THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 12
Flashback
“มานั่งอยู่ตรงนี้ เพชรรู้มั้ย...ว่าเราไม่ได้ใส่เสื้อผ้า”
“รู้ครับ
ดวงตาของเพชรเป็นประกายกว่าที่เคยเป็น คงเพราะเราไม่ได้เปิดไฟในบริเวณนี้
แสงจันทร์ที่สะท้อนกับนัยน์ตาของเขา
อาจจะทำให้ดวงตาคู่สวยของเขาสว่างมากก็เป็นได้
มันมีประกายเหมือนเพชร
“แล้วหงส์รู้เปล่า...ว่า ถ้าผมถอดชุดคลุมนี้ออก
...มันจะเป็นยังไง”
ดวงตาคมจ้องผมไม่วางตา ริมฝีปากสวยยิ้มนิดหน่อย ก่อนที่ผมหลบตาเขา
แล้วไล่มองชุดคลุมเวอซาเช่สีสวยที่คลุมตัวเพชรเอาไว้
สายตาของผมไล่ลงไปตั้งแต่ปลายคาง เลื่อนลงไปที่อกแกร่ง
เอวของเขาที่มีปมเชือกผูกกันอยู่หลวมๆ
ลงไปจนถึงช่วงขาที่ชุดมันแหวกขึ้นมาเผยให้เห็นต้นขาแกร่งของเขา
บอกตรงๆ ว่า ผมแพ้คนขายาว
ใจมันสั่น สั่นจนผมรู้สึกได้
แล้วผมเลื่อนสายตากลับขึ้นมาสบตากับคนตรงหน้าอีกรอบ
“ก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไง เพราะว่าไม่เคยเห็น”
พูดจบ ผมก้มมองต่ำเพื่อหลบตาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มือหนากลับเชยคางผมให้เงยหน้าขึ้น เขายกยิ้มมุมปากในจังหวะที่เราสบตากันอย่างมีความหมาย
แล้วริมฝีปากสีสวยก็ขยับเพื่อพูดตอบ
“อยากจะเห็นมั้ยล่ะครับ”
ภายใต้บรรยากาศที่สลัวในตอนนี้
แต่คำตอบของเพชรกลับทำให้ทุกอย่างดูสว่างวาบขึ้นมา
“คือว่า...มันจะดีใช่มั้ยอ่ะ”
ผมยิ้มมุมปาก แล้วก้มมองลงต่ำ
มือหนาของเพชรค่อยๆ เลื่อนไปคลายปมเชือกผูกเอวของเขาออก
มันคงไม่ดีเท่าไหร่นัก
ผมรีบยื่นมือไปห้าม แล้วปัดมือของเขาออกไป
ก่อนจะใช้มือตัวเองคลายปมนั้นออกแทน
แบบนี้สิ ถึงจะดีกว่า
ระหว่างที่มือเรียวของผมกำลังคลายปมออกช้าๆ มันก็ไปสัมผัสเข้าให้กับสิ่งที่ซุกซ่อนอยู่ภายใน เพราะตอนนี้สิ่งนั้นมันกำลังดึงดันจะออกมาสู่โลกภายนอกอย่างเดียว มือนุ่มของผมสัมผัสได้ถึงของแข็งกำลังทิ่มแทงอยู่
ผมเงยหน้ามองเจ้าของใบหน้าหล่ออีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับก้มมองต่ำ
แล้วเปิดชุดคลุมอาบน้ำออกช้าๆ
สิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในจะเป็นยังไงนะ จะเหมือนที่คิดเอาไว้รึเปล่า
ยอมรับว่าผมมือสั่นและใจเต้นแรงเหมือนจะหลุดออกมา
ทันทีที่ผ้าถูกเปิดออก ส่วนหัวก็เด้งดีดขึ้นมาเด่นเป็นสง่า
ไม่ผิดหวัง
บอกเลยว่าไม่ผิดหวัง แล้วก็เกินความคาดหวังด้วย
ผมจ้องมองสิ่งนั้นอย่างพิจารณา
ส่วนหัวสีสวยรับกับส่วนกลางที่แข็งแกร่ง ความยาวขึ้นมาจนเกือบถึงสะดือ
โคตรดี
ผมเอื้อมมือไปสัมผัสแล้วกำเจ้าเพื่อนใหม่ไว้แน่น เกือบจะกำไม่รอบแน่ะ
มันดีมากครับ
เพชรปล่อยให้ผมได้ทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่อยู่ครู่หนึ่ง
ก่อนที่ร่างสูงจะถอดชุดคลุมออกจนหมดด้วยตัวเอง
แล้วตัวผมก็ถูกดึงขึ้นจากอ่างอาบน้ำ เขาจับผมนอนหงายแล้วคล่อมร่างเอาไว้
ไม่ต่างกัน
เจ้าของหน้าคมมองมาที่ผมอย่างสำรวจ เขาไล่มองทุกซอกมุมจนทำให้ผมเขินอาย
“น่า” เพชรพูดเสียงเบาพร้อมกับกระซิบที่ข้างหู
“น่าอะไร” ผมกอดคอเขาไว้แน่น
“เอา”
เพชรพูดตอบพร้อมกับค่อยๆ ลิ้มรสบริเวณซอกคอของผม
ทันทีที่ลิ้นร้อนมาวิ่งซุกซนแถวบริเวณซอกคอ ผมยิ่งกอดเขาไว้แน่นยิ่งขึ้นแล้วดูดชิมรสชาติของร่างแกร่งบ้าง ไม่นานเขาก็ถูกพลิกตัวให้ลงมานอนหงาย โดนที่ผมกลับขึ้นไปอยู่ด้านบนแทน ก่อนที่ผมจะใช้ริมฝีปากบางประกบเข้ากับริมฝีปากสีสวยของเพชร แล้วแลกเปลี่ยนความหวานของรสชาติแชมเปญ
“อื้ม”
“อื้ออ”
เป็นการสื่อสารในลำคอที่ไม่ต้องพูดออกมาเป็นคำพูดอะไร แต่ก็ทำให้รู้ว่า
ต่างฝ่ายต่างพอใจในสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นเป็นอย่างมาก
ใช้เวลาครู่หนึ่งในการช่วงชิมรสชาติภายในช่องปากหวานของกันและกันจนพอใจ
ผมจึงค่อยๆ ไล่ลงมาเรื่อยๆ ละเลงลิ้นทั่วร่างของใบหน้าคม
แล้วก็มาถึงจุดสำคัญที่มันแทงท้องผมอยู่เป็นระยะ
ผมยิ้มหวานให้เพื่อนใหม่ที่แข็งตระหง่านชูชัน
ก่อนจะใช้ริมฝีปากบางสีสวยทักทายส่วนที่เบ่งบาน
พร้อมกับค่อยๆ ครอบลงไปจนทั่ว แต่ก็เข้าไปได้เพียงแค่ส่วนต้นเท่านั้นแหละครับ
มันยาวมากเกินกว่าที่ช่องปากผมจะช่วงชิมรสชาติได้ทั้งหมด
จึงต้องค่อยๆ ละเลียดชิมไปทีละส่วน
เพชรสื่อสารด้วยเสียงเบาผ่านลำคอให้ผมรู้ว่าเขามีความสุขกับสิ่งนี้
“อื้มมม” มือหนาจับเส้นผมของผมแผ่วเบา ดูเป็นการสัมผัสที่ทะนุถนอม
มันแน่นคับปากจนผมต้องถอนออกมาหายใจ
ระหว่างที่ผมพักยก เราสองคนก็สบตากัน
เจ้าของใบหน้าหล่อมองผมแล้วยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะถือโอกาสนี้พลิกตัวผมกลับ
ตอนนี้ผมเป็นฝ่ายนอนหงาย ปล่อยให้อีกคนช่วงชิมรสชาติบ้าง
“คุณเพชร” ผมเรียกชื่อเขาแล้วหลับตาลง
มือสองข้างจิกหัวเพชรเมื่อเขากำลังใช้ลิ้นร้อนไล้เลียในส่วนสำคัญทั้งสองด้าน
ผมตัวลอยจนแทบอยากจะหยุดหายใจ
แต่ผมเชื่อว่ามันจะพีคได้ยิ่งกว่านี้
หลังจากที่เพชรแกะกล่องสีดำแล้วสวมลงบนแท่งร้อน
ใบหน้าคมก็มองมาอย่างซุกซน ขาทั้งสองของผมถูกยกขึ้นพร้อมกับที่เพชรค่อยๆ ใช้นิ้วช่วยเปิดทางให้สัมผัสมันอ่อนโยนยิ่งขึ้น
“คุณหงส์” เสียงกระเส่าเรียกชื่อให้ผมต้องขานรับ
“หื้มม” สองสายตาประสานกันราวกับว่าโลกใบนี้มีแค่เราสองคน
“เป็นของผมนะ”
ดูเหมือนว่าจะเป็นประโยคคำถาม ที่ไม่ใช่ประโยคคำถาม
เพราะเพียงแค่มองตาแต่ยังไม่ได้ตอบรับอะไร สิ่งที่แข็งขืนอยู่ด้านล่าง
ก็จ่อเข้ามาในช่องนั้น พร้อมกับค่อยๆ ดันเข้ามาอย่างช้าๆ
มันคงจะยากหน่อยเพราะว่ามันคับเหลือเกิน
อย่างที่บอกไปว่าผมห่างหายไปนาน
ไม่อยากเชื่อว่าพอได้กลับมาเจออีกครั้ง จะได้เจออะไรที่อลังการขนาดนี้
สู้กับมันซักตั้งหน่อยนะหงส์ ผมบอกตัวเองในใจ ก่อนจะโอบตัวเพชรไว้แน่น
ร่างสูงดันเข้ามาจนเสร็จ ปล่อยให้ทุกอย่างค่อยๆ ปรับตัว
แล้วเรียนรู้กันผ่านความอบอุ่นและอ่อนโยน
แก้วแชมเปญของเราถูกยกขึ้นมาดื่มอีกครั้ง
“Cheers” เพชรกระซิบข้างหูผม ก่อนที่เราจะชนแก้วกัน
ผมเทแชมเปญลงบนหน้าอกตัวเองให้คนที่อยู่ด้านบนก้มลงมาช่วงชิมรสชาติ
พร้อมกับที่เขาออกแรงขยับไปมา
ก่อนหน้าที่ความรู้สึกที่ดูเหมือนจะเจ็บ กลับถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกดี
ทุกอย่างละมุนละไม ค่อยเป็นค่อยไป
ระหว่างทางผมรู้สึกเหมือนกับว่าแก้วแชมเปญถูกปัดตกลงไปในอ่างด้านข้าง
แต่ก็นั่นแหละ ผมคงไม่เสียเวลาไปเก็บแก้วในตอนนี้หรอกครับ
เราเรียกชื่อกันและกันสลับไปมา พร้อมกับที่มือโอบร่างของอีกฝ่ายไว้แน่น
“คุณเพชร อื้อออ แรงๆ เลย”
“อื้มมม ครับบหงส์”
ผมกับเพชรมองหน้ากันอย่างไม่วางตา
ไอ้เหี้ย เพชรแม่ง โคตรหล่อ
รู้สึกว่าควบคุมความคิดในหัวตัวเองไม่ได้ ผมเลยปล่อยให้มันไหลไปตามเกมส์
ไม่นานผมก็จิกหลังเพชรจนตัวเกร็ง เราทั้งสองกอดกันแน่นพร้อมกับที่ร่างกายทั้งคู่เกิดปฏิกิริยารีเฟล็กซ์อย่างควบคุมไม่ได้
มันกระตุกและพุ่งแรงราวกับกำลังเปิดแชมเปญชวดใหม่
ตัวเบา
ราวกับว่าอยู่ในสภาวะสูญญากาศ
เราหายใจรดต้นคอกันไปมาเพื่อเติมออกซิเจนให้เต็มปอด
ขวดแชมเปญที่วางอยู่ถูกยกขึ้นมากระดกโดยไม่ต้องใช้แก้ว
เพื่อเป็นการเติมพลัง
แล้วบทที่สอง ก็เริ่มต้นขึ้น
หลังจากที่เรา check out ออกจากโรงแรมเรียบร้อยในช่วงสาย
ก้มมองนาฬิกายังพอมีเวลาเหลืออีกประมาณชั่วโมงนึงสำหรับการพักผ่อนที่พัทยา
*ถึงแม้ว่าทริปนี้ผมแทบจะไม่ได้พักเลยก็ตาม
เพชรเลยถือโอกาสจูงมือผมมาเดินเล่นริมชายหาดเพื่อส่งท้าย
ช่วงแรกเราก็พากันถ่ายรูปมุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งกันไป
ไม่สิ!
ต้องเรียกว่า เขาแอบถ่ายรูปผมเวลาเผลอซะมากกว่า
ไม่เห็นจะมุ้งมิ้งแบบที่บรรยายไว้ตรงไหนเลย เหอะเหอะ
แต่หลังจากที่เพชรหายไปคุยโทรศัพท์ครู่ใหญ่
แล้วปล่อยให้ผมยืนรับลมอย่างอิสระอยู่ตามลำพัง
พอวางสายแล้วเดินกลับมาเพชรก็ดูกระวนกระวายอยู่ไม่สุข
อ้ำๆ อึ้งๆ จะพูดก็ไม่พูด
ส่วนผมก็ยังคงนิ่งอยู่ ก็สังเกตเห็นแหละ แต่ยังไม่ถามอะไรออกไปดีกว่า
ระหว่างนั้นผมก็ส่ายหัวดุ๊ดดิ๊กถ่ายบูมเมอแรงลงไอจีไปพลางๆ
เพราะเริ่มมีคนที่ตามไอจีผม Inbox มาถามว่าผมหายไปไหน ทำไมถึงเงียบไป
เลยอัพไอจีสตอรี่ให้พวกเขาเห็นหน้าซะหน่อยว่ายังสบายดีอยู่
ถ่ายเสร็จเพชรก็เดินเข้ามายืนใกล้ๆ
ทำให้ผมละความสนใจจากไอจีแล้วหันไปมองคนที่ยืนด้านข้างแทน
“คุณณณ” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างราบเรียบ
“ว่าไง”
หลังจากที่ผมตอบรับความเงียบก็เข้ามาแทนที่
มีเพียงเสียงคลื่นกระทบฝั่งที่ดังอยู่ในตอนนี้
ผมเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงบอกว่ารอฟังเขาพูดอยู่นะ
เพชรมองหน้าผมแล้วสูดลมหายใจก่อนจะพูด
“ถึงขั้นนี้แล้ว
เราจะเป็นแฟนกันได้รึยังอ่า”
นี่คือเพชรกำลังขอผมเป็นแฟน…ถูกมั้ย
ตอนนี้ร่างสูงทำหน้าเหมือนกำลังลุ้นหวย เห็นแล้วก็อยากจะแกล้งซะหน่อย
“ยังอ่ะ” แน่นอนครับ ว่าคนอย่างวีรินทร์ ก็จะต้อหัวเราะในลำคอ
พร้อมกับยิ้มอ่อน แล้วส่ายหน้า
“ทำไมอ่ะ” เพชรเสียงแข็งขึ้นนิดหน่อย
“ง่ายไป” ผมบอกปัดแล้วโบกมือ
เขาก้มหน้างุดเหมือนกำลังใช้ความคิดก่อนจะเงยขึ้นมาแล้วยกยิ้มมุมปาก
แววตาของเพชรเปลี่ยนไปจากเมื่อครู่ มันฉายแววดูร้ายขึ้นหน่อยนึง
“นั่นสิ ผมลืมไปว่าอย่างคุณหงส์ ได้ยาก”
“แน่นอน” สะบัดไหล่ไปทีนึง
ให้มันรู้ซะบ้าง ว่าคนอย่างผมไม่ง่าย
“แต่ผมก็ได้มาแล้ว”
ผมถลึงตาโตกับคำตอบของเพชร แล้วแยกเขี้ยวใส่เขาไป
“เพชร!”
“หงส์!”
“นายเพชร คนหื่น”
“คุณหงส์ก็หื่น เนี่ยหลังผมมีแต่รอยเล็บคุณ”
“เออ ดี...แล้วรอยตามตัวเรานี่ ใครรับผิดชอบ ฮะ”
“ผมก็เลยขอคุณเป็นแฟนอยู่นี่ไง”
“ชิ ยังไม่เป็นเว้ย”
“ไม่รู้เว่ย ตีตราจองไว้แล้ว ห้ามใครมาทับไลน์”
จองกันแบบนี้เลยหรอวะ
ระหว่างที่ผมกำลังหน้าตึงใส่เขา เขาก็พูดประโยคนึงที่ทำให้ผมหน้าร้อน
“เมียผม ผมหวง” พอเพชรพูดจบผมก็ยกมือขึ้นมาตีปากยื่นๆ ของเขาเพื่อปรามทันที
เกลียด เกลียดคำว่าเมีย
เกลียดคำว่าเมียที่ออกมาจากปากนายแว๊นซ์
ที่ผมรู้สึกหมั่นไส้เขามากในวันแรกที่เราเจอกัน พูดออกมาได้หน้าตาเฉย ไอ้บ้า
นี่คงเป็นแค่การต่อปากต่อคำใช่ไหม
เพชรคงไม่ได้กะจะขอผมเป็นแฟนจริงๆ เพราะเขารู้ว่ายังไงผมก็คงยังไม่ยอมเป็นแน่นอน
เพียงแค่เพชรอยากจะเตือนความจำผมว่า เขาได้ผมแล้ว
ผมเป็นเมีย
อะไรอย่างนั้นใช่มั้ย
ร้ายนักนะ!
เพราะว่าการขอคนอย่างผมเป็นแฟน มันคงไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก
ภาพในหัวของผมคงจะเป็นแบบดินเนอร์หรู จุดพลุบนฟ้า หรือมีหงส์ลอยในสระน้ำ
ผู้ชายที่ทำการบ้านมาดีอย่างเขารู้อยู่แล้วล่ะ
“ใครสั่งใครสอนให้พูดอะไรแบบนี้ ห๊ะ”
จากประโยคข้างบน ที่ฟังแล้วขนลุกชิบ
“พูดเอง จากนี้ผมขอสั่งห้ามคุณไม่ให้ไปโปรยเสน่ห์ให้ใครเรี่ยราด
เข้าใจมั้ย”
แล้วมือเรียวก็ชี้หน้าผมราวกับว่านี่คำสั่งที่ศักดิ์สิทธิ์ ห้ามขัดขืน
ผมทำไม่รู้ไม่ชี้แล้วปัดมือเขาออก
ก่อนที่จะรู้ตัวว่ากำลังถูกคนตรงหน้ามองมาราวกับว่ากำลังจะกลืนกิน
ผมไม่รู้ด้วยละ
ไม่รู้เว้ย ไม่รู้เว้ย
ก่อนที่จะต้องถูกแทะโลมด้วยดวงตาเจ้าเล่ห์ไปมากกว่านี้
ผมเลยรีบวิ่งหนีออกมาก่อน
ผมเดินนำเพชรกลับมาที่โรงแรม วันนี้เราใช้บริการรถลีมูซีนของทางโรงแรมครับ
ก็อย่างที่บอก ถ้าต้องนั่งมอเตอร์ไซค์กลับกรุงเทพผมจะให้ที่บ้านมารับ
คุณเพชรเขาเลยจัดการทุกอย่างให้เสร็จสรรพ ถูกใจผม
จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็เดินนำมาที่รถ ก่อนจะก้าวขึ้นรถ เลยหันไปแซวคนที่เดินตามหลังมา “คุณเพชร แล้วบิ๊คไบค์คุณล่ะ”
ร่างสูงมองมาที่ผมแล้วพูดตอบ “จอดไว้นี่ก่อนก็ได้ เดี๋ยวผมหาเวลามาเอา”
ผมพยักหน้ารับแล้วตอบกลับไปพร้อมกับยิ้มร้าย
“คุณจะขับกลับเลยก็ได้นะ เรานั่งรถกลับคนเดียวได้”
“แน่ะ” คนที่ถูกแซวทำหน้าตึงใส่ แล้วรีบเข้ามาประชิดตัวผม
“ได้ผมแล้วจะทิ้งกันง่ายๆ หรอ
หึ ไม่มีทาง” แล้วเขาก็มือไวเอาแขนมาพาดคอผม แล้วบีบตัวเข้ามา
ก่อนจะดันผมขึ้นรถ พร้อมกับหนีบตัวผมไว้แน่น
ในส่วนของขากลับไม่ต้องถามหาโมเมนต์อะไรระหว่างทางนะครับ
เพราะเราสองคนหลับตั้งแต่รถออกจากพัทยาภายในเวลา
5
4
3
2
1
วินาที
หลับยาวทั้งที่เพชรยังกอดผมไว้ หัวชนกันหลายต่อหลายทีจนมาถึงกรุงเทพ
ก็แหงสิ กลางคืนไม่ได้นอนแถมยังตื่นเช้าอีก
พอได้เอนหลังบนเบาะนุ่มสบาย ก็ไม่แปลกที่จะหลับไปอย่างง่ายดาย
เห็นมั้ยว่าถ้ายังกลับด้วยบิ๊คไบค์ของเพชร ไม่มีทางที่จะได้หลับสบายแบบนี้
เชื่อผมรึยัง
จุดหมายของผมคือที่สตูดิโอแถวทองหล่อที่พี่แฟรงค์ได้แชร์โลเคชั่นเอาไว้ให้
ก็งานเดินแบบที่จะจัดขึ้นวันพรุ่งนี้ยังไงล่ะครับ พี่แฟรงค์โทรมาขอให้ช่วยเดินแบบให้ เพราะมีนายแบบถอนตัวกระทันหัน ช่วงดึกเมื่อวานพี่เขาก็โทรเข้ามาขอเลื่อนเวลานัดฟิตติ้งเร็วขึ้นด้วย เลยทำให้ผมต้องกลับกรุงเทพเร็วกว่าเวลาที่เพชรวางแผนเอาไว้
“ตั้งใจอ่านหนังสือล่ะคุณ” ก่อนจะลงจากรถก็หันไปลาคนด้านข้างที่กำลังทำหน้าหงอยเพราะอยากลงไปเฝ้าผมทำงาน
ทั้งที่ตัวเองก็มีนัดติวหนังสือให้สายรหัส
“ไปด้วยไม่ได้อ่อ”
เขายังคงอ้อนวอนอีกครั้ง ทั้งที่ผมก็บอกไปหลายครั้งแล้วว่า
“ไม่ได้ แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ โอเค๊”
เพชรหยักหน้ารับ ก่อนจะฉวยโอกาสหอมแก้มผมทีนึง
ผมเลยหยิกแขนเขาเบาๆ แล้วทำหน้าดุใส่
แต่คนตรงหน้าก็ไม่ได้กลัวอะไรหรอกครับ แถมยังมีหน้ามายิ้มล้อ
“มีกำลังใจละ บ๊ายบาย”
“ฉวยโอกาส”
ผมว่าอย่างไม่จริงจังพร้อมกับก้าวขาลงรถ แต่ก็ถูกคนด้านข้างฉุดมือเอาไว้ซะก่อน
“สรุปว่า ผมยังอยู่ในสถานะจีบเมียตัวเองอยู่...ถูกป่ะ?”
อะไรวะ จีบเมียตัวเอง
“พูดใหม่” ผมทำเสียงดุ
“อ่ะๆ สรุปว่าผมยังอยู่ในสถานที่จีบคุณหงส์อยู่ ถูกมั้ยค้าบบบบ”
ค่อยน่าฟังหน่อย คำถามของเขาทำให้ผมพยักหน้าตอบไปทีนึง
“พยายามหน่อยนะ ใจเราแข็ง”
“ไม่ใช่แค่ใจหรอก” คนในรถตะโกนตามหลังมา
“เงียบ” ผมหันกลับไปด่า แล้วถลึงตาใส่ เพชรแลบลิ้นปลิ้นตาดูมีความสุข
แล้วประตูรถก็ถูกปิด
ระหว่างที่เดินเข้าสตูดิโอผมก็หยิบโทรศัพท์ออกมารับสาย
สั่นอยู่นานเป็นชาติได้ละมั้ง
พอเห็นเบอร์ที่โทรเข้าก็กลับไม่อยากจะรับสายซะงั้น
อยากจะแกล้งไอ้คนที่โทรเข้ามาให้มันทรมานเล่น มันคงอยากจะอัพเดตใจจะขาด
แต่ถ้าผมยังไม่ยอมรับสาย ไอ้มิวมันก็คงจะก่อกวนไม่หยุด
เลยต้องยอมวางนิ้วลงไปสไลด์หน้าจอเพื่อรับสาย
“ขับรถมาหากูที่สตูดิโอดิมิว แล้วก็พากูไปทำทรีทเมนต์หน้า แล้วก็ทำสปา”
“อะไรของมึงเนี่ย” คนที่โทรเข้ามาเริ่มโวย มันก็คงจะงง
“กูรู้ว่ามึงโทรเข้ามาทำไม” ผมพูดอย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า
“เออ รู้แล้วก็รีบเล่ามา”
“ไม่จ๊ะ จนกว่ามึงจะมาทำตามข้อเสนอของกู”
“ได้ที สั่งกูเป็นเจ้านายเลยนะสัส”
“หรือมึงจะไม่รับข้อเสนอ ก็ไม่เป็นไร กูแฟร์ๆ”
“ก็ได้ งั้นอีก 15 นาทีเจอกัน”
นั่นแหละครับ ขาเผือกตัวจริง
ไอ้มิวเพื่อนผมเอง หึ
หลังจากนั้นผมก็โทรหาพี่แฟรงค์เพื่อบอกว่ามาถึงแล้ว
รอด้านหน้าไม่นานเจ้าของงานก็เดินมารับผมพร้อมกับพาเข้าไปข้างใน
ระหว่างนั้นพี่แฟรงค์เล่ารายละเอียดงานครั้งนี้อย่างคร่าวๆให้ผมฟังพอเห็นภาพ
“เสื้อผ้าคอลเลคชั่นนี้จะเกี่ยวกับหน้าฝน Concept ก็คือ Funny Rain
ชุดมันจะดูสนุก เหมือนเวลาเราเล่นน้ำฝน พี่อยากได้ความแปลกใหม่
มันก็จะออกมาแบบที่น้องวีเห็น”
“แบบชุดที่พี่แฟรงค์ใส่อยู่นี่ ใช่มั้ยครับ”
“ถูกต้องเลยครับน้องวี”
เสื้อเชิ๊ตสีเขียวสะท้อนแสงตัวใหญ่ กางเกงขาสั้นสีดำ
ถูกคลุมด้วยชุดกันฝนพีวีซีใสตัวยาวปิดตาตุ่มสวมคู่กับบู๊ทสีเดียวกับสีเสื้อ
โอเค แค่เห็นก็สนุกละ
ผมยิ้มให้พี่แฟรงค์พร้อมกับไล่มองดีเทลของชุด
“ตอนนี้นายแบบคนอื่นกำลังถ่ายรูปฟิตติ้งอยู่ น้องวีไปลองชุดในห้องก่อนก็ได้
คุณเก๋ เดี๋ยวพาน้องวีไปที่ห้อง แล้วก็หยิบชุดให้น้องลองด้วยนะครับ”
พี่แฟรงค์ชี้ให้ผมดูหน้าเซ็ตที่กำลังถ่ายรูปกันอยู่
พร้อมกับเรียกพี่ผู้ช่วยให้นำผมไปยังห้องแต่งตัว
“สวัสดีครับ”
ยกมือไหว้ก่อนจะรับชุดมาไว้ในมือ จากนั้นพี่เก๋ผู้ช่วยก็เดินออกจากห้องไป
พอเปลี่ยนชุดเสร็จก็เช็คลุคตัวเองในกระจกบานใหญ่อีกครั้งนึง
เสื้อเชิ้ตสีเหลืองตัวบางมีคริสตัลเม็ดเล็กประดับบริเวณปก
สวมใส่กับกางเกงขาสั้นสีดำ ขนาดพอดีตัวค่อนไปทางฟิตมาก
มีเสื้อกันฝนพีวีซีใสยาวประมาณต้นขาคลุมเอาไว้
ดีนะไม่เห็นรอยที่เพชรทำเอาไว้ตามตัว ไม่งั้นคงจะน่าเกลียด
ก๊อก ก๊อก
“พี่ขอเข้าไปบ้างในนะครับ”
“เชิญครับพี่แฟรงค์”
ผมไม่ได้หันไปมองคนที่มาใหม่เพราะกำลังให้ความสนใจตัวเองในกระจกอยู่
รู้ตัวอีกทีพี่แฟรงค์ก็เดินเข้ามายืนอยู่ด้านหลังผมแล้ว
กระจกสะท้อนให้เห็นครับ
“วีใส่ถูกแล้วใช่มั้ยครับพี่” ผมไม่ได้หันหลังกลับไปมองคนที่เพิ่งเข้ามา
แต่พูดถามด้วยการมองผ่านกระจกด้านหน้า และดูเหมือนว่าเขาก็กำลังมองผมอยู่
“อืม ไหนพี่ขอดูซิ”
ว่าแล้วคนที่สูงกว่าก็เอามือจับไหล่แล้วหมุนตัวผมกลับ
“พี่ว่ามันฟิตไปหน่อยสำหรับวี ฮ่าๆ” พี่แฟรงค์จับผมพลิกไปพลิกมา แล้วก็หัวเราะ
“วีดูตลกใช่มั้ยอ่า”
ก็เห็นเจ้าของแบรนด์หัวเราะใหญ่ จนอดคิดไม่ได้ว่ามันต้องตลกมากแน่ๆ
“เปล่าๆ พี่ว่าน่ารักมากเลยต่างหาก พี่คงคิดว่าวียังเด็กเลยหยิบไซส์เล็กมาให้ลอง
ลืมคิดไปว่าน้องพี่โตขึ้นมาก...
…งั้นวีถอดออกเลยครับ เดี๋ยวพี่หยิบตัวใหม่มาให้ลอง”
“โอเคครับ”
ว่าแล้วผมก็ค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อออก
ส่วนพี่แฟรงค์ก็หันไปหยิบชุดที่แขวนอยู่บนราวด้านข้าง
ก๊อก ก๊อก
พี่แฟรงค์เงยหน้ามองผม ส่วนผมก็หยุดมือตัวเองเอาไว้ก่อน
“เชิญครับ” ผมเป็นคนตะโกนบอก สงสัยจะเป็นทีมงานของพี่แฟรงค์
ทันทีที่ประตูเปิดออก เผยให้เห็นคนที่มาใหม่
ไม่ใช่ทีมงานครับ
“เพชร”
เพชรยืนนิ่งอยู่ตรงประตู ก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาผม
ผมยิ้มบางๆ ให้เขา แล้วแนะนำเพชรให้พี่แฟรงค์รู้จัก
เขายกมือไหว้คนที่อายุมากกว่า ส่วนอีกคนก็รับไหว้
“พี่แฟรงค์ครับนี่เพชรเพื่อนวี...เพชร นี่พี่แฟรงค์ที่เรามาเดินแบบให้”
“พี่ว่าพี่เคยเจอเพื่อนวีคนนี้แล้ว” คำพูดของคนที่กำลังยื่นเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้ผม
ทำให้ผมกับเพชรต้องมองกันอย่างสงสัยว่า เคยเจอตอนไหน
“ก็วันที่อีเว้นท์เปิดตัวน้ำหอมไง เพื่อนคนนี้รอวีอยู่ที่ล็อบบี้”
พี่แฟรงค์ยิ้ม แล้วมองเพชรไม่วางตา
“อ่อ ครับ” คนที่มาใหม่พยักหน้ารับ
ก่อนที่จะหันมาสนใจผม แล้วไล่มองชุดที่ผมกำลังสวมใส่อยู่ลงไปเรื่อยๆ
เขาก็เงยหน้าขึ้นมามองหน้าผม แล้วกำลังสื่อสารอะไรบางอย่างผ่านทางแววตา
ไม่ต้องมามองด้วยสายตาแบบนี้
กระจกที่อยู่รอบห้องสะท้อนให้ผมเห็นร่างตัวเอง
ก็แค่กระดุมบนเสื้อเหลือติดอยู่แค่เม็ดเดียว กับกางเกงรัดติ้ว
แต่ผมฟิตติ้งชุดอยู่นะครับ
“มาหาถึงนี่ มีไรเปล่า” ต้องชิงถามก่อน เบี่ยนเบนความสนใจ
ยิ่งเมื่อเช้าเข้าประกาศว่าผมเป็นของเขาแล้ว ยิ่งต้องรีบเคลียร์สายตาดุๆ นี้เลย
“คุณลืมคีย์การ์ดคอนโดไว้บนรถอ่ะ ผมเลยเอากลับมาคืนให้”
เพชรยื่นคีย์การ์ดในมือส่งมาให้ผม
นั่นทำให้ผมสงสัยว่าตัวเองทำหล่นไปตอนไหน คงจะเป็นตอนหาโทรศัพท์ละมั้ง
“ขอบคุณมากนะ ทำคุณเสียเวลากลับไปกลับมาเลย แหะๆ” ผมยิ้มแห้งๆ
พร้อมกับเหลือบมองพี่แฟรงค์ที่ยังคงไม่ละสายตาจากเราสองคน
“ไม่เสียเวลาหรอก ความจริงผมอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนคุณยังได้เลยนะ”
เอาละไง
เริ่มมีกลิ่นแปลกๆ
คำพูด น้ำเสียง แววตา ของคนตรงหน้าทำให้ผมรู้สึกอะไรบางอย่าง
“เห้ย ไม่เป็นไร คุณต้องติวหนังสือให้สายรหัสนิ จะสอบแล้วด้วย
อีกอย่างไอ้มิวมันก็กำลังมา ไม่ต้องห่วงๆ”
“อ๋อ แน่นะครับ” เพชรยังคงนิ่ง
“แน่ครับ พี่ไม่มั่นใจว่าตรงนี้มีอะไรให้น้องต้องห่วงวีรินทร์หรอครับ”
คนที่ยืนเงียบอยู่ก่อนหน้าพูดขึ้นมา ผมกับเพชรหันมองพี่แฟรงค์
ผมอ่ะยิ้ม แต่เพชรนี่สิ เหมือนพร้อมจะกะโจนใส่พี่แฟรงค์แล้ว
“ไม่มีไรต้องห่วงครับพี่แฟรงค์
ป่ะเพชร เดี๋ยวเราเดินไปส่งข้างหน้า”
สถานการณ์เริ่มตึงเครียด ต้องรีบตัดบท
ผมฉีกยิ้มแล้วทำทีจะเดินไปส่งเพชรข้างหน้า แต่ก็โดนเบรคไว้ก่อน
“สภาพนี้” เพชรเสียงแข็ง
“เออว่ะ” ผมมองตัวเองในกระจกแล้วยิ้มแห้ง
“ไม่เป็นไรน้องวี เดี๋ยวพี่ไปส่งเพื่อนน้องวีเองครับ...
เชิญครับ” พี่แฟรงค์อาสาออกไปส่งเพชรด้านนอก พร้อมกับผายมือให้เดินออกเพชรหยักหน้าให้ผมเป็นเชิงว่าไปเปลี่ยนชุดให้เสร็จเถอะ แล้วยกมือขึ้นมาโบกลา ก่อนจะเดินนำหน้าพี่แฟรงค์ไป
“อ้อ ถ้าน้องวีเปลี่ยนชุดเสร็จแล้ว ออกมาที่หน้าเซ็ตได้เลยนะครับ” พูดจบพี่แฟรงค์ก็ยกมือขึ้นมาตบไหล่ผมเบาๆ แล้วส่งยิ้มมาให้
โดยมีอีกคนมองจ้องอยู่จากตรงประตู!
หลังจากที่สองคนเดินออกไป ผมก็ใช้ความคิดกับตัวเองอยู่พักนึง
ทำไมนะ ทำไม
ที่พี่แฟรงค์มีท่าทีแบบนี้คงเพราะว่าหวงน้องชาย
ส่วนเพชร ก็คงจะหึงละมั้ง
ระหว่างน้นไอ้มิวก็โทรเข้ามาบอกว่าคงจะมาหาไม่ได้แล้ว เพราะน้องแมวสมชายของมันไม่สบาย คงจะต้องพาไปหาหมอ
พอฟิตติ้งแล้วก็ถ่ายรูปเสร็จพี่แฟรงค์เลยอาสาเป็นคนพาผมไปทำทรีทเมนต์หน้า และทำสปาแทน
พอผมจะปฏิเสธ พี่เขาก็บอกว่า
“พี่ขอให้วีมาช่วยเดินแบบให้ ขอให้พี่ได้ดูแลวีเป็นการตอบแทนซักนิดนะครับ”
THE SWAN
เก๋ เริ่ด เชิด หงส์ 12
Flashback
แวะเอาฉากที่หายไปมาเล่าให้กระชุ่มกระชวยกันซักหน่อย อิอิ