◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| *แจ้งข่าวหนังสือ* || 5-3-63 หน้า 54 ||
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ◦●สมภารกับไก่วัด●◦|| *แจ้งข่าวหนังสือ* || 5-3-63 หน้า 54 ||  (อ่าน 315828 ครั้ง)

ออฟไลน์ didididia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
งานเข้าแน่ๆลุงงง
คู่หลังนี่เขามาอรงแซงคู่แรกแล้วนะคะ :hao6:

ออฟไลน์ Snowermyhae

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4014
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +97/-7

ออฟไลน์ bpyt

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-2
โอ๊ยยย~~ โป๊ยมันแซงหน้าหินพี่กรไปแล้ววว นังลุงยังบ้าบอสติแตกอยู่เลยนั่น มาดูว่าพี่ปูนอุ้มกลับไปรอบนี้จะรอดมือกลับมาไม๊

ออฟไลน์ JokerGirl

  • ∀Σ❤∀ΔΣ Forever^^
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2921
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +128/-3
โป้ยร้ายมาก ชอบแกล้งคนที่รัก o18 จัดมาเยอะๆ555

ออฟไลน์ imymild

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-1
เพื่อนโป้ยแซงหน้าไปแล้ว

ออฟไลน์ แฟนตาเซีย

  • หืมม...?
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 554
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1

ออฟไลน์ labelle

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2664
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-0
มันกร้าวใจมากจริงๆ ค่ะ
ทำไมโป๊ยร้ายแบบนี้ มาเหนือกว่าพี่ปูน พี่กรไปอีกค่ะ
แถมยังจัดหนักให้พี่ปูนได้หึงได้หวง เลือดขึ้นหน้า
พาพี่กรมาเซ่นถึงที่แบบไม่รู้

กรเจอบทหนักแน่ค่ะ แต่คิดว่าโป๊ยจะไม่ใจร้ายนะ 5555

ลุงจะรอดไหม ไหวไหมล่ะนั่น
เปิดเผยซะ ไม่รู้ว่าใครจะขำ หรือปูนจะเคือง



ออฟไลน์ L@DYMELLOW

  • กำลังงงๆ เพราะหาทางลงจาก “คาน” ไม่เจอ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +826/-4
    • facebook
ตอนที่ 17 _บทเรียนสอนไก่_[ปุริม]




“โอ๊ย~ ร้อนจัง”

เสียงครางงึมงำจากเบาะด้านข้างทำเอาผมที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาขับรถอยู่ใจเต้นไม่เป็นส่ำ แม้จะอยู่ในสภาพน่าอนาถแค่ไหน แต่ความขาวของผิวกายก็ยังทะลุทะลวงเปล่งปลั่งน่ามองอยู่ดี เพราะงั้นการที่ลุงดิ้นพลิกไปมาอยู่กับเบาะนั่งในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ยก็เหมือนการยั่วยวนดีๆ นี่เอง

เห็นแล้วอยากจะจอดรถฟัดให้หนำใจแล้วค่อยกลับไปตบหัวไอ้โป้ยแรงๆ

ผมไม่มีเพื่อนสักเท่าไหร่เพราะงั้นการถูกกลั่นแกล้งยามเมามายแบบนี้เลยไม่เคยเกิดขึ้นกับชีวิต แต่กับกลุ่มเพื่อนที่ดูจะสนิทสนมกันดีแบบลุงนั้นคงเป็นเรื่องปกติธรรมดา มันทำให้ผมรู้สึกตลกปะปนกับความไม่ชอบใจเล็กๆ โดยเฉพาะบรรดารูปถ่ายที่โป้ยส่งมา ทุกภาพนั้นเต็มไปด้วยการถึงเนื้อถึงตัวกันระหว่างเพื่อน ซ้ำคนของผมยังถูกจับถอดเสื้อเขียนหัวนม บางรูปก็ถูกใครไม่รู้ฉกหอมแก้มเปล่งเต่งตึง แม้หูกระต่ายที่สวมอยู่บนหัวจะดูน่ารัก ถึงอย่างนั้นผมก็ยังไม่ชอบให้ใครมาแตะต้องของๆ ผมอยู่ดี

เดาว่านับจากนี้ผมคงต้องเตรียมใจเอาไว้บ้าง คนเพื่อนเยอะอย่างลุงอาจทำให้ผมหึงจนหน้ามืดอีกหลายหน

“ร้อนๆ อยากอาบน้ำ”  เสียงพร่ำบ่นยังไม่หยุดง่ายๆ ผมหันมองคนเมาลุกขึ้นมานั่งเหม่อแววตาล่องลอย ถ้านับจากสองครั้งที่ได้สัมผัส ครั้งนี้ลุงเมาน้อยกว่าครั้งก่อนมาก ตอนก่อนโน้นไม่ว่าจะจับจะพลิกตัวอย่างไรก็ไม่ตื่น แต่คราวนี้แค่ถูกอุ้มหน่อยก็ส่งเสียงอู้อี้รู้สึกตัวขึ้นมา พอพาเข้ามานั่งในรถได้ก็บ่นกระปอดประแปดไม่หยุดแบบที่เป็นอยู่ตอนนี้

“อีกเดี๋ยวจะถึงบ้านแล้ว”

“เร็วๆ นะ”

“พี่อาบน้ำให้ด้วยดีมั้ย?”  ผมถือโอกาสหยอดสักเล็กน้อยด้วยสีหน้ากรุ้มกริ่ม

“ก็ได้”  แล้วคนเมาก็ไม่ทำให้ผมผิดหวังตามคาด

รถแทบจะพุ่งทะยานไปตามแรงเหยียบคันเร่งของฝ่าเท้า คืนนี้ไม่ได้ศอกผมก็ต้องได้คืบบ้างล่ะ เรื่องอะไรจะปล่อยโอกาสแบบนี้ให้หลุดลอยไปโดยไม่ทำอะไร ผมปรายตามองคนเมาเป็นระยะ นอกจากการนั่งหัวสั่นหัวคลอนแล้วก็นับว่าสงบขึ้นมาก ยิ่งเห็นสายตาปรือปรอยคล้ายจะหลับอีกครั้ง ผมยิ่งเพิ่มความเร็วพุ่งไปข้างหน้า

เมื่อมาถึงคอนโดฯ อย่างปลอดภัย ผมก็ไม่อับอายสายตาใครที่จะอุ้มคนรักของตัวเองในสภาพอเนจอนาถไว้แนบอก มันเป็นช่วงที่ยังไม่ดึกมากนักเพราะงั้นจึงมีผู้ร่วมอาศัยแอบมองคนในอ้อมกอดผมด้วยแววตาใคร่รู้ บางคนก็อมยิ้มกับความยุ่งเหยิงของลุง บ้างก็มองด้วยสายตาของการแบ่งแยกแบบตั้งข้อรังเกียจ ก็แค่ผู้ชายอุ้มผู้ชายด้วยกันมันจะมีปัญหาอะไรนักหนานะกับคนพวกหลังนี้ ผมไม่ได้ถลกกางเกงแล้วเอากันในลิฟต์ให้เห็นซะเมื่อไหร่

ผมเปิดห้องด้วยความทุลักทุเล แม้ว่าลุงจะไม่ได้หนักเกินกำลังจะแบกไหว แต่ใช่ว่าแขนผมจะไม่ล้ากับระยะทางที่ต้องแบกมาตลอด การก้าวขึ้นบันไดแต่ละขั้นทำเอาเรี่ยวแรงผมหดหาย แต่คนเมาก็ช่างเอาใจเหลือเกินโดยการซุกซบกับไหล่ผมเพื่อเพิ่มพลัง และเมื่อเปิดเข้าห้องนอนมาได้ ผมก็ค่อยๆ หย่อนลุงลงกับพื้น ให้สองเท้าลงน้ำหนักอย่างระมัดระวัง

“ถึงแล้ว ยืนดีๆ”  ผมแกะมือที่กอดรอบคอผมอยู่ พยายามจัดท่าให้อีกฝ่ายยืนอย่างมั่นคง

“อาบน้ำๆ”  เสียงอ้อแอ้ร่ำร้องได้อย่างตรงใจผมที่สุด

“งั้นก็ถอดเสื้อผ้ากันก่อน”  ไม่รอช้า ผมเอื้อมมือปลดเสื้อผ้าน้อยชิ้นของลุงออกจนเปลือยเปล่า แล้วจัดการเปลื้องผ้าตัวเองแบบรวดเร็ว อันดับแรกที่ผมจะทำคือการล้างคราบเครื่องสำอางบ้าๆ บอๆ นี้ออกไปจากหน้าพัทลุง

แม้จะโซเซไปสักหน่อย แต่ลุงก็เดินตามผมเข้าห้องน้ำมาได้โดยไม่หกล้ม ก่อนอื่นผมพาลุงมาที่อ่างล้างหน้าเพื่อกู้ความเกลี้ยงเกลาที่ผมชอบกลับคืนมา ลุงดิ้นขัดขืนเล็กน้อยยามผมละเลงโฟมล้างหน้าลงไปจนทั่ว ทั้งขัดทั้งถูให้สีลิปสติกออกอย่างยากเย็น

“เจ็บๆ ปุริมลุงเจ็บ”

“ปิดปาก หลับตาด้วย!”  ผมส่งเสียงเข้ม ความโมโหผุดขึ้นมาในทันที เมื่อลิปสติกนั้นติดแน่นทนทานกว่าที่คิด เพราะงั้นผมจึงจำใจเลิกราแม้ว่าริมฝีปากลุงยังคงเหลือร่องรอยคราบสีแดงอยู่ ผมก้มลงหอมแก้มหอมๆ ฟอดใหญ่ อย่างน้อยใบหน้าของลุงก็กลับมาอิ่มใสเหมือนเดิม

ผมกระตุกร่างที่กำลังแง่งอนเพราะความเจ็บให้เดินไปยังตู้อาบน้ำ ผู้ชายสองคนอัดเข้าไปในพื้นที่จำกัดทำให้ดูแออัดไปบ้าง แต่มันกลับทำให้เนื้อตัวระหว่างเราถูไถกันง่ายดายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะขยับไปทางไหนก็คล้ายกับว่าเราบดเบียดเนื้อตัวเข้าหากัน

ความชุ่มลื่นของเนื้อครีมอาบน้ำถูกฝ่ามือผมลูบไล้ลงไปบนผิวเนื้อนุ่ม ลุงสะท้านเล็กน้อยเมื่อปลายนิ้วมือปัดผ่านยอดอกอย่างจงใจ ดวงตาฉ่ำปรือมองฝ่ามือผมตาไม่กระพริบ ใบหน้าขึ้นริ้วแดงระเรื่อ เอนตัวพิงกำแพงเปิดทางให้ผมอย่างง่ายดาย ผมมองภาพเย้ายวนนั้นด้วยอารมณ์ที่ร้อนแรงมากขึ้น ทุกตารางนิ้วที่ฝ่ามือผมพาความลื่นไหลไปสัมผัสเสียงครางเบาๆ  ของลุงก็หลุดออกมาอย่างเผลอไผล

แก่นกายของเราตั้งชันได้ไม่ยากเย็นเลย ผมมองส่วนน่ารักของลุงด้วยความรู้สึกอยากจะกลืนกิน แต่จำต้องโน้มตัวจูบปากอิ่มเพื่อบรรเทา กลัวว่าคนมึนเมาจะตกใจกลัวจนตั้งรับกับสถานะภาพใหม่ไม่ทัน ถ้าอยากจะกินเนื้อไก่ผมต้องอดทนให้มากกว่านี้ ผมบอกตัวเองให้ใจเย็น แต่เนื้อนุ่มที่มีปฏิกิริยากับฝ่ามือผมนั้นกลับยั่วเย้าได้อย่างน่ารักน่าชังเหลือเกิน

ต่อจากนี้ผมจะวางใจให้ลุงไปกินเหล้าจนเมาที่ไหนได้อีก

"ปุริม"  เสียงทุ้มเล็กน้อยครางชื่อผมเสียงเครือ บดเบียดตัวแนบชิดจนแก่นกายเสียดสีไปมา ดวงตาโตฉ่ำหวานมีน้ำตาคลอเล็กน้อย ใบหน้าแดงก่ำเหมือนสีของสตรอเบอร์รี่

"หืม? ลุงอยากให้พี่ทำอะไร"  ผมกระซิบเสียงพร่า พลางลดมือลงมาแตะต้องส่วนชูชัน ลุงตัวสั่นเกร็งขึ้นมาทันที บดเบียดสะโพกเข้าหามือผมอย่างอดรนทนไม่ไหว ความลื่นทำให้ส่วนนั้นไถลเข้าออกกำมือผมอย่างง่ายดาย

"ช่วยหน่อยนะ"  ริมฝีปากอิ่มอ้อนวอน โอบวงแขนไร้มัดกล้ามรอบกายผมไม่ต่างจากคนหมดหนทาง

"ให้พี่ช่วยอะไรล่ะ"  ผมยังคงแสร้งถามต่อไปขณะที่มือเร่งจังหวะในการขยับเร็วขึ้น เรียกเสียงครางดังก้องตู้อาบน้ำแคบๆ ยิ่งลุงเบียดตัวเข้าหาผมเท่าไหร่ ส่วนแข็งขืนของผมก็แนบชิดกับหน้าท้องนุ่ม กลัวแต่ว่าจะแกล้งเขาแต่เราจะทนไม่ไหวเสียก่อน ผมจึงจำใจผละออกจากร่างเปี่ยมราคะด้วยความเสียดาย

ลุงยืนกระพริบตาปริบๆ มองผมด้วยความงุนงง ริ้วอารมณ์พาดบนสีหน้า และตอกย้ำชัดเจนด้วยส่วนตั้งชันที่ปริ่มน้ำ ร่างผอมบางคอยผมอย่างอดทน แต่เมื่อแน่ใจว่าผมจะไม่โผเข้าหาอีกครั้ง ความขัดใจจึงปรากฏท่วมท้น และแสดงออกมาโดยการกระทืบเท้าลงกับพื้นจนน้ำกระเซ็น คราวนี้ผมเป็นฝ่ายกระพริบตาปริบๆ มองคนรักบ้าง

"หันก้นมาเลย!"  เสียงกร้าวประกาศลั่น ซ้ำยังพุ่งเข้ามาพยายามขืนร่างผมให้หันหน้าเข้าข้างฝา  "อย่าขัดขืนซี่!"

"จะทำอะไรพี่เล่า"  ผมหัวเราะออกมากับท่าทางอุกอาจของลุง ยื่นมือยื่นไม้ปกป้องอธิปไตยของตัวเองอย่างเต็มที่

"ผมจะอึ๊บพี่! ไม่อยากเป็นเมียอ่ะ! เป็นผัวไม่ได้เหรอ"  จากที่โวยวายก็เริ่มเบะปากงอแง เขย่าแขนผมคาดคั้นคำอนุญาตแบบเด็กเวลาอยากได้ของเล่น  "นะๆ ของลุงอันติ๊ดเดียวเอง พี่ไม่เจ็บหรอก"

"ของพี่ก็อันไม่ใหญ่ซะหน่อย"  ผมแย้งเสียงอ้อมแอ้ม แต่ฉับพลันส่วนสำคัญก็รู้สึกถูกคุกคาม ผมก้มมองฝ่ามือลุงที่กุมส่วนแข็งขันของผมด้วยสีหน้าเอาเรื่อง

"เนี่ยนะที่ว่าไม่ใหญ่ ผมกำมือยังไม่รอบเลย บัดซบเอ๊ย!"  แล้วมันก็เหวี่ยงมือทิ้งเหมือนกับจะเขวี้ยงพวงองุ่น ผมงี้เสียววืดเลย กลัวมันจะหักทิ้งด้วยความโมโห

ผมว่าสภาพจิตใจลุงเริ่มจะไม่ปกติ เดาว่าถ้าไม่รักผม มันคงทิ้งผมไปแล้ว ต่อให้ขู่สักแค่ไหนลุงมันคงไม่มีวันยอมแน่ แต่เพราะว่ารักผมสินะ ตอนนี้ถึงได้กลืนไม่เข้าคายไม่ออกกับตัวเองแบบนี้ ตัวผมเองก็เช่นกัน ถ้าไม่รักลุงเอามากๆ ล่ะก็ คงใช้กำลังปลุกปล้ำไปแล้ว...

เห๊อะ!! ผมไม่เป็นพระเอกโง่ๆ อย่างนั้นหรอก

ลุงในตอนนี้แค่ยังรับไม่ได้การการถูกปา ‘บทฝ่ายรับ’ ใส่หน้า ถ้าเปลี่ยนจากผมเป็นผู้ชายดีๆ สักคน ก็คงจะยอมอดทนจนกว่าลุงจะทำใจยอมรับได้ ช่วยเหลือกันไปทางภายนอกเหมือนเดิม และยอมหักใจที่จะไม่ไปป้วนเปี้ยนประตูหลังให้ลุงต้องคิดมาก แต่เผอิญว่าผมไม่ใช่ผู้ชายดีๆ แบบนั้นเสียด้วย ในเมื่อยอมรับทางจิตใจไม่ได้ ก็เหลือแต่ทำให้ยอมรับทางด้านร่างกายอย่างเดียว

ผมลอบยิ้มกับตัวเอง โอกาสแบบนี้ไม่คว้าเอาไว้ก็ควายเต็มทีล่ะ!

“ล้างตัวกันก่อนเนอะ”  ผมโอบเด็กงอแงเอาไว้ มีการสะบัดสะบิ้งเล็กน้อยยามถูกสัมผัส แต่ก็ยังยืนนิ่งให้ผมล้างตัวจนเสร็จ กลิ่นสบู่หอมฟุ้งไปทั่วร่างนวลเนียน ผมอดใจไม่ไหวหอมคนหน้างอไปอีกหลายฟอด ก่อนจะพากันเดินออกมาด้านนอก

ลุงยืนนิ่งระหว่างรอผมเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาให้ ส่วนน่ารักนั้นห้อยตกหมดอารมณ์ไม่ต่างจากสีหน้าที่ยังปึ่งงอนไม่หาย แตกต่างจากผมที่แค่จิตนาการว่าไม่กี่นาทีต่อจากนี้ผมจะได้รังแกส่วนลึกล้ำของลุงยังไงบ้าง ส่วนนั้นก็รังแต่จะผงาดขึ้นเรื่อยๆ

ผมเช็ดตัวลุงอย่างอ่อนโยนที่สุด เอ่ยเสียงนุ่มว่าให้นั่งรอบนเตียงเพื่อที่ผมจะไปหยิบชุดนอนมาให้ แต่สองสิ่งที่ผมหมุนตัวไปหยิบคือถุงยางกับเจลเท่านั้น ผมเดินกลับมาอีกครั้ง มองลุงที่นั่งหน้างอแต่ดวงตาปรือปรอยขึ้นเรื่อยๆ

“เสื้ออ่ะ?” 

“เอามาแล้วครับ”  เสื้อกันฝนน่ะนะ ผมยิ้มกับความจริงที่ไม่ได้บอกไป

“งั้นเอามาเดี๋ยวลุงใส่เอง” 

“อื๊ม~ ไม่ได้สิ...เสื้ออันนี้น่ะ พี่จะเป็นคนใส่เอง”  ว่าแล้วก็จัดการอุ้มลุงโยนลงไปกลางที่นอน ลุงร้องเสียงหลงด้วยความตกใจทำท่าจะลุกขึ้นมาเอาเรื่อง แต่ผมไม่รอช้ารีบตะกายลงไปทับร่างเอาไว้เสียก่อน

ลุงที่ยังดูงุนงงก็ถูกผมล็อกหน้าด้วยสองมือแล้วครอบปากลงไป การดิ้นรนเกิดขึ้นแต่ไม่นานนักก็แปรเปลี่ยนเป็นการยินยอม จูบกันมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง มีหรือที่ผมจะไม่ว่าลุงชอบแบบไหน ต้องแตะล้นตรงไหนลุงถึงจะสะท้าน หรือแม้กระทั่งต้องดูดลิ้นอย่างไรลุงจะระทวย

ผมเลื่อนมือจากใบหน้าที่เริ่มร้อนผ่าวลงมา ไต่นิ้วไปตามเนื้อเนียนนุ่ม ปัดผ่านยอดอกบุ๋มแสนขี้อายลงไปตามหน้าท้องเกร็งแน่น หยิบหยอกพงขนเล็กน้อยก่อนที่ปลายนิ้วจะเลื่อนเข้าสู่เป้าหมาย ส่วนอ่อนไหวของลุงเกือบจะแข็งเต็มที่และมือของผมจะช่วยมันไปถึงจุดนั้นเร็วยิ่งขึ้น

ร่างผอมบางสะท้านเฮือกเมื่อส่วนสำคัญถูกชักพา กระสับกระส่ายจนริมฝีปากเราหลุดจากกัน มือไม้จิกทึ้งผ้าปูที่นอนให้วุ่น ผมยิ้มให้ภาพแสนรัญจวนใจตรงหน้า จากนั้นจึงก้มลงเพื่อหลอกล้อกับเม็ดทับทิมขี้อายที่เอาแต่หลบอยู่ในหลุม ยอมรับเลยว่าน้องจากบั้นท้ายของลุงแล้ว ยอดอกทั้งสองข้างคือความปรารถนาที่รองลงมา ส่วนที่ลุงรู้สึกอับอายนี้ทำให้ผมพึงใจอย่างมาก

“อ๊ะ! …อ๊ะ...”

ริมฝีปากครอบลงบนยอดอกสีอ่อน ส่งปลายลิ้นเย้าแหย่ ดูดรั้งจนกระทั่งทับทิมเม็ดเล็กค่อยๆ โผล่ออกมาจากการหลบซ่อน ลุงไม่รู้หรอกว่าเมื่อมันโผล่พ้นขึ้นจะกลายเป็นเชื้อไฟอย่างดี จะกลายเป็นส่วนน่ารักอีกส่วนที่เต็มไปด้วยความรู้สึกอ่อนไหว

“เสียวมั้ยครับ...หืม? ตอบให้พี่ชื่นใจหน่อย”

“อือ~ เสียว...เสียวมากเลย เร็วอีกสิ”  คนใต้ร่างวิงวอนด้วยเสียงทุ้มนุ่มหู ร่างกายบิดเกร็งอัดแอ่นสู้มือผมอย่างลืมตัว  “พี่ปูน..พี่ปูน...”

ลุงครางเรียกชื่อผมซ้ำไปซ้ำมาด้วยอารมณ์ที่ปะทุขึ้นเกือบถึงขีดสุด ผมยืดตัวขึ้นนั่งหยุดการกระทำทุกอย่างแล้วจัดการแยกขาลุงออกกว้างเพื่อแทรกตัวเข้าไป ส่งมือหยิบหลอดเจลขึ้นมาบีบป้ายลงช่องทางเล็กแคบ ลุงมองผมตาเชื่อมขณะปลายนิ้วถูกส่งเข้าไปข้างในอย่างช้าๆ คนเมาดูจะไม่ได้เอะใจอะไรนักเพียงแค่ร้องปะท้วงจากความเจ็บเล็กน้อย

แก่นกายของผมแข้งจนปวดหนึบ ความต้องการมีมากจนเกือบจะหน้ามืดตามัว แต่ผมก็ยังใจเย็นพอที่จะค่อยเบิกทางความคับแคบนั้นให้พอดีกับร่างกายผม จากหนึ่งเป็นสองนิ้ว ขยับเข้าออกเนิบนาบ ลุงครางออกมาเบาๆ สีหน้าก้ำกึ่งระหว่างพึงพอใจกับความกลัว แต่ส่วนน่ารักที่ยังคงแข็งชูชันนั้นคล้ายจะประกาศออกมาเต็มเสียงว่าลุงรู้สึกเสียวซ่านมากแค่ไหน

ทุกครั้งที่ถูไถโดนจุดวาบวามลุงแทบไม่เป็นตัวของตัวเอง ริมฝีปากอิ่มครางกระเส่า ใบหน้าบิดเบี้ยว มองผมด้วยสายตาร้อนเร่า ผมแทบอยากจะระเบิดตัวเองออกเป็นเสี่ยงๆ ลุงเป็นผู้ชายหน้าตาธรรมดามากๆ ถ้าเทียบกับบรรดาคู่นอนเก่าก่อนของผม แต่นอกจากรอยยิ้มที่ทำให้ความธรรมดานั้นพิเศษขึ้นมา ก็เห็นจะเป็นช่วงเวลาร่วมรักเนี่ยแหละที่ลุงดูน่ากินเป็นพิเศษ

ผมกลั้นใจส่งนิ้วที่สามเข้าไป เสียงร้องเจ็บที่ดังมากกว่าเดิมทำให้ผมรีบเทเจลเพิ่มขึ้นอีก ความลื่นไหลจะทำให้ลุงรู้สึกสบายกว่าแม้ว่ามันจะทำให้ยากต่อการทำความสะอาดทีหลังก็ตาม เมื่อเสียงครางอย่างพึงพอใจเริ่มกลับมา ผมจึงเพิ่มความเร็วในการสอดใส่ ลุงแทบแดดิ้นกับความเสียวซ่านที่ผมมอบให้ ส่วนอ่อนไหวนั้นปริ่มน้ำโดยที่ไม่ถูกแตะต้อง ผมแลบเลียริมฝีปากด้วยความย่ามใจ ส่งมืออีกข้างบีบบี้ยอดอกสีอ่อน ถูไถส่วนนูนที่มักหลบอยู่ด้านในแรงๆ เสียงครางดังกระตุ้นความกำหนัดของผมจนเกือบถึงจุดเดือด ช่องทางภายในบีบรัดนิ้วผมโดยแรง จากประสบการณ์ผมว่าลุงใกล้จะถึงฝั่งฝันแล้ว...แต่ผมจะไม่ยอมให้ลุงสบายตัวง่ายๆ หรอก

“พี่ปูน?”  ลุงร้องเรียกด้วยความสงสัยปนขัดเคือง เมื่อผมถอนนิ้วออกมา ความหาถุงยางแล้วฉีกซองสวมด้วยมือไม้สั่นระริก ลมหายใจหอบแรงยามเทเจลชโลมแก่นกายเพิ่มขึ้น  “พี่ปูน...”

ไม่ต้องรอให้ลุงเรียกเป็นครั้งที่สาม ผมขยับกายให้เข้าที่ทาง จดจ่อส่วนหัวเข้าประชิดประตูหลังที่เปิดแง้ม แต่เพียงออกแรงดันเข้าไปเท่านั้นลุงก็ถึงกับผวาขึ้นมาตีแขนผมเป็นการใหญ่

“เจ็บ!! มันเจ็บ”  น้ำตารินไหลจนผมสงสาร แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว ผมไม่ถอยหลังกลับไปเด็ดขาด

“นิดเดียวนะ ชู่ว~ ไม่ร้องนะครับคนดี”  ผมอาศัยจังหวะแล้วเกี่ยวขาลุงเพื่อโน้มตัวลงไปทับ เสียงร้องโอดโอยยังดังคลอเสียงสะอื้น ผมจูบซับน้ำตาไปพลางเกร็งร่างตัวเองไปพลางไม่ให้เผลอถ่ายน้ำหนักลงไป ช่องทางนั้นบีบรัดส่วนหัวจนเจ็บไปหมด จะฝืนดันเข้าไปก็กลัวลุงจะบาดเจ็บ จะให้ดึงออกก็แน่นจนขยับแทบไม่ได้

“ลุงเจ็บ เอาออกไปเหอะนะ”

“ให้พี่นะ...นะครับเด็กดี”  ผมพยายามปลอบขวัญ จูบปาก หอมแก้ม จนน้ำหูน้ำตาเปรอะเปื้อนหน้าผมไปหมด

“มันเป็นทางไว้ขี้นะปุริม มันไม่ควรมีอะไรเข้าไป”  ลุงตัดพ้อเสียงเครือ ผมหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ แต่ในจังหวะเดียวกันก็ใช้แรงสั่นของร่างกายดันแก่นกายเข้าไปด้วยช้าๆ ลุงไม่รู้ตัวสักนิดยังคงตีหน้าเศร้าวิงวอนผม

“แต่ลุงยอมให้พี่เอานิ้วเข้าไปนะ”  ผมแย้งพลางก้มหน้าลงดูดดึงยอดอกเม็ดเล็กน่ารัก

“อื้อ~ แต่มันไม่...อ๊า! อย่ากัดนะ!”  ลุงหวีดร้องขึ้น สองมือดันหน้าผมให้ออกไป แต่ผมยังคงไม่สนใจไล่ฟัดเม็ดทับทิมทั้งสองข้างแรงๆ ทั้งกัด ทั้งขบ ดูดจนมันเต่งตึงล่อสายตา ผมลอบยิ้มกับคำร้องประท้วงที่ออกมา ลุงมัวแต่สนใจความเจ็บบนหน้าอกเลยลืมความเจ็บจากส่วนล่างไปชั่วคราว เพราะอย่างนั้นผมถึงได้ไถลตัวเข้าไปได้ลึกล้ำขึ้น ลึกขึ้น...ลึกขึ้น

“อื๊อ!! ปุริมเจ็บ มันแน่น ลุงอึดอัด!”  อีกนิดเดียวก็จะได้แนบชิด แต่คนมึนเมาดันรู้สึกตัวเสียก่อน ช่องทางกลับมาบีบแน่นอีกครั้ง ผมรีบยืดตัวขึ้นเพื่อคะเนสัดส่วนที่เหลือก่อนที่จะ...  “โอ๊ย!! แม่งเอ๊ย~”

ผมกระแทกเข้าไปจนมิด ผมมองผิวเนื้อที่แนบชิดกันอย่างพึงพอใจ ภายในนั้นบีบรัด สร้างความเสียวที่หายากยิ่ง มันเป็นความรู้สึกที่ร้อนแรงทางกาย แต่อิ่มเอมทางใจอย่างที่สุด... ผมโน้มตัวลงไปปลอบโยนลุงอีกครั้ง คนรักผมน้ำตาไหลพรากจ้องผมด้วยแววตาโกรธขึ้ง นอกจากส่งรอยยิ้มง้องอนให้แล้วนั้นผมก็ไม่รู้จะเอ่ยขออภัยด้วยคำใดจริงๆ

“เป็นเมียพี่แล้วนะ”  ผมจูบปากลุงเร็วๆ แล้วเย้าหยอกด้วยรอยยิ้ม  “ไหน~ เรียกผัวหน่อยซิ”

“...ผัวชั่ว!” 

ผมหัวเราะเบาๆ ถ้าเป็นคนอื่นคงเจ็บหนักแล้วล่ะ แต่กับลุง ต่อให้ด่ามากกว่านี้ผมก็ไม่เจ็บไม่คันอะไร ตราบเท่าที่ผมรู้แก่ใจว่าลุงไม่ได้รู้สึกตามที่พูด

ลุงยังสะอื้นฮึกฮัก แต่ก็ยอมอ้าปากรับจูบจากผม มือที่จิกแน่นกับผ้าปูก็ถูกผมจัดท่าทางเสียใหม่ เมื่อได้ที่ทางก็เปลี่ยนจากเนื้อผ้ามาเป็นเนื้อบนแผ่นหลังผมแทน แต่พอเริ่มขยับสะโพกช้าๆ ลุงก็เกร็งตัวจนผมขยับไม่ได้ สีหน้านั้นเจ็บปวดจนผมรู้สึกว่าตัวเองเลวขึ้นมานิดๆ ผมก็พอรู้ว่าขนาดของตัวเองมักจะทำให้คู่นอนค่อนข้างเจ็บในครั้งแรกที่ไม่คุ้นชิน แต่ผมไม่เคยเปิดบริสุทธิ์ใครมาก่อนจริงๆ ไม่รู้เลยว่ามันจะทำให้ดูทรมานถึงขนาดนี้

“จูบพี่นะ”  ผมมอบจูบลึกล้ำอีกหน พร้อมส่งมือลงไปจับส่วนอ่อนไหวของลุงที่อ่อนปวกเปียก ผมพยายามควบคุมตัวเองโดยการขับเคลื่อนช้าๆ สั้นๆ เนิ่นนานพอดูกว่าที่ของร้อนในมือจะกลับมาลุกตั้งได้ใหม่ เสียงครางแผ่วเริ่มกลับมา ปลายนิ้วที่จิกทึ้งแผ่นหลังค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสัมผัสลูบไล้ ความวาบหวามกลับมาเติมเต็มสีหน้าเจ็บปวด อาจเพราะจุดที่ผมเน้นย้ำถี่ๆ นั้นช่วยปลุกความเสียวซ่านให้กลับมา

“อา...แบบนี้เลย แน่นกำลังดีเลย”  ผมครางด้วยความสุขสม ช่องทางเล็กแคบนั้นไม่ได้ทำให้ผมเจ็บปวดอีกแล้ว ตอนนี้มันบีบรัดตุบๆ เป็นจังหวะ นวดแก่นกายของผมด้วยความหนึบหนับตลอดความยาว นี่มันสวรรค์ชัด! ผมไม่เคยมีเซ็กส์ด้วยความรู้สึกที่มากมายขนาดนี้มาก่อน เหมือนกับในอกมันพองฟูจนแทบล้นออกมา ทั้งเสียง ทั้งใบหน้า ทั้งรสสัมผัสที่ลุงมอบให้ตอนนี้...ผมไม่เคยรู้สึกกับใครแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต

“อา...ที่รัก...รักพี่มั้ย? อา...”  ผมครางงึมงำกับริมฝีปากหวาน หยาดเหงื่อเริ่มโทรมกายเมื่อการเคลื่อนไหวของสะโพกมีมากขึ้น แรงขึ้น เร็วขึ้นจนร่างข้างใต้หัวสั่นหัวคลอน

“พี่ปูน...อ๊า~”  ลุงหลับตาแน่น ปัดป่ายมือไปทั่วแผ่นหลังผมราวกับต้องการที่ยึดเหนี่ยว

“รักพี่มั้ย? หืม?”  เสียงร้องระงมไปทั่วห้อง ยิ่งผมเคลื่อนไหวมากเท่าไหร่ ลุงยิ่งลืมตัวครางออกมามากเท่านั้น

“รักครับ...รักครับ...อ๊า~ เบาหน่อยนะ อื๊อ! ลุงเจ็บ”

“อา...เด็กดีของพี่”  ริมฝีปากเราสอนคนแทบจะไม่ยากจากกันเลย ต่างฝ่ายต่างประกบบดเบียดเก็บเกี่ยวรสหวานจากกันและกัน ดื่มด่ำลึกซึ้งยิ่งกว่าเคยได้ประสบจากครั้งใด

ส่วนนั้นทั้งนุ่ม ทั้งลื่นไหล จนผมไม่สามารถห้ามสัญชาตญาณดิบของตัวเองได้อีกต่อไป ผมยืดตัวขึ้น ถอนกายออกอย่างรวดเร็วจนเกิดเสียงเร้าอารมณ์ ผมแลบเลียริมฝีปากด้วยความอยากจะกลืนกินร่างตรงหน้าทั้งเนื้อทั้งตัว หูอื้อ หน้ามืดเพราะความต้องการที่ล้นทะลักปรอท

ผมพลิกร่างเย้ายวนตรงหน้าให้คว่ำลง ยกสะโพกขึ้นมาให้อยู่ในระดับก่อนจะกระแทกแก่นกายเข้าไปจนมิด ความเสียกระสันทำผมแทบคลั่ง เสียงครางต่ำหลุดออกมาจากลำคอจนเหมือนเสียงคำราม เสียงร้องโอดโอยของลุงเหมือนเชื้อไฟที่ช่วยโหมความต้องการให้โชติช่วง เสียงผิวเนื้อกระทบกันดังถี่รัว เสียงครางหวานหูดังคลอไปไม่หยุดปาก

“ปุริม...อา...อึกๆๆ!! อ๊า~”  ผมไม่เคยชอบชื่อตัวเองได้มากเท่านี้มาก่อน จนเมื่อมันออกมาจากปากของลุง จนกระทั่งผมได้รู้ว่าเสียงครางกระเล่าที่เรียกชื่อผมนั้นมันไพเราะขนาดไหน

“เรียกพี่อีกสิ” 

“ปุริม...อ๊ะๆๆ อึก! พี่ปูน”

ผมแย้มยิ้มด้วยความพอใจ สายตาวนกลับมาจับจ้องที่ก้อนเนื้อแน่นหนั่นสองก้อนที่กำลังพลิ้วไหวด้วยแรงอัดกระแทก ดียิ่งกว่าที่เคยจินตนาการเอาไว้เสียอีก ยามที่มันโอบรัดแก่นกายของผมเอาไว้ ยามที่ถูกเคล้าคลึงขยำขยี้ แล้วแบะมันออกเพื่อมองร่างกายตัวเองย่ำยีความคับแน่นนั้นอย่างรุนแรง ผมไม่สามารถหยุดมือที่กำลังนวดเฟ้นของชอบตรงหน้าได้เลยจริงๆ

“อื๊อ! ลุงใกล้แล้ว”  ลุงบอกเสียงพร่า ขณะเดียวกันร่างข้างใต้ก็สั่นสะท้าน ภายในบีบรัดในจังหวะที่แน่นกว่าเดิม ผมรีบฉุดตัวคนรักขึ้นมาโอบกอดไว้พร้อมกับทะยานร่างตัวเองลึกล้ำดุจเดิม ลุงเอนกายแนบชิด สองมือจับแขนผมไว้แน่นพลางพยุงตัวเพื่อรับแรงกระทั้นกระแทกที่ไม่ลดลง เสียงครางเร่งเร้าขึ้นพร้อมกับกายสั่นระริก แล้วจากนั้นไม่นานส่วนอ่อนไหวก็พวยพุ่งออกมาโดยไม่ได้ถูกสัมผัสแตะต้อง ร่างในอ้อมกอดกระตุกเกร็งพานให้ช่องทางบีบรัดถี่ยิบ ผมเร่งเคลื่อนกายถี่รัว จนกระทั่งไม่สามารถต้านทานกระแสความคับแน่นนั้นได้ ผมจึงเกร็งร่างปลดปล่อยตามไป

เสียงหอบหายใจดังจนแยกไม่ออกว่าเป็นของใคร ผมฝังตัวเองแน่นเข้ากับช่องทางอุ่นร้อน ดึงดันที่จะพาตัวเองเข้าไปในจุดที่ลึกที่สุด ปล่อยกายให้อีกฝ่ายตุบตอดจนกระทั่งหยาดหยดสุดท้ายจบลง เมื่อนั่นเราทั้งคู่ต่างทรุดตัวลง ลุงนั่งแนบแน่นบนหน้าตักผมอย่างหมดแรง ผมขยับขาเล็กน้อยเพื่อนั่งให้สบายขึ้นหากไม่ยอมถอนตัวออกไปจากความดื่มด่ำของการร่วมรักในครั้งนี้

เรานั่งแนบชิดกัน รอคอยจนกระทั่งความเหนื่อยหอบคลายลง หยาดเหงื่อพราวพร่างบนร่างเราทั้งคู่ แต่ผมก็ไม่รังเกียจที่จะไล้ชิมหยาดน้ำนั้นด้วยริมฝีปากตามซอกคอขาวผ่อง ซุกไซ้ดูดชิมผิวเนื้อเย้ายวน และไม่ลืมที่จะทิ้งรอยรักเอาไว้เพื่อเป็นสักขีพยาน

เมื่อพออกพอใจเต็มที่จึงขยับร่างอีกครั้งเพื่อถอนตัวออก ผมถอดถุงยางเปี่ยมน้ำแล้วจับมัดอย่างชำนาญ ดึงทิชชู่บนหัวเตียงห่อแล้วโยนส่งๆ ไปบนพื้น ก่อนจะขยับมาดูลุงที่นอนเผยบั้นท้ายหลับตาพริ้มด้วยความเหน็ดเหนื่อย ผมแหวกนิ้วเพื่อสำรวจความยับเยินของช่องทางที่ถูกรุกรานอย่างหนัก แม้จะแดงก่ำและบวมไปสักหน่อยแต่ก็ไม่มีเลือดตกยางออกให้เห็น แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือคราบลื่นของเจลทำให้ช่องทางนั้นดูวาววับ เมื่อผมส่งนิ้วเข้าไป ร่องหลืบนั้นก็หดรัดแน่นในทันที ไม่ดีเลย...อย่างนี้ไม่ดีแน่ๆ

“ลุงครับ”  ผมโน้มตัวจูบแก้มเปล่งปลั่งของคนนอน ลุงสะลึมสะลือเปิดเปลือกตาขึ้นมามองผม

“พี่ปูน...ลุงง่วงแล้ว”

ผมจูบหน้าผากด้วยความสงสาร แต่...

“อื้อ!! ไม่นะ พอแล้ว”

คนเพลียแรงออกปากประท้วง เมื่อแก่นกายไม่รักดีของผมเคลื่อนเข้าสู่ความร้อนฉ่ำภายในอีกครั้ง คงเพราะคราวนี้ไร้ซึ่งแผ่นยางบางๆ มาคั่น ทำให้ทุกการรับรู้นั้นชัดเจนยิ่งขึ้น ผมเอนกายนอนแนบแผ่นหลังลุงด้วยอาการสั่นสะท้าน ความร้อน การตอดรัด มันทำให้ร่างกายพร้อมจะแตกซ่านได้ทุกเมื่อจริงๆ

“ลุงเจ็บก้น”  เด็กน้อยเอียงใบหน้าฉ่ำน้ำตามามองผม มันทั้งน่ารัก ทั้งน่าเอ็นดู

“อีกครั้งนะทูนหัว”  ผมจูบซีกหน้าลุงอย่างรักใคร่  “พี่จะทำเบาๆ ช้าๆ นะ”

“จริงนะ”

“จริงครับ อีกแค่ครั้งเดียวนะ สัญญาเลย”

และเมื่อลุงยินยอมอย่างเสียไม่ได้ ผมก็เริ่มเดินเครื่องอีกครั้ง คราวนี้เนิ่นนานยิ่งกว่าครั้งแรก ลุงร้องครางจนเสียงแหบแห้ง ซ้ำแล้วซ้ำเล่าที่ร่างกายกระทบกัน เสียงหลายโลนดังคลอไม่หยุดหย่อน ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปแค่ไหน ตราบเท่าที่ผมยังไม่อิ่มเอมกับร่างที่กกกอดก็ไม่มีทีท่าว่าพายุอารมณ์จะสงบลงง่ายๆ จนกระทั่งเหงื่อของเราทั้งคู่ไหลซึมเปียกปอนราวกับแอ่งน้ำ เฉอะแฉะเย็นยะเยือกทว่าทว่าเร่าร้อนคล้ายถูกเผาไหม้

เมื่อผมถอนตัวออกจากช่องทางนุ่มพร้อมกับน้ำรักมากมายที่รินไหลตามมา ลุงแน่นิ่งไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยถึงขีดสุด แต่ก่อนที่เปลือกตาจะปิดสนิท ก่อนที่จะประคองสติไม่ไหว ก็ยังอุตส่าห์ผุดคำพูดออกมาด้วยสีหน้าโกรธขึ้ง

“คนโกหก!”

ผมมองสภาพที่นอนที่ไม่ต่างอะไรจากพื้นที่สงคราม มองคนรักที่สภาพยับเยิน ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ กับตัวเอง เกาหัวแกร่กๆ อย่างรู้สึกผิด ไม่ใช่ว่าตั้งใจไม่รักษาสัญญาหรอกนะ ...แต่มันทำไม่ได้จริงๆ

ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ความอิ่มเอมใจทำให้ผมรู้สึกผิดไม่ได้นาน อย่างน้อยก็ต้องหาที่หลับที่นอนในคืนนี้ก่อน ผมเหลือบมองนาฬิกาแล้วก็ให้อุทานในใจ อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะเช้าแล้ว ช่วงสายผมต้องออกไปพบลูกค้าอีกต่างหาก คิดได้ดังนั้นก็รีบพุ่งร่างเข้าห้องน้ำเพื่อทำความสะอาดตัวเอง และเตรียมผ้าชุบน้ำในอ่างออกมาเพื่อเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้กับพัทลุง เช็ดไปผมก็อดสบถด่าตัวเองไม่ได้ เนื้อตัวลุงมีรอยจูบมากมายเต็มไปหมด ช่วงเอวเหมือนจะมีรอยช้ำ คงเพราะผมลงน้ำหนักมือเวลาจับมากเกินไป ก้นก็ดูจะช้ำไม่แพ้กันเพราะน้ำมือผมที่ลงแรงขยำขยี้ ไม่ต้องพูดถึงช่องทางที่อีกฝ่ายหวงแหนหรอกว่าจะยับเยินเพียงใด

เช็ดตัวเสร็จเรียบร้อยก็จัดการแต่งตัวให้ลวกๆ แล้วหันไปค้นหาผ้านวมมาปูนอนบนพื้นข้างเตียง ขนหมอนมากองไว้พร้อมกับผ้าห่มบนเตียงที่สภาพยังเหลือดีอยู่ ก่อนจะจัดการอุ้มร่างคนหลับใหลลงมานอนจัดท่าให้สบาย เปิดแอร์ ปิดไฟ แล้วหลับใหลตามไปโดยที่อ้อมกอดโอบรัดพัทลุงไว้อย่างอบอุ่น

.
.
.


ออฟไลน์ L@DYMELLOW

  • กำลังงงๆ เพราะหาทางลงจาก “คาน” ไม่เจอ
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +826/-4
    • facebook


.
.
.

“อ๊าก!!!”

ผมสะดุ้งตกใจกับเสียงร้องดังลั่นที่อยู่ไม่ไกลจากตัวนัก ความงัวเงียทำเอาผมพลิกตัวตะเกียกตะกายขึ้นนั่งอย่างหมดสภาพ เมื่อพยายามลืมตามองให้ชัดเจนก็เห็นบางอย่างดีดดิ้นไปมาอยู่ใต้ผ้าห่ม ผมมองไปรอบตัวก่อนที่จะวกสายตากลับมาที่กองสิ่งมีชีวิตตรงหน้า มือยื่นออกไปตวัดผ้าห่มผืนหนาเลิกขึ้นอย่างแรง ใต้นั่นคือไก่ขนขาวตัวไม่เล็กไม่ใหญ่ที่กำลังแดดิ้นเหมือนถูกเชือด

“เป็นอะไร?”  เสียงผมแหบไปเล็กน้อยจากการผสานเสียงเมื่อคืน แต่คงชัดเจนพอที่จะทำให้อีกฝ่ายหันขวับมามองด้วยสายตาไม่เป็นมิตร แล้วตามด้วยฝ่าเท้าขนาดกำลังดีที่เหวี่ยงซัดเข้าสีข้างผมแบบเต็มแรง ความเจ็บทำให้ผมตื่นเต็มตา แต่ที่ยิ่งกว่านั้นคือเสียงร้องโอดโอยจากเจ้าของฝ่าเท้า

“เจ็บอ่ะ เจ็บๆๆ”

“พี่ต้องเป็นคนร้องสิ”  ผมแย้งเสียงเข้ม สีข้างนี่เจ็บแปล่บๆ ถึงจะพอเบี่ยงหลบก็เถอะ แต่มันก็ยังถือว่าโดนเต็มๆ อยู่ดี

“ผมเจ็บก้น เจ็บไปทั้งตัวเลย”  พอลุงร้องขึ้นมา ความเจ็บผมก็ดูจะเล็กจ้อยไปเลย  “ข้างในมันเจ็บแปร๊บๆ ด้วย ผมนั่งไม่ได้! พี่ทำอะไรผม พี่จะฆ่าผมใช่มั้ย!!”

ผมควรจะหัวเราะหรือสลดดีล่ะเนี่ย...

“ฮือๆ ผมจะเอาหน้าที่ไหนไปพบพ่อบนสวรรค์”

“ไม่ถึงตายหรอกน่า แค่ไม่กี่ครั้งเอง”  ผมเขยิบตัวเข้าไปใกล้ ยื่นมือเข้าหาหมายจะช่วยบีบนวด แต่โดนปฏิเสธไม่พอยังถูกตีมือกลับมาอีก

“ไม่ต้องมาแตะตัวผมเลยนะ! ฮือ~ ผมเจ็บก้นจังเลย”

“พี่ขอโทษนะ...”  ผมถือโอกาสล้มตัวลงนอนข้างๆ โอบมือพาดช่วงเอวกอดไว้กันอีกฝ่ายกระเถิบหนี  “แสดงว่าจำเรื่องเมื่อคืนได้สินะ”

“จำไม่ได้! แต่หลักฐานมันฟ้องขนาดนี้จะให้คิดเป็นอื่นได้ไง ตอนผมขยับตัวมันยังเหมือนมีอะไรไหลออกมาจากก้นด้วยซ้ำ!”  ว่าแล้วก็ซุกหน้ากับฝ่ามือเพื่อหนีความจริง

“งั้นก็จำไม่ได้เลยน่ะสิว่าเรามีความสุขกันขนาดไหน”  ผมดึงมืออีกฝ่ายออก กล่าวเย้าหยอกที่ไม่เกินความจริงเท่าไหร่นัก  “ว้า~ อย่างนี้ต้องลำลึกความหลังสักหน่อยดีกว่า ลุงจะได้พอนึกออกว่าเราเล่นท่าอะไรกันบ้าง”

“อ๊ากกก!! เลวมาก หุบปากไปเลย”

“สักหน่อยน่า เมาขนาดนั้นก็ต้องถอน จะได้สดชื่น”

“ไม่นะๆ ไม่เอานะปุริม”  ผมอมยิ้มกับเสียงกร้าวที่อ่อนลงกว่าครึ่ง ดวงตาโตกระพริบมองผมเหมือนลูกหมาตัวน้อยๆ  “ลุงเจ็บมากจริงๆ นะ ไหนว่ารักกันไง”

“ถามจริงๆ นะ จำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้สักนิดเลยหรือ?”  สองตาผมสบมองอีกฝ่ายอย่างประเมิน แต่ลุงกลับกรอกตาหลบการจ้อง ซ้ำใบหน้ายังแดงเรื่องขึ้นเล็กน้อย ผมอมยิ้มทันที สีหน้าอย่างนี้ถึงไม่ใช่ทั้งหมดก็ต้องจำได้บ้างล่ะ เมื่อคืนร้องเจ็บออกปานนั้น ต่อให้เมาแค่ไหนก็ต้องคืนสติบ้างล่ะ

“ห...ห้ามถาม ผมไม่ตอบอะไรทั้งนั้น”

มันช่างน่ารักนัก!

ผมยื่นหน้าจูบปากอีกฝ่ายเร็วๆ  “ทูนหัวว่าไง พี่ก็ว่าตามนั้นครับ”

สีหน้าลุงตอนนี้ปนเประหว่างความอับอายกับการฝืนหุบยิ้ม ใบหน้าเลยตลกมากกว่าจะดูน่ารัก แต่สีเลือดฝาดที่วิ่งขึ้นใบหน้าก็ยังทำให้ผมจ้องมองภาพนั้นไม่วางตา

มันคือเช้าที่ผมใฝ่ฝัน

การตื่นมาแล้วรู้สึกว่าตัวเองเป็นที่รัก รู้สึกว่าโลกมันสว่างไสว รู้สึกว่าหัวใจเหมือนกับไม่ใช่ของตัวเอง เต้นแรงกระหน่ำออกปานนั้น แต่กลับเบาโหวงราวกับถูกดึงออกไป มันไม่ใช่สิ่งที่ผมคุ้นเคยเลยสักนิด แต่ผมชอบความรู้สึกนี้เป็นบ้า

ผมหอมแก้มลุงอีกครั้ง ก่อนจะขยับตัวขึ้นนั่งพลางบิดไล่อาการปวดเมื่อยออกไป  “นอนไปก่อน เดี๋ยวพี่โทรสั่งข้าวให้แล้วจะมาเปลี่ยนผ้าปูที่นอน”

“ผมยังไม่หิว”  ลุงซุกหน้ากับผ้าห่ม ตอบเสียงอู้อี้

“พี่ต้องออกไปพบลูกค้า สั่งไว้ก่อน เผื่อตื่นมาแล้วหิว”  ผมไล้นิ้วไปกับแก้มนิ่ม ก่อนจะฝืนตัดใจขยับลุกขึ้นจากฐานที่มั่น ยืนมองลุงห่อตัวเองกับผ้าห่มแล้วค่อยเดินออกไปพร้อมอาการปวดสะโพก อา...ผมไม่ได้มีเซ็กส์จนร่างกายสะบักสะบอมแบบนี้มานานแล้ว

เริ่มแรกผมโทรสั่งอาหารขึ้นมาก่อน จากนั้นค่อยเข้าไปเปลี่ยนผ้าปูที่นอนกับผ้ารองเปื้อนโดยมีคุณพ่อบ้านตัวจริงนอนมองตาปริบๆ เสร็จสิ้นก็อุ้มคนเจ็บขึ้นมานอนให้สบาย หมอนพร้อม ผ้าห่มพร้อม ลุงก็ทำท่าจะตาปรืออีกรอบ ผมปล่อยคนง่วงให้เป็นไปตามยถากรรม ส่วนตัวเองก็เข้าห้องน้ำทำกิจวัตเพื่อเตรียมตัวไปทำงาน กว่าจะแต่งตัวเสร็จหันไปอีกที คนบนที่นอนก็พริ้มหลับไปแล้ว

“ลุง...”  ผมสะกิดเรียกเบาๆ

“อืม~”

“พี่ไปก่อนนะ” 

“แล้วพี่จะกลับมาเมื่อไหร่” 

“ไม่แน่ใจ น่าจะช่วงบ่าย”  เป็นไปได้ผมก็อยากจะเลื่อนนัดไปซะให้สิ้นเรื่อง แต่เจ้านี้ดันเป็นลูกค้าใหม่รายใหญ่เสียด้วย มันคงไม่ดีเท่าไหร่ถ้าผมจะทำตามใจตัวเองขนาดนั้น  “ถ้าตื่นแล้วพยายามลงไปกินข้าวนะ หรือจะให้พี่ยกขึ้นมาดี?”

“ผมลงไปได้”  น้ำเสียงอ้อแอ้แหบแห้งนั้นทำเอาผมใจสั่น ผมไม่อยากทิ้งลุงในสภาพนี้เอาไว้คนเดียวเลยให้ตายสิ

“อยากให้พี่ซื้ออะไรกลับมามั้ย?”  ผมยิ้มมองคนตาปรือบนที่นอน ลุงส่ายหน้าน้อยๆ จ้องมองผมด้วยแววตาอิดโรย

“...กลับมาเร็วๆ นะ”

เหมือนหัวใจถูกปาใส่ด้วยดอกไม้ช่อใหญ่ มันทั้งหอมหวาน ทั้งสดชื่น จนตัวแทบจะลอยละล่อง ผมอาจจะบรรยายเกินไปหน่อย แต่ความรู้สึกมันใช่เลย! ผมจับหน้าลุงมาจูบหนักๆ จนอีกฝ่ายร้อยประท้วงเสียงอู้อี้จึงยอมผละออก เสียงไล่ส่งดังลอยมาตามหลังทันทีที่ผมหมุนตัวจากไป ผมไม่สนหรอก ลุงก็แค่เขินเท่านั้นเอง...

.
.
.

ความรู้สึกเบิกบานยังคงตามติดผมอยู่ตลอดแม้จะผ่านช่วงรถติดตามท้องถนนมาหลายแยก แค่คิดถึงว่ามีคนที่บ้านรอคอยผมกลับไป ในหัวผมก็วางแผนการเจรจาเรื่องงานไว้เป็นฉากๆ เพื่อให้เสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นผมจะแวะซื้อขนมหวาน ซื้ออาหารที่ลุงน่าจะชอบกลับไป หวังว่าผมจะกลับไปได้ทันก่อนลุงจะตื่นขึ้นมา

กว่าจะถึงที่หมายเวลาก็ล่วงเลยมาจนเกือบถึงเวลานัด ผมลงจากรถพร้อมกับกระเป๋าโน๊ตบุ๊คที่รวบรวมผลงานของบริษัทเอาไว้ จัดทรงเสื้อสูทลำลองให้เป็นรูปเป็นทรงก่อนจะก้าวเข้าไปยังตึกสูงที่ตั้งอยู่บนพื้นที่กว้างขวางพอสมควร ผมลอบมองสำรวจโดยการกวาดสายตาคล้ายมองผ่านๆ นอกจากตึกสำนักงานแล้วนั้น ยังมีอาคารอีกสองสามหลังด้านในเท่าที่สายตามองเห็น เหมือนจะเป็นที่ไว้เก็บและระบายสินค้า ตามรูปแบบงานของลูกค้าที่พอรู้มา

ผมก้าวเข้าไปถึงจุดประชาสัมพันธ์เพื่อแจ้งชื่อและเวลานัดหมาย หญิงสาวใบหน้าหมดจดยิ้มหวานพลางอาสาเดินนำผมไปยังห้องรับรองโดยไม่จำเป็น ผมไม่ได้เข้าข้างตัวเองหรอกนะ แต่การชม้ายชายตายามเดินตีคู่กันนั้นผมเจอมาบ่อยจนเอียน ลุงควรจะภาคภูมิใจให้มากที่มีสามีน่ากินขนาดนี้นะ

“นั่งรอสักครู่นะคะ”  พนักงานสาวผายมือไปยังชุดรับแขกในห้อง เสียงหวานยังอุตส่าห์ถามถึงเครื่องดื่มที่ผมต้องการก่อนจะออกไป

ไม่นานนักประตูห้องก็ถูกเปิดอีกครั้งแต่ไม่ใช่เพราะพนักงานคนเดิม หากเป็นชายหนุ่มอ่อนวัยรูปร่างสูงโปร่ง ในมือนั้นมีแก้วน้ำดื่มที่น่าจะถือวิสาสะชิงมาเพราะสายตาผมเหลือบไปเห็นสาวเจ้าคนเดิมยืนเก้กังอยู่ด้านหลัง ประตูปิดสนิทลงพร้อมกับที่อีกฝ่ายเดินเข้ามาใกล้และวางแก้วน้ำลงตรงหน้า

“น้ำครับพี่…”

ผมมองชายหนุ่มในชุดสูทดูดีมีราคาตรงหน้า ใบหน้าที่มีส่วนคล้ายคลึงกับคนในความทรงจำทำเอาผมอดขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิดไม่ได้ ดูจากการวางตัวนั้นคงกลายเป็นผู้บริหารเต็มตัวไปแล้ว ไม่เหลือเค้าเด็กตัวเล็กขี้แงที่เคยเห็น …เวลามันผ่านมาขนาดนี้เชียว

แต่นั่นไม่เกี่ยวกับความรู้สึกในตอนนี้ ผมกำลังโมโห ปกติผมจะเป็นคนตรวจสอบลูกค้าแต่ละรายก่อนจะรับงาน แต่พอละเลยเข้าหน่อยก็ดันเจอแจ็คพอตเข้าให้ ถ้าจะให้พูดเข้าข้างตัวเองสักหน่อยคือผมมักจะเป็นฝ่ายหลอกคนอื่น พอถึงคราวตัวเองเจอบ้างนี่มัน…หงุดหงิดจนอยากจะคว่ำโต๊ะ!

“ไม่คิดว่านี่จะเป็นหนึ่งในธุรกิจของครอบครัวคุณ แต่ผมรู้มาว่าคุณมีแผนกที่จะดูแลเรื่องโฆษณาอยู่แล้ว ก็ยังแปลกใจอยู่ว่าทำไมถึงสนใจเรียกบริษัทเล็กๆ เข้ามารับบรีฟงาน รบกวนบอกให้ผมหายข้องใจสักหน่อยสิครับ”

ใบหน้าอ่อนวัยสลดลง ไหล่ผึ่งผายลู่ลีบไม่ต่างจากเด็กที่ถูกดุ แต่หลังจากลังเลอยู่สักพักก็ยืดตัวสูดลมหายใจตอบออกมา แม้เสียงยังมีความกริ่งเกรงอยู่บ้าง แต่ถ้อยคำนั้นฉะฉานขัดเจนเจือความขบขัน

“ไม่ว่าเมื่อไหร่ผมก็ยังรู้สึกว่าพี่น่ากลัวอยู่ดี”

“ต้องการอะไร”  ผมยืดตัวนั่งเต็มแผ่นหลัง พาดเท้าไขว่ห้างตีหน้าขึงขัง

“เอ่อ…ก็การจ้างงานอย่างที่แจ้งไว้ครับ”

“อย่าเอาเรื่องนั้นมาอ้าง -- พวกคุณต้องการอะไร!”

อีกฝ่ายเม้มปากแน่น ความเครียดแผ่ออกมา ความรู้สึกหนักใจมีมากจนแสดงออกมาทางสีหน้า

ผมไม่รู้จริงๆ ว่าเมื่อไหร่ที่คนพวกนี้จะหยุดวุ่นวายกับผมเสียที ตั้งแต่ไอ้คุณทนายที่ตามตื๊อตามติดเป็นขี้ปลาทอง แล้วยังมีหมอนี่ที่โดดเข้ามาร่วมวงอีก หรือผมควรจะไปแจ้งความว่ากำลังถูกคุกคามดี ไม่สิ…ไอ้เรื่องแบบนี้คงมีแต่คนตราหน้าผมก็เท่านั้น

"พี่ปูน..."  คนตรงหน้าเอ่ยเรียกผมเสียงอ่อย  "คุณพ่อเข้าโรงพยาบาลครับ"

"ฉันรู้แล้ว แล้วยังไง"

"หลังจากล่าสุดที่คุณวิรัชแจ้งพี่ คุณพ่อก็ออกมาจากโรงพยาบาลแล้วครับ แต่เมื่อวันก่อนก็ล้มป่วยเข้าไปอีก"

"หึ ดูท่าจะอยู่ไม่นานแล้วล่ะมั้ง?"  ผมแค่นหัวเราะ ทำอีกฝ่ายหน้าตึงขึ้นมา แต่ยามเถียงกลับเป็นแค่เสียงอ้อมแอ้ม หลบสายตาไม่กล้าสู้แววตาวาวโรจน์ของผม

"คนเป็นลูกไม่ควรแช่งพ่อตัวเองนะครับ"

"ไม่ต้องมาสั่งสอนฉัน!"  ผมตวาดฉับ ใบหน้าอ่อนวัยกว่าขมวดคิ้วมุ่น หดคอเหมือนกับเต่าต้องการที่หลบภัย แต่ก็ยังไม่วายแสดงความกล้าพูดในสิ่งที่ต้องการ 

"หมอว่าพ่อเสี่ยงเป็นโรคสมองขาดเลือดครับ สาเหตุคงมาจากเพราะโรคประจำตัว แถมโรคหัวใจที่เป็นอยู่ก็กำเริบขึ้นมาอีก ที่จริงคุณพ่อเครียดมากเรื่องธุรกิจเพราะไม่มีใครที่ไว้ใจให้เข้ามาช่วยดูแลจัดการได้มาก พี่คงรู้ว่าครอบครัวเรามีมากมายหลายอย่างแค่ไหน แถมยังสูบบุหรี่จัดแม้ว่าทุกคนจะคอยห้ามแล้วก็เถอะ ...ตัวผมเองก็ยังช่วยอะไรไม่ได้ คุณพ่อก็มาเป็นแบบนี้อีก คนสอนงานก็เลย..."

ผมกอดอกนิ่งฟังด้วยความเบื่อหน่าย บทบาทลูกชายคนดีที่มีต่อพ่อที่รักนี่มันชวนซาบซึ้งน้ำตาไหลจริงๆ ไม่รู้ว่าคุณนายบ้านนั้นจะร้องไห้เพราะเป็นห่วงสามีขนาดไหน หึหึ แค่คิดก็นึกถึงละครช่วงหลังข่าวแล้ว

"คุณพ่ออยากเจอพี่มากเลยนะครับ ทุกครั้งพี่เอาแต่ปฏิเสธคุณวิรัช ตอนแรกคุณแม่ก็อยากจะมาพบพี่ด้วยตัวเอง แต่ผมกลัวว่า...คือ...ผมกลัวว่าพี่จะไม่พอใจเลยขอมาเป็นด่านหน้าก่อนครับ"

 "ฉันจะพอใจที่สุดถ้าไม่ต้องเห็นหน้าใครเลยมากกว่า"

"แต่พี่ครับ ...ไปพบคุณพ่อเถอะนะ"

"เสียเวลาเปล่าน่า"  ผมพ่นลมหายใจออกมายาวเหยียด  "เอาเวลาไปศึกษางานให้พ่อของนายเบาแรงดีกว่ามั้ย? อีกอย่างนะ ฉันไม่ใช่หมอ ช่วยคนใกล้ตายไม่ได้หรอก"

"พี่ปูน!"

"แล้วถ้าจะยัดเยียดสถานะของคนนั้นว่าพ่อให้ฉัน มันก็ออกจะเกินไปหรือเปล่า คงไม่สมองตื้อตันจนลืมไปหรอกนะว่าฉันใช้ชีวิตอยู่ยังไงในขณะที่พวกนายแม่ลูกได้รับการดูแลอย่างดีน่ะ เพราะงั้นถ้าจะอ้างอิงถึงล่ะก็ คำว่า 'ผู้บริจาคสเปิร์ม' น่าจะตรงตัวกว่านะ คนๆ นั้นก็แค่สร้างร่างเนื้อให้ฉันเท่านั้น ส่วนชีวิต...ฉันฝ่าฟันมาด้วยตัวเองต่างหาก จะให้เรียกพ่อเนี่ย หึหึ ขอโทษนะ ฉันไม่มีเกียรติพอจะเรียกหรอก กลัวว่ามันจะระคายปากจนอักเสบขึ้นมา"

"...พี่ปูน"  ใบหน้ายุ่งยากใจผุดขึ้น คล้ายจะปะปนด้วยความเสียใจ ความละอายใจ หรืออะไรก็ตามแต่ที่อาจปั้นแต่งขึ้นมา  "คุณพ่อพูดถึงพี่บ่อยๆ ท่านรู้ว่าทำผิดต่อพี่ไว้มาก เพราะงั้น..."

"ไม่ต้องสาธยายอะไรอีกแล้ว เสียเวลา"

"ผมพูดจริงๆ นะครับ คุณพ่อน่ะ--"

"นี่นะเด็กน้อย"  ผมลุกขึ้น เอ่ยขัดจังหวะอีกฝ่าย  "เอาเวลาไปทำตัวเป็นลูกที่ดีเถอะ ฉันกับครอบครัวนายไม่มีอะไรต้องมาข้องแวะกันอีก ช่วยบอกไอ้ทนายบ้าบอนั่นด้วยว่าเลิกโทรมารายงานความเป็นความตายของใครให้ฉันฟังเสียที มันเสียสุขภาพจิต อ้อ! ฟังดูออกจะใจดำไป เอางี้แล้วกันนะ ไว้คนนั้นตายเมื่อไหร่ค่อยโทรมาแล้วกัน ฉันจะได้แสดงความขอบคุณที่สละสเปิร์มโดยการขอเป็นเจ้าภาพสักคืน"

"พี่ครับ!"  เด็กหนุ่มร้องเสียงเครียด ความโกรธวาดผ่านแววตา แต่มันก็สลายไปเหลือทิ้งไว้เพียงความเจ็บปวด  "ทำไมพี่ไม่ปล่อยวางสักที ตอนนี้พี่มีทุกอย่าง พี่ยืนได้ด้วยตัวเอง แต่คุณพ่อยังหลุดจากความรู้สึกผิดนั้นไม่ได้เลย ถึงพี่จะอ้างเหตุผลอะไรมากมายแต่ว่าพี่ก็เปลี่ยนความจริงไม่ได้หรอกว่าพี่เป็นลูกของคุณพ่อ"

ความโกรธแล่นไปทั่วร่างจนยากจะควบคุม ขาก้าวไปข้างหน้าก่อนที่สมองจะสั่งการเสียอีก ผมตรงเข้าไปกระชากคอเสื้อคนตรงหน้าให้ลุกขึ้นมา ความกลัวปรากฏในแววตาอีกฝ่ายแต่กระนั้นก็ยังไม่อาจกลบความดื้อดึงเอาไว้ได้

"คนที่ได้ทุกอย่างอย่างนายจะไปเข้าใจอะไร"  ผมตวาดเสียงเข้ม ส่งสายตาดุดันอีกจนอยากจะให้อีกฝ่ายสลายไปตรงหน้า  "เคยถูกขังในห้องมืดๆ มั้ย? เคยรู้สึกว่าไร้ตัวตนรึเปล่า? เคยสักครั้งมั้ยที่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ก็ยังไร้ค่า นายเคยต้องนอนไม่สบายคนเดียวสักครั้งรึยัง ต่อให้เกือบตายแค่ไหนก็ต้องอยู่ในห้องคนเดียว ไม่มีใครเห็นหัวแม้แต่คนรับใช้ในบ้าน เคยสักข้อรึเปล่า! ถ้าไม่อย่างนั้นก็อย่าสะเออะมาพูดจาสวยหรูกับฉัน"

ผมผลักร่างอีกฝ่ายจนลงไปกระแทกกับเบาะ เหยียดสายตามองเด็กน้อยโลกสวยที่กำลังตาแดงก่ำ ยังอ่อนต่อโลกนัก คงจะเลี้ยงกันมาอย่างทะนุถนอมน่าดู ถึงได้โตมากลายเป็นผู้ชายบอบบางขนาดนี้ ไม่แปลกหรอกที่จะไม่ได้รับความไว้ใจให้จัดการดูแลเรื่องในบริษัท หึหึ แค่คิดว่าจากนี้อาณาจักรที่สร้างมากับมือของคนๆ นั้น ใกล้จะร่อแร่เหมือนปราสาททราย คนนอกอย่างผมก็รู้สึกสะใจไม่น้อยเลยเชียว

"เดาว่าเราคงเสร็จธุระกันแล้ว"


ผมหยิบกระเป๋าขึ้นมาถือไว้แล้วเดินจากไปท่ามกลางความเงียบ แต่พอเปิดประตูออกไปก็ต้องพบกับคนคุ้นหน้าคุ้นตาอีกคนที่ยืนรออยู่อย่างสงบเสงี่ยม จะเป็นใครไปได้นอกจากไอ้ทนายวิรัชนั่น!

"คุณพูดแรงไปนะครับ ถึงอย่างไรคุณชานนท์ก็เป็นน้องชายของคุณ"  ร่างสันทัดในชุดสูทสีเข้มค้อมหัวให้ผมพลางใช้ปลายนิ้วขยับแว่น สายตาตำหนิหลังเลนส์สีใสส่งผ่านมาราวกับประจุไฟฟ้า

"งั้นก็เข้าไปโอ๋ซะสิ อย่าลืมเอานมให้มันดูดด้วยล่ะ"  ผมแค่นเสียงหัวเราะ ก่อนจะก้าวยาวๆ จากไปด้วยความเร็ว ผมไม่สนว่าใครจะมองสีหน้ากรุ่นโกรธเหมือนอยากฆ่าคนของผมยังไง ตอนนี้ผมอยากไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด

ผมขับรถกลับบ้านด้วยความรู้สึกหลากหลาย มันปะปนกันจนแยกไม่ออกว่าความรู้สึกไหนเด่นชัดที่สุด ผมไม่ควรจะรู้สึกไปกับเรื่องราวในอดีต มันผ่านไปแล้วและมันก็ทำให้ผมเป็นผมอย่างทุกวันนี้ แต่คนพวกนั้นก็ช่างวนเวียนคอยรื้อฟื้นสะเก็ดแผลให้มันปริแยกออก ผมได้แต่บอกตัวเองว่ามันไม่สำคัญ บอกกับตัวเองว่าอดีตพรรณนั้นไม่สามารถทำอะไรผมได้อีกแล้ว



แต่มันคือสิ่งที่ผมพูดกรอกหูตัวเอง...



เพราะความจริงแล้ว ทุกครั้งที่สะเก็ดแผลเปิด เลือดก็ยังไหลออกมาอยู่ร่ำไป   


.
.
.

ภายในห้องเงียบเชียบเหมือนกับไร้ผู้อาศัย ผมเดินเข้าไปด้วยหัวใจอัดแน่นดังเช่นทุกครั้งเวลาบาดแผลถูกเปิด สองขาก้าวไปตามทาง สองตาเหลือบมองโต๊ะอาหารที่ยังมีถาดข้าววางอยู่เหมือนก่อนผมออกไป มันเป็นเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงผ่านไปเท่านั้น ลุงอาจจะยังไม่ตื่น... ถึงมันจะดูเงียบเหงาสักแค่ไหน แต่ตอนนี้ผมไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวนี่นะ

ผมเดินขึ้นบันไดทั้งร่างกายหนักอึ้ง ก้าวสั้นๆ ไปตามทางเดินสั้นๆ แล้วเปิดประตูเข้าไป อากาศเย็นปะทะจนร่างสะท้าน และเมื่อมองตรงเข้าไปความหนักอึ้งที่ถาโถมอยู่ก็พลันเบาบางลง สองขาก้าวเข้าไปหาคนคนเตียง โปงผ้าห่มพลิกตัวไปมา ก่อนที่เสียงฝีเท้าจะทำให้คนในนั้นตลบโปงผ้าห่มออกเพื่อมองมา

"กลับเร็วจัง"

ลุงเลิกคิ้วมองด้วยความสงสัย ผมทำเพียงยิ้มและก้าวต่อไป ทรุดกายนั่งลงบนที่นอนข้างๆ ใบหน้าลุงบิดเบี้ยวเล็กน้อยเมื่อพลิกตัวนอนหงาย ช่างดูทุลักทุเลจนน่าขบขัน แต่แค่พอยิ้มออกไปเท่านั้นกลับถูกฝ่ามือฟาดปับลงมาที่ท่อนแขน ...ให้ตายเถอะ! ตั้งแต่ได้เมียคนนี้ผมทั้งโดนตีโดนเตะ จะรู้บ้างมั้ยเนี่ยว่าผมไม่ยอมใครง่ายๆ แบบนี้เหมือนกัน

"ดุจัง”

“พี่ขำผมอ่ะ”

“ใส่ร้าย พี่ยิ้มอย่างเอ็นดูต่างหาก”  แต่ดูท่าอีกฝ่ายจะไม่เชื่อ แต่อย่างน้อยก็ไม่ทำร้ายร่างกายผมอีก แค่เปลี่ยนเป็นค้อนปะหลับปะเหลือกแทน

“ทำไมไม่ลงไปกินข้าว”  ความร้อนปะทะปลายนิ้วเพียงแค่สัมผัสถูกซีกแก้ม ผมขมวดคิ้วมุ่นด้วยความรู้สึกผิด ถ้าผมอดทนอดกลั้นสักหน่อยลุงคงไม่ต้องระบมจนไข้ขึ้นแบบนี้

“ผมยังไม่หิว อีกอย่างมันก็...ยังขยับลำบากอยู่เลยพี่ปูน”

“ขอโทษนะ”  ผมโน้มตัวแนบริมฝีปากกับแก้มนิ่ม ซุกไซ้กลิ่นไอที่ทำให้ผ่อนคลาย อีกฝ่ายหัวเราะคิกคักด้วยความจั๊กจี้ หากก็ยอมเคียงคอให้ผมจูบซับจนพอใจ งับจมูกเบาๆ อย่างหมั่นเขี้ยวเป็นครั้งสุดท้ายก่อนพ่นคำหยอกล้อให้คนน่ารักหน้าแดง  “แต่มันจะเกิดขึ้นอีกเรื่อยๆ ลุงต้องชินกับมันให้ได้นะ”   

“...มันจะเจ็บมากๆ อย่างนี้ทุกครั้งรึเปล่า”

“ต้องทำบ่อยๆ พอตรงนั้นของลุงคุ้นเคยกับของพี่แล้วมันก็จะมีแต่สบายเนื้อสบายตัว”

“ถ้าผมเชื่อก็ไม่ใช่คนแล้ว”  แล้วผมก็ได้รับพลังฝ่ามืออีกหนึ่งป้าบ แต่พอมองใบหน้าแดงระเรื่อนั้นแล้วผมก็ยอมเจ็บโดยไม่ปริปากบ่น จะมีก็แต่เจ้าของมือที่ฮึดฮัดขัดใจเล็กน้อยที่ประทุษร้ายแล้วไม่เป็นผล

“พี่ยกข้าวขึ้นมาให้มั้ย? ลุงจะได้กินยา”

“แล้วพี่กินข้าวรึยัง?” 

“ยังครับ คุยเสร็จแล้วพี่ก็ตรงกลับมาเลย”

“หิวรึยัง?”

ผมส่ายหน้าแทนคำตอบ มวลสีดำในอกมันอัดแน่นจนกลบความอยากอาหารจนมิด และการได้นั่งมองหน้าลุงแบบนี้คือสิ่งที่ผมต้องการที่สุดในตอนนี้ แค่ได้อยู่ใกล้ๆ ก็เหมือนว่าผมไม่ได้ลอยเท้งเต้งอยู่กลางทะเลเพียงลำพัง แต่ผมไม่รู้ว่าลุงจะทนกับคนแบบผมไปได้อีกนานแค่ไหน ผมเอาตัวเองเข้าไปผูกกับเส้นด้ายบางๆ ที่เรียกว่าความรักอีกครั้ง ทั้งที่รู้ว่ามันคงไม่ยั่งยืน ถึงอย่างนั้นผมก็ยังคงเชื่อสัญชาตญาณของตัวเองว่าเด็กคนนี้จะไม่มีวันปล่อยให้ผมเดินไปลำพัง ลุงไม่เหมือนคนๆ นั้น ไม่เหมือนเลยแม้แต่น้อย

ไม่ว่าจะโกรธหรือเกลียด จะชอบหรือรัก จะยิ้มหรือหัวเราะ ลุงยังคงมองเห็นผม ทำให้ผมมีตัวตนขึ้นมาในความสว่างไสวนั้น ทำให้ผมชอบตัวเองที่กำลังเปลี่ยนไป และที่สำคัญ...

“นอนกันดีกว่า”  ผมชะงักความคิดในหัว เมื่อคนที่เคยนอนอยู่นั้นขยับที่ไปอีกด้าน แล้วตบมือลงบนที่ว่างนั้นอย่างเชื้อเชิญ  “พี่คงได้นอนน้อยกว่าผมแน่ เพราะงั้นมานอนด้วยกันก่อนดีมั้ย ตื่นมาแล้วค่อยกินข้าวด้วยกัน”

ผมเบิกตากว้างอย่างเหนือความคาดหมาย แต่พอเสียงเร่งเร้าดังขึ้นอีกครั้ง ผมก็ไม่รอช้าที่จะปลดเสื้อผ้าออกเหลือเพียงกางเกงในขาสั้นแล้วกระโดดขึ้นเตียงทันที ลุงตบผ้าห่มเพื่อปิดคลุมร่างกันความเย็นจนมิดขณะที่ผมมุดลงไปเพื่อกอดร่องผอมบางข้างๆ เอียงหน้าซบซอกคออีกฝ่ายและไม่ลืมที่จะยกขาขาวๆ นั้นให้ขึ้นมาพาดเอว แม้จะเรียกเสียงซี๊ดซ๊าดด้วยความเจ็บขัด แต่ลุงก็ยอมขยับจนได้ที่ทางเหมาะสมในท่าบังคับเช่นนี้

ผมหลับตาลงพลางรับรู้ถึงกลิ่นกายคนรัก วงแขนไร้กล้ามนั้นโอบกอดศีรษะผมไว้ เกลี่ยปลายนิ้วกับเส้นผม นวดเบาๆ จนเกิดความสบายจนถึงขีดสุด

“นอนนะพี่ปูน...”  เสียงทุ้มนุ่มเอ่ยกระซิบเหนือหัว ผมรับรู้ได้ถึงริมฝีปากอุ่นๆ ที่ก้มแนบหน้าผาก  “สีหน้าพี่ไม่โอเคเลย เกิดเรื่องอะไรรึเปล่า?”

“...ไม่มีอะไรหรอก พี่ไม่เป็นอะไร”  ผมยิ้มขื่นกับตัวเอง นี่ผมเผลอแสดงสีหน้าอะไรออกไปให้ลุงเห็นกันแน่เนี่ย

“แต่ผมเป็นห่วง”

พลันรู้สึกว่ากระบอกตาร้อนผ่าวขึ้นมา หากผมเก็บกลั้นมันไว้พลางโอบรัดคนในอ้อมกอดแน่นขึ้น ความรู้สึกในอกมันช่างยุ่งเหยิง ตีกันให้วุ่นราวกับเกิดสงครามย่อมๆ ขึ้นในนั้น แล้วเหมือนกับว่าฝ่ายที่พ่ายแพ้จะเป็นความมืดมิดที่อัดอยู่ภายในมาตลอดการเดินทาง หัวใจคล้ายจะเบ่งบานฟูฟ่อง


และที่สำคัญ...ลุงทำให้ผมรู้สึกว่าการได้รับความรักกลับมานั้น มันช่างวิเศษเหลือเกิน


“รักพี่มั้ย?”

“จุ๊บ! รักครับ”  ลุงจูบหน้าผากผมหนักๆ แล้วกระชับร่างตัวเองกอดผมจนเหมือนเราสองคนเป็นก้อนอะไรสักอย่างที่ไม่มีทางแยกจากกัน …แสงสว่างของผม ความอบอุ่นของผม ไม่ว่าอย่างไร ผมจะไม่มีวันยอมเสียมือคู่นี้ไปเด็ดขาด

มันอึดอัดนิดๆ แต่ผมกลับชอบที่จะได้อยู่แบบนี้ ผมเดาว่าตัวเองคงไม่สามารถกลับไปนอนคนเดียวโดยไม่เปล่าเปลี่ยวได้อีกแล้ว ผมหลับตาปล่อยใจไปกับความอุ่นสบาย เสียงหัวใจของลุงคล้ายจะขับกล่อมผมให้ห้วงนิทราขยับใกล้เข้ามา และไม่นานหลังจากนั้น ความฝันก็หอบผมให้ล่องลอยไปในโลกที่สีสันสวยงาม ฝ่ามือเกาะเกี่ยวใครบางคน และเมื่อเงยหน้ามองขึ้นไปก็พบลุงหัวเราะอย่างเบิกบานอยู่ข้างกัน...




-----------------------------------------------TBC.

ตอนนี้จะหื่นหรือจะเครียดดีก็ไม่รู้ 555

แต่ในที่สุดเขาก็ได้กันค่าาาาา  :-[

ออฟไลน์ Piima

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 660
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-1
บอกไม่ถูกเลยค่ะ กับตอนนี้ ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ aiyuki

  • รักแท้ไม่แบ่งแม้เพศพันธุ์
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2628
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-6

ออฟไลน์ EoBen

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3306
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +150/-6
เหมือนโดนไปทีนึง ดูเข้าใจง่ายขึ้นมาทันทีเลยนะจ๊ะลุงจ๊า


รีบหายรีบเอาคืนนะ ลุงต้องพลิกนะ



เสี่ยมน้อง 55555

ออฟไลน์ nekko

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1467
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +422/-4
ปุริมโชคดีมากๆๆนะที่มาเจอหนูลุง  o13

 :pig4: :กอด1: :L1:


ออฟไลน์ somakimi

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 154
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-0
มัน...ตอนแรกๆก็ขำ กลางๆก็หื่นดี ท้ายๆนี้สงสารพี่ปูนมาก รอข่วงท้ายของเรื่องนะค่ะ สนุกมากๆเลย...เกบียนการพูดถึงคลี่ของลุงงง55555

ออฟไลน์ ♥►MAGNOLIA◄♥

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7515
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +193/-11
มีหลายรสชาติ  :katai2-1: :katai2-1: :katai2-1:
ทั้งขำ เอ็นดู พี่ปูนรักลุงมากมายหวงลุงจริงๆ  :กอด1: :กอด1: :กอด1:

พอเป็นเรื่องอดีตของพี่ปูน ก็เศร้า หน่วงมากกก
พ่อทำกับพี่ปูนโหดมาก ทั้งที่เป็นลูกแท้ๆ
พอตัวเองป่วยไม่ไหว ก็ตามกลับไปช่วยธุรกิจตัวเอง
ก็เข้าใจที่พี่ปูนตอบกลับไปแบบนั้น  :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

แต่ลุงสังเกตสีหน้าพี่ปูน เห็นทันที
คนเจ็บก้น เลยปลอบโยนคนที่เจ็บปวดใจ  :z3:
ปุริม พัทลุง   :กอด1: :กอด1: :กอด1:
        :L1: :L1: :L1:
  :pig4: :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ naplatoo

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 249
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
ลุงน่ารักมาก เหมือนเป็นสมบัติล้ำค่าของพี่ปูนเลย แหล่งพลังงานแห่งกำลังใจชัดๆ พ่อกาบหอยแครงง

ออฟไลน์ masochism2018

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 428
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +59/-1
พี่ปูนดูหื่นมากกกกก มันอัดอั้นใช่มั้ยๆ :hao6:
เรื่องครอบครัวก็น่าสงสาร โหมดดาร์คแอบน่ากลัว
อย่างกับคนละคนที่อยู่กับน้องลุง5555

ออฟไลน์ Shonteen

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2

ออฟไลน์ ดาวโจร500

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 643
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
ลุงงงงน่ารักมากๆๆๆเลย อยากมีพัทลุงเป็นของตัวเอง

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ปรับอารมณ์กันไม่ถูกกันเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ous_p

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
และแล้วพี่ปูนก็จับกิน มีครบเลยตอนนี้  ฮา ซาบซ่าน  หน่วง  และอบอุ่น

ออฟไลน์ A_Narciso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 879
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
:กอด1: พี่ปูนไม่ต้องกลัววว   น้องลุงจะเข้ามาช่วยเยียวยาทุกสิ่งเอง

ออฟไลน์ didididia

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เอ็นดูลุงอะ ทำอะไรก็เอ็นดูไปหมดโดนพี่ปูดจัดหนักเลย :hao6:

สู้ๆนะพี่ปูน อดีตของพี่มันช่างเลวร้ายย :z10:

ออฟไลน์ Tiffany

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1147
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ลุงช่วยเป็นกำลังใจให้พี่ปูนด้วยนะ

ออฟไลน์ k2blove

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1868
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-3
 :hao6:
แร่วๆๆๆๆ เขาได้กันแล้ว
เป็นตอนที่บรรยายความหื่นได้ลื่นไหลมาก
เหมือนตัวเองอยู่ในสถานการณ์ด้วยเลยนะ
 o13

ว่าแต่มันไม่สุดอะ...คือ.บับว่า เคลิบเคลิ้มไปกับตัวละครด้วย
น่าจะตัดจบตอนไว้เพียงแค่นั้นให้คนอ่านฟินไปสักวันสองวัน

แต่...มาสะดุดกับความรันทดในอดีตพี่ปูน เบรคไว้
ก็เลยเหมือนลูกโป่งลอยๆ ขึ้นไปเจอเข็มกลางอากาศซะงั้น

ยังไงแล้วก็ขอบคุณนะ ที่มีเรื่องดีๆ ให้มาอ่าน
 :L2: :L2:

ออฟไลน์ คนคิ้วท์คิ้วท์

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 339
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-1
เข้าใจพี่ปูนเลยนะตอนนี้
เราก็อยากมีพัทลุง

ออฟไลน์ somberness

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 666
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +42/-0
อยากมีพัทลุงเป็นของตัวเองแต่ก็ไม่อยากแย่งกำลังใจไปจากปุริม  :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ SeaBreeze

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ีอิลุงงง น่ารักอ่าาา กอดพี่ปูนแน่นๆกอดกันแน่นๆเลยนะ  :mew1:

ออฟไลน์ yasperjer

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-2
คนพี่ดูไม่ลงรอยกับครอบครัวมากๆ ถึงได้เกลียดขนาดนั้น เรื่องในอดีตคงเจ็บน่าดู

ที่สำคัญตอนนี้คือ เค้าได้กันแล้ววววววววว สมภารได้กินไก่น้องลุงสมใจแล้ว

ออฟไลน์ aorpp

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1274
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +250/-3
ดีใจที่พี่ปูนมีลุงอยู่ข้างๆ สงสารอดีตพี่ปูนจัง
เนี่ยยย ขำกรามค้างกับลุง โถ่ๆๆๆกำลังอินๆกับเลิฟซีนเจอคำพูดลุงเข้า เฮ้อออ ยิ้มสำลักกระแอมกระไอไปสิจะเหลือเหร๊อออ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด