A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพบทส่งท้าย (21/06/60 )
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: A Merman รักนี้สีน้ำทะเล Yaoi อัพบทส่งท้าย (21/06/60 )  (อ่าน 22366 ครั้ง)

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0


ตอนที่ 24

ค้นหาความจริง ( 5 )

เชื่อมั่นในพลังแห่งรักของเรา

 

Special  Part :

“น้องจ้าว!  น้องจ้าวครับ!”

“แค่ก!  แค่ก!”

“อ๊ะ  น้องจ้าว  ค่อยยังชั่ว  ยังไม่ตายจริงๆด้วย”

หมับ!

ร่างกายถูกฉุดขึ้นไปกอดไว้แนบแน่น  ผมไอค่อกแค่กรู้สึกเหมือนจะอ้วกเสียมากกว่าด้วยซ้ำ  ในท้องก็แน่นจนแทบจะขึ้นอืด

“กะ…เกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย”

“จำไมได้เหรอครับ  น้องจ้าวฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดหน้าผา  แล้วพี่ก้านก็กระโดดตามลงมาช่วย  แต่คิดว่าเราทั้งคู่คงจมน้ำแล้วโคดีถูกคลื่นซัดมาติดเกาะที่ไหนก็ไม่รู้เข้า”

ผมขมวดคิ้วแปลกใจ  เพราะเสียงที่ได้ยินมันค่อนข้างเหมือนเสียงของไอ้พี่ก้านอย่างกับแกะ

“แน่ะ  ขมวดคิ้วขนาดนี้  ระวังคิ้วมันจะพันกันจนแก้ไม่ออกนะ”

“!!!”

ลืมตาโพล่งเมื่อมั่นใจว่าเสียงนี้คือเสียงของไอ้พี่ก้านแน่ๆ!

ผมอยู่ในอ้อมกอดของมันที่ร่างกายเปียกม่อล่อกม่อแลกพอกัน  เส้นผมสีดำสนิทยาวเฟื้อยของมันพอเปียกแล้วดูเซ็กซี่ฉิบหาย

อ๊ะ  ไม่สิ  นี่ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องพวกนี้นี่หว่า!

“ปล่อยนะเว้ย!”

“ไม่ปล่อย  อย่าดิ้นหนีสิครับ  น้องจ้าวเพิ่งฟื้นจากความตายมาได้นะ”

“กูอยากตายเอง  มึงมาช่วยกูทำไม”

“ผัวมีหน้าที่ต้องช่วยเมียสิ  เห็นเมียจะตายอยู่ต่อหน้า  จะไม่ให้ช่วยได้ยังไง”

ยักคิ้วอย่างทะเล้นใส่  ผมง้างหมัดขึ้นตั้งใจจะต่อยหน้ามันให้หายแค้น  แต่เพราะเพิ่งผ่านความตายมาอย่างที่มันว่าก็เลยไม่มีแรงมากพอจะทำแบบนั้น  ผลสุดท้าย...

หมัดของผมร่วงตุ้บลงข้างตัวอย่างง่ายดาย

“เก็บแรงไว้ก่อนดีกว่านะ  พี่ก้านว่าเราคงต้องอยู่ที่นี่ด้วยกันอีกนาน  ไม่รู้ว่าคลื่นพัดพาพวกเรามาที่เกาะไหน?”

ไอ้พี่ก้านดันหลังผมให้ทรงตัวได้  รอบตัวเรามีแต่น้ำทะเลและต้นไม้  ท่าทางจะติดเกาะจริงๆเสียด้วยสิ

“คลื่นขนาดนั้น  รอดมาได้ไงวะ”

ตั้งคำถามกับตัวเอง

“พี่ก้านก็สงสัยอยู่เหมือนกัน  อุตส่าห์ว่าจะตายตามเมียสักหน่อย”

“ใครเมียมึง  ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ”

“พี่ก้านเอาใครไปก็คนนั้นน่ะแหละ”

“กวนตีน!”

ทั้งที่ปากด่าไปแบบนั้น  แต่ในใจผมกลับเต้นแรง

ความจริงก่อนหน้านี้แทบกลายเป็นเพียงความฝันไปเลยเมื่อที่แห่งนี้มีแค่เราสองคน  อยากจะขอให้ทั้งหมดเป็นเพียงฝันร้ายที่สุดในชีวิตจังเลย

“พี่ก้านว่าเราไปหาที่พักกันดีกว่านะครับ  พี่ก้านจะเตรียมจุดไฟให้”

“จุดเป็นหรือไง  เอาไฟแช็กมาเหรอ?”

“เห็นแบบนี้แต่พี่ก้านก็ได้เป็นหัวหน้ากลุ่มลูกเสือทุกปีเลยนะ  เรื่องจุดไฟน่ะของหมูๆ”

ได้ทีรีบอวดเบ่งทันที

ผมเบ้ปากหมั่นไส้ในความโชว์พาวของมันเล็กน้อย

“มาครับ  พี่ก้านช่วยพยุง”

ร่างสูงลุกขึ้นยืนก่อนจะส่งมือมาให้   แน่นอนว่าผมทำหยิ่ง  ปัดมือมันทิ้งและตั้งใจจะลุกขึ้นยืนด้วยตัวเอง  แต่ทว่า…

แปล๊บ..!

“โอ๊ย!”

ฉะ…ฉากในละครน้ำเน่า!

ผมเหลือบตาขึ้นมองคนที่ยืนรออยู่ด้วยความเจ็บใจ  ขณะที่อีกฝ่ายเอาลิ้นดันกระพุ้งแก้ม  อมลิ้นแบบกลั้นขำผมเต็มที่

“อยากขำก็ขำไปเลย!”

“พี่ก้านยังไม่ได้ขำสักหน่อย  มาๆ  ขี่หลังพี่ก้านเนอะ”

มาทำขยิบตงขยิบตาแอ๊บแบ๊ว  เดี๋ยวกูก็ตบฟันร่วงเลย!

แต่ด้วยตอนนี้ร่างกายผมยังไม่แข็งแรงเท่าที่ควรเลยต้องยอมๆมันไปก่อน  ค่อนไปทางงุนงงเสียด้วยซ้ำว่าเร่องราวมันพลิกจากหลังตีนเป็นฝ่ามือภายในพริบตาแบบนี้ได้ยังไง  พี่ก้านย่อตัวลงเพ่อให้ผมขึ้นขี่หลังมันได้ง่ายๆ

“ฮึบ!”

“…”

“นึกว่าแบกช้างนะเนี่ย”

“ไอ้พี่ก้าน!”

กูว่าจะสงบปากสงบคำแล้วเชียว  แต่ปากมึงนี่วอนหาเรื่องมาก!

“แหะๆ  ล้อเล่นจ้าๆ  แบกเมียแค่นี้ทำไมจะแบกไม่ได้”

“ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ  ใครเมียมึง  เมื่อไหร่จะเลิกพูดสักที”

“ก็น้องจ้าวเป็นเมียพี่ก้านจริงๆนี่นา  ไม่เช่อคืนนี้ลองพิสูจน์ไหมล่ะครับ  ขาเจ็บแบบนี้คงไม่มีแรงถีบพี่ก้านแน่นอน” 

“ไอ้พี่ก้าน!!!”

หมับ!

“โอ๊ยๆๆๆ  เจ็บครับๆ  เจ็บแล้ว  โอ๊ยยย  ยอมแล้วจ้าๆ  โอ๊ยยยย”

เสียงร้องโอดครวญดังลั่นไปทั่ว

ไอ้ตุ๊ดกระโปรงบานเอียงคอไปตามทิศทางที่โนผมดึงหู

หมับ!

“อ๊ะ!   ทำเหี้ยไรวะ!”

ผมร้องลั่นเมื่อถูกอีกฝ่ายใช้นิ้วรูดการ์ดตรงบั้นท้ายผม  ทำเอาเสียววาบยันลำไส้เลย

“หายกันไงครับ”

“ไอ้ลามก!”

ถึงจะโดนด่าขนาดนี้แต่ก็ยังไม่สะท้าน  สุดท้ายก็เป็นผมเองที่ต้องเงียบไปโดยปริยายเพราไม่อยากโดนท่าไม้ตายรูดการ์ดนั่นอีก

พี่ก้านพาผมมานั่งที่ใต้ต้นไม้ใหญ่  ก่อนจะเดินไปหยิบเศษก้านมะพร้าวที่ตกอยู่บนพื้นมาปูทับกันเพื่อทำที่นอนให้  ผมได้แต่นั่งมองมันทำนู่นทำนี่ตาปรบๆเพราขาเจ็บอยู่เลยช่วยอะไรไม่ได้เลย

แปลกแฮะ  ทั้งที่ภายนอกมันดูเหมือนกะเทยร่างยักษ์  แต่ว่าเพราะเกิดเรื่องฉุกเฉินขึ้นแบบนี้กลับ…

กลายเป็นคนที่พึ่งพาได้ขึ้นมา

“นี่…”

ระหว่างที่พี่ก้านกำลังพยายามจุดไฟให้ติดด้วยการเอากิ่งไม้มาทูกับท่อนไม้ขนาดเท่าท่อนแขนผมก็เอ่ยขึ้น

พี่ก้านชะงักเล็กน้อย  หันมามองผมโดยไม่พูดอะไรกลับมาเพื่อรอให้ผมเป็นฝ่ายพูดก่อน

“ทำแบบนี้ทำไม”

“ทำอะไรครับ?”

“ตอนที่กระโดดลงมา  กูได้ยินเสียงมึง  มึง…”

“…”

“กระโดดตามกูลงมาใช่ไหม  ไม่งั้นคงไม่มาติดเกาะด้วยกันแบบนี้หรอก”

“ยังรู้ใจพี่ก้านเหมือนเดิมหรอกนะ”

มันตอบโดยไม่มองหน้า  ยังคงง่วนกับการจุดไฟต่อไปเพราพระอาทิตย์ใกล้จะตกดินเต็มทีแล้ว

“ทำไมล่ะ  ทำไมต้องกระโดดตามกูลงมา  ในเมื่อถ้ากูตาย  มึงน่าจะดีใจไม่ใช่เหรอ  อย่างน้อยๆ  ก็ไม่ต้องมาคอยกังวลหรือว่าเจ็บปวดเพราะเรื่องของกูอีก”

เสียงเศร้าไปตามความรู้สึก  ยิ่งนึกว่าก่อนหน้านี่เกิดอะไรขึ้นบ้าง  ผมก็ยิ่งเจ็บและไม่รู้ว่าควรแสดงท่าทียังไงดี

ในหัวมัน…

ตื้อไปหมดแล้ว

“ไม่ว่าน้องจ้าวจะกระโดดหน้าผากี่ครั้ง  หรอจะพยายามฆ่าตัวตายอีกกี่ครั้งก็ตาม  พี่ก้านก็จะไปด้วย  เราจะตายด้วยกัน  ถ้าน้องจ้าวต้องการ”

“ทำไม…”

“ไหนๆตอนนี้ก็รู้ความจริงเกือบทั้งหมดแล้ว  บอกเลยก็คงไม่เป็นไร”

“…”

“พี่ก้านรักน้องจ้าว  รักมาก  รักมาตลอด  เพราะรัก  ถึงห้ามใจตัวเองไม่ได้แล้วจับน้องจ้าวทำเมียไปยังไงล่ะครับ”

ว่าพลางหันมายิ้มเจ้าเล่ห์ให้ผม  คำว่าจับผมทำเมียของมันทำเอานึกถึงเหตุการณ์ที่เคยตกเป็นของมันมาสองครั้ง

ฉ่า!!!

คะ…แค่นึกเท่านั้น  ใบหน้าของผมก็ร้อนผ่าวเหมือนโดนเตารีดแทบหน้าเลย!

“เอ้าๆ  หน้าแดงหมดแล้วนะครับ   น่ารักจริงๆ”

“พูดบ้าๆ!  ไหนมึงบอกเป็นพี่น้องกันไม่ใช่เหรอ  สายเลือดเดียวกัน  จะรักกันได้ไง!”

“เรื่องนั้น…ไว้เราหาทางกลับจากที่นี่ได้เมื่อไหร่  พี่ก้านจะค้นหาความจริงเอง”

“หมายความว่ายังไง”

“หมายความว่าบางที  คนที่โง่ที่สุดอาจจะเป็นพี่ก้านก็ได้ไงล่ะครับ  โดนหลอกมาตั้งหลายปี  หึ…”

แววตาของพี่ก้านว่างเปล่าเสียจนน่ากลัว  ไม่เข้าใจเลยว่ากำลังหมายถึงอะไรกันแน่  แต่คนอย่างมัน  ถ้าเรื่องไหนที่ไม่อยากบอก  ต่อให้เอาตีนยัดเข้าไปในปากแล้วง้างออกมันก็ไม่พูดหรอก!

“ไม่รู้หรอกนะว่าหมายถึงอะไร  แต่…กูเหนื่อยที่จะถามเอาความจริงจากปากมึงแล้ว  อยากบอกเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน”

หลังจากที่เพิ่งผ่านวินาทีแห่งความตายมา  บอกเลยว่าผมแอบรักชีวิตตัวเองขึ้นเยอะ  ตอนที่น้ำทะเลเข้าปากจนสำลักและหมดสติไปนั้น  ทรมานอย่าบอกใครเชียว…

“ขอบคุณนะครับ  ที่เชื่อใจพี่ก้าน”

อีกฝ่ายหันมาส่งยิ้มอ่อนโยนให้

ถ้าไม่เชื่อใจมึง  จะให้กูเชื่อใจแมวที่ไหนล่ะ  ในเมื่อ…คนที่ยอมเจ็บปวดคนเดียวเพื่อปิดบังความลับเหล่านั้นตลอดเพื่อกูก็มีแค่มึงคนเดียว

ที่สำคัญ…

การที่มันกระโดดน้ำตามผมลงมาเพื่อหวังจะตายไปด้วยกัน  มันก็พิสูจน์ได้มากพอแล้วว่าสำหรับพี่ก้าน…

เพื่อผมแล้ว…

เขายอมให้ได้แม้แต่ชีวิตของตัวเอง

คำว่า…ถ้าจะตาย  เราก็จะตายด้วยกันน่ะ  ถ้าใครไม่ได้มาฟังคำนี้ด้วยตัวเอง  จะไม่เข้าใจเลยมันอบอุ่นแค่ไหน

“แล้ว…ช่วงที่ยังอยู่ที่นี่  พวกเรา…”

“…”

“จะเป็นอะไรกันเหรอ”

“หืม?  น้องจ้าวว่ายังไงนะครับ  พี่ก้านได้ยินไม่ชัดเลย  โอ๊ะ!  ไฟติดแล้วล่ะ”

ให้ตายสิ  คิดจะแกล้งกันหรือไงวะ!

พี่ก้านเอาเศษไม้และใบไม้สุมเข้าไปจนกองไฟใหญ่ขึ้นพอที่จะให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายและกันพวกแมลงต่างๆ  ก่อนจะลุกขึ้นเดินมานั่งข้างๆผม  แต่ว่า…

“ถ้าจะนั่งเบียดขนาดนี้  ไม่ขึ้นมานั่งบนตักกูเลยล่ะ”

“ได้เหรอครับ!”

“กูประชด!”

“ไม่เอาอ่ะ  เลิกพูดกูมึงกับพี่ก้านเถอะนะ  กลับไปพูดเหมือนเดิมไม่ได้เหรอ”

“นะ…นี่ไงเหมือนเดิม!  กูก็พูดแบบนี้มาสบเอ็ดปีแล้ว”

“ไม่เอาสิ  ไม่เอาในช่วงสิบเอ็ดปีนี้  เอาช่วงสิบสองปีก่อนหน้านั้นเลย  ได้ไหมครับ”

เอียงคอถามอย่างน่ารัก

ไอ้หน้าหวานๆปานน้ำผึ้งของมันนี่โคตรทำให้ใจเต้นรัว!   ผมเบือนหน้าหนีเพราะไม่สามารถต้านทานความน่ารักนี้ได้ต่อไป  แต่ก็ไม่วายถูกมันจับให้หันกลับมาอีก

“พี่ก้านยังไม่ได้ตอบคำถามน้องจ้าวเลย  อย่าเพิ่งหันหน้าหนีกันสิ”

“มะ…ไม่ถามแล้ว!”

“แต่พี่ก้านอยากตอบ”

“ก็ไม่อยากรู้นี่โว้ยยยย!”

“แฟน”

“!!!”

“ในช่วงเวลาที่อยู่ที่นี่  พวกเราจะเป็นแฟนกัน  และทันทีที่กลับไป  พี่ก้านจะสืบหาความจริงเรื่องของน้องจ้าวทันที  และถ้าสุดท้ายมันคอเรื่องโกหก  ถึงตอนนั้น…”

“…”

“มาอยู่ด้วยกันนะ”

“พี่ก้าน…”

“นะครับ”

ผมเม้มปากแน่น  เหลอกตาขึ้นฟ้าเพื่อกลั้นน้ำตาแห่งความดีใจของตัวเอง  ถึงจะยังงงๆว่าอะไรทำให้ความคิดของพี่ก้านเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้แบบนี้

แต่ผม…

รู้สึกดีเหลือเกิน

เหมือนหัวใจถูกซ่อมแซมบาดแผลทั้งหมดที่ได้รับมาก่อนหน้านี้  คล้ายกับมีสายน้ำเยนไหลรินพาดผ่านดวงใจที่ร้อนรุ่มของผม

“สัญญานะ”

เอ่ยถามเสียงสั่นทั้งน้ำ  ผมจ้องหน้าพี่ก้านที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้  เขาส่งยิ้มหวานละลายใจที่ทำให้ผมอบอุ่นทุกครั้งที่มองมาให้

“สัญญาครับ”

“หะ…ห้ามทิ้งผมอีกนะ”

“อื้ม  แน่นอนครับ”

“จะไม่ไล่ผมอีกใช่ไหม”

“ไม่ไล่แล้วครับ”

“ฮึก…”

“…”

“รัก…”

“…”

“ผม…รักพี่ก้านนะ”

หมับ!

สิ้นคำบอกรักของผม  ร่างกายก็ถูกคนตรงหน้าดึงเข้าไปกอดไว้แน่น

ผมค่อยๆยกมอขึ้นกอดเขากลับ

ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีวันนี้…  ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีวันที่ผมรับรู้ได้ถึงความรักจากเขาโดยตรง…

“พี่ก้านก็รักน้องจ้าว  รักจนแม้ต้องตายก็ยอม”

“พี่ก้าน  ฮึก…”

เราสองคนค่อยๆผละออกจากกัน  ริมฝีปากถูกเคลื่อนทับปิดแนบสนิท  ส่งผ่านความรู้สึกทั้งหมดที่อัดแน่นอยู่ภายในมาเนิ่นนาน…

พี่ก้านค่อยๆดันตัวผมให้นอนราบลงไปกับพื้น  เสื้อผ้าที่เปียกถูกถอดออกอย่างรวดเร็ว  ไออุ่นจากกองไฟโอบกอดร่างเปลือยเปล่าของเราทั้งคู่เอาไว้  ผมหลับตาแน่นขณะที่ถูกกอดไว้แน่นยิ่งกว่า  ยามที่ลิ้นร้อนเข้าสัมผัสกับร่างกาย  หัวใจมันแทบจะหยุดเต้นไปเลย…

“อื้อ!”

สองมือยกขึ้นปิดปากเพื่อกลั้นเสียงที่เกิดขึ้นจากความรู้สึกอิ่มเอมล้วนๆ  สองขาถูกแยกออกจากกันและดันขึ้นจนหัวเข่าชนกับหน้าท้อง  หนทางแห่งความสุขถูกรุกล้ำด้วยเรียวลิ้นแห่งความหฤหรรษ์

อ่อนโยน…

นุ่มนวล…

และเร่าร้อน…

เขาเก่งเรื่องทำให้ผมรู้สึกดีทั้งทางร่างกายและจิตใจจริงๆ

“อึก!”

ความอึดอัดจากการเป็นหนึ่งเดียวกันช่างสุขสมเหลือเกิน

ผมโอบรอบลำคอกอดคนตัวใหญ่กว่าเอาไว้แน่น  สบตามองกันขณะที่เขากำลังดำเนินความสัมพันธ์ของให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

“รู้สึกดีไหมครับ”

พยักหน้ารับเพราะถึงอยากจะตอบก็ตอบไม่ได้  ตอนนี้ที่ผมทำได้มีแค่ส่งเสียงครางบ่งบอกถึงความสุขที่ได้รับว่ามันมากมายแค่ไหน

“สงสัยเพราะไม่ได้ทำเสียนาน  แน่นเชียว…”

“ทะลึ่ง!  อื้อ!”

เสียงต่อว่าเป็นอันสลายหายไปเมื่อภายในถูกเติมเต็มเข้ามาสุดแรง  มันล่วงล้ำเข้ามาเสียจนผมอดกลัวไม่ได้ว่าอาจจะทะลุออกมาทางปากผม!

“อ่า…ชักจะหยุดไม่ไหวแล้วสิ”

ความเร็วในการเพิ่มความสุขรุนแรงขึ้น  จังหวะที่เคยเชื่องช้าแปรเปลี่ยนเป็นรวดเร็วราวกับติด 4G  ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกแย่ที่ตัดสินใจทำมันเลยสักนิด

กลับกัน…

ผมแทบไม่อยากให้ทุกอย่างมันจบลงในครั้งเดียว

 

“หมดสภาพมาเชียวนะ  กล้ามากที่แสดงความรักอย่างเร่าร้อนของเจ้าหญิงของข้าต่อหน้าต่อตากันแบบนี้!”

ก้านที่สวมแค่กระโปรงตัวเดียวเดินมานั่งแหกแข้งแหกขาตามประสาผู้ชายทั่วไปเปรยตามองเจ้าของเสียงที่อยู่ในทะเล

“พูดมากน่า  ทำแบบนี้นายก็จะได้รู้สักที  ว่าน้องจ้าวเป็นของฉัน  นายไม่มีวันแย่งเขาไปได้หรอก”

“ก็ไม่แน่หรอกนะ  อย่างน้อยข้าก็เปิดตัวทำคะแนนไปได้ดีพอสมควร”

“ถ้าน้องจ้าวรู้ว่านายเป็นตัวอะไร  ขี้คร้านจะรังเกียจน่ะสิ!”

“ใจร้ายจัง  ข้าอุตส่าห์ช่วยชีวิตเจ้าทั้งสองไว้เชียวนะ  แถมยังใจดีสงเคราะห์บอกความลับของเผ่าเงือกให้รู้ด้วย  ยังจะมาทับถมกันอีก”

เจ้าของเสียงแลบลิ้นใส่ก้านที่แสยะยิ้มอย่างไม่ยี่หระอยู่บนผืนทราย

“ว่าแต่  ที่นายบอกฉัน  เรื่องจริงแน่ๆใช่ไหม”

“แน่ยิ่งแน่  สำหรับสายเลือดผสม  ถ้าไม่ได้ถูกผนึกวิญญาณเงือกเอาไว้  ทะเลจะไม่มีวันคร่าชีวิตของคนผู้นั้น  ถ้าเจ้าหญิงของข้ามีสายเลือดของเงือกอยู่ในตัวโดยที่วิญญาณเงือกไม่ได้ถูกผนึกเอาไว้จริงๆ  คงไม่มีทางเกือบตายเพราะน้ำทะเลแน่ๆ”

“เพราะทะเล…”

“…”

“ไม่มีวันทำร้ายสิ่งมีชีวิตที่เกิดมาจากทะเลเด็ดขาด”

“เท่ากับว่า  ฉันต้องสืบหาให้ได้  ว่าน้องจ้าวถูกผนึกวิญญาณเงือกเอาไว้หรือว่า…”

“…”

“ไม่ได้มีสายเลือดของเงือกอยู่เลยกันแน่”

สายตาของก้านแน่วแน่กว่าทุกที  บุคคลปริศนาที่อยู่ในน้ำทะเลยิ้มแป้น   ก่อนจะดำผลุบลงไปใต้น้ำ  เผยให้เห็นหางอันแสนสวยงามที่ชี้ขึ้นมากระทบกับแสงจันทร์

 

“ทำอะไรอยู่เหรอครับ!”

ผมทิ้งตัวลงกอดพี่ก้านจากทางด้านหลังหลังจากตื่นนอนมาพบว่าถูกจับเอผ้าเรียบร้อยแล้ว  ส่วนคนใส่ให้ก็มางุ่นง่านอะไรอยู่แถวกองไฟไม่รู้

“ตื่นแล้วเหรอครับ  พี่ก้านกำลังย่างปลาให้น่ะ  อ้อ  มีน้ำมะพร้าวด้วยนะ  จะกินหรือว่าจะล้างหน้าดี?”

“เอาไว้ล้างหน้าพี่เหอะ!”

ว่าพลางคลายอ้อมกอดออก  แล้วกระดึ๊บๆไปนั่งข้างๆแทนเพื่อรอกินปลา

“พี่ไปจับปลามาเองเลยเหรอ  เก่งเหมือนกันนะเนี่ย”

“จะปล่อยให้เมียแสนน่ารักของพี่ก้านหิวได้ยังไงล่ะ  ว่าแต่…ตรงนั้นเป็นยังไงบ้างครับ  เมื่อคืนพี่ก้านทำไปซะเยอะเลยด้วย”

“พูดมากน่า  ผมไม่เป็นไรหรอก”

เบือนหน้าหนีด้วยความอาย

เมื่อคืนพวกเราแสดงความผูกพันทางกายกันหนักหน่วงและมากครั้งไปหน่อย  คงเพราะรักกันมากและคิดถึงกันมากล่ะมั้ง  ก็เลยรู้สึกว่ามันไม่พอสักที  ทั้งที่สุดท้ายพวกเราแทบไม่มีอะไรให้หลั่งออกมาจากตัวแล้ว  แต่พี่ก้านมันก็ยังไม่ยอมหยุด 

ผลสุดท้ายคือ…

สลบทั้งที่ยกสุดท้ายยังไม่จบเลยด้วยซ้ำ!

“วันนี้พวกเราจะได้กลับบ้านกันแล้วนะครับ  เดี๋ยวรูปปั้นคงเอาเรือมากรับพวกเรา”

“ไอ้ปั้น?  มันรู้ได้ไงว่าพวกเราติดเกาะ”

“เรื่องนั้นช่างมันเถอะครับ  พี่ก้านว่ารีบกินดีกว่า  จะได้…”

สายตากะลิ้มกะเหลี่ยเลื้อยมองไปทางบั้นท้ายของผม  ผมรีบตะครุบมันไว้อย่างหวนแหนทันที

กะ…กูยังไม่ทันได้กลับมาฟิตดังเดิมเลยนะ  มึงคิดจะเอาอีกแล้วเรอะ!

“ฮ่าๆๆ  พี่ก้านล้อเล่นน่า  เว้นสักสองสามวันละกัน”

“สองสามวันเองเรอะ!  ขอต่อเวลาเป็นสามเดือนได้ไหม”

“งั้นพี่ก้านให้วันเดียวพอ”

“เฮ้ย!”

“น้องจ้างจะบ้าเหรอครับ  จะให้พี่ก้านอดทนตั้งสามเดือนโดยไม่ได้แซ่บกับน้องจ้าวเนี่ยนะ  มีหวังเฉาตายพอดี  พี่ก้านรอมานานแค่ไหนรู้บ้างไหม  เราน่ะยั่วพี่ก้านมาตั้งแต่ห้าขวบแล้วอย่ามาทำไม่รับผิดชอบกันนะ!”

ทำไมคำพูดมันแปล่งๆชอบกล  นั่นมันสมควรจะเป็นคำพูดผมไม่ใช่หรือไง!

“สะ…สามวันเหมือนเดิมก็ได้”

“ดีมากเด็กดี  ครบสามวันเมื่อไหร่พี่ก้านจะทบต้นทบดอกให้ยิ่งกว่าเมื่อคืนเลย”

กลืนน้ำลายลงคอด้วยความ(หวาด)เสียว

เมื่อคืนนั่นว่าสุดๆแล้วนะ  ยังมีอัพสกลเพิ่มอีกเหรอ  ตายแน่ๆกู!

“จริงสิ  หลังจากกลับไปคราวนี้  พี่ก้านมีเรื่องให้ช่วยเยอะเลยล่ะ”

“เรื่องอะไร?”

“เชื่อมั่นในพลังรักของพวกเรา  แล้วช่วยพี่ก้านได้ไหมครับ?”

มาอีกแล้ว…

ท่าไม้ตายเอียงคออย่างน่ารักเหมอนสาวญี่ปุ่นนั่น!

ว่าแต่…จะมีเรื่องวุ่นๆอะไรตามมาอีกนะ  เฮ้อ!!!

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  หลังจากซดมาม่ามาหลายตอน  ตอนนี้เลยขอมาแจกลูกกวาดให้กินกันบ้าง  พี่ก้านคนหื่นของเราจัดหนักจัดเต็มซะน้องลุกไม่ไหวเลยแฮะ 55555  ว่าแต่  สรุปแล้วเรื่องของน้องจ้าวเป็นยังไงกันแน่นะเนี่ย  ตกลงว่าพวกเขามีสายเลือดเดียวกันจริงหรือเปล่า  แล้วคนที่พี่ก้านแอบคุยด้วยกลางดึกนั่นคือใครกัน?  ที่แน่ๆ!  มีหางด้วยล่ะ!

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0


ตอนที่ 25

องครักษ์จากแดนเงือก

 

“แน่ใจเหรอรูปปั้นว่าอยู่คนเดียวได้”

ไอ้พี่ก้านที่ยืนคาอยู่ตรงประตูห้องร่วมสิบนาทีชะโงกหัวกลับเข้ามาถามผมอีกครั้ง

หลังจากที่มันนอนเฝ้าผมมาทั้งคืน  ผมก็ตัดสินใจสั่งให้มันกลับไปพักผ่อนที่บ้านเสีย  เพราะตอนกลางวันพยาบาลจะเดินตรวจบ่อย  ไม่จำเป็นต้องอยู่เฝ้าก็ได้  แต่ท่าทางมันจะไม่ค่อยอยากกลับเท่าไหร่นักเพราะห่วงผม

“อยู่ได้  พี่กลับไปเหอะ”

“แต่…”

“จะกลับไปดีๆหรือจะให้เตะออกไป?”

“อะ…ออกไปดีๆก็ได้จ้า”

ตอบเสียงอ่อนก่อนจะค่อยๆออกจากห้องไป

ช่วงเวลาแห่งความสงบสุขของผมกลับมาอีกครั้ง

ในที่สุดก็มีเวลาได้คิดอะไรคนเดียวเสียที  เมื่อคืนจะคิดเรื่องเจ้าชายสักหน่อย  ไอ้พี่ก้านแม่งก็ชวนคุยเรื่องสมัยเด็กอยู่นั่นแหละ

ผลสรุปก็ไม่ได้คิดเรื่องเจ้าชายเลยแม้สักวินาทีเดียว

ไอ้จ้าวเองวันนี้ก็ไม่โผล่หัวมาเลย  ทั้งที่ปกติจะต้องถ่อมาหาพี่ดาวตั้งแต่เช้าแล้วแท้ๆ  แถมเมื่อวานพอกลับมาจากส่งไอ้จ้าว  พี่ก้านก็ดูซึมกะทือจนน่าแปลกใจ

เจ้าชายแปลกคน เอ๊ย  ตัวเดียวไม่พอ  พวกมันสองคนยังมาร่วมขบวนกันทำตัวแปลกๆอีก  คนปกติคนเดียวอย่างกูไปต่อไม่ถูกเลย!

พอๆ เลิกคิดเร่องมั่วซั่วแล้ววกกลับมาเรื่องของเจ้าชายอีกครั้ง  ท่าทีที่แปลกไปของเขาเมื่อวานนี้มันหมายความว่ายังไงกันนะ  ทำไมจู่ๆๆถึงทำเย็นชาขึ้นมาอีก  ซ้ำยังหายไปหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆอีกด้วย  ทำไมชอบทำอะไรเองโดยไม่ปรึกษาผมบ้างนะ

ก๊อกก๊อกก๊อก

“หมอมาฉีดยาให้ครับ  รบกวนคนไข้นอนคว่ำลงด้วยนะ”

ประตูห้องเปิดออกพร้อมผู้ชายในชุดกาวน์เดินเข้ามา

ผมพลิกตัวนอนคว่ำตามที่คุณหมอสั่งอย่างงงๆด้วยก่อนหน้านี้ไม่เคยมีพยาบาลคนไหนมาฉีดยาให้ผมเลยสักวัน

“เอ่อ  ผมต้องฉีดยาด้วยเหรอครับ  ยาอะไรล่ะ?”

“เอาล่ะ  หมอขอถอด…”

“หืม?”

“หมอหมายถึงถกกางเกงลงน่ะครับ”

“เดี๋ยวนะหมอ ฉีดยาตรงไหนเนี่ย”

“ก้นครับ”

เสียงแป้นตอบกลับมา

กางเกงค่อยๆถูกหมอร่นลงไปเกือบครึ่งตูด  ผมฟุบหน้าลงกับหมอน  แอบอายนิดหน่อยที่ต้องมาโชว์ก้นให้เขาเห็น  ถึงจะแค่นิดหน่อยก็เหอะ

“!!!”

ตาเบิกโพล่ง  เมื่อก้นถูกลูบไล้ด้วยฝ่ามือที่ไม่คุ้นเคย  ผมรีบพลิกตัวกลับเป็นนอนหงาย  แต่เพราะลืมไปว่ากางเกงมันถูกร่นลงมา  พอนอนหงายปุ๊บเลยกลายเป็นโชว์น้องชายแทน  ทำเอาต้องรีบดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดไว้ก่อนเป็นการด่วน

“ทำอะไรของคุณเนี่ย!  คุณเป็นใคร!”

“ฮ่าๆๆๆ  เพราะแบบนี้เองสินะเจ้าชายถึงเลือกคุณเป็นเมีย”

“พูดอะไรของคุณน่ะ?”

“ไม่ต้องปิดหรอกครับ  ที่ผมมาที่นี่ก็เพราะตั้งใจจะมาแนะนำตัวกับคุณตั้งแต่แรกอยู่แล้ว  ผมฟรานซิส  แต่ชื่อในโลกมนุษย์ของผมคือหมอหมาก  ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการนะครับ”

อีกฝ่ายโค้งคำนับผมเล็กน้อย  พอตัดเรื่องที่มันลวนลามผมเมื่อกี้ออกไป  หน้าตาของหมอนี่นับว่าหล่อใช้ได้  ไม่สิ  ต้องหล่อมากๆเลยทีเดียว!

แต่เดี๋ยวนะ!

เมื่อกี้นี้มันพูดว่า…

“ละ…โลกมนุษย์?”

“ครับ  ผมเป็นเงือก  เป็นองครักษ์ประจำตัวเจ้าชาย  คิดว่าได้เวลาแล้วที่พลังในตัวเจ้าชายจะตื่นขึ้นมาทั้งหมด  ผมมาที่นี่ก็เพื่อจะมารับตัวเจ้าชายกลับไปยังแดนเงือก  เข้าพิธีจำศีลเจ็ดวันเจ็ดคืนรอจนถึงวันพระจันทร์สีเลือดที่จะมาถึง  เมื่อถึงวันนั้น…”

“…”

“เจ้าชายจะได้ขึ้นครองราชย์  พลังของเจ้าชายจะสามารถทำลายกบฏทุกตัวที่คิดจะล้มล้างบัลลังก์ของท่าน”

“…”

“หากผู้ใดไม่มีจิตใจจงรักภักดีต่อองค์ราชา  มันผู้นั้นจะสลายหายไปราวกับฟองคลื่นด้วยคำสาปจากพลังขององค์ราชาครับ”

มันชักจะแฟนตาซีไปกันใหญ่แล้ว

แข่งกับแฮรี่ พ็อตเตอร์ได้เลยนะเนี่ย!

“แล้วคุณมาบอกผมทำไม”

“เพราะคุณคือคนสำคัญของเจ้าชาย  ผมจำเป็นต้องรายงานทุกย่างก้าวของเจ้าชายให้คุณได้รับรู้”

“ถ้างั้นก่อนอื่นเลย  บอกได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับเขา  จู่ๆเมื่อวานถึงได้ทำเย็นชาใส่ผมแบบนั้น”

“เรามีเวลาอีกแค่สามวันก่อนที่ผมจะพาเจ้าชายกลับแดนเงือก  ซึ่งในเวลาสามวันที่เหลือนี้  พวกเราทุกคนจะต้อง…”

“…”

“พิสูจน์ให้ได้ว่าประกายดาวที่ปรากฏตัวในตอนนี้คอตัวจริงหรือไม่”

“หมายความว่าคุณเองก็สงสัยในตัวพี่ดาวเหมือนกันเหรอ?”

“คนที่น่าจะตายไปได้เกือบสองปีแล้วจู่ๆก็โผล่มา  ไม่มีทางที่จะไม่น่าสงสัยหรอกครับ  เจ้าชายเองก็คิดเรื่องนี้อยู่  เพียงแต่…ท่านไม่สามารถพูดออกมาได้หรือทำอะไรโจ่งแจ้งเกินไป   เพราะ…”

สีหน้าของฟรานซิสดูวิตกขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด

มันต้องเป็นเรื่องคอขาดบาดตายมากแน่ๆ!

“เพราะอะไรเหรอ?”

“ถ้าผมบอกไป  คุณสัญญาได้หรือไม่ว่าจะไม่คิดมาก  และจะเชื่อมั่นในตัวของเจ้าชาย  ว่าตอนนี้หัวใจของเจ้าชายอยู่ที่คุณเพียงคนเดียว”

“…”

“…”

“ได้  ผมสัญญา”

นาทีอะไรก็ต้องยอมหมดล่ะวะ  ผมต้องการรู้ทุกความเคลื่อนไหวและทุกเรื่องที่เกี่ยวกับเจ้าชาย  ผมไม่อยากเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่รู้อะไรอีกแล้ว

“เหตุผลที่เจ้าชายทำอะไรโจ่งแจ้งไม่ได้ก็เพราะ…องค์รัชทายาทลำดับที่สอง…”

“…”

“ลูกของเจ้าชายครับ”

“อะไรนะ!!!”

“ก่อนที่ประกายดาวจะหายไปและเราทุกคนคิดว่านางได้ฆ่าตัวตายไปแล้วนั้น  ความจริงแล้วเรื่องนี้  มีแค่ผมกับองค์ราชาเท่านั้นที่รู้  นั่นก็คือ…นางตั้งท้องกับเจ้าชาย  แต่นางขอให้องค์ราชากับผมและหมอหลวงปิดไว้เป็นความลับเพราอยากจะบอกเจ้าชายด้วยตัวเอง  แต่กลายเป็นว่านางกลับหายตัวไปเสียก่อน  และเมื่อทุกคนรวมถึงเจ้าชายปักใจเชื่อว่านางตายไปแล้ว  องค์ราชาจึงไม่คิดจะพูดเรื่องนี้ให้เจ้าชายฟังเพราะกังวลว่าเจ้าชายจะเสียพระทัย  แต่ตอนนี้ประกายดาวกลับมาแล้ว  แม้จะยังไม่แน่ชัดว่าใช่ตัวจริงหรือไม่  ผมก็ต้องตามสืบเรื่องนี้  เพราะหากนางคือตัวจริง  องค์รัชทายาทลำดับที่สองที่ไม่รู้ว่าจะเป็นโอรสหรือธิดานั้นจะต้องยังมีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน”

ฟรานซิสอธิบายเรื่องราวทุกอย่างมาทีเดียว  แม้ว่าจะโคตรตกใจกับเรื่องที่ได้ยินมากแค่ไหนก็ตาม  แต่ในเมื่อมันคือสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว  ผมก็คงทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับมันอย่างเต็มใจ

ลูกของเจ้าชายกับพี่ดาว…

เท่ากับว่าเป็นหลานของผม

ขอร้องล่ะ...ช่วยยังมีชีวิตอยู่ทีเถอะ!

“ตกลงครับ  ผมจะให้ความร่วมมือด้วยทุกอย่าง  ทั้งพิสูจน์ตัวจริงของพี่ดาว  พาเจ้าชายกลับวังและขึ้นครองราชย  รวมถึง…ตามหาตัวองค์รัชทายาทด้วย”

“ความจริงเจ้าชายส่งสั่งห้ามไม่ให้ผมบอกคุณเรื่องนี้เพราะห่วงเรื่องความปลอดภัยของคุณ  แต่ผมคิดว่า…นอกจากคุณกับเพื่อนของคุณอีกสองคนนั้น  คงไม่มีใครรู้จักประกายดาวไปดีกว่านี้อีกแล้ว”

“เรื่องนี้แค่ผมคนเดียวคงไม่ไหวสินะ”

หมายความว่าผมต้องดึงพี่ก้านกับไอ้จ้าวเข้ามาร่วมด้วยจริงๆน่ะเหรอ

“ก็แค่เรื่องของประกายดาวเท่านั้น  แต่เรื่องอื่น…ไม่จำเป็นต้องให้เพื่อนของคุณมายุ่งหรอกครับ”

“ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ  แต่ว่า…ผมเพิ่งไล่ให้พี่ก้านกลับไป  ส่วนไอ้จ้าว…ผมยังไม่เห็นหัวมันเลยตั้งแต่เช้า”

“เรื่องนั้นผมจะไปตามพวกเขามาให้เอง  ส่วนที่เหลือคงต้อง…ฝากคุณช่วยพูดด้วยนะครับ  เราไม่มีเวลามากแล้ว  หากพลาดคืนพระจันทร์สีเลือดในรอบนี้ไปก็จะต้องรออีกเกือบร้อยปีของมนุษย์เลยทีเดียว  ถึงตอนนั้นพวกกบฏมันอาจทำการโค่นล้มบัลลังก์ไปแล้วก็ได้”

“ไม่ต้องห่วงครับ  ผมจะช่วยอย่างเต็มที่  ฝากคุณตามองคนนั้นกลับมาให้ผมก็พอ”

“ได้ครับ  งั้นผมขอตัว”

ฟรานซิสคำนับผมอีกครั้งก่อนจะเดินออกจากห้องไปอย่างเร่งรีบ

ไม่ใช่แค่สงครามธรรมดาๆเสียแล้ว  แต่ยังพ่วงชีวิตน้อยๆของหลานผมอีกคน  จะยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่านะ  ถ้าเป็นลูกของพี่ดาว  ผมมั่นใจว่าพี่ดาวจะต้องสอนให้โตมาเป็นเด็กดีอย่างแน่นอน

แต่ว่า…

พี่ดาวที่กลับมาคนนี้…ไม่มีทีท่าจะพูดถึงเรื่องลูกเลยสักนิด  หรือว่า…จะเป็นตัวปลอม

“อ๊ากกก!  ปวดหัวโว้ย”

ทึ้งหัวตัวเองแก้เครียดจนผมหลุดติดมือมากระจุกหนึ่ง

ฉิบหายล่ะ  หัวกูจะล้านไหมเนี่ย!!!

 

แอ๊ด…

ประตูห้องพักฟื้นของพี่ดาวถูกเปิดออกอย่างเบามือ  ผมค่อยๆบิดลูกบิดประตูอย่างเบาที่สุด  ชะโงกหัวเข้าไปในห้องเพื่อตรวจสอบดูว่าเจ้าชายยังอยู่ไหม

และ…

เขากำลังหลับอยู่ข้างเตียงคนไข้โดยที่ฟุบหน้าลงกับเตียงที่พี่ดาวนอน

ผมเดินเข้าไปหาเขาอย่างเป็น  ท่าทางของเจ้าชายดูอิดโรยมาก  คงจะเหนื่อยมากเลยสินะ  เมื่อคืนนี้ก็หายไปกับฟรานซิสมาทั้งคืนเพราะเจ้าชายเองก็เพิ่งจะทราบเรื่องลูกจากฟรานซิสเช่นกัน  เขาคงช็อกและเสียใจมากที่ไม่แม้แต่จะได้เห็นหน้าลูกของตัวเอง

เพราะอะไรกันนะ?

ทำไมพี่ดาวจะต้องหนีไปด้วย

“เหนื่อยสินะครับ”

เอ่ยถามเสียงแผ่ว  มือข้างหนึ่งยกขึ้นลูบไปตามเส้นผมสีเขียวแสนสวยของเจ้าชาย  ผมอยากจะเป็นกำลังให้กับเขา  อยากจะสามารถช่วยเขาได้ในหลายๆเรื่อง  แต่ผมก็ไม่รู้เลยว่าตัวเองจะทำอะไรเพื่อเขาได้บ้าง

“…ก…”

“เจ้าชาย…”

“…ลูกพ่อ…”

น้ำเสียงเจ็บปวดที่ละเมอออกมากรีดหัวใจผมเหลือเกิน

อยากเจอลูกสินะครับ  ผมจะทำอะไรเพื่อคุณได้บ้างนะ  ทั้งที่รักคุณมากขนาดนี้  ทั้งที่ยอมทุกอย่างได้เพื่อคุณแล้ว  แต่ผมกลับรู้สึกว่าตัวเองไม่มีประโยชน์เอาเสียเลย

“หืม?”

บางอย่างสะกิดใจผมขึ้นมาเล็กน้อย

ผมผละมือออกมาจากเจ้าชาย  ไปหยุดยืนอยู่ใกล้พี่ดาวและจ้องมองไปยังจุดที่คิดว่าแปลกที่สุดอย่างจับผิด

ไม่ผิดแน่…

ร่างกายของพี่ดาวต้องเคยขยับหลังจากที่พวกผมมาค้นหาปานกันคราวก่อน!

เมื่อวานหลังจากที่จู่ๆเจ้าชายก็โผล่มา  ตอนวิ่งเข้ามาช่วยไอ้จ้าวแถ  ตอนนั้นมายืนอยู่ใกล้เตียงก็เลยแอบเอาปากกาขีดตำแหน่งที่พี่ดาวนอนอยู่เอาไว้  แต่ว่าตอนนี้…

ตำแหน่งที่ผมใช้ปากกาขีดเอาไว้กับถูกร่างของพี่ดาวนอนทับอยู่!

ถ้าหากเจ้าชายไม่ได้เป็นคนขยับตัวให้พี่ดาวล่ะก็... ความเป็นไปได้ก็เหลืออยู่เพียงอย่างเดียวเท่านั้นก็คือ…

พี่ดาวขยับเอง

แบบนี้ก็เท่ากับว่า…

ผมเก็บความสงสัยเอาไว้ในใจ  ค่อยๆเอื้อมมือไปข้างหน้าหวังจะแตะตัวพี่ดาว  ถ้าหากพี่ดาวฟื้นขึ้นมาแล้วล่ะ  มีเหตุผลอะไรที่เธอต้องแกล้งทำเป็นเจ้าหญิงนิทราต่อไป

หรือเธอต้องการสืบหาอะไรบางอย่าง  มีแผนงั้นเหรอ?

เอายังไงดีนะ  ปลุกเจ้าชายดีไหม?

“พี่…”

หมับ!

“อ๊ะ! อุ๊บ!”

มอหนายกขึ้นอุดปากผมอย่างวดเร็ว  ก่อนจะเอานิ้วชี้อีกข้างแตะไปที่ปากของตัวเองเพื่อเป็นสัญญาณบอกให้ผมเงียบเอาไว้

ฟรานซิสลากผมออกมาจากห้องพักของพี่อย่างรวดเร็ว

“คุณ!  เข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ  มาไม่ให้สุ้มให้เสียง”

ทันทีที่ถูกลากมากไกลจากห้องพอสมควร  ฟรานซิสก็ปล่อยผมให้เป็นอิสระเลยถูกผมยิงคำถามใส่ทันที

แหวะ!  มือมึงล้างขี้มาหรือไงวะ  เค็มโคตรๆ!

“ถ้าผมให้เสียงเจ้าชายก็จะทรงตื่นน่ะสิ  เข้าไปเงียบๆน่ะดีแล้ว  ว่าแต่คุณเถอะ  กำลังจะทำอะไร?”

“คุณมาก็ดีแล้ว  ผมมีเรื่องจะบอก”

อธิบายุทกอย่างที่ได้ทำไว้กับเตียงของพี่ดาวให้เขาฟังจนหมด  พร้อมกับข้อสงสัยที่ผมคิดว่าพี่ดาวอาจจะฟื้นขึ้นมาแล้วรอบหนึ่งและตอนนี้แกล้งทำเป็นหลับเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง

“งั้นเหรอ…ถ้าอย่างนั้นเราคงต้องรีบแล้วล่ะ  ถ้าเธอไม่ใช่ประกายดาวตัวจริง  เจ้าชายจะตกอยู่ในอันตราย”

“ครับ  ว่าแต่…คุณตามเพื่อนๆผมมาได้หรือยัง”

“โอ๊ะ  จริงสิ  เรื่องเพื่อนทั้งองคนของคุณ  คือว่า…พรุ่งนี้เช้าช่วยไปรับพวกเขาที่เกาะฝั่งตรงข้ามกับชายหาดบ้านคุณหน่อยได้ไหมครับ  พอดีพวกเขาติดเกาะกันอยู่”

“ติดเกาะ?!  มันเรื่องอะไรกันครับเนี่ย”

“คุณจ้าวกระโดดหน้าผาฆ่าตัวตายครับ  คุณก้านเลยกระโดดตามลงไปช่วย”

“ฆ่าตัวตาย!  คุณหมายความว่ายังไง  ทำไมไอ้จ้าวต้องฆ่าตัวตายด้วย  นี่ภายในเวลาแค่สองวันมันเกิดเรื่องมากมายขนาดนี้โดยที่ผมไม่รู้เหรอเนี่ย! “

ผมกระชากคอเสื้อฟรานซิสเข้ามาถามด้วยเคียดจัด  เป็นห่วงไอ้จ้าวก็เป็นห่วง  เป็นห่วงพี่ก้านก็เป็นห่วง  แต่เรื่องของตัวเองก็ยังเอาไม่รอด

เวรเอ๊ย!

“ใจเย็นๆครับ  ถึงพวกเขาจะฆ่าตัวตาย  แต่ผมก็ช่วยพวกเขาไว้ได้ทัน  คุณไม่ต้องห่วง  ส่วนเรื่องสาเหตุ  พรุ่งนี้ให้คุณถามพวกเขาเองดีกว่าครับ  ผมก็รู้อะไรไม่มากรักหรอก  อีกอย่างเรื่องบางเรื่อง  ฟังจากปากเจ้าตัวเองน่าจะทำให้รู้สึกดีมากที่สุด”

“คุณกำลังทำผมกลัวนะ”

“ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกครับ  เอาเป็นว่าพรุ่งนี้เช้าอย่าลืมไปรับพวกเขานะ  เราต้องรีบจัดการเรื่องประกายดาวให้เร็วที่สุด”

“ตกลงครับ”

รับคำไปอย่างงงๆ

ดูท่าว่าก่อนจะจัดการเรื่องพี่ดาว  ผมต้องไปเค้นเอาความจริงเรื่องที่เกิดขึ้นกับไอ้พี่ก้านก่อนเสียแล้ว!

 

ในมุมๆหนึ่ง  หญิงสาวในชุดผู้ป่วยกำลังแอบมองปูนปั้นและฟรานซิสด้วยสายตาวิตกกังวล  เธอบีบมือทั้งองข้างของตัวเองไว้แน่น  เหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นเต็มใบหน้า

 

‘มันรู้ตัวแล้ว  จะทำยังไงดี’

 

คิดในใจพลางตัวสั่นเทิ้ม

ความกลัวเข้าเกาะกินไปทั้งหัวใจ

 

‘ฉันต้องรีบจัดการเรื่องทุกอย่าง  ก่อนที่…มันจะได้ตัวองค์รัชทายาทลำดับที่สองไป!!!’

 

คิดอย่างมุ่งมั่นก่อนจะเดินเดินกลับไปที่ห้องพักฟื้นของตัวเอง

 

เช้าวันต่อมา  ผมรีบไปเอาเรือของลุงกิ่งขับไปรับพี่ก้านกับไอ้จ้าวที่เกาะร้างทันที  เมื่อคืนบอกเลยว่านอนไม่หลับสักนิด  อยากรู้ไปหมดทุกเรื่อง  ทำไมผมถึงรู้สึกว่าเรื่องนี้ผมโง่ที่สุดเลยนะ  แถมยังรู้ความจริงนู่นนี่นั่นหลังสุดอีกด้วย!

“อยู่ไหนกันนะ  อ๊ะ!  เจอแล้ว”

ผมเปลี่ยนทิศทางของเรือหันไปทางจุดที่พี่ก้านกับไอ้จ้าวนั่งรออยู่  แต่ยิ่งเรือเข้าไปใกล้  ผมก็ยิ่งสังเกตเห็นอะไรที่ผิดแปลกไปจากทุกที

มะ…มะ…มือ!!!

สองคนนั้นกำลงนั่งจับมือกันอยู่  แถมยังมีออร่าสีชมพูวิ้งวับจับตาไปหมดอีกต่างหาก!

“พี่ก้าน!  ไอ้จ้าว!”

ทันทีที่ได้ยินเสียงของผม  ไอ้จ้าวก็ทำท่าจะดึงมือของตัวเองออก  แต่พี่ก้านมันก็ยื้อไว้พลางหันมายิ้มต้อนรับผมเหมือนอย่างที่ชอบทำ

“มาแล้วเหรอครับรูปปั้น”

“อะ…อืม…”

ตอบก่อนจะกระโดดลงจากเรือ  จ้องไปที่มือของพี่ก้านที่กุมมือไอ้จ้าวไว้แน่นอย่างฉงน

“นี่ผม…พลาดอะไรไปหรือเปล่า?”

“ฮะๆๆๆ  ก็อย่างที่เห็นล่ะนะ  ตอนนี้พี่ก้านกับน้องจ้าว  พวกเรา…ตัดสินใจคบกันแล้วนะครับ”

“จริงดิ!”

“แต่…เฉพาะแค่ตอนอยู่บนเกาะนี้เท่านั้น  พอกลับขึ้นฝั่งไป  พี่ก้านมีเรื่องต้องสะสางก่อน  และถ้าผลมันออกมาแบบโชคชะตาเข้าข้างพี่ก้านกับน้องจ้าวล่ะก็…เราจะอยู่ด้วยกันทันที”

“เฮ้ย!  พูดเรื่องอะไรกันเนี่ย  สะสางอะไร  มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่  บอกมาเดี๋ยวนี้นะ”

ผมเร่งเอาคำตอบ

ไอ้จ้าวกับพี่ก้านมองหน้ากัน  สีหน้าของพวกมันดูท่าทางหนักใจทั้งคู่  ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่วะเนี่ย  เอาแต่คุยกันผ่านสายตากูไม่ได้รับรู้ด้วยนะเฟ้ย!

“รูปปั้น  คือว่า…พี่ก้านมีความจริงบางอย่างอยากจะบอก”

“อะไร?”

“สัญญามาก่อน  ว่าถ้ารู้แล้วจะไม่ตกใจ”

“…”

“เร็วสิวะไอ้ปั้น!”

ไอ้จ้าวเร่งแทน  ผมเลยต้องพยักหน้ารับคำแบบส่งๆไป  หน้าและคำพูดของพี่ก้านแม่งทำให้ผมเสียวสันหลังฉิบหาย

“ฟังให้ดีๆนะครับ  พี่ก้านจะพูดแล้วนะ”

“เออ!!!”

“เรื่องแรกเลยก็คือ…รูปปั้น  ความจริงแล้ว  พี่ก้านกับรูปปั้นเป็น…”

“…”

“…”

“…”

“พี่น้องสายเลือดเดียวกัน”

“!!!”

“เรามีพ่อแม่คนเดียวกันครับ  ส่วนเรื่องที่สอง”

“เดี๋ยว!”

“อะไรอีกล่ะรูปปั้น”

“เรื่องแรกกูยังไม่ทันจะหายตกใจเลย  มึงจะต่อเรื่องที่สองเลยเรอะ!”

ผมถามหน้าตาตื่น  ยังจับต้นชนปลายอะไรไม่ถูกทั้งนั้น

“ก็จะได้ตกใจทีเดียวไง  เอาล่ะนะ  เรื่องที่สองก็…น้องจ้าว  อาจะเป็นพี่น้องแม่เดียวดันกับเราสองคน”

“ฮะ!!!!!!!!”

“แต่เรื่องนี้รูปปั้นไม่ต้องเป็นห่วงนะ  พี่ก้านกับน้องจ้าวจะจัดการเอง  เพราะมันมีเรื่องแปลกๆไม่ชอบมาพากล  ทำให้พี่ก้านคิดว่าน้องจ้าวอาจไม่ใช่ลูกของแม่เราจริงๆก็ได้”

“หมายความว่ายไง?”

คราวนี้ไม่ใช่แค่มองที่ถาม  แต่ไอ้จ้าวเองก็ถามด้วยเช่นกัน

อ้าวๆ  แสดงว่ามันยังไม่รู้เรื่องนี้น่ะสิ

“เรื่องที่สาม  พี่ก้านบอกทั้งรูปปั้นและน้องจ้าวพร้อมกันเลยแล้วกันนะครับ  คิดว่าถึงเวลาที่จะต้องรู้ความจริงกันทั้งหมดเสียที”

ขอเอฟเฟกต์ตื่นเต้นอลังการหน่อยได้ไหม  ตอนนี้หัวใจผมเต้นตึกตักๆยิ่งกว่าเสียงปืนในสนามรบเสียอีก

“เรื่องที่สามก็คือ…”

“…”

“แม่ขวัญตาของพวกเรา…”

“…”

“เป็นนางเงือก”

“…”

“พวกเราคือครึ่งมนุษย์ครึ่งเงือกครับ”

“อะไรนะ!!!!”

ทั้งผมและไอ้จ้าวต่างก็ผสานเสียงกัน

นี่มันเรื่องอะไรกันแน่วะเนี่ย  กูงงไปหมดแล้ว!!!

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  รอบนี้หายไปนานม๊ากกกกก  มากจริงๆ  ด้วยงานและหลายๆอย่าง  บวกกับต้องการส่งหนังสือให้ครบก่อนด้วย  เพราะอยากให้นักอ่านที่อุดหนุนได้อ่านก่อนจะลงในเว็บจนจบ  ซึ่งตอนนี้ก็ได้จัดส่งไปหมดแล้ว  บิวเลยกลับมาทำการอัพต่อให้อ่านจนจบนะคะพร้อมกับมีเรื่องจะมาแจ้งด้วยว่า  คู่ของพี่ก้านและน้องจ้าวจะไม่จบลงในเรื่องนี้นะคะ  เพราะปมมันเล่นไว้หนักมาก  ถ้าจะอัดให้จบในเล่มนี้ก็จะกลายเป็นการตัดจบจนเกินไป  และจำนวนหน้าจะเกินโควตาที่ตั้งเป้าไว้ด้วย  จึงมีการเขียนเรื่องแยกของคู่นี้คือ “รักนี้…พี่จอง” ค่ะ  หลังจากนี้จะเป็นเรื่องราวของคู่หลักเท่านั้น  ซึ่งถ้าคู่รองจบไม่เคลียร์ในเรื่องนี้ก็อย่าตกใจนะคะ   มีเรื่องแยกต่อ แต่อาจจะไม่ยาวและหนาเท่าเรื่องนี้เท่านั้นเองค่ะ ^^

ปล. ใครต้องการสั่งซื้อหนังสือ  ตอนนี้มีสต๊อกอยู่ 20 เล่มนะคะ  พร้อมจัดส่ง   สามารถสั่งซื้อในเพจหรือเว็บไซด์ที่บิวเคยแจ้งไว้ได้เลยค่า ^^

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0


ตอนที่ 26

ฟื้นจากนิทรา

 

สามชั่วโมงผ่านไป

สามชั่วโมงมาแล้วหลังจากได้ฟังความจริงทั้งหมดจากพี่ก้าน  บอกตรงๆว่าผมยังเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง  ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่พี่ก้านคือพี่ชายแท้ๆ  และแม่ความจริงแล้วเป็นนางเงือก  รวมถึงพลังที่แม่ใช้สะกดวิญญาณเงือกในตัวของผมกับพี่ก้านอีก

ผมไม่เคยได้ยินเรื่องพวกนี้มาก่อนเลยจริงๆ

แต่ว่า…ถ้าหากเรื่องทั้งหมดที่พี่ก้านเล่ามาเป็นเรื่องจริง  มีเรื่องเดียวที่นั้นที่ผมไม่มีวันเชื่ออย่างแน่นอนคือ…

ไอ้จ้าวไม่มีวันเป็นลูกของแม่ผม

ต่อให้เป็นการอุ้มบุญก็ตาม  แต่จากนิสัยของแม่  แม่ไม่มีทางรับอุ้มบุญแน่นอน  เพราะเท่ากับว่าเด็กที่เกิดมาจะต้องกลายเป็นครึ่งเงือกไปด้วย  และจะทำให้เด็กคนนั้นต้องเป็นอันตรายจากพวกกบฏจากแดนเงือก  แม่ไม่มีทางทำให้เด็กที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวต้องเดือดร้อนแน่นอน

ผมคิดว่าพี่ก้านคงโดนพ่อของไอ้จ้าวหลอกแล้วล่ะ

และที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ…

ผมเชื่อใจแม่

แม่จะไม่มีทางยอมมีลูกกับคนอื่นที่ไม่ใช่พ่อเด็ดขาด

ตุ้บ…!

ที่ข้างๆมีคนมาทิ้งตัวนั่งลงด้วยท่าทางที่ยังอึ้งไม่หาย  ไอ้จ้าวเพิ่งได้ฟังความจริงทั้งหมดเกี่ยวกับเรื่องเงือก  ทั้งเรื่องของเจ้าชาย  พี่ดาว  และกบฏ   มันเลยช็อกหนักกว่าผมเป็นพิเศษ

“ไม่อยากจะเชื่อ   เรื่องจริงเหรอวะนั่น”

“เออ  ถ้าไม่ใช่เพรากูจำเป็นต้องพึ่งมึงเรื่องพี่ดาว  กูคงไม่ให้พี่ก้านบอกความจริงกับมึงหรอก  เพรากูไม่อยากดึงมึงเข้ามาเกี่ยวด้วย  กูไม่อยากให้มึงต้องเป็นอันตราย”

พูดในสิ่งที่คิดออกไปจนหมด  คนฟังนั่งนิ่งจ้องผมไม่วางตาจนผมต้องเป็นฝ่ายเอ่ยถามเพื่อคลายความสงสัย

“จ้องหน้ากูทำไม  กูหน้าเหมือนบรรพบุรุษมึงเหรอ”

“หน้าเหมือนตีนกูนี่แหละ”

มันสวนกลับทันทีพร้อมยกเท้าขึ้นมาให้ดูเป็นการประกอบอีกด้วย

“แล้วมึงจ้องหน้ากูทำไม”

“ก็แค่สงสัย”

“เรื่อง?”

“ไม่เกลียดกูเหรอ?”

“…”

“กูทำเรื่องเหี้ยๆไว้กับมึงมากมาย  ทำไมมึงถึงยังห่วงกูอีก  มึงไม่จำเป็นต้องกังวลว่ากูจะเป็นอันตรายก็ได้  แล้วทำไม…”

ไอ้จ้าวเว้นคำถามไว้  สบสายตากับผมราวกับต้องการขอให้ผมเปิดใจคุยกับมันอย่างจริงจังเสียที

“ไม่มีอะไรซับซ้อนนี่”

“…”

“ถึงมึงจะบอกว่าเกลียดกู  แต่กูเคยบอกว่าเกลียดมึงหรือเปล่า?”

“ก็…”

มันทำท่านึก

“ไม่นะ”

“อืม  กูไม่เคยบอกว่าเกลียดมึง  ก็แสดงว่ากูไม่ได้เกลียดไง”

“งั้น…รักกูเหรอ”

อีกฝ่ายถามหน้าขึ้นริ้วสีแดง  ผมผงะถอยหลัง  มองหน้ามันด้วยใบหน้าร้อนผ่าวไม่ต่างกัน

“มะ…มึงถามเหี้ยอะไรเนี่ย!!!”

“เออน่า  กูถามก็ตอบมาเหอะ”

ผมชั่งใจ  แต่มาคิดๆดู   เวลานี้คงไม่มีอะไรต้องปิดกันอีกต่อไปแล้วล่ะ  จะความในใจห่าเหวอะไรที่เก็บไว้ก็ควรพ่นๆมันออกมาซะ

เอาวะ…!

“ก็…อืม…”

“อยากได้กูเป็นผัว?”

“ไอ้เหี้ย!  กูหมายถึงรักแบบเพื่อนเว้ย!”

“แล้วไป  เพรากูคงเป็นผัวให้ใครไมได้ทั้งนั้นแหละ”

“ทำไมวะ”

“กูมีผัวแล้ว”

พยักพเยิดไปทางไอ้พี่ก้านที่ยืนบิดไปบิดมาด้วยสีหน้ากังวลกลัวผมกับไอ้จ้าวจะทะเลาะกัน

“เต็มปากเต็มคำเชียวนะมึง  อยากเป็นพี่สะใภ้กูว่างั้น?”

“เออ  อยากมาก!”

ระ…

แรด!

ไอ้จ้าวมันแรดขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย!

แต่ทั้งๆที่คุยกันแบบสัตว์โลกเดินเรียงกันออกมาจากปาก  น่าแปลกที่ผมกลับรู้สึกดีมากในรอบหลายปี  มันทำให้ผมรู้สึกว่า…

ผมได้เพื่อนรักคนเดิมกลับมาแล้ว

 

“พี่ก้านคิดว่าจะค้างที่เกาะกันอีกคืนเสียแล้ว  เห็นคุยกันนานสองนาน”

ครึ่งชั่วโมงเต็มๆที่โดนไอ้พี่ก้านบ่นเรื่องที่ผมกับไอ้จ้าวเอาแต่เม้ามอยกันหลังจากที่ไม่ได้นั่งคุยกันแบบฉันท์มิตรมานานเหลือเกิน

“อย่าพูดมากน่า  สิ่งสำคัญตอนนี้คือพี่ต้องรีบขับรถพาพวกเรากลับไปที่โรงพยาบาลเพื่อจัดการเรื่องพี่ดาว  ยังไงเราก็ต้องรู้ให้ได้ว่าผู้หญิงคนนั้นใช่พี่ดาวตัวจริงหรือเปล่า”

ไอ้จ้าวออกรับพร้อมออกคำสั่งกับผัวตัวเองแทนผม

เรื่องที่พี่ก้านเป็นพี่ชายแท้ๆของผมนั้น  เอาเข้าจริงก็ยังตกใจอยู่นั่นแหละนะ  แต่คงเพราผมนับถือมันเหมือนพี่ชายแท้ๆมาตั้งนานแล้ว  และตอนนี้ก็มีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่าความจริงของสายเลือดผมตั้งเยอะ  ทำให้ผมไม่อยากโฟกัสกับมันมากเท่าไหร่นัก

ถึงยังไง…พี่ก้านก็คือพี่ก้านของผมอยู่ดี

อีกอย่าง…มันทำให้ผมรักและเคารพพี่ก้านยิ่งกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ  ที่รู้ว่าการที่เขายอมแต่งหญิงและไม่สนใจคำครหาของคนทั้งหมู่บ้านมาเป็นเวลานับสิบปีก็เพราะทำเพื่อผม

มันไม่ใช่แค่การรักษาสัญญาในวัยเด็ก

แต่พี่ก้านยอมได้ขนาดนี้เพราะเราเป็นพี่น้องกัน

“หน้าพี่ก้านมีอะไรติดอยู่หรือเปล่า  ทำไมรูปปั้นจ้องเอาๆแบบนั้นล่ะ”

“ปะ…เปล่านี่  ไม่มีอะไร”

ไว้หมดเรื่องยุ่งๆพวกนี้เมื่อไหร่   ผมจะบอกพี่นะ…

ผมจะบอกให้พี่รู้ว่าผมรักและขอบคุณพี่มากขนาดไหนกับทุกสิ่งที่ทำให้  ทั้งที่พี่สามารถทอดทิ้งผมได้ตั้งหลายครั้งแต่พี่ก็ไม่เคยทำ

ขอบคุณจริงๆ…

เอี๊ยด!

“ถึงสักที  ยิ่งไม่อยากนั่งนานๆอยู่”

“เมื่อคืนตูดมึงใช้งานเยอะล่ะสิ”

ผมแซวพลางมองไปที่บั้นท้ายของมัน  คนถูกกระทำหน้าแดงต่างจากไอ้คนกระทำที่ยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ย

บอกตามตรง  ผมล่ะคิดภาพไอ้พี่ชายกะเทยร่างยักษ์ของตัวเองเป็นฝ่ายรุกไม่ออกจริงๆ!

ไม่กล้าคิดด้วยเหอะ

“พูดมาก  รีบไปดีกว่า”

“เอ้า  รอด้วยสิวะ”

ผมรีบวิ่งตามไอ้จ้าวไปติดๆ  แต่ก็ไม่ทันอยู่ดี   ไอ้จ้าวพุ่งพรวดเปิดประตูห้องพี่ดาวเข้าไปก่อนก่อนจะหยุดชะงักอยู่ตรงประตู  ทำเอาผมที่วิ่งตามไปเบรกไม่ทัน  ชนกับหลังมันเต็มแรง

ปั้ก!!!

“โอ๊ย!  หยุดทำเหี้ยไรวะไอ้จ้าว”

“พะ…พี่ดาว”

เสียงของมันเรียกความสนใจและความตกใจได้ดีเยี่ยม  ผมชะโงกคอเกยบ่ามันไปเพื่อมองว่าข้างในเกิดอะไรขึ้น

“พี่ดาว…”

เรียกชื่อคนที่กำลังนั่งกินข้าวต้มอยู่บนเตียงคนป่วยโดยมีเจ้าชายเป็นคนป้อน

ไอ้ปลาลามกหันมามองผมด้วยสายตานิ่งสนิท  ส่วนพี่ดาวก็ส่งยิ้มสดใสมาให้เหมือนปกติทุกอย่าง

“พวกเธอนั่นเอง  มาเยี่ยมฉันเหรอ?”

“พี่ดาวฟื้นตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”

ไอ้จ้าวเดินเข้าไปใกล้เป็นคนแรก  มันตรงเข้าไปแย่งข้าวต้มในมือเจ้าชายมาถือไว้เองพร้อมกับทำหน้าที่ป้อนพี่ดาวแทนเสร็จสรรพ

“กูจัดการเอง  ไปยืนไกลๆไป”

พรึ่บ!

ผมแอบยกนิ้วโป้งให้ไอ้จ้าวที่หันมายกคิ้วให้

ทำได้ดีมาก  ช่วยเป็นไม้กันหมาชั้นเยี่ยมได้เลย!

“เพิ่งฟื้นเมื่อเช้าเองจ้ะ  ขอโทษด้วยนะที่ทำให้ทุกคนต้องเป็นห่วง”

“เอ่อ  แล้วหมอให้พี่ดาวออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่เหรอครับ”

“นี่!  ทั้งสองคน  ทำไมวิ่งกันไวนักล่ะ  นี่วิ่งหรือวาร์ปมากัน…ดาว!”

พี่ก้านที่ตามมาหลังสุดด้วยสังขารที่ค่อนข้างจะแก่แล้วนิ่งค้างไป  สองตาเบิกกว้างมองไปที่พี่ดาวอย่างตกใจ

“ค่ะ  คนนี้คือ…พี่ก้านใช่ไหม?”

“ใช่แล้วๆ   ฉันชื่อก้าน  นี่ยัง…จำไม่ได้ใช่ไหม”

“ขอโทษด้วยนะคะ  แต่ฉันยังจำใครไม่ได้สักคนอยู่ดี  อ้อ  แต่ที่ปั้นถามเมื่อกี้  พรุ่งนี้ก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้วล่ะ   รอดูอาการคืนนี้อีกคืนเท่านั้น”

“งั้นเหรอครับ  พอดีเลย  พวกเรานัดกันว่าจะไปเที่ยวบ้านพักตาอากาศของผมที่ริมทะเล  พี่ดาวก็ไปด้วยกันเลยสิ  ตอนเด็กๆพวกเราไปที่นั่นกันบ่อยๆ  อาจทำให้พี่ดาวจำอะไรได้บ้างก็ได้นะ”

ไอ้จ้าวแทรกขึ้น  มันหันมาส่งซิกให้ผมกับพี่ก้าน  หรือนี่จะเป็นแผนการของมัน!

“ใช่ครับพี่ดาว  ไปด้วยกันเถอะ  จะได้พักผ่อนไปในตัวด้วย”

“ก็ดีนะดาว  ไปเถอะ  เธอกับฉันจะได้ช่วยกันทำอาหารอร่อยๆให้สองคนนี้กินอีกไง”

พี่ดาวลังเล  มองหน้าพวกเราสามคนสลับกับเจ้าชาย

ไอ้เจ้าชาย  มึงห้ามส่ายหน้าเด็ดขาดเลยนะ!

“ข้าว่า…”

หมับ!

ผมไม่รอให้มันได้พูดอะไร  จับหัวมันกดลงเป็นการพยักหน้าทันที

“ไคโอตกลงแล้วล่ะครับ  งั้นตามนี้เนอะ  พรุ่งนี้พวกเราจะไปพักผ่อนที่บ้านพักตาอากาศของไอ้จ้าวกัน!”

ตัดบทเอาเองเสร็จสรรพ

เจ้าชายถลึงตามองผมที่บังอาจถือวิสาสะจับหัวเขากดลงแบบนั้น  แต่ใครจะสนกันล่ะ  ตอนนี้ทุกนาทีมีค่าและเสียงต่อความปลอดภัยของเจ้าชายมากๆ

ผมจะไม่ยอมให้เขาเป็นอันตรายเด็ดขาด!

 

“นานแล้วนะครับ  ที่ไม่ได้เดินกลับบ้านด้วยกันแบบนี้”

ผมเอ่ยขณะที่เราสองคนกำลังเดินกลับไปที่บ้านของผมด้วยกัน  โดยที่พี่ก้านและไอ้จ้าวอาสาอยู่เฝ้าพี่ดาวคืนนี้เอง

ความเงียบเข้าปกคลุมเราทั้งคู่

แม้ว่าผมจะชวนคุยในหลายๆเรื่อง  แต่สิ่งที่เจ้าชายแสดงกลับมามันช่างชวนให้เจ็บปวดเหลือเกิน

“นี่…ผมทำอะไรให้ไม่พอใจหรือเปล่า”

หยุดเดินพลางดึงชายเสื้อของเขาเอาไว้จากด้านหลัง

แผ่นหลังกว้างที่เคยโอบกอบผมเสมอยามเหงาและอ้างว้าง  ตอนนี้มันให้ความรู้สึกเยือกเย็นราวกับเป็นแผ่นหลังของคนละคน

รู้ทั้งรู้ว่าที่เจ้าชายทำเย็นชาแบบนี้ก็เพราะไม่อยากดึงเอาผมเข้าไปเสี่ยง

แต่ว่า…ก่อนจะตัดสินใจเอาเองแบบนั้น  ทำไมไม่ถามผมสักคำล่ะ  ว่าความจริงแล้วผมคิดยังไง  ทำไมถึงได้ตัดสินใจเองไปหมดทุกเรื่อง

พวกพระเอกเป็นแบบนี้กันหมดทุกเร่องเลยหรอไง  ชอบปกป้องให้พ้นจากอันตรายด้วยวิธีของตัวเองโดยไม่รู้เลยว่าวิธีของเขานั่นแหละที่ทำให้คนอื่นเจ็บปวดเจียนตายที่สุด!

“เปล่า  เจ้าไม่ได้ทำอะไรผิด”

“แล้วทำไมต้องเย็นชากับผมแบบนี้  หรือว่าเป็นเพราะ…เรื่องพี่ดาว”

“…”

“ยังมีเยื่อใยอยู่เหรอครับ”

“ถ้าข้าตอบว่าใช่ล่ะ”

“…”

“ถ้าข้ายังมีเยื่อใยกับประกายดาวอยู่  เจ้าจะยอม…ปล่อยข้าไปหรือเปล่า”

แทบหมดแรงกับคำพูดนี้

ผมยืนตัวสั่นพร้อมกับน้ำตาที่ไหลพรากลงมา  เจ้าชายค่อยๆหันหน้ากลับมา  แววตาของเขานิ่งมากเสียจนผมกลัวว่าเขาจะหมายความตามนั้นจริงๆ

“คุณรักผม”

“…”

“เรารักกัน  แล้วมีเหตุผลอะไรที่ผมต้องปล่อยคุณไปล่ะ   เยื่อใยอะไรนั่น  ผมจะเป็นคนตัดมันเอง  บนโลกนี้มีแค่คุณที่ผมจะไม่ยอมเสียไปอีก”

“เจ้านี่…ช่างดื้อดึงเสียจริง”

มือหนาเลื่อนขึ้นประคองใบหน้าผมอย่างแผ่วเบา  สบสายตาหวานซึ้งชนิดที่น้ำตาลยังเรียกพ่อ  ทั้งที่แค่มือแท้ๆ  แต่ว่าผมกลับ…

อบอุ่นไปทั้งหัวใจเลย

“เจ้าชาย…”

หมับ!

ผมพุ่งเข้ากอดเขาทันที  กอดแน่นราวกับจะบอกให้รู้เป็นนัยๆว่ากลัวเขาจะหายไป  ยังไงผมก็ยังหวังว่าทุกอย่างจะจบลงด้วยดี  กบฏที่คิดร้ายต่อบัลลังก์จะต้องสูญสิ้นไป  และผมกับเขาจะครองคู่กันตราบนานเท่านาน

ดั่งเช่นนิทานที่แม่เคยเล่าให้ฟังตอนเด็กๆ…

 

“อื้ม…”

ริมฝีปากที่สัมผัสกันร้อนขึ้นเรื่อยๆพอๆกับร่างกายของสองเราที่แนบชิดจนแทบไม่มีช่องว่างระหว่างกัน

ผมขึ้นคร่อมนั่งทับเจ้าชายที่นั่งอยู่ไว้อีกที  มือข้างหนึ่งแปะลงตรงแผงอกเขา  ขณะที่สองมือของเจ้าชายจับท่อนแขนผมเอาไว้  ดวงตาปิดสนิท  ไม่รับรู้เลยว่าตอนนี้เขากำลังมองผมด้วยสายตาแบบไหน  ผิวกายที่ไร้ซึ่งอาภรณ์ปกปิดของเจ้าชาย…

ร้อนรุ่มประหนึ่งไฟจากดวงอาทิตย์

“ข้าถอดนะ”

พยักหน้ารับโดยไร้เสียงตอบ

เจ้าชายยกยิ้มเล็กน้อย  ผมค่อยๆชูแขนขึ้นเพื่อให้เขาถอดเสื้อออกได้ง่ายๆ  ทันทีที่ท่อนบนของผมไม่มีเสื้อผ้าปกปิด  จุดอ่อนไหวที่เริ่มแข็งเป็นไตก็ถูกจู่โจม  ลิ้นร้อนเกี่ยวกวัดมันไปมาจนผมเกร็งจนต้องจิกบ่าของอีกฝ่ายเอาไว้

ท้องน้อยบิดเกลียว

หัวใจเต้นแรง

สมองปั่นป่วนไปหมด…

“ผมรักคุณ…”

“ข้าก็รักเจ้า  ขอให้จำไว้เท่านี้ก็พอ”

คำบอกรักที่ดังก้องอยู่ข้างหูแม้จะกระซิบเพียงแค่แผ่วเบาชัดเจนอยู่ในใจ

มันจะตราตรึงตราบนานเท่านาน  และผมจะขอเชื่อมั่นเพียงคำๆนี้เท่านั้น

จากนี้ไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น  ผมขอสัญญา…ผมจะเชื่อเพียงสิ่งเดียวว่าคุณรักผม  รักผมคนเดียวเท่านั้น…

 

“ว้าว   สวยจังเลยนะคะ”

พี่ดาวที่เดินควงแขนเจ้าชายมาตลอดเอ่ยขึ้นพลางมองไปรอบๆบ้านพักตากอากาศของไอ้จ้าวราวกับไม่เคยเห็นมาก่อน

เฮ้ยๆ  มืออ่ะมือ  จะเกาะติดไปถึงไหนวะ!

“ใจเย็นไว้มึง”

ไอ้จ้าวดึงแขนผมไว้พลางกระซิบใกล้ๆ  เมื่อพายุแรงหึงหวงเริ่มโหมกระหน่ำใส่ผมเหลือเกิน

คือกูเพิ่งเอากันมาเมื่อคืนไหม?  ยังไงก็ต้องหวงป่ะวะ!

“ช่วยกูหน่อย”

“เออๆ  เดี๋ยวกูจัดการให้”

ไอ้จ้าวรับคำหน้าเครียด  ผมแอบเบ้ปากเล็กน้อย  ทั้งหึงทั้งหวงแต่ก็ไม่รู้จะจัดการยังไงดี  นอกจากยืนมองตาละห้อยเหมือนหมามองเจ้านาย…

“พี่ดาว!  มานี่ดีกว่าครับ  ผมจะพาไปดูห้องที่พี่ดาวนอนตอนเด็กๆนะ”

ไอ้จ้าวแทรกตัวผ่ากลางวงระหว่างพี่ดาวและเจ้าชาย  มันฉกเอามือพี่ดาวไปจับไว้เองแล้วลากไปทางฝั่งห้องนอนของพี่ดาวที่เมื่อก่อนเวลามาเที่ยวเล่นจะนอนห้องนั้นเป็นประจำ

พี่ก้านรีบหันมาขยิบตาให้ทีหนึ่งก่อนจะวิ่งตามไอ้จ้าวไป

เหลือไว้แค่ผมกับเจ้าชาย…

“ร้ายไม่เบานะเพื่อนๆของเจ้าเนี่ย”

“พะ…พูดอะไรน่ะครับ  ผมไม่รู้เรื่องสักหน่อย”

เฉไฉแล้วรีบเดินไปทางห้องของตัวเอง  ได้ยินเสียงฝีเท้าของเจ้าชายวิ่งตามมาติดๆ  ก่อนที่สายตาผมจะมองเห็นใครบางคนที่นอกหน้าต่าง

ฟรานซิส!

หมอนั่นตามมาด้วยเหรอเนี่ย!

เขายืนโบกมือให้ผมอยู่ที่ด้านนอกก่อนจะเดินหายไปทางชายหาด  เจ้าชายจะรู้ไหมนะว่าเขาตามมาด้วย 

“รอข้าด้วยสิ!”

ในที่สุดก็ได้อยู่กันตามลำพังเสียที  ไม่รู้ว่าไอ้จ้าวกับพี่ก้านมีวิธีอะไรในการตรวจสอบเรื่องพี่ดาวกันแน่?

ผมนั่งจุ้มปุ้กมองหน้ากันไปมากับเจ้าชายเพ่อรอเวลาเริ่มแผนการ  ปฏิบัติการพิสูจน์ตัวจริงของพี่ดาวที่กำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้!

ก๊อกก๊อกก๊อก

“ไอ้ปั้น  อยู่หรือเปล่า   ไปหาอะไรสุนกๆทำกันเถอะ!”

มะ…มาแล้วสินะ!

ผมเด้งตัวลุกขึ้นไปเปิดประตูต้อนรับไอ้จ้าว  พี่ดาวที่มาด้วยกันกับมันรีบพุ่งแทรกตัวเข้าไปหาเจ้าชายเป็นอันดับแรก

วงแขนเล็กๆเกี่ยวกอดท่อนแขนล่ำของเจ้าชายเอาไว้

“พวกเขาบอกว่าจะไปเล่นทดสอบความกล้ากันที่ถ้ำไม่ไกลจากที่พักน่ะ  ไคโอไปเล่นด้วยกันนะ”

“ทดสอบความกล้า?   มันคืออะไร”

พวกเราไม่มีใครตอบ  วิธีทดสอบแรกก็เล่นแรงระดับสิบริกเตอร์กันเลยเรอะ!

ในเมื่อพี่ดาวน่ะ…กลัวความมืดและพวกผีสางยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด!

 

“ตื่นเต้นจังเลยเนอะ”

“เจ้าจะเล่นจริงๆเหรอ   ข้าว่ามันน่ากลัวออกนะ”

เจ้าชายถามพี่ดาวพร้อมกับหันมามองหน้าพวกผมสามคนที่ยืนอยู่ด้านหลังไปด้วย

“ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกน่า  ก็แค่มืดนิดๆหน่อยๆเอง”

“ดาว  ถ้าเธอกลัวจะมาเดินกับพวกฉันก็ได้นะ”

“พูดอะไรน่ะ  ไม่เห็นจะน่ากลัวเลยสักนิด”

พี่ดาวหันมาตอบพี่ก้านด้วยท่าทีสบายใจเฉิบสุดๆ

พวกผมสามคนหันหน้ามองกันทันใด   มะ…ไม่มีทาง!  พี่ดาวไม่มีทางที่จะไม่กลัวแน่นอน  ก็ในเมื่อตอนเด็กๆพี่ดาวเคยโดนเพื่อนที่โรงเรียนแกล้งขังไว้ในตู้ล็อกเกอร์จนกลายเป็นคนกลัวความมืดและที่แคบๆไปเลย

แต่ว่า…พี่ดาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมตอนนี้กลับพูดว่ามันไม่น่ากลัว…

“ไปกันเถอะ   ใครแพ้ต้องทำอาหารเย็นสินะ!”

ผู้หญิงเพียงคนเดียวในกลุ่มหันมาถามอีกครั้งด้วยรอยยิ้ม  พวกผมทำได้แค่พยักหน้าไปด้วยยังไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

เธออาจจะแค่แกล้งทำก็ได้   ผมยังหวังนะ…ยังหวังว่าเธออาจจะเป็นพี่ดาวตัวจริง!

 

“อ๊ากกกก”

“ว๊ากกกกก”

“แว้กกกกก!”

“กรี๊ดดดดดด!”

“มึงจะกรี๊ดทำหอกไรเนี่ยไอ้พี่ก้าน!  หูจะแตก!”

“ก็พี่ก้านตกใจนี่นา!”

 

และจนแล้วจนรอด  พวกเราก็ยังไม่ได้ยินเสียงกรี๊ดแห่งความกลัวของพี่ดาวเลยแม้แต่น้อย…

 

“เอาล่ะ!  ต่อไปเป็นการแข่งกันจับปูลม  ใครจับได้มากที่สุดคนนั้นก็ชนะไป  ส่วนคนแพ้จะต้องล้างจานทั้งหมดในคืนนี้!”

ไอ้จ้างประกาศเกมทดสอบต่อไปทันที

พี่ดาวเป็นคนใจดี  อ่อนโยน  รักสัตว์  รักสิ่งมีชีวิตทุกอย่างบนโลกใบนี้  เพราะงั้นการเล่นจับปูลมที่อาจจะทำให้ปูลมตายได้นั้นพี่ดาวตัวจริงจะต้องค้านสุดกำลังและไม่มีทางเล่นอย่างแน่นอน!

“เอาสิ  น่าสนุกดีนะไคโอ  ว่าไหม?”

เฮ้ยยยย!

พวกผมสามคนมองหน้ากันอีกครั้ง  คำว่าเครียดแปะอยู่บนหน้าผากาตัวเท่าบ้านกันเลยทีเดียว

ทำไมล่ะ…  ทั้งๆที่เธอเหมือนพี่ดาวมากขนาดนี้แท้ๆ  แล้วทำไม…ทำไม…

“ใจเย็นนะไอ้ปั้น  อาจเป็นเพราะความจำเสื่อม  ก็เลยลืมเรื่องที่ตัวเองเคยกลัวเคยไม่ชอบไปก็ได้  ลองหาบททดสอบอย่างอื่นดูเถอะ”

ไอ้จ้างกระซิบกระซาบเมื่อเห็นผมกังวล

ผมมองหน้ามันสลับกับพี่ดาวที่กำลังคุยและหัวเราะอย่างสนุกสนานอยู่กับเจ้าชาย  ในเมื่อเป็นแบบนี้  ก็เหลืออยู่แค่บททดสอบเดียวเท่านั้นแหละ

“ไอ้จ้าว  ให้แม่บ้านมึงหาซื้อแมงกะพรุนมาหน่อย”

“แมงกะพรุน?  รูปปั้นจะเอามาทำอะไร?”

พี่ก้านที่ยืนฟังอยู่ด้วยรีบถามอย่างตกใจ

“นั่นดิ  มึงจะเอามาทำไมวะ?”

“บททดสอบสุดท้ายสำหรับเรื่องนี้  กูขอเอาชีวิตเป็นเดิมพัน”

ถ้าเป็นพี่ดาวตัวจริงล่ะก็…จะต้องไม่ยอมให้เรื่องนั้นเกิดขึ้นอย่างแน่นอน!!!

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  เอาล่ะ…!  จุดพีคที่สุดของเรื่องใกล้จะมาถึงแล้ว  ใครกันแน่คือกบฏตัวจริง  ตอนหน้าจะได้รู้กันล่ะ!  ยิ่งไปกว่านั้น  เธอคนนี้จะใช่ประกายดาวตัวจริงหรือไม่  ตอนหน้าพลาดไม่ได้นะคะ  ใกล้จะจบแล้วจริงๆ  รวมถึงเหตุผลการเกิดมาและการมีชีวิตอยู่ของน้องปั้นด้วย  ทุกอย่างใกล้จะเฉลยแล้ว  มารอดูกันว่า…เพื่อเจ้าชายแล้ว  น้องปั้นยอมที่จะสละอะไรได้บ้าง?!

หนังสือเหลือสต๊อกอีกแค่ 15 เล่มแล้วนะคะ  ใครสนใจอินบ๊อกได้จ้า

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0


ตอนที่ 27

กบฏตัวจริง?

 

และแล้วเวลาที่รอคอยก็มาถึง  ไอ้จ้าวและพี่ก้านที่เล่นแพ้มันทุกคนเกมรับหน้าที่ทำอาหาร  ส่วนผมกับเจ้าชายเป็นคนล้างจ้าน  พี่ดาวซึ่งเป็นผู้ชนะในทุกๆเกมไม่ต้องทำอะไรเลย  แต่ว่า…ของจริงมันเริ่มจากนี้ต่างหาก

บททดสอบสุดท้ายในตัวของพี่ดาว!

เพราะอย่างที่ผมบอก  ผมยังหวังว่าเธอจะเป็นพี่ดาวตัวจริง  มีเรื่องราวมากมายที่ผมอยากจะถามเธอ

“ไคโอ!”

พี่ดาวที่เดินออกมาจากห้องประจวบกับผมและเจ้าชายที่กำลังจะเดินไปที่สวนหน้าบ้านพักเพื่อกินมื้อเย็นกันร้องทัก  เธอรีบวิ่งเข้ามากอดแขนเขาเหมือนที่ชอบทำ

ผมเขยิบตัวถอยห่างออกมา  เจ้าชายหันกลับมามองด้วยสายตาที่ค่อนข้างจะอึดอัด  ผมเลยยิ้มให้เขาเพราไม่อยากให้เขาต้องกังวล

ไม่เป็นไร…

ผมไม่เป็นไรหรอก

“มากันแล้วเหรอ  เร็วเข้าๆ  มีแต่ของน่ากินทั้งนั้นเลย”

พี่ก้านที่ใส่ชุดผ้ากันเปื้อนสีชมพูน่ารักคาวาอี้โคตรๆกวักมือเรียก

บอกตามตรงว่าคู่นี้ทำผมสับสนไม่น้อยเลยว่าตกลงใครแม่งเป็นผัวใครแม่งเป็นเมียกันแน่  เพราะไอ้เมียก็ห้าวซะ  ส่วนไอ้ผัวก็อาโนเนะเหลือเกิน!

“ว้าววว   มีบาร์บี้คิวเหรอเนี่ย  ถึงจะแปลกใจไปหน่อยที่มาทะเลทั้งทีแต่กลับกินบาร์บีคิวไม่ใช่อาหารทะเลแต่ก็…โอเคนะ  น่ากินดี”

คำพูดของพี่ดาวทำเอาผมหวนนึกถึงวันที่เจ้าชายเจอเมนูอาหารทะเลนานาชนิดจากพี่ด้านรอบก่อนจนองค์ลง

มาคิดๆดูแล้ว   พวกเรามีความทรงจำด้วยกันมากมายจริงๆนั่นแหละ

“มีไส้กรอก  เบค่อน  แล้วก็แฮมด้วยนะครับ  หอมอร่อยแน่นอน”

ไอ้จ้าวเอาอาหารมาเสิร์ฟบนโต๊ะ  พี่ดาวเอาออกเอาใจเจ้าชาย  หยิบนั่นป้อนนี่ให้  ปาร์ตี้มื้อเย็นเริ่มขึ้นแบบง่ายๆตามสไตล์  เพื่อรอเวลาเริ่มตามแผนสุดท้ายของผม!

จะว่าไป…ฟรานซิสหายไปเลยแฮะ  โผล่มาเห็นแค่นั้นเนี่ยนะ  ทั้งๆที่เขาก็รู้ว่าพวกผมกำลังหาทางเปิดโปงตัวจริงของพี่ดาวซึ่งเขาสงสัยว่าอาจเป็นกบฏปลอมตัวมา  และถ้าหากแผนทั้งหมดได้ผล  พี่ดาวกลายเป็นกบฏจริงๆ  เท่ากับว่าเจ้าชายจะตกอยู่ในอันตราย  แต่ว่าหมอนั่นกลับ…

ไม่มาวนเวียนอยู่แถวนี้เพื่อทำตามหน้าที่องครักษ์?

มันเพราะอะไรกันนะ?

“เอาล่ะ!  ก่อนที่เราจะเริ่มเข้าสู่เมนูของหวาน  วันนี้ผมมีเมนูสุดพิเศษที่ฝึกทำมาตั้งนานให้ทุกคนได้ชิมกันด้วยครับ!”

ไอ้จ้าวเริ่มเล่นไปตามบทเป็นคนแรกเมื่อเวลามาถึง   มันเดินเข้ามาพร้อม ‘เมนูเด็ด’  ที่ว่านั่น

“แถ่นแท้นนนนน  แมงกะพรุนหมักงาครับโพ้มมมมม!”

“ว้าวๆๆๆ  น่ากินที่สุดในสามโลกเลยยย”

พี่ก้านปรบมือเป็นตัวประกอบตามที่ได้เตี๊ยมกันไว้  ส่วนผมก็ลอบสังเกตปฏิกิริยาของพี่ดาวอยู่เงียบๆ  ปรากฏว่าเธอไม่ได้แสดงท่าทีตกใจอะไรทั้งสิ้น

ไม่จริง…

สรุปว่าผู้หญิงคนนี้…ไม่ใช่พี่ดาวจริงๆงั้นเหรอ

ทำไมล่ะ  ทั้งที่เหมือนขนาดนี้  ทั้งที่มีรอยยิ้มอ่อนโยนถึงขนาดนี้แท้ๆ  แล้วทำไม…!

“เรามาเล่นเกมกันดีกว่าครับ!”

ตะโกนคั่นเข้าไป  ไอ้จ้าวกับพี่ก้านต่างก็หันมามองผมอย่างแปลกใจเพราะว่าบทนี้ไม่มีอยู่ในสคริปท์

“เกมอะไรอีก  วันนี้พวกเจ้าเล่นเกมกันทั้งวันเลยนะ”

“เอาน่า  ผมแค่อยากเล่นเกมสุดท้ายก่อนจะแยกย้ายกันไปพักผ่อนไงครับ  เล่นหน่อยนะ”

“ได้สิ  ถ้าเจ้าอยากเล่น”

ตามใจขนาดนี้  ไม่ให้หลงได้ไงล่ะวะ!

“รูปปั้นจะเล่นอะไร?”

“หมุนช้อนแล้วกัน  ถ้าปลายช้อนนี้หันไปทางใคร  คนๆนั้นจะต้องตอบคำถามของคนที่อยู่ทางด้านซ้ายมือให้ได้  และถ้าใครตอบไม่ได้ก็จะต้อง…เปิบเมนูพิสดารของไอ้จ้าว!”

“ไอ้ปั้น!/รูปปั้น!”

ขวับ!

ผมจ้องเขม็งไปที่พวกมันสองคนเพราะรู้ดีว่ากำลังคิดอะไร  ใครก็ห้ามผมไม่ได้ทั้งนั้น  ตายเป็นตายวะงานนี้!

“ในเมื่อไม่มีใครค้าน  งั้นผมเริ่มเลยนะ  เอาล่ะ!”

ตัดบทเองเออเองคนเดียวโดยไม่ถามความเห็นใคร

ผมจัดการหยิบช้อนอันใหม่เอามาวางแล้วหมุนมัน  เจ้าชายที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยก็นั่งแป้นรอดูว่าเกมนี้มันจะสนุกขนาดไหน  ส่วนคนที่รู้เรื่องดีอย่างพี่ก้านกับไอ้จ้าวถึงกับหน้าถอดสี  ส่วนพี่ดาวยังคงนิ่งอยู่

เอาสิพี่ดาว  ถึงขนาดนี้ถ้าจะยังแสดงตัวว่าเป็นตัวปลอมอยู่ก็ให้มันรู้ไป!

กึก!

ช้อนไปหยุดอยู่ที่พี่ก้าน  และคนที่อยู่ทางซ้ายของพี่ก้านก็คือผม  ทุกสายตาจ้องมาที่ผมทันทีว่าจะตั้งคำถามอะไรกับมัน

“พี่ก้าน”

“จะ…จ๋า”

“คนที่พี่รักที่สุด…คือใคร”

คำถามของผมทำเอาเงียบกันทั้งโต๊ะ   ได้ยินแม้กระทั่งเสียงหัวใจที่เต้นแรงของใครบางคน  พี่ก้านมองเลยผมไปที่ไอ้จ้าว  สายตาที่พวกมันมองกันหวานซึ้งจนผมอดดีใจด้วยไม่ได้ที่ในที่สุดไอ้จ้าวก็สมหวัง

“น้องจ้าวครับ”

คำตอบของพี่ก้านเองก็เรียกความอึ้งจากทุกคนได้ไม่น้อยเช่นกัน

ไอ้จ้าวหน้าแดงเถือกเหมือนสาวน้อยวันแรกแย้มก็ไม่ปาน  มันดูตัวเล็กลงทั้งที่ความจริงเราตัวเท่ากันได้ยังไงนะ?

หรือนี่คือสิ่งที่เรียกว่าความรัก

“ผมต่อเลยนะ”

เกมหมุนช้อนยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ  แมงกะพรุนเองก็ลดจำนวนลงไปจนเหลือเพียงคำสุดท้ายในจาน

ทุกคนต่างลุ้นว่าคนสุดท้ายที่จะได้กินมันคือใคร

พี่ก้านกับไอ้จ้าวคงกำลังภาวนาขอให้ไม่ใช่ผม

เพราะตั้งแต่เล่นมา  ผมยังไม่ได้ช้อนหมุนมาที่ตัวเองเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ตึกๆ   ตึกๆ  ตึกๆ

ช่างเป็นนาทีที่ระทึกอะไรเช่นนี้!

ช้อนถูกหมุนอีกครั้ง  เป็นครั้งสุดท้ายที่จะตัดสินชะตาทุกอย่างสำหรับค่ำคืนนี้  ขอร้องล่ะสวรรค์…  ขอให้ผมค้นหาความจริงของเรื่องนี้ได้ด้วย!

กึก!

ปลายช้อนหันมาหยุดที่ใครบางคน  ทุกสายตามองตามว่าใครคือคนสุดท้ายสำหรับค่ำคืนนี้  และ…

“ถามมาสิ  ไอ้จ้าว”

ผมหันไปถามมันที่ต้องทำหน้าทีเป็นคนตั้งคำถามกับผม

ไอจ้าวเลิ่กลั่กที่คนสุดท้ายดันเป็นผมเสียอย่างนั้น  มันมองผมสลับกับแมงกะพรุนชิ้นสุดท้ายที่เหลืออยู่   แม้จะเป็นเพียงชิ้นเล็กๆก็ตามที  แต่ว่า…

สำหรับคนที่แพ้มันอย่างผม  แค่เศษเสี้ยวของมันก็ทำให้ตายได้แล้ว!

“ไอ้ปั้น  พอ…”

“ถามมา!”

ตะเบ็งเสียงใส่ด้วยรู้ดีว่าไอ้จ้าวมันคิดจะทำอะไร  มึงจะมาทำลายความตั้งใจของกูตอนนี้ไม่ได้!

“แต่…”

“ถามมาไอ้จ้าว”

“รูปปั้น  พี่ก้านว่า…”

“หุบปาก!”

ตวาดใส่พี่ก้านไปอีกคน  ไอ้จ้าวเหงื่อตก  ผมรู้ดีว่ามันไม่อยากจะทำเลย  เพราะถ้าผมกินไอ้แมงกะพรุนชิ้นนี้เข้าไป  คงได้ไปเฝ้ายมบาลภายในหนึ่งนาทีแน่ๆ

แต่ว่า…

ถ้าหากเธอคนนี้คือพี่ดาวตัวจริงของผม  ผมมั่นใจว่า…ผมจะไม่ตาย

“ถามกูมา  ไอ้จ้าว”

“กะ…ก็ได้!”

“…”

“งั้น…”

“…”

“นะ…หนึ่งบวกหนึ่งเป็นเท่าไหร่!”

ถามเหี้ยอะไรของมึงเนี่ย!!!

“มะ…มองอะไรวะ  ก็มึงบอกเองว่าถามห่าอะไรก็ได้”

ไอ้จ้าวแก้ตัว  ผมมองค้อนมัยอย่างไม่พอใจ  จะเล่นกับกูแบบนี้ใช่ไหม…

ได้!!!

“สิบเอ็ด!”

“ฮะ?!!!”

“สิบเอ็ดไง”

“สิบเอ็ดพ่องมึงสิ!  ครูสมอคงเสียใจแย่ที่สอนมึงจบชั้นประถมมาโดยที่มึงบวกเลขหนึ่งกับหนึ่งเป็นสิบเอ็ดเนี่ย!!!”

“งั้นแสดงว่ากูตอบไม่ได้  กูต้องกินสินะ”

“เฮ้ย!”

เสียงร้องอย่างตกใจของพี่ก้านและไอ้จ้าวดังขึ้นพร้อมกัน  ผมหันไปตักแมงกะพรุนคำสุดท้ายมาถือไว้ก่อนจะจับมันเข้าปากทันที!

หมับ!

“พี่ขอนะ”

มือของผมถูกรั้งไว้ด้วยผู้หญิงที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

พี่ดาวดึงมือผมไปทางตัวเองก่อนจะกินแมงกะพรุนคำนี้เข้าไปแทนผม  ไอ้จ้าวและพี่ก้านหันขวับมามองผมทันที!

“ไคโอ   ฉันอยากพักผ่อนแล้วล่ะ  พาฉันไปที่ห้องหน่อยนะ”

พี่ดาวหันไปดึงเจ้าชายที่นั่งเอ๋อไม่รู้เรื่องอยู่คนเดียวให้ลุกขึ้น  ทันทีที่เจ้าชายลุกขึ้นหันหลังให้พวกเรา  เธอก็หันกลับมามองพวกเราด้วยสายตาที่เหมือนกับอยากจะอ้อนวอนขอร้องอะไรบางอย่าง

“เห็นกันใช่ไหม  สายตาที่พี่ดาวมองมาเมื่อกี้”

ไอ้จ้าวเอ่ยถามเมื่อสองคนนั้นเดินหายไปแล้ว

“ใช่ครับ  พี่ก้านเห็น…”

พี่ก้านตอบกลับ  มีแค่ผมที่ไม่ได้ตอบใครเลย

เมื่อกี้นี้…นอกจากสายตาอ้อนวอนของพี่ดาวแล้ว  เธอยัง…มองไปทางชายหาดที่มืดมิดนั่นแว้บหนึ่งด้วย  แค่แว้บเดียวจนคนอื่นแทบจะสังเกตไม่เห็นด้วยซ้ำ

ชายหาดงั้นเหรอ…

ที่ชายหาด…มีอะไร?

ผมค่อยๆเหลือบตาหันไปมองทางที่พี่ดาวมองไปเมื่อครู่  เงาดำตะคุ่มของร่างสูงที่คุ้นเคยยืนจังก้าอยู่ตรงนั้น!!!

ฟรานซิส!

หมายความว่ายังไงกันแน่  ทำไมพี่ดาวจะต้องส่งซิกเกี่ยวกับฟรานซิสมาด้วยสายตาที่เหมือนจะอ้อนวอนและหวาดกลัวแบบนั้นด้วยล่ะ

สรุปแล้ว…มันเรื่องอะไรกันแน่

“ตกลงว่านั่น…พี่ดาวตัวจริงใช่ไหมวะ?”

“มึงคิดว่าไงล่ะ”

ผมตอบกลับไปแค่นั้นก็เดินตรงดิ่งไปทางห้องของตัวเอง

มันจะต้องมีอะไรแน่ๆ  ต้องมีเรื่องอะไรระหว่างพี่ดาวและฟรานซิส  ที่สำคัญกว่านั้นคือ…ใครกันแน่คือคนที่ผมสามารถไว้ใจได้!

ใครกันแน่คือกบฏ!!!

 

ท่ามกลางความมืด  เจ้าชายที่กลับมาจากส่งพี่ดาวที่ห้องหลับไปแล้ว  คงเพราะวันนี้เหนื่อยกับอะไรหลายๆอย่างมาทั้งวัน  ผมนอนนิ่งเป็นหมอนข้างให้เขากอดและซุกไซร้เหมือนทุกที  ทว่าผมกลับนอนไม่หลับ  ในหัวมันยังคิดเรื่องของพี่ดาวไม่หยุด

เธอคือพี่ดาวตัวจริงไม่ผิดแน่  แสดงแน่จะต้องมีเหตุผลให้พี่ดาวแกล้งทำเป็นความจำเสื่อม  แต่ว่าผมก็ยังไม่เข้าใจอยู่เรื่องหนึ่งคือ…ทำไมพี่ดาวต้องทำให้พวกเราคิดว่าเธอไม่ใช่พี่ดาวตัวจริง  แม้ว่าสุดท้ายแล้วพวกเราจะรู้ก็ตามว่าเธอคือตัวจริง  มันต้องมีเหตุผลอะไรแน่ๆ

จริงสิ!

จะว่าไป  พี่ดาวมีลูกกับเจ้าชายนี่นา  องค์รัชทายาทลำดับที่สอง…พี่ดาวจะต้องรู้แน่ๆว่าอยู่ที่ไหน  และตอนนี้องค์รัชทายาทตัวน้อยก็คงกำลังจะตกเป็นหนึ่งในเป้าหมายของพวกกบฏที่ต้องการโค่นล้มบังลังก์ด้วยแน่ๆ  เท่ากับว่าพวกมันคงกำลังตามหาตัวเจ้าชายน้อยกันให้วุ่น

ตามหาตัว…

ดะ…เดี๋ยวก่อนนะ!  หรือว่า…สาเหตุที่พี่ดาวต้องทำแบบนี้ก็เพราะ!!!

ผมกลืนน้ำลายลงคอ  เบิกตากว้างในความมืดด้วยตกใจกับสิ่งที่ตัวเองสันนิษฐานออกมา  ถ้าหากสิ่งที่ผมคิดเป็นเรื่องจริง  ถ้าอย่างนั้นตอนนี้พี่ดาวก็ตกอยู่ในอันตรายน่ะสิ  เพราะว่าเรื่องบททดสอบในมื้อเย็นนั่นน่ะ  ผม…!

 

‘แมงกะพรุนเหรอครับ?’

‘ใช่แล้ว  ผมแพ้แมงกะพรุนขั้นรุนแรงมาก  วิธีนี้คือวิธีสุดท้ายที่ผมจะใช้ทดสอบพี่ดาว  ถ้าเธอคือพี่ดาวตัวจริง  เธอจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้ผมกินมันเข้าไปแน่ๆ’

‘แล้วถ้าเธอเป็นกบฏปลอมตัวมาจริงๆล่ะ?’

‘เธอจะไม่รู้ว่าผมแพ้แมงกะพรุน  เพราะคนที่รู้เรื่องนี้มีแค่สามคนเท่านั้นคือพี่ก้าน  ไอ้ปั้น  และ…’

‘…’

‘พี่ดาว’

 

ฉิบหายล่ะ!!!

พรึ่บ!  ตุ้บ!

“โอ๊ยยย!”

เสียงเจ้าชายร้องโอดครวญดังลั่นเพราะผมสะบัดเขาออกเต็มแรงพร้อมกับลุกพรวดขึ้นเพื่อจะวิ่งห้องพี่ดาว  แต่ก็ถูกคว้าตัวไว้เสียก่อน

“เป็นอะไรไปเนี่ยปูนปั้น  เจ้าทำข้าเจ็บนะ”

“แย่แล้วครับเจ้าชาย!”

“แย่?  แย่อะไร  ใจเย็นๆก่อน  เจ้าเป็นอะไรไปฮึ  ฝันร้ายเหรอ?”

“พี่ดาวครับ!  พี่ดาวตกอยู่ในอันตราย!”

“หมายความว่ายังไง  เกิดอะไรขึ้นกับประกายดาว!”

เพล้ง!!!

“กรี๊ด!!!”

“พี่ดาว!”

“ประกายดาว!!!”

ทั้งผมและเจ้าชายต่างก็รีบวิ่งไปยังห้องของพี่ดาวสุดชีวิต  ทันทีที่เข้าไปถึง  ภาพที่เห็นคือพี่ดาวและฟรานซิสต่างก็กำลังบีบคอกันและกันอยู่!!!

ทั้งสองต่างหันมาทางพวกเราพร้อมกัน!

“เจ้าชาย!  คุณปั้น  ช่วยผมด้วยครับ  เธอเป็นกบฏปลอมตัวมาจริงๆ  ผมมาเห็นตอนเธอกำลังจะส่งข่าวให้กับพวกกบฏตัวอื่นเข้าพอดีเลยจะจับเธอเอาไว้  เร็วสิครับ!"

ฟรานซินชิงพูดก่อน  หน้าตาเขาจริงจังจนบอกไม่ได้เลยว่าเขากำลังโกหกอยู่หรือไม่

“ไม่ใช่นะ!  ไคโอ   ฉันรู้ว่านายรู้ดีที่สุดว่าฉันคือตัวจริงหรือตัวปลอม  และนายก็ด้วย  ปูนปั้น  พี่คือพี่ดาวตัวจริง  รู้ใช่ไหม?”

“พี่ดาว…”

“ไม่นะครับ!  พวกคุณอย่ายอมให้มันหลอกเด็ดขาดนะ!  พวกเราจะต้องรีบพาเจ้าชายไปจำศีลเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับพลังที่จะใช้ในการขึ้นครองบัลลังก์  พวกคุณต้องจัดการกบฏเดี๋ยวนี้  ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไปนะครับ!”

“ไม่ใช่นะ  ผู้ชายคนนี้ต่างหากที่เป็นกบฏ  พ่อของมันคือหัวหน้ากบฏที่แท้จริง  และที่ผ่านมามันก็ส่งลูกชายของตัวเองแฝงตัวอยู่ในวังมาตลอด  พี่บังเอิญไปรู้เรื่องนี้เข้าก็เลยถูกไล่ล่าทั้งที่ยังไม่ทันได้คลอดลูก  สุดท้ายพี่ก็หนีพ้น  และใช้ชีวิตแบบหลบๆซ่อนๆมาตลอด  แต่ตอนนี้พี่รู้ดีว่าพี่จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน  พี่ถึงเสี่ยงตายมาที่นี่เพื่อจะบอกความจริงทุกอย่างกับไคโอ  แต่คิดไม่ถึงว่ามันจะตามเจอพี่ได้เร็วขนาดนี้  ทำให้เรื่องทุกอย่างยุ่งยากไปหมด  เชื่อพี่สิ  พี่ไม่ได้โกหกนะปูนปั้น”

“อย่าไปฟังมันครับ!  คุณปั้น  เจ้าชาย  พวกคุณต้องเอาวงแหวนกัลปังหาที่คอของพวกคุณมารวมกันแล้วแทงไปที่หัวใจของผู้หญิงคนนี้ซะเพื่อหยุดทุกอย่าง!  ถ้าอยากให้โลกนี้ปลอดภัย  พวกคุณต้องจัดการเธอเดี๋ยวนี้นะครับ!”

ผมกับเจ้าชายมองหน้ากัน  ก่อนที่เราสองคนจะจับไปที่กัลปังหาของตัวเอง  หลับตาลงแล้วอธิษฐานขอให้พันธะสัญญาที่มีอยู่คลายลง

ทุกสิ่งเป็นไปโดยที่ผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำไมตัวเองถึงทำแบบนี้

เลือดในกายร้อนวูบวาบราวกับถูกตั้งไฟอยู่ในตัว  รู้สึกได้ถึงพลังบางอย่างไหลเวียนในตัวจนแทบจะสำลักออกมา

อะไรกัน  ความรู้สึกที่เหมือนร่างกายไม่ใช่ของเราอีกต่อไปมันหมายความว่ายังไงกันแน่!

“อ๊ากกกก!”

ทั้งผมและเจ้าชายต่างก็ร้องตะโกนออกมา  ทันทีที่กัลปังหาคลายตัวออก  ร่างกายเหมือนถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ

เจ็บปวดไปทั่วสรรพางค์

“คะ…ไคโอ  ปะ…ปูนปั้น”

พี่ดาวเอ่ยเรียกด้วยเสียงที่ขาดหาย

ผมและเจ้าชายต่างก็ลืมตาขึ้นมา  กัลปังหาในมือของเราส่องแสงสว่างวาบ  บางสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้กำลังชักนำให้เราสองคนทำตามเสียงที่ดังก้องอยู่ในหัว

นะ…นี่มัน…

เสียงของแม่!

กัลปังหานี้กำลังให้ผมได้ยินเสียงที่แม่ฝากไว้ถึงผมเพียงคนเดียวเท่านั้น!  ความจริงทุกอย่างสำหรับเหตุผลที่ผมเกิดมา!!!

ผมเหลือบตาหันไปมองเจ้าชาย  เชื่อว่าเสียงที่ดังออกมาจากกัลปังหาของผมนั้นมีเพียงแค่ผมคนเดียวที่ได้ยิน

นี่สินะ…นี่สินะคือความจริงทั้งหมด  เหตุผลการมีอยู่ของผม  เหตุผลที่ผมถูกผูกติดกับเจ้าชาย…ทุกอย่างไม่ใช่ความบังเอิญหรือฟ้าลิขิต  แต่มันคือ…หน้าที่

 

‘ปูนปั้น  พี่ไม่รู้ว่าเสียงของพี่จะส่งไปถึงเธอหรือเปล่า  แต่ว่า…ดาวเหนือ  ดาวเหนือลูกของพี่รอให้เธอกับไคโอไปรับเขาอยู่นะ  ได้โปรด   เชื่อพี่เถอะ’

 

เสียงที่ดังตามมาอีกทำให้ผมแปลกใจไม่น้อย  มองเลยไปทางพี่ดาวก็พบว่าเธอกำลังร้องไห้มองผมอย่างเจ็บปวดที่สุด  ความหวังสุดท้ายของพี่ดาว…

กำลังฝากไว้ที่ผม

ดาวเหนือ…

หลานผมสินะ     

“เร็วสิเจ้าชาย  คุณปั้น!”

ฟรานซิสเร่งอีกครั้ง  เจ้าชายมีสีหน้าคิดหนักถึงขั้นกังวล   ขืนปล่อยไว้แบบนี้ไม่ดีแน่ๆ  ตัวเจ้าชายเอง  ฟรานซิสคือองครักษ์ที่คอยดูแลเจ้าชายมาตั้งแต่เล็กจนเหมือนเป็นเพื่อนสนิทกัน  ส่วนพี่ดาวก็…

เป็นคนที่ผูกพันยิ่งกว่าใคร

“เจ้าชาย”

เดินเข้าไปหาเขา  มือข้างหนึ่งจับมือเจ้าชายเอาไว้

“ปูนปั้น  ข้า…ข้าตัดสินใจไม่ได้”

“ถ้าอย่างนั้น…เชื่อใจผมไหม?”

“…”

“ไม่ต้องตัดสินใจอะไร  แค่เชื่อผม  ได้ไหมครับ”

“ถามอะไรอย่างนั้น  บนโลกนี้…คนที่ข้าจะยอมเชื่อทุกอย่างโดยไม่มีข้อกังขาใดๆก็คือเจ้านะ”

“ถ้างั้น…หลับตานะครับ”

เจ้าชายพยักหน้ารับ  ค่อยๆหลับตาลงตามที่ผมบอก  พี่ก้านกับไอ้จ้าวที่วิ่งมาถึงต่างก็หน้าเหวอตั้งรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ทัน

“พี่ดาว!”

“อย่าเข้ามานะไอ้จ้าว!”

ทันทีที่มีเสียงผมร้องห้ามออกไป  พี่ก้านก็รีบดึงตัวไอ้จ้าวไว้ก่อนที่มันจะพุ่งเข้ามา

ผมไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง  เพราะงั้น…ผมจะให้ไอ้จ้าวเข้ามาเสี่ยงมากไปกว่านี้ไม่ได้

พี่ดาวกับเจ้าชายมีลูกด้วยกัน

หลานผมจำเป็นต้องมีทั้งพ่อและแม่…

“รูปปั้น  จะทำอะไรเหรอ”

ผมยิ้มออกมาทั้งน้ำตา  แต่ไม่ตอบอะไรกลับไปทั้งนั้น  ค่อยๆเขย่งเท้าขึ้นเพื่อจุมพิตบนริมฝีปากของเจ้าชายที่ผมรักมากที่สุดเป็น…

ครั้งสุดท้าย

“ปะ…ปูนปั้น”

“พี่ดาว”

ผมเรียกชื่อพี่ดาวพร้อมรอยยิ้ม  ที่ผ่านมาผมเห็นแก่ตัว  ยึดเจ้าชายเอาไว้เป็นของตัวเองมาตลอด  โดยไม่รู้เลยว่าช่วงเวลานั้นพี่ดาวต้องเจ็บปวดมากแค่ไหน  และต้องพบเจอกับอะไรบ้าง  เพราะงั้น…ตอนนี้ผมจะ…

ถ้าพลังในตัวผมที่แม่ปิดผนึกมันเอาไว้จะสามารถทำลายล้างพวกกบฏได้ล่ะก็…

“เจ้าชาย  ผมรักคุณนะครับ”

“ข้าก็รักเจ้า  ว่าแต่…เจ้าตัดสินใจว่ายังไงเหรอ  ให้ข้าลืมได้ได้ไหม?”

“แป๊บเดียวเท่านั้นแหละครับ  อีกแป๊บเดียว  ทุกอย่างจะจบ”

ผมผละตัวออกมาจากเจ้าชาย  เดินเข้าไปทางพี่ดาวกับฟรานซิสที่ยังคงบีบคอกันอยู่   ร่างสูงมองผมอย่างหวาดระแวง

“คุณคิดจะทำอะไรน่ะ  กบฏคือผู้หญิงคนนี้นะครับ!”

“ปั้น…ไม่นะ”

พี่ดาวสั่นศีรษะ  ส่งสายตาห้ามมาให้เพราะคงรู้ดีว่าผมคิดจะทำอะไร

 

‘พี่ดาว  ถ้าพี่ได้ยินเสียงของผมล่ะก็…ฝากดูแลเจ้าชายด้วยนะครับ  ผมรักเขามาก  มากอย่างที่ไม่เคยรักใครมาก่อนในชีวิต   ช่วยดูแลเขาในส่วนของผมด้วย   ผมขอพี่แค่นี้เท่านั้น’

 

“อย่านะ  ปูนปั้น”

หมับ!

“คุณปั้น!  คุณจะทำอะไร  ไม่ใช่ผมนะ   คุณปั้น!!!”

“ไอ้ปั้น!!!”

“รูปปั้น!!!”

“ไม่นะ  ปั้น!!!”

ฉึก!!!

“ปูนปั้น!!!”

เสียงเรียกสุดท้ายคือเสียงพร้อมมืออันแสนอบอุ่นของเจ้าชายที่พุ่งเข้ามาหาผมอย่างรวดเร็ว

กัลปังหาเสียทะลุร่างของฟรานซิสมาจนถึงร่างของผม  ทันทีที่เลือดของผมสัมผัสกับกัลปังหาอาบแสงจันทร์  พลังบริสุทธิ์ก็ตลบอบอวลไปทั่วทั้งห้อง  ร่างกายของฟรานซิสซีดเผือดลงอย่างรวดเร็ว

ตุ้บ!!!

เจ้าชายดึงร่างของฟรานซิสออกห่างจากผมแล้วโยนไปที่มุมห้องอย่างไม่ใยดี  เขาประคองผมที่ไร้เรี่ยแรงไว้ในอ้อมแขน

อุ่น…

มือของเจ้าชาย…

อุ่นเหลือเกิน

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  และแล้วก็รู้ตัวจริงของกบฏกันเสียที  มากกว่านั้นคือประกายดาวไม่ใช่กบฏแต่อย่างใด  แต่กลับกลายเป็นหมอมากไปเสียได้??  คนน่ารักอย่างหมอหมากน่ะเหรอจะเป็นกบฏ?  ไอ้ที่อุตส่าห์มโนไว้กับน้องจ้าวเป็นอันสูญสลายไปเลย  การที่น้องปั้นยอมเสียสละชีวิตของตัวเองแบบนี้  แปลว่าน้องปั้นจะต้องตายงั้นเหรอ?

เจ้าชายจะเป็นหม้ายสินะ!

ติดตามตอนต่อไปได้เลยจ้า  จุ๊บๆๆๆ

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
โธ่ อย่าตายนะปั้น

ออฟไลน์ cchompoo

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1402
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-4

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0


ตอนที่ 28

คนในความทรงจำ

 

“ปูนปั้น!  ไม่   ไม่นะ  เจ้าห้ามตายนะ   ได้ยินข้าไหม  ปูนปั้น!!!”

“รูปปั้น!  ทำไมทำแบบนี้  รูปปั้น  รูปปั้น!”

“ไอ้ปั้น  มึงทำแบบนี้ทำไม   มึงคิดอะไรไม่ออกแล้วหรือไงไอ้เหี้ย!  ทำไมมึงไม่ปรึกษากูฮะ  ไอ้ปั้น!”

“ปั้น…ปั้น…”

ไม่ไหวแฮะ…

ไม่มีเรี่ยวแรงใดๆเลย

ร่างกายของผมชาไปหมด  ดวงตาก็ร้อนผ่าวจนผมจะฝืนลืมตาต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว  แต่ว่า…ขอเวลานี้อีกนิดเถอะ  การที่คนที่ผมรักทั้งสี่คนมาอยู่พร้อมหน้ากันแบบนี้  ผมคงไม่มีโอกาสได้เห็นมันอีกแล้ว

“ไหนเจ้าบอกว่าข้าเชื่อใจเจ้าได้ไง  แล้วทำไมทำแบบนี้  เจ้าจะทิ้งข้าไปได้ยังไง  ปูนปั้น!”

เจ้าชาย…

ฮึก…

ผมขอโทษ   แต่ทางเดียวที่จะทำให้คุณได้มีชีวิตที่สมบูรณ์และครึ่งครองบัลลังก์ได้อย่างภาคภูมิใจ  มีแต่คุณต้องกลับไปรักกับพี่ดาวเหมือนเดิมเท่านั้น  เธอมาก่อนผม…

พี่ดาวมาก่อนผม…

“ข้ารักเจ้า  ขอร้องล่ะ  อย่าทำอย่างนี้  อย่าทิ้งข้าไปเลย  ข้าขอโทษ  ข้าขอโทษสำหรับที่ผ่านมา  ข้าทำให้เจ้าเสียใจหลายต่อหลายครั้งกับความไม่ชัดเจนของข้า  ข้าขอโทษที่ไม่สามารถตัดประกายดาว  ขอโทษที่ทำร้ายความรู้สึกของเจ้า  ตอนนี้ข้ารู้แล้ว  ข้ารักเจ้า  ข้ารักเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้น  ฮึก…”

ผมยิ้ม  ดีใจที่ได้ยินคำพูดทั้งหมดก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้ฟังอีกต่อไป

แต่ว่า…ไม่ได้แล้วล่ะครับ  คนที่เจ้าชายควรจะรักตอนนี้น่ะ  ไม่ใช่ผมอีกแล้ว

ค่อยๆรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายที่เหลืออยู่  จับมือของเจ้าชายและพี่ดาวขึ้นมา  นับมือของทั้งสองคนมาจับกันอีกที  สิ่งที่ผมทำได้มีแค่ยิ้มให้พวกเขาทั้งสองคนเท่านั้น

ช่วยรับรู้ทีเถอะ

“ไม่  มันจะไม่จบแบบนี้  เจ้าต้องอยู่กับข้านะปูนปั้น   ต้องอยู่กับข้า!”

“ใช่แล้ว  ยังมีอีกหลายเรื่องที่พี่ไม่ได้บอกเธอ  ปูนปั้น   เธอกำลังเข้าใจผิด  พี่ไม่ได้มาก่อนเธอ  คนในความทรงจำของไคโอคือเธอต่างหากไม่ใช่พี่  คนที่สวมรอยเป็นเธอก็คือพี่เอง  ได้ยินไหม”

ได้ยินสิ

ผมได้ยิน…

“ประกายดาว  เจ้าหมายความว่ายังไง?”

“ขอโทษนะไคโอ  ความจริงแล้ว   คนในความทรงจำของเธอ  คนที่เล่นกับเธอเมื่อตอนเด็กๆนั่นน่ะ  ไม่ใช่ฉันหรอกนะ  แต่เป็นปั้นต่างหาก  ตอนนั้นฉันเข้าโรงพยาบาล  พอมองลงมาจากระเบียงห้องที่อยู่ก็จะเห็นพวกเธอสองคนเล่นด้วยกันอย่างมีความสุขตลอด  มันทำให้ฉันตกหลุมรักเธอเข้า  ตกหลุมรักเธอที่ใจดีกับปั้นเสมอ  เธอที่คอยยิ้มมองปั้น  เพราะแบบนั้น…ตอนที่เธอมาช่วยฉันไว้ตอนตัดสินใจฆ่าตัวตาย และฉันได้รู้ว่าความจริงแล้วเธอไม่ใช่มนุษย์ ฉันเลยใช้โอกาสนี้สวมรอยเป็นปั้นซะเพราะอยากจะเริ่มชีวิตใหม่กับเธอ  ฉันเองที่เห็นแก่ตัว   ฉันขอโทษ  ฮึก…พี่ขอโทษนะปั้น   พี่ขอโทษที่ทำแบบนี้   พี่ขอโทษ…”

ความจริงจากปากพี่ดาวทำให้ภาพของใครบางคนที่เลือนรางมาตลอดในความทรงจำชัดเจนขึ้น

 

‘พรุ่งนี้มาเจอกันที่นี่อีกนะ  ข้าจะมาหาเจ้าอีก’

‘ได้สิ  มานะ  ฉันจะรอ’

‘นี่…’

‘หืม?’

‘ถ้าข้าโตแล้ว  และเจ้าเองก็โตเช่นกัน  ถึงตอนนั้น…’

‘…’

‘มาเป็นเจ้าสาวให้ข้าได้ไหม?’

‘…’

‘…’

‘ได้สิ’

‘…’

‘ฉันจะรอวันนั้นนะ…’

‘…’

‘ไคโอ’

 

นึกออกแล้วล่ะ…

จำได้แล้ว…

ผมจำความทรงจำอันแสนวิเศษเหล่านั้นได้แล้ว…

แต่เป็นเพราะว่าหลังจากนั้นเจ้าชายก็ไม่ได้กลับมาหาผมอีกตามสัญญา  และหายไปเลย  บวกกับผมเองก็ยังเด็ก  ถึงจะเจ็บปวดและเสียใจที่เขาหายไปสักแค่ไหน  แต่ทุกอย่างมันย่อมเลือนหายไปตามกาลเวลา  เพราะงั้น…

ผมถึงจำเขาไม่ได้เลยสักนิด

ไม่ได้สะกิดใจเลยว่าเด็กที่มาเล่นกับผมตลอดก็คือเขา  เพราะผมไม่เคยรู้ว่าเขาเป็นเงือก

“ที่แท้…ก็เป็นเจ้าเองเหรอ  คนที่ข้ารักมาตลอด  ไม่ว่าจะเป็นตอนนั้น  หรือว่าในตอนนี้  เป็นเจ้าเสมอมา”

“ฮึก…”

ทำได้แค่ร้องไห้เท่านั้น  ร้องไห้อย่างดีใจที่เราสองคนใจตรงกันจริงๆ  ไม่ใช่เพียงความสงสาร  ความใกล้ชิด   หรือว่าความผูกพัน….

“พี่ก้าน!  พี่ก้าน  ดูนั่นสิ  ละ…เลือดของไอ้ปั้นกลายเป็นสีขาวแล้วพี่  ทำไมล่ะ  ไอ้ปั้น!  อยู่กับกูก่อนนะ  ไอ้ปั้น!”

ไอ้จ้าวเขย่าแขนผมทั้งน้ำตา

อยากบอก…อยากบอกว่ามันคือเพื่อนรักที่สุดของผม  ตลอดมา…และ…ตลอดไป

“รูปปั้น  ไม่นะ  อย่าทำแบบนี้  แม่ครับ  แม่ช่วยน้องด้วยสิ  แม่อย่าให้น้องตายนะ   แม่ต้องช่วยน้องสิ!!!”

พี่ก้าน…

ผมขอโทษ  ที่ไม่เคยทำตัวเป็นน้องที่ดีเลย  ทั้งที่พี่คอยดูแลและปกป้องผมมาตลอดแท้ๆ   ขอโทษที่ทำให้วุ่นวายมาตลอดนะครับ  ผมดีใจจริงๆที่เรามีสายเลือดเดียวกัน  ดีใจที่ผมไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกใบนี้เพราะมีพี่อยู่เคียงข้างตลอดมา

รักพี่นะ  ผมรักพี่  ฮึก…

“ปั้น  พี่ขอโทษ   คนที่สมควรตายคือพี่ต่างหาก   พี่ต่างหากที่สมควรจะจากไป  ฮือ….”

พี่ดาว  ไม่เลย  พี่ไม่จำเป็นต้องตาย   ไม่มีใครสมควรตายทั้งนั้น

ผมจะจดจำทุกๆอย่างเอาไว้  จดจำทุกเรื่องราวของทุกคน   ผมดีใจจริงๆที่ได้เจอกับทุกคน   ไม่เคยนึกเสียใจที่สุดท้ายทุกอย่างจะต้องจบลงแบบนี้

จะไม่มีวันลืม…

จะไม่ลืมอีกแน่นอน…

“ปูนปั้น  อยู่กับข้าเถอะ  อย่าจากข้าไป  ข้าอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเจ้า  ข้าขอโทษ  ข้าขอโทษ…”

“ผะ…”

“ปูนปั้น…”

“รัก…”

“…”

“คุณ…”

ภาพของทุกคนพร่าเลือนในดวงตา  ได้ยินเสียงของพวกเขาพูดอะไรสักอย่าง  แต่หูของผมมันไม่ได้ยินอะไรอีกแล้ว  นัยน์ตาค่อยๆปิดลง  เสียงเพลงกล่อมเด็กที่แม่ชอบร้องให้ฟังตอนผมยังเล็กดังแว่วอยู่ไม่ไกล…

ยิ้มแล้วสินะ

ผมยิ้มให้ทุกคนแล้วใช่ไหม?

“ปูนปั้น!”

“…”

“อ๊ากกกกกกก!!!”

 

‘ปูนปั้น  ยามใดที่กัลปังหาถ่ายทอดเสียงนี้ของแม่ให้ลูกได้รู้  นั่นหมายความว่าเรื่องราวดำเนินมาถึงจุดจบอย่างที่แม่คิดไว้แล้ว  ฟังให้ดีนะลูก   พลังที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่ในตัวของลูกนั้น  มีเพียงแม่เท่านั้นที่รู้  ทุกสิ่งที่ลูกได้ยินมาเป็นเพียงเรื่องโกหกที่แม่กุขึ้นเพื่อปกปิดพลังที่แท้จริงของลูก  ลูกไมได้มีพลังทำลายล้างที่น่ากลัวใดๆทั้งสิ้น  พลังที่ลูกมีแท้จริงแล้วเป็นพลังแห่งการปกป้อง  เลือดสีขาวอันแสนบริสุทธิ์ในตัวลูกแม่ได้ผนึกมันเอาไว้เพื่อให้ลูกได้ตัดสินใจใช้มันในช่วงเวลาที่จำเป็นที่สุดเท่านั้น  ที่สำคัญ…แม่ไม่ได้มีเชื้อพระวงศ์  แม่โกหกพ่อของลูกกับลุงกิ่ง  เพราะแม่ไม่อยากให้พวกเขาต้องเข้ามาข้องเกี่ยวมากไปกว่านี้  ฐานะที่แท้จริงของแม่คือ…องครักษ์ขององค์ราชินี  และลูก…ในฐานะลูกของแม่ที่ได้รับพลังเลือดบริสุทธิ์มาจากบรรพบุรุษในฐานะขององครักษ์  หน้าที่ของลูกคือจะต้องปกป้ององค์รัชทายาทให้ได้ขึ้นครองบัลลังก์อย่างสมบูรณ์  แม่หวังว่าลูกจะเข้าใจในสิ่งที่แม่พูด  ทุกสิ่งไม่ใช่ความบังเอิญหรือชะตาฟ้าลิขิต  แต่มันคือ…หน้าที่  หน้าที่ที่เกิดมาพร้อมกับลูกตั้งแต่ต้น  จงปกป้ององค์รัชทายาท  เชื่อมั่นในการตัดสินใจของตัวเอง  รวมพลังสายเลือดบริสุทธิ์ในตัวลูกกับกัลปังหาอาบแสงจันทร์  แล้วทุกอย่างจะจบลง  แม่รักลูกมากนะ หวังว่าคงจะไม่โกรธแม่ที่ทำให้ลูกต้องมีชะตาชีวิตแบบนี้…’

 

ผม…

ทำตามที่แม่บอกแล้วนะครับ  ทำหน้าที่ของตัวเอง…อย่างสุดความสามารถแล้ว

เพื่อเจ้าชาย…ชีวิตของผม…เกิดมาเพื่อปกป้องเจ้าชายเท่านั้น

 

Special  Kai-O  Talk :

งานเลี้ยงฉลองการขึ้นครองบัลลังก์ของผมถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่หลังจากที่พลังของปูนปั้นได้ทำลายดวงวิญญาณร้ายของเสนาเฟเรียส  บิดาของฟรานซิส  ที่แม้ว่าร่างกายจะไร้เรี่ยวแรงไปตามสังขาร  แต่ความมักใหญ่ใฝ่ฝูงต้องการที่จะเป็นใหญ่นั้นไม่ได้ลดน้อยลงไปด้วย  จึงทำพิธีต้องห้ามผูกวิญญาณของตัวเองกับฟรานซิสเข้าด้วยกันและเข้าควบคุมหมอนั่น  ที่ผ่านมา…ร่างกายของฟรานซิสจึงประกอบไปด้วยดวงวิญญาณสองดวงมาตลอด  บางทีผมก็อดคิดไม่ได้ว่า  เพื่อนเล็กตั้งแต่เด็กของผมอย่างเขา  คงไม่ได้อยากจะทำแบบนี้  แต่เพราะถูกควบคุมอยู่  จึงไม่สามารถทำอะไรได้เลย  และสุดท้ายก็ต้องมาตายไปอย่างน่าเวทนา

“ทำไมมาหลบอยู่ที่นี่ล่ะ  แขกเหรื่อมากันเต็มงานเลยนะ”

“ท่านพ่อ”

ผมเอ่ยทัก  แต่ก็ไม่อยากจะมองหน้าท่านพ่อเท่าไหร่นัก  เพราะเมื่อผมรู้ความจริงทั้งหมดเรื่องของปูนปั้นและแม่ของเขาจากปากของผู้ชายที่ชื่อก้าน  มันก็ทำให้ผมมั่นใจว่าท่านพ่อจะต้องทราบเรื่องนี้  เพราะ…

คนที่ทำให้เกิดพายุในคืนนั้นจนปูนปั้นตกทะเลก็คือท่านพ่อเอง!

ตอนนั้นท่านพ่อบอกว่าผมจำเป็นต้องหนีพวกกบฏไปหลบอยู่ที่โลกมนุษย์  ดังนั้นจึงต้องหาคนที่ไว้ใจได้เพื่อฝากฝังผมเอาไว้  และก็ทำให้เหมือนเรื่องบังเอิญว่าปูนปั้นออกเรือมากับพ่อพอดี  ทั้งที่ความจริงท่านพ่อเล็งเป้าหมายเอาไว้แล้วว่าต้องเป็นปูนปั้นกับพ่อ   หลังจากนั้นท่านพ่อก็ทำให้เกิดพายุจนเรื่องราวดำเนินอย่างทีเป็นมา ผมจำต้องโกหกปูนปั้นเรื่องที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้แล้วกุเรื่องแต่งงานนั้นขึ้นมาเพื่อหลอกให้เขาทำพันธะสัญญาผูกวิญญาณเพื่อที่ปูนปั้นจะได้ไม่สามารถปฏิเสธหรือไล่ผมกลับแดนเงือกได้  นั่นคือสิงที่ผมคิดว่ามันเป็นมาตลอด

แต่ความจริงไม่ใช่  เพาะสิ่งที่ท่านพ่อตั้งใจเอาไว้จริงๆแล้วคือการกระตุ้นพลังปกป้องในตัวของปูนปั้น  และวิธีเดียวที่จะปลุกพลังนั้นขึ้นมาก็คือผม  ยิ่งผมตกอยู่ในอันตราย  พลังที่หลับอยู่ในตัวปูนปั้นก็จะยิ่งตื่นขึ้น  ทั้งหมดนี้ก็เพราะแม่ของปูนปั้นได้คอยส่งข่าวให้ท่านพ่อรับรู้ตลอดมาในฐานะองครักษ์ผู้จงรักภักดีต่อท่านแม่ของผมที่เสียไปแล้ว

ท่านพ่อรู้เรื่องนี้มาตลอด  และพอรู้ว่าเด็กที่ผมไปเล่นด้วยตอนเด็กคือปูนปั้น  จึงต้องรีบทำการแยกเราสองคนออกจากกันเพราะกลัวว่าการใกล้ชิดนั้นจะทำให้พลังของปูนปั้นตื่นขึ้นมาก่อนเวลาอันควร  ที่ผ่านมา…สำหรับท่านพ่อแล้ว  ปูนปั้นเปรียบเสมือนเครื่องมือที่เอาไว้เพื่อปกป้องผมเท่านั้น!

“ยังไม่หายโกรธพ่ออีกรึ?”

“ข้าไม่มีอะไรจะพูดกับท่านพ่อ  เชิญออกไปเถอะ”

“ไคโอ   ที่พ่อทำแบบนั้นก็เพื่อเจ้านะ  ชีวิตของปูนปั้นมีขึ้นเพื่อปกป้องเจ้าเท่านั้น”

“งั้นท่านก็ควรได้รู้ไว้ว่าชีวิตของข้าก็มีขึ้นเพื่อปูนปั้นเช่นกัน  ข้าเกิดมาเพื่อปูนปั้น  ดังเช่นปูนปั้นที่เกิดมาเพื่อข้า!!!”

“แล้วเจ้าจะให้พ่อทำอย่างไร!  ปูนปั้นยังไม่ได้ตายเสียหน่อย  เด็กคนนั้นยังอยู่!”

“แต่ก็เหมือนตายทั้งเป็น  ดวงวิญญาณของปูนปั้นสูญสลายไปจนแทบจะเหลือเพียงแค่เถ้าธุลี  เขาไม่สามารถลืมตาขึ้นมาพูดคุยกับข้าได้อีกแล้ว  แบบนี้มันฆ่าข้าให้ตายทั้งเป็นชัดๆ!”

ยิ่งพูด  หัวใจของผมก็ยิ่งทรมาน

จริงอยู่ว่าปูนปั้นยังไม่ตาย  มีสภาพเหมือนแค่หลับไปเท่านั้น  แต่เป็นการหลับที่ไม่สามารถตื่นขึ้นมาได้อีก  แบบนั้นมัน…

ทรมานผมจนหัวใจแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ

“ข้าขอตัว”

ว่าพลางเดินหลบออกมาเพราะไม่ต้องการทะเลาะกับท่านพ่อมากไปกว่านี้  ถ้าไม่ใช่เพราะประกายดาวขอร้องไว้ว่าไม่อยากให้การเสียสละของปูนปั้นต้องสูญเปล่า  ผมคงไม่ยอมขึ้นครองบัลลังก์นี้เด็ดขาด

สภาพจิตใจผมตอนนี้อย่าว่าแต่ปกครองดูแลใครเลย  ลำพังแค่ตัวเองก็เต็มกลืนแล้ว

“คุณพ่อ…”

“เจ้าชาย  มาอีกแล้วเหรอครับ”

ชายสูงวัยที่นั่งเฝ้าปูนปั้นมาตลอดหนึ่งเดือนเอ่ยทักผมด้วยรอยยิ้ม

ใช่แล้ว  เขาคือพ่อของปูนปั้น  พ่อที่ปูนปั้นนึกว่าตายไปแล้วความจริงยังมีชีวิตอยู่  เพียงแต่ท่านพ่อและผมเอาตัวเขาไปซ่อนไว้เพราะต้องการให้ปูนปั้นคิดว่าตัวเองไม่เหลือใครแล้วจะได้ยอมให้ผมอยู่เคียงข้างได้ง่ายๆ  ซึ่งพ่อของปูนปั้นก็ยอมร่วมมือด้วยเพราะเชื่อและเคารพในการตัดสินใจของคุณขวัญตา  แม่ของปูนปั้นหรือองครักษ์ผู้ภักดีของท่านแม่ผมนั่นเอง

“เจ้าเด็กดื้อคนนี้ยังไม่ยอมตื่นเลยครับ  คงกำลังฝันดีอยู่แน่ๆ  ดูสิครับ  หน้ายิ้มแย้มเชียว”

แม้ว่าร่างกายของปูนปั้นจะซีดเผือดไร้สีเลือด  แต่ว่า…ใบหน้าของเขากำลังยิ้มอยู่จริงๆ  มันดูอิ่มเอมราวกับต้องการจะบอกว่าช่วงสุดท้ายในชีวิตของเขาอัดแน่นไปด้วยความสุขอย่างหาที่ไหนไม่ได้

“ข้าต้องขอโทษด้วยที่…”

“พอเถอะครับ  เจ้าชายพูดประโยคนี้มานับล้านครั้งได้แล้ว  ผมในฐานะพ่อ  ถึงจะเจ็บปวด  แต่ในเมื่อผมเชื่อและตัดสินใจที่จะยอมรับการตัดสินใจของเมียและลูกไปแล้ว  เจ้าชายก็น่าจะคิดแบบผมนะครับ  ไอ้ปั้นมันคงอยากเห็นเจ้าชายยิ้มมากกว่ามาทำหน้าเศร้าแบบนี้”

“ข้าจะยิ้มลงได้ยังไง  ในเมื่อ…”

“ไอ้ปั้นมันก็ยิ้มนี่ครับ   ผมเชื่อว่าปาฏิหาริย์มีจริง  เราต้องมารอคอยวันที่ปาฏิหาริย์จะวนกลับมาหาเรานะครับ  เพราะผมเอง…ในชีวิตนี้ก็ได้เจอปาฏิหาริย์ตั้งสามครั้งแน่ะ”

“สามครั้ง?”

“ครั้งแรก…คือการที่ได้เจอกับขวัญตา  เธอคือปาฏิหาริย์แรกที่ผมได้รับ  ส่วนปาฏิหาริย์ครั้งที่สองก็คือเจ้าก้าน  ลูกชายคนโตของผม  และปาฏิหาริย์ครั้งที่สาม…ก็คือเด็กคนนี้นี่แหละครับ”

คุณพ่อหันไปลูบหัวปูนปั้น  แววตาเปี่ยมรักของคนเป็นพ่อเด่นชัดออกมา

“เจ้าชายล่ะครับ  มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นกี่ครั้งแล้ว”

“ข้าเหรอ?”

“…”

“สองครั้งน่ะ”

“…”

“ครั้งแรกเป็นตอนข้ายังเยาว์วัย  รักครั้งแรกที่ข้าไม่อาจลืม  ส่วนครั้งที่สองก็…การได้กลับมารักคนในความทรงจำคนเดิมอีกครั้ง”

และไม่ว่าจะเป็นครั้งไหน

คนๆเดียวที่ผมรักก็ยังคงเป็นปูนปั้น

“ท่านป้อ”

เสียงเล็กๆดังขึ้นด้านหลัง

เด็กน้อยวัยสองขวบเศษเดินเตาะแตะเข้ามาหาผมพลางส่งเสียงเรียกอย่างน่ารัก  พี่เลี้ยงที่คอยดูแลดาวเหนือลูกของผมเดินเข้ามาหาด้วยสีหน้ากังวล

“เจ้าชายเพคะ คือว่า…คุณประกายดาว…”

“ประกายดาวเป็นอะไร??”

 

หลังจากที่ปูนปั้นต้องกลายเป็นเจ้าชายนิทรา  อาการป่วยของประกายดาวเองก็ทุรดหนัก  เพราะที่ผ่านมาเธอต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆเพื่อปกป้องดาวเหนือ  ทำให้ไม่ได้รับการรักษาตามวิธีของมนุษย์  ร่างกายของเธอสะสมอาการเจ็บป่วยไว้นานจนไม่สามารถรักษาได้อีกแล้ว

นับวันเธอยิ่งซูบผอมและซีดเซียว  ร่างบางจนผมกลัวว่าเธออาจจะหักเป็นสองท่อนได้

“ประกายดาว  เจ้าไหวไหม  ไปรักษาที่แดนมนุษย์เถอะนะ”

“ไคโอ   ไม่ได้นะ  ห้ามพาฉันไปจากที่นี่เด็ดขาด”

“ทำไมล่ะ  ถ้าเจ้าไปรักษา  เจ้าอาจจะอยู่กับดาวเหนือได้นานกว่านี้นะ”

ประกายดาวยิ้ม  เป็นยิ้มที่ดูมีความสุขเหมือนรอยยิ้มสุดท้ายของปูนปั้นไม่มีผิด

“ฉันไม่มีอะไรต้องห่วงอีกแล้วล่ะ  ดาวเหนือได้อยู่กับเธอที่เป็นพ่อแท้ๆของเขา  พวกกบฏก็ถูกจับหมดแล้วเพราะไม่มีหัวหน้าใหญ่คอยบงการ  บนโลกนี้ฉันหมดห่วงทุกอย่างแล้วจริงๆ”

“…”

“แต่ว่า…ฉันยังมีเรื่องที่ต้องจัดการเหลืออยู่  ยังมีสิ่ง…ที่ฉันต้องชดใช้ให้กับเธอและปั้น”

“เจ้าหมายความว่าอะไร?”

“ไม่มีอะไรหรอก  ฉันแค่พูดไปอย่างนั้นเอง”

ร่างกายของเธอดูอิดโรยเหลือเกิน

ดาวเหนือปีนขึ้นเตียงไปนอนกอดประกายดาวเอาไว้  เพราะดาวเหนือนี่แหละ  ทำให้ผมรู้ว่าคุณพ่อของปูนปั้นต้องเจ็บปวดแค่ไหนที่ต้องมาทนเห็นลูกของตัวเองในสภาพนี้  เพราะผมมีดาวเหนือ…  ถ้าหากดาวเหนือต้องอยู่ในสภาพนี้เช่นกัน  ผมคงแทบจาดใจตาย

และนี่คือสาเหตุที่ทำให้ผมเกลียดท่านพ่อไม่ลง

เพราะเข้าใจความรู้สึกของคนเป็นพ่อไปแล้ว  ผมถึงต้องมานั่งโกรธตัวเองอยู่แบบนี้ที่ไม่สามารถทำอะไรได้เลย  แม้แต่จะเกลียดคนที่ทำให้ปูนปั้นต้องเสี่ยงชีวิตขนาดนี้ก็ยังทำไม่ลง

ผมมัน…ไม่เอาไหนเลย

“ไคโอ…”

“หืม?  เจ้าอยากได้อะไรเหรอ”

“เปล่าหรอก   แต่ว่า…”

“…”

“สัญญากับฉันหน่อยสิ”

“สัญญารึ?”

“รักและดูแลดาวเหนือให้ดีด้วยนะ  เมตตาเขาเหมือนที่เมตตาฉัน”

“พูดอะไรแบบนั้น  ดาวเหนือเป็นลูกของข้า  ถึงเจ้าไม่ขอ  ข้าก็จะรักและดูแลเขาอย่างดี”

“นั่นสินะ  ก็ไคโอใจดีที่สุดเลยนี่นา”

ประกายดาวยิ้มเศร้า  ผมรับรู้ความรักทั้งหมดที่เธอมีต่อผมดี  แต่ว่า…ตอนนี้ผมไม่สามารถตอบรับมันได้  เพราะหัวใจของผมเป็นของปูนปั้นไปหมดแล้ว

ที่มีให้เธอได้ก็แค่…ความผูกพันเท่านั้น

“ฉันอยากนอนพักแล้วล่ะ  ไคโอไปเถอะ”

“ได้สิ   แต่ถ้าเจ้าต้องการอะไรก็เรียกข้าเลยนะ  ข้าจะรีบมาหาเจ้าทันที”

“จ้ะ  ขอบใจมากนะ”

“มาลูกดาวเหนือ  ไปกับพ่อนะ”

ตรงเข้าไปอุ้มลูกไว้ในอ้อมแขน  ผมมองไปทางประกายดาวที่นอนส่งยิ้มให้อีกครั้งด้วยใจที่ไม่ค่อยเป็นสุข

ทำไมผมถึงรู้สึกแบบนี้นะ

ลางสังหรณ์ไม่ดีเอาเสียเลย

“แม่จ๋า  แม่จ๋า”

เสียงที่ดาวเหนือร้องเรียกประกายดาวก็เช่นกัน

ทำไมพอได้ยินแล้วต้องรู้สึกเศร้าด้วยนะ

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพแล้วจ้า  ตอนหน้าก็จะเป็นบทส่งท้ายแล้วนะคะ  ในที่สุดก็มาถึงบทสรุปของเรื่องนี้สักที  ขอบคุณนักอ่านทุกคนที่ติดตามกันมาตลอดนะคะ  แม้ว่าบิวจะอัพช้าไปบ้างก็ยังคอยเสมอ TT  ต่อไปก็อย่าลืมไปติดตามเรื่องของพี่ก้านกับน้องจ้าวต่อน้า  คู่นั้นยังไม่ถึงบทสรุปเลยจ้า  จุ๊บๆๆๆ

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0


บทส่งท้าย

ปาฏิหาริย์ครั้งที่สาม

 

‘นี่  ตื่นได้แล้วนะ  จะนอนกินบ้านกินเมืองไปถึงไหนกัน’

เสียงใครกันนะ?

คุ้นจังเลย

‘ถ้าขืนเจ้ายังนอนอยู่แบบนี้  ข้าจะปล้ำเจ้าจริงๆด้วย’

ไม่ผิดแน่…

หื่นแม้กระทั่งกับคนหลับ…

เจ้าชายจอมลามกชัวร์ๆ!!!

แต่ว่าทำไม…ทั้งที่ได้ยินเสียงอยู่ใกล้ๆ   ผมกลับมองไม่เห็นเขาล่ะ  ทุกอย่างมันมืดไปหมด  แม้ว่าผมจะได้ยินเสียงของเขาอย่างชัดเจน  แต่ผมก็ไม่สามารถโต้ตอบเขาได้  ราวกับว่า…

ผมถูกแช่แข็งเอาไว้

 

“ปั้น…”

“พี่ดาว!”

ร้องเสียงหลงอย่างตกใจ  ทั้งที่เมื่อกี้ยังมืดอยู่แท้ๆ  แต่พอเสียงพี่ดาวดังขึ้นเท่านั้น  ทุกอย่างก็สว่างวาบขึ้นมา  แถมผมยังมองเห็นตัวของตัวเองกับพี่ดาวกำลังยืนประชันหน้ากันอีกด้วย!

นี่มันเรื่องอะไรกันแน่!

ผมไม่ได้ตายไปแล้วหรอกเหรอ?

“พี่ดีใจจริงๆนะที่เราได้เจอกันอีก  แบบนี้หมายความว่าองค์ราชาไม่ได้โกหก”

“พี่ดาว  พี่พูดอะไรน่ะ”

“โชคชะตาของเราสามคนผูกพันกัน  เส้นด้ายแห่งชีวิตของเราสองคนเชื่อมโยงถึงกันมาตั้งแต่ต้น  นี่คือสิ่งที่องค์ราชาบอกกับพี่”

“พี่พูดอะไร  ผมไม่เข้าใจ”

“ปาฏิหาริย์ครั้งที่สามของไคโอได้เกิดขึ้นไปแล้ว  คือการที่ปั้นไม่ได้ตาย  แต่แค่เป็นเจ้าชายนิทรา”

“เจ้าชายนิทรา?  ผมเหรอ?”

“ใช่  ตอนนี้เธอแค่หลับอยู่เท่านั้น  และเพราะเธอยังไม่ตาย  เส้นด้ายแห่งชีวิตของเราสามคนจึงยังไม่ขาดลง”

พี่ดาวยังคงพูดต่อ  ผมคิดไปเองหรือเปล่าถึงได้รู้สึกว่าพี่ดาวดูอิดโรยชอบกล

“ที่ปั้นได้ยินเสียงของพี่ทั้งที่พี่ไมได้พูดออกมานั่นก็เพราะใจเราสื่อถึงกัน  และเส้นชีวิตเราก็เชื่อมโยงกัน  จะต้องมีคนใดคนหนึ่งหายไป   ทุกอย่างถึงจะกลับเข้าสู่สิ่งที่มันควรจะเป็น”

“ผมไม่เข้าใจ”

“ฟ้าได้กำหนดมาแล้วว่าใครสมควรจะได้มีชีวิตอยู่  และคนๆนั้นไม่ใช่พี่”

“พี่ดาวพูดเหมือนกำลังจะตาย?”

“ที่ผ่านมาพี่ช่วงชิงเอาสิ่งที่ปั้นควรจะได้มาเยอะแล้ว  แย่งเอาคนที่ปั้นรักมาครอบครอง  มันถึงเวลาที่พี่จะต้องปล่อยตัวเองออกมาเสียที  เพราะพี่เองก็เหนื่อยมามากแล้ว  กับการพยายามเอาสิ่งที่ไม่ใช่ของพี่ตั้งแต่ต้นมาเป็นของตัวเองอย่างเรื่องของไคโอ”

พี่ดาวส่งยิ้มอบอุ่นและใจดีมาให้เหมือนอย่างเคย

ตัวของพี่ดาวค่อยๆโปรงใสขึ้น  หัวใจผมตกวูบไปที่ตาตุ่ม!

“พี่ดาว!!!”

“พี่มีเวลามาพบกับปั้นได้แค่สามนาทีก่อนที่ดวงวิญญาณจะสลายหายไป  มีแค่ช่วงนี้เท่านั้นที่คนตายสามารถสื่อสารกับคนเป็นได้  ปั้น…กลับไปเถอะนะ  กลับไปในที่ของปั้น  กลับไปหาไคโอ  กลับไปมอบความรักทั้งหมดให้กับเขา  อย่าทำให้เขาต้องเจ็บปวดเฝ้ารอการกลับมาของปั้นอย่างนี้ตลอดไปเลย”

“ไม่   ผมเข้าใจแล้ว  ว่าถ้าผมกลับไป  คนที่จะต้องหายไปแทนก็คือพี่ดาวใช่ไหม!”

“พี่ใช้ชีวิตมาพอแล้ว  พี่พอใจกับทุกสิ่งในตอนนี้แล้ว  เหลือก็แต่เรื่องของปั้น  ที่พี่ยังไม่ได้ชดใช้ให้เสียที  ก่อนที่คำอธิษฐานขององค์ราชาจะหมดไป  ปั้น…กลับไปเดี๋ยวนี้!!!”

“ไม่!!!”

“องค์ราชารู้สึกผิดมาก  ท่านกำลังเจ็บปวดที่ทำให้ไคโอต้องเสียใจเหมือนตายทั้งเป็น  ท่านยอมเอาดวงวิญญาณขึ้นถวายพระผู้เป็นเจ้าเพื่อขอสับเปลี่ยนดวงวิญญาณของพี่กับปั้นตามที่พี่ขอ  พี่กับองค์ราชากำลังทำทุกอย่างเพื่อชดใช้ความผิดที่ได้ก่อเอาไว้  อย่าทำให้ความตั้งใจนี้สูญเปล่าเลยนะ”

“แต่ว่า!”

“พี่มีความสุขมาก  มีความสุขจริงๆ  ดาวเหนือได้เจอพ่อแท้ๆของเขาแล้ว  และพี่เชื่อว่าปั้นจะเป็นทั้งพ่อและแม่ที่ดีให้กับลูกของพี่”

“พี่ดาว”

“ไม่มีเวลาแล้ว  กลับไปซะ  พูดว่าผมอยากกลับไปสิ   ส่งเสียงของตัวเองให้ดังไปถึงพระผู้เป็นเจ้า”

“…”

“พูดสิปั้น!  พูด!  พี่ขอร้องล่ะ  ปั้น!  ปั้น!”

“พี่ดาว..”

“พี่รักปั้นนะ  ฝากดูแลดาวเหนือด้วย  ช่วยใช้ชีวิตอย่างมีความสุขต่อไปแทนพี่ที”

“ฮึก…พี่ดาว”

“โชคดีนะ  น้องรักของพี่”

“พี่ดาว!!!”

“…”

“…”

“…”

“ผม…”

“…”

“อยากกลับไป”

“…”

“ให้ผมกลับไปด้วยเถอะครับ!!!”

 

พรึ่บ!

“พี่ดาว!”

คำแรกที่ผมโพล่งออกมาหลังจากลืมตาก็คือชื่อของพี่ดาว  ความอบอุ่นที่สัมผัสกับร่างกายย้ำชัดเจนว่าตอนนี้ผม…

…กลับมาแล้ว

ตุ้บ!

เสียงของหล่นกระทบกับพื้นเรียกความสนใจจากผมได้เป็นอย่างดี  ร่างสูงที่คุ้นเคยเบิกตากว้างมองผมราวกับไม่เชื่อสายตาของตัวเอง

“เจ้าชาย…”

ส่งเสียงเรียกเขาพร้อมรอยยิ้มแห่งความดีใจ

“ปะ…ปูนปั้น…”

“ผมกลับมาแล้ว”

 

และจะไม่มีวันแยกจากคุณไปไหนอีก…

 

หมับ…

“ข้าคิดถึงเจ้าเหลือเกิน”

 

อ้อมกอดนี้…

คิดถึงมากๆเลยล่ะครับ

 

ขอบคุณนะครับพี่ดาว  ผมสัญญาว่าจะใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอย่างมีความสุขที่สุด

 

“ยินดีต้อนรับกลับนะ  ภรรยาแสนรักของข้า”

 

จบบริบูรณ์

 

 

 

ติดตามเรื่องราวของพวกเขาต่อได้ใน…

A  Merman  Special รักนี้…พี่จอง! ( พี่ก้าน+น้องจ้าว )

 

 

 

บับเบิ้ลบิวชวนคุย :

มาอัพบทส่งท้ายแล้วจ้า  ในที่สุดก็จบสักที  จบแบบปลายเปิดให้ไปเดากันต่อเองว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป  แต่คิดว่าคงจะพอเดากันได้แหละเนอะ  ในเมื่อน้องปั้นฟื้นขึ้นมา  ประกายดาวก็ยอมตายเอง  ไม่มีอะไรมาขวางทางรักของเจ้าชายและน้องปั้นได้อีกแล้ว  ถ้าในเล่มพิเศษจะได้เห็นเรื่องราวหลังจากนี้ของทั้งคู่ด้วย  แต่ไม่ได้อัพลงในเว็บน้า   ใครสนใจสั่งซื้อสามารถอินบ๊อกหาบิวในเพจได้เลยนะคะ  ขอบคุณสำหรับการติดตามกันมาจนถึงตอนนี้ค่า ^^

ออฟไลน์ titansyui

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-0

ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0

ออฟไลน์ Ice_Iris

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1227
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +74/-0


จบแบบซึ้งๆ

ปนน้ำตา

ขอบคุณที่แบ่งปันขอรับ


ออฟไลน์ Sohso

  • You are my precious thing And I will always love you.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1372
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-3
จบแบบไม่สุดเท่าไหร่อ่ะ เรียกน้ำตากันเลยทีเดียว  :monkeysad:

ออฟไลน์ dadt

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 14
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2/-0
เรื่องแอบกระโดดๆนิดนึงน้า แล้วก็มีหลายตอนที่ไคโอกับปั้นอยู่ห่างกัน แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น (ไม่โดนสร้อยรัดคอ) แล้วทำไมฟรานซิสอ่านความทรงจำของประกายดาวเรื่องลูก/รัชทายาทคนที่สองไม่ได้อ่า? ดาวไม่ได้ความจำเสื่อมจริงๆนี่นา ส่วนตอนจบน่าจะขยายความในส่วนของคู่หลักอีกนิด ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป เช่น ปั้นย้ายมาอยู่ในทะเล? ขึ้นเป็นเจ้าหญิง/ราชินี?!?

พล็อตได้แล้วจ้า ถ้าเป็นนิยาย ต้องเพิ่มเติมรายละเอียดต่างๆอีกนิด ถ้าเป็นเรื่องสั้น ต้องตัดให้กระชับอีกหน่อย ก็ได้อยู่เหมือนกันน้า

ขอบคุณสำหรับนิยายจ้า  :pig4:

ออฟไลน์ dkitja

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 1
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
ชอบมากๆ เอาอีกๆ :impress2: :-[

ออฟไลน์ abcee

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 234
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
สนุกมากครับ แอบสงสารดาวนะ ไม่อยากให้มีใครตายเลย ขอบคุณมากครับ

ออฟไลน์ บีเวอร์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 392
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
เอางี้เลยนะ จบแบบนี้เลยนะ 55555

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ WwW

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +134/-0
ใครสนใจสั่งซื้อนิยายเล่มนี้  อินบ๊อกในเพจได้จ้าาาา   ตอนนี้ยังมีสต๊อกเหลืออยู่น้าาา

https://www.facebook.com/bewjuliet/

ออฟไลน์ areenart1984

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-7

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด