แข่งครั้งที่ 32
พายุที่ชื่อว่า ‘พี่แจม’ จากไปแล้ว แต่เธอยังเหลือร่องรอยความเสียหายเอาไว้เป็นเด็กน้อยลูกครึ่งหน้าตาน่ารักซึ่งตอนนี้นั่งแปะอยู่บนตักของแฟนผมอย่างสนิทสนมแถมด้วยการเอาแขนป้อมๆ คล้องลำคอขาวไว้ ไหนบอกว่าคิดถึงน้าเจ็ทไง... เดี๋ยวจับฟัดให้จมเขี้ยวเลยนี่ เจ้าเล่ห์ดีนัก
พี่ทาวน์ที่มักจะทำหน้านิ่งเสมอ ในตอนนี้กลับยิ้มอบอุ่นหยอกล้อโจชัวร์ด้วยการหยิกแก้มกลมๆ นั่นเล่น สีหน้าดูมีความสุขจนผมนึกอิจฉาหลาน น้ามันพยายามจีบตั้งนานกว่าจะได้นายเมืองเหนือเวอร์ชั่นอ่อนโยน แล้วนี่อะไร แค่ไม่ถึงหนึ่งช่วงโมงตัวติดกันอย่างกับตังเม
“น้าทาวน์ๆ คอแดง ~”
เด็กน้อยบอกน้าคนใหม่เสียงใสพร้อมกับใช้นิ้วเล็กๆ จิ้มลงไปตรงตำแหน่งที่เป็นรอยแดง พี่ทาวน์สะดุ้งก่อนจะหันมามองค้อนผมจนรู้สึกเสียวสันหลังวาบ นี่ขนาดนั่งโซฟาคนละคนตัวนะเว้ย
“ยุงกัดครับ”
เขาตอบพร้อมส่งรอยยิ้มให้โจชัวร์ เด็กน้อยขมวดคิ้วฉับทำใบหน้าขึงขังเอาเรื่อง คงโกรธยุงตัวนั้นที่ทำให้น้าทาวน์มีรอยแดงเป็นจ้ำที่คอแน่ๆ ผมได้แต่มองโน่นมองนี่ทำเฉไฉไปเรื่อย กลัวความผิดมันจะพันคอจนขาดอากาศหายใจตาย แล้วที่สำคัญคือทำไมหลานตาดีแบบนี้ครับ
“ยุงเหรอ โจชัวร์จะตีๆ ให้ตายเลย ฮึบ”
โจชัวร์ลุกขึ้นยืนบนตักพี่ทาวน์จนเกือบหน้าคะมำแต่ดีที่เขารวบกอดเอวเล็กไว้ได้ ตากลมๆ มองหายุงตัวดีพร้อมกับกวาดมือไปกลางอากาศ พยายามอย่างยิ่งที่จะฆ่ามันให้ตาย ผมนั่งกลืนน้ำลายลงคอไม่กล้าพูดอะไรสักคำ นั่นก็เด็กไร้เดียงสา คนหล่อๆ นั่นก็แฟนผู้เคร่งขรึม ขืนพลาดขึ้นมาน้าเจ็ทเป็นหมาแน่นอน
“นั่งลงเถอะครับ น้าทาวน์เจ็บขา”
พี่ทาวน์ว่าเสียงเรียบไม่เชิงว่าจะดุ โจชัวร์ชะงักกึกก่อนรีบนั่งลงตามคำขอนั่นทันที แถมยังโอ๋ๆ ผู้ใหญ่ด้วยการใช้มือป้อมลูบขาอ่อนที่เป็นรอยแดงจากการกดทับ โวย หลานครับ น้ายังไม่เคยลูบตรงนั้นเลยเว้ย อิจฉาตาร้อนฉิบหาย
“ฟู่ๆ แอมซอรี่ หายเจ็บน้า โอ๋ๆ”
เด็กน้อยพยายามก้มหน้าลงแล้วอมลมเต็มแก้มเพื่อเป่ารอยแดงเป็นการปลอบ ความน่ารักนั้นทำให้พี่ทาวน์หลุดหัวเราะแล้วเอื้อมมือลูบหัวทุยด้วยความเอ็นดู ถ้าวันหนึ่งเขาอยากมีลูกผมคงทำได้แค่พยักหน้ารับเท่านั้นเพราะทำอะไรไม่ได้
“หึ โจชัวร์ง่วงไหม”
พี่ทาวน์หัวเราะแล้วกอบกุมแก้มกลมทั้งสองข้างไว้บังคับให้สบตา โจชัวร์ส่ายหน้าพรืดเป็นคำตอบก่อนที่หัวทุยจะแนบลงกับอกอุ่นภายใต้เสื้อเชิ้ตที่ผมเพิ่งถอดทิ้งไปเมื่อไม่นาน ฮึ่ม แค่คิดก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา พี่แจมมันมีตาทิพย์หรือเปล่าวะ มาขัดจังหวะตรงเวลาเหลือเกิน
ผมเท้าคางมองเด็กขี้อ้อนถูไถแฟนตัวเองด้วยความรู้สึกหลากหลาย น่ารักดีแต่ก็น่าอิจฉาไปพร้อมๆ กัน แย่งพี่ทาวน์ไปหน้าตาเฉยแถมยังเมินน้าอีกนะโจชัวร์ ร้ายจริงๆ ดึกดื่นป่านนี้แล้วยังไม่ง่วงคงเพราะเวลาทางอังกฤษกับไทยแตกต่างกันมาก แล้วจะได้นอนกันกี่โมงล่ะ เฮ้อ
“แต่น้าเจ็ทคงง่วงแล้วมั้ง”
พี่ทาวน์ชี้นิ้วเรียวมาทางผมเป็นสัญญาณให้เจ้าแสบสนใจ ตรงไหนที่บ่งบอกว่าง่วง ตาก็ยังใสเพราะอารมณ์ค้าง... งงว่ะ
“น้าเจ็ท ~”
เสียงใสเรียกชื่อผมอย่างเอาใจก่อนที่ร่างป้อมๆ จะลงจากตักของพี่ทาวน์แล้วเดินอุ้ยอ้ายเข้ามาใกล้ กางแขนออกเป็นสัญญาณให้กอดหรืออุ้ม
“ครับผม”
ผมรับคำแล้วเอียงคอมองว่าเขาจะทำยังไงต่อ โจชัวร์เขย่งปลายเท้าแล้วกางแขนยืดมากขึ้นกว่าเดิม หน้ากลมๆ เชิ่ดขึ้น ปากแหลมขมุบขมิบเป็นคำสั่นง่ายได้ใจความ
“ฮักมีพลีส”
อ้อ... ภาษากายของการขอให้กอดนี่เอง เข้าใจแล้ว
“ไม่อ้อนน้าทาวน์เหรอหืม”
ผมถามก่อนจะโน้มตัวลงกอดเด็กน้อยแล้วอุ้มขึ้นนั่งตัก พี่ทาวน์ที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวยาวยักคิ้วกวนมาให้ ท่าทางแบบนั้นทำให้มันเขี้ยวจนอยากทิ้งหลานแล้วฟัดเขาแทน กวนกันดีนักนะ อารมณ์ยังค้างพร้อมต่อยอดเสมอ
“เดี๋ยวน้าเจ็ทน้อยใจ”
เด็กน้อยกระพริบตาปริบๆ อย่างออดอ้อนก่อนจะโผเข้ากอดคอแล้วแนบหน้าลงบนไหล่ ผมหลุดหัวเราะให้กับความขี้อ้อนนั่นแล้วขยี้หัวทุยด้วยความมันเขี้ยว หลานเจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าน้าอีกมั้ง ยอมแพ้จริงๆ ขโมยหัวใจพี่ทาวน์ได้ในเวลาอันสั้น โคตรเก่ง
“คิ้วท์บอย ~”
ผมหอมหัวหอมแก้มหลานจนหนำใจแล้วปล่อยให้โจชัวร์ได้โผหัวขึ้นจากไหล่ ใบหน้าจิ้มลิ้มงอง้ำ คงโกรธที่โดนฟัดแรงๆ ก็ใครมันใช้ให้เกิดมาน่ารัก พี่ทาวน์ที่นั่งยิ้มกริ่มอยู่ก็ระวังตัวไว้เถอะ ยั่วกันดีนักนะ
“เอ๊ะ น้าเจ็ท ยุงกัดหยอ”
เด็กหน้างอเมื่อครู่กลายเป็นเจ้าหนูจำไมอีกครั้ง นิ้วเล็กจิ้มลงกลางอกซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีรอยแดงเป็นจ้ำ ผมชะงักกึกมองมันอย่างตกใจ พอจะรู้สาเหตุแล้วว่าก่อนพี่แจมออกจากห้องทำไมถึงบอกว่า ‘เบาๆ มือกันหน่อย โจชัวร์ยังเด็ก’ แฟนร้ายกาจ เอาคืนกันใช่ไหมเนี่ย
ผมส่งสายตาล้อเลียนพี่ทาวน์แต่เขากลับเบือนหน้าหนีแล้วลุกขึ้นยืนเพื่อเดินหายเข้าไปในครัว สงสัยจะแก้เขินด้วยการหาอะไรกินแน่ แต่นี่มันตีหนึ่งแล้วนะเว้ย ไม่อาบน้ำนอนกันจริงๆ เหรอ
“อ้อ ยุงตัวนี้ดุ กัดแรงมากๆ เลย”
ผมบอกหลานแล้วแอบมองไปทางครัว คนถูกกล่าวหาชะงักกึกอยู่ไม่ไกล เขาส่งสายตาเคืองๆ มาให้ก่อนจะเดินต่อ ในมือมีแก้วนมช็อกโกแลตคงเป็นของโจชัวร์
“ยุงยังไม่ตายเหรอ”
เด็กขี้สงสัยเอียงคอถามแล้วมองไปรอบห้องเพื่อหายุงตัวนั้นแต่ทุกอย่างกลับหยุดลงเมื่อพี่ทาวน์ส่งแก้วนมมาให้พร้อมหลอดดูด โจชัวร์ตาวาวก่อนจะพุ่งลงจากตักไปหาของกิน ล่อลวงง่ายจริงๆ เลยว่ะ
“คนละตัวครับ ที่กัดน้าทาวน์ดุกว่า”
ผมว่าต่อทั้งที่หลานคงลืมเรื่องยุงไปแล้ว เด็กน้อยพยักหน้าหงึกหงักเหมือนเข้าใจ แต่ความจริงคงเป็นปฏิกิริยาของโจชัวร์เวลามีความสุขกับอะไรสักอย่าง ชอบส่ายหัวดุ๊กดิ๊ก น่ารักน่าฟัดที่หนึ่ง
“หึ หื่นมากกว่ามั้ง”
พี่ทาวน์ว่าลอยๆ ด้วยน้ำเสียงล้อเลียนแล้วลุกขึ้นอีกครั้งแต่คราวนี้คงไปอาบน้ำเพราะหยิบผ้าขนหนูพาดบ่า ผมหาวหวอดแล้วทำหน้าที่ป้อนนมหลานต่อจนหมดแก้วก่อนจะพาไปแปรงฟัน พี่แจมเตรียมทุกอย่างพร้อมแม้กระทั่งแป้งเด็กทาตัว สงสัยกลัวลูกแพ้ยี่ห้ออื่น
ผมหนีบโจชัวร์เข้าเอวแล้วจัดการปิดไฟปิดแอร์ด้านนอกแล้วพาไปห้องนอน ระหว่างที่รอพี่ทาวน์อาบน้ำก็จัดแจงเตรียมเสื้อผ้าให้หลาน
“มัมไปฮันนีมูนกับแด๊ดที่ไหนครับ”
ผมถามในขณะหย่อนก้นลงข้างๆ โจชัวร์ที่กำลังรื้อหานิทานภาษาอังกฤษในกระเป๋าเป้ เด็กน้อยชะงักมือแล้วส่ายหัวรัวเป็นการปฏิเสธ พี่แจมโกหกเหรอวะ ก็ก่อนไปบอกว่า ‘ฮันนีมูนรอบที่ห้า’ ไม่ใช่เหรอ
“โนๆ มัมกับแด๊ดไปทำน้อง”
โจชัวร์ฉีกยิ้มกว้าง ท่าทางภูมิใจที่พ่อกับแม่จะทำน้องให้ แต่ผมนี่สิ สติหลุดไปแล้ว
“ห๊ะ...”
ใครบอกหลานแบบนั้นวะเนี่ย กลับมาเมื่อไหร่พ่อจะด่าให้หูชาเลย!
ผมพาโจชัวร์ไปอาบน้ำจนตัวหอมฉุยแล้วฝากพี่ทาวน์ช่วนอ่านนิทานภาษาอังกฤษให้หลานฟังไปพลางๆ เพราะจะไปจัดการตัวเองต่อ ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักแทรกผ่านเสียงสายน้ำแล้วก็เผลอคลี่ยิ้มออกมา มีเด็กอยู่ด้วยสักคนก็มีสีสันดี แต่นานๆ ครั้งนะ ทุกวันคงไม่ไหว เวลาจู๋จี๋หายกันพอดี
เดินเช็ดหัวออกมาจากห้องน้ำแล้วต้องหยุดกึกอยู่แถวๆ ตู้เสื้อผ้า เพราะภาพตรงหน้าทำให้ตะลึงอยู่ไม่น้อย พี่ทาวน์โน้มตัวลงจุมพิตหน้าผากเด็กน้อยอย่างแผ่วเบาตบท้ายด้วยรอยยิ้มละมุนที่ผมเฝ้าใฝ่ฝันวันละหลายรอบ นานๆ ครั้งจะได้เห็นมัน
“โจชัวร์หลับแล้ว”
พี่ทาวน์บอกทั้งที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้น นับว่าประสาทสัมผัสของเขาดีเป็นเลิศ ผมครางรับแล้วเดินไปจนถึงปลายเตียง กำลังจะหย่อนตัวลงนั่งแต่เสียงทุ้มดังขัดขึ้นซะก่อน
“ครับ หลับง่ายดีเนอะ แค่อ่านนิทานให้ฟัง”
ผมมองเจ้าแสบที่นอนขดเป็นกุ้งแล้วระบายยิ้มบาง ได้เจอกันปีละครั้งสองครั้งเลยเห็นความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ตัวสูงขึ้น หน้าตาคมขึ้น หล่อได้พ่อจริงๆ โตมาคงมีสาวติดตรึม
“เปล่า เล่นมวยปล้ำน่ะ”
พี่ทาวน์เฉลยวิธีทำให้เด็กหลับแล้วยกมือขึ้นปาดเหงื่อที่หน้าผาก ดูท่าทางแล้วคงต้องอาบน้ำใหม่ ผมพยักหน้ารับว่าเข้าก่อนจะเริ่มเช็ดหัวต่อ ง่วงเต็มที่แล้ว
“ออกไปคุยกันที่ระเบียง”
พี่ทาวน์พูดก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินนำออกไปปล่อยให้ผมนั่งอ้าปากพะงาบๆ เพราะเดาได้ว่าเขาต้องการคุยเรื่องอะไร ไม่ตายวันนี้คงแปลกแล้วไอ้เจ็ท เพราะพี่แจมคนเดียวขายความลับซะเกลี้ยง
ผมลังเลอยู่ครู่หนึ่งไม่ยอมลุกจากเตียงจนโดนสายตาอาฆาตทำให้ต้องรีบกระเด้งตัวแล้วเดินไปหาพี่ทาวน์อย่างเลี่ยงไม่ได้ ประตูกระจกถูกเลื่อนออกอย่างแผ่วเบาเพราะกลัวว่าเสียงจะรบกวนการนอนของเด็กน้อย สิ่งแรกที่สัมผัสได้เมื่อเท้าเหยียบด้านนอกพบว่าลมเย็นมาก ดีหน่อยที่ฝนหยุดตกสนิท
“ชักช้า”
คำแรกกระแทกหูจนผมชะงักมือที่กำลังปิดประตูไปหนึ่งจังหวะ ได้แต่หันไปยิ้มแหยๆ ให้เพราะไม่มีข้อแก้ตัว
“มีอะไรจะคุยเหรอครับ”
ผมยืนเกาะระเบียงแล้วรวบรวมความกล้าถามขึ้นก่อน พี่ทาวน์แหงนหน้ามองผืนฟ้าสีดำสนิทคล้ายต้องการซึมซับบรรยากาศเงียบสงบยามตีสอง ถ้าให้ออกมาคนเดียวคงไม่กล้า วังเวงฉิบหาย
“พี่แจมรู้เรื่องของเราได้ยังไง”
น้ำเสียงเรียบๆ ไม่แสดงอารมณ์เอ่ยถามขึ้น พี่ทาวน์ไม่ได้คาดคั้นเพียงแค่รอคำตอบอย่างใจเย็น เขาหลับตาลงสูดหายใจเข้าลึกๆ ผ่อนออกช้าๆ ผมควรอธิบายเรื่องนี่ยังไงดีวะ พี่แจมก็ไม่แสดงท่าทีตกใจตอนเห็นเราอยู่ด้วยกันสองคนโดยปราศจากสิ่งมีชีวิตที่ชื่อว่าจิณณ์ แถมยิ้มร่าแล้วถามว่า ‘นี่แฟนใช่ไหม หล่อกว่าในรูปอีก’ ฉิบหายเลย
“คือ... ผมกับครอบครัวไม่มีเรื่องปิดบังกัน”
ผมตอบเสียงแผ่วเพราะกลัวว่าพี่ทาวน์จะไม่ชอบใจเรื่องที่คบกันไปบอกคนอื่น ไม่ว่าด้วยสาเหตุอะไรก็ช่าง แต่ผิดคาดที่เขาพยักหน้ารับแล้วหันมามองกันด้วยสายตาอ่อนโยน
“ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ก็... ตั้งแต่รู้ตัวว่าชอบพี่”
“ไม่กลัวพ่อแม่เสียใจหรือไง ชอบผู้ชายน่ะ”
พี่ทาวน์เบือนหน้าหนีกลับไปมองท้องฟ้าเช่นเดิม ผมถอนหายใจด้วยความโล่งอกที่เขาอารมณ์ปกติดี ก่อนจะตอบคำถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“กลัวสิครับ แต่ผมมั่นใจว่าชอบพี่จริงๆ เลยกล้าที่จะบอกพวกเขาไปตามตรง ไม่อยากปิดบัง”
ผมคลี่ยิ้มปิดท้ายในขณะที่เขาหันกลับมาสบตากันอีกครั้ง มันเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ สัมผัสที่แตะลงข้างแก้มทำให้สะดุ้งเล็กน้อยแต่มันช่างอ่อนโยนเหลือเกิน
“ขอบคุณ”
ถ้อยคำที่ไม่คาดคิดมาพร้อมกับรอยยิ้มละมุน หัวใจของผมเต้น อุณหภูมิร่างกายเพิ่มสูงทั้งที่อากาศเย็นเมื่อลมหายใจอุ่นๆ เป่ารดลงบนใบหน้า ระยะห่างแค่นี้ชวนให้สติเตลิดไปไกล
“ขอบคุณผมทำไม”
ผมโน้มหน้าลงไปใกล้จนริมฝีปากแตะกัน พี่ทาวน์ไม่ได้ผละถอยแต่ก็ไม่ได้กดจูบ โอย โคตรลุ้นระทึก ถ้าไม่อยากรู้คำตอบคงเรียบร้อยโรงเรียนเจ็ทไปแล้ว
“ขอบคุณที่ชัดเจนมาตลอด”
เขาบอกก่อนจะกดจูบลงมาอย่างที่ผมหวังมันเป็นเวลาเพียงแค่เสี้ยวหนึ่ง ยังไม่พอใจ ยังไม่อิ่ม แต่รอยยิ้มหวานๆ นั่นทำให้ต้องเอ่ยคำตอบแทน
“เพราะผมรักพี่ไง”
พูดจบก็คว้าเขาเข้ามากอดเต็มรัก พี่ทาวน์ดิ้นขลุกขลักครู่เดียวก่อนจะนิ่งไปแล้วโอบคืน ความอบอุ่นแผ่ซ่านไปถึงหัวใจ สัมผัสที่ซุกลงแถวซอกคอยิ่งทำให้เกิดความรู้สึกวูบวาบในช่องท้อง ผมยังอารมณ์ค้างอยู่นะพี่ แต่จะพยายามซึ้งให้จบก่อน
“อือ รู้แล้ว ขยันบอกจริง”
เสียงครางอู้อี้ทำให้ผมหลุดยิ้ม เราผละออกจากกันเพื่อประสานสายตา
“กลัวพี่จะลืมว่าผมอยู่ตรงนี้”
ผมจิ้มนิ้วลงบนหน้าอกข้างซ้ายของเขา พี่ทาวน์หัวเราะเสียงใสแล้วใช้มือขยี้หัวกันแรงๆ เอาเถอะ จะนอนแล้วไม่ห่วงหล่อหรอก
“ใครจะไปลืม ตัวใหญ่กว่าควายอีกมั้ง”
โอ้โห อยากร้องไห้วันละสิบรอบ แฟนใครช่างเปรียบเทียบได้น่ารักเหลือเกิน หลงจะแย่ ฮือ
“โหย แรงว่ะ”
ผมมุ่ยหน้าใส่คนปากร้ายก่อนจะโดนเขาดึงแก้มด้วยความมันเขี้ยว
“หึ กลับเข้าข้างในเถอะ กูจะไปอาบน้ำอีกรอบ”
เขาผละออกแล้วเปิดประตูกระจกออก เป็นจังหวะเดียวกับที่ผมเท้าแขนกักตัวพี่ทาวน์ไว้ก่อนก้มลงกระซิบข้างหูด้วยเสียงหยอกล้อ ขอเอาคืนบ้างเถอะ
“ให้ผมช่วยปะ”
“อืม”
ห๊ะ นี่ผมฝันไปหรือเปล่าเนี่ย ตาวาวเลยกู
“เฮ้ย เอาจริงเหรอ”
ผมถามกลับด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ไอ้ที่เก๊กๆ ไว้หลุดหมด กลายเป็นหมาตัวโตหูตั้งหางกระดิกเพราะเจ้านายเล่นด้วย
“ช่วยนอนเงียบๆ ไป อย่าวุ่นวาย เข้าใจนะ”
ความฝันแตกสลายจนไม่เหลือชิ้นดี ผมแทบทรุดลงไปกองกับพื้น พี่ทาวน์ขี้แกล้งฉิบหาย จิตใจทำด้วยอะไรวะ
“อยากต่อ...”
ผมว่าเสียงอ่อยก่อนขยับเข้าไปกอดอ้อน แต่พี่ทาวน์กลับเขกหัวแล้วผลักกันออก
“โจชัวร์อยู่”
เสียงดุเลย หงอยสิครับรออะไร
“แต่...”
“ถ้าหลานกลับเมื่อไหร่ค่อยว่ากัน”
แทบกระโดดกอดพี่ทาวน์ให้ล้มลงไปกับพื้นเลย เยส!
ตอนนี้ช่วงเลยเข้าสู่เวลาตีสามแล้วแต่ผมยังนอนไม่หลับ โซฟามันคับแคบจะตาย อยากร้องไห้สักสามวันติดต่อกัน สาเหตุมันมาจากโจชัวร์แย่งที่บนเตียงไปจนหมด โธ่ พี่แจมเอาก้างมาให้จริงๆ ก็คิดอยู่ทำไมเธอต้องเอาลูกมาฝาก... ร้ายนัก!
ผมนั่งเกาหัวแกรกๆ มองสองชีวิตบนเตียงผ่านแสงสลัวจากโคมไฟดวงน้อย โจชัวร์อยู่ในอ้อมกอดของพี่ทาวน์ ดูไปก็น่ารักดี แต่ความอิจฉาทำให้หมั่นไส้หลานนิดๆ ตื่นเมื่อไหร่น้าจะจับฟัดให้น่วมเลยคอยดูเถอะ
กว่าจะข่มตาหลับได้ก็เกือบตีห้าเพราะเล่นเกมเพลิน
แสงอาทิตย์ลอดส่องรอยแยกของผ้าม่านเข้ามาทำให้ผมดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมหัวเพื่อหนี ได้ยินเสียงเท้าของใครบางคนเดินไปมาก็ได้แต่อมยิ้ม ว่าที่คุณหมอตื่นเช้าเหมือนเดิมเพื่อออกกำลังกาย โจชัวร์คงเกิดอาการเจ็ทเลคเลยยังไม่ตื่น
ในเวลาที่ห้องนิทรากำลังจะมาเยือนอีกครั้ง โสตประสาทการรับฟังก็ได้ยินเสียงทุ้มนุ่มดังใกล้ๆ ต่อด้วยสัมผัสอุ่นที่ข้างแก้ม ผมสะลึมสะลือลืมตาก็พบกับพี่ทาวน์ในชุดลำลองกับโจชัวร์ในชุดเสือสีส้มยืนฉีกยิ้มกว้าง อุตส่าห์ดีใจว่าโดนแฟนหอมแก้ม ที่ไหนได้เป็นหลานตัวน้อยนี่เอง
“น้าทาวน์ น้าเจ็ทตื่นแล้ว เย้ๆ”
เด็กตัวน้อยกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจเมื่อเห็นผมลุกขึ้นขยี้หัว พี่ทาวน์คลี่ยิ้มบางแล้วพยักหน้ารับกับหลาน สถานการณ์ตอนนี้ใกล้เคียงคำว่าครอบครัว มีพ่อ แม่ และลูก พร้อมหน้าพร้อมตา
“ครับ จะได้ไปเที่ยวกันแล้วเนอะ”
พี่ทาวน์ลูบหัวหลานด้วยความเอ็นดูแล้วอุ้มขึ้นหนีบเอว แขนป้อมๆ ยกคล้องคอทันทีเพราะกลัวตกลงมา จะตัวติดกันไปถึงไหนครับ สงสารน้าเจ็ทบ้างเถอะ หมาหัวเน่าแล้วเนี่ย
“อควาเรียม ~ ฟิช ชาร์ค”
โจชัวร์กวาดมือแล้วยิ้มกว้างจนตาหยี ผมที่เบลอๆ ก็พลอยไหลตามน้ำ เผลอตกลงไปเที่ยวอควาเรียมตอนไหนวะ หรือเมื่อคืนละเมอตอบ โอย งง
“เอ่อ... ตอนนี้กี่โมงครับ”
ผมก่อนใช้สันมือเคาะขมับเพื่อไล่ความมึน พี่ทาวน์ล้วงโทรศัพท์ให้ดูเวลา แปดโมงแล้ว กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวกินข้าวเช้าเสร็จคงเกือบสิบโมง รีบหน่อยดีกว่า เดี๋ยวรถติดคงแย่
“งั้นผมไปอาบน้ำก่อนเนอะ เดี๋ยวน้าจิณณ์คงมาหาโจชัวร์”
ผมลุกขึ้นบิดขี้เกียจแล้วขโมยหอมแก้มพี่ทาวน์ไปหนึ่งฟอดเพราะเขาไม่สามารถโต้ตอบได้เนื่องจากอุ้มเจ้าตัวแสบอยู่ แต่มือเล็กๆ ของโจชัวร์กลับตีเปี๊ยะลงมาบนจมูก เฮ้ย... ทำไมกบฏขนาดนี้เนี่ย ตกลงใครเป็นน้ากันแน่วะ
“อย่ารังแกน้าทาวน์!”
หลานตวาดลั่นแถมกอดอกพองแก้มด้วยความไม่พอใจ พี่ทาวน์ถึงกับหัวเราะก๊าก ชอบใจที่ผมโดนตีสินะ
“ไม่เอาครับ ไม่เสียงดังใส่น้าเจ็ทนะ เราไปนั่งรอน้าจิณณ์กันดีกว่า”
พี่ทาวน์ปลอบหลานด้วยเสียงกลั้วหัวเราะแล้วพากันเดินออกไปจากห้องปล่อยให้ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ สามสี่วันนี่คงไม่ต้องหวังมีเวลากุ๊กกิ๊กกันสองคนหรอก ถ้าพี่แจมกลับมาแล้วไม่มีของตอบแทนที่ดีจะอาละวาดให้บ้านแตกเลยคอยดู
ผมจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้วเดินตรงไปที่ห้องครัว แต่ต้องชะงักกึกอยู่หลังโซฟาหน้าทีวี สองชีวิตนั่งดูการ์ตูนยามเช้าโดยปราศจากคนชื่อจิณณ์ ตาคมเหลือบมองนาฬิกาติดผนังแล้วขมวดคิ้วแน่น
“จิณณ์ยังไม่มาเหรอครับ”
หลังจากจิณณ์ย้ายไปอยู่กับไอ้ไธจะเอาอาหารมาส่งให้ทุกเช้า แต่วันนี้แปลก ไม่มีแม้แต่ไลน์หรือโทรมาบอกว่าไม่ว่าง คงต้องไปหาถึงห้องแล้วมั้ง
“อืม เอานมให้โจชัวร์กินรองท้องแล้ว”
“ขอบคุณครับ เดี๋ยวผมจัดการอาหารเช้าเอง”
“อืม ขอข้าวต้มหมูแล้วกัน”
หลังจากที่เราฟาดข้าวต้มหมูกันเสร็จก็พากันลงมาด้านล่างเพื่อไปหาจิณณ์ก่อนจะออกไปอควาเรียมตามที่โจชัวร์เรียกร้อง ผมเคาะประตูห้องไอ้ไธ ไม่นานนักเจ้าของก็เปิดมันออกด้วยสีหน้าตื่นตกใจ ไม่ใช่ว่ากูมาขัดจังหวะเข้าด้ายเข้าเข็มนะ...
“น้าไธ ไอมิสยู ~”
เด็กตัวน้อยในอ้อมแขนของผมโผเข้ากอดน้าไธเต็มรัก ไอ้คนที่กำลังเบลอๆ ถึงกับเบิกตาโตด้วยความตกใจแต่ก็รับตัวโจชัวร์เอาไว้ ท่าทางมึงตอนนี้เหมือนกับกูเมื่อคืนไม่มีผิด สไปร์ทพอกันเลยเพื่อน
“นะ น้าไธก็คิดถึงโจชัวร์”
ถึงกับติดอ่างจนผมได้แต่กระตุกยิ้มเยาะ ส่วนพี่ทาวน์ก็นิ่งขรึมตามสไตล์ของเขา
“น้าไธๆ น้าจิณณ์อยู่ที่นี่ไหม”
เสียงเล็กถามเจื้อยแจ้ว ดวงตากลมสอดส่องไปหลังบานประตูเพื่อหาน้าชายอีกคนที่ยังไม่เจอหน้า ปกติแล้วโจชัวร์จำไม่ได้ว่าใครเป็นใครหรอก แต่ตอนนี้เขาอยู่กับผมที่บอกว่าคือน้าเจ็ทไงเลยถามหาน้าจิณณ์
“อยู่ อยู่ครับ น้าจิณณ์นอนอยู่”
ไอ้ไธตอบหลานแต่กลับเหลือบมองผมกับพี่ทาวน์คล้ายกำลังหวาดระแวง มันไม่ยอมขยับตัวออจากประตูเลยสักนิด มีพิรุธเกินไปแล้วว่ะ
“สลีปอิน ~”
อยู่ๆ น้าจิณณ์ก็โดนเด็กหาว่าตื่นสายว่ะ สมน้ำหน้า นอนกินบ้านกินเมืองอะไรขนาดนั้น ทั้งที่ปกติก็ตื่นแข่งกับไก่ขันได้ หรือไม่สบาย
“จิณณ์ไม่สบายเหรอ”
เป็นว่าที่คุณหมอถามขึ้น ผมพยักหน้าเห็นด้วยแล้วรอคำตอบ ไอ้ไธอึกอักกรอกตาไปมาเหมือนคนทำความผิด มึงมีอะไรในกอไผ่ใช่ไหม จะบอกดีๆ หรือต้องคาดคั้น!
“ก็นิดหน่อยครับพี่”
มันตอบเสียงอ่อยแล้วแสร้งทำเป็นสนใจเด็กในอ้อมแขน หอมแก้มบ้าง ชวนคุยบ้างคนผมชักเริ่มรำคาญจนต้องเอื้อมมือไปผลักไหล่มัน จะเข้าไปดูจิณณ์เว้ย อยากรู้ว่าป่วยเพราะอะไร
“ขอเข้าไปหน่อยดิวะ”
ผมบอกก่อนพยายามเบียดตัวเข้าไปแต่โดนไอ้ไธเอาเกราะกำบังชื่อโจชัวร์ดันกลับมา แม่ง มันต้องมีสาเหตุอะไรลามกที่ทำให้จิณณ์ป่วยแน่ๆ พี่กูเสียตัวให้มึงแล้วใช่ไหม
“ให้จิณณ์พักผ่อนเถอะมึง”
น้ำเสียงอ้อนวอนทำให้ผมยิ่งขมวดคิ้วสงสัย หันไปขอความช่วยเหลือจากพี่ทาวน์ก็ได้รับการพยักหน้ากลับ คราวนี้มึงไม่รอดแน่ๆ ไอ้ไธ
“แต่โจชัวร์อยากเจอน้าจิณณ์ ใช่ไหมครับ”
พี่ทาวน์ถามเด็กในอ้อมแขนของไอ้ไธแล้วจิ้มแก้มกลมนั่นเล่น โจชัวร์รีบพยักหน้าอย่างแข็งขันเหมือนกลัวจะไม่ได้เจอน้าของตัวเอง
“อื้อ จะชวนน้าจิณณ์ไปอควาเรียม ~”
ความมุ่งมั่นหนึ่งเดียวที่อยากเจอน้าจิณณ์ เด็กหนอเด็ก
“อ่า... ครับ”
สุดท้ายไอ้ไธก็แพ้ลูกอ้อนของโจชัวร์จนหมดสิ้น
ผมรุดเข้าไปหาจิณณ์คนแรกเพราะโจชัวร์ร้องอยากกินขนมพี่ทาวน์เลยอาสาดูแลให้ ในขณะที่ประตูห้องนอนเปิดออก สิ่งที่เห็นคือสภาพพี่ชายนอนหน้าซีดอยู่บนเตียง ในมือถือยาดมยัดจมูกสูดแรงจนได้ยินเสียง ใกล้ตายหรือยังวะนั่น
“จิณณ์... ทำไมสภาพมึงเป็นแบบนั้นวะ ฟัดกับหมามาหรือไง”
ผมหย่อนตัวนั่งลงบนเตียงแล้วชะโงกหน้าไปดูสภาพพี่ชายตัวเองใกล้ๆ จิณณ์สะดุ้งแล้วลืมตาขึ้นเพราะตกใจ แต่ไม่นานก็เบะปากใส่ อย่าเพิ่งร้องไห้ครับ กูยังซักมึงไม่จบ
“หมาชื่อไอ้ไธไง แม่ง จัดซะกูเดินไม่ไหว”
เสียงแหบพยายามเค้นออกมา ใบหน้าบูดเบี้ยวเมื่อมันพยายามขยับตัว ผมได้แต่อ้าปากค้างกับสิ่งที่ได้ยิน นี่ตกลงว่าพวกมึงได้กันแล้วเหรอ ไหนปากบอกว่าไม่พร้อมไง ทำแบบนี่ได้ยังไงวะ!
“เดี๋ยวๆ อย่าบอกนะว่ามึงกับไอ้ไธ...”
ผมจ้องแทบตาถลน มันพยักหน้าหงึกหงักแล้วสูดยาดมเข้าเต็มปอด ริมฝีปากบวมเจ่อ ตามซอกคอมีรอยแดงเป็นจ้ำลามไปจนถึงช่วงอกที่โผล่ออกมาจากสายเสื้อ โอ้โห จัดหนักจริงตามคำบอกเล่าเลยวะ
“เออ... เป็น โอย ผัวเมียกันอย่างสมบูรณ์”
ช่วยเขินหน้าแดงตอนพูดเรื่องนี้ไม่ได้หรือไง... กูเพลียใจแทนผัวมึง
“เหี้ย”
แต่ผมอาการหนักกว่าถึงขั้นอุทานคำหยาบ เพราะเรื่องเมื่อคืนก็เกือบจะลงเอยแบบจิณณ์ไง แค่เกือบ!
“ด่ากูทำไม”
ไอ้นี่ก็ร้อนตัว ทำตาโตอย่างกับไข่ห่าน ยาดมยัดอยู่ในรูจมูก ดูทุเรศฉิบหาย
“แม่ง มึงรู้ไหมว่ากูกับพี่ทาวน์ก็กำลังจะได้กัน”
ผมพูดอย่างไม่อายแล้วทุบกำปั้นลงบนเตียงอย่างแรง เจ็บใจนัก
“แล้วไงวะ”
จิณณ์พยายามแสดงความตื่นเต้น แต่มันดูเหมือนคนกำลังช็อคมากกว่า มึงควรบอกให้ไอ้ไธเบาๆ มือหน่อยนะ
“พี่แจมบินมาจากอังกฤษ...”
ผมพูดเสียงเครียดก่อนจะทิ้งตัวลงข้างจิณณ์
“ไอ้เจ๊ก มึงกลับมาเรื่องเดิมก่อนสิวะ อย่าเพิ่งเปลี่ยน กูงง”
มันฟาดมือเขากลางจมูกผมจนรู้สึกเหมือนเลือดกำเดาจะไหล โอย ถ้าไม่ติดว่ามึงเจ็บก้นจะยันแรงๆ สักที
“เรื่องเดียวกัน พี่แจมมาหากูเมื่อคืน ฝากเลี้ยงโจชัวร์ด้วย!”
ผมกัดฟันกรอดพูดเสียงรอดไรฟัน ยกมือขึ้นขยี้หัวแรงๆ โดยไม่สนว่ามันจะยุ่งเหยิงแค่ไหน โอย แค่คิดก็หงุดหงิดแล้ว
“อะไรนะ แล้วพี่มันไปไหนวะ”
จิณณ์ขมวดคิ้วแน่น คงรู้สึกแปลกที่พี่สาวมาไวไปไวขนาดนั้น แต่ผมรู้แล้ว ชัดเจนมากจนอยากผูกคอตายใต้ต้นถั่วงอก
“ทำน้อง”
ผมตอบเสียงสะบัดก่อนจะซุกหน้าลงกับหมอนแล้วว้ากอัดเพื่อระบายอารมณ์ ไม่ไหวแล้วเว้ย พี่แจมไปทำน้องผมก็อยากทำเหมือนกัน ทำไมไม่เข้าใจ ฮือ
“ห๊ะ โอย กูอยากจะขำให้คอแตก มึงนี่พญานกจริงๆ”
จิณณ์นอนเม้มปากกลั้นขำจนหน้าแดงเพราะกลัวจะกระทบกระเทือนช่วงล่าง ผมบึนปากใส่มันแล้วทำท่าง้างเท้า
“เดี๋ยวกูถีบตกเตียงแน่”
“อย่าๆ แค่นี้กูก็จะตายแล้ว”
มันโบกมือเป็นพัลวัน ดวงตาเบิกโตเท่าไข่ห่าน ครั้งแรกคงเจ็บจริงๆ อย่างที่มีคนบอก...
“เออ แล้วนี่มึงกินข้าวกินยาหรือยัง”
ผมเลิกเซ้าซี้เรื่องนั้นแล้วถามถึงสุขภาพช่วงล่างของฝาแฝด มันพยักหน้าหงึกหงักก่อนจะนิ่วหน้าเพราะเผลอขยับตัว ถ้ามันลำบากขนาดนี้ต้องทำยังไงพี่ทาวน์ถึงไม่เจ็บ
“เรียบร้อย แล้วโจชัวร์อยู่...”
“น้าจิณณ์ ~ ตึก”
จิณณ์ยังพูดไม่ทันจบร่างป้อมๆ ก็พุ่งเข้าใส่แบบไม่ทันตั้งตัว ผมชะงักค้างมองภาพนั้นแล้วรู้สึกเจ็บแทน
“โอ๊ะ อึก อะ ไอ้เจ็ท ฮือ กูเจ็บ โอย”
เสียงร้องแหบๆ ดังขึ้นอย่างน่าสงสาร แต่ผมไม่สามารถทำอะไรได้เพราะเจ้าแสบกอดน้าจิณณ์ซะเต็มรัก นอนเกยบนตัวอย่างมีความสุข คงต้องพูดกันดีๆ
“โจชัวร์ครับ อย่าทับน้าจิณณ์แบบนั้น มานั่งตักน้าเจ็ทเร็ว”
ผมล่อลวงเด็กน้อยที่เอียงคอมองตาแป๋ว นานนับนาทีที่มีแต่ความเงียบเข้าปลกคลุม แต่สุดท้ายโจชัวร์ก็พยักหน้ารับแล้วยอมลุกออกมา แต่ไม่วายเซทับลงบนขาอ่อนทิ้งท้าย จิณณ์ถึงกับน้ำตาเล็ด
“น้าจิณณ์ร้องไห้...”
โจชัวร์พูดเสียงอ่อยแล้วยื่นมือป้อมๆ ไปเกลี่ยน้ำตา แต่จิณณ์กลับผงะถอยเพราะตกใจ เจ็บคูณสองไปอีกเว้ย
“น้าจิณณ์เจ็บครับ โจชัวร์ทับ”
ผมกระซิบบอกหลานแล้วเหลือบมองจิณณ์ที่หน้าบูดเบี้ยวเกินบรรยาย มือหนาคลำลูบช่วงล่างเพื่อบรรเทาความเจ็บ สงสารแต่ไม่รู้จะช่วยยังไง ให้อาสาทายายิ่งแล้วใหญ่ ผัวมันคงเตะติดประตู
“แอมซอรี่”
โจชัวร์พูดเสียงอ้อมแอ้มก้มหน้าสำนึกผิด ไอ้ท่าทีหมาหงอยแบบนี้ใครจะไปโกรธลง ขนาดจิณณ์ที่เจ็บเจียนตายยังเผลอยิ้มให้กับความน่ารักของหลาน
“มะ ไม่เป็นไร ซี๊ด”
โอ้โห อาการหนักสุดๆ ไอ้ไธไม่ได้ใช้เจลหล่อลื่นเหรอ เปิดซิงพี่กูจนเลือดอาบหรือเปล่าเนี่ย ต้องเรียกสินสอดให้หมดตัว!
ต่อด้านล่างน้า