท่าทางให้เข้าที่ก่อนจะเท้าคางยื่นหน้าเก๊กหล่อไปอย่างคนคูล

“ตื่นแล้วเหรอ” ผมพูดเมื่อเห็นมันลืมตา ก่อนที่ตามันจะโตจัดด้วยความตกใจ

“เหี้ย!!!”

“ไอ้สัด นี่คนหล่อ ไม่ใช่เหี้ย มึงสมองกลับหรือไง”

มันจิ๊จ๊ะปากอย่างหงุดหงิด “มานั่งทำอะไรที่นี่”

“มาดูคนขี้เซา”

“หะ”

“แอบหลับตอนทำการบ้านหรอน้องนาวา ไม่ดีเลยนะเดี๋ยวจะโดนครูตี” ผมแกล้งทำน้ำเสียงกวนตีนใส่มัน

ไอ้นาวาหน้าแดงด้วยความโมโห ก่อนจะรีบเก็บของใส่กระเป๋า

“ไอ้สัดอย่ามายุ่ง เรื่องของกู” มันพูดใส่หน้าผมก่อนจะรีบคว้ากระเป๋าออกไป

อ้าว ไอ้เหี้ยกูมานั่งรอมึงเป็นชั่วโมง มึงตื่นแล้วจะรีบชิ่งหนีงี้เนี่ยนะ

ผมรีบคว้ากระเป๋าตามมันไปบ้าง แต่ต้องหยุดก่อนเมื่อเห็นของบนพื้นที่คาดว่าไอ้นาวาคงทำตกเอาไว้

เดินเข้าไปใกล้ๆก่อนจะต้องอุทานว่าอุต๊ะะะะะอย่างตกใจ

ว้ายยยยยยยย มีคนทำงานไม่เสร็จว่ะ!!!

ผมก้มลงเก็บกำไลข้อมือถักสีน้ำเงินที่ทำเสร็จไปเพียงครึ่งนึงขึ้นมาก่อนจะยัดไว้ใต้โต๊ะไอ้นาวา

ก่อนคิดในใจ

ไอ้ห่า สีน้ำเงินก็สวยดีนะ ทำไมกลุ่มกูถึงเลือกทำสีชมพูวะ ฮืออออออออ












“ชอบเพลงไหนที่สุดของ Ed”

ผมพูดขึ้นขัดความเงียบระหว่างการเดินไปที่บีทีเอส

“หือ” ไอ้นาวาที่กำลังเหม่อส่งกระแสจิตไปดาวอังคารอยู่สะดุ้งน้อยๆก่อนจะหันมาทำหน้าหมางงใส่ผม

“กูถามว่าชอบเพลงไหนที่สุด Ed sheeranของมึงน่ะ”

มันไม่ตอบผม ทำหน้านิ่งพร้อมขมวดคิ้วเหมือนกำลังหาคำตอบให้กับคำถามที่ยากมากๆ

เดี๋ยวๆมึง กูถามเพลงโปรดมึง ไม่ได้ส่งโจทย์ความน่าจะเป็นให้คิด

ต้องคิดนานขนาดนั้นเลยหรอวะ

เห็นหน้ามึงแล้วปวดขี้แทน

“เลือกยาก” เออ กูเชื่อ “แต่ถ้าให้เลือกก็คงเป็น How would you feel ล่ะมั้ง”

“อ้อ เพลงนี้กูรู้จัก กูฟังตั้งแต่ป.2อ่ะ”

”ตอนนั้นEdยังไม่มีเพลงนี้” มันพูดนิ่งๆแต่ผมสะดุ้งเต็มที่

เออ กูตอแหล กูเพิ่งไปนั่งฟังแม่งทั้งplaylistมาเมื่อคืนเนี่ยแหละ พอใจมึงยัง

ก็ไม่รู้จะเอาเรื่องอะไรมาพูดกับมึงนี่หว่า

“เออ แต่เพลงเขาเพราะจริงๆนะ กูยังชอบเลย”

มันมองหน้าผมเหมือนไม่เชื่อ เอ๊า

”แล้วเพลงที่มึงชอบล่ะ” มันถามกลับ

“อืม เพลง All of the stars มั้ง”

“ทำไมล่ะ”

“อ๋อ กูรู้จักอยู่เพลงเดียว”

“ไอ้สัด”

ไอ้นาวาขำพรืดออกมาพร้อมส่ายหน้าเหมือนสื่อว่า กูว่าแล้ววว

“กูล้อเล่นน่า กูชอบเพลงนี้จริงๆ มันเป็นเพลงรักที่โคตรโรแมนติค ฟังแล้วอินว่ะ”

“ขนาดนั้นเลย”

“อืม กูชอบเนื้อเพลงท่อนนึงมาก”

“ท่อนไหน”

“You’re the song my heart is beating to”

ผมพูดด้วยน้ำเสียงเนิบๆ หากแต่ทำไมในใจมันกลับตื่นเต้นขนาดนี้ก็ไม่รู้

“……เหรอ อืม เชื่อแล้วว่ามึงฟังจริง แต่คิดไม่ถึงว่าหน้าอย่างมึงจะอินกับเพลงรักนะ”

“อ้าว ไอ้วา พูดจา”

“ก็เห็นจีบไปทั่ว มันไม่เหมือนกันหรอก เพลงรักน่ะ มึงให้ได้กับแค่คนๆเดียวเท่านั้น มันถึงจะเรียกว่าเพลงรัก”

ไอ้ห่า พูดซะกูดูเป็นตาเฒ่าหัวงูเลย หนูจ๋าาา ป๋าให้ห้าร้อยยย

“มึงรู้ได้ไงว่ากูจีบไปทั่ว”

“ไม่ใช่แค่กูรู้ ทุกคนก็รู้”

“งั้นจำเอาไว้นะ”

“ว่า”

“ตอนนี้กูจีบแค่คนเดียว”



นิ่งสนิท นี่ถ้าไม่บอกว่ามีชีวิตจะคิดว่าเป็นปูนปั้นแล้วนะ

ไอ้ห่า คือแค่การที่กูจีบคนแค่คนเดียวมันต้องทำให้มึงช็อคขนาดนั้นเลยเหรอวะ

เสียใจนะเนี่ย

แล้วถ้ากูบอกว่ากูกำลังจีบมึงอยู่เนี่ยไอ้ควาย มันจะไม่หัวใจวายตาย ล้มทั้งยืนเลยหรอ

ถึงจะเป็นแค่การจีบเพื่อหาคำตอบก้เถอะ

“ทำนิ่งนะมึง แดกกาวตาช้างไปหรอ ไม่ขยับปากตอบกูเลย”

“… เปล่า ก็ดีแล้วนี่ จริงจังหรอ”

แปลกๆว่ะเจ้าตัวเอ่ยปากถามเองเนี่ย และผมต้องตอบว่าอะไรวะ

“อ่า… ไม่รู้ว่ะ รอดูทีท่าฝ่ายนู้นก่อน”

“อืม ขอให้มึงสมหวังแล้วกัน”

สมหวังคืออะไรวะ คือมึงชอบกูงี้หรอ

“กูไปก่อนนะ สายกูมาพอดี” พูดจบก็รีบวิ่งขึ้นบีทีเอสสายตัวเองไปเลย

ไอ้ห่า สันดาน กูนั่งรอมึง นั่งทำการบ้านให้มึงตั้งนาน

ทีแค่เนี้ยรอกูตอบกลับว่าบ๊ายบาย แค่เนี้ย!! รอไม่ได้

ไอ้ห่าาาา โมโหเว้ย

แต่ยิ่งกว่าคือทำไมผมต้องโมโหวะ เห้อ งงตัวเอง โว้ยยยยยยยยย

ช่างแม่ง คืนนี้มึงไม่ต้องรอไลน์จากกูก็แล้วกันนะ ไอ้สัด
















เออ ไม่รอไลน์จากกู

เพราะกูจะรอไลน์จากมึงแทน

โว้ยยยย ไอ้ควาย อยากด่าตัวเองสักสิบห้าล้านที

มึงเป็นเหี้ยไรเนี่ย ปากบอกว่าไม่ไลน์หามันหรอก แต่พอกลับถึงห้องอาบน้ำเสร็จกูนี่รีบวิ่งแจ้นไปหาโทรศัพท์

รีบพิมพ์ไลน์หามันทันที

ไอ้ห่า บ้าป่ะกู นับวันยิ่งจะอินกับไอ้ภารกิจจีบมันขึ้นเรื่อยๆ

เอาเถอะ ก็เพราะผมอยากรู้กันไปเลยไง ว่าไอ้นาวามันชอบผมจริงอย่างที่ไอ้ฟ้อนต์มันคิดหรือเปล่า

เออ นั่นแหละ เหตุผลนั้นเลย

คิดเออออกับตัวเองเสร็จก็ก้มมองหน้าจอในมือ โอ้โห โล่ง

ตื้อดึ่ง!!!!

สะดุ้งตัวโยนด้วยความดีใจ เอ้ย ตกใจ ก่อนจะรีบเลื่อนเปิดหน้าจอดู

Thairad : ข่าวเด็ดวันนี้ แรดหลุดจากสวนสัตว์ มุ่งตรงสู่หมู่บ้านพัง!!งา!!พัง!!งา!!นับสิบตัว

โว้ยยย ไอ้เหี้ย ช่างหัวแรดเถอะเวลานี้

แต่ยิ่งกว่าเกลียดข่าวคือกูเกลียดตัวเองมากที่อ่านชื่อหมู่บ้านด้วยน้ำเสียงมิสแกรนด์

ตื่อดึ่ง!!!!

อ่ะ ตัวอะไรจะหลุดมาอีกล่ะงานนี้


Nava: ว่า



อุ้ย ตัวจริงไลน์มาว่ะ

ไม่มีการรอชาหรือดึงเชิงให้เสียเวลา มือขวารีบชัก เอ้ย รีบเลื่อนหน้าจอปลดล็อคทันที


ขุนพลคนน่ารัก: นอนยัง

Nava: นอนแล้ว



รู้ว่ามันกวนตีนแต่ก็เล่นกับมันหน่อย

ขุนพลคนน่ารัก: อ้าวแล้วนี่ใครตอบ

Nava: ผี



พรืดดด

หลุดขำเลยว่ะ คำตอบแม่ง อย่างกับเด็กปัญญาอ่อน
เอ๋อขัดกับลุคชะมัด


ขุนพลคนน่ารัก: จริงป่าว เป็นผีจริงหรออย่าหลอกเรานะ เรากัวววว

Nava: กูจะหลอก มึงจะทำไม

ไอ้เหี้ย เป็นผีต้องดุดันเบอร์นี้เลย



ขุนพลคนน่ารัก: ป่าวค่ะ จะให้นาวากอดปลอบ


Nava: olo

นับว่ามีพัฒนาการ เดี๋ยวนี้ชูโคยให้กูแล้วววว


ขุนพลคนน่ารัก: มีเหมือนกัน ไม่อยากได้ แต่ถ้านาวาอยากได้ เดี๋ยวเราจัดให้


Nava: จัดกับพ่อมึงเหอะ

ขุนพลคนน่ารัก: พ่อกูมีเมียแร้ว กูอยากเป็นคนรัก ไม่อยากเป็นชู้ววว

Nava: ไม่คุยกับมึง
 




ว้ายยยยยยยย มีคนงอนว่ะ

น่ารักเชีย ไม่คุยกับมึง

งอลอ่ะ มีรัยมั้ยยยย

ขำว่ะ




ขุนพลคนน่ารัก: โอ๋ๆๆ ล้อเล่นๆๆ มีเรื่องจะถามเฉยๆ

Nava: ถ้าถามวันตายของมึงก็พรุ่งนี้



ขุนพลคนน่ารัก: โอโฮ ดุจังเลย

กลั๊วกลัวววววววว


Nava: ไม่ถามกูนอน



ขุนพลคนน่ารัก: อ่ะๆๆ ถามแล้วว คือออ กูจะถามว่า มึงเคยไปคอนเสิร์ต Ed มาบ้างยัง

Nava: ไม่เคยไป

ขุนพลคนน่ารัก: อ้าว ไมวะ ไม่ว่างหรอ

Nava: เปล่า


ขุนพลคนน่ารัก: พ่อไม่ให้?

Nava: เปล่า


ขุนพลคนน่ารัก: ไม่มีเพื่อนไป

Nava: เปล่า


ขุนพลคนน่ารัก: แล้ว?

Nava: กูกดบัตรไม่ทัน




โอ้ยกูขอนุยาดขรรม  นึกน้ำเสียงกับสีหน้ามันตอนพูดประโยคนี้ออกเลย จะสงสารก็สงสาร แต่จะขำก็ขำว่ะ




ขุนพลคนน่ารัก: สงสารจัง

Nava: กวนส้นตีน แค่นี้ใช่มั้ย กูจะได้ไป


ขุนพลคนน่ารัก: นอนเร็วจังวะ


Nava: กูจะไปทำการบ้าน



อ้าว กูก็ทำให้แล้วไง สงสัยยังไม่ได้เปิดดู

แต่ก็ขี้เกียจขัด เผื่อมันมีการบ้านอื่นๆอีก คนอย่างมันยิ่งงานเยอะๆอยู่




ขุนพลคนน่ารัก: อืมๆ บายนะมึง

ไอ้นาวาไม่ตอบอะไรเพิ่ม ผมเลยเปลี่ยนไปเข้าแอพสีแดงขาวแทน

ผมเสิร์ช youtube ทันที เพื่อฟังplaylist ของ Ed ที่ฟังวนไปหลายต่อหลายรอบ

อะไร…

ไม่ใช่เพราะมันหรอกน่า ก็เพลงเขาเพราะจริงๆ

ฟังไปสักพักหนังตาก็เริ่มจะปิด ผมหยุดเพลงที่ฟังก่อนมือจะกดปุ่มshare link แล้วส่งไปยังไลน์เดิมที่คุยทุกคืน




ขุนพลคนน่ารัก: sent a link
                        All of The Stars - Ed sheeran


 
ขุนพลคนน่ารัก: ฝันดี












ต่อหน้าจบนะค้า ขอบคุณทกคนที่อ่านนะคะ

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
เมื่อไหร่จะได้หวานกัน..ตอนหน้าจบแล้วอ่ะ  :katai1:

ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
นาวาชอบขุนใช่ไหมนะ!??  :z3:  หรือนี่มโนไปเอง  เหมือนอิฟร้อนต์ กับอิขุน5555555555 เพราะพี่ท่านใจแข็งเหลือเกิน จะจบแล้วอด ไม่หวานแน่เลย  :heaven

ออฟไลน์ กาแฟมั้ยฮะจ้าว

  • Let me hug you tight, and I’ll make you feel how important you are.
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +570/-0
ขอบคุณครับ +1 ให้นะครับ :a2:

ออฟไลน์ ammriss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
สวัสดีค่า มาต่อแล้วว :mew1:

แต่ครั้งก่อนบอกไปว่าตอนนี้จะจบ ขอโทษนะคะ T^T

มันจบไม่ได้จริงๆ แงงงงงงงง จบตอนหน้านะค้าาา ><






ยกที่ 6




ม.6/3

ตกเย็นทีไรสองเท้าก็พาตัวเองมายืนหน้าห้องนี้อย่างอัตโนมัติ ฮื่อ

เดี๋ยวนี้มาบ่อยจนคนน่ารักที่นั่งตรงประตูไม่ต้องถามให้เสียเวลาว่ามา

หาใคร เห็นหน้าผมปุ๊บเรียกไอ้นาวามาให้เลยทันที

“มีอะไร”

แต่ไอ้คนตรงหน้าที่เจอกันเกือบทุกวันก็ยังถามเหมือนเดิมทุกที

ทั้งๆที่ก็รู้ป่ะวะว่ากูไม่ได้มีอะไรอ่ะ..

จะให้กูตอบว่าอะไรวะ ตอบว่ามาหามึง อยากเห็นหน้า เอาขนมมาเปย์

งี้หรอ!!!

“ไม่มีอะไร เอาขนมมาให้” ได้แต่ด่ามันในใจแต่ก็ยืนยิ้มยื่นโอรีโอ้กับนมเย็นแก้มวหนึ่งที่พก

มาให้แต่โดยดี

“คราวนี้ได้มาจากไหนอีกล่ะ”

“กูไม่โกหกละ ก็ตั้งใจจะซื้อมาให้มึงแดก”

ฟอร์มเฟิร์มไม่ต้องมีละไอ้เหี้ย ไอ้นาวายักคิ้วนิดหน่อยก่อนจะพูดกับผมด้วยประโยคนี้เป็น

ครั้งแรก

“เออ .. มึงเข้ามาในห้องก่อนดิ”

เชร้ดเขรรรรรรรรรรรรรรร้ บอกผมทีว่าผมไม่ได้หูฝาดไปปปป ไอ้นาวามันชวนผมเข้า

ห้อง(เรียน)ว่ะ !!!

ปกติมาทีไรก็ได้แค่มาเปย์หน้าห้องแล้วกลับ เห็นหน้าแค่เสี้ยววิ ก็ต้องไป ไอ้ห่า คุ้มไหมวะเนี่ยกู

ผมเดินตามหลังมันก่อนจะมาหยุดที่โต๊ะตัวเดิมที่มันนั่ง เนื่องจากผ่านเวลาเลิกเรียนมาสักพัก

แล้ว ในห้องเลยเหลือคนนั่งอยู่แค่ไม่กี่คนเท่านั้น และที่สำคัญ…

ไอ้นัทม่ายอยู่ววววววว ว้ายยยยยยยย

มึงพลาดละไอ้สัด ฮี่ๆๆๆๆ วันนี้ไอ้นาวาเสร็จกูแน่


“ชวนกูเข้าห้องจะให้กูช่วยอะไรรึเปล่าจ๊ะ ฮี่ๆๆ”

ผมถามกวนตีนไอ้วา เอามือจิ้มๆที่ต้นแขนมันก่อนจะยืนบิดไปมาสองสามที

“ห้องเรียนไอ้สัด พูดให้ครบ” มันขมวดคิ้ว ส่ายหัวไปมาก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกระดาษแผ่น

นึงใต้โต๊ะแล้วยื่นให้ผม

“อะไรอ่ะ ทะเบียนสมรสกูกะมึงหรอ” นี่ หยอดซะหน่อย

“อ๋อ เปล่า ใบมรณะของมึงไง”

ว้ายยยยยย แรงมากกกกกกกก

ผมยิ้มแห้ง เอื้อมมือไปกระดาษแผ่นนั้นก่อนจะอ่านหัวข้อดู

‘แบบประเมินสำรวจความชอบของนักเรียนม.ปลาย’

ทำไมชื่อมันทะแม่งๆวะ

“อะไรวะ” ผมเลิกคิ้ว หันไปถามไอ้นาวาที่นั่งขีดๆเขียนๆกระดาษอยู่ข้างหน้า

“อ่านไม่ออกหรอ”

“กูอ่านออกแต่ไม่เข้าใจว่าคืออะไร อธิบายกูทีครับ”

“ก็”… มันเงยหน้าขึ้น “ห้องกูทำแบบสำรวจ มึงช่วยกูตอบหน่อย”

“อ้อนกูก่อนดิ เดี๋ยวกูทำให้เลย” ผมถามยิ้มๆ

กล้าจังเลยนะกูเนี่ย ถามแบบนี้ร้อยทั้งร้อยพนันได้เลยว่าไอ้นาวาจะต้องด่ากลับมาว่า

“ไอ้เหี้ย”

นั่นไง

“ ถ้ามึงไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ เอาคืนมาเลย” มันด่าก่อนจะเอื้อมมือมาดึงแผ่นกระดาษออก

จากมือผม แต่ผมไวกว่า รีบฉกกลับมาได้ก่อน

“เรื่องไร กูล้อเล่นน่าาาาาาาาา กูก็แค่คิดถึงตอนนั้นที่มึงเคยอ้อนกูเฉยๆ แต่มันคงไม่มีอีก

แล้ว ซิกๆๆ” ผมทำหน้าเหมือนหมาหิวนมก่อนจะแอบไปขำเมื่อเห็นไอ้นาวาทำหน้ากลืนไม่

เข้าคายไม่ออก

“กูไปอ้อนมึงตอนไหน”

“แน้ ทำเป็นลืม ตอนที่ติดอยู่ในห้องไง ขุน อย่าไปนะะ กูขอนะ อยู่กับกูก่อนนะ นะๆๆๆ”


”หยุด!”

“อย่าเพิ่งไปน้าขุนนนน”

“ถ้าไม่หยุดก็ออกไปจากห้องกู”


น่านนนนนนน มีคนงอน!!!

ไอ้นาวาก็งีแหละครับ

ไปต่อไม่ถูกทีไรใช้มุกโกรธกูตัลหลอดดดดด

แต่ขอโทษ กูรู้ทันมึงแล้วว ว้ายยยย

แต่วันนี้แม่งเพิ่มสตรีมว่ะ แม่งลากเก้าอี้ออกแล้วไปนั่งหันหลังให้กูเฉ้ยยยยยย

โอ้ยยย ทำไมมันน่าแกล้งขนาดนี้ๆๆๆ

“งอนกูหรอ”

“ใครงอน กูไม่ได้งอน”

โอ้โห มาเต็ม

“อย่างอนเลยน้าเดี๋ยวกูทำให้ นะๆๆ”

ผมเขยิบเข้าไปใกล้ จิ้มหลังมันจึ้กๆๆ นี่ ทำตัวน่ารักดีนัก

กูแบ๊วกลับแม่งเลย


“เดี๋ยวกูทำให้อีกสิบแผ่นเลย หันมาคุยกับกูก่อน ไม่งอนกูดิ”



“ไม่งอนกูนะ นะ”

“โอ้ย ไอ้สัดก็กูบอกว่าไม่ได้…!!!!”

เฮือก

ช็อค พูดต่อไม่ถูก

ไม่ได้หมายถึงแค่มัน แต่ผมก็ด้วย

ด้วยความที่ไอ้นาวาหันหลังกลับเร็วมาก ผมเลยผละออกไปไม่ทัน

หน้าของเราเลยห่างกันไม่ถึงคืบ

อึก…

ผมได้ยินเสียงกลืนน้ำลายของตัวเอง

ใกล้ว่ะ

ใกล้เกินจะทนแล้ว

ไอ้นาวาข้างหน้าก็ทำตาโต ปากเผยอขึ้นด้วยความตกใจ

เห็นแล้วอยาก…

อยาก…

ผลั่ก!!!!!!!!

ก่อนจะทันได้คิดอะไรเพ้อเจ้อ ไอ้นาวาคนปากเจ่อข้างหน้าก็รีบผลักผมออกก่อนด้วยความ

รวดเร็ว

โอ้ยยยยยยย ผลักเบาๆก็ได้มั้งไอ้ควาย ผลักทีเหมือนจะให้กูพุ่งทะยานไปสู่เนบิวลานอก

โลก หลังกระแทกโต๊ะดังปั้ก!!!

นี่มึงเกลียดอะไรกูเป็นการส่วนตัวป่ะเนี่ยยยยยย

“โอ๊ยยย”

ด้วยความสำออยขั้นเทพ มารยาของไอ้ขุนคนนี้บอกเลยว่าไม่แพ้หญิงใดในโลก ยิ่งกว่า

กันยาตัวร้ายในเรื่องเมีย 2018 ไม่ว่าใครเห็นแล้วจะต้องใจอ่อน

“กูเจ็บอ่านาวาาา”

“อย่าเยอะมึงอ่ะ”

อ้าว

“ไปทำแบบสอบถามให้กูต่อเลยอย่ามาฟอร์ม”

อ้าวเฮ้ย

ไม่เหมือนที่คุยกันไว้นี่นาาาาาา

ฮือออออออออ

ถึงจะเจ็บใจและเจ็บหลังแต่ขุนพลคนน่ารักก็ต้องคีพโกอิ้งออน

นาวาว่าไงพี่ก็ว่าตามนั้นจ้ะ ไม่ขัดหรอก กลัวโดนโบก

ผมหันไปหยิบแบบฟอร์มใบสอบถามมาทำแต่โดยดี คำถามก็ไม่มีอะไรมาก เป็นทำนองว่า

ของกินที่ชอบ เครื่องดื่มที่ชอบ ของใช้ที่ชอบ ร้านอาหารแถวโรงเรียนที่ชอบ บลาๆ เมื่อผม

ตอบเสร็จก็กำลังจะยื่นคืนให้มันแต่หากสายตาช่างสังเกตของผมมันดันเหลือบไปเห็นตัว

อักษรเล็กๆที่ข้างหลังกระดาษพอดี

รายงานการประชุม…?

ตัวอักษรเล็กๆที่เขียนไว้ที่มุมด้านหลังของกระดาษ ลายมือแบบนี้ไม่ต้องบอกผมก็จำได้ว่า

ใคร ลายมือไอ้นาวาร้อยล้านเปอร์เซ็นท์

ทำไมถึงมีลายมือมันในกระดาษใบสอบถาม จะว่ามันเอาใบสอบถามไปใช้จดก็ไม่น่าใช่

เพราะใบสอบถามเพิ่งได้วันนี้แต่วันนี้มันไม่มีประชุม

โห ไอ้สัด ยิ่งกว่าผู้จัดการดาราก็กูเนี่ยแหละ ผู้จัดการนาวา

เป๊ะกว่ากูมีอีกมั้ย รู้ตารางทั้งวันตั้งแต่คาบวิชายันเวลาประชุม

“นาวา” ผมเอ่ยถาม

“ว่า”

มันเงยหน้าขึ้นมอง

”แบบสอบถามแผ่นอื่นอยู่ไหนวะ”

มันเลิกคิ้ว มองผมด้วยหน้านิ่งๆเหมือนเดิม

“ถามทำไม”

“ก็เดี๋ยวกูจะได้ช่วยเอาไปให้เพื่อนทำให้”

“มีเพื่อนด้วยเหรอมึงอ่ะ”

เนี่ย ไม่ด่ากูสักวินาทีจะได้มั้ยยย

”เยอะแยะ อยู่ไหนล่ะเดี๋ยวกูเอาไปให้คนอื่นช่วยทำ”

“ใบอื่นคนอื่นเอาไปหมดแล้ว”

ผมยิ้มมองมันที่เหงื่อเริ่มผุดออกจากหน้า มันก้มหน้าหลบผมก่อนจะทำเป็นทำงานต่ออย่าง

ไม่มีพิรุธ

ถุยยยยย ไม่มีพิรุธก็เหี้ยละ เลิ่กลั่กขนาดนี้ มองจากดาวอังคารยังรู้เลยว่าโกหก

คืองี้ครับ พอผมเห็นลายมือมันข้างหลัง อยู่ๆก็ลองคิดขึ้นมาว่า หรือไอ้ใบสอบถามนี่ มันจะ

เป็นคนพิมพ์เอง แล้วมองไม่เห็นว่าเคยเป็นกระดาษมันที่เขียนไปแล้ว เลยหยิบไปใช้ปริ้นท์

ถึงจะยังงงอยู่ว่าทำแบบสอบถามปลอมนี่ทำไม แต่คิดว่าสิ่งที่ผมคิดอาจจะเป็นจริง

ดูจากปฏิกริยาคนโดนจับได้ข้างหน้าอ่ะนะ

“แบบสอบถามนี่ไม่ใช่ว่าต้องทำทีละเป็นปึ๊งๆงี้อ่อ”

“ห้องกูประหยัด”

แถเหี้ยไรเนี่ยยยย

สนุกจังเลย สนุกจังเลย

“แล้วไม่มีอยู่กับตัวมึงเลยอะนะ”

“มีดิ”

“ไหนๆ กูขอดูหน่อย”

“ก็อยู่ในมือมึงไง ถามอะไรเยอะแยะเนี่ย” มันเงยหน้ามาทำเป็นโกรธใส่ผม โอ้ย เอาอีกละ

ใช้มุกเดิมๆกูไม่หลงกลมึงหรอกนะ

“แล้วแผ่นอื่นอ่ะ”

”ก็…กู…กูมีแค่แผ่นเดียว”

“ทำไมมึงมีน้อยจัง”

“ก็กูขี้เกียจ”

หราาาาาาาา กูอยากจะหราดังๆให้ลิ้นไก่สั่น

“งั้นคือมึงมีแผ่นเดียว”

“เออ”

“แล้วมึงก็เอามาให้กูทำอะนะ โห เก็บเอามาแผ่นนึงไว้ให้กูทำเลยว่างั้น”


“…”

เงียบ ทำเป็นเงียบ

“เงียบไมอ่ะ ตอบดิ”

“กูจะตั้งใจทำงานละ มึงเงียบหน่อยขุน”

ถุยยยยยยยย เถียงไม่ได้ก็ทำเป็นหลบโหมดทำงาน กูอยากจะขากเสียงดังๆ

“นาวา”

“…”

“ไอ้วา”

อ่ะไม่ตอบ งั้นกูถามเลยละกัน

“มึงทำแผ่นนี้มาเพื่อถามกูหรอ”



“เห้ย พูดอะไรของมึง เพ้อเจ้อ”

“เอ้า ก็เห็นทั้งห้องก็มีใบนี้อยู่ใบเดียวเนี่ย”

”ก็กูบอกว่าคนอื่นมันเอากลับกันไปหมดแล้วไง เนี่ย เค้ากลับบ้านกันหมดแล้วมึงก็เลยไม่เห็น

ตอนแรกกูปริ้นท์มาเยอะจะตาย”

“พูดเยอะจังถามนิดเดียวเอง”

ผมกวนตีนมัน มันถลึงตาใส่ผมด้วยหน้านิ่งๆ

“นึกว่ามึงตั้งใจทำมาถามกูคนเดียว ถ้าอย่างนั้นกูคงดีใจตายเลย แต่ก็ไม่เป็นไร

แบบสอบถามก็ดี กูจะได้ไม่ต้องตั้งใจตอบ กูกามั่วๆก็น่าจะได้มั้ง“

ผมพูดลอยๆ แอบเหล่สายตาไปมองคนข้างหน้า เห็นมันทำหน้าครุ่นคิดเหมือนกำลังเถียงกับ

ตัวเอง

ผมยิ้มออกมาเมื่อในที่สุดไอ้นาวาก็ดึงกระดาษไปจากมือผม

“เออ กูทำกระดาษเหี้ยนี่มาเพื่อถามมึงเอง พอใจมึงยัง”

อุ๊บ

คนร้ายยอมรับผิดละว่ะ

ละดูมัน ทำหน้าซะน่ากลัวเชียว

แต่พอได้ยินจริงๆก็ไม่รู้ว่าผมควรจะทำสีหน้ายังไงดี

รู้สึกว่าแก้มมันปริๆชอบกล

“อือ แล้วจะทำเนียนถามทำไมล่ะ อยากรู้ว่ากูชอบอะไร ชอบกินอะไรทำไมไม่ถามตรงๆ” ผม

ถามมัน อันนี้สงสัยจริงๆ ทีผมอยากรู้มันยังถามมันตรงๆเลย

ไม่เห็นจะต้องทำฟอร์ม อ้อมโลกขนาดนี้

“กูไม่ได้อยากรู้”

มันยังทำขรึม “โอเค งั้นกูไม่บอกนะ งั้นเดี๋ยวกูกลับบ้านละ”

“เห้ย เดี๋ยว”

ผมแอบยิ้มในใจ ก่อนจะก้มมองมือมันที่เอื้อมมาคว้าแขนผมไว้

“งั้นกูถามมึงตรงๆก็ได้”

“…”

“ มึงชอบกินอะไร”

โอ้ยยยยยย ถามด้วยเสียงอ่อนๆงี้กูก็ใจสั่นไปดิ

น่ารัก น่าร้ากกกกก

นี่อยากรู้ว่าชอบกินอะไรแต่ไม่กล้าถาม ฟอร์มจัดจนต้องแกล้งทำใบสอบถามมาให้กูกรอกเลยเหรอวะ

กูขอมอบโล่รางวัลคนซึนแห่งชาติให้มึงเลยไอ้ห่านี่


“ถามไมอ่ะ” ผมหันไปสบตามันที่นั่งอยู่

“ก็ … จะตอบแทนเฉยๆ”

คราวนี้เป็นผมที่ขมวดคิ้ว “ตอบแทนเรื่อง?”

“ที่มึงช่วยทำการบ้านเลขให้กูไง”

อ๋ออออออออออออออออ

ทำดีได้ดีจริงๆเลยกู

ไอ้ขุนวันนี้มึงมาว่ะ หนูแดง เดี๋ยวกลับบ้านพ่อซื้อน้ำแดงแช่แข็งแบบที่หนูชอบไปให้นะลู้กกกกก


“ขอบคุณกูล่ะสิ เป็นไง การบ้านถูกเพียบเลยป่ะ”

“19ข้อ”

“โห กูทำถูกเยอะเลยนะ ผิดข้อเดียว”

“ถูก1ข้อ ผิด19ข้อ ไอ้สัด”

ผ่าม!!!!

กูทำเสียงต่อให้ด้วยอ่ะ จะได้ดูเป็นการตบมุก ไม่ใช่ประจานความโง่ของตัวเอง ฮือๆๆๆ

“สรุปจะกินอะไร จะไปซื้อให้” มันถามเมื่อเห็นผมไม่ตอบ

“ซื้อมาไม่ได้ ยาก”

”ทำไม มึงจะกินหญ้าแพรกจากดาวอังคารรึไง”

“เปล่า” ผมยิ้ม ไม่สนใจคำกวนตีนจากมัน “กูอยากกินหมูกระทะ”















เค้าบอกว่าคนทำดีย่อมได้ดี

เพราะฉะนั้น เมื่อผมอยากกิน ผมก็ต้องได้กิน!

ถึงจะอิดออดอยู่นานประมาณล้านแปดนาที ในที่สุดผมก็ลากไอ้นาวามาอยู่ที่หมูกระทะร้าน

ดังใกล้โรงเรียนจนได้

คนค่อนข้างเยอะพอสมควรเนื่องจากตอนนี้เป็นเวลาเลิกเรียน เลิกทำงาน แถมร้านที่ผมพา

มันมาก็เป็นร้านชื่อดังซะด้วย เพราะนอกจากเนื้ออร่อยแล้ว ทางร้านยังมีมุมที่มีนักร้องมาร้อง

เพลงดีๆให้ฟังอีก

จริงๆอยากพามันไปนั่งบาร์จิบเบียร์ฟังเพลงเพราะๆ

แต่อายุดันไม่ถึง เลยต้องพามันมาแดกหมูกระทะแทน กร๊ากกกกกกกก

ผมมองคนตรงข้ามที่นั่งหันซ้ายหันขวาเหมือนทำตัวไม่ถูก

ไอ้ห่า ยังกะกูพามาเดท เกร็งซะยิ่งกว่าโดนตะคริวแดก

“ไอ้วา มึงจะกินอะไร”

ผมถาม ยื่นเมนูให้คนตรงข้าม มันสั่งๆมาสองสามอย่าง ผมติ๊กตามช่องผสมกับของตัวเอง

ก่อนจะยื่นให้พนักงานที่รออยู่

“เอาน้ำไรปะเดี๋ยวกูไปเอามาให้”

มันไม่ตอบอะไร ผมเลยถือว่ามันจะกินเหมือนผมแล้วกัน ไม่นานผมก็กลับมาพร้อมแก้วโค้ก

สองแก้วในมือ พร้อมน้ำส้ม น้ำแดง ชาเขียว ชามะนาว

ไอ้ห่า ก็กลัวมันไม่ถูกใจอ่ะ เลยหยิบมาแม่งหมดเลย มือกูเกร็งจนตะคริวจะขึ้นแลัวเนี่ย

มันทำหน้าตกใจก่อนจะรีบเอื้อมมือมาหยิบแก้วไปจากมือผม

“เอามาทำไมเยอะแยะ”

“ก็มึงไม่ตอบ กูไม่รู้ว่ามึงจะกินอะไร”

“ไม่ตอบก็คือไม่อยากกินไง” มันตอบอย่างนี้ แต่มือคว้าแก้วโค้กไปดูด

สุดท้ายก็กินเหมือนกู ไอ้ห่า

“แล้วจะเลิกหายหน้าบูดหน้าเบี้ยวได้ยังอะ”

ผมถามมันที่ก้มหน้าดูดโค้กด้วยสีหน้านิ่งๆแต่คิ้วยังขมวดอยู่

“ใครบูดใครเบี้ยว” มันตอบด้วยเสียงอู้อี้ เอ้า กัดหลอดอีก

 “ก็จะใครอีกล่ะ มึงเนี่ยยยย”

มันมองบนนิดหน่อยก่อนจะถอนหายใจยาว เห็นแล้วอดไม่ได้

ผมเลยเอื้อมมือไปหยิกแก้มมันเบาๆ

“เห้ย ทำไรของมึงเนี่ย” มันรีบปัดมือผมออก ไอ้ห่า นี่กูขุนพลเอง ไม่ใช่แมลงวันตอมขี้

“ก็มึงทำหน้างั้นทำไมอ่ะ”

“ทำอะไร”

“ไม่รู้ กูแค่หมั่นเขี้ยว”

ไม่รู้ไปเอาความกล้ามาจากไหน ผมเอื้อมมือไปดึงแก้มมันอีกสองสามที “หมั่นเขี้ยวๆๆ”


มันรีบปัดมือผมออก จะด่าก็เหมือนมันจะนึกคำด่าไม่ออก

ก็ทำไงได้ แก้มมันน่าหยิกอ่ะ ช่วงนี้มันดูมีเนื้อขึ้นรึเปล่าไม่รู้

สงสัยจากขนมที่ผมเอามาขุนมันทุกวันแน่ๆ

“โรคจิต” มันด่า แต่ผมหาได้สะทกสะท้านไม่ ฮี่ๆๆ

“แล้วงานกีฬาสีมึงเป็นไงบ้าง” ผมถาม

“ก็ไม่ทำไม ช่วงนี้ก็งานเดือดขึ้นหน่อย”

“เออ อาทิตย์หน้าละนี่”

“อืม”

“งานมึงเยอะปะวะ”

ไอ้นาวามองผมด้วยสายตานิ่งๆประมาณว่า มึงก็เห็นอยู่ไอ้สัดยังจะถาม

“เออออ รู้ว่างานเยอะ กูถามเพื่อจะต่อให้ว่าถ้ามึงมีอะไรอ่ะ ก็ให้กูช่วยได้นะ”

“งานห้องมึงไม่มีว่างั้น”


“ก็มี”

“ก็ไปทำห้องมึงดิ”


“แต่กูอยากช่วยมึงไง”


มันไม่ตอบ ผมเลยพูดต่อ “จริงๆนะไอ้วา คือมึงมีอะไรมึงก็บอกให้กูช่วยได้ กูเห็นมึงชอบทำงานคนเดียว ไม่ค่อยบอกให้คนอื่นช่วยอะ มันจะหนักมึงเปล่าๆนะ”

“ทำงานคนเดียวมันเร็วกว่า”

“มึงจะไปรู้ได้ไง เห็นกี่ทีก็ไม่ยอมขอให้คนช่วย”

“แล้วมึงจะมารู้อะไรกู”

“ไม่รู้ได้ไง ก็กูมาหามึงเกือบทุกวันเนี่ย”

ผมตอบแค่นั้น แล้วประเด็นนี้ก็จบไปเมื่อต่างคนต่างเงียบ








รอไม่นานหมูและเนื้อสามจานก็ถูกวางลงบนโต๊ะ ผมไม่รอช้ารีบเอามันถูๆแล้ววางเนื้อลงไป

ติดกันห้าแผ่น

ไอ้สัดกูหิว รีบร้อนไวๆเลย

ไอ้วาวางหมูอีกสามแผ่นแปะลงตาม รอไม่นานก็สุก ผมรีบคว้าตะเกียบคีบชิ้นใหญ่ตรงกลาง

ก่อนจะส่งให้คนตรงข้ามอย่างไวว่อง

“อ่ะ กูให้”

มันทำท่าจะส่งกลับแต่ผมไวกว่า รีบดันชิ้นเนื้อยัดเข้าปากมันทันที

“กูหยิบให้ก็อย่าปฏิเสธน้ำใจเลยน่า” ผมขำเมื่อเห็นมันเคี้ยวไปบ่นอุบอิบไปคนเดียว ได้ยิน

แว่วๆว่า เงินก็เงินกู


ผมหยิบเข้าปากตัวเองบ้าง อื้มมมม อร่อยจริงร้านนี้ ถ้าไม่ติดว่าไขมันแม่งเยอะผมก็อยากจะ

เข้ามากินทุกวัน

เรื่องเงินไม่อั้น กูรวย

ยิ้มให้กับตัวเองอย่างภาคภูมิใจก่อนจะก้มลงแดกต่อ

แดกไปได้สักพักใหญ่ๆ ผมก็รู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่างจากข้างขวาทางทิศเก้านาฬิกา

หือ… ทำไมรู้สึกเหมือนถูกมองวะ

แต่จะโดนแอบมอง แอบส่งสายตามาให้ก็ไม่แปลก ก็คนมันหล่ออ่าาาาา วิ้ววววววววว

ผมหันไปตามความรู้สึก ก่อนจะพบกับสายตาหวานเชื่อมที่ส่งมาให้จริงๆ

แต่ผิดนิดเดียว ที่เค้าส่งมาให้ไอ้นาวา แต่ไม่ใช่ผม

ปึด!!

ไอ้ห่า กูขึ้นเลย

นี่!! คนหล่ออยู่นี่ มองกูสิ มองกู ไปมองมันทำไม

มีตาหามีแววไม่!!!

ผมกระฟัดกระเฟียดอยู่คนเดียวจนไอ้นาวาที่นั่งดูดโค้กอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวหันมามองอย่างสงสัยว่าอยู่ๆกูเป็นหมาบ้าอะไร

โมโหอ่ะ กูหล่อทำไมไม่มองกู ไปมองมันทำไม

ผมหันไปมองผู้หญิงโต๊ะข้างๆที่ส่งสายตามาอย่างต่อเนื่องอีกรอบ

ยัง

ยังไม่เลิกมองไอ้นาวาอีก

อีกนิดก็จะมองทะลุไปยันซี่โครงได้แล้วแม่คุณ!!

ไอ้นาวาที่เห็นผมหันไปมองก็เลยมองตาม ก่อนที่จะไปป๊ะสายตากับแม่สาวน่ารักทั้งหลายที่มองมา เลยทำให้ทั้งโต๊ะนั้นวี๊ดว้ายกันไปยกใหญ่

ไอ้นาวาหันหน้ากลับมามองผมด้วยหน้านิ่งๆแต่สายตางงๆว่า กูไปทำอะไรป่ะวะ

เออ

ไม่ทำหรอก มึงแค่หน้าหล่อ น่ารัก จบมั้ย

โมโหว่ะ

“เป็นไรของมึงเนี่ย” มันถาม ผมไม่ตอบ หงุดหงิดไรวะเนี่ยกู

เออ ก็ผู้หญิงเค้ามองมัน แต่ไม่มองผมอ่ะ

ไม่ชอบใจ มากับคนฮอตแล้วกูต้องดับตลอดหรอวะ

ฟึ่บ

“อ่ะ กินดิ”

คนตรงหน้าบอกผมพร้อมชิ้นเนื้อที่ถูกวางลงบนจาน

”ให้กูหรอ”

“กูให้หมามั้ง วางบนจานมึงเนี่ย”

ผมไม่สนใจคำกวนตีนของมัน “ป้อนหน่อยดิ”

“…หา?”

“ป้อนกูหน่อยดิ”

“เรื่องอะไร มีมือก็คีบกินเองดิ”

“กูหงุดหงิดอ่ะ ถ้ามึงป้อนกูจะหาย”

“หงุดหงิดก็เรื่องของมึงดิ”

“…ชิ แค่นี้ก็ช่วยกูไม่ได้ ไหนบอกจะตอบแทนกูไง”

ผมแกล้งทำเป็นบ่นอุบอิบอยู่คนเดียว ไม่นานชิ้นเนื้อก็ถูกยื่นมาข้างหน้า

“อ่ะ“

ผมยิ้ม ส่งสายตากรุ้มกริ่ม

น่ารักขนาดนี้ขอกินอย่างอื่นแทนเนื้อได้มั้ยเนี่ย

“จะกินไม่กิน” ทำเสียงเข้มแต่มือสั่นเป็นเจ้าเข้าเลยน้าา

“กินครับ” ผมยื่นหน้าไปงับก่อนจะเคี้ยวด้วยความอร่อย

เนื้อชิ้นนี้มันหวานเป็นพิเศษเลยวุ้ย

อารมณ์ดีละ โต๊ะข้างๆจะส่งสายตาก็ช่างหัวแม่ง

สนใจแค่ไอ้คนข้างหน้าก็พอ

พลันเสียงเพลงจากมุมหนึ่งของร้านก็ดังขึ้น หกโมงครึ่งเป็นเวลาที่จะมีวงดนตรีมาเล่นอย่างที่

ผมบอก เสียงกรี๊ดวี๊ดว๊ายพร้อมเสียงปรบมือดังขึ้นทันทีเมื่อนักร้องเริ่มร้องเพลง

“มีเพลงด้วยเหรอวะ”

“อือ แต่เค้าชอบร้องเพลงไทยนะ มึงฟังได้เปล่า”

“ก็ฟังได้ ฟังบางวง”

“อือ ลองฟังดูดิ วงนี้แม่งเล่นดี”

“มึงมาบ่อยเหรอ”

“เออ แต่ก่อนก็มาบ่อยอยู่”

“มากับใคร”

“เอ.… เยอะไปหมดเลยอ่ะ น้องกิ๊ฟเชอรี่น้องไวน์มีตั้งมากมาย กูจำไม่หมด”

“หน้าม่อ”

“หึๆ กูล้อเล่นน่า กูจะมากับใครได้ล่ะก็ไอ้ฉิมไอ้ฉัตรไง แก๊งกูอ่ะ”

“แก๊งที่ง่อยๆปะ”

จ้าา หลอกด่ากูขนาดนี้ไม่เอาเนื้อจุ่มหน้ากูแทนน้ำจิ้มเลยล่ะ

“หึ พูดอย่างนี้เดี๋ยวมึงจะหนาว ”

“ทำไม จะบอกว่าจริงๆแล้วแก๊งมึงเก่งมาก”

“อ่อเปล่า เดี๋ยวกูจะเดินไปเร่งแอร์ให้ขนลุกเลย ไอ้สัด!!”

ชงมาแบบนี้จะให้กูตบอะไรนอกจากสมเพศตัวเอง

แต่ก็ต้องแอบยิ้มออกมาในใจเมื่อเห็นไอ้คนตรงข้ามนั่งขำน้อยๆ

เดี๋ยวนี้มันยิ้มเก่งขึ้นแล้วว่ะ









(ต่อด้านล่าง)

























CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ammriss

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 40
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
(ต่อจากด้านบน)





……………และในคืนนี้
ที่เราได้มาพบกัน
ที่ฉันได้มาพบเธอ

ไม่รู้อะไรที่ทำให้ได้เจอ ………………



“เพลงเพราะป่ะ”

ผมถามขึ้น

“เพราะดี” นาวาตอบขณะที่ยังเคี้ยวตุ้ยๆ

“เพลงของลิปตา”

“อื้อ เคยฟังอยู่เพลงนี้”

ผมพยักหน้ารับ ก่อนที่เสียงร้องในท่อนฮุกจะดังขึ้นมา ผมจึงร้องคลอไปพร้อมกัน

“ถ้าหากจะขอ ลองคุย กับเธอได้ไหม”

ส่งสายตาหวานๆให้สักหน่อย ปฏิกริยาจะเป็นยังไงนะ

ไอ้นาวายังไม่หยุดกิน

“ก็ยังไม่รู้ว่าเธอเอง จะคิดเช่นไร”

ดูท่าจะไม่คิดอะไร เห็นกินอย่างเดียว

“ก็คือความรู้สึกจริง ที่เกิดจากข้างใน”

อ่ะนั่น หันไปหยิบหมูมาย่างเพิ่มอีก

“ถ้าเธอไม่คิดอะไร ก็ไม่เป็นไร อย่างน้อยเธอก็…”

อะอ้าว จะลุกไปไหนวะ

“เดี๋ยว จะไปไหน” ผมเอื้อมมือไปคว้าแขนมันไว้

“ไปจากตรงนี้”

“อ้าว ทำไม”

“ก็มึงร้องเพลงแล้วส่งสายตาให้กูขนาดนั้น กูคนไม่ใช่รูปปั้น ไอ้สัด”











ฮึ
ฮึๆ
ฮึๆๆๆ

เหมือนเห็นคนเขินเลยว่ะ

ไอ้นาวาไม่ได้ลุกเดินไปไหนแล้วเพราะผมฉุดให้มันนั่งต่อพร้อมกับบอกว่า

“โอเค กูจะไม่ร้องเพลงแล้ว จะไม่ส่งสายตาด้วย สายตาที่มองมึงแล้วทำให้มึงใจเต้นวูบวาบ

ทำตัวไม่ถูกอ่ะ”

เท่านั้นแหละโดนด่าไปยกใหญ่ แต่ณ จุดนี้ ด่ามาสิครับ ด่ามาเลยยยย

ถึงด่าพ่อล่อแม่ตอนนี้ ขุนพลก็ไม่โกรธหรอก

อะไรก็มาแทนหน้านิ่งๆแต่แก้มแดงๆตรงหน้าไม่ได้

เห็นแล้วยิ่งอยากแกล้งให้ร้องไห้ ฮึๆ

แต่ยากหน่อยนะ เพราะก่อนที่จะเป็นมัน คงเป็นผมเนี่ยแหละน่าจะร้องก่อน โฮฮฮ คนบ้าอะไร

ถึกทึนเหลือเกิน


ยังไม่ทันที่มันจะได้ด่าต่อ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

“ของกูเอง”

ไอ้วาพูดก่อนจะเอื้อมมือสไลด์หน้าจอแล้วอมยิ้มเมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏ

เดี๋ยวๆ ใครวะ

ยิ้มเหี้ยอะไร

อย่าบอกกู ได้โปรดอย่าบอกกูว่าปลายสายคือไอ้นัทคนเหี้ย

“ว่าไงวี”

วี … วีไหนวะ

“อื้อ พี่อยู่ร้านหมูกระทะ”

เชี่ยยย แทนตัวเองว่าพี่วะ เต๊าะสาวแน่ๆ

“เอาอะไรรึเปล่าครับ”

สุภาพชน สุภาพมาก พูดครับด้วย

ละมุนจนกูอยากด่า ทีกับกูนี่เกรี้ยวกราดจัง

“อืม… พี่อยู่กับ” มันเหลือบตามามองผมนิดหน่อยก่อนตอบว่า

“คนรู้จัก”

สาดดดดดดดดดดดด

ได้ข่าวว่ามึงพากูมาเลี้ยง มึงเป็นคนพากูมาเลี้ยง!!

นี่กูเข้าใจผิดหมดเลยเหรอวะ เพื่อนสนิทเหี้ยไร เค้าให้กูแค่สถานะคนรู้จัก

อยากจะคลานเข่าไปหาไอ้ฟ้อนต์แล้วตบหัวมันแรงๆ

ชอบเชิบกับผีบ้านมันน่ะสิ

“อื้ม งั้นแค่นี้ก่อนนะเดี๋ยวพี่ไปหา”

สาดดดด มีไปหาด้วย มันเอาเรื่องว่ะๆๆๆ

พอมันวางสายมันก็ตวัดสายตามามองผมทันที

“ทำไม มีปัญหาอะไร” คงขัดใจมากที่เห็นผมคุยคนเดียวงุบงิบๆเหมือนคนบ้า

“ใครอ่ะ”

“เรื่องของกู”

พูดอย่างงี้บอกอย่าเสือกตรงๆน่าจะดีกว่า

“กิ๊กหรอ”

มันไม่ตอบ ก้มลงกินเนื้อต่อ

ชิ้นที่กูย่างด้วยเนี่ย

“แฟนรึไง”

มันยังคงไม่ตอบ และผมก็ยังคงไม่ละเลิกความพยายาม

“ไหนมึงบอกไม่มีแฟนไง”

มันหันมาขมวดคิ้วใส่ผม “กูไปบอกมึงตอนไหน”

อ้าว ถามแบบนี้แปลว่าไรวะ คือมีแฟนจริงดิ

กูไม่เชื่อ

ถามดีๆไม่เป็นต้องให้กูใช้เล่ห์เหลี่ยมใช่มั้ย!!!

ได้!!!!

“ไอ้วาาา บอกกูหน่อยดิ น้าาา กูอยากรู้อ่ะ”

“ไปไกลๆ กูรำคาญ”

“ไม่เอาาาา” มือปลาไหลผมเริ่มทำงาน เริ่มเลื้อยไปเกาะแขนมันทันที

“บอกกูมาก่อนดิ ว่ามึงคุยกับใครรร”

“อย่าเสือก”

แรวงงงงงงงงง

แต่หาได้สะท้านไม่

“ไอ้วา กูจริงจังละ บอกกูมา มึงยังเห็นกูเป็นเพื่อนมึงอยู่ป่ะวะ ”

ไม้ตายงอแงไม่ได้ กูเปิดการ์ดดราม่าและนะ

อีกนิดถ้าไม่ตอบกูร้องไห้แน่

เจอขนาดนี้รับรองว่าใจแข็งแค่ไหนก็ต้องตอบ

“เห็น”

“เห็นว่ากูเป็นเพื่อนก็บอกมาดิว่าคุยกับใคร”

“เห็นว่ามึงเป็นใครทำไมกูต้องบอก ไอ้สัด” แม่งพูดจบเท่านี้ก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินเตะขาไป

ห้องน้ำทันที

โหย ไอ้ห่า โคตรเท่

ปวดขี้ได้เวลาสุดๆ

แล้วไง เอาไงต่อ

คิดขึ้นได้ผมจึงรีบโน้มตัวไปฝั่งตรงข้ามก่อนจะหยิบโทรศัพท์มันขึ้นมาดู

ไอ้ห่า ล็อคหน้าจอ

สัด

ผมรีบวางโทรศัพท์ไว้ที่เดิมก่อนจะนั่งตัวตรงแด่วเมื่อเห็นไอ้เจ้าของโทรศัพท์เดินกลับมาที่

โต๊ะพร้อมสีหน้าจับผิด

”ทำอะไรรึเปล่า”

“แดกหมู”

“หรอ”

“อือ” ผมรับ ก้มลงคีบหมูกินต่ออย่างเนียนๆ

มันพยักหน้าไม่ได้ใส่ใจอะไร กำลังจะหย่อนตูดนั่งเก้าอี้แต่เสียงหวานใสก็ดังขัดขึ้นมาซะ

ก่อน

“เอ่อ ขอโทษนะคะ”

“ครับ”

ผมหันไปตอบ

“เอ่อ ขอโทษค่ะ พอดีเราพูดกับนาวา”

เพล้ง!!

เสียงผมหน้าแตกแม่งดังพอๆกับเสียงกลั้นขำของไอ้นาวาอ่ะ

กลั้นอย่างนี้มึงอย่าพยายามเลยไอ้ห่า กูขมิบตูดยังกลั้นได้เยอะกว่า

ผมที่โดนด่าว่าเสือกอย่างอ้อมๆเลยทำอะไรไม่ได้นอกจากก้มลงกินต่อแต่แอบส่งสายตาเหล่

ไปมองสถานการณ์ตรงหน้า

สรุปคือคุณเธอมาจากโต๊ะข้างๆ เป็นเอฟซีมานาน แอบส่องอยู่ว่าใช่พี่นาวา จากเพจนักเลง

คิ้วท์บอยหรือเปล่า

จนคิดว่าใช่เลยมาขอถ่ายรูป

ปึด!!!!

รู้สึกเหมือนได้ยินเส้นเลือดในสมองหดตัวอย่างแรงเมื่อเห็นมือเธอคนนั้นโอบเอวไอ้นาวา

เดี๋ยวๆแล้วมึงไปโอบไหล่เค้าทำไม

เห็นว่าน่ารักใช่มั้ย เอาใหญ่เลยนะมึง ปากบอกไม่สนใจ

อ่ะ ยิ้มหวานอีก ยิ้มหวานเข้าไป

เห้ยๆ แล้วนั่นมึงขนกันมาอีกกี่คนวะเฮ้ยยยยยยยย

ผมได้แต่โมโหโกรธา นั่งด่ามันในใจคนเดียวขณะที่นั่งเคี้ยวเนื้อในปากอย่างขัดใจ

ผมให้มันพาผมมาเลี้ยง มันก็ควรให้ความสำคัญผมหน่อยปะวะ

เฮ้ย นี่ผมทำการบ้านให้มันนะเว้ยตั้งยี่สิบข้อ ลอกโจทย์เขียนตอบให้อย่างดี คำว่าวิธีทำกูก็ขีดเส้นใต้ด้วยปากกาแดงให้สองเส้นด้วยอ่ะ

นี่เพื่อนไง

แล้วทำไมต้องไปยิ้มให้ใครต่อใครเยอะแยะ

เห็นสาวดีกว่าเพื่อนหรอวะ

ไอ้ห่า ร้ายนะมึงอะ แล้วโทรศัพท์นั้นใครโทรมาอีก

บอกก็ไม่บอก จะมีความลับอะไรนักหนาวะ

ห่าเอ้ย เริ่มโมโหจริงละ

หงุดหงิดว่ะ

หงุดหงิดเหี้ยๆ

ใครก็ได้เอาหมาบ้าออกไปจากหัวกูที

ผมอึดอัดกับสถานการณ์ตรงหน้ายังไงไม่รู้ มองนาฬิกาก็พบว่าใกล้จะหมดเวลาที่จะกินแล้ว

เลยเลือกที่จะลุกออกมาแล้วเดินไปจ่ายเงินทันที

ลืมไปว่ามันจะเลี้ยง แต่ช่างแม่งเหอะ กูเลี้ยงแทนก็ได้ มันไม่มีเวลามาจ่ายเงินหรอก บริหาร

เสน่ห์อยู่

ผมไม่รู้จะไปไหนเลยเลือกเดินออกมายืนรอมันหน้าร้านแม่งเลย

หงุดหงิดโว้ยยยยยยยย

“อะไรของมึงวะ”

พลันเสียงที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นมาจากด้านหลัง ผมหันกลับไปมองก็พบกับใบหน้าเจ้าของเสียงที่

ขมวดคิ้วด้วยสีหน้าถมึงทึง

บอกเลยว่ากูก็ไม่ต่าง

“อะไรของกูคืออะไร”

“ออกมาทำไมไม่บอกก่อน“

“ก็อยากออก”

“เพื่อ”

“ก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไม”

“ก็นั่งแดกไปดิ”

“อิ่ม”

มันทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อ

“อะไรของมึงวะ แล้วนี่หงุดหงิดอะไร เป็นอะไรก็พูดดิ”

“กูไม่ได้เป็นอะไร” ผมตอบ เดินนำมันออกจากร้านเพื่อไปยังบีทีเอส

“ไม่ได้เป็นก็เหี้ยและ หน้ามึงไปซะขนาดนี้”

ไปไหน หน้ากูมันจะไปไหน

หน้ากูมันก็อยู่บนคอนี่แหละโว้ยยยยย

“อย่าบอกนะว่ามึงหงุดหงิดกูเรื่องโทรศัพท์”

ก็ด้วย

“ใช่มั้ย”

กูไม่บอกมึงหรอก

“หรือหงุดหงิดกูที่มีคนมาขอถ่ายรูป”

ก็ใช่ไง

“มึงจะหงุดหงิดทำไมวะ”

เออ

นั่นดิ

ไม่รู้ว่ะ

กูหงุดหงิดอะไรวะ

“หรือมึงอิจฉา”

อิจฉาอะไรวะ

“ที่ผู้หญิงเค้าเข้ามาขอกูถ่ายรูปแต่ไม่ได้มาขอมึง ใช่มั้ย”



เออ

เหตุผลน่าคิด ใช่ปะวะ

ผมไม่ตอบอะไร แต่เลือกเดินต่อไปด้วยจังหวะที่สม่ำเสมอพร้อมกับตัวเองที่หลงอยู่ในความคิด

ที่จริงแล้วที่ไม่ได้ตอบมัน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะตอบว่าอะไร

ก็ไม่ชอบอ่ะ ไม่พอใจ ทำไมคุยโทรศัพท์กับใครต้องไม่บอก

ทำไมต้องยิ้มให้คนอื่นโดยไม่สนใจกู

ทำไมวะ

บรรยากาศเงียบๆระหว่างผมกับมันถูกทำลายลงเมื่อเราเดินมาใกล้ถึงบีทีเอส

“สรุปว่ามึงจะไม่บอกกูใช่ไหม”

ไอ้นาวาพูดด้วยน้ำเสียงไม่ดีจนผมต้องหันไปมอง มันก็คงเริ่มมีน้ำโหบ้างแล้ว

ผมยังคิดคำไม่ออกว่าจะตอบอะไร

“ทำไมมึงมันงี่เง่าอย่างงี้วะ ไอ้ขุน สรุปคือมึงหงุดหงิดที่มีผู้หญิงมาขอกูถ่ายรูปแต่ไม่ใช่มึง กู

เข้าใจถูกมั้ย”

ถูกปะวะ

“ตอบกูมาดิ! กูไม่ชอบอะไรที่ไม่ชัดเจน อันนี้มึงโกรธอะไรกูยังไม่รู้เลย มึงตอบกูมาดิแค่ใช่

หรือไม่ใช่”

เชี่ย ตอบไม่ถูกว่ะ

”ถ้ามึงไม่ตอบงั้นกูกลับนะ”

“เดี๋ยวก่อน” เอื้อมมือไปคว้าแขนมันไว้แบบอัตโนมัติ

มันหันมามองหน้าผมแบบรอคำพูด

เชี่ย เอาไงดีวะ

“คือ…

… กูไม่รู้เหมือนกันว่ะ ก็กูหงุดหงิดอ่ะ กูไม่ชอบที่มึงโทรศัพท์ ไม่ชอบที่ไม่บอกอะไรกู ไม่ชอบ

ที่สนใจแต่คนอื่น”

“…” มันฟังผมอย่างตั้งใจ

“มึงมากับกูนะเว่ย ทำไมไม่สนใจกูหน่อยวะ”

“…”

“เนี่ย ที่กูคิดก็แค่นี้อ่ะ ไม่รู้ว่ะ มันดูแปลกๆปะวะ”

มันยังคงไม่ตอบ มองผมแบบอึ้งๆนิดหน่อย

อึ้งไรวะ

ไม่รู้จะทำไงเลยออกแรงดึงแขนที่จับอยู่ให้ขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น

“กูไม่ได้ขี้ใจน้อยนะ แต่ไม่รู้เหมือนกันอ่ะ ก็มึงเป็นเพื่อนกู กูจะคิดอย่างนี้ก็ไม่ผิดป่ะวะ”

“อืม”

มันตอบ

ผมปล่อยมือ

“ก็มึงสำคัญ”



ผมกับมันยืนนิ่งไม่พูดอะไรออกมา แค่มองหน้ากันอยู่อย่างนั้น จนเป็นผมที่พูดออกมา

”แค่นี้แหละ มึงกลับบ้านเหอะ กูขอโทษด้วยที่หงุดหงิด ขอบคุณที่เลี้ยง”

“มึงเลี้ยงกูไอ้สัด” ผมมองท่าทางมันแล้วอดยิ้มขำไม่ได้

“ก็กูรวย” พูดพร้อมกับเอื้อมมือไปขยี้หัวทุยๆของมันจนผมฟู

นี่แน่ะๆๆ ทำกูหงุดหงิด เอาคืนแม่ง

มันทำหน้าเหมือนอยากด่าแต่ผมชิงปิดปากมันไปก่อน

“เก็บแรงไปด่าต่อที่บ้านนะ ไปๆ กลับบ้านไปเลยมึงอะ ลาตรงนี้!”

มันดันหลังมันอย่างแรงในขณะที่ขบวนสายมันมาพอดี พอส่งมันเสร็จผมก็หันหลังเตรียมกลับทางตัวเอง

พร้อมกับสำรวจความคิดในใจ

นี่วันนี้กูเป็นอะไรวะ









Tbc.


………


คิดเห็นยังไงเม้นได้น้ารา อุอิ้ๆๆ

ตอนหน้าจบแล้วนะค้า ฝากขุนพลกับนาวาด้วยน้าาาา >________________<

ออฟไลน์ ืniyataan

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3324
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +64/-1
ตอนหน้าจะจบแล้ว ยังไม่เห็นแววหวาน  :sad4:

ออฟไลน์ yunnutjae

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 650
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
คือคอมเม้นข้างบนหาความหวานของคู่นี้....แต่เราก็ยังสงสัยว่านาวาชอบขุนจริงๆช้ะ เป็นนี่คือกูงอนไปละเด้อ อห.เย็นชาโคตร ปากร้ายด้วย
แกชั้นเจ่บ 55555555555555555
สงสารขุนเลย ถึงจะหมั่นไส้ความกากของนังก็เถอะ แอบชอบตามจีบขนาดนี้ละ หวงเพื่อนอิหยังล่ะ  :เฮ้อ:
โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย  :katai1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด