[H.E.A.R.T.] Trap หัวใจพ่ายรัก
Part 15# Wa ทดสอบน้องเขย
“พี่บอกตอนไหนว่าจะให้เราคบกับมัน”
“พี่ภู!”
“เออ พี่ก็ไม่เคยบอกแกเหมือนกัน”
“พี่ธาร!”
ผมอยากจะบ้าตาย! แบบนี้ก็ได้หรอ! ถ้าไม่ยอมรับข้อตกลงทำไมไม่บอกตั้งแต่ทีแรก! จะปล่อยให้ผมพยายามหาพวกแทบตายทำไมตั้งนาน!
“จะดีหรอครับคุณภูผา แบบนี้ก็สงสารน้องวาออก เป็นพี่แต่แกล้งน้องมันไม่ดีนะครับ” พี่ตะวันพูดขึ้น สีหน้าแอบดุพี่ภูหน่อยๆ พี่หมอกที่เห็นด้วยเลยพูดขึ้นบ้าง
“นั่นสิ ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน”
“อะไรเล่า นายพูดอย่างกับว่าฉันเป็นคนใจยักษ์ใจมาร” พี่ธารบ่นอุบพลางมองค้อนพี่หมอก “ฉันเป็นห่วงวาต่างหาก ไม่อยากให้โดนคนเลวๆ หลอกอีกเป็นครั้งที่สอง”
“ใช่ ตอนนั้นวาเกือบฆ่าตัวตายเลยนะ ถ้าหากวาโดนมันหลอกซ้ำจนต้องฆ่าตัวตายอีกจะทำยังไง” แล้วทุกคนก็เงียบ ไม่มีใครตอบอะไรพี่ภูทั้งนั้น แม้แต่ผมก็ยังพูดอะไรไม่ออก แต่นั่นไม่ใช่เพราะผมไม่เชื่อใจพี่โซ่ ผมเชื่อว่าพี่เขารักผมจริงๆ ไม่ได้หลอกผมแน่นอน แต่ที่ผมพูดอะไรไม่ออกก็เพราะผมพึ่งเข้าใจว่าทำไมพี่ภูกับพี่ธารถึงได้คัดค้านจนหัวชนฝาขนาดนี้
เพราะพวกพี่เขารักและเป็นห่วงผมมากยังไงล่ะ...
“ผมสาบานด้วยชีวิตเลยครับว่าจะไม่ให้มีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีกเป็นครั้งที่สอง” พี่โซ่ที่หน้าเศร้าลงไปเมื่อกี้พูดขึ้นอย่างหนักแน่น สายตาที่มองตรงไปที่พี่ภูมีแต่ความจริงใจ ส่วนมือที่กุมมือของผมเอาไว้ก็มีแต่ความมั่นคง แต่ถึงอย่างนั้นพี่ภูก็ยังไม่ยอมอ่อนข้อให้อยู่ดี
“แค่คำพูด ใครมันก็พูดได้”
“ถ้าอย่างนั้นจะให้ผมพิสูจน์แบบไหนยังไงก็ได้ ผมพร้อมยอมทำทุกอย่าง”
“ให้โอกาสพี่โซ่เถอะนะครับพี่ภู” ผมพูดเสริมก่อนจะหันไปทำตาปริบๆ ให้พี่ซ่าและพี่พาย พวกพี่เขาทั้งสองคนเลยช่วยผมขอร้องพี่ภูอีกแรง
“นะครับพี่ภู” เท่านั้นไม่พอ พวกพี่เขายังมีการใช้ศอกกระทุ้งพี่พฤกษ์กับพี่เพลิงให้มาช่วยกันอีกต่างหาก ซึ่งพี่พฤกษ์ก็ยอมทำตามแต่โดยดี แต่พี่เพลิงเนี่ยก็แอบบ่นแอบสบถออกมาหน่อยๆ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ท้ายที่สุดก็ยอมทำตามอย่างช่วยไม่ได้ (สมแล้วที่เป็นพ่อบ้านแห่งปี)
“ยอมๆ ไปเหอะพี่ภู ไว้ตอนที่มันออกลายพวกเราค่อยยำตีนสั่งสอนแม่งก็ได้ ส่วนไอ้วา เดี๋ยวผมนี่แหละจะเป็นแกนนำสมน้ำหน้ามันเอง” ให้ตาย! พูดแบบนี้นี่ผมควรจะขอบคุณไอ้พี่เพลิงดีมั้ยเนี่ย!
“การให้โอกาสคนเป็นสิ่งที่ดีนะครับ คุณภูผายังจำตอนที่ขอโอกาสจากผมได้รึเปล่า” พี่ตะวันที่ยืนอยู่ข้างๆ พูดขึ้น ถึงจะไม่ได้ทำหน้าดุอะไร แต่คนที่เคยทำผิดต่อพี่ตะวันอย่างพี่ภูก็มีจุกเหมือนกัน
“จำได้สิ” แหม...เสียงอ่อยเชียวนะ พี่ภูคนที่เสียงแข็งเมื่อกี้หายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ แต่ถึงจะจุกที่โดนพี่ตะวันพูดแบบนั้นพี่ภูก็ยังไม่ยอมถอยง่ายๆ เพราะได้แอบส่งสายตาไปขอความช่วยเหลือจากพี่ธาร
“เอางี้แล้วกัน ที่ตะวันพูดก็ถูก การให้โอกาสคนมันก็เป็นสิ่งที่ดี” ตอนแรกที่ได้ยินแบบนี้ผมก็ดีใจอยู่หรอก แต่พอเห็นรอยยิ้มที่ดูมีเลศนัย ผมก็ชักหวั่นๆ แล้วว่าพี่ธารจะต้องมีแผนร้ายหรือวางกับดักเอาไว้แน่ๆ
“แกจะให้โอกาสมันยังไง”
“หึหึ ก็ไม่มีอะไรมาก ถ้าโซ่สามารถผ่านการทดสอบจากพวกเราทั้ง 4 คนได้ ก็ถือว่าโซ่มีคุณสมบัติที่จะเป็นเขยของบ้านหลังนี้”
แล้วพี่ธารก็อธิบายต่อว่า พี่โซ่จะต้องแข่งกับพวกพี่ๆ ของผมทั้ง 4 คนแบบ 1:1 กติกาการแข่งก็แล้วแต่เลยว่าพวกพี่ของผมจะตั้งอะไร พี่โซ่ไม่มีสิทธิ์เลือกและไม่มีสิทธิ์ออกเสียง แต่ต้องชนะให้ได้ทุกคน หากแพ้ให้พี่ผมคนใดคนหนึ่งก็จะถือว่าไม่ผ่านการทดสอบ
“โคตรโกง! โคตรไม่แฟร์! โคตรไม่ยุติธรรม! นี่มันให้โอกาสตรงไหน! แบบนี้พี่โซ่ก็แพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มแข่งน่ะสิครับ!” ยังไงพวกพี่ๆ ของผมก็ต้องแข่งเรื่องที่ตัวเองถนัดทั้งนั้น แถมยังต้องชนะทุกคนด้วยอีก แล้วอย่างนี้พี่โซ่จะเอาอะไรไปสู้กันเล่า!
“โกงหรอ? โกงตรงไหน? แข่งกัน 1:1 ยุติธรรมจะตาย แต่ถ้าแกคิดว่าโกงจะไม่รับโอกาสนี้ก็ได้นะ อ้อ แต่บอกไว้ก่อนว่านี่เป็นโอกาสครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย” พี่ธารยักไหล่พลางยิ้มที่มุมปาก แต่ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไรพี่โซ่ก็ตอบรับข้อเสนอไปซะแล้ว
“ตกลงครับ ผมรับข้อเสนอ”
“พี่โซ่! แต่ผมว่า...”
“พี่จะทำทุกอย่าง แล้วก็จะพยายามสุดความสามารถ วาเชื่อในตัวพี่นะครับ” พี่โซ่กันมายิ้มให้ผมพร้อมกับกุมมือผมเอาไว้แน่น คือผมก็เชื่อนะว่าพี่โซ่จะทำทุกอย่างและจะพยายามสุดความสามารถ แต่เรื่องที่จะเอาชนะพวกพี่ๆ ของผมทุกคนได้นั้นโอกาสมันน้อยซะยิ่งกว่าน้อยอีก
“โฮ่! ดูท่ามึงจะมั่นใจมากเลยนะ มาต่อยกับกูสักยกเป็นไง ใครนอนใต้ตีนก่อนแพ้!” ไอ้พี่เพลิงไม่รู้ผีเข้ารึไงจู่ๆ ถึงได้บ้าขึ้นมา แถมยังทำท่าจะพุ่งเข้าใส่พี่โซ่ด้วยนะ ดีที่พี่พายจับพี่เพลิงไว้ทันไม่งั้นนี่ไม่อยากคิดต่อเล้ยยยย
“เราชอบคนใช้สมองมากกว่ากำลังนะเพลิง” พอเห็นพี่พายกอดอกทำหน้าดุหูก็ลู่หางก็ตกอย่างไว ฮ่าๆๆๆ สาแก่ใจจริงๆ ทีนี้จะได้เลิกห้าวสักที แต่จะว่าไป พอเห็นพี่เพลิงอยู่ในโอวาทพี่พายแบบนี้ ผมก็ปิ๊งไอเดียที่จะช่วยพี่โซ่ได้ขึ้นมา
“เพื่อความยุติธรรม ผมขอเปลี่ยนกติกานิดนึง ทุกอย่างเหมือนเดิมยกเว้นคนที่พี่โซ่ต้องแข่งด้วย”
“แกหมายความว่าไง?” ไม่ใช่แค่พี่ธารที่สงสัย เพราะทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็สงสัยเหมือนกันทั้งนั้น ผมจึงยิ้มออกมาก่อนจะเฉลยให้ฟัง
“คนที่แข่งกับพี่โซ่ต้องเป็นพี่ตะวัน พี่หมอก พี่ซ่า แล้วก็พี่พาย นี่เป็นบททดสอบพี่โซ่ว่าเหมาะจะเป็นเขยของบ้านนี้มั้ย เพราะงั้นก็ต้องให้เขยกับสะใภ้ของบ้านเป็นคนทดสอบสิถูกมั้ยครับ” พอได้ยินแบบนั้นพี่ธารก็รีบแย้งขึ้นมาทันที
“ถ้าแข่งกับพวกนั้น...!”
“แล้วทำไมครับพี่ธาร? หรือแข่งกับพวกพี่ตะวันพี่โซ่จะมีโอกาสชนะมากกว่า? ถ้าอย่างนั้นพี่ธารก็ยอมรับแล้วใช่มั้ยว่ากติกาที่พี่บอกตั้งแต่แรกน่ะมันโกง พี่โซ่โคตรจะเสียเปรียบเลย” พี่ธารที่โดนผมไล่ต้อนแบบนี้ก็ถึงกับไม่เป็น ได้แต่จิ๊ปากทำหน้าไม่สบอารมณ์อย่างเดียวเท่านั้น
“ยอมน้องวาเถอะธาร อย่าโหดนักเลย ผมว่าพี่โซ่ก็ดูไม่ใช่คนเลวร้าย ไม่สิ...ผมว่าก็ดูเป็นคนดีแล้วก็รักน้องวาจริงๆ นะ” พี่หมอกที่ยืนอยู่ข้างๆ พูดขึ้น พี่ธารถึงค่อยใจอ่อนยอมลงให้ผมได้สักที
“โอเคๆ ฉันยอมก็ได้ แต่นายต้องรับปากนะว่าจะแข่งกับโซ่เต็มที่ ห้ามอ่อนข้อแกล้งแพ้ให้เด็ดขาด”
“ได้เลยครับผม” แล้วพี่หมอกก็จุ๊บที่ขมับของพี่ธารไปหนึ่งที ผมนี่อยากจะกลอกตาวน 360 องศาจริงๆ เวลาแบบนี้ยังมีอารมณ์หวานกันได้อีกนะ
“ตอนนี้พี่ธารยอมแล้ว พี่ภูคงไม่มีปัญหาใช่มั้ยครับ” พี่ภูไม่ตอบอะไรแต่ก็ทำหน้าประมาณว่าช่วยไม่ได้ ส่วนพี่พฤกษ์กับพี่เพลิงผมคงไม่ต้องถาม สองคนนั้นน่ะอยู่ข้างเมียแน่นอนอยู่แล้ว
พอไม่มีใครคัดค้านอะไร การแข่งขันเพื่อทดสอบพี่โซ่ก็เริ่มต้นขึ้นทันที ซึ่งอันที่จริงผมก็ไม่คิดหรอกว่าจะแข่งกันวันนี้และเดี๋ยวนี้ เพราะนี่มันก็ดึกมากแล้ว ไม่คิดจะพักผ่อนนอนหลับกันบ้างรึไงก็ไม่รู้
ยกที่ 1 เป็นการแข่งขันระหว่างพี่โซ่กับพี่ตะวัน หัวข้อการแข่งขันก็คือทำอาหาร ซึ่งพี่ตะวันก็เลือกเมนูง่ายๆ อย่างไข่เจียว ส่วนผู้ตัดสินก็จะเป็นทุกคนที่เหลือยกเว้นผม ถึงพี่ภูจะอ้างว่าเพราะอยากให้คนตัดสินเป็นเลขคี่ เพื่อที่คะแนนออกมาจะได้ไม่ต้องมีเสมอ แต่เฮอะ! คิดว่าผมไม่รู้รึไงว่านั่นเป็นการจงใจตัดคะแนนของพี่โซ่!
“ตะวันนะตะวัน ทำไมไม่ยอมกำหนดเมนูยากๆ ก็ไม่รู้” พี่ธารบ่นอุบโดยมีพี่ภูพยักหน้าเห็นด้วย ผิดกับผมที่แอบพนมมือแล้วไหว้ขอบคุณอย่างสุดซึ้ง
“นี่มันก็ดึกมากแล้ว ขืนผมกำหนดเมนูยากๆ ที่ต้องทำนานๆ กว่าโซ่จะแข่งกับทุกคนเสร็จคงได้โต้รุ่งกันพอดี”
“เข้าใจอ้างเหตุผลนะ” พี่ธารจิกตาใส่เบาๆ ส่วนพี่ตะวันก็ไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่อมยิ้มหน่อยๆ แล้วก็พาพี่โซ่เข้าไปในครัว
“สู้ๆ นะครับ” ผมให้กำลังใจพี่โซ่ ก่อนจะเดินไปนั่งรวมกับพวกพี่ๆ ที่โซฟา เรื่องเข้าครัวทำอาหารผมไม่ค่อยห่วงเท่าไหร่หรอก เพราะพี่โซ่ก็เข้าครัวบ่อยแถมฝีมือก็ใช้ได้อยู่ แต่ก็แน่นอนว่าคงสู้พี่ตะวันที่ฝีมือขั้นเทพไม่ได้ ถึงอย่างนั้นผมก็หวังว่าพี่ตะวันจะออมมือให้จนพี่โซ่ชนะล่ะนะ
เกือบ 10 นาทีหลังจากที่พี่ตะวันกับพี่โซ่เข้าครัว ทั้งสองคนก็ถือจานไข่เจียวที่ส่งกลิ่นหอมชวนน้ำลายสอมาวางไว้ที่โต๊ะอาหาร แต่ว่ามองจากที่ไกลๆ ไม่มีใครมองเห็นหรอกนะว่าใครถือจานไหน เมื่อทุกคนชิมและลงคะแนนเสร็จค่อยพลิกดูเฉลยที่ใต้จาน ซึ่งหลังจากที่ลองชิม...
ทุกคนต่างก็เทใจให้จานเดียวอย่างเป็นเอกฉันท์! ไม่มีเสียงแตกเลยแม้แต่หนึ่งเสียง!
ถามว่าจานนั้นมันอร่อยเวอร์วังจนต้องหลังน้ำตา?
เปล่า! รสชาติก็ธรรมดาทั่วไป แต่อีกจานนี่ไม่ไหวจะเคลียร์ เพราะมันหวานเลี่ยนจนผมคิดว่ารถขนน้ำตาลมาคว่ำใส่จาน!
“เอ๊ะ? แปลกจัง? หวานหรอ? หรือผมจะง่วงจนเบลอเลยมองกระปุกน้ำตาลเป็นกระปุกเกลือกันนะ?” พี่ตะวันพูดขึ้นด้วยท่าทางงงๆ อ๊องๆ เล่นเอาทุกคนถึงกับเหวอ เพราะไม่คิดว่าคนที่ทำไข่เจียวจานนี้จะเป็นพี่ตะวัน
“นี่นายจงใจช่วยมันใช่มั้ย!” พี่ภูขึ้นเสียง แต่พอเห็นพี่ตะวันทำหน้าหงอยๆ พลางส่ายหน้าไปมา แถมยังช้อนตาขึ้นมองปริบๆ น้ำเสียงที่แข็งๆ เมื่อกี้ก็อ่อนยวบลงไปเลย
“คุณภูผาไม่เชื่อที่ผมพูดหรอครับ”
“ปะ...เปล่า เชื่อสิเชื่อ”
“ถ้างั้นการที่พี่โซ่แข่งชนะพี่ตะวันครั้งนี้ พี่ภูก็ไม่มีอะไรคัดค้านใช่มั้ยครับ” ผมพูดแทรกขึ้นพร้อมกับอมยิ้มจนแก้มแทบแตก
“เออ!” พี่ภูพูดอย่างเซ็งๆ และไม่สบอารมณ์ “แต่อย่าพึ่งได้ใจไปล่ะ ยังเหลือหมอก ซ่า แล้วก็พาย เอาชนะทั้ง 3 คนให้ได้ก็แล้วกัน”
“คร้าบบบบบ” ผมตอบอย่างลั้นลา ขนาดพี่ตะวันที่ปกติจะว่านอนสอนง่ายอยู่ในโอวาทพี่ภูยังแอบก่อกบฏ แล้วพี่หมอก พี่ซ่า พี่พายจะเหลือหรอ ผมคิดว่ายังไงพวกพี่เขาก็ต้องช่วยผมแน่ๆ ซึ่งผมก็คิดถูก!
ยกที่ 2 เป็นการแข่งขันระหว่างพี่โซ่กับพี่หมอก หัวข้อการแข่งขันคือการงัดข้อ เพราะมันง่ายไม่ต้องเตรียมการให้ยุ่งยากวุ่นวาย ซึ่งเวลาที่ใช้ในการแข่งก็สั้นจนน่าใจหาย เพราะเพียงไม่ถึงครึ่งนาทีก็ตัดสินผลแพ้ชนะได้แล้ว!
“หมอก! ฉันจำไม่เห็นได้เลยว่านายแรงน้อยแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!”
“ก็คงตั้งแต่เมื่อคืนมั้งธาร ผมอุ้มคุณเกือบทั้งคืนเลยนะ จำไม่ได้หรอ” พอได้ยินพี่หมอกพูดแบบนั้นพี่ธารก็ถึงกับชะงัก จากนั้นแก้มขาวๆ ก็มีเลือดฝาดขึ้นมาจนแดงระเรื่อ แต่เชื่อมะ พี่ธารแค่นึกถึงฉากเลิฟซีนเมื่อคืน ไม่ได้เขินที่ถูกผมแซวหรอก
“อื้อหือ เล่นท่ายากไม่เบานะพี่” ประโยคนี้ผมไม่ได้เป็นคนพูดนะ คนที่พูดน่ะนู่นนนน พี่เพลิงเลย
“ก็ไม่ได้ยากเท่าไหร่นี่ ท่าทั่วไปใครๆ ก็ทำกัน” พี่ธารยักไหล่ ซึ่งก่อนที่ทั้งสองคนจะคุยกันไปไกลกว่านั้น ผมเลยพูดแทรกขึ้นมาก่อนที่หน้าและหูจะร้อนไปมากกว่านี้
“อะแฮ่ม! เรื่องบนเตียงไว้ค่อยไปคุยกันนอกรอบเนอะ ส่วนการแข่งรอบนี้พี่โซ่ก็ชนะพี่หมอกไปนะคร้าบบบ” แล้วพี่ธารก็ทำหน้าเซ็งขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้ว่าหรือแย้งอะไร เพราะงั้นการแข่งขันรอบต่อไปจึงได้เริ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ยกที่ 3 เป็นการแข่งขันระหว่างพี่โซ่กับพี่ซ่า ซึ่งโจทย์การแข่งขันก็ง่ายแสนง่าย เพราะพี่ซ่าบอกว่าจะถามพี่โซ่แค่ 1 คำถามง่ายๆ แต่ให้ตอบได้ครั้งเดียว ถ้าตอบถูกก็ถือว่าชนะไปเลย
“คำถามก็คือ...อะไรคือสิ่งที่พี่ชอบมากที่สุด” โอ้โห! ถ้าจะถามคำถามแบบนี้ให้พี่โซ่ชนะไปเลยก็ได้ครับพี่ซ่า!
“มันไม่ง่ายไปหน่อยหรอสาดดดดด” พี่เพลิงออกปากประท้วง โดยมีพี่ภูกับพี่ธารพยักหน้าเห็นด้วย
“ใช่ พี่ว่ามันง่ายไปหน่อยนะ มองจากดวงจันทร์ลงมายังรู้เลยว่าซ่าชอบอะไร”
“นั่นสิ เรื่องแบบนี้มีใครไม่รู้ด้วยหรอ”
“แต่ผมว่าอาจจะมีนะครับ” พี่พฤกษ์ที่ยืนเงียบๆ เอาแต่ฟังอย่างเดียวมานานพูดขึ้น ซึ่งตอนแรกผมก็หัวเราะอยู่แหละว่าคนแบบนั้นมันจะมีได้ยังไง แต่พอหันไปมองข้างตัวแล้วเห็นพี่โซ่ทำหน้างงๆ พลางขมวดคิ้วจนแทบเป็นปม ผมก็เริ่มเห็นลางหายนะปรากฏขึ้นมา
“จริงสิ! ไอ้โซ่มันไม่เคยสุงสิงกับไอ้ซ่านี่หว่า ฮ่าๆๆๆ ฉิบหายแล้วมึง” พี่เพลิงหัวเราะร่าอย่างสะใจใส่ผม ให้ตายสิ ไอ้พี่บ้านี่จะหมั่นไส้อะไรพี่โซ่นักหนาก็ไม่รู้
“พี่โซ่ครับ คือ...”
“หยุดเดี๋ยวนี้นะวา! ถ้าแกบอกคำตอบโซ่พี่จะปรับให้โซ่แพ้ทันที!” พี่ธารโพล่งเสียงดังแถมยังทำหน้าดุใส่ แล้วอย่างนี้ผมจะทำอะไรได้ล่ะ ก็ต้องรูดซิปปากให้สนิทเท่านั้นน่ะสิ
“พี่ให้เวลาคิด 1 นาที คิดดีๆ ก่อนตอบนะน้องโซ่” พี่ซ่าพูดขึ้น ดูจากสีหน้าก็รู้แหละว่าพยายามช่วยผมเต็มที่แล้ว แต่ก็คงจะลืมคิดไปว่าพี่โซ่ที่พึ่งเคยเจอกันครั้งแรกจะรู้เรื่องนี้ได้ยังไง แล้วแบบนี้พี่โซ่จะตอบคำถามถูกมั้ยล่ะเนี่ย
“เหลืออีก 30 วิ” พี่ภูที่จ้องนาฬิกาจับเวลาพูดขึ้น ซึ่งมันก็ทำให้พี่โซ่ทำหน้าคิดหนักและกดดันมากขึ้นไปอีก
“อีก 10 วินาทีสุดท้าย” ตอนที่พูดประโยคนี้พี่ภูนี่ยิ้มอย่างอารมณ์ดี ตรงข้ามกับผมและพี่โซ่คนละขั้ว จนกระทั่ง 5 วินาทีสุดท้ายพี่ภูก็เริ่มนับถอยหลัง
“5...4...3...2...1...”
“พี่พฤกษ์”
“หืม?” พี่ซ่าทำหน้างง
“ที่พี่ซ่าชอบที่สุดก็ต้องเป็นพี่พฤกษ์ ผมพูดถูกมั้ยครับ”
“หา? อะ...เอ่อ...” พี่ซ่าถึงกับอ๊องไปชั่วขณะ ส่วนผมกับพวกพี่ๆ คนอื่นๆ ก็มีอาการไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ ยกเว้นก็แค่พี่พฤกษ์คนเดียวเท่านั้น
“จะอึกอักทำไมล่ะ โซ่ก็ตอบถูกแล้วนี่ หรือว่ามีอะไรที่มึงชอบมากกว่ากู?” พี่พฤกษ์พูดพลางขมวดคิ้วหน่อยๆ พี่ซ่าที่เห็นแบบนั้นเลยหัวเราะออกมาแบบโคตรจะเฟคสุดๆ
“ฮ่าๆๆๆ มันจะไปมีได้ยังไง กูก็ต้องชอบมึงที่สุดอยู่แล้ว เพราะงั้นคำตอบข้อนี้น้องโซ่ก็ตอบถูกนาจา!” พี่ซ่ายิ้มหวานแล้วตรงเข้าไปกอดแขนพี่พฤกษ์ ผมและคนอื่นๆ จึงหัวเราะตามโดยไม่มีใครคัดค้านเพราะกลัวครอบครัวจะร้าวฉาน
จะให้พี่พฤกษ์รู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าพี่ซ่าตั้งใจจะเฉลยว่าเงิน!
“เอาล่ะ ต่อไปก็ตาพาย คิดเอาไว้แล้วใช่มั้ยว่าจะแข่งอะไร ถ้างั้นก็รีบบอกน้องโซ่ไปเลย” พี่ซ่าที่เหงื่อแตกพลั่กรีบโยนไม้ต่อไปให้พี่พาย
“เอ่อ...อื้ม เราคิดไว้แล้ว” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ผมฟันธงเลยว่าพี่พายยังไม่ได้คิดเอาไว้ชัวร์ เพราะงั้นหวยเลยออกที่การแข่งขันง่ายๆ อย่างการจ้องตา
กติกาก็ไม่มีอะไรมาก แค่ให้พี่โซ่กับพี่พายมานั่งตรงข้ามแล้วจ้องตากัน ใครกะพริบตาก่อนคนนั้นแพ้แค่นั้นเลย
“แน่ใจนะพายว่ามึงเซียนเกมนี้?” พี่เพลิงถามย้ำพลางขมวดคิ้วอย่างไม่ค่อยมั่นใจ
“ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก แต่นี่เป็นเกมเดียวที่เราเคยเล่นกับเพื่อนน่ะ” พี่พายตอบเสียงอ่อย ท่าทางเรื่องที่พี่พายเป็นคนมีเพื่อนน้อยคงจะจริงนะเนี่ย
“แล้วมึงเคยแพ้เกมนี้สักครั้งมั้ย”
“ก็...ไม่เคยนะ” พอได้ยินแบบนี้เท่านั้นแหละ ไฟในตัวของพี่เพลิงก็ลุกโชนขึ้นมาทันที (แต่พี่เพลิงหารู้ไม่ ที่พี่พายบอกว่าไม่เคยแข่งแพ้ เป็นเพราะว่าเคยแข่งจ้องตากับเพื่อนแค่ครั้งเดียวนั่นแหละ!)
“โอเคงั้นจัดไป! จ้องมันให้นานที่สุดนะที่รัก เอาให้มันแสบตากับออร่าความสวยของมึงไปเลย!” เอาแล้วไง จากที่ผมเคยคิดว่าแข่งครั้งนี้หมูๆ มันก็อาจจะไม่หมูซะแล้ว
“ไฟท์ติ้งนะครับพี่โซ่” ผมชูกำปั้นขึ้น ซึ่งก็ได้รอยยิ้มที่บ่งบอกว่าพร้อมสู้ไม่ถอยกลับมา ศึกครั้งนี้ก็ต้องมาลุ้นกันแล้วว่า ระหว่างพี่โซ่กับพี่พายใครจะเป็นฝ่ายชนะ!
“จะนับแล้วนะ 3...2...1...เริ่มได้!” พอพี่เพลิงให้สัญญาณ พี่โซ่กับพี่พายต่างก็จ้องตากันอย่างเอาจริงเอาจังทันที ผมที่เห็นอย่างนั้นก็ชักใจคอไม่ดี กลัวว่าการแข่งครั้งนี้พี่โซ่จะแพ้เพราะพี่พายดูตั้งใจมาก แต่แล้วมันก็ผิดคาด เพราะทันทีที่พี่โซ่ยิ้ม...
“อ๊า!” พี่พายกลับร้องขึ้นมาแล้วหลับตาลงพร้อมกับหันหน้าหนี ทำเอาผมและพวกพี่ๆ พากันตกใจไปตามๆ กัน
“เป็นอะไรไปน่ะพาย!” พี่เพลิงรีบพุ่งเข้ามาหาด้วยความเป็นห่วง แต่พอได้ยินคำตอบจากพี่พายเท่านั้นแหละ จากความเป็นห่วงก็เปลี่ยนไปกลายเป็นความโมโหจนไฟลุกท่วมตัว
“น้องโซ่หล่อเกินไป ยิ่งยิ้มให้แบบนี้เราก็ใจละลายน่ะสิเพลิง” พูดอย่างเดียวไม่พอ พี่พายยังทำท่าเขินสุดๆ อีกต่างหาก ซึ่งผมคิดว่าไม่น่าใช่มุก พี่พายดูท่าทางจะเขินพี่โซ่จริงๆ นะเนี่ย
“พาย!” ส่วนพี่เพลิงก็ดูท่าทางจะโกรธพี่พายจริงๆเหมือนกัน เพราะหลังจากนั้นก็ฉุดพี่พายให้ลุกขึ้นแล้วลากไปบนห้องทันที
“ขอไปเคลียร์กับเมียแป๊บ!” ถึงจะพูดว่าแป๊บก็เถอะ แต่เชื่อเถอะว่ายาวววววววยันเช้าแน่ๆ
“เอ่อ...สรุปว่าเมื่อกี้พี่โซ่ก็ชนะพี่พายไปใช่มั้ยครับ” ผมถามความเห็นจากทุกคนหลังจากที่พากันนิ่งอยู่พักหนึ่ง ซึ่งหลังจากที่ผมถามก็ยังพากันงงๆ อยู่เลย
“ก็คงต้องเป็นอย่างนั้นนั่นแหละน้องวา” พี่ซ่าตอบผมโดยมีพี่พฤกษ์ยืนพยักหน้าอยู่ข้างๆ ผมจึงหันไปหาพี่ธารว่าคิดเห็นยังไง
“ช่วยไม่ได้ ถึงจะไม่อยากยอมรับแต่โซ่ก็ชนะพายจริงๆ ล่ะนะ”
“แล้วพี่ภูละครับ?” ผมหันไปถามพี่ภูต่อ โดยที่ลุ้นด้วยใจตุ้มๆ ต่อมๆ ว่าจะได้รับคำตอบแบบไหน
ซึ่ง...
“เออ โซ่ชนะ สมใจแล้วล่ะสิ” พี่ภูพูดด้วยสีหน้าสุดเซ็ง ต่างจากผมที่กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจแล้วรีบพุ่งเข้าไปกอดพี่โซ่
“ไชโย!!” ในที่สุดก็ผ่านไปได้ด้วยดี พี่โซ่สามารถฝ่าด่านสุดหินจากพวกพี่ๆ ของผมได้สำเร็จแล้ว!
“ขอบคุณนะครับที่ให้โอกาสผม ขอบคุณจริงๆ ครับ” พี่โซ่หันไปมองพี่ภูด้วยความรู้สึกขอบคุณอย่างท่วมท้น แน่นอนว่าพี่ภูกับทุกคนนั้นก็รับรู้ได้
“เออ แต่ถ้าวันไหนแกทำวาร้องไห้ วันนั้นก็จะเป็นวันตายของแก จำไว้!” แต่พี่ภูก็ยังเป็นพี่ภู ถึงแม้จะยอมรับพี่โซ่แล้ว (นิดนึง) แต่ก็ยังวางฟอร์มทำเป็นเข้มด้วยใบหน้าดุๆ เช่นเดิม ส่วนทางด้านพี่ธาร ก็กำลังทำหน้าไม่ต่างกับพี่ภูสักเท่าไหร่
แต่ก็เอาเถอะ ถึงแม้ตอนนี้พวกพี่ๆ ของผมอาจจะยังไม่ค่อยยอมรับในตัวของพี่โซ่ แต่ผมเชื่อว่าในอนาคตพวกพี่เขาต้องยอมรับอย่างหมดใจ แล้วก็ต้องรักคนดีๆ อย่างพี่โซ่เหมือนที่ผมรักอย่างแน่นอน
ผมขอเอาหัวใจเป็นประกันเลยเอ้า!
2BC
(มีต่อด้านล่าง)