อีก 1 ตอนจะจบแล้วค่ะ
บทที่ 13
ขมอมหวานจางๆ
“กูไม่เข้าใจข้อนี้”
“หัวมึงนี่มีไว้ใส่หมวกอย่างเดียวจริงๆ”
“ด่าจบหรือยัง ด่าจบแล้วก็สอน”
ถ้าผมเรียนในห้องอาจารย์ต้องอธิบายประมาณสิบครั้งผมถึงจะเข้าใจ แต่ถ้ามันสอนอธิบายแค่สองครั้งผมก็รู้เรื่องแล้ว ผมจึงยอมให้มันโขกสับแบบนี้
อีกไม่กี่วันก็จะสอบไฟนอล ผมตั้งใจแล้วว่าจะสอบเข้ามหา’ลัยเดียวกับมัน แต่ถ้าสอบไม่ติดก็จะเลือกเรียนมหา’ลัยในกรุงเทพฯ จะไม่ไปเรียนต่อที่อเมริกาเด็ดขาด
ผมมองปากของมันขยับไปมาตอนอธิบายตัวอย่างข้อสอบ มันหล่อมาก รูปหน้าคมคายเด่นสะดุดตา ไม่แปลกใจที่หลายคนหลงใหลมัน
“มองกูทำไม” มันถามยิ้มๆ เหมือนรู้ว่าผมต้องการอะไร ผมคิดถึงสัมผัสของมัน มือหยาบที่ไล่ไปตามผิวเนื้อทุกซอกทุกมุม
ผมหลบตาแกล้งก้มหน้าก้มตาทำข้อสอบ
“ทำข้อนี้ให้เสร็จแล้วกูจะให้รางวัล” มันเชยคางผมไปสบตาด้วย แล้วก้มลงมากัดปากล่างผมอย่างหยอกเย้า ผมดันหน้ามันออกแก้เขิน
ไอ้บ้านี่! บทมันจะใจดีขี้เล่นก็ทำผมหลงหัวปักหัวปำ
ผมก็ปั่นข้อสอบไปสิครับ พอมันตรวจข้อไหนที่ทำผิดมันก็จะช่วยอธิบายให้เข้าใจและลองตั้งโจทย์ให้ผมทำใหม่
ผมชอบมันในเวลานี้ เหมือนมันเป็นของผมเพียงคนเดียว อยู่ด้วยกันพูดคุยหยอกล้อ เราจับมือกันไม่ยอมปล่อย ผมแก้มร้อนทุกครั้งที่มันแกล้งมากระซิบข้างหูชมว่าเก่งมาก เมื่อผมทำข้อสอบถูกต้อง
“ข้อสุดท้ายเสร็จแล้ว” ผมยิ้มใส่ตามันอย่างโอ้อวด
มันมองปากผมแล้วค่อยๆ โน้มใบหน้าลงมา ผมรับความอบอุ่นที่แต้มบนริมฝีปาก
แชะ! แชะ! แชะ!
ผมตื่นเพราะเสียงรบกวน เมื่อลืมตาขึ้นก็เห็นมันใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปผมที่กำลังนอนเปลือยอยู่บนเตียง ผมลุกขึ้นนั่งทั้งที่ยังงัวเงีย ดึงผ้าห่มมาปิดร่าง
“มึงทำอะไร”
“มึงน่ารัก กูอยากเก็บภาพไว้” มันตอบยิ้มๆ
ผมถอนใจอย่างโล่งอก “ถ่ายทำไมไม่รู้ เกิดภาพหลุดไปจะว่ายังไง”
"ไม่หลุดหรอก มึงไม่เชื่อใจกูเหรอวะ" มันขึ้นเสียง สีหน้าเอาเรื่อง
"ไม่ใช่แบบนั้น” ผมอ้าแขน มันจึงก้าวขึ้นมาบนเตียงกอดผม “ตัวมึงอุ่นดีจัง คืนนี้จะค้างเปล่า”
“กูกำลังจะกลับแล้ว นอนไป...พรุ่งนี้ต้องสอบอีก” มันดันตัวผมนอนห่มผ้าให้ นั่งอยู่ข้างเตียงคอยลูบหัวผม ผมที่ตื่นขึ้นมากลางดึกทั้งเหนื่อยทั้งเพลียจึงผล็อยหลับอย่างรวดเร็ว
สอบไฟนอลผ่านไปอย่างราบรื่น ผมทำคะแนนได้เกินครึ่งแน่นอน ดีไม่ดีอาจจะได้เกรดสามกว่าด้วย ต้องขอบคุณมันที่ช่วยติวให้ผมจนสอบผ่านฉลุย ส่วนเรื่องสอบเข้ามหา’ลัยผมว่าผมอาจจะสอบติดนะ ลองเทียบคะแนนดูแล้วมีโอกาสสูงมากที่จะได้เรียนมหา’ลัยเดียวกับมัน
“ไงไอ้คุณหนู ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ทำได้ดิมึง” เพื่อนคนหนึ่งวิ่งมาตบหัวผมแล้วโอบบ่าโยกไปมาทักทาย
“เออ รู้สึกดีว่ะเรียนจบมัธยมแล้ว” ผมเริ่มดูคอนโดฯ ใกล้มหา’ลัยไว้แล้วครับ ถ้ามันสอบติดผมจะชวนมันมาพักด้วยกันจะได้ช่วยมันลดค่าใช้จ่าย
ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ ก็มีคนปัดมือบนบ่าของผมออก มันผลักเพื่อนกระเด็นแล้วดึงเอวผมไปกอดแทน “หิว...ไปแดก”
ผมจะขัดคำสั่งมันได้หรือครับ ผมหันไปยิ้มให้เพื่อนที่ถูกผลักขอโทษแทนมัน
“กินอะไรกูเลี้ยง”
“เฮ้ย ไม่ต้อง เดี๋ยวกูเลี้ยงเอง” ผมรีบปฏิเสธ
“หน้าตากูเหมือนพวกไม่มีจะกิน?”
ผมเลยยอมปล่อยให้มันเลือกร้าน เราไปกินสเต๊กกัน มันเป็นจำพวกสัตว์กินเนื้อแทบไม่กินผักเลย แพ้อาหารทะเลอีก
“กูดูคอนโดฯ ไว้แล้วนะ ถ้ามึงสอบติดไปอยู่ด้วยกันกับกูไหม”
มันวางมีดกับส้อมแทบจะทันที จ้องหน้าผมแล้วคลี่ยิ้มบาง “เอาสิ...กูไม่ช่วยจ่ายค่าเช่าหรอกนะ”
“กูจะให้คุณย่าซื้อ มึงไม่ต้องห่วงหรอก เรียนเก่งๆ ออกมาทำงานอยู่กับกูก็พอ”
“เอ้าลองชิมเนื้อแกะ ร้านนี้ทำอร่อยไม่เหม็นสาบ” มันเฉือนเนื้อมาวางบนจานผม แววตาอ่อนโยนไม่เหมือนวันก่อนๆ วันนี้มันคงอารมณ์ดีที่สอบเสร็จแล้ว
“กินนี่เสร็จแล้วไปกินไอติมไหม มึงชอบไอติมร้านนั้นนี่” ที่ห้างนี้มีไอติมร้านโปรดของผมด้วยครับ
ผมดีใจที่มันจำเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เกี่ยวกับผมได้ มันไม่เคยเอาใจผม ทำเซอร์ไพรส์วันสำคัญ หรือพูดจาหวานๆ หรอก แค่ไม่ด่าผมก็บุญโขแล้ว
“รัมเรซินกับ วานิลลาช็อกโกแลตชิปใช่ไหม” ปากมันไม่ได้ยิ้ม แต่แววตาของมันทำผมหัวใจพองโตไปหมด