@@@The Taste of Love...อิ่มรักรสโอชา - มื้อค่ำพร้อมเสิร์ฟแล้วครับ (5/1/64)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: @@@The Taste of Love...อิ่มรักรสโอชา - มื้อค่ำพร้อมเสิร์ฟแล้วครับ (5/1/64)  (อ่าน 115031 ครั้ง)

ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boiy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ   ติดตามกฏเพิ่มเติมที่กระทู้นี้บ่อยๆ เมื่อมีการแก้ไขกฏจะแก้ไขที่กระทู้นี้นะครับ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
ประกาศทั่วไปติดตามอัพเดทกันที่นี่ http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.0
ประกาศ กฎที่อื่นมีไว้แหก แต่ห้ามมาแหกที่นี่
1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด การสนใจและชื่นชอบนิยายและเรื่องเล่าของคนในเรื่องควรมีขอบเขตที่จะไม่สร้างความเดือดร้อนให้เจ้าของเรื่อง เช่นเดียวกับเป็ดที่ตอนนี้ถูกรังควานตามหาตัวจากคนด้านต่างๆ จนตัดสินใจไม่เล่าเรื่องต่อ.........เนื่องจากบางเรื่องเป็นเรื่องเล่า.....................บางคนไม่ได้เปิดเผยตัวตน  เขาพอใจจะมีความสุขในที่เล็กๆแห่งนี้โดยไม่ได้ตั้งใจให้คนภายนอกได้รับรู้เรื่องราวแล้วนำไปพูดต่อ   เพราะปฎิเสธไม่ได้ว่าสังคมไม่ได้ยอมรับพวกเราสักเท่าไหร่
2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท,หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง
หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์
และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด การกระทำเช่นนั้นอาจทำให้คุณแบนทันที และถาวร . หมายเลข IP ของทุกโพสต์จะถูกบันทึกเพื่อใช้เป็นหลักฐาน
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ยากมากที่จะให้แต่ละคนมีความคิดเห็นตรงกันทั้งหมด   คนเรามากมายต่างความคิดต่างความเห็น เติบโตมาภายใต้ภาวะแวดล้อมต่างกันการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง   จึงควรทำเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน แบ่งปันประสบการณ์และมิตรภาพเพื่ออาจเป็นประโยชน์ในการใช้ชีวิต  และไม่ว่าจะอย่างไรก็ควรเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่างของบุคคลอื่นช่วยกันสร้างให้บอร์ดนี้มีแต่ความรักนะครับ   
เรื่องบางเรื่องอาจจะเป็นทั้งเรื่องแต่งหรือเรื่องเล่าใดๆก็ขอให้ระลึกเสมอว่า  อ่านเพื่อความบันเทิงและเก็บประสบการณ์ชีวิตที่คุณไม่ต้องไปเจอความเจ็บปวดเล่านั้นเองเพื่อเป็นข้อเตือนใจ สอนใจในการตัดสินใจใช้ชีวิต   จึงไม่ต้องพยายามสืบหาว่าเรื่องจริงหรือเรื่องแต่งส่วนการพูดคุยนั้น   ก็ประมาณอย่าทำให้กระทุ้กลายพันธุ์ห้ามเอาเรื่องส่วนตัวมาปรึกษาพูดคุยกันโดยที่ไม่เกี่ยวพันกับเรื่องในกระทู้นิยาย  ถ้าจะวิจารณ์หรือแสดงความคิดเห็นทุกคนมีสิทธิแต่ขอให้ไปตั้งกระทู้ที่บอร์ดอื่นที่ไม่ใช่ที่นี่นะครับ
3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อเจ้าของเรื่องเท่าที่จะทำได้หรือแจ้งมายังบอร์ดนี้ก่อนนะครับ  เนื่องจากเจ้าของเรื่องบางครั้งไม่ต้องการให้คนที่ไม่ได้ชื่นชอบนิยายชายรักชายเข้ามารับรู้  ลิขสิทธิ์ทั้งหมดเป็นของเจ้าของคนที่ทำขึ้นและเวปแห่งนี้นะครับ
4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอมให้ส่งหรือติดต่อกันทางพีเอ็มจะปลอดภัยกว่าแล้วเมื่อมีการติดต่อสื่อสารกันให้พึงระวังถึงความปลอดภัย ความไม่น่าไว้ใจของผุ้คนทุกคนแม้จะมีชื่อเสียงในบอร์ดเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละคนไป เพื่อลดความขัดแย้งภายในเล้า จึงไม่สนับสนุนให้มีการจีบกันในบอร์ดนะครับ
5.ห้ามจั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียวให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตาม เพราะแม้จะเป็นเรื่องที่เขียนจากเรื่องจริง เมื่อนำมาพิมพ์เป็นเรื่องผ่านตัวอักษร ย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีการเพิ่มเติมเพื่อให้เกิดสีสันในเนื้อเรื่อง ทางเล้าถือว่านั่นคือการเพิ่มเติมเนื้อเรื่อง จึงไม่อนุญาตให้จั่วหัวกระทู้ว่าเป็น “เรื่องเล่า” แต่สามารถแจ้งว่าเป็น “นิยายที่อ้างอิงมาจากชีวิตจริง” ได้  มีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว
6.การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน
7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
       7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
       7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
       7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
             - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ
8.Administrator และ moderator ของ forum นี้ มีสิทธิ์อ่าน, ลบ หรือแก้ไขทุกข้อความ. และ administrator, moderator หรือ webmaster ไม่สามารถรับผิดชอบต่อข้อความที่คุณได้แสดงความคิดเห็น (ยกเว้นว่าพวกเขาจะเป็นผู้โพสต์เอง).
9.คุณยินยอมให้ข้อมูลทุกอย่างของคุณถูกเก็บไว้ในฐานข้อมูล. ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะไม่ถูกเปิดเผยต่อผู้อื่นโดยไม่ได้รับการยินยอมจากคุณ .Webmaster, administrator และ moderator ไม่สามารถรับผิดชอบต่อการถูกเจาะข้อมูล แล้วนำไปสร้างความเดือดร้อนต่างๆ
10.ห้ามลงประกาศลิงค์โปรโมทเวป  โฆษณา หรือโปรโมทในเชิงธุรกิจใดๆ ทุกชนิด ลงได้เฉพาะในห้องซื้อขาย ในเมื่อแนะนำเวปอื่นที่บอร์ดเรา ก็ช่วยแนะนำบอร์ดเราโดยลงลิงค์บอร์ดเรา เวปhttp://www.thaiboyslove.com  ในบอร์ดที่ท่านแนะนำมาให้เราด้วย  เมื่อจำเป็นต้องแนะนำลิงค์ให้ส่งลิงค์กันทาง personal message หรือพีเอ็มแทนนะครับจะสะดวกกว่า ส่วนในกรณีอยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนๆได้อ่านจริงๆนั้นพยายามลงให้ห้องซื้อขายซะ หรือถ้าม๊อดเดอเรเตอร์จะพิจารณาเป็นกรณีๆไป ถ้ารู้สึกว่าไม่ได้โปรโมทเวป แต่อยากแนะนำสิ่งดีๆให้เพื่อนด้วยใจจริงจะให้กระทู้นั้นคงอยู่ต่อไป
11.บอร์ดนิยายที่โพสจนจบแล้วมีไว้สำหรับนิยายที่โพสในบอร์ด boy's love จนจบแล้วเท่านั้น จึงจะถูกย้ายมาเก็บไว้ที่นี่ หาอ่านนิยายที่จบแล้ว หรือคนเขียนไม่ได้เขียนต่อ แต่โดยนัยแล้วถือว่าพล็อตเรื่องโดยรวมสมควรแก่การจบแล้ว หากนักเขียนท่านใดได้พิมพ์เล่มกับสำนักพิมพ์ ต้องการลบเรือ่งบางส่วนออก โดยเฉพาะไคลแม๊ก หรือตอนจบที่สำคัญ ให้แจ้ง moderator ย้ายนิยายของท่านสู่ห้องนิยายไม่จบ เพื่อที่หากระยะเวลาเกินหกเดือนแล้ว เราจะได้ทำการลบทิ้ง หรือท่านจะลบนิยายดังกล่าวทิ้งเสียก็ได้ เนื่องจากบอร์ดนี้เก็บเฉพาะนิยายที่จบแล้ว
บอร์ดนิยายที่ยังไม่มาต่อจนจบไว้สำหรับนิยายที่คนเขียนไม่ได้มาต่อนาน หายไปโดยไม่มีเหตุผลสมควร ไม่ได้แจ้งไว้หรือแจ้งแล้วก็ไม่มาต่อ 3 เดือน จะย้ายมาเก็บในนี้เมื่อครบหกเดือนจะทำการลบทิ้ง ส่วนเรื่องไหนที่จะต่อก็ต่อในนี้จนกว่าจะจบ แล้วถึงจะทำการย้ายไปสู่บอร์ดนิยายจบแล้วต่อไป
12.ห้ามนำเรื่องพิพาทต่างๆมาเคลียร์กันในบอร์ด
13.ผู้โพสนิยาย และเขียนนิยายกรุณาโพสให้จบ ตรวจสอบคำผิดก่อนนำมาลงด้วยครับ
14.ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน  ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ
15. การนำรูปภาพ บทความ ฯลฯ มาลงในเวปบอร์ด  ควรจะให้เครดิตกับ...
(1) ผู้ที่เป็นต้นตอเจ้าของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ
(2) เวปไซต์ต้นตอที่อ้างอิงถึง ....ในกรณีที่เป็นบทความที่ถูกอ้างอิงต่อมาจากเวปไซต์อื่นๆ
- ถ้ามีแหล่งต้นตอของเจ้าของบทความ  ให้โพสชื่อเจ้าของต้นตอของบทความหรือรูปภาพนั้นๆ  พร้อมทั้งเวปไซต์ที่อ้างอิง
   (กรณีนี้จะโพสอ้างอิงชื่อผู้โพสหรือเวปไซต์ที่เรานำมาหรือไม่ก็ได้ แต่ควรมั่นใจว่าชื่อต้นตอของที่มาถูกต้อง)
- ถ้าไม่สามารถหาชื่อต้นตอของรูปภาพหรือเวปไซต์ที่นำมาได้ ควรอ้างอิงชื่อผู้โพสและเวปไซต์จากแหล่งที่เรานำมาเสมอ
- ควรขออนุญาติเจ้าของภาพหรือเจ้าของบทความก่อนนำมาโพสค่ะ(ถ้าเป็นไปได้) ยกเว้นพวกเวปไซต์สาธารณะ เช่น  หนังสือพิมพ์ออนไลน์ ฯลฯ ที่เปิดให้คนทั่วไปได้อ่านเป็นสาธารณะ ก็นำมาโพสได้ แต่ให้อ้างอิงเจ้าของชื่อและแหล่งที่มาค่ะ
- ไม่ควรดัดแปลงหรือแก้ไขเครดิตที่ติดมากับรูปหรือบทความก่อนนำมาโพส
- ถ้าเป็น FW mail  ก็บอกไปเลยว่าเอามาจาก FW mail   
16.นิยายเรื่องไหนที่คิดว่าเมื่อมีการรวมเล่มขายแล้วจะลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออก กรุณาอย่าเอามาลงที่นี่ หรือสำหรับผู้ที่ขอนิยายจากนักเขียนอื่นมาลง ต้องมั่นใจว่าเรื่องนั้นจะไม่มีการลบเนื้อเรื่องไม่ว่าบางส่วนหรือทั้งหมดออกเมื่อมีการรวมเล่มขาย อนึ่ง เล้าไม่ได้ห้ามให้มีการรวมเล่มแต่อย่างใด สามารถรวมเล่มขายกันได้ แต่อยากให้เคารพกฎของเล้าด้วย เล้าเปิดโอกาสให้ทุกคน จะทำมาหากิน หรืออะไรก็ตามแต่ขอความร่วมมือด้วย เผื่อที่ทุกคนจะได้อยู่อย่างมีความสุข  17.ห้ามแจ้งที่หัวกระทู้เกี่ยวกับการจองหรือจัดพิมพ์หนังสือ แต่อนุโลมให้ขึ้นหัวกระทู้ว่า “แจ้งข่าวหน้า...” และลงลิงค์ที่ได้ตั้งเอาไว้ในแล้วในห้องซื้อขายลงในกระทู้นิยายแทน  ถ้านักเขียนต้องการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจอง หรือจัดพิมพ์หนังสือของตนเองผ่านกระทู้นิยายของตนเอง  นิยายเรื่องดังกล่าวจะต้องลงเนื้อหาจนจบก่อน (ไม่รวมตอนพิเศษ) จึงจะทำการประชาสัมพันธ์ในกระทู้นิยายได้ (ศึกษากฏการซื้อขายของเล้่าก่อน ด้วยนะคะ)

เอาข้อสำคัญก่อนนะครับเด่วอื่นๆจะทำมาเพิ่มครับเอิ้กๆหุหุ admin thaiboyslove.com.......................................                                                             
วันที่ 3 ธ.ค. 2551วันที่ 16 ก.ย. 2554 ได้เพิ่มกฏ ข้อที่ 7 วันที่ 21 ต.ค.2556 ได้ปรับปรุงกฏทั้งหมดเพื่อให้แก้ไข และติดตามได้ง่าย
เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรงข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม


:o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8: :o8:

สวัสดีค่ะ

นี่เป็นนิยายเรื่องยาวเรื่องที่สองที่ผู้เขียน(กำลังพยายาม)แต่งขึ้น เรื่องนี้จะเป็นการแต่งไปอัพไป ไม่ใช่เขียนรวดเดียวจบแล้วอัพเหมือนเรื่อง Para Ti...คำ "รัก" นี้แด่เธอ (http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61147.0) ที่จบบริบูรณ์ไปแล้วนะคะ และจะเป็นแนวโรแมนติก คอเมดี้ (จะพยายามค่ะ) ที่เน้นกินเน้นเที่ยว ไปๆ มาๆ อาจจะกลายเป็นสารคดีกินเที่ยวที่มีเรื่องรักๆ แทรกก็ได้ (ฮา) แต่ในช่วงแรกนี้อาจจะมีดราม่าบ้างเล็กน้อยเพื่อเป็นการปูทางให้สองคนนี้มาเจอกันค่ะ

ตัวละครในเรื่องรักรสโอชานี้ เป็นตัวละครที่เคยปรากฎในเรื่อง Para Ti ตัวเอกของเรื่องนั้นอย่างนพและวัฒน์จะมาโผล่แว่บๆ ในเรื่องนี้ในฐานะตัวประกอบ แต่ในช่วงแรกนพอาจจะโผล่มาเยอะหน่อยเพื่อปูเรื่อง ตัวเอกในเรื่องนี้คือ ฆาบี้ ซึ่งเคยปรากฏมาในตอน My Name is Javier (1-2) ส่วนอีกคนคือเจ ซึ่งเป็นเพื่อนของนพที่โผล่มาแว่บๆ ในตอนท้ายเรื่อง
 
เนื่องจากเรื่องนี้เป็นการแต่งไป อัพไปตามใจเพี้ยนๆ ของผู้เขียน เรื่องอาจจะมาเร็วบ้าง ช้าบ้าง ก็ต้องขออภัยด้วยนะคะ ณ ตอนนี้มีแต่พล็อตกว้างๆ ในหัว ส่วนเรื่องราวจะออกมายังไงนั้น ก็แล้วแต่จินตนาการในตอนนั้นจะนำทางค่ะ หวังว่าผู้อ่านจะหาความสำราญได้จากเรื่องนี้บ้างนะคะ
 
La Vida Sin Tu Amor
21/7/2560


สารบัญ

0 - Intro
  1 - สิงห์ VS เสือ    2 - เสือห่มหนังกระรอก   3 - "ผมขอโทษ"  4 - กอด   5 - แฮ้ปปี้ มีล   6 - Let's Go Picnic!   7 - What's Up, Mia!
   8 - What Are We?   9 - ม่อนแจ่ม   10 - พลาด   11 - พลั้ง   12 - Tears   13 - แม่   14 - รสมือแม่   15 - Life of Javier   16 - Viva l'Italia   17 - หลับใหล   18 - Hong Kong Romance   19 - ห่านเอ๊ย!!!  20 - "Touch the Heart"   21 - เฉียด   22 - งานเปิดตัว   23 - เปลี่ยนแปลง   24 - กลับบ้าน

[SP] Chris Pt. 1   [SP] Chris Pt.2   [SP] Chris Pt.3   [SP] Chris Pt.4  [SP] Chris Pt.5

25 - I'm Home!    26 - วันที่เธอไม่มา

[SP] My Name is Javier Pt. 1   
[SP] My Name is Javier Pt. 2


27 - สมุย     28 - จอชจอมยุ่ง   
29 - ของขวัญ
   30 - Primera Vez...ครั้งแรก   31 - ตัวแทน?    32 - แทนใจ    33 - "Mi Paraíso...   34 - ...es Tu"   35 - ทะเลาะ   36 - Jay's Girl    37 - เสียรู้   38 - Nostalgia   
39 - Estar Contigo
   40 - เหมือนเป็นคนอื่น   41 - "Hello, Stranger!"   

[SP] Side Stories#1    [SP] Side Stories#2

42 - ยามห่าง    43 - ก่อนกลับบ้าน    44 - Before XMas Eve    45 - รสแห่งรัก    46 - Feliz Navidad    47 - ล้ม(วัว)    48 - Sex is Prohibited!    49 - วันที่หนึ่ง    50 - วันที่สอง    51 - Dinner at Diner    52 - วันที่สาม    53 - ผู้มาเยือน    54 - คืนนี้จะได้นอนไหม?    55 - La Vie en Rose    56 - ของดีเมืองเชียงใหม่    57 - แฟนผมน่ะ...คนนี้    58 - ปลานิล    59 - Girls! Girls! Girls!    60 - Meet the Parents    ุ61 - New Year's Party Pt.1    62 - New Year's Party Pt.2    ุ63 - ราตรีนี้ยังเยาว์นัก    64 - สวัสดีปีใหม่!    65 - New Year Resolution    ุุ66 - 'I Hug Jay'    67 - Job Offering     68 - อัลบั้มชีวิต    69 - Dinner@The Rainbow    70 - Cuban Aphrodisiac    71 - วันก่อนจาก    72 - Hasta Luego

เขียนเยอะเกิน ตัวหนังสือเกิน ตามตอนที่เหลือไปสารบัญ2 ได้ตรงนี้นะคะ

สารบัญ 2




Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-01-2021 20:58:31 โดย La Vida Sin Tu Amor »

ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1
Re: The Taste of Love...อิ่มรักรสโอชา - Intro
«ตอบ #1 เมื่อ21-07-2017 21:17:25 »




Update (20/8/60) -- ขอแก้ชื่อภาษาสเปนของฆาบี้หน่อยนะคะ พอดีไปอ่านเจอมาว่าการสะกด Xavier  เป็นแบบอังกฤษ คาตาลัน กาลิเซีย ไม่ใช่แบบสเปน


Introduction of Characters


Javier Valentin Martinez de la Rosa - ฆาเบียร์ บาเลนติน มาร์ติเนซ เด ลา โรซ่า

พ่อหนุ่มฆาบี้จากเรื่อง 'Para Ti...คำ "รัก" นี้แด่เธอ' อดีตนักศึกษาด้านคอมพิวเตอร์ตอนนี้กลายเป็นหนุ่มฉกรรจ์วัยใกล้ 40 ความรู้สึกยึดติดกับนพ รูมเมทตอนสมัยป.ตรี ทำให้ฆาบี้ไม่คิดจริงจังกับความรัก มุ่งแต่ทำงานและมีเซ็กส์เพียงเพื่อระบายความใคร่ ปัจจุบันเขาเป็นเจ้าของตัวจริงและผู้บริหารเงาของโครงข่ายเว็บไซต์ด้านการท่องเที่ยวและโรงแรมชื่อดัง แต่เขามักแสดงตัวเป็นบล็อกเกอร์กับนักประชาสัมพันธ์ของบริษัท ตอนที่มาไทยก็เช่นกันค่ะ

อิมเมจของฆาบี้คือ ชายเชื้อสายละติน (ปัวเอร์โต ริกัน) รูปร่างกำยำล่ำสัน กล้ามเป็นมัดๆ สูงประมาณ 180 ซม. แต่งตัวดี ดูแลตัวเองดี มีหนวดเครารำไรบ้างตามอารมณ์ ตาแพรวพราวของเขาคือจุดเด่นที่สุดของใบหน้าและทำให้ผู้ที่มองนั้นเคลิบเคลิ้มได้ เคยเขียนไว้ว่าหน้าตาไม่ได้หล่อจัดมาก แต่เมื่อพูดถึงหนุ่มละตินตาสวย ก็มีหน้าสองหนุ่มนี่เด้งขึ้นมา ซึ่งขอบอกว่าหล่อจัดทั้งคู่...ก็ลืมๆ ที่เคยเขียนไปเถอะนะคะ เลือกกันเองว่าชอบคนไหน

คนแรกคือหนุ่ม Jon Kortajarena ซุเปอร์โมเดลชายอันดับต้นๆ ของโลกจากสเปน (เดี๋ยวค่อยมาเติมรูปค่ะ)


https://www.picz.in.th/images/2017/09/04/jonset.jpg

 
คนที่สอง สุดเลิฟของคนเขียนมาเป็นเวลานาน ถึงตอนหลังลุงแกจะแก่เยินแล้ว แต่ภาพในวัยหนุ่มของลุงยังคงเป็นที่จดจำอยู่เสมอ โดยเฉพาะสายตาคู่นั้น...ลุง Antonio Banderas นักแสดงหนุ่มจากสเปนอีกเช่นกันค่ะ

https://www.picz.in.th/images/2017/09/04/antonioset.jpg

 
ส่วนการแต่งตัวของ Javier จะเป็นแนวๆ ผู้บริหารวัยหนุ่มค่ะ ชุดเป็นทางการคือสูท 2 หรือ 3 ชิ้น ทรงสลิมฟิต รองเท้าหนัง ไม่ใส่ถุงเท้า เว้นแต่จะไปงานเป็นทางการ ชุดลำลองคือเสื้อเชิร์ต กางเกงสแล็คหรือยีนส์เข้ารูป ถ้าจะใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ก็คงเป็นแบบเข้ารูปกับรองเท้าโลฟเฟอร์ คงไม่ได้เห็นพี่แกใส่แตะคีบแน่ๆ เว้นแต่ไปทะเล
 



เจ - เจนยุทธ ภัทรปรีดา


เจ หนุ่มวัยปลาย 20 ที่หน้าตาอ่อนวัยเหมือนนักศึกษา ใบหน้าขาวผ่องใส มีแก้มน้อยๆ ตาโตแวววาวมีประกายร่าเริงอยู่เป็นนิจ ปากเล็กรูปกระจับสีชมพู จมูกเล็กๆ ทำให้เขาดูอ่อนวัยและไร้พิษสงเหมือนกระรอกตัวน้อย หากแต่ตัวจริงใต้คราบใสแบ๊วทำให้หญิงสาวน้ำตาตกมานักต่อนักแล้ว เหมือนที่นพเคยเรียกมันว่า เสือห่มหนังกระรอก นิสัยเจตอนอยู่กับเพื่อนนั้นเฮฮา โผงผาง ดื้อเงียบ และอีกลักษณะเด่นคือ...ตะกละ ช่างกิน นิสัยแอบคล้ายนิกรในนิยายสามเกลอเหมือนกันน้อ...

อิมเมจของเจที่วาดภาพไว้คือ ตัวเด่นในการ์ตูนเรื่อง J-Jungle Boy ของริเอะ นากามูระค่ะ เดี๋ยวถ้าค้นเจอรูปจะเอามาลงอีกที รูปร่างเจไม่ใหญ่นัก สูงประมาณ 170 ต้น ซ่อนรูป คือดูเหมือนจะรูปร่างเพรียวบาง แต่จริงๆ เต็มไปด้วยมัดกล้ามแข็งแรง รูปร่างคล้ายๆ น้องทอม ฮอลแลนด์ สไปเดอร์แมนคนปัจจุบันค่ะ แต่หลังๆ นี่ถ้ามานึกดูดีๆ คนที่อิมเมจตรงเป๊ะเลยกับหนุ่มเจก็คือคนชื่อเจเหมือนกันอย่าง เจ มณฑล จิรา พ่อหนุ่มหน้าหวานหน้าเด็กตลอดกาล แต่รูปร่างเจของเราจะเล็กกว่าแค่นั้นเองค่ะ

https://www.picz.in.th/images/2017/09/04/J.jpg


https://www.picz.in.th/images/2017/09/04/tomset.jpg

ส่วนนพ เป็นชายหนุ่มร่างท้วมวัย 30 ตอนปลาย นิสัยเป็นกันเอง เป็นเพื่อนสนิทที่อายุมากกว่าของเจ และเป็นอดีตรูมเมทผู้เคยมีความหลังกับฆาบี้ซึ่งทำให้ทั้งคู่หมางเมินกันไป แต่ตอนนี้เมื่ออายุมากขึ้นทำให้นพกลับมาติดต่อเพื่อนเก่าของเขาคนนี้อีก อีกคนที่มาโผล่ในเรื่องนี้คือ วัฒน์ ดร.หนุ่มใหญ่วัยกลาง 40 ของม. สีชมพูผู้ไม่มีปากเสียง ทาสรัก(จริงๆ ควรเรียกแค่ ทาส) ของนพ ไม่รู้ว่าแกเป็นมาโซเล็กๆ หรือยังไงถึงได้ทนโดนเหวี่ยงโดนวีนจากชายหนุ่มร่างท้วมได้ไม่รู้เบื่อ ยอมใจพี่แกจริงๆ ค่ะ สองคนนี้เป็นตัวละครหลักจากเรื่อง Para Ti...คำ "รัก" นี้แด่เธอค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-03-2018 13:46:43 โดย La Vida Sin Tu Amor »

ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1


---- สิงห์ VS เสือ ----


มหานครนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา
ณ ห้อง suite ชั้น 65 ของ The Residence Mandarin Oriental New York



“Ah…Si! Mas rapido, mas fuerte!”
‘อ๊ะ ใช่ เร็วอีก แรงอีก’
เสียงครางกระเส่าแทบไม่เป็นภาษาดังจากร่างบางที่ยืนโก้งโค้งเอามือยันผนังกระจกใสสูงจากพื้นถึงเพดาน ร่างนั้นอุทานอย่างเสียวกระสันทุกครั้งที่แก่นลำของชายร่างกำยำที่ยืนประกบอยู่ด้านหลังเข้าชำแรกกาย

“ผมจะไม่ไหวแล้ว ฆาเบียร์”
 ร่างใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังพลิกร่างบางนั้นแล้วช้อนสะโพกขึ้นให้ฝ่ายนั้นเอาขากระหวัดเอวตนไว้และเดินไปที่เตียงที่อยู่ใกล้ๆ และลงนั่งบนเตียงให้ร่างบางนั้นคร่อมตนไว้ ชายหนุ่มหน้าหวานที่อยู่ด้านบนส่ายสะโพกอย่างรู้งาน เขาเร่งจังหวะ ใบหน้าหวานนั้นสะบัดไปมาด้วยความเสียวซ่าน มือเรียวรูดไล้ส่วนสงวนของตนเอง ร่างบึกบึนเบื้องล่างกระแทกสะโพกขึ้นรับตามจังหวะอย่างช่ำชอง ไม่นานนักทั้งสองก็ครางกระหึ่มออกมาอย่างสมใจ ร่างบางนั้นซบบนอกแกร่งพร้อมหายใจหอบกระเส่า แต่เพียงชั่วครู่ ก็ถูกร่างล่ำสันเบื้องล่างดันตัวให้ลงนอนบนเตียง พร้อมลุกไปอย่างรวดเร็ว

“คุณอาบน้ำซะ ถ้าอยากนอนพักก็นอนที่ห้องนี้ พรุ่งนี้ผมจะให้คนรถไปส่งที่บ้าน”
ชายหนุ่มเจ้าของร่างกำยำกล่าว ร่างบางนั้นลุกขึ้นกอดแขนล่ำสัน
“ฆาบี้...”
“ฆาเบียร์” เสียงทุ้มเจือแววไม่พอใจเล็กๆ แก้ไขคำ
“เอ่อ ฆาเบียร์...ขอผมนอนกอดคุณถึงเช้าไมได้เหรอ?”
ร่างบางนั้นประท้วงเบาๆ เขาเป็นหนึ่งในคู่นอนขาประจำที่มีไม่มากของฆาเบียร์ แต่เขาไม่เคยได้ร่วมเตียงกับสิงห์หนุ่มคนนี้ถึงเช้าเลย เจ้าของสายตาคมกริบนั้นระบายลมออกจากปาก พร้อมส่งยิ้มละไมให้
“อย่างอแงสิครับ พรุ่งนี้ผมต้องตื่นเร็ว กว่าคุณจะตื่นผมก็คงไปแล้ว ผมไม่อยากกวนเวลาพักผ่อนของคุณ ไว้คราวหน้าแล้วกันนะ” ฆาเบียร์พูดพร้อมจูบปากบางนั้นเร็วๆ จากนั้นร่างใหญ่ล่ำสันนั้นหันกายเดินออกจากห้องนอนเล็กนั้นไป ใบหน้าที่ยิ้มละไมนั้นเปลี่ยนเป็นเรียบเฉยยามหันกายจากมา

ร่างเปลือยเปล่านั้นเดินเข้ายังห้องนอนใหญ่ของตนที่อยู่ติดกัน เปิดตู้เย็นเล็กหยิบขวดน้ำแร่ Voss ขึ้นเปิดดื่ม เขาเดินไปที่ผนังกระจกใสพร้อมมองดูแสงระยิบระยับจากถนนฟิฟธ์ที่อยู่เบื้องล่าง

เจ้าของห้องงามบนส่วนเรซิเดนซ์ของโรงแรมชื่อก้องโลกนี้คือ ฆาเบียร์ บาเลนติน มาร์ติเนซ เด ลา โรซ่า นักธุรกิจหนุ่มใหญ่ด้านไอที เจ้าของเว็บไซต์ด้านโรงแรมและการท่องเที่ยวที่กำลังมาแรง เขามองเรือนร่างเปลือยหนั่นแน่นของตนที่สะท้อนในกระจกหน้าต่าง ในวัยใกล้ 40 ปี เขายังถือว่าสภาพดีมาก แผงอกใหญ่แน่น กล้ามท้องเป็นลอนลงมาเป็นตัววี แขนขาล่ำสัน และตรงส่วนนั้นที่ยังแข็งขันพร้อมมอบความสุขให้กับร่างที่อยู่เบื้องใต้ได้ทั้งคืน หน้าตาของเขานั้นไม่ได้หล่อจัดราวเทพบุตร หากเป็นดวงตาคมปลาบคู่นั้นที่มักสะกดผู้คนให้หลงเคลิ้มได้


ติ๊ง


เสียงเตือนดังมาจากสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดของเขา เขารีบหยิบมาดูพร้อมส่งยิ้มกว้างซึ่งต่างจากยิ้มละไมในห้องเล็กนั้นออกมาเมื่ออ่านข้อความจาก FB Messenger


Noppanat Leelawuth
Active now
Yesterday At 18:35

                                   
(Javier M.)
กูจะไปกรุงเทพฯ เดือนหน้า มึงว่างไหม?
ต้องไปเปิดสำนักงานใหม่แถบเอเชีย ที่ฮ่องกงน่ะ เลยว่าจะ
แวะกรุงเทพด้วย ถ้ามาได้ก็บอก เดี๋ยวกูจัดการเรื่องที่พักให้

02:24

(Noppanat L.)
อือ กูว่าง เดี๋ยวแวะไปหา มึงพักไหนก็บอก
ไม่ต้องจ่ายให้หรอก กูออกเองได้ ไอ้ห่า ถือว่ารวยแล้วจะอวดเรอะ?
(สติกเกอร์แลบลิ้นใส่)


ฆาเบียร์ยิ้มกว้างเมื่ออ่านถึงตรงนี้ นพน้อยของเขายังทะเล้นเหมือนเดิม

‘กูจะแก้ไขชดเชยสิ่งที่กูทำผิดกับมึงไป นพ’

เขาหวนนึกถึงน้ำตาของชายหนุ่มร่างอวบอดีตรูมเมทเมื่อเขาพรากเอาครั้งแรกของนพไปอย่างไม่เต็มใจ แม้ฝ่ายนั้นจะสนองตอบต่อสัมผัสของเขาแต่ก็เป็นเพราะแอลกอฮอล์ที่ทำให้ฝ่ายนั้นเผลอไผลไป จากเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ความเป็นเพื่อนของทั้งคู่ขาดสะบั้นลง อีกทั้งนพต้องเดินทางกลับไทยทั้งคู่จึงขาดการติดต่อกันโดยสิ้นเชิง ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่มีสักวันที่เขาจะลืมนพน้อยของเขา แม้เขาจะกกกอดร่างอื่นอีกนับไม่ถ้วน แต่พวกนั้นเป็นได้แค่เพียงเครื่องระบายความใคร่ ไม่มีใครมาแทนที่นพในใจเขาได้ และนั่นเป็นเหตุให้เขาดีใจจนแทบบ้าเมื่อนพรับแอดเฟซบุ๊คเขาเมื่อสองปีที่แล้ว หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ติดต่อกันมาโดยตลอด เวลาที่ผ่านไปกว่า 15 ปีทำให้นพยกโทษให้การกระทำของฆาเบียร์ และพูดคุยกันประหนึ่งที่เคยเป็นในวันวาน
 
‘ไว้เจอกัน แต่ เออ กูจะพาเพื่อนไปด้วยนะ’

ประโยคสุดท้ายของนพเขียนมาแบบนั้น ฆาเบียร์อาบน้ำ ขึ้นเตียงแล้วเปิดดูรูปของนพในเฟซบุ๊คจนผล็อยหลับไป




เชียงใหม่ ราชอาณาจักรไทย
ณ อพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่ง



ร่างเปลือยสองร่างกำลังกอดก่ายกันบนเตียงนุ่มที่ยับยู่ยี่จากสงครามรักที่กำลังเกิดขึ้น เสียงร้องครางระงมประหนึ่งหลุดออกมาจากเอวีของหญิงสาวผมยาวสยายที่กายบิดเร่าไปด้วยแรงปรารถนาทำให้ตากลมหวานของชายหนุ่มที่คร่อมอยู่หรี่ลงเล็กน้อยด้วยความรำคาญ

‘แม่ม จะครางอะไรนักหนาวะ หนวกหู’

แม้ใจคิดอย่างนั้น แต่ช่วงล่างของเจนยุทธก็ยังไม่หยุดทำงานและป้อนความเสียวซ่านให้สาวน้อยที่เขายังไม่รู้จักชื่อด้วยซ้ำนั้น ปากของเขาซุกไซร้ดูดเล็มที่เม็ดทับทิมบนอกกระเปาะนั้น

‘ตอนก่อนถอดดูยังไงก็คัพดี ไหงถอดแล้วหดมาเหลือแค่นี้วะ?’
เจนยุทธหรือเจคิดอย่างเซ็งๆ หลังๆ มาเขาเจอแบบนี้ประจำจนชินแล้ว เขาพลิกร่างหญิงสาวขึ้นคร่อมบนตัวเขา

“เต็มที่เลยครับ เราไม่ค่อยเก่ง เธอช่วยนำเราที”
เขาส่งสายตาเว้าวอนไปที่สาวน้อยด้วยท่าทางใสซื่อ จริงๆ เขาเมื่อยแล้วต่างหาก เมื่อเย็นก็จัดไปแล้วคนนึง ตอนนี้ขอนอนสบายๆ ดูวิวแจ่มๆ ดีกว่า สองมือเขาคลึงเคล้นอกน้อยๆ นั้น สะโพกคอยเสยขึ้นเป็นระยะๆ ตามแรงบดของสาวที่คิดว่าตัวเองกำลังเป็นคนคุมเกม ร่างที่เร่งจังหวะเร็วขึ้นกระตุกถี่พร้อมเสียงหวีดร้องแบบเกินจริงทำให้เขารู้ว่าต้องเร่งแล้ว เขาเร่งอีกไม่กี่ครั้งก็ครางหนักๆ ออกมา จากนั้นก็เบี่ยงหน้าทำเป็นจูบแก้มของแม่สาวร้อนรักเพื่อเลี่ยงการจูบปาก สำหรับเขาแล้วการจูบมีไว้เพื่อปลุกเร้าอารมณ์เท่านั้น เขาปล่อยให้ร่างบางนั้นกอดก่ายอยู่พักหนึ่งก่อนจะลุกขึ้น

“ไปไหนล่ะ ไม่ต่ออีกรอบเหรอ?”
เขาหันกลับมาปั้นยิ้มอย่างอ่อนหวานให้แม่สาวไร้ชื่อคนนั้น
“เราขอตัวก่อนดีกว่า พรุ่งนี้มีสัมภาษณ์งานตอนเช้า กลัวตื่นไม่ทัน”
“งั้น ขอเบอร์หน่อยสิ เผื่อไว้โทรนัดมาสนุกกันอีก”
เจขมวดคิ้วน้อยๆ แล้วส่งโทรศัพท์เครื่องเก่าคร่ำคร่าที่มีไว้แจกเบอร์สาวๆ ให้
“พิมพ์เบอร์เธอมา เดี๋ยวเรายิงไป” สาวน้อยนั้นพิมพ์เบอร์มา และเจก็โทรกลับไปทันควัน

“เราขอไปล้างตัวแป๊บนึงนะ”
เจเดินเข้าห้องน้ำ ยกโทรศัพท์ขึ้นตั้งบล็อกเบอร์ของสาวน้อยคนนั้น เขายิ้มมุมปาก แต่ต้องหุบยิ้มเมื่อเห็นรอยจูบบางๆ ตามแผ่นอกและคอจากในกระจก
“ตายห่ะ ไปทันดูดเมื่อไหร่วะ กูว่ากูเลี่ยงแล้วนะ...เวรเอ๊ย”
เงาที่สะท้อนในกระจกนั้นคือชายหนุ่มหน้าตาอ่อนเยาว์ดูไร้พิษภัย จริงๆ แล้วเจอายุล่วงเข้าปลาย 20 แล้ว หากใบหน้าเล็กที่มีแก้มเล็กน้อย ตากลมวาวสดใส ขนตายาว จมูกเล็ก ปากรูปกระจับสีแดงระเรื่อทำให้ชายหนุ่มดูหน้าเด็กกว่าวัยพอควร

“มึงนี่มันเสือห่มหนังกระรอกชัดๆ ว่ะ ไอ้เจ” พี่ชายคนสนิทของเขาเคยบอกแบบนั้น


เมื่อกลับถึงห้องคอนโดของเขาย่านนิมมานฯ เจล้วงโทรศัพท์รุ่นใหม่ล่าสุดซึ่งเป็นเบอร์ที่เขาแจกให้แต่คนสนิทจริงๆ มาดู
“ชิบละ...12 มิสคอลอิพี่นพ โดนบ่นหูชาแน่กู”  เจส่ายหัวเมื่อนึกถึงนิสัยขี้บ่นของพี่ชายคนสนิท
“โหล ไงพี่? โทษทีผมติดธุระนิดหน่อย”
“ธุระห่าอะไรมึง ฟันสาวอยู่อ่ะสิ ระวังเหอะมึง สักวันไปเจอคนถูกใจเข้าจริงๆ แล้วกรรมจะตามสนอง”
กูว่าแล้วววว มันบ่นอีกแล้ว
“เออ น่า นิดหน่อยๆ ว่าแต่มีไรอ่ะ โทรมาซะหลายรอบ งอนผัวอีกเหรอ?”

เจพูดพลางหาวหวอดๆ วันนี้ใช้พลังไปเยอะ คงต้องงีบยาวหน่อย
“ไอ้เวรนี่ กูจะถามว่าเดือนหน้ามึงว่าไหม ว่าจะชวนไปกรุงเทพฯ”
“...ไอ้ฆาบี้มันจะมา ว่าจะไปหามันหน่อย ไม่ได้เจอกันมาจะยี่สิบปีละ แล้วจะเลยไปหาพี่วัฒน์ด้วย”
ตากลมโตคู่นั้นวาวโรจน์เมื่อได้ยินชื่อแรก
“ว่างพี่ จะไปวันไหนบอก ผมจะได้ซื้อตั๋วเครื่องบิน”
หลังวางสาย เจเผลอแสยะยิ้มออกมา
‘เหอะ ไอ้ฆาบี้...ในที่สุดมึงก็มา คราวนี้แหละ กูจะทำให้มึงรู้ซึ้งถึงสิ่งที่มึงเคยทำไว้กับพี่นพ’
ชายหนุ่มเข้านอนพร้อมแผนการแก้แค้นให้กับพี่ชายสุดที่รักของเขา
“คนอย่างมึง ต้องเจอคนอย่างกู ไอ้ฆาบี้” ปากรูปกระจับสีชมพูพึมพำออกมาก่อนที่จะเคลิ้มหลับไป


-------------------------------------------------------------

เอาตอนแรกไปอ่านก่อนนะคะ คืนนี้จะพยายามปั่นตอนที่สอง แหะๆๆ

ตรงแชท ตอนแรกพยายามพิมพ์ตามแบบ FB messenger แต่จัดหน้ายากชะมัด แบบนี้ก่อนละกันนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 20-08-2017 13:48:43 โดย La Vida Sin Tu Amor »

ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1



---- เสือห่มหนังกระรอก ----


​"ขณะนี้เครื่องบินของเรากำลังทำการลดระดับสู่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขอให้ทุกท่าน..."

เสียงพนักงานต้อนรับสาวประกาศ ฆาเบียร์ปรับเบาะที่นั่งของเขาให้ตั้งขึ้น ในวันนี้เขาโดยสารในชั้นธุรกิจของสายการบินไทยจากฮ่องกง โดยปกติแล้วถ้าเดินทางไกลๆ เขาจะยอมใช้บริการชั้นเฟิร์สคลาส แต่วันนี้เป็นเพียงการเดินทางระยะสั้นชั้นธุรกิจก็โอเคแล้ว ฆาเบียร์เพิ่งเสร็จภารกิจสามสัปดาห์ในฮ่องกงเพื่อจัดการตรวจสอบและทดสอบระบบที่สำนักงานใหม่ที่นั่นซึ่งจะเป็นสำนักงานใหญ่แผนกเอเชียแปซิฟิคของบริษัทเขา ตอนนี้เขามีเวลาว่างอีกพักใหญ่ที่จะท่องเที่ยวไปตามใจชอบและเพื่อทำหน้าที่ฉากหน้าบล็อกเกอร์สายกินเที่ยวของเขา เขาตัดสินใจที่จะใช้มันในประเทศไทยกับคนที่เขาเฝ้ารอมานาน

เมื่อถึงสนามบินสุวรรณภูมิ หลังผ่านต.ม.และศุลกากรแล้ว รถเบนซ์ เอสคลาสของทางโรงแรมก็มารอรับเขาอยู่แล้ว ทุกครั้งที่เดินทางมากรุงเทพฯ เขามักพักโรงแรมที่มีคอนแท็คท์กับทางบริษัทของเขา แต่ที่เขาโปรดปรานที่สุดคือโรงแรมอินเตอร์คอนติเน็นทอล แยกราชประสงค์ ซึ่งน่าอัศจรรย์ว่าเป็นที่โปรดของนพเช่นกัน ฆาเบียร์ยิ้มน้อยๆ เมื่อนึกว่าเขากำลังจะได้เจอนพแล้ว


"คุณมาร์ติเนซจะขึ้นไปเช็คอินที่ห้องเลยเหมือนทุกทีหรือเปล่าครับ?" พนักงานขับรถถามเขาด้วยภาษาอังกฤษอย่างดี

"ไม่ครับ วันนี้ผมจะขึ้นไปเช็คอินที่คลับเลาจ์ ผมมีนัดที่นั่น"

พนักงานขับรถรับคำ เมื่อถึงโรงแรม ฝ่ายต้อนรับพาเขาขึ้นไปยังชั้น 37 อันเป็นที่ตั้งของคลับเลาจ์ที่เรียกว่ามีวิวดีที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ พนักงานสาวพาเขาไปนั่งรอที่โต๊ะเพื่อทำการเช็คอินพร้อมเสิร์ฟเครื่องดื่มต้อนรับ บนชั้นคลับเลาจ์นี้เขาสามารถดื่มซอฟท์ดริงค์ ชา กาแฟได้ทั้งวัน อีกทั้งมีอาฟเตอร์นูนทีให้ยามบ่ายและค้อกเทลในยามค่ำ

"เดี๋ยวผมยังไม่เข้าห้องนะ จะรอเพื่อนที่นี่ก่อน ถ้าคุณนพพนัสมาเช็คอินบอกเขาว่าผมรอที่นี่นะครับ"

ฆาเบียร์บอกพนักงานสาวอย่างสุภาพ เขามักสุภาพเสมอกับคนที่ทำงานสายบริการ เขาไม่เคยเข้าใจคนที่พยายามทำตัวข่มคนที่มาทำหน้าที่บริการให้ มันไม่ได้ทำให้ดูยิ่งใหญ่หรืออะไรเลย กลับดูน่าสมเพชเสียมากกว่า

ร่างกำยำในเสื้อเชิร์ตขาวกางเกงสแล็คน้ำเงินเข้มนั้นนั่งอ่าน Thaiboyslove เอ๊ย อ่านนิตยสารในแท็บเล็ตรอได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงที่ปรารถนาจะได้ยินมานาน

"ฆาบี้..."

อา...เขาคิดถึงคำเรียกนี้จริงๆ เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับเพื่อนรักเมื่อกว่า 15 ปีก่อน ก่อนที่จะลุกขึ้นไปรวบร่างอวบนั้นเข้าแนบอก...ตัวมันยังหอมและนุ่มนิ่มเหมือนเดิม ถึงจะอวบขึ้นกว่าเดิมไปบ้างแต่ก็ยังน่ารักในสายตาเขา

"ไอ้ฆาบี้ ปล่อย กูอายเค้า"

นพหน้าแดง ดิ้นหลุดจากอ้อมกอดของไอ้เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด นี่เขาคิดถูกหรือเปล่าที่ยอมมาเจอฆาเบียร์ นพใจอ่อนยวบเมื่อเห็นน้ำตาที่เอ่อตาคมสวยคู่นั้น ดีที่เช้านี้มีคนในคลับเลาจ์น้อย ไม่งั้นต้องโดนเม้าท์กระจายแน่ๆ

"กูคิดถึงมึง นพ..." ยัง มันยังไม่หยุด เดี๋ยวน้องๆ พนักงานก็ได้เข้าใจผิดกันหมด

"กูรอมา 15 ปีเพื่อวันนี้...กูอยากบอกมึงจริงๆ ว่ากูขอโทษในสิ่งที่ทำไป มึงจะยกโทษให้กูได้ไหม นพ?"

นพยังไม่ทันอ้าปากตอบก็มีเสียงกระแอมเหมือนคนโดนตีนหมาติดคอดังขึ้น ทั้งคู่หันขวับไปมองร่างเพรียวที่ยืนหน้าง้ำอยู่ใกล้ๆ

"เห้ย โลกนี้ไม่ได้มีแค่สองคน สนใจคนอื่นบ้าง"

เจนยุทธพูดขึ้นอย่างเซ็งๆ เป็นภาษาไทย นพหัวเราะพลางหันไปพูดกับฆาเบียร์เป็นภาษาอังกฤษ

"กูลืมแนะนำไป นี่เจ เพื่อนสนิทกูในตอนนี้ เจ นี่ฆาเบียร์ รูมเมทเก่ากูตอนอยู่เมกา"

ฆาเบียร์หันไปพินิจพิเคราะห์ชายหนุ่มร่างบางที่ยืนอยู่ข้างๆ นพ ใบหน้าใสนั้นอ่อนเยาว์ ดวงตากลมหวาน ขนตายาว ปากรูปกระจับสีแดงระเรื่อนั้นดูเย้ายวนนัก นี่ถ้าอยู่ที่บ้านเขาคงกำลังหาทางหิ้วหนุ่มคนนี้กลับห้องแน่ๆ แต่ในวันนี้เขามาเพื่อนพเท่านั้น

"สวัสดีครับ ฆาเบียร์ ผม เจ ยินดีที่ได้รู้จัก"

เจแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษที่ชัดที่สุดเท่าที่คนไทยที่ไม่ใช่นักเรียนนอกจะพูดได้ พร้อมส่งมือมาจับกับมือใหญ่หนาของฆาเบียร์ 'แหม มือนุ่มเสียด้วย' ชายต่างชาติอดคิดไม่ได้ รอยยิ้มบางๆ บนหน้าหวานๆ นั้นชวนให้เขาเคลิ้มได้เล็กๆ

"เรียกผมฆาบี้ก็ได้ครับ"

เพื่อนของนพ...เรียกฆาบี้ได้ เขาไม่ว่า ช่วงหลังมา นอกจากครอบครัวและเพื่อนสนิท เขาไม่ยอมให้ใครเรียกเขาด้วยชื่อนี้อีก

"แหมๆ เห็นหนุ่มน้อยหน้าใสแล้วเคลิ้มเลยนะ ไอ้ฆาบี้" นพแซวขึ้น ฆาเบียร์หันไปปฏิเสธเป็นพัลวัน

"นพ ไปคุยกันที่ห้องกูดีกว่า จะได้เป็นส่วนตัวกว่านี้ พอดีว่าคราวนี้เค้าอัพเกรดให้เป็นห้องใหญ่มาอีกหน่อย" เขาปดเล็กๆ เขายังไม่เคยเล่าเรื่องความสำเร็จของเขาให้นพฟัง ให้นพมองเขาเป็นแค่บล็อกเกอร์ที่ประสบความสำเร็จบ้างดีกว่า

"ว้าว นี่มันไม่ใช่ใหญ่มาหน่อยแล้วนะ พี่นพ" เจตะลึงเมื่อเห็นห้องขนาด 100 ตารางเมตร

"ผมว่าห้องคอร์เนอร์ ซูอิทของเราใหญ่แล้วนะ เจอห้องนี้แล้วเล็กไปถมเลย"

นพหัวเราะมองไอ้ตัวดีเดินไปดูทางนู้นทางนี้ ไม่เพียงแต่นพที่มองว่าร่างนั้นน่าเอ็นดู ฆาเบียร์เองก็คิดเช่นนั้น ผู้ชายแบบเจคือสเป็คของเขามาเนิ่นนานแล้ว

"โห ดูวิวสิพี่ วิวเดียวกับบนคลับเลาจ์เลย"

เจหมายถึงวิวสนามม้าราชกรีฑาสโมสรที่อยู่ด้านหลังโรงพยาบาลตำรวจ


(Ambassador Suite@InterContinental Bangkok)
https://www.picz.in.th/images/2017/09/04/InterCon-AmsuiteSet.jpg


ฆาเบียร์ชวนทั้งสองหนุ่มลงนั่งคุยกันที่ชุดรับแขกนุ่ม เขากับนพต่างรำลึกถึงความหลังเมื่อครั้งวัยหนุ่ม โดยมีเจคอยซักถามสอดแทรกขึ้นเป็นระยะๆ เสียงหัวเราะของทั้งสองก้องทั่วห้องกว้าง

'ไอ้ฆาบี้มันก็ไม่แย่ซะทีเดียวนะ'

เจคิดในใจ เขานึกว่ามันจะเป็นผู้ชายที่นิสัยแย่กว่านี้ เขาเริ่มรู้สึกดีกับมันขึ้นมาบ้างแล้ว ริมฝีปากเจเผยอยิ้มละไมเมื่อเห็นภาพพี่นพของมันหัวเราะอย่างมีความสุข แต่ก็ต้องหุบยิ้มเมื่อฆาเบียร์ถามนพขึ้นมาว่า

"เออ คืนนี้นพมานอนห้องนี้เลยไหมล่ะ..." เห้ย...ขอโทษนะ กูรู้ทันมึง นี่มึงกะจะเคลมพี่กูอีกรอบแล้วใช่ไหม?


"...เราจะได้คุยกันต่อได้โดยไม่ต้องกวนเจ"

ไม่ต้องมาอ้างกูเลยไอ้นี่ อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่แล้ว คนพันธุ์เดียวกันกับฆาเบียร์คิดขึ้นอย่างขัดใจ นพทำหน้าลำบากใจ เขาก็อยากคุยกับฆาเบียร์ แต่ก็เกรงใจไอ้น้องชายที่อุตส่าห์มาเป็นเพื่อน แต่ก่อนที่นพจะทันตอบอะไร เสียงโทรศัพท์ของนพก็ดังขึ้น

"พี่วัฒน์..." นพพึมพำเป็นภาษาไทย พร้อมบอกขอตัวรับโทรศัพท์เป็นภาษาอังกฤษและเดินไปคุยที่มุมห้อง คุยกันได้ดีๆ ไม่นานเสียงนพก็ดังขึ้นๆ จนกลายเป็นว๊ากใส่ปลายสายนั้น เจกลั้นยิ้มมองฆาเบียร์ที่ตะลึงมองนพ มันคงไม่เคยเห็นปางมารของไอ้พี่ชายสินะ อ๊ะ ไม่สิ จากที่เคยได้ยินมา มันน่าจะเคยเห็นอย่างน้อยครั้งหนึ่ง

"แม่งเอ๊ย!!"

นพกระชากเสียงอย่างหงุดหงิด แล้วก็นึกได้หันมาขอโทษขอโพยคนที่นั่งอ้าปากค้างดูอยู่

"It's my stupid boyfriend...ไอ้แฟนงี่เง่าของกูเองว่ะ" นพถอนหายใจแล้วหันไปหาเจ

"เจ เอาไงดี พี่วัฒน์แกกลับมาจากออกฟีลด์ก่อนกำหนด แกว่าคืนนี้แกจะมาหา แล้วคงอยู่ด้วยได้จนถึงวันกลับ เราเอาเตียงมาเสริมได้ไหม?"

นพถามอย่างหนักใจ จริงๆ แล้ววัฒน์ต้องไปออกภาคสนามช่วงนี้ และจะเจอกันอีกทีเพื่อขึ้นเชียงใหม่พร้อมๆ กันในอีกสามวันข้างหน้าแต่พอดีว่าเสร็จธุระเร็วกว่ากำหนด วัฒน์เลยกลับมากรุงเทพฯ ได้ก่อน ในเมื่อโอกาสเปิด เจก็ต้องจัดไปอย่าให้เสีย

"งั้น พี่นพ...เอางี้ไหม? ไหนๆ ห้องฆาบี้เขาก็ว่าง ผมขอมานอนห้องเขาก็ได้ พี่นพจะได้มีเวลาส่วนตัวกับแฟนไง"

เจทำหน้าใสซื่อเหมือนกระรอกน้อยจ้องตาฆาบี้อย่างเว้าวอน "ผมขอมาอยู่ด้วยได้ไหมครับ?"

ฆาบี้ืที่กำลังงงๆ เรื่องแฟนของนพพยักหน้าตกลง ก็ดี เขาจะได้หลอกถามเรื่องนพจากไอ้เจ้าเด็กหน้าตาน่ารักคนนี้ อีกอย่าง เขาก็ไม่รังเกียจที่จะมีหนุ่มหน้าหวานมาร่วมเตียงด้วยหรอกนะ

"ว่าแต่ หลังจากนี้มึงจะทำอะไรน่ะ ฆาบี้? จะกลับเมกาเลยไหม?"

นพถาม

"เออ กูก็ว่าจะเดินทางเที่ยวแถบนี้น่ะ จะได้เขียนลงบล็อกด้วย"

แล้วฆาบี้ก็อธิบายว่าหน้าที่ของเขาในบริษัทคือเขียนบล็อกท่องเที่ยวพร้อมทั้งรีวิวโรงแรม ร้านอาหารในเมืองต่างๆ ที่ไปมาเพื่อเป็นการส่งเสริมให้กับธุรกิจหลักของบริษัท ให้คนอ่านแล้วอยากเที่ยวบ่อยๆ

"กูว่าจะหาจ้างไกด์ท้องถิ่นซักคนพาเที่ยวไปไหนต่อไหน มึงมีคนแนะนำไหมวะ?"
นพนิ่งไปพักหนึ่ง แล้วก็ยิ้มออกมา

"ไอ้เจนี่ไง ช่วงนี้มันว่างๆ อยู่ เห็นหน้าแบบนี้ มันเรียนจบการโรงแรมเลยนะ น่าจะเป็นประโยชน์กับมึงมั่ง"
อ่า...ถามกูหน่อยก็ดีนะพี่นพ

"เออ ดีเลย ภาษาเจก็ดีด้วย ว่าไง เจ จะทำงานกับผมไหม? ผมจ้างนะ" เจหัวเราะเบาๆ

"จ้างไหวเหรอ? ผมแพงนะ" เจทำหน้าจริงจัง

"งั้นเริ่มจากมื้อเที่ยงนี้เลย ผมหิวมากจะกินให้เต็มคราบเลย"

ฆาบี้หัวเราะอย่างเอ็นดู เด็กคนนี้ทำให้เขานึกถึงนพตอนวัยหนุ่มที่สดใส เต็มไปด้วยพลัง

"กูอยู่กินข้าวด้วยไม่ได้นะ ต้องไปกินกับไอ้พี่วัฒน์มัน ไว้เจอกันอีกทีตอนเย็นๆ แล้วจะพาแกมาเจอ"

นพอยู่คุยกับสองหนุ่มต่ออีกพักใหญ่ถึงขอตัวไป


ฆาเบียร์พาเจลงมากินมื้อเที่ยงที่ห้องอาหาร Fireplace Grill ในโรงแรมซึ่งเป็นร้านประจำของเขาทุกครั้งที่มานอนที่นี่

"เซ็ตลันช์ที่นี่เขาใช้ได้นะ ของคุณภาพดีแถมราคาก็ไม่เลวด้วย"

คนที่มาบ่อยบอก เจดูเมนูแล้วก็เห็นด้วย อาหารสี่คอร์สในราคา 999++ ที่กรุงเทพฯ นั้นถือว่าใช้ได้แล้ว มื้อนี้เริ่มด้วยขนมปังมันฝรั่งเนื้อนุ่มหนึบพร้อมเนยจากฝรั่งเศส เจชมเปาะว่านี่เป็นขนมปังที่อร่อยที่สุดในประเทศไทยที่เขาเคยกินแล้ว จากนั้นเจเริ่มคอร์สแรกด้วย duck confit เนื้อเป็ดนั้นไม่แห้งเกินไป ปรุงรสกำลังดี แถมหนังยังกรอบเล็กๆ ทำให้เจยิ้มไม่หยุด

ฆาเบียร์มองภาพนั้นด้วยความเพลิดเพลิน แก้มที่เคี้ยวตุ้ยๆ นั้นทำให้เขานึกถึงนพน้อยของเขาในสมัยก่อน ทั้งสองชอบกินเหมือนกัน มิน่าถึงอยู่เป็นเพื่อนกันมาได้ยาวนาน คอร์สที่สองของเจคือซุปหัวหอม รสชาติที่เข้มข้นของซุปเนื้อตัดกับรสหวานอ่อนๆ ของหัวหอมที่เคี่ยวจนเปื่อยเพิ่มความหนักให้ด้วยขนมปังกรอบหน้าชีส จานหลักแสนสวยที่เสิร์ฟต่อไปคือ แก้มวัวตุ๋นจนเปื่อยกับผักปั่นที่ทำออกมาเป็นลูกๆ เหมือนมุก มันฝรั่งบดที่ให้สัมผัสบางเบาและรสเค็มเผ็ดจากชอริโซ่หรือไส้กรอกสเปนหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ และเอาไปทอดกรอบทำให้สัมผัสของอาหารจานนี้น่าสนใจขึ้น เจเลือก Mixed berry pavlova เป็นของหวาน ตัวพาฟลอฟว่าทำจากไข่ขาวที่ตีและอบเหมือนกับเมอแรงก์ราดด้วยเบอรี่รวม ความเปรี้ยวเล็กๆ ของเบอรี่เข้ากับรสหวานของฟาฟลอฟว่าได้ด้วย เจตบท้ายมื้ออาหารของเขาด้วยกาแฟเอสเปรโซ่อย่างดี

(Fireplace Grill lunch Set@InterContinental Bangkok)
https://www.picz.in.th/images/2017/09/04/FireplaceSet.jpg

"อร่อยมาก ขอบคุณครับ ฆาเบียร์"

เจยิ้มให้หนุ่มใหญ่หน้าเข้มที่นั่งยิ้มอยู่เบื้องหน้า ได้กินของอร่อยแล้วก็ต้องชมหน่อย

"ว่าแต่คุณกินน้อยจัง จะอิ่มเหรอ?"

เจหมายถึงสเต๊กเนื้อซานูกิวากิวจากญี่ปุ่นที่เขาเพิ่งกินไป ฆาเบียร์ยังคงคุมอาหารบ้างเหมือนเดิม ตลอดเวลามื้ออาหารเขาได้ซักถามเจหลายอย่างเกี่ยวกับนพ ซึ่งเจก็ตอบอย่างไม่เกี่ยงงอน

"พี่นพคบพี่วัฒน์หลายปีแล้วครับ..."

"...พี่นพแกปากจัดไปงั้นแหละ จริงๆ แกก็รักของแก"

เจตอบแบบขยี้ความรู้สึกของฆาบี้ เจแอบยิ้มน้อยๆ อย่างสมใจเมื่อเห็นใบหน้าคมสันนั้นสลดลงเล็กน้อย เหอะๆ หวังจะมาแทรกระหว่างสองคนนั้น ผ่านไอ้เจคนนี้ไปก่อนเถอะ

เออ...แล้วหนุ่มคนนั้นล่ะ ไปไหนแล้ว?"

ฆาเบียร์ถามถึงหนุ่มร่างสูงที่เขาเคยเห็นในรูป เจ้าของชื่อที่นพมักเผลอตัวเรียกออกมา

'ราฟา'

สีหน้าเจเศร้าซึม

"คุณห้ามถามพี่นพถึงเรื่องเขาเด็ดขาด" ก่อนเล่าให้เขาฟังถึงอาการของนพที่แทบเป็นบ้าเป็นหลังไปเมื่อคนๆ นั้นจากไปอย่างไม่มีวันหวนคืนเมื่อสามปีที่แล้ว ฆาเบียร์ยิ่งฟังก็ยิ่งสงสารนพน้อยของเขาอย่างสุดจะกลั้น เขารู้ว่าคนๆ นั้นสำคัญต่อนพแค่ไหน
 

บ่ายวันนั้นฆาเบียร์ขอตัวไปทำธุระส่วนตัว ซึ่งก็ได้แก่การพูดคุยกับผู้บริหารโรงแรมแต่เขาไม่ได้บอกเจไป เขานัดเจอเจที่คลับเลาจ์ช่วงเย็นเพื่อจิบค้อกเทล ช่วง 5 โมงครึ่งถึงทุ่มครึ่งเป็นเวลา Happy Hours ที่เสิร์ฟค้อกเทลและคานาเป้ฟรีแก่แขกชั้นคลับ เจซึ่งนั่งรอเขาอยู่แต่แรกได้ตักพวกแฮม ชีสมากินบ้างแล้ว สักพักนพก็มาร่วมวงด้วย


"อ้าว พี่วัฒน์ล่ะ?" เจถาม

"แกขอเคลียร์งานก่อน ไว้ดึกๆ จะตามมา"

นพตอบเซ็งๆ พร้อมสั่งค้อกเทลมา ช่วงแฮ้ปปี้อาวร์นี้ มีแอลกอฮอล์ให้เลือกดื่มหลายตัว ทั้งเบียร์ ไวน์แดง ขาว สปาร์คลิ่งไวน์ จิน รัม วิสกี้ เบอร์เบิ้น ว้อดก้า เตกิล่าอย่างละตัว และมีค้อกเทลอีกประมาณ 8 อย่าง สำหรับเจแล้ว นี่เป็นช่วงเวลาที่เขาชอบที่สุดในการเข้าพักที่นี่ ปกติชายหนุ่มจะนั่งดื่มจนเต็มเวลา แต่วันนี้เขาจะเริ่มช้าๆ ดูเชิงไปก่อน เขานั่งมองฆาเบียร์สั่งค้อกเทลให้นพเรื่อยๆ...หึๆ คิดจะมอมพี่นพเหรอ ไอ้ฝรั่ง ไม่ทันไรลายออกเสียแล้ว เจคิดอย่างอคติ แต่ใจจริงของฆาเบียร์ใช่คิดไปถึงขั้นนั้นไม่ เขาเพียงหวังให้นพเมามากพอที่เขาจะกล่อมให้อยู่นอนค้างห้องเขาได้ เขาเพียงแค่อยากนอนหลับพร้อมกอดนพน้อยของเขาไว้แนบอกเหมือนครั้งที่นพไปค้างที่บ้านเขา เขาหวังเพียงแค่นั้นจริงๆ


(Cocktails Hours, Club Lounge@InterContinental Bangkok)
https://www.picz.in.th/images/2017/09/04/cocktails.jpg



หากนพในวันนี้ก็ใช่นพน้อยที่กินเบียร์สองขวดเมาอย่างเมื่อก่อน ทั้งสามร่ำสุรากันจนครบเวลาสองชั่วโมง นพที่หน้าตึงๆ ดูนาฬิกาแล้วขอตัวกลับห้องเพราะจวนได้เวลานัดกับวัฒน์แล้ว ฆาเบียร์จำต้องโบกมือลาเพื่อนรักให้ไปหาแฟน...เห้อ แล้วคืนนี้จะนอนกอดใครกัน?

ร่างใหญ่ล่ำสันที่ยืนส่งเพื่อนรักหันหลังกลับมาที่โต๊ะแล้วสบตากับสายตาฉ่ำเยิ้มของเจ้ากระรอกน้อยที่กึ่งนั่งกึ่งเอนอยู่ที่โซฟา เหอะ...เซ็กซี่ไม่หยอกเลยนะ เจ ฆาเบียร์กระเดือกน้ำลายฝืดๆ ที่คอดูผิวนวลเนียนที่โผล่รำไรจากคอเสื้อเชิร์ตที่เจปลดกระดุมเสื้อลงอีกเม็ดอย่างจงใจ แอลกอฮอล์ในกระแสเลือดทำให้ฆาเบียร์เริ่มฟุ้งซ่าน

"เจ...หมดเวลาดื่มบนนี้แล้ว เราลงไปดื่มต่อที่บาร์ข้างล่างกันไหม?"

ฆาเบียร์ถามด้วยเสียงแหบพร่า เจซ่อนยิ้ม เขาตอบตกลง แผนของเขาใกล้สำเร็จแล้ว ทั้งคู่พากันเดินลงมาต่อที่บาร์บริเวณล็อบบี้ของโรงแรม ฆาเบียร์พาเจเข้าไปนั่งบริเวณห้องซิการ์ซึ่งตกแต่งอย่างหรูหราด้วยเฟอร์นิเจอร์หนังและไม้สีน้ำตาลเข้ม พวกเขาสั่งค้อกเทลและวิสกี้มาดื่มต่อ แก้วแล้วแก้วเล่า ฆาเบียร์จุดซิการ์รามอน อัลโยเนส ตัวสเปเชี่ยล เอดิชั่น เจ้ากระรอกน้อยทำท่าทางสนใจใคร่ลอง

"เคยสูบไหม?"

มันส่ายหน้า บอกว่าเคยลองแต่บุหรี่ แต่นี่ยังไม่เคย ...(เจคิดในใจ ไม่ได้โกหกนะ ปกติสูบแต่โคฮีบา ปาร์ตากาส ตัวหายากแบบนี้ เขาไม่เคยสูบ)

"ช้าๆ อย่าเอาควันลงปอด อมให้รู้รสแล้วพ่นออกมา"

ฆาเบียร์หัวเราะเมื่อเจทำท่าสำลักควัน เจ้าตัวน้อยนี่น่าเอ็นดูนัก เหมือนเด็กจริงๆ ...ส่วนเจก็คิดว่า อืมมม์ รสมันนุ่ม สงสัยต้องหามาไว้ในสต็อคมั่งแล้ว

ทั้งสองนั่งดื่มพลางสูบซิการ์ไปจนเวลาล่วงเลยไปจนดึกดื่น จนถึงตอนนี้ฆาเบียร์แทบครองสติไม่อยู่แล้ว เขาไม่ได้เมาหนักขนาดนี้มานานมากแล้ว แต่อยู่กับเจ้าเจนี่มันช่างเพลินนัก ความช่างคุย ช่างจ้อของมันทำให้เขาสนุกมากและลดการ์ดลงไปเยอะ เขามองร่างที่นั่งพิงแอบซบไหล่เขา นี่เขาคงต้องประคองมันขึ้นห้องสินะ


"เจ เจ...ตื่นครับ"

ฆาเบียร์ตบแก้มเจเบาๆ เพื่อเรียก

"อืมม์ ง่วงจังเลย ขอนอนแบบนี้อีกหน่อยนะ"

เจ้าตัวน้อยงึมงำพร้อมซบหน้าเข้ากับซอกคอเขา ลมหายใจร้อนๆ ของมันทำให้เขาใจสั่น...

คนที่แกล้งหลับซบหน้าลงกับซอกคอยิ้มเย็น เขาไม่ได้เมามากอย่างที่เห็นหรอก ตอนอยู่บนคลับเขาแทบไม่ได้กินแอลกอฮอล์เลย ที่สั่งมา สั่งแต่ตัวที่ไม่ผสมเหล้า บางแก้วที่ดูเหมือนจินโทนิค ก็คือโซดาเปล่าใส่มะนาวฝาน หากฆาเบียร์มัวแต่ง่วนอยู่กับนพจึงไม่ได้สังเกตเขา เขาเพิ่งมาเริ่มกินเหล้าจริงจังตอนมานั่งที่บาร์ แต่ปริมาณแค่นี้ทำให้เขาแค่มึนๆ เท่านั้น เรื่องแกล้งเมานั้นเขาถนัดนัก


ในที่สุดฆาเบียร์ก็จัดการดึงเจลุกจากเก้าอี้จนได้ และพากันเดินโซเซจนไปถึงห้องพักสุดหรูบนชั้น 33 จนได้ ฆาเบียร์ประคองเจไปจนถึงเตียงและค่อยๆ เอนร่างบางนั้นลงนอน จากนั้นหันกายเตรียมไปอาบน้ำหากแต่ชายเสื้อกลับถูกร่างบางนั้นรั้งไว้

"ฆาบี้...เจร้อน ถอดเสื้อให้หน่อย เจถอดไม่ไหว"

สายตาที่ฉ่ำเยิ้มนั้นส่งแววเชิญชวน...กู ตาย เจอแบบนี้ถ้าไม่ลุยก็เสียเชิงแล้ว ฆาเบียร์โน้มกายไปปลดกระดุมเสื้อเชิร์ตของเจออกจนหมด...อะโห ไอ้เด็กนี่มันซ่อนรูปใช่เล่น ร่างที่ดูบอบบางยามใส่เสื้อนั้นเต็มไปด้วยมัดกล้าม แต่เป็นกล้ามแบบนักวิ่งที่ไม่ได้ปูดโปนจนล่ำบึก ตุ่มไตสีชมพูอ่อนนั้นช่างเชิญชวนให้เขาลิ้มลองเสียจริง ใบหน้าขาวนวลนั้นแดงระเรื่อ ตาฉ่ำเยิ้ม ปากแดงก่ำเผยอออกเล็กน้อย...สติที่เหลืออยู่น้อยนิดของเขาทนต่อความเย้ายวนแบบนี้ไม่ได้แล้ว ขอโทษจริงๆ นะนพ กูของาบเพื่อนมึงแล้วนะ

"เจจ๋า...ขอผมจูบหน่อยได้ไหม"

เสียงแหบๆ นั้นฟังดูไม่เหมือนเสียงของเขาเลย เขาไม่ได้เป็นฝ่ายขอจูบใครแบบนี้มานานแค่ไหนแล้วนะ? แทนคำตอบ เจโน้มคอฆาบี้ลงมาจนริมฝีปากทั้งคู่แตะกันเบาๆ แล้วก็กลายเป็นบดเบียดกันอย่างเร่าร้อน ถ้าฆาเบียร์ไม่เมาจนเกินไปก็คงสังเกตได้ถึงลิ้นร้อนที่ตวัดม้วนกับลิ้นเขาอย่างชำนาญ มือของทั้งสองเปะป่ายไปบนร่างกันและกัน เสื้อผ้าที่ใส่หลุดหายไปทีละชิ้นจนเหลือแต่ตัวเปล่า ร่างทั้งสองบดเบียดกันแนบแน่น ฆาเบียร์รูดไล้แกนกลางกายแข็งของเจอย่างชำนาญ เจ้าเด็กนี่มันซ่อนรูปจริงๆ ส่วนนั้นของมันขนาดใช่ย่อย ถือว่าใหญ่กว่ามาตรฐานเอเชียจนเกือบเท่าๆ กับของเขาที่เป็นชาวต่างชาติ

เขากำลังคิดเพลินๆ ก็พลันถูกพลิกกายลงหลังติดเตียงโดยมีเจ้าตัวน้อยนั่งคร่อมอยู่ข้างบน...บ๊ะ ยังใหม่แท้ๆ อยากเล่นท่ายากซะแล้ว มะ ป๋าจะลองดูว่าหนูจะทำอย่างไร เจยิ้มมุมปาก แล้วบดสะโพกลงกับกลางกายของฆาบี้ จากนั้นก้มหน้าลงซุกไซร้บริเวณซอกคอของร่างล่ำสันเบื้องล่าง เขาเลาะเล็มติ่งหู ซอกคอ แบบที่เคยทำกับหญิงสาวนับไม่ถ้วน ฆาเบียร์รู้สึกเสียวซ่านไปทั้งตัว ไม่บ่อยนักที่เขาจะเป็นฝ่ายถูกรุกเร้า แต่วันนี้เขาเมาจริงๆ ก็ลองปล่อยดูว่าเจ้าตัวน้อยนี้จะทำอะไร


มือของเจเริ่มเขี่ยสัมผัสที่ตุ่มไตบนยอดอกซึ่งมันแข็งขึ้นมารับกับสัมผัสนั้น นิ้วเขาบดบีบอย่างชำนาญจากนั้นใช้ลิ้นสัมผัสดูดดุน เสียงครางเบาๆ อย่างกลั้นไม่อยู่ดังออกมาจากปากของร่างใหญ่นั้น มันต้องเสียงเป็นธรรมชาติแบบนี้ิสิ...ไม่ใช่ครางเหมือนจะไปแสดงเอวี มือของเจเริ่มสัมผัสแกนกายแข็งของอีกฝ่าย เอ...เขาก็ไม่เคยใช้มือให้กับชายอื่นเสียด้วยสิก็คงคล้ายๆ กับทำให้ตัวเองมั้ง มือบางรูดไล้ไปในระดับหนึ่งก็เปลี่ยนเป็นใช้ปากครอบดูดโลมเลีย ฆาบี้ส่งเสียงครางปานละเมอออกมา

"เจ...ทำไมเก่งแบบนี้ ไม่เคยทำมาก่อนจริงเหรอ?"

เออ ก็ไม่เคยสิวะ แต่โดนบ่อยจนจำได้แล้วว่าต้องทำยังไง เจตั้งหน้าตั้งตาดูดกลืนแก่นกายของอีกฝ่ายจนกระทั่งมันพ่นพิษออกมาเต็มปาก...ห่าเอ๊ย จะเสร็จก็ไม่บอก เจคายน้ำรักออกมาใส่มือ จากนั้นใช้มันชะโลมนิ้วและปากทางแคบเล็กของฆาบี้ที่ไม่เคยถูกใครสัมผัสมาก่อน

ฆาบี้ที่นอนหอบอย่างหมดแรงพลันตาเหลือกเมื่อรู้สึกได้ถึงสิ่งแปลกปลอมในจุดที่ไม่ควรจะโดน

"เห้ย อะไรวะ? ไม่นะ เจ อย่า...โอ๊ย"

คนตัวใหญ่ร้องลั่นเมื่อเจสอดนิ้วเข้าไปสองนิ้ว เขาพยายามดิ้นหนี หากอุ้งมือที่แข็งแรงของเจยึดข้อเท้าเขาไว้และใช้ช่วงตัวกดร่างช่วงเอวของเขาไว้ เขาพยายามทุบลงไปที่หลังของอีกฝ่าย แต่ความเมาทำให้เขาหมดแรง เขาต้านทานร่างเล็กๆ นี้ไม่ได้เลย นิ้วที่สอดเข้าไปในช่องทางของเขาถอนออกไปแล้ว แต่พลันถูกแทนที่ด้วยสิ่งที่ใหญ่กว่ามาก มันกดพรวดเข้ามาอย่างไร้ความปราณี เขาครางโอดโอยด้วยความเจ็บปวด

"เจ อย่า ผมขอร้อง อย่าทำ เจ็บ..."

ร่างนั้นแค่นหัวเราะ เสียงนั้นปราศจากความเมามาย

"เหอะ แล้วตอนที่พี่นพร้องขอมึงไม่ให้ทำ มึงหยุดไหม?"

เสียงเย็นเยือกทำให้ฆาเบียร์ชาวาบไปทั้งตัว น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว

"นพ...โอ นพ... ผมขอโทษ ขอโทษ"

ร่างนั้นร่ำไห้ออกมาเหมือนเด็กๆ เจชะงักไปวูบหนึ่ง หากเริ่มขยับต่อแต่ลดความรุนแรงลง

"เจ...จูบผมหน่อย"

ร่างข้างใต้ที่เหมือนจะยอมรับชะตากรรมตัวเองแล้ว ตัดสินใจที่จะช่วยนำทางชายหนุ่มที่เป็นคนแรกในทางนั้นของเขา ไหนๆ ก็โดนแล้ว ขอให้มันเจ็บตัวน้อยที่สุดแล้วกัน เจสัมผัสริมฝีปากนั้นแผ่วเบา แล้วเริ่มใช้มือรุกเร้าแท่งร้อนที่เริ่มแข็งขึ้นของอีกฝ่ายตามที่ฆาบี้กระซิบนำทาง ความเจ็บค่อยๆ เริ่มเปลี่ยนเป็นความเสียวซ่านเมื่อถูกกระตุ้นถูกจุด เจใช้ทักษะที่เคยใช้กับผู้หญิงมาปรับใช้ เขารู้ว่าเมื่อไหร่ควรรุก เมื่อไหร่ควรผ่อน เสียงครางเบาๆ จากปากฆาเบียร์เริ่มดังขึ้นอย่างลืมตัว มันเพราะกว่าเสียงที่เกิดจากการประดิษฐ์เป็นไหนๆ

"โอย แน่นอะไรแบบนี้...ซี้ด"

เจสูดปากอย่างเมามัน เขาไม่คิดเลยว่ามันจะรู้สึกดีแบบนี้ มันตอดได้เหมือนผู้หญิงด้วยเว้ย

"เจ...เต็มที่เลย ผมจวนแล้ว"

เสียงกระเส่าของฆาบี้กระซิบที่ข้างหู เจเร่งจังหวะตัวเองเต็มที่แล้วทั้งคู่ก็พลันระเบิดออกมาพร้อมกัน เสียงครางระงมดังก้องห้องกว้างนั้น เจทิ้งร่างลงซบกับแผงอกกว้างที่อยู่เบื้องล่าง ร่างนั้นหมดสติไปแล้วเนื่องจากความเสียวผสมกับความเมา เจมองหน้าแกร่งสมชายที่มีคราบน้ำตาเปรอะแก้มอย่างสงสาร ความขุ่นเคืองในใจเขาหมดไปกับหยาดน้ำตานั้น เขาไม่นึกว่าฆาเบียร์ยังสำนึกเสียใจกับสิ่งที่ทำไปกับนพทั้งๆ ที่เวลามันผ่านไปแล้วถึงเกือบ 20 ปี เขาจูบซับน้ำตานั้นจนแห้ง

"ผมขอโทษ..."

เจกระซิบเบาๆ ข้างหู และทอดกายลงนอนหลับเคียงข้างร่างใหญ่นั้น


-----------------------------------------------------------------

โอย ว่าจะไม่ดราม่า แต่ก็อดไม่ได้ แหะๆๆๆ หลังจากนี้ก็จะไม่ค่อยดราม่าแล้วค่ะ เคลียร์ปมเคืองกันละ เดี๋ยวจะเหลือแต่ความกุ๊กกิ๊กชิงไหวชิงพริบ ใครจะกดใคร...อ๊ะ สปอยล์ๆๆๆ ส่วนเรื่องกินๆ เที่ยวๆ โดยมากก็จะเลือกมาจากประสบการณ์ตรงของตัวเองแล้วกันนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-03-2018 13:55:52 โดย La Vida Sin Tu Amor »

ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1



---- "ผมขอโทษ" ----



ฆาเบียร์ตื่นขึ้นพร้อมอาการปวดหัวอย่างหนัก เมื่อคืนเขาคงดื่มหนักเกินไป ไม่ได้แฮงก์เหล้าขนาดหนักขนาดนี้มานานมากแล้ว แถมยังฝันพิลึกๆ ว่าโดนไอ้เด็กน้อยหน้าหวานมันปล้ำเอาอีก นี่เขาคงเพี้ยนใหญ่แล้ว...เขาขยับตัวจะลุกขึ้นก็พลันเสียวแปลบขึ้นที่ช่องทางด้านหลัง เขาใจหายวาบ ก้มลงดูที่เตียง คราบเลือดและคราบกิจกรรมเมื่อคืนก่อนกระจายเป็นด่างดวงบนผ้าปูเตียงสีขาวสะอาด ตกลงมันไม่ใช่ฝันหรอกหรือ? แล้วนี่ไอ้ตัวดีมันไปไหนแล้ว

หูเขาพลันได้ยินเสียงคนเอ็ดตะโรกันจากห้องนั่งเล่น เป็นเสียงของนพกับไอ้เด็กเจ เขาค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียง เขาต้องถามเจมันให้รู้เรื่องว่ามันทำแบบนี้ไปทำไม เขาหาผ้าเช็ดตัวพันกายแล้วเดินออกไปที่ห้องนั่งเล่น นพที่กำลังเขย่าคอไอ้เด็กเจแล้วโวยเป็นภาษาไทยใส่หน้ามันหันมาเจอฆาเบียร์ก็รีบปล่อยคอเจแล้วเดินมาหาอย่างเป็นห่วง

"ฆาบี้ เป็นยังไงบ้าง ไหวไหม?"

"...โธ่ ไม่น่าเลย กูไม่น่าปล่อยมึงไว้กับไอ้เด็กบ้านั่นเลย"

นพมองดูอดีตรูมเมทอย่างสงสาร เขาคิดอยู่ว่าเจมันมีท่าทางแปลกๆ แต่ไม่นึกว่าจะทำถึงขนาดนี้

"จะไปสงสารมันทำไม พี่นพ นึกถึงตอนตัวเองโดนมันทำแบบนั้นสิ มันเคยสงสารพี่นพมั่งไหม?"

เจตะโกนมาเป็นภาษาอังกฤษ ฆาเบียร์ขบกรามแน่น คำพูดของเจบาดลึกไปในใจเขา เขารู้ซึ้งแจ่มแจ้งแล้วว่าในคืนนั้นนพรู้สึกอย่างไร ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ความรู้สึกที่โดนคนรู้จักหักหลังนั้นเจ็บปวดนักขนาดเขารู้จักเจเพียงชั่ววัน นับประสาอะไรกับนพที่เป็นเพื่อนสนิทเขามานับสิบเดือน

"บอกมันไปด้วยสิ พี่นพ ว่าหลังจากโดนมันทำแบบนั้นแล้ว พี่นพเป็นยังไง ชีวิตพี่บิดเบี้ยวไปยังไง"
 
"ไอ้เจ หุบปาก!"

นพตวาดไอ้น้องตัวแสบ มันเงียบเสียงยักไหล่แล้วหันหน้าไปทางอื่น

"นพ เจหมายความว่ายังไง"

ฆาเบียร์บีบแขนเพื่อนรักที่หลบตาเขาอย่างเห็นได้ชัด

"ไม่มีอะไรหรอก ฆาบี้ เจมันเข้าใจผิดไปเอง"


"พี่นพจะเล่า หรือให้ผมเล่าเอง?"

เจสอดมาอีกอย่างอดไม่ได้ นพถอนหายใจและเล่าเรื่องชีวิตเขาหลังจากกลับมาจากสหรัฐฯ  การที่เขาเหมือนได้ปลดล็อคตัวเองและหลงระเริงไปกับประสบการณ์ใหม่นั้นและติดบ่วงเสน่ห์ของคนอย่างภูมิซึ่งทำให้เขาทำหลายๆ อย่างที่ตัวเองเสียใจภายหลัง
 
(อ่านเรื่องราวช่วงนี้ได้จาก Para Ti ตอน My Lustful Life  http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=61147.0)

"แต่มันก็ไม่เกี่ยวกับมึงหรอก ฆาบี้ กูทำตัวเองทั้งนั้น ตอนแรกกูก็คิดโทษมึงเพราะที่ผ่านมาถึงกูจะชอบผู้ชาย แต่กูก็ไม่เคยคิดไปถึงขั้นว่าจะกล้าไปมีอะไรกับใคร หรือถ้าจะมีก็คงจะมีกับคนที่กูรัก แต่พอเสียตัวให้มึงมันก็เหมือนว่ามันผ่านจุดนั้นมาแล้ว กูเลยปล่อยตัว..."

"...แต่เอาเข้าจริงๆ แล้ว มันก็แค่ข้ออ้างว่ะ มันไม่เกี่ยวหรอกว่ากูจะมีครั้งแรกกับมึง หรือกับพี่ภูมิ หรือกับใคร ถ้าใจกูไม่อยากเอง มันก็ไม่เป็นแบบนี้หรอก"

"ฆาบี้ กูยกโทษให้มึง มึงไม่ต้องรู้สึกผิดอีกแล้ว"

ฆาเบียร์รวบร่างอวบของนพมากอดแน่น เขาพร่ำกล่าวคำขอโทษ นพตบหลังร่างสูงใหญ่ของอดีตรูมเมทเบาๆ ไหล่เขาเปียกน้ำตาไอ้เพื่อนคนนี้ไปหมดแล้ว เขาดันร่างฆาเบียร์ออก เรียกเจเข้ามาหา

"เจ ขอโทษฆาเบียร์มันซะ คราวนี้เราทำเกินไปแล้วนะ"

หน้าที่เคยยิ้มเป็นนิจของไอ้ตัวดีนั้นเรียบเฉย

"ผมไม่ได้ทำอะไรผิด ผมแค่อยากให้มันรู้ซึ้ง"

มันพูดแบบไม่ใส่ใจ

"นพไม่ต้องโทษเจหรอก ถือว่าเป็นการไถ่โทษของกู"

ฆาเบียร์พูดออกมาเบาๆ

"เห็นไหม มันยังรู้ตัวเลย"


เพี๊ยะ!!!


ฝ่ามืออวบของนพกระทบหน้าเจอย่างแรง คนที่โดนตบหน้าหันไปนั้นตะลึงงันมองดูพี่ชายคนสนิทที่ยืนหน้าแดงหอบหายใจถี่ ทำตาวาวโรจน์อยู่เบื้องหน้า

"มึงยังไม่สำนึกอีกนะ ไอ้เจ"
พี่นพคงโกรธมากจริงๆ เจผู้ติดพี่ชายคนนี้มากทำตาแดงๆ เหมือนจะร้องไห้
"พี่นพ ผม..."
"ถ้ามึงยังอยากเรียกกูพี่อีก ไปขอโทษไอ้ฆาบี้มันซะ"
นพพูดแล้วเดินหนีไปหาวัฒน์ที่ยืนงงๆ เพราะตามเรื่องราวทั้งหมดไม่ทัน

เจทำหน้าจ๋อยเพราะรู้ว่านพปางมารนี้เอาจริงแน่ๆ หันไปหาฆาเบียร์ เขาเองก็รู้ตัวว่าทำเกินไป จริงๆ เขาตั้งใจจะขอโทษชายร่างใหญ่นี้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่พอเห็นนพเข้าข้างมัน เขาก็อดทิฐิไม่ได้

"ผมขอโทษ..."

"...ยกโทษให้ผมเถอะนะ ฆาเบียร์...ผมไม่ควรทำแบบนั้นเลย"

ฆาเบียร์มองร่างบางที่ล่วงละเมิดเขาด้วยความรู้สึกสับสน แล้วตัดสินใจยื่นมือออกไป

"ผมรับคำขอโทษนั้น ขอแค่ว่าอย่าให้มันเกิดขึ้นอีกเป็นพอ"
 
เจยิ้มละไม ยื่นมือมาจับมือของฆาเบียร์พร้อมบีบกระชับ มันทำหน้าแบบกระรอกน้อยไร้พิษภัยอีกแล้ว

"ข้อนั้นผมคงรับปากไม่ได้" 

ฆาเบียร์ยิ้มค้าง...ไอ้เด็กนี่

"ผมชักติดใจคุณเสียแล้วสิ ฆาบี้...ถ้าว่างๆ ผมขอไปรำลึกความหลังอีกได้ไหม?"

เจพูดเบาๆ แค่ให้ได้ยินกันสองคน ยิ้มบางๆ บนหน้ามันนั่นช่างกวนใจเขานัก

"คราวหน้าผมว่าจะเป็นคุณเองมากกว่าที่จะต้องมาร้องครวญครางใต้ตัวผม"

ฆาเบียร์บีบมือบางนั้นตอบอย่างหนักแน่นพร้อมส่งสายตาวิบวาวให้ไอ้กระรอกปลอมตัวนั้น การมาเมืองไทยคราวนี้ของเขาน่าจะสนุกกว่าที่คิดเสียแล้ว  นพสั่งให้คู่กรณีทั้งสองไปอาบน้ำอาบท่าแต่งตัวแล้วพากันขึ้นไปกินข้าวเช้าที่คลับเลาจ์ เจที่ใช้แรงไปเยอะสั่งมินิสเต๊กมาสามชิ้นรวด นพเองก็ไม่น้อยหน้าสั่งเหมือนกันพร้อมโปะไข่ดาวด้วย วัฒน์กินออมเล็ตเหมือนเคย ส่วนฆาเบียร์สั่ง egg benedict


(Breakfast @Club Lounge, InterContinental Bangkok)
https://www.picz.in.th/images/2017/09/04/breakfast1.jpg


"หูย น่ากินอ่ะ egg benedict ผมไม่เคยกินของที่นี่ซักที มาทีไรซัดแต่เนื้อ ขอชิมหน่อยนะ"

เจ้าเจทำตาโตเมื่อเห็นจานของเขาออกมาน่ากิน ฆาเบียร์อดยิ้มไม่ได้ที่เห็นท่าทางตะกละของมัน เห็นของกินแล้วลืมเรื่องอื่นไปหมดเหมือนนพสมัยก่อนไม่มีผิด เขาเลื่อนจานไปให้มันซึ่งก็ตัดไปซะชิ้นใหญ่ หน้าตามันที่เคี้ยวตุ้ยๆ นั่นช่างน่ารักนัก ผิดกับใบหน้าที่ฉายแววหื่นกระหายเมื่อคืน ฆาเบียร์อดหน้าแดงไม่ได้เมื่อนึกถึงมัน ถึงจะเจ็บในตอนแรกแต่เขาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อทุกอย่างเริ่มเข้าที่ ความเสียวกระสันที่ได้จากช่องทางนั้นมันมากจนเขาเองเผลอเคลิ้มไป

'ไม่ได้ๆ ห้ามติดใจเด็ดขาด อย่าปล่อยให้มีครั้งหน้านะ ไอ้ฆาบี้'

เขาพร่ำเตือนตัวเอง

"อ่ะ ให้"

เจตัดสเต๊กมาให้เขาชิ้นนึง

"ป้อนด้วยสิ..."

ทำไมเขาถึงหลุดพูดแบบนั้นออกไปก็ไม่รู้ได้ ไอ้ตัวแสบชะงักกึก แล้วจิ้มเนื้อขึ้นป้อนให้เขา เขาเห็นแววเจ้าเล่ห์ในตามัน แทนที่มันจะป้อนดีๆ มันกลับเอาเนื้อที่ปลายส้อมนั้นไล้เบาๆ ที่ปากของเขา สัมผัสนั้นช่างคล้ายกับปลายลิ้นที่ยั่วเย้าปากเขาเมื่อคืน มันชักหนีเมื่อเขาขยับปากจะกัดกิน แล้วก็กลับเอามาไล้ยั่วเย้าใหม่จนเขาเผลอตัวใช้ปลายลิ้นมาตวัดรัดชิ้นเนื้อนั้นไว้

"อะแฮ่ม..."

เสียงนพกระแอมเบาๆ

"แดกข้าวครับ แดกข้าว ชาวบ้านมองกันทั้งห้องแล้ว"

ทั้งสองหันไปรอบๆ ก็ไม่เห็นมีใครมองนี่หว่า เจหัวเราะเบาๆ เขาอยากให้หนุ่มหน้าเข้มคนนั้นได้เห็นจริงๆ ว่าหน้าตาตัวเองนั้นเซ็กซี่ขนาดไหนตอนตวัดลิ้นรับสเต๊กของเขา ส่วนฆาบี้เม้มปากแน่น ก้มหน้างุดมองผ้าปูตักที่นูนขึ้นน้อยๆ เขาเผลอมีอารมณ์ไปกับไอ้เด็กบ้านั่นได้ยังไง เขาเงยหน้าขึ้น แต่ก็ต้องหน้าร้อนวูบเมื่อเห็นสายตายิ้มๆ แบบรู้ทันของไอ้กระรอกปลอม มันเองก็สังเกตเห็นความผิดปกติของเขา ริมฝีปากสีชมพูนั้นขยับยิ้มอย่างมีชัย  ไม่ได้การ เขาต้องหาทางจัดการมันสักวัน เขาไม่ชอบเป็นของเล่นของใครแบบนี้


ท่าทางของทั้งสองไม่อาจหลุดรอดจากสายตาของนพไปได้ เขาคิดไม่ผิดจริงๆ ที่จัดการให้ทั้งสองมาเจอกัน ในตอนแรกเขาคิดเพียงแต่ว่าทั้งคู่น่าจะเป็นเพื่อนที่ดีด้วยกันได้ เพราะลักษณะนิสัยของทั้งสองนั้นคล้ายกัน และเจเองก็มีความคล้ายเขาในตอนที่ยังซื่อใสเป็นเด็กน้อย ซึ่งน่าจะช่วยปลอบประโลมฆาบี้ได้

ตัวเขานั้นยกโทษให้ฆาเบียร์ไปแล้วและได้เดินหน้าไปตามทางของตัวเอง แต่จากที่คุยกับฆาเบียร์มาเป็นเวลา 2 ปี เขารู้สึกได้ว่าไอ้ฆาบี้เพื่อนรักยังคงติดยึดอยู่กับตัวเขาในอดีตและเขาต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อปลดปล่อยเพื่อนคนนี้ออกจากพันธนาการนั้น เขาได้เปิดทางให้ทั้งสองคนได้มีโอกาสพูดคุยและใช้เวลาด้วยกัน ทั้งเรื่องที่ว่าพี่วัฒน์มาหากระทันหันหรือว่าอะไรนั้นก็เป็นแผนของเขาทั้งนั้น แต่เขาก็ไม่นึกเลยว่าไอ้เด็กเวรนั่นมันจะแค้นฝังหุ่นแทนเขาจนถึงขั้นวางแผนไปปล้ำฆาเบียร์

เห้อ เขานี่ปวดกบาลกับมันจริงๆ โอเคว่ามันก็มีผลดีที่ทำให้ฆาเบียร์ได้ปล่อยตัวเองจากความรู้สึกผิดบาปเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน แต่ไอ้เวรเจที่ลอยหน้าลอยตาทำไม่รู้ไม่ชี้นี่ทำให้เขาต้องจัดการขั้นเด็ดขาด เขาเองก็ปวดใจที่ต้องตบไอ้น้องรัก แต่มันทำให้อะไรๆ คลี่คลายลง เขาอดยิ้มไม่ได้เมื่อได้ยินสิ่งที่ทั้งสองนั้นตอบโต้กันเบาๆ หลังจากนั้น เขาทำเป็นสนใจพี่วัฒน์แต่หูเขานี่กางเรดาร์รับฟังสุดฤทธิ์เลยครับ ยิ่งเห็นท่าทางของสองคนบนโต๊ะอาหารเมื่อกี้ เขาฟันธงได้เลยว่า เขาคิดไม่ผิดแน่นอน...ไฟระหว่างสองคนนั่นติดขึ้นแล้ว

เสือกับสิงห์ จะมาสู้จิ้งจอกเจ้าเล่ห์อย่างเขาได้ยังไงกัน หึๆๆ เดี๋ยวเขาต้องเติมฟืนลงไปอีกหน่อย


"ฆาบี้ เดี๋ยวอีก 2 วันพวกกูจะกลับเชียงใหม่ มึงไปเที่ยวเชียงใหม่ไหม?"

"ก็ดี กูมาไทยหลายรอบ เคยไปแต่กรุงเทพฯ กับโซนทะเล ยังไม่เคยขึ้นเชียงใหม่ซักที ได้สิ เดี๋ยวกูให้เลขาฯ จองตั๋วเครื่องบินให้ ไว้มึงบอกมาว่าพวกมึงบินไฟลท์ไหน"

"เรื่องที่พัก เอาไงดี?" นพถาม

ฆาเบียร์กำลังจะตอบว่าเขาสนใจนอนที่ดาราเทวีไม่ก็โฟร์ซีซันส์ซึ่งมีคอนแท็คท์กับเขาทั้งคู่ แต่ก็ต้องกลืนคำพูดนั้นลงท้องเมื่อนพหันไปชี้หน้าเจ

"มึง ไอ้เจ ให้ฆาบี้ไปนอนห้องมึงซะจะได้ไม่เปลือง"   

'โอ เข้าทาง'

ทั้งเสือและสิงห์คิดตรงกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ จิ้งจอกนพมองอย่างสมใจ เขาสำทับต่อ

"ช่วงนี้มึงว่างๆ ก็พาฆาบี้มันเที่ยวหน่อย กลางวันกูต้องทำงาน ไปรับใช้มันเป็นการไถ่โทษเรื่องเมื่อคืนซะ"

เจทำท่าทางประท้วงพอเป็นพิธี แต่ก็รับปากนพในที่สุด


'แค่นี้ก็เรียบร้อย'

นพยิ้มอย่างมีชัย ทีนี้ เขาก็คอยนั่งอยู่บนภูดูเสือและสิงห์คู่นี้ต่อไป หวังว่าผลจะออกมาตามที่เขาอยากให้เป็นนะ



-------------------------------------------------------------------

ตอนนี้สั้นหน่อยนะคะ จากนี้บทของนพก็จะน้อยลงแล้ว จะเน้นหนักไปที่เรื่องของฆาบี้และเจ นพจะนานๆ โผล่มาเติมไฟทีค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-03-2018 14:02:46 โดย La Vida Sin Tu Amor »

ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1
The Taste of Love...อิ่มรักรสโอชา - กอด 26/7/60
«ตอบ #5 เมื่อ26-07-2017 00:53:02 »



---- กอด ----


"เจ มึงดูแลฆาบี้ดีๆ ล่ะ พาเค้าไปไหนมาไหนด้วย"

นพกำชับเจก่อนที่จะแยกย้ายกันที่สนามบินเชียงใหม่ เขาบอกสองหนุ่มนั้นว่าเขากับวัฒน์ต้องไปทำธุระด่วนของที่บ้าน และอาจจะยังไม่สะดวกพาอดีตรูมเมทไปไหนมาได้

"ไรวะ พี่ ชวนเค้ามาแล้วก็ทิ้งเค้าเฉย"

เจบ่นกะปอดกะแปดไปตามเรื่อง

"ไอ้เจ มึงไม่ต้องบ่น ทำอะไรไว้ก็ต้องชดใช้"

นพพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสองคืนก่อน ทั้งเจและฆาเบียร์หน้าร้อนวูบเมื่อนึกถึงมัน

"ไว้กูจะมากินข้าวด้วยเป็นพักๆ นะ แต่ถ้าอยากไปไหนมาไหน ให้ไอ้เจพาไปได้เลย มันว่าง"

นพหันไปบอกเพื่อนตัวดี

"แล้วมึงไม่ต้องไปนอนโรงแรมไหนหรอก เปลืองตังค์ ยังไม่รู้จะอยู่กี่คืนใช่ไหม? นอนคอนโดเจมันไปนั่นแหละ มันมี 2 ห้องนอน"



"ก็ไหนนพบอกว่าห้องนายมี 2 ห้องนอน?"

ฆาเบียร์หันไปถามเจเมื่อมาถึงคอนโดของเจบนถนนนิมมานเหมินท์ ห้องของเจอยู่บนชั้น 8 ของคอนโดหรูซึ่งหันหน้าไปทางดอยสุเทพ ห้องเขามีขนาดใหญ่ที่สุดในโครงการคือ 105 ตารางเมตร หากห้องนอนที่ 2 ซึ่งควรมีเตียงนอนอยู่กลับถูกแปรสภาพไปเป็นยิมเล็กๆ อันมีลู่วิ่งไฟฟ้า บาร์โหนพร้อมอุปกรณ์เวทนิดหน่อยและยังมีโต๊ะทำงานพร้อมชั้นหนังสือเล็กๆ

"ก็นี่ไง 2 ห้องนอนตามแปลนห้อง แต่ไม่ได้บอกว่ามี 2 เตียงนี่"

เจลอยหน้าลอยตาตอบ เขาเองสงสัยอยู่ว่านพลืมไปแล้วเหรอว่าเขาไม่ได้เก็บห้องนี้ไว้เป็นห้องนอนแต่แรก แต่ก็ช่างเถอะ เขาจะได้มีโอกาสได้ร่วมเตียงกับชายหนุ่มร่างใหญ่นี้อีกครั้ง ที่กรุงเทพฯ เขาถูกนพลากคอกลับไปนอนที่ห้องด้วยหลังไปทำเรื่องระยำกับไอ้ฆาบี้ไว้ หากเขายังติดใจความคับแน่นและสัมผัสที่เสียวซ่านที่ได้จากร่างใหญ่กำยำนั้นไม่หายและหวังว่าจะได้ลิ้มลองมันอีกครั้ง

ฆาเบียร์เองก็ทำไม่พอใจไปอย่างนั้น เขาติดใจรสจูบและสัมผัสนวลเนียนของเนื้อตัวหนุ่มไทยคนนี้ แต่มันจะดีมากถ้าเขาเองเป็นฝ่ายรุกล้ำช่องทางด้านหลังของอีกฝ่าย การนอนร่วมเตียงกันอีกครั้งอาจทำให้เขาได้แสดงฝีมือบ้าง คราวนี้เขาไม่มีทางพลาดพลั้งอีกแน่


เจจัดการเคลียร์พื้นที่ตู้เสื้อผ้าให้ฆาเบียร์แล้วโยนผ้าเช็ดตัวให้

"อ่ะ ไปอาบน้ำอาบท่าได้แล้ว นี่ก็ดึกแล้ว พรุ่งนี้จะไปไหนค่อยว่ากันอีกที คุณอาบในห้องนอนนี่แหละ เดี๋ยวผมจะไปอาบอีกห้อง"
 
เจพูดถึงห้องน้ำของห้องที่กลายเป็นยิมไปแล้ว

เจเป็นฝ่ายอาบน้ำเสร็จก่อนและขึ้นมานอนบนเตียงหนานุ่มขนาด 6 ฟุต เขาใส่เพียงกางเกงในตัวเดียวนอนตามความเคยชิน เขาปิดไฟห้อง เหลือเพียงแสงสลัวจากโคมไฟหัวเตียง


แกร๊ก


เสียงประตูห้องน้ำเปิดออก ร่างใหญ่กำยำที่ใส่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเดินออกมาจากห้องน้ำ แสงสลัวส่องให้เห็นร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามอันสวยงามที่เกิดจากการเพียรบ่มเพาะ กล้ามอกใหญ่แน่นแข็งแรง ซิกซ์แพ็คเป็นลูกชัดสวยงาม วีไลน์ที่เด่นชัด ฆาเบียร์ก็แอบสังเกตร่างบางหากซ่อนรูปที่นอนอยู่บนเตียง ในคืนนั้นเขาเมามากจนนึกรูปร่างของอีกฝ่ายไม่ออก แต่วันนี้เขาเห็นแล้วว่าร่างนั้นที่ดูเพรียวบางที่จริงแล้วเต็มไปด้วยกล้ามแน่นแข็งแรง แต่เป็นกล้ามเนื้อที่เกิดจากการเล่นกีฬาและออกกำลังกายทั่วไปไม่ได้เพาะให้ออกมาชัดแบบของเขา เม็ดทับทิมสีชมพูคู่ที่อยู่บนอกแข็งแรงนั้นช่างเย้ายวน กล้ามท้องเป็นลอนเล็กๆ นำสายตาเขาลงไปสู่พัสดุขนาดใหญ่เกินตัวที่อัดแน่นอยู่ในกางเกงในสีดำตัวน้อย เขาอดหน้าร้อนไม่ได้เมื่อนึกถึงว่ามันเคยเข้าไปอยู่ในตัวเขาเมื่อสองคืนที่แล้ว

"จ้องอยู่ได้ คิดถึงมันเหรอ?"

คนที่รู้ตัวว่าถูกจ้องทักขึ้นด้วยใบหน้ายิ้มพราย ฆาเบียร์เบือนหน้าหนี เขาทำอะไรอยู่กันแน่ อีกฝ่ายตบเตียงด้านข้างตัวแปะๆ

"เอ้า มานอนได้แล้ว ผมง่วง ไม่ต้องกลัวหรอก ผมไม่ทำอะไรคุณแล้ว ไม่งั้นเดี๋ยวพี่นพจะแหกอกผม"

'ไม่ฝืนใจทำแล้ว แต่ถ้าเคลิ้มอยากให้ทำเอง ก็ช่วยไม่ได้นะ'

เสือในคราบกระรอกคิด


ที่นอนยุบยวบลงเมื่อร่างใหญ่นั้นทอดกายลงเคียงข้างเขา เจเอื้อมมือไปปิดไฟหัวเตียง นานแค่ไหนแล้วนะที่ไม่มีคนที่ไม่ใช่เพื่อนหรือพี่น้องมานอนข้างเขาแบบนี้ เขาไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนมาที่ห้องนี้ ที่นี่เปรียบเสมือนที่หลบภัยส่วนตัวของเขาที่ไม่มีใครอื่นได้เหยียบย่างเข้ามา

ชายทั้งสองนอนเคียงข้างกันเงียบๆ ต่างฝ่ายต่างนอนไม่หลับ เสียงลมหายใจของทั้งสองประสานกันในความมืด

"เอ่อ"

"เอ่อ"

ทั้งคู่พูดขึ้นพร้อมกัน

"คุณก่อน..."

"นายก่อน"

ใจตรงกันอีกแล้ว

"นายรู้จักนพได้ยังไง?"

เจแค่นยิ้ม...เปิดปากมามันก็ถามถึงพี่นพอีกแล้ว



"เรารู้จักกันผ่านพันxป มันเป็นเว็บบอร์ดที่ดังที่สุดของไทย"

เจเล่า

"พวกเราสังกัดห้องก้นครัว เน้นเรื่องอาหารการกิน คุณก็เห็นว่าพี่นพเป็นยังไง"

เจยิ้มเมื่อนึกถึงพี่ชายคนสนิท รายนั้นเป็นนักกินของแท้เลยทีเดียว

"พวกเรามักรีวิวร้านอาหารที่เคยไปกินมา ผมกับพี่นพคุยกันบ้างผ่าน msn แลกเปลี่ยนเรื่องที่กินใหม่ แล้ววันนึงพวกเราที่เชียงใหม่ก็นัดกินข้าวกัน"

เจนึกถึงวันนั้นเมื่อ 8 ปีที่แล้ว

"นัดเจอกันก็ซัดบุฟเฟต์รร. ทั้งกลุ่มนี่กินกันจนโรงแรมคงแทบอยากขึ้นแบล็คลิสต์"

ฆาเบียร์หัวเราะเบาๆ เขานึกออกว่านพน้อยเป็นอย่างไร มันคงตักทุกอย่างที่ขวางหน้าแน่ๆ

"ปรากฎว่าคุยกันไป คุยกันมา รู้จักกันทั้งกลุ่มซะงั้น คนนั้นรู้จักเพื่อนคนนี้ คนนี้รู้จักญาติคนนั้น เชียงใหม่มันแคบน่ะ"

"...อย่างผมกับพี่นพ ผมก็ว่าผมคุ้นๆ หน้าพี่เขา ปรากฏว่าที่บ้านเรารู้จักกัน ตอนเด็กๆ ผมเคยไปเล่นที่บ้านพี่เขาด้วย แต่ว่าจำไม่ได้เพราะอายุเราห่างกันสิบปี"

"มิน่าล่ะ ถึงได้สนิทกับนพนัก"

ฆาเบียร์พอรู้แล้วว่าทำไมหนุ่มคนนี้ถึงเป็นเดือดเป็นร้อนแทนนพ

"ไม่ใช่แค่นั้นหรอก พวกเราเข้ากันได้ดีมาก อาจจะเพราะมีพื้นเพคล้ายๆ กัน รสนิยมหลายๆ อย่างเราตรงกัน ช่วงหลังมาผมเลยไปไหนมาไหนกับพี่นพบ่อย"

"แล้ว เอ่อ...วัฒน์เขาไม่ว่าอะไรเหรอ?"

ฆาเบียร์พูดถึงแฟนตัวตนอ่อนบางของเพื่อนรักเขา ถ้าเป็นเขาคงทนไม่ได้ให้มีชายอื่นมาไปไหนมาไหนตัวติดกันกับแฟนเขาแบบนี้

"โอ๊ย เค้าไม่ว่าหรอก พี่นพเองก็ชัดเจนว่าไม่มีอะไรกับผม...แต่ถ้าเป็นคุณก็ไม่แน่นะ ฆาเบียร์"

เจมองอย่างไม่ไว้ใจ

"ผมถามจริงๆ คุณยังคิดจะทำอะไรพี่นพอีกไหม?"

เจทำเสียงจริงจัง เขายังไม่ไว้ใจหนุ่มใหญ่หน้าหล่อคนนี้



ฆาเบียร์หัวเราะเบาๆ ในคอ สองสามวันมานี้นพแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าระหว่างเขาสองคนเป็นได้แค่เพื่อนเท่านั้น เขาเองก็เห็นแล้วว่าในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมากาลเวลาและสิ่งต่างๆ ที่ผ่านมาในชีวิตได้เปลี่ยนนพของเขาไปบ้างแล้ว ภาพชายหนุ่มสดใสน่ารักที่เขาได้ยึดติดมาตลอดเวลาสิบกว่าปีนั้นได้จางหายไปมากแล้ว หลังจากได้กล่าวคำขอโทษและได้ปลดปล่อยความรู้สึกผิดที่กัดกินใจเขามาเกือบ 20 ปี ระหว่างเขาทั้งคู่ตอนนี้เหลือเพียงแค่มิตรภาพที่ดีที่มีให้กันเท่านั้น อีกทั้งฝ่ายนั้นก็มีคนที่ยึดครองพื้นที่หัวใจอย่างวัฒน์อยู่แล้ว เขาก็ไม่หวังจะไปแทรกกลางระหว่างทั้งคู่อีก หากแต่เขายังอยากเย้าคนที่นอนทำตาแป๋วอยู่เบื้องหน้า

"คิด...ฉันอยากได้นพคืน"

ฆาเบียร์พูดด้วยน้ำเสียงยั่วเย้า ตากลมใสคู่นั้นวาวโรจน์ขึ้น แววขุ่นเคืองฉายออกมาอย่างเห็นได้ชัด

"ยังไม่เข็ดอีกสินะ อยากโดนอีกซักทีไหม?"

ร่างเล็กกว่านั้นพลิกขึ้นคร่อมคนตัวใหญ่กว่าอย่างไม่เกรงกลัว หากคราวนี้อีกฝ่ายไม่ได้เมาอะไรๆ จึงไม่ง่ายอย่างคราวที่แล้ว ไม่นานนั้นร่างเล็กกลับถูกร่างใหญ่กำยำกดทับไว้แทน อกที่เบียดชิดกันทำให้รู้สึกถึงใจที่เต้นระรัวของอีกฝ่าย

"ฉันล้อเล่นหรอกน่า"

คนตัวใหญ่หัวเราะ ดวงตานั้นฉายแววพริบพราย เขาผละจากร่างบางนั้นลงไปนอนเคียงข้าง

"ฉันกับนพ ต่อไปนี้เหลือแต่ความรักฉันท์เพื่อน นายเชื่อใจฉันได้"

ฆาเบียร์หันไปมองหน้าแดงก่ำของคนนอนเคียงข้าง

"ฉะนั้น ไม่ต้องมาฝืนทำแบบนั้นแล้ว ได้ยินจากนพมาว่านายเองก็ไม่ใช่เกย์ ใช่ไหม?"

เจพยักหน้า...แต่เขาจะบอกฆาบี้ได้อย่างไรว่าเขาติดใจความรู้สึกที่ได้จากร่างใหญ่นั้นเสียแล้ว


"งั้น ต่อไปนี้เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะ"

ฆาเบียร์ยื่นมือให้เจ เจนยุทธยื่นมือนิ่มมาจับมือฆาเบียร์เบาๆ

"ได้ เริ่มต้นใหม่ ไม่เคืองเรื่องเก่าก่อนกันแล้ว..."

ฆาเบียร์ยิ้มกริ่ม

'...แต่ผมไม่ลืมสัมผัสคุณในคืนนั้นหรอกนะ'

เจคิดในใจ


ทั้งสองนอนครุ่นคิดอะไรเงียบๆ อยู่เคียงข้างกันบนเตียงใหญ่ เวลาผ่านไปพักใหญ่เจก็ยังคงนอนไม่หลับ กลิ่นกายแบบแมนๆ ของฆาเบียร์กับกลิ่นสบู่อ่อนๆ ทำให้เขานอนไม่หลับ เตียงนอนเขาไม่ค่อยมีใครมาล่วงล้ำ นานๆ ทีจะมีพวกเพื่อนที่เมาจนขับรถกลับบ้านไม่ไหวมาขอนอนบ้าง แต่นั่นก็ไม่เหมือนกับแบบนี้ ลมหายใจแผ่วเบา ความร้อนของกายคนด้านข้างทำให้เขาฟุ้งซ่านเหลือทน เขาพลิกกายหันไปทางคนที่นอนอยู่ด้านข้าง แต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อหันไปเจอตาคมคู่งามที่จ้องมองเขาอยู่ แววตาแพรวพรายนั้นส่อแววนอนไม่หลับเช่นกัน

"เจ...นอนไม่หลับเหรอ?"

จะถามทำไม ก็เห็นๆ อยู่

"...ฉันก็นอนไม่หลับ แอร์ห้องนายหนาว"

เหอะ...โกหกทั้งเพ ไอ้ฝรั่งนี่ นอนถีบผ้าไปนู่นแถมเสื้อผ้าก็ไม่ใส่ มีแต่กางเกงในแบบบรีฟตัวเดียว หนาวก็ไปใส่เสื้อสิวะ เจได้แต่คิดในใจ

"งั้นเดี๋ยวผมไปลดพัดลมแอร์ให้"

เจทำท่าจะลุกไปปรับแอร์ มือใหญ่พลันคว้าข้อมือของเขาไว้

"ไม่ต้องหรอก เจ..."

"...ขอฉันนอนกอดนายแทนได้ไหม?"

สายตาของเว้าวอนของฆาเบียร์ทำให้เจกัดปากสีชมพูระเรื่อเบาๆ คนตาสวยมองภาพนั้นด้วยใจระรัว เขาแพ้ปากสวยๆ แบบนี้จริงๆ เจเอนตัวลงนอนกึ่งนั่งพิงหัวเตียงข้างฆาเบียร์แทนคำตอบ

"ได้...แต่มีข้อแม้เดียว...ผมไม่นอนหันหลังให้คุณ โอเค๊?"

เจตอบอย่างไม่ค่อยไว้ใจ

'กูไม่ยอมเสียอธิปไตยด้านหลังให้ไอ้ฝรั่งนี่เด็ดขาด'

เขาขยับตัวลงนอน ตบๆ ที่ไหล่ซ้ายตัวเอง

"อ่ะ มา หนุนไหล่ป๋าซะ คนสวย"

ไอ้กระรอกปลอมยักคิ้ว ฆาบี้มองตาปริบๆ ไอ้เด็กนี่มันร้าย เขาบอกว่าจะกอดมัน กลายเป็นมันทำท่าจะกอดเขาแทน อ่ะ ไงก็ได้ เดี๋ยวค่อยจัดท่ากันใหม่

ร่างสูงใหญ่ล้มตัวลงนอนซบอกคนตัวเล็กกว่า เจพลิกตัวตะคองกอดหมอนข้างใบโต ซุกหน้าลงกับกลุ่มผมหยักศกสีน้ำตาลเข้มที่ยาวสลวยปรกต้นคอ ฆาบี้ไม่ยอมแพ้ ริมฝีปากร้อนๆ คู่นั้นลากไล้แผ่วๆ ไปตามซอกคอขาวเนียนของเจ และยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เมื่อคนตัวเล็กสะดุ้งเบาๆ

"เห้ย พอๆ นอนได้แล้ว ไม่งั้นพรุ่งนี้ไม่พาไปเที่ยวนะ"

เจที่ใจสั่นสะท้าน ประท้วงออกมาเบาๆ ฆาบี้ยักไหล่และยอมนอนแต่โดยดี ร่างเล็กกะทัดรัดในอ้อมอกเขานั้นช่างอุ่นดีแท้ เขาลืมความรู้สึกของการตะคองกอดใครสักคนจนหลับไปนานแล้ว เจเองก็คิดเช่นเดียวกัน ร่างใหญ่หนั่นแน่นนี้กอดสบายดีกว่ากอดหมอนข้างเย็นๆ มากนัก เขาคิดถึงการได้หลับไปพร้อมใครสักคนจริงๆ ไม่นานนักคนขี้เหงาสองคนที่นอนกอดก่ายกันแน่นก็พากันจมดิ่งเข้าสู่ห้วงนิทรา


-------------------------------------------------------------------

ตอนนี้เบาๆ สั้นๆ อยู่แต่ในห้องนอนไม่มีออกไปเที่ยวไหนก่อนละกันนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-03-2018 14:11:02 โดย La Vida Sin Tu Amor »

ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1




---- แฮ้ปปี้ มีล ----​



"อืมม์..."

เจครางออกมาเบาๆ เขาไม่ได้นอนหลับสบายแบบนี้มานานแล้ว วันนี้เตียงเขาช่างอุ่นดีจริงๆ เขาควานหาผ้าห่ม...เอ ตรูก็ไม่ได้ห่มผ้านี่หว่า ทำไมอุ่นได้?


'เห้ย!!!'


ไม่ให้ตกใจได้ยังไง เขาขึ้นไปนอนพังพาบซบอยู่บนอกของร่างล่ำสันที่นอนหงายอยู่ แขนขวาที่แข็งแรงของฆาบี้โอบเอวเขาหลวมๆ ส่วนมือใหญ่สากนั่นเกาะกุมแก้มก้นแน่นๆ ของเขาไว้ เช้ดเอ๊ยยย ท่านี้มันหมิ่นเหม่โคตรๆ เขาต้องรีบลุกแล้ว

เจนยุทธค่อยๆ ขยับจะพลิกตัวออกจากวงแขนนั้น แต่มือเจ้ากรรมดันไปปัดป่ายโดนกลางตัวของร่างที่นอนหลับตาพริ้มอยู่

'เชี่ยยยยย ชูคอเชียวนะมึง...'


วงแขนที่โอบเขาอยู่หลวมๆ พลันกระชับเข้าแน่นจนเจนยุทธขยับตัวไม่ได้ เขาเงยหน้ามองใบหน้าคมสัน ริมฝีปากนั้นยิ้มพราย เปลือกตาที่ประดับด้วยขนตาหนาเป็นแพกระตุกพริ้ว

'ไม่ได้หลับอยู่แน่'


เจหยิกหมับเข้าที่เอวของคนฉวยโอกาส

"โอ๊ย!"


ร่างนั้นเผลอร้องขึ้นด้วยความเจ็บ แล้วก็เปลี่ยนเป็นหัวเราะลั่นเมื่อโดนคนที่นอนซบจั๊กจี๋เอว

"โอย ยอมแล้วๆ ปล่อยแล้ว"


ฆาบี้หอบจนตัวโยนแล้วปล่อยร่างเล็กนั้นเป็นอิสระ เจลุกขึ้นนั่งบิดขี้เกียจ

"อ๊ะ เกือบแปดโมงแล้ว คุณจะนอนต่อก็ได้นะ เดี๋ยวผมมา"

เจลุกขึ้นเดินหายออกนอกห้องไป ฆาบี้ลุกขึ้นเดินตามไปดูด้วยความสงสัย เจเดินหายเข้าไปในยิมน้อยๆ และบริหารร่างกายตามที่ทำเป็นกิจวัตรประจำวัน ฆาเบียร์ยืนกอดอกพิงขอบประตูดูร่างบางนั้นวิ่งบนสายพานที่ปรับไว้ชัน เจเน้นบริหารแบบไม่เน้นความใหญ่โตเด่นชัดของกล้ามเนื้อ แต่ให้ดูเป็นธรรมชาติมากกว่า


"จะยืนดูอะไรล่ะ คุณ? ไปอาบน้ำเถอะไป๊"

เจไล่พ่อสิงห์หนุ่มที่มายืนยิ้มๆ ดูเขาวิ่ง แทนที่จะไปอาบน้ำ ร่างใหญ่นั้นกลับโชว์ออฟด้วยการโดดขึ้นไปดึงข้อมือเดียวบนบาร์ที่เขาติดไว้เหนือประตู


"เหอะ พวกบ้าพลัง"

เจบ่นอุบอิบ เขาหันหลังไปวิ่งต่อ พยายามไม่สนใจคนแก่ร่างบัฟฟ์ที่ห้อยโหนอยู่หน้าประตู ฆาบี้บริหารกล้ามเนื้อหลังไหล่ตามความเคยชินของตัวเองแล้วก็หันไปชกพันชิ่งบอลต่อ จนกระทั่งเจวิ่งครบ 45 นาที และทำการคูลดาวน์ต่อ


"งั้น ผมไปอาบน้ำก่อนนะ คุณอาบที่ห้องนี้ก็ได้ เสร็จแล้วเดี๋ยวผมทำอะไรให้กิน"

เจพูดพลางซับเหงื่อที่โทรมเต็มหน้า ใบหน้าใสนั้นแดงก่ำ ปากน้อยๆ แดงระเรื่อเพราะเลือดที่สูบฉีด

ร่างเล็กนั้นเดินหายไปในห้องน้ำของมาสเตอร์เบ้ดรูม ร่างสูงใหญ่ขยับจะเดินตามเข้าไป แต่ก็หยุดเท้าไว้ ถอนหายใจและเดินเข้าห้องน้ำเล็กไป


ร่างกำยำของฆาบี้ที่พันผ้าเช็ดตัวไว้หมิ่นเหม่เดินผิวปากออกห้องน้ำเล็กมา แล้วก็ต้องหยุดเมื่อได้ยินเสียงก๊อกแก๊กมาจากในครัว เขาเดินไปดูอย่างสนใจ เขาไม่นึกว่าคนอย่างเจจะทำอาหารเป็น

"ทำอะไรกินน่ะ เจ?"

"ข้าวต้มหมู"

ร่างบางที่ใส่เสื้อยืดตัวโคร่งคลุมสะโพกตอบ ท่อนขาเปลือยเปล่าที่ขาวเนียนแต่แข็งแรงคู่นั้นขยับไปทางนั้นที ทางนี้ที แล้วก็หยุดชะงักเมื่อเห็นฆาเบียร์ชัดๆ

"เอ๊า ไปแต่งตัวสิ จะได้มาช่วยกันหน่อย"

ฆาเบียร์เดินกลับเข้าห้องไปหยิบกางเกงนอนมาใส่พร้อมหยิบกล้องเล็กๆ ที่เขาใช้ทำงานมาด้วย

"มาๆ ช่วยหยิบข้าวสวยกับถุงน้ำซุปในช่องฟรีซให้ผมหน่อย...เห้ย ถ่ายทำไม?"

เจสะดุ้งเมื่อหันมาเห็นกล้อง เขายกมือบังเลนส์ หน้าเล็กๆ นั้นแดงก่ำด้วยความอายเพราะเขาใส่แค่เสื้อยืดกับกางเกงใน

"น่า...ฉันขอเก็บข้อมูลนิดหน่อย จะเอาไปลงบล็อกน่ะ"



"เอ้า เล่าให้ฟังหน่อยว่ากำลังทำอะไร..."

ฆาเบียร์ถ่ายต่อไปอย่างดื้อด้าน เจอธิบายตะกุกตะกัก เขาไม่เคยชอบกล้องเลย

"ทำข้าวต้มหมูแบบง่ายๆ เร็วๆ น่ะ"

เจเดินไปเปิดช่องฟรีซตู้เย็น หยิบเอาน้ำซุปที่แบ่งเป็นถุงๆ ไว้ และข้าวสวยที่ใส่ถุงเล็กๆ ไว้เช่นกัน

"ผมอยู่คนเดียว หุงข้าวทีละน้อยๆ ก็เปลืองไฟ ผมเลยหุงทีละเยอะๆ แล้วแบ่งเป็นถุงๆ เก็บใส่ช่องฟรีซไว้"

"น้ำซุปนี่ก็เหมือนกัน เป็นซุปกระดูกหมู ผมต้มไว้ทีละหม้อใหญ่ กรองแล้วเทใส่ถุงเล็กๆ ไว้ เวลาจะใช้ทีก็แกะออกมาใช้ได้ จะเอาไปทำต้มจืด ต้มมาม่า ต้มข้าวต้มหรืออะไรก็ว่าไป" เจแกะซุปตั้งไฟ เอาข้าวใส่ไมโครเวฟแป๊บนึงเพื่อละลายน้ำแข็ง พอน้ำซุปเริ่มเดือด ก็ค่อยๆ ใส่ข้าวลงไปต้ม


"ต้มพอให้ข้าวบาน ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทยนิดหน่อย​ แล้วดับไฟ ปิดฝาหม้อไว้"

เจคอยช้อนฟองออกจากข้าวที่ต้มไว้

"บางทีผมได้พวกซุปมาจากร้านข้าวมันไก่หรือร้านก๋วยเตี๋ยวก็เอามาฟรีซเก็บไว้เหมือนกัน แต่ต้มเองอร่อยสุด"

เจหยิบกะทะใบไม่ใหญ่นักขึ้นตั้งไฟ

"จากนั้น เราก็รวนหมูที่จะเป็นท็อปปิ้ง ก็เจียวกระเทียมกับน้ำมันให้เหลือง จากนั้นใส่หมูสับลงไป ยีให้แตก ผัดให้สุกแต่ไม่แข็ง ปรุงรสด้วยซอสปรุงตามใจชอบ จะเป็นซีอิ๊วขาว ซีอิ๊วดำ หรือน้ำมันหอยก็แล้วแต่ไป แต่ต้องห้ามลืมพริกไทย ผัดอย่าให้แฉะมากนะ"

เจอธิบายพร้อมรวนหมูไปด้วย

"นอกจากหมูแล้ว ยังทำเป็นไก่ หรือเนื้ออย่างอื่นก็ได้ ปกติถ้าอยู่บ้าน แม่ผมจะทำเครื่องไว้สองสามอย่างให้เลือกโรยหน้าเอง บางทีก็หมูสับรวนกับกุ้งสับผัดพริกแห้งเกลือกระเทียม อะไรประมาณนี้ บางทีก็เจียวไข่หั่นฝอยไว้"

"คุณช่วยยกข้าวต้มไปไว้ที่โต๊ะกินข้าวหน่อย ผ้ารองอยู่ในลิ้นชักขวาสุด แล้วเดี๋ยวมาเอาถ้วยในตู้กับช้อนข้าวต้มไปด้วย"

สั่งเสร็จเจก็ตักหมูสับที่รวนเสร็จแล้วใส่ถ้วย เขาหยิบตังฉ่ายที่แช่ไว้ในตู้เย็นมาใส่ถ้วยน้อย วันนี้ไม่มีคึ่นช่ายเหลือ งั้นไม่ต้องใส่ก็ได้มั้ง



"เอ้า เสร็จแล้ว"

เจวางถ้วยหมูสับไว้ที่กลางโต๊ะ กลิ่นหอมๆ ของหมูกับกระเทียมทำให้ฆาเบียร์น้ำลายสอ เขาหยิบกล้องขึ้นมาถ่าย

"แล้วกินยังไงอ่ะ เจ?"

หนุ่มละตินร่างใหญ่ถามขึ้น เจเปิดหม้อข้าวต้ม ตักส่งให้

"คุณก็ตักหมูโรยหน้าข้าวต้ม จากนั้นปรุงรสตามใจชอบ"

เจเตรียมน้ำปลา น้ำส้มสายชู ตังฉ่ายแล้วก็พริกไทยไว้ให้

"แต่ก่อนอื่น ชิมก่อน เพราะผมปรุงรสไว้แล้วทั้งในน้ำซุปแล้วก็หมูสับ"

เจตักหมูโรยหน้าข้าวต้มให้ฆาบี้ดูเป็นตัวอย่าง การทำแบบนี้ทำให้น้ำข้าวต้มไม่ขุ่นเหมือนใส่หมูดิบลงไปต้มด้วย แถมยังจะได้รสจากเครื่องปรุงและกระเทียมด้วย ฆาบี้ตักข้าวต้มขึ้นชิมแล้วทำตาลุกวาว



"อร่อย!..."

เขาเข้าโหมดบล็อกเกอร์ชื่อดังแล้ว

"รสชาติของซุปที่ต้มจากกระดูกนี่ล้ำลึกมาก นายใส่รากผักชีด้วยใช่ไหม? ฉันเดาว่าน่าจะมีพวกอาหารทะเลแห้งด้วย ถ้าไม่ปลาหมึกแห้งก็กุ้งแห้ง รสมันดีกว่าใช้พวกซุปสำเร็จรูปมาก...หมูสับนี่ก็อร่อยทีเดียว กลิ่นของไฟจากกะทะช่วยเพิ่มรสให้ข้าวต้มได้ดีทีเดียว"

เจยิ้มหน้าบาน ทุกทีเขาทำอาหารเพื่อกินคนเดียวเงียบๆ การที่มีคนชื่นชมและมีความสุขเพราะอาหารที่เขาทำนั้นทำให้เขามีความสุขตามไปด้วย

"...แต่ที่อร่อยที่สุด ก็เพราะมีคนนั่งกินด้วยกันนี่แหละ"

ฆาเบียร์พูดยิ้มๆ เขาไม่ได้กินอาหารเช้าที่ใครสักคนตั้งใจทำให้เขากินมานานแค่ไหนแล้วนะ? เจยิ้มให้กับตาหวานๆ วับวาวนั้น ฆาเบียร์พูดเหมือนนั่งอยู่กลางใจเขา ทั้งคู่ตักข้าวต้มกินเงียบๆ แต่รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านขึ้นมาภายในกาย อาหารเช้าง่ายๆ มื้อนี้เลิศรสนัก


ไม่นานนักข้าวต้มหม้อน้อยๆ นั้นก็หมดเกลี้ยง ล้างถ้วยชามลวกๆ ด้วยน้ำเปล่าแล้วเอาใส่เครื่องล้างจานไว้และกดตั้งเวลาทำงาน

"ฆาบี้ ไปแต่งตัวสิ เดี๋ยวผมจะพาไปแอ่วกาดหลวง...แต่งแบบลำลองหน่อยล่ะ"

ฆาเบียร์เปลี่ยนไปใส่เสื้อคอโปโลเข้ารูปสีกรมท่าและกางเกงขาสั้นเบอร์มิวด้าสีครีมและรองเท้าสลิปออนผ้าใบ เขาซื้อเสื้อผ้าใหม่แทบทั้งกระเป๋าเมื่อตัดสินใจพักเบรคมาเชียงใหม่ เดิมทีเขาเตรียมมาแต่เสื้อผ้าทำงานเท่านั้น เจมองหนุ่มละตินร่างใหญ่อย่างอิจฉา คนหุ่นดีนี่ใส่อะไรก็ดูดี จริงๆ เขาก็อยากมีไหล่กว้าง อกหนา เอวคอดกิ่วแบบนั้นบ้าง แต่ด้วยความสูง 170 อย่างเขา ถ้าเพาะหุ่นแบบนั้นก็คงดูเหมือนมะขามข้อเดียว

"เอ้า ใส่ซะ"

เจหยิบหมวกกันน็อคส่งให้ฆาบี้ซึ่งยืนทำหน้าเหวอ เขาไม่เคยซ้อนมอเตอร์ไซค์ใครมาก่อน

"น่า...ผมไม่ทำคุณหล่นหรอก เกาะดีๆ ล่ะ"

เจบอกฆาเบียร์ก่อนที่เจ้าฮอนด้าเวฟคันเก่าคู่ใจของเขาจะพาทั้งสองตรงไปยังย่านการค้าเก่าแก่ของจังหวัดเชียงใหม่อย่างย่านกาดหลวง เจจอดรถมอเตอร์ไซค์ของเขาไว้หลังตลาดวโรรสแถวศาลเจ้ากวนอู เขายืนหัวเราะฆาเบียร์ซึ่งทำหน้าซีดเหมือนจะเป็นลม ตลอดทางฆาเบียร์กอดเอวเขาเสียแน่น หมดกันภาพพจน์สุดเท่


เขาปล่อยให้ฝรั่งร่างใหญ่ได้พักหายใจสักหน่อยแล้วพาเดินเข้าในตัวตลาด

"ที่นี่ไม่เชิงเป็นตลาดสดนะ"

เขาบรรยายให้ฆาเบียร์ที่ใช้เครื่องบันทึกเสียงอัดเสียงเขาไว้


"ปัจจุบันที่ตลาดวโรรสนี่ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คนต่างถิ่นมาหาซื้อของฝาก มีทั้งพวกอาหารและเสื้อผ้าพื้นถิ่นรวมถึงผลไม้ตามฤดูกาล...แต่ในอดีตที่ตรงนี้เคยเป็นข่วงเมรุ หรือที่ปลงพระศพและเก็บพระอัฐิของเจ้าเชียงใหม่ในอดีต แต่หลังจากพระราชชายาเจ้าดารารัศมีในรัชกาลที่ 5 เสด็จกลับมาจากกรุงเทพฯ ก็ได้ย้ายพระอัฐิไปที่วัดสวนดอก ไว้ผมจะพาคุณไปในวันอื่นนะ แล้วพระองค์ท่านก็ได้รวบรวมทรัพย์สินส่วนพระองค์และจากเจ้าอินทวโรรสผู้ครองเชียงใหม่ในตอนนั้นมาสร้างตลาดบนพื้นที่แห่งนี้ และประทานชื่อว่า 'ตลาดวโรรส' ตามพระนามของเจ้าอินทวโรรส"

เจพูดไปเรื่อยๆ พร้อมพาฆาเบียร์เดินเข้าในตัวตลาด


"เดิมทีตลาดนี้ก็เป็นแผงๆ เหมือนตลาดสดทั่วไปนี่แหละ แต่ภายหลังทางเจ้า ณ เชียงใหม่ได้มีการร่วมทุนกับเอกชนและออกแบบตลาดวโรรสให้เป็นอาคารตลาดเต็มรูปแบบมีเรือนแถวไม้ล้อมรอบ แต่ในปีค.ศ. 1968 ก็ได้เกิดไฟไหม้ใหญ่ขึ้น ทำให้ตลาดนี้กับตลาดต้นลำใยที่อยู่ข้างๆ วอดวายเสียหายหมด ทางเจ้าเชียงใหม่ไม่ประสงค์จะทำกิจการต่อไปอีกเลยขายตลาดให้เอกชนซึ่งทำการสร้างตลาดขึ้นมาใหม่จนเป็นแบบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้นี่แหละ"

(ประวัติตลาดวโรรส http://www.warorosmarket.com/about-us -- ผู้เขียน)


"เจรู้เรื่องตลาดนี้ละเอียดจังนะ" ร่างสูงใหญ่พูดอย่างทึ่ง เจหันมายิ้มหวานให้กล้อง

"ก็ผมเกิดโตมากับตลาดนี้นี่"

ว่าแล้วชายหนุ่มก็หันไปทักทายคนนั้นคนนี้ที่่ส่งเสียงทักทายเขาเป็นระยะๆ

"ครูนิ่มสวัสดีครับ"

เขายกมือไหว้หญิงสูงอายุที่ร้านดำรงค์ร้านไส้อั่วเจ้าดังในตลาด หญิงชราทักทายเจอย่างเป็นกันเอง

"แม่สบายดีครับ ไว้ผมจะบอกให้ว่าครูฝากทักมา..."

"เอาไส้อั่วขดนึงครับ...เอ๊า ไม่เอาๆ ไม่ต้องมาแถมให้เลย เท่าไหร่เท่านั้น"


เจรีบควักตังค์จ่ายก่อนครูนิ่มจะยัดเยียดอะไรให้มากกว่านี้ คนแถวนี้ใจดีกับเขาเสมอ เขาลัดเลาะไปทักทายร้านนั้นร้านนี้ ไม่ว่าจะเป็นขนมไทยอรวรรณใต้บันได ร้านข้าวหลาม ร้านนุชของฝาก และอีกหลายๆ ร้าน แป๊บเดียวสองมือของเจก็เต็มไปด้วยถุงของกิน ฆาเบียร์เพลิดเพลินกับการมองใบหน้าที่เปื้อนยิ้มนั้นที่คอยทักคนนั้นคนนี้ แม้เขาจะฟังไม่ออกว่าพวกเขาคุยอะไรกัน แต่เขารู้สึกได้ว่าไอ้เด็กคนนี้เป็นที่รักของคนในตลาดนี้ ใบหน้าสดใสนั้นเหมือนเป็นคนละคนกับไอ้เด็กโอหังที่เขาเจอที่กรุงเทพฯ ในตอนแรก เขาอดไม่ได้ที่จะถ่ายรูปเจไว้หลายรูป


"ซื้ออะไรมาเยอะแยะน่ะ เจ จะกินหมดเหรอ?" ฆาเบียร์ถาม

"นานๆ ผมเข้ามาที เข้ามาก็ต้องมาทักพวกป้าๆ ลุงๆ พี่ๆ ที่รู้จักกัน ทักแล้วก็ต้องชิงซื้อของก่อน ไม่งั้นจะโดนยัดเยียดให้ฟรีๆ น่ะ ผมไม่อยากกินของฟรี"

เจจิ้มวุ้นกะทิรูปเป็ดจากร้านอรวรรณกิน พร้อมจิ้มป้อนให้ฆาเบียร์ด้วยชิ้นนึง รสชาติหวานมันของมันทำให้ฆาเบียร์ต้องขอเพิ่มอีกสองชิ้น

"ไอ้วุ้นเนี่ย ตอนเด็กๆ ผมก็งง เขาเรียกว่า 'วุ้นเป็ด' ไอ้ผมก็คิดว่าเป็นวุ้นที่ทำจากเป็ด ที่แท้ก็คือวุ้นกะทิที่ทำเป็นรูปตัวเป็ด" 

เจหัวเราะในความซื่อบื้อของตัวเอง


เจพาฆาบี้เดินมาที่กลางตลาด ฆาเบียร์งงเมื่อเห็นบันไดเลื่อนที่ไม่เลื่อนแล้วตั้งโด่เด่อยู่

"นี่เป็นบันไดเลื่อนอันแรกของจังหวัดเชียงใหม่นะ มีมาพร้อมกับการเปิดตลาดใหม่เมื่อ 40 กว่าปีก่อน พ่อผมเล่าให้ฟังว่าคนแห่แหนกันมาจากที่ไกลๆ เพื่อมาลองขึ้นบันไดเลื่อนกัน จนทางตลาดต้องจัดพนักงานสาวๆ มายืนให้คำแนะนำตอนขึ้นบันไดเลื่อนเลยทีเดียว แต่เหมือนจะเปิดใช้ได้ไม่กี่ปีก็เลิกใช้ กลายเป็นบันไดไม่เลื่อนให้คนใช้เดินขึ้นเดินลงชั้น 2 แทน

(เรื่องเล่าชาวกาด บันไดไม่เลื่อน http://www.warorosmarket.com/unescalator)


(ตลาดวโรรส)
https://www.picz.in.th/images/2017/09/04/kadluang-s.jpg


เจพาฆาบี้เดินขึ้นไปบริเวณชั้น 2 และชั้น 3

"ชั้นบนนี่เป็นส่วนขายเสื้อผ้าพื้นเมืองกับพวกเสื้อผ้าแฟชั่น เมื่อก่อนพ่อแม่ผมก็ขายเสื้อผ้าเมืองบนนี้แหละ ขายมาตั้งแต่รุ่นปู่แล้ว ตอนเด็กๆ เขาก็เลี้ยงผมที่นี่ โตมาหน่อยก็วิ่งเล่นกับพวกลูกร้านอื่นๆ อยู่แถวนี้ แต่ซัก 10 ปีก่อน แม่ผมโชคดีถูกหวยรางวัลที่ 1 10 ชุด แถมใบนึงเป็นรางวัลพิเศษด้วยก็เลยกลายเป็นคนดังของย่านนี้ แต่พ่อแม่ผมก็ยังไม่เลิกขายของนะ จนกระทั่งพ่อผมเสียเมื่อซัก 5 ปีที่แล้ว แม่เลยปิดร้านแล้วย้ายไปอยู่กับพี่ชายผมที่ทำไร่ผักออร์แกนิคอยู่นอกเมือง"

เจพาฆาเบียร์เดินไปนั่งที่บริเวณร้านอาหารชั้น 3


"โอเลี้ยง 2 แก้วครับป้า"

เจหันไปสั่งเครื่องดื่มที่ร้านเชียงใหม่กาแฟ

"พ่อแม่แบ่งเงินให้พวกเราคนละ 15 ล้านให้ไปบริหารกันเอง พี่ๆ เค้าใช้ประหยัด มีผมนี่แหละ ใช้เปลืองหน่อย"

เจหัวเราะอายๆ พี่ชายคนโตของเขาลงเงินไปกับการปลูกผักอินทรีย์ซึ่งตอนนี้ทำกำไรกลับมาเป็นกอบเป็นกำ พี่สาวคนกลางเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย เงินที่ได้มานอกจากเอาไปซื้อรถแล้ว แม่คุณก็เก็บเข้าแบงค์อย่างเดียว ส่วนเจหมดเงินไปกับการซื้อคอนโดหรูที่นิมมานฯ และกันเงินส่วนหนึ่งเอาไว้ซื้อรถที่อยากได้ ส่วนที่เหลือไม่ถึง 5 ล้านนั้นก็เอาใส่แบงค์ไว้หมด นานๆ ทีเจก็อาศัยความเป็นลูกคนเล็กกับความเป็นน้องน้อยไปขอตังค์แม่และพี่ๆ บ้าง

"ตอนนี้ผมก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันหรอก ที่เรียนการโรงแรมมาก็ไม่ได้เอาไปใช้ เพราะรู้ตัวเอาตอนฝึกงานแล้วว่าผมคงทนแขกไม่ได้...อ๊ะ ขอบคุณครับป้า...เอ้า ลองซะ Thai-styled black coffee"


เจรับโอเลี้ยง 2 แก้วมาแล้วเล่าให้ฟังถึงตอนที่เขาเกือบเอาแจกันฟาดหัวแขกเมาๆ ที่มาจับก้นเขา ดีที่มีเพื่อนตาไวรีบคว้าเอาไว้ก่อน ไม่งั้นนอกจากจะฝึกงานไม่ผ่านแล้วอาจจะยังต้องมีคดีติดตัวอีกด้วย

"ตอนนี้ผมเลยรับงานพวกแปลสารคดีหรือซีรีส์ทางเคเบิลอยู่กับบ้าน แบบนี้น่าจะเหมาะกับผมที่สุดแล้ว เงินก็ยังใช้ได้อีกด้วยนะ แค่ว่างานมันไม่ค่อยสม่ำเสมอหน่อย บางเดือนก็ไม่ได้ตังค์เลย"

เจดูดโอเลี้ยงจนหมดแล้วแล้วหันไปชวนฆาบี้ที่นั่งฟังเขาอยู่เพลินๆ ให้ลงไปด้านล่าง

"ป่ะ ได้เวลาแล้ว" ฆาเบียร์งง เวลาอะไรกัน

"นัดรับแฮ้ปปี้ มีลไว้ ลงไปเอากันเถอะ"



----------------------------------------------------------

ตอนแรกคิดว่าตอน happy meal นี่น่าจะจบได้ใน 1 ตอน แต่เม้าไปเม้ามา ยาวไปหน่อยละ เดี๋ยวตัดไปต่อตอนหน้านะคะ ชื่อตอนนี้ที่ว่า happy meal นอกจากจะหมายถึงของที่เจกำลังจะลงไปเอาแล้ว ก็ยังหมายถึงมื้อเช้าของสองคนนี้ด้วยค่ะ

อ้อ ช่วงทำอาหารอาจบรรยายได้ไม่เนียนนะคะ เพราะขอสารภาพว่าคนเขียนทำอาหารแทบไม่เป็นเลยค่ะ โดยเฉพาะอาหารไทย กินอย่างเดียว แหะๆ

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-03-2018 14:24:39 โดย La Vida Sin Tu Amor »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
บรรยากาศของเรื่องนี้ดูสบาย ๆ ดีนะ
ได้ความรู้เรื่องเชียงใหม่เยอะเลย
ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1





---- Let's Go Picnic! ----​



"ยายลี!!"

"หลานเจ!!"

ร่างของชายหนุ่มกับหญิงมีอายุโผเข้ากอดกันประหนึ่งญาติที่พลัดพรากจากกันมานานหลายปีโดยไม่แคร์สายตาคนรอบข้าง บรรดาคนขายร้านข้างๆ พากันหัวเราะ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ สองคนนี้เจอกันทีไรเล่นใหญ่รัชดาลัยตลอด ฆาเบียร์ยืนยิ้มกริ่มมองสองคนตรงหน้าที่หอมซ้ายหอมขวากันพัลวัน

"เจคิดถึงยายลีจังเลย"

หนุ่มที่ไม่ค่อยน้อยแล้วอ้อนยายลี มือขวาของคุณตุ้มแห่งร้านแหนมบุญศรีเจ้าตำรับแฮ้ปปี้ มีลอันเลื่องชื่อของตลาดวโรรส

"คิดถึงก็มาเที่ยวหาบ่อยๆ สิ"

ยายลีคนนี้เป็นที่รักของบรรดาเด็กๆ ที่โตมาในตลาด ด้วยนิสัยโผงผางและขี้เล่นของแก

"ของที่สั่งไว้ได้ยังครับ?"

เจ้าเจทวงของทันที ยายลียื่นถุงที่มีกล่องโฟม 4 กล่องให้

"เรียบร้อยแล้ว ยายแถมน้ำพริกอ่องให้ถุงนึงด้วยนะ"

"ขอบคุณคร้าบ เท่าไหร่อ่ะ ยายลี ห้ามลดให้นะ"

ยายลีหัวเราะ ไอ้เจมันไม่ชอบเอาเปรียบคนค้าคนขายด้วยกัน

"กล่องละ 400 ยายจัดเต็มให้เลยนะ"


เจยื่นเงินให้ 800 บาท แล้วเปิดดูของข้างในกล่อง 2 กล่องเป็นข้าวเหนียวร้อนๆ ส่วนอีก 2 กล่องอัดแน่นไปด้วยของดีจากร้านบุญศรี อันได้แก่ไส้อั่วทอด หมูยอทอด ซี่โครงทอด แหนมลูกเต๋าทอด หมูทอดไม่ติดกระดูก ทั้งหมดหั่นมาในขนาดพอดีคำจัดเรียงมาอย่างสวยงาม และยังมีน้ำพริกหนุ่มรวมในชุดอีกด้วย ฆาเบียร์ชะโงกหน้ามาดูอย่างสนใจ พร้อมยกกล้องขึ้นถ่ายรูป ยายลีหันไปมองหนุ่มละตินร่างงามอย่างสนใจใครรู้


"เจ...พาใครมาด้วยน่ะ หล่อเชียว"

ยายลีสะกิดเจนยุทธพร้อมกวาดตาสำรวจคนตัวสูงนั้น

"ผัวมึงเรอะ?"

ยายลีกระซิบถาม แต่ด้วยความหูไม่ค่อยดีนัก การกระซิบของแกนั้นคนอื่นก็ได้ยินไปครึ่งซอย เจนยุทธอยากจะกรีดร้องออกมาเป็นภาษาสวาฮิลี

"ยาย ไม่ใช่! เพื่อนอ่ะ เพื่อน เพื่อนพี่นพอีกต่างหาก ไม่ใช่เพื่อนผม"

เจหันไปปฏิเสธยายลีซึ่งปักใจเชื่อมานานนมแล้วว่าไอ้เด็กเจหน้าหวานคนนี้มันต้องมีแฟนผู้ชายแน่ๆ แต่ไอ้คนตัวใหญ่ที่กำลังเป็นเป้าสายตาของแม่ค้าครึ่งซอยนั้นทำในสิ่งที่ไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นเลย ฆาเบียร์เดินเข้ามาโอบเอวเจที่ยืนทำตาปริบๆ อยู่ พร้อมหันไปยิ้มหวานให้ยายลี นี่มึงฟังภาษาไทยไม่ออกแน่เหรอวะ ไอ้ฆาบี้


ฆาเบียร์ซ่อนยิ้ม จริงอยู่ที่เขาฟังไม่ออกว่าทั้งสองคุยอะไรกัน แต่เขาเดาได้จากท่าทางและสายตาของหญิงสูงอายุ และท่าทีของเจที่หน้าแดงก่ำและปฏิเสธพัลวัน เจรีบปัดมือฆาเบียร์ออก แต่เขาประเมินยายลีต่ำไป หญิงสูงอายุหันไปถามหนุ่มละตินตาหวานเป็นภาษาอังกฤษแบบงูๆ ปลา ๆ

"ยู...เจ...บอยเฟร้นด์?"   

เห้ย ยายยยย พูดอังกฤษได้ด้วยเร้อ เจกลั้นใจฟังคำตอบ

"Yes, he's mine." 

'ครับ เขาเป็นของผม'

ไม่พูดเปล่า ไอ้คนตัวสูงกว่าก้มลงหอมผมเขาอีกต่างหาก ตอนนี้เจซึ่งตัวแข็งทื่อไปแล้วได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างสุดฟินจากแม่ค้าสาววายหลายคนในซอย ไม่เกินบ่ายนี้ข่าวไอ้เจลูกแม่ฟองมีแฟนเป็นหนุ่มฝรั่งต้องแพร่ไปทั้งกาดแน่ๆ เผลอๆ ข้ามไปกาดต้นลำใยด้วยแน่ ยายลียกนิ้วให้ฆาบี้พร้อมยิ้มร่า ป้าๆ น้าๆ ในซอยก็พากันมาแสดงความยินดีกับเขา


"ยินดีด้วยนะ เจ เป็นฝั่งเป็นฝาซะที"

"โหย ผัวหล่อจังเลยเจ พามาบ่อยๆ นะ"

โว้ยยย เขาอยากจะตะโกนก้องลั่นกาดว่ามันน่ะเป็นเมียเขาโว้ย ไม่ใช่ผัว แต่ก็ทำไม่ได้เพราะเรื่องมันต้องไปถึงหูไอ้พี่นพเจ้าถิ่นแถบนี้ที่มีหูตาสัปปะรดแน่ๆ เขาที่ยังมีชะนักปักหลังอยู่ยังไม่อยากทำอะไรให้พี่ชายผู้ทรงอำนาจคนนี้โกรธเพิ่มอีก เขาหันไปส่งสายตาขุ่นเคืองใส่ร่างล่ำสันแต่สายตาพราวพรายนั้นเจิดจ้าจนเขาต้องหลบตา ในเมื่อไม่รู้จะลงกับใคร อย่างเดียวที่เขาทำได้คือ...หยิบหมูทอดในกล่องมากินแก้เขิน อืมม์ อร่อย


เขารีบลายายลีแล้วลากแขนไอ้ฝรั่งตัวแสบออกตลาด เขาคงโผล่หัวมาแถวนี้ไม่ได้อีกสักพัก เจคิดอย่างหนักใจ ไม่ไหวแล้ว เขาเครียด เขาต้องหาอะไรกินแล้ว หน้าที่เคร่งเครียดของเจแช่มชื่นขึ้นเมื่อหันไปเจอไอติมรถถีบของลุงน้ำใสหน้าศาลเจ้ากวนอู จริงๆ ลุงเค้าจะชื่ออะไรก็ไม่รู้ แต่เจเรียกเขาลุงน้ำใสเพราะลุงเคยเขียนคำขวัญประมาณน้ำใสไหลเย็นตัวปลาอะไรสักอย่างไว้ที่ท้ายรถไอติมของแก แต่ตอนนี้แกเปลี่ยนคำขวัญละเป็น


อยากรู้ตัวตน ต้องทนดูใจ

อยากรู้ใจใคร ต้องใส่ใจคน

อยากรู้สันดาน อย่าพึ่งร้อนรน

เพราะคนทุกคน รู้หน้าไม่รู้ใจ
(วัดกู่เสือ สารภี)


แล้วคนที่อยู่ตรงหน้าเขานี้ ใจเป็นอย่างไรกันแน่นะ?

เจไม่เข้าใจหนุ่มละตินคนนี้เลย ปากบอกว่าให้เริ่มกันใหม่ บอกให้เขาไม่ต้องฝืนใจตัวเองที่ไม่ใช่เกย์ แต่ก็ขยันมาหยอดเขา ทั้งเรื่องขอนอนกอด ไหนจะเรื่องที่พูดเล่นกลางกาดอีก เขาไม่เข้าใจมันเลยจริงๆ ว่ามันต้องการอะไรกันแน่

'โอ๊ย คิดไปก็ปวดหัว กินไอติมดีกว่า'


"ฆาบี้ กินติมมะ? เดี๋ยวเลี้ยง"

ฆาเบียร์ก้มลงมองในรถไอติมอย่างสนใจ โดยไม่ลืมยกกล้องขึ้นมาถ่ายรูปไว้เช่นเคย

"เอาไอติมกะทินะ? ใส่ถ้วย โคน หรือขนมปัง?"

ฆาเบียร์เลือกขนมปังโฮลวีทซึ่งใส่มาในถุงพลาสติกเล็กๆ กันเลอะ

"ใส่ข้าวมัน ลูกชิด ถั่ว ไม่เอาซอสครับ"

เจสั่งหลังจากถามฆาเบียร์แล้ว

"ของผมเอาไอติมแท่งนะ เอารสข้าวเหนียวกับน้ำแดง"

เจหมายถึงไอติมแท่งกลมเล็กๆ เสียบไม้แบบไทยๆ



"สามสิบบาทเองเหรอเจ ถูกจัง"

ฆาบี้ถามอย่างทึ่ง ไอติมกะทิใส่ขนมปังแสนอร่อยของเขานั้นแค่ 20 บาท ส่วนของเจนั้นแท่งละ 5 บาทแค่นั้น เจเลาะเล็มกินไอติมแท่งของเขาอย่างเอร็ดอร่อยๆ นานๆ เขากินไอติมน้ำแดงหมดไปแล้ว ตอนนี้กำลังกินไอติมข้าวเหนียว ซึ่งก็คือไอติมน้ำกะทิใส่ข้าวมัน ฆาบี้มองภาพเจกินไอติมอย่างเพลินใจ ลิ้นน้อยๆ ที่เลียไล้...ฟันขาวสะอาดที่ขบกัดเบาๆ ไหนจะน้ำกะทิสีขาวขุ่นที่ย้อยออกมาจากริมฝีปากที่กลายเป็นสีแดงจัดเพราะน้ำแดง​ชวนให้เขานึกถึงอย่างอื่น เขายังติดใจความเสียวซ่านที่ปากน้อยๆ คู่นั้นให้เขาในคืนนั้น


เจสะดุ้งน้อยๆ เมื่อฆาเบียร์ยื่นมือมาปาดน้ำกะทิที่คางของเขาแล้วส่งมันเข้าปากตัวเอง เขาสบตาหนุ่มละตินร่างกำยำแล้วก็ต้องหน้าร้อนวูบ นัยน์ตาคู่นั้นส่อแววปรารถนาออกมาอย่างไม่ปิดบัง เขารีบกินไอติมจนหมดแล้วลากฆาเบียร์ขึ้นมอเตอร์ไซค์ขี่กลับห้อง ระหว่างทางกลับร่างกำยำนั้นกอดเอวเขาแน่นเหมือนขามา...แต่มันจำเป็นต้องเบียดแนบทั้งตัวตั้งแต่สะโพกไปจนถึงแผ่นหลัง ไหล่ด้วยเหรอ


เมื่อถึงห้องก็เป็นเวลาใกล้เที่ยงแล้ว เจเปิดแอร์และเร่งจนสุด เขาเข้าครัว จัดแฮ้ปปี้ มีลที่ซื้อมาลงกล่องปิคนิคแบบเก็บอุณหภูมิโดยเหลือไว้ 1/3 ที่เขาเอาใส่ตู้เย็นไว้สำหรับมื้อหน้า เจยังจัดพวกขนมหวานและของกินเล่นอื่นๆ ที่ซื้อมาจากตลาดลงไปในตะกร้าเล็กๆ เดี๋ยวเขาจะพาฆาเบียร์ไปปิคนิคกัน เจเนื้อเต้นเมื่อนึกถึงที่ๆ เขาจะพาฆาบี้ไป มันเป็นที่โปรดของเขาเลย เขาชอบหนีความวุ่นวายในเมืองไปนั่งเล่นพักผ่อนหย่อนใจที่นั่น ถึงตอนนี้มันจะไม่ค่อยสงบแล้วเพราะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจีนก็ตาม


Rrrrrr..


"Hola...อ้าว นพ ว่าไง?"

ฆาเบียร์ยิ้มกว้างเมื่อได้ยินเสียงเพื่อนของเขา

"ทำธุระเสร็จแล้วเหรอ? เย็นนี้จะมากินข้าวด้วยกันไหม? หา? อ๋อ ฮ่าๆๆ ได้ เดี๋ยวนะ"

ฆาบี้กลั้นยิ้มเมื่อได้ยินสิ่งที่นพพูด และตะโกนเรียกเจ

"เจ นพอยากคุยด้วย"

ตากลมใสของเจหรี่ลง เขาคิดว่าเขารู้แล้วว่านพโทรมาทำไม

"...งาย ไอ้น้อง ไปทำอะไรไว้ในกาดวะ?"   

กูว่าแล้ว...ไม่เกินครึ่งวัน เรื่องถึงหูพี่แกแน่

"ผมไม่ได้ทำอะไรเลย ไอ้เพื่อนตัวแสบของพี่ต่างหากล่ะที่ก่อเรื่องอ่ะ" เจบ่นอุบอิบ


"เหรออออ ได้ข่าวว่าจูบแลกลิ้นกันรัวๆ หน้าร้านบุญศรีเลยนี่?"

เห้ยยยย สกิลการแปลงสารของแม่ค้าในกาดนี่น่ากลัวเกินไปแล้ว

"จูบบ้าอะไรพี่ ไม่มีโว้ย มีแต่ไอ้เพื่อนบ้าของพี่มาหอมหัวผม แค่นั้นเอง"

เจหลุดปากบอกไป

"เอ๊า แล้วไหนว่าไม่มีอะไรไงวะ?"

เสียงกลั้วหัวเราะที่ปลายสายนั้นทำให้เขาตวัดสายตาอาฆาตไปยังคนที่ยืนกลั้นหัวเราะหน้าแดงอยู่ตรงเคาเตอร์ครัว เขากับนพคุยกันเป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้คนร่างใหญ่นั้นเข้าใจด้วย

"เค้าลือกันทั้งกาดแล้วว่าเจ้าสัวน้อยเจลูกแม่ฟองมีผัวฝรั่ง"

นพกระเซ้ากลับมา


"ผัวเผออะไร? มันสิที่เป็นเมียผม"

เจบ่นอุบอิบกลับไปเป็นภาษาไทย

"เออๆๆ มึงก็อย่าเผลอละกัน"


ทางนู้นก็ตอบกลับมาเป็นภาษาไทย

"ว่าแต่ วันนี้มึงจะพามันไปไหน?"

"ไปปิคนิคอ่ะพี่"

ร่างกำยำที่ยืนจิ้มวุ้นเป็ดที่ติดใจนักหนากินที่เคาเตอร์เงยหน้ามามองเมื่อได้ยินคำว่าปิคนิค

"อ๋อ พาไปที่โปรดมึงล่ะสิ แหม...ไม่ค่อยเห็นพาใครไปนี่นา"

เจทำหูทวนลมไม่ตอบคำถาม แต่เรียกฆาบี้มาคุยกับนพแทน


"เดี๋ยวเราจะไปปิคนิคกันเหรอ?"

ฆาเบียร์ถามเจในลิฟท์ ทั้งคู่กำลังลงไปที่ลานจอดรถของคอนโด ตอนแรกเขายังนึกว่าเจจะพาเขาขี่มอเตอร์ไซค์ไปอีก แต่เจว่าจะเอารถยนต์ไปกัน แล้วเขาก็ต้องทึ่งที่เห็นรถของหนุ่มร่างเล็กคนนี้ เขานึกว่าเจจะเป็นประเภทใช้รถที่เฟี้ยวฟ้าวอย่างมินิคูเปอร์ หรือเบนซ์ CLA หรือ C-class coupe แต่ที่เจเลือกใช้คือรถ SUV อย่าง BMW X1 สีน้ำเงิน Estoril Blue

"สีนี้มีคันเดียวในเชียงใหม่เลยนะ"

ไอ้ตัวเล็กอวด

"ผมชอบรถที่ใช้งานได้จริงมากกว่าพวกรถที่สวยฉาบฉวยน่ะ"

เจตอบเมื่อฆาบี้ถามว่าทำไมเจไม่เลือกรถที่ดูโฉบเฉี่ยวกว่านี้

"สมัยก่อนผมใช้รถอย่างพวกฮอนด้าแจ๊ซ เมื่อก่อนก็มีไว้ช่วยแม่ขนผ้าไปตลาดมั่ง พาหมาไปหาหมอมั่ง ก็เลยติดใช้รถแบบนี้อ่ะ"

ยิ่งนานวันฆาเบียร์ยิ่งรู้สึกว่าหนุ่มร่างเล็กคนนี้ต่างจากหนุ่มน้อยเจ้าสำราญ ขี้อ่อยและแสนโอหังที่เขาเจอในครั้งแรกที่กรุงเทพเหลือเกิน มันทำให้เขาอยากรู้จักตัวตนแท้จริงของเจมากขึ้นไปอีก


เจเปิดแอพสตรีมมิ่งเพลงอย่าง deezer จากหน้าจอของรถซึ่งลิงค์กับมือถือของเขา เขาเล่นเพลงจากเพลย์ลิสต์เพลงภาษาสแปนิชซึ่งเป็นหนึ่งในความชอบที่เขาติดมาจากนพ เพลงโปรดเพลงหนึ่งของเจดังออกมา ฆาบี้อุทานอย่างถูกใจ


'Sin Miedo a Nada'
คือชื่อเพลงที่ขึ้นบนหน้าจอ เสียงทุ้มนุ่มของร่างกำยำที่นั่งอยู่เคียงข้างเจร้องตามเสียงของอเล็กซ์ อูบาโก

(Sin Miedo a Nada https://goo.gl/Atv7Q6)


"Me muero por conocerte, saber qué es lo que piensas

Abrir todas tus puertas y vencer esas tormentas que nos quieran abatir

Centrar en tus ojos mi mirada. Cantar contigo al alba.

Besarnos hasta desgastarnos nuestros labios

Y ver en tu rostro cada día, crecer esa semilla...crear, soñar, dejar todo surgir

Aparcando el miedo a sufrir"



แต่ไม่ร้องเปล่า เสียงทุ้มนั้นยังได้แปลความหมายของท่อนคอรัสของเพลงออกมาด้วย


ฉันอยากรู้จักนาย อยากรู้ว่านายคิดอย่างไรจนแทบขาดใจ

ได้เปิดประตูทุกบานของนายและยืนหยัดต้านทานเหล่าพายุที่จะกระหน่ำซัดเรา

เพื่อมองลึกไปในตานาย ครวญเพลงไปด้วยกันในยามอรุณรุ่ง

ได้จุมพิตกันและกันจนกว่าปากของเราจะเปื่อยพังไป

และได้เห็นที่หน้าของนายทุกวันว่าเมล็ดพันธุ์แห่งความรักของเราได้เติบโตขึ้น

และเพื่อสร้าง เพื่อฝัน และปล่อยให้ทุกอย่างยืนหยัดขึ้นอีกครั้ง

และเพื่อกำจัดความกลัวทั้งมวลจากในอดีต



ความหมายของเพลงทำให้เจหน้าร้อนวูบขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งเมื่อชำเลืองไปเห็นสายตาวิบวาวที่จ้องมองมาที่เขายิ่งทำให้เขาทำอะไรไม่ถูก ได้แต่จ้องถนนและขับรถต่อไป

"เพลงนี้ก็เป็นเพลงโปรดของนพด้วยนี่"

เสียงทุ้มนั้นเปรยขึ้น เจรู้สึกตื้อในอกขึ้นมาทันที อา บางทีเขาคงตีความสายตานั้นผิดไปเองสินะ...โดยไม่รู้ตัว เขากดเปลี่ยนเพลงฉับพลัน ปล่อยให้คนที่กำลังครวญเพลงอยู่ข้างๆ นั้นร้องค้างไป เขาเชิดหน้าขับรถไปโดยไม่ได้สังเกตเห็นรอยยิ้มบางๆ บนหน้าของคนที่นั่งข้างๆ ซึ่งคอยดูอาการเขาอยู่ตลอดเวลา


"เดี๋ยวเราจะไปไหนกันน่ะ เจ?"

ฆาบี้ถามขึ้น พวกเขาขับรถเลาะเลียบตามแนวคลองชลประทานมาเรื่อยๆ

"ไปที่ๆ ผมชอบมาพักผ่อนหย่อนใจคนเดียวน่ะ" เจตอบ

"เวลาเบื่อๆ เซ็งๆ ไม่มีอะไรทำ ผมก็จะมานั่งเล่นแถวนี้คนเดียว"

"งั้นนายก็ไม่ค่อยได้พาใครมาด้วยสินะ..."

เสียงนั้นฟังดูมีความหวัง

"ถ้ามีแขกหรือเพื่อนต่างถิ่นมา ผมก็พามาหรอกน่า"

เจปดไปแบบนั้น เขาไม่เคยมาที่นี่กับใครอื่นหรอก หน้าคมสันของฆาบี้ดูสลดไปเล็กน้อย เจเลี้ยวรถเข้าไปในที่จอดรถของเชียงใหม่ ไนท์ ซาฟารี แล้วหยิบตะกร้าปิคนิคเดินลงรถมา


"เดี๋ยวสิ นี่มันยังกลางวันอยู่เลย เราจะมาดูอะไรที่ไนท์ซาฟารีกัน?"

ฆาบี้ถามอย่างงงๆ

"เอาน่า ตามมาเหอะ"

เจฉุดแขนกำยำนั้นให้เดินไปด้วยกัน ก่อนถึงตัวอาคารหลัก พวกเขาก็ได้รับการต้อนรับจากหมู่กวางที่เดินหากินอย่างอิสระ ฆาบี้หยิบกล้องมาถ่ายรัวๆ เจรีบรุนหลังเขาให้เดินไปให้พ้นฝูงกวางที่หิวกระหายพวกนั้น เมื่อเข้าไปด้านใน พวกเขาก็ไปซื้อตั๋วก่อน เจแสดงบัตรสมาชิกของเขา ซึ่งจ่ายราย 6 เดือนเพียง 500 บาทก็สามารถเข้าได้ทุกโซนโดยไม่จำกัดจำนวนครั้ง ถือว่าคุ้มมากๆ เขายังสามารถซื้อบัตรเข้าชมให้ผู้ติดตามได้สูงสุด 2 คนต่อครั้งในราคาลด 30% ในวันนี้เขาก็ใช้สิทธิ์นั้นซื้อบัตรให้ฆาเบียร์ วันนี้เขาซื้อบัตรแบบเข้าชมสัตว์รอบกลางวันด้วย มันลดจาก 800 บาทเป็น 560 บาท จริงๆ แล้วที่ถูกที่สุดคือหาซื้อตั๋วออนไลน์ล่วงหน้า แต่เขาก็ขี้เกียจเกินจะทำแบบนั้น


เมื่อซื้อบัตรแล้ว เจพาฆาเบียร์เข้ามาบริเวณทะเลสาบขนาดใหญ่ เขาพากันนั่งลงที่เก้าอี้

"นี่เรียกว่าทะเลสาบหงส์ เพราะจะมีหงส์ว่ายไปว่ายมา มันไม่ได้สวยอะไรหรอก แต่ผมชอบมานั่งเล่นเวลาว่างๆ...บางทีถ้าไม่สบายใจ มาที่นี่ก็ช่วยให้ผมสงบได้ อย่างตอนพ่อผมตายกะทันหันก็เหมือนกัน"

"ผมชอบนั่งมองระลอกคลื่นบนผิวน้ำ ดูคนที่เดินไปมาดูส้ตว์ในกรงที่ที่อยู่รอบๆ ทะเลสาบ"

เจทอดสายตาไปไกล


(Night Safari - Lake)

https://www.picz.in.th/images/2017/09/04/lake-s.jpg


"ฉันก็ชอบดูคนนะ..."

สายตาฆาเบียร์จับจ้องใบหน้าเล็กๆ นั่น นี่ก็เป็นอีกโฉมหน้าหนึ่งของหนุ่มน้อยร่างเล็กที่แสดงออกมาให้เขาเห็น เจตื่นจากภวังค์ หัวเราะเบาๆ

"เออ รถที่พาไปดูส้ัตว์รอบแรกจะออกตอนบ่ายสาม นี่ยังบ่ายโมงกว่าอยู่ เราจะกินข้าวกันก่อนไหม?"

เจยกกล่องข้าวออกมาจากตะกร้า ข้าวต้มที่กินเมื่อเช้าหมดจากกระเพาะไปนานแล้ว ฆาเบียร์ที่ท้องเริ่มร้องโครกครากก็ช่วยจัดกล่องอาหารวางบนม้านั่งยาว เจเปิดกล่องแฮ้ปปี้มีล พร้อมอธิบายให้ฆาเบียร์ฟังว่ามีอะไรบ้าง


"นี่อะไรน่ะ?" ฆาเบียร์ชี้แหนมทอดก้อนสี่เหลี่ยม

"เอ่อ แหนมน่ะ เป็น เอิ่ม fermented pork หมูที่หมักจนเปรี้ยว แต่สะอาด ปลอดภัย กินได้นะ"

เจหยิบชิ้นแหนมมาแกะๆ เอาพริกที่แทรกๆ อยู่ออกให้ก่อน เขาไม่รู้ว่าหนุ่มละตินคนนี้กินเผ็ดได้มากแค่ไหน ฆาบี้ยิ้มกริิ่ม เจน้อยช่างใส่ใจเขาจริงๆ เขารู้ว่าซี่โครงทอด หมูทอดคืออะไร แต่ไอ้เจ้าไส้กรอกที่ดูเผ็ดๆ กับก้อนขาวๆ นั่นคืออะไรกันนะ?


"ไส้กรอกนี่เรียกว่า ไส้อั่ว เป็นไส้กรอกสไตล์ล้านนา เป็นเนื้อหมูสับติดมันคลุกเคล้ากับบรรดาเครื่องเทศและสมุนไพรอย่างตะไคร้ ใบมะกรูด ข่า หอมแดงและอื่นๆ แล้วแต่สูตรบ้านใครบ้านมัน"

"คำว่า อั่ว แปลว่าแทรกหรือยัดไว้ตรงกลางน่ะ วิธีทำให้สุกก็ทำได้ทั้งทอดและย่าง แต่ผมชอบแบบทอดมากกว่า"

ฆาเบียร์หยิบขึ้นชิม เออ เขาชอบนะ รสชาติของมันเผ็ดปานกลาง รสชาติของเครื่องเทศและสมุนไพรโดยเฉพาะสัมผัสของตะไคร้ทำให้มันแตกต่างจากไส้กรอกของทางตะวันตกอย่างเห็นได้ชัด

"บางเจ้าเค้าสับตะไคร้หยาบๆ ก็เคี้ยวกันจนเมื่อยเหมือนกันนะ"

เจส่งข้าวเหนียวให้ฆาบี้กินกับไส้อั่ว

"แล้วก้อนขาวๆ นี่ล่ะ?"

"อ๋อ หมูยอ เป็นมีทโลฟอย่างนึงน่ะ ถ้าจำไม่ผิดมันเป็นอาหารเวียดนามน่ะ"

ฆาเบียร์ชิมไปคำนึง ความเด่นของมันอยู่ที่รสชาติของพริกไทย...เจยื่นถุงน้ำพริกหนุ่มให้ฆาเบียร์ชิม

"นี่เป็นเครื่องจิ้มของทางล้านนา วัตถุดิบไม่มีอะไรมาก มีพริกหนุ่ม หอมแดง กระเทียมเอาไปย่างไฟให้หอมแล้วตำกับเกลือ ผักชี ต้นหอม บางเจ้าก็จะใส่เครื่องปรุงอื่นอย่างปลาร้า มะเขือเทศไปด้วย"

ฆาเบียร์ตักชิมคำใหญ่ไปหน่อย ทำให้สำลักความเผ็ดจนหน้าแดง เจรีบเปิดขวดน้ำส่งให้

"แค่ก...โอย เผ็ดเหมือนกันนะเนี่ย แต่ฉันว่ารสชาติมันคุ้นๆ..."

ฆาเบียร์นึกไปถึงอาหารเม็กซิกันอย่างหนึ่ง

"คล้ายกับ Salsa verde นะ แค่ว่าซัลซ่า แวร์เดใส่โตมาติโย่ หรือมะเขือเทศพันธุ์สีเขียวลงไปด้วย"

เขาปั้นข้าวเหนียวจิ้มน้ำพริกหนุ่มกินอีกหนึ่งคำ เจยื่นหมูทอดป้อนให้เขาซึ่งรับเข้าปากอย่างไม่ขัดเขิน


"แล้วนี่ล่ะ?" เขาชี้ถุงน้ำพริกอ่องที่ยายลีแถมมาให้ด้วย

"อ๋อ นี่น้ำพริกอ่อง ของโปรดผมเลยนะ เป็นเครื่องจิ้มอีกอย่าง ส่วนผสมก็มีหมูบด มะเขือเทศ ผัดกับเครื่องแกงที่มีส่วนผสมของพริกแห้ง หอมแดง กระเทียม กะปิ แล้วก็เกลือ"

ฆาเบียร์ชิมไปคำนึงแล้วก็ตาลุกวาว เจ้านี่อร่อยจริงๆ เขาชอบนะ

"ชอบล่ะสิ ไว้เดี๋ยวทำให้กิน"

เจพูดยิ้มๆ

"ทำเป็นด้วยเหรอ?"

เจพยักหน้า

"อื้อ ก็ไม่ได้ยากอะไร"

ฆาเบียร์ยิ้มกว้าง เขาได้เรื่องไปลงบล็อกอีกเรื่องละ

ทั้งสองจิ้มนั่น หยิบนี่เข้าปาก ป้อนกันบ้าง ไม่นานของกินที่เตรียมมาเยอะแยะก็หมด


(แฮ้ปปี้มีล ร้านบุญศรี ตลาดวโรรส)
https://www.picz.in.th/images/2017/09/04/happymeal-s.jpg


"โอย อิ่ม"

คนตัวเล็กกว่าลูบท้องพร้อมเอนนอนพิงพนักเก้าอี้ยาว ฆาเบียร์เองก็เริ่มจุกเหมือนกัน ปกติเขาระวังเรื่องอาหารพอสมควร แต่รสชาติที่แปลกใหม่ อีกทั้งมีคนคอยป้อน คอยส่งของให้เขากินทำให้เขาเจริญอาหารเป็นพิเศษ

"ไอ้เจ้าข้าวเหนียวนี่แคลอรี่เท่าไหร่เนี่ย?"

คนห่วงอ้วนบ่นออกมาเบาๆ ในวัยใกล้ 40 การเผาผลาญของเขาไม่ดีเหมือนเดิมแล้ว

"อือ...30 กรัม 80 กิโลแคลอรี่"

เจตอบ...คนฟังช็อคไปเรียบร้อยแล้ว เขากินไปเยอะขนาดไหนแล้วนั่น?

"โหย ซีเรียสไร? เดี๋ยวก็กลับไปเบิร์นออก"

เจพูดแบบไม่ใส่ใจ

"งั้นกลับไปถึงห้องเรามาเสียเหงื่อด้วยกันไหม?"

ฆาเบียร์ทำหน้ากรุ้มกริ่มยกแขนขึ้นโอบไหล่เจ​ซึ่งทำตาปริบๆ มองคนหน้าไม่อาย

"จะสามโมงแล้ว รีบไปกันเถอะ เดี๋ยวไม่ทันรถ"

เจรีบเปลี่ยนเรื่องแล้วลุกขึ้นเก็บของ เขางี้กลัวใจหนุ่มละตินร่างใหญ่คนนี้จริงๆ จริงอยู่ว่าตอนแรกเขาเป็นฝ่ายได้กกกอดฆาเบียร์ แต่นั่นก็เพราะทางนั้นเมาจนขัดขืนไม่ไหว แต่ในตอนนี้ เขาไม่แน่ใจว่าถ้าเขาเผลอใจให้ฆาเบียร์ไป เขาจะรักษาอธิปไตยด้านหลังของเขาได้อยู่หรือเปล่า แล้วอาวุธของทางนั้นมันเล็กๆ อยู่ซะที่ไหน ฉะนั้น เลี่ยงได้เลี่ยงก่อนดีกว่าหนอ


เจยื่นมือไปฉุดฆาเบียร์ที่ทำท่าอยากจะเลื้อยนอนอยู่บนม้านั่งยาวนั่นให้ลุกขึ้น ร่างกำยำนั้นอิดออดเล็กน้อย ลมเย็นๆ ที่พัดโชยมาชวนให้ง่วงจริงๆ เขาขืนตัวแล้วดึงแขนคนที่ตัวบางกว่า เจเสียหลักซวนซบลงบนแผงอกหนาใหญ่นั้น ใบหน้าทั้งสองห่างกันเพียงคืบ แต่ก่อนที่ฆาเบียร์จะทันฉวยโอกาส เสียงของนักท่องเที่ยวจีนกลุ่มใหญ่ก็ค่อยๆ ดังใกล้เข้ามา เจรีบยันกายลุกขึ้นโดยเร็ว แล้วหันเดินหนีไป เขาให้คนร่างใหญ่นั้นเห็นไม่ได้หรอกว่าหน้าเขาแดงแค่ไหน ฆาเบียร์รีบลุกขึ้นเดินตามเงาร่างที่ค่อยๆ ยึดครองใจเขาไป วันนี้เขามีความสุขจัง



---------------------------------------------------------------------


ตัดจบตอนตรงนี้ก่อนนะคะ

สูตรอาหารเมือง อ้างอิงจากเว็บนี้ค่ะ

http://library.cmu.ac.th/ntic/lannafood/detail_lannafood.php?id_food=27


happy meal ร้านบุญศรี เผอิญหาที่ถ่ายเองไม่เจอ เลยไปแฮ้ปรูปของเพจร้านบุญศรีมาค่ะ รูปซ้ายคือแบบชุดใหญ่ รูปขวาคือชุดเล็ก ของที่เห็นในกล่องนี่ ซ้อนสองชั้นนะคะ -- เพจร้าน https://www.facebook.com/profile.php?id=10000137369765






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-03-2018 14:34:59 โดย La Vida Sin Tu Amor »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ได้ลิสต์ร้านเด็ดในกาดหลวงอีกแล้ว ฮา

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1



---- What's Up, Mia! ----




​ร่างกำยำเดินกึ่งวิ่งตามเจนยุทธ ทำไมคนตัวเล็กๆ ถึงได้เดินเร็วนักนะ ทั้งสองมาหยุดที่จุดตรวจตั๋วเพื่อเข้าสู่เดย์ ซาฟารี

"โกรธฉันเหรอ?"

ฆาบี้กระซิบถามที่ข้างหูเจ

"ขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ..."

"ผมไม่ได้โกรธหรอก"

เจถอนหายใจ หันไปดูคนตัวโตที่ตีหน้าเศร้าอยู่ข้างๆ เขาไม่ได้โกรธหรอก...แต่เดินหนีเพราะไม่อยากให้ฝ่ายนั้นเห็นหน้าที่แดงก่ำของเขาแค่นั้น


"ป่ะ เข้าไปข้างในกันดีกว่า..."

เขาฉุดข้อมือใหญ่หนานั่นให้เดินตามเข้าไป

"เมื่อกี้น่ะ แค่ foreplay ของที่ทำให้ผมแฮ้ปปี้จริงๆ น่ะ อยู่ในนี้"

เจนยุทธพูดพร้อมตาเป็นประกาย เจแวะซื้อกล้วยและแครอทในถังเล็กๆ เขาหยิบมาสามถัง

"เอามาทำอะไรน่ะ? ฉันไม่กินนะ อิ่มแล้ว"

ฆาบี้ถามงงๆ เจหัวเราะ

"ไม่ใช่ของคุณ...อ๊ะ เขาเรียกขึ้นรถละ ไปกันเถอะ"



เจเดินนำฆาเบียร์ไปขึ้นรถดูสัตว์ที่เปิดโล่งด้านข้าง วันนี้คนไม่เยอะ เขาจึงไม่ต้องไปนั่งเบียดกับใครมาก

"ที่นี่เป็นไนท์ซาฟารีก็จริง แต่ว่าในช่วงบ่ายก็มีรถพาเที่ยวด้วย"

รถเริ่มเคลื่อนออกจากสถานีอย่างช้าๆ

"ในช่วงบ่ายรถวิ่งตั้งแต่บ่ายสามไปจนถึงสี่โมงครึ่ง ทุกๆ ครึ่งชั่วโมง ก็มี 4 รอบน่ะ เที่ยวนึงใช้เวลาประมาณ 90 นาที"

"แล้วมันต่างจากดูสัตว์ในสวนสัตว์ทั่วไปยังไงเหรอ เจ? แค่ไม่ต้องเหนื่อยเดินงั้นเหรอ?"

ฆาเบียร์ถามอย่างสงสัย

"น่า เดี๋ยวก็เห็น"

เจตอบ ตากลมโตคู่นั้นมีแววตื่นเต้น



"เดี๋ยวเราจะเข้าสู่โซนแรก คือซาวันน่าห์โซน"

รถพาพวกเขาเข้ามาสู่ส่วนแสดงสัตว์ ไกด์สาวบนรถบรรยายเป็นภาษาไทย เจหัวเราะคิกคักไปกับการบรรยายนั้น และหันมาแปลให้ฆาบี้ฟังเป็นครั้งคราว เจนยุทธบอกเขาว่าเดย์ซาฟารีมีบรรยายเฉพาะภาษาไทยเท่านั้น ส่วนไนท์ซาฟารีมีทั้งรอบอังกฤษและไทย​

"เห็นแรดสองตัวนั้นไหม? คำว่าแรดเป็นแสลงของไทยที่ใช้เรียกคนที่ flirty หรือ slutty ไกด์บอกว่าแรดนอเดียวก็คือแรดธรรมดา ส่วนแรด 2 นอ ก็คือ แร๊ด แรด...very slutty พบได้ตามผับบาร์ตอนกลางคืน"

ฆาเบียร์ขำไปกับการใส่อารมณ์แปลของเจ​


"งั้นฉันก็คง Rad สินะ"

เจหันไปมองฆาเบียร์ที่ยกแขนขึ้นมาโอบพาดไหล่เขา

"ก็ฉันกำลังพยายามทำตัว flirty อยู่นี่"

ปากบางนั้นแย้มยิ้มยั่ว ตาคมวาวคู่นั้นสื่อความหมายที่ทำให้คนตัวเล็กหน้าร้อนผ่าวอีกครั้ง

"เออ มึงแรดมาก"

เจอุบอิบออกมาเป็นภาษาไทย แต่เขาก็ไม่ได้ปัดป้องแขนหนักๆ ที่วางพาดไหล่เขาอยู่


สัตว์ในส่วนจัดแสดงนั้นมีทั้งที่อยู่ในที่อาศัยแบบมีคอกกั้นและที่เดินอย่างอิสระ เจชี้ชวนให้เขาดูตัวนั้นตัวนี้อย่างกระตือรือร้น

"นั่นกูดูใหญ่"

เจชี้ให้ดูสัตว์ตระกูลแอนตีโลปที่มีเขาเกลียวหลายตัวที่อยู่ในคอก

"นู่นหมูป่าแม่น้ำแดง...ที่มันอยู่ในเรื่องไลอ้อนคิงด้วยน่ะ"

"โน่นๆๆ เห็นนั่นไหม ที่อยู่ลิบๆ ตรงซอกหินนั่นน่ะ นั่นกวางผา...ไม่ใช่สัตว์อาฟริกาหรอกนะ ในนี่ก็จัดแสดงคละๆ กันไป"

เจพูดถึงวัวแดง จิงโจ้ แล้วก็พวกนิลกายจากอินเดียที่เห็นอยู่ปะปนกับสัตว์จากอาฟริกา



ทันใดนั้นเจก็ทำตาลุกวาวเมื่อเห็นสัตว์ตัวโตที่กำลังเดินเข้าใกล้รถแทรม เขาจับแขนฆาบี้เขย่า

"มาแล้วๆๆๆ"

ครอบครัวยีราฟคอยาวที่มีทั้งตัวพ่อ ตัวแม่และลูกน้อยเดินเข้ามาหารถอย่างคุ้นเคย

"นี่แหละ สิ่งที่ทำให้ผมกลับมาที่นี่ครั้งแรกครั้งเล่า"

เจยิ้มร่า หยิบกล้วยป้อนให้แม่ยีราฟที่โน้มคอลงมารับอย่างนุ่มนวล หัวใหญ่ๆ นั้นมุดเข้ามาในตัวรถ เจจับมือฆาบี้ไปลูบหัวมันเบาๆ แล้วส่งกล้วยให้เขาป้อนให้มัน


"ผมนะ ชอบยีราฟมากๆๆ มาตั้งแต่เด็กแล้ว สมัยก่อนพอว่าง พ่อก็จะพาพวกผมไปสวนสัตว์เชียงใหม่ พวกพี่ๆ เขาชอบฮิปโปกัน แต่ผมน่ะชอบไอ้เจ้าตัวคอยาวนี่มาก ไปเกาะรั้วดูมันได้ทีละนานๆ เลย"

เจพูดถึงความทรงจำวัยเด็กอย่างแสนสุข เขาเล่าว่าพอเขาเริ่มโตขึ้นก็ไม่ค่อยได้แวะมาสวนสัตว์บ่อยเท่าเมื่อก่อน

"ทีนี้เมื่อห้าปีก่อนตอนพ่อผมเสียอย่างกะทันหัน ตอนนั้นผมก็เศร้ามากเลย พอดีว่าพี่เจจะพาพี่วัฒน์มาเที่ยวที่นี่ ผมเลยติดมาด้วย ผมน่ะไม่เคยเข้ามาที่นี่เลยเพราะคิดว่ามันคงเป็นที่เที่ยวแบบหลอกขายนักท่องเที่ยว แต่พอเข้ามา แล้วเจอไอ้ตัวคอยาวพวกนี้แบบใกล้ชิด ผมงี้ร้องไห้เลย พวกพี่นพต้องมาคอยปลอบผมใหญ่"

เจร่ายยาว การได้เจอสัตว์ในความทรงจำ ทำให้ภาพของพ่อที่พาเขาไปสวนสัตว์ตอนเด็กๆ เด่นชัดขึ้น ฆาบี้มองใบหน้าเล็กๆ ที่ยิ้มแย้มเมื่อนึกถึงความทรงจำดีๆ ในอดีตแล้วก็อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปบีบกระชับมือน้อยๆ นั้น ริมฝีปากรูปกระจับสีชมพูนั้นยิ้มพรายให้กับเขาแล้วเจื้อยแจ้วต่อไป


"ทุกครั้งที่ผมมาที่นี่ ก็เหมือนได้มาเจอเพื่อนเก่าตอนเด็กๆ และเหมือนได้มากับพ่ออีกครั้ง"

เจขยับกายเอนซบไปที่ไหล่ฆาบี้...

"นี่ก็เหมือนได้นั่งกับพ่อเลย"

เอ๊ะ...นี่จะหาว่าเขาแก่ใช่ไหมนะ?

"เอ่อ งั้นจะเรียกฉันว่าป๋า ฉันก็ไม่ขัดนะ"

คนตัวใหญ่พูดอย่างไม่ยอมแพ้

"งั้น...ป๋าครับ...ขอตังค์กินหนมหน่อย"

เจพูดแล้วก็หัวเราะคิกออกมา ทุกทีเขามาคนเดียวก็จะนั่งดูสัตว์ ป้อนนั่นป้อนนี่ให้มันเงียบๆ คนเดียว วันนี้มาแบบมีคนอื่นมาด้วย ก็สนุกไปอีกแบบนะ เขาชี้ชวนให้ฆาบี้ดูพวกม้าลาย กวาง และนกกระจอกเทศที่เข้ามารุมล้อมรถ

"...พวกนี้ยังกะซอมบี้เลยเหอะ คราวที่แล้วก็มีกวางปีนขึ้นมาบนรถตัวนึง..."

"..ไกด์บอกว่าอย่าป้อนแครอทให้ม้าลายกับมือนะ มันชอบเข้าใจว่านิ้วเราเป็นแครอทด้วย ฟันมันคมมาก ให้โยนให้บนพื้นเอา..."


(Night Safari)
https://www.picz.in.th/images/2017/09/04/safari2.jpg


เมื่อนั่งรถครบรอบในโซนซาวันน่าห์แล้ว พวกเขาก็พากันเดินไปอีกฟากหนึ่งของลานหน้าทะเลสาบเพื่อนั่งรถต่อในโซนที่สอง อันเป็นส่วนจัดแสดงสัตว์นักล่า ในส่วนนี้มีสัตว์อย่างสิงโต เสือ จระเข้ หมาป่า หมาจิ้งจอก หมีควาย แล้วยังมีสัตว์ที่เป็นเหยื่อของพวกนี้เช่นกวางและหมูป่า

"โหยยยย ฆาบี้ ดูลูกหมูป่าพวกนั้นสิ"

เจตาลุกวาวเมื่อเห็นแม่หมูป่าพาลูกๆ วิ่งตามรถ

"อือ น่ารักดี"

ฆาเบียร์ตอบ

"น่ากินมากกว่าอ่ะ ขนาดกำลังพอดีเลย"

เจทำตาชวนฝัน เขานึกถึงฉากหนึ่งในนิยายเรื่องโปรดของเขาอย่าง "เพชรพระอุมา" ตอนที่พรานไพรหน้านิ่งอย่างรพินทร์ ไพรวัลย์ทำหมูหันแบบบ้านป่า เขายังจำได้ถึงการบรรยายชั้นครูของพนมเทียนที่อธิบายถึงการนำเอาใบตองเคล้าเกลือมายัดไส้ในตัวหมูน้อยนั้นแล้วค่อยๆ หันช้าๆ จนเกลือมันกำซาบเข้าสู่เนื้อหมู อ่านกี่ครั้งเขาก็แทบจะรู้สึกถึงกลิ่นหมูย่างเคล้ากลิ่นใบตองหอมๆ ลอยออกมาจากหน้าหนังสือนั้น

เจยกมือปาดน้ำลายที่แทบจะหยดแหมะออกมาตอนที่เขาพยายามจะอธิบายให้ฆาเบียร์ฟัง คนตัวโตโคลงหัวไปกับความตะกละของไอ้เจ้าตัวเล็ก นี่เพิ่งกินมื้อเที่ยงไปได้ไม่ถึง 2 ชั่วโมง ดูท่าเจ้ากระรอกปลอมนี่จะหิวอีกแล้ว

"อ่ะ กินนี่แทนหมูย่างไปก่อนนะ"

ฆาบี้ส่งแครอทให้

Night Safari
https://www.picz.in.th/images/2017/09/04/safari1.jpg


เมื่อจบจากโซนนักล่า เจก็ชวนฆาเบียร์กลับ

"จริงๆ แล้วมีโชว์น้ำพุกับพวกสัตว์แสนรู้ในตอนเย็นด้วยนะ รวมไปในแพ็คเกจแล้ว แต่ว่าต้องรอหกโมงนู่น เดี๋ยวเรานัดพี่นพกินข้าวเย็นไว้ ก็กลับกันก่อนดีกว่านะ เดี๋ยวจะไม่ทัน"

เขาไม่อยากให้ไอ้พี่นพมันรอนาน ไม่อยากโดนบ่นหูชาอีก


พวกเขานัดกันที่ร้านสุกี้ยอดนิยมของคนไทยอย่างเอ็มเค ด้วยความที่ฆาบี้ยังช็อคกับแคลอรี่ของข้าวเหนียวอยู่จึงไม่อยากกินอะไรหนักมากในตอนเย็นเอ็มเคจึงเป็นตัวเลือกที่ดี สำหรับฆาเบียร์เอง นี่ก็เป็นโอกาสอันดีที่เขาจะได้ลองกินอะไรแบบที่คนไทยเขากินกัน ทุกครั้งที่มาไทยเขามักใช้ชีวิตอยู่ในโรงแรมหรือกินอาหารตามร้านที่เขาจะนำเสนอในบล็อกของเขาซึ่งมักจะเป็นร้านที่ถูกปากนักท่องเที่ยวมากกว่า โดยมากก็มักจะได้ชื่อมาจากการหาข้อมูลของทีมเลขาของเขา นานๆ เขาถึงจะได้ไปลองร้านที่คนท้องถิ่นเขากินกันจริงๆ สักที

อีกสาเหตุหนึ่งที่เขาไม่เคยมาลองกินร้านอาหารท้องถิ่นมากนักก็เพราะอาหารไทยหรืออาหารเอเชียส่วนใหญ่นั้นเป็นอาหารที่ต้องแบ่งปันซึ่งไม่เหมาะกับเขาที่มักเดินทางคนเดียว วัฒนธรรมการแบ่งปันอาหารนี้คล้ายคลึงกับของทางยุโรปใต้หรือทางละตินอเมริกาซึ่งยังอาศัยอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ เขาเองก็เติบโตมากับครอบครัวแบบละตินอเมริกา แต่เมื่อโตขึ้นและแยกตัวออกมาอาศัยอยู่คนเดียวเป็นเวลานาน เขาแทบจะลืมความรู้สึกสนุกในการแบ่งปันอาหารนี้ไปแล้ว...เอ๊ะ หรือเขาควรจะเรียกว่าแก่งแย่งชิงอาหารดีนะ?


"พี่นพ นั่นลูกชิ้นผม! อุตส่าห์ลงไว้ตั้งนานแล้ว"

ไอ้ตัวเล็กมันโวย ตะเกียบในมือมันแทบจะไปจกเอาลูกชิ้นที่นพคาบไว้ในปาก

"อะไอเอ้า"

'อะไรเล่า'

นพพูดทั้งที่ลูกชิ้นยังคาปาก...

"ก็กินช้าเองนี่ นึกว่าไม่เอาแล้ว"

การถกเถียงและแย่งชิงนี้ดำเนินไปตลอดมื้ออาหาร ส่วนคนที่นั่งเงียบๆ อย่างวัฒน์ก็ทำหน้าที่คอยคีบ คอยตักผักและของในหม้อส่งให้นพ


"เอ้า ฆาบี้ เป็ดย่าง อร่อยนะ"

เจ้าตัวเล็กคีบเป็ดส่งมาให้เขาที่กำลังเพลินดูเด็กไม่ยอมโตสองคน

"นี่ด้วย หมูกรอบ...กินทันพวกเราไหมน่ะ?"

เจคีบหมูกรอบส่งให้แล้วยังกุลีกุจอตักของในหม้อใส่ถ้วยให้ฆาเบียร์ เขาต้องรีบก่อนที่นพจะมาจกของดีๆ ไปหมด

"แหม...ได้ผัวแล้วลืมพี่ลืมเชื้อนะ ไอ้เจ"

นพบ่นดังๆ มาเป็นภาษาไทย

"เมียโว้ย เมีย อย่าคิดว่าคนอื่นจะมีผัวเหมือนตัวไปหมดสิวะ"

ไอ้ตัวแสบหันไปแยกเขี้ยวใส่นพ


"What is Mia?"

ฆาบี้หันไปถามวัฒน์ที่นั่งยิ้มๆ ดูพี่น้องนอกไส้ตีกัน คนที่ถนัดภาษาญี่ปุ่นกว่าภาษาอังกฤษอึกอัก

"อ่า...แปลว่า wife น่ะ..."

หน้าคมเข้มของฆาบี้ร้อนวูบ เขาได้ยินไอ้ตัวเล็กนี่พูดคำนี้บ่อย บางทีก็ใช้เรียกเขา พอถามว่าแปลว่าอะไรมันก็ไม่ตอบ...เขานี่อยากจะจับมันกดนัก มันจะได้เลิกอวดไปทั่วซะ เจหันมายักคิ้วให้ฆาบี้เมื่อได้ยินวัฒน์อธิบายให้ฆาบี้ฟัง


"What's up Mia?" '

ไงจ๊ะ เมียจ๋า'

มันทำหน้ายียวนชวนจูบนัก ถ้าไม่ติดว่าคนเต็มร้านเขาจะจับมันมากดจูบซะให้ลืมความคิดนี้ไปซะเลย ฆาบี้คิดอย่างมันเขี้ยว นี่ตอนแรกเขาลืมความคิดที่จะกดมันไปแล้วนะ เจอแบบนี้เขายอมไม่ได้

"เออ นั่น ไปยั่วมันเข้าอีก ไอ้เจเอ๊ย ไม่รอดแน่มึง"

เสียงนพเปรยมาเบาๆ เป็นภาษาไทย แต่เจไม่กลัวหรอก เขาเองก็หนึ่งในตองอูเหมือนกัน


หลังมื้ออาหาร รถบีเอ็มสีน้ำเงินสดของเจก็พาร่างที่อิ่มและเหนื่อยอ่อนทั้งสองกลับมาถึงคอนโด หลังจากเก็บล้างอุปกรณ์ปิคนิคแล้ว เจก็ไล่ฆาบี้ไปอาบน้ำ

"ไปๆ อาบน้ำ อาบท่า จะได้นอน วันนี้เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว"

"คุณไปนอนแช่น้ำสบายๆ ที่ห้องเล็กเถอะ เดี๋ยวผมอาบฝักบัวเอง"

เจไม่ค่อยอาบน้ำในอ่างเท่าไหร่เลยให้ช่างรื้ออ่างในห้องน้ำใหญ่ออกแล้วติดตั้งแผงเรนชาวเวอร์ขนาดใหญ่ไว้เกือบเต็มเพดานส่วนอาบน้ำ มันไม่ประหยัดน้ำนักหรอก แต่เขาชอบความรู้สึกเหมือนอยู่กลางสายฝน เขาสลัดเสื้อผ้าออกจนเหลือแต่ตัวเปล่าเปลือย เปิดน้ำแรงสุด แล้วยืนปล่อยอารมณ์ไปกับม่านน้ำอุ่นๆ นั้น แอร์ห้องเย็นจัดที่เล็ดลอดเข้ามาถึงในห้องน้ำทำให้เกิดไอน้ำขาวขึ้นรอบตัว ทันใดนั้นเขาพลันได้ยินเสียงประตูเปิดออก ด้วยความเคยชินเขาลืมล็อคประตู...


ร่างหนั่นแน่นที่เปลือยเปล่าก้าวเข้ามาในส่วนอาบน้ำ เจถอยกรูดเข้าไปชิดผนัง สิ่งที่กั้นระหว่างเขากับร่างงามสมบูรณ์นั้นมีเพียงม่านน้ำและไอควัน ใบหน้าคมเข้มที่มีดวงตาคู่งามสะกดวิญญาณนั้นจ้องมองหน้าเขาด้วยความปรารถนาผ่านสายน้ำที่กางกั้น...เวลาเหมือนหยุดนิ่งลง แล้วพลันมีมือใหญ่แข็งแรงแหวกม่านน้ำมาประทับบนผนังข้างเจนยุทธและตามมาด้วยใบหน้าคมเข้มนั้นที่ขยับเข้ามาใกล้อย่างช้าๆ สายตาแพรวพรายนั้นเต็มไปด้วยความเว้าวอน

โดยไม่รู้ตัว เจหลับตาเผยอปากรับจูบอ่อนหวานที่ฆาบี้ป้อนให้เขา มันเป็นจูบที่หวานที่สุดในชีวิต ริมฝีปากของทั้งสองบดเบียดกันจากเบาแผ่วพริ้วกลายเป็นรุนแรงขึ้นด้วยแรงราคะ ลิ้นทั้งสองพัวพันเลียไล้ไปทั่ว มือทั้งสองของเจโอบรอบคอของร่างที่สูงกว่า ส่วนฆาเบียร์กระชับวงแขนเข้าที่เอวของเจนยุทธพร้อมรั้งร่างเล็กขึ้นให้แนบชิดกับอกเปลือยของเขา เจซึ่งแทบขาดใจกับรสจูบของคนที่ผ่านร้อนหนาวมานานกว่าพลันเหมือนตกจากก้อนเมฆเมื่อริมฝีปากร้อนคู่นั้นถอนออกไปพร้อมเสียงหัวเราะเบาๆ ที่ข้างหู


"จัดการตัวเองให้เรียบร้อยซะนะ 'ผัว' จ๋า"

ไอ้ฝรั่งขี้นกพูดคำไทยคำนั้นอย่างชัดถ้อยชัดคำแล้วหันกายเดินออกจากห้องน้ำไป ใครไปสอนมันวะ? แล้วกรูจะทำยังไงกับไอ้นี่ดีล่ะเนี่ย เจก้มลงมองมังกรน้อยของเขาที่แข็งจนแทบระเบิด ถอนหายใจแล้วขบเขี้ยวเคี้ยวฟันจัดการบีบนวดตัวเองต่อไป


ส่วนฆาเบียร์เองก็จัดการตัวเองอยู่เงียบๆ บนเตียง...

เขาไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงไม่ฉวยโอกาสตอนที่ร่างบางนั้นกำลังเคลิ้มจัดการให้สมกับความปากดีของมันซะ เขาคงต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ๆ ที่ไม่ยอมซุกไซร้ซอกคอขาว เลาะเล็มเม็ดทับทิมคู่งามนั้น และกระแทกสะโพกแน่นๆ นั้นให้หนำใจ แต่เขากลับทำแค่จูบปากรูปกระจับสีแดงระเรื่อแสนเย้ายวนนั้น สัมผัสอ่อนหวานที่ได้จากปากนั้นทำให้เขาแทบทนไม่ไหว เขาเร่งมือรูดเร้าเมื่อนึกถึงตาที่หรี่ปรือ แก้มแดงระเรื่อ และลิ้นร้อนๆ ที่ไล้เลาะรูดกับลิ้นเขา แล้วพลันคำรามหนักๆ เมื่อน้ำรักสีขาวขุ่นฉีดพุ่งออกมาเต็มถุงยาง


ฆาเบียร์ถอนหายใจ ดึงถุงยางออกมัดปลายทิ้งในถังขยะก่อนจะใช้ทิชชู่เช็ดทำความสะอาดที่เหลือ...เขาพอใจกับแค่นี้จริงๆ หรือ?

เสียงประตูห้องน้ำเปิดออก ฆาเบียร์รีบหลับตาลงทำเป็นเหมือนหลับไปแล้ว เสียงฝีเท้าของคนร่างเล็กกว่าเดินมาหยุดที่หน้าเตียง แต่ไม่ยอมลงนอนหากยืนนิ่งๆ พิจารณาร่างใหญ่ล่ำสันที่นอนเปลือยเปล่าอยู่นานสองนาน ก่อนที่เจจะระบายลมหายใจออกมาอย่างอัดอั้น และลงนอนทอดกายเคียงข้างร่างใหญ่นั้น

ฆาเบียร์นอนนิ่งๆ เขาไม่กล้าพลิกตัวไปกอดร่างอุ่นที่นอนอยู่ด้านข้าง เขากลัวจะถูกหมางเมินอย่างไม่ใยดี หากไม่นานร่างนั้นกลับพลิกหนุนซบกับอกกว้างของเขาเอง

"หนาว...ขอนอนกอดหน่อยนะ"

เสียงนั้นสั่นน้อยๆ จะด้วยความหนาวหรืออะไรก็ยากจะบอกได้ ฆาเบียร์พลิกกายนอนกอดกระชับร่างเล็กนั้น ตัวของทั้งสองแนบชิดกันจนได้ยินเสียงหัวใจเต้น ขาคู่เรียวเกาะเกี่ยวกับขาแข็งแกร่งล่ำสัน แขนของทั้งสองโอบกระชับแผ่นหลังของอีกฝ่าย ลมหายใจที่หอบถี่ของทั้งคู่ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นช้าลงเมื่อเริ่มเข้าสู่ภวังค์ เขาทั้งคู่รู้ดีว่าพวกเขาจะนอนหลับได้อย่างสนิทภายในอ้อมแขนของกันและกัน

--------------------------------------------------------------


ทำไมวันนึงของสองคนนี่ผ่านไปช้ามากจริงๆ ชิลล์ไปไหน?



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-03-2018 14:43:22 โดย La Vida Sin Tu Amor »

ออฟไลน์ pktherabbit

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
ก็นั่นสินะ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ดูจะเข้ากันได้ดี

ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1




---- What Are We? ----



ฆาเบียร์ลืมตาตื่นขึ้นมาในยามเช้า นี่เป็นอีกคืนที่เขานอนหลับสนิทเต็มตื่น เป็นเวลา 5 คืนแล้วที่ร่างเพรียวเป็นฝ่ายยอมมาซุกอกให้เขากอดแทนหมอนข้าง พวกเขาตะคองกอดกันหลับไหลเช่นนี้ทุกคืนโดยที่ไม่มีอะไรเกินเลยเกิดขึ้น พวกเขาทั้งคู่เพียงโหยหาความอบอุ่นจากใครสักคน แต่มันจะเป็นแบบนี้ได้อีกนานแค่ไหน?  เขาแอบหอมแก้มใสๆ ของคนที่ซุกหน้าลงกับอกอุ่นของเขา มือใหญ่หนาของเขาลูบไล้หลังเนียนแต่มีกล้ามเนื้อแข็งแรง ร่างกายของเจนยุทธไม่ได้นุ่มนิ่มเหมือนหนุ่มน้อยหน้าหวานร่างบางคนอื่นที่เขาเคยกอด แต่ไม่ได้กล้ามแน่นแข็งปั๋งเหมือนบรรดาหนุ่มนักกีฬาชื่อดังที่เคยให้ความตื่นเต้นท้าทายแก่เขา


"นายนี่มันพิเศษจริงๆ รู้ตัวไหม?"

เขาฝังใบหน้าลงกับลำคอเนียนนุ่มนั้น นับจากนพ...เขาไม่เคยเจอคนที่ดึงดูดใจเขาขนาดนี้มาก่อน แต่เขาก็ยังกลัวว่าอาจเป็นเพราะเขายังไม่มีโอกาส 'ได้' เจ้ากระรอกปลอมตัวนี้ ถ้าทำแบบนั้นแล้วความรู้สึกของเขาจะเปลี่ยนไป เขาคงแค่ขอกอดร่างอุ่นนี้ไว้กับอกอย่างเดียวก็พอ เขายังเข็ดกับสิ่งที่เกิดกับนพ ความเป็นเพื่อนที่ขาดสะบั้นไปเพียงเพราะความหื่นกระหายชั่วแล่นของเขา เขาไม่อยากให้ประวัติศาสตร์นั้นซ้ำรอย แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะยั่วเย้า แอบหาเศษหาเลยจากเจ้ากระรอกน้อยนี้ มันสนุกนักที่จะเห็นหน้าน้อยๆ ของมันเปลี่ยนสีไปเพราะเขา แต่เขาก็ไม่รู้ว่าเขาจะทนความเย้ายวนนี้ได้อีกนานแค่ไหน


"เฮ้อ...แล้วเมียจะทนไม่กดผัวได้อีกนานเท่าไหร่นะ"

เขาหลุดปากออกมาเบาๆ

"อือ ครางเรียกผัวอะไรแต่เช้าเลยจ๊ะ เมียจ๋า?..."

เสียงง่วงงุนดังมาจากหมอนข้างใบน้อยของเขา หลังจากที่เขารู้ความหมายคำว่า 'เมีย' แล้วไม่แสดงท่าทีขัดขืนหรือโกรธกับการถูกเรียกแบบนั้น ไอ้ตัวเล็กนี่ยิ่งย่ามใจเรียกเขาว่าเมียบ่อยครั้ง เขาน่ะไม่ค่อยรู้สึกอะไรกับมันเท่าไหร่หรอก เพราะมันไม่ได้มีความหมายอะไรมากมายในวัฒนธรรมของเขา ถ้าอยากเรียก ก็เรียกไป แต่อย่าเผลอให้ถึงทีของเขาบ้างแล้วกัน


เจสะดุ้งเฮือกเมื่อมือร้อนของคนที่ตัวโตไล้เบาๆ ไปตามแนวสันหลังของเขาและลงไปยังสะโพกหนั่นแน่น เขาพยายามดิ้นออก แต่วงแขนนั้นกอดกระชับแน่น มือนั้นบีบคลึงเคล้นเนื้อที่แก้มก้นของเขาเบาๆ มันเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน

"ไม่...ฆาบี้ อย่า..."

เจครางเสียงสั่นเมื่อมือร้อนนั้นทำท่าจะซุกซนเข้าไปไกล มือนั้นหยุดตามคำขอ ฆาเบียร์ถอนหายใจ เขาต้องไม่ปล่อยตัวให้เพลินเกินไป ถึงเขาจะรู้สึกถึงส่วนร้อนที่แข็งเกร็งของเจที่บดเบียดกับแท่งลำที่ขยายตัวของเขา แต่ในเมื่ออีกฝ่ายยังไม่พร้อม เขาก็ยังไม่อยากฝืนใจร่างเล็กๆ นั่น


"ฉันไปอาบน้ำก่อนนะ"

ร่างเปล่าเปลือยอันบึกบึนนั้นหันหลังลุกขึ้นเข้าห้องน้ำไป เจนยุทธนอนใคร่ครวญบางอย่างนิ่งๆ สักพักแล้วก็ลุกเดินตามเข้าห้องน้ำไป...

"อาบด้วยคนสิ"

ฆาเบียร์ที่กำลังเปิดน้ำเย็นๆ ราดหัวตัวเองสะดุ้งและหันกลับไปมองร่างเล็กที่ยืนหน้าแดงอยู่ด้านหลัง เขาคว้าข้อมือเพรียวนั้นแล้วกระตุกเบาๆ ร่างนั้นก็ซบเข้าที่อกของเขา เขาปิดน้ำแล้วดันร่างเล็กนั้นชิดผนัง ริมฝีปากเขาซุกซนไปทั่ว มันเลาะเล็มดูดดุนติ่งหู พวงแก้ม ซอกคอ และจบลงที่ริมฝีปากสีชมพูคู่นั้น เจจูบตอบฆาบี้อย่างช่ำชองไม่แพ้กัน คนตัวโตกว่าเคลิบเคลิ้มไปกับลิ้นเล็กร้อนๆ นั้น เจนยุทธเก่งอย่างที่เขาอวดอ้างจริงๆ เจเองก็แทบละลายไปกับจุมพิตของสิงห์อย่างฆาบี้ มือของทั้งสองลูบไล้ตามเนื้อตัวอีกฝ่ายอย่างกระหายใคร่ มือของเจคลึงเคล้นไปที่สะโพกแข็งแกร่งของฆาบี้ วันนี้เขายังไม่ยอมเสียอธิปไตยแน่ มือของฆาบี้เองก็ลูบไปที่ก้นหนั่นแน่นของเจ ลากเลื้อยลงไปยังต้นขาแล้วพลันใช้แรงช้อนใต้สะโพกจนขาข้างหนึ่งของเจยกลอยขึ้นไประดับข้างเอวของฆาบี้ สิงห์หนุ่มยิ้มบางๆ เจอาจช่ำชองจริง แต่ยังใหม่นักในเชิงรักกับชายด้วยกัน


เขาใช้ส่วนสะโพกตรึงเจที่อึ้งทำอะไรไม่ถูกไว้กับผนังห้องน้ำ มือของเขากระตุ้นเร้าแกนกลางกายของเจ แต่แอบใช้นิ้วกดนวดหยอกเย้าบริเวณปากทางที่ยังไม่เคยถูกใช้เป็นครั้งคราว เจที่ตาลอยเพราะความเสียวจากการถูกกระตุ้นส่วนสงวนสะดุ้งนิดๆ แต่เขาก็เพลินเกินที่จะขัดขืนแล้ว เขาครางออกมาอย่างไม่เป็นภาษา มือเขาโน้มคอคนร่างใหญ่ลงมาแล้วป้อนเรียวลิ้นเข้าสู่โพรงปากอุ่นนั้น ฆาเบียร์เร่งมือรูดโลมไล้ เจคำรามยาวและซบหน้าลงบนไหล่ของฆาเบียร์ น้ำรักขุ่นข้นทะลักออกมาเต็มมือใหญ่นั้น ฆาเบียร์กำลังจะใช้น้ำรักนั้นชะโลมนิ้วเพื่อส่งสู่ช่องทางแคบของเจเมื่อหนุ่มร่างเล็กรีบทรุดตัวลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้นและเลียไล้แกนกายใหญ่แข็งแรงของหนุ่มละติน เขายังไม่ยอมเสียทีให้ฆาบี้ในวันนี้แน่นอน


ฆาเบียร์เม้มปากแน่นเมื่อมือเรียวนั้นรูดไล้ส่วนโคนแท่งลำนั้น ปากน้อยๆ ของเจบรรจงจูบไล้ไปตามแท่งลำ เขาเลียโลมตามถุงเนื้อที่ห้อยย้อยแล้วดูดมันเข้าไปในปากทั้งพวง ฆาเบียร์สูดปากด้วยความเสียว จากนั้นลิ้นร้อนๆ ก็วนไล้ขึ้นไปตามแท่งลำแกร่ง แล้วอ้อยอิ่งอยู่บริเวณส่วนปลายแดงก่ำ เขาตวัดลิ้นเลียรอบแล้วครอบปากลงไปดูดรูดจนแก้มตอบ ไม่ดูดเปล่าเขายังใช้มือรูดตามแท่งลำใหญ่ยาว คอของเจนั้นลึกดีเหลือเกิน มันรับแท่งลำใหญ่ของเขาได้เกือบทั้งอัน ตากลมใสที่ช้อนขึ้นมองหน้าเขาตอนที่รูดไล้เข้าออกนั้นช่างเย้ายวน ฆาเบียร์ทนไม่ไหวใช้มือขยุ้มผมเจด้วยความเสียวแล้วเสือกดันส่วนนั้นของเขาเข้าไปเป็นจังหวะ เจเร่งเร้าจนในที่สุดฆาเบียร์ก็คำรามลั่นแล้วหลั่งออกมาจนเต็มปากน้อยๆ นั้น เจกลืนน้ำรักของเขาไปจนหมดแล้วยิ้มอย่างมีชัย ไอ้เด็กนี่มันร้ายนัก มันรอดจากการเสียอธิปไตยไปได้อีกวัน


ฆาเบียร์โคลงหัวอย่างยอมแพ้ ปากน้อยๆ ของมันร้ายนัก วันนี้เขาคงต้องปล่อยมันรอดตัวไปได้อีกวัน เขาเปิดเรนชาวเวอร์ที่อยู่ข้างบน น้ำอุ่นๆ ไหลหลั่งลงมาเหมือนสายฝน ทั้งสองอาบน้ำด้วยกัน ป้อนจูบแผ่วๆ ให้กัน ใช้ตัวแนบนวดและแบ่งปันฟองสบู่ให้กัน ไฟปรารถนาที่แผดเผาเมื่อครู่มอดลงเหลือแต่ความอบอุ่นที่ได้ใช้เวลาร่วมกัน ร่างทั้งสองพัวพันแนบชิดเหมือนเต้นรำกันกลางสายน้ำจากเบื้องบน


"What are we?"

'เราเป็นอะไรกัน?'

เจถามขึ้นเบาๆ เขานั่งอิงแอบร่างใหญ่ที่ใส่ผ้าเช็ดตัวผืนเดียวอยู่บนโซฟานุ่ม

"ฉันก็ไม่รู้ เจ"

ฆาบี้ก้มลงหอมผมนิ่มของคนอายุน้อยกว่า เขาถอนหายใจ เขาชอบใช้เวลากับเจ อยากเรียนรู้เกี่ยวกับหนุ่มคนนี้ อยากเห็น อยากรู้จักทุกแง่มุมของเขา เจเองก็คิดแบบเดียวกัน หนุ่มใหญ่คนนี้ทำให้ใจเขาเต้นรัว แต่เขาเองก็ยังคิดว่ามันเร็วเกินไปที่จะให้นิยามความสัมพันธ์ของเขาทั้งคู่


"เรารู้จักกันได้สัปดาห์กว่าๆ แต่ผมรู้สึกเหมือนรู้จักคุณมานาน"

ใช่สิ...เขาเหมือนส่องกระจกดูตัวเองอยู่ ชายร่างใหญ่ตรงหน้านั้นมีหน้ากากเป็นหนุ่มทรงเสน่ห์ มั่นใจ หากเนื้อแท้แล้วชายคนนี้โหยหาความรักความอบอุ่นจากคนที่เขายังหาไม่เจอ เขารู้ดีเพราะนั่นก็คือสิ่งที่เขาเป็น เจนยุทธเปลี่ยนหญิงเป็นว่าเล่นเพราะยังหาคนที่มาเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายให้ตัวเองไม่เจอ คนที่จะเข้าใจและมองข้ามรูปโฉม ฐานะ เปลือกนอกต่างๆ คนที่เขาจะเปิดใจและเป็นตัวของตัวเองได้ด้วยเต็มที่


"ฉันก็รู้สึกแบบเดียวกัน เจ...ฉันเหมือนเห็นภาพของตัวเองในตัวนาย"

ฆาบี้พูดในสิ่งที่เจคิดอยู่ในหัว เจถอนหายใจ

"แล้วจะเอาไงต่อไป? คือ ถ้าจะคบหากันฉันท์แฟนอะไรแบบนั้น ผมว่ามันก็ยังเร็วไป ผมยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าในหัวผมคิดยังไงกับคุณ"

"แต่ผมก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าผมติดใจลีลาคุณมากเลยนะ..."

เจตีมือคนตัวโตที่ทำท่าจะมาลูบคลำสิ่งสงวนของเขา ตาสีน้ำตาลอ่อนนั้นฉายแววยั่วเย้า

"ฉันก็ติดใจปากน้อยๆ ของนายนี่เหลือเกิน"

ฆาเบียร์ยกมือขึ้นไล้ปากรูปกระจับนั้น


"นั่นสิ แล้วเราเป็นอะไรกัน?...ฉันสนุกมากที่ได้อยู่กับนาย แต่บอกตามตรงว่าฉันเองก็ยังไม่คิดไปถึงขั้นมีความรักอะไร..."

"ตอนนี้ฉันดีใจที่เจอคนที่คล้ายกัน ฉันอยากก้าวไปพร้อมๆ กันกับนาย อยากเรียนรู้ตัวตนของนาย ฉันอาจจะไม่ชอบสิ่งที่ฉันจะได้เจอ แต่ฉันก็พร้อมที่จะลอง"

ฆาเบียร์จ้องมองลึกเข้าไปในตาสดใสที่มีแววครุ่นคิดคู่นั้น


"ผมก็เหมือนกัน ผมชอบคุณ แต่ยังไม่ใช่ความรัก...อีกอย่างผมเองก็ไม่เคยคบผู้ชายมาก่อน ไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไง ต้องเปิดประตูให้ไหม? ต้องซื้อของซื้อข้าวอะไรให้ไหม? ต้องมีดอกไม้ให้หรือเปล่า? ผมไม่รู้เลย"

เจเกาหัวอย่างงงๆ  ฆาเบียร์หัวเราะลั่น

"ฉันเองก็ไม่เคยคบใครแบบนั้นหรอก ที่ผ่านมาก็มีแค่ที่ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ไม่เคยมีที่เรียกเป็นแฟนจริงจังเลยสักคน"

"เห้ย เหมือนกันเลย"

ไอ้เจอุทาน ไอ้นี่มันกระจกส่องผีในตัวเขาชัดๆ

"ก็มีแค่นพนั่นแหละ ที่ฉันเคยคิดจะจริงจังด้วย"

เจหุบยิ้มทันที เอ๊ะ แต่ความหงุดหงิดของเขาคราวนี้มันแปลกๆ นะ เขาควรจะหมั่นไส้ฆาบี้ที่คิดจะงาบไอ้พี่ชายเขา แต่ทำไมเขาดันไปหงุดหงิดที่ได้ยินชื่อนพจากปากไอ้สิงห์คนนี้? ฆาเบียร์ดูสีหน้าของเจอย่างอิ่มใจ เขาเอ่ยชื่อคนๆ นั้นขึ้นอย่างจงใจ


"งั้น เราไม่ต้องมาตั้งนิยามความสัมพันธ์ของเรา ตราบใดที่เรายังมีความสุขกับที่เราเป็นอยู่ตอนนี้ เราก็ไม่ต้องเปลี่ยน...เราสนุกด้วยกัน เฮฮาด้วยกัน เศร้าด้วยกัน ทำอะไรด้วยกันเหมือนที่ทำตอนนี้ นายเป็นตัวของตัวเองเต็มที่เมื่ออยู่กับฉัน ไม่ต้องมาเสแสร้งห่มหนังกระรอกแล้ว ฉันเองก็จะเปิดเผยตัวเองกับนาย ดีไหม?"

ฆาเบียร์ร่ายยาว

"เราไม่ผูกมัดกันและกัน ถ้าในระหว่างนี้ฉันเจอใครหรือนายเจอใคร ก็ตามสบายเลย..."

"...แต่ถ้ายังอยู่ด้วยกัน ก็ตามนั้น เวลาที่ต้องการเราก็ปลดปล่อยให้กัน...พยายามให้เป็นแค่ภายนอกนะ แต่ถ้าอะไรๆ มันจะเกินเลยกว่านั้น ก็ปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ"

ฆาเบียร์พูดพลางไล้นิ้วไปตามหน้าท้องที่มีลอนกล้ามเนื้อน้อยๆ แต่ก่อนที่มือเขาจะซุกซนไปไกลเจก็ตะครุบมันไว้ก่อน

"ได้...ตามนั้น"

เจยกมือใหญ่ที่เขาตะครุบไว้นั้นขึ้นจูบเบาๆ ก่อนจะใช้ลิ้นเลียลากไปตามนิ้วต่างๆ แล้วจูบรูดอย่างยั่วเย้า

"แต่เมื่อถึงเวลา หนูต้องเสร็จพี่แน่ๆ จ้ะ เมียจ๋า" มันพูดยิ้มๆ


'พอบอกให้ทิ้งคราบกระรอกน้อยก็ลายเสือโผล่เลยนะ'

ฆาเบียร์คิดอย่างเหนื่อยใจ นี่เขาคิดถูกหรือคิดผิดกันแน่ เขานี่อยากลากมันเข้ามาจูบแล้วยัดเยียดแท่งร้อนของเขาให้มันซะจริงๆ จะได้หยุดคิดแบบนั้น แต่ก่อนที่จะทันได้ทำอย่างใจคิดเสียงท้องของเขาทั้งคู่ก็ร้องโครกครากขึ้นมาเสียก่อน


"สิบโมงกว่าแล้ว กินอะไรหน่อยไหม? เดี๋ยวฉันทำให้กิน"

ช่วงสี่ห้าวันที่ผ่านมา เขาทั้งสองผลัดกันทำอาหารตามความถนัดของแต่ละคน

"เฟรนช์โทสต์ไหม? มีขนมปังเก่าเหลือ จัดไปก่อนที่จะหมดอายุดีกว่า"

ฆาเบียร์ลุกไปใส่กางเกงสะดอที่ซื้อมาจากตลาดวโรรส ก้นแน่นๆ ของเขาในกางเกงผ้าบางๆ นั้นทำให้เจอยากตีเข้าสักป้าบ ร่างใหญ่นั้นเปิดตู้เย็นหยิบเอาเบค่อนออกมา


"เจ อบเบค่อนในไมโครเวฟให้หน่อย"

เจหยิบจานแก้วทนไฟออกมา วางกระดาษทิชชู่ซับน้ำมันแบบใช้ในครัวบนจานสองแผ่น แล้วเอาเบค่อนวางตามยาว 4 เส้นโดยไม่ให้ซ้อนกันจากนั้นพับชายกระดาษห่อให้มิดแล้วเอากระดาษวางทับอีกแผ่นหนึ่ง เขาตั้งไฟแรงสุดและอบเป็นเวลา 3 นาที จากนั้นจึงเปิดดู

"ยังไม่ค่อยกรอบแฮะ ต่ออีกหน่อย"

เขาอบต่ออีก 1 นาทีจนได้ที่ เขารีบย้ายเบค่อนออกวางบนกระดาษซับน้ำมันแผ่นใหม่และซับจนมันแห้ง


ทางฝ่ายฆาเบียร์ตัดขอบขนมปังขาว 4 แผ่น ผสมไข่ 2 ฟอง นม 1/2 ถ้วย ผงอบเชยและจันทน์เทศอย่างละ 1/2 ช้อนชาและวนิลาสกัดนิดหน่อยเข้าด้วยกัน จากนั้นวางขนมปังหนึ่งแผ่นไว้แล้วเรียงเบค่อนลงไปจนเต็มแล้วเอาอีกแผ่นปิดทับด้านบน ใช้นิ้วกดขอบให้บี้เืพื่อไม่ให้มันหลุดออกจากกันตอนทอด จากนั้นทำเหมือนกันอีกชุดหนึ่งสำหรับเจ เขาจุ่มแซนวิชทั้งสองอันลงไปในส่วนผสมไข่จนชุ่มโชก จากนั้นทอดในกะทะเทฟล่อน เขาพยายามใส่เนยให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ มีทั้งไข่ทั้งเบค่อนก็เกินพอแล้วสำหรับเขา เขาทอดขนมปังในกะทะจนมันสุกเหลืองส่งกลิ่นหอมไปทั่วห้อง เขาจัดมันลงจาน ตัดเป็นชิ้นสามเหลี่ยม เจที่เพิ่งล้างจานใช้แล้วเสร็จทำท่าจะหยิบกินทั้งอย่างนั้น เขาตีมือคนตะกละแล้วสั่งให้ไปจัดโต๊ะให้เรียบร้อย เจ้าตัวดีเดินหน้ามุ่ยไปทำตาม เขาหยิบเมเปิลไซรัปออกมาจากตู้เย็นแล้วยกทั้งหมดไปที่โต๊ะ นอกจากเฟรนช์โทสต์แล้วเขายังเตรียมแอปเปิลและกล้วยหั่นมาด้วยเพื่อเพิ่มวิตามิน เขาไม่ลืมถ่ายรูปอาหารไว้ด้วยตามความเคยชิน


"โอ๊ย อร่อยๆๆ เบค่อนนี่เยียวยาทุกอย่างจริงๆ"

เจเคี้ยวจนแก้มตุ่ย รสชาติเค็มมันของเบค่อนตัดกับความหวานหอมของเมเปิลไซรัป

"ช่วงที่แล้วที่สหรัฐฯ ฮิตการจับคู่ของเมเปิลไซรัปกับเบค่อนมากเลยนะ มีเอาไปทำทั้งไอติม โดนัท วาฟเฟิล หลายๆ อย่างเลยน่ะ"

คนที่อยู่ในวงการอาหารและท่องเที่ยวพูด

"อืมม์ อร่อยมากเลย ไว้ทำให้กินอีกนะ"

ไม่ทันไรเจก็กินหมดแล้ว แถมยังจัดการผลไม้ส่วนของตัวเองไปจนเกลี้ยงด้วย ฆาเบียร์ยิ้ม เจทำให้การทำอาหารของเขามีความหมายขึ้นอีกมาก


"เดี๋ยวผมล้างจานเอง คุณไปแต่งตัว เดี๋ยวพาไปเที่ยว นั่งรถไกลนิดนึงนะ"

"วันนี้จะพาฉันไปไหนล่ะ?"

"ม่อนแจ่ม รับรองแจ่มสมชื่อแน่!"



--------------------------------------------------------------------


เหนื่อยใจกับสองคนนี้จริงๆ

สูตรเบค่อนเฟรนช์โทสต์มาจากนี่นะคะ https://goo.gl/a5t5DN

วิธีทอดเบค่อนในไมโครเวฟ https://goo.gl/YhRg9v



     
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-03-2018 14:48:01 โดย La Vida Sin Tu Amor »

ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1




---- ม่อนแจ่ม ----


รถสีน้ำเงินสดของเจพาทั้งคู่ลัดเลาะตามเส้นทางสายแม่ริม-สะเมิงเพื่อไปม่อนแจ่ม สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังแห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ เส้นทางนั้นไม่ได้ยากหรือคดเคี้ยวมากนักเจจึงขับได้อย่างสบายๆ เขาหันไปมองคนที่นั่งข้างๆ เป็นระยะๆ ฆาเบียร์กำลังเพลินกับการครวญเพลงตามเพลย์ลิสต์ที่เจ้าตัวถือวิสาสะแอดเพิ่มเข้าไปในแอพ Deezer ของเจ เสียงทุ้มติดแหบนิดๆ ของเขานั้นฟังเพลินดีจริงๆ

“ร้องใหญ่เลยนะ เสียงเหมือนควายออกลูกแท้ๆ”

เจแกล้งเย้า ฆาบี้ทำหูทวนลม ปากยังคงร้องเพลงต่อไป



'Un amigo que no puede

Aguantar més estas ganas

De sentirte y abrazarte

Y enredarte en su alma...'

(เพื่อนคนหนึ่งผู้ไม่อาจทนความต้องการนี้ ที่จะสัมผัสหรือกอดรัดและมอบวิญญาณของเขา​ให้นายไป)

'...Té no sospechas que

Cuando me besas

Se queda temblando mi cara

Té no sospechas que

Cuando me rozas

Sin darte ni cuenta

Me robas la calma...'

(นายคงไม่เคยสงสัยว่าเมื่อจูบฉัน ใบหน้าฉันสั่นสะท้าน นายไม่เคยสงสัยว่าเมื่อสัมผัสฉัน นายได้ขโมยความสงบนิ่งของฉันไปโดยไม่รู้ตัว...)
(Marc Anthony…Yo Te Quiero -https://goo.gl/FPSok6​)

 

'...Yo te quiero'


ฆาเบียร์ไม่ได้แปลเพลงหวานๆ ของ Marc Anthony เพลงนี้ให้เจฟัง​ หากเจเข้าใจประโยคสุดท้ายนี้ ไหนจะสายตาวิบวับที่ส่งมาอีก มันทำให้เขาจั๊กจี้หัวใจ

'แม่ม คุยกันอยู่หยกๆ ว่าเป็นแบบนี้กันไปเรื่อยๆ แล้วจะมาหยอดกูอีกทำไมวะ'

คนที่ใจสั่นจนแทบขับรถไม่ไหวคิด คนที่เขาบอกว่าร้องเพลงเสียงเหมือนควายออกลูกนั่งยิ้มกริ่ม เขาชอบเวลาใบหน้าน้อยๆ นั้นแดงก่ำจริงๆ


เจเลี้ยวรถเข้าสู่เส้นทางเล็กที่นำพวกเขาขึ้นไปสู่ม่อนแจ่ม เส้นทางส่วนนี้คดเคี้ยวและค่อนข้างชัน มีบางส่วนที่ลัดเลาะตามหมู่บ้านชาวเขาซึ่งแคบจนรถสองคันสวนกันแทบไม่ได้

"ดีนะที่เรามาวันธรรมดา ถ้ามาช่วงวันหยุด บางทีต้องจอดรถข้างล่างแล้วนั่งรถที่ทางคนในหมู่บ้านจัดให้ขึ้นมา"

เจถอยรถจอดที่ลานจอดรถบนม่อนแจ่ม นี่ขนาดมาวันธรรมดายังแทบไม่มีที่จอด

"ข้างบนนี่เย็นกว่าในเมืองเยอะเลย"

ฆาเบียร์นึกดีใจที่เขาใส่เสื้อเชิร์ตแขนยาวมา

"สวยดีนะ บนนี้ อากาศดีด้วย"

เขาพูดพร้อมยกกล้องขึ้นถ่ายภาพรัวๆ หน้าลานจอดรถคือเนินที่ลาดลง มีการทำแปลงเพาะปลูกดอกไม้และพืชผักนานาพันธุ์เป็นชั้นๆ เจชวนเขาเดินดูรอบๆ ฆาเบียร์ยื่นมือไปกุมมือเรียวนั้น เจเหลือบมองนิดหนึ่ง แต่ก็ปล่อยให้มือใหญ่เกาะกุมอยู่แบบนั้น ทั้งคู่เดินเคียงข้างกันเข้าไปในส่วนสวนน้อยๆ นั้น


"พื้นที่ส่วนนี้เคยเป็นที่รกร้างและเต็มไปด้วยหญ้าคา มันอยู่ในพื้นที่ของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงหนองหอย"

เจเล่าประวัติความเป็นมาของม่อนแจ่มให้ฆาบี้ฟัง เขาทำการบ้านมานิดหน่อยก่อนที่จะมาที่นี่

"ทีนี้ คุณแจ่ม แจ่มจรัส สุชีวะ หลานตาของท่านภีศเดช รัชนี ประธานมูลนิธิโครงการหลวงได้มาเห็นพื้นที่ตรงนี้แล้วเห็นศักยภาพในการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว เลยจัดการปรับปรุงพื้นที่ตรงนี้จนเป็นแบบทุกวันนี้"

"ไอเดียหนึ่งของเขาคือพัฒนาโดยใช้หลักพอเพียง..."

ร่างเล็กๆ จูงมือคนตัวโตเดินลัดเลาะตามแปลงเพาะปลูก

"ดูสิ ของประดับที่นี่ ล้วนแต่เป็นของที่เหลือใช้ทั้งนั้น"

เขาชี้ให้ดูโครงลวดเก่าๆ อ่างล่างมือเก่า หรือแม้กระทั่งรถกะบะเก่าๆ ของโครงการหลวงที่นำมาใช้เป็นที่ปลูกต้นไม้ ฆาเบียร์ปล่อยมือนั้นเพื่อยกกล้องขึ้นถ่ายรูปรอบด้าน เจเดินต่อไป ฆาเบียร์ยกกล้องขึ้นถ่ายรูปร่างบางนั้น ทั้งคู่พากันไปนั่งตรงซุ้มที่นั่งที่ทำจากไม้ไผ่ ส่วนนี้ของม่อนแจ่มมองลงไปเห็นแปลงผักและสนามฟุตบอลเล็กๆ ของหมู่บ้านชาวเขาด้านล่าง ลมเย็นที่พัดโชยแผ่วๆ เริ่มกรรโชกแรงขึ้น เมฆสีดำทะมึนแผ่เต็มฟ้า


"แย่ละ ฝนเริ่มลงเม็ดแล้ว เราเข้าไปที่ร้านอาหารดีกว่า"


ทั้งคู่พากันวิ่งเข้าไปที่เพิงไม้ไผ่ซึ่งเป็นร้านอาหารของทางโครงการ เจเดินไปสั่งอาหารที่เคาเตอร์ ส่วนฆาเบียร์เดินสำรวจรอบๆ ทั้งคู่ตัดสินใจนั่งที่บาร์ไม้ยาวส่วนข้างของร้านที่หันหน้าออกไปยังหุบเขาเบื้องล่าง ที่จริงเจตั้งใจพาฆาเบียร์ไปนั่งที่เพิงน้อยริมผาที่อยู่ต่ำลงไปเล็กน้อย แต่เพราะฝนเขาเลยล้มเลิกความตั้งใจ อยู่บนนี้วิวก็สวยไม่ต่างกัน อีกอย่าง ตอนนี้หุบด้านล่างกลายเป็นทะเลหมอกไปแล้ว นั่งตรงเพิงก็ไม่เห็นวิวเหมือนกัน

ไม่นานนักอาหารก็ยกมาเสิร์ฟ เจกินสตรอเบอรี่โครงการหลวงปั่น ส่วนฆาเบียร์กินชาไทยที่เขาติดใจมาตั้งแต่ครั้งแรกที่มาประเทศไทย เจสั่งของมากินเล่นๆ อีกสามอย่าง


"นี่เมี่ยงม่อนแจ่ม..เมี่ยงแบบปกติจะมีน้ำราด แต่ของที่นี่เขาทำเป็นไส้แห้งๆ มาแทน"

เจกินให้ดูเป็นตัวอย่าง

"ตักไส้แล้วก็เครื่องวางบนผักสลัด ห่อมันแล้วก็กิน..."

เขาห่อแล้วส่งให้ฆาเบียร์ แต่คนตัวโตกลับใช้ปากรับจากมือเขาไปตรงๆ ไม่รับเปล่า อมนิ้วเขาไปด้วยอีกต่างหาก...นี่จะยั่วกันไปถึงไหน? ฆาเบียร์เคี้ยวตุ้ยๆ รสชาติมันแปลกไปหน่อยสำหรับเขา แต่ก็ไม่ใช่ไม่อร่อยนะ เขาห่อเองกินอีกคำหนึ่งโดยไม่ลืมที่จะถ่ายรูปไว้

"นี่ยำมะเขือยาวไข่ต้ม..."

จริงๆ เจอยากสั่งยำแมคคาเดเมีย แต่ว่าของหมดเลยอดไป

"ส่วนนี่ ผมก็เพิ่งเคยสั่งครั้งแรก ไม่รู้จะอร่อยไหม...ยำไก่ใบซอเรล"

ฆาเบียร์ทำท่าทางสนใจ

"อืมม์ อร่อยนะเนี่ย"

ฆาเบียร์อุทาน รสชาติเผ็ดหวานของน้ำพริกเผา กลิ่นเฉพาะตัวของหอมแดงเจียวเข้ากับรสชาติเปรี้ยวน้อยๆ ของใบซอเรลได้อย่างดี เขาไม่เคยคิดว่าจะเอาใบซอเรลมาใช้ทำอาหารไทยได้ด้วย มีเรื่องไปเขียนเพิ่มได้อีกอย่างแล้ว


(ม่อนแจ่ม)
https://www.picz.in.th/images/2017/09/04/moncham.jpg


ฝนที่โปรยปรายนั้นหยุดแล้ว แต่สายหมอกที่เข้าปกคลุมม่อนแจ่มนั้นยังหนาอยู่ เจไม่อยากขับรถฝ่าหมอกลงดอย เลยเปลี่ยนแผน จากเดิมที่ตั้งใจว่าจะพาฆาเบียร์ไปกินข้าวที่ร้านโป่งแยง-แอ่งดอยก็กลายเป็นสั่งข้าวราดง่ายๆ กินต่ออีกคนละจาน

"หนาวหรือเปล่า?"

ฆาเบียร์โอบร่างเพรียวที่สะท้านเบาๆ เมื่อลมเย็นพัดโชย เจลืมไปซะสนิทว่าบนนี้เย็นกว่าข้างล่างหลายองศาแถมฝนยังตกอีก

"นิดหน่อย ไม่เป็นไร ทนได้"

เจเขยิบกายออกจากอ้อมกอดนั้น เขายังเขินสายตาคนรอบข้างอยู่ ฆาเบียร์ปล่อยเขาไปอย่างเข้าใจ แต่ก็ยังไม่วายแอบจับมือเขามาเกาะกุมไว้

"นี่ถ้ามืดแล้วหมอกยังหนาอยู่เราค้างบนนี้เลยดีไหม?" เจถาม

"บนนี้มีที่พักด้วยเหรอ?"

ฆาบี้ถาม เขาดูทีท่าแล้วบนนี้ไม่เห็นจะมีสิ่งก่อสร้างที่ดูเหมือนที่พักอะไร

"มีสิ ที่นี่มีเตนท์ให้เช่านอน เป็นเตนท์แบบดีๆ เลยนะ"

เจเปิดเพจเฟซบุ๊คของม่อนแจ่ม แคมป์ปิ้งให้ฆาเบียร์ดู แต่โชคดีที่หมอกมีทีท่าจะเบาบางลง ทั้งคู่นั่งหย่อนอารมณ์อยู่อีกพักใหญ่จนเห็นว่าสายหมอกเริ่มหายไปแล้วจึงได้จ่ายเงินแล้วจึงกลับ


"ห้าโมงแล้ว...แถวแม่ริมรถติด เราแวะที่อื่นอีกซักที่ไหม?"

เจที่ค่อยๆ ขับรถลงจากม่อนแจ่มถาม ฆาเบียร์พยักหน้าตอบ เจขับรถลงมาตามถนนแม่ริม-สะเมิงและเลี้ยวเข้าไปยังโรงแรมโฟร์ซีซันส์ เขาจอดรถที่หน้าล็อบบี้ ส่งกุญแจให้พนักงานรับรถ จากนั้นยืนรอรถบักกี้ของทางโรงแรม

"ไปราตรีบาร์ครับ"

ที่จริงแล้วเขาสามารถเดินจากล็อบบี้ลงไปราตรีบาร์เลยได้ แต่เจอยากให้ฆาเบียร์ได้เห็นบรรยากาศของโรงแรมนี้จึงได้ขอที่ล็อบบี้ให้พาทั้งสองชมโรงแรมก่อน รถบักกี้พาเขาสองลัดเลาะผ่านหมู่วิลล่าของโรงแรม ฆาเบียร์มองไปรอบๆ อย่างสนใจ เขาได้ยินกิติศัพท์เรื่องความสวยงามและบริการชั้นเลิศของที่นี่มานานแล้วแต่ยังไม่มีโอกาสได้ใช้บริการ เจช่างรู้ใจเขาจริงๆ รถพาทั้งสองมาที่ราตรีบาร์ เจซึ่งเคยมาใช้บริการที่นี่แล้วหลายครั้งเดินเข้าไปอย่างคุ้นเคย


"นั่งที่เดิมนะครับ คุณเจ?"

พนักงานหนุ่มถาม และพาไปนั่งยังที่ประจำของเขา

"ช่วง 5 โมงถึงทุ่มเป็นช่วง Sundowners ค้อกเทลราคาพิเศษ คุณสั่งเลยนะ"

เจยื่นเมนูให้ฆาเบียร์ซึ่งดูด้วยความสนใจ ค้อกเทลที่นี่ไม่ซ้ำกับที่อื่นๆ เขาอ่านจากในเมนูจึงเห็นว่าค้อกเทลของที่นี่รังสรรค์ขึ้นโดย Javier de las Muelas มิกโซโลจิสต์ชื่อดังจากโฟร์ ซีซันส์ สิงคโปร์ พวกเขาทั้งคู่สั่งค้อกเทลมาก่อนคนละแก้ว แล้วปล่อยใจไปกับบรรยากาศ ด้านหน้าของพวกเขาเป็นสระว่ายน้ำ ถัดไปเป็นทุ่งนาสีเขียวขจีที่ล้อมรอบด้วยวิลล่าหลายหลัง

"คุณเห็นควายที่เดินอยู่นั่นไหม?"

เจชี้ให้เขาดูควายสองสามตัวที่เดินอยู่ลิบๆ

"พวกนี้เป็นพนักงานโรงแรม มีเงินเดือนด้วยนะ"

ฆาเบียร์ยิ้มให้กับอารมณ์ขันของคนที่นี่


(Ratree Bar@The Four Seasons Chiang Mai)
https://www.picz.in.th/images/2017/09/04/ratreebar.jpg


พระอาทิตย์เริ่มลับฟ้า ค้อกเทลในแก้วของพวกเขาหมดไปแล้ว เจเรียกพนักงานหนุ่มที่ยืนอยู่ห่างๆ มา

"ขออุปกรณ์เหมือนทุกทีครับ แล้วก็บรั่นดี 2 แก้ว"

ฆาเบียร์เลิกคิ้วเมื่อเห็นสิ่งที่พนักงานหนุ่มยกมาให้ ซึ่งก็คือที่ตัดและไฟแช็คและถาดเขี่ยซิการ์ เจ้าเจล้วงกระเป๋าหยิบซองหนังยาวออกมาเปิดพร้อมกับเทเอาซิการ์ปาร์ตากาส มาดูโร่เบอร์ 1 ออกมาตัดก้นและจุดอย่างชำนาญ...นี่เขาโดนมันหลอกอีกแล้วใช่ไหม?


"ก็บอกว่าให้เปิดเผย เลิกห่มหนังกระรอกไง ก็ทำแล้ว"

ไอ้ตัวดีอมควันซิการ์เข้าไปแล้วพ่นออกมาเป็นวง ฆาเบียร์นึกถึงวันที่มันแกล้งสำลักควันค่อกแค่กแล้วก็อดไม่ได้ที่จะยกมือดีดหน้าผากมัน เขาฉวยซิการ์มาจากนิ้วเรียวนั้นแล้วสูดควันเข้าปาก ปาตาร์กาสนี่รสหนักเข้มพอๆ กับรามอน อัลโยเนสตัวโปรดของเขาพอสมควร เขาไม่นึกว่าไอ้เด็กหน้าหวานคนนี้จะมีรสนิยมแบบนี้ เจนี่ทำให้เขาทึ่งได้ตลอดจริงๆ

"นี่สูบประจำเหรอ?"

เขาถาม เจปฏิเสธ

"นานๆ ทีน่ะ หาที่สูบยาก ต้องมาที่นี่หรือไม่ก็ที่รร. อนันตราในเมือง...ผมไม่ได้สูบจนติดหรอก"

เจพ่นควันออกปาก

"เมืองไทยซิการ์แพงด้วย ผมอาศัยเก็บๆ เอาตอนไปต่างประเทศ ก็เลยนานๆ สูบที"

อืมม์ ฆาเบียร์รู้แล้วว่าถ้าเขามาไทยคราวหน้าเขาจะหอบอะไรมาฝากเจ้าเด็กตัวแสบนี้ เขาเองก็ไม่ได้ติดซิการ์ แต่นานๆ สูบทีถ้านึกครึ้มอกครึ้มใจขึ้นมา ทั้งคู่ดื่มด่ำกับรสชาติของซิการ์และบรั่นดีจนกระทั่งฟ้ามืดมิด ฆาเบียร์สั่งค้อกเทลมาอีกแก้ว ส่วนเจขอหยุดเพราะต้องขับรถ พวกเขานั่งต่ออีกเกือบชั่วโมงแล้วถึงสั่งเก็บเงิน


"คุณไม่ต้องเลย...ผมชวนมา ผมจ่ายเอง"

เจยกมือห้ามฆาเบียร์ที่ขยับจะควักกระเป๋าตามความเคยชิน ฆาบี้ทำตาปริบๆ ปกติไม่เคยมีใครเลี้ยงเขาสักที เขามักเป็นฝ่ายจ่ายให้คู่ควงของเขาเสมอ แต่เขาก็เดาว่ากฎนี้คงใช้ไม่ได้กับเจ รายนั้นก็คงเป็นฝ่ายเปย์คู่ควงเหมือนกัน


"คุณไม่ต้องจ่ายอะไรให้ผมหรอก แค่ช่วยค่าน้ำมันรถตอนพาคุณไปไหนมาไหนก็พอ"

"...กับเวลาไปซื้อของเข้าบ้าน ก็หารกัน โอเค๊?"

​เจบอกไว้แบบนี้ตั้งแต่วันแรกที่เขามาอาศัยอยู่ด้วย​ เขาไม่อยากให้ฆาเบียร์ต้องมาเสียเงินเสียทองเยอะแยะกับเขา อะไรที่ช่วยๆ กันได้ก็ช่วยกันไป คนที่เคยแต่เป็นฝ่ายจ่ายก็ได้แต่ทำตาปริบๆ ดูคนตัวเล็กควักบัตรดำออกมาจ่ายค่าเหล้า

"เดี๋ยวขากลับจะแวะซื้อโจ๊กก่อนเข้าบ้าน ไว้คุณค่อยจ่ายค่าโจ๊กให้หน่อยละกัน"


กว่าทั้งสองจะกลับถึงห้องก็สี่ทุ่มกว่า พวกเขาเข้าอาบน้ำด้วยกันแบบไม่มีอะไรเกินเลยแล้วจึงขึ้นบนเตียงนุ่ม ฆาเบียร์นั่งพิงหัวเตียงแล้วหยิบแม็คบุ๊คแอร์ของเขาขึ้นมานั่งทำงานต่อ มันเป็นภาพที่เจเห็นจนชินตาแล้ว ฆาเบียร์ที่ต้องใส่แว่นสายตาเวลาทำงานตามวัยเอารูปจากมือถือและกล้องลงใส่ฮาร์ดดิสก์แล้วทำนั่นนี่ไป ไม่นานเขาก็ส่งอีเมล์คลิปที่ตัดต่อเสร็จแล้วให้ทีมงานของเขาเพื่อเอาลงบล็อกของเขา พร้อมแนบคำแนะนำและข้อมูลไป เขาไม่ใช่คนเขียนเองทั้งหมดหรอกหากแต่มีฝ่ายจัดการคอนเทนท์ให้ เขามีหน้าที่จัดหาวัตถุดิบให้ นานๆ ทีเขาถึงจะลงมือทำอะไรเอง

'เฆเฟ่(เจ้านาย) จะเอาคลิปนี้ลงจริงๆ เหรอคะ?'

เมลิน่า เลขาฯ สาวของเขาถามมาทาง messenger เขาตอบรับไป เขาทำในสิ่งที่ตัวเขาไม่คิดว่าจะทำอีกแล้ว แต่เขามั่นใจว่าเขาจะไม่เสียใจภายหลังแน่นอน เขาเก็บแล็ปท็อปแล้วหันไปมองคนตัวเล็กกว่าที่นอนซุกอยู่ที่ข้างตัวเขาพร้อมลูบหัวอย่างเอ็นดู จากนั้นขยับกายลงนอนกอดร่างบางกว่านั้นแล้วเข้าสู่ห้วงนิทรา



--------------------------------------------------------------



ข้อมูลเรื่องม่อนแจ่มเอามาจากนี่ค่ะ https://goo.gl/Tc2LM1

เพจม่อนแจ่ม แคมป์ปิ้ง https://www.facebook.com/monchamcamping.chiangmai

ข้อมูลเรื่องราตรีบาร์

ราตรีบาร์ https://goo.gl/2VNg8v

เครื่องดื่มที่ราตรีบาร์ https://goo.gl/KAZV44 อ่านแล้วอยากขึ้นไปทันทีเลย





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-03-2018 14:53:20 โดย La Vida Sin Tu Amor »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ให้กำลังใจคนเขียนค่ะ

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1



---- พลาด ----


 

ติ๊ง...ติ๊ง...ติ๊งๆๆๆๆๆ

 

“โว้ย อะไรนักหนาวะ?”

เจเขวี้ยงหูฟังที่ครอบหูลงอย่างหงุดหงิด เขากำลังเร่งปั่นงานแปลที่รับมาเมื่อสามวันที่แล้วโดยมีเส้นตายอีกไม่กี่วันข้างหน้า แต่ตอนนี้สมาธิของเขากำลังแตกซ่านเพราะเสียงเตือนจากไลน์และเฟซบุ๊คในคอมที่ดังไม่หยุดมาสักพักแล้ว

“ไม่ไหว พักก่อนดีกว่า ทำงานตอนนี้ไม่รู้เรื่องแน่”

เขาปิดเวิร์ดลงไปแล้วเปิดดูหน้าเฟซบุ๊ค เขานิ่วหน้าเมื่อเห็นข้อความเตือนเกือบ 100 ข้อความ จำนวนหนึ่งในนั้นเป็นการแท็กวีดีโอซ้ำๆ กัน จากเพื่อนๆ หลายคน ที่เหลือเป็นการรีพลายวีดีโอนั้น

“นี่ไวรัสระบาดอีกเหรอวะ?”

เขาเลือกที่จะไม่เปิดดู แล้วหันไปเปิดไลน์ในคอมดูแทน นี่ก็มีข้อความอีกเป็นร้อยจากเพื่อนหลายๆ กลุ่ม


เรื่องเล่าชาวโรงแรม (77 members)

Prinz

มึงๆๆๆ เห็นคลิปนี้ยัง [youtube.com/sferjeoo – Vale’s Tasty Life]

Yuki

เห็นแล้วๆๆๆ คนนั้นหน้าคุ้นๆ เนาะ มึงว่าเหมือนอิเจไหมอ่ะ?

SunSun

ไม่เหมือนล่ะมึง ใช่เลย กูจำห้องมันได้

ญ ญิ๋งคนงาม


อะไร ยังไง? นี่ชั้นไม่ได้อยู่เชียงใหม่แค่สี่ห้าปี อิเจมันเปลี่ยนขั้วแล้วเหรอแก???

ฯลฯ

 

“เชี่ย คลิปอะไรวะ? แล้วไอ้เวล หรือวาเล่ อะไรนั่นมันคืออะไร?”

เจเหงื่อแตก รีบคลิกดูคลิปเจ้าปัญหาอย่างด่วน



"สวัสดีครับ ผมบาเล่...บาเลนติน เด ลา โรซ่า ตอนนี้ผมอยู่ที่เชียงใหม่ ประเทศไทย วันนี้ผมจะพามาดูวิธีทำอาหารเช้าง่ายๆ แบบไทยๆ ครับ”

ใบหน้าที่ยิ้มละไมเปลือยท่อนบนโชว์กล้ามเนื้ออันงดงามนั้นไม่ใช่ใครแต่คือคนที่นอนแนบข้างกายเขาอยู่ทุกคืน ฉากหลังนั้นก็ไม่ใช่ที่ไหน คือเตียงที่ยับยู่ยี่ในห้องนอนของเขา กล้องค่อยๆ นำคนดูออกจากห้องนอนไปยังห้องนั่งเล่นและครัว เจแทบหยุดหายใจเมื่อเห็นร่างเพรียวบางของตัวเองซึ่งใส่เพียงเสื้อยืดตัวโคร่งคลุมสะโพกยืนอยู่หน้าเตา ผมที่เปียกชื้นทำให้รู้ว่าเขาพึ่งอาบน้ำเสร็จ ส่วนผมของใบหน้าที่ยิ้มละไมในฉากเปิดคลิปก็เปียกชื้นเช่นกัน แล้วคนดูจะคิดไปในทางไหนได้อีก


“...เห้ย ถ่ายทำไม?”

เขาในคลิปยกมือบังหน้าเลนส์ คนถือกล้องหัวเราะเบาๆ แล้วบอกว่าเพื่อเก็บข้อมูล จากนั้นก็เป็นภาพเขาที่อธิบายการทำข้าวต้มหมูรวนอย่างตะกุกตะกัก หน้าแดงๆ ของเขาในคลิปนั้นดูน่า...อืมม์ น่าอะไรดีล่ะ? เขาดูภาพตัวเองเดินหยิบนั่นทำนี่ด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก เขารู้ตัวว่าตัวเองเป็นคนขาวแบบลูกจีนบวกคนเหนือ แต่ไม่นึกว่าขาของตัวเองจะดูขาวเนียนน่าสัมผัสขนาดนั้น ชายเสื้อยืดตัวโคร่งที่ใส่ก็ไม่ได้ช่วยปิดบังอะไรมากนัก เวลาเขาเอื้อมหยิบนั่นนี่ มันก็เลิกขึ้นไปจนเห็นแก้มก้นหนั่นแน่นในกางเกงในผ้ายืดสีดำ เขากุมขมับ...


“...ต้องห้ามลืมพริกไทย ผัดอย่าให้แฉะมากนะ”

มุมกล้องตอนนี้ถ่ายข้ามไหล่เขาไปที่กระทะที่รวนหมู ระดับความชิดใกล้นั้นบอกได้ว่าคนถ่ายกำลังยืนประกบอยู่ด้านหลังของเขา ถึงตอนนี้เจหน้าซีดเผือดแล้ว...

"...คุณช่วยยกข้าวต้มไปไว้ที่โต๊ะกินข้าวหน่อย ผ้ารองอยู่ในลิ้นชักขวาสุด แล้วเดี๋ยวมาเอาถ้วยในตู้กับช้อนข้าวต้มไปด้วย"

เสียงสดใสของเขาในคลิปสั่ง คนถ่ายวางกล้องไว้ที่เคาเตอร์และเดินไปหยิบถ้วยอย่างว่าง่าย เจมองร่างเปลือยท่อนบนนั้นที่งดงามยามออกกล้อง กล้ามหลังที่ชัดเจน เอวคอดเป็นตัววี กางเกงนอนนั้นเกาะต่ำอยู่ระดับสะโพก เขาหันกายกลับมา ทำให้เห็นกล้ามท้องเป็นลอนชัดเจน และไรขนบางๆ ที่ลากหายลงไปในขอบกางเกง มันช่างน่า...เห้ย มันใช่เวลามาชื่นชมไหม


เมื่อจัดโต๊ะเสร็จ เจ้าของซิกซ์แพ็คแน่นๆ นั้นเดินกลับมาหยิบกล้องไปถ่ายรูปบนโต๊ะอาหาร จากนั้นวางกล้องไว้บนโต๊ะ ให้เห็นภาพคนสองคนที่กำลังนั่งกินอาหารกัน

“อร่อย!...”

คนร่างใหญ่นั้นชมเปาะ แล้วก็บรรยายสรรพคุณข้าวต้มถ้วยนั้นของเขา ในคลิปเห็นเขานั่งยิ้มหน้าบานอยู่

“...แต่ที่อร่อยที่สุด ก็เพราะมีคนนั่งกินด้วยกันนี่แหละ”


จากนั้นคลิปก็จบไป เจเอาหัวโขกโต๊ะ...ในตอนนั้นเขามัวแต่กิน ไม่ได้มองหน้าฆาเบียร์ถนัดๆ เขารู้แต่ว่ามันส่งสายตาวิบวับมาให้ แต่จากในคลิปนี้ มันเห็นหน้าของคนตาสวยนั้นชัดเจน ใบหน้าที่ยิ้มกรุุ้มกริ่ม สายตาที่สื่อความหมาย ทำให้เขาแทบอยากตาย


เขาฟุบหน้าลงกับโต๊ะพักนึง...หวังว่าจะมีคนเห็นคลิปนี้ไม่มากนะ แค่นี้เขาก็เขินจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว เขาเงยหน้ามาดูจำนวนคนดูคลิปนี้ อืมม์ 600 กว่าคน ก็ไม่เยอะนะ...เอ๊ะ เดี๋ยวนะ ดูหลักมันเยอะๆ พิกล เห้ยยยย  6,000 เหรอ? เชี่ย!!! 63,847 views? แล้วมันโพสต์เมื่อไหร่? 2 days ago????? ฟ้ากกกกกกกกกกก

เจมือสั่น เปิดดูเฟซบุ๊คอีกครั้ง เขาคลิกวีดีโอที่เพื่อนเขาสักคนแท็กเขามา ใช่เลย มันคือคลิปเดียวกัน แต่ที่เลวร้ายกว่าคือคลิปนั้นในเฟซบุ๊คมียอดวิวสองแสนกว่าครั้งไปเรียบร้อยแล้ว ยอดไลค์แสนกลางๆ แถมแชร์อีกเกือบหมื่นครั้ง...เขารีบคลิกอ่านที่คอมเมนท์ที่มีหลากหลายภาษา หลายๆ คอมเมนท์ก็บอกว่าอาหารน่ากินจัง ทำง่ายดี เป็นเทคนิคที่ดี นั่นนี่ เจนั่งยิ้ม เขาก็ดีใจนะที่มีคนชอบการทำอาหารของเขา เอ๊ะ เดี๋ยวๆ นี่ว่าไงนะ? เขาคลิกแปลคอมเมนท์หนึ่งที่เป็นภาษารัสเซีย

‘ที่น่ากินกว่าข้าวต้ม ก็ขาขาวๆ ก้นแน่นๆ คู่นั้นแหละ อิจฉาบาเล่จริงๆ’

แล้วก็ยังมีคอมเมนท์ประเภท 'นั่นใครน่ะ' 'บาเล่เค้าเปิดตัวแฟนแล้วเหรอเธอ?' 'กรี๊ดดดดดดดดดด ท่านบาเล่ขา' อะไรประมาณนี้ กู ตาย ว่าแต่บาเล่นี่คือไอ้ตัวแสบที่หายหัวไปแต่เช้านี่เหรอ? เขาคลิกไปที่ชื่อเจ้าของเฟซบุ๊ค


Valentin De la Rosa...ใช่เลย ใบหน้าชายหนุ่มที่ยิ้มละไมในรูปโปรไฟล์นั่นไม่ใช่ใคร เป็นคนร่วมเตียงของเขาเอง เขาก็รู้นะว่าฆาเบียร์เป็นบล็อกเกอร์ดัง แต่ไม่คิดว่าจะดังขนาดนี้...มีฟอลโลเวอร์ตั้ง...เช้ดดดดดดดดดดด กะ...เก้าแสน เขาคลิกลิงค์ที่พาเขาไปหน้าอินสตาแกรมของฆาเบียร์ @ValesTastyLife อ้อ นี่ก็คนตามไม่เยอะ ดีมาหน่อย แค่ห้าแสนกว่าเอง ฮืออออออ

เขาคลิกลิงค์ที่พาไปยังบล็อกของฆาเบียร์ บล็อกนั้นดูงามสะอาดตา ชื่อบล็อก Vale's Tasty Life บนฉากหลังลายกุหลาบแสดงถึงชีวิตอันมีรสชาติของเจ้าของบล็อกที่พาทุกคนเดินทางตามเขาไปยังประเทศต่างๆ ตามสถานที่่ท่องเที่ยวชื่อดัง ไม่ว่าจะริโอ เวนิซ ริก้า ดูบรอฟนิก ไคโร มอสโคว เนปาล หนุ่มคนนี้ไปมาหมดแล้ว เจหน้าแดงเมื่อเห็นภาพฆาเบียร์กับยีราฟที่ซาฟารีแท้ๆ ในแทนซาเนีย แล้วเขาพาคนๆ นั้นไปซาฟารีปลอมๆ เนี่ยนะ? ทุกที่ๆ เขาไป ใบหน้าคมเข้มและรูปร่างงามนั้นนำเสนอทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและอาหารการกินที่น่าสนใจในแต่ละที่ เขามองเมืองชื่อดังในโลกเหล่านั้นแล้วมาดูเชียงใหม่...มันคิดอะไรของมันอยู่วะ


เขาคลิกกลับไปดูที่หน้าเฟซบุ๊คของคนๆ นั้นใหม่เพราะเป็นสื่อที่อัพเดทเร็วที่สุด เขาเลื่อนลงดูโพสต์ต่างๆ ในเพจนั้น มีอัลบั้มหนึ่งที่เพิ่งโพสต์เมื่อสองวันที่แล้วเช่นกัน ชื่อ The Best of Chiang Mai สุดยอดของเชียงใหม่ ในนั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่เขาพาไป ทั้งวัดวา ตลาดอย่างย่านกาดหลวง ไนท์ซาฟารี วัดพระธาตุดอยสุเทพ ม่อนแจ่ม แต่ที่เด่นชัดคือในนั้นมีรูปของเขาแทรกอยู่เป็นรูปที่ถ่ายใกล้บ้าง ไกลบ้าง มีทั้งที่รู้ตัวหันมายิ้มกับกล้องและถ่ายทีเผลอ ยังมีคลิปสั้นๆ ที่เขาจูงมือคนถือกล้องเดินในแปลงดอกไม้ที่ม่อนแจ่มอีกด้วย เขารีบเลื่อนลงไปดูอัลบั้มของสถานที่อื่นๆ ที่ฆาบี้เคยไป ในอัลบั้มเหล่านั้นไม่มีรูปใครอื่นนอกจากตัวเจ้าของเพจเอง

เขาไม่เข้าใจเลย ฆาเบียร์คิดอะไรอยู่ เขาทำแบบนี้ทำไม? เจยกโทรศัพท์ขึ้นโทรหานพ

"พี่นพ ไอ้ฆาบี้มันอยู่กับพี่ไหม?"

ช่วงที่เขาติดทำงานแปล เขาขอนพช่วยพามันไปไหนมาไหนแทนเขา

"หูย เสียงเหมือนจะพ่นไฟแล้ว เห็นคลิปแล้วล่ะสิ"

ตายห่าน ขนาดพี่นพยังเห็นเลย

"ผมขอคุยกับมันหน่อย..."

เจเสียงสั่น นพหัวเราะ

"ใจเย็นๆ นี่กำลังจะถึงคอนโดมึงแล้ว...เดี๋ยวคุยกับตัวเลยแล้วกันนะ อย่าพึ่งฆ่าเพื่อนกูตายละกัน...ไปละ ขับรถก่อน"

นพตัดบทแล้ววางสายไป

เจนั่งรอฆาเบียร์เงียบๆ อยู่บนโซฟา ยิ่งนานเขายิ่งคิดฟุ้งซ่านไปใหญ่ หลังผ่านไประยะหนึ่ง ประตูห้องค่อยๆ เปิดออก ร่างกำยำนั้นค่อยๆ โผล่เข้ามาในห้อง

"เจ ฉัน..."

"นั่งสิ" เจพูดด้วยน้ำเสียงหมางเมิน ฆาเบียร์นั่งลงเงียบๆ

"จะให้ผมเรียกคุณว่าฆาเบียร์ หรือบาเลนตินดี"

เสียงนั้นถามเรียบๆ

"เจ..."

"คุณอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร? เพื่อนหรือบล็อกเกอร์? ทุกวันนี้คุณเห็นผมเป็นแค่แหล่งข้อมูลใช่ไหม?"

"หรือมันเป็นการแก้แค้นเรื่องที่อินเตอร์คอนฯ ในวันนั้น? ถ้างั้นคุณทำสำเร็จแล้ว คุณทำให้ผมได้อายไปทั่วโลกแล้ว"

น้ำเสียงนั้นสั่นน้อยๆ ฆาเบียร์ใจหายวูบ เจเข้าใจอะไรผิดไปใหญ่โตแล้ว

"ไม่ใช่นะ เจ...ฉัน..."

หน้าคมสันของเขาซีดเผือด เจเบือนหน้าหนี เขาโกรธจริงๆ คราวนี้

"แล้วยอดไลค์น่ะ ได้เยอะพอแล้วใช่ไหม? พอใจหรือยัง?"

ฆาเบียร์พยายามอธิบาย แต่หูเจไม่รับฟังสิ่งที่คนๆ นั้นพูดแล้ว ตาเขาพร่าไปหมดเพราะน้ำตาที่มาจากไหนก็ไม่รู้ ฆาเบียร์ยิ่งร้อนใจเมื่อเห็นน้ำตาของเจ้าตัวเล็กนี่

"ถ้าเก็บข้อมูลครบแล้ว ก็เชิญคุณไปอยู่กับพี่นพเถอะ เราหมดธุระกันแล้ว"

เจผุดลุกขึ้น มือใหญ่แข็งแรงพลันฉุดข้อมือบางนั้นไว้

"ปล่อยผม"

เจพูดอย่างไร้เยื่อใย ฆาเบียร์รวบร่างนั้นมากอดแนบอก เจพยายามขืนกาย แต่คนที่กอดแน่นนั้นไม่ยอมปล่อยให้คนที่กำลังเข้าใจผิดไปง่ายๆ เจ้าตัวเล็กก่นด่าออกมาเป็นภาษาไทย เขาต้องทำให้มันเงียบก่อน

"อื้อ"

เจอุทานออกมาสั้นๆ ก่อนที่เสียงจะหายไปเพราะริมฝีปากร้อนๆ ที่ประกบลงมาที่ปากของเขา เขาพยายามหุบปากแน่นแต่สัมผัสที่เว้าวอนนั้นทำให้เขาเผลอจูบตอบไป ฆาเบียร์ที่ได้ใจส่งลิ้นหนาเข้ามาไล้พันกับลิ้นของเขา ร่างของทั้งคู่ล้มลงนอนกอดก่ายกันบนโซฟา หากเป็นฆาเบียร์ที่หยุดและดันร่างของเจออก

"ฉันขอโทษ..."

เขากระซิบเบาๆ ที่ข้างหู

"ขอโอกาสให้ฉันอธิบายได้ไหม?"

น้ำเสียงเว้าวอนนั้นถามเจซึ่งหอบหายใจหน้าแดงก่ำ เจซึ่งใจอ่อนยวบไปกับจูบนั้นพยักหน้า เขาเย็นลงแล้วและอยากฟังว่าอีกฝ่ายจะอธิบายว่ายังไง


ฆาเบียร์เล่าเท้าความถึงเรื่องบล็อกของเขา เขาใช้ชื่อกลางและนามสกุลแม่ในการทำบล็อกซึ่งได้รับการสนับสนุนด้านเงินทุนไม่อั้นจากทางบริษัทแม่ เขาโด่งดังขึ้นมาเพราะคอนเทนต์ที่น่าสนใจที่นำเสนอวิถีชีวิตที่มีสีสัน แต่อีกส่วนหนึ่งที่ทำให้เขามีผู้ติดตามมากมายก็เพราะหน้าตาที่คมเข้มและรูปร่างอันงดงาม ในบล็อกของเขานั้นเขานำเสนอตัวเองเป็นเกย์หนุ่มเจ้าสำราญ​ที่ใช้ชีวิตอย่างสุดขั้ว ทั้งชีวิตด้านที่หรูหรา นอนรร.ห้าหกดาว กินอาหารในภัตตาคารระดับดาวมิเชแลง แต่ในขณะเดียวกันก็มีมุมที่สุดติดดิน กินอาหารพื้นบ้าน เดินป่า นอนในทะเลทราย แต่สิ่งที่เขาไม่เคยใส่ลงไปในบล็อกของเขาเลยคือคนที่อยู่ร่วมกันกับเขา หลายๆ ที่ๆ เขาไป ตามร้านอาหารหรือโรงแรมเขามีคู่ควงหรือคู่ขาไปด้วย แต่เขาและทีมงานไม่เคยปล่อยให้แม้กระทั่งปลายนิ้วของคนพวกนั้นหลุดเข้ามาอยู่ในหน้าบล็อก แต่คราวนี้เขาตั้งใจเต็มที่ๆ จะให้ทั้งโลกได้เห็นคนๆ นี้


"แต่เจไม่เหมือนคนพวกนั้น ฉันอยากให้คนที่ติดตามบล็อกของฉันได้เห็นเจเหมือนที่ฉันได้เห็น"

เขาประคองหน้าน้อยๆ นั้นแล้วจูบเบาๆ ที่แก้ม

"เจที่สดใส ร่าเริง...คนที่ฉันหลงเสน่ห์"

เสียงแผ่วเบาเหมือนเพ้อดังจากริมฝีปากที่จูบคลึงที่ข้างหูของเขา

"โอเค หยุด พอ ผมเข้าใจละ..."

เจข่มใจที่สั่นระรัว...เขาไม่โกรธแล้ว แต่ก็ยังเคืองนิดๆ

"แต่คุณลืมไป ว่าผมไม่เคยอ่านบล็อกของคุณ ฉะนั้นผมจะไปรู้เหรอว่าคุณหมายความว่ายังไง"

ฆาเบียร์พยักหน้ารับคำ

"ก็บอกให้ทีมมันหาคำโปรยอธิบายเรื่องเจก่อน มันก็ลืม"

คนตัวโตบ่นอุบอิบ งานนี้ต้องมีระเบิดลงแน่นอน

"ฉันไม่ตั้งใจให้นายได้อาย สาบานได้"

ฆาเบียร์ยกนิ้วสาบาน

"เดี๋ยวฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง ฉันสัญญา"



เย็นนั้น เจเปิดเพจของฆาเบียร์ดูอีกครั้งแล้วก็ต้องยิ้มออกมาเมื่อเห็นคลิปใหม่ที่ทางนั้นอัพโหลดขึ้น ในคลิปนั้นเป็นคนตัวโตตีหน้าเศร้าขอโทษผู้ชมสำหรับเซอไพรส์ในคลิปที่แล้ว และก็บอกขอโทษ "เพื่อน" ของเขาในคลิปที่ทำให้ลำบากใจ ว่าเขาคิดน้อยไปที่โพสต์คลิปแบบนั้นไปโดยที่ไม่ได้นึกว่าจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดอะไร

"แต่ถ้านายจะให้ฉันหยุดโพสต์เรื่องนายหรือลบคลิปนั้น ฉันคงทำไม่ได้ เพราะฉันอยากให้โลกรู้ว่านายนั้นวิเศษแค่ไหน"

 นี่คือประโยคจบคลิปของฆาเบียร์คนอวดผัว เจโคลงหัวในความดื้อด้านของคนที่ทำให้ใจเขาสั่นไหวคนนี้ แต่เขาก็ยังไม่แน่ใจว่าเขาพร้อมที่จะเดินทางนี้แค่ไหนต่อให้เขาติดใจสิ่งใหม่ที่เขาได้สัมผัสเมื่อเกือบสองสัปดาห์ที่แล้วก็ตาม

เจหลับตา สลัดหัวให้ความคิดฟุ้งซ่านต่างๆ หลุดออกไป เขายังมีงานที่ต้องทำให้เสร็จก่อนเส้นตาย คืนนี้เขาคงทำงานยาว คนตัวโตที่นอนรอบนเตียงก็คงจะขาดหมอนข้างไปอีกคืน ก็ดี...จะได้ถือเป็นการลงโทษไปด้วยในตัว เขายิ้ม และเริ่มพิมพ์งานต่อไป


-----------------------------------------------------------------


วันนี้ไม่มีกินๆ เที่ยวๆ นะคะ ลั้ลล้ามาหลายวัน หาอะไรหนักๆ ให้คู่นี้มั่ง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-03-2018 14:59:40 โดย La Vida Sin Tu Amor »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
เปิดตัวว่างั้นสินฆาเบียร์

ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1


ขออนุญาตรีไรท์บางส่วนนะคะเพื่อตอบสนองความซาดิสต์ในตัวของคนเขียนเอง แหะๆ จุดที่รีไรท์จะมาร์คด้วยสีกรมท่านะคะ


(วันนี้อัพ 2 ตอนเลยนะคะ พลาด และ พลั้ง อย่าลืมอ่านตอนก่อนหน้าก่อนนะคะ)




---- พลั้ง ----



"งานเสร็จแล้วโว้ยยยยยย"

เจโยนหูฟังขึ้นบนอากาศ ในที่สุดเขาก็ทำงานเสร็จทันเด้ดไลน์ คนตัวโตที่นั่งอ่านงานในแท็บเล็ตอยู่ห่างๆ มองลอดแว่นดูร่างเพรียวที่ลุกขึ้นเต้นแร้งเต้นกาอยู่คนเดียว เขาอยากไปนั่งทำงานใกล้ๆ แต่เจทำโทษเขาด้วยการห้ามเข้าใกล้ ห้ามแตะต้อง ห้ามนอนกอดในช่วงที่เจยังทำงานไม่เสร็จ ซึ่งเขาทำได้ไม่ครบหรอก ตอนกลางคืนเขาก็มีแอบกอดเจ้าตัวเล็กบ้างตอนที่มันนอนหลับสนิทไปแล้ว

เจแอบมองร่างกำยำที่นั่งอยู่บนโซฟา วันนี้เขาทำงานเสร็จแล้ว เขาควรจะยกเลิกโทษแบนให้คนคิดน้อยคนนี้เลยดีไหม หรือจะแกล้งให้กระวนกระวายใจเล่นอีกดี ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ตัวว่าโดนแอบกอดแอบหอมไปกี่ครั้งในตอนดึกๆ แต่เขาก็ทนใจแข็งกับคนตัวโตนี้ได้ไม่ตลอดรอดฝั่งซะที

"เมียจ๋า..."

เขาเรียกเมียคืนเดียวของเขาด้วยเสียงอ่อนหวาน

"มาให้กอดทีซิ"

ฆาเบียร์ทิ้งแท็บเล็ตแล้วแทบจะโดดมาหาคนขี้แกล้ง เขาโอบกอดร่างเพรียวนั้นแนบแน่น ปากเขาเริ่มซุกซน เจทำตาโต

"หยุดๆๆ ให้กอดอย่างเดียว อย่างอื่นผมยังไม่อนุญาต"

ฆาเบียร์ทำตาละห้อย เจบอกเขาว่าอยากห่างเรื่องทางกายกับเขาสักพักเพราะไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเอง

'ผมไม่ชัวร์ว่าความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้เป็นเพราะติดใจเรื่องทางกายอย่างเดียวหรือเปล่า...'


ฆาเบียร์จูบเบาๆ ที่แก้มใสนั้นและซบหน้าลงบนไหล่ของเจที่ยิ้มน้อยๆ คนตัวโตนี้บทจะน่ารักก็น่ารักจริงๆ เขาหอมแก้มฆาบี้ตอบ

"ไปกินข้าวกันเถอะ ทำงานเสร็จแบบนี้ ผมขอเนื้อๆ ดีกว่า"

ว่าแต่กลางวันแบบนี้จะกินอะไรดีน้า? นึกออกแล้ว!

"ฆาบี้ อยากกินอะไรแปลกๆ ไหม?"

เขาถาม เขาไม่แน่ใจว่าฝรั่งคนนี้จะเคยแบบนี้เป็น ฆาเบียร์ถามว่าแปลกแบบไหน

"blood soup...ซุปเลือดน่ะ"

โน้ววว เขาไม่ได้หมายถึงหลู้ หรือเลือดสดๆ ขยำกับใบสมุนไพรใส่เครื่องในอันเป็นอาหารสุดพิศดารของภาคเหนือ เมนูนั้นเขาที่เป็นคนเมืองแท้ๆ ยังไม่เคยลอง แต่เขาหมายถึงก๋วยเตี๋ยวน้ำตก

"อ๋อ...เคยกินแล้ว"

ฆาบี้ตอบเมื่อเขาบอกไปว่าจะกินอะไร เซ็งเลย นึกว่าจะหลอกให้ตกใจเล่นซักหน่อย แต่ร้านที่เขาจะพาฆาเบียร์ไปกินนี้มีความพิเศษเฉพาะตัว


"งั้นเอามอเตอร์ไซค์ไปนะ แถวนั้นหาที่จอดยาก"

เจพาฆาบี้ซ้อนท้ายฮอนด้าเวฟคันเก่าของเขามุ่งหน้าไปที่ร้านโซ้ยเตี๋ยว ร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำของเขา ร้านนี้ตั้งอยู่เยื้องๆ สุสานสันกู่เหล็ก และที่ต้องเอามอเตอร์ไซค์มาเพราะว่าหาที่จอดยากพอสมควร ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ฆาเบียร์ซ้อนรถของเขาหลายครั้งจนเริ่มชินแล้ว แต่วันนี้เจรู้สึกได้ว่าคนตัวโตกลับมากอดแนบหลังเขาทั้งตัวอีกแล้ว...ไอ้ขี้แต๊ะอั๋งเอ๊ย

"ชาบูน้ำตกเนื้อโคขุนชุดใหญ่ 1 ครับ"

เจสั่งอย่างคุ้นเคย ร้านนี้ไม่ใหญ่นัก แต่อาหารค่อนข้างช้า เขาเลยสั่งเป็นหม้อไฟเลยดีกว่า ไม่ต้องรอมาก ในชุดนี้มีเนื้อโคขุนจานใหญ่ 2 จานพร้อมผักสด ลูกชิ้น เนื้อตุ๋น และเส้นอีก 2 ถ้วย เขาสั่งเป็นเส้นหมี่ขาวส่วนฆาเบียร์นั้นกินวุ้นเส้น

"อร่อยใช้ได้เลยนะ"

ฆาเบียร์ตักน้ำซุปขึ้นชิม รสของซุปน้ำตกนั้นเข้มข้นกำลังดี เผ็ดนำ ติดหวานนิดหน่อยแต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์รับได้

"เคยกินมาก่อนเหรอ?"

เจถาม เขาพยักหน้า ฆาเบียร์มาไทยแล้วหลายครั้ง ต่อให้บอกว่าไม่ค่อยได้กินอาหารท้องถิ่นเท่าไหร่ แต่ก๋วยเตี๋ยวนั้นเป็นข้อยกเว้นเพราะว่าสามารถมากินคนเดียวได้ เขาลวกวุ้นเส้นใส่ชามเล็กน้อย โรยผักสลัดลงไป ลวกเนื้อโหนกกับเซอร์ลอยน์แผ่นใหญ่มาวาง ตักลูกชิ้นและน้ำก๋วยเตี๋ยวราด หักแคบหมูไร้มันใส่ลงไปแล้วถ่ายรูป

(ร้านโซ้ยเตี๋ยว)
https://www.picz.in.th/images/2017/09/04/zoytiaw.jpg


"รู้ไหมทำไมฉันถึงชอบเรื่องอาหารการกิน"

คนทำบล็อกด้านอาหารและท่องเที่ยวถาม

"...เพราะอาหารเป็นจุดร่วมของวัฒนธรรมทั่วโลก ไม่ว่าจะวัฒนธรรมไหนการกินถือเป็นสิ่งสำคัญ"

เจพยักหน้ารับคำ

"แล้วมันน่าตื่นเต้นที่ได้เห็นว่าหลายๆ ครั้งอาหารจากคนละมุมโลกที่ห่างกันหลายพันหมื่นกิโลมีความคล้ายคลึงกันอย่างน่าอัศจรรย์ใจ"

ฆาเบียร์คีบแคบหมูขึ้นมา

"อย่างแคบหมูนี้ ตอนแรกที่เห็นฉันนึกถึง Chicharron เลย มันคือหนังหมูทอดที่กินกันแพร่หลายในทวีปอเมริกา แต่มันก็เป็นของที่เราได้มาจากสเปน"

"ผมได้ยินพี่นพบอกว่าตอนเขาข้ามไปเที่ยวที่เดนมาร์ก เขาก็เจอแคบหมูวางขายอยู่ด้วย"

"ใช่ แล้วยังมีอีกหลายที่ซึ่งมีอาหารแบบเดียวกัน อาจจะต่างไปนิดหน่อย อย่างที่อเมริกาบางทีเราก็ปรุงรสมันด้วยปาปริก้าหรือผงรสบาบีคิว"

ทั้งสองนั่งถกกันว่ามีอาหารชนิดไหนอีกที่มีที่มาจากหลายวัฒนธรรมแต่มีความคล้ายคลึงกัน ถกไปกินไป ไม่นานก๋วยเตี๋ยวก็หมดหม้อ


"เออ เย็นนี้ผมอาจจะออกไปข้างนอกกับเพื่อนนะ"

เจพูดขึ้น ไอ้พวกเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันเริ่มบ่นแล้วว่าเขาหายหัวไป ปกติแล้วเขาออกท่องราตรีสองสามครั้งในหนึ่งสัปดาห์ แต่ช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมานี้เขาไม่ได้ออกไปเจอพวกมันเลย

"อือ ไปสิ จะกลับดึกเหรอ? จะให้รอไหม?"

"ไม่ต้องอ่ะ บางทีอาจจะกลับเช้าเลย"

เจหลบสายตาคมของคนตัวโตกว่า เขาจะบอกยังไงว่าทุกครั้งที่ออกเที่ยว เขาแทบไม่เคยกลับมือเปล่า ฆาเบียร์พยักหน้ารับรู้ ทั้งสองไม่ได้คุยอะไรกันอีกจนกระทั่งกลับถึงคอนโด


"แน่ใจนะว่าไม่อยากไปด้วย?"

เจหันมาถามฆาเบียร์อีกครั้งก่อนออกประตูห้อง วันนี้เขาใส่กางเกงยีนส์เข้ารูปยี่ห้อดังกับเสื้อยืดและรองเท้ายีซี่ที่อุตส่าห์ไปเข้าแถวรอซื้อข้ามวัน ฆาเบียร์ตอบรับ

"ถ้าเปลี่ยนใจตามมาได้นะ ผมอยู่ที่ xxxx นั่งโซนติดห้องแดนซ์"

เจพูดถึงผับขนาดใหญ่ที่อยู่ในระยะเดินได้จากคอนโดของเขา


ฆาบี้เปิดแมคบุ๊คของเขาขึ้นมาเพื่อทำงาน แต่วันนี้เขาไม่มีสมาธิเลย ผ่านไปนับชั่วโมง ในที่สุดเขาตัดสินใจลุกขึ้นเปลี่ยนเสื้อผ้า


"เอ้า ชน"

เจยกขวดเบียร์โคโรน่าขึ้นชนกับซันและปรินซ์ เพื่อนสมัยป.ตรี สองหนุ่มนี้เป็นคนส่วนน้อยในสาขาวิชาเขาที่ว่างพอจะมาเที่ยวเป็นประจำกับเขาได้เพราะไม่ได้จบมาทำงานสายโรงแรมตามที่เรียนมา เจหันไปหอมแก้มสาวน้อยร่างเล็กแต่บางอย่างไม่เล็กตามด้วยที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาคิดถึงกลิ่นกายสาวๆ จริงๆ

"แหม โชว์ใหญ่นะ ไอ้เจ กูเชื่อแล้วว่ามึงยังไม่เปลี่ยนขั้ว"

ไอ้ปรินซ์ผู้เปิดประเด็นเรื่องคลิปของเขาในกลุ่มไลน์เมื่อหลายวันก่อนกระเซ้าขึ้น เจหันไปแจกกล้วยมันเบาๆ ตัวเขาเองก็ยังไม่แน่ใจว่าตกลงตัวเองคิดยังไงแน่ วันนี้ที่มาเที่ยวก็เพราะอยากจะหาความมั่นใจให้ตัวเอง หลังจากเข้าไปเต้นมารอบหนึ่ง เขาก็กลับออกมาพร้อมสาวน้อยไม่ทราบชื่อคนนี้ ก็คนมันหล่อ ไงก็หาได้ เขาคงเหมาะกับทางสายนี้มากกว่า เจคิดในใจ

"โห มึง ฝรั่งคนนั้นดูดีชิบ กูอยากได้หุ่นซักขนาดนี้อ่ะ"

ไอ้ซันผู้อาภัพ อ้วนเตี้ยมาตั้งแต่เรียนประถมชี้ให้พวกเขาดูร่างหนึ่งที่เพิ่งเดินเข้ามาในร้าน เจหันไปดู...เวร ไหนว่าจะไม่มาวะ

"ดูดีสุดๆ นายแบบป่าววะ?"

ซันมองตาม


คืนนี้ฆาบี้แต่งตัวมาเที่ยวแบบง่ายๆ เมื่อเทียบกับลุคเนี้ยบหรูที่เขาแต่งปกติตอนอยู่อเมริกา เขาใส่กางเกงไบเกอร์ยีนส์ทรงสลิมฟิตสีสนิมของบัลแมงกับเสื้อยืดคอวีสีขาวเนื้อบางเข้ารูปที่รัดแผงอกกว้างของเขาจนเห็นตุ่มไตทั้งสองเด่นชัดกับรองเท้าบู้ทโลว์คัทสีน้ำตาล เจกลืนน้ำลายฝืดๆ ลงคอ วันนี้ "เมีย" ของเขาดูเท่เป็นพิเศษอาจเพราะไรหนวดเคราที่ขึ้นเขียวน้อยๆ เพราะความขี้เกียจโกนขับให้ใบหน้านั้นคมเข้มตามเชื้อชาติขึ้นไปอีก และที่เด่นขัดกับลุคเซอร์ๆ ในคืนนี้คือตุ้มหูอัญมณีสีน้ำเงินเข้มที่หูขวาของฆาเบียร์

"แม่ง หมั่นไส้ว่ะ ยิ้มโปรยเสน่ห์ตั้งแต่ทางเข้าเลย ไอ้ฝรั่งนี่"

ปรินซ์บ่นเมื่อเห็นรอยยิ้มและสายตาวับวาวของฆาเบียร์ ที่ดึงดูดสายตาสาวแท้สาวเทียมแถวนั้น หากเจรู้ว่ารอยยิ้มนั้นเป็นของเขา

"เจ..."

ร่างกำยำนั้นเดินเข้ามาหา หากแต่ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นสาวน้อยที่นั่งแนบชิดจนหน้าอกถูแขนของเขาในตอนนี้

"อ้าว รู้จักกันเหรอ?"

เพื่อนเขาสองคนกระซิบถาม

"อือ...ซัน ปรินซ์ นี่ฆาเบียร์ เพื่อนพี่นพ"

สองหนุ่มหันไปมองหน้ากัน...พวกเขาเริ่มคุ้นหน้าไอ้ฝรั่งนี่แล้ว มันคือคนที่อยู่ในคลิปกับไอ้เจนั่นเอง

"งั้น ฝากฆาเบียร์หน่อย กูจะเข้าไปเต้น"

เจรีบลุกหนีคำถามของเพื่อนๆ โดยไม่ลืมหนีบเอาสาวน้อยที่ยังงงๆ นั้นเข้าไปด้วย


ในห้องเต้น เสียงเพลงเร้าใจดังสนั่น ดีเจสาวฮ้อตที่อยู่บนบู้ธโยกเต้นไปมา แสงสีทำให้เจคึก เขาบดเบียดกายเข้ากับสาวน้อยไม่ทราบชื่อเมื่อเขาหันไปเห็นฆาเบียร์ที่ถือเบียร์เดินเข้ามาในห้อง ร่างสูงใหญ่นั้นสะดุดตาบรรดาเกย์หนุ่มที่ดูก็รู้ว่านี่คือพวกเดียวกัน มีหลายคนที่ใจกล้าเข้ามาขอชนแก้วกับเขา และบางคนเข้ามายืนจับมือถือแขนคุยกับเขา หนุ่มน้อยหน้าหวานคนหนึ่งเต้นเบียดอยู่กับอกกว้าง ภาพฆาเบียร์ที่หัวเราะลั่นเมื่อปากบางๆ นั้นกระซิบสักอย่างที่ข้างหูทำให้เจรู้สึกร้อนในอก ไม่...เขาต้องไม่สนใจ วันนี้เขามาเพื่อหาความสำราญให้ตัวเอง เจหันไปซุกไซร้ร่างอวบอัดที่ยืนอยู่ข้างกายเขา สาวน้อยครางเบาๆ เมื่อมือของเจปัดป่ายไปทั่ว คืนนี้เขาต้องได้หญิง เจกระซิบข้างหูสาวน้อยคนนั้น แล้วพากันเดินหายเข้าไปในห้องน้ำชายเพื่อทำสิ่งที่เขาทำเป็นประจำเมื่อมาเทีี่ยว


ฆาเบียร์ปลีกตัวจากหนุ่มน้อยหน้าหวานใจกล้าที่เข้ามาคุยกับเขา เขารู้ว่าถ้าเขาต้องการเด็กหนุ่มคนนั้นก็พร้อมที่จะสิโรราบให้กับเขา แต่ไม่ใช่คืนนี้ เขาเดินเข้ามาที่ห้องน้ำ เมื่อทำธุระเสร็จระหว่างล้างมือเขาก็ได้ยินเสียงบางอย่างดังมาจากห้องน้ำห้องสุดท้าย เขานิ่วหน้า คนแถวนี้ช่างไม่มีความยับยั้งชั่งใจเลย เข้าเดินเข้าไปใกล้อีกหน่อยเพื่อฟังให้แน่ใจ ใช่เลย มันเป็นเสียงชายหญิงที่กำลังปฏิบัติกามกิจ หากเสียงกระเส่าของชายหนุ่มนั้นฟังดูคุ้นหู...ตาคมวาวของฆาเบียร์พลันเบิกโพลง...เขาจะทำยังไงดี ใจหนึ่งเขาอยากเดินหนีออกห้องน้ำไปให้ไกล แต่ส่วนหนึ่งของร่างกายที่แข็งเกร็งขึ้นเมื่อได้ยินเสียงกระเส่านั้น ทำให้เขาออกไปไหนไม่ได้...ฆาเบียร์กัดกรามแน่นและตัดสินใจเดินเข้าห้องน้ำห้องข้างๆ


เจซุกไซร้ฟอนเฟ้นหน้าอกขาวเนียนของสาวน้อยไร้ชื่อ เขาดึงเกาะอกของหล่อนลงมาที่เอว ลิ้นของเขาเลียไล้ดูดดุนเม็ดทับทิม มืออีกข้างขยำขยี้เต้านมขาวนั้น

'มันต้องแบบนี้สิ หน้าอกแบนๆ ของผู้ชายจะไปสู้ได้ยังไง...'

แต่ภาพดวงตาที่หรี่ปรือด้วยความเสียวซ่านของฆาบี้เมื่อเขาเลียไล้ตุ่มไตซ้อนทับกับใบหน้าสาวน้อยคนนั้น เสียงครางอย่างเกินจริงที่ดังอยู่ข้างหูเขานั้นช่างน่ารำคาญ แต่ช่างมัน คืนนี้เขาต้องได้ปลดปล่อย เขารูดกางเกงในของสาวน้อยคนนั้นลง ใส่ถุงยางลงบนแก่นกายที่แข็งแทบระเบิดและใช้แขนแข็งแรงช้อนสะโพกน้อยๆ นั่นขึ้น  สาวน้อยยกแขนขึ้นโอบรอบคอเขาอย่างรู้งาน เขายืนพิงผนังห้องน้ำแล้วชำแรกแก่นกายแข็งเข้าสู่ช่องทางที่ฉ่ำแฉะนั้น สาวน้อยครางอย่างเสียวซ่าน เขากระซิบคำลามกใส่หูของร่างบางนั้น สาวน้อยซึ่งเบียดบดกายรับการกระแทกของเขาชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อได้ยินเสียงประตูห้องน้ำข้างๆ ปิด เขาไม่สนใจและเสยสะโพกรับการบดเบียดนั้น หญิงสาวเริ่มขย่มเขาอย่างเมามันพร้อมครางเบาๆ เขารู้สึกถึงแรงสะเทือนจากผนังห้องน้ำ ใครบางคนที่อยู่อีกฝั่งของผนังคงพิงกายกับผนังบางนั้น ซึ่งมันก็คงบางจริงๆ เพราะเขาสามารถได้ยินเสียงหอบหายใจเบาๆ จากห้องนั้นดังอยู่ข้างหู

'เหอะ ไอ้พวกโรคจิต อยากฟังก็ฟังให้เต็มที่'

เขาซุกหน้าลงกับอกอวบและเร่งเร้ากระตุ้นหญิงสาวให้ส่งเสียงดังขึ้น เขาเองก็ไม่กลั้นเสียงครางของตัวเอง สัมผัสอุ่นนุ่มที่คุ้นเคยนี้ช่างดีนัก...แต่ทำไมนะ...ทำไมเขาถึงไม่รู้สึกเต็มตื้นเท่ากับช่องทางแคบรัดที่เคยสัมผัสได้เพียงครั้งเดียวนั้น เขาหลับตาและจินตนาการถึงภาพในคืนนั้นโดยไม่รู้ตัว เสียงหอบหายใจจากคนที่หันหลังแนบกับหลังเขาที่ข้างห้องดังหนักขึ้น คนโรคจิตคงจวนจะเสร็จแล้ว มันทำให้เขายิ่งตื่นเต้น


"อ๊ะ...เจ..!"

เสียงคำรามคุ้นหูดังขึ้นหนักๆ จากข้างห้อง เจสะดุ้งเฮือก หยุดสิ่งที่กำลังทำอยู่โดยฉับพลัน

"ฆาบี้...?"

เจพึมพำออกมาเหมือนละเมอ แก่นกายที่แข็งเกร็งของเขาพลันอ่อนยวบลง เขาทิ้งร่างหญิงสาวที่จวนจะถึงสวรรค์อยู่มะรอมมะร่อลงโดยเร็ว รูดถุงยางออก แล้วลนลานใส่กางเกง เสียงประตูห้องข้างๆ ปิดปัง เมื่อเขาพุ่งร่างออกไปจากห้องน้ำก็ไม่เจอใครที่ด้านนอกนั่นแล้ว เมื่อเขาหันกลับมาก็เจอกรงเล็บจากสาวน้อยที่กลายร่างเป็นแม่เสือสาวข่วนหน้าเขาเป็นรอยยาว เขาไม่ใส่ใจเสียงด่าลั่นนั้นแล้วรีบเดินกลับออกมาที่โต๊ะเพื่อนๆ ซึ่งอยู่หน้าประตู


"มึง เห็นฆาเบียร์ไหม?"

เขาระล่ำระลักถาม

"เออ เห็น ไม่รู้เป็นแม่งอะไร เดินก้มหน้างุดๆ ออกร้านไปแล้ว พวกกูทักก็ไม่ตอบ"

ไอ้ปรินซ์บอก

"เห้ย แล้วหน้ามึงไปโดนอะไรมาวะ"

ไอ้ซันทักถึงรอยข่วนที่หน้า เจรีบเก็บของแล้วฝากเงินค่าเหล้าไว้

"กูไปก่อนละ"

"ไรวะ มึงจะรีบไปไหน นานๆ เจอกันที กินเหล้าด้วยกันก่อน"

"ไม่กงไม่กินมันแล้ว เมียกูงอนหนีไปนู่นแล้ว กูต้องรีบไปง้อก่อน"

เจพูดแล้วรีบวิ่งตามฆาบี้กลับไปที่คอนโด ทิ้งให้เพื่อนสองคนนั่งงงเป็นไก่ตาแตก



(แถม...)


"เมีย...กูนึกว่ามันเป็นเมียเค้าซะอีกนะเนี่ย" ไอ้ปรินซ์เปรย

"ใครจะผัวใครจะเมียก็ไม่รู้ แต่กูรู้ว่าไอ้เจเพื่อนกูตกถังข้าวสารแน่นอน" ซันพูด

"ถ้าตากูไม่พลาด ไอ้ตุ้มหูสีน้ำเงินนั่นน่ะไม่ใช่พลอยแน่ๆ เม็ดนั้นมีซักกะรัตกว่าๆ ชัวร์"

ลูกร้านเพชรอย่างซันคอนเฟิร์ม เพื่อนทั้งสองยกแก้วเหล้าขึ้นชนกัน พร้อมหวังให้เจง้อเมียมันสำเร็จ



---------------------------------------------------------------


เจ...เด็กเลวววววววววววววววววววววววววว
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-03-2018 15:07:03 โดย La Vida Sin Tu Amor »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
ทำไมก้มหน้างุดออกไปล่ะฆาเบียร์

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0

ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1
@@@The Taste of Love...อิ่มรักรสโอชา - Tears [1/8/60]
«ตอบ #22 เมื่อ01-08-2017 07:10:24 »




*** คำเตือน - อาจมีฉากรุนแรงในช่วงต้นและกลางตอน ถ้าใครไม่ชอบโปรดข้ามไป...สำหรับคนที่อ่านตอนที่แล้วไป คนเขียนได้รีไรท์บางส่วนเพื่อให้สอดคล้องกับช่วงต้นของตอนนี้นะคะ ขึ้นไปอ่านซ้ำอีกทีได้ค่ะ ​


---- Tears ----



ฆาเบียร์เปิดประตูห้องน้ำข้างห้องที่กิจกรรมอันร้อนเร่ากำลังดำเนินไป แม้ใจเขาจะสั่งให้เขารีบออกไปจากที่นั่น แต่ร่างกายของเขามันไม่เชื่อฟัง แกนกายของเขาตอบสนองกับเสียงกระซิบกระเส่าในภาษาที่เขาฟังไม่ออก หนุ่มใหญ่ร่างกำยำขบกรามแน่น แรงสะเทือนที่ผนังห้องน้ำบางๆ นั้นทำให้รู้ว่าทั้งสองกำลังทำกิจกรรมกันอย่างเร่าร้อน เขาพิงหลังแนบกับตำแหน่งที่คาดว่าหลังของเจพิงอยู่ แรงสั่นสะเทือนนั้นสะท้านเข้าถึงในใจ เขาปลดปล่อยแท่งลำร้อนของเขาออกมาพร้อมใช้มือกำรูดเร่งเร้า ลมหายใจของเขาเริ่มหอบกระเส่า เหมือนแกล้ง...เสียงจากห้องด้านข้างที่ค่อนข้างเงียบเหมือนพยายามกลั้นไว้กลับกลายเป็นดังขึ้นเรื่อยๆ ตามอารมณ์ที่พุ่งขึ้น ในหูฆาเบียร์ได้ยินแต่เสียงครางอย่างเสียวซ่านของเจ แรงสะเทือนที่หลังของเขาหนักขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เขาเร่งเร้ามือของตัวเอง เมื่ออารมณ์พุ่งสูงถึงขีดสุด เขาอดไม่ได้ที่จะปล่อยเสียงแหบพร่าของตัวเองออกมา

"อ๊ะ...เจ"

เขาเผลอเรียกชื่อของใบหน้าที่ลอยเด่นในมโนภาพของเขาออกมา

แรงสะเทือนที่ด้านหลังเขาพลันหยุดลง

"ฆาบี้?..."

เสียงเบาๆ นั้นทำให้น้ำตาเขารื้นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เขารีบทำความสะอาดตัวเอง รูดซิปกางเกงแล้วรีบออกห้องน้ำไป เขายังไม่อยากเจอไอ้ตัวเล็กนั่นในตอนนี้ เขาเดินก้มหน้าออกห้องน้ำมา น้ำตาเจ้ากรรมไหลออกมาอีกแล้ว เขาเหมือนได้ยินเสียงเพื่อนของเจเรียกชื่อเขาตามหลัง แต่เขาไม่สนใจแล้ว เขาแค่อยากออกไปจากที่นี่ หากเวลานี้เขาจะไปไหนได้ ที่เดียวที่เขาจะกลับไปได้คือห้องคอนโดของเจ


ฆาเบียร์ปิดล็อคขังตัวเองไว้ในห้องน้ำ เขาเปิดน้ำเย็นราดรดตัวเพื่อดับความร้อนรุ่มในใจ เขาทั้งโกรธ ทั้งผิดหวัง หึงหวง ทุกอย่างประดังประเดเข้ามาจนเขาแทบทนตัวเองไม่ได้ ตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีมานี้ เขาไม่เคยปล่อยให้ความรู้สึกเหล่านี้เข้ามากวนใจ เขาจดจ่อกับงาน เขาไม่เคยผูกพันกับใคร เขาไม่ปล่อยให้อารมณ์มาครอบงำตัวเองเหมือนแบบนี้ เขาผ่านคู่นอนและคู่ควงมามากหลาย มีทั้งที่เป็นแบบชั่วคืนและทั้งที่คบหากันนานหลายปี แต่ไม่มีใครที่ทำให้เขารู้สึกได้แบบนี้ แล้วทำไมไอ้เจ้าตัวเล็กที่เขาเจอเพียงแค่สองสัปดาห์ถึงมีอิทธิพลต่อจิตใจเขาปานนี้

จริงอยู่ว่าเขาชอบมันมากในฐานะเพื่อนคนพิเศษ จริงอยู่ว่าเขาเพียรหยอด เพียรจีบ เพียรลวนลามมัน แต่พวกเขาก็เคยคุยกันแล้วว่าถ้าใครอยากมีคนอื่น ก็มีได้ ซึ่งก็เป็นข้อตกลงเดียวกันกับที่เขามีกับคู่ขาคนอื่นๆ ของเขา กับพวกนั้นทั้งๆ ที่เขามีอะไรลึกซึ้งด้วยหลายต่อหลายครั้ง เขาก็ยังไม่เคยหึงหวงเวลาที่เห็นพวกนั้นกับชายหรือหญิงอื่น แล้วมันต่างกับเจที่เขาเคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งจริงๆ ด้วยแค่ครั้งเดียวตรงไหน ทำไมถึงไม่เหมือนกัน หรือว่าเขา...รัก...

"ไม่ ไม่ใช่หรอก คงเป็นเพราะฉันยังไม่ 'ได้' ตัวมันต่างหาก"

เขาสะบัดหน้า...พึมพำออกมา



"ฆาบี้...เปิดประตู"

เสียงร้อนรนเรียกเขาอยู่ที่หน้าประตูห้องน้ำ เสียงทุบประตูถี่ๆ บอกว่าเจ้าตัวนั้นร้อนใจมาก น้ำตาที่หยุดไหลไปแล้วรื้นขึ้นมาอีก...เขาปาดมันทิ้ง เขาจะไม่ยอมอ่อนแอแบบนี้อีก

เจทุบประตูถี่ๆ เขาไม่นึกว่าฆาเบียร์จะมาได้ยินเขากับสาวเล็บคมคนนั้น ตอนได้ยินเสียงครางเรียกชื่อเขานั้น ในสมองเขาขาวโพลนทำอะไรไม่ถูก ความรู้สึกทั้งอาย เสียใจ สำนึกผิด ทุกอย่างประดังประเดเข้ามาในหัว แต่ที่มีมากที่สุดคือความกลัว กลัวว่าคนๆ นั้นจะเสียใจ กลัวจะเสียคนๆ นั้นไป เขา...เจนยุทธคนนี้ที่ไม่เคยสนใจว่าผู้หญิงที่ตนเคยควงจะเสียใจแค่ไหนเวลาเห็นเขากับผู้หญิงอื่น เขาที่ไม่เคยจำด้วยซ้ำว่าคนที่เขาเพิ่งนอนด้วยนั้นชื่ออะไร เขาที่ไม่เคยคิดจะมีสัมพันธ์ระยะยาวกับใคร กลับต้องมากลัวที่จะเสียผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเขาเคยนอนด้วยแค่ครั้งเดียว

"ฆาเบียร์ ผม...ผมขอโทษ"

เจซบหน้าบนประตู เสียงน้ำที่ไหลอยู่หยุดลง เสียงฝีเท้าหนักๆ เดินมาที่ประตู เจถอยหลังไปสองสามก้าวเมื่อประตูนั้นเปิดออก ฆาเบียร์เดินถือผ้าเช็ดตัวออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย เขาเปียกปอนไปทั้งตัว เขาเปิดน้ำราดรดตัวเองทั้งๆ ที่ยังใส่เสื้อผ้าอยู่ เขาเดินเบียดไหล่เจไปยังตู้เสื้อผ้าแล้วปลดเปลื้องเสื้อผ้าเก่าที่เปียกโชกออก เจเดินเข้าไปหาอย่างหวาดๆ

"ฆาเบียร์ ผม..."

สายตาคมปลาบที่ตวัดมาทำให้เจกลืนคำพูดลงไป ดวงตานั้นแดงก่ำ ยิ่งเห็นเจก็ยิ่งปวดใจจนเขาแทบจะร้องไห้อยู่แล้ว ฆาเบียร์เช็ดตัว ใส่กางเกงแล้วหันกายมาหาเจ

"นายต้องการอะไร?"

เสียงนั้นเต็มไปด้วยความหมางเมิน

"ผม...ผมอยากบอกว่าผมเสียใจ"

เสียงเจแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน

"เฮอะ"

"นายจะต้องมาเสียใจทำไม เราไม่ได้เป็นอะไรกัน นายไม่จำเป็นต้องมาขอโทษ"

ฆาเบียร์ทำเป็นเมินเฉย เขายังไม่อยากคุยอะไรในตอนนี้

"ฉันซะอีกที่ต้องขอบใจนายที่ทำให้ฉันได้เห็นอะไรๆ"

เขายิ้มหยัน คนอย่างเขาคงไม่เหมาะกับความสัมพันธ์จริงจัง


ใบหน้าเล็กๆ นั้นซีดเผือด เจก้าวพรวดเข้ามาชิดตัวเขาแล้วกอดไว้แน่น

"ผมขอโทษ ขอโทษ"

เสียงสั่นเครือนั้นพร่ำกล่าวคำขอโทษ ฆาเบียร์ยิ้มเย็น ดันร่างเล็กนั้นออก

"ขอโทษเหรอ ถ้านายอยากขอโทษนัก ก็ได้"

เขากระชากข้อมือบางนั้นลากแล้วเหวี่ยงร่างนั้นลงบนเตียงนุ่ม ร่างกำยำของเขาตามลงไปคร่อมทับร่างเล็กนั้นพร้อมบดจูบอย่างรุนแรงลงไปบนริมฝีปากที่ปิดแน่นนั้น ร่างนั้นสั่นระริก ไม่...เขายังไม่สาแก่ใจ เขาถอนริมฝีปากออก แล้วกระชากคนตัวเล็กกว่าที่สู้แรงเขาไม่ให้ให้ลุกขึ้น เขาขยับขึ้นนั่งพิงหัวเตียง คลายเชือกรัดกางเกงออกและปลดปล่อยแท่งลำที่เริ่มพองตัวน้อยๆ ออกมา


"Suck it!" เขาสั่ง

"อยากไถ่โทษใช่ไหม? เมื่อกี้ตอนฟังเสียงนายกับเด็กนั่นในห้องน้ำ ฉันยังไม่เสร็จดี งั้นนายช่วยส่งฉันไปสวรรค์เหมือนที่ส่งอีเด็กนั่นไปหน่อยสิ"

เจหน้าแดงก่ำ ค่อยๆ ก้มลงใช้ปากให้กับฆาเบียร์ แต่เหมือนจะไม่ทันใจ ฆาเบียร์ขยุ้มผมเจ กดหัวเขาลงพร้อมเสือกแก่นกายเข้าลึก เจตาเหลือก สำลักความใหญ่โตของแท่งลำที่แม้จะยังไม่ขยายตัวเต็มที่ สภาพร่างกายที่ไม่พร้อมยิ่งทำให้ฆาเบียร์หงุดหงิด เขากระชากตัวเจนยุทธออก ดันให้นอนลงและทาบทับร่างกายใหญ่หนาลงไป มือใหญ่แข็งแรงของเขารวบข้อมือเจขึ้นตรึงเหนือหัว เขากระชากเสื้อผ้าและกางเกงของเจออก เจสั่นสะท้านไปทั้งตัว ฆาเบียร์ในคืนนี้น่ากลัวเหลือเกิน เขาทำใจแล้วว่าคืนนี้เขาคงไม่อาจรอดพ้นหนุ่มร่างใหญ่คนนี้ไปได้ แต่ในตอนนี้เขายอมแล้ว ยอมทุกอย่าง...


"ผมขอโทษ...ขอโทษ"

เขาพร่ำกล่าวคำนั้น หวังว่ามันจะเข้าถึงใจของร่างที่กำลังคร่อมกายเขาอยู่ ฆาเบียร์พยายามยัดแก่นกายที่ไม่แข็งตัวของเขาเข้าช่องทางคับแคบของเจนยุทธแต่ก็ไม่สำเร็จ เขายิ่งขัดใจและฟอนเฟ้นร่างกายที่สั่นเทานั้นจนมีแต่รอยช้ำ รอยกัดและรอยจูบ เขาเงยหน้ามองใบหน้าน้อยๆ นั้นที่บิดเบี้ยวเหยเกและเปรอะไปด้วยน้ำตา ปากรูปกระจับนั้นเม้มแน่น มันคงเจ็บแต่ไม่มีเสียงบ่นใดออกมา ใจเขาอ่อนยวบลง...โดยปกติแล้วเขาไม่ชอบและไม่เคยใช้กำลังกับใคร แต่การกระทำของเจในวันนี้ทำให้สติเขาขาดผึง เขาปล่อยมือคู่นั้นให้เป็นอิสระ ร่างนั้นผวาขึ้นกอดเขา


"ฆาเบียร์ ได้โปรด ผมยอมแล้ว ยอมทุกอย่าง คุณจะทำอะไรก็ได้ ผมยอม..."

เสียงสั่นเครือของเจกระซิบที่ข้างหูเขา

"เหอะ...แม้ฉันจะยัดเยียดสิ่งนั้นของฉันเข้าในตัวนายอย่างนั้นเหรอ?"

เสียงที่ออกมาจากปากฆาเบียร์สั่นเครือไม่แพ้กัน เจพยักหน้าระรัว...เขายอมหมดทั้งกายทั้งใจ ขออย่างเดียว...

"ใช่ ทุกอย่าง...ขออย่างเดียว..."

"ขอแค่คุณหยุดร้องไห้เป็นพอ"

เจจูบซับน้ำตาที่ไหลออกมาโดยที่คนๆ นั้นไม่รู้ตัว น้ำตาที่ไหลไม่หยุดนับแต่เขาเหวี่ยงเจขึ้นเตียงไป ฆาเบียร์เหมือนพังทลายลง น้ำตาเขาพรั่งพรูออกมาอย่างสุดกลั้น เจกอดกระชับคนตัวโตที่สะอื้นไห้จนสะท้านไปทั้งกายไว้แน่น เขาเพียรจูบไปทั่วทั้งหน้าคมสันสมชายนั้น เขาเลียไล้ซับน้ำตาทุกหยาดที่หยดลง

"ความเสียใจ น้ำตาทั้งหมดของฆาเบียร์ ผมขอรับเอาไว้เอง"

เขาใช้นิ้วปาดน้ำตาหยดสุดท้ายจากตาคู่งามที่แดงก่ำนั้น เขาจูบที่หางตา โหนกแก้มที่เด่นชัด และจบลงที่ริมฝีปากบางที่เผยอรับจูบของเขา จุมพิตของเจนยุทธนั้นอ่อนหวาน เขาดูดดึงริมฝีปากของฆาเบียร์เบาๆ ไม่ได้เร่งเร้าด้วยปลายลิ้นร้อนๆ อย่างที่เคย ร่างที่ไหวสะท้านของฆาเบียร์ค่อยๆ สั่นเทาน้อยลง สุดท้ายท่อนแขนล่ำสันนั้นก็ยกขึ้นโอบหลังเขา เจถอนริมฝีปากและซบหน้าลงกับไหล่ของร่างกำยำนั้น ทั้งสองกอดกันแนบแน่น ความเงียบปกคลุมห้อง เหลือเพียงเสียงหัวใจของทั้งสอง


"เจ...ปล่อย"

ฆาเบียร์พูดเบาๆ

"ฉันไม่ทำอะไรแล้ว ปล่อยเถอะ"

อารมณ์ที่พลุ่งพล่านของเขาสงบลงแล้ว

"ผมไม่ได้กลัวว่าคุณจะทำอะไรผม ฆาเบียร์"

เจคลายวงแขนที่กอดรัดตัวร่างใหญ่กำยำนั้น เขายกมือขึ้นประคองใบหน้าคมเข้มนั้นและมองลึกเข้าไปในตาคมปลาบที่ฉายแววเศร้านั้น

"ผมแค่อยากจะไถ่โทษ"

ฆาเบียร์ถอนหายใจ

"นายไม่ได้ทำอะไรผิด เจ"

เขาพูดเบาๆ เมื่ออารมณ์เย็นแล้ว สติก็กลับมา

"ที่จริงแล้ว ฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะไปโกรธนายด้วยซ้ำ เมื่อคิดถึงว่าเราเองก็ไม่ได้เป็นอะไรกัน"

คำพูดเรียบๆ นั้นทำให้เจปวดอยู่ในอก

"...นี่ไม่ใช่การประชดประชันนะ ฉันลืมไปว่าเราเคยคุยกันแล้วเรื่องนี้ ว่าเราไม่มีสิทธิ์ห้ามอีกคนไปมีใครอื่นได้"

ฆาเบียร์ถอนหายใจอีกครั้ง

"ที่ผ่านๆ มา กับคู่นอนทุกคนของฉัน ฉันก็ทำแบบนี้..."

"แต่ฉันไม่เข้าใจเลย เจ ว่าทำไมกับนายฉันถึงทนไม่ได้..."

เขาฝังหน้าตัวเองไปกับอกแข็งแรงของเจ น้ำตาเจ้ากรรมพาลจะไหลออกมาอีกแล้ว

"ผมก็เหมือนกัน ฆาเบียร์ ผมไม่เคยแคร์ความรู้สึกผู้หญิงคนไหนในชีวิตเท่ากับที่ผมแคร์คุณในวันนี้"

เจพูดเสียงอ่อยๆ

"ผมว่าเรามาทำข้อตกลงกันใหม่ดีกว่า"

เจรวบมือใหญ่ทั้งสองนั้นขึ้นจูบ มองลึกเข้าไปในตาคมวาวนั้น

"ต่อไปนี้...เราสองคนห้ามมีคนอื่น ห้ามมองคนอื่น ถึงความสัมพันธ์ของเราจะยังคลุมเครือ แต่จนกว่าเราทั้งคู่จะแน่ใจในความรู้สึกของตัวเอง เราจะมีแค่กันและกัน"

ฆาเบียร์สะท้อนใจ

"นายแน่ใจแล้วเหรอ เจ? นายเองไม่ได้ชอบผู้ชายด้วยซ้ำ"

เสียงทุ้มแหบนั้นตะกุกตะกัก เขาเองก็แทบลืมไปแล้วว่าเจไม่เคยมีสัมพันธ์กับชายอื่นนอกจากเขา เจพยักหน้า

"ผมแน่ใจและผมพร้อมที่จะเดินทางสายนี้ไปกับคุณ"

เจตอกย้ำคำพูดของเขาด้วยจูบอันอ่อนหวานอีกครั้ง



"เจ็บไหม?"

เขาไล้นิ้วไปตามรอยจูบและรอยกัดบนตัวเจ

"ฉันขอโทษ..."

ฆาเบียร์นึกเสียใจที่ทำรุนแรงไปขนาดนั้น

"ไม่เจ็บเลยสักนิดเมื่อเทียบกับความเจ็บในอกตอนที่ผมเห็นน้ำตาคุณ"

เจถอนหายใจ เขาพูดความจริง

"และมันก็คงเทียบไม่ได้กับที่คุณเจ็บ..."



"รอยนี้ฉันไม่ได้ทำนี่?"

ฆาเบียร์นิ่วหน้าดูรอยเล็บสีแดงสด 3 รอยบนหน้าของเจ มันเริ่มช้ำนิดๆ แล้ว

"รอยนี้เป็นของแม่เสือสาวในห้องน้ำน่ะ"

เจหัวเราะเบาๆ

"พอผมได้ยินเสียงคุณ อะไรๆ ของผมก็หดหมดเลย หล่อนก็เลยข่วนควากเข้าให้"

ฆาเบียร์หัวเราะเมื่อนึกถึงว่าสาวน้อยคนนั้นคงอารมณ์ค้างขนาดหนัก

"นายก็ยังไม่ได้ปลดปล่อยเลยงั้นสิ?"


เจพยักหน้า ตาคมวาวของคนตัวโตข้างหน้าเขาส่อแววซุกซน เขาผลักเจลงกับเตียง ขึ้นคร่อมและซุกไซร้ร่างเพรียวอีกครั้ง แต่คราวนี้ด้วยความอ่อนโยน เขาจูบไซร้ซอกคอขาวเนียนนั้น นิ้วร้อนๆ ของเขาคลึงไล้ที่ตุ่มไตสีทับทิมก่อนจะเปลี่ยนเป็นใช้ปากดูดดุน เขาใช้ฟันขบเบาๆ เจครางขึ้นเบาๆ แต่ก่อนริมฝีปากนั้นจะไล้ลากลงสู่ส่วนสำคัญ เจก็ดึงตัวเขาขึ้นและพลิกกดร่างเขาไว้ภายใต้ร่างบางนั้นแทน

"ขอเจเป็นฝ่ายทำให้ได้ไหม?"

เสียงนั้นเว้าวอน

"...ของคุณใหญ่ ผมกลัว"

เสียงนั้นสั่น เขาทั้งขำและเอ็นดู

"ไหนเมื่อกี้บอกว่ายอมทุกอย่างไม่ใช่เหรอ? นี่ถ้าฉันทำตอนนั้นนายจะไหวเหรอ?"

ฆาเบียร์พูดปนหัวเราะ

"ตอนนั้นอะไรก็ยอมแล้วอ่ะ แต่ตอนนี้คุณก็หายโกรธแล้ว..."

"นะ...ผมขอ"

เสียงกระเส่ากระซิบที่ข้างหูเขา ฆาเบียร์จูบเบาๆ ที่ปากเจแทนคำอนุญาต ริมฝีปากน้อยๆ ของเจเริ่มซุกซน หลังจากคลึงเคล้าเวียนวนอยู่กับตุ่มไตสีน้ำตาลอ่อนของเขา เจก็ไล้เลียลงมาตามหน้าท้องที่แบนราบอันมีกล้ามเนื้อเป็นลอน ฆาเบียร์กายสะท้านเมื่อลิ้นเจฉกวูบลงที่สะดือ สัมผัสของเจเต็มไปด้วยความช่ำชอง เขากดจูบลงบนต้นขาด้านในแล้วค่อยๆ ไล่ขึ้นมาจนถึงส่วนสำคัญ ลิ้นและภายในปากที่แสนอบอุ่นของเจนยุทธยังคงเยี่ยมยอด ฆาเบียร์ครางกระหึ่มเมื่อมันส่งเขาไปสู่ฝั่งฝัน



เจผละจากร่างใหญ่กำยำที่นอนหอบหายใจถี่ด้วยความเสียวซ่าน คราวที่แล้วที่เขารุกล้ำช่องทางแคบนั้นเขาทำด้วยความรุนแรง หากคราวนี้เขาอยากจะมอบความรู้สึกที่ดีที่สุดให้กับคนที่ปกติเคยเป็นแต่ฝ่ายรุกเร้านี้

ฆาเบียร์สะดุ้งน้อยๆ เมื่อรู้สึกถึงความสั่นสะเทือนที่ช่องทางด้านหลัง...เขาก้มดู...ไอ้ตัวดีกำลังใช้ไวเบรเตอร์อันน้อยขนาดเท่านิ้วนวดเฟ้นบริเวณปากทางสีชมพูนั้น เขานึกขำ เจคงชินกับการใช้มันปลุกอารมณ์ผู้หญิง หากไม่นานเขาก็ครางออกมาเบาๆ แรงสะเทือนนั้นทำให้รู้สึกดีจริงๆ จากนั้นเขารู้สึกถึงความเปียกชื้นเมื่อลิ้นเรียวเล็กของเจเลียไล้

"เจ...ไม่ต้องก็ได้"

เขาห้าม ตัวเขาเองยังไม่ค่อยทำแบบนั้นกับใคร หากเจไม่หยุด ปลายลิ้นนั้นซอกซอนเข้าลึกถึงข้างในช่องทางของเขา เขาสูดปากเบาๆ ด้วยความเสียว เจถอนลิ้นออก ต่อด้วยไวเบรเตอร์น้อยที่ผ่านการชะโลมเจลลื่น แรงสะเทือนนั้นทำให้แท่งร้อนของเขาแข็งขืนขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง เขาใช้มือตัวเองรูดไล้มันเบาๆ ด้วยความเสียวกระสัน เจเปลี่ยนจากไวเบรเตอร์เป็นนิ้วเรียวยาวของตน จากหนึ่งนิ้ว เปลี่ยนเป็นสอง และสาม เขานวดเฟ้นควานคลึงจนแน่ใจแล้วว่าช่องทางแคบเล็กของฆาเบียร์พร้อมรับแกนกายขนาดไม่เล็กของเขา เจใส่ถุงยางและชะโลมแก่นกายของเขาและปากทางร้อนๆ นั้นด้วยเจล เขาบดจูบปากของฆาเบียร์ พร้อมส่งลิ้นเข้าไปรัดรึงกับลิ้นของฆาเบียร์ตอนที่เขาเริ่มชำแรกเข้าสู่ช่องทางคับแน่นนั้น โอ...ความรู้สึกจากร่องรูของหญิงสาวเมื่อหัวค่ำเทียบไม่ได้กับที่เขากำลังรู้สึกในตอนนี้ เขาขบกรามแน่น หยุดนิ่งอยู่พักนึงก่อนที่จะเริ่มขยับป้อนความเสียวให้กับฆาเบียร์

"ตรงนี้เหรอ?"

เจถามเสียงกระเส่าเมื่อร่างที่อยู่ข้างใต้เขาผวาเฮือกขึ้นมากอดแน่นตอนที่แท่งร้อนของเขาโดนจุดกระสัน เขากระแทกเน้นย้ำอยู่ตรงจุดนั้นแล้วก็หยุด พร้อมขอให้ฆาเบียร์พลิกร่างลงนอนคว่ำซบหน้าบนหมอน ยกสะโพกเด่นขึ้นมา เขาเข้าประกบทางด้านหลังและเริ่มบรรเลงเพลงรักใหม่ มือของเขาโลมรูดแก่นกายใหญ่โตของฆาเบียร์ที่แข็งเกร็งแทบจะระเบิด เขาซอยสั้น สลับยาวด้วยความเจนจัด ร่างใหญ่กำยำไหวสะท้านตามแรงกระแทก เสียงครางละเมอดังออกมาเป็นระยะจากทั้งสอง เมื่ออารมณ์พุ่งขึ้นจนถึงขีดสุด ฆาเบียร์ยกกายขึ้น เหลียวหน้ามาจูบเจอย่างรุนแรงก่อนที่ร่างจะกระตุกแรงพร้อมกับปลดปล่อยออกมาจนเต็มมือเจ เจนยุทธเองก็เกือบถึงฝั่งฝันแล้ว เขาบดจูบหนักๆ ไปที่ปากฆาเบียร์และกระแทกหนักๆ อีกไม่กี่ทีก่อนที่จะปลดปล่อยออกมาเต็มถุงยาง



เจหายใจหอบเหนื่อย นี่เป็นการร่วมรักที่ยอดเยี่ยมที่สุดในชีวิต เขาบรรจงจูบไล้ไปตามต้นคอชุ่มเหงื่อของคนที่ฟุบหน้าลงไปกับหมอนอย่างหมดแรง เขาถอดถุงยางออกมัดปลายแล้วทิ้งไว้ข้างเตียงแล้วหันไปตะคองกอดคนที่สร้างความเสียวสุดยอดให้เขา

"เป็นไงบ้าง เจ็บไหมครับ?"

เจกระซิบเบาๆ ริมฝีปากเขาคลึงจูบที่หลังหูและลำคอของฆาบี้ที่หน้าแดงก่ำ เขาส่ายหน้าแทนคำตอบ เจนยุทธช่างเก่งเหลือเกิน ความเสียวซ่านที่เขาเคยติดใจจากครั้งแรกเทียบไม่ได้เลยกับครั้งนี้ คราวนี้เจเริ่มต้นทำรักกับเขาด้วยความอ่อนหวานและใส่ใจในการเตรียมช่องทางของเขาให้พร้อมก่อนที่จะพาเขาล่องลอยสู่สวรรค์ เขาพลิกกายหันไปนอนเผชิญหน้ากับไอ้ตัวดีที่ทำให้เขาทั้งเจ็บและสุขในคืนเดียว หน้าใสๆ นั้นยิ้มกริ่มจนน่าหมั่นไส้ เขายกมือไปดึงแก้มทั้งสองนั้นอย่างมันเขี้ยว

"ติดใจเจน้อยหรือยังจ๊ะ เมียจ๋า?"

มันชักได้ใจใหญ่แล้ว เขาโอบเอวมันแล้วดึงร่างเล็กนั้นมาแนบตัว มือใหญ่เขาเกาะกุมก้นแน่นๆ นั้น นิ้วมือเขาซุกซน มันสะดุ้งเฮือกรีบยกมือไปปิดรูร่องด้านหลัง ฆาเบียร์ซ่อนยิ้มแล้วทำเสียงเข้ม

"นายเสร็จแล้วนี่ ต่อไปก็ตาฉันบ้าง"

ไอ้ตัวแสบหน้าซีด เขายังไม่พร้อมจะเสียอธิปไตยในคืนนี้ ฆาเบียร์หัวเราะเบาๆ แล้วจูบไปที่แก้มของชายคนแรกของเขา

"ล้อเล่นหรอกน่า...คืนนี้พอแค่นี้แล้ว"

เจถอนหายใจอย่างโล่งอก

"...แต่คืนอื่นน่ะ...ไม่แน่"

ฆาเบียร์กระซิบเบาๆ ข้างหูเจ พร้อมหัวเราะกระหึ่ม ก่อนที่จะกอดกระชับร่างบางนั้นและหลับไหลไปด้วยกันอย่างแสนสุข



------------------------------------------------------


โอย เหนื่อยใจ ฆาเบียร์ของเราโดนเด็กกินอีกแล้ว พ่อคุณเอ๊ย จะโงหัวขึ้นไหมเนี่ย? ดราม่าช่วงนี้จบแล้วนะคะ ต่อไปก็เลิฟๆ กินๆ เที่ยวๆ กันต่อ

***** ป.ล. ความรุนแรงไม่ว่าจะเพราะเหตุใดก็ตามไม่ใช่เรื่องดีนะคะ *** **



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-03-2018 15:14:18 โดย La Vida Sin Tu Amor »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: @@@The Taste of Love...อิ่มรักรสโอชา - Tears [1/8/60]
«ตอบ #23 เมื่อ01-08-2017 07:59:34 »

จบดราม่าได้เร็วดี

ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1
Re: @@@The Taste of Love...อิ่มรักรสโอชา - Tears [1/8/60]
«ตอบ #24 เมื่อ01-08-2017 08:04:58 »

จบดราม่าได้เร็วดี

แหะๆ ไม่ค่อยอยากลากดราม่ายาวค่ะ เดี๋ยวมันจะยาวไปทั้งเรื่องเหมือนเรื่องก่อน เรื่องนี้เน้นใสๆ ดีกว่า

ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1
@@@The Taste of Love...อิ่มรักรสโอชา - แม่ [2/8/60]
«ตอบ #25 เมื่อ02-08-2017 07:53:11 »




---- แม่ ----​



ฆาเบียร์สะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะความหนาว เขาพลิกร่างขึ้นหวังซุกหาความอบอุ่นจากร่างที่นอนเคียงข้างเมื่อคืน แต่ที่ตรงนั้นว่างเปล่า เขาลุกพรวดขึ้นนั่ง แต่ก็ต้องนิ่วหน้าเมื่อช่องทางด้านหลังเสียวแปลบขึ้นมา เจนุ่มนวลกับเขาก็จริง แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เจ็บเลย...เขาก้มดู เอาวะ อย่างน้อยก็เลือดไม่ออก ว่าแต่เจไปไหนกัน เขาควรจะนอนกอดเขาตอนตื่นและมอบจูบรับอรุณให้เหมือนอย่างทุกเช้า

"ได้กันแล้วก็เปลี่ยนไปเลยนะ..."

เขารำพึงอย่างน้อยใจ


ฆาเบียร์ถอนหายใจ ปัดๆ ความคิดบ้าๆ นั่นออกไปจากหัว เขาไม่ควรหวังอะไรมาก ตัวเขาเองที่ไม่เคยกระทั่งนอนร่วมเตียงเดียวกับคู่นอนจนถึงเช้าจะไปหวังอะไรกับคนอื่นได้ อีกอย่างเขาก็ไม่ใช่สาวน้อยวัยใสที่จะมาหวังหาความโรแมนติกอะไรอีก


"อ้าว ตื่นแล้วเหรอ?"

เจชะโงกหัวเข้ามาในห้องเมื่อได้ยินเสียงกุกกัก หน้าน้อยๆ นั้นมันแผล่บและชุ่มเหงื่อ เขารีบเข้ามาประคองคนตัวโตให้ลุกขึ้นแล้วส่งกางเกงนอนที่ไม่ค่อยได้ใส่นอนจริงๆ ให้

"นายหายไปไหนมา?"

"อ้าว ผมก็ปลุกคุณมาบอกแล้วนะ ว่าผมจะไปทำอะไรให้กิน"

เออ...นั่นสิ ฆาเบียร์เพิ่งนึกได้ว่าเมื่อเช้าเจปลุกเขาขึ้นมาจูบแล้วพูดอะไรสักอย่าง แต่เขาง่วงมากเลยไม่ได้ฟัง เจจูงมือฆาเบียร์ไปนั่งที่โต๊ะกินข้าว

"ผมไม่รู้คุณจะกินอะไรก็เลยทำไว้หลายๆ อย่าง"

บนโต๊ะนั้นมีทั้งข้าวต้มไก่ ไข่ดาวกับไส้กรอก และมูสลี่ราดโยเกิร์ตกับผลไม้รวมที่หั่นเป็นชิ้นไว้ เขาเลือกอย่างหลัง วันนี้เขาอยากกินอะไรเบาๆ มากกว่า

"แล้วก็...นี่"

เจยิ้มเขินๆ พร้อมยื่นกุหลาบสีชมพูมัดใหญ่มาให้เขา...ฆาเบียร์หน้าร้อนผ่าว ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนสาวใสวัยสิบหกที่ใจเต้นกับความโรแมนติกแล้ว เขารับกุหลาบมาแล้วดึงคอคนที่ยืนเขินบิดไปมาเหมือนหนุ่มเพิ่งหัดรักคนนั้นมาจุมพิตเนิ่นนาน


ทั้งคู่นั่งลงกินข้าวกันอย่างมีความสุขเมื่อโทรศัพท์ของเจดังขึ้น

"ไงเจ๊ อือ...สบายดี กินข้าวเช้าอยู่อ่ะ"

เจทำหน้าแป้นแล้นคุยกับอิ่ม พี่สาวสุดที่รัก

"อือ ห๊ะ? ยังไงนะ?"

เจขมวดคิ้ว

"เย็นนี้เหรอ? ได้ ว่าง...แต่ ต้องไปจริงๆ เหรออ่ะ?"

แม้จะฟังไม่ออก แต่ฆาเบียร์สัมผัสได้ถึงความกังวลในเสียงนั้น

"อือ...โอเค งั้นเจอกัน"

เจถอนหายใจยาว

"มีอะไรหรือเปล่า ท่าทางนายดูกังวล"

ฆาเบียร์ถาม มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้นหรือเปล่านะ?

"ไม่มีอะไรหรอก ฆาบี้ พี่สาวผมโทรมา...แม่เรียกให้ไปกินข้าวเย็นด้วยเย็นนี้ เค้าบอกว่าไม่ได้เจอกันนานแล้ว"

ฆาเบียร์พยักหน้าอย่างเข้าใจ

"งั้นเจไปเถอะ ไม่ต้องห่วงฉัน ฉันอยู่คนเดียวได้ ไม่งั้นเดี๋ยวเรียกนพมาอยู่ด้วยก็ได้"

เจระบายลมหายใจออกปากเฮือก​ และพูดสิ่งที่ทำให้เขากังวลออกมา

"แม่ผมเขาบอกให้พาคุณไปด้วยน่ะสิ"

ทีนี้ฆาเบียร์ก็กังวลขึ้นมาด้วยอีกคนแล้วสิ



เจนั่งยิ้มบนเตียงมองคนที่เดินงุ่นง่านหยิบเสื้อผ้าเข้าๆ ออกๆ ตู้

"โว้ย ชุดเป็นทางการก็ดันส่งกลับไปหมดแล้ว เหลือแต่ชุดลำลอง เอาไงดี"

คนตัวสูงรื้อเสื้อผ้ามากองสุมเต็มบนเตียง

"นี่ จะใส่อะไรก็ใส่ไปเถอะ แค่ไปบ้านผมเอง ไม่ได้พิเศษอะไร"

เจกลั้นหัวเราะ จะจริงจังอะไรขนาดนั้นคุณฆาเบียร์ ฆาเบียร์ทำหูทวนลมคุ้ยเสื้อผ้าต่อไป เขาลองเสื้อเบลเซอร์ลำลองและกางเกงผ้าสีขาวเข้าชุดกันกับเสื้อเชิร์ตสีครีมออกทอง รองเท้าหนังสีน้ำตาล เจส่ายหัว...

"คุณรู้ใช่ไหมว่าบ้านพี่ผมเป็นบ้านสวน ติดแอร์เฉพาะที่ห้องนอนนะ...อาจจะต้องเดินผ่านทางดินเลอะๆ ด้วยนะ"


เจนยุทธขู่ ฆาเบียร์ถอนหายใจ ไม่เอาเสื้อเชิร์ตกับกางเกงผ้าก็ได้ แต่เขายังอยากใส่เสื้อนอกอยู่ดี เจนั่งขำคนที่เล่นแต่งตัวอยู่ตรงหน้า ฆาเบียร์ส่งสายตามีเลศนัย เขาค่อยๆ ถอดเสื้อนอกออกช้าๆ โยกตัวตามจังหวะเพลงในหัว เมื่อปลดเปลื้องเสื้อนอกออก เขาค่อยๆ แกะกระดุมเสื้อเชิร์ตทีละเม็ด เจมองตามเรียวนิ้วที่ลากผ่านอกแน่นนั่น...ยั่วจริงเมียกู

เขาขยับมานั่งห้อยขาที่ปลายเตียง ฆาเบียร์เดินมาใกล้จนหน้าเขาแทบจะสัมผัสกล้ามเนื้อท้องอันแข็งแรงนั้น เสื้อเชิร์ตถูกถอดโยนทิ้งไปอย่างไม่ใยดี เจฝังหน้าลงไปกับหน้าท้องแบนราบนั่น มือทั้งสองฟอนเฟ้นก้นหนั่นแน่นเต็มไปด้วยมัดกล้าม เขาจูบไปตามแนวไรขนลงไปที่ขอบกางเกงก่อนจะใช้ฟันแกะกระดุมกางเกงนั้น เขาจูบดูดดุนแท่งร้อนที่พองตัวดันกางเกงออกมาชัด ฆาเบียร์สูดปากแล้วรูดซิปลงปลดปล่อยสิ่งที่อยู่ด้านในออก ทั้งคู่ล้มลงไปบนเตียง ปัดเสื้อผ้าที่กองบนเตียงออก บทรักดำเนินต่อไปหากแต่เป็นการปรนเปรอกันแค่ภายนอกเท่านั้น แต่แค่นี้ก็เพียงพอสำหรับเติมเต็มความต้องการของทั้งสอง


"โอย ทำอะไรไม่ทันแล้ว"

ฆาบี้บ่น เขาจบลงที่เสื้อยืดคอวีสีขาว กางเกงยีนส์ขากระบอกสีเทาดำเอวต่ำ เสื้อเบลเซอร์ดำและรองเท้าหนัง ใบหน้าเขาเกลี้ยงเกลา เซ็ตผมเรียบแปล้ เขาหยิบแว่นสายตามาใส่ด้วย

"ก็คุณอยากยั่วผมทำไม ช้าเลย"

ฆาเบียร์หน้าแดงเมื่อนึกถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น

"แล้วคุณจะใส่แว่นทำไม? ปกติก็โอเคอยู่แล้ว"

เจบ่น แต่ก็ไม่ใช่ไม่ชอบนะ

"ฉันอยากดูภูมิฐานน่าเชื่อถือต่อหน้าแม่นาย"

อืมม์ จะทำอะไรก็ทำเถอะ

"เออ ผมลืมบอกไป...แม่บอกว่าอยากให้ค้างด้วยคืนนึง เตรียมเสื้อผ้าไปอีกชุดด้วยล่ะ"

ฆาเบียร์ถอนหายใจลั่น นี่เขาต้องหาชุดเพิ่มอีกชุดแล้ว แล้วการค้นกองเสื้อผ้าก็ดำเนินต่อไป


เจขับรถออกไปยังอำเภอแม่แตงอันเป็นที่ตั้งสวนผักของพี่ชายเขา หลังจากพ่อของพวกเขาเสียเมื่อ 5 ปีที่แล้ว แม่ก็ขายบ้านในเมืองและย้ายไปอยู่กับครอบครัวของพี่ชาย ส่วนเขาและพี่สาวต่างก็มีคอนโดเป็นของตัวเองคนละห้อง แม้จะแยกกันอยู่ พวกเขาก็ติดต่อกันเป็นประจำทางโทรศัพท์และโซเชี่ยลมีเดีย

ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง พวกเขาก็มาถึงบ้านสวนซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 20 ไร่ ส่วนหนึ่งเป็นที่ของบ้านพี่สะใภ้ของเขาและที่เหลือพี่ชายเขาซื้อด้วยเงินที่พ่อแม่ให้มาตอนถูกล็อตเตอรี่ เขาปลูกผักอินทรีย์บนพื้นที่ส่วนใหญ่ ที่เหลือทำสวนผสมโดยมีบ่อปลา เลี้ยงไก่ และปลูกผลไม้หลายอย่าง นอกเหนือจากส่งผักของตัวเองแล้วพี่ชายเขายังรับซื้อผักที่เขาไม่มีจากสวนข้างๆ และนำส่งขายตามโรงแรมและซุเปอร์มาร์เก็ตอีกด้วย กิจการของเขาไปได้ด้วยดี

เจขับรถเข้ามาตามทางดินลูกรังจนถึงตัวบ้านที่เป็นบ้านปีกไม้แบบล็อกเคบิน พี่ชายเขาชอบอ่านนิยายชุดบ้านเล็กในป่าใหญ่ของลอร่า อิงกัลล์ ไวด์เดอร์ และใฝ่ฝันอยากมีบ้านไม้แบบในหนังสือ เมื่อทำได้ เขาจึงสร้างบ้านปีกไม้หลังใหญ่นี้ขึ้น บ้านนี้มีสามส่วน ส่วนบ้านหลักซึ่งเป็นที่อยู่ของครอบครัวเขาและแม่ และมีเรือนหลังน้อยชั้นเดียวอีกสองหลังขนาบข้างเพื่อให้น้องชายและน้องสาวอยู่เวลามาเยี่ยม ทั้งสามหลังเชื่อมต่อกันด้วยลานกรุหินขนาดใหญ่ที่ส่วนหนึ่งมีหลังคาคลุมเพื่อเป็นส่วนรับแขกและกินข้าว


"ว้าว เหมือนสกีรีสอร์ทแถบแอสเพ็นเลยนะ"

ฆาเบียร์พูดถึงแหล่งสกีชื่อดังแถบโคโลราโด้ เจจอดรถที่โรงรถใหญ่ใกล้บ้าน และพาฆาเบียร์เดินเข้าในตัวอาคาร

"อ้าว มาถึงกันแล้วเหรอ?"

เสียงหวานๆ ของพี่อิ่ม พี่สาวสุดเลิฟของเจซึ่งนั่งดูทีวีอยู่ดังขึ้นต้อนรับพวกเขา เจกระโดดกอดพี่สาวซึ่งเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่

"คิดถึงเจ๊จังเลย"

ไอ้ตัวเล็กอ้อนตามประสาน้องน้อย เขาอายุห่างกับพี่สาวถึง 10 ปี และ 12 ปีจากพี่ชายคนโต

"คิดถึงก็หัดนัดเจอกันมั่ง ไม่ใช่หายหัวไปเลย ยิ่งช่วงนี้นะ โทรศัพท์ก็ยังไม่โทรมาเลย"

พี่สาวของเขาบ่น หากสายตาของอิ่มกวาดสำรวจร่างใหญ่ล่ำสันที่เคียงข้างน้องชายตัวดีของเขา



"เอ่อ...พี่อิ่ม นี่ฆาเบียร์...ฆาเบียร์ นี่พี่อิ่ม พี่สาวของผมเอง"

เจเปลี่ยนเป็นใช้ภาษาอังกฤษ ทั้งสองกล่าวทักทายกัน อิ่มผ่านการศึกษาต่อระดับปริิญญาโทที่ประเทศอังกฤษจึงไม่มีปัญหาในการสื่อสาร

"คุณนายฟองนวลอ่ะ?"

เจถามถึงแม่ อิ่มบอกว่าเดี๋ยวไปตามให้ ให้พวกเขาไปนั่งรอที่โต๊ะกินข้าวได้เลย


"ว่าใด ลูก มาถึงเมินแล้วกา?"

(ว่าไง ลูก มาถึงนานแล้วเหรอ?)


ฟองนวลทักลูกด้วยคำเมือง

เจรีบลุกขึ้นไปกอดแม่ของเขา ฆาเบียร์ผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็วจนเก้าอี้แทบล้ม เขายกขึ้นไหว้อย่างเก้ๆ กังๆ พร้อมกล่าวคำสวัสดีเป็นภาษาไทยแปร่งๆ และแนะนำตัวต่อเป็นภาษาอังกฤษแบบช้าๆ

"ผมชื่อฆาเบียร์ครับ เป็น เอ่อ..."

เขาชะงักไปนิดนึงเมื่อเห็นสายตาคมปลาบจากไอ้คนตัวเล็ก

"...เป็นเพื่อนของเจครับ เรารู้จักกันผ่านนพ"

คนตัวเล็กมีสีหน้าโล่งอก ฟองนวลยิ้มละไมแล้วตอบกลับมาเป็นภาษาอังกฤษค่อนข้างชัด

"สวัสดีจ้ะ ฉันชื่อฟองนวล ยินดีต้อนรับสู่บ้านเล็กๆ ของเรา ทำตัวตามสบายนะ"

ฟองนวลนั่งลงที่ตรงหัวโต๊ะ โดยมีเจและฆาเบียร์นั่งทางซ้ายมือ อิ่มนั่งทางขวา


"อาหารยังไม่เสร็จ เราคุยกันไปพลางๆ ก่อนนะ"

ฟองนวลเรียกเด็กคนงานให้ยกกระบองฟักทองที่เพิ่งทอดเสร็จใหม่ๆ ออกมา เจรีบหยิบของโปรดของเขาแต่ก็โดนแม่ตีมือเพียะ

"ให้แขกกินก่อน"

ฆาเบียร์อมยิ้ม ไอ้ตัวเล็กมันบ่นอุบอิบก่อนจะส่งจานให้เขา เขาหยิบมาชิมชิ้นหนึ่ง ฟักทองที่คลุกเคล้ากับเครื่องแกงเผ็ดก่อนจะนำไปชุบแป้งทอดนั้นอร่อยนัก เจนยุทธหยิบรวดเดียวสองชิ้นส่งเข้าปากแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ พลางอธิบายว่านี่เป็นของกินเล่นแบบทางเหนือ อาจใช้พืชผักอื่นเช่นข้าวโพดหวานหรือหัวปลี หรือเนื้อสัตว์อย่างกุ้งฝอย ปลาน้อยแทนฟักทองก็ได้


(กระบองฟังทอง)
https://www.picz.in.th/images/2017/09/04/pumpkin.jpg


"คุณรู้จักเจมานานแค่ไหนแล้วจ๊ะ?"

มือที่เอื้อมหยิบกระบองของเจชะงักค้าง...ฆาเบียร์อ้ำอึ้ง

"เอ่อ...สองสัปดาห์กว่าครับ แต่ผมเป็นเพื่อนกับนพมาสิบกว่าปีแล้ว"

เขาไม่ได้โกหกนะ แต่แค่ไม่ได้บอกว่าเขาเพิ่งกลับมาคุยกับนพได้สองปีกว่าเอง

"เอ่อ ใช่ๆ เจเคยได้ยินพี่นพพูดถึงฆาเบียร์เขาบ่อยๆ นะ"

แต่พูดถึงเรื่องไหนนี่ เขาไม่ยอมบอกแม่แน่ๆ

"เหรอ...อืมม์ พอดีว่ามีพวกป้าๆ ที่กาดหลวงเค้าโทรมาเล่าให้แม่ฟังน่ะ..."

ทั้งสองโดยเฉพาะเจเริ่มหน้าซีด

"ว่าเจของแม่น่ะ มีแฟนแล้วเป็นหนุ่มฝรั่ง"

ฟองนวลทำหน้าจริงจัง เธอเลี่ยงใช้คำว่าแฟนแทนอีกคำที่พวกขาเม้าเขาใช้กัน

"แม่ก็...แม่ก็รู้ว่าพวกป้าๆ ขาเม้าในกาดน่ะแต่งเรื่องเก่งกันขนาดไหน"

เจรีบระล่ำระลักปฏิเสธ โอยยย เขานึกแล้วว่าเรื่องต้องถึงหูแม่สักวัน เขาส่งสายตาขุ่นๆ ไปให้ไอ้คนก่อเรื่องที่นั่งหน้าซีดอยู่ข้างๆ ฆาเบียร์ใจสั่นไปหมด เขาไม่นึกว่าเรื่องมันจะมาถึงหูแม่ของเจได้


"อืมม์ ถ้าเจว่าอย่างนั้นแม่ก็เชื่อ...แต่ว่า..."

"...วันนั้นอิ่มเอาคลิปจากบล็อกของ เอ่อ บล็อกของคุณใช่ไหมคะ?"

ฟองนวลหันไปถามฆาเบียร์

"...เอามาเปิดให้แม่ดู แม่ก็ว่ามันดูแปลกๆ นะลูก"

ณ ตอนนี้เจนยุทธอยากเอาหัวมุดลงทรายเลียนแบบนกกระจอกเทศแล้ว

"คุณแม่ครับ ผม...เอ่อ ผมขอโทษที่โพสต์รูปเจไปแบบนั้น"

ฆาเบียร์พูดเสียงอ่อยๆ เขานิ่งไปแล้วสูดลมหายใจเรียกความกล้า

"แต่ผมไม่เสียใจที่ทำ ผมอยากให้คนอื่นรู้ว่าเจนั้นพิเศษแค่ไหน"

เจมองหน้าฆาเบียร์เหมือนเห็นยูเอฟโอ ฟองนวลยิ้มละไม

"ผมรู้จักลูกคุณแม่แค่สองสัปดาห์ แต่ผมกับเขาเข้ากันได้ดีมากและผมก็ชอบเขามากแบบที่ไม่เคยรู้สึกกับคนอื่นมานานมากแล้ว"

"แล้วเราล่ะ เจ คิดยังไง?"

เจ้าตัวเล็กก้มหน้างุดไม่ยอมตอบ

"เจ..."

ฟองนวลเชยคางลูกชายคนเล็กขึ้น...

"มองหน้าแม่นี่ วันนี้แม่เรียกเรามาเพื่อจะบอกว่าแม่ไม่สนใจคำนินทาหรือคำครหาจากใครๆ แม่ไม่สนใจว่าคนที่ลูกคบหาจะเป็นชายหรือหญิง แม่ขอแค่ว่าให้ลูกจริงใจกับตัวเอง..."


ฟองนวลกุมมือลูกชายตัวน้อยของเธอ ตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอได้ยินเรื่องราวความเสเพลของเจมาจากหลายๆ ทาง ถึงจะห่วงแค่ไหน แต่ลูกชายของเธอไม่ใช่เด็กที่เธอจะมาบังคับกะเกณฑ์อะไรได้ แต่สิ่งที่ห่วงที่สุดคือห่วงว่าสุดท้ายเจจะกลายเป็นคนที่รักใครไม่เป็นและจะหาใครรักไม่ได้ หากในช่วงสองสัปดาห์มานี้ เธอได้ยินเรื่องราวที่ต่างออกไป ได้เห็นภาพลูกชายของเธอทำท่าเอียงอายต่อหน้าคนอื่น รอยยิ้มของเจที่ฆาเบียร์ถ่ายทอดออกมาในรูปภาพของเขานั้นเป็นรอยยิ้มที่จริงใจเหมือนที่เขามีให้กับแม่และคนในครอบครัว มันทำให้ฟองนวลมีความหวัง


"เจก่อบ่ฮู้ว่าเจกึ้ดจะใด"

(เจก็ไม่รู้ว่าเจคิดยังไง)


เจเปลี่ยนมาพูดคำเมืองกับแม่

"มันยังโวยไปตี้จะบอกอะหยังได้ มันก้าหาสองติ้ดบ่ดาย"

(มันยังเร็วไปที่จะบอกอะไรได้ มันแค่สองสัปดาห์เอง)


"แล้วอยู่กับเปิ้นมันต่างกับอยู่กับคนอื่นก่อ?"

(แล้วอยู่กับเขาแล้วมันต่างกับอยู่กับคนอื่นไหม?)


เจพยักหน้า...ชำเลืองมองคนที่ทำหน้างงเพราะฟังไม่รู้เรื่อง เขาเปลี่ยนมาพูดภาษาที่คนๆ นั้นรู้เรื่องอีกครั้ง

"ต่าง...เจไม่เคยรู้สึกกับใครเหมือนกับที่รู้สึกกับฆาเบียร์มาก่อน ไม่ว่าจะกับเพื่อนสนิทอย่างพี่นพ ไอ้ซัน หรือไอ้ปรินซ์ที่คบหากันมานานจนเรียกว่าเป็นคนรู้ใจ แต่ก็ยังไม่มีใครทำให้เจรู้สึกแบบนี้ได้..."

เจเอื้อมมือไปจับมือใหญ่นั้น ฆาเบียร์หน้าแดงก่ำ เขาบีบมือเรียวนั้นตอบเบาๆ

"แต่ เจยังไม่อยากให้นิยามว่าเราเป็นอะไรกัน เพราะอย่างที่บอก นี่มันแค่สองสัปดาห์ เจอยากใช้เวลาเรียนรู้กันไปก่อน"

"ผมเห็นด้วยกับเจครับ ถึงตอนนี้ผมจะรู้สึกว่าเจพิเศษมากสำหรับผม แต่สองสัปดาห์ก็ยังเร็วไปที่จะตัดสินอะไร ถ้าคุณแม่ไม่ว่าอะไร ผมอยากจะลองใช้เวลากับเจไปเรื่อยๆ ก่อนเพื่อให้แน่ใจว่าที่เรารู้สึกต่อกันนั้นมันเป็นของจริง"

ฟองนวลพยักหน้า

"แม่ก็ไม่ว่าอะไรหรอก เจมันก็เป็นผู้ชาย มันก็ไม่ได้สึกหรออะไร"

ทั้งคู่หน้าแดง ฟองนวลพูดเหมือนรู้ว่าพวกเขา...

"แค่ขออย่างเดียวว่าขอให้ทั้งคู่จริงใจกับตัวเอง กับความรู้สึกของตัวเอง และจริงใจต่อกัน แม่ขอแค่นี้ ทำให้แม่ได้ไหม?"

ทั้งคู่พยักหน้า


"ถ้าเจซอบป้อจายแต๊ๆ แม่จะบ่เสียใจ๋แน่นา?"

(ถ้าเจชอบผู้ชายจริงๆ แม่จะไม่เสียใจแน่นะ?)


เจพูดเสียงอ่อยๆ เป็นคำเมืองอีกครั้ง

"เจจะบ่มีหลานหื้อแม่อุ้มเน่อ"

(เจจะไม่มีหลานให้แม่อุ้มนะ)


ฟองนวลหัวเราะ

"บ่เป๋นหยัง อ้ายจืดมันมีไอ่ลิงน่อยสองตั๋วนั่นแล้ว เจบ่ต้องห่วงเน่อ แม่ก้ายล่นโตยละอ่อนละ"

(ไม่เป็นไร พี่จืดเค้ามีลูกลิงสองตัวนั้นแล้ว เจไม่ต้องห่วง แม่เบื่อวิ่งตามเด็กแล้ว)


บทสนทนาของทั้งสามหยุดลงเมื่อเด็กคนงานเดินมาบอกว่าพร้อมตั้งสำรับแล้ว ฟองนวลขอตัวไปดูอาหารในครัว



(แถม)

เมื่อแรกเจอฆาเบียร์ อิ่มซึ่งเป็นสาววายเต็มตัวมาตลอดตั้งแต่ยุคคู่จิ้นชุน - เฮียวกะจากเซนต์เซย่าก็ใจเต้นรัวแอบกรี๊ดอยู่ในใจ

"โอ๊ย!!! ฆาเบียร์หุ่นแซ่บเว่อร์ ดูยังไงก็ท่านอาซามิชัดๆ"

อิ่มนึกไปถึงมาเฟียหนุ่มในการ์ตูนเรื่องดังที่สาววายทุกคนควรต้องเคยอ่าน ส่วนไอ้น้องน้อยของเธอนั้นก็คงไม่แคล้วเป็นอากิฮิโตะ

เมื่อดูท่าทางที่ทั้งคู่เดินเคียงกันไปยังโต๊ะกินข้าว และท่าทีในการพูดคุยกัน อิ่มมั่นใจว่าไอ้น้องรักของเธอติดบ่วงของพ่อหนุ่ม(ที่เธอทึกทักเรียกไปเองว่า)มาเฟียคนนี้แล้วแน่นอน

เมื่อแม่ถามถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองและได้ยินคำตอบของทั้งคู่ซึ่งถึงแม้จะยังคลุมเครือแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธสาววายแบบอิ่มก็ฟินระเบิด ยิ่งตอนที่ไอ้น้องชายยื่นมือไปเกาะกุมมือใหญ่หนานั่น อิ่มก็แทบละลายตายอยู่บนโต๊ะอาหารนั่น เธอก็ได้แต่หวังว่าทั้งคู่จะรีบๆ ชัดเจนเรื่องความสัมพันธ์กันสักที อิ่มอยากได้ท่านอาซามิ(ฆาเบียร์) เป็นน้องเขยเร็วๆ แล้ว!!!


-----------------------------------------------------------

ตอนนี้เขียนไม่ค่อยออกค่ะ บทซึ้งๆ แนวครอบครัวนี่ไม่ค่อยถนัด จริงๆ จะมีตอนกินอาหารเมืองด้วยแต่ว่ามันยาวไปเลยตัดแค่ตรงนี้ก่อน พรุ่งนี้มากินอาหารเมืองอร่อยๆ กันนะคะ

สูตรกระบองฟักทองค่ะ https://goo.gl/4WxkFH




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-03-2018 15:24:06 โดย La Vida Sin Tu Amor »

ออฟไลน์ ommanymontra

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-0
 :L2: :pig4: :L2:

ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1


---- รสมือแม่ ----



อาหารเหนือที่ส่งกลิ่นยั่วยวนชวนกินจานแล้วจานเล่าถูกลำเลียงออกมาจากครัว เจนยุทธน้ำตารื้น ทุกจานล้วนเป็นของโปรดของเขา แม่จำได้เสมอว่าลูกชอบกินอะไร เขาแอบรู้สึกผิดที่ไม่ค่อยได้กลับมาหาแม่บ่อยเท่าที่ควร อย่างคราวนี้เขาไม่ได้กลับบ้านมาร่วม 2 เดือนแล้ว แม้จะโทรหากันตลอด แต่ไม่มีอะไรทำให้แม่ดีใจไปกว่าได้กอดลูกน้อยของตัว ฆาเบียร์มองคนข้างตัวที่แอบปาดน้ำตาแล้วสะท้อนใจนึกถึงครอบครัวของตน เขาไม่ได้เจอความอบอุ่นแบบนี้มานานมากแล้ว

"อาหารน่ากินมากครับ มันคืออะไรบ้าง?"

ฆาเบียร์ถามฟองนวลที่กลับมานั่งที่โต๊ะหลังจากอาหารถูกยกมาครบแล้ว ฟองนวลหันไปบอกให้เจอธิบายแทน ต่อให้ภาษาอังกฤษของเธอจะดีในระดับหนึ่งและฟังออกได้เกือบทุกอย่างแต่เรื่องการพูด เธอก็ยังไม่สามารถอธิบายอะไรที่ซับซ้อนมากได้ อย่างที่เพิ่งพูดกับเจและฆาเบียร์ไป เธอก็ต้องให้อิ่มช่วยคิดศัทพ์บางคำให้และผ่านการซ้อมพูดมาบ้าง

เจทำตาละห้อย เขาอยากจะรีบจ้วงอาหารแสนอร่อยของแม่ที่อยู่ข้างหน้านี้เต็มแก่ เขาส่งสายตาปิ๊งๆ ให้เจ๊อิ่มซึ่งนางก็ทำเมินไปทางอื่น เขาถอนหายใจเฮือก แล้วรีบชี้ๆ

"นี่ไข่คว่ำ หมูฮุ่ม แกงบะฟักใส่ไก่ คั่วผักหละใส่ไข่ ต๋ำบะเขือ แล้วก็แกงฮังเล เคร จบนะ?"

เขารีบแร็พชื่ออาหารออกมาแล้วคว้าส้อมจิ้มไข่คว่ำทันที

"เจ อธิบายดีๆ สิ"

เจ๊อิ่มตัวดีรีบยกจานไข่คว่ำหนี ส้อมเขาจิ้มพลาดไปโดนโต๊ะดังกึก ฆาเบียร์หัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นคนตะกละค้อนพี่สาวตาแทบกลับ

"ใช่ เจ บอกพี่ฆาเบียร์เขาดีๆ สิลูก"

ฟองนวลพูดพลางตักไข่คว่ำใส่จานให้คนตัวโต แม่ลำเอียงอ่ะ เจพ่นลมหายใจออกปากพรืด โอเคๆ อธิบายดีๆ จะได้รีบๆ กิน


"อ่ะ นี่ ที่แม่พึ่งตักให้น่ะ คือไข่คว่ำ โดยทั่วไปแล้วจะผ่าไข่ต้มแข็งเป็นสองซีก แล้วควักเอาเนื้อไข่ออกมาสับเป็นชิ้นเล็กๆ และปั้นผสมกับหมูสับ ปรุงรสตามชอบ จากนั้นเอาใส่กลับไปในเปลือกไข่ที่ผ่าครึ่งไว้แล้วเอาไปชุบไข่ทอด แต่ของบ้านเรา แม่อยากให้พวกเรากินง่ายๆ เลยไม่เอาใส่เปลือก แต่ใช้ช้อนปั้นหมูให้ทรงเหมือนไข่ผ่าซีกแทน จานนี้เป็นของโปรดตลอดกาลของผม"

เจพูดพลางกัดไข่คว่ำที่เขาแอบจิ้มมาได้หนึ่งชิ้น อาหย่อยที่ซู้ด

"คล้ายกับ Scotch Egg สินะ แต่ไข่สก็อตช์เอาหมูปรุงรสหุ้มไข่ต้มทั้งฟองแล้วชุบด้วยเกล็ดขนมปังแทนไข่"

ฆาเบียร์ก้มลงจดเรื่องที่ได้ฟังในสมุดโน้ตเล็กๆ ก่อนที่จะขออนุญาตถ่ายรูปอาหาร

"แล้วนี่คือหมูฮุ่ม"

เจชี้หมูส่วนสันคอที่สไลซ์ออกมาเหมือนชาชูของญี่ปุ่น

"ฮุ่มคือการปรุงอาหารประเภทเนื้อสัตว์ เป็นการเคี่ยวมันให้เปื่อยจนเหลือน้ำขลุกขลิก โดยใส่ข่า ตะใคร้ ขมิ้นลงไปเป็นการให้กลิ่นรส โดยมากมักนิยมใส่เครื่องแกงลงไปด้วยให้มีรสเผ็ด แต่ของบ้านเรา แม่ไม่ทำเผ็ดเพราะไม่งั้นพวกเราตอนเด็กๆ จะกินไม่ได้"

เจจิ้มหมูฮุ่มเข้าปากหนึ่งคำ แล้วตักใส่จานให้คนที่นั่งฟังเขาเพลินๆ

"พอพวกเราโตขึ้น ก็ติดรสชาติแบบเด็กๆ นี้ไปแล้ว พอไปกินแบบใส่พริกแล้วรู้สึกว่ามันไม่ใช่อ่ะ"


"แล้วนี่ แก๋งบะฟักใส่ไก่ เราผัดไก่กับเครื่องแกงซึ่งมีส่วนประกอบหลักเป็นพริกแห้ง ตะใคร้ ข่า ก็พวกส่วนประกอบหลักของอาหารเมืองนั่นแหละ ถ้าไปกินตามร้านนะ ไก่จะมีแต่กระดูก ไม่ค่อยมีเนื้อ แต่ถ้าแม่ทำนะ มีเนื้อตูมๆ กับใส่ตับเยอะๆ"

เจยกมือขึ้นปาดน้ำลาย เขาน่ะมันตัวกินตับเลย

"บะฟักคือ winter melon นั่นแหละ"

ฆาเบียร์พยักหน้าว่ารู้จัก แต่เขาชอบชื่อภาษาไทยของมันจัง

"อืมม์...ba fu-k นะ"

เขาทวนตามเบาๆ พร้อมแอบส่งสายตากรุ้มกริ่มให้เจ เจนยุทธทำตาโต ไอ้คนตัวโตหน้าไม่อายนี่ กล้าพูดแบบนี้บนโต๊ะอาหารได้ยังไง เขากระทืบเท้าคนที่นั่งข้างๆ ที่ทำหน้านิ่วทันที ดีนะแม่มัวแต่คุยกับพี่อิ่มอยู่ ไม่น่าจะได้ยิน คนตัวโตทำไม่รู้ไม่ชี้ตักฟักเขียวเข้าปาก แล้วก็สำลักความเผ็ดร้อนของน้ำแกงที่ใส่มะแขว่นลงไปด้วย ไงล่ะ มัวแต่ทะลึ่ง

"โอย เผ็ดเหมือนกันนะ"

ฆาเบียร์จิบน้ำที่เจรินส่งให้

"แล้วนี่ล่ะ?"

เขาชี้ผัดผักเพียงอย่างเดียวที่มี

"อ๋อ นี่คั่วผักหละ...ภาษาไทยภาคกลางเรียกว่าชะอม บ้านเราเอามาผัดแห้งๆ ใส่ไข่"

ฆาเบียร์ชิมไปหนึ่งคำแล้วก็ไม่แตะอีก กลิ่นของมันฉุนเกินไปสำหรับเขา เจหัวเราะเบาๆ วันนี้เขาก็คงต้องเพลาๆ เมนูโปรดนี้หน่อย ไม่งั้นเดี๋ยวต้องมีคนบ่นแน่ๆ


"ส่วนนี่คือต๋ำบะเขือ"

เจพูดถึงอาหารที่สีและหน้าตาคล้ายๆ น้ำพริกหนุ่ม แต่เสิร์ฟมาพร้อมไข่ต้ม เจเอาข้าวเหนียวจิ้มต๋ำบะเขือคำใหญ่ป้อนให้ฆาเบียร์ที่อ้าปากรับอย่างกล้าๆ กลัวๆ เห็นสีของมันแล้วเขาคิดว่าต้องเผ็ดแน่ๆ เขายังจำรสเผ็ดร้อนของน้ำพริกหนุ่มได้

"เอ๊ะ ไม่เผ็ดมากนี่? มันทำจากอะไร?"

"มะเขือยาวน่ะ เป็น eggplant อย่างหนึ่ง เอาไปย่างไฟแล้วเอามาตำ คล้ายๆ กับทำน้ำพริกหนุ่มนั่นแหละ"

เจปั้นข้าวจิ้มตำบะเขือป้อนให้ฆาบี้อีกคำ ซึ่งรับเข้าปากอย่างเคยชิน เจหันไปเจอแม่กับพี่สาวที่นั่งอมยิ้มดูพวกเขาแล้วก็ต้องหน้าร้อนวูบเมื่อนึกได้ว่าเขาไม่ได้กินข้าวกันอยู่สองคนที่คอนโด เขาแอบเตะขาคนที่เคี้ยวตุ้ยๆ ทำท่ามีความสุขอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไรด้วยความหมั่นไส้


"อ่ะ อย่างสุดท้าย นี่คืออาหารล้านนาที่ดังที่สุดอย่างหนึ่ง..."

"ฉันรู้จักจานนี้ แกงฮังเลใช่ไหม?" ฆาเบียร์พูด

"ฉันเคยกินที่ร้าน Lotus of Siam ในเวกัส"

ฆาเบียร์พูดถึงร้านอาหารไทยชื่อดังแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ เจหน้าตูม เขาอุตส่าห์จะอธิบายให้ฟังซะหน่อย

"อ่ะ ชิมซิ ว่าที่ไหนอร่อยกว่ากัน"

เจควานๆ หาชิ้นที่ติดมันน้อยที่สุดให้พ่อคนกลัวอ้วน

"ผมว่าที่นี่อร่อยกว่า"

พ่อคนปากหวานหันไปชมแม่ของเจนยุทธ แล้วหันมาคุยกับคนข้างตัวที่ก้มหน้าก้มตากินด้วยความเร็วสูง

"แกงนี่รสชาติแปลกกว่าอาหารเมืองอย่างอื่นจริงๆ ทั้งรสที่ออกหวานและการใช้เครื่องเทศอย่างผงกะหรี่"

"ผงฮินเล"

เจแก้ให้ทั้งๆ ที่ข้าวยังเต็มปาก แล้วก็ต้องรีบกลืนลงไปเมื่อแม่เขาส่งสายตาปรามมา

"แกงฮังเลนี่ได้รับอิทธิพลมาจากอาหารพม่า ซึ่งก็รับวัฒนธรรมการกินจากอินเดียมาอีกทีจ้ะ ถึงได้มีการใช้เครื่องเทศในอาหารจานนี้ด้วย"

อิ่มเสริมขึ้น

"อาหารเมืองจริงๆ มีรสชาติไม่หลากหลาย จะออกเค็ม เผ็ดมากกว่า เปรี้ยว หวานนี่ ไม่ค่อยเจอ ถ้าเปรี้ยวก็จะเป็นจากน้ำมะขามเปียก ไม่ใช่มะนาว"

อิ่มแปลที่ฟองนวลเสริมมา

"แต่ก็ขึ้นอยู่กับพื้นที่ด้วย ถ้าอาหารทางแม่ฮ่องสอนที่ติดทางรัฐฉานก็จะได้รับอิทธิพลอาหารไทยใหญ่มาเยอะ ซึ่งก็ต่างออกไปอีก"

อิ่มพูดแล้วหันไปทำตาโตใส่ไอ้น้องชายที่นั่งเงียบ

"ไอ้เจ!! กินช้าๆ หน่อย ฆาเบียร์เขายังไม่ค่อยได้กินเลย"

เจค่อยๆ ปล่อยไข่คว่ำชิ้นสุดท้ายลงในจานอย่างเสียดาย

"ก็กินช้าเองอ่ะ"

คนตะกละบ่นอุบอิบเป็นภาษาไทย ทั้งโต๊ะหัวเราะท่าทางที่เหมือนเด็กๆ นั้น ฟองนวลหันไปสั่งให้เด็กเอาอาหารมาเติม



"ปล่อยน้องเต๊อะ อิ่ม แม่ยะไว้นัก ฮู้ว่ามันตึงกิ๋นหมด"

(ปล่อยน้องเถอะ อิ่ม แม่ทำไว้เยอะ รู้ว่ายังไงมันก็กินหมด)


เจยิ้มร่าหันไปซบไหล่อ้อนแม่แล้วแลบลิ้นให้พี่สาวที่โคลงหัวกับพฤติกรรมเด็กน้อยนั้น

อาหารมื้อนั้นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม ฆาเบียร์ที่ไม่ได้ร่วมโต๊ะอาหารกับครอบครัวมานานก็ยิ้มร่าอย่างมีความสุข ช่วงหลายปีมานี้ เขาลืมไปแล้วว่าความสุขที่มีผู้คนที่รักอยู่รอบข้างนั้นเป็นอย่างไร

เมื่ออาหารซึ่งเจเป็นคนกินเสียส่วนใหญ่หมดลง พวกเขาก็ย้ายเข้าในตัวบ้านเพื่อหลบยุงที่เริ่มออกหากิน เด็กคนงานยกน้ำลำใยเย็นๆ มาเสิร์ฟพวกเขาซึ่งนั่งคุยกันต่อบนโซฟานุ่มฟู

"น้ำลำใยจ้ะ ต้มเอง แม่ไม่ใส่น้ำตาลเพิ่มเลยนะ"

ฆาเบียร์ยกขึ้นจิบ รสหวานอ่อนๆ ของลำใยเพียงอย่างเดียวทำให้สดชื่นดีจริงๆ บรรยากาศที่สบายๆ ทำให้ฆาเบียร์ผ่อนคลายมากขึ้น

"ไหน เล่าเรื่องคุณให้แม่ฟังหน่อยซิ"

ฟองนวลถามคนพิเศษของลูกชาย ฆาเบียร์นิ่งไปพักหนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจเล่าสิ่งที่เขาไม่ค่อยให้ใครได้รับรู้


(อาหารเมือง)
https://www.picz.in.th/images/2017/09/04/lannafood1.jpg
(ในรูปขาดแก๋งบะฟักใส่ไก่นะคะ)

--------------------------------------------------------------------


ภายในคืนนี้จะอัพสองตอนเลยนะคะ เพราะเขียนแล้วรู้สึกว่ามันยาวล้นไปหน่อยละ เลยตัดตอนนี้สั้นหน่อยแล้วไปต่ออีกตอน

เรื่องอาหารเมืองอ่านได้ในเว็บเดิมนะคะ https://goo.gl/ENV1sL


รูปอาหารทั้งหมดรวมถึงกระบองฟักทองตอนที่แล้วถ่ายมาจากร้าน "เอื้องคำสาย" ในศูนย์วัฒนธรรมเชียงใหม่ค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-03-2018 15:28:04 โดย La Vida Sin Tu Amor »

ออฟไลน์ La Vida Sin Tu Amor

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1



(ในตอนนี้จะหนักเล่าเรื่องชีวประวัติของฆาเบียร์นะคะ แกแก่แล้วเรื่องเลยเยอะหน่อย แล้วในคืนนี้อัพสองตอนรวด ใครที่ยังไม่ได้อ่านตอน "รสมือแม่" ก็เชิญอ่านได้ที่เมนท์บนนะคะ)


---- Life of Javier




"พ่อผมเป็นคนปัวเอร์โต ริโก้ แม่ผมมาจากอาร์เจนติน่า ทั้งคู่พบกันที่สหรัฐฯ ตอนที่เป็นนักศึกษา..."

แม่ของเขาซึ่งเป็นนักศึกษาด้านวรรณกรรมภาษาอังกฤษจากครอบครัวที่มีฐานะตกหลุมรักหนุ่มนักเรียนทุนด้านคอมพิวเตอร์ผู้ยากจนจากปัวเอร์โต ริโก้ มันเป็นรักแรกพบที่ลึกซึ้งหนักแน่นจนแม่ยอมตัดขาดจากครอบครัวซึ่งคัดค้านความสัมพันธ์นี้ เนื่องจากเป็นคนปัวเอร์โต ริโก้ซึ่งเป็นดินแดนในปกครองของสหรัฐฯ พ่อของเขาจึงได้รับสัญชาติอเมริกันโดยอัตโนมัติและสามารถทำงานในสหรัฐฯ ได้ เขาทำงานพิเศษตั้งแต่เป็นนักศึกษาในบริษัทคอมพิวเตอร์ยักษ์ใหญ่ซึ่งมองเห็นศักยภาพในตัวนักศึกษาหนุ่มผู้นี้จนยอมจ่ายค่าจ้างในจำนวนสูงลิ่ว ส่วนแม่ของเขายื่นขอทุนจากทางมหาวิทยาลัยแทนที่จะรับเงินค่าเทอมจากยายโดยมีเงินจากพ่อของเขาช่วยสนับสนุนด้วย


"...พ่อกับแม่ผมจดทะเบียนแต่งงานกันตั้งแต่ก่อนเรียนจบเพื่อที่แม่จะได้อยู่ต่อได้ หลังจากผ่านกระบวนการมากมาย แม่ก็ได้กรีนการ์ด ตอนแม่ขอทุนเรียน แม่เปลี่ยนสาขาวิชาจากวรรณกรรมภาษาอังกฤษมาเป็นวรรณกรรมสเปนและละตินอเมริกาแทน ผลคือแม่ทำคะแนนได้ดีมาก จนสุดท้ายได้งานสอนในมหาวิทยาลัย..."

ฆาเบียร์ยิ้มน้อยๆ เมื่อนึกถึงแม่ผู้อ่อนโยนของเขา เขาเกิดหลังทั้งสองเรียนจบได้ไม่นาน เนื่องจากพ่อเป็นคนปัวเอร์โต ริโก้และเขาเกิดในสหรัฐฯ เขาจึงได้สัญชาติอเมริกันและปัวเอร์โต ริโก้โดยอัตโนมัติ


"พ่อผมเข้าทำงานกับบริษัทยักษ์ใหญ่วงการไอทีที่พ่อฝึกงานด้วยในช่วงที่ซิลิค่อน แวลลี่ย์กำลังเริ่มโต พ่อก้าวหน้าในหน้าที่การงานอย่างรวดเร็ว..."

ตอนเขาเริ่มเป็นวัยรุ่น พ่อกับเพื่อนสนิทได้ร่วมกันตั้งบริษัทซึ่งปัจจุบันเป็นเจ้าของเว็บให้บริการให้ข้อมูลและรับจองโรงแรมและการท่องเที่ยวที่เขาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ในขณะนี้ แต่เขาเลือกที่จะยังไม่เล่าส่วนนี้ให้ครอบครัวนี้ฟัง เขาไม่อยากให้ฐานะและหน้าที่การงานของเขามามีผลต่อการแสดงออกของครอบครัวนี้แบบที่เขาเคยเจอมาบ่อยครั้ง


"ผมโตมาผูกพันกับพ่อแม่มาก โดยเฉพาะกับแม่ ผมไม่คิดว่าในชีวิตนี้ผมจะเจอผู้หญิงคนไหนที่ดีและรักผมเท่ากับแม่ได้อีกแล้ว มันทำให้ผมไม่สนใจในตัวสาวๆ คนไหน แต่ในขณะเดียวกันกลับปรารถนาในตัวผู้ชายด้วยกันมากกว่า"

เขาพูดออกมาตรงๆ

"ตอนม.ปลาย ช่วงก่อนเข้ามหาวิทยาลัย ผมมีแฟนหนุ่มคนแรก ผมรักเขามาก เราเตรียมสมัครเข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่เดียวกัน ซึ่งคือแถวแคลิฟอร์เนียบ้านผม แต่ก่อนเรียนจบผมเจอเขาไปมีสัมพันธ์กับควอเตอร์แบ็คคนดังของโรงเรียน ผมแทบเป็นบ้าไปเลย"



เขานึกถึงช่วงเวลานั้นที่เขาทิ้งทุกสิ่ง กระทั่งทุนเรียนต่อมหาวิทยาลัยดังซึ่งอาจปูทางไปสู่ความสำเร็จในอนาคต

"ในตอนนั้น มีแต่ครอบครัวเท่านั้นที่อยู่เคียงข้างผม พ่อบอกผมเลยว่าผมไม่จำเป็นต้องเข้ามหาวิทยาลัยดัง พ่อบอกว่าเด็กคอมอย่างเราไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็สามารถประสบความสำเร็จได้กระทั่งในโรงรถหลังบ้าน​ ผมใช้เวลาโต๋เต๋เสเพลอยู่ 1 ปี..."

ในช่วงนั้นเขาเละเทะมาก เขาติดเหล้าและยากล่อมประสาท แถมยังเปลี่ยนคนควงเป็นว่าเล่น แต่ก็เพลาๆ ทุกอย่างและเลิกยาเด็ดขาดตอนตัดสินใจกลับไปเรียนใหม่ เหลือแต่เรื่องล่าหนุ่มๆ ซึ่งกลายเป็นนิสัยของเขาไปแล้ว เขากลายเป็นคนไม่เชื่อในความรักจนกระทั่งได้เจอนพ...เรื่องนี้เขาก็ไม่ได้เล่าให้ครอบครัวของเจฟังเช่นกัน


"ผมตัดสินใจสมัครเข้าวิทยาลัยเล็กๆ ในรัฐมินเนโซตาที่อยู่ห่างไกลจากชีวิตเดิมของผม ผมติดใจบรรยากาศที่เงียบสงบของที่นั่น มันต่างกับความวุ่นวายของเมืองใหญ่แถบแคลิฟอร์เนียโดยสิ้นเชิง ผมเรียนสายไอทีตามความตั้งใจเดิม และจริงอย่างที่พ่อว่า งานสายนี้เรียนและทำจากที่ไหนก็ได้ถ้าเรามีพรสวรรค์ ผมแทบไม่ต้องพยายามอะไรก็ได้เกรดดี อาจเป็นเพราะได้พ่อคอยสอนมาแต่เด็ก ผมยังเริ่มทำเงินได้จากการเขียนโปรแกรมขาย..."

"...ตอนปีสาม ผมก็ได้เจอนพที่มาแลกเปลี่ยนปีนึง เขาเป็นรูมเมทผม เราสนุกด้วยกันมาก..."

เขาเกือบอ้าปากเล่าเรื่องของเขากับนพไปแล้วถ้าไม่หันไปเห็นสายตาเศร้าๆ ของเจที่มองมา

'เขายังลืมพี่นพไม่ลงสินะ'

เจ้าของสายตาเศร้านั้นคิดในใจ

"...เอ่อ แต่พอเรียนจบเราก็ขาดการติดต่อกัน จนมาเจอกันในเฟซบุ๊คเมื่อสองปีที่แล้ว"

เขาเลือกที่จะจบเรื่องนพไว้ที่ตรงนี้


"ช่วงเรียนวิทยาลัย พ่อแม่ผมลงทุนย้ายบ้านมาอยู่ใกล้ๆ พ่อไปๆ มาๆ มินเนอาโปลิสกับซานฟรานฯ ส่วนแม่ย้ายมาสอนที่ยู ออฟ มินเนโซต้า ทวิน ซิตี้ส์ ผมเลยกลับไปหาพ่อแม่ได้บ่อยๆ พอผมเรียนจบ เราก็ย้ายกลับซานฟรานฯ ผมเข้าทำงานในบริษัทที่พ่อทำอยู่ ซึ่งมีเพื่อนสนิทของพ่อเป็นผู้ถือหุ้น..."

ฆาเบียร์ไม่เล่าว่าหุ้นที่ว่านั้นเป็นหุ้นที่เล็กกว่าส่วนของพ่อและของเขา

"ชีวิตผมดำเนินไปเรื่อยๆ ทำงานไปเรื่อยๆ แต่หลังจากเรียนจบได้ 5 ปี ในปี 2006 ผมก็เสียพ่อแม่ไปพร้อมๆ กันเพราะเครื่องบินตก"

เจสะดุ้งสุดตัวและมองหน้าคนตัวโตที่เล่าเรื่องด้วยเสียงเรียบๆ เขาเพิ่งเคยได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรกและรู้สึกสงสารคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างสุดหัวใจ เขานึกถึงความเสียใจในวันที่เขาเสียพ่อไปอย่างกะทันหัน แล้วคนตัวโตคนนี้เสียทั้งพ่อและแม่ไปพร้อมๆ กันในคราวเดียว ฆาเบียร์มองหน้าคนที่แทบจะร้องไห้แทนเขาและยื่นมือไปกุมมือเรียวนั้น

"ฉันไม่เป็นไรหรอก...เรื่องมันนานมาแล้ว"

เขาหันไปยิ้มให้อิ่มและฟองนวลเป็นนัยว่าเขายังโอเค


"ตอนนั้นผมแทบล้มทั้งยืนเลยครับ โชคดีที่ได้เพื่อนสนิทพ่อที่รักผมเหมือนลูกแท้ๆ เมตตาให้ผมทำงานต่อจนขึ้นมาทำในตำแหน่งที่ผมทำอยู่ในตอนนี้"

เขาเล่าความจริงครึ่งหนึ่งแล้วละส่วนที่ว่าเขากลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทแทนพ่อและขึ้นมาบริหารบริษัทเคียงคู่กับซีอีโอซึ่งคือเพื่อนสนิทของพ่อ แต่เป็นตัวเขาเองที่เปลี่ยนเว็บไซต์รับจองโรงแรมธรรมดาๆ ให้ทันกระแสโลกมากขึ้นด้วยการนำเสนอเรื่องราวการท่องเที่ยวผ่านบล็อกเกอร์ชื่อดังหลายคนซึ่งผูกกับชื่อของเว็บของเขาและขยายจากแค่รีวิวโรงแรมเป็นด้านไลฟ์สไตล์ การเที่ยวที่หลากหลาย อาหารการกินและอื่นๆ มันทำให้เว็บของเขาเป็นชื่อแรกๆ ที่คนค้นหาเมื่อต้องการจะหาข้อมูลด้านการท่องเที่ยวและใหญ่พอจนสามารถนำเข้าตลาดหุ้นได้

"ตอนนี้ผมทำหน้าที่เป็นประชาสัมพันธ์และเป็นบล็อกเกอร์ในสังกัดของบริษัทด้วยครับ แล้วก็ช่วยดูแลเรื่องระบบบ้างเป็นบางครั้ง"

และนั่นคือตำแหน่งที่เป็นฉากหน้าของเขา จริงอยู่ที่เพื่อนพ่อทำหน้าที่เป็นซีอีโอมาโดยตลอดเพื่อให้ดูน่าเชื่อถือแต่เพื่อนรักพ่อที่เป็นหนุ่มโสดคนนี้ได้ตั้งปณิธานที่จะยกทุกอย่างให้เขาเมื่อเวลาที่เหมาะสมมาถึง


"สิ่งหนึ่งที่ผมได้กลับมาจากตอนพ่อแม่เสีย คือยายครับ..."

ยายชาวอาร์เจนไตน์ของเขาติดต่อมาหาเมื่อรู้ข่าวการเสียชีวิตของลูกสาวคนเดียว ที่จริงยายกับแม่เริ่มกลับมาติดต่อกันอีกครั้งเมื่อเขาเริ่มเข้าวิทยาลัย เวลาที่ผันผ่านทำให้ความบาดหมางระหว่างแม่ลูกจางหายไป แต่ก่อนที่ยายกับแม่จะทันได้เจอกัน แม่ก็มาจากไปเสียก่อน

"ยายให้ผมยื่นขอสัญชาติอาร์เจนไตน์ด้วยเพื่อที่จะได้รับช่วงต่อกิจการของท่าน ผมเองก็ไม่ได้อยากได้นักหรอก แต่ยายยกเอาจดหมายที่เขียนติดต่อกับแม่มาทำให้ผมเลี่ยงไม่ได้"

เขาถอนหายใจเมื่อนึกถึงยายผู้แสนจะหัวแข็งของเขา

"ยายเค้าอาจจะอยากชดเชยให้แม่ของฆาเบียร์ก็ได้นะ"

ฟองนวลพูดขึ้น คนเป็นแม่ย่อมเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่เหมือนกัน ฆาเบียร์พยักหน้า เขาเองก็คิดเช่นนั้นถึงไม่ได้ต่อต้านยายผู้ยังแข็งแรงคนนั้นได้ จะว่าไปเขาไม่ได้ไปหายายนานแล้ว คงต้องหาเวลาไปสักวัน


"ครับ นี่ก็คือเรื่องราวของชีวิตผม"

ถึงจะไม่ได้เล่าไปหมดทุกอย่าง แต่นี่ก็เป็นการเปิดเปลือยเรื่องราวชีวิตของตัวเองออกมาเป็นครั้งแรกของฆาเบียร์ เขาไม่รู้ว่าทำไม บางทีอาจจะเป็นเพราะความจริงใจและบรรยากาศสบายๆ ที่คนบ้านนี้มีให้เขา หรือบางทีอาจเป็นเพราะตากลมโตคู่นั้นที่แสดงอารมณ์หลากหลายเมื่อได้ฟังเรื่องราวของเขา เขาอยากจะดึงร่างเพรียวนั้นมากอดกระชับแนบอกเสียในตอนนี้ถ้าไม่ติดว่ามีแม่ของเจและอิ่มนั่งอยู่ด้วย...

"ฆาเบียร์...ขอบใจมากที่เล่าเรื่องชีวิตของคุณให้แม่ฟัง แม่ขออะไรอย่างหนึ่งได้ไหม?"

ฟองนวลถาม พลางพยักเพยิดให้อิ่มมาช่วยแปลที่เธอจะพูดต่อไป"

"ครับ?"

"ต่อไปนี้ ขอให้คิดว่าแม่เป็นเหมือนแม่ของคุณอีกคน แม่รู้ว่าคงทดแทนแม่จริงๆ ของคุณไม่ได้ แต่อย่างน้อยถ้ามาที่บ้านนี้ ขอให้แม่ได้ดูแลคุณเหมือนคนในครอบครัวจะได้ไหม?

อิ่มแปลคำนั้นออกมา ฆาเบียร์ลงนั่งคุกเข่าตรงหน้าฟองนวลพร้อมสวมกอดร่างบางนั้น

"ได้สิครับ ขอให้แม่คิดว่าผมเป็นลูกชายอีกคนหนึ่ง"

เขาตอบ...พร้อมตวัดสายตายิ้มๆ ไปให้เจ้าตัวเล็กที่นั่งน้ำหูน้ำตาย้อยด้วยความซาบซึ้งอยู่ใกล้ๆ


เวลาล่วงเลยไปถึงยามดึก เจและฆาเบียร์ลาฟองนวลกับอิ่มกลับไปที่เรือนของตัวเอง เมื่อเข้าถึงในห้อง เจเข้าสวมกอดร่างใหญ่ตรงหน้าของตนไว้แน่น เขาอยากให้ความอบอุ่น ให้กำลังใจกับคนที่อยู่ข้างหน้านี้ ฆาเบียร์โอบรัดร่างเพรียวนั้นไว้แน่น เขารู้สึกความเปียกชื้นที่อกของเขา เขาจรดริมฝีปากลงบนเส้นผมนิ่ม

"เจร้องไห้ให้ฉันเหรอ?"

เขายกมือขึ้นลูบหลังที่สั่นสะท้านนั้น เจสะอื้นฮักๆ อยู่ในอ้อมกอดอุ่นนั้น คนตัวโตตรงหน้าเขานี่ช่างโดดเดี่ยวจนน่าสงสารเหลือเกิน ตอนแรกเขาคิดว่าสถานการณ์ของเขาและฆาเบียร์เหมือนกัน แต่ไม่เลย เขายังมีครอบครัวที่รักอยู่รอบข้าง ถ้าเขาผิดหวังหรือพลาดพลั้งอะไรขึ้นมา เขาก็ยังมีอ้อมอกแม่หรือกำลังใจจากพี่ๆ รอเขาอยู่เสมอ แต่สำหรับฆาเบียร์แล้ว คนที่สนิทที่สุดก็คือเพื่อนพ่อกับยายที่อยู่ห่างไกล เขาอยากให้คนๆ นี้ได้รู้ว่าต่อไปนี้เขาจะไม่มีวันได้อยู่คนเดียวอีก

"ผมจะไม่ปล่อยให้คุณได้โดดเดี่ยวแบบนี้อีก"

เจส่งจุมพิตที่อ่อนหวานของเขาสู่ริมฝีปากของฆาเบียร์ที่เผยอรับด้วยความยินดี เขารับรู้ถึงจิตใจของเจและคนในครอบครัวนี้และรู้สึกขอบคุณในความหวังดีของคนในครอบครัวนี้

"ให้พวกเราเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตคุณนะ ฆาเบียร์"

เจจ้องมองลึกไปในดวงตาคู่งามนั้น

"ฉันรับนายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตมาตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกันแล้ว เจ..."

เจหน้าแดงเมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาทำลงไป เขาพลันดันตัวฆาเบียร์ออกเมื่อรู้สึกถึงบางอย่างที่เริ่มทิ่มหน้าขาเขา

"ฆาบี้ เอ๊ อย่าพึ่งหื่น..."

เจเผ่นแผลวไปยืนห่างๆ

"ที่บ้านนี้ ไม่ได้นะ เกรงใจแม่...แถมอิเจ๊อิ่มมาแอบฟังด้วยป่าวไม่รู้ อิป้าสาววายนั่นยิ่งไม่น่าไว้วางใจอยู่"

ประโยคหลังเจบ่นอุบอิบกับตัวเองเป็นภาษาไทย แต่ก็ดังพอให้คนที่ยืนเอาหูแนบผนังอยู่นอกห้องสะดุ้งเฮือกแล้วรีบเดินกลับห้องตัวเองไป


เจรุนหลังคนที่ทำตาละห้อยร้องขอความเมตตาจากเขาให้ไปอาบน้ำให้หายฟุ้งซ่าน แต่สุดท้ายเจก็ต้านทานตาคู่สวยนั้นไม่ได้จนต้องเข้าไปอาบน้ำด้วยกันปล่อยให้ฝ่ายนั้นลวนลามจนหนำใจ...เขาจะทำยังไงกับเมียหื่นคนนี้ดีนะ

"นี่...ฉันยังไม่เจอพี่ชายเจกับครอบครัวเลยนะ"

คนที่กำลังใช้ปากคลึงเคล้าต้นคอเขาที่นอนหันหลังให้ถามขึ้น

"อ๋อ พี่จืดเขาลงไปส่งผักที่กรุงเทพฯ น่ะ ช่วงนี้คนงานขาดเลยต้องไปเอง แม่เลยให้พี่อิ่มมาค้างเป็นเพื่อน แล้วก็เลยตามผมมาด้วยอีกคน เอ๊ะ บอกว่าอย่า"

เจตีมือใหญ่ที่พยายามจะซุกเข้าในกางเกงเขา ในห้องน้ำเมื่อกี้ยังไม่หนำใจอีกหรือ

"แล้วครอบครัวเขาล่ะ?"

"พี่สะใภ้กับเด็กๆ นอนที่คอนโดในเมืองในช่วงวันที่เด็กๆ ต้องไปโรงเรียนน่ะ แล้วจะกลับมานอนที่นี่ในช่วงวีคเอนด์ ไว้รอเด็กๆ โตกว่านี้อีกหน่อยถึงจะย้ายมาอยู่นี่เต็มตัว"

"แล้วเจเคยคิดอยากมีลูกไหม?"

ฆาเบียร์ถาม...เขากลัวเหลือเกินว่าการที่เจมายุ่งเกี่ยวกับเขาจะทำให้เจนั้นอดทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ

"ไม่เลย"   

เจ้าตัวเล็กทำหน้าเหม็นเบื่อ

"ผมไม่เคยชอบเด็กๆ เลย ขนาดหลานตัวเองผมยังอยู่ด้วยยาก"

ฆาบี้กระพริบตาถี่ๆ ไอ้เจ้าตัวเล็กนี่เหมือนเขาเกินไปแล้ว

"นี่คือสาเหตุนึงที่ผมไม่จริงจังกับใคร ก็เพราะผมไม่เคยคิดอยากมีลูก ถ้าผมคบผู้หญิงดีๆ สักคนจนถึงขั้นแต่งงานแต่งการ เธอก็ต้องอยากมีลูก ซึ่งผมไม่อยากมีอ่ะ ฉะนั้นก็ลอยชายไปเรื่อยๆ แบบนี้ดีกว่า"

"งั้น ถ้าเราอยู่กันเรื่อยๆ แบบนี้แค่สองคน ก็ไม่มีปัญหาใช่ไหม?"

เจหันไปจูบแก้มที่เริ่มมีเคราเขียวๆ ขึ้นเบาๆ แทนคำตอบ ฆาเบียร์กอดตอบก่อนที่เขาจะพากันหลับไหลไป



ยามเช้ามาถึง ทั้งสองคนตื่นขึ้นเพราะเสียงนกที่จอแจอยู่ริมหน้าต่าง

"ตายละ จะสิบโมงแล้ว สายโคตร"

เจรีบตาลีตาเหลือกลุกขึ้นอาบน้ำ ก่อนที่จะมาลากคนขี้เซาที่ไม่ยอมตื่นไปอาบต่อ วันนี้ฆาเบียร์แต่งตัวสบายๆ ขึ้นกว่าเมื่อวาน เขาใส่กางเกงยีนส์สีดำเทาตัวเดิมกับเสื้อยีนส์แขนยาวแบบบางสีฟ้าซีด เเขาพับแขนเสื้อขึ้นถึงข้อศอก ปลดกระดุมเสื้อเชิร์ตลงจนเห็นไรขนที่หน้าอก ผมที่ยุ่งนิดๆ กับไรหนวดเคราเขียวทำให้ดูเป็นแบ๊ดบอย

'จะปล่อยฟีโรโมนฟุ้งอะไรแต่เช้าขนาดนี้เนี่ย'

เจที่ใจสั่นเมื่อเห็นไรขนหน้าอกและกล้ามเนื้อแน่นๆ นั้นคิด เขารีบไปติดกระดุมของเมียตัวดีขึ้นไปหนึ่งเม็ด

'เดี๋ยวอิเจ๊อิ่มได้เลือดกำเดาไหลหมดตัวกันพอดี'

"หวงฉันเหรอ?"

คนตัวโตพูดยั่วเย้าทำท่าจะปลดกระดุมลงอีก เจรีบตีมือ

"โอ๊ย มีเมียแร่ดก็กลุ้มงี้แหละกู"


เจบ่นออกมาเป็นภาษาไทย ฝ่ายนั้นที่จำคำว่าแร่ดได้ยิ้มกริ่ม ใช่สิ เขามันแร่ด



ทั้งสองออกจากเรือนนอนไปที่เรือนใหญ่ เจ๊อิ่มมองฆาเบียร์ตาค้างตามคาด ดีนะที่เขาติดกระดุมขึ้นเม็ดนึงแล้ว

"พี่อิ่ม แม่อ่ะ?" เจถาม

"แม่เตรียมทำข้าวเที่ยงอยู่ เจมาก็ดี ไปตัดผักกาดจ้อนให้แม่หน่อย"

อิ่มยื่นตะกร้ากับมีดให้เจซึ่งรับมาแล้วพาฆาบี้เดินลงเรือนใหญ่ไป พี่จืดปลูกผักกาดจ้อนหรือผักกวางตุ้งที่มีดอกไม่ไกลเรือนนักเพราะเป็นผักที่ใช้ทำอาหารกินบ่อย เจเลือกต้นที่ออกดอกแล้วและใช้มีดคมๆ ตัดที่โคนต้นโดยให้เหลือโคนและใบไว้เล็กน้อยเพื่อให้แตกยอดต่อ เมื่อได้ปริมาณที่ต้องการแล้วเขาก็นำกลับไปให้แม่

"แม่ ผักกาดจ้อนมาแล้ว"

ฟองนวลส่งผักให้เด็กไปล้างและหั่นเป็นท่อนไว้ แล้วตั้งหม้อใส่น้ำต้มให้เดือดแล้วจึงใส่กระดูกหมูลงต้มให้นุ่ม โขลกกะปิ เกลือ หอมแดง กระเทียมเข้าด้วยกันแล้วใส่ลงในหม้อ ต้มต่อและใส่ผักกาดจ้อนที่หั่นเป็นท่อนๆ แล้วลงไป ต้มจนผักนุ่ม ถ้าเป็นบางบ้านจะใส่ถั่วเน่าแค็ป (ถั่วเน่าแผ่น)ลงไปด้วย แต่บ้านเจไม่ใส่ จากนั้นใส่น้ำมะขามเปียกลงไปเพื่อปรุงรส คน รอจนพอเดือดแล้วปิดไฟ จากนั้นใส่พริกคั่วและกระเทียมเจียวใหม่ๆ พร้อมน้ำมันลงไปในหม้อ ฆาบี้บันทึกภาพการทำอาหารไว้อย่างสนใจ


"วันนี้แม่ได้บะหนุนอ่อนมา เลยยะต๋ำบะหนุนกับแก๋งบะหนุนไว้หื้อโตยเน่อ"

(วันนี้แม่ได้ขนุนอ่อนมา เลยทำตำขนุนกับแกงขนุนให้ด้วยนะ)


เจตาลุกวาว รีบหาช้อนมาจะจ้วงชิม แต่ก็โดนเบรคไว้ก่อน ปกติแม่เขาจะทำกับข้าวทีละเยอะๆ เพราะต้องเลี้ยงคนงานด้วย ถ้าปล่อยให้เจ้าเจเอาช้อนมาจ้วงชิมก่อนก็มีหวังได้บูดกันพอดี แม่เขารีบรุนหลังเขาให้ออกจากครัวไปนั่งรอข้างนอก เจเดินคอตกออกมา ทำไมทีฆาเบียร์แม่ถึงปล่อยให้อยู่ถ่ายรูปถ่ายคลิปแม่ทำกับข้าวต่อได้ล่ะ แม่ไม่ยุติธรรมเลย เจนั่งบ่นกระปอดกระแปดกับเจ๊อิ่ม จนถึงเวลาอาหาร

"เอ้า มากินข้าวกันได้แล้ว"

เจรีบลุกไปช่วยยกสำรับออกมาตั้งที่โต๊ะ ให้เด็กทำมันไม่ทันใจเขา ตอนนี้เขาหิวจนตาลายแล้ว ฆาเบียร์เดินยิ้มออกมาจากในครัว วันนี้เขาได้คอนเทนท์ดีๆ ไปนำเสนออีกแล้ว

"วันนี้มีต๋ำบะหนุน แก๋งบะหนุน หมูคั่วเผ็ด ลาบเมืองหมูแล้วก็จอผักกาด"

เจรีบแจงรายการอาหารบอกฆาเบียร์ก่อนที่แม่จะสั่ง ยิ่งทำเร็ว ยิ่งได้กินเร็ว

"แก๋งบะหนุนกับต๋ำบะหนุนทำมาจากขนุนอ่อน young jackfruit, โอเค๊?"

"เครื่องแกงที่ใช้ในทั้งสองอย่างนั้นมีส่วนผสมเหมือนกัน ซึ่งเป็นพื้นฐานของอาหารเมืองคือ พริกแห้ง หอมแดง กะปิ เกลือ กระเทียม แต่ต๋ำบะหนุนจะเพิ่มปลาร้า ข่า ตะไคร้ลงไปโขลกด้วย"

เจร่ายยาวเพิ่มถึงวิธีทำของทั้งสองอย่าง ก่อนจะนึกได้ว่าเมื่อกี้ฆาเบียร์ก็ยืนดูแม่เขาทำกับข้าวอยู่ด้วย


"ช่วงสงกรานต์หรือวันปีใหม่ของทางล้านนา เรามีธรรมเนียมต้องกินอาหารที่ทำจากขนุนเพราะมันพ้องเสียงกับคำว่าหนุนเนื่อง เกื้อหนุน"

ฆาเบียร์จดอย่างตั้งใจ

"นี่ หมูคั่วเผ็ด เป็นของหากินยากนะ เป็นหมูคั่วกับพริกแกงเผ็ดๆนี่ก็ของโปรดผม"

"จอผักกาดคุณก็ได้เห็นวิธีทำไปตะกี้แล้ว"

"ลาบนี่แม่ไม่ได้ทำเองจ้ะ ซื้อร้านแถวนี้มา"

ฟองนวลเสริม

ในวันนี้ฟองนวลซื้อลาบหมูมาให้ โดยปกติถ้าเจมาเธอจะหาลาบควายมาให้ลูกชาย แต่นี่มีแขกมาด้วยเลยไม่แน่ใจว่าจะกินแบบนั้นได้หรือเปล่า

"สำหรับคนเมืองในสมัยก่อนแล้ว ลาบถือเป็นอาหารเฉลิมฉลอง ต้องมีโอกาสพิเศษจริงๆ ถึงจะทำการล้มหมูหรือล้มควายมาเพื่อทำลาบ สมัยก่อนเมื่อพูดถึงลาบ ก็ต้องนึกถึงลาบดิบ ก็ประมาณ beef tartare นั่นแหละ"

เจพูดถึงอาหารฝร้่งชนิดหนึ่งซึ่งใช้เนื้อดิบบดทำเช่นเดียวกัน

"วิธีทำลาบดิบคือเอาเนื้อสดมาคลุกเคล้ากับเลือดสดและเครื่องในต้มแล้วเติมพริกลาบลงไป แต่หลังๆ มานี่เขารณรงค์ให้เลิกกินกันเพราะอาจได้รับอันตรายจากแบคทีเรียและโรคที่มากับเนื้อหมูหรือเนื้อควายดิบได้"

ฆาเบียร์ไม่คิดว่าเขาจะกินเมนูนี้ได้แน่นอน แต่คนที่พูดเจื้อยแจ้วอยู่ทำท่าน้ำลายไหล



"พริกลาบคือสิ่งสำคัญที่สุด มันคือสารพัดเครื่องเทศและพริกแห้ง แต่ละร้านก็มีสูตรเฉพาะตัว สำหรับผม ที่ชอบที่สุดคือลาบของร้านลุงน้อยที่แถวๆ วัดร่ำเปิง พริกลาบร้านนั้นหอมแปลกกว่าร้านอื่นมาก"

"ถ้าพูดคำว่าลาบที่กรุงเทพฯ จะหมายถึงลาบอีสาน ฉะนั้นมีบ่อยครั้งที่คนกรุงเทพฯ มาสั่งลาบที่เชียงใหม่แล้วกินไม่ได้เพราะมันต่างกันมาก

"โอเค จบนะ กินกันเถอะ หิวจะตายแล้ว"

คนตะกละรีบคว้ากระติกข้าวเหนียวมาเปิดแล้วตักออกมาปั้นใหญ่ ส่วนฆาเบียร์ตักออกมาแต่น้อย เขายังจำได้ชัดว่ามัน 80 กิโลแคลอรี่ต่อ 30 กรัม

ใช้เวลาไม่นานอาหารเที่ยงมื้อนั้นก็เกลี้ยงไปอย่างรวดเร็ว เจยิ้มอย่างสมใจ เขาคงจะต้องกลับบ้านให้บ่อยกว่านี้แล้ว พวกเขานั่งเล่น นั่งคุยกับแม่และพี่อิ่มจนกระทั่งพี่จืดกลับมาบ่ายตอนบ่ายแก่ๆ หลังจากทักทายและแนะนำฆาเบียร์แล้วเจก็ลากลับ

"ไว้มาเยี่ยมแม่บ่อยๆ นะลูก"

แม่เจพูดตอนกอดลาลูกชายคนใหม่ของเธอ

"ไว้เจอกันใหม่ครับแม่"

คนตัวโตให้คำมั่น เจมองภาพนั้นด้วยความอิ่มใจ ก่อนที่จะจับมือฆาเบียร์เดินไปที่รถอย่างลืมตัว โดยมีสายตายิ้มๆ ของแม่และพี่อิ่มมองตามพร้อมกับสายตางงๆ ของพี่จืดที่ไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วยเลย


(อาหารเมือง)
https://www.picz.in.th/images/2017/09/04/lannafood2.jpg


--------------------------------------------------------

โอย กว่าจะจบช่วง เหนื่อยค่าาาา คนทำอาหารไม่เป็นมาบรรยายอาหารนี่เหนื่อยมากกกกก แล้วก็หิวมากด้วย พิมพ์ไปท้องร้องไป

ข้อมูลอาหารก็มาจากเพจเดิมนะคะ ได้ประโยชน์มากจริงๆ ใครอยากลองทำตามดูก็ได้นะคะ https://goo.gl/ENV1sL ​

รูปถ่ายอาหารมาจากร้านเอื้องคำสาย ศูนย์วัฒนธรรมเชียงใหม่เหมือนเดิมค่ะ


 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-03-2018 15:34:35 โดย La Vida Sin Tu Amor »

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
นาทีนี้อยากเป็นพี่อิ่มเลย ฮา
รอตอนต่อไปค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด