บทนำ
เสียงนกร้องบ่งบอกถึงเวลาเช้าอันสดใส พระอาทิตย์ทอแสงเป็นประกาย ณ ปลายขอบฟ้า ชายหนุ่มลืมตาขึ้นพร้อมกับกล่าวขอบคุณฟ้า ขอบคุณสวรรค์ ที่ให้เวลากับเขาเพื่อที่จะทำความฝันให้เป็นจริง เขาค่อยๆยืดตัว ลุกออกจากเตียงเพื่อทำกิจวัตประจำวันเหมือนทุกๆวันที่ผ่านมา อาบน้ำแต่งตัว เสื้อผ้าที่เขาเลือกใส่ในวันนี้คือเสื้อเชิตสีดำ เนคไทสีฟ้าเข้ม กางเกงสแล็คเข้ารูปสีดำและรองเท้าหนังสีดำคู่เก่ง ชายหนุ่มรู้สึกว่าในวันนี้เขาทำทุกสิ่งอย่างเสร็จอย่างรวดเร็วผิดปกติ ความรู้สึกแปลกใจในเรื่องนั้นถูกกลบด้วยความคิดที่ว่า
ทุกวินาทีมีค่า เราต้องใช้ให้คุ้ม เขาเลิกคิดเกี่ยวกับเวลาและเตรียมตัวเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายของเขาในวันนี้ เขาหยิบสิ่งของที่จำเป็น ตรวจทานความเรียบร้อยของตัวเองในกระจกก่อนจะออกจากห้องพักไป
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณหนู วันนี้คุณหนูประสงค์จะไปที่ไหนไหมครับ” อาชีพของชายหนุ่มคือบอดี้การ์ดประจำตัวของบุตรคนเล็กในตระกูลชื่อดัง ที่จับธุรกิจหลายด้านและเป็นตระกูลที่ประสบความสำเร็จในอันดับต้นๆของประเทศ ทั้งที่รู้ว่าไม่มีวันอาจเอื้อมแต่หัวใจของเขา ได้มอบให้เด็กหนุ่มคนนี้ไปแล้วทั้งใจ
“ฉันว่าจะไปร้านเพชรในห้างของเรา ไปซื้อสักชุดเป็นของขวัญวันเกิดคุณแม่ เดี๋ยวนายไปเตรียมรถเลยแล้วกัน” ชายหนุ่มรู้สึกสมเพชตัวเองขึ้นมา ขนาดแค่ชื่อของเขาคนที่เขาแอบรักยังจำไม่ได้เลย ถึงเขาจะรับใช้คุณหนูมาตั้งแต่เธอยังเด็กจนแทบจะจำความไม่ได้ แต่ก็เหมือนจะไม่เคยอยู่ในสายตาของเธอเลย แต่ไม่ว่าจะรู้สึกเช่นไรทุกๆอย่างกลับต้องหลบซ่อนอยู่ในหน้ากากที่สร้างขึ้นมา เพื่อที่เขาจะได้อยู่รับใช้คนที่เขารักเพราะถ้าหากความลับนี้เผยแพร่ออกไปเขาคงไม่มีวันได้พบหน้าคนที่เขารักอีกเป็นแน่
“ครับคุณหนู” เขาทำตามคำสั่งทุกประการก่อนจะก้มลงมองดูนาฬิกา เหลืออีกเพียง
ยี่สิบสามชั่วโมงเท่านั้น
รถหรูที่ขับเคลื่อนออกจาตัวคฤหาสน์โดยมีบอดี้การ์ดเป็นคนขับและคุณหนูนั่งอยู่ที่เบาะหลัง เขาใช้เวลาในขณะที่รถติด สังเกตการแต่งตัวของคุณหนูในวันนี้ใส่เสื้อโปโลสีเทาอ่อนกับกางเกงขายาวสีขาวเข้ากับผิวสีขาวอมชมพูของเจ้าตัว เขาละสายตาจากคุณหนูเมื่อเห็นว่าสัญญาณไฟจราจรได้เปลี่ยนเป็นสีเขียวแล้ว
ใช้เวลาไม่นานก่อนที่รถสีดำจะมาจอดอยู่ที่หน้าห้างชั้นนำ เขาลงจากรถเพื่อเปลี่ยนตัวคนขับและเดินไปเปิดประตูให้คุณหนู เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของห้างเมื่อเห็นบุคคลที่ลงมาจากรถก็รีบโค้งคำนับก่อนจะเดินไปเปิดประตูห้างให้ คุณหนูเดินตรงไปที่ร้านเครื่องเพชรตามที่ตั้งใจ เธอใช้เวลาอยู่นานทีเดียวกว่าจะได้เครื่องเพชรที่ถูกใจ เวลาที่ผ่านไปเรื่อยๆทำให้บอดี้การ์ดหนุ่มอดไม่ได้ที่จะดูนาฬิกา สามชั่วโมงผ่านไปเหลืออีกเพียง
ยี่สิบชั่วโมงเท่านั้น ถึงเขาจะรู้ว่าเวลาของเขากำลังลดลงเรื่อยๆและกำลังจะหมดไป แต่เขาก็ไม่มีท่าทีเร่งรีบที่จะทำในสิ่งที่ตนเองตั้งใจไว้เพียงคิดว่ารอให้ถึงเวลาและโอกาสที่เหมาะดีกว่า เมื่อเลือกเครื่องเพชรเสร็จก็เป็นเวลาสิบเอ็ดโมงแล้ว คุณหนูเลือกที่จะรับประทานอาหารญี่ปุ่นในห้าง
“นี่นาย มานั่งกินกับฉัน” ถึงจะดีใจแค่ไหนก็ต้อง ปฏิเสธไปเพราะความไม่เหมาะไม่ควร ด้วยเห็นว่าเราทั้งสองนั้นแตกต่างกันทางด้านฐานะ หน้าที่การงาน และหน้าตาทางสังคม
“จะดีเหรอครับ ผมเห็นว่ามันไม่เหมาะที่จะให้ผมไปนั่งร่วมโต๊ะกับคุณหนูที่เป็นเจ้านายนะครับ”
“ฉันสั่ง” เมื่อนายเหนือหัวกล่าวคำ มีหรือที่ลูกจ้างที่จงรักภัคดี ยอมแม้แต่ถวายชีวิตจะขัดคำสั่ง ความคิดที่ว่านี่อาจเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายผ่านเข้ามาในสมองเพียงเสี้ยววินาทีก่อนจะเลือนรางหายไป ความคิดดีใจเข้ามาแทนที่ มันเป็นครั้งแรกที่เขาได้ร่วมกินข้าวกับบุคคลอันเป็นที่รัก คิดว่าคงเป็นมื้ออาหารที่อร่อยและมีความสุขที่สุดในชีวิต
เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ คุณหนูต้องการกลับไปพักผ่อนที่คฤหาสน์ บอดี้การ์ดคนสำคัญจึงเรียกรถและเดินทางกลับในที่สุด เมื่อส่งคุณหนูถึงที่พักอย่างปลอดภัย เขาที่ยืนรอรับคำสั่งอยู่หน้าห้องก็ก้มหน้าลงมองนาฬิกาอีกครั้งหนึ่ง บ่ายโมงแล้ว เท่ากับว่าเขาเหลือเวลาอีก
สิบแปดชั่วโมง หนึ่งชั่วโมงให้หลังคุณหนูเดินออกมาสั่งให้เขาเข้าไปนวดขาให้ในชุดเสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้มขลับให้ผิวสีขาวอมชมพูของเธอดูมีออร่ามากขึ้น ชายหนุ่มเดินตามเจ้านายเข้าไปในห้องส่วนตัวก่อนจะนั่งลงที่ข้างเตียง ไม่ว่าคุณหนูจะต้องการอะไร เขาสามารถทำตามความต้องการของเธอได้ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะอยู่นอกเหนือจากหน้าที่ของเขาที่ตกลงกันไว้ในสัญญาว่าจ้างหรือไม่
“ขออนุญาตนะครับ” ครั้งแรกที่ได้สัมผัสต้องตัวของคุณหนู ผิวขาวดูเปราะบาง ทำให้เขากลัวว่าถ้าบีบแรงเกินไปจะทำให้เป็นรอย ความเนียนนุ่มที่ได้สัมผัสเป็นเหมือนดั่งความฝันที่ไม่คิดว่าจะเป็นจริง เขาค่อยๆบีบนวดขาและฝ่าเท้าทั้งสองข้างจนคุณหนูพอใจ
“พอเถอะ ฉันจะนอนสักเดี๋ยว นายก็อยู่ในนี้แหละ” เธอบอกให้เขายืนอยู่ในห้องแทนที่จะเฝ้าหน้าห้อง ไม่นานร่างที่ดูบอบบางก็หลับใหลไปในห้วงนิทรา เป็นอีกครั้งที่รู้สึกดีใจ การที่ได้เห็นคนที่รักนอนเป็นอีกสิ่งที่เขาไม่คิดไม่ฝันว่าจะเห็น แววตาคู่สวยถูกบดบังด้วยเปลือกตาและขนตางอนงาม ริมฝีปากสีหวานปิดสนิท หน้าอกบางกระเพื่อมขึ้นลงอย่างสม่ำเสมอบ่งบอกว่าเธอยังหายใจ เขาเดินเข้าไปห่มผ้าห่มให้คุณหนูให้เรียบร้อย หน้ากากที่เคยมีถูกถอดออกไป ความรูสึกห่วงหา ห่วงใยและรักใคร่ เผยออกมาอย่างชัดเจนบนใบหน้าคมเข้มนั้น
“ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และในอนาคต ผมก็จะรักเพียงคุณหนูคนเดียว หัวใจของผม” หยาดน้ำตาไหลรินตามกรอบหน้าคม เขาเช็ดมันออกก่อนที่มันจะหยดลงถูกดวงใจของเขา เขาถ่อยห่างออกไปและกลับไปยืนใจจุดที่เขาควรยืน
ประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งผ่านไป คุณหนูก็ตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกเศร้า เธอไม่แน่ใจว่าเธอฝันอะไรแต่ที่รู้ก็คือมันทำให้เธอเศร้าจนอยากร้องไห้ เธอคิดไม่ตกเกี่ยวกับเรื่องความฝันแต่ใบหน้าหวานนั้นไม่ได้แสดงออกถึงความรู้สึกแต่อย่างใด เพราะเป็นความเคยชิน คนที่เกิดมาในตระกูลที่มีอิทธิพลต้องห้ามแสดงจุดอ่อนของตน เธอเรียนรู้ที่จะใส่หน้ากากตั้งแต่ยังเด็กจากที่เคยยิ้มแย้มจากใจจริงกลายเป็นแค่รอยยิ้มเสแสร้งเท่านั้น
“กี่โมงแล้ว” ชายหนุ่มก้มมองนาฬิกาอีกครั้งก่อนจะตอบ
“สี่โมงครึ่งแล้วครับ คุณหนูต้องการอะไรหรือเปล่าครับเดี๋ยวผมจะจัดเตรียมให้” เขารอคำตอบจากเจ้านายและคำนวณเวลาอยู่ในใจ
สิบสี่ชั่วโมงกับอีกสามสิบนาที“แค่เตรียมน้ำอุ่นก็พอ ฉันจะแช่น้ำ” เขาพยักหน้ารับก่อนจะของตัวไปเตรียมน้ำ ไม่รู้ว่าคุณหนูเคยสังเกตหรือเปล่าแต่น้ำอุ่นที่เขาเตรียมไว้ให้มีอุณหภูมิอุ่นพอดีตามที่คุณหนูชอบและยังมีกลิ่นกุหลาบที่เป็นดอกไม้โปรดของเธออีก ในใจก็อดคิดไม่ได้
ถ้าหากไม่มีเขาคุณหนูจะคิดถึงไหม ไม่นานเขาก็รู้ตัวว่าความคิดของเขามันบ้าและเหมือนตัวเองกำลังสำคัญตัวเองผิด จึงสลัดความคิดนั้นทิ้งไปและเดินไปบอกคุณหนูว่าทุกอย่างพร้อมแล้ว
เหลือเพียง
สิบสามชั่วโมงเท่านั้น เขาหวนคิดไปถึงเมื่อเช้าที่คิดว่าเขาควรใช้ทุกวินาทีให้คุ้มค่าคำถามหนึ่งที่เกิดขึ้นมาคือ
ตอนนี้เขาใช้มันอย่างคุ้มค่าแล้วหรือยังคุณหนูตัดสินใจที่จะออกจากบ้านอีกครั้งเพราะไม่มีใครอยู่ร่วมรับประทานมื้อเย็น จุดหมายในครั้งนี้คือร้านอาหารกึ่งบาร์ในโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง คุณหนูสั่งอาหารกินก่อนจะสั่งแอลกอฮอล์มาดื่ม มีผู้ชายหลายคนพยายามที่จะชวนคุณหนูคุยแต่ก็ถูกปฏิเสธไปทั้งหมด เวลาล่วงเลยไปถึงห้าทุ่ม คุณหนูเริ่มมีอาการมึนเมาจากเหล้าหลายๆชนิดที่ดื่มเข้าไป บอดี้การ์ดหนุ่มแน่นำให้เธอกลับบ้านแต่เธอก็ปฏิเสธพร้อมชวนเขามาดื่มด้วยกัน หากแต่ว่าครั้งนี้เขาคงต้องขัดคำสั่งของคุณหนูเพราะเขาเป็นคนขับรถจึงต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของคุณหนูไว้ก่อน เมื่อนาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืน คุณหนูก็ทนฤทธิ์เหล้าไม่ไหวสลบไป เขาจึงตัดสินใจอุ้มคุณหนูกลับบ้านแล้วปล่อยให้หน้าที่เช็ดตัวเป็นของแม่บ้าน
กว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยก็ตีหนึ่งกว่าหมายถึงว่าเขาเหลืออีก
ห้าชั่วโมงนิดๆ เขาอาบน้ำทำความสะอาดตัวก่อนจะตัดสินใจเขียนความในใจลงกระดาษ เขาใช้เวลาอยู่นานกว่าจะได้ข้อความที่เขาพอใจ พอเหลือบไปมองนาฬิกาก็พบว่าเป็นเวลาตีห้าแล้ว เหลืออีก
สองชั่วโมงเท่านั้น เขานำจดหมายใส่ในซองจ่าหน้าซองถึงคุณหนูและนำมันไปไว้ในห้องนอนของเธอ เขายืนมองเธอหลับใหลจากมุมมุมหนึ่งในห้อง ร้อง
เพลงของเราเพื่อกล่อมเธอนอน ในเวลาหกโมงครึ่งเขาเข้าไปเตรียมน้ำอุ่นให้คุณหนูของเขาอาบ เขาเหลืออีกแค่
ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น อุณหภูมิจะร้อนกว่าปกติเพราะเขารู้ว่าในครั้งนี้ เธอจะไม่ได้แช่ทันทีที่เตรียมน้ำเสร็จ เขาออกมายืนมองคุณหนูอีกครั้ง เขาได้คำตอบแล้ว
ไม่ว่าจะทำอะไรเพียงแค่ได้ใช้เวลากับคนที่รัก มันก็คุ้มค่าแล้ว“จะรักคุณหนูคนเดียวตลอดไป” คำพูดสุดท้ายก่อนที่ร่างของเขาจะจางหายไปในเวลาเจ็ดโมงตรง นั่นคือครั้งสุดท้ายที่เขาเป็น
คน